บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน* (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
ตอนที่ 7
1
รุริโกะสะดุ้งเหมือนถูกช็อคด้วยไฟแรงสูงเมื่อบิดาบอกว่าท่านซุงิโนะมาพูดเรื่องการสู่ขอ นั่นหมายความว่าการคาดหมายอย่างเด็ก ๆ ของเธอถูกต้อง ท่านบิดาของคู่รักอุตส่าห์มาเจรจาด้วยตนเองโดยตรงจริง ๆ ด้วย แต่ระหว่างการเจรจาคงจะพูดอะไรขวางหูหรือวางท่าอะไรขวางตาตามประสาคนที่ศรศิลป์ไม่กินกัน บิดาผู้ของเธอจึงได้โกรธเกรี้ยวขนาดนั้น คิดมาถึงตรงนี้ รุริโกะรู้สึกชังความถือดีเหลือทนของบิดาตนเองขึ้นมาจับใจ ชังความเอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้งไม่เปิดใจรับฟังคำคนอื่น จนอาจทำให้ชีวิตของเธอพังทลายไปทั้งชีวิตก็เป็นได้ รุริโกะ จึงคาดคั้นเสียงแข็ง
“ทำไมท่านพ่อถึงบอกว่าการสู่ขอเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับหนู ท่านพ่อน่าจะให้หนูรู้ด้วยว่าเรื่องราวเป็นยังไงกัน แล้วจากนั้นจะปฏิเสธหรืออย่างไรก็ค่อยว่ากัน คิดว่าจะไม่สายเกินไป”
คนในครอบครัวนี้ต่างรู้กันดีว่ารุริโกะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองสูง ไม่ยอมก้มหัวให้กับใครง่าย ๆ โดยไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะใครคนนั้นเป็นบิดา พี่ชาย และแม้กระทั่งคนรัก
บิดาแค่นหัวเราะ
“สู่ขอ ใช่ถ้ามันเป็นการสู่ขอธรรมดา พ่อก็ต้องปรึกษากับรุริโกะแน่นอน แค่การสู่ขอของผู้ชายคนนี้มันเป็นการเอาเงินมาซื้อลูกสาวของพ่อโดยเอาคำว่าสู่ขอมาบังหน้า มันเอาเงินมากองเพื่อขอซื้อลูกสาวของพ่อ บ้าบัดซบ”
ดวงตาของบิดาวาวโรจน์ราวกับจะลุกเป็นไฟ รุริโกะเงียบไปเพราะรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมาว่าเรื่องนี้คงจะมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่คิด บิดาไขความอันเป็นต้นเหตุแห่งโทสจริตด้วยเสียงกร้าวและสั่นไหวด้วยแรงอารมณ์
“นายนั่นมาพูดทำนองขอลูกสาว ไอ้เราก็คิดว่าถึงจะไม่ชอบหน้าแต่คิดว่าไหน ๆ เขาก็อุตส่าห์มาพูดถึงบ้านอย่างนี้ก็เลยยอมฟัง เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาสู่ขอหนูให้ใคร ปล่อยให้พูดไปสักพักพ่อก็เลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นด่าแรง ๆ แล้วตะเพิดนายนั่นออกไปนอกบ้าน มาหยามน้ำหน้ากันถึงเรือนอย่างนี้ต่อไปไม่ต้องมาดูดำดูดีกันอีก ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะนายซุงิโนะมาเป็นพ่อสื่อสู่ขอลูกให้กับไอ้ทึ่มที่ไหนไม่รู้อายุตั้ง 45 มีลูกติดถึง 2 คนน่ะซี เท่านั้นยังไม่พอ พอพ่อด่าเข้าให้ก็บอกว่าคนขอแต่งเขาให้เงินเตรียมตัวถึงสามแสนเยนทีเดียว เท่านั้นละพ่อหมดความอดทนเลย”
“หนูคิดดู พ่ออยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว ไม่มีใครมาดูถูกเอาอย่างนี้ ถึงจะยากจนบ้านช่องเอาไปจำนองเขาอย่างนี้ แต่ก็ภูมิใจในเกียรติภูมิของนักการเมืองที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมาตลอด 30 ปี พูดมาได้สามแสนเยน ต่อให้สิบล้านร้อยล้านก็เถอะ มันคิดหรือว่าพ่อจะขายลูกสาวกิน เจ็บใจนัก”
