บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
5
จดหมายมิได้จบลงเพียงเท่านั้น รุริโกะบอกคนรักของเธอต่อไปว่า
รุริแน่ใจว่าจะต้องเอาชนะนายโชดะได้แน่นอน คนในสังคมที่มองจากเปลือกนอกจะต้องคิดว่ารุริถูกส่งตัวไปเป็นนางทาสของเศรษฐีใหม่คนนั้นเพื่อปลดหนี้สินอันท่วมท้นของท่านพ่อ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะแม้รุริจะชนะนายโชดะได้ด้วยการรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีวิต แต่ในสายตาของสังคมรุริคือเมียของเขา ถึงพูดไปจะมีใครสักกี่คนที่เชื่อว่ารุริยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ใครจะคิดอย่างไรก็ชั่งเขา คุณคนเดียวเชื่อใจรุริเท่านั้นเป็นพอ รุริไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับคุณ มีเพียงคำขอร้องจากใจ
ระยะนี้มีคนพูดถึงหญิงแปลงโฉมเป็นชายกันหนาหู ใช่...ตอนนี้รุริกลายเป็นหนึ่งในพวกนั้นไปแล้ว รุริสลัดความรัก ความอ่อนหวานนุ่มนวลของผู้หญิงพ้นตัวไปจนหมดสิ้น กลายสภาพเป็นคนใจเหี้ยมหาญเดินหน้ามุ่งสู่สมรภูมิเพื่อล้างแค้นและพิชิตข้าศึกที่ชั่วช้าสามาญให้แหลกรานไปกับมือ มันอาจฟังดูเป็นความคิดที่ตื้นเขิน แต่รุริรู่ดีว่าการจะพิชิตปีศาจร้ายให้อยู่มือได้นั้นเราจำเป็นต้องทำตัวเป็นปีศาจเสมอกัน และมีกลยุทธ์ที่หลักแหลมเกินกว่าศัตรูจะตามทัน
เด็กสาวไร้เดียงสาที่รักคุณและคุณก็รักเธอ ผู้ถูกโชคชะตาเล่นตลกโหดร้ายคนนี้ขอสละทุกสิ่งในความเป็นผู้หญิงเป็นเครื่องสังเวยแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สละสิ้นทั้งความพิสวาท ความรักใคร่ใยดี สละแม้กระทั่งเรือนผมสีดำ และผิวขาวผ่อง
รุริไม่อยากบอกคุณเลยว่าคนที่รับปากนายโชดะให้มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอรุริก็คือท่านพ่อของคุณ ดังนั้นเราจึงต้องตอบรับการสู่ขอครั้งนี้ผ่านทางท่านพ่อของคุณเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน หลังจากเขียนจดหมายจากดวงใจที่แสนทรมานถึงคุณฉบับนี้แล้ว รุริจะต้องเขียนถึงท่านพ่อคุณอีกฉบับหนึ่งด้วยความทรมานใจที่รุนแรงยิ่งขึ้นอีก
แม้จิตใจจะจมดิ่งอยู่ในความมืดมิดแต่ริรุบอกตนเองว่าเราต้องเข้มแข็งให้ตลอดรอดฝั่ง ปีศาจตนใดได้ยินคำเรา ขอให้เข้ามาสิงสู่และช่วยเสี้ยมใจเราให้แกร่งกร้าวเหี้ยมหาญ ช่วยพรากเอาความอ่อนโยนและยางอายของเราไปให้หมดสิ้นทีเถิด อย่าให้เหลือแม้หยดสุดท้าย
นะโอะยะอ่านทุกตัวอักษรจนจบด้วยความรู้สึกเหมือนถูกฆ้อนเหล็กทุบกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี
ชายหนุ่มโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันทีที่อ่านข้อความในจดหมายรุริขึ้นต้นโดยบอกว่ากำลังจะทิ้งตนไปเป็นเจ้าสาวของนายโชดะโดยไม่หยุดไตร่ตรองเหตุผลของเจ้าหล่อน เขาบรรดาลโทสะพลุ่งพล่านและเกิดอารมณ์ริษยาขึ้นมาอย่างรุนแรง เจ็บปวดราวหัวใจถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ ครั้นเมื่อค่อย ๆ สงบจิตใจลงและอ่านต่อไปจึงเริ่มเข้าใจชัดเจนขึ้นตามลำดับว่าการที่เศรษฐีใหม่ผู้นี้ตั้งหน้าตั้งตากลั่นแกล้งครอบครัวคะระซะวะให้ทุกข์ยากแสนสาหัสเช่นนี้ มีสาเหตุเนื่องมาจากเหตุการณ์วันนั้นเอง วันงานอุทยานสโมสรที่เขามีปากมีเสียงกับนายโชดะซึ่งเป็นเจ้าภาพ และได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เชิงดูหมิ่นชั้นวรรณะอย่างไม่ประหยัดถ้อยคำ
นะโอะยะเข้าใจแล้ว ความประสงค์ที่แท้จริงของนายโชดะไม่ได้อยู่ที่การพรากรุริโกะจากท่านพ่อของเธอ แต่ต้องการแย่งชิงรุริโกะไปจากเขาต่างหาก ตั้งใจแก้แค้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว ในเมื่อสาเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดกระจ่างชัดขึ้นมาและเขาเองก็ตระหนักแล้วว่าเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองเป็นคนแรก แล้วอย่างนี้เขาจะมานั่งนิ่ง ๆ ยอมให้รุริโกะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต่อสู้โดยยอมเอาพรหมจรรย์เข้าเสี่ยงเช่นนั้นได้อย่างไร แม้เธอจะบอกว่าเป็นภริยาแต่ในนามไม่ยอมให้นายโชดะแตะต้องสิ่งที่หวงแหนเท่าชีวิต แต่สำหรับเขา แค่รุริโกะได้ชื่อว่าเป็นภริยาของเจ้าหมูสกปรกตัวนั้นเขาก็ทนฟังไม่ได้
