นอกจากการควบคุมอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและงดเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายของคุณห่างไกลความอ้วนและไขมัน แถมสุขภาพแข็งแรง แต่หลายคนยังคงประสบปัญหาความล้มเหลว น้ำหนักยังคงเส้นคงวาไม่ยอมลด ไขมันจับตัวสะสมเป็นชั้น กล้ามเล็ก ร่างกาย 3 วันดี 4 วันไข้ เช่นเดิม นั้นเพราะยังมี 5 ปัจจัยที่ส่วนใหญ่มองข้ามและละเลย
กินน้อยไป
เนื่องจากกระเพาะของเราก็เหมือนกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การที่เราอดอาหารหรือรับประทานอาหารน้อยเกินไป ระบบเผาผลาญในร่างกายจะมีการปรับตัวให้จำศีล ทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารลง ส่งผลให้ร่างกายขับออกไปไม่หมด เมตาโบลิซึมยิ่งต่ำลง ยิ่งทำให้สลายไขมันยากขึ้น เศษอาหารจะตกค้างเพราะร่ากายจะไม่นำมาเป็นพลังงาน ทำให้กินเท่าไหร่น้ำหนักและไขมันก็ไม่ยอมลดลง ตรงกันข้ามกลับทำให้อยากอาหารเพิ่มมากขึ้นอีกต่าง
ออกกำลังกายมากเกินไป
แม้ว่าการลดน้ำหนักต้องใช้พลังงานมากกว่าที่กินเข้าไปถึง 7,700 แคลอรี่ ควบคู่กับการลดอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการวันคือ 600 แคลอรี่ แถมยังต้องออกกำลังกายทุกวันไม่ต่ำกว่าวันละ 500 แคลอรี่ คุณถึงจะลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์ แต่การโหมออกกำลังกายเกินขนาดจะทำกระตุ้นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นเหตุให้เกิดความหิวกระหายเกินความจำเป็นของร่างกาย จึงมีหลายคนที่พลาดเติมอย่างไม่ทันยั้งคิดทำให้ร่างกายเผาผลาญไม่ทัน นอกจากนี้ยังส่งผลอันตรายต่อร่างกาย มีโอกาสหัวใจวายเนื่องจากหัวใจทำงานหนักเกินไปสำหรับคนที่น้ำหนักตัวเยอะ
ภาวะร่างกายไม่ตอบสนอง
เนื่องจากร่างกายเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีกระบวนการที่ชาญฉลาด รวมไปถึงระบบกลไกลต่างๆ ที่ทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลร่างกายของเรา การออกกำลังกายก็เช่นเดียวกัน สังเกตช่วงแรกเริ่มของการออกกำลังกาย ร่างกายจะทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าต่อมากลับค่อยๆ ลดน้อยลงเพราะร่างกายเคยชินกับสภาวะเดิม นั้นคือ ‘Plateau’ เราจึงควรควรเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังทุก 2 สัปดาห์ โดยการเปลี่ยนท่าทางออกกำลังกาย อาทิ จากวิ่งหรือเดินที่ความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นวิ่งจ๊อกกิ้ง 9-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และควรปรับจำนวนครั้งหรือเซ็ตที่เราทำ หรือว่าน้ำหนักเวทที่เรายก เพื่อให้ร่างกาย กล้ามเนื้อ ได้รับการกระตุ้นและพัฒนา
พักผ่อนไม่เพียงพอ
เนื่องจากระบบของร่างกายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีการพักผ่อนต่างจากเครื่องจักร ดังนั้นเมื่อเราไม่ได้นอนในเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อนจะทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้การย่อยอาหารทำหน้าที่ไม่ดี จึงทำให้เรารู้สึกหิวตลอดเพราะร่างกายยังหลั่งสารฮอร์โมน ‘เลปติน’ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความอิ่ม-ความอยากของอาหารออกมา ที่สำคัญการพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน ทำหน้าที่ย่อยได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
กินน้ำน้อย
การกินน้ำนอกจากจะทำให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยากลดน้ำหนักหรือไม่อยากลดน้ำหนักก็ตาม น้ำเป็นสิ่งสำคัญของร่างกายทุกคน เพราะการกินน้ำช่วยในเรื่องของการขับถ่ายของเสียต่างๆ ภายในร่างกาย ช่วยทดแทนการสูญเสียจากผลการออกกำลังกาย เพิ่มความสดชื่น นอกจากนี้น้ำยังช่วยในการเผาผลาญไขมัน หากเราดื่มน้ำน้อยก็จะลดความอ้วนได้ผลช้าและอาจมีปัญหาน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ ไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ตกเป็นที่หน้าของตับตัวช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมันที่สะสมในร่างกาย ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ร่างกายของเราการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ทำให้สะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น การลดความอ้วนจึงหยุดชะงักลงนั้นเอง
