“ปานเทพ” เผย สนช.รับกฎหมายปิโตรเลียมมีช่องโหว่ ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่รัฐจริงตามที่ คปพ.เคยทักท้วง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นด้วย ปตท.ต้องคืนท่อก๊าซ ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นพ้องคัดค้าน พ.ร.บ.ปิโตรเลียมที่รัฐบาลจัดทำขึ้น เหน็บถึงขนาดนี้แล้วรัฐยังจะฝืนดึงดันเดินหน้าอย่างไร้เหตุผลต่อไปได้อย่างไร?
วันนี้ (12 พ.ย.) เวลา 20.45 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน (คปพ.) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หัวข้อ โปรดฟังเสียง ภาคประชาชนที่สอดคล้องกับองค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญ!? ตามข้อความดังนี้..
“ภาคประชาชน โดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ซึ่งเคลื่อนไหวด้านพลังงานนั้นเคยถูกปรามาสว่าใช้ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ฯลฯ
บัดนี้เมื่อเวลาผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอดของภาคประชาชนนั้น ได้ถูกยืนยันความเป็นจริงจากหลักฐานและเหตุการณ์สำคัญได้แก่
1. ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 2514 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ยืนยันว่ากฎหมายปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับเดิมมีปัญหา ช่องโหว่ และไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่รัฐจริงตามที่ ภาคประชาชนเคยทักท้วงไว้ทุกประการ
2. กรณีภาคประชาชนและเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้เรียกร้องว่า ปตท.คืนท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีบัดนี้นอกจากจะมีมติคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีความเห็นสอดคล้องยืนยันเช่นเดียวกับภาคประชาชนแล้ว องค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งสองแห่ง ยังทำหน้าที่ในการดำเนินคดีความกับผู้กระทำความผิดด้วย
แม้แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งอยู่ในฐานะเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลก็ลงมติไปในทิศทางเดียวกับภาคประชาชนเช่นกัน
3. กรณีที่ภาคประชาชน คัดค้าน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่รัฐบาลจัดทำขึ้นและผ่านความเห็นชอบในหลักการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้วนั้นไม่ได้ทำตามผลการศึกษาของ กรรมาธิการของสภานติบัญญัติแห่งชาติ (ตามข้อ 1.) และไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่าควรนำร่างกฎหมายของเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) มาปรับปรุงร่างกฎหมายของรัฐบาล หากทำไม่ได้ก็ควรถอนกฎหมายของรัฐบาลออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
สอดคล้องกับหนังสือของประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ได้ส่งหนังสือถึงฯพณฯนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของภาคประชาชน อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งเห็นชอบในหลักการในวาระที่ 1 ในวาระพิจารณากฎหมายปิโตรเลียมทั้งสองฉบับเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 นั้นไม่สอดคล้องกับรายงานผลการศึกษาของกรรมาธิการฯของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเอง
ถึงขนาดนี้แล้วยังจะฝืนดึงดันเดินหน้าอย่างไร้เหตุผลต่อไปได้อย่างไร?”