รุริโกะฟังแล้วอัดอั้นตันใจพูดอะไรไม่ถูก เธอเข้าใจความรู้สึกของบิดาดีแต่ไม่อาจหาถ้อยคำมาปลอบโยนให้คลายความโกรธเกรี้ยวลงได้
พอคิดตั้งคำถามขึ้นมาว่าท่านซุงิโนะเกลียดชังบิดาอะไรนักหรือจนถึงกับต้องมาเหยียดหยามกันถึงเรือนเช่นนี้ อกใจของ รุริโกะก็ร้อนเร่าราวกับจะมอดไหม้ไปด้วยความโกรธ ตามมาด้วยความเศร้าสุดซึ้งเมื่อหวนคิดว่าท่านผู้นั้นเป็นบิดาคนรักของตน
“อำนาจเงินแท้ ๆ ที่ทำให้นายนั่นชั่วช้าไปได้ถึงเพียงนี้ ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะทำตัวเป็นตัวกลางชักนำนักการเมืองกับพ่อค้าให้มารู้จักกันเพื่อเงินตัวเดียว เรื่องการสู่ขอวันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าทำสำเร็จก็คงได้ค่าตอบแทนไม่น้อย”
บิดาทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน แล้วเผยว่า
“ผู้ชายคนที่ขอให้นายนั่นมาสู่ขอดูเหมือนจะชื่อนายโชดะ คนที่รุริโกะพบในงานอุทยานสโมสรเมื่อไม่นานมานี้ไงล่ะ”
พอได้ยินชื่อโชดะ หญิงสาวก็นึกถึงแววตาคมกร้าวน่าเกรงขามราวเสือดาวคู่นั้นขึ้นมาทันที แม้คนเยือกเย็น จิตใจมั่นคงอย่างรุริโกะก็ยังขยะแขยงจนขนลุกซู่ราวกับแก้มทั้งสองถูกผีปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวแลบเลีย
2
การที่รุริโกะรู้สึกขยะแขยงเมื่อได้ยินชื่อนายโชดะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ตั้งแต่ได้พบกันโดยบังเอิญในบรรยากาศที่ไม่น่ารื่นรมย์ ทั้งยังประคารมกันอย่างเผ็ดร้อนครั้งนั้นเป็นต้นมา หน้าตาและท่าทางของคนคนนี้ติดแน่นอยู่ในสมองสลัดไม่หลุดราวกับฝันร้ายที่ไม่จางจากใจ
แค่คิดถึงคิ้วเข้มหนาดูรุงรังไม่เป็นระเบียบ จมูกใหญ่ย่น ปากหนา สีหน้าบ่งบอกถึงความมีอัตตาสูง เท่านั้นก็รังเกียจจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งคิดถึงการที่ไปต่อปากต่อคำกับคนอย่างนั้นด้วยแล้วก็ยิ่งขนลุก...คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนคนนี้คือคนที่มาขอแต่งงานกับเรา...แค่คิดก็หนาวไปทั้งตัวราวจับไข้ ช่างเหมือนเรื่องราวของงูขาวกับสาวงามในนิทานเสียเหลือเกิน
รุริโกะ ยากที่จะเข้าใจความคิดของคน ๆ นี้ และยากที่จะเชื่อด้วยว่าเรื่องการสู่ขอนี้เป็นความจริง
“จริงหรือเจ้าคะ ท่านซุงิโนะบอกว่าคน ๆ นั้นคือนายโชดะจริงหรือเจ้าคะ”
“ซุงิโนะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ หรอก แต่พ่อคิดว่าน่าจะใช่ เพราะก่อนจะเข้าเรื่องของหนู เขาพร่ำชมนายโชดะอะไรนั่นยกใหญ่ พ่อก็เลยคิดว่าใช่ นายนั่นเป็นเศรษฐีมีเงินต้องการเชิดชูฐานะตนเองด้วยการแต่งงานกับลูกชาติลูกตระกูล มันก็เท่านั้น แต่นายซุงิโนะนั่นบัดซบเหลือเกินที่เอาเรื่องนี้มาพูดกับพ่อ บ้าจริง ๆ”
ความโกรธของบิดาดูเหมือนจะไม่มีอะไรลึกซึ้งไปกว่าการถูกคู่อริดูหมิ่นศักดิ์ศรีด้วยอำนาจเงินซึ่งรุริโกะรู้ดีว่าบิดาของเธอถือตัวเรื่องเงินมาก และฟังน้ำเสียงที่บิดาพูดถึงนายโชดะแล้วรู้สึกว่าไม่ได้เกลียดโกรธอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะไม่รู้จักกัน