ยอดรักขอให้เขาเชื่อเธอว่าตั้งใจถนอมรักษาพรหมจรรย์ไม่ให้ด่างพร้อยจนถึงที่สุด แต่นั่นฟังแล้วไม่ผิดอะไรกับ ความเพ้อฝันของเด็กรุ่นสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์โรแมนติก ลองคิดถึงความเป็นจริงดูบ้าง ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน เมื่อได้แต่งงานอยู่กินกันแล้ว หญิงสาวร่างกายบอบบางราวแก้วเจียระไนอย่างรุริโกะหรือจะทนแรงทนพลังบึกบึนราวสัตว์ป่าของนายโชดะได้ ไม่นานเป็นต้องถูกย่ำยีเสียเป็นแน่ กำลังใจนั้นแม้จะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่วันใดก็วันหนึ่งก็จะต้องถึงกาลพ่ายแพ้ต่อพลกำลังราวช้างสาร และเมื่อถึงวันนี้หัวใจอันแข็งราวกับหิน ร้อนแรงโชติช่วงราวกองเพลิงเนื้อหนังมังสาที่อ่อนนุ่มเป็นยองใยของรุริโกะก็ถูกบดขยี้ด้วยน้ำมืออันกักขฬะราวผีปีศาจในขุมนรก
พออ่านจดหมายของรุริโกะไปถึงตอนที่ท่านพ่อของตนเป็นคนไปพรากยอดรักของเขามาสังเวยปีศาจร้ายเท่านั้นเอง ความโกรธและความอายสุดทนทำให้อารมณ์ของนะโอะยะที่กำลังพลุ่งพล่านเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
นะโอะยะวิ่งตรงไปที่ห้องส่วนตัวท่านพ่อ มือที่กำจดหมายของรุริโกะไว้แน่นสั่นระริก
ท่านพ่อไม่ได้อยู่ในห้อง มีแต่หญิงรับใช้กำลังกวาดถูทำความสะอาดอยู่
”ท่านพ่อไปไหน”
ชายหนุ่มถามเสียงขุ่น
“เห็นท่านบอกว่าจะไปบ้านคุณโชดะเจ้าค่ะ”
นะโอะยะโกรธจนแทบขาดสติ เมื่อวาดภาพท่านบิดาของตนลิงโลดออกไปหานายโชดะทันทีที่ได้อ่านจดหมาย ราวกับทหารเลวที่ตัดหัวข้าศึกได้แล้วรีบนำไปให้แม่ทัพด้วยหวังว่าจะได้บำเหน็จรางวัล
6
พอมินะโกะนำสมุดเช็คเข้ามาให้ นายโชดะก็เอื้อมมือไปหยิบกล่องไม้บรรจุแท่นฝนหมึกดำจากโต๊ะเล็กข้าง ๆ แล้วเริ่มฝนแท่งหมึกดำสำหรับทำเป็นน้ำหมึกด้วยท่าทางที่ออกจะดูเก้งก้าง ส่วนมือซ้ายเปิดสมุดเช็กออกเตรียมเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน
“สำหรับใต้เท้า กระผมต้องสมนาคุณให้หนักมือสมกับที่ได้ช่วยกรุณาจนสำเร็จนะขอรับ”
นายโชดะหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีแล้วจรดพู่กันลงไปเขียนตัวเลขจำนวนสองหมื่นเยนถ้วนลงบนเช็คฉบับแรก ด้วยลายมือเหมือนเด็กประถมสี่หรือประถมห้า แต่ลายเส้นหนาหนักแบบคนมั่นใจในตนเองสูง เช็คฉบับนี้น่าจะเป็นค่าเตรียมตัวแต่งงานที่มอบให้แก่ครอบครัวคะระซะวะ
พอถึงเช็คใบที่สอง ทั้งนายคิโนะชิตะและท่านซุงิโนะต่างเบิกตาโตราวนกฮูกจ้องตาเป็นมัน ในที่สุดนายโชดะก็เขียนเช็คอีกสองใบจำนวนเงินเท่ากันคือหนึ่งหมื่นเยนถ้วน
“จำนวนเงินเท่านี้คิดว่าคงพอนะขอรับ ฮะ ฮะ ฮะ”
ขณะที่คนทั้งสองเอื้อมมือไปรับเช็คทันทีโดยไม่ลังเลราวกับสุนัขรับวิ่งเข้าไปคาบอาหารจากมือนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูด้านหลังของนายโชดะเป็นสัญญาณก่อนที่คนรับใช้จะเข้ามาบอกว่า
“ท่านขอรับ มีสุภาพบุรุษชื่อซุงิโนะมาขอพบขอรับ”
“ซุงิโนะรึ” นายโชดะขมวดคิ้ว “ก็ท่านซุงิโนะมาแล้ว นั่งอยู่นี่ไง”
“ไม่ใช่ขอรับ คุณซุงิโนะผู้นี้เป็นคนหนุ่ม”
“หนุ่มรึ อายุซักเท่าไร” นายโชดะย้อนถาม
“ราวยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ แต่งชุดนักศึกษาขอรับ”
“อือม์” นายโชดะหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นมาได้จึงหันไปทางท่านซุงิโนะ
“ท่านซุงิโนะขอรับ ลูกชายของใต้เท้าหรือเปล่าไม่ทราบ”
“ลูกชายของฉันรึ ลูกชายของฉันไม่น่ามาที่นี่ หรือว่ามีธุระอะไรกับฉัน เขาบอกหรือเปล่าว่าต้องการพบฉัน”
ท่านซุงิโนะหันไปถามคนรับใช้ ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะบอกว่า
“เปล่าขอรับ บอกว่าขอพบนายท่าน”
“เข้าใจละขอรับ ถ้าเป็นลูกชายของท่านซุงิโนะละก็ เขามีเหตุผลเพียงพอทีเดียวที่มาที่นี่ ในเมื่อคุณหนูของท่านคะระซะวะรับการสู่ขอของกระผมแล้วเช่นนี้ คนที่ต้องมาพบผมเป็นคนแรกก็คือเขานี่แหละ ใช่...ผมเองก็อยากพบเขาเหมือนกัน ใช่...อยากพบมากด้วย เธอไปเชิญเขาเข้ามา บอกด้วยว่านายท่านกำลังรออยู่ เอ...หรือจะให้ท่านทั้งสองย้ายไปคอยอีกห้องหนึ่ง แต่อย่าเลย มีพยานอยู่ด้วยอุ่นใจกว่า เอาเถิดครับอยู่กันตรงนี้แหละ เอ้าเธอ...รีบไปพาเขาเข้ามา”
นายโชดะพูดเสียงดัง ลุกขึ้นเดินไปทางซ้ายทีทางขวาที หันรีหันขวางอยู่ตรงข้างโต๊ะรับแขกเหมือนหมีตัวโตที่กำลังตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง
ท่านซุงิโนะไม่เข้าใจคำพูดของนายโชดะ และนึกไม่ออกเลยว่าลูกชายมีธุระอะไรถึงต้องมาหานายโชดะ แต่ถึงจะอย่างไรก็ตามที เป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะให้ลูกชายที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตกว่าตนถึงสามสี่เท่าคนนี้มาเห็นฉากที่ตนลดตัวลงไปรับเงินสมนาคุณจากนายโชดะ มันเป็นเรื่องน่าอายและเสียหน้ามากแม้แต่กับลูกชายตนเอง ท่านซุงิโนะยังวางสีหน้าเป็นปกติแม้ว่าใจจะพะวักพะวนไม่เป็นส่ำ
