อย.เร่ง สสจ.กวาดล้างอาหารเสริม “แมงลัก” ออกจากตลาด รับปราบอาหารเสริมใส่ยาลดอ้วนยาก เหตุเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ ขอคนไทยเลิกคิดผอมทางลัด เปิดช่องพ่อค้าหลอกขาย
วันนี้ (26 พ.ย.) ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีเจ้าพนักงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลแก่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ช็อกเสียชีวิต ซึ่งคาดว่ามาจากการรับผระทานอาหารเสริมผสมยาลดความอ้วนไซบูทรามีน ชื่อ "แมงลัก พาวเวอร์ สลิม" ซึ่ง อย.เคยประกาศเตือนถึงอันตรายไปแล้ว ว่า อย.ประกาศเตือนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแมงลักมีการลอบผสมสารไซบูทรามีน และปลอมแปลงเลขสารบบ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม ซึ่งได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ตามที่ระบุไว้ที่ข้างกล่องบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นแหล่งผลิตให้เร่งดำเนินการเก็บออกจากท้องตลาดให้หมด และตรวจสอบสถานที่ผลิต ตรวจสอบเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยผู้ขายจะมีโทษเท่าผู้ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ลักลอบผสมไซบูทรามีนก็เหมือนกับการปราบปรามยาบ้า ที่ไม่เคยสาวไปถึงต้นตอใหญ่เลย เพราะพวกนี้มักจะเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ ยอมรับว่าการปราบปรามยังมีข้อจำกัดอยู่ อบ่างผลิตภัณฑ์แมงลัก พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีชื่อบริษัทที่กล่าวอ้างอยู่ในสารบบ แต่มีการระบุชื่อว่านำเข้าที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่เรื่องชื่อจังหวัดนั้นอาจจะไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากว่ามีการทำขึ้นมาปลอมทั้งสิ้น เพื่อหลอกให้ผู้บริโภคเกิดความเกิดความหลงผิด" รองเลขาธิการ อย. กล่าว
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า ไซบูทรามีนเป็นสารที่ใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมยาเท่านั้น ไม่มีใช้ในอุตสาหกรรมอื่นเลย แต่ก็ได้ถอนทะเบียนออกไปแล้วเนื่องจากพบว่าเป็นสารอันตรายที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นที่มีการผสมอยู่ทุกวันนี้คือผิดกฎหมายทั้งสิ้น โดยมีการลักลอบนำเข้ามาทั้งในลักษณะของการขนสินค้า หิ้วติดตัวเข้ามา แล้วสำแดงเท็จ ต่างๆ หรือเข้ามาตามชายแดนแถบ จ.สระแก้ว แม่สอด เชียงแสน เป็นต้น ซึ่งต้องยอมรับว่าเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย อาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่
“ยาลดความอ้วนที่ลอบผสมสารไซบูทรามีนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ยี่ห้อแมงลักเท่านั้น แต่เกิดขึ้นมาตลอด มีการใช้ชื่ออื่น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตามที่เป็นข่าวมีคนเสียชีวิตไปหลายราย ที่ยังไม่เป็นข่าวอีกไม่รู้เท่าไร แต่ปราบเท่าไรก็ไม่มีวันหมด หากคนเรายังต้องการลดน้ำหนัก แต่ไม่ยอมใช้วิธีการที่ถูกต้อง ไม่ยอมปรึกษาแพทย์ ไม่ยอมออกกำลังกาย ยังกินอาหารเยอะเหมือนเดิม แต่หาวิธีลัดผอมภายใน 1 เดือน 2 เดือน เกิดเป็นความเสี่ยงที่ต้องแลกด้วยชีวิต ดังนั้นถึงแม้จับผลิตภัณฑ์ไปเท่าไร แต่ถ้าคนไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ไม่เปลี่ยนแปลงความคิดก็จะเกิดกรณีเสียชีวิตแบบนี้อีก” ภก.ประพนธ์ กล่าว