แต่ไม่ใช่รุริโกะ เธอไม่คิดว่าการสู่ขอครั้งนี้เป็นแค่การที่เศรษฐีใหม่คนหนึ่งมีความทะเยอทะยานต้องการแต่งงานกับลูกสาวผู้ดีมีตระกูลเพื่อยกฐานะทางสังคม รุริโกะรู้สึกได้เลยว่าเบื้องหลังท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ที่ถูกบิดาเธอตะเพิดออกจากบ้านด้วยความโกรธเกรี้ยวผู้นั้นมีมือของอสูรร้ายชักใยอยู่ คิดมาถึงตรงนี้ดวงตาที่มีแววมาดร้ายจับจ้องมาที่เธอและคู่รักใต้ต้นซากุระซ้อนบานสะพรั่งก็ปรากฏชัดขึ้นในห้วงคิด สะท้อนให้เห็นความใจเหี้ยมราวอสูรร้ายของคน ๆ นั้นที่จงใจทำร้ายจิตใจของหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยการยืมมือบิดาคนรักของเธอเองมาสู่ขอเธอเช่นนี้
งูพิษ...เธอกำลังถูกงูพิษที่เธอเองทำร้ายให้บาดเจ็บแว้งกัดเอาเข้าแล้ว แต่แทนที่รุริโกะจะกลัวเธอกลับฮึดสู้ขึ้นมา...ก็ลองเข้ามาซิ เป็นได้เห็นดีกันไปข้างหนึ่ง ผู้ชายแบบนั้นนะหรือเมินเสียเถิด ไม่มีทางได้ถูกต้องเนื้อตัวฉันเด็ดขาดแม้แต่ปลายเล็บ...รุริโกะตั้งใจแน่วแน่
“พ่อด่านายซุงิโนะเสียเจ็บแสบจนหงอไปเลย เจอเข้าอย่างนี้สักทีก็คงเข็ด ไม่กล้าเข้าหน้าพ่อแน่”
บิดาพูดทิ้งท้ายอย่างคนที่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว ขณะที่รุริโกะไม่คิดเช่นนั้น งูที่ฉกพลาดครั้งหนึ่งแล้วจะต้องเตรียมตัวฉกครั้งที่สอง ไม่ใช่เท่านั้นมันอาจมีครั้งที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่สิบ ต่อ ๆ ไปอีกจนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร แต่คนอย่างรุริโกะหรือจะหวั่น ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของสาวบริสุทธิ์ยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
“เจ็บใจจริง ๆ ที่ผู้ชายอย่างนั้นมาทำอย่างนี้กับหนู ไม่ให้เกียรติกันเลย ท่านซุงิโนะก็เหมือนกัน ช่างรับปากรับคำเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับเราได้ ร้ายกาจเหลือเกิน”
รุริโกะพูดไปร้องไห้ไปด้วยความโกรธเคืองผสมตื่นเต้น
“พ่อบอกแล้วไงว่าเรื่องแบบนี้อย่าฟังดีกว่า หนูก็ไม่เชื่อ นายซุงิโนะเป็นคนใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริง ๆ ที่ไปรับเอาเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มาพูดกับเรา พ่อว่ารุริโกะอย่าไปถือคนไร้ยางอายอย่างนายนั่นเลยดีกว่า เรื่องสู่ขออะไรพ่อไม่สนใจสักนิด อยากให้หนูอยู่กับพ่อที่นี่ไปตลอด ยิ่งตอนนี้โคอิชิมีอันเป็นไปอย่างนั้นพ่อก็มีหนูอยู่คนเดียวนี่แหละ ต่อให้เอาเงินมากองเป็นแสนเป็นล้านหรือ ร้อย ๆ ล้าน พ่อก็ไม่ยอมเสียหนูไปหรอก”
บิดาหัวเราะปลอบใจลูกสาว รุริโกะเองก็รู้สึกรักบิดาขึ้นมาอย่างจับใจ คิดจะอยู่เคียงข้างในฐานะคนที่เข้าใจบิดาดีและคอยดูแลปลอบใจให้หายกังวลตลอดนานเท่านาน
“หนูเองก็ตั้งใจจะอยู่ข้าง ๆ ท่านพ่อไปตลอดเหมือนกันเจ้าค่ะ”
รุริโกะบอกก่อนที่จะยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรก เป็นยิ้มเรียบ ๆ ที่งดงามแม้เศร้าสร้อย ในความสงบหลังจากที่พายุใหญ่พัดผ่าน
