เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 15 อวสาน
เย็นมากแล้ว ขณะณไตรเดินกลับเข้ามาที่เรือน เห็นเนื้อนางยืนรออยู่ด้านหน้า
“มารอผมเหรอ เนื้อนาง พอดีผมสั่งงานแสงคำอยู่”
เนื้อนางมอง ณไตรยิ้มแล้วบอกขึ้น เสียงไม่ผิดปกติ
“ผมให้แสงคำลงไปค้างในเมือง รอทำเรื่องกับป่าไม้ให้เสร็จ”
ณไตรเดินขึ้นเรือนมากับเนื้อนาง เห็นคำฝาย ม่อนดอยที่ยืนอยู่ บนโต๊ะมีขันโตกอาหาร
“เนื้อนางทำอาหารมาให้พ่อเลี้ยง”
“น่ากินทุกอย่างเลย” ม่อนดอยกลืนน้ำลาย
“กินด้วยกันสิ คำฝาย ม่อนดอย”
“ไม่เป็นไร พ่อเลี้ยงกินกับเนื้อนางเถอะ เดี๋ยวฉันกับไอ้ม่อนดอยไปกินที่โรงครัว”
“แต่พ่อเลี้ยงชวน” ม่อนดอยเสียดาย
“ไม่ต้อง...ไป ไอ้ตะกละ”
คำฝายลากม่อนดอยออกไป
ณไตรมองเนื้อนาง ที่วางจานลง ตักข้าวให้ ณไตรมองแล้วถามยิ้มๆ
“ทำไมวันนี้อารมณ์ดี ทำกับข้าวให้ผมกิน”
“เนื้อนางเห็นคุณเหนื่อย คอยเฝ้า คอยดูแลเนื้อนาง เนื้อนางก็อยากจะทำอะไรให้คุณสบายใจบ้าง”
ณไตรฟังแล้วชื่นใจ กุมมือเนื้อนางขึ้นมาหอม เนื้อนางยิ้มอาย
คำฝายเดินมากับม่อนดอยถึงหน้าโรงครัวกันแล้ว ม่อนดอยมองแล้วบ่นขึ้น
“แกคิดเหรอว่าพ่อเลี้ยงเค้าจะมองไม่ออก ว่าเอาเรื่องกับข้าวมาบังหน้า ที่จริงน่ะเนื้อนางอยากคอยดูว่าพ่อเลี้ยงไปไหน ทำอะไร”
“รู้ก็ไม่เห็นแปลก เมียจะเฝ้าผัว ผิดกฎหมายข้อไหน”
“มันไม่ผิดกฎหมายหรอก แต่มันจะผิดใจคนเรารักกัน ต้องไว้ใจกัน”
“ถ้าไว้ใจ พ่อเลี้ยงก็ต้องบอกสิวะ ว่าทำอะไรอยู่ บอกแง้มๆก็ได้ เนื้อนางน่ะ เมียนะ ปิดบังเมียน่ะ เค้าเรียกว่าไว้ใจเรอะ”
ม่อนดอย คำฝายเดินเข้ามาในโรงครัว เจอกับกลุ่มรัญจวนที่กินข้าวอยู่ก่อนแล้ว
“อ้าว...” รัญจวนกระแทกแดกดัน “คุณคำฝาย มากินข้าวเหรอคะ”
สร้อยฟ้าปากดี “ปกติเห็นกินหญ้า”
สามคนระเบิดหัวเราะชุดใหญ่เป็นที่สะใจ
“กินหญ้าเป็นช้างเป็นม้า ยังมีประโยชน์ให้คนใช้งาน แต่พวกที่ไม่น่าจะอยู่ให้หนักแผ่นดิน ที่นี่ คือเหลือบ หมัด สัตว์ไร้ประโยชน์ คอยแต่จะจองเวรเนื้อนางอย่างพวกแก” คำฝายด่ากลับ
“รับรองว่าไม่จองเวร ไม่กลั่นแกล้งอะไรแล้วค่ะ เพื่อนรักคำฝายต้องการอะไร จิกหัวพวกเราใช้ได้นะคะ” กำปุ้งสอพลอ
“ฉันไม่ใช่นก ไม่ชอบจิกใคร อย่าให้รู้นะว่าแกคิดไม่ซื่อ”
สามคนทำตาใสซื่อ ส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง ลุกขึ้นเดินออกไป คำฝายเดินไปนั่งกับม่อนดอย
รัญจวนเดินห่างออกมา รีบถามกำปุ้งทันที
“แกจะลงมือจัดการนังเนื้อนางมันอีกเมื่อไหร่”
“ไม่นานเกินรอค่ะ เรามาเพื่อทำลายชีวิตนังเนื้อนางตามคำสั่งแม่นาย”
เสียงกำปุ้งดุดัน สีหน้าสามคนยิ้มร้าย แววตาร้ายกาจ
เป็นเวลาเย็นจวนค่ำ เนื้อนางยืนอยู่ตรงระเบียง ทอดสายตามองไปไกลลิบ ณไตรเข้ามาโอบร่างนางผู้เป็นที่รักจากด้านหลัง
“ผมอยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน”
เนื้อนางพลิกตัวหันมามอง ณไตรมองตาเนื้อนางสุดซึ้ง บอกเสียงนุ่มหู
“คืนนี้คุณอยู่ที่นี่เถอะนะ”
“เนื้อนางอยากกลับไปนอนที่เรือน”
“เนื้อนาง ทำไมถึงไม่กลัวคนที่มันจ้องจะทำร้ายคุณ”
“ผีแขไขคงไม่กล้ามาถึงนี่ แต่ถ้าเป็นเรือนเนื้อนาง ใกล้ป่า เค้าหลบเข้ามาทำร้ายเนื้อนางได้ง่ายกว่า ถ้าเราจะจับผีให้ได้ ก็ต้องอยู่ที่เรือนเนื้อนาง” เนื้อนางบอกเหตุผลด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ณไตรพยักหน้ายอมรับและบอกขึ้นว่า
“อยู่ที่เรือนคุณก็ได้ แต่ผมไม่ให้ใครเฝ้าคุณ นอกจากผมคนเดียว”
ไม่เพียงแต่น้ำเสียงเข้ม แววตาของพ่อเลี้ยงยังมองมาเข้มจัด จนเนื้อนางไม่กล้าเถียง
แสงจากตะเกียงในกระท่อมถูกหรี่ลงด้วยมือแสงคำ อดีตควาญ หุ่นล่ำสัน ซึ่งบัดนี้เป็นผู้จัดการปางหิมวัต ถือปืนนั่งอยู่ด้านใน คอยหลบมองผ่านช่องหน้าต่างว่าจะมีใครกรายใกล้เข้ามายามวิกาล
แขไขนอนหลับอยู่บนเตียง สะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว หล่อนตกใจจนตัวสั่น ครางฮือๆ เป็นพักๆ
แสงคำลุกเดินมาดูใกล้ๆ แล้วขยับดึงผ้าห่มคลุมให้แขไข
“อย่า...อย่า ฆ่าฉัน” แขไขเพ้อ
“ใครฆ่าคุณ แขไข”
แสงคำถามขึ้น แต่แขไขไม่รับรู้ ร้องอื้ออ้า ทำท่าดิ้นหนี
“รีบนึกให้ออกเถอะ แขไข เนื้อนางจะได้พ้นผิดสักที”
สายตาแสงคำที่มองแขไขเต็มไปด้วยด้วยความสงสาร
รุ่งเช้าวันใหม่ เนื้อนางนอนหลับอยู่บนที่นอน แดดเช้าส่องไล้มาที่ร่างงาม เนื้อนางตื่น ลืมตา พลิกตัวหันมามองทางประตู แลเห็นณไตรนั่งถือปืนเฝ้าอยู่ทอดสายตามองมาดูออกว่าเขาเฝ้าเธอทั้งคืน
เนื้อนางลุกขึ้นนั่ง ณไตรยิ้มมอง
“คุณหลับบ้างหรือเปล่า” เนื้อนางถาม
“ได้นั่งมองคุณอย่างนี้ ผมหลับไม่ลงหรอกครับ อยากเก็บภาพคุณที่สวยที่สุดทุกวันไว้ในใจนานๆ”
ณไตรมองจ้อง เนื้อนางหลบตาด้วยความเขินอาย
ด้านนอกเรือน มีเสียงเรียกดังโหวกเหวกเข้ามา
“เนื้อนาง เนื้อนาง”
เนื้อนางได้ยินเสียงก็จำได้ ลุกขึ้นทันที
“เสียงประกาย”
ณไตรลุกยืนด้วย หันไปมองตามเนื้อนาง
สองคนออกมาจากในเรือน เห็นประกายยืนอยู่ น่าแปลก ที่คุณนายคณะรำวงบุญน่าน สวมเสื้อผ้าธรรมดา ท่าทีก็รีบร้อน หล่อนมีกระเป๋าสัมภาระใบเล็กๆ ติดตัวมาใบเดียว
เนื้อนางลงบันไดมาหา ประกายโผเข้าไปกอด
“เนื้อนาง”
คำฝาย กะม่อนดอยเดินเร็วรี่มาจากทางโรงครัว ทุกคนต่างมองประกายด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ประกาย มีอะไร ทำไมถึงมาที่นี่ได้ แล้วคณะรำวงล่ะ แตกเหรอ” เนื้อนางเอ่ยถาม
“ไม่ใช่คณะแตก ชั้นนี่แหละ แตก...แตกระบมไปทั้งตัวเพราะฝีมือไอ้บุญน่านกับนังบัวตอง”
ประกายเลิกเสื้อแขนยาวที่สวมให้ดู เผยให้เห็นเนื้อตัวเขียวช้ำ ด้วยรอยทุบตี
คำฝายไม่วายค่อนแคะ “เฮอะ! ไหนว่ารักกันปานจะกลืนกิน”
“ก็นังป้าบัวตองน่ะสิ พอผัวจะตีจากเข้าหน่อย ก็ริบเงินทุกบาททุกสลึง เข้ากระเป๋าแล้วดันยื่นคำขาด ให้ไอ้บุญน่านไปจากคณะ”
เนื้อนางงง “แล้วทำไมน้าบุญน่านถึงต้องตีเธอ”
“ก็ไอ้บุญน่านมันไม่ยอมเลิกกับเมียแก่สิ มันบอกว่ามันกลัวจน มันกอดแข้งกอดขาเมียแก่ นังป้าบัวตองมันเลยได้ใจ ให้ไล่ฉันออก”
ม่อนดอยเดาและถูก “แล้วเธอก็ไม่ยอมออก”
“ใช่ ถึงได้เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ไล่ออกจากคณะยังกับหมูกับหมาไม่พอ มันยังยึดเสื้อผ้าสวยๆ ที่ซื้อให้ คืนไปหมด เหลือแต่ตัวจริงๆ”
คำฝายเหน็บอีกดอก “ไหนว่าเสน่ห์มัดใจ ผัวรัก ผัวหลง จนวันตาย”
ประกายชักฉุน “แกจะเหยียบฉันให้จมดินตรงนี้เลยมั้ย นังคำฝาย”
ณไตรเอ่ยขึ้น “ตกลงจะกลับมาอยู่ที่นี่”
“ขอฉันอาศัยอยู่ด้วยคนนะ พ่อเลี้ยง คิดซะว่าช่วยลูกนก ลูกกา” ประกายออดอ้อน
“ช่วยเป็นฝูงแล้วตอนนี้ รู้หรือเปล่าว่าผีสามป่าช้า กลุ่มป้ารัญจวนมันก็เพิ่งมาขออยู่ด้วย” คำฝายส่ายหัว
“ต๊าย...นึกว่าจะได้ดิบได้ดีไปไหน สุดท้ายก็กลับมาสุมหัวกันอยู่ที่ปาง...เหมือนเดิม”
ประกายหัวเราะลั่นอยู่คนเดียว แต่สักพักก็ต้องหยุด เมื่อเห็นเนื้อนาง คำฝาย ทุกคนเงียบจ้องมองมา ประกายลดเสียง เปลี่ยนเป็นยิ้มเหยเก
รัญจวนวางจานข้าวลงทันที มองกำปุ้ง สร้อยฟ้าที่มารายงานข่าวรับอรุณ
“จริงเหรอวะ นังประกายมันกลับมา”
“แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง คนงานพูดกันให้แซด” สร้อยฟ้ายัน
“งั้นเราก็ต้องรีบไปต้อนรับมันหน่อย” รัญจวนแค้น
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ คุณพี่ เดี๋ยวมันจะได้ใจ นึกว่าเราดีใจเนื้อเต้น นังประกาย มันซมซานกลับมาก็ดีแล้ว ทีนี้เราจะได้เอาคืนให้มันสาสม ทีเดียวทั้งสามคน”
กำปุ้ง สร้อยฟ้า รัญจวนหัวเราะลั่น แล้วรีบสุมหัวกัน ทวนแผนชั่วที่ศรีวัลลาบงการผ่านจันตามาอีกที จะแกล้งเนื้อนางอีกรอบ คราวนี้จัดหนัก!
