xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมแบรนด์ญี่ปุ่นไม่สามารถผงาดในเวทีโลก : Walkman และ Tai-man

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ คราวที่แล้วผมเล่าเรื่องการไปเที่ยวประจำปีของพนักงานบริษัทญี่ปุ่น จากที่พูดเรื่องท่องเที่ยวไปครั้งก่อนเลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องหัวหน้าท่านนี้ขึ้นมาอย่างที่เล่าไปครับ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่ทำงานเก่า เวลาไปเที่ยวไหนมักจะให้ผมช่วยถ่ายรูปเสมอ แถมเขาก็ขอถ่ายรูปผมตลอด จนผมคิดว่าผมเป็นหมีแพนด้าหรอ สนใจอะไรหนอ แต่เค้าอยากเอารูปผมไปให้ลูกดู เพราะลูกเขาอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมจบมามาก เขาถามผมว่า ผมไม่อยากทำอะไร ผมบอกว่าผมไม่อยากขับรถ เพราะกลัวอุบัติเหตุ ถ้ามีงานในแผนกที่ต้องให้ผมขับรถตลอดผมคงลาออก เขาบอกว่างั้นผมขับให้ ดังนั้น เวลาออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นหัวหน้า แต่จะขับรถเสมอ โดยผมนั่งข้าง ๆ ผมก็เกรงใจเขาตลอด แล้วระหว่างทางก็พูดคุยกันหลายเรื่อง เขาเองก็เล่าเรื่องนู้นนี่นั่นให้ผมฟังเสมอ ๆ

ลูกของหัวหน้าอยากเข้ามหาวิทยาลัยวาเซดะ ที่ผมเรียน เพราะเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วอยากเก่งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และสอบเข้าข้าราชการอย่างผม เมื่อใกล้จบชั้นมัธยมปลายก็จะมีการเตรียมสอบว่าจะเหมาะกับคณะไหน เรียนอย่างไร ทีนี้หัวหน้าเลยชอบมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยกับผมอยู่บ่อย ๆ ที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบภาษาเป็นพิเศษแต่เมื่อหัวหน้าถามก็ตอบเป็นพิธีครับ ผมไม่ได้ชอบภาษาแต่เพื่อการพัฒนาตัวเองผมก็ชอบอ่าน ชอบแสวงหาครับ เวลาไปร้านหนังสือก็ชอบไปหาหนังสือเกี่ยวกับภาษาที่ออกใหม่ มาอ่านครับ ครั้งหนึ่งเคยไปร้านหนังสือใหญ่แห่งหนึ่งไปที่มุมหนังสือภาษาอังกฤษ แล้วเจอข้อความหนึ่ง แปลเป็นภาษาไทยเขาพูดประมาณว่า “ต้องการไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อซัมฯ แต่หาไม่เจอมีแต่ยี่ห้อโซฯ ช่วยไม่ได้เลยซื้อมาก่อน” ณ ตอนนั้นผมยังคิดว่าเค้าเขียนผิดหรือสื่อความหมายอะไรผิดหรือเปล่าน้อ แต่ปัจจุบันใคร ๆ ก็รู้แล้วว่ายี่ห้อโซฯ เครื่องไฟฟ้าญี่ปุ่นนี่มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

นึกถึงสมัยญี่ปุ่นรุ่งเรือง สมัยที่ผมเรียนประถม มัธยม เคยดูการ์ตูนโดราเอมอน ดูเครื่องเล่นแปลก ๆ ของโดราเอมอน ดูไทม์แมชชีน จนเรียนจบเจออะไร ๆ มาเยอะแยะมากมาย ปัจจุบันถ้าถามผมว่าผมตกใจกับข่าวไหนมากที่สุด ผมคงบอกว่า ผมตกใจข่าวเกี่ยวกับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่นหลาย ๆ บริษัทกำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างมาก บางบริษัทก็ถูกประเทศอื่นซื้อไป

ย้อนกลับไปช่วง 20 ปีก่อนนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่นยี่ห้อโซนี่ ตอนนั้นไม่มีใครเทียมทานได้ พูดแบบนี้คงไม่ผิด ไม่แค่บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา บริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทที่ร่วมตัวกันระหว่างความเป็นเลิศทางวิศวกรรม และบริษัทที่เชี่ยวชาญทางการขายการตลาด ทำให้ผุดแบรนด์ดัง ๆ สู่ตลาดโลกหลากหลายแบรนด์เลยทีเดียว ณ ตอนนั้น สินค้าต่าง ๆ ราคาถูกกว่าแบรนด์ทางยุโรปอเมริกาและคุณภาพเลิศ เป็นที่ต้องการของตลาดมาก พอพูดแค่ Made in Japan ก็เป็นที่การันตีในตลาดได้ เพื่อน ๆ จำโมเมนต์พวกนี้ได้ไหมครับ

เจ้าของบริษัท โซนี่ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ด้วยครับ ที่มหาวิทยาลัยจะมีห้องแสดงผลงานของเค้าเปิดในนักศึกษาเข้าเรียนรู้ได้ ช่วงที่บริษัท โซนี่ กำลังรุ่งเรื่องที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่มีผลิตภัณฑ์ ウォークマン Walk Man , プレイステーション Play Station ออกมา เปลี่ยนวิถีชีวิตเด็กญี่ปุ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากวิถีเดิม เมื่อบริษัทเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นๆ ตอนนั้นมีแต่คนอยากเข้าไปทำงานมาก จากบริษัทเล็ก ๆ คนไม่มาก พอเริ่มขยายตัวคนเยอะค่อยๆ เปลี่ยนระบบไปเป็นลักษณะแบบงานข้าราชการเข้าไปทุกที ๆ คนญี่ปุ่นมีมุมมองคิดเรื่องการทำงานที่อาจจะต่างจากที่อื่นอีกนิดหนึ่งตรงที่ จะอวยคนที่สามารถสอบ หรือผ่านบรรจุเข้าเป็นพนักงานบริษัทใหญ่ๆ มากกว่าเจ้าของกิจการ ถึงแม้ว่าเจ้าของกิจการจะมีเงินและร่ำรวยมากกว่า แต่พ่อแม่ก็อยากให้ลูกตัวเองแต่งงานกับพนักงานที่ทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ มากกว่า