กินน้อยไป
เนื่องจากกระเพาะของเราก็เหมือนกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การที่เราอดอาหารหรือรับประทานอาหารน้อยเกินไป ระบบเผาผลาญในร่างกายจะมีการปรับตัวให้จำศีล ทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารลง ส่งผลให้ร่างกายขับออกไปไม่หมด เมตาโบลิซึมยิ่งต่ำลง ยิ่งทำให้สลายไขมันยากขึ้น เศษอาหารจะตกค้างเพราะร่ากายจะไม่นำมาเป็นพลังงาน ทำให้กินเท่าไหร่น้ำหนักและไขมันก็ไม่ยอมลดลง ตรงกันข้ามกลับทำให้อยากอาหารเพิ่มมากขึ้นอีกต่าง
ออกกำลังกายมากเกินไป
แม้ว่าการลดน้ำหนักต้องใช้พลังงานมากกว่าที่กินเข้าไปถึง 7,700 แคลอรี่ ควบคู่กับการลดอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการวันคือ 600 แคลอรี่ แถมยังต้องออกกำลังกายทุกวันไม่ต่ำกว่าวันละ 500 แคลอรี่ คุณถึงจะลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์ แต่การโหมออกกำลังกายเกินขนาดจะทำกระตุ้นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นเหตุให้เกิดความหิวกระหายเกินความจำเป็นของร่างกาย จึงมีหลายคนที่พลาดเติมอย่างไม่ทันยั้งคิดทำให้ร่างกายเผาผลาญไม่ทัน นอกจากนี้ยังส่งผลอันตรายต่อร่างกาย มีโอกาสหัวใจวายเนื่องจากหัวใจทำงานหนักเกินไปสำหรับคนที่น้ำหนักตัวเยอะ
ภาวะร่างกายไม่ตอบสนอง
เนื่องจากร่างกายเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีกระบวนการที่ชาญฉลาด รวมไปถึงระบบกลไกลต่างๆ ที่ทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลร่างกายของเรา การออกกำลังกายก็เช่นเดียวกัน สังเกตช่วงแรกเริ่มของการออกกำลังกาย ร่างกายจะทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าต่อมากลับค่อยๆ ลดน้อยลงเพราะร่างกายเคยชินกับสภาวะเดิม นั้นคือ ‘Plateau’ เราจึงควรควรเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังทุก 2 สัปดาห์ โดยการเปลี่ยนท่าทางออกกำลังกาย อาทิ จากวิ่งหรือเดินที่ความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นวิ่งจ๊อกกิ้ง 9-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และควรปรับจำนวนครั้งหรือเซ็ตที่เราทำ หรือว่าน้ำหนักเวทที่เรายก เพื่อให้ร่างกาย กล้ามเนื้อ ได้รับการกระตุ้นและพัฒนา
พักผ่อนไม่เพียงพอ
เนื่องจากระบบของร่างกายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีการพักผ่อนต่างจากเครื่องจักร ดังนั้นเมื่อเราไม่ได้นอนในเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อนจะทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้การย่อยอาหารทำหน้าที่ไม่ดี จึงทำให้เรารู้สึกหิวตลอดเพราะร่างกายยังหลั่งสารฮอร์โมน ‘เลปติน’ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความอิ่ม-ความอยากของอาหารออกมา ที่สำคัญการพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน ทำหน้าที่ย่อยได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
กินน้ำน้อย
การกินน้ำนอกจากจะทำให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยากลดน้ำหนักหรือไม่อยากลดน้ำหนักก็ตาม น้ำเป็นสิ่งสำคัญของร่างกายทุกคน เพราะการกินน้ำช่วยในเรื่องของการขับถ่ายของเสียต่างๆ ภายในร่างกาย ช่วยทดแทนการสูญเสียจากผลการออกกำลังกาย เพิ่มความสดชื่น นอกจากนี้น้ำยังช่วยในการเผาผลาญไขมัน หากเราดื่มน้ำน้อยก็จะลดความอ้วนได้ผลช้าและอาจมีปัญหาน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ ไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ตกเป็นที่หน้าของตับตัวช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมันที่สะสมในร่างกาย ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ร่างกายของเราการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ทำให้สะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น การลดความอ้วนจึงหยุดชะงักลงนั้นเอง