ประกายยืนอยู่หน้าเนื้อนาง กับทุกคน หน้าตาจ๋อยๆ ขอความเห็นใจจากณไตรและเนื้อนางเต็มที่
“จะขับไสไล่ส่งฉันได้ลงคอเหรอ พ่อเลี้ยง”
“ฉันแล้วแต่เนื้อนางคนเดียวเท่านั้น ว่าจะให้อยู่มั้ย ลองขอกันดู”
ณไตรมองเนื้อนางให้เป็นคนตัดสินใจ แล้วหันกลับมาสั่งม่อนดอย
“ม่อนดอย นายไปช่วยฉันดูเรื่องทะเบียนไม้ดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน พ่อเลี้ยง อยู่นานๆ เดี๋ยวจะใจอ่อน อยากมีเมียอีกรอบ”
ม่อนดอยแกล้งแหย่ ประกายทอดสายตาวิบวับยิ้มหวานมาให้
“จีบได้นะ ฉันโสดแล้ว”
“ฮึ่ย ไม่เอา ชายสามโบสถ์ หญิงสามผัว พระท่านว่าไว้...” ม่อนดอยบอก
คำฝายหมั่นไส้ “ว่าไว้ยังไง”
“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนน่ะดีแล้ว”
ประกายฉุนกึก “ไอ้ม่อนดอย”
ม่อนดอยไม่อยากยุ่งกับประกาย รีบเดินตามณไตรไป เนื้อนาง คำฝายมองประกายไม่วายแดกดัน
“เอายังไงละ เนื้อนาง ตั้งคณะรำวงใหม่ซะเลยดีมั้ย มากันครบแล้ว”
เนื้อนางมองประกายแล้วถาม “ที่นี่ไม่มีแสงสี ไม่มีความสะดวกสบายที่เธอชอบ เธอก็คงอยู่สักพัก จนกว่าจะหาที่ใหม่ได้ใช่มั้ย”
“อันที่จริง ฉันก็คิดไว้แบบนั้นแหละ”
“จะไล่เธอไปสภาพนี้ ก็คงใจดำเกินไป”
ประกายยิ้มแก้มแทบแตก “ขอบใจมาก เนื้อนาง ไม่แน่นะกลับมาคราวนี้ ฉันอาจจะรักปาง อยากอยู่ที่นี่จนตายเลยก็ได้”
น้ำเสียงประกายสดใสขึ้นมาทันควัน เนื้อนางอมยิ้มขำ
คำฝายมองค้อน ไม่อยากเชื่อน้ำคำประกายนัก
ณไตรเดินขึ้นมาในห้องทำงาน บนเรือนสำนักงาน หยิบสมุดบัญชีส่งให้ม่อนดอย
“เอาไปนับดูว่าแสงคำลงจำนวนตรงหรือเปล่า”
“แต่ไอ้แสงคำ มันก็นับครบทุกทีนะ พ่อเลี้ยง”
“นับอีกที เอาไปทำ แล้วก็ไปคอยเฝ้าเนื้อนางที่เรือนด้วย”
“ครับๆ” ม่อนดอยรับสมุดแล้วเดินลงกลับออกไป
ณไตรมองแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน พักเดียวณไตรหยิบถุงใส่อาหารที่เตรียมไว้ด้านในออกมา แล้วก้าวพรวดลงเรือนไปด้านหลังอย่างเร็ว เพื่อเอาอาหารไปให้แสงคำกับแขไข
เนื้อนางยืนมองคำฝายกับประกาย
“เอ้าๆ เนื้อนางให้อยู่ งั้นแกก็ตามข้า ขึ้นไปจัดที่หลับที่นอน”
ประกายบ่นอุบอิบชวนหมั่นไส้ว่า “มีเรือนใหม่ๆให้ฉันอยู่มั่งมั้ยล่ะ บางที...ก้ออยากอยู่คนเดียว”
“อยากอยู่คนเดียว เงียบๆ ใช่มั้ย” คำฝายจ้องหน้า
“ใช่” ประกายรีบบอก
“มีที่นึง อยู่เงียบๆ ไม่มีใครรบกวน โน่น! ป่าช้าโน่น”
“นังบ้าคำฝาย ฉันยังไม่ตาย ไปๆ นอนที่นี่ก็ได้”
ประกายค้อนควัก บ่นกระปอดกระแปด ตามคำฝายขึ้นเรือนไป
เนื้อนางอมยิ้ม ขำประกายกับคำฝาย ขยับจะเดินไปที่แคร่หน้าเรือน แต่สายตาเนื้อนางมองไปทางชายป่า เห็นร่างไหวๆ วูบเข้าไปในป่า
“ใครน่ะ”
เนื้อนางฉงน ขยับไปเพ่งมอง เห็นร่างในชุดขาวเหมือนชุดผีแขไข เคลื่อนไหวหายวูบไปในป่า
“ผีแขไข...ผีปลอม”
เนื้อนางอยากรู้ ลืมคำเตือนของณไตร วิ่งตามเข้าไปในป่าทันทีโดยที่สองสาวไม่รู้
ประกายรับหมอน ผ้าห่มจากคำฝาย มาวางจัดบนที่นอน
“มาอาศัยเค้า ก็อย่าเรื่องมาก ที่นี่ไม่สะดวกสบาย แต่รับรอง ไม่มีใครมาตบมาตีให้แกช้ำใจเหมือนที่คณะรำวงโน่น”
“เออ รู้แล้ว ไม่ต้องซ้ำเติม แล้วนี่เสื้อผ้าสวยๆของเนื้อนางอยู่ไหน เอามาให้ฉันยืมใส่มั่งสิ”
“มาแต่ตัวเลยนะ” คำฝายบ่นบ้า
“ก็ไอ้ผัวบ้ามันซ้อมฉัน ข้าวของเสื้อผ้าแก้วแหวนเงินทอง มันก็ยึดเอาไปหมด จะเม้มจะเก็บอะไรที่ไหนทันล่ะ”
ประกายหน้าง้ำ คำฝายมองค้อนอย่างหมั่นไส้
พอคำฝายออกจากเรือนลงบันไดมา มีประกายตามหลัง ม่อนดอยเดินถือสมุดบัญชีมาจากอีกทาง
คำฝายกวาดสายตามองหา “เนื้อนางล่ะ”
“อ้าว ก็อยู่กับแกไม่ใช่เหรอ คำฝาย”
“เนื้อนาง เนื้อนาง” คำฝายสังหรณ์ใจ
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลย” ประกายว่า
“หรือว่า เนื้อนางเข้าไปในป่า”
คำฝายวิ่งตามเข้าไปในป่าอย่างสังหรณ์ใจ ม่อนดอยทิ้งสมุดบัญชี วิ่งตามไป ประกายวิ่งตามไปอีกคน
เนื้อนางเดินเร็วรี่มาในป่า เหลียวมองหา เห็นร่างผีแขไขที่กำปุ้งทำหลอกล่อวูบไปทางหนึ่ง เนื้อนางเดินลึกไปด้านใน เนื้อนางเห็นหลังผ้าขาวไวๆ
“วันนี้ ฉันจะได้เห็นหน้าแกจริงๆ สักที ผีแขไข”
เนื้อนางก้มลงคว้าไม้บนพื้นเป็นอาวุธ แล้วเดินตามเข้าไปอย่างไม่กลัว
ด้านณไตรหิ้วถุงอาหารมาหยุดยืนในป่า แล้วลองผิวปากเบาๆ สักครู่จึงเห็นแสงคำโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง ณไตรรีบส่งถุงอาหารให้
“แขไขเป็นยังไงบ้าง”
“เหมือนเดิมครับยังไม่พูดว่าใคร”
“มีใครมาป้วนเปี้ยนมั้ย”
“ไม่มีครับ”
ณไตรกำชับ “เฝ้าไว้ให้ดี แล้วฉันจะพาหมอมา”
ณไตรฝากฝังแล้วเดินกลับไป แสงคำแยกเดินไปอีกทางอย่างเร็ว
เนื้อนางเดินลึกเข้ามาอีก กำปุ้งที่ปลอมเป็นผีแขไขรีบวิ่งหลอกล่อ เนื้อนางวิ่งตาม
แสงคำสะพายถุงใส่อาหาร ผลักประตูเข้ามา กวาดตามองไปรอบๆ
“แขไข”
วูบแรกแสงคำตกใจปิดประตู หันไป จนพบแขไขซุกอยู่ด้านหลังประตู แสงคำถอนใจโล่งอก
เนื้อนางวิ่งตามมา กำปุ้งล่อเนื้อนางมาใกล้แล้วเลี้ยวหลบไปในพุ่มไม้
เนื้อนางวิ่งมา มองไปรอบๆ ขาเนื้อนางกำลังก้าวเข้าไปเหยียบกับดักสัตว์บนพื้นตรงหน้า
เสียงม่อนดอยร้องตะโกนลั่น “เนื้อนาง ระวัง อย่าเหยียบ”
ม่อนดอยวิ่งถลันมากับคำฝาย และประกาย
เนื้อนางชะงักเท้า มองต่ำ คำฝายแล่นลิ่วเข้ามากระชากเนื้อนางสุดแรง ให้ถอยหลังออกมา
ประกาย กับคำฝายวิ่งมาทีหลัง ทุกคนมองกับดักสัตว์อันใหญ่วางอยู่ที่พื้น
กำปุ้งหลบอยู่ ทั้งโมโห ทั้งเจ็บใจ หันหลังวิ่งหนี คำฝายตาไวมองเห็น
“มันไปทางนั้น”
กำปุ้งโกยแน่บ แต่ไม่ทัน คำฝายวิ่งมาดักหน้า กำปุ้งหันหลังมาเห็นเนื้อนาง หันไปข้าง เจอม่อนดอย ประกายดักไว้ทุกทาง คำฝาย กับม่อนดอยพุ่งเข้ารวบตัว กำปุ้งดิ้นไม่ยอมให้จับ แต่ม่อนดอยรวบตัวไว้แน่น
“เสร็จล่ะ ไอ้ผีแขไข”
เนื้อนางเข้ามากระชากหน้ากากผีออก ทุกคนมองคาดไม่ถึง ต่างตกใจที่เห็นเป็นกำปุ้ง
“กำปุ้ง เธอเองเหรอ”
กำปุ้งถูกม่อนดอยผลักมาตรงหน้าแทบเท้าณไตรที่จ้องมาด้วยสายตาโกรธจัด
เนื้อนาง คำฝาย ประกายยืนอยู่อีกด้าน รัญจวน สร้อยฟ้ายืนอยู่ห่างออกมา ตกใจที่ถูกจับได้
“กำปุ้งแค่ทำหลอกเล่นๆ เห็นคนงานบอกว่ามีผีแขไขอาละวาด” กะเทยดอยเปิดปากตอแหลขึ้น
“แล้วกับดักที่แกวางไว้ ล่อให้เนื้อนางเหยียบล่ะ จะให้ขาขาดเล่นๆด้วยหรือเปล่าฮะ”
คำฝายแค้นมาก ปรี่เข้าไปทุบตีกำปุ้ง รัญจวน กับสร้อยฟ้าผลักคำฝายออก คำฝายผลักกลับ ประกายเข้าไปช่วยทุบสร้อยฟ้า
ณไตรแผดเสียงขึ้น “หยุด”
สองฝ่ายต้องถอยห่าง
“กับดักอะไร กำปุ้งไม่รู้เรื่องเลยนะคะ พ่อเลี้ยง”
กำปุ้งเข้าไปกอดขา ณไตรสะบัดเท้าขาไปโดนหน้ากำปุ้งจนแหงนหงายไป ณไตรไม่สนใจกำปุ้ง หันไปสั่ง
“ม่อนดอย เอาไปมัดไว้ที่ต้นไม้”
“อย่าฆ่านังกำปุ้งมันเลยนะคะ อย่าฆ่ามันเลย” รัญจวนร้องขอ
กำปุ้งสะบัดไม่ยอมให้ม่อนดอยจับ ณไตรชักปืนออกจากเอว กำปุ้งตกใจ เข่าอ่อน
ม่อนดอยลากกำปุ้งมามัดไว้ด้วยเชือกติดกับต้นไม้ กะเทยพร่ำปฏิเสธไปหยุด
“กำปุ้งไม่รู้เรื่องจริงๆ เอากำปุ้งไปสาบานที่ไหนก็ได้ค่ะ พ่อเลี้ยง”
“หยุดคร่ำครวญได้แล้ว ฉันบอกแล้วว่าอย่าก่อเรื่องให้เนื้อนางอีก”
“มันน่าจะฆ่าทั้งสามคน” คำฝายคำราม
เนื้อนางถามขึ้นว่า “ใครให้เธอทำแบบนี้ กำปุ้ง”
รัญจวน สร้อยฟ้ามองกันไม่กล้าพูด กำปุ้งรีบบอก
“เนื้อนาง ฉันแค่หยอกเธอเล่นๆ ไม่ได้คิดร้ายกับเธอเลยจริงๆ”
เนื้อนางไม่เชื่อ “เธอจะไม่เจ็บตัวมากไปกว่านี้นะ กำปุ้ง ถ้ายอมสารภาพความจริงว่า ใครสั่งให้เธอทำ”
“ไม่มีใครสั่ง”
กำปุ้งยังไม่ยอมบอก ณไตรโมโห บอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ห้ามใครปล่อยทั้งนั้น ให้มันตากแดดตากฝนอยู่ตรงนี้ จนกว่าจะยอมพูด”
น้ำเสียงณไตรเข้มจัด มองจ้องกำปุ้งแทบจะฆ่าให้ตายคามือ
เวลานั้น ศรีวัลลายืนอยู่ตรงเรือนรับรอง มองไปไกลลิบตา จันตาเดินเร็วเข้ามา แม่นายหันไปมอง จันตารีบบอก
“นังสามคนนั้น มันแย่แล้วเจ้า”
“มีอะไร”
“รัญจวนมันจ้างคนงานแอบมาส่งข่าว พ่อเลี้ยงจับได้ว่ามันแกล้งเนื้อนาง ตอนนี้กำลังทรมาน ให้บอกว่าใครสั่ง”
ศรีวัลลาฟังแล้วโมโหมาก
ขณะที่อรองค์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สนาม แม่นายเดินเร็วมากับจันตาจะไปขึ้นรถ อรองค์มองเห็นก็รีบเดินเข้าไปใกล้
“ประทานโทษค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ อรเห็นแม่นายท่าทางรีบ”
“ฉันรีบ เธอก็ไม่ควรมาขวาง”
ประมุขหิมวัตดุ อรองค์หน้าสลด จันตามองแล้วถามแม่นายขึ้น
“ให้ครูอรองค์ไปช่วยเราด้วยดีมั้ยเจ้า”
แม่นายปรายตามองอรองค์ แล้วตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ฉันกำลังจะไปที่ปาง ยังมีที่ว่าง”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนแม่นาย อรขอไปด้วยค่ะ”
“รีบตามมาสิ”
เห็นอรองค์รีบเดินตามไปกับแม่นาย จันตา รถแล่นออกไปโดยเร็ว
กำปุ้งถูกมัดตากแดดเปรี้ยง ปากแห้งเพราะไม่ได้กินน้ำ
สร้อยฟ้า รัญจวนจะเข้าไปเอาน้ำให้ ม่อนดอยยืนถือปืนเฝ้า ยกปืนขึ้นขู่ คำฝาย และประกายชี้หน้าห้าม
“ถอยไป พ่อเลี้ยงสั่งให้มันอดข้าวอดน้ำจนกว่าจะพูด”
“อยากโดนมัดเป็นอีเห็นตากแห้งสามตัวเรียงกันใช่มั้ย” ประกายตะคอก
รัญจวน สร้อยฟ้า รีบวางกระบอกน้ำ รัญจวนกระซิบบอกกำปุ้งเบาๆ
“แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันให้คนไปบอกแม่นายแล้ว”
กำปุ้งผงกหัวมองรับรู้อย่างอ่อนล้า
รัญจวน สร้อยฟ้ารีบถอยห่างออกไปมองม่อนดอยที่ถือปืนขู่ด้วยความกลัว
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เนื้อนางมองไปนอกเรือนทางที่กำปุ้งถูกมัดอยู่ แล้วหันมาขอร้องณไตร
“เนื้อนางไม่อยากให้พ่อเลี้ยงลงโทษกำปุ้งรุนแรงขนาดนี้”
“ผมอยากรู้ว่าใครสั่งให้กำปุ้งทำเรื่องผีแขไขมาหลอกคุณ สมองอย่างกำปุ้งวางแผนเองไม่เป็นแน่ นอกจากรับคำสั่ง”
“คนที่จะสั่งกำปุ้งได้ ก็มีแค่...”