นายโชดะน่าจะปรับตัวทันแล้วเก็บเช็คสองฉบับนั้นไว้ก่อน ถ้าจะให้กันก็น่าจะรีบให้เสียจะได้รีบเก็บเอาไว้ ท่าน ซุงิโนะคิดเอาแต่ได้ไว้ก่อน ครั้นจะเตือนก็ใช่ทีเพราะดูนายนั่นจะตื่นเต้นจนน่าแปลก จำนวนเงินหนึ่งหมื่นเยนถ้วนบนเช็คสองฉบับมันชั่งบอกเล่าถึงความเป็นมาที่ไม่ชอบมาพากลของคนรับอย่างโจ่งแจ้ง ทรมานใจท่านซุงิโนะเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เลยตามเลย
“เอ...ทำไมลูกชายฉันมีธุระอะไรถึงได้มาหาคุณถึงบ้านอย่างนี้ รู้จักกันมาก่อนรึ”
ท่านซุงิโนะอดรนทนไม่ได้จึงถามขึ้น
“เดี๋ยวก็ทราบขอรับ คงเป็นเรื่องที่ผมจะแต่งงานละมัง แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ใช่มาเอาเงินค่านายหน้าหรอกขอรับ”
นายโชดะกุมท้องหัวเราะลงลูกคอ
และยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะดี ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออกเงียบ ๆ เผยให้เห็นร่างสูงและใบหน้าคมสันที่บัดนี้ซีดขาวด้วยอารมณ์สะเทือนใจของซุงิโนะ นะโอะยะ
7
นายโชดะหยุดหัวเราะฉับพลันเมื่อเห็นนะโอะยะยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ที่ช่องประตู ท่าทางเอาจริงของชายหนุ่มที่กล้าบุกเข้ามาถึงถ้ำมีพลังพอที่จะทำให้เสือรู้สึกหวาดเสียวเหมือนหัวใจถูกจี้ด้วยของแหลมคม
เศรษฐีใหม่กลบเกลื่อนความหวั่นไหวด้วยเสียงทรงพลังอำนาจของผู้ชนะทุกประตู
“อ๋อ ที่แท้ก็พ่อหนุ่มนี่เองนึกว่าใคร วันก่อนต้องขอโทษด้วยนะที่อาจพูดอะไรเกินเลยไป เชิญทางนี้เลย เผอิญท่านพ่อของคุณก็มาเยี่ยมอยู่”
นายโชดะกุลีกุจอนำนะโอะยะเข้ามาที่ชุดเก้าอี้รับแขกอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นการทำตามมารยาท นะโอะยะเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวและพยายามไม่มองไปทางบิดา ไม่ใช่เพราะเกรงใจ แต่เพราะโกรธและเหยียดหยามการกระทำของบิดาที่เพิ่งกระจ่างชัดขึ้นมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า เขาเลี่ยงไปนั่งตรงข้ามกับนายโชดะซึ่งเป็นตำแหน่งที่เห็นหน้าบิดาน้อยที่สุด
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหมือนกัน แต่ต้องขอบคุณที่วันนี้อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่”
นายโชดะพูดเป็นเชิงทักทายตามมารยาทอีกครั้ง
“แต่ดูเหมือนว่าคุณคงมีธุระสำคัญ ถึงได้ลดตัวลงมาถึงบ้านของเศรษฐีใหม่ที่คุณเคยหยามน้ำหน้าเอาไว้มากมาย ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะปล่อยหมัดเด็ดเป็นเชิงท้าทายทันทีก่อนลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับนะโอะยะ
นะโอะยะตั้งท่าโต้ตอบ แต่ความโกรธรุนแรงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณปากกระตุกสั่นสะท้านจนไม่อาจเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
“ผมอยากทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผม ธุระอะไร”
นายโชดะคาดคั้นจะเอาเรื่อง แต่ความโกรธจัดที่พลุ่งพล่านอัดแน่นอยู่ในอกทำให้นะโอะยะอัดอั้นไม่รู้จะตอบโต้ศัตรูอย่างไรถูก ได้แต่ยืนมือสั่นจ้องหน้านายโชดะเขม็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเค้นคำพูดโพล่งออกมาได้ในที่สุด
“คุณมีคุณธรรมบ้างไหม”
“คุณธรรม” นายโชดะทวนคำทันที แต่เพราะกระทันหันเกินไปจึงหาคำมาพูดต่อไม่ทัน
“ใช่...คุณธรรม ตามปกติผมจะไม่ถามใคร แต่สำหรับมนุษย์ที่ต่ำกว่ามนุษย์ด้วยกัน ผมจำเป็นต้องถาม คุณมีคุณธรรมประจำใจบ้างไหม”
นะโอะยะรุกอย่างเผ็ดร้อน ยั้งกำปั้นไว้ไม่ให้ประเคนลงบนโต๊ะ
“ฮะ ฮะ ฮะ คุณธรรม...อือม์ ของแบบนั้นคนจน ๆ ส่วนใหญ่เขามีกันนะคุณ แล้วทำยังไงรู้ไหม เขาก็เอามันมาขายให้พวกเศรษฐี ผมเองจำได้ว่าเคยถูกเสนอขายมาแล้วหลายครั้ง แต่ตัวผมเองไม่มีหรอกครับคุณธรรมอะไรที่ว่านั่น...ฮะ ฮะ ฮะ ก็อย่างที่บอกคุณแล้วไง มีเงินอย่างเดียวก็เจริญก้าวหน้าได้อย่างสบาย ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมก็ได้
คุณธรรมมันก็เหมือนกับเข็มทิศ ที่จำเป็นสำหรับการเดินเรือลำเล็ก ๆ อย่างเรือใบ และเรือขนาดบรรทุกห้าร้อยตันหรือพันตัน แต่ถ้าเป็นเรือรบขนาดสามหมื่นหรือสี่หมื่นตันลำใหญ่ ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เข็มทิศก็แล่นข้ามมหาสมุทรได้สบาย ฮะ ฮะ ฮะ พวกผมก็เหมือนเรือรบ ไม่จำเป็นต้องอาศัยเข็มทิศ”
นายโชดะพูดเน้นทุกถ้อยคำช้า ๆ ด้วยมาดของคนที่เป็นต่อ
นะโอะยะแทบจะระงับอารมณ์ร้อนแรงเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาเค้นถ้อยคำออกมาอย่างเคียดแค้น
“คุณไม่คิดละลายใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยรึ ทำตัวราวกับโจรชั้นต่ำใช้กลลวงท่านคะระซะวะอย่างหน้าด้าน ๆ ให้ท่านต้องจนมุม แล้วตลบหลังให้คนไปสู่ขอลูกสาวท่านเอามาไถ่หนี้ หลอกลวงกันได้อย่างไม่ละอายใจเลยหรือยังไง คุณไม่มีคุณธรรมแม้เพียงน้อยนิดที่จะช่วยให้รู้สึกละอายใจบ้างเลยรึ”
