xs
xsm
sm
md
lg

“หอมกรุ่น” น้ำสต๊อกเด็กสำเร็จรูป ตอบโจทย์ลูกๆกินข้าวยาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“หอมกรุ่น” เป็นแบรนด์น้ำสต๊อกสำหรับเด็กน้อย ที่เกิดจากความคิดของคุณหมอสาว ชื่อว่า “อัจฉรา สัมฤทธิวณิชชา” ซี่งประสบปัญหาลูกกินข้าวยากก็เลยต้องหาวิธีทำอาหารได้มาเป็นสูตรน้ำสต๊อกที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนชวนเด็กๆ อยากกินข้าวมากขึ้น จึงได้เป็นที่มาของชื่อ “หอมกรุ่น”

หลังจากได้รู้จัก หอมกรุ่น กันไปแล้ว ครั้งนี้ “หมออัจฉรา” เล่าถึงน้ำสต๊อกเด็ก หอมกรุ่น ว่าเกิดเป็นธุรกิจได้อย่างไร

“สูตรน้ำสต๊อก หอมกรุ่น เกิดขึ้นมาจากคุณแม่ของสามีเห็นว่าหลานกินข้าวไม่ค่อยได้ คุณย่าก็เลยมาทำน้ำสต๊อกทิ้งเอาไว้ให้ เพื่อให้เราใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารให้หลานกิน ปรากฏว่าพอใช้น้ำสต๊อกของคุณย่าเด็กๆ ก็กินข้าวได้มากขึ้น สุดท้ายเวลาทำอาหารต้องให้คุณย่ามาทำน้ำสต๊อกให้ และหมอก็ได้เรียนรู้การทำน้ำสต๊อกจากคุณย่า จนมาวันหนึ่งรู้สึกว่ากว่าจะเตรียมน้ำสต๊อกได้เสร็จแต่ละวันต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำไมไม่มีน้ำสต๊อกสำเร็จรูปแบบนี้ออกมาจำหน่าย สามีของหมอแนะนำ  ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ลองทำขาย เพราะคงมีคนคิดเหมือนกับเราก็น่าจะขายได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ การทำน้ำสต๊อกเด็กหอมกรุ่น สำหรับเด็กวัย 6 เดือน ถึง 1 ปีขึ้นไป” หมออัจฉรากล่าว
น้ำสต็อกที่พร้อมจะนำไปเป็นส่วนผสมของอาหาร
สำหรับสูตรการทำน้ำสต๊อกหอมกรุ่นมี 3 สูตร คือ หมู ไก่ และปลา โดยส่วนผสมหลักประกอบด้วย สูตรหมู กระดูกซี่โครงหมูสันหลัง เพราะไขมันน้อย และผัก 5 ชนิด ได้แก่ ไชเท้า, แครอท, กะหล่ำปลี, ข้าวโพด และหัวหอม ส่วนสูตรน้ำสต๊อกไก่ เลือกใช้เนื้อไก่ที่นำเอาหนังออก ลงไปต้มทั้งตัว และซี่โครงไก่ ส่วนผักจะใช้น้อยกว่าสูตรหมู เพราะต้องการให้กลิ่นของน้ำซุปไก่ที่หอม ผักที่ใช้ได้แก่ ไชเท้า แครอท มันฝรั่ง และข้าวโพด โดยเนื้อสัตว์เลือกใช้จากฟาร์มระบบปิดของเบทาโกร เพราะเป็นฟาร์มที่เรามั่นใจว่าเขาเลี้ยงแบบปลอดสาร ส่วนผักเดิมซื้อจากตลาดทั่วไปที่ไม่ใช่ผักออร์แกนิก เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มั่นใจฟาร์มผักออร์แกนิกว่าเขาเป็นออร์แกนิกจริงหรือไม่ แต่จะใช้วิธีซื้อผักจากตลาดและมาล้างแช่น้ำด้วยเบกกิ้งโซดา เพราะเบกกิ้งโซดาช่วยล้างสารตกค้างได้มากถึง 95%
อัจฉรา  สัมฤทธิ์วณิชชา คุณหมอ เจ้าของไอเดีย
แต่ปัจจุบันได้หันมาใช้ผักของโครงการหลวงฯ หลังจากได้ขอความช่วยเหลือจากสถาบันอาหารแนะนำเรื่องการผลิต ทำให้ได้รู้จักกับผักโครงการหลวงฯ มากขึ้น ว่าเขามีขั้นตอนการเก็บก่อนถึงมือผู้บริโภค โดยคงคุณค่าของสารอาหารและรสชาติของผักที่ยังหวานอยู่ และยังได้มีส่วนช่วยให้โครงการหลวงฯ จำหน่ายผักได้มากขึ้น เพราะบางช่วงเวลาผักออกมาล้นตลาดจำหน่ายไม่ทัน และได้ผักที่คุณภาพ ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้คุณแม่ๆ ที่จะซื้อน้ำสต๊อกให้ลูกๆ ได้กินแบบปลอดภัย
บรรจุในซองที่เป็นปลอดภัยต่อการบรรจุอาหารทนร้อน ทนเย็น
เมื่อถามว่า "ทำไมคุณแม่ถึงต้องซื้อน้ำสต๊อกหอมกรุ่น ทำเองไม่ได้เหรอ" หมออัจฉรา ตอบว่า การทำเองได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหมอเองก่อนจะทำขายก็ทำให้ลูกกินเอง แต่ การทำเองต้องใช้เวลานานในการเคี่ยวน้ำสต๊อกถึงเกือบ 6 ชั่วโมง และขั้นตอนการล้างผัก เนื้อสัตว์ ก็เป็นชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียเวลา แต่เพื่อลูกเราก็ต้องทำ และเมื่อพอมีทางเลือกที่ซื้อสำเร็จได้ หมอก็เลือกที่จะซื้อสำเร็จ ถ้าได้น้ำสต๊อกที่รสชาติถูกใจลูก และคุณภาพได้มาตรฐานปลอดภัยต่อการบริโภค ซึ่งหมอก็บอกสูตรทั้งหมด ไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเติม จากผักและเนื้อสัตว์ ซึ่งคุณแม่ก็บอกว่าลองทำแล้วได้รสชาติไม่เหมือนสูตรของหมอ ทั้งนี้ที่ไม่เหมือนคงอยู่ที่เทคนิคระดับการใช้ไฟ และระยะเวลาในการเคี่ยว ซึ่งหมอเองก็ลองผิดลองถูกอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะลงตัว และได้รสชาติอย่างที่ลูกๆ ชื่นชอบ เพราะสูตรของคุณย่าที่ต้มให้เราก็ยังต้องมาปรับอีก ก่อนจะนำออกมาจำหน่าย
 ผสมกับข้าวบดให้เด็กกิน
หมออัจฉราเล่าว่า ในส่วนของการทำตลาด เริ่มต้นจากการขายผ่านเฟซบุ๊ก ไอจี และไลน์ ซึ่งเหมือนพ่อค้า แม่ค้ามือใหม่ คอยแนะนำตัวเองว่าขายอะไร สินค้าของเราดียังไง โดยหมอมองว่า คุณแม่คนอื่นๆ เจอปัญหาเหมือนกับเรา คือลูกไม่ค่อยกินข้าว แต่พอได้ซื้อน้ำสต๊อกของเราไปทำอาหารให้ลูกกิน ปรากฏว่าลูกชื่นชอบ และกินข้าวได้เยอะขึ้น หลายคนอาจจะคิดว่า เด็กไม่รับรู้รสชาติ แต่จริงๆ เด็กๆ เริ่มรับรู้รสชาติอาหารเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่รสชาติที่เราป้อนให้เป็นรสชาติความหวาน หอมจากธรรมชาติ เนื้อสัตว์และผัก ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายของเด็กๆ

นอกจากการขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการออกร้านงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับเด็ก ได้ผลการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการผลิต ยังคงใช้เตาแก๊ส และหม้อต้มแบบเดิมที่หมอเคยต้มให้กับลูกๆ ขนาดใหญ่กว่า แต่ละหม้อใช้ระยะเวลาในการเคี่ยว 4-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อสัตว์ หลังจากนั้นก็จะกรองเอาแต่น้ำ ส่วนกากที่เหลือนำไปเป็นอาหารให้กับสุนัขที่ไม่มีเจ้าของที่วัด ในอนาคตมีแผนนำกากอาหารที่เหลือเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น โดยอาจจะนำมาแปรรูปเป็นอาหารสุนัขอัดเม็ดจำหน่าย
เนื้อไก่ลอกหนังออกพร้อมนำไปเคี่ยว ออกมาเป็นน้ำสต็อกไก่
ทั้งนี้ น้ำสต๊อกหอมกรุ่นนั้นสามารถเก็บได้นาน 3 เดือน ถ้าเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง ที่แช่นมแม่ โดยกระบวนการผลิตจะใช้วิธีการพาสเจอไรซ์ และแช่ในตู้เย็นที่อุณหภูมิลบ 40 องศา สามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือน เมื่อนำมาละลายน้ำแข็งรสชาติของน้ำสต๊อกก็ยังคงเดิม โดยใน 1 ซองจะบรรจุน้ำสต๊อก 200 มิลลิลิตร ราคาถุงละ 45 บาท (หมู) และ 55 บาท (ไก่, ปลา) ใน 1 ถุงจะนำไปปรุงอาหารให้เด็กได้ 2-3 มื้อ ปัจจุบันมีลูกค้าทั่วประเทศ ใช้การส่งของโดยบริษัทขนส่ง ค่าส่ง เริ่มต้นที่ 200 บาท ส่วนในกรุงเทพฯ จะขึ้นอยู่กับระยะทาง ส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯ ถ้าสะดวกมารับของเองหมอจะมีคลินิกที่ซอยอารีย์
หม้อต้ม ที่ใช้เคี่ยวน้ำสต็อก
สนใจ โทร. 09-8530-9909 www.facebook.com/HamgroonBaby Stock


* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น