เนื้อนางนึกแล้วก็ไม่กล้าพูด เพราะห่วงความรู้สึกพ่อเลี้ยง แต่ณไตรมองสายตาเนื้อนางแล้วนึกรู้
“แม่นาย”
ศรีวัลลาเดินเข้ามามองสภาพกำปุ้งที่ถูกมัด จันตา อรองค์มองอยู่ใกล้ รัญจวน สร้อยฟ้าหมอบอยู่กับพื้น แม่นายตวัดสายตาไปสั่งม่อนดอย คำฝาย และประกายที่คอยเฝ้า
“แก้มัด”
ม่อนดอยอึกอัก “พ่อเลี้ยงสั่งว่าไม่ให้ใครปล่อยครับ”
“เดี๋ยวนี้กำเริบขนาดกล้าขัดคำสั่งแม่นาย อยากหัวขาด กระเด็นออกไปจากที่นี่ใช่มั้ย” จันตาแหวใส่
“ใครปล่อยมัน ก็หัวขาดเหมือนกัน เพราะพ่อเลี้ยงสั่งไว้” คำฝายไม่กลัว
“แกจะตีฝีปากกับฉัน กับแม่นายเหรอ ฉันบอกให้แก้มัดนังกำปุ้ง” จันตาพูดแทบเป็นตวาด
เสียงณไตรดังขึ้น “ไม่ต้อง กฎของที่นี่ คนผิดต้องรับโทษ”
ณไตรเดินมากับเนื้อนาง ศรีวัลลาจ้องลูกชายเขม็ง มาหยุดสายตาเกลียดชังที่เนื้อนาง
“จะลงโทษคนถึงตายเพราะเอาใจเมีย ถึงเวลาแล้วสินะที่หิมวัตต้องล่มจมเพราะนังผู้หญิงแพศยาคนนี้”
อรองค์มองความบาดหมางอย่างรุนแรงของสองแม่ลูกเงียบๆ
“หยุดด่าว่าเนื้อนางสักทีเถอะครับ แม่นาย กำปุ้งตั้งใจทำร้ายเนื้อนาง มีพยานเห็นทุกคน ถ้าไม่ใช่ผมแต่เป็นตำรวจ แม่นายคิดบ้างหรือเปล่าครับว่า คนที่สั่งให้กำปุ้งทำ จะต้องติดคุกไปด้วย”
แม่นายโกรธ มองด้วยแววตาผิดหวัง ทั้งๆ ที่ณไตรพยายามเตือนด้วยหวังดี
“แกเข้าข้างมัน ช่วยมันจนลืมความเป็นหิมวัต”
“ความเป็นหิมวัตคือการให้เกียรติทุกคน เนื้อนางเค้าก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนเรา”
“ไม่เหมือน มันก็ชั้นต่ำเหมือนแม่มัน” ศรีวัลลาตวัดสายตามาทางเนื้องนาง
“แม่นายจะเกลียดเนื้อนางแค่ไหน เนื้อนางเข้าใจ แต่แม่เนื้อนางไม่เกี่ยวอะไรด้วย เนื้อนางขอเถอะจ้ะแม่นายอย่าด่าว่าถึงแม่เนื้อนางอีกเลย”
แม่นายแหวใส่ทันที “ฉันจะด่าเพราะฉันเกลียดแม่แก นังช่างฟ้อนจันทร์เป็ง”
เนื้อนางตกใจ คาดไม่ถึง “แม่นายรู้จักแม่เนื้อนาง”
ทุกคนมองสงสัย ที่แม่นายเอ่ยชื่อแม่เนื้อนางออกมาด้วยเสียงเคียดแค้น
“ฉันรู้จักมันดี ต่อให้ตาย ฉันก็ไม่มีวันลืมชื่อมัน”
สายตาแม่นายกร้าวแข็งขึ้นมา หันขวับไปมองลูกชาย
“รู้มั้ยณไตร พ่อแกต้องตายเพราะใคร แม่ของมันไงล่ะ นังช่างฟ้อนจันทร์เป็งมันยั่วพ่อแกจนหลงโงหัวไม่ขึ้น”
ณไตร กับเนื้อนางมีสีหน้าตกใจ เมื่อรู้เรื่องในอดีตที่เกี่ยวพันกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่
สายตาศรีวัลลาแข็งกระด้าง เต็มตื้นไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อต้องเอ่ยถึงความหลังอันขมขื่นเป็นที่สุด
“พ่อแกอยากได้นังจันทร์เป็งมาเป็นเมียอีกคน ถึงขนาดจะแย่งมันมาจากผัวที่เป็นนายห้างฝรั่ง”
เรื่องราวเกิดขึ้นในปางแห่งนี้ ตอนกลางวันวันหนึ่ง
กัศยะพ่อณไตรยืนเผชิญหน้า กับมิสเตอร์ยอร์ช นายห้างฝรั่ง พ่อของเนื้อนาง ต่างคนต่างมีปืนในมือ
จันทร์เป็ง แม่ของเนื้อนาง ในวัย 18 เป็นสาวช่องฟ้อนคนสวย ยืนอยู่ระหว่างผู้ชายทั้งสองคน
“พ่อเลี้ยงกัศยะ จันทร์เป็งบ่ได้รักพ่อเลี้ยง จันทร์เป็งเป็นเมียนายห้างยอร์ช”
“ฉันไม่สน ฉันรักเธอ ฉันอยากได้เธอไปอยู่ที่หิมวัต”
“งั้นเราก็มาตัดสินกันอย่างลูกผู้ชาย” ยอร์ชเอ่ยขึ้นเสียงขุ่น
กัศยะ กับ มิสเตอร์ยอร์ชยกปืนขึ้นมา สองคนมองจ้องกัน
จันทร์เป็งมองอยู่กับคนงานห่างออกมา สีหน้าจันทร์เป็งหวาดหวั่น
กัศยะ กับ ยอร์ชหันหลังให้กัน สองคนจะดวลกันแบบคาวบอยตะวันตก เดินห่างจากกัน ไม่ถึงสามก้าว
กัศยะหันมาก่อน ยิงไปจังหวะที่ยอร์ชหันมาช้ากว่า
เสียงปืนดังปัง ปัง ปัง จันทร์เป็งตกใจ
กระสุนกัศยะเจาะทะลุหัวเข่าขวายอร์ชล้มลง เลือดไหลทะลัก จันทร์เป็งรีบวิ่งเข้ามาประคองยอร์ช
กัศยะไม่ยอม วิ่งเข้ามาดึงมือจันทร์เป็งจะลากออกไปด้วย
“ฉันชนะ เธอต้องไปกับฉัน”
จันทร์เป็งสะบัดมือจากกัศยะอย่างแรง กอดยอร์ชไว้แน่น
“จันทร์เป็งไม่ไปกับพ่อเลี้ยง ช่วยด้วย เรียกตำรวจด้วย พ่อเลี้ยงจะฆ่านายห้าง เรียกตำรวจมาจับพ่อเลี้ยงกัศยะเร็ว”
จันทร์เป็งร้องบอกคนงาน กัศยะตกใจ คิดไม่ถึงว่าจันทร์เป็งจะกล้าเอาเรื่องตนกับตำรวจ
นึกขึ้นมาแล้วศรีวัลลามองจ้องเนื้อนางอย่างจงเกลียดจงชัง เนื้อนางฟังเรื่องทั้งหมดแล้วครางขึ้น
“ที่พ่อขาพิการก็เพราะเรื่องนี้”
“มันยังน้อยไปกับที่แม่แกทำลายครอบครัวฉัน”
เนื้อนางกับณไตรมองสบตากันอย่างเสียใจ แม่นายหันไปทางณไตร
“พ่อแกต้องหนีคดีไปซ่อนตัวในป่าอยู่หลายปี จนสุดท้ายเป็นมาเลเรีย ซมซานกลับออกมาตายที่หิมวัต”
แม่นายหันไปมองเนื้อนาง สายตามีแต่ความเกลียดชัง
“เพราะนังจันทร์เป็ง แม่แกที่เอาชีวิตผัวฉันไป”
“แม่จันทร์เป็งจะผิดได้ยังไง ในเมื่อแม่จันทร์เป็งรัก แล้วก็ซื่อตรงกับพ่อเนื้อนางคนเดียว แม่นายอย่ากล่าวหาแม่เนื้อนางอีกเลยนะจ๊ะ”
ณไตรขัดขึ้น “แม่ครับ แม่อย่าเอาความผิดพลาดในอดีตมาตัดสินชีวิตผมกับเนื้อนางเลยนะครับ ความแค้นมันไม่ได้สร้างประโยชน์ แต่มันจะทำลายอนาคตพวกเราทั้งหมด”
“ฉันไม่อโหสิให้มันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเห็นหน้ามัน ยิ่งรู้ว่ามันเป็นหลานหมื่นหล้า ฉันก็ไม่เคยลืม มันคือลูกนังจันทร์เป็งหรือแกจะรักมัน จนลืมว่าแม่มันทำให้พ่อแกตาย”
“คุณพ่อไม่ควรไปยุ่งกับเมียคนอื่น”
“สันดานผู้ชาย มักมาก ไม่เคยเลือก”
“เนื้อนางไม่เคยรู้มาก่อน ว่าแม่นายเกลียดเพราะเนื้อนางเป็นลูกแม่จันทร์เป็ง”
เนื้อนางทรุดกายก้มลง พนมมือ ตรงหน้าแม่นาย
“ขอให้เนื้อนางกราบขอโทษแม่นายกับทุกอย่างในอดีต เนื้อนางจะไม่ขออะไรเลย นอกจากแม่นายอย่าจงเกลียดจงชัง อย่ากล่าวโทษแม่จันทร์เป็งของเนื้อนางอีก”
เนื้อนางยอมจะก้มลงกราบ แต่ศรีวัลลาไม่รับฟัง ผลักเนื้อนางกลิ้งไปกับพื้น
ณไตรถลาเข้ามาประคองเนื้อนางที่บัดนี้น้ำตาคลอหน่วย ทุกคนมองตะลึงตกใจ กับความเกลียดชังอันรุนแรงของแม่นาย
“ถ้าแกจะให้ฉันยกโทษให้ ทางเดียวคือ แกก็ตายตามแม่แกไป”
แม่นายหันหลัง เดินฉุนเฉียวออกไป จันตาหันมาทางอรองค์ สายตาเร่งให้ตาม แต่อรองค์บอกขึ้นก่อน
“ฉันจะอยู่ที่นี่”
“อยากเกลือกกลั้วกับผู้หญิงมารยาร้อยเล่มเกวียน ก็ตามใจ”
จันตาสะบัดหน้า รีบเดินตามแม่นายกลับไป
อรองค์หันไปมองเนื้อนางที่กำลังสะอื้นไห้ร่ำร้องด้วยความเสียใจ ณไตรกอดปลอบประคองไว้
ม่อนดอยรีบแก้เชือก กำปุ้งคอพับ ร่วงหมดแรงกับพื้น รัญจวน กับสร้อยฟ้าช่วยกันลากกำปุ้งออกไป
คำฝาย ประกาย ม่อนดอยได้แต่มองสงสารเนื้อนางที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น อยู่ในอ้อมกอดของณไตร
“รู้อย่างนี้แล้ว พ่อเลี้ยงยังจะรักเนื้อนางอยู่อีกมั้ย” คำฝายอดถามไม่ได้
“ความรักของฉันกับเนื้อนางเกิดขึ้นมาด้วยใจบริสุทธิ์ เราไม่เคยรู้เรื่องความบาดหมางของผู้ใหญ่”
ณไตรมองเนื้อนางที่สะอื้นเสียใจ
“สิ่งเดียวที่จะลบล้างความเกลียดชัง ความเจ็บปวดได้คือความรัก”
“คุณจะรักกันต่อไปได้ยังไง ในเมื่อแม่นายบอกแล้วว่าจะไม่มีวันให้อภัยเนื้อนาง”
อรองค์ถามขึ้นเสียงเศร้า คำฝาย ประกาย ม่อนดอยสีหน้าไม่ดี เพราะรู้ว่าอรองค์พูดเรื่องจริง
ณไตรสีหน้าเครียด มองเนื้อนางด้วยแววตาสงสาร ความรักในใจทบทวี
ศรีวัลลากลับมาบ้านหิมวัต หมกตัวอยู่แต่เรือนพักผ่อน มองไปไกล ตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ จันตายืนอยู่ด้านหลัง ส่วนอีกมุมเห็นวันดียิ้มเยาะหลบฟังทุกอย่าง
“ฉันอยากให้เนื้อนางมันตาย ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้ามัน ฉันรู้ว่านังจันทร์เป็งมันกำลังหัวเราะเยาะฉัน”
จันตาพลอยเจ็บใจไปด้วย แม่นายเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ กับความเสียใจที่เก็บมายาวนาน
ฝ่ายเนื้อนางนั่งกอดรูปตา น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ ประกาย คำฝาย มองกันอย่างสงสาร
“ร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด ตั๋วก็เปลี่ยนใจดำๆ ของแม่นายไม่ได้”
“คิดซะว่ายังดีที่รู้ว่าเค้าเกลียดเราเรื่องอะไร”
“แม่จันทร์เป็งไม่ผิดอะไรเลยถ้าจะเกลียด จะลงโทษด่าว่า ก็ขอให้เป็นเนื้อนางคนเดียว”
เนื้อนางสะอื้น สายตาเศร้าหนัก
มุมลับตาคน วันดีมองบุญลือที่กำลังมาเล่าเรื่องทั้งหมด
“กรรมเวรยังตามสนองแม่นายไม่หมดหรอก”
“คราวนี้แม่นายมันคงกะจะให้แตกหัก แยกไอ้ณไตรกับเนื้อนางให้ได้”
“มันเกลียดกันขนาดนี้ เราก็ต้องทำให้แม่นายมันเป็นคนสั่งฆ่าเนื้อนาง กระสุนนัดเดียวยิงนกทุกตัว”
วันดียิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาวาดหวัง
“เนื้อนางตาย ตำรวจก็จับแม่นายเข้าคุก ณไตรมันก็ต้องเป็นบ้า หิมวัตก็จะเหลือทายาทแค่คุณธรรพ์”
คล้ายกับว่า ทุกสิ่งเลวร้ายที่วันดีทำมา ล้วนเพื่อ ธรรพ์ หิมวัต คนเดียว
อรองค์ยืนชะเง้อมองเข้าไปด้านใน คำฝายเปิดประตูออกมา พอเห็นอรองค์ก็เดินลงมาหา