นะโอะยะพูดติดอ่างเป็นบางตอนด้วยความตื่นเต้นขึ้นสมอง แต่นายโชดะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“หยุดได้แล้ว ทุกอย่างที่ผมทำอยู่ในของเขตที่รัฐอนุญาตให้ทำได้ ผมทำอย่างถูกต้องไม่จำเป็นต้องอายใครหรืออะไร คุณดูถูกดูหมิ่นอำนาจเงินของผมกลางวันแสก ๆ วันนั้นจำได้ไหม แล้วดูนี่ซิ...ท่านพ่อของคุณถูกซื้อด้วยอำนาจเงิน คู่รักของคุณถูกพรากไปก็เพราะอำนาจเงินใช่หรือไม่ คุณเองนั่นแหละที่ต้องอาย อายที่พูดจาหยามน้ำหน้าผมวันนั้น จนทำให้คุณหนูของท่านคะระซะวะต้องมารับกรรม ดูนี่ซิ...ดูจดหมายฉบับนี้เสียบ้าง”
นายโชดะพูดพลางผลักจดหมายของรุริโกะมาตรงหน้าคู่พิพาท ความโกรธระคนความแค้นที่ถูกพรากคู่รักประทุพลุ่งรุนแรงอยู่ในอกของนะโอะยะ ทำให้อารมณ์ปั่นป่วนแทบเป็นบ้า
8
“อ่านตรงนี้ซิ ผมส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอคุณหนูให้ลูกชายแต่คุณหนูเองเป็นคงแจ้งความประสงค์ที่จะเป็นเจ้าสาวของผม นี่ไงตรงนี้ เธอเขียนว่าอยากเข้าไปมีหน้ามีตาในสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจชั้นนำที่มีความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว...ฮะ ฮะ ฮะ เป็นไง คุณหนูดูเหมือนจะเห็นคุณค่าที่แท้จริงของผม รู้ว่าอำนาจเงินนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะหัวเราะ ทำจมูกฟืดฟาดอย่างน่ารังเกียจ
พอถึงจุดนี้ โทสะที่ตีตื้นขึ้นมาผสมกับความริษยาทำให้นะโอะกิลืมตัว
นะโอะกิมาที่นี่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับบิดาและพูดให้เห็นผิดเห็นถูกกับสิ่งที่ท่านได้กระทำตามที่เขารู้ว่าจากจดหมายของรุริโกะ และตั้งใจที่จะพูดจาหว่านล้อมเพื่อปลุกคุณธรรมของนายโชดะที่อาจเหลือแม้เพียงน้อยนิดให้ฟื้นคืนมา เพื่อจะได้หยุดการกระทำที่เขาเห็นว่าสุดแสนจะป่าเถื่อนลงเสียที แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็พบว่ามันยากยิ่งกว่าการสอนศีลธรรมให้แก่พวกสัตว์ป่าเสียอีก
ไม่ใช่เท่านั้น คำพูดย้อนแย้งอย่างเจ็บแสบของนายโชดะยังเสียดแทงเข้าไปถึงแก่นใจ ปลุกสัญชาติญาณของสัตว์เดียรฉานในตัวของนะโอะยะให้ตื่นตัวขึ้นมาแผลงฤทธิ์เดช
มือของชายหนุ่มล้วงลงไปกำกระบอกปืนที่ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก๊ตโดยไม่รู้สึกตัว
ปืนกระบอกนี้ นะโอะยะซื้อไว้พกป้องกันตัวระหว่างเดินทางขึ้นเขาแอลป์ญี่ปุ่นช่วงระหว่างยอดเขาโนะริคุระถึงยอดเขายะกุชิงะทะเกะในฤดูร้อนปีนี้เอง และใส่ลิ้นชักเก็บไว้หลังกลับจากการท่องเที่ยว เขานึกถึงมันขึ้นมาได้ตอนที่กำลังผลุนผลันออกจากบ้านด้วยความโกรธสุดขีด เลยเอาติดตัวมาด้วยเพราะอาจต้องเผชิญกับความรุนแรงเมื่อบุกเข้าไปในบ้านที่มีบริวารที่เป็นชายฉกรรจ์จำนวนมากเช่นบ้านของนายโชดะ นั่นคือความตั้งใจเดิมที่พกติดตัวมา แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรจะเกิดขึ้นเพราะนะโอะยะอยู่ในอาการบ้าเลือดเสียแล้ว
เมื่อศัตรูใช้อำนาจเงินเป็นเดิมพัน เขาก็จะใช้ความตายเป็นเดิมพัน
“ผมขอร้องอีกครั้งให้คุณหยุดการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องนี้ทันที สัญญาเดี๋ยวนี้ว่าจะหยุด ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้น”
“ถ้าไม่อย่างนั้น จะทำไมรึ ฮะ ฮะ ฮะ คุณกำลังขู่นายโชดะคนนี้รึ อย่างนั้นก็สนุกละซี ไหนบอกมาซิว่า ถ้าผมไม่เลิกคุณจะทำอะไร”
นะโอะยะเลือดเข้าตาเสียแล้ว เขาลืมตัว ลืมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ คนรัก หรือกฎหมาย มีแต่คนร่างใหญ่ใบหน้ากว้างแดงระเรื่อที่ยืนประจันหน้าอยู่ห่างออกไปแค่โต๊ะเตี้ย ๆ กั้นเพียงคนเดียว และเป็นคนที่เขาจะต้องห้ำหั่นให้แหลกราน
“ถ้าไม่หยุด ผมจะทำอย่างนี้”
สิ้นเสียงตะโกนก้อง มือขวาของนะโอะยะก็ควักปืนพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เล็งออกไปยังเป้าหมาย โลหะสะท้อนแสงเป็นประกายบาดตา
“อะไร นั่นคุณจะทำอะไร”
นายโชดะร้องลั่น ผงะถอยหลังสองสามก้าวไปทางประตูห้อง
ท่านซุงิโนะ กระโจนเข้าไปจับแขนขวาของลูกชาย แผดเสียงอุทานเหมือนคนเสียสติ
“นะโอะยะ หยุดนะ อย่าทำอะไรบ้า ๆ อย่างนั้น”
ทันทีที่บิดาสัมผัสแขนขวาของลูกชายนั้นเอง ปืนก็ได้ลั่นขึ้น เสียงดังกึกก้องไปทั่วห้องสะท้านสะเทือนเข้าไปในหูของทุกคนที่อยู่ในนั้น
ทุกคนนอกจากนะโอะยะ อุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตระหนก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีเสียงใครคนหนึ่งล้มลงกับพื้นห้อง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงเล็กแหลมที่กรีดก้องกังวานนั้น ไม่ใช่เสียงของนายโชดะผู้มีเสียงใหญ่และแหบพร่าแน่นอน