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
ตอนที่ 7
1
รุริโกะสะดุ้งเหมือนถูกช็อคด้วยไฟแรงสูงเมื่อบิดาบอกว่าท่านซุงิโนะมาพูดเรื่องการสู่ขอ นั่นหมายความว่าการคาดหมายอย่างเด็ก ๆ ของเธอถูกต้อง ท่านบิดาของคู่รักอุตส่าห์มาเจรจาด้วยตนเองโดยตรงจริง ๆ ด้วย แต่ระหว่างการเจรจาคงจะพูดอะไรขวางหูหรือวางท่าอะไรขวางตาตามประสาคนที่ศรศิลป์ไม่กินกัน บิดาผู้ของเธอจึงได้โกรธเกรี้ยวขนาดนั้น คิดมาถึงตรงนี้ รุริโกะรู้สึกชังความถือดีเหลือทนของบิดาตนเองขึ้นมาจับใจ ชังความเอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้งไม่เปิดใจรับฟังคำคนอื่น จนอาจทำให้ชีวิตของเธอพังทลายไปทั้งชีวิตก็เป็นได้ รุริโกะ จึงคาดคั้นเสียงแข็ง
“ทำไมท่านพ่อถึงบอกว่าการสู่ขอเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับหนู ท่านพ่อน่าจะให้หนูรู้ด้วยว่าเรื่องราวเป็นยังไงกัน แล้วจากนั้นจะปฏิเสธหรืออย่างไรก็ค่อยว่ากัน คิดว่าจะไม่สายเกินไป”
คนในครอบครัวนี้ต่างรู้กันดีว่ารุริโกะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองสูง ไม่ยอมก้มหัวให้กับใครง่าย ๆ โดยไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะใครคนนั้นเป็นบิดา พี่ชาย และแม้กระทั่งคนรัก
บิดาแค่นหัวเราะ
“สู่ขอ ใช่ถ้ามันเป็นการสู่ขอธรรมดา พ่อก็ต้องปรึกษากับรุริโกะแน่นอน แค่การสู่ขอของผู้ชายคนนี้มันเป็นการเอาเงินมาซื้อลูกสาวของพ่อโดยเอาคำว่าสู่ขอมาบังหน้า มันเอาเงินมากองเพื่อขอซื้อลูกสาวของพ่อ บ้าบัดซบ”
ดวงตาของบิดาวาวโรจน์ราวกับจะลุกเป็นไฟ รุริโกะเงียบไปเพราะรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมาว่าเรื่องนี้คงจะมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่คิด บิดาไขความอันเป็นต้นเหตุแห่งโทสจริตด้วยเสียงกร้าวและสั่นไหวด้วยแรงอารมณ์
“นายนั่นมาพูดทำนองขอลูกสาว ไอ้เราก็คิดว่าถึงจะไม่ชอบหน้าแต่คิดว่าไหน ๆ เขาก็อุตส่าห์มาพูดถึงบ้านอย่างนี้ก็เลยยอมฟัง เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาสู่ขอหนูให้ใคร ปล่อยให้พูดไปสักพักพ่อก็เลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นด่าแรง ๆ แล้วตะเพิดนายนั่นออกไปนอกบ้าน มาหยามน้ำหน้ากันถึงเรือนอย่างนี้ต่อไปไม่ต้องมาดูดำดูดีกันอีก ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะนายซุงิโนะมาเป็นพ่อสื่อสู่ขอลูกให้กับไอ้ทึ่มที่ไหนไม่รู้อายุตั้ง 45 มีลูกติดถึง 2 คนน่ะซี เท่านั้นยังไม่พอ พอพ่อด่าเข้าให้ก็บอกว่าคนขอแต่งเขาให้เงินเตรียมตัวถึงสามแสนเยนทีเดียว เท่านั้นละพ่อหมดความอดทนเลย”
“หนูคิดดู พ่ออยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว ไม่มีใครมาดูถูกเอาอย่างนี้ ถึงจะยากจนบ้านช่องเอาไปจำนองเขาอย่างนี้ แต่ก็ภูมิใจในเกียรติภูมิของนักการเมืองที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมาตลอด 30 ปี พูดมาได้สามแสนเยน ต่อให้สิบล้านร้อยล้านก็เถอะ มันคิดหรือว่าพ่อจะขายลูกสาวกิน เจ็บใจนัก”
