สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วที่ญี่ปุ่นใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี อากาศเย็นลงและค่อยๆ หนาวแล้ว ช่วงนี้ผู้คนมักจะหาอาหารอร่อยๆ มาทานร่วมกันครับ
มีอาหารอย่างหนึ่งที่มีวางขายตลอดปีในร้านค้าสะดวกซื้อ นั่นคือ โอเด้ง ครับ เพื่อนๆ เคยทานไหม โอเด้งเป็นเมนูอาหารประเภทต้มในน้ำซุป และเป็นอาหารยอดนิยมของครอบครัวในช่วงฤดูหนาว ทำเองได้ไม่ยากและที่ซุปเปอร์มาเก็ตก็มีแบบแพ็กกึ่งสำเร็จขายด้วยแค่ฉีกซองอุ่นหน่อยก็ทานได้เลย จึงทานกันได้ตลอดปี นอกจากนี้ยังหาซื้อง่าย ตามร้านรถเข็นในงานเทศกาลต่างๆ และร้านอาหารทั่วไปรวมทั้งร้านสาเกด้วย ส่วนผสมที่มักจะนำมาทำโอเด้ง เช่น หัวไชเท้าหั่นเป็นก้อนๆ พอคำ , ลูกชิ้นปลาแบบย่าง นึ่งหรือทอดก็ได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ ชิคุวะ หรือลูกชิ้นปลาแบบหลอด, เต้าหูทอด, สาหร่ายคอมบุ, หัวบุก, ไข่ต้ม และอื่นๆ ตามชอบครับ
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเดือนไหนยอดขายโอเด้งดีที่สุดในรอบปีครับ จากผลสำรวจ โพลแห่งหนึ่งบอกว่าเดือนกันยายนเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด เพราะเริ่มเข้าสู่เวลาที่อากาศเย็น คนเริ่มอยากทานอาหารที่อุ่น นอกจากนั้นเมื่ออากาศยิ่งหนาวเย็นลงอาหารต้มๆ อุ่นร้อนจึงยังขายดีตลอด
มีนักเขียนท่านหนึ่งบอกว่าการที่ร้านค้าสะดวกซื้อมีไอเดียการขายโอเด้งที่ร้านนับว่าเป็นแนวคิดที่อัจฉริยะมาก ดีมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า คนญี่ปุ่นมีความเครียดสูงติดอันดับโลก มีคนฆ่าตัวตายสูงมากเฉลี่ยปีละ 3 หมื่นกว่าคนได้ ช่วงที่มีคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดคือช่วงเดือนกันยายนและเดือนพฤษภาคม เพราะเดือนกันยายนคนยังออกไปข้างนอกได้แต่หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู้หน้าหนาวมันหนาวจริงๆ คนแทบไม่อยากออกไปไหนมาไหน นี่พูดถึงคนที่ไม่มีการไม่มีงานทำนะครับ มีบางคนที่ซึมเศร้ามากๆ ยิ่งช่วงใกล้หนาวยิ่งกระตุ้นความเหงาและส่งผลให้คนที่คิดฆ่าตัวตายยิ่งอยากหนีโลกมากกว่าภาวะปกติ แต่คนซึมเศร้าบางคนที่เข้ามาในร้านสะดวกซื้อแล้วเห็นมุมที่ต้มโอเด้งแล้วทำให้เกิดความสะกิดใจหวนคิดถึงความอบอุ่นของครอบครัวตอนวัยเยาว์ที่เคยร่วมวงกินข้าว กินโอเด้งด้วยกันมาก่อน หยุดคิดที่จะฆ่าตัวตายได้หลายคน