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
5
จดหมายมิได้จบลงเพียงเท่านั้น รุริโกะบอกคนรักของเธอต่อไปว่า
รุริแน่ใจว่าจะต้องเอาชนะนายโชดะได้แน่นอน คนในสังคมที่มองจากเปลือกนอกจะต้องคิดว่ารุริถูกส่งตัวไปเป็นนางทาสของเศรษฐีใหม่คนนั้นเพื่อปลดหนี้สินอันท่วมท้นของท่านพ่อ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะแม้รุริจะชนะนายโชดะได้ด้วยการรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีวิต แต่ในสายตาของสังคมรุริคือเมียของเขา ถึงพูดไปจะมีใครสักกี่คนที่เชื่อว่ารุริยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ใครจะคิดอย่างไรก็ชั่งเขา คุณคนเดียวเชื่อใจรุริเท่านั้นเป็นพอ รุริไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับคุณ มีเพียงคำขอร้องจากใจ
ระยะนี้มีคนพูดถึงหญิงแปลงโฉมเป็นชายกันหนาหู ใช่...ตอนนี้รุริกลายเป็นหนึ่งในพวกนั้นไปแล้ว รุริสลัดความรัก ความอ่อนหวานนุ่มนวลของผู้หญิงพ้นตัวไปจนหมดสิ้น กลายสภาพเป็นคนใจเหี้ยมหาญเดินหน้ามุ่งสู่สมรภูมิเพื่อล้างแค้นและพิชิตข้าศึกที่ชั่วช้าสามาญให้แหลกรานไปกับมือ มันอาจฟังดูเป็นความคิดที่ตื้นเขิน แต่รุริรู่ดีว่าการจะพิชิตปีศาจร้ายให้อยู่มือได้นั้นเราจำเป็นต้องทำตัวเป็นปีศาจเสมอกัน และมีกลยุทธ์ที่หลักแหลมเกินกว่าศัตรูจะตามทัน
เด็กสาวไร้เดียงสาที่รักคุณและคุณก็รักเธอ ผู้ถูกโชคชะตาเล่นตลกโหดร้ายคนนี้ขอสละทุกสิ่งในความเป็นผู้หญิงเป็นเครื่องสังเวยแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สละสิ้นทั้งความพิสวาท ความรักใคร่ใยดี สละแม้กระทั่งเรือนผมสีดำ และผิวขาวผ่อง
รุริไม่อยากบอกคุณเลยว่าคนที่รับปากนายโชดะให้มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอรุริก็คือท่านพ่อของคุณ ดังนั้นเราจึงต้องตอบรับการสู่ขอครั้งนี้ผ่านทางท่านพ่อของคุณเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน หลังจากเขียนจดหมายจากดวงใจที่แสนทรมานถึงคุณฉบับนี้แล้ว รุริจะต้องเขียนถึงท่านพ่อคุณอีกฉบับหนึ่งด้วยความทรมานใจที่รุนแรงยิ่งขึ้นอีก
แม้จิตใจจะจมดิ่งอยู่ในความมืดมิดแต่ริรุบอกตนเองว่าเราต้องเข้มแข็งให้ตลอดรอดฝั่ง ปีศาจตนใดได้ยินคำเรา ขอให้เข้ามาสิงสู่และช่วยเสี้ยมใจเราให้แกร่งกร้าวเหี้ยมหาญ ช่วยพรากเอาความอ่อนโยนและยางอายของเราไปให้หมดสิ้นทีเถิด อย่าให้เหลือแม้หยดสุดท้าย
นะโอะยะอ่านทุกตัวอักษรจนจบด้วยความรู้สึกเหมือนถูกฆ้อนเหล็กทุบกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี
ชายหนุ่มโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันทีที่อ่านข้อความในจดหมายรุริขึ้นต้นโดยบอกว่ากำลังจะทิ้งตนไปเป็นเจ้าสาวของนายโชดะโดยไม่หยุดไตร่ตรองเหตุผลของเจ้าหล่อน เขาบรรดาลโทสะพลุ่งพล่านและเกิดอารมณ์ริษยาขึ้นมาอย่างรุนแรง เจ็บปวดราวหัวใจถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ ครั้นเมื่อค่อย ๆ สงบจิตใจลงและอ่านต่อไปจึงเริ่มเข้าใจชัดเจนขึ้นตามลำดับว่าการที่เศรษฐีใหม่ผู้นี้ตั้งหน้าตั้งตากลั่นแกล้งครอบครัวคะระซะวะให้ทุกข์ยากแสนสาหัสเช่นนี้ มีสาเหตุเนื่องมาจากเหตุการณ์วันนั้นเอง วันงานอุทยานสโมสรที่เขามีปากมีเสียงกับนายโชดะซึ่งเป็นเจ้าภาพ และได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เชิงดูหมิ่นชั้นวรรณะอย่างไม่ประหยัดถ้อยคำ
นะโอะยะเข้าใจแล้ว ความประสงค์ที่แท้จริงของนายโชดะไม่ได้อยู่ที่การพรากรุริโกะจากท่านพ่อของเธอ แต่ต้องการแย่งชิงรุริโกะไปจากเขาต่างหาก ตั้งใจแก้แค้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว ในเมื่อสาเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดกระจ่างชัดขึ้นมาและเขาเองก็ตระหนักแล้วว่าเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองเป็นคนแรก แล้วอย่างนี้เขาจะมานั่งนิ่ง ๆ ยอมให้รุริโกะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต่อสู้โดยยอมเอาพรหมจรรย์เข้าเสี่ยงเช่นนั้นได้อย่างไร แม้เธอจะบอกว่าเป็นภริยาแต่ในนามไม่ยอมให้นายโชดะแตะต้องสิ่งที่หวงแหนเท่าชีวิต แต่สำหรับเขา แค่รุริโกะได้ชื่อว่าเป็นภริยาของเจ้าหมูสกปรกตัวนั้นเขาก็ทนฟังไม่ได้
