จากคอลัมน์ Learn & Share โดย ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล (suwatmgr@gmail.com) เซกชั่น Good Health & Well Being ของผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2559) |
ใครจะนึกบ้างว่า “ปลาแซลมอน” ซึ่งอยู่ในรายการอาหารที่หลายคนนิยมชอบนั้น มีวิถีชีวิตและเรื่องราวอันมหัศจรรย์ที่ให้ข้อคิดอันมีคุณค่าต่อมนุษย์และธรรมชาติในแง่มุมใดหรือ
ความน่าสนใจในหนังสือ “SALMON สอนคน” มิใช่เพียงสถิติการพิมพ์ซ้ำกว่า 170 ครั้ง และกำลังสั่งสมสถิติสู่จำนวน 2 ล้านเล่มทั่วโลก
การถ่ายทอดผลงานของ “อันโดฮยอน” นักเขียนมือรางวัลของเกาหลีท่านนี้ ได้นำเรื่องราวไม่ธรรมดาของปลาแซลมอน มาจินตนาการให้เข้าใจการสื่อสารภาษารักและความเป็นกัลยาณมิตรของ “ปลาแซลมอนสีเงิน” ตัวเอกของเรื่องและคู่รักสาวแซลมอนตราประกาย
เพราะหลงรักในปลาแซลมอน ทำให้นักเขียนเรื่องนี้มีมิติการมองปลาจากด้านข้าง คล้ายกับติดตามเคียงคู่ “สีเงิน” ที่แหวกว่ายทะยานจากทะเลสู่แม่น้ำลำธาร จึงมิใช่การมองแบบคนทั่วไปจากมุมสูงลงมา เช่นเดียวกับนกอินทรีทะเลหรือหมีที่เล็งหาเหยื่อ
จากข้อมูลและแหล่งอ้างอิงต่างๆ ยืนยันว่า ในแต่ละปี พอถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงสวยงาม บรรดาแซลมอนจะพากันว่ายทวนน้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าหาฝั่ง ไปยังแม่น้ำและแอ่งน้ำซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด โดยจะหาร่องน้ำตื้นๆ ที่มีหินเล็กหินน้อย และมีกระแสน้ำที่ไม่เชี่ยวนัก เพื่อวางไข่
แซลมอนตัวเมียจะวางไข่เป็นแนวยาวราว 1 เมตร ลึกราวประมาณครึ่งเมตร การวางไข่สีส้มแดงหรือชมพูเข้ม และใส ครั้งละ 2,000 - 3,000 ฟอง ไข่ที่ถูกวางรวมลงไปตามซอกหินจะปฏิสนธิกับสเปิร์มของแซลมอนตัวผู้ที่ปล่อยลงไปผสมพันธุ์
จากนั้นจะฟักเป็นตัวแซลมอนในอีกราว 2 เดือน และจะเติบโตในแหล่งน้ำจืดปากแม่น้ำช่วงรอยต่อกับทะเลอยู่ประมาณ 2 ปี จนมีลำตัวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก็พร้อมจะออกไปใช้ชีวิตในท้องทะเล และออกหาอาหารในมหาสมุทรต่อไป
เมื่อบรรดาปลาแซลมอนที่เติบโตจนพร้อมเต็มที่แล้วก็ได้เวลาการว่ายทวนน้ำกลับไปยังแหล่งกำเนิด เพื่อการสืบทอดสายพันธุ์ต่อไป เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิต
การเดินทางไกลมากที่พิสูจน์ความมุ่งมั่นอุตสาหะอย่างเหลือเชื่อของปลาแซลมอนก็มีขึ้นทุกปีตามฤดูกาล แม้ว่าอันโดฮยอนจะมีข้อมูลว่าปลาแซลมอนมีจำนวนลดลงมากอย่างน่าเป็นห่วง จนต้องเขียนบทความและหนังสือเล่มนี้เพื่อกระตุ้นนักตกปลาให้หันมาใส่ใจ สงวนพันธุ์แซลมอนกันบ้าง
แซลมอนสีเงิน พระเอกของเราซึ่งแสวงหาคำตอบเป้าหมายของชีวิต จึงมีคำถามกับคู่รักว่า
“ว่ายทวนน้ำไปเพียงเพื่อวางไข่ เหตุผลเพียงเท่านี้เองหรือ”
“เหล่าแซลมอนต่างสู้เอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายนานัปการเพื่อมาถึงที่นี่ และแน่นอนว่า หนทางที่เหลือ ยังคงมีอันตรายรออยู่อีก แต่ที่เราต้องฟันฝ่ามาขนาดนี้...เหตุผลที่เรามีชีวิตอยู่เพียงเพื่อกลับไปวางไข่หรือ การที่แซลมอนได้พบกัน รักกัน และครองคู่กันก็เพียงเพื่อการวางไข่เท่านั้นเองน่ะหรือ”
แซลมอนสีเงินไม่อยากยอมรับความจริงนี้
“เพียงเพื่อวางไข่เราถึงได้มีชีวิตอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่เพื่อกินสินะ เราต้องมีชีวิตอยู่ด้วยเหตุผลที่มากกว่านี้แน่” แล้วหันไปพูดกับแซลมอลตาประกาย
“ที่เราว่ายทวนน้ำไปเพียงเพื่อวางไข่หรือ เธอคิดว่าที่เรารักกันก็เพื่อจะได้วางไข่ ชีวิตเรามีความหมายอยู่แค่นี้เองน่ะหรือ ต้องไม่ใช่แน่ๆ ชีวิตของแซลมอนย่อมต้องมีความหมายมากกว่านั้นสิ เพียงแต่เรายังหามันไม่เจอเท่านั้น ถ้าหายังไม่พบ ชีวิตเราคงไม่เหลือความหมายอะไรแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือเล่มนี้ แซลมอนสีเงิน เมื่อถูกแซลมอนตาประกายแฟนสาวถาม ก็ยอมรับว่า
