xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “โอะอิวะ” ผีที่ดังที่สุดของญี่ปุ่น (ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์


ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


เรื่องผีโยะสึยะ
(ต่อจากครั้งที่แล้ว)


ขณะที่นอนอยู่ในมุ้ง ทะมิยะ อิเอะมงกะพริบตาถี่ๆ แล้วใช้สองมือขยี้ตาซ้ำ แม้ภาพความหลังทั้งหลายที่ปรากฏบนเพดานมุ้งหายวับไปเพราะแรงขยี้ แต่ความหวาดผวายังคงเกาะกุมจิตใจไม่รู้คลาย เขาหลับตาปี๋ ขณะเดียวกันก็เกรงว่าหากลืมตาขึ้นมาอีก จะเห็นภาพติดตาที่เป็นใบหน้าช้ำเลือดช้ำหนองของโอะอิวะ ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงพลิกตัวนอนคว่ำ และผ่านราตรีนั้นไปอย่างทุลักทุเล

พิธีแต่งงานเริ่มต้นขึ้นในวันถัดไป โอะอุเมะมีสีหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอิบเพราะกำลังจะได้มีชีวิตครอบครัวตามที่ตนหวังไว้หลังจากทนอยู่กับความไม่เชื่อมั่นในรูปโฉมของตัวเองตั้งแต่เริ่มเป็นสาว นี่แหละ คือชีวิตแบบคู่ผัวตัวเมียที่นางเฝ้าฝันถึง อิเอะมงช่างเป็นชายสมชาย รูปร่างกำยำ อกผาย ไหล่กว้าง คิ้วเข้ม แนวขากรรไกรเป็นเส้นคมชัดน่าสัมผัส มีเสน่ห์เย้ายวนใจหญิง แลดูเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นให้แก่หญิงจากตระกูลร่ำรวยอย่างนางได้ดีนัก แม้ฐานะของเขาไม่สู้ดี แต่จะผิดอันใดเล่า คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน นั่นไม่ใช่ความผิดของเขา และในเมื่อนางเองก็มีสมบัติมากมายอยู่แล้ว จะกังวลไปไย ผู้ชายแบบนี้นี่สิ หายากกว่าสมบัติ

“ท่านอิเอะมง ฉันอดทนรอคอยวันนี้มานาน ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงสะสวย แต่บัดนี้ ท่านก็คงเห็นแล้วว่าความไม่สวยของฉัน ก็ยังงามกว่าความอัปลักษณ์ของเมียเก่าท่าน หึ ๆ ๆ”
“อะ...เอ่อ จ้ะ เป็นอย่างที่เจ้าว่าทุกประการ”

พอรับคำจบ อิเอะมงก็นึกถึงภาพใบหน้าทุรนทุรายเหยเกของโอะอิวะ ตลอดจนดวงตาปูดโปนที่ยื่นล้ำออกมาจากเบ้าของเมียเก่า ใจหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกผิด แต่ในเมื่อลงมือถึงขนาดนี้แล้ว ย่อมหวนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ จึงได้แต่คิดปลอบใจตัวเองว่า พอเวลาผ่านไปนานเข้า เดี๋ยวก็ลืมไปเอง

งานแต่งงานผ่านพ้นไปด้วยดี โอะอุเมะไม่เคยสุขใจเช่นนี้มาก่อน บนใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่เสมอตั้งแต่เช้าจนค่ำ ส่วนอิเอะมงนั้น ลึกลงไปภายใต้ใบหน้าถมึงมึง กลับมีแต่ความว้าวุ่นใจ แววตาหม่นหมอง ใจหวิวๆ หวาดหวั่นอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในเร็วๆ นี้

โอะเงีย โอะเงีย

“เอ๊ะ เสียงเหมือนเด็กร้องเลยนะจ๊ะ บ้านใครแถวนี้มีเด็กอ่อนด้วยรึ” โอะอุเมะถามก่อนจะทันได้เอ่ยชวนอิเอะมงเข้านอน
“มะ...ไม่มีนี่ ไปเถอะ เราเข้านอนกันดีกว่า เจ้าคงหูแว่วไปเอง”
“หู... ม่...า...ย แ...ว่....ว ห...ร...อ...ก”
“หือ? เจ้าว่าไงนะ”
“เปล่านี่จ๊ะ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“เอ๊ะ ก็เมื่อกี้เจ้าพูดเสียงยางคาน บอกว่าหูไม่แว่วหรอก นี่อย่ามาเล่นพิเรนทร์ดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้นะ ข้ายิ่งเหนื่อยๆ อยู่ด้วย ไม่สนุกด้วยหรอกนะ” อิเมะมงเอ็ดเสียงเขียว สีหน้าไม่สบอารมณ์ “พูดอะไรบ้าๆ เสียงดงเสียเด็กบ้าบออะไร ในเรือนนี้ก็มีแค่เจ้ากับข้า” อิเอะมงเริ่มหัวเสีย
“จะ...จ้ะ ฉันขอโทษ อ้..า...ย ค...น ท...ร...ย...ศ”