รุริโกะฟังแล้วอัดอั้นตันใจพูดอะไรไม่ถูก เธอเข้าใจความรู้สึกของบิดาดีแต่ไม่อาจหาถ้อยคำมาปลอบโยนให้คลายความโกรธเกรี้ยวลงได้
พอคิดตั้งคำถามขึ้นมาว่าท่านซุงิโนะเกลียดชังบิดาอะไรนักหรือจนถึงกับต้องมาเหยียดหยามกันถึงเรือนเช่นนี้ อกใจของ รุริโกะก็ร้อนเร่าราวกับจะมอดไหม้ไปด้วยความโกรธ ตามมาด้วยความเศร้าสุดซึ้งเมื่อหวนคิดว่าท่านผู้นั้นเป็นบิดาคนรักของตน
“อำนาจเงินแท้ ๆ ที่ทำให้นายนั่นชั่วช้าไปได้ถึงเพียงนี้ ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะทำตัวเป็นตัวกลางชักนำนักการเมืองกับพ่อค้าให้มารู้จักกันเพื่อเงินตัวเดียว เรื่องการสู่ขอวันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าทำสำเร็จก็คงได้ค่าตอบแทนไม่น้อย”
บิดาทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน แล้วเผยว่า
“ผู้ชายคนที่ขอให้นายนั่นมาสู่ขอดูเหมือนจะชื่อนายโชดะ คนที่รุริโกะพบในงานอุทยานสโมสรเมื่อไม่นานมานี้ไงล่ะ”
พอได้ยินชื่อโชดะ หญิงสาวก็นึกถึงแววตาคมกร้าวน่าเกรงขามราวเสือดาวคู่นั้นขึ้นมาทันที แม้คนเยือกเย็น จิตใจมั่นคงอย่างรุริโกะก็ยังขยะแขยงจนขนลุกซู่ราวกับแก้มทั้งสองถูกผีปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวแลบเลีย
2
การที่รุริโกะรู้สึกขยะแขยงเมื่อได้ยินชื่อนายโชดะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ตั้งแต่ได้พบกันโดยบังเอิญในบรรยากาศที่ไม่น่ารื่นรมย์ ทั้งยังประคารมกันอย่างเผ็ดร้อนครั้งนั้นเป็นต้นมา หน้าตาและท่าทางของคนคนนี้ติดแน่นอยู่ในสมองสลัดไม่หลุดราวกับฝันร้ายที่ไม่จางจากใจ
แค่คิดถึงคิ้วเข้มหนาดูรุงรังไม่เป็นระเบียบ จมูกใหญ่ย่น ปากหนา สีหน้าบ่งบอกถึงความมีอัตตาสูง เท่านั้นก็รังเกียจจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งคิดถึงการที่ไปต่อปากต่อคำกับคนอย่างนั้นด้วยแล้วก็ยิ่งขนลุก...คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนคนนี้คือคนที่มาขอแต่งงานกับเรา...แค่คิดก็หนาวไปทั้งตัวราวจับไข้ ช่างเหมือนเรื่องราวของงูขาวกับสาวงามในนิทานเสียเหลือเกิน
รุริโกะ ยากที่จะเข้าใจความคิดของคน ๆ นี้ และยากที่จะเชื่อด้วยว่าเรื่องการสู่ขอนี้เป็นความจริง
“จริงหรือเจ้าคะ ท่านซุงิโนะบอกว่าคน ๆ นั้นคือนายโชดะจริงหรือเจ้าคะ”
“ซุงิโนะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ หรอก แต่พ่อคิดว่าน่าจะใช่ เพราะก่อนจะเข้าเรื่องของหนู เขาพร่ำชมนายโชดะอะไรนั่นยกใหญ่ พ่อก็เลยคิดว่าใช่ นายนั่นเป็นเศรษฐีมีเงินต้องการเชิดชูฐานะตนเองด้วยการแต่งงานกับลูกชาติลูกตระกูล มันก็เท่านั้น แต่นายซุงิโนะนั่นบัดซบเหลือเกินที่เอาเรื่องนี้มาพูดกับพ่อ บ้าจริง ๆ”
ความโกรธของบิดาดูเหมือนจะไม่มีอะไรลึกซึ้งไปกว่าการถูกคู่อริดูหมิ่นศักดิ์ศรีด้วยอำนาจเงินซึ่งรุริโกะรู้ดีว่าบิดาของเธอถือตัวเรื่องเงินมาก และฟังน้ำเสียงที่บิดาพูดถึงนายโชดะแล้วรู้สึกว่าไม่ได้เกลียดโกรธอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะไม่รู้จักกัน