“คุณจะอยู่ที่นี่ทำไม หรือว่ามาเป็นหูเป็นตาให้แม่นายอีกคน” คำฝายเหน็บ
“ฉันไม่ได้เห็นด้วย เรื่องที่แม่นายให้คนทำร้ายเนื้อนางนะ” อรองค์ปฏิเสธ สองสาวเปิดฉากโต้เถียงกัน
“พวกคนรวย ตีค่าชีวิตคนจนเหมือนฝุ่น เนื้อนางไม่เกี่ยวกับเรื่องในอดีต ทำไมต้องมารับกรรม ถูกเกลียด ถูกทำร้าย ถูกเอาชีวิต”
“ถ้าเธอเป็นคนที่ถูกแย่งความรัก เธอจะไม่มีเหตุผลให้กับใครทั้งนั้น”
“ความรักที่แท้จริงต้องไม่เห็นแก่ตัว ถึงขนาดจะฆ่าคนอื่นให้ตาย”
“เพราะคนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมเป็นรองใคร ไม่ต้องการใช้ของร่วมกับใคร โดยเฉพาะ สามี”
คำฝายย้อนว่า “อย่างแขไขล่ะสิ”
อรองค์มองคำฝายตาลุกวาวขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ดิ้นรนยื้อแย่งหนานไตรมาจากเนื้อนาง สุดท้ายไม่ได้ทั้งความรัก ไม่มีความสุขจนวันตาย”
คำฝายมองอรองค์แล้วเดินกลับเข้าไปในเรือนอยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง อรองค์ฟังแล้ว สีหน้าดูออกว่าเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมาก
อา...แขไข กับครูสาวคนนี้ต้องผูกพันกันเป็นอย่างมากเป็นแน่
คืนนั้น ณไตรกำลังเช็ดผมให้แขไขที่นั่งกอดเข่าอยู่อย่างเบามือ ณไตรเอาผ้าห่มให้อีกชั้น สองหนุ่มมองอยู่
แสงคำเอ่ยขึ้น “พ่อเลี้ยงกลับไปที่ปางเถอะ ผมดูแลคุณแขไขให้เอง”
ณไตรลุกขึ้น สีหน้าเศร้า
“ฉันไม่รู้จะมองหน้าเนื้อนางยังไง ยิ่งรู้อดีตทุกอย่างว่าทำไมแม่นายถึงเกลียดฉันก็ยิ่งสงสารเนื้อนาง”
“เนื้อนางเป็นคนดี ความดีอาจจะทำให้ความโกรธเกลียดจางลงได้สักวันนึง”
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่นายพูด แสงคำ ทางนี้ฉันฝากดูแขไขด้วย”
“ฉันจะมาทุกวัน เผื่อคุณแขไขจะดีขึ้นเร็วๆ”
“ดี จะได้ผลัดกับแสงคำ หายมานานๆ คนจะสงสัย”
ณไตรมองขอบใจเพื่อน เลื่อนสายตาไปหยุดมองแขไขครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไป
แขไขยังจมอยู่กับตัวเอง นึกถึงวันที่ถูกทำร้ายในปาง ภาพวันดีกับบุญลือแวบเข้ามา
แขไขตัวสั่น รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ ยังไม่มีใครได้ยินว่า
“ผู้ชาย...ผู้หญิง”
เช้าวันใหม่ อรองค์ถือไม้เหมาะมือ เดินเข้ามาในป่าหลังปาง หล่อนแกว่งกันสัตว์ร้ายบนพื้น เดินบุกป่ามา ปาดเหงื่อ หอบหายใจ มองทางนึกทบทวน
“วันนั้นเจอแสงคำถือปิ่นโตแถวนี้ แล้วแสงคำก็มาจากทางนั้น”
อรองค์หน้าตาอยากรู้ให้ได้ รีบเดินไปทางที่เคยเห็นแสงคำออกมา
ส่วนในกระท่อม แสงคำกำลังเทยาเม็ดออกมาขวดสีชา
“หมอให้ยาไว้ กินหน่อยนะครับ คุณแขไข จะได้หายดี จำอะไรได้มากขึ้น”
แสงคำกำลังจะป้อนยา แขไขพูดขึ้นมา
“ผู้ชาย”
แสงคำหยุดฟังมองแขไขเขม็ง แขไขพูดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วก็ผู้หญิง”
แสงคำตกใจ “ผู้ชาย แล้วก็ผู้หญิง คนที่ทำร้ายคุณ มี 2 คนเหรอ”
แขไขมองแสงคำ แล้วพยักหน้า “ผู้ชาย...กับผู้หญิง”
แสงคำฟังแล้วสงสัยหนักว่าแขไขหมายถึงใคร
เนื้อนาง กับคำฝายกำลังแต่งตัว ส่วนประกายที่เพิ่งตื่น พลิกตัวมามอง เนื้อนางเห็นประกายลุกขึ้นงัวเงียก็บอก
“เรากำลังจะไปกินข้าวที่โรงครัว ไปด้วยกันมั้ย ประกาย จะได้รอ”
คำฝายบอก “ลุกไปล้างหน้าล้างตา รีบมาแต่งตัวซะ”
“จะมารีบอะไรล่ะ ฉันคนสวย ก็ต้องแต่งเนื้อแต่งตัวนานหน่อย จะมารีบๆ ใส่อะไรก็ได้แบบแกน่ะ ไม่เอาหรอก”
คำฝายมองค้อนหมั่นไส้เหลือประมาณ ดึงแขนเนื้อนางไปเลย
“งั้นเราไปก่อน อยากสวยก็ให้มันแต่งตัวไปนานๆ สุดท้ายได้กินข้าวก้นหม้อ”
เนื้อนางกับคำฝายจะออกไป ประกายเรียกไว้
“อย่าเพิ่งๆ เนื้อนาง”
เนื้อนางหันมามอง
“ขอยืมชุดสวยๆ ของเธอหน่อยสิ โดนเฉดหัวมา เสื้อผ้าไม่ทันได้เก็บ”
เนื้อนางเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่พับไว้ในหีบ คำฝายหมั่นไส้
“อยากสวย แต่ยืมของเนื้อนาง”
ประกายค้อนตาคว่ำ “อย่าบ่นน่ะ นังคำฝาย เดี๋ยวฉันลงไปในเมือง ซื้อมาคืนทีเดียว สิบชุดเลยย่ะ”
“อวดร่ำ อวยรวย อวดสวย ไม่มีใครเกิน”
เนื้อนางวางเสื้อกับผ้าซิ่นให้ยิ้มๆ คำฝายดึงเนื้อนางออกไป ประกายมองค้อนหมั่นไส้คำฝาย
เนื้อนางกับคำฝายเดินเข้ามาในโรงครัว กลุ่มรัญจวนที่นั่งกินข้าวอยู่แล้ว พอเห็นเนื้อนางก็พยักพเยิดกันมอง แล้วลุกขึ้นเดินมาหาเรื่อง
“ลดตัวลงมากินข้าวที่โรงครัวได้เหรอจ๊ะ เนื้อนาง” รัญจวนเปิดปาก
เนื้อนาง กับคำฝายหันมามองอย่างระอาระคนหน่าย
“ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ ฉันไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกันให้อายคนงาน”
“ผู้ดีก็ไม่ใช่ แต่ดัดจริต ทำเป็นหน้าบาง” กำปุ้งปากเปราะใส่
คำฝายยัวะ “เอ๊ะ นังกำปุ้ง แกสัญญากับพ่อเลี้ยงแล้วนะว่าจะไม่หาเรื่องเนื้อนาง”
กำปุ้งลอยหน้า “สัญญา สัญญาตอนไหน อุ๊ยตาย ความจำเสื่อมกะทันหัน”
คำฝายเงื้อมือ “งั้นชั้นจะตบกะโหลกแกเรียกความจำ”
เนื้อนางดึงมือห้าม “อย่า พี่คำฝาย มีเรื่องกับคนพาล เราก็พลอยเป็นคนพาลไปด้วย”
เนื้อนางดึงคำฝายกลับมาตักข้าว กำปุ้งมองแล้วแกล้งเข้าไปปัดจานข้าวในมือเนื้อนางหล่น
คำฝายแหวใส่ “อีกำปุ้ง”
“ทำไม” กำปุ้งยื่นหน้ามาใกล้ “คิดว่าพ่อเลี้ยงจะคุ้มกะลาหัว พวกแกได้ตลอดล่ะสิแม่นายไม่ปล่อยแกสองคนไว้เป็นเสี้ยนตำใจหรอก โดยเฉพาะแก เนื้อนาง”
รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าหัวเราะสะใจ แต่พอหันมาเห็นณไตรกอดอกมองอยู่นานแล้ว ม่อนดอยอยู่ด้านหลัง
สามคนรีบตีสีหน้าอ่อนหวานทันที
รัญจวนประจบ “พ่อเลี้ยงมาเงี้ยบเงียบ”
“พ่อเลี้ยงเค้ามาตั้งแต่แกเริ่มต้นหาเรื่องเนื้อนางแล้ว” ม่อนดอยบอก
กำปุ้งรีบบอก “ไม่ได้หาเรื่องเลยค่ะ ทักทายประสาเพื่อนเก่า”
“พอได้แล้ว กำปุ้ง สร้อยฟ้า รัญจวน ฉันเห็นทุกอย่างที่เธอทำลงไปหมดแล้ว คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างพวกเธอ ไว้ใจไม่ได้จริงๆ เลี้ยงเก็บไว้ ก็รังแต่จะสร้างความระยำไม่สิ้นสุด”
ณไตรกราดตามองสามคนที่ยืนตัวลีบเล็กไร้พิษสง
“ทุกคนฟังไว้ ต่อไปใครเห็นสามคนนี้เข้ามาใกล้ปางหิมวัต จับโยนออกไปให้หมด” ณไตรประกาศิตออกไป
สร้อยฟ้างง “แปลว่าอะไรคะ พ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงไล่เราเหรอคะ”
“หน้าด้านแล้วยังจั๊ดง่าวขนาด” คำฝายชี้หน้าทีละคน “พ่อเลี้ยงเค้าไล่พวกแก แก แก ออกไปน่ะสิ”
รัญจวนสวนขึ้น “ไม่ไป”
ณไตรสั่งเสียงเข้ม “ม่อนดอย โยนออกไปทั้งสามคน”
ม่อนดอยพุ่งเข้าไปจับรัญจวน กับสร้อยฟ้า สองคนดิ้น
“พ่อเลี้ยงกล้าไล่เราเหรอคะ ถ้าแม่นายรู้ รับรองว่าแม่นายจะโกรธมากนะคะ” กำปุ้งยังไม่ขยับ
ณไตรสั่ง “ม่อนดอย หยุด”
พวกรัญจวนยิ้ม เชิด ลำพองใจว่ารอด ณไตรหยิบปืนที่เหน็บไว้ข้างหลังออกมาขึ้นลำ
“เสียเวลาพูด ยิงกบาลเรียงตัวเลยดีกว่า”
สามอีแสบสะดุ้งโหยง กรี๊ดลั่น สร้อยฟ้าวิ่งหนีออกไปก่อนเป็นคนแรก
“ไม่อยู่แล้วจ้า ฉันกลัวตาย”
ม่อนดอยจ้องสองคน “ไอ้ที่เหลือสองคนนี่ คงอยากกินลูกตะกั่วแทนข้าว”
“ไม่เอา ไม่เอาแล้ว ฉันยังอยากมีผัวอีกซักสามสี่คน”
รัญจวนวิ่งตามไปอีกคน เหลือกำปุ้งที่อยู่วงล้อมของคำฝาย ม่อนดอย
“ว่าไง ใจกล้า ปากกล้า หน้าด้านนักใช่มั้ย”
สิ้นเสียง คำฝายโดดชกเข้าหน้ากำปุ้งสุดแรง กำปุ้งเซ
“อีคำฝาย แกกับฉันมาตบกันให้ตายไปข้างนึง” กำปุ้งท้าเหยงๆ
“อย่างแก ตบไปก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะหนังมันหนา ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี มันต้องเจอของแรงแบบนี้ ถึงจะรู้สึก”
ม่อนดอยยกเท้าถีบกำปุ้งเต็มตีน ร่างหงายกระเด็นกลิ้งออกไปนอกโรงครัว ทุกคนพากันวิ่งมาสมน้ำหน้า
คำฝายหัวเราะเยาะซ้ำ เนื้อนางมองตกใจ ณไตรเดินมาใกล้เนื้อนาง
“ไปซะ กำปุ้ง ถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดีไม่ได้ ก็อย่าอยู่รบกวนความสุขของเมียฉันอีก”
ณไตรยิงปืนขึ้นฟ้าปัง! กำปุ้งแหกปากร้องลั่น วิ่งออกไป คำฝายสะใจนัก หัวเราะตัวโยกตัวโยน
เนื้อนางหันไปมองณไตร ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มขอบคุณ
ด้านบุญลือยืนซุ่มอยู่หลังต้นไม้มองไปยังเรือนเนื้อนาง เห็นด้านหลังประกายที่กระโจมอก กำลังก้าวขึ้นเรือน
บุญลือจ้องจนประกายเข้าเรือนไปด้วยความคิดว่าเป็นเนื้อนาง
“นังเนื้อนาง”
ฟากอรองค์เดินลัดเลาะมาในราวป่า หยุดมองไปเห็นกระท่อมอยู่ตรงหน้า และสักครู่แสงคำก้าวออกมาจากกระท่อมพอดี อรองค์เพ่งมองจนแน่ใจ
“แสงคำ”
อรองค์หลบเข้าพุ่มไม้ แอบมองจนเห็นแสงคำเดินเร็วรี่ออกไปจากกระท่อม อรองค์รอจนมั่นใจว่าแสงคำไม่เดินกลับมา จึงเดินตรงไปที่กระท่อม หยุดด้านหน้า วางไม้ในมือลง
ส่วนด้านในแขไขได้ยินเสียง หันไปมองทางประตู
อรองค์กำลังจะผลักเข้าไป ขณะที่แขไขเดินลากโซ่มาหยุดตรงข้าม อีกด้านของประตู
สองสาวยืนอยู่ใกล้กันห่างเพียงประตูกั้น!!!