ตอนที่ผมเด็ก ๆ ผมก็เคยใฝ่ฝันอยากเป็นพนักงานที่บริษัทใหญ่ที่ผลิตซอสชื่อดัง แต่เด็กญี่ปุ่นจะสมัครงานต้องสมัครตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 ตอนนั้นผมไม่ทันสมัคร จะมาสมัครเอาตอนเรียนปี 4 ซึ่งก็ไม่ทันแล้ว เหตุการณ์ที่เด็กมหาวิทยาลัยหางานไม่ทัน หางานไม่ได้นี่ก็เป็นปัญหาที่ทำให้เด็กฆ่าตัวตายเยอะเหมือนกันครับ เครียดที่ไม่สามารถหางานได้นั่นเอง แต่บางคนแม้สมัครทัน แต่ทางบริษัทก็มีระบบและขั้นตอนการคัดเลือกที่เข้มข้น เพื่อนผมสมัครเข้าทำงานที่บริษัทรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เค้าบอกว่า บริษัทดังๆ มีวิธีปฏิเสธการรับคนเข้าทำงานในบริษัทตนเองอย่างแยบยลเช่นกัน เช่น ให้ทำแบบสอบถามอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เกี่ยวกับการงานเลย เช่น ถามว่า เคยจองตั๋วไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตนเองไหม เคยจัดปาร์ตี้ที่ชวนคนมามากกว่า 100 คนไหม อะไรเช่นนี้เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่เป็นบริษัทรถยนต์นะนี่ !? คนที่ได้รับเลือกนี่คือคนที่หัวกระทิจริงๆ อาจจะสมัครมาเป็นพันเป็นหมื่น แต่ได้รับเลือกไม่กี่คนหรือบางที่แค่คนเดียว เรียกว่า ปัญญาชนจริง ๆ ゴールドセイント Gold Saint คือบางทีก็ไม่สามารถระบุสเปกที่บริษัทเหล่านั้นต้องการได้ บางที่เลือกคนที่สอบโทอิกได้มากกว่า 900 คะแนนขึ้นไป มีคนบอกว่า ทำงานในญี่ปุ่น ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษมากขนาดนั้นเลยหรอ นั่นเองก็เป็นสิ่งในการคัดคนของบริษัทต่าง ๆ นั่นเอง

จากสมัยก่อนที่คนน้อยทำงานกันจริงจัง พอบริษัทขยายตัวใหญ่ขึ้น คนเยอะ ระบบเยอะ แต่เริ่มเฉื่อยตามลำดับอาวุโสก็เริ่มมีลักษณะงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมคนทำงานที่เดิมตลอดอายุงาน ทำให้หลัง ๆ หัวหน้างานเยอะกว่าคนทำงานทั่วไปอีก อายุเฉลี่ยของคนในบริษัทอยู่ที่ 45 ปี อายุเยอะขนาดนี้ และมีเยอะกว่านี้อีกจำนำพาทิศทางของบริษัทไปเป็นเช่นใด ก็คงมีคำตอบที่เห็นในปัจจุบันนี้นั่นเองครับ

นอกจากนั้น บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พูดถึงนี้ ก็เริ่มมีนโยบายการกำหนดทิศทางบริษัทที่แปลก ๆ และไม่นำพา ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์มาแค่แข่งขันกับบางบริษัทเท่านั้น DQN「タイマン Tai-man なら負けねえっつってんだよぉお...!!!」 คือเป็นคำเปรียบเปรยประมาณเด็กนิสัยเสียสองคนท้าชกกันนะครับ ,,p(`ω´ メ)q,, เช่น วิศวกรของบริษัท โซนี่ ได้กล่าวว่า หลังจากดาวน์โหลดเสียงเพลงต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล มาฟังพบว่า เสียงจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเองดีกว่า แต่ถ้าชนะเรื่องเสียงแต่เรื่องทิศทาง หรือการตลาดไม่นำพา ก็อาจเป็นสาเหตุให้จบหนทางลงได้เช่นกัน หลัง ๆ ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาก็ไม่นิยมนักในท้องตลาด เช่น ผลิตภัณฑ์ทีวีจอแบนขนาดใหญ่แบบโฮมเธียเตอร์ สร้างกล้องถ่ายรูปที่มีความละเอียดสูง หรือทีวีที่บางที่สุด เป็นต้น

ผมก็รู้สึกตกใจและเศร้าใจไม่น้อยที่หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัทญี่ปุ่นต้องเป็นแบบนี้ มีเรื่องการบริหารงานที่ผิดพลาดเป็นหนึ่งในวิชาของหลักสูตรในวิชาของ MBA ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาเปิดสอนด้วย ผมก็อยากให้บริษัทนี้สู้ ๆ นะครับ อาทิตย์หน้าผมจะมาเล่าเรื่อง ลักษณะการทำงานแบบซามูไร จิตสำนึกการทำงานแบบญี่ปุ่น พนักงานในบริษัทญี่ปุ่นสมัยก่อนเป็นเช่นใด มาติดตามกันต่อนะครับ วันนี้สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น