อิเอะมงชะงัก จ้องหน้าเมียใหม่เขม็งในแสงรำไรจากโคม แล้วเบ้ปาก มือขวาคว้าดาบหมับ รูดปลอกดาบออก แล้วเด้งตัวขึ้นยืน ชี้ดาบไปที่หน้าของโอะอุเมะ
“แก แกเป็นใคร!”
“เอ๊ะ ทำไมท่านพูดแบบนี้ล่ะ จำฉันไม่หรือเจ้าคะ โอะอุเมะไงจ๊ะ”
“อิ... โกหก! แก...”
“อ๊ะ ฮะๆๆ” โอะอุเมะหัวเราะเสียงแหลมปรี๊ด “ท่านล้อเล่นใช่ไหม”

ว่าเสร็จ ใบหน้าซีกขวาตรงบริเวณหน้าผากของนางก็ค่อย ๆ บวมขึ้น เป่งออก ตาขวางทั้งสองข้าง พอนางยกมือขึ้นเสยผม ผมก็ร่วงหลุดติดมือออกมา เลือดไหลจากตาขวาปนกับน้ำตา ย้อยลงไปถึงมุมปาก

อิเอะมงกระทืบเท้าปั้กๆ จนเรือนสะเทือน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธระคนความกลัว
“แกเอาเมียข้าไปไว้ที่ไหน นังตัวดี เอาโอะอุเมะของข้าคืนมา”
“ก้...อ ฉั...น นี่... ไ...ง โอะ...อุ...เมะ”
“ไม่! โอะอิวะ หล่อนตายไปแล้ว ก็ไปอยู่ส่วนผีสิ หล่อนอยู่เป็นคนต่อไปก็เป็นตัวถ่วงชีวิตข้า ตายแล้วยังสะเออะมาขัดความสุขข้าอีก มารังควานข้าทำไม นังอนเรียวอย่างเจ้า ไปลงนรกซะไป” อดีตสามีบริภาษโอะอิวะว่าเป็นอนเรียว—ผีพยาบาท
“ไอ้คนทรยศ! แกนั่นแหละที่จะต้องลงนรก” อีกฝ่ายย้อนทันควัน “ข้ารู้แล้วว่าแกฆ่าพ่อข้า ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปตามล่าโจรที่ฆ่าพ่อข้าและจะแก้แค้นให้ หน็อย...ตลบตะแลงสิ้นดี เท่านั้นยังไม่พอ แกจงใจวางยาพิษข้า อยากดูนักใช่ไหมหน้าแบบนี้” โอะอิวะยืนขึ้น เดินเข้าใส่อดีตสามีและยื่นหน้าซีกขวาเข้าหา

ผ่านไปได้อึดใจเดียว อิเมะมงก็ฟันฉับเข้าที่บ่าของผีโอะอิวะ เลือดกระเซ็นขึ้นเลอะใบหูข้างขวาของอิเอะมง
“นึกว่าข้าจะกลัวเรอะ นังผีนรก” อิเอะมงฟันซ้ำ ปากพร่ำด่า “อัปลักษณ์แล้วยังไม่เจียม รู้จักข้าน้อยไปซะแล้ว”

พูดจบก็แทงซ้ำจนปลายดาบทะลุหลัง ครั้นถอนดาบออกก็ซวนเซถอยหลังและกระแทกเข้ากับผนังเรือน จนโคมที่แขวนอยู่ตก กลิ้งหลุนๆ ไปใกล้ๆ ใบหน้าของผีโอะอิวะที่นอนหงายหลังอยู่ต่อหน้า อิเอะมงหอบแฮ่ก ชะเง้อคอมองร่างที่นอนอยู่

“หะ หา? อะ...โอะอุเมะ นะ...นั่นเจ้าหรอกรึ”
“ฮะฮ่า ข้าอยู่นี่” มีเสียงลั่นลงมาจากเพดาน “ไอ้คนทรยศ”

