คอลัมน์ : ธรรมชาติบำบัด ผู้เขียน : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นิตยสารฟรีก็อบปี้ Good Health & Well-Being ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19- 20 พ.ย.2559 |
วัคซีน เป็นการนำวัตถุที่เตรียมขึ้นจากเชื้อจุลินทรีย์ หรือส่วนของเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเพาะต่อจุลินทรีย์นั้นๆ
วัคซีนโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นเหตุแห่งโรคนั้นๆ แล้วทำให้ฤทธิ์อ่อนแอลง หรือทำให้ส่วนที่เป็นพิษเจือจางลง เพื่อกระตุ้นทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถจดจำได้ว่าเป็นสารก่อโรคซึ่ง เมื่อร่างกายจดจำแล้วประกอบกับฤทธิ์ของมันอ่อนแอลงก็จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถกำจัดเหตุแห่งโรคนี้ได้ และเมื่อจดจำได้แล้ววันใดเมื่อถูกโจมตีด้วยโรคเหล่านี้อีก ระบบภูมิคุ้มกันก็จะสามารถจัดการกำจัดได้เมื่อถึงเวลาจริง
ทุกวันนี้เรามีวัคซีนมากขึ้น เริ่มต้นตั้งแต่ที่มนุษย์นั้นสามารถเอาชนะโรคจุลินทรีย์ได้หลายชนิดด้วยการป้องกัน ตั้งแต่ โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ) โรคโปลิโอ โรคไอกรน โรคคอตีบ โรคหัด โรคคางทูม โรคหัดเยอรมัน โรคบาดทะยัก ฯลฯ และในช่วงหลังนั้นยังได้ก้าวไปถึงการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่หลายชนิด โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคไวรัสปากมดลูกอหิวาตกโรค โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคปอดบวม โรคไทฟอยด์ ฯลฯ
แต่ก็ใช่ว่าวัคซีนจะได้ผลสำหรับทุกคน เพราะสำหรับคนบางกลุ่มระบบภูมิคุ้มกันอาจจะต่ำกว่าคนทั่วไป เช่น โรคเบาหวาน ผู้ใช้สารสเตียรอยด์ และผู้ที่เป็นโรคเอดส์ เพราะมีจำนวนภูมิคุ้มกันที่เป็นเม็ดเลือดขาวชนิด บี เซลล์ ไม่เพียงพอ จึงทำให้ไม่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากปัญหาข้างต้นที่วัคซีนอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรสำหรับบางคนแล้ว ยังต้องเกี่ยวข้องกับตำรับยา ปริมาณยาที่ใช้ ซึ่งแต่ละคนใช้ไม่เท่ากัน ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้ใช้มากเกินไปเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้อีกด้วย
แม้ว่าวัคซีนจะทำให้เกิดประสิทธิผลลดจำนวนการเสียชีวิตในหลายโรค แต่ความจริงแล้ว เราก็อาจจะต้องมีวัคซีนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตย่อมมีพัฒนาการและกลายกลายพันธุ์ให้ตัวเองอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมใหม่หรือความไม่สมดุลใหม่
หมายความว่าถ้าเราเลือกแนวทางวัคซีน เราก็จะมีวัคซีนตัวใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของจุลินทรีย์ยุคใหม่เช่นเดียวกัน ยังไม่นับข้อสงสัยในเรื่องการเพาะเชื้อ้เพื่อขายจุลินทรีย์ของกลุ่มบริษัทยา ที่จะร่ำรวยอย่างมหาศาลจากการมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาเรื่อยๆ คล้ายๆกับการสร้างไวรัสในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริษัทซอฟท์แวร์ได้ขายโปรแกรมป้องกันไวรัส
คำถามมีอยู่ว่าเราจะได้รับผลร้ายจากการฉีดวัคซีนบ้างหรือไม่?
คำตอบคือเราอาจจะได้รับผลข้างเคียงบ้าง เช่น ตัวแดง หรือ เป็นไข้ หนาวสั่น อาเจียน ฯลฯ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น
แต่สำหรับการแพ้วัคซีนนั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง โดยเฉพาะหากมีโปรตีน (เช่น ทำมาจากไข่ไก่) แล้วคนๆนั้นแพ้โปรตีนจากไข่อยู่แล้ว ก็อาจจะเกิดการแพ้วัคซีนชนิดนั้นๆ ได้
หรือบางคนอาจจะไม่เคยแพ้อาหารที่เป็นโปรตีนในวัคซีนชนิดนั้น แต่เมื่อมาในรูปของวัคซีนซึ่งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน จึงพลอยทำให้เกิดการแพ้โปรตีนในวัคซีนไปด้วย รวมถึงอาหารที่มีโปรตีนชนิดนั้นๆ (เช่น ไข่ไก่)
และไปไกลกว่านั้นในวัคซีนบางชนิดยังมีการตุ้นอย่างอื่นที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกายได้ด้วย เช่น สารฟอร์มาลดีไฮด์เพื่อยับยั้งแบคทีเรีย หรือการใช้ปรอทผสมในวัคซีนซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าหากฉีดไปในอายุต่ำกว่า 3 ปี อาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดโรคออทิสติกในเด็กยุคปัจจุบัน ซึ่งหากใช้ปริมาณที่มากเกินไปโดยที่ร่างกายไม่สามารถจะรับได้ (การรับได้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน) ก็จะเป็นโทษต่อสุขภาพร่างกายได้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่มองข้ามประการหนึ่งไปไม่ได้เลยว่า คนในยุคปัจจุบันรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเยอะ รับประทานแป้งขัดขาวเยอะ และรับประทานยาปฏิชีวนะมากเกินไป ออกกำลังกายน้อย เครียดมาก จากงานวิจัยจำนวนมากพบว่าพฤติกรรมและการรับประทานของคนในยุคนี้กดระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง และเป็นผลทำให้ติดเชื้อง่าย เจ็บป่วยง่าย และสุดท้ายก็ต้องเสียเงินพึ่งพาวัคซีนใหม่ๆ ไปตลอดชีวิต