หลายๆ คน ที่กำลังประสบปัญหากับการลดน้ำหนักของตัวเอง โดยเฉพาะ “การออกกำลังกาย” นั้น อาจจะไม่ถึงเป้าหมายตามที่ตนเองตั้งใจนัก อาจจะเป็นเพราะว่า ในระหว่างทางนั้น ได้พบกับอุปสรรคต่างๆ ทั้งแบบตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ก็ตามที จึงทำให้ความพยายามของเรานั้น กลับมาเป็นศูนย์ และทำให้ต้องมาพยายามกันใหม่อีกครั้งจนได้
แต่อย่างไรก็ตาม หากได้อ่านข้อแนะนำตั้งแต่บรรทัดต่อจากนี้ และปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดอย่างสม่ำเสมอแล้ว เชื่อได้เลยว่า ความตั้งใจและความพยายามของคุณ จะต้องประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องมีความจริงจังและจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่พร้อมหรือตั้งใจ คุณอาจจะกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ก็เป็นได้
1.รับประทานให้พออิ่ม
ในการรับประทานในแต่ละมื้อนั้น ควรกินให้พออิ่ม โดยการตักปริมาณอาหารที่พอดีๆ และไม่ควรตักอาหารในจำนวนที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เรานั้นเกิดอาการอิ่มเกินปริมาณ แถมบางคราวอาจจะมีการจุกเป็นของแถมอีกต่างหาก
2.ลดการกินแบบประเภท “จุกจิก”
โยนทิ้งอาหารประเภทดังกล่าวให้ออกจากตัวให้ไวได้เลยยิ่งดี เพราะอาหารดังกล่าวนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะให้ปริมาณพลังงานโดยมากเกินจำเป็น แถมยังให้ความอ้วนเป็นของแถมอีกด้วย ฉะนั้น หากไม่สามารถลดปริมาณได้ ควรที่จะเลือกขนมจำพวกธัญพืช ถั่ว ผัก หรือ ผลไม้มาแทนที่น่าจะดีกว่า
3.ดื่มน้ำเปล่า
“น้ำเปล่า ยิ่งดื่มยิ่งดี” ประโยคข้างต้นยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ เพราะการที่ดื่มน้ำเปล่านั้น จะช่วยให้เราได้แก้กระหายในเบื้องต้น ไปจนถึงเป็นตัวช่วยในการขจัดน้ำตาลจากเครื่องดื่มที่มีรสหวานต่างๆ เช่น น้ำอัดลม ชา น้ำหวาน กาแฟ และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
4.กินพอดีๆ แบบไม่ต้องเพิ่ม “พิเศษ”
หากจะตั้งใจในการลดน้ำหนักแล้ว ไม่ควรที่จะจัดหนักจัดเต็มด้วยการเพิ่มขนาดอาหารด้วย “ขนาดพิเศษ” เด็ดขาด เพราะจะทำให้ได้รับอาหารในปริมาณที่มากจนเกินพอดี ฉะนั้น ประเภทที่ว่า เพิ่มลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยว หรือ เพิ่มกับข้าวในจานนั้น จงลืมไปได้เลย
5.งดการกินอาหารมื้อดึก
ถ้าใครมีพฤติกรรมกินตอนดึก ไม่ว่าจะเป็น กินมาก กินปานกลาง หรือ กินน้อย ก็ตามที่ สิ่งเหล่านี้ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะว่า การรับประทานแล้วเข้านอนแล้วไม่มีการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ ร่างกายจะเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปได้น้อยมากและจะสะสมเป็นไขมันแทน
6.เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ
ในเวลาที่รับประทานในแต่ละครั้งนั้น ทางที่ดีควรจะเคี้ยวช้าๆ คงจะดีกว่า เพราะว่า จะทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเร็วกว่า เนื่องจากร่างกายจะเริ่มรู้สึกอิ่มเมื่อทานอาหารเข้าไปประมาณ 20 นาที และยังช่วยให้ย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากทำตามที่ว่าทั้งหมดแล้ว ก็อย่าลืมที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีกับร่างกาย
แต่อย่างไรก็ตาม หากได้อ่านข้อแนะนำตั้งแต่บรรทัดต่อจากนี้ และปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดอย่างสม่ำเสมอแล้ว เชื่อได้เลยว่า ความตั้งใจและความพยายามของคุณ จะต้องประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องมีความจริงจังและจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่พร้อมหรือตั้งใจ คุณอาจจะกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ก็เป็นได้
1.รับประทานให้พออิ่ม
ในการรับประทานในแต่ละมื้อนั้น ควรกินให้พออิ่ม โดยการตักปริมาณอาหารที่พอดีๆ และไม่ควรตักอาหารในจำนวนที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เรานั้นเกิดอาการอิ่มเกินปริมาณ แถมบางคราวอาจจะมีการจุกเป็นของแถมอีกต่างหาก
2.ลดการกินแบบประเภท “จุกจิก”
โยนทิ้งอาหารประเภทดังกล่าวให้ออกจากตัวให้ไวได้เลยยิ่งดี เพราะอาหารดังกล่าวนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะให้ปริมาณพลังงานโดยมากเกินจำเป็น แถมยังให้ความอ้วนเป็นของแถมอีกด้วย ฉะนั้น หากไม่สามารถลดปริมาณได้ ควรที่จะเลือกขนมจำพวกธัญพืช ถั่ว ผัก หรือ ผลไม้มาแทนที่น่าจะดีกว่า
3.ดื่มน้ำเปล่า
“น้ำเปล่า ยิ่งดื่มยิ่งดี” ประโยคข้างต้นยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ เพราะการที่ดื่มน้ำเปล่านั้น จะช่วยให้เราได้แก้กระหายในเบื้องต้น ไปจนถึงเป็นตัวช่วยในการขจัดน้ำตาลจากเครื่องดื่มที่มีรสหวานต่างๆ เช่น น้ำอัดลม ชา น้ำหวาน กาแฟ และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
4.กินพอดีๆ แบบไม่ต้องเพิ่ม “พิเศษ”
หากจะตั้งใจในการลดน้ำหนักแล้ว ไม่ควรที่จะจัดหนักจัดเต็มด้วยการเพิ่มขนาดอาหารด้วย “ขนาดพิเศษ” เด็ดขาด เพราะจะทำให้ได้รับอาหารในปริมาณที่มากจนเกินพอดี ฉะนั้น ประเภทที่ว่า เพิ่มลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยว หรือ เพิ่มกับข้าวในจานนั้น จงลืมไปได้เลย
5.งดการกินอาหารมื้อดึก
ถ้าใครมีพฤติกรรมกินตอนดึก ไม่ว่าจะเป็น กินมาก กินปานกลาง หรือ กินน้อย ก็ตามที่ สิ่งเหล่านี้ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะว่า การรับประทานแล้วเข้านอนแล้วไม่มีการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ ร่างกายจะเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปได้น้อยมากและจะสะสมเป็นไขมันแทน
6.เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ
ในเวลาที่รับประทานในแต่ละครั้งนั้น ทางที่ดีควรจะเคี้ยวช้าๆ คงจะดีกว่า เพราะว่า จะทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเร็วกว่า เนื่องจากร่างกายจะเริ่มรู้สึกอิ่มเมื่อทานอาหารเข้าไปประมาณ 20 นาที และยังช่วยให้ย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากทำตามที่ว่าทั้งหมดแล้ว ก็อย่าลืมที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีกับร่างกาย