อิเอมะงละสายตาจากศพเมียใหม่ที่นอนตาย แล้วแหงนหน้าขึ้นข้างบน เห็นโอะอิวะนอนหลังติดเพดาน สองตาจ้องลงมาทางนี้ พอเขาแทงดาบขึ้นข้างบน ภาพนั้นก็อันตรธาน คราวนี้โอะอิวะไปยืนที่ประตูห้อง อิเอะมงไม่ยอมแพ้ ตามไล่แทงนางอีก คราวนี้โดนที่ท้อง ทะลุหลังติดหนึบอยู่กับประตู เลือดซึมไปทั่วกระดาษบุประตู

“ฮึๆๆ นึกว่าเป็นผีแล้วจะหนีข้าพ้นเหรอ ฮ่าๆๆ เป็นยังไงล่ะ ได้ตายซ้ำสองคาดาบข้างเลยล่ะสิ” อิเอะมงลำพองใจ

พอชักดาบออก ร่างนั้นก็หายวับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูกระดาษโค่นเข้ามาในห้องเพราะน้ำหนักของวัตถุหนัก

ผู้ที่นอนคว่ำติดประตูนั้นเป็นชาย หาใช่ผีโอะอิวะไม่ อิเอะมงเอาเท้าเขี่ย พยายามพลิกร่างนั้นขึ้น แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นหน้า นั่นมันปู่ของโอะอุเมะ! นั่นมันคนที่ช่วยวางแผนฆ่าโอะอิวะ เขาคงนึกอะไรขึ้นได้จึงย้อนกลับมาหาหลานสาวและได้ยินเสียงเอ็ดตะโร จังหวะที่กำลังจะตะโกนเรียกก็ถูกแทงเสียก่อน

อิเอะมงคลุ้มคลั่ง คุมสติไม่อยู่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าโอะอิวะ เกิดอาการประสาทหลอน และบุกไปที่ตระกูลของเมียใหม่ในคืนนั้น ฆ่าคนในครอบครัวของนางยกตระกูล โดยท้ายสุดก็เตะแม่ยายเสียยับเยินและลากไปถีบตกคลองตาย ขณะที่ในหูยังคงได้ยินเสียงสาปแช่งไม่หยุด ไอ้คนทรยศ ไอ้พวกชั่ว ไปลงนรกซะให้หมด ฆ่ากันให้ตายซะให้หมด!

ที่ริมตลิ่งคลองแห่งนั้น นะโอะซุเกะปรากฏตัวและพบกับอิเอะมงเข้า เขารู้ความจริงอีกแล้วว่าอิเอะมงฆ่าคนมาหลายศพ นะโอะซุเกะบังคับให้อีกฝ่ายส่งมอบเอกสารมีค่ามาให้ มิฉะนั้นจะเปิดเผยความจริง

ส่วนทางด้านนะโอะซุเกะนั้น เรื่องราวติดพันกับโอะโซะเดะก็ยังไม่จบสิ้นดี เขาเคยสัญญากับนางไว้ว่าจะตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของนางให้ แต่ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีก นางยอมตกลงปลงใจกับเขาก็เพราะสัญญาข้อนั้น

แต่แล้ววันหนึ่งสามีเก่าของนางซึ่งใครๆ คิดว่าเขาตายไปแล้วก็ปรากฏตัวขึ้น

“นังแพศยา ผัวยังอยู่ทั้งคน ริอ่านคบชู้สู่ชาย”
“ท่าน ท่านยังไม่ตาย”
“ก็นี่ไงล่ะ ข้ายังอยู่ตรงนี้”

ด้วยความอับอาย โอะโซะเดะจึงขอลาตาย พร้อมทั้งเขียนข้อความบางอย่างทิ้งไว้ หลังจากนะโอะซุเกะได้อ่านข้อความและรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว โอะโซะเดะคือน้องสาวของเขาเอง ด้วยความอับอายอีกเช่นกัน เขาจึงฆ่าตัวตาย

ทางด้านอิเอะมงยังคงถูกผีโอะอิวะหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน จึงหนีไปหลบอยู่ในภูเขาห่างไกล และประสาทหลอนมากขึ้นทุกทีจนแยกไม่ออกระหว่างความฝันกับความจริง ต่อมาวันหนึ่ง อิเอะมงก็เจอสามีเก่าของโอะโซะเดะ และถูกเขาฆ่าตายในที่สุด
ศาลเจ้า O-iwa Inari
เกร็ดปิดท้าย