บุญลือย่องเงียบขึ้นมาบนเรือน มองเข้าไป เห็นด้านหลังประกายที่ใส่เสื้อผ้าของเนื้อนาง กำลังนั่งมวยผมขึ้น
บุญลือมองจ้อง ในมือบุญลือมีมีดยาว คมปลาบ
อรองค์กำลังผลักประตู แขไขยืนอยู่อีกฟาก ตรงข้าม
อรองค์ออกแรงผลักไปเบาๆ แต่ประตูยังไม่ทันเปิด แสงคำเข้ามาจับมืออรองค์หมับ กระชากออกจากประตู
อรองค์หันมาเห็นแสงคำก็ตกใจ
ประกายกำลังนั่งฮัมเพลง มวยผมเสร็จก็หยิบกระปุกแป้งขึ้นมาจะผัดหน้า บุญลือเข้ามาจากด้านหลัง ประกายผัดหน้าอย่างคนรักสวยรักงาม บุญลือพุ่งเข้า ล็อคคอประกาย แล้วใช้มีดปาดคอฉับ
ประกายตาเหลือกลาน
บุญลือปล่อยแขน ประกายล้มลงดิ้นพราด พลิกร่างมา พอบุญลือเห็นเต็มตาว่าเป็นประกายก็ตกใจ
“เฮ้ย อีประกาย...ไม่ใช่เนื้อนาง”
ประกายจับคอที่กำลังเลือดทะลัก ตาจ้องไปที่บุญลือเขม็ง
“แก...ไอ้บุญลือ”
ประกายจำหน้าบุญลือได้ ดิ้นชักกระตุกทั้งร่าง บุญลือถอยหลังเมื่อเห็นว่าไม่ใช่เนื้อนาง รีบออกจากเรือนไป
ใบหน้าประกายพยายามดิ้นเฮือกหายใจ
แสงคำดึงแขนอรองค์มาในป่าข้างกระท่อม อรองค์สะบัดมือออก แสงคำมองด้วยสีหน้าโกรธจัด
“มีใครอยู่ในกะท่อม”
“ไม่มี”
“ไม่มีแล้วทำไมคุณไม่ให้ฉันเข้าไป ทำไมต้องดึงฉันออกมา”
ปิงที่แยกจากบุญลือตามแสงคำมา ค่อยๆ โผล่มาหลบฟังในพุ่มไม้ แสงคำกับอรองค์ที่กำลังทะเลาะกันไม่ทันเห็น
“พ่อเลี้ยงสั่งห้ามคุณวุ่นวาย ทำไมถึงไม่เชื่อคำสั่งพ่อเลี้ยง”
“ฉันแค่เดินมาเรื่อยๆ”
“อย่าโกหก”
“ฉันไม่ได้โกหก ฉันกำลังจะกลับ”
“งั้นก็กลับด้วยกัน ผมจะไปส่งให้ถึงปาง”
แสงคำมองจ้องจนอรองค์ต้องยอมเดินกลับ แสงคำตามประกบไม่ห่าง
ปิงมองสองคน แล้วรีบหลบออกไปโดยเร็ว
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ณไตรกำลังเดินออกจากโรงครัวมาพร้อมกับเนื้อนาง คำฝาย ม่อนดอยตามหลัง
“วันนี้เนื้อนางยังไม่เห็นอ้ายแสงคำเลย”
“ป่าไม้จังหวัดให้ไปรับเอกสาร เดี๋ยวก็คงใกล้กลับมาถึงแล้วล่ะ” ณไตรบอก
“พักนี้แสงคำไปทำงานนอกปางบ่อยเนอะ” คำฝายแขวะ
“แสงคำเป็นผู้จัดการปาง ต้องรู้เรื่องทั้งในปาง แล้วก็เรื่องติดต่อราชการ” ณไตรบอกย้ำ
ม่อนดอยบอกคำฝาย “แต่ก่อนตอนพ่อเลี้ยงเป็นผู้จัดการ เค้าก็ทำแบบนี้”
“คุณสงสัยอะไรหรือเปล่า เนื้อนาง”
ณไตรทำเป็นย้อนถาม เนื้อนางมองมา ณไตรยิ้มด้วยสีหน้าปกติ
“เดี๋ยวผมขอไปดูคนงานตีตราไม้ก่อน ม่อนดอยพาเนื้อนางกลับเรือน”
ณไตรเดินแยกไปพยายามไม่ให้มีพิรุธ เนื้อนางมองแล้วเดินไปกับคำฝาย ม่อนดอยอีกทาง
บุญลือมองปิง กำลังเล่าเรื่องให้ฟัง
“วันนี้เนื้อนางมันรอด แต่โชคยังเข้าข้างฉัน ที่นังแขไขมันอยู่ในกระท่อมหลังนั้น”
บุญลือรีบเดินออกไป ปิงตามไปติดๆ
เนื้อนางเดินเข้ามาในเรือน แล้วต้องตกตะลึงพรึงเพริดกับภาพตรงหน้า
คำฝาย ม่อนดอยตามหลังมา มองไปในเรือนแล้วตะลึงไม่ต่างกัน
ทุกคนประกายนอนเลือดท่วมอยู่บนที่นอน
เนื้อนาง กับคำฝายได้สติรีบเข้าไปประคองประกายขึ้น เนื้อนางวางหัวประกายในตักตัวเอง
“ประกาย ใคร ใครทำอย่างนี้กับเธอ”
ม่อนดอยรีบหาผ้ามาส่งให้ เนื้อนางเอาผ้ากดห้ามเลือดที่คอประกาย
“ไปเรียกคนงานมา ม่อนดอย มาช่วยกันพาประกายไปโรงพยาบาล
ประกายจับมือเนื้อนางที่กำลังช่วยกดห้ามเลือด เสียงขาดเป็นห้วงๆ
“ฉัน...ไม่ไหว...แล้ว”
“ไม่...ประกาย”
“แกทนอีกนิดนะ ประกาย แกอย่าเป็นอะไรนะ” ประกายใจตอไม่ดี
“เนื้อนาง...”
ประกายพยายามหายใจ น้ำตารื้น มองเนื้อนางที คำฝายที รู้ว่าตัวเองคงไม่รอด
“ฉัน...เห็น...หน้ามัน”
เนื้อนาง กับคำฝายร้องไห้โฮ ประกายสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เปล่งเสียงออกมา
“บุญ...ลือ”
สิ้นเสียง ประกายหมดแรงมือที่จับเนื้อนางตกลง
“ประกาย ไม่...ประกาย...อย่าตายนะ”
เนื้อนางกรีดร้อง คำฝายกอดร่างประกายเขย่าด้วยความตกใจ
“ประกาย...แกอย่าทิ้งฉันไปแบบนี้”
สองสาวร้องไห้โฮ มองประกายที่หมดลมหายใจในอ้อมกอดเพื่อน
ม่อนดอยกำหมัดแน่น เจ็บใจที่ช่วยประกายไม่ได้
“ไอ้บุญลือ ฉันจะไปตามพ่อเลี้ยง”
ม่อนดอยวิ่งออกไปอย่างเร็ว
เสียงประตูผลักเข้ามา แขไขที่ถูกโซ่ล่ามขาไว้ กำลังยืนมองไปด้านนอก สะดุ้งหันไปมอง
บุญลือกับปิงเดินเข้ามา บุญลือสืบเท้าก้าวเข้าหาแขไขด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ในที่สุด แกก็ต้องตายด้วยมือฉันอีกครั้ง แขไข”
แขไขถอย บุญลือพุ่งเข้าไปบีบคอแขไขทันที แขไขปัดป้องดิ้นรนสุดชีวิต บุญลือบันดาลโทสะ ตบแขไขจนกระเด็นไปสุดโซ่
ปิงเข้าไปช่วยจับแขไขไว้ แขไขกรีดร้องดิ้น อาละวาดใหญ่ ทั้งข่วน ทั้งกัดปิง
บุญลือเข้ามาจับขาแขไข แขไขดิ้นหนี ถีบบุญลือกระเด็น
“อีบ้าแขไข"
บุญลือพุ่งเข้าไปขย้ำคอแล้วจับหัวแขไขกระแทกกับพื้น แขไขร้องด้วยความเจ็บ
“มึงน่าจะตายไปตั้งแต่คราวที่แล้ว”
บุญลือกระแทกหัวแขไขโขกกับพื้นอย่างแรงอีกที แขไขกรีดร้องลั่น
ภาพจำตอนแขไขถูกวันดีกับบุญลือรุมทำร้ายผุดขึ้นมาในมโนนึก
บุญลือบีบคอแขไขเต็มแรง แขไขจ้องหน้าบุญลือ แล้วเอ่ยออกมา
“แก...ผลักฉันตกเหว...ไอ้บุญลือ”
บุญลือตาลุกวาว โกรธสุดขีดที่แขไขจำชื่อเขาได้ แขไขจ้องบุญลือที่บีบคอเขม็ง
ทางฝ่าย เนื้อนาง กับ คำฝาย นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างศพประกาย
“ประกาย ยกโทษให้ฉันด้วย เธอต้องมารับเคราะห์แทนฉันแท้ๆ” เนื้อนางพิลาปร่ำไห้
“คนที่ต้องขอโทษ คือไอ้บุญลือนะเนื้อนาง มันเป็นคนฆ่าประกาย”
แสงคำ กับ อรองค์ขึ้นเรือนมา พอเห็นศพประกายก็ตกใจ
“ประกาย”
เนื้อนางหันไปบอกแสงคำ “ไอ้บุญลือ มันขึ้นมาฆ่าประกายถึงในนี้”
แสงคำกัดกราม “บุญลือ มึง”
ม่อนดอยวิ่งเข้ามา
“หาพ่อเลี้ยงไม่เจอ ไม่รู้หายไปไหน”
แสงคำรู้ทันทีว่าณไตรต้องไปที่กระท่อมแขไข อรองค์ลงนั่งข้างเนื้อนาง แววตาตื่นตกใจไม่หาย
“เรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ต้องรีบบอกคุณณไตร”
แสงคำพรวดพราดออกไป ทุกคนมองตามไม่รู้แสงคำไปไหน
นาทีเป็นนาทีตายคลืบคลานเข้าสู่ชีวิตแขไขช้าๆ ด้วยตอนนี้บุญลือกำลังบีบเค้นคอแขไข ที่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
“วันนี้มึงต้องตาย”
แขไขไม่ยอม มือเปะปะไปโดนโซ่ แขไขกำโซ่ขึ้นมาตวัดไปที่หน้าบุญลือ โซ่ฟาดโดนทั้งบุญลือ ทั้งปิง
สองคนกระเด็นผละจากแขไขไปคนละทาง แขไขพยายามลุกคลานหนี ปิงจับขาแขไขยึดไว้ แขไขถีบปิงล้ม
บุญลือวิ่งไปปลดโซ่ที่มัดไว้กับขาเตียงออกแล้วดึงปลายกระตุกเต็มแรง ร่างแขไขล้มทั้งยืน
“ไอ้ปิง หากุญแจ เร็ว” บุญลือร้องสั่ง
ปิงมองหาไปรอบๆ เห็นปิ่นโตวางอยู่ ปิงปัดปิ่นโตออก เห็นดอกกุญแจวางซ่อนอยู่ข้างใต้
บุญลือใช้โซ่กระชากลากแขไขเข้ามา แขไขฝืนตัวไม่ยอม มือครูดไปกับพื้น
ปิงเอากุญแจมาส่งให้บุญลือ บุญลือดึงโซ่ลากแขไขจนมาถึงตัว แล้วเหยียบหลังแขไขไว้ ไขกุญแจปลดโซ่ที่ขาแขไขออกจนได้ บุญลือกำโซ่ไว้ในมือ
แขไขจะคลานหนี บุญลือเอาโซ่ไปรัดคอแขไข แขไขดิ้นรนมือไขว่คว้าอากาศ กำลังจะหมดลม
ณไตรพุ่งพรวดเข้ามา
“แขไข”
บุญลือปล่อยมือ เหลียวขวับไปหาณไตรที่จ้องอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา
“ไอ้บุญลือ...แกเอง
ณไตรกำลังจะพุ่งเข้าไปช่วยแขไข ปิงเข้ามาด้านหลัง คว้าปิ่นโตฟาดหัวณไตรอย่างแรง ณไตรเซ
บุญลือชักปืนในเอวยิงใส่ ณไตรโดดหลบ บุญลือสั่งปิง
“ฆ่ามัน”
บุญลือกระชากลากแขไขไปที่ประตู ณไตรชักปืนเล็ง แต่กลัวกระสุนโดนแขไขที่บุญลือล็อกคออยู่
บุญลือได้โอกาสยิงสวนกลับอีกนัด ณไตรม้วนตัวหลบ
บุญลือฉวยโอกาสลากแขไขออกไป ณไตรจะตาม ปิงยกเก้าอี้ทุ่มใส่ณไตร แล้วคว้ามีดพร้าปาดเข้าใส่ไม่ยั้ง
ณไตรยกปืน ยิงปัง นัดเดียว ทะลุเข้ากลางอกปิงตายคาที่ แล้ววิ่งตามบุญลือออกไปทันที
บุญลือเหนี่ยวคอ ลากแขไขวิ่งไปตามทาง มือหนึ่งถือปืน ณไตรวิ่งตามมาใกล้
“ไอ้บุญลือ ปล่อยแขไข”
บุญลือหันไปเห็นก็ยิงใส่ ณไตรต้องหลบ ครั้นจะยิงสวนก็กลัวแขไขถูกลูกหลง
บุญลือลากแขไขห่างไป ณไตรวิ่งตามไม่ลดละ
แสงคำพรวดเข้ากระท่อมมา เห็นศพปิงถูกยิงตาย กวาดตามองสภาพในกระท่อม สังหรณ์ใจวูบ
“คุณแขไข ไอ้บุญลือ”
แสงคำคิดได้แล้ววิ่งออกไปทันที
บุญลือลากแขไขมาถึงปากเหว แขไขมองลงไปแล้วร้องวี้ดด้วยความกลัว
“อย่าผลักฉันลงไป อย่า บุญลือ อย่าทำฉัน ฉันไหว้แล้ว”
บุญลือล็อกคอแขไข ณไตรวิ่งมาถึง บุญลือจ่อปืนใส่แขไขทันที ณไตรพยายามเกลี้ยกล่อม
“อย่า บุญลือ อย่าทำร้ายแขไขอีก แกจะเอาอะไร ฉันให้แกทุกอย่าง”
“อะไรเหรอ ชีวิตพวกแกไงที่ฉันต้องการ วางปืน วาง”
บุญลือสั่ง ณไตรมองไป เห็นแขไขสั่นกลัวสุดขีด
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
ณไตรตัดสินใจ ก้มลงจะวางปืน บุญลือมองระวัง ณไตรเอาปืนวางลงบนพื้นช้าๆ
“แกมันสุภาพบุรุษเกินไป ไอ้พ่อเลี้ยง”
บุญลือเหนี่ยวไกยิงเข้าต้นขา ณไตรร่วงล้มลงไป บุญลือตามเข้าไป จ่อปืนจะยิงซ้ำแต่กระสุนหมด
ยกเท้ากระทืบลงที่แผลณไตรเต็มแรง ณไตรเจ็บเจียนตาย แต่พยายามจะลุกขึ้นสู้
บุญลือตัดสินใจผลักแขไขไปทางปากเหว แขไขร้องกรี๊ด ร่างกำลังจะร่วงลงไปข้างล่าง
ทันใดก็มีมือของแสงคำที่กระโดดตัวลอยมาคว้าแขไขไว้ได้ ทั้งสองร่างกำลังห้อยอยู่ปากเหวอย่างน่าหวาดเสียว ณไตรคลานฝืนความเจ็บปวด จะคว้าปืน
บุญลือเตะเข้าปลายคางณไตรอีกที ณไตรกระเด็นแทบหมดสติ
บุญลือมองแล้วชั่งใจ ตัดสินใจวิ่งหนีเอาตัวรอดไปก่อน
ฝ่ายเนื้อนาง และคำฝายกำลังเช็ดเลือดตามร่างกายให้ประกาย อรองค์รับผ้าที่เช็ดจากมือเนื้อนาง วางลงไปในกะละมังที่น้ำมีแต่สีแดงฉาน แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย
“บุญลือฆ่าประกายเพราะเข้าใจว่าเป็นเธอ เนื้อนาง บุญลือกับเธอมีความแค้นอะไรกันมา”
เนื้อนางนิ่ง ใช้ความคิด แล้วตอบขึ้น
“ไม่มี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันต้องเกี่ยวกับผีแขไข แล้วก็เรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน พอเนื้อนางกลับมา ไอ้บุญลือถึงพยายามจะฆ่าปิดปาก”
ทุกคนสีหน้าสงสัยเรื่องการกระทำของบุญลือ
แสงคำจับมือแขไขไว้แน่น ร่างแขไขห้อยต่องแต่งอยู่ที่หน้าผาชวนหวาดเสียว
“คุณแขไข อย่าปล่อยมือผม”
น้ำหนักแขไขถ่วงลง ลากร่างแสงคำไถไปกับพื้นทีละนิด
“ช่วยด้วย” แขไขกลัวสุดขีด
“จับผมแน่นๆ แขไข”
แสงคำพยายามฝืนแรงโน้มถ่วง ดึงแขไขขึ้น แต่แขไขดิ้น ขาห้อย แสงคำถูกลากไปด้วย ร่างแขไขลอยต่ำลงไปอีก
“แขไข อย่าดิ้น ผมจะดึงคุณขึ้นมา”
“ฉันไม่อยากตาย ช่วยด้วย ฉันไม่อยากตาย”
ณไตรที่ทั้งถูกยิงถูกกระทืบ ฝืนความเจ็บ ลากขาคลานมา เห็นเลือดเป็นทาง”
“แขไข”
แสงคำพยายามดึงแขไข แต่เหงื่อเปียกชุ่มมือทั้งสองข้าง มือแขไขที่กำลังจะหมดแรง ค่อยคลายออก
แสงคำไม่ยอม กระชับมือแขไขไว้ ร่างแสงคำครูดไปกับพื้น จนเกือบจะสุดปากเหว
ร่างแขไขต่ำลงไปอีก เสียงแขไขกรีดร้อง ณไตรพุ่งเข้ามาจับขาแสงคำไว้
ร่างแขไขห้อยอยู่กลางอากาศ ณไตรกัดฟัน ฝืนความเจ็บ ดึงร่างแสงคำกลับมาสุดแรง ร่างแขไขถูกดึงตามขึ้นมาทีละคืบ
ณไตรดึงขาแสงคำ เลือดที่ขาณไตรทะลัก พ่อเลี้ยงข่มความเจ็บทั้งปวง ใช้แรงฮึดสุดท้าย ดึงร่างแสงคำ
ขึ้นมาพ้นปากเหว
ร่างแขไขถูกดึงสูงขึ้นมาด้วย จนพาดกับปากเหว
ณไตรรีบเข้ามาช่วยดึงแขนแขไขคนละข้างกับแสงคำ สองหนุ่มออกแรงดึงแขไขขึ้นมาทั้งร่าง กลิ้งลงนอนบนพื้น
ณไตรเข้าไปประคองกอด แขไขกอดณไตรร้องไห้โฮ ตัวสั่นงันงก ด้วยความตกใจที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
ใต้แสงตะเกียง เนื้อนางกำลังแต่งตัวให้ประกายด้วยชุดที่สวยที่สุด
คำฝายวางชุดเปื้อนเลือดไว้ห่าง อรองค์มองเนื้อนางกับคำฝายที่ยังสะอื้น
เนื้อนางเอาแป้งทาลงไปบนหน้าประกาย “ประกายคนสวย” ไล้แป้งแต่งหน้าให้เพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย “ไม่ว่าจะอยู่ในคุ้ม ในคณะรำวง ในปาง ประกายไม่เคยสวยน้อยกว่าใคร”
เนื้อนางกับคำฝายน้ำตำไหลพราก อรองค์สะเทือนใจ น้ำตาร่วงไปด้วย
ม่อนดอยพิงกรอบประตูมองกลั้นน้ำตาสุดขีด มองไปด้านนอก
“ไม่ต้องไปหาบ้านใหม่ที่ไหนแล้วนะ ประกาย อยู่ซะที่นี่ พักผ่อนให้สบาย พวกเราทุกคนรักเธอ พวกเราจะคิดถึงประกาย คนสวยตลอดไป”
เนื้อนางปล่อยมือ ทุกคนเห็นร่างไร้วิญญาณของประกายอยู่ในชุดใหม่ แต่งหน้าสวย เนื้อตัวสะอาด มีเพียงเลือดจากรอยมีดที่ยังซึมอยู่ตรงคอ
ทุกคนมองภาพประกายเป็นครั้งสุดท้าย คล้ายจะจดจำไว้ทั้งน้ำตา
ณไตรกัดฟันขณะที่แสงคำเอาผ้ารัดเหนือแผลถูกยิงที่ขา สายตาณไตรมองไปยังแขไขที่ตัวสั่นสะท้าน
พอแสงคำปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จ ณไตรจึงลากขา ขยับเข้าไปปลอบแขไข
“แขไขครับ ไม่ต้องกลัว บุญลือมันหนีไปแล้ว”
แขไขย้อนคิด ภาพคืนที่ถูกบุญลือกับวันดีทำร้าย
“บุญลือ...ผู้หญิง”
ณไตรมองแขไขด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เมื่อเช้า คุณแขไขก็บอกแบบนี้ มีผู้หญิง”
“คุณจำได้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้น...ชื่ออะไร”
แขไขกุมหัว สีหน้าพยายามนึก
“ผู้หญิง ตีหัว...ตีหัวเนื้อนาง”
ณไตรพยายามลุ้น “ค่อยๆ นึกแขไข ใครตีหัวเนื้อนาง”
“ผู้หญิง” แขไขบอกอีกคำ
ณไตรทวนคำ ด้วยสายตาที่เริ่มคาดเดา ปะติดปะต่อเรื่องราว
“ผู้หญิง”
เนื้อนางเข้าไปประคองณไตรที่ยืนไม่ถนัด ถามขึ้นด้วยเสียงห่วงใย
“เจ็บมากมั้ย พ่อเลี้ยง เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“กระสุนทะลุกล้ามเนื้อ ไม่โดนกระดูก ไม่เป็นไรครับ”
ทุกคนมองเป็นห่วงณไตร แสงคำบอกขึ้นว่า
“บุญลือเกือบฆ่าพ่อเลี้ยงมันหนีไปได้”
“เอาคนงานไปตามล่ามัน ฆ่ามันให้ตาย” ม่อนดอยแค้น
“ฉันไม่ปล่อยมันไว้หรอก แต่เราต้องจับมันให้ได้พร้อมกัน”
อรองค์ฉงนในคำพูดพ่อเลี้ยง “พร้อมกัน หมายความว่าอะไร บุญลือกับใครอีกคนเหรอคะ”
ทุกคนมองไปที่ณไตรเป็นตาเดียว แต่ณไตรตอบด้วยเสียงสุขุม
“ตอนนี้ผมขอให้ทุกคนอดทนรอ พรุ่งนี้ ผมจะเอาตัวฆาตกรที่ก่อเรื่องทั้งหมดมาที่นี่ ความเลวร้ายที่อัดแน่นมาตลอด 5 ปี จะต้องเปิดเผยความจริงออกมาแน่”
“คุณรู้แล้วว่าเป็นใคร ใครกัน ใครฆ่าคุณแขไข ใครทำร้ายเนื้อนางเมื่อ 5 ปีก่อน”
สิ้นคำของเนื้อนาง ทุกคนมองคาดคั้น สีหน้าณไตรเต็มไปด้วยความเครียด
แม่นายศรีวัลลา หิมวัต หันขวับมามองพวกรัญจวนที่มารายงาน ด้านหลังคือจันตา กับวันดี
“พ่อเลี้ยงมันฟังแต่เนื้อนาง พวกเราถึงโดนไล่ออก” รัญจวนเปิดปากให้ทำหน้าที่สอพลอ โดยว่าร้ายคนอื่น
“กลับไปปางก็ไม่ได้ พ่อเลี้ยงบอกว่าจะยิงเราค่ะ” สร้อยฟ้าว่า
“เนื้อนางมันใส่ร้ายแม่นายสารพัด กำปุ้งทนฟังไม่ได้ พอไปเอาเรื่องมัน พ่อเลี้ยงก็มาเห็น”
จันตาตวาด “พอแล้ว สรุปว่าพวกแกทำอะไรเนื้อนางมันไม่ได้เลย แถมยังต้องระเห็จออกมาด้วย”
“ก็นังเนื้อนางมันใส่ไฟให้พ่อเลี้ยงเกลียดแม่นายนี่คะ”
“หยุดได้แล้ว จันตา เอาพวกมันออกไป”
“แม่นายไม่รับดูแลพวกเราหน่อยเหรอคะ” รัญจวนเอ่ยขึ้น
“เราอุตส่าห์ทำงานถวายหัวให้แม่นายคนเดียว” กำปุ้งลำเลิก
“ฉันไม่เก็บพวกไร้ประโยชน์ไว้ใกล้ตัว” ศรีวัลลาบอก
จันตามองเยาะ พวกกำปุ้งตกใจ
“แต่เราโดนไล่ออกเพราะทำตามคำสั่งแม่นาย” รัญจวนครวญ
“แกมันทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน เจ้าเล่ห์ ลิ้นสองแฉก แต่ไม่มีสมอง ปัญญาทึบ” สามคนตกใจที่โดนแม่นายด่าซึ่งๆ หน้า “ออกไปให้พ้นหน้าฉัน แล้วอย่าเอ่ยชื่อฉัน เพราะถ้าแกเอาความเดือดร้อนมาให้ฉัน ฉันจะไม่ปรานีให้แกเหลือชีวิตไว้สอพลอใครอีก”
สามคนตกใจ จันตาไล่ “ไปสิ หรือจะให้ฉันเรียกคนงานมาลากแกออกไป”
กำปุ้งแค้นระเบิดออกมา “ใจร้าย ใจดำเหลือเกิน คอยดู แม่นายจะต้องได้รับกรรมที่ทำกับทุกคน”
“ถ้ายังไม่ไป แกจะโดนก่อนคนแรก นังแมงมุมยักษ์ ไป๊”
จันตาตะเพิดไล่เสียงแข็ง แม่นายจ้องรัญจวนรีบดึงกำปุ้งวิ่งออกไปกันสามคน วันดีเหยียดยิ้มแล้วเดินออกไป
แม่นายโกรธ ไม่พอใจเรื่องเนื้อนาง หันขวับไปอีกทาง ก็เห็นร่างของลูกชายคนโต ณไตร ที่ทำแผลเรียบร้อย กำลังเดินตรงเข้ามาหา
ฟากวันดีเดินมาเห็นธรรพ์นอนกอดขวดเหล้าแผ่หลาอยู่กลางเตียง ก็รีบเข้าไปดึงขวดเหล้าออก ประคองธรรพ์ขึ้นมา อาการธรรพ์ยังไม่สร่างเมา ถามขึ้นเสียงอ้อแอ้
“แม่นายเหรอครับ”
นัยน์ตาวันดีวาบขึ้นมาวูบหนึ่ง ด้วยความเสียใจ
“ไม่ใช่แม่นาย มองสิ คุณธรรพ์ มองให้ดี”
วันดีประคองหน้าธรรพ์ไว้ มองด้วยสายตาเทิดทูนแสนรัก ธรรพ์พอเห็นเป็นวันดีก็ผลักออก
“ไป ไปให้พ้นๆ หน้าฉัน ไม่ใช่แม่...อย่ามายุ่ง”
ธรรพ์ลุกขึ้น ยืนโงนเงน วันดีน้ำตาคลอแล้วหยดรินลงมาอาบแก้ม มองธรรพ์ด้วยความขมขื่นใจ
“ชาตินี้ วันดียอมทำทุกอย่างเพื่อคุณธรรพ์”
ชัดเจนยิ่งนักว่า ธรรพ์ สำคัญต่อชีวิต แม่บ้านจอมหลอกลวงคนนี้เป็นอย่างยิ่ง!
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ณไตรเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ท่าทีดุดันต่อหน้าแม่นาย และจันตา
“คนเลวที่กล้าทำทุกอย่าง สนองความเคียดแค้น ชิงชัง กระทั่งชีวิตคนก็ฆ่าได้ ฆาตกรมือเปื้อนเลือดคนนี้ มันสมควรจะถูกเปิดเผยตัวได้แล้ว”
“ฆาตกรจะเป็นใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่ไป” ศรีวัลลาไม่อยากรับรู้
“ต้องไปครับ ทุกคนที่นี่ต้องไปที่ปางเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์”
“จันตาไม่เกี่ยวนะ พ่อเลี้ยง”
ณไตรตวัดสายตามอง จันตาเงียบ ธรรพ์เดินเข้ามาได้ยินที่ณไตรพูด ก็ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“พี่จับตัวมัน คนที่ฆ่าแขไข ใส่ร้ายผมกับเนื้อนางได้แล้วใช่มั้ยพี่ณไตร มันเป็นใคร”
“ฉันอยากให้ทุกคนไปรู้ความจริงด้วยตัวเอง”
“แขไขก็ตายไปแล้ว ที่แกทำทั้งหมดเพราะแกจะล้างคาวให้เนื้อนางที่มันเป็นชู้กับธรรพ์ ต่างหาก”
วันดีเดินตามเข้ามาเงียบๆ มองจ้องไปที่ณไตร
“ผมกำลังทำให้หิมวัตพ้นจากเรื่องอัปยศ คนตายทั้งคนแต่ฆาตกรยังลอยนวล ไม่ว่าแขไข หรือเนื้อนาง ชีวิตเค้าสองคนก็ไม่ควรต้องมาสังเวยความชั่ว หยาบช้าจากน้ำมือใครทั้งนั้น แล้วถ้าวันนี้ใครไม่ไปที่ปางกับผม ผมจะถือว่าคนนั้นเป็นหนึ่งในฆาตกร”
ณไตรประกาศสีหน้าเอาจริง พลางกราดตามองทุกคน
แสงคำสะพายปืน มองจ้องอรองค์ที่เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าคนฆ่าแขไข เป็นใคร คนที่อยู่ในกระท่อมนั่นหรือเปล่า”
แสงคำนิ่ง อรองค์เขย่าตัวแสงคำถาม
“แสงคำ บอกฉันหน่อย บอกฉันเถอะ”
“ไหนๆ วันนี้ พ่อเลี้ยงก็กำลังจะบอกความจริงทั้งหมดแล้ว ผมจะพาคุณไป ให้คุณเห็นด้วยตาตัวเองว่า ใครอยู่ในกระท่อม”
อรองค์มีสีหน้าดีใจ แสงคำเดินนำ อรองค์เดินตามไปข้างๆ ทันที
ประตูกระท่อมค่อยๆ เปิดออก อรองค์เดินตามแสงคำเข้ามา
อรองค์เลื่อนสายตามองไปที่ร่างคุดคู้อยู่มุมห้อง สายตาอรองค์มองอย่างนึกไม่ถึง ค่อยๆเดินเข้าไปหา
แล้วย่อตัวลงแตะแขนแขไขที่คุดคู้อยู่ แขไขสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมา อรองค์มองเห็นแขไขเต็มตา
“พี่แข”
แสงคำได้ยินอรองค์เรียกว่า พี่แข ก็มองจ้องอรองค์
แขไขมองอรองค์สายตาว่างเปล่า จำไม่ได้ อรองค์มองสภาพพี่สาวแล้วน้ำตาร่วง
“พี่แข”
อรองค์สะอื้นโผเข้ากอดด้วยแรงรักแรงคิดถึง แขไขมองเห็นว่าเป็นผู้หญิงจึงจับหน้าอรองค์