“ใช่ ฉันหาความหวังไม่เจอเลย แต่ฉันไม่เสียใจหรอก หากเปรียบกับพวกแซลมอนที่ไม่มีความหวังอะไรสักนิด ฉันคิดว่าฉันยังเป็นปลาที่โชคดี ฉันยังเชื่อว่าในโลกนี้ยังคงมีความหวังอยู่ที่ไหนสักแห่ง ขอเพียงเราไม่ล้มเลิก ฉันคิดว่ายังมีแซลมอนที่มีความคิดเหมือนเราอยู่นะ”
แล้วในที่สุด หลังจากแซลมอนสาวทำหน้าที่แม่ ปล่อยไข่ล้นหลามให้ไหลลงใต้ท้องน้ำ และแซลมอนสีเงินหลับตาพร้อมกับปล่อยของเหลวสีขาวไหลออกจากท้องลงไปบนไข่แล้วซึมเข้าสู่การผสมพันธุ์ ทั้งสองก็ต่างอยู่เคียงข้างกันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิต กลายเป็นร่างไร้วิญญาณลอยไปบนผิวน้ำทุกตัว เป็นการมอบพลังชีวิตคืนให้แก่โลกอย่างสมภาคภูมิ
จังหวะเหมาะที่ผมทราบว่า ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม เคยไปเที่ยวแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ขณะที่รถทัวร์แล่นขึ้นภูเขาเป็นเส้นทางขนานกับแม่น้ำสายหนึ่ง มัคคุเทศก์ก็ชี้ให้ดูว่า ขณะนั้น ฝูงปลาแซลมอนจำนวนมากกำลังว่ายน้ำไปในทิศทางเดียวกันกับรถ
ข้อมูลที่ได้ยืนยันว่าปลาแซลมอนต้องว่ายทวนน้ำเชี่ยวกรากเป็นระยะทางยาวถึง 1,400 กิโลเมตร บางช่วงต้องว่ายไต่ระดับขึ้นไปบนน้ำตก ในระดับความสูงถึง 2.1 กิโลเมตร
ผมได้สนทนากับอาจารย์วรภัทรและได้ข้อสรุปบทเรียนที่ได้จากวิถีชีวิตแซลมอนที่เป็นตัวอย่าง “ความมุ่งมั่น” สู่เป้าหมายอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความเสี่ยง (ทั้งจากคนและสัตว์อื่น)
การเผชิญอุปสรรคจากการพยายามข้ามน้ำตกที่เชี่ยวกรากด้วยการกระโดดสูง พร้อมกับการเคลื่อนตัวไปข้างหน้านั้น เท่ากับเลี่ยงการปะทะกับอุปสรรคสายน้ำเชี่ยว แต่เป็นการข้ามปัญหาพร้อมกับสามารถทำระยะการเดินทางให้คืบหน้าด้วย
นอกจากนี้ การได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้ซึมซับความซาบซึ้งใจในความเป็นกัลยาณมิตรของแซลมอนหนุ่มสาวที่ช่วยเหลือ ปกป้องอันตรายในยามคับขันโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ
ความรักในธรรมชาติ แม้เป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อย เพราะสรรพสิ่งที่อยู่ในโลกไม่มีอะไรไม่สำคัญ ฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งของใดแม้เพียงชิ้นเดียวที่ควรถูกทิ้งขว้าง แซลมอนสีเงินยังมองธรรมชาติประสานมือกันใต้น้ำกลมเกลียวเป็นผืนเดียว
“ทุกมหาสมุทรและผืนดินบนโลกจับมือกันอย่างกลมเกลียว ผืนแผ่นดินโอบอุ้มน้ำไว้ ส่วนน้ำก็ให้ความชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน”
จินตนาการจากนักเขียนเกาหลี ผ่านการเดินเรื่องของปลาแซลมอน ซึ่งให้ข้อคิดที่ดีต่อชีวิตและธรรมชาติแวดล้อม น่าจะมีส่วนจุดประกายความคิดของเรา ซึ่งเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสใช้ศักยภาพทางกายและการสื่อสารได้คล่องตัวกว่า
ขอแต่มีความมุ่งมั่น ใฝ่ดี และฉลาดในการเลือกวิถีทาง เราก็สามารถบรรลุความสำเร็จที่เกิดผลดี ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว และสังคมคนรอบตัว
“ คู่แข่งก็เหมือนหินลับมีด ยิ่งลับเร็วเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเจิดจ้าเท่านั้น การสร้างธุรกิจที่ดีมิใช่การคว่ำคู่แข่งลงทั้งหมด หากแต่ต้องมีพลังการแข่งขันที่ได้เปรียบและมีเอกลักษณ์ของตนเอง สร้างทีมงาน กลไกและวัฒนธรรมของตนเอง ผมอาจทำอีกห้าปีสิบปี แต่สุดท้ายย่อมต้องจากไปแน่นอน ก่อนลาจาก ผมจะสร้างความได้เปรียบที่มีเอกลักษณ์และกลไกการเติบโตของธุรกิจให้แก่อาลีบาบาและเถาเป่า ถึงเวลานั้นมีแจ็ค หม่า หรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้ว” แจ็ค หม่า ผู้สู้ชีวิตสร้างตัวจากครูจนๆ ปัจจุบันเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจ “อาลีบาบา” ที่คนรู้จักค่อนโลก *** ข้อความจากหนังสือ “ปรัชญาชีวิตของ แจ็ค หม่า” |