xs
xsm
sm
md
lg

จากร้านขายกิ๊บทุน 800 บาท สร้างแฟรนไชส์ทุกอย่าง 10 บาท 120 สาขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร้านต้นแบบ แฟรนไชส์
ร้านขายสินค้าราคา 20 บาททุกอย่าง วันนี้ไม่ใช่ร้านขายของถูกอีกต่อไป เพราะเรามีร้านขายสินค้าที่ถูกกว่า อย่าง 10 บาททุกอย่าง เป็นทางเลือกให้แก่คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสินค้าราคาไม่แพง หรือใครที่กำลังมองหาธุรกิจขายสินค้าราคาถูก วันนี้ทางแฟรนไชส์กิฟต์ชอป “สตรอเบอร์รีคลับ” เขาจะได้มาบอกเล่าเรื่องราวของร้าน 10 บาท ให้ได้รู้จักมากขึ้น
“ปภาดา  ชัยพันธ์”  เจ้าของแฟรนไชส์ กิ๊ฟชอป สตอเบอรีคลับ
“ปภาดา ชัยพันธ์” เจ้าของแฟรนไชส์ สตรอเบอร์รีคลับ เล่าว่า ร้านขายสินค้า 10 บาททุกอย่างของตนจะแบ่งกลุ่มสินค้าแตกต่างไปจากร้าน 20 บาท เพราะของเราจะเน้นไปที่กลุ่ม นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือเด็กๆ ในขณะที่สินค้า ร้าน 20 บาท จะมุ่งไปที่กลุ่มแม่บ้านเป็นหลัก สินค้าก็เลยจะหนักไปที่กลุ่มของใช้ภายในบ้าน แต่ร้านสตรอเบอร์รีคลับจะออกแบบให้เป็นลักษณะของร้านกิฟต์ชอป สินค้าภายในร้าน ได้แก่ กิ๊บติดผม โบผูกผม สินค้าในกลุ่มความงาม เครื่องเขียน รวมไปถึงของตกแต่งบ้าน ของใช้ภายในบ้าน และที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาจะเป็นงานพลาสติก โดยแหล่งที่มาจากโรงงานในประเทศไทย 30% สินค้านำเข้าจากประเทศจีน 60% และที่เหลือจะมีสินค้าจากประเทศเกาหลีบ้างเล็กน้อย

“จุดแข็งของสินค้าเราคือ มีความน่ารักเพราะบางครั้งลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านของเราไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะไร แต่พอได้เห็นถึงความน่ารักของสินค้า และเงินแค่ 10 บาท ทุกคนก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือออกไปอย่างแน่นอน และสิ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้การเลือกสินค้าน่ารักมาขายในร้าน คือ คุณภาพ เพราะการซื้อสินค้าราคาถูก ไม่ใช่คุณภาพจะต้องเหมือนราคา เพราะปัจจุบันเรามีทางเลือกที่เยอะขึ้นจากผู้ผลิตจำนวนมาก ทำให้สามารถเลือกสินค้าที่คุณภาพดี ราคาถูกได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้สินค้าที่เกินราคา สุดท้ายจะได้ลูกค้าประจำที่แวะเวียนกลับมาหาเราอีก หรือได้ลูกค้ารายใหม่อยู่เรื่อยจากการบอกกันแบบปากต่อปาก”
สินค้าพลาสติก สินค้าใหม่ที่ทางเจ้าของร้านจัดมาภายหลัง
นอกจากนี้ จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของทางร้านที่ทำให้ “สตรอเบอร์รีคลับ” แจ้งเกิดมาได้ถึงทุกวันนี้ทั้งที่มีคู่แข่งในตลาดจำนวนมาก  นั่นคือ การจัดร้าน ซึ่ง “ปภาดา” บอกกับเราว่า เธอให้ความสำคัญต่อการจัดร้าน แบ่งสินค้าเป็นหมวดหมู่ เธอบอกว่า ที่ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากตรงนี้  ที่ผ่านมาเธอเคยเปิดขายแฟรนไชส์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสินค้าที่จัดในร้านไม่ดึงดูดลูกค้ามากพอ ทำให้ต้องหยุดเรื่องการขายแฟรนไชส์ไปประมาณ 1 ปี และหันมามองว่าเราผิดพลาดเรื่องอะไรทำไมแฟรนไชส์เราถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ซึ่งพบว่าการจัดร้านที่ดูไม่น่าสนใจของแฟรนไชส์ที่เขาไปทำเอง ดังนั้น พอกลับมาขายแฟรนไชส์ใหม่อีกครั้ง เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้วางคอนเซ็ปต์การจัดร้านให้กับลูกค้าเองทั้งหมด ซึ่งจุดขายของร้านสินค้าราคาถูก คือ การมีสินค้าให้เลือกจำนวนมากๆ และมีสินค้าใหม่เข้ามาอยู่เรื่อย ทุกอย่างจะต้องถูกจัดวางให้ดูสวยงาม และน่าสนใจ ตรงนี้คือจุดของ “สตรอเบอร์รีคลับ” ทำให้ประสบความสำเร็จ มีแฟรนไชส์ 120 สาขาทั่วประเทศ
เน้นการจัดร้านแบบเป็นหมวดหมู่ สบายตา
สำหรับราคาแฟรนไชส์จะแบ่งออกตามขนาดของพื้นที่ ดังนี้ ราคา 100,000 บาท ไม่ต้องมีหน้าร้าน ขายตามตลาดนัด พื้นที่ 2x2 เมตร แบบที่ 2 ราคา 300,000 บาท พื้นที่ตึกแถวขนาด 30 ตารางเมตร แบบที่ 3 ราคา 500,000 บาท พื้นที่ 50 ตารางเมตร และแบบที่ 4 ราคา 1,000,000 บาท พื้นที่ 80 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งแบบที่ 4 อนุญาตให้สามารถขยายสาขา หรือขายแฟรนไชส์ได้ด้วยตัวเอง ส่วนของผลตอบแทน ร้านขายสินค้าราคา 10 บาท ทุกอย่างนั้นผลตอบแทนน้อยกว่าร้าน 20 บาท คืออยู่ที่ 25-35% ต้นทุนสินค้าอยู่ที่ 2 บาท ไปจนถึง 9.50 บาท