เอาล่ะกลับมาเรื่องอาหารอร่อยอีกอย่างที่คนเริ่มสนุกสนานที่จะร่วมวงกันทานครับ มาพูดถึง Sukiyaki กันครับ สุกี้ยากี้ญี่ปุ่นแตกต่างจากสุกี้ยากี้ที่คนไทยคิดสักนิดหน่อย ที่ร้านสุกี้ยากี้ของเมืองไทย ผมก็คิดว่าอร่อยมากครับ แต่ถ้าร้านสุกี้ยากี้ที่ญี่ปุ่นแล้วราคาค่อนข้างแพง สุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นนี้จะไม่ได้กินกับน้ำจิ้มเหมือนที่บ้านเรา ที่ญี่ปุ่นใช้วิธีชุบไข่เวลาจะทานจะต้มของที่ทานมาจิ้มกับไข่ดิบแล้วทาน ซึ่งไข่นี้จะทำให้รสชาติหวานและเค็มของสุกี้ยากี้นั้นกลมกล่อมมากขึ้น และลดความร้อนจากของที่ต้มเดือดด้วย มีร้านสุกี้ยากี้โดยเฉพาะแบบพรีเมียมเป็นร้านที่แพงเว่อร์ถึงขั้นที่ว่าลูกค้าต้องที่จองห้องส่วนตัวล่วงหน้า ในห้องที่จะมีสาวเสิร์ฟของร้านใส่กิโมโนมาคอยให้บริการอย่างใกล้ชิด ลูกค้าจิ้มเนื้อชุบไข่ครั้งหนึ่ง สาวก็จะยกถ้วยไข่เก่าออก แล้วตอกไข่ฟองใหม่ให้ ขนาดนั้นเลยทีเดียว แต่ผมไม่เคยไปหรอกครับร้านแบบนี้ (^_-) น่าเสียดายไข่นะแถมนั่งๆ ไปไม่เป็นส่วนตัว แพงด้วยแค่เริ่มเข้ามาก็โดนชาร์จค่าบริการเป็นหมื่นเยนแล้ว ทำทานเองกับเพื่อนหรือกับที่บ้านดีกว่าไหมนะ แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์สักครั้งต้องลองครับ
พูดถึงสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นที่จริงแล้วถ้าเป็นประเภทเนื้อจะใช้แค่เนื้อวัวเท่านั้น วิธีทำอาจจะแล้วแต่ภูมิภาค เช่นวิธีของคันไซ ( แถวโอซาก้า เกียวโต โกเบ เป็นต้น ) กับวิธีปรุงของแถบคันโต ( โตเกียวและรอบๆ) ก็แตกต่างกัน ที่คันไซชอบต้มน้ำซุปแบบเข้มข้น มีรสเข้มมาก แต่สุกี้ยากี้ที่ขายที่ร้านที่เมืองไทยใช้ซุปใสจะคล้ายแถบคันโต ซึ่งวิธีทำสุกี้ยากี้โดยเริ่มที่น้ำซุปคือ น้ำซุปของสุกี้ยากี้ ผมใช้สูตรตักเครื่องปรุงที่จะกล่าวถึงด้านล่างในปริมาณเท่ากันถ้าหนึ่งช้อนก็หนึ่งช้อนเท่ากันทุกเครื่องปรุง แต่ท่านใดชอบเค็มชอบหวานก็เพิ่มตามชอบครับ
🍲 น้ำเปล่า
🍲โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น)
🍲 เหล้าหวานมิริน
🍲 เหล้าสาเก เหล้าสำหรับปรุงรสอาหาร
🍲 น้ำตาลทราย
เครื่องต้มที่ผมแนะนำมี
🍄 เนื้อวัวสไลด์
🍄 ผักกาดขาว
🍄 เต้าหู้ขาวย่าง
🍄 เนงิหรือต้นหอมญี่ปุ่น หั่นใช้ทั้งส่วนสีขาวและสีเขียว
🍄 เห็ดหอมสด
🍄 เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ
🍄 เส้นชิราตะกิ
🍄 ไข่ไก่
🍄 ฟองเต้าหู้
และอื่นๆ ตามชอบ เตรียมเพื่อใส่ลงในหม้อที่เตรียมน้ำซุปไว้ อาจมีอุด้ง ด้วย(ใส่หม้อทานตอนสุดท้ายที่เครื่องอื่นหมดแล้วอร่อยมาก)
จากนั้นให้จัดล้างหั่นเครื่องต่างๆ ใส่ถาด หรือจานขนาดใหญ่เตรียมไว้ เริ่มปรุงน้ำซุป โดยนำกระทะสุกี้ยากี้ตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำเปล่าต้มไฟปรุงน้ำซุปรสชาติตามชอบ จนเดือดใส่เครื่องต่างๆ ลงไปต้มต่อสักพักให้เนื้อและผักสุก ก็รับประทานได้ น้ำจิ้มก็ไข่ดิบครับ เตรียมไข่ตอกใส่ถ้วยตีพอแตกไว้สำหรับกินกับสุกี้ยากี้ อร่อยไปเลย
ทานสุกี้ยากี้กับครอบครัวและเพื่อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ผิงไออุ่นจากเตาไปด้วยคุยไปด้วยสนุกสนานครับ และพูดถึงสุกี้ยากี้แล้วเพื่อนๆ คงเคยได้ยินเพลงสุกี้ยากี้กันบ้างนะครับ เนื้อเพลงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอาหารที่เราทำทานกันเลยครับแต่เป็นเพลงอมตะ ฟังแล้วเหงาๆ แต่ซาบซึ้งใจ สุกี้ยากี้ ( Sukiyaki) เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่ขับร้องโดย 坂本九 Kyu Sakamoto ชื่อเพลง "สุกี้ยากี้" เป็นชื่อที่ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากกลุ่มผู้ฟังผู้ใช้ภาษาอังกฤษ มีความยากลำบากในการออกเสียงชื่อเพลงและจำชื่อเพลง จึงทำให้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น "สุกี้ยากี้" การใช้คำนี้มีวัตถุประสงค์ให้ชื่อ สั้น ติดหู เป็นที่จดจำในความเป็นญี่ปุ่น และมีความคุ้นเคยกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ถือเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นเพลงเดียวที่สามารถขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของอเมริกาในช่วงเวลานั้นได้ มียอดขายกว่า 13 ล้านชุดทั่วโลก เพลงฉบับดั้งเดิมออกขายในประเทศญี่ปุ่นโดยโตชิบาในปี ค.ศ. 1961 ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวที่โพคารา ประเทศเนปาล อากาศหนาวมากเหงาเอาการเลย แล้วจู่ๆ ร้านอาหารที่ผมไปทานอาหารก็เปิดเพลง สุกี้ยากี้ขึ้นมา ผมนี่อินเลย ใครอยู่ในอารมณ์นี้ลองหามาฟังนะครับ อ๋อเพลงไม่ได้บอกหรอกว่าอกหักแต่ฟังแล้วพอเดาได้ก็อารมณ์คนที่อยู่คนเดียวดึกๆ เดินเงยหน้าเข้าไว้ เพราะอะไรต้องเงยหน้าก็ไม่อยากให้น้ำตามันไหลออกมานั่นเอง!! เพลงอมตะดีครับ วันนี้สวัสดีครับ
มีอาหารอย่างหนึ่งที่มีวางขายตลอดปีในร้านค้าสะดวกซื้อ นั่นคือ โอเด้ง ครับ เพื่อนๆ เคยทานไหม โอเด้งเป็นเมนูอาหารประเภทต้มในน้ำซุป และเป็นอาหารยอดนิยมของครอบครัวในช่วงฤดูหนาว ทำเองได้ไม่ยากและที่ซุปเปอร์มาเก็ตก็มีแบบแพ็กกึ่งสำเร็จขายด้วยแค่ฉีกซองอุ่นหน่อยก็ทานได้เลย จึงทานกันได้ตลอดปี นอกจากนี้ยังหาซื้อง่าย ตามร้านรถเข็นในงานเทศกาลต่างๆ และร้านอาหารทั่วไปรวมทั้งร้านสาเกด้วย ส่วนผสมที่มักจะนำมาทำโอเด้ง เช่น หัวไชเท้าหั่นเป็นก้อนๆ พอคำ , ลูกชิ้นปลาแบบย่าง นึ่งหรือทอดก็ได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ ชิคุวะ หรือลูกชิ้นปลาแบบหลอด, เต้าหูทอด, สาหร่ายคอมบุ, หัวบุก, ไข่ต้ม และอื่นๆ ตามชอบครับ
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเดือนไหนยอดขายโอเด้งดีที่สุดในรอบปีครับ จากผลสำรวจ โพลแห่งหนึ่งบอกว่าเดือนกันยายนเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด เพราะเริ่มเข้าสู่เวลาที่อากาศเย็น คนเริ่มอยากทานอาหารที่อุ่น นอกจากนั้นเมื่ออากาศยิ่งหนาวเย็นลงอาหารต้มๆ อุ่นร้อนจึงยังขายดีตลอด
มีนักเขียนท่านหนึ่งบอกว่าการที่ร้านค้าสะดวกซื้อมีไอเดียการขายโอเด้งที่ร้านนับว่าเป็นแนวคิดที่อัจฉริยะมาก ดีมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า คนญี่ปุ่นมีความเครียดสูงติดอันดับโลก มีคนฆ่าตัวตายสูงมากเฉลี่ยปีละ 3 หมื่นกว่าคนได้ ช่วงที่มีคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดคือช่วงเดือนกันยายนและเดือนพฤษภาคม เพราะเดือนกันยายนคนยังออกไปข้างนอกได้แต่หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู้หน้าหนาวมันหนาวจริงๆ คนแทบไม่อยากออกไปไหนมาไหน นี่พูดถึงคนที่ไม่มีการไม่มีงานทำนะครับ มีบางคนที่ซึมเศร้ามากๆ ยิ่งช่วงใกล้หนาวยิ่งกระตุ้นความเหงาและส่งผลให้คนที่คิดฆ่าตัวตายยิ่งอยากหนีโลกมากกว่าภาวะปกติ แต่คนซึมเศร้าบางคนที่เข้ามาในร้านสะดวกซื้อแล้วเห็นมุมที่ต้มโอเด้งแล้วทำให้เกิดความสะกิดใจหวนคิดถึงความอบอุ่นของครอบครัวตอนวัยเยาว์ที่เคยร่วมวงกินข้าว กินโอเด้งด้วยกันมาก่อน หยุดคิดที่จะฆ่าตัวตายได้หลายคน
เอาล่ะกลับมาเรื่องอาหารอร่อยอีกอย่างที่คนเริ่มสนุกสนานที่จะร่วมวงกันทานครับ มาพูดถึง Sukiyaki กันครับ สุกี้ยากี้ญี่ปุ่นแตกต่างจากสุกี้ยากี้ที่คนไทยคิดสักนิดหน่อย ที่ร้านสุกี้ยากี้ของเมืองไทย ผมก็คิดว่าอร่อยมากครับ แต่ถ้าร้านสุกี้ยากี้ที่ญี่ปุ่นแล้วราคาค่อนข้างแพง สุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นนี้จะไม่ได้กินกับน้ำจิ้มเหมือนที่บ้านเรา ที่ญี่ปุ่นใช้วิธีชุบไข่เวลาจะทานจะต้มของที่ทานมาจิ้มกับไข่ดิบแล้วทาน ซึ่งไข่นี้จะทำให้รสชาติหวานและเค็มของสุกี้ยากี้นั้นกลมกล่อมมากขึ้น และลดความร้อนจากของที่ต้มเดือดด้วย มีร้านสุกี้ยากี้โดยเฉพาะแบบพรีเมียมเป็นร้านที่แพงเว่อร์ถึงขั้นที่ว่าลูกค้าต้องที่จองห้องส่วนตัวล่วงหน้า ในห้องที่จะมีสาวเสิร์ฟของร้านใส่กิโมโนมาคอยให้บริการอย่างใกล้ชิด ลูกค้าจิ้มเนื้อชุบไข่ครั้งหนึ่ง สาวก็จะยกถ้วยไข่เก่าออก แล้วตอกไข่ฟองใหม่ให้ ขนาดนั้นเลยทีเดียว แต่ผมไม่เคยไปหรอกครับร้านแบบนี้ (^_-) น่าเสียดายไข่นะแถมนั่งๆ ไปไม่เป็นส่วนตัว แพงด้วยแค่เริ่มเข้ามาก็โดนชาร์จค่าบริการเป็นหมื่นเยนแล้ว ทำทานเองกับเพื่อนหรือกับที่บ้านดีกว่าไหมนะ แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์สักครั้งต้องลองครับ
พูดถึงสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นที่จริงแล้วถ้าเป็นประเภทเนื้อจะใช้แค่เนื้อวัวเท่านั้น วิธีทำอาจจะแล้วแต่ภูมิภาค เช่นวิธีของคันไซ ( แถวโอซาก้า เกียวโต โกเบ เป็นต้น ) กับวิธีปรุงของแถบคันโต ( โตเกียวและรอบๆ) ก็แตกต่างกัน ที่คันไซชอบต้มน้ำซุปแบบเข้มข้น มีรสเข้มมาก แต่สุกี้ยากี้ที่ขายที่ร้านที่เมืองไทยใช้ซุปใสจะคล้ายแถบคันโต ซึ่งวิธีทำสุกี้ยากี้โดยเริ่มที่น้ำซุปคือ น้ำซุปของสุกี้ยากี้ ผมใช้สูตรตักเครื่องปรุงที่จะกล่าวถึงด้านล่างในปริมาณเท่ากันถ้าหนึ่งช้อนก็หนึ่งช้อนเท่ากันทุกเครื่องปรุง แต่ท่านใดชอบเค็มชอบหวานก็เพิ่มตามชอบครับ
🍲 น้ำเปล่า
🍲โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น)
🍲 เหล้าหวานมิริน
🍲 เหล้าสาเก เหล้าสำหรับปรุงรสอาหาร
🍲 น้ำตาลทราย
เครื่องต้มที่ผมแนะนำมี
🍄 เนื้อวัวสไลด์
🍄 ผักกาดขาว
🍄 เต้าหู้ขาวย่าง
🍄 เนงิหรือต้นหอมญี่ปุ่น หั่นใช้ทั้งส่วนสีขาวและสีเขียว
🍄 เห็ดหอมสด
🍄 เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ
🍄 เส้นชิราตะกิ
🍄 ไข่ไก่
🍄 ฟองเต้าหู้
และอื่นๆ ตามชอบ เตรียมเพื่อใส่ลงในหม้อที่เตรียมน้ำซุปไว้ อาจมีอุด้ง ด้วย(ใส่หม้อทานตอนสุดท้ายที่เครื่องอื่นหมดแล้วอร่อยมาก)
จากนั้นให้จัดล้างหั่นเครื่องต่างๆ ใส่ถาด หรือจานขนาดใหญ่เตรียมไว้ เริ่มปรุงน้ำซุป โดยนำกระทะสุกี้ยากี้ตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำเปล่าต้มไฟปรุงน้ำซุปรสชาติตามชอบ จนเดือดใส่เครื่องต่างๆ ลงไปต้มต่อสักพักให้เนื้อและผักสุก ก็รับประทานได้ น้ำจิ้มก็ไข่ดิบครับ เตรียมไข่ตอกใส่ถ้วยตีพอแตกไว้สำหรับกินกับสุกี้ยากี้ อร่อยไปเลย
ทานสุกี้ยากี้กับครอบครัวและเพื่อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ผิงไออุ่นจากเตาไปด้วยคุยไปด้วยสนุกสนานครับ และพูดถึงสุกี้ยากี้แล้วเพื่อนๆ คงเคยได้ยินเพลงสุกี้ยากี้กันบ้างนะครับ เนื้อเพลงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอาหารที่เราทำทานกันเลยครับแต่เป็นเพลงอมตะ ฟังแล้วเหงาๆ แต่ซาบซึ้งใจ สุกี้ยากี้ ( Sukiyaki) เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่ขับร้องโดย 坂本九 Kyu Sakamoto ชื่อเพลง "สุกี้ยากี้" เป็นชื่อที่ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากกลุ่มผู้ฟังผู้ใช้ภาษาอังกฤษ มีความยากลำบากในการออกเสียงชื่อเพลงและจำชื่อเพลง จึงทำให้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น "สุกี้ยากี้" การใช้คำนี้มีวัตถุประสงค์ให้ชื่อ สั้น ติดหู เป็นที่จดจำในความเป็นญี่ปุ่น และมีความคุ้นเคยกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ถือเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นเพลงเดียวที่สามารถขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของอเมริกาในช่วงเวลานั้นได้ มียอดขายกว่า 13 ล้านชุดทั่วโลก เพลงฉบับดั้งเดิมออกขายในประเทศญี่ปุ่นโดยโตชิบาในปี ค.ศ. 1961 ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวที่โพคารา ประเทศเนปาล อากาศหนาวมากเหงาเอาการเลย แล้วจู่ๆ ร้านอาหารที่ผมไปทานอาหารก็เปิดเพลง สุกี้ยากี้ขึ้นมา ผมนี่อินเลย ใครอยู่ในอารมณ์นี้ลองหามาฟังนะครับ อ๋อเพลงไม่ได้บอกหรอกว่าอกหักแต่ฟังแล้วพอเดาได้ก็อารมณ์คนที่อยู่คนเดียวดึกๆ เดินเงยหน้าเข้าไว้ เพราะอะไรต้องเงยหน้าก็ไม่อยากให้น้ำตามันไหลออกมานั่นเอง!! เพลงอมตะดีครับ วันนี้สวัสดีครับ