“พี่แขของดาว ดาวคิดถึงพี่แขเหลือเกิน คิดถึงทุกลมหายใจ”
อรองค์เผยตัวตนออกมา กุมมือพี่สาวไว้ ร้องไห้สะอื้นออกมา ด้วยความสงสารและคิดถึงจับใจ
แสงคำตกใจสุดขีด “คุณดาวเด่น”
อรองค์หันมามองแสงคำที่เดินมาใกล้
“ใช่ ฉันเอง...ดาวเด่น”
“ทำไมคุณไม่บอกพ่อเลี้ยงว่าคุณคือ คุณดาวเด่น”
อรองค์หรือดาวเด่นหันไปมองแขไข แล้วน้ำตาหยด
“ฉันไม่เคยลืมเรื่องที่พี่แขตาย และฉันก็ไม่เคยเชื่อว่าศพที่พบคือ พี่แข”
แขไขมองอรองค์แววตาเลื่อนลอย อรองค์ยิ้มกับแขไขทั้งน้ำตา
“ฉันเปลี่ยนชื่อ ใช้นามสกุลใหม่ ตั้งใจว่าจะต้องกลับมาหาตัวคนที่ฆ่าพี่สาวฉันให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันต้องชดใช้ความผิดที่ทำกับพี่แข”
“ผมเจอคุณแขไขเมื่อ 2 ปีก่อน พ่อเลี้ยงให้คุณแขไขอยู่ที่นี่ พาหมอมารักษาคุณแขไข เพราะหวังว่าวันนึง คุณแขไขจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคืนนั้น แล้วชี้ตัวฆาตกรได้”
“ขอบใจนะ แสงคำ ฉันเคยสงสัยว่าเธออาจจะทำร้ายพี่แข เพราะช่วยเนื้อนาง”
แสงคำยิ้ม “เนื้อนางฆ่าใครไม่ได้หรอก”
แขไขมองดาวเด่น แล้วถามขึ้น “ใคร”
“ดาวเอง พี่แขดาวมาหาพี่แขแล้ว...ดาวจะดูแลพี่แขเอง”
แขไขทวนชื่อ “ดาว”
แสงคำเอ่ยบอกแขไข “น้องสาวคุณ ชื่อดาวเด่น เค้ามาตามหาคุณ”
แขไขหันไปแตะหน้าดาวเด่น แล้วยิ้มให้อย่างไม่รู้ความ
“น้อง...ดาว...น้องดาว”
อรองค์หรือบัดนี้คือดาวเด่นฟังแล้วสะอื้นในอก โผเข้ากอดพี่สาวด้วยความดีใจ
แสงคำมองแล้วยิ้มที่แขไขกับดาวเด่นได้พบกันอีกครั้ง
เนื้อนางในชุดขาวไว้ทุกข์นั่งรอณไตรอยู่ คำฝาย ม่อนดอยอยู่ใกล้ ทุกคนเตรียมไปวัดเรื่องศพประกาย สุดท้ายเนื้อนางตัดสินใจ เอ่ยขึ้นว่า
“ไปวัดกันเถอะ พ่อเลี้ยงคงไม่มาแล้ว”
เนื้อนางขยับลุกขึ้น คำฝาย และ ม่อนดอย ขยับลุกตาม
สามคนคนมองออกไป เห็นณไตรเดินนำแม่นายศรีวัลลา จันตา ธรรพ์ มุ่งหน้ามา โดยมีวันดีรั้งท้าย ทุกคนหยุดที่หน้าเรือน
เนื้อนางมองศรีวัลลา แม่นายมองจ้องเนื้อนางด้วยสายตาหยามเหยียด เกลียดชัง
วันดียืนหลัง มองจ้องทุกคนด้วยสายตาระแวง
แสงคำมองดาวเด่นที่กำลังจับมือแขไขพลางบอก
“ไปกับดาวนะ พี่แข ดาวจะพาพี่แขกลับบ้าน”
แขไขมองแสงคำสายตาเป็นคำถาม แสงคำช่วยปลอบ
“ไปได้...ไปกับน้องคุณ”
แขไขลุกตามดาวเด่น แสงคำคอยดู
“กลับ...บ้าน”
แขไขทวนคำ ดาวเด่นยิ้ม ประคองพี่สาว กำลังจะเดินไปที่ประตู
ประตูเปิดออกผัวะ เห็นร่างบุญลือโผล่พรวดเข้ามาพร้อมปืนในมือ
“ไม่มีบ้านให้พวกมึงหน้าไหนกลับทั้งนั้น ตายซะเถอะ”
บุญลือจ่อปืนเล็งไปที่ดาวเด่น แล้วเหนี่ยวไก แขไขร้องกรี๊ด
แสงคำพุ่งเอาตัวเข้าบังดาวเด่น กระสุนโดนไหล่แสงคำ
ดาวเด่นกรี๊ด “แสงคำ”
ณไตรยืนอยู่ตรงกลางระหว่าง กลุ่มเนื้อนาง กับกลุ่มแม่นาย
ศรีวัลลาจ้องเนื้อนางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “สะใจพวกแกหรือยังที่ให้ณไตรลากฉันมาที่นี่”
“ไม่มีใครสะใจทั้งนั้นครับ แม่นาย มันถึงเวลาแล้วที่มลทินของเนื้อนางจะต้องถูกลบล้าง”
ทุกคนมองณไตรเป็นตาเดียว ณไตรเดินมาหยุดข้างกายเนื้อนาง
“เมื่อ 5 ปีก่อน ครั้งแรกที่สอบสวนเรื่องนี้ มีคน 2 คนที่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คนสองคนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้”
ณไตรหยุดสายตาไปที่วันดีจ้องนิ่ง วันดีมีสีหน้าเครียดเขม็ง
“วันนี้ผมตามจนเจอคนที่ทำร้ายแขไขเมื่อ 5 ปีก่อน คนแรกมันคือ...บุญลือ”
วันดีมีสีหน้าตกใจสุดขีด
บุญลือกำลังจะเหนี่ยวไกซ้ำ แสงคำหันมากระแทกร่างบุญลืออัดติดผนัง พลางตะโกนบอก
“ดาวเด่น พาแขไขหนีไป”
ดาวเด่นกุมมือพี่สาวแน่น จะวิ่งไปทางประตู บุญลือเอาปืนในมือตบหน้าแสงคำเปรี้ยง ดาวเด่นเห็นบุญลือหันปืนมา ก็รีบดึงแขไขหลบ
บุญลือเหนี่ยวไก แต่แสงคำเอาปืนปัดมือบุญลือขึ้นสูง กระสุนยิงขึ้นฟ้า แสงคำเอาปืนตัวเองกระแทกหน้าบุญลือกลับ บุญลือถึงกับเซ
แสงคำตามเข้าไปถีบกลางอกบุญลือเต็มแรง แต่ปืนบุญลือยังไม่หลุดมือ ดาวเด่นกับแขไขหลบมองอยู่ห่างๆด้วยความกลัว แสงคำตามมาจะเอาปืนกระแทก บุญลือตาไว หลบแล้วเตะงัดจนปืนหลุดจากมือแสงคำ
แสงคำเซ บุญลือเข้ามาจะยิง แสงคำม้วนแขนคว้า ปืนบุญลือหล่นลงพื้นไป สองคนไม่มีปืนในมือ แสงคำเข้าไปชกบุญลือ ถูกบุญลือสวนหมัดกลับ แล้วกระแทกลงแผลแสงคำที่ถูกยิงตรงไหล่ แสงคำร้อง “อ๊าก”
ดาวเด่นมองลุ้นกลัวแสงคำพลาดท่า บุญลือเหวี่ยงแสงคำกระแทกอัดผนังร่างทรุดลง แล้วเดินเข้าหาสองสาว เด่นเอาร่างบังแขไขทันที บุญลือก้มลงจิกหัวดึงดาวเด่นขึ้น แสงคำโดดเข้าล็อกคอบุญลือแล้วลากออกมาห่างดาวเด่นทันที
บุญลือดิ้นใหญ่ แต่แสงคำล็อกแน่นขึ้น จนบุญลือเริ่มขาดอากาศ มือเหวี่ยงสะเปะสะปะไปเจอปืนบนพื้น บุญลือรวบปืนยกขึ้นจะยิงแขไข
แสงคำจับแขนสองข้างประสานกัน แล้วบิดคอบุญลืออย่างแรง บุญลือตาเหลือกลาน คอหักดังกร๊อบ
ดาวเด่น และแขไขมอง แสงคำปล่อยร่างบุญลือที่คอหักร่วงลงกับพื้น
ดาวเด่นกอดแขไข มองศพบุญลือที่ตายลงตรงหน้าอย่างสลดใจ
ณไตรเอ่ยขึ้นต่อหน้าทุกคนที่ต่างมองมาด้วยสีหน้าสงสัย
“บุญลือร่วมมือกับคนๆ นึงที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ผู้หญิงที่ฉาบหน้าด้วยความเยือกเย็นผู้หญิงที่ทุกคนให้ความเคารพ...นั่นก็คือ...ป้าวันดี
ทุกคนหันไปมองวันดีเป็นตาเดียวกัน ธรรพ์หันขวับมองวันดี โพล่งถามขึ้น
“ป้าวันดี ป้าฆ่าแขไขเหรอ”
“แกเหรอ วันดี เป็นไปไม่ได้ นังนี่มันโง่จะตาย” จันตาไม่เชื่อ
“คนที่ทำตัวโง่ๆ ไม่สะดุดตาใครนั่นแหละที่ทำให้ทุกคนหลงทาง” ณไตรมองน้อง “นายบอกว่าอยู่กับป้าวันดีเป็นคนสุดท้ายก่อนจะกินชาแล้วหลับไป”
“ใช่”
คำฝายเสริมทันที “ป้าวันดีนี่แหละที่หลอกฉันลงไปในเมือง”
“แล้วก็หลอกเนื้อนางให้มาเจอคุณแขไขที่ปาง” เนื้อนางยืนยัน
แม่นายแทบกระอัก คำรามลั่น “วันดี แกมันอสรพิษ แกฆ่าแขไขทำไม”
วันดีมองตอบโต้ทุกสายตาที่จ้องมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ทำไมน่ะเหรอ เพราะผู้หญิงอย่างแขไขมันไม่ควรจะอยู่ขวางอนาคตคุณธรรพ์ มันทำให้คุณธรรพ์เสียใจ มันบอกว่ารักณไตร แต่มันให้ท่า มันยอมเป็นเมียคุณธรรพ์จนตั้งท้อง”
ธรรพ์สวนออกมา “ไม่จริง แขไขไม่ได้สมยอม ผมข่มขืนแขไข เพราะผมรักเค้า รักทั้งๆที่แขไขไม่เคย รักผมเลย ผมขืนใจจนเค้าตั้งท้อง แต่เค้าไม่ยอมให้ผมเป็นพ่อของอัศดายุ เค้าเลือกให้พี่ณไตรเป็นพ่อของลูกผม”
ทุกคนมองอึ้ง ตะลึงตะไลกันทั้งบาง
ธรรพ์สะอื้นไห้กับความจริงที่เก็บกดไว้มานาน
ส่วนในกระท่อม แขไขมองแสงคำเห็นเลือดไหลจากแผลที่ไหล่ มีดาวเด่นกำลังเอาผ้าพันแขนให้แสงคำ
“ไหวมั้ยคะ”
“ผมไหว รีบพาคุณแขไขไปชี้ตัวฆาตกรอีกคนที่ปาง”
อรองค์หรือดาวเด่นเห็นด้วย รีบประคองพี่สาวออกห่างจากศพบุญลือ
แสงคำคว้าปืน แล้วเดินนำดาวเด่น และแขไข เดินออกประตูไปโดยเร็ว
สายตาวันดีตอนนี้แข็งกร้าว กรีดเสียงกราดเกรี้ยวเอ่ยความจริงออกมา ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
“อัศดายุไม่ใช่ลูกนังแขไข ไม่ใช่ลูกคุณธรรพ์”
เนื้อนางสังหรณ์ใจวูบ ขณะถามออกไป “หมายความว่าอะไร”
“หมายความว่า อัศดายุคือลูกของคุณณไตรกับเนื้อนาง”
ณไตรกับเนื้อนางยืนอึ้ง ตะลึงลาน
“เป็นไปไม่ได้ แกโกหก ฉันอยู่ตรงนั้น” จันตาบอก
“แต่ฉันเป็นคนทำคลอดให้ลูกเนื้อนาง คืนนั้นเด็กที่ตายไม่ใช่ลูกเนื้อนาง แต่เป็นลูกแขไขกับธรรพ์”
เนื้อนางครางออกมา “คุณหนู...คุณหนูเป็นลูกเนื้อนาง”
ณไตรโกรธจัด “ป้าวันดี จิตใจป้าทำด้วยอะไร ถึงให้เนื้อนางกับผมคิดว่าลูกตายไปแล้ว”
“ก็ถามแม่แกสิ ว่าใจมันทำด้วยอะไร นี่คือเวลาที่ฉันรอคอยมาทั้งชีวิต ตลอดเวลาที่ฉันต้องก้มหัวรับใช้แก แม่นาย”
วันดีจ้องแม่นาย มองหยามอย่างสะใจ
“แกเกลียดเนื้อนาง ฉันก็เลยให้แกได้อุ้มชูเลี้ยงดูลูกเนื้อนาง มาตั้งหลายปี เพราะคิดว่าเป็นลูกแขไข ฉันก็ใช้ความแค้นที่แกมีทำลายตัวแกเอง”
วันดีหัวเราะหยัน ตรงข้ามกับแม่นายที่จ้องวันดีแทบจะเข้าไปฆ่าให้ตายคามือ
“ฉันชุบเลี้ยงแกมาไม่ดีหรือไง วันดี แกถึงเนรคุณฉันได้ขนาดนี้”
“นี่คือการแก้แค้นของแม่อย่างฉันไงล่ะ แม่นายศรีวัลลา แกพรากลูกไปจากอกฉัน”
แม่นายใจหายวาบ มองวันดี ครางออกมา “แก”
“จำได้หรือยัง ผู้หญิงชาวบ้านที่พ่อเลี้ยงกัศยะได้เป็นเมีย ตอนหนีคดีอยู่ในป่าผู้หญิงที่คลอดลูกชายแบเบาะ แล้วแกก็ให้คนมาพรากลูกชายไปจากอกฉัน”
สายตาวันดีย้อนนึกถึงความหลัง
วันนั้นวันดีในวัยสาวกำลังถูกคนงานชายดึงทารกน้อยออกจากอก เสียงร้องวันดีคร่ำครวญ น่าเวทนา
“อย่าเอาลูกชายฉันไป”
คนงานดึงทารกถอยห่าง วันดีตาม คนงานไม่ยอมให้วันดีจับ วันดีทรุดลงยกมือไหว้ปลกๆ
“ขอลูกฉันคืนเถอะ ลูกฉันยังไม่หย่านม”
กัศยะยืนอยู่ เข้ามาประคองวันดี แล้วพยักหน้าให้คนงานรีบเอาตัวทารกออกไป
“พ่อเลี้ยงกัศยะ อย่าให้คนเอาลูกวันดีไปเลยเจ้า ลูกของเรานะพ่อเลี้ยง”
วันดีอ้อนวอนกัศยะน้ำตานองหน้า
“ศรีวัลลาเค้าอยากได้น่ะ”
“ไม่ อย่าเอาลูกวันดีไป เอาลูกวันดีกลับมา”
วันดีพิลาปร่ำไห้น้ำตานองหน้า ใจจะขาดรอนๆ
ทุกคนเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของวันดีที่นึกถึงอดีต และหันไปมองธรรพ์ช้าๆ
“ธรรพ์ แม่ไงลูก แม่นี่แหละแม่แท้ๆ ของลูก”
ธรรพ์สวนออกมาทันควัน “ไม่จริง”
“แม่นายมันเอาตัวลูกไป แม่คิดถึงลูกแทบขาดใจ ถึงต้องมาสมัครเป็นคนงานบ้านหิมวัต ให้ได้เลี้ยงดูลูกชายของแม่”
วันดีกางแขน ธรรพ์ถอยหนี
