เชียงราย - ตำรวจหิ้วมือฆ่าพ่อตา-แม่ยายตายคาบ้านก่อนหนีไร้ร่องรอย 13 ปีถึงเชียงรายแล้ว เตรียมทำแผนพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ขณะที่ญาติพี่น้อง-เพื่อนบ้านรู้ข่าวแห่รอดูหน้า อยากถามแค้นอะไรนักหนา
วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี น.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง ชาว จ.เชียงราย พร้อมด้วยเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีใช้มีดแทงนายจำลอง-นางบัว บุญทาทอง บิดาและมารดา จนเสียชีวิตคาบ้านที่ทุ่งหลวง ม.9 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย เมื่อ 26 ม.ค. 2548 หรือประมาณ 13 ปีก่อนนั้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายกฤษณะชัย จันทราศรี อายุ 51 ปี อดีตสามีของ น.ส.รัชฎาพร ซึ่งรับสารภาพว่าได้เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว และผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือ น.ส.ยุพิน ปานลอยวงค์ อายุ 28 ปี ได้แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเดินทางไปยังท้องที่ จ.เชียงราย ตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา
กระทั่งเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุขวัฒนพันธ์ ผกก.สภ.เมือง จ.เชียงราย ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คือ นายกฤษณะชัย ดำเนินคดีตามหมายจับศาล จ.เชียงราย ที่ 23/2548 ลงวันที่ 26 ม.ค. 2548 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ถูกจับกุมจากบ้านเลขที่ 102/88 หมู่บ้านศรีกาจน์ ซอยสรงประภา 13 แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ส่วน น.ส.ยุพิน ถูกออกหมายจับเลขที่ 217/2560 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ถูกจับกุมได้ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเช่นกัน
และเมื่อมีข่าวเผยแพร่ออกไป บรรดาญาติของผู้เสียหายต่างพากันเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 431 บ้านทุ่งหลวง ที่เป็นจุดเกิดเหตุในอดีต โดยเฉพาะญาติใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต เช่น นางเหลี่ยม บุญทาทอง อายุ 58 ปี พี่สาวของนายจำลอง, นายผ่องศรี ขายคำ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกัน ฯลฯ โดยแต่ละคนต่างติดตามข่าวสารและรอการเดินทางไปที่บ้านของเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหาตลอดทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้เข้มงวดเรื่องการอนุญาตให้เผยแพร่ภาพ และข่าวในคดีต่างๆ เมื่อมีการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเดินทางไปถึง สภ.เมืองเชียงราย ก็นำตัวเข้าไปยังห้องสอบสวนอย่างเร่งด่วนโดยไม่มีแถลงใดๆ โดยจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป พร้อมให้ญาติผู้ต้องหาชี้ตัวอีกด้วย
นางเหลี่ยมกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเดินไปเฝ้าดูบ้านที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังเกิดเหตุ น.ส.รัชฎาพร ซึ่งเป็นหลานสาวได้ย้ายไปทำงานที่อื่นเนื่องจากถูกขู่จะฆ่า และเมื่อได้ย้อนคิดถึงเรื่องราวในอดีตแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะหลานสาว และอดีตสามีก็อยู่กินกันตามปกติ
แต่เมื่อต้องเลิกรากัน หลานสาวเดินทางไปหาตนที่ขณะนั้นอยู่ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อไปขออาศัยชั่วคราวเพราะมีปัญหากับอดีตสามี กระทั่งเกิดเหตุร้ายดังกล่าวขึ้นจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นตนโทรศัพท์แจ้งพ่อ-แม่ของ น.ส.รัชฎาพรเองว่าหลานมีปัญหากับอดีตสามี และไปอยู่ด้วยก่อนจะหนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ
“แสดงว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหา และพ่อ-แม่ของ น.ส.รัชฎาพรไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งใดๆ กันมาก่อน และไม่เคยรู้เรื่องใดๆ กับเขา แต่ก็มาถูกฆ่าตายทั้งคู่ กระทั่งผ่านไปกว่า 13 ปีแล้วจึงจับกุมผู้ต้องหาได้ จึงอยากจะดูหน้าผู้ต้องหา และถามว่ามีความแค้นใดกับน้องชายของฉันถึงได้ทำถึงเพียงนี้”
ด้านนางผ่องศรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านใกล้เคียงก็กลัวกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีการข่มขู่ถึงขั้นจะเอาระเบิดไปขว้างให้ตายให้หมด และลึกๆ ก็รู้สึกสงสารครอบครัวนี้มาก เพราะถือว่าเป็นคนดีของหมู่บ้าน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำความผิดครั้งนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้สาสมกับกรรมที่ได้กระทำลงไปด้วย