เรื่องผีโยะสึยะถือว่าเป็นต้นแบบสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นของผีโอะอิวะคือผมยาว ใบหน้าผิดรูป เละเทะน่าเกลียดน่ากลัวเพราะถูกยาพิษ ฉากสำคัญคือฉากหวีผมและมีผมหลุดติดหวีออกมาเป็นกระจุก ผี “ซะดะโกะ ยะมะมุระ” ในภาพยนตร์ดังเรื่อง “ริง” ของญี่ปุ่นก็ได้ต้นแบบจากผีโอะอิวะเช่นกัน โดยมีลักษณะเป็นผีผู้หญิงผมยาว ตาถลน เป็นต้น

ผีโยะสึยะเป็นเรื่องแต่ง โดยมีเค้าโครงความจริงอยู่เล็กน้อย และน่าสนใจตรงที่ว่ามีศาสนสถานซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของโอะอิวะอยู่จริงๆ ในกรุงโตเกียว ที่ย่านโยะสึยะ (ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อตระกูลของคนญี่ปุ่นที่อยู่ในย่านนี้) เคยมีตระกูลทะมิยะอาศัยอยู่ และเป็นที่เชื่อกันว่าผู้ที่เป็นต้นแบบสำหรับเรื่องผีโยะสึยะคือ ครอบครัวของโอะอิวะกับอิเอะมงผู้เป็นสามี ซึ่งเป็นครอบครัวที่อยู่กันอย่างราบรื่นตามอัตภาพ

โอะอิวะตัวจริงตายเมื่อปี พ.ศ.2179 ส่วนเรื่องผีที่แต่งขึ้นนั้น จัดแสดงเป็นละครคะบุกิครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2368 หรือประมาณ 200 ปีหลังจากโอะอิวะตัวจริงตายไปแล้ว ด้วยเหตุที่ว่าโอะอิวะตัวจริงเป็นสตรีตระกูลสูงที่รักครอบครัวและผู้คนก็ชื่นชมอยู่แล้ว เมื่อชื่อถูกนำมาใช้เป็นตัวละครผีซึ่งโด่งดังจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคติชนญี่ปุ่น โอะอิวะจึงได้รับการเคารพในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ความรักหรือชีวิตคู่ประสบความสำเร็จ
ศาลเจ้า O-iwa Inari
ผมไปสำรวจศาสนสถาน 2 แห่งหลักที่ถือว่าเป็นที่สักกราะโอะอิวะมาแล้ว ได้แก่ ศาลเจ้าโอะอิวะ อินะริ ทะมิยะ (於岩稲荷田宮神社; O-iwa Inari Tamiya Jinja) กับ วัดโอะอิวะ อินะริ โยอุนจิ (於岩稲荷陽運寺; O-iwa Inari Yōun-ji) ซึ่งเป็นศาลเจ้าและวัดขนาดเล็กอยู่ในย่านโยะสึยะ และต่างก็อยู่ในละแวกบ้านเดิมของโอะอิวะ ทั้งสองที่นี้เป็นสถานที่ขอพรด้านความรัก และคงเพราะเหตุนี้ วันที่ผมไปจึงพบแต่ผู้หญิง ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของศาสนสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอให้สมหวังในความรัก

หากจะไปชมความงามของสถานที่ตามลักษณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปคาดหวัง ศาลเจ้าและวัดโอะอิวะนี้อาจตอบสนองได้ไม่จุใจนัก เพราะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นในด้านทัศนียภาพ และขนาดของพื้นที่ก็ถือว่าแคบมาก เดินไม่ถึงห้านาทีก็วนครบรอบแล้ว แต่หากผู้ใดสนใจในแง่คติชนและความเชื่อ หรือหากเป็นผู้ที่ชอบสะสมความภูมิใจที่จะได้ไปยังสถานที่ในตำนาน ก็แน่นอนว่าน่าลองแวะไปเดินสักหน่อย เพราะไม่เสียเวลามากนักและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากค่าเดินทาง โดยสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสาย Maru-no-uchi ไปลงที่สถานี Yotsuya San Chōme เดินจากสถานี 5 นาทีก็จะพบศาสนสถานทั้งสองแห่งนี้
ศาลเจ้า O-iwa Inari
ศาลเจ้า O-iwa Inari
วัด Yōun-ji
วัด Yōun-ji
วัด Yōun-ji
วัด Yōun-ji
**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.manager.co.th

กำลังโหลดความคิดเห็น