ยอดรักขอให้เขาเชื่อเธอว่าตั้งใจถนอมรักษาพรหมจรรย์ไม่ให้ด่างพร้อยจนถึงที่สุด แต่นั่นฟังแล้วไม่ผิดอะไรกับ ความเพ้อฝันของเด็กรุ่นสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์โรแมนติก ลองคิดถึงความเป็นจริงดูบ้าง ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน เมื่อได้แต่งงานอยู่กินกันแล้ว หญิงสาวร่างกายบอบบางราวแก้วเจียระไนอย่างรุริโกะหรือจะทนแรงทนพลังบึกบึนราวสัตว์ป่าของนายโชดะได้ ไม่นานเป็นต้องถูกย่ำยีเสียเป็นแน่ กำลังใจนั้นแม้จะแข็งแกร่งเพียงใด ไม่วันใดก็วันหนึ่งก็จะต้องถึงกาลพ่ายแพ้ต่อพลกำลังราวช้างสาร และเมื่อถึงวันนี้หัวใจอันแข็งราวกับหิน ร้อนแรงโชติช่วงราวกองเพลิงเนื้อหนังมังสาที่อ่อนนุ่มเป็นยองใยของรุริโกะก็ถูกบดขยี้ด้วยน้ำมืออันกักขฬะราวผีปีศาจในขุมนรก
พออ่านจดหมายของรุริโกะไปถึงตอนที่ท่านพ่อของตนเป็นคนไปพรากยอดรักของเขามาสังเวยปีศาจร้ายเท่านั้นเอง ความโกรธและความอายสุดทนทำให้อารมณ์ของนะโอะยะที่กำลังพลุ่งพล่านเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
นะโอะยะวิ่งตรงไปที่ห้องส่วนตัวท่านพ่อ มือที่กำจดหมายของรุริโกะไว้แน่นสั่นระริก
ท่านพ่อไม่ได้อยู่ในห้อง มีแต่หญิงรับใช้กำลังกวาดถูทำความสะอาดอยู่
”ท่านพ่อไปไหน”
ชายหนุ่มถามเสียงขุ่น
“เห็นท่านบอกว่าจะไปบ้านคุณโชดะเจ้าค่ะ”
นะโอะยะโกรธจนแทบขาดสติ เมื่อวาดภาพท่านบิดาของตนลิงโลดออกไปหานายโชดะทันทีที่ได้อ่านจดหมาย ราวกับทหารเลวที่ตัดหัวข้าศึกได้แล้วรีบนำไปให้แม่ทัพด้วยหวังว่าจะได้บำเหน็จรางวัล
6
พอมินะโกะนำสมุดเช็คเข้ามาให้ นายโชดะก็เอื้อมมือไปหยิบกล่องไม้บรรจุแท่นฝนหมึกดำจากโต๊ะเล็กข้าง ๆ แล้วเริ่มฝนแท่งหมึกดำสำหรับทำเป็นน้ำหมึกด้วยท่าทางที่ออกจะดูเก้งก้าง ส่วนมือซ้ายเปิดสมุดเช็กออกเตรียมเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน
“สำหรับใต้เท้า กระผมต้องสมนาคุณให้หนักมือสมกับที่ได้ช่วยกรุณาจนสำเร็จนะขอรับ”
นายโชดะหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีแล้วจรดพู่กันลงไปเขียนตัวเลขจำนวนสองหมื่นเยนถ้วนลงบนเช็คฉบับแรก ด้วยลายมือเหมือนเด็กประถมสี่หรือประถมห้า แต่ลายเส้นหนาหนักแบบคนมั่นใจในตนเองสูง เช็คฉบับนี้น่าจะเป็นค่าเตรียมตัวแต่งงานที่มอบให้แก่ครอบครัวคะระซะวะ
พอถึงเช็คใบที่สอง ทั้งนายคิโนะชิตะและท่านซุงิโนะต่างเบิกตาโตราวนกฮูกจ้องตาเป็นมัน ในที่สุดนายโชดะก็เขียนเช็คอีกสองใบจำนวนเงินเท่ากันคือหนึ่งหมื่นเยนถ้วน
“จำนวนเงินเท่านี้คิดว่าคงพอนะขอรับ ฮะ ฮะ ฮะ”
ขณะที่คนทั้งสองเอื้อมมือไปรับเช็คทันทีโดยไม่ลังเลราวกับสุนัขรับวิ่งเข้าไปคาบอาหารจากมือนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูด้านหลังของนายโชดะเป็นสัญญาณก่อนที่คนรับใช้จะเข้ามาบอกว่า
“ท่านขอรับ มีสุภาพบุรุษชื่อซุงิโนะมาขอพบขอรับ”
“ซุงิโนะรึ” นายโชดะขมวดคิ้ว “ก็ท่านซุงิโนะมาแล้ว นั่งอยู่นี่ไง”
“ไม่ใช่ขอรับ คุณซุงิโนะผู้นี้เป็นคนหนุ่ม”
“หนุ่มรึ อายุซักเท่าไร” นายโชดะย้อนถาม
“ราวยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ แต่งชุดนักศึกษาขอรับ”
“อือม์” นายโชดะหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นมาได้จึงหันไปทางท่านซุงิโนะ
“ท่านซุงิโนะขอรับ ลูกชายของใต้เท้าหรือเปล่าไม่ทราบ”
“ลูกชายของฉันรึ ลูกชายของฉันไม่น่ามาที่นี่ หรือว่ามีธุระอะไรกับฉัน เขาบอกหรือเปล่าว่าต้องการพบฉัน”
ท่านซุงิโนะหันไปถามคนรับใช้ ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะบอกว่า
“เปล่าขอรับ บอกว่าขอพบนายท่าน”
“เข้าใจละขอรับ ถ้าเป็นลูกชายของท่านซุงิโนะละก็ เขามีเหตุผลเพียงพอทีเดียวที่มาที่นี่ ในเมื่อคุณหนูของท่านคะระซะวะรับการสู่ขอของกระผมแล้วเช่นนี้ คนที่ต้องมาพบผมเป็นคนแรกก็คือเขานี่แหละ ใช่...ผมเองก็อยากพบเขาเหมือนกัน ใช่...อยากพบมากด้วย เธอไปเชิญเขาเข้ามา บอกด้วยว่านายท่านกำลังรออยู่ เอ...หรือจะให้ท่านทั้งสองย้ายไปคอยอีกห้องหนึ่ง แต่อย่าเลย มีพยานอยู่ด้วยอุ่นใจกว่า เอาเถิดครับอยู่กันตรงนี้แหละ เอ้าเธอ...รีบไปพาเขาเข้ามา”
นายโชดะพูดเสียงดัง ลุกขึ้นเดินไปทางซ้ายทีทางขวาที หันรีหันขวางอยู่ตรงข้างโต๊ะรับแขกเหมือนหมีตัวโตที่กำลังตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง
ท่านซุงิโนะไม่เข้าใจคำพูดของนายโชดะ และนึกไม่ออกเลยว่าลูกชายมีธุระอะไรถึงต้องมาหานายโชดะ แต่ถึงจะอย่างไรก็ตามที เป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะให้ลูกชายที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตกว่าตนถึงสามสี่เท่าคนนี้มาเห็นฉากที่ตนลดตัวลงไปรับเงินสมนาคุณจากนายโชดะ มันเป็นเรื่องน่าอายและเสียหน้ามากแม้แต่กับลูกชายตนเอง ท่านซุงิโนะยังวางสีหน้าเป็นปกติแม้ว่าใจจะพะวักพะวนไม่เป็นส่ำ
นายโชดะน่าจะปรับตัวทันแล้วเก็บเช็คสองฉบับนั้นไว้ก่อน ถ้าจะให้กันก็น่าจะรีบให้เสียจะได้รีบเก็บเอาไว้ ท่าน ซุงิโนะคิดเอาแต่ได้ไว้ก่อน ครั้นจะเตือนก็ใช่ทีเพราะดูนายนั่นจะตื่นเต้นจนน่าแปลก จำนวนเงินหนึ่งหมื่นเยนถ้วนบนเช็คสองฉบับมันชั่งบอกเล่าถึงความเป็นมาที่ไม่ชอบมาพากลของคนรับอย่างโจ่งแจ้ง ทรมานใจท่านซุงิโนะเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เลยตามเลย