แต่ไม่ใช่รุริโกะ เธอไม่คิดว่าการสู่ขอครั้งนี้เป็นแค่การที่เศรษฐีใหม่คนหนึ่งมีความทะเยอทะยานต้องการแต่งงานกับลูกสาวผู้ดีมีตระกูลเพื่อยกฐานะทางสังคม รุริโกะรู้สึกได้เลยว่าเบื้องหลังท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ที่ถูกบิดาเธอตะเพิดออกจากบ้านด้วยความโกรธเกรี้ยวผู้นั้นมีมือของอสูรร้ายชักใยอยู่ คิดมาถึงตรงนี้ดวงตาที่มีแววมาดร้ายจับจ้องมาที่เธอและคู่รักใต้ต้นซากุระซ้อนบานสะพรั่งก็ปรากฏชัดขึ้นในห้วงคิด สะท้อนให้เห็นความใจเหี้ยมราวอสูรร้ายของคน ๆ นั้นที่จงใจทำร้ายจิตใจของหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยการยืมมือบิดาคนรักของเธอเองมาสู่ขอเธอเช่นนี้
งูพิษ...เธอกำลังถูกงูพิษที่เธอเองทำร้ายให้บาดเจ็บแว้งกัดเอาเข้าแล้ว แต่แทนที่รุริโกะจะกลัวเธอกลับฮึดสู้ขึ้นมา...ก็ลองเข้ามาซิ เป็นได้เห็นดีกันไปข้างหนึ่ง ผู้ชายแบบนั้นนะหรือเมินเสียเถิด ไม่มีทางได้ถูกต้องเนื้อตัวฉันเด็ดขาดแม้แต่ปลายเล็บ...รุริโกะตั้งใจแน่วแน่
“พ่อด่านายซุงิโนะเสียเจ็บแสบจนหงอไปเลย เจอเข้าอย่างนี้สักทีก็คงเข็ด ไม่กล้าเข้าหน้าพ่อแน่”
บิดาพูดทิ้งท้ายอย่างคนที่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว ขณะที่รุริโกะไม่คิดเช่นนั้น งูที่ฉกพลาดครั้งหนึ่งแล้วจะต้องเตรียมตัวฉกครั้งที่สอง ไม่ใช่เท่านั้นมันอาจมีครั้งที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่สิบ ต่อ ๆ ไปอีกจนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร แต่คนอย่างรุริโกะหรือจะหวั่น ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของสาวบริสุทธิ์ยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
“เจ็บใจจริง ๆ ที่ผู้ชายอย่างนั้นมาทำอย่างนี้กับหนู ไม่ให้เกียรติกันเลย ท่านซุงิโนะก็เหมือนกัน ช่างรับปากรับคำเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับเราได้ ร้ายกาจเหลือเกิน”
รุริโกะพูดไปร้องไห้ไปด้วยความโกรธเคืองผสมตื่นเต้น
“พ่อบอกแล้วไงว่าเรื่องแบบนี้อย่าฟังดีกว่า หนูก็ไม่เชื่อ นายซุงิโนะเป็นคนใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริง ๆ ที่ไปรับเอาเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มาพูดกับเรา พ่อว่ารุริโกะอย่าไปถือคนไร้ยางอายอย่างนายนั่นเลยดีกว่า เรื่องสู่ขออะไรพ่อไม่สนใจสักนิด อยากให้หนูอยู่กับพ่อที่นี่ไปตลอด ยิ่งตอนนี้โคอิชิมีอันเป็นไปอย่างนั้นพ่อก็มีหนูอยู่คนเดียวนี่แหละ ต่อให้เอาเงินมากองเป็นแสนเป็นล้านหรือ ร้อย ๆ ล้าน พ่อก็ไม่ยอมเสียหนูไปหรอก”
บิดาหัวเราะปลอบใจลูกสาว รุริโกะเองก็รู้สึกรักบิดาขึ้นมาอย่างจับใจ คิดจะอยู่เคียงข้างในฐานะคนที่เข้าใจบิดาดีและคอยดูแลปลอบใจให้หายกังวลตลอดนานเท่านาน
“หนูเองก็ตั้งใจจะอยู่ข้าง ๆ ท่านพ่อไปตลอดเหมือนกันเจ้าค่ะ”
รุริโกะบอกก่อนที่จะยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรก เป็นยิ้มเรียบ ๆ ที่งดงามแม้เศร้าสร้อย ในความสงบหลังจากที่พายุใหญ่พัดผ่าน