“ธรรพ์ แม่กับน้าบุญลือทำทุกอย่างเพื่อลูก แขไขมันไม่เหมาะกับลูก แม่จัดการให้มันตาย แล้วโยนความผิดให้เนื้อนาง ไล่มันออกไปเพราะเนื้อนางมันรู้ว่าลูกกับแขไขมีอะไรกัน แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกมาตลอด...ธรรพ์...เรียกแม่สักคำนะลูก”
ธรรพ์เสียงแข็ง “คุณไม่ใช่แม่ผม ผมเป็นลูกแม่นาย”
ไม่เท่านั้นธรรพ์ขยับไปยืนข้างแม่นายศรีวัลลาเป็นคำตอบตอกย้ำ วันดีมองแล้วเจ็บแค้น
“มันไม่ใช่แม่ มันเลี้ยงลูกไว้รองมือรองเท้า มันรักณไตรมากกว่า”
“ยังไงแม่นายก็เลี้ยงผมมา แม่ผมต้องไม่ใช่คนใจร้าย ทำลายชีวิตผู้หญิงที่ผมรัก”
สิ้นเสียงธรรพ์ แขไขที่อรองค์หรือดาวเด่นประคองมา มีแสงคำเดินตามมาใกล้ ทุกคนหันไปมอง
ธรรพ์ตะลึง “แขไข”
แขไขสั่นสะท้านมองจ้องวันดี “แก…แก...ตีหัว...เนื้อนาง” พลางนึกปะติดปะต่อ เสียงกระท่อนกระแท่น “บุญลือ...ผลัก...ผลักฉัน สองคน...สองคน...กลัวแล้ว...กลัว...อย่า ฆ่า ฉัน”
“นังแขไข แกกลับมาทำลายอนาคตลูกชายฉันอีกทำไม”
ศรีวัลลาตวาดขึ้น “พอได้แล้ว วันดี ฉันไม่น่าเลี้ยงอสรพิษอย่างแกไว้ใกล้ตัว ให้มาคอยแว้งกัดฉันกับลูกเลย แกมันเลว”
วันดีสวนกลับ “แกต่างหากที่เลว ใจอำมหิต พรากแม่พรากลูก พรากความสุขของทุกคน ต่อไปนี้ ฉันจะทวงลูกชายฉันคืน ฉันจะไม่ให้ธรรพ์รักแกมากกว่าฉัน”
วันดีโกรธจัด ชักมีดพกที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมา พุ่งเข้าไปจะแทงแม่นาย
สาวๆ กรีดร้อง ณไตรขยับ แต่ธรรพ์ที่อยู่ใกล้กว่า เอาตัวบังร่างแม่นายศรีวัลลา
มีดในมือวันดีปักเข้าที่ท้องธรรพ์ แม่นายช็อก มองร่างธรรพ์ที่กั้นระหง่างตนกับวันดีไว้ วันดีชักมีดออก ตกใจแทบบ้า มองมือที่เปื้อนเลือด
“ไม่ ธรรพ์ แม่ไม่ได้ตั้งใจ” วันดีหวีดร้อง
แขไขมองเห็นเลือดในมือ ก็ตกใจ ตัวสั่นเทิ้ม ร้องออกมาว่า
“ธรรพ์”
วันดีพุ่งเข้ามาจะแทงแขไข ใช้แรงทั้งหมดเสือกมีดไป เกือบจะโดนร่างแขไขห่างเพียงคืบเดียว
เหตุการณ์ชุลมุน มีร่างเข้ามากระชากวันดีอย่างแรงให้ห่างจากแขไข วันดีหันหลัง ตวัดมีดไปคิดว่าเป็นณไตร
“อย่ามายุ่ง ณไตร”
วันดีเสือกมีดไปเต็มแรง เพราะคิดว่าเป็นณไตร แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ตาเบิกโพลง
“ธรรพ์”
มีดที่วันดีตวัดปักเข้ากลางอกธรรพ์เต็มๆ ธรรพ์ทรุดกายลง ณไตรรวบสติรีบเข้ามาประคองหัวน้องไว้
“แข็งใจไว้นะ ธรรพ์”
วันดีตกใจสุดขีด “ธรรพ์ แม่ไม่ได้ตั้งใจ”
อรองค์ แสงคำ รีบเข้ามาดึงแขไขให้ห่างวันดี เนื้อนาง คำฝาย ม่อนดอยตกตะลึง
“ธรรพ์ แม่ไม่ได้ฆ่าลูก”
“แกฆ่าธรรพ์ วันดี แกนั่นแหละฆ่าธรรพ์” ศรีวัลลาร้องขึ้น
“ไม่จริง ฉันรักลูก ฉันรักธรรพ์ ฉันไม่ได้ฆ่าลูกชายฉัน ไม่ได้ฆ่า”
วันดีทิ้งมีด ช็อกตะลึงตะไลที่เห็นร่างธรรพ์เลือดทะลักออกมา
“จับไว้ จับป้าวันดีไว้” เนื้อนางตะโกน
วันดีได้ยินก็ถอยหลัง แล้ววิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่า ม่อนดอย กับแสงคำวิ่งตามจับทันที
ณไตรช้อนหัวน้องไว้ “ธรรพ์ อดทนไว้”
ธรรพ์มองพี่ชาย ลมหายใจรวยริน
วันดีวิ่งเตลิดมาในป่า ด้านหลังแสงคำ ม่อนดอยพยายามไล่ตามจับ
“กลับมา ป้าวันดี”
“ไม่ ฉันไม่ได้ฆ่าลูกฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าธรรพ์”
วันดีวิ่งหนีอย่างคนควบคุมสติไม่อยู่ ด้านหลังสองหนุ่มยังคงวิ่งตามไปไม่ลดละ
ณไตรช้อนหัวน้องชายไว้สูง แม่นายจับมือธรรพ์พิลาปร่ำไห้ ดาวเด่นเดินพาแขไขย่อตัวลงมาจนใกล้ ธรรพ์ยื่นมือไปหาแขไข หวังจะสัมผัสมือนางผู้เป็นที่รักสุดหัวใจเป็นครั้งสุดท้าย
“แขไข ผมเอง ผมคิดถึงคุณมาก”
วันดีวิ่งเตลิดหนีมา มีแสงคำ และม่อนดอยวิ่งไล่หลังมาใกล้
“กลับมา อย่าไปทางนั้น”
วันดีน้ำตานองหน้าอย่างคนหัวใจสลาย สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต มองเห็นปากเหวเบื้องหน้า ก็ตัดสินใจในเสี้ยวนาที
“ธรรพ์...รอแม่ด้วย”
วันดีพุ่งตัวกระโดดลงเหวอย่างเด็ดเดี่ยว แสงคำ และม่อนดอยหยุดวิ่ง มองตะลึง
ร่างวันดีตกไปกระแทกหินหลายชั้น ก่อนจะแน่นิ่งที่พื้นก้นเหว แสงคำ กับม่อนดอยเข้ามาชะโงกมองอย่างสลดใจ
อนิจจา ร่างวันดี ผู้ตัดสินใจจบชีวิตตามลูกชาย อยู่ที่เบื้องล่างหุบเหว
ลมหายใจธรรพ์ขาดเป็นห้วงๆ เขายื่นมือไปอยากจะสัมผัสมือแขไขอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย
“แขไข...ผมรักคุณ”
แขไขมองธรรพ์แววตาว่างเปล่า ธรรพ์น้ำตาไหล หลับตาลงช้าๆ มือตกลงข้างกายแขไข
ณไตรมองภาพน้องชาย แล้วน้ำตาไหลนองหน้า
ศรีวัลลาร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อต้องเสียลูกชายแสนดีหัวอ่อนอย่างธรรพ์ จันตาต้องเข้ามาประคองแม่นายไว้
“ธรรพ์ ลูกแม่...ธรรพ์”
แขไขมองจ้อง ก่อนจะเลื่อนมือไปแตะมืออันเย็นชืดของธรรพ์ แล้วเอ่ยเรียกขึ้น
“ธรรพ์”
ดาวเด่นมองน้ำตาเต็มตาสงสารแขไขกับธรรพ์เหลือเกิน
แขไขเลื่อนนิ้วไปเกี่ยวมือธรรพ์ที่สิ้นลมหายใจไว้ ด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้ความทรงจำในอดีต
เนื้อนางทรุดตัวลงซบหน้ากับไหล่ณไตร สะอื้นไห้ต่อการจากไปของธรรพ์
วันเวลาทำงานอย่างซื่อตรง และทุกชีวิตยังคงดุ่มเดิน มุ่งไปตามทางของตน มีบางชีวิตที่ต้องหยุดนิ่ง
เช้าวันนี้ บนระเบียงเรือนพักผ่อนในบ้านหิมวัต มีผู้หญิงผมยาวสีขาวทั้งหัว นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ประจำตัว มองเหม่อไปไกลลิบตา เมื่อมองสำรวจดูใบหน้า แม้จะร่วงโรยไปถนัดตา แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่ใครอื่น เป็น แม่นายศรีวัลลา อดีตประมุขหิมวัต นั่นเอง
เทพทัตกำลังฉีดยาให้ศรีวัลลา มีจันตาคอยรับใช้ใกล้ชิดแม่นายเหมือนทุกครั้ง
ระหว่างนี้ณไตรกับเนื้อนางเดินมาตรงระเบียง เทพทัตกับจันตามองเห็น ก็ค่อยๆ พากันถอยออกไป
ณไตรพาเนื้อนางเดินมาใกล้ๆ ร่างแม่นายศรีวัลลายังนั่งไม่ไหวติง
ณไตรมองแม่ แล้วก้มลงกราบที่ตัก เนื้อนางกราบลงที่ตักอีกข้าง
“แม่นายครับ เนื้อนางอยากมาหาแม่นาย”
“เนื้อนางขอให้แม่นายอโหสิกับอดีตทุกเรื่อง ที่แม่จันทร์เป็งเคยทำให้หัวใจแม่นายเป็นทุกข์ ทำให้พ่อคุณณไตรต้องลำบาก”
แววตาแม่นายมองไปไกล ไม่รับรู้สิ่งใดๆ ที่ณไตรหรือเนื้อนางพูด
ณไตรกับเนื้อนางนั่งข้างๆอยู่เป็นเพื่อนแม่นาย
แม่นายปล่อยวางทุกอย่าง มีเพียงน้ำตาที่หยดรินลงอาบแก้ม เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของลูกชายที่จากไป
ความสุขเดินทางมาสู่ชีวิตพ่อเลี้ยงณไตรและเนื้อนางอีกครั้ง
ที่สนามหญ้าบ้านหิมวัต เช้าวันนี้ เนื้อนาง กับณไตรผัดกันกอดหอมอัศดายุให้สมกับความรักในตัวลูกชาย ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาและเธอ
จันตาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงมองสามคนด้วยสายตามีความสุข แล้วเดินถอยออกไปด้วยรอยยิ้มสงบกว่าที่เคยเป็น
ณไตรอุ้มอัศดายุขึ้น เหวี่ยงตัวไปรอบๆ อัศดายุหัวเราะ กางปีกบิน เนื้อนางหัวเราะ ยิ้มชื่น
เทพทัตยืนอยู่ห่างออกมา อมยิ้มมองความสุขของเพื่อน แล้วก็ปลีกตัวออกไป
สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก ความอบอุ่น
อีกวันหนึ่ง แขไขนั่งอยู่ที่ชิงช้าในปางหิมวัต มีดาวเด่นแกว่งให้เบาๆ อีกด้านคือแสงคำ ม่อนดอยกับคำฝายยืนห่างออกมา
“ฉันจะดูแลพี่แข สักวันพี่แขต้องกลับมาเหมือนเดิม”
“ดูแลอยู่ที่นี่ใช่มั้ย คุณดาวเด่น” คำฝายถาม
คำฝาย ม่อนดอยมองล้อไปทางแสงคำ
“ชวนครูเค้าสิ ผู้จัดการแสงคำ เห็นว่าอยากได้ครูมาสอนที่ปางไม่ใช่เหรอ”
ดาวเด่นมองแสงคำ เห็นแสงคำท่าทางเขาเคอะเขิน ถามขึ้นน้ำเสียงห้วนๆ ว่า
“อยากสอนเด็กบ้านป่าบ้างหรือเปล่าล่ะ คุณดาวเด่น แต่ผมไม่มีเงินจ้างแพงๆ หรอกนะ”
“ไม่มีเงิน ก็ต้องใช้หัวใจสิ ใจแลกใจน่ะ ผู้จัดการ” ม่อนดอยว่า
สองทโมนไพร หัวเราะคิกคักที่ได้แซว แสงคำมองดาวเด่นเป็นฝ่ายเขินอาย หันไปแกว่งชิงช้าให้พี่สาวที่มองไปไกล คลี่ยิ้มออกไปในบรรยากาศแสนสดชื่น
แสงคำช่วยดาวเด่นแกว่งชิงช้าให้แขไข สองคนยิ้มให้กัน เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดีมากกว่าครั้งไหนๆ
ขณะเดียวกันมือของเนื้อนางกับณไตรเกี่ยวกุมกันเดินไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวไปอีกฟากฝั่งของบึง สองคนดื่มด่ำกับความงามในปางหิมวัต เนื้อนางเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ความทุกข์ทั้งหมดที่ได้เจอ มันคือบทเรียนที่ดีของชีวิต”
ณไตรมอง เนื้อนางยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ชีวิตคนเราไม่ยืนยาว อาฆาตโกรธแค้นกันไป ก็เหมือนสุมไฟไว้มอดไหม้ชีวิตตัวเอง”
“อดีตมันจบไปแล้วครับ ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องของเรา” พ่อเลี้ยงบอก
เนื้อนางอมยิ้ม “แน่ใจหรือเปล่าว่าหนานไตรจะไม่โกรธ ไม่แค้นเนื้อนางอีก”
“ผมขอโทษนะเนื้อนาง ที่เคยว่าคุณเพราะเข้าใจผิด ผมหวงคุณมากจนไม่ฟังเหตุผลคุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้”
เนื้อนางอมยิ้ม มองณไตรที่กุมมือเธอไว้ บอกจากใจว่า
“หัวใจเนื้อนางไม่โกรธคนที่เนื้อนางรักที่สุดหรอกจ้ะ”
“หนานไตรของเนื้อนางขอสัญญา ต่อไปนี้ จะไม่มีความแค้น ไม่มีความโกรธ ไม่มีความเกลียดระหว่างเรา หัวใจของหนานไตรจะมีแต่เพลิงรักที่มอบให้เนื้อนางคนเดียว”
ณไตรโอบกอดนางผู้เป็นที่รักไว้เต็มรัก เนื้อนางซบลงในอกอุ่นของชายที่เธอรักสุดชีวิต
สองคนกอดกันแนบแน่น สบตากันถ่ายทอดความรักและความเสน่หาแก่กัน ท่ามกลางบรรยากาศแสนสวยของปางรักแห่งนี้ ที่โอบล้อมใจสองดวงไว้เป็นดวงเดียว
จบบริบูรณ์
โปรดติดตามอ่าน “ทางเดินแห่งรัก” เร็วๆ นี้