“เอ...ทำไมลูกชายฉันมีธุระอะไรถึงได้มาหาคุณถึงบ้านอย่างนี้ รู้จักกันมาก่อนรึ”
ท่านซุงิโนะอดรนทนไม่ได้จึงถามขึ้น
“เดี๋ยวก็ทราบขอรับ คงเป็นเรื่องที่ผมจะแต่งงานละมัง แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ใช่มาเอาเงินค่านายหน้าหรอกขอรับ”
นายโชดะกุมท้องหัวเราะลงลูกคอ
และยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะดี ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออกเงียบ ๆ เผยให้เห็นร่างสูงและใบหน้าคมสันที่บัดนี้ซีดขาวด้วยอารมณ์สะเทือนใจของซุงิโนะ นะโอะยะ
7
นายโชดะหยุดหัวเราะฉับพลันเมื่อเห็นนะโอะยะยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ที่ช่องประตู ท่าทางเอาจริงของชายหนุ่มที่กล้าบุกเข้ามาถึงถ้ำมีพลังพอที่จะทำให้เสือรู้สึกหวาดเสียวเหมือนหัวใจถูกจี้ด้วยของแหลมคม
เศรษฐีใหม่กลบเกลื่อนความหวั่นไหวด้วยเสียงทรงพลังอำนาจของผู้ชนะทุกประตู
“อ๋อ ที่แท้ก็พ่อหนุ่มนี่เองนึกว่าใคร วันก่อนต้องขอโทษด้วยนะที่อาจพูดอะไรเกินเลยไป เชิญทางนี้เลย เผอิญท่านพ่อของคุณก็มาเยี่ยมอยู่”
นายโชดะกุลีกุจอนำนะโอะยะเข้ามาที่ชุดเก้าอี้รับแขกอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นการทำตามมารยาท นะโอะยะเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวและพยายามไม่มองไปทางบิดา ไม่ใช่เพราะเกรงใจ แต่เพราะโกรธและเหยียดหยามการกระทำของบิดาที่เพิ่งกระจ่างชัดขึ้นมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า เขาเลี่ยงไปนั่งตรงข้ามกับนายโชดะซึ่งเป็นตำแหน่งที่เห็นหน้าบิดาน้อยที่สุด
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหมือนกัน แต่ต้องขอบคุณที่วันนี้อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่”
นายโชดะพูดเป็นเชิงทักทายตามมารยาทอีกครั้ง
“แต่ดูเหมือนว่าคุณคงมีธุระสำคัญ ถึงได้ลดตัวลงมาถึงบ้านของเศรษฐีใหม่ที่คุณเคยหยามน้ำหน้าเอาไว้มากมาย ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะปล่อยหมัดเด็ดเป็นเชิงท้าทายทันทีก่อนลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับนะโอะยะ
นะโอะยะตั้งท่าโต้ตอบ แต่ความโกรธรุนแรงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณปากกระตุกสั่นสะท้านจนไม่อาจเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
“ผมอยากทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผม ธุระอะไร”
นายโชดะคาดคั้นจะเอาเรื่อง แต่ความโกรธจัดที่พลุ่งพล่านอัดแน่นอยู่ในอกทำให้นะโอะยะอัดอั้นไม่รู้จะตอบโต้ศัตรูอย่างไรถูก ได้แต่ยืนมือสั่นจ้องหน้านายโชดะเขม็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเค้นคำพูดโพล่งออกมาได้ในที่สุด
“คุณมีคุณธรรมบ้างไหม”
“คุณธรรม” นายโชดะทวนคำทันที แต่เพราะกระทันหันเกินไปจึงหาคำมาพูดต่อไม่ทัน
“ใช่...คุณธรรม ตามปกติผมจะไม่ถามใคร แต่สำหรับมนุษย์ที่ต่ำกว่ามนุษย์ด้วยกัน ผมจำเป็นต้องถาม คุณมีคุณธรรมประจำใจบ้างไหม”
นะโอะยะรุกอย่างเผ็ดร้อน ยั้งกำปั้นไว้ไม่ให้ประเคนลงบนโต๊ะ
“ฮะ ฮะ ฮะ คุณธรรม...อือม์ ของแบบนั้นคนจน ๆ ส่วนใหญ่เขามีกันนะคุณ แล้วทำยังไงรู้ไหม เขาก็เอามันมาขายให้พวกเศรษฐี ผมเองจำได้ว่าเคยถูกเสนอขายมาแล้วหลายครั้ง แต่ตัวผมเองไม่มีหรอกครับคุณธรรมอะไรที่ว่านั่น...ฮะ ฮะ ฮะ ก็อย่างที่บอกคุณแล้วไง มีเงินอย่างเดียวก็เจริญก้าวหน้าได้อย่างสบาย ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมก็ได้
คุณธรรมมันก็เหมือนกับเข็มทิศ ที่จำเป็นสำหรับการเดินเรือลำเล็ก ๆ อย่างเรือใบ และเรือขนาดบรรทุกห้าร้อยตันหรือพันตัน แต่ถ้าเป็นเรือรบขนาดสามหมื่นหรือสี่หมื่นตันลำใหญ่ ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เข็มทิศก็แล่นข้ามมหาสมุทรได้สบาย ฮะ ฮะ ฮะ พวกผมก็เหมือนเรือรบ ไม่จำเป็นต้องอาศัยเข็มทิศ”
นายโชดะพูดเน้นทุกถ้อยคำช้า ๆ ด้วยมาดของคนที่เป็นต่อ
นะโอะยะแทบจะระงับอารมณ์ร้อนแรงเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาเค้นถ้อยคำออกมาอย่างเคียดแค้น
“คุณไม่คิดละลายใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยรึ ทำตัวราวกับโจรชั้นต่ำใช้กลลวงท่านคะระซะวะอย่างหน้าด้าน ๆ ให้ท่านต้องจนมุม แล้วตลบหลังให้คนไปสู่ขอลูกสาวท่านเอามาไถ่หนี้ หลอกลวงกันได้อย่างไม่ละอายใจเลยหรือยังไง คุณไม่มีคุณธรรมแม้เพียงน้อยนิดที่จะช่วยให้รู้สึกละอายใจบ้างเลยรึ”
นะโอะยะพูดติดอ่างเป็นบางตอนด้วยความตื่นเต้นขึ้นสมอง แต่นายโชดะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“หยุดได้แล้ว ทุกอย่างที่ผมทำอยู่ในของเขตที่รัฐอนุญาตให้ทำได้ ผมทำอย่างถูกต้องไม่จำเป็นต้องอายใครหรืออะไร คุณดูถูกดูหมิ่นอำนาจเงินของผมกลางวันแสก ๆ วันนั้นจำได้ไหม แล้วดูนี่ซิ...ท่านพ่อของคุณถูกซื้อด้วยอำนาจเงิน คู่รักของคุณถูกพรากไปก็เพราะอำนาจเงินใช่หรือไม่ คุณเองนั่นแหละที่ต้องอาย อายที่พูดจาหยามน้ำหน้าผมวันนั้น จนทำให้คุณหนูของท่านคะระซะวะต้องมารับกรรม ดูนี่ซิ...ดูจดหมายฉบับนี้เสียบ้าง”
นายโชดะพูดพลางผลักจดหมายของรุริโกะมาตรงหน้าคู่พิพาท ความโกรธระคนความแค้นที่ถูกพรากคู่รักประทุพลุ่งรุนแรงอยู่ในอกของนะโอะยะ ทำให้อารมณ์ปั่นป่วนแทบเป็นบ้า
8
“อ่านตรงนี้ซิ ผมส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอคุณหนูให้ลูกชายแต่คุณหนูเองเป็นคงแจ้งความประสงค์ที่จะเป็นเจ้าสาวของผม นี่ไงตรงนี้ เธอเขียนว่าอยากเข้าไปมีหน้ามีตาในสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจชั้นนำที่มีความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว...ฮะ ฮะ ฮะ เป็นไง คุณหนูดูเหมือนจะเห็นคุณค่าที่แท้จริงของผม รู้ว่าอำนาจเงินนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะหัวเราะ ทำจมูกฟืดฟาดอย่างน่ารังเกียจ
พอถึงจุดนี้ โทสะที่ตีตื้นขึ้นมาผสมกับความริษยาทำให้นะโอะกิลืมตัว
นะโอะกิมาที่นี่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับบิดาและพูดให้เห็นผิดเห็นถูกกับสิ่งที่ท่านได้กระทำตามที่เขารู้ว่าจากจดหมายของรุริโกะ และตั้งใจที่จะพูดจาหว่านล้อมเพื่อปลุกคุณธรรมของนายโชดะที่อาจเหลือแม้เพียงน้อยนิดให้ฟื้นคืนมา เพื่อจะได้หยุดการกระทำที่เขาเห็นว่าสุดแสนจะป่าเถื่อนลงเสียที แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็พบว่ามันยากยิ่งกว่าการสอนศีลธรรมให้แก่พวกสัตว์ป่าเสียอีก
ไม่ใช่เท่านั้น คำพูดย้อนแย้งอย่างเจ็บแสบของนายโชดะยังเสียดแทงเข้าไปถึงแก่นใจ ปลุกสัญชาติญาณของสัตว์เดียรฉานในตัวของนะโอะยะให้ตื่นตัวขึ้นมาแผลงฤทธิ์เดช
มือของชายหนุ่มล้วงลงไปกำกระบอกปืนที่ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก๊ตโดยไม่รู้สึกตัว
ปืนกระบอกนี้ นะโอะยะซื้อไว้พกป้องกันตัวระหว่างเดินทางขึ้นเขาแอลป์ญี่ปุ่นช่วงระหว่างยอดเขาโนะริคุระถึงยอดเขายะกุชิงะทะเกะในฤดูร้อนปีนี้เอง และใส่ลิ้นชักเก็บไว้หลังกลับจากการท่องเที่ยว เขานึกถึงมันขึ้นมาได้ตอนที่กำลังผลุนผลันออกจากบ้านด้วยความโกรธสุดขีด เลยเอาติดตัวมาด้วยเพราะอาจต้องเผชิญกับความรุนแรงเมื่อบุกเข้าไปในบ้านที่มีบริวารที่เป็นชายฉกรรจ์จำนวนมากเช่นบ้านของนายโชดะ นั่นคือความตั้งใจเดิมที่พกติดตัวมา แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรจะเกิดขึ้นเพราะนะโอะยะอยู่ในอาการบ้าเลือดเสียแล้ว
เมื่อศัตรูใช้อำนาจเงินเป็นเดิมพัน เขาก็จะใช้ความตายเป็นเดิมพัน
“ผมขอร้องอีกครั้งให้คุณหยุดการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องนี้ทันที สัญญาเดี๋ยวนี้ว่าจะหยุด ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้น”
“ถ้าไม่อย่างนั้น จะทำไมรึ ฮะ ฮะ ฮะ คุณกำลังขู่นายโชดะคนนี้รึ อย่างนั้นก็สนุกละซี ไหนบอกมาซิว่า ถ้าผมไม่เลิกคุณจะทำอะไร”
นะโอะยะเลือดเข้าตาเสียแล้ว เขาลืมตัว ลืมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ คนรัก หรือกฎหมาย มีแต่คนร่างใหญ่ใบหน้ากว้างแดงระเรื่อที่ยืนประจันหน้าอยู่ห่างออกไปแค่โต๊ะเตี้ย ๆ กั้นเพียงคนเดียว และเป็นคนที่เขาจะต้องห้ำหั่นให้แหลกราน
“ถ้าไม่หยุด ผมจะทำอย่างนี้”
สิ้นเสียงตะโกนก้อง มือขวาของนะโอะยะก็ควักปืนพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เล็งออกไปยังเป้าหมาย โลหะสะท้อนแสงเป็นประกายบาดตา
“อะไร นั่นคุณจะทำอะไร”
นายโชดะร้องลั่น ผงะถอยหลังสองสามก้าวไปทางประตูห้อง
ท่านซุงิโนะ กระโจนเข้าไปจับแขนขวาของลูกชาย แผดเสียงอุทานเหมือนคนเสียสติ
“นะโอะยะ หยุดนะ อย่าทำอะไรบ้า ๆ อย่างนั้น”
ทันทีที่บิดาสัมผัสแขนขวาของลูกชายนั้นเอง ปืนก็ได้ลั่นขึ้น เสียงดังกึกก้องไปทั่วห้องสะท้านสะเทือนเข้าไปในหูของทุกคนที่อยู่ในนั้น
ทุกคนนอกจากนะโอะยะ อุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตระหนก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีเสียงใครคนหนึ่งล้มลงกับพื้นห้อง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงเล็กแหลมที่กรีดก้องกังวานนั้น ไม่ใช่เสียงของนายโชดะผู้มีเสียงใหญ่และแหบพร่าแน่นอน