xs
xsm
sm
md
lg

คุณผีที่รัก ตอนที่ 15 (จบบริบูรณ์)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณผีที่รัก ตอนที่ 15 อวสาน

เอมี่ต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่ทยอยมากันแล้ว ยกมือไหว้ยิ้มแย้ม ต้อนรับอย่างมืออาชีพ เชิญแขกลงทะเบียน ถ่ายรูป มุมหนึ่ง แมนสรวงแอบหลบมุมมองเอมี่อยู่ สายตาละห้อย ห่อเหี่ยว รัดทน เศร้า
 
“เจ๊เอมี่ไม่ให้อภัยเหรอ” พีระเดินมายืนข้างๆ
“เขาหาว่าฉันแต่งเรื่อง เขาจำเรื่องราวของเราไม่ได้เลย ต่อให้ฉันได้ไปเกิดใหม่ และกลับมาเจอเจ๊เอมี่อีกครั้ง เราก็จะจำกันไม่ได้อยู่ดี แล้วฉันจะไปเกิดใหม่ทำไม นายอย่ากลับเข้าร่างเลย”
“อ้าว ไอ้นี่ พอฉันไม่อยากฟื้น นายก็จะให้ฟื้น พอฉันคิดจะฟื้น ก็มาห้าม ยมทูตหรือโรตีถึงได้ชอบกลับไปกลับมา”
“ฉันรู้ซึ้งแล้วว่าความทรงจำมันทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน”
“แต่มันก็คือส่วนหนึ่งของตัวเรา จะดีจะร้าย เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ถ้าเลือกได้ ฉันก็เลือกที่จะจดจำทุกอย่างเอาไว้อยู่ดี เพราะการไม่มีความทรงจำ ก็เหมือนไม่มีอดีต ไม่มีตัวตน มันว่างเปล่า น่าเศร้านะ ฉันเอาใจช่วยนายนะแมนสรวง” พีระจับบ่าปลอบใจ
แมนสรวงยังห่อเหี่ยวไม่เลิก

ในห้องแต่งตัวนักแสดง ไตปลาตะโกนเสียงดัง ด้วยท่าทางที่เครียดสุดๆ
“นางเยื้อนเรื้อนกินกบาล หายหัวไปไหน ไม่มีใครเห็นนางเอกบ้างเลยเหรอ”
นักแสดงทุกคนอยู่ในชุดสำหรับแสดงแล้ว ลูกโป่งกับน้ำมนต์แต่งตัวเป็นแบ็กสเตจ
“อัฐ ยัยดาวอยู่ไหน แกไปรับยัยดาวมาไม่ใช่เหรอ” ลกโป่งหันมาถาม
“ก็ไปรับ แต่ยัยดาวงอนแล้วก็เดินหายไปไหนไม่รู้” อัฐชัยเริ่มกังวล
ไตปลาเครียดหนัก
“หายไป อย่ามาพูดอย่างนี้ นี่มันจะได้เวลาแสดงอยู่แล้ว อย่ามาพูดว่านางเอกหายตัวไป”
น้ำมนต์ที่แยกไปโทรศัพท์เดินเข้ามาบอก
“โทรศัพท์ไม่มีคนรับเลยค่ะ”
“กระเป๋ายัยดาวอยู่กับฉัน มือถือก็คงอยู่ในนั้นแหละ”
“อ้าว”
“เดี๋ยวฉันจะลองไปตามหาดู”
อัฐชัยไม่ทันไป เอมี่วิ่งพรวดพราดเข้ามา ตื่นเต้น
“ทุกคน เซเล็บมาเพียบเลย ทุกคนตื่นเต้นมากอยากจะเข้ามาในโรงละครกันแล้ว พร้อมจะแสดงแล้วใช่มั้ย”
ทุกคนเงียบกริบ เอมี่งง ไตปลาสั่ง
“ไปตามนางเอกมาก่อนที่พี่จะเส้นเลือดในสมองแตก”
ไตปลาท่าทางเครียด ลูกโป่ง อัฐชัยรีบประคอง พัดๆให้

เอมี่แยกมาคุยกับน้ำมนต์อย่างตกใจ
“ยัยดาวหายไป”
“เราพยายามหาตัวอยู่ แต่พี่เอมี่ช่วยถ่วงเวลาแขกข้างนอกไว้ก่อนนะคะ ขออีกสิบนาทีเท่านั้น”
“สิบนาที แต่ข้างนอก...”
“นะคะพี่”
“เฮ้อ ก็ได้ พี่จะพยายาม”
เอมี่จนใจ ไม่มีทางเลือก วิ่งออกไป ไตปลาเดินเข้ามา
“น้ำมนต์ เพื่อนเธอสร้างปัญหา เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบ ไป”
“ไปไหนคะ”
ไตปลาคว้าข้อมือน้ำมนต์ไปห้องแต่งตัวทันที

ไตปลาลากน้ำมนต์เข้ามาในห้องแต่งตัว ทีมงานเสื้อผ้า หน้า ผม ที่รออยู่แล้ว
“ไม่มีใครจำบทนางเอกได้มากเท่ากับคนเขียนบทแล้ว เธอต้องแสดงแทนเพื่อนของเธอ เอ้า ให้เวลาเนรมิต 5 นาที ต้องเสร็จ”
ทีมงานเข้ามารุมน้ำมนต์ รีบเนรมิตแปลงโฉมอย่างเร่งด่วน

หน้าหอประชุม แขกเหรื่อทั้งเซเล็บคนดัง นักข่าว ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มมีความสุข
มุมด้านหนึ่งอาจารย์อิ๋วก็ยังเน้นถ่ายรูปเซเล็บอยู่ เอมี่วิ่งกลับออกมาที่บริเวณโถงหน้าก่อนเข้าโรงละคร เห็นแขกเหรื่อรอกันเต็ม ถอนหายใจ กลั้นใจจะต้องพูด หยิบแก้วมาเคาะ เก๊งๆ ให้แขกทุกคนเงียบและหันมาฟัง
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ ละครเวทีคุณหลวงที่รักกำลังจะเปิดให้ท่านเข้าชมในอีก 10 นาทีนะคะ”
พวกแขกหุบยิ้ม สีหน้าบึ้งตึงพร้อมกันหมดทุกคนทันที แขกบางรายมองนาฬิกา บางรายเริ่มบ่นนิดๆ เพราะไม่ตรงเวลา เอมี่เดินแยกไปที่นั่งม้านั่งรอด้านหนึ่ง มีคนนั่งรอเป็นแผงหน้ากระดาน 4 คน
“ต้องขอโทษจริงนะคะคุณช่า คุณจ่า คุณเจี๊ยบ และคุณเจเดอะแรบบิท เอมี่มองไปอีกด้าน ต้องผงะ
เมื่อเห็นเมสินีเดินเข้ามาอย่างสวยสง่า เอมี่อึ้งว่า มาได้ไง
“คุณเมสินี”

อาจารย์อิ๋วหันมาเจอเมสินี ดีใจ รีบทักทาย ประจบ
“คุณเมสินี...สวัสดีค่า คุณเมคนสวย”
“สวัสดีค่ะคุณเมสินี” เอมี่เดินเข้าไปทัก
“เอมี่..นี่เธอยังรู้จักฉันอยู่เหรอ แหม นึกว่าจะลืมฉันไปแล้วซะอีก..แล้วทำไมต้องทำหน้าตกใจยังกับเห็นผีอย่างนั้น”
“ค่ะ พอดีในรายชื่อแขกไม่เห็นชื่อคุณเมสินี ก็เลยแปลกใจ”
“ใช่ค่ะ อาจารย์อิ๋วทราบมั้ยคะว่าทางนี้ไม่ได้เชิญเม” เมสินีหันไปฟ้อง
“อ้าว ทำไมล่ะ” อาจารย์อิ๋วแปลกใจ
“นั่นสิคะ ทั้งๆที่ดิฉันก็เป็นเจ้าของสถานีที่ละครเวทีเรื่องนี้ไปโปรโมตในรายการ เด็กๆคงจะลืมเชิญ หรือไม่ก็ไม่อยากจะเชิญดิฉันมา แต่เมอยากชมละครเวทีเรื่องนี้มาก เลยไปขอบัตรเชิญจากทีมงานมา คงจะไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต้องขอโทษแทนเด็กๆด้วยนะคะ”

เอมี่มองเมสินี เครียด ไม่รู้มาไม้ไหน คิดทำอะไรอีก

แขกทยอยกันเข้ามาภายในโรงละคร บรรดาคณบดี เซเล็บนั่งแถวหน้าๆ พวกช่า จ่า เจ เจี๊ยบนั่งเรียงกันด้านหนึ่ง มีนักศึกษาคอยพาแขกมานั่งที่นั่ง เมสินีก็เข้ามานั่งในตำแหน่งแถวหน้า ตรงกลาง ไหว้ทักทายกับแขกที่รู้จักกัน

หลังเวที ไตปลากำลังเรียกรวมกลุ่มนักแสดง จับมือกันเป็นวงกลม
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เดอะโชว์มัสโกออน ท่องไว้นะ” ไตปลาเห็นอัฐชัยกังวลมาก “อัฐชัย เข้าใจมั้ย”
น้ำมนต์เดินมาร่วมวง พีระหันมาถาม
“พิมพ์ดาวหายตัวไป หายไปไหน”
“ถ้ารู้ฉันจะต้องมาเล่นแทนอย่างนี้มั้ยล่ะ ฉันก็หวังว่าจะแค่งอนกับอัฐชัย ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรไม่ดี”
“ถ้าแค่งอน เพื่อนคุณก็ไม่น่าถึงงานการอย่างนี้ เดี๋ยวผมไปตามให้”
“นี่ นายก็ต้องแสดงนะ”
“ผมรู้คิวผมน่ะ ไม่ต้องห่วง”
พีระรีบออกไป น้ำมนต์ไปรวมกลุ่มกับพวกนักแสดง จับมือทำสมาธิก่อนเริ่มการแสดง

พีระออกมาด้านนอก รีบเข้าไปหาแมนสรวง
“พิมพ์ดาวหายตัวไป นายต้องไปช่วยฉันตามหา”
“แต่ฉันเศร้าอยู่”
พีระหันกลับมา เงื้อหมัด
“อยากหายเศร้ามั้ย”
“หายแล้วๆ”
“ไป”
พีระจะรีบเดินนำไป แต่ต้องชะงัก เพราะมองไปอีกด้านของหอประชุม เห็นยุทธที่สวมหมวกและแว่นเดินแอบเข้าไปในหอประชุม พีระไม่เห็นหน้า แต่คุ้นตามาก
“ผีบ้าไรเอะอะใช้กำลังกับยมทูตตลอด อ้าว ยืนนิ่งทำไม” แมนสรวงมองงงๆ
“ใคร”
พีระเปลี่ยนทิศทางเป็นเดินไปทางยุทธทันที
“ไปไหน” แมนสรวงแปลกใจ

น้ำมนต์กับอัฐชัยยืนรอ เตรียมออกไปแสดงหลังม่าน
“ยัยดาวจะเป็นอะไรมั้ยน้ำมนต์ ฉันไม่น่าไปต่อล้อต่อเถียงกับดาวเลย เพราะฉันแท้ๆ” อัฐชัยบอกเครียดๆ
“อัฐ พีระกำลังไปหาดาวอยู่ ตอนนี้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อนนะ” น้ำมนต์เตือน
ทันใด ลูกโป่งถือวอร์เดินเข้ามาด้านหลังทั้งคู่
“พวกแก ดูนั่น”
ลูกโป่งแหวกม่าน ชี้ให้น้ำมนต์กับอัฐชัยมองผ่านออกไป เห็นเมสินีนั่งเด่นสง่าอยู่ตรงกลาง ยิ้มแย้มทักทายผู้คน
“เขามาทำไม”
น้ำมนต์ อัฐชัย และลูกโป่งพากันกังวล

ยุทธเดินลัดเลาะมาตามทางเดินข้างหอประชุม ผ่านห้องน้ำด้านหลัง แต่พอเลี้ยวมาอีกด้าน พีระยืนขวางหน้าอยู่
“แกคือใคร”
ยุทธหยุดกึก ไม่ได้หยุดเพราะเห็นพีระ แต่หยุดเพราะมีข้อความในมือถือเข้ามาพอดี ยุทธหยิบมือถือมาอ่านข้อความที่ส่งจากเมสินี เขียนว่า “ผีอาจอยู่ข้างๆ จะทำอะไร ระวังมันจะรู้ตัว” พีระอ่าน
“ผีอาจอยู่ข้างๆ จะทำอะไร ระวังมันจะรู้ตัว จากเมสินี..งั้นแกก็..นายยุทธ..นี่พวกแกวางแผนจะทำอะไร”
ยุทธเดินผ่านพีระไป พีระเครียด

แมนสรวงเพ่งสมาธิเพื่อต้องการรับรู้ว่าพิมพ์ดาวอยู่ที่ไหน เขาได้ยินเสียงผู้คนมากมาย พยายามแยกแยะเสียงที่ไม่ใช่ออก
“อยู่ไหน พิมพ์ดาว เธออยู่ไหน ส่งเสียงหน่อยเซ่”
ในขณะที่มีเสียงอื้ออึง อยู่ๆมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาสั้นๆ..อื้อๆ
“อื้อๆ เสียงตัวอะไรวะ เฮ้ย หรือจะเป็นพิมพ์ดาว”

พิมพ์ดาวที่ถูกมัดปากและพยายามดิ้นให้หลุดอยู่ในห้องน้ำ ส่งเสียงอื้อๆ แมนสรวงทะลุประตูเข้ามา
“ใช่จริงๆด้วย”
พีระกับแมนสรวงวิ่งกลับมาเจอกัน
“ยุทธกับเมสินีอยู่ที่นี่ พวกมันวางแผนจะทำอะไรอีกก็ไม่รู้” พีระรีบบอก
“มันจับพิมพ์ดาวขังในห้องน้ำ ฉันปล่อยออกมาแล้ว”
พิมพ์ดาววิ่งเข้าไปหาเอมี่ที่อยู่ด้านหน้าส่วนต้อนรับ
“พี่เอมี่”
“ดาว เธอหายไปไหนมา” เอมี่ถามอย่างดีใจที่พิมพ์ดาวกลับมา
“นายยุทธ คนสนิทของเมสินี เขาจับหนูไปขังไว้ค่ะ เขามีแผนจะทำอะไรก็ไม่รู้”
“พี่ว่าแล้ว หรือเมสินีตั้งใจกลั่นแกล้งให้ละครเวทีของเราพัง”
พีระที่ฟังอยู่นึกรู้
“ไม่ใช่ มันจับพิมพ์ดาวไป เพราะมันรู้ว่าน้ำมนต์จะต้องขึ้นแสดงแทน เป้าหมายมันคือาจารย์.น้ำมนต์”
แมนสรวงอึ้ง พีระเครียด รีบวิ่งไปในห้องประชุม

น้ำมนต์แสดงอยู่บนเวที เป็นฉากที่คุณหลวงแผลงฤทธิ์ พวกคุณหญิง ทาสต่างๆ พากันตื่นตระหนก ตกใจกลัวเพราะเห็นคุณหลวงปรากฏกาย อัฐชัยคำรามด้วยความโกรธ
“พวกมึงฆ่ากู”
มีเสียงฟ้าผ่า แสงไฟสโตรกๆ เปรี้ยงๆ
“นั่น คุณหลวง” นักแสดงร้องบอกกัน
“พวกมึงต้องตาย”
คนดูนั่งดูอย่างตื่นเต้น ลุ้นไปกับการแสดง บนเวที...ลมพัดแรง ทุกคนหนีตายอลหม่านวุ่นวาย พีระโผล่มายืนกลางเวที รู้ว่าถึงคิวตัวเองแล้ว รีบไปหยิบท่อนไม้ที่เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากขึ้นมา ทำท่าเหวี่ยง เหมือน ปลิวไปตามแรงพลังของคุณหลวง พวกคนดูตะลึงที่เห็นไม้ลอยได้เอง เมสินีมองอย่างพอใจ
“นายพีท..”
พวกนักแสดงสมทบแสดงท่าทีแตกตื่น ฟ้าคำราม น้ำมนต์วิ่งเข้ามาขอร้องอัฐชัย น้ำมนต์วิ่งสวนคนอื่นเข้ามา
“คุณหลวงคะ อย่าอาละวาดเลยเจ้าค่ะคุณหลวง”
ในระหว่างนั้น พีระที่ถือไม้เหวี่ยงลอยไปมาบนเวที ก็มองไปที่มุมต่างๆรอบหอประชุม เพื่อหายุทธและมองหาความผิดปกติ แต่มองไม่พบอะไร แต่แล้วพีระก็หันไปเห็นเมสินีนั่งจ้องเขม็งมาที่ตนอยู่
“เมสินี...”
พีระรีบพุ่งไปที่เมสินี กำลังจะเดินฝ่าแถวเก้าอี้เข้าไป แต่ปรากฏว่าคนที่นั่งข้างๆและรอบๆเมสินีทั้งหมด ต่างหันหน้ามาพร้อมกัน ทุกคนคืออาจารย์เทพ
“พีระ”

เสียงอาจารย์เทพดังกังวาน พีระช็อก

พีระถูกดึงวิญญาณให้ผลุบออกมากลางสนาม ตรงหน้าคืออาจารย์เทพและเกี๊ยง รออยู่
 
“ฉันคิดไว้แล้วว่าแกต้องอยู่ที่นี่”
“จารย์เทพตั้งใจมาตามล่าวิญญาณของแกโดยเฉพาะไอ้พีระ เพราะวิญญาณของแกจะทำให้ฉันฟื้นได้อีกครั้ง”เกี๊ยงประกาศ
“หา...” พีระตะลึง
“ถ้าไอ้เกี๊ยงได้เสพพลังวิญญาณแก มันก็จะใช้ร่างของแก และมีชีวิตอีกครั้ง” อาจารย์เทพหัวเราะชอบใจ
“พวกแกก็จะเอาวิญญาณฉันแบบเดียวกับไอ้ผีคามินน่ะเหรอ”
“ใช่ เอาวิญญาณของแกมา”
อาจารย์เทพพูดไม่ทันจบ พีระห่วงน้ำมนต์ ตัดบท
“เออ เอาไว้ก่อนนะ ยังไม่ว่างเล่นกับพวกแกตอนนี้”
พีระจะไป แต่เกี๊ยงยกมือขึ้น กระชากร่างพีระกระเด็นไปกระแทกผนังหรือต้นไม้อีกด้าน แล้วร่วงไปกองตรงนั้น
“โอ๊ย”
เกี๊ยงโผล่แว่บมานั่งคร่อมพีระเอาไว้เลย
“ไอ้วิญญาณบริสุทธิ์ ฉันจะดูดแก มาให้ฉันดูดซะดีๆ”
“จะดูดอะไรฉัน..อย่าดูด..อย่าดูดฉัน”
เกี๊ยงจะเสพวิญญาณ แต่อยู่ๆคามินโผล่เข้ามาด้านหลัง กระชากคอแล้วเหวี่ยง เกี๊ยงกระเด็นกลิ้งไป
“คามิน” พีระผงะ
ทันใดแมนสรวงโผล่มายืนข้างพีระ
“อย่ามายุ่งกับเด็กของฉัน”
แมนสรวงกอดคอพีระ แล้วทั้งสองก็หายแว่บไปทันที
“เฮ้ย”
อาจารย์เทพขยับจะตาม แต่คามินก้าวมาเผชิญหน้า คามินไม่ได้สนใจพีระ เพราะเป้าหมายแรกที่ต้องทำตอนนี้คือสะสางบัญชีกับอาจารย์เทพก่อน หันมาเผชิญหน้าอาจารย์เทพกับเกี๊ยง
“มันเป็นของข้า รวมถึงชีวิตของเอ็งด้วยไอ้อาจารย์เทพ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะล่าชีวิตเอ็ง และข้าก็จะทำ”
“แกฆ่าหลานชายฉัน ยึดออฟฟิศฉัน แล้วแกยังกล้ามาปากดีอีกเหรอ”
“ลุยมันเลยจารย์”
เกี๊ยงพูดไม่ทันขาดคำ อยู่ๆคามินพุ่งเข้าหาเทพกับเกี๊ยง เอื้อมมือไปจะบีบคอ แต่ผงะ เหมือนถูกตรึงให้อยู่กับที่เอาไว้ ขยับต่อไม่ได้ มือนั้นก็หยุดอยู่ก่อนจะถึงคออาจารย์เทพกับเกี๊ยง ทั้งสามคนพยายามยื้อยุดพลังอำนาจกัน

พีระกับแมนสรวงโผล่แว่บมาด้านหน้าโต๊ะต้อนรับ
“วันนี้วันเชงเม้งหรือไง ญาติทุกสายของนายถึงได้พร้อมใจกันมาโดยไม่ได้นัดหมาย ผีโหด หมอผีเหี้ยม แล้วก็คนสวยใจบาป มากันหมดเลย”
“ไอ้หมอผีเทพกับไอ้ผีคามินมันกำลังเป้ายิงฉุบแย่งวิญญาณฉันกันอยู่ พวกมันจะขโมยร่างกายฉันไปปู้ยี่ปู้ยำ”
“หา...ถ้าพวกมันร่วมมือกัน นายรอดยากแน่ พีระ นายต้องไปกลับเข้าร่างเดี๋ยวนี้ เฮ้ย จะไปไหน”
“ไปเตรียมเล่นละคร”
“เฮ้ย ไม่ต้องเล่นแล้ว”
แมนสรวงดึงตัวไว้ ไม่ให้ไป
“ไม่ได้ เมสินีคิดทำเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฉันทิ้งน้ำมนต์ไม่ได้ และจะทิ้งให้ละครเวทีเสียหายไม่ได้ ฉันต้องช่วยทำให้ชีวิตของน้ำมนต์ประสบความสำเร็จด้วย เดอะโชว์มัสโกออน” พีระรีบไป
“ฮึ่ย ไอ้ผีมีจรรยาบรรณ” แมนสรวงเซ็งสุดๆ

บนเวที การแสดงเป็นฉากรัก หลังผ่านเหตุการณ์ที่มีกลุ่มคนจะทำร้ายนางเยื้อน แล้วคุณหลวงมาช่วยเอาไว้ได้
“นังเยื้อนเรื้อนกินกบาล นั่น...แขนเอ็งมีแผล” อัฐชัยจะเข้ามาจับ
“อย่าเจ้าค่ะ อย่าแตะต้องตัวบ่าวเลย มันไม่สมควร”
“โถ หากการแตะต้องคนที่รักและหวังดีกับตัวเราไม่การไม่สมควรแล้ว โลกนี้ยังจะมีอะไรที่สมควรอีก มาเถอะ เราดูแผลให้”
15.1.4

น้ำมนต์ถูกดึงเข้ามาใกล้ชิด สองคนมองตากันหวานซึ้ง สมบทบาท แล้วค่อยๆเคลื่อนหน้าเขาหากัน จะจูบ เมสินีนั่งมองนิ่ง แล้วเหลือบไปบนบาร์ไป เห็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางอย่างยังคงทำงานอยู่ที่บาร์ไฟนั้น
เมสินีมองไปที่อีกมุมหนึ่งของห้อง ยุทธหลบมุมอยู่ ถืออุปกรณ์ส่งสัญญาณรีโมทขึ้นมา เป็นรีโมทกดสวิตช์ให้ระเบิดบนบาร์ไฟทำงาน
ทันใด พีระกับแมนสรวงโผล่มาข้างยุทธ เห็นอุปกรณ์นั้น
“นั่น รีโมตอะไร แกเอารีโมตมาทำไม” พีระจะคว้ามือ แล้วคว้าไม่ได้ สะท้อนออก “มันห้อยผ้ายันต์เอาไว้”
“หน้าตารีโมทมันไม่เหมือนรีโมททีวี แต่เหมือนรีโมทควบคุมวงจรอะไรสักอย่างมากกว่า”
แมนสรวงบอก พีระพยายามมองหา

ด้านข้างหอประชุม คามินผงะเซถอยหลังออก อาจารย์เทพกับเกี๊ยงท่องคาถา เกิดสายสิญจน์อาคมรัดที่ตัวคามิน
“แกคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าไอ้เกี๊ยงตอนนี้มันท่องอาคมได้เป๊ะแล้ว”
“อาคมของเราจึงเป็นดับเบิ้ลพ้อยท์ แกไม่รอดแน่”
คามินยิ้ม แล้วทันใด สายสิญจน์อาคมก็กลืนหายไปในร่างคามิน
“เฮ้ย”
อาจารย์เทพกับเกี๊ยงร้องออกมาพร้อมกัน
“แกเคยนับมั้ยว่าผีที่แกขังเอาไว้ที่สำนักมีมากแค่ไหน แล้วรู้มั้ยว่าตอนนี้พลังวิญญาณของพวกมัน อยู่ที่ไหน” คามินหัวเราะก้อง
“จะบอกว่าอยู่ที่แกงั้นเหรอ” เกี๊ยงย้อนถาม
“เอาสิ แกจะแน่แค่ไหนกัน”
อาจารย์เทพท่องคาถาต่อ เกี๊ยงท่องตาม เกิดอักขระอาคมที่คอ ข้อมือ ข้อเท้าของคามิน
“คิดว่าอาคมกระจอกพวกนี้จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ แกคิดผิดแล้ว”
คามินเบ่งพลังต่อต้าน สะบัดแขนทั้งสองข้างออก
“อ๊าก”
คามินสะท้อนอาคมของอาจารย์เทพกระจุยกระจาย จนกลายเป็นระเบิดไล่ระเบิดไปตามพื้น เป็นเส้นตรงพุ่งเข้าหาอาจารย์เทพกับเกี๊ยง บึ้มๆ
อาจารย์เทพกับเกี๊ยงต้องกระโจนหลบข้างทาง กลิ้งไปคนละทาง เกี๊ยงล้มไปทางหนึ่ง อาจารย์เทพล้มไปอีกทางหนึ่ง แต่พอเงยหน้ามา พบว่าคามินยืนอยู่ด้านหลัง จับศีรษะอาจารย์เทพขึ้นมาจนอาจารย์เทพกลายเป็นนั่งคุกเข่า แล้วคามินก็ดูดพลัง
“อ๊าก” อาจารย์เทพร้องลั่น

บนเวที เป็นฉากจบของละคร อัฐชัยกอดน้ำมนต์ที่กำลังจะสิ้นใจเอาไว้
“นางเยื้อน เอ็งต้องไม่ตายนะ เอ็งต้องไม่เป็นอะไร”
“คุณหลวงเจ้าขา บ่าวบุญน้อย คงรับใช้คุณหลวงได้เพียงเท่านี้ คุณหลวงสัญญากับบ่าวแล้วนะคะว่าคุณหลวงจะกลับเข้าร่าง มีชีวิตต่อไป คุณหลวงต้องรักษาคำพูดนะเจ้าค่ะ”
บนเวทีการแสดงดำเนินไปเรื่อย ยุทธยืนมองการแสดงบนเวที สีหน้ากระหยิ่ม รอเวลาจัดการ แล้วยุทธเงยมองขึ้นไปที่บาร์ไฟ พีระเห็นยุทธเงยมองบน เลยมองตาม แล้วก็รู้สึกผิดปกติ
“มีอะไรอยู่ข้างบน”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้”
แมนสรวงหายแว่บไป

บนเวที การแสดงยังดำเนินต่อไป แมนสรวงมายืนกลางเวที เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นว่ามันคือแผงวงจร
“เฮ้ย มีแผงวงจรอะไรติดอยู่ไม่รู้ เหมือนระเบิด”
พีระได้ยินแมนสรวง
“หา...ระเบิด”
ยุทธยื่นรีโมทขึ้นมา รอจังหวะที่จะกดรีโมท พีระคว้าเก้าอี้แถวนั้นขึ้นมา แล้วเอามาตียุทธทันที..พลั่ก!!
ยุทธกระเด็น รีโมทหล่นกลิ้งไป
“แก...ไอ้พีท...”
“แกคิดจะทำร้ายน้ำมนต์ใช่มั้ย ไอ้เลว”
พีระยกเก้าอี้ฟาดใส่อีก ยุทธหลบเก้าอี้ได้ แล้วผวาจะเข้าไปหยิบรีโมท แต่พีระเอาเก้าอี้เข้าไปกัน ยุทธพยายามผลักออก จะไปหยิบรีโมทให้ได้ แมนสรวงโผล่มาจะหยิบรีโมท แต่อยู่ๆพีระดันเตะรีโมทกระเด็นไปไกล
รีโมทไถลเข้าไปอยู่ด้านใต้ตู้ที่หยิบยาก
“จะเตะทำไม กำลังจะหยิบอยู่แล้ว”
“ไม่รู้นี่หว่า”
ยุทธตามเข้าไปหยิบ พีระจะตามขวาง แต่ทันใด การแสดงบนเวทีก็ถึงจังหวะที่นางเยื้อนสิ้นใจไปแล้ว อัฐชัยดึงน้ำมนต์มากอด เสียใจมาก
“นังเยื้อน”
พีระชะงัก หันไปมองที่เวที เห็นอัฐชัยกอดน้ำมนต์ร้องไห้ ประคองแก้มด้วยมือ ด้วยความอินมาก แต่แล้วอัฐชัยก็ค่อยๆลุกยืน ถอยหลังหายไปในความมืด ปล่อยร่างของน้ำมนต์นอนอยู่ภายใต้แสงไฟท๊อปดวงเดียว เพราะนี่คือจังหวะที่พีระต้องเข้ามาอุ้ม
“เฮ้ย ถึงคิวฉันแล้ว”
พีระลำบากใจ จะห้ามหรือจะไปแสดงดี ขณะที่เมสินีหันรีหันขวาง ข้องใจทำไมยุทธยังไม่กดรีโมทอีก บ่นเบาๆ
“ทำบ้าอะไรอยู่ กดรีโมทซะทีสิ”

ยุทธยังพยายามหยิบรีโมทอย่างยากลำบาก เอื้อมสุดแขน
“ฝากแกจัดการมันด้วย ฉันไปทำหน้าที่นักแสดงก่อน”
พีระบอกแมนสรวง กำลังจะวิ่งไป แต่พอดียุทธก็หยิบรีโมทขึ้นมาได้ แมนสรวงสะบัดมือ เหวี่ยงให้เก้าอี้ลอยไปกระแทกยุทธอีก รีโมทกระเด็นหลุดมือ ไถลไปกับพื้น แล้วไปติดที่เท้าเมสินี พีระกับแมนสรวงช็อก
“อย่า”
พีระช็อก รีบวิ่งไปที่เวที น้ำมนต์นอนอยู่บนเวที ใต้แผงบาร์ไฟ ไม่รู้เรื่องอะไร เมสินีสะใจ
“เล่นกับฉันงั้นเหรอ ตาย”
เมสินีเอาส้นเข็มของรองเท้าเหยียบลงไปที่ปุ่มบนรีโมท..คลิ๊ก! แผงวงจรที่บาร์ไฟทำงาน นับถอยหลัง 3-2-1..ตู้ม! เสียงระเบิดดัง เกิดประกายไฟ หลอดไฟแตกกระจุยกระจาย ควันกระจาย แล้วแผงไฟก็ร่วงหล่นลงมาน้ำมนต์ลืมตามอง ช็อก โครม!
ทุกอย่างตกลงไปในน้ำมนต์ คนดูกรี๊ด ตกใจ แมนสรวงที่ยืนค้างอยู่ที่เดิม ช็อกไปด้วย เมสินีกับยุทธสะใจ รอดูผลงาน

เสียงวุ่นวายจากภายในดังออกมา คามินที่กำลังดูดพลังอาจารย์เทพอยู่ชะงัก
เกี๊ยงใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าชนคามิน ล้มไปด้วยกันอีกด้านหนึ่ง อาจารย์เทพร่วงลงไปกับพื้น ยังไม่ตาย แต่ตาเหลือก เพราะถูกดูดพลังออกไป มีการอาการเกร็งดิ้นน้อยๆเหมือนปลาที่ใกล้ตาย
“จารย์” เกี๊ยงร้องอย่างตกใจ
รปภ และนิสิตหลายคนผ่านมาเห็นอาจารย์เทพพอดี ด้วยความเป็นพลเมืองดีเลยรีบเข้ามาช่วย
“คุณ เป็นอะไรคุณ..มาเร็วมาช่วยพาไปห้องพยาบาลก่อน”
คามินจะเข้าไปจัดการต่อ แต่รปภ กับนักศึกษาที่รุมอาจารย์เทพอยู่นั้นสวมสร้อยพระเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรอาจารย์เทพได้อีก ต้องผละถอยออกมา คามินมองหาเกี๊ยง แต่หายไปแล้ว

ภายในหอประชุม เมื่อควันจางลง ภาพที่ทุกคนเห็นคือพีระนั่งคร่อมเอาร่างตัวเองปกป้องน้ำมนต์ไว้ มีแผงบาร์ไฟพาดทับหลังพีระอยู่เต็มๆ พีระเจ็บ แต่อดทน
“นาย...”
“ไม่ต้องห่วง เจ็บแค่ไหน ก็ไม่ตายซ้ำ”
เมสินีกับยุทธช็อก ผิดคาด แล้วพีระก็ฮึดดันแผงไฟออก แล้วอุ้มน้ำมนต์ขึ้นมาตามบทบาท น้ำมนต์มองพีระอย่างห่วงใย
“เดอะโชว์มัสโกออน”
น้ำมนต์มองตาแป๋ว จนพีระต้องเตือน
“คุณตายอยู่”
น้ำมนต์รู้ตัวว่ายังอยู่บนเวที รีบคร่อก ตายทันที พีระอุ้มน้ำมนต์ยืนขึ้น มาดแมน เท่ ภาพที่คนดูทั่วไปเห็น คือนางทาสเยื้อนที่สิ้นใจแล้วลอยกลางอากาศได้ พีระอุ้มน้ำมนต์ยืนค้างอย่างนั้น พวกคนดูตบมืออย่างทึ่ง
“เด็กในสังกัดฉันมันต้องเก่งเท่อย่างนี้” แมนสรวงภูมิใจ
เมสินีไม่พอใจ แล้วไฟในหอประชุมทั้งหมดก็ดับลง ละครจบ ม่านปิด คนดูลุกขึ้นยืนตบมือ แสดงความชื่นชมอย่างมาก อาจารย์อิ๋วหน้าบานมากๆ ไตปลาหันไปคุยกับคนข้างๆ อวยตัวเอง
“เป็นเทคนิคพิเศษครับ ตั้งใจทำเป็นเซอไพร้ส์”

เมสินียิ่งแค้นที่ทุกอย่างกลับตาลปัตร หันขวับไปจ้องยุทธ
“ไปจัดการนังน้ำมนต์ให้ได้ ไป”
ยุทธเจ็บใจ ล้วงมือเข้าไปในชายเสื้อ มีปืนซ่อนอยู่ แล้วยุทธเดินออกไปทันที พวกนักแสดงออกมาโค้งขอบคุณคนดูบนเวที บรรยากาศชื่นมื่นสุดๆ

บนเวที ระหว่างที่ทีมนักแสดงโค้งขอบคุณคนดู พีระกับน้ำมนต์แอบกระซิบกัน
“ฝีมือเมสินีใช่มั้ย”
“มันเจตนาทำร้ายคุณ มันคงแค้นที่คุณมีหลักฐานเปิดโปงมันได้”
“ไป นายรีบไปกลับเข้าร่าง”
น้ำมนต์คว้ามือพีระ แล้วแอบออกไป อัฐชัยเห็นพอดี
“น้ำมนต์..”
อัฐชัยกำลังจะวิ่งตามน้ำมนต์ออกไป แต่แล้วเห็นพิมพ์ดาวกับเอมี่สวนปะปนคนดูมา
“ยัยดาว”
อัฐชัยดีใจ โดดลงจากเวทีวิ่งไปมาหาพิมพ์ดาว
“แกไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยดาว ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าแก”
อัฐชัยจะกอดด้วยความดีใจ พิมพ์ดาวผลักอก ไม่ให้กอด
“ไม่ต้องมาห่วงฉัน”
เอมี่ชงให้รักกัน
“ต้องห่วงสิ รู้หรือเปล่ามีคนร้ายจับยัยดาวไปขังห้องน้ำ”
“จริงเหรอ” อัฐชัยตกใจ
พิมพ์ดาวตัดบท
“พี่เอมี่ เราไปช่วยน้ำมนต์พาพีระกลับร่างก่อนเถอะ ไปค่ะ”
พิมพ์ดาววิ่งไป เอมี่ตาม อัฐชัยรีบตาม

น้ำมนต์ลากพีระรีบออกมาด้านนอก ดูนาฬิกาไปด้วย
“ตอนนี้สามทุ่มครึ่ง นายต้องรีบกลับเข้าร่างก่อนเที่ยงคืน พวกนั้นจะได้หมดหวัง”
“ไปตอนนี้ไม่ได้ พวกมันจะสะกดรอยตามเราไปหมด”
“ไม่มีทางเลือกแล้ว”
น้ำมนต์ลากพีระออกมาอีกทาง แต่แล้วต้องชะงัก เพราะยุทธมายืนขวางหน้า พร้อมถือปืนขู่เอาไว้
พีระกับน้ำมนต์ผงะ
“มานี่”
ยุทธกระชากตัวน้ำมนต์ไป แต่น้ำมนต์ไม่ยอมไป ดื้อดึง พีระเข้าช่วยกระชาก แต่พอแตะต้องตัวยุทธก็ต้องกระเด็นออกเพราะผ้ายันต์ที่ยุทธห้อยคออยู่ ยุทธลากน้ำมนต์ไป แต่แล้วอยู่ๆอัฐชัยมาด้านหลังยุทธเอาไม้ฟาด..พลั่ก ยุทธเซ น้ำมนต์หลุดออกมาได้
“น้ำมนต์ หนีไปก่อน ไป”
ยุทธตั้งหลักได้ กำลังจะคว้าปืน แต่อัฐชัยพุ่งเข้าใส่ก่อน คว้ามือข้างนั้นพยายามจะปลดปืน ยื้อยุดกันอยู่ แล้วทันใด พิมพ์ดาววิ่งเข้ามาสมทบจากอีกทาง
“ทางนี้ค่ะตำรวจ คนร้ายหนีคดีฆ่าคนตายอยู่ตรงนี้”
ยุทธผลักอัฐชัยออก แล้วหันปืนมาทางพิมพ์ดาว
“พวกแกอยากตายใช่มั้ย”
อัฐชัยผวามายืนขวางพิมพ์ดาว
“อย่า”
อัฐชัยผวาเอาตัวเองยืนบังพิมพ์ดาว โดยหันหน้าหาพิมพ์ดาว หันหลังให้ยุทธ
“แกตาย”
ปัง! อัฐชัยผงะ พิมพ์ดาวช็อก
“อัฐ”
แต่แล้วอัฐชัยทำตาปริบๆ อ้าว ไม่ได้เป็นอะไรนี่หว่า ทั้งอัฐชัยและพิมพ์ดาวรีบหันกลับไปมอง พบว่ายุทธเอาปืนลงมายิงเท้าตัวเอง เลือดสาด
“โอ๊ย”
อัฐชัย พิมพ์ดาวงง ยิงเท้าตัวเองทำไม แมนสรวงเป็นคนจับมือยุทธกดลงมาให้ยิงเท้าตัวเองนั่นเอง
“เจ็บใช่มั้ย คนทำชั่วมันก็ต้องเจ็บอย่างนี้แหละ เขาเรียกว่ากรรม”
แมนสรวงเผลอจับมือยุทธให้ยิงเท้าตัวเองอีกข้าง..ปัง!
“โอ๊ย”
“นัดสองเขาเรียกว่า..ก๊ำกรรม”

ตำรวจวิ่งเข้ามา จับกุม ยุทธสิ้นท่า

คุณผีที่รัก ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)

เอมี่รออยู่ก่อนแล้วที่รถตู้ของบริษัท น้ำมนต์วิ่งมากับพีระ
 
“มาเร็วๆ ขึ้นเลยๆ”
พีระดึงน้ำมนต์ไว้ ไม่ยอมขึ้น
“น้ำมนต์ ไอ้ผีคามินมันตามผมอยู่ พวกคุณไม่ต้องไป จะมีอันตราย”
“ไม่ต้องพูดมาก ขึ้นรถ”
น้ำมนต์ผลักพีระขึ้นไปเลย แล้วรีบตามขึ้นไป เอมี่วิ่งไปขับ

เมสินีออกจากหอประชุมวิ่งตามมา เห็นพวกน้ำมนต์ขึ้นรถไปไวๆ
“พวกแกจะไปไหน จะไปกลับเข้าร่างเหรอ ฉันไม่ยอม”
เมสินีวิ่งไปที่รถตัวเองทันที รถตู้แล่นผ่านบริเวณนั้นไป รถเมสินีแล่นตาม มุมด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัย คามินมองอยู่
“นำทางฉันไปเลยพีระ”

นาฬิกาในรถบอกเวลา 22.30น. เอมี่กำลังขับรถอย่างเร่งรีบ เร็ว แซง เปิดไฟสูงไล่รถข้างหน้า
มนต์นั่งอยู่กับพีระ จับมือกันไว้ สายตาน้ำมนต์จับจ้องอยู่ที่นาฬิกาตลอด
“พี่เอมี่คะ พีระมีเวลาไม่เกินเที่ยงคืนนะคะ เร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“น้ำมนต์...”
น้ำมนต์รู้ว่าพีระจะพูดอะไร รีบดักคอ
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องห่วง กลับเข้าร่างให้ได้ ส่วนฉันจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ฉันสัญญา”

เมสินีขับรถไล่ตาม ไม่ยอมให้คลาดสายตา
“ฉันจะไม่ยอมให้แกฟื้น แกต้องตาย”
คามินนั่งอยู่บนหลังคารถบรรทุกคันหนึ่งด้านหลังรถเมสินี ยิ้มเหี้ยม รถทั้งสามคันไล่ตามกันไป

ห้องพยาบาล มหาวิทยาลัย อาจารย์เทพยังคงนอนหายใจพะงาบๆอยู่ เกี๊ยงคอยดูแล
“จารย์...จารย์อย่าเพิ่งตายนะจารย์”
สักพัก เกี๊ยงสัมผัสได้ว่ามีใครมายืนล้อมรอบด้านหลัง เกี๊ยงหันไปมองพบว่าคือดวงวิญญาณผีมากมาย
“พวกแก”
พอมองกวาดอีกที ก็มีผีมายืนล้อมรอบอาจารย์เทพ
“เรามารอคิดบัญชีกับมัน หมอผีอำมหิต มันต้องชดใช้”
“ไม่” เกี๊ยงกอดอาจารย์เทพไว้ปกป้อง “อย่ามายุ่งกับจารย์ของเกี๊ยง จารย์เทพต้องไม่ตาย” เกี๊ยงสังเกตว่ารอยสักบนเนื้อตัวหายไป “จารย์ รอยสักอาคมของจารย์หายไปไหนหมด เกิดอะไรขึ้น..หรือว่า..ไอ้คามินมันดูดเอาอาคมไปจากอาจารย์หมดแล้ว”
เกี๊ยงช็อก

รถตู้จอดริมถนนใกล้วัด น้ำมนต์รีบพาพีระลงมา น้ำมนต์ดูเวลา
“ห้าทุ่มสิบยี่สิบแล้ว ลงมาเร็ว”
เอมี่ตามลงมา
“หลวงพ่อบอกว่าร่างพีระตอนนี้พักฟื้นอยู่ที่ศาลาเก็บของเก่าในสวนด้านหลังวัด พวกเธอรีบไป”
พีระจะไป แต่ชะงัก
“มีรถตามมา”
“รถเมสินี ไปเร็ว ไป”
เอมี่ไล่ น้ำมนต์ลากพีระไป รถเมสินีแล่นมาจอด เอี๊ยด เมสินีรีบลงจากรถมา เอมี่วิ่งไปขวางทันที
“อย่าคิดว่าจะ...”
เมสินีโชว์ปืนขึ้นมา
“จะอะไร”
เมสินีแค่ชูปืน เอมี่ที่เก๋าๆก็ถึงกับผงะจ๋อยลงไปทันที เมสินีรีบวิ่งตามน้ำมนต์เข้าไปเอมี่นึกได้
“เฮ้ย ให้ไปไม่ได้ เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป” เอมี่รีบตาม

น้ำมนต์กับพีระรีบเดินมา แต่เมสินีวิ่งตามมา
“หยุดนะน้ำมนต์”
พีระชะงัก แต่น้ำมนต์ไม่ยอมให้หยุด คว้ามือพีระให้ไปต่อ
“อย่าหยุด”
“ฉันบอกให้หยุด อย่าลองดีกับฉัน”
พีระจับน้ำมนต์ให้หยุด
“น้ำมนต์...”
น้ำมนต์ยอมหยุด หันมาเผชิญหน้าเมสินี แต่แอบสั่งพีระ
“ฉันจัดการเอง นายรีบไป”
เมสินีเดาทางออก
“แกก็ห้ามไปไหนนะพีท ถ้าแกไป ฉันจะยิงน้ำมนต์ ฉันพูดจริงทำจริง แกอยากจะลองก็ได้ เอาสิ”
แต่อยู่ๆเอมี่วิ่งเข้ามาด้านหลัง คว้ามือเมสินีแย่งปืน สองสาวยื้อแย่งกัน
“ฉันมันรุ่นเฮฟวี่เวทท์ ผู้หญิงไลท์เวทอย่างแกสู้แรงฉันไม่ได้หรอก”
“ปล่อยฉันยัยเอมี่”
“ฉันจะไปช่วยพี่เอมี่ นายรีบไป” น้ำมนต์วิ่งเข้าไปช่วยเอมี่ “อย่าทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า ไป”
พีระเงอะงะ แล้วตัดสินใจวิ่งไป พีระตัดใจสุดๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะน้ำมนต์”

พีระวิ่งมาถึงที่ศาลาเอนกประสงค์ที่มีร่างตั้งอยู่ เห็นว่าที่ร่างมีตะกรุดหลวงพ่ออยู่ด้วย ที่เหนือร่างไปมีนาฬิกาแขวนอยู่ บอกเวลา 23.50 น.
“อีกสิบนาที”
พีระกำลังจะวิ่งเข้าไป แต่อยู่ๆคามินโผล่มาขวาง จับคอพีระทันที
“แก..ไอ้คามิน..”
“ในที่สุดฉันก็ได้วิญญาณแกและร่างแกในครั้งเดียวกัน เอาความบริสุทธิ์ของแกมาให้ฉัน”
คามินทำการดูดพลังพีระทันที

เอมี่กับน้ำมนต์ผลักจนปืนเมสินีร่วงกระเด็นไป
“พวกแกจะสู้ฉันเหรอ ฉันเป็นมือตบหน้าเน็ตมาก่อนนะ อยากลองใช่มั้ย”
“แกเป็นมือตบหน้าเน็ต แต่ฉันเป็นมือตบหน้าแก”
เพี๊ยะ เอมี่ตบเลย เมสินีหน้าหัน
“น้ำมนต์ ไปช่วยพีระ ไป”

น้ำมนต์รีบวิ่งไป เอมี่ตะลุมบอนกับเมสินี

พีระกำลังอ่อนแรง ถึงกับทรุดลงไปคุกเข่า คามินดูดพลังต่อเนื่อง แต่อยู่ๆแมนสรวงโผล่มากระชากคามินออก
 
“ปล่อยเด็กฉัน”
แมนสรวงผลักคามินจนกระเด็นไปไกล แล้วสะบัดแขนอีกข้างใส่พีระ ทำให้วิญญาณพีระไถลไปจนถึงร่างกายที่นอนอยู่ทันที
“แกกลับเข้าร่างเดี๋ยวนี้พีระ เร็ว”
พีระอ่อนแรง หันไปมองร่างของตนเอง เห็นร่างพีระนอนอยู่มีตะกรุดห้อยคออยู่ แล้วพีระลุกขึ้นมาเพื่อจะนั่งซ้อนไปกับร่าง แต่คามินตั้งหลักได้ ไม่ยอม คำรามและเบ่งพลังรุนแรง
“แกเป็นของฉัน”
คามินคำรามดัง เบ่งพลัง เกิดลมกรรโชกรุนแรงกะทันหัน ทำให้ข้าวของบริเวณบางอย่างแตกเป็นชิ้นๆเพราะแรงอัดของพลัง แล้วชิ้นเศษเหล่านั้นก็พุ่งกระจัดกระจาย พวกโต๊ะ ท่อนไม้ โอ่ง ปลิวว่อนอย่างไร้ทิศทาง
แมนสรวงต้องยกมือกัน และยืนต้านพลังแรงอัดนั้น เนื้อตัวเกิดบาดแผลจากแรงอัด วิญญาณพีระก็เซเสียหลักไปตามแรง กลิ้งไปอีกด้าน ร่างพีระตกจากตั่งที่นอนอยู่กลิ้งไปกับพื้น
“ไอ้หมาบ้าเอ๊ย หยุดได้แล้ว”
แมนสรวงพุ่งเข้าไปถึงตัวคามิน แต่คามินหันมาเป่าอาคมใส่ แมนสรวงกระเด็น หงายหลังไปนอนกับพื้น เกิดสายสิญจน์อาคมรัดแมนสรวงเอาไว้
“เฮ้ย..แกมีอาคมได้ไง”
“อาคมของไอ้หมอผีเทพมาอยู่ที่ฉันแล้ว”
“หา” แมนสรวงร้องอย่างตกใจ
ทันใด น้ำมนต์วิ่งเข้ามาพอดี
“พีระ”
คามินยกมือขึ้นมา น้ำมนต์ถูกกระชากให้ล้มลง มีเชือกพุ่งเข้ามามัดรัดข้อมือทั้งสองของน้ำมนต์อย่างรวดเร็ว แล้วมีรถยนต์ถอยหลังมา ปลายเชือกอีกข้างตวัดไปผูกรัดกับท้ายรถยนต์นั้นทันที แล้วรถยนต์ก็สต๊าร์ตเครื่องพร้อมกระชากออกตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“น้ำมนต์” พีระร้องอย่างตกใจ
รถยนต์สต๊าร์ทกระชากตัว ส่งเสียงฮึ่มๆ คามินสั่งเสียงกร้าว
“แกจะเอาวิญญาณแกมา หรือให้ฉันเอาวิญญาณน้ำมนต์ไป”
“พีระ ไม่ต้องห่วงฉัน ไปเข้าร่างของนาย” น้ำมนต์ร้องบอก
“นายเหลือเวลาอีกแค่ 5 ไม่ใช่...แค่ 4 นาที นายต้องตัดสินใจแล้วพีระ”
พีระสับสน ตัดสินใจลำบาก ไม่อยากทิ้งน้ำมนต์
“น้ำมนต์ ผมทิ้งคุณไม่ได้”
“ไม่นะ นายห้ามยอมแพ้ นายรับปากฉันแล้วว่าจะกลับเข้าร่าง อย่าผิดสัญญากับฉันสิ”
“ผมไม่อยากให้มีคนตายเพราะผมอีก โดยเฉพาะคุณ ผมยอมได้ทุกอย่างเพื่อให้คุณมีชีวิตที่มีความสุข..คุณก็รู้ว่าสิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้คือทำให้คุณเจ็บปวดเป็นทุกข์”
“แต่ถ้านายยอมตาย ฉันจะเจ็บปวดที่สุด เจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น”
“น้ำมนต์”
“พีระ ฉันขอร้อง อย่าทำอย่างนี้”
พีระทรุดลง คุกเข่า หมดแรง ยอมแพ้
“น้ำมนต์..ผม..ขอโทษ”
“ไม่นะ ฉันไม่ยกโทษให้นาย พีระ ฉันไม่ให้นายตาย”
คามินยกมือขึ้นมา ดึงพีระเข้ามาประชิด แล้วทำการดูดวิญญาณครั้งสุดท้าย
“ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แทนแกเอง”
คามินอ้าปากดูดวิญญาณ พีระผงะ น้ำมนต์ร้องลั่น ไม่ยอม พยายามดิ้น แมนสรวงพยายามดิ้น
แต่แล้วอยู่ๆพีระกลับฮึด แววตากร้าว แล้วยัดบางอย่างเข้าไปในปากคามิน..กรึ่บ คามินผงะ
“ชอบดูดพลังใช่มั้ย ตะกรุดหลวงพ่อเทียนคงจะเติมพลังให้แกได้นะ”
พีระเอามือออก มีสายสร้อยห้อยออกมาจากปากคามิน แมนสรวงหัวเราะชอบใจ
“ไอ้ผีเจ้าเล่ห์เอ๊ย นายมันเจ้าเล่ห์จริงๆ”
คามินผงะ เกิดความร้อนขึ้น คำรามลั่น เซทรุดไป
“อ๊าก”
ทันใด พลังอาคมที่รัดแมนสรวงอยู่หายไป รถยนต์ดับเครื่อง เชือกที่มัดน้ำมนต์อยู่ก็คลายเอง พีระห่วงน้ำมนต์ จะเข้าไปหา
“น้ำมนต์ เป็นไงบ้าง”
“อย่าเพิ่งซึ้ง เหลืออีกห้าวินาที..ไป”
พีระตกใจ หันไปมองนาฬิกา เหลือห้าวินาทีจริงๆ อยู่ๆเมสินีวิ่งพรวดเข้ามา พร้อมปืน เอมี่ตามหลังมา
“นายพีท แกตาย”
พีระรีบวิ่งกลับเข้าไปที่ร่าง เมสินียกปืนเล็งไปที่ร่างพีระ น้ำมนต์และแมนสรวงลุ้นเอาใจช่วย นาฬิกาเดินไปสู่วินาทีสุดท้าย เมสินียิงปืน..ปัง! พีระพุ่งกระโจนเข้าหาร่างตัวเอง

เดือนต่อมา...บริเวณด้านหนึ่งสถานีพราวด์ กำลังจะมีงานแถลงข่าว นักข่าวมารอทำข่าว ที่แบ็กดร็อปเขียนว่า
“พราวด์ดิจิตัลโฉมใหม่ สถานีแห่งความภาคภูมิใจ My life, My PROUD”
ทีมงานคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้านใน
“มาแล้วค่ะ”
นักข่าวและแขกในงานทุกคนเฝ้ารอดู เพราะทุกคนอยากรู้ว่าใครจะเป็นคนที่เดินออกมา ปรากฏว่าเป็น เมสินี ในมาดสวยเฉี่ยว ลุคใหม่ กระฉับกระเฉง ทันสมัย แขกทุกคนตบมือต้อนรับ
“ขอบพระคุณสื่อมวลชนและแขกทุกท่านมากนะคะ ที่ให้เกียรติมาปรับโฉมใหม่ของพราวด์ดิจิตัล”
เมสินียิ้มหวาน ให้พวกสื่อถ่ายรูป
“และพราวด์ดิจิตัลจะไม่มีวันนี้เลย ถ้าขาดเขาคนนี้ เชิญคุณพีระค่ะ”
พีระเดินออกมา ในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ เท่ สมาร์ท หน้าขรึม พีระยืนคู่กับเมสินี ให้พวกนักข่าวถ่ายรูปกันใหญ่

พิมพ์ดาว เอมี่ ข้าวต้ม งอแงนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน เห็นภาพข่าวของพีระกับเมสินี
“ผมขออนุญาตไม่พูดถึงเหตุการณ์ร้ายๆในชีวิตที่ผ่านมาของผมนะครับ แต่สาเหตุที่ผมตัดสินใจให้คุณเมสินีเป็นผู้บริหารพราวด์ดิจิตัลต่อไป เพราะคุณเมสินีมีคุณสมบัติที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ สวย เก่ง ฉลาด รอบคอบ มีวิสัยทัศน์ มีเมตตา และที่สำคัญ คุณเมสินีเป็นคนดีอย่างที่ใครก็เทียบไม่ได้ ผมจึงเต็มใจที่จะมอบตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดให้คุณเมสินีดูแลต่อไป”
เอมี่ พิมพ์ดาว ข้าวต้ม งอแงต่างฟังข่าวอย่างซึมๆ ที่เหตุการณ์ทำไมกลับตาลปัตรอย่างนี้
แล้วอยู่ๆทีวีก็ปิดเอง ทุกคนตกใจ หันไปมอง พบว่าน้ำมนต์เป็นคนกดรีโมท
“จะไปฟังข่าวไร้สาระทำไม”
น้ำมนต์ทิ้งรีโมท เดินออกไป ซึม เซ็ง ทุกคนเข้าใจความรู้สึกน้ำมนต์

น้ำมนต์เดินออกมานั่งด้านนอก พวกเอมี่ตามออกมา
“น้ำมนต์..มันก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ช่างมันเถอะ”
“ไม่ค่ะ หนูไม่มีวันยอม หนูแค่ยังไม่รู้ว่าจะช่วยพีระยังไง แต่เดี๋ยวมันจะต้องมีทาง หรือถึงไม่มี หนูก็ไม่หยุด”

น้ำมนต์ดูสิ้นไร้หนทางช่วยพีระ แต่ยังดื้อดึง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทุกคนห่วงใยน้ำมนต์

พีระเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งสบาย เสมือนกับห้องๆนี้เป็นห้องตัวเอง
เมสินีตามเข้ามา มองกิริยาของพีระที่พอลับหลังสื่อพีระก็แสดงความเป็นใหญ่เหนือเมสินี
“กรุณาอย่าเอาเท้าวางบนโต๊ะฉัน”
พีระยกเท้าลง แต่ไม่ได้มีท่าทีสำนึก ยังทำท่าปัดฝุ่นให้อย่างกวนประสาทอีก
“ผมให้คุณได้บริหารตามที่คุณต้องการแล้วนะ จ่ายเงินเดือนผมให้ตรงเวลา อย่าลืมส่วนแบ่งและปันผลด้วย”
“พีท ทำไมเธอไม่ขายหุ้นในส่วนของเธอให้ฉัน แล้วก็เอาเงินก้อนไปใช้ชีวิตสำราญอย่างที่เธออยากทำ”
“ไม่อ่ะ ถือหุ้นเอาไว้ แล้วปล่อยให้พวกมดงานทำงานสร้างรายได้ให้ผมหยิบเอาไปใช้ฟรีๆทุกเดือนๆดีกว่า..อย่านะ..อย่าคิดว่าผมจะโง่” พีระลุกยืน หยิบแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะ “ผมไปล่ะ ทำงานตามสบาย”
พีระจะออกไป แต่เมสินีเหลือบเห็นว่ามีรูปของน้ำมนต์อยู่ในแฟ้มนั้น
“นั่นมันรูปน้ำมนต์ คุณเอามาทำไม”
“เรื่องของผม”
พีระเดินออกมา คนขับรถรออยู่แล้ว พีระกำลังจะขึ้นรถ แต่เมสินีตามมาดึงตัวไว้ก่อน
“พีท นี่เธอให้คนไปสืบเรื่องของน้ำมนต์มาเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับเด็กพวกนั้นอีก
“ผมจะไป รู้มั้ยว่าตลอดเวลาเดือนนึงที่ผมรักษาตัว นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด..ผมจะไป..คุณห้ามผมไม่ได้”
“งั้นบอกมาก่อนว่าเธอคิดจะทำอะไร จะไปเจอน้ำมนต์ทำไม”
พีระหน้าเครียด

พีระนั่งอยู่ในรถผู้บริหาร สีหน้าเครียด แววตากร้าว คิดถึงอดีตในห้องพักคนไข้...
เมื่อพีระฟื้นขึ้นมา เห็นเป็นภาพขาวๆ ก่อนจะค่อยๆปรับโฟกัสจนเห็นว่าเป็นเพดาน มองไปด้านข้าง เห็นเป็นหน้าต่าง มีผ้าม่านที่แสงแดดเช้าส่องผ่านมาสวยงาม พลิ้วๆ พีระจะยกแขน แต่ติดสายท่อน้ำเกลือ พีระเริ่มมองตัวเอง จนรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล พีระงง สับสน จำอะไรไม่ได้ หันมามองอีกด้าน พบว่าเมสินียืนรออยู่ พีระมองหน้าเมสินี คิ้วขมวด จำไม่ได้
“ฟังฉันให้ดีนะพีท สิ่งที่เธอรู้แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดออกไป เพราะระวังกรรมมันจะย้อนเข้าตัว เข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย”
พีระมองหน้า ตาแป๋ว
“คุณ...เป็นใคร”
เมสินีงง แต่คิดว่าพีระกวน
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ ถ้าอยากลองดีก็เชิญ”
“คุณรู้จักผมเหรอ แล้วทำไมผมจำคุณไม่ได้”
“จำไม่ได้”
เมสินีแปลกใจ พีระหน้าตาว่างเปล่า จำอะไรไม่ได้จริงๆ

พีระโวยใส่หมอ
“สมองผมจะปกติได้ไง หมอตรวจดีหรือเปล่า ถ้าปกติ แล้วทำไมผมถึงจำได้แต่เรื่องราวตอนที่อยู่เมืองนอก จำได้แค่ว่าผมกำลังจะไปสนามบินเพราะมีคนบอกว่าพ่อแต่งงานใหม่ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นมันหายไปหมด แล้วสมองผมจะปกติได้ไง”
เมสินีมองแปลกใจ
“เธอจำได้แค่นั้นจริงเหรอ รู้หรือเปล่าว่าใครคือคนที่แต่งงานกับพ่อเธอ”
“ไม่รู้ จำไม่ได้ ทำไมถึงจำไม่ได้วะ” พีระเครียดมาก
“ใจเย็นๆนะครับ การสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องปกติสำหรับคนไข้ที่ผ่านอุบัติเหตุรุนแรงมา แล้วสมองของคุณหยุดทำงานไปเป็นเดือน คงต้องให้เวลาระบบประสาทมันรีเซ็ทตัวเองใหม่สักระยะ” หมออธิบาย
พีระเครียดมาก

พีระนั่งรถเข็นกำลังคุยกับเมสินีที่บริเวณสวนของโรงพยาบาล
“จะบอกได้ยังว่าพ่อผมตายได้ไง”
“สัญญาก่อนว่าเธอจะไม่คิดแค้นอาฆาตคนที่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อของเธอตาย”
“มีคนทำให้พ่อตายงั้นเหรอ ใคร”
เมสินีอึกอัก ลีลา ไม่ยอมพูด

ปัจจุบัน... พีระดูรูปน้ำมนต์ด้วยความแค้น

น้ำมนต์นั่งเครียดอยู่ในบ้าน เอมี่เดินมาคุยด้วย
“คิดถึงวันที่เจอพีระที่โรงพยาบาลอยู่ใช่มั้ย”
“ค่ะ หนูไม่เข้าใจ ทำไมพีระถึงมองหนูด้วยสายตาอย่างนั้น”
อดีต...น้ำมนต์วิ่งนำเพื่อนๆเข้ามาในโถงขั้นล่างของโรงพยาบาล
ลิฟท์ดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิดออก บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นที่มีพีระนั่งออกมา โดยมีเมสินีและสมุนตามหลังประกบ น้ำมนต์ดีใจที่เห็นพีระ รีบเรียกเอาไว้
“พีระ”
พีระหันมา เห็นน้ำมนต์ยิ้มและโบกมือให้ พีระจับล้อรถเข็นให้หยุดหันมามอง น้ำมนต์หันไปบอกให้เพื่อนๆ
“เอาเลย”
พิมพ์ดาวทรุดลงไปเล่นบทนางทาสเยื้อน อัฐชันเล่นเป็นคุณหลวง
“นางเยื้อน เอ็งต้องไม่ตายนะ เอ็งต้องไม่เป็นอะไร”
“คุณหลวงเจ้าขา บ่าวบุญน้อย คงรับใช้คุณหลวงได้เพียงเท่านี้ คุณหลวงสัญญากับบ่าวแล้วนะคะว่าคุณหลวงจะกลับเข้าร่าง มีชีวิตต่อไป คุณหลวงต้องรักษาคำพูดนะเจ้าค่ะ”
เมสินีเห็นพวกนี้ จะเข้ามาไล่
“ไม่ต้องสนใจ ไป”
บุรุษพยาบาลจะเข็นต่อ แต่พีระจับล้อรถเข็นเอาไว้ ไม่ยอมไป
“พีท”
พีระยกมือห้ามให้หยุดพูด สายตาจ้องอยู่แต่น้ำมนต์ พีระค่อยๆก้าวลงจากรถเข็น เพราะพอเดินไหว มองการแสดงตรงหน้าด้วยสายตาเหมือนถูกดึงดูด ค่อยๆเดินเข้าไป พีระมองน้ำมนต์ รู้สึกมีแรงดึงดูด แม้จะจำไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากมองคนๆนี้ อัฐชัยกับพิมพ์ดาวยังเล่นต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่ เอ็งคือความทรงจำเดียวของข้า ข้าอยากมีชีวิตอีกครั้งก็เพื่อมาอยู่กับเอ็ง ถ้าไม่มีเอ็ง ข้าก็ไม่อยากอยู่”
“รับปากกับเยื้อนสิคะ คุณหลวงจะมีชีวิตต่อไปเพื่อเยื้อน”
“เยื้อน ไม่ ข้าไม่ให้เอ็งตาย”
“บ่าวรักคุณหลวงนะเจ้าคะ”
แล้วพิมพ์ดาวก็มือตก คอพับ สิ้นใจไป อัฐชัยดึงพิมพ์ดาวมากอด เสียใจมาก
“นังเยื้อน”
อัฐชัยกอดพิมพ์ดาวร้องไห้ มองหน้าพิมพ์ดาว ประคองแก้มด้วยมือ ด้วยความอินมากๆ พีระเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าน้ำมนต์ที่ยิ้ม มีความหวัง
“คุณหลวงที่รัก จำละครเวทีเรื่องนี้ได้มั้ย” น้ำมนต์โชว์โปสเตอร์ละคร “นายร่วมแสดงด้วยไง”
พีระจ้องน้ำมนต์แววตาชิงชัง รังเกียจ โกรธแค้นมาก
“น้ำมนต์...เธอ....เธอ...”
“นายจำชื่อฉันได้ด้วย”
เมสินีไม่อยากให้พีระกับน้ำมนต์คุยอะไรกันมาก รีบเข้ามาเบรก
“พีท ไปกันได้แล้ว”
พีระหันกลับ แต่น้ำมนต์เรียกไว้
“พีระ เดี๋ยว”
น้ำมนต์ดึงมือไว้ พีระกระชากมือออก
“ฉันชื่อพีท”
น้ำมนต์ถึงกับเสียหลัก ล้มลงไป น้ำมนต์อึ้ง เพื่อนๆก็อึ้งไปหมด พีระมองน้ำมนต์ด้วยสายตาชิงชังรังเกียจ
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
พีระเดินแยกไป เมสินีสั่งลูกน้อง
“ห้ามคนพวกนี้เข้าใกล้คุณพีทอีกเด็ดขาด ถ้ามันยังดื้อด้านมา แจ้งตำรวจจับได้เลย”
น้ำมนต์ได้ตามองพีระเดินไปนั่งรถเข็นและเข็นออกไปตามเดิม

ปัจจุบัน น้ำมนต์ข้องใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพีระ
“ถ้าเขาไม่มีความทรงจำ เขาก็น่าจะแค่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้าหนู แต่นี่ เขามองหนูอย่างกับจะฆ่าให้ตาย ไปโกรธแค้นหนูมาจากไหนก็ไม่รู้”
“พี่ก็ว่ามันแปลก” เอมี่เห็นด้วย
รถของพีระแล่นมาจอดหน้าบ้านน้ำมนต์ คนขับรถลงมาเปิด พีระก้าวลงมายืน
“ใครมาอ่ะพี่น้ำมนต์” ข้าวต้มร้องถาม
น้ำมนต์ลุก เดินไปเปิดประตู พอเปิดออก น้ำมนต์ก็ต้องตกตะลึง พีระยืนอยู่หน้าบ้าน
“พีระ...”
พีระกับน้ำมนต์ต่างคนต่างมองกัน

เมสินีต่อว่าอาจารย์เทพอยู่ในบ้าน ขณะที่เกี๊ยงอยู่ใกล้ๆ
 
“น้ำมนต์มีของดี หมายความว่าไง”
“สร้อยตะกรุดที่เด็กน้ำมนต์สวมมีบารมีคุ้มครองพีระเอาไว้ เจ้าเกี๊ยงเลยฆ่าพีระไม่ได้ แถมยังถูกเล่นงานกลับมาอีก น่าสงสาร”
“ใช่ครับ เกี๊ยงเป็นผีน้อยด้อยฤทธิ์ ถูกตะกรุดความดีทำร้าย หงิงๆ” เกี๊ยงอ้อน
“แล้วอาจารย์ไม่มีผีอื่นที่ร้ายกว่า หรืออาคมอื่นแล้วหรือไง”
อาจารย์เทพรีบโกหก
“มีสิ ทำไมจะไม่มี แต่...แต่ตะกรุดอันนั้นมันร้ายกาจมากจริงๆ ผีหรืออาคมอะไรก็เอาชนะไม่ได้”
“งี่เง่าที่สุด” เมสินีถอนใจอย่างหงุดหงิด
พีระเดินเข้ามาในบ้าน เกี๊ยงหันไปเห็นตะกรุดที่คอ
“นั่นไงครับตะกรุดอันนั้นแหละ”
พีระเห็นอาจารย์เทพอยู่ในบ้าน แปลกใจ
“นี่ใคร”
“เอ่อ เป็น..ที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณของบ้านเราน่ะพีท พอดีน้าเชิญท่านมาปรึกษาเรื่องอนาคตสถานีพราวด์” เมสินีแนะนำอาจารย์เทพให้ดูดี
“ตะกรุดคุณพีทได้มาจากที่ไหนหรือครับ” อาจารย์เทพถามทันที
พีระไม่ตอบ มองอย่างไม่ไว้ใจ ไม่คบค้าสมาคมด้วย แล้วผละเดินแยกไป

พีระเดินขึ้นไปชั้นบน กำลังจะเข้าห้อง แต่เมสินีตามมาก่อน
“พีท เดี๋ยว”
พีระชะงัก
“อาจารย์เทพบอกว่า...เธอไม่ควรสวมตะกรุดนั่นนะ มันถูกปลุกเสกอย่างไม่ถูกต้อง จะนำแต่ความอัปมงคลมาให้แก่ชีวิตเธอและธุรกิจของครอบครัว ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดี ถอดให้น้าเถอะ”
“เหรอ แต่วันนี้ผมเพิ่งเห็นกับตาว่าตะกรุดนี้ปกป้องผมจากผีร้ายไว้”
“น้าหวังดีนะ เธอกำลังจะตกหลุมพรางของน้ำมนต์ มันจงใจทำให้เธอตายใจ แล้วเชือดเธอนิ่มๆ”
“รู้ว่าเป็นของน้ำมนต์ด้วย”
เมสินีอึ้ง พีระเริ่มไม่ไว้ใจ กลับเข้าห้องไป เมสินีแค้น

เมสินีเดินพุ่งลงมาจากบันได อาจารย์เทพกับเกี๊ยงรีบเข้ามาฟังผล
“มันไม่ยอมถอด...ช่างมัน...ถ้าไสยศาสตร์ทำให้มันตายไม่ได้ ฉันก็จะใช้วิทยาศาสตร์”
“คุณเมจะเอาตัวทำละลายที่เป็นสารอินทรีย์ หยอดปากพีระให้เกิดการควบกลั่นในกระเพาะแล้วก็ระเบิดตายใช่มั้ยครับ” เกี๊ยงสงสัย
“ฉันจะไม่ทนให้มันมาอยู่กดขี่ฉันไปจนตาย สถานีพราวด์ก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว” เมทินีเดินไปหยิบปืนในกระเป๋ามา “อาจารย์ยังจะเอาสามล้านมั้ย”
อาจารย์เทพอึ้งๆ ไม่มีทางเลือก เมสินีแววตาร้ายกาจสุด

ค่ำคืนนั้น พีระยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอนมองวิว คิดถึงน้ำมนต์ในเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา...น้ำมนต์ยืนให้รถชน... น้ำมนต์กอดเขาไว้ และเหตุการณ์ที่น้ำมนต์ร้องแซวก่อนแยกกลับมา พีระรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด จนเผลอยิ้มออกมา แล้วพอเหลือบเห็นหน้าตัวเองว่ายิ้มอยู่ก็ชะงัก หุบยิ้ม แล้วหยิบตะกรุดที่ห้อยคอมามอง สับสน สงสัย
“ทำไมเธอต้องห่วงฉันมากขนาดนี้...มากกว่า คนที่พูดว่าหวังดีกับฉันอย่างเมสินีซะอีก”

เช้าวันใหม่ น้ำมนต์วิ่งลงมาจากชั้นบน พลางตะโกนขึ้นไปบน
“ข้าวต้ม ลงมาได้แล้ว รถโรงเรียนมารอแล้ว ถ้าชักช้ารถไม่รอ ต้องเดินไปเรียนเองนะ เร็วๆ”
น้ำมนต์ออกมานอกบ้าน แต่แล้วต้องชะงัก เพราะพีระยืนอยู่หน้าบ้าน
“พีระ”
พีระยังฟอร์มๆ เริ่มต้นพูดไม่ถูก
“เอ่อ ช่วยทำให้ฉันจำได้ที...ไม่ได้เชื่อนะ แค่...อยากพิสูจน์ว่าเธอโกหกฉันจริงๆ”
น้ำมนต์ยิ้มๆเข้าใจ
“พีระเวอร์ชั่นนี้ฟอร์มเยอะนะ”
ข้าวต้มวิ่งออกมา เห็นพีระ ตะโกนดีใจมาก”
“พี่พีระ” ข้าวต้มดีใจมากวิ่งโผเข้าไปกอด “พี่พีระกลับมาแล้ว พี่พีระกลับมาหาพี่น้ำมนต์ เพื่อครองรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”
“หา”
พีระ กับน้ำมนต์ร้องออกมาพร้อมกัน
“เย้ๆ” ข้าวต้มกระโดดอย่างมีความสุข
พีระกับน้ำมนต์ขำๆกัน

พิมพ์ดาวรีบเดิน จะไปหาน้ำมนต์ที่บ้าน อยู่ๆรถอัฐชัยแล่นมาจอดเทียบ
“จะไปหาน้ำมนต์เหมือนกันใช่มั้ย ขึ้นรถมาสิ”
“น้ำมนต์โทรบอกแกด้วยเหรอ ฮึ่ย ไม่รู้จะบอกทำไม...ตามสบายเถอะ ฉันเดินไปเองได้”
“ไม่กล้าขึ้นรถฉันเหรอ นี่แกยังรักฉันอยู่ใช่ป่ะเนี่ย”
“ฮึ่ย กล้าพูดนะ”
“รักฉันก็บอกรักมาเถอะน่า จะลีลาเล่นตัวไปเพื่ออะไร”
“ฉันไม่ได้เล่นตัว แต่ฉันกับนายเป็นเพื่อนกัน”
“โอเค๊ เพื่อนก็เพื่อน งั้นถ้าเป็นเพื่อนก็ต้องขึ้นรถฉันได้อย่างสบายใจถูกป่ะ...เชิญ” อัฐชัยเปิดประตูให้ “ขึ้นไปเถอะ รับรองฉันจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าแกให้ความหวังฉัน ชัวร์”
“นี่ถ้าไม่ใช่ว่าจะไปช่วยน้ำมนต์ ฉันไม่ขึ้นรถแกหรอก”
พิมพ์ดาวทำกรุ้มกริ่ม ลอยหน้าลอยตา อัฐชัยยิ้มๆ

พีระดูเทปรายการคืนผจญผีที่ไปถ่ายที่สุสานรถ ผ่านจอคอมพิวเตอร์ น้ำมนต์อธิบายให้ฟัง
“วันแรกที่นายฟื้นขึ้น และรู้ว่าตัวเป็นผี ก็คือที่สุสานรถวิญญาณนายติดพันมากับรถคันที่ขับตกน้ำ…ส่วนฉันก็ไปถ่ายรายการคืนผจญผีกับเพื่อนๆ แล้วเราก็ได้เจอกัน”
พีระปิดตา ไม่กล้าดู กลัวผี
“ไม่มีที่ๆดีกว่านี้ในการเจอกันแล้วเหรอ”
พีระหันมา อยู่ๆน้ำมนต์ชูตุ๊กตาคล้ายกรองแก้วขึ้นมา
“ว้าก”
พีระผงะกลัวมาก น้ำมนต์ขำ
“ฮ่าๆ กลัวไปทุกอย่างเลยนะ ก็แค่ตุ๊กตา”
“เลิกแกล้งได้มั้ย”
“จำได้หรือเปล่า นายเคยเจอผีตุ๊กตาเกาะไหล่ยังงี้...แล้วนายก็ตั้งชื่อให้มันว่า…ตั้งชื่อว่า...”
“ฉันตั้งเหรอ” พีระงงๆ
“ใช่ ตั้งชื่อว่า....กะ กะ กะ”
“ก๊องแก๊ง”
“กรองแก้ว ก๊องแก๊งไรล่ะ”
“กรองแก้ว ฉันเนี่ยนะตั้งชื่อตุ๊กตา เล่นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงด้วย รู้ป่ะว่าตอนเด็กๆฉันเจอตุ๊กตายังงี้ฉันทำยังไง”
“ยังไง”
“นี่ไง” พีระถอดหัวตุ๊กตาออกมา “ฮ่าๆ กรองแก้วเป็นผีกระสือ โฮะๆ”

พีระเอาตุ๊กตามาเล่นเป็นผีกระสือ เมามัน น้ำมนต์มองพฤติกรรมพีระอย่างเซ็ง

คุณผีที่รัก ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)

น้ำมนต์ยื่นรูปวาดหน้าพีระที่เธอเป็นคนวาดให้พีระดู
 
“จำรูปนี้ได้มั้ย”
“ใครอ่ะ หน้าเหมือนฉันเลย”
“ก็นายนั่นแหละ”
“ฝีมือคุณเหรอ ลายเส้นใช้ได้นะ” พีระมองอย่างพิจารณา
“นี่...ช่วยสนใจที่ความทรงจำตัวเองได้มั้ย วอกแวกเรื่องไร้สาระอยู่ได้”
“ก็จำไม่ได้อ่ะ” พีระส่ายหน้า

น้ำมนต์ยัดหม้อต้มโจ๊กใส่มือพีระ แล้วบังคับให้ทำกับข้าว มีข้าวต้มรอลุ้นอยู่ด้วย
“นายทำอาหารอร่อย ทำ”
“หา” พีระงงๆ
ข้าวต้มดันหลังไป
“ทำโจ๊กเลยๆ”

พีระเอาหม้อตั้ง เอาข้าวใส่ เอาน้ำใส่ เอาหมูใส่ ตอกไข่ใส่ แล้วยืนคนโจ๊กในหม้อ น้ำมนต์มองอย่างข้องใจ
พีระคนไปอย่างไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดอะไร แล้วก็เริ่มสงสัย ทำไมไม่มีความร้อน น้ำมนต์เดินมาเปิดเตาให้
“นายไม่ได้เปิดเตา”
พีระยิ้มแหะๆ

น้ำมนต์เอาบทละครเวทีพร้อมรูปภาพการแสดงมาวาง พีระเปิดๆดูแล้วส่ายหน้า จำไม่ได้ น้ำมนต์จึงไปแต่งตัวเป็นนางทาสในละครเวที เล่นบทตอนตายให้ดู นอนตักพีระ แต่พีระก็ยังจำไม่ได้ ส่ายหน้า น้ำมนต์ลากพีระมาที่กระสอบทราย เตะโชว์ แต่พีระก็ส่ายหน้า จำไม่ได้

พีระตื่นเต้นที่ทำโจ๊กเสร็จ น้ำมนต์กับข้าวต้มดีใจ ลุ้นๆ พีระเอาโจ๊กมาเทใส่ชามให้ ปรากฏว่าโจ๊กดำมาก ไหม้เชียว พีระทำหน้าจ๋อย น้ำมนต์ละเหี่ยใจ

อัฐชัยลากพิมพ์ดาวเข้ามาในสวนสาธารณะ
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไม น้ำมนต์อยู่ที่บ้าน”
“คนที่จะช่วยพีระฟื้นความจำได้มีแค่น้ำมนต์คนเดียวเท่านั้น แกจะไปยุ่งอะไรเรื่องของเขา”
พิมพ์ดาวดึงมือออก
“งั้นฉันจะกลับบ้าน”
“เดี๋ยวสิๆ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับแกหน่อย”
“ฉันไม่อยากคุย”
พิมพ์ดาวเดินหนี อัฐชัยวิ่งตาม
“ดาว...ผู้หญิงรักผู้ชายก่อนไม่ผิด ผู้ชายที่รักผู้หญิงล้าหลังมากอย่างผมก็ไม่น่าจะผิดเหมือนกัน ใช่มั้ย”
อัฐชัยอ้อนวอนด้วยสาย พิมพ์ดาวมองตอบ แววตาอ่อนลง
“ฉันขอโทษ ขอร้อง ขอให้แกให้อภัย ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อชดใช้สิ่งที่ฉันเคยทำไว้...ให้อภัยฉันนะดาว”

พีระทิ้งตัวนั่งหมดแรงบนโซฟา
“ผมไม่เห็นจะจำอะไรได้สักอย่าง”
“อย่าเพิ่งท้อ มันก็แค่ยังจำไม่ได้ มันจะต้องมีจุดเชื่อมอะไรสักอย่างที่เชื่อมจิตวิญญาณนายกับความทรงจำเอาไว้ เมื่อไหร่ที่เจอมัน นายก็ต้องจำได้”
ข้าวต้มมานั่งจับมือพีระ
“ไม่เป็นไรนะ พี่ตูนบอดี้แสลมสอนว่า...ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่ มันจะไปจบที่ตรงไหน แต่จะยังไงก็ต้องไปให้ถึง”
“ผมว่าผมกลับดีกว่า”
พีระลุกจะไป แต่แล้วชะงัก เพราะสายตาเหลือบไปเห็นรูปแม่น้ำมนต์ที่วางบนหิ้ง
“นั่น...แม่คุณเหรอ”
“ใช่ ทำไม...”
ภาพอดีต ขณะที่พีระขับรถเฉี่ยวแม่น้ำมนต์แว่บเข้ามา พีระยืนมองรูปแม่น้ำมนต์อย่างรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

พิมพ์ดาวบอกอัฐชัยอย่างหมางเมิน
“ไหนแกเคยบอกว่าฉันถูกจัดในโหมดเพื่อน ก็ต้องอยู่ในโหมดนั้นไปจนตายไง”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกเปลี่ยนโหมดได้ยังไง แต่ฉันก็ให้แกเปลี่ยนโหมดมาแล้ว…เหลือแค่แกจะยอมเปลี่ยนโหมดมั้ย”
“ความรู้สึกของผู้หญิง ไม่ได้จบกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันจบลงแล้ว มันคือจบเลย...ไม่มีวันกลับมาอีก”
“ดาว…”
พิมพ์ดาวเดินหนี แต่อัฐชัยตามกอดจากด้านหลังไว้
“ไม่นะดาว...ฉันรู้ว่าฉันคิดได้ช้าไป ก็ฉันเป็นคนโง่ไง ตาบอด น่าถีบ น่าตบสุดๆ ฉันถึงไม่รู้เลยว่าทุกช่วงเวลาในชีวิตฉัน มีแกอยู่ข้างๆมาตลอด แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว และฉันไม่อยากเสียแกไปอีก”
พิมพ์ดาวหันมาปลอบ
“แกก็แค่อกหักจากน้ำมนต์ เลยอยากมีใครสักคนข้างๆ ฉันจะเป็นเพื่อนคนนั้นของแกให้”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้รักแกเพราะฉันไม่มีใคร ฉันรักแกเพราะฉันเพิ่งหายโง่ ฉันเพิ่งเห็นว่าแกคือคนที่ดีที่สุดกับฉัน”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกแกนะ เข้าใจจริงๆ แล้วแกล่ะ เข้าใจฉันบ้างมั้ย...ถ้าสงสารฉัน เป็นเพื่อนกันอย่างเดิมเถอะ”
พิมพ์ดาวยื่นมือให้จับ อัฐชัยมองมือ แต่ไม่คิดจะจับ
“ถ้าแกสงสารฉัน ขี่หลังฉัน เหมือนที่แกชอบทำได้มั้ย”
อัฐชัยนั่งรอ วัดใจกัน พิมพ์ดาวยืนมองนิ่ง แต่แล้วก็ตัดสินใจ เดินแยกกลับไป อัฐชัยเศร้า พิมพ์ดาวเองก็เศร้ามากที่ตัดสินใจอย่างนี้

พีระจ้องรูปแม่น้ำมนต์ไม่วางตา จนน้ำมนต์ชักเป็นห่วง
“พีระ…”
“ผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้...ผมขับรถ...หนี...” พีระพูดไปนึกไป “หนี...มีคนไล่เอาชีวิตผม..ใช่..ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด”
“ฉันรู้ เหตุการณ์นั้นมันจบไปแล้ว คดีนี้ก็ปิดไปแล้วด้วย”
“คดีปิดแล้ว ผมรับโทษไปแล้วงั้นเหรอ”
น้ำมนต์นิ่งไป
“ผมไม่ได้รับผิดในคดีนี้ใช่มั้ย”
“นายประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็ถือว่านายได้ชดใช้ความผิดแล้ว...พอเถอะ ฉันไม่อยากให้นายไปรื้อฟื้นเรื่องในอดีตขึ้นมาอีก สนใจแค่ปัจจุบันก็พอ”
พีระรู้สึกผิด น้ำมนต์ยิ้มให้

พีระขับรถมาจอดหน้าบ้าน เขานั่งนิ่ง คิดถึงภาพตอนขับรถเฉี่ยวรถแม่น้ำมนต์อย่างสับสน นั่งนิ่ง ตั้งสติ ตั้งรับกับความทรงจำ

พีระเดินกลับเข้ามาในบ้าน สีหน้าเครียด เศร้า อาจารย์เทพแอบอยู่ในซอกหลืบ เดินตามหลังพีระมา โดยที่พีระไม่รู้ตัว แล้วเข้าประกบพีระ เอาผ้ายาสลบอัดเข้าไปที่จมูก โดยที่ใส่ถุงมือกันลอยนิ้วมือไว้
“แกเสร็จฉันแน่พีระ”
พีระดิ้นอย่างแรง กระแทกอาจารย์เทพไปกับผนังด้านหลังอย่างแรง กระแทกซ้ำๆ แต่สุดท้ายพีระก็สู้แรงไม่ไหว ค่อยๆหมดแรง และหมดสติไป เมสินีรีบออกมา สวมถุงมือไว้เช่นกัน ยิ้มสะใจ

“ดีมาก จัดการตามแผน”

เพล้ง! อยู่ๆขวดโหลแก้วที่ใส่ดอกหญ้า ก็กลิ้งจากโต๊ะ ตกลงมาแตกที่พื้น น้ำมนต์รีบเข้ามาดู ตกใจ มองซากขวดที่แตก แล้วใจกังวลห่วงไปถึงพีระ
 
“พีระ…”

เอมี่เข้ามาที่บ้านน้ำมนต์
“น้ำมนต์...”
แต่แล้วเอมี่ชะงัก เพราะเห็นแมนสรวงยืนอยู่ คราวนี้มองเห็นแมนสรวงได้เต็มๆตา
“คิดถึงหัวงอนๆของผมมั้ยเจ๊”
“นายแมนสรวง...ทำไม...ทำไมฉันถึงมองเห็นนายได้”
“เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่กับเจ๊”
“หมายความว่ายังไง”
“สิ้นวันนี้ ผมจะไปเกิดใหม่แล้ว”
“หา…”
“เราเหลือเวลาอยู่ด้วยกันแค่วันนี้”
แต่อยู่ๆมีใบไม้ร่วงลงมาตรงหน้า แมนสรวงรับใบไม้เอาไว้
“มีคนตาย...ทำไมต้องมาเป็นวันนี้ด้วย เจ๊ครับ เดี๋ยวผมมาซึ้งต่อ ขอตัวแป๊บ”
แมนสรวงหายตัวไปเลย
“ไหนว่าเหลือเวลาแค่นี้จะไปไหนอีก” เอมี่เศร้าเมื่อแมนสรวงหายไป

แมนสรวงโผล่แว่บมาที่ริมถนน ใกล้บึงน้ำ
“ต้องเป็นอุบัติเหตุอีกแน่ ใครอีกล่ะ พวกเมาแล้วขับ หรือพวกขาซิ่ง คนพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ รู้มั้ยว่าขัดขวางความสุขที่เหลือน้อยนิดของฉัน เอ้า รีบๆมาตายเร็วๆสิวะ” แมนสรวงตะโกนลั่น
รถของพีระแล่นมาแต่ไกล แล้วก็มาจอดบริเวณนั้น โดยจอดในตำแหน่งสูง ที่พร้อมจะให้รถไหลตกบึงน้ำได้
ประตูรถเปิด อาจารย์เทพกับเกี๊ยงลงจากรถมา มีรถเมสินีอีกคันแล่นตามมาจอดด้านหลัง
“อาจารย์เทพ...เมสินี”
แมนสรวงงงๆ รีบเข้าไปดู พบว่าพีระนั่งหมดสติอยู่ในรถ
“พีระ”
เทพพยายามจะย้ายร่างพีระไปไว้ที่นั่งคนขับ
“ไอ้เกี๊ยง มาช่วยกันหน่อย”
“เกี๊ยงจับไม่ได้เดี๋ยวลายนิ้วมือติด”
“แกเป็นผี”
“เออใช่” เกี๊ยงรีบไปช่วย
แมนสรวงช็อก
“พวกแกจะทำอะไรพีระ อย่าบอกนะว่า...คนที่ฉันจะต้องมารับวิญญาณวันนี้ก็คือ...พีระ”

เอมี่คร่ำครวญกับน้ำมนต์ ข้าวต้มนั่งอุดหูอยู่
“เขาบอกว่าวันนี้คือวันสุดท้าย แล้วเขาก็จะจากพี่ไปแล้ว พี่จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว พี่ควรทำยังไงดี”
“ใจเย็นๆก่อนนะพี่เอมี่” น้ำมนต์พยายามปลอบ
อัฐชัยวิ่งเข้ามา คร่ำครวญไม่แพ้กัน
“น้ำมนต์...ดาวไม่ให้อภัยฉัน เขาจัดฉันไปอยู่ในโหมดเพื่อนถาวรแล้ว นี่ฉันกำลังถูกกรรมตามสนองใช่มั้ย”
“พี่ทำกรรมอะไรไว้ ทำไมต้องเจออย่างนี้” เอมี่ครวญด้วย
“ตั้งสติกันก่อนนะ คลั่งเป็นคู่อย่างนี้ฉันปลอบไม่ทัน” น้ำมนต์เริ่มมึน
แมนสรวงวิ่งเข้ามาอีกคน
“น้ำมนต์...เธอต้องไปช่วยพีระเดี๋ยวนี้”
“คุณยมทูต”
“นายแมนสรวง” เอมี่ดีใจโผกอด “นายห้ามไปไหนอีกนะ”
“เรื่องเราเอาไว้ก่อนนะครับเจ๊ ตอนนี้ต้องไปช่วยพีระก่อน เมสินีมันกำลังจะฆ่าพีระ”
ทุกคนตกใจสิ่งที่แมนสรวงบอก

ภาพมาที่พีระถูกย้ายให้มานั่งที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว เมสินีเปิดขวดเหล้า เอาเทใส่ปากพีระ
“ทำให้มันดูเหมือนคนเมา แล้วก็สต๊าร์ทเครื่อง ใส่เกียร์ว่างปล่อยให้รถไหลตกลงไปในบึง ทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุของลูกเศรษฐีขี้กร่างแต่โง่คนนึง...รับรองว่าจะมีแต่คนสมน้ำหน้ามัน”
“ฮ่าๆ” อาจารย์เทพเหลือบเห็นตะกรุด “เดี๋ยวๆ ตะกรุดนี้ ฉันขอ” อาจารย์เทพถอดออกมาสวมเอง “มันจะได้คุ้มครองฉันจากไอ้ผีร้าย”
“ผีร้ายไหน” เมสินีแปลกใจ
“ผีคามิน มันตามล่าเอาชีวิตฉันอยู่ มันอาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้”
“ห๊า...งั้นเอาตะกรุดมานี่” เมสินีดึงตะกรุดมา
“เฮ้ย”
“ฉันเป็นเจ้านายแกนะ แกจะเอาสามล้านหรือเปล่า ถ้าเอาก็รีบจัดการแล้วรีบไปจากที่นี่ เร็ว”
อาจารย์เทพกำลังจะกลับไปที่รถ แต่ทันใด คามินโผล่เข้ามายืน
“เฮ้ย”
อาจารย์เทพผงะ สั่นกลัว คามินยิ้มเหี้ยม พร้อมจัดการ

อัฐชัยขับรถ น้ำมนต์ เอมี่ แมนสรวงนั่งมาด้วยกัน เอมี่คล้องแขนแมนสรวงเอาไว้ตลอดเวลา
“เจ๊ครับ ผมรู้ว่าเรื่องของเรามันลึกซึ้งมาก แต่จะเกาะไม่ปล่อยเลยเหรอครับเจ๊
“เวลาความสุขเจ๊มีน้อย ให้เจ๊ตอดเล็กตอดน้อยไปเถอะนะ”
“อัฐ เร็วกว่านี้ได้มั้ย” น้ำมนต์กังวล
แล้วอยู่ๆวิทยุในรถติดขึ้นมาเอง แล้วก็มีเสียงแมวร้องดังมา เมี๊ยว
“หา...ไม่นะ ไม่”
ทันใด แมนสรวงถูกดึงตัวให้หายแว่บไป
“แมนสรวง” เอมี่ร้องเรียกอย่างตกใจ

แมนสรวงมาพบแมวดำอีกครั้ง
“เจ้าจะขัดขวางชะตากรรมของพีระไม่ได้ พีระต้องตายวันนี้”
“ไม่ได้นะครับ มันไม่ยุติธรรมกับพีระเลย พวกเขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอีกครั้งมาตลอด...ท่านควรให้โอกาสเขาเริ่มต้นใหม่”
“โอกาสคือปัจจุบัน ทุกคนมีอยู่เท่าเทียมกัน ถ้าไม่รู้จักใช้และรักษา ก็ไม่มีใครช่วยได้”
“ยังไงผมก็จะไปช่วยพีระ”
แมวดำขู่คำรามดั่งปะกาศิต ฟ้าผ่าเปรี้ยง! แมนสรวงผงะออก
“ถ้านายฝ่าฝืน นายจะไม่ได้ไปเกิดใหม่อีก”
แมนสรวงตะลึงงัน

เทพวิ่งหนีคามิน เพราะไม่มีของขลังติดตัว คามินพุ่งเข้าใส่อาจารย์เทพจะบีบคอ แต่เกี๊ยงพุ่งเข้าใส่คามินก่อน
“ปล่อยจารย์เกี๊ยงนะ”
คามินเซไป อาจารย์เทพรีบวิ่งหนีไปหาเมสินี
“คุณเม เอาตะกรุดมา เอามา”
“ฉันไม่ให้ ไปจัดการนายพีทก่อน”
“ผีคามินมันอยู่ตรงนี้แล้ว มันกำลังจะฆ่าฉัน”
“หา...ผีเหรอ” เมสินียิ่งกลัว ยิ่งหวงตะกรุด “แกใช้อาคมจัดการมันสิ จับมันใส่หม้อถ่วงน้ำเลย”
“ฉันไม่มีอาคมเหลือแล้ว คามินมันเอาวิชาฉันไปหมด ตอนนี้โอกาสรอดเดียวก็คือต้องพึ่งตะกรุดอันนี้เท่านั้น”
“งั้นแกก็หลอกฉันน่ะสิ ไอ้หมอผีเลว...ไปเลยนะ ฉันไม่ยอมตายพร้อมกับแกแน่ๆ หลบไป ฉันไม่ให้“
เมสินีวิ่งหนี ไม่ให้อาจารย์เทพแย่งตะกรุด
“เอามา”
อาจารย์เทพพยายามจะแย่งตะกรุด แต่เมสินีไม่ให้ ทั้งผลัก ทั้งถีบ แล้ววิ่งหนีออกไป อาจารย์เทพจะไล่ตาม คามินมาขวางหน้า คว้าคอ หมั่บ
“ชีวิตแกต้องเป็นของฉัน”
“อาจารย์เทพ” เกี๊ยงร้องอย่างเป็นห่วง
คามินยกมือ เกี๊ยงถูกดึงให้มาติดหมั่บทันที
“วิญญาณแกก็ต้องเป็นของฉัน”
คามินดูดวิญญาณเกี๊ยงทันที
“อ๊าก”
“ไอ้เกี๊ยง” อาจารย์เทพตกใจมาก
เมสินีเห็นท่าไม่ดี รีบถอยหนี ไปที่รถของตัวเอง แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นรถตู้คืนผจญผีแล่นมา
“รถคืนผจญผี...ยัยน้ำมนต์”

เมสินีลังเล แล้วตัดสินใจ กุมตะกรุดไว้ วิ่งกลับไปที่รถพีระ

เมสินีไปที่รถพีระ เปิดประตูคนขับ เอื้อมไปเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ว่าง จนรถไหล แล้วเมสินีก็รีบโดดถอยออก ปล่อยให้รถไหลไป แต่พอเมสินีหันกลับมา พวกน้ำมนต์ก็วิ่งเข้ามาพอดี
 
“คุณเมสินี” เอมี่ร้องเรียก
น้ำมนต์มองตามรถที่ไหลไป
“พีระ”
น้ำมนต์จะไล่ตามรถไป แต่เมสินีคว้ามือเอาไว้ ไม่ให้ตาม
“จะไปไหน”
“ปล่อยฉัน”
น้ำมนต์เตะเมสินีแบบเตะกระสอบทราย..พลั่ก!
“โอ๊ย”
เมสินีเซ น้ำมนต์รีบวิ่งตามรถไป เมสินีลุกขึ้นมา พร้อมกับคว้าปืนออกมา แต่เอมี่คว้าแขนดึงมา แล้วบิดจนปืนกระเด็นไป
“เล่นปืนเลยเหรอ ไม่ยุติธรรมเลยนะ...อย่างนี้ต้องจัดหนัก”
เอมี่ตบเมสินีอีกรอบ

น้ำมนต์วิ่งมาที่รถ จะเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก พยายามเคาะเรียก อัฐชัยวิ่งตามมาช่วยดึงรถเอาไว้ด้วยอีกคน
“พีระๆ ตื่นๆ พีระๆ”
พีระงัวเงีย เพิ่งได้สติ ยังมึน

คามินดูดวิญญาณเกี๊ยงอยู่ มืออีกค้างจับอาจารย์เทพเอาไว้ แต่แล้วคามินหันขวับไปที่รถพีระ เห็นน้ำมนต์พยายามเรียกไปด้วยดึงรถไม่ให้ไหลไปด้วย คามินตัดสินใจดูพลังเกี๊ยงเสร็จ ทิ้งเกี๊ยงและอาจารย์เทพไว้ก