ส่วนการขายสินค้าราคา 10 บาททุกอย่างกำไรต่อชิ้นน้อยกว่าร้าน 20 บาท แต่ผลตอบแทนของแฟรนไชส์บางสาขามีรายได้มากกว่าร้าน 20 บาทหลายร้าน เนื่องจากเป็นการขายที่เน้นปริมาณ ซึ่งรายได้ขั้นต่ำของร้าน 10 บาทที่สามารถอยู่ได้  คือประมาณ 3,000 บาท ถึง 5,000 บาทต่อวัน ที่ผ่านมาแฟรนไชส์ของเราเกือบทุกร้านประสบความสำเร็จ หลายร้านขายได้หลักหมื่่นบาทต่อวัน และสูงสุดถึง 50,000 บาทต่อวัน ซึ่งโอกาสคืนทุนตั้งไว้ประมาณไม่เกิน 6-7 เดือน แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับยอดขาย และทำเล 

“ปภาดา” เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเข้ามาทำธุรกิจสตรอเบอร์รีคลับในครั้งนี้ว่า เธอเริ่มต้นจากศูนย์เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากลาออกจากงานประจำ ตกงาน มีเงิน 800 บาท ไม่รู้จะทำอะไร เพราะเงินทุนมีไม่มาก สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ หาของมาขายตลาดนัด และก่อนหน้านี้เคยได้ซื้อของในร้าน 20 บาท  แต่ทำไมบางอย่างขาย 39 บาท 49 บาท และส่วนตัวชื่นชอบการซื้อกิ๊บ ที่ผูกผม  พอคิดเงินกลับไม่ใช่ราคา 20 บาท บางชิ้นมีการนำไปตกแต่งเพิ่มเติม อัปราคาไปมากถึง 40-50 บาท ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นว่า ทำไมเป็นแค่ที่ผูกผม หรือกิ๊บ นำมาตกแต่งเพิ่มเติมนิดหน่อยราคาถึงขยับเพิ่มสูงมาก ทั้งที่ต้นทุนไม่ได้มาก ถ้าเราทำขายแบบนี้น่าจะขาย 10 บาทได้ ก็เลยเป็นแรงจูงใจทำให้ตัดสินใจ เปิดร้าน 10 บาททุกอย่าง

ทั้งนี้ ประกอบกับด้วยความที่ตนเองเป็นคนชอบทำงานประดิดประดอย งานฝีมือ ก็เลยซื้อกิ๊บ โบผูกผม มาตกแต่งใหม่ นำไปขายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งขายดีมาก ได้กำไรถึงกว่า 1,000 บาท กับการขายกิ๊บ และโบผูกผมอันละ 10 บาท พอรู้ว่าเดินมาถูกทางแล้วก็ค่อยขยับขยายร้าน มีสินค้าให้เลือกมากขึ้น ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ ทุกอย่าง 10 บาท และได้มีการนำสินค้าจากประเทศจีนและเกาหลีเข้ามาขายเสริม โดยเปิดช่องทางการขายใหม่ เน้นออกงานแสดงสินค้า เช่น งานสะพานข้ามแม่น้ำแคว หรืองานใหญ่ตามต่างจังหวัด  และเมืองทองธานี ตอนนั้นเน้นการจัดร้านที่สะดุดตา และก็ไม่ผิดหวัง ทุกครั้งที่ได้ออกงานมีรายได้มากถึงหลักหลายหมื่นบาทต่อวัน  บางวันสามารถขายได้เป็นหลักแสนบาท  ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้มีคนสนใจ อยากทำร้านแบบเราบ้าง จึงได้เป็นที่มาของแฟรนไชส์ “ร้านสตรอเบอรฺรีคลับ” ในครั้งนี้  

โทร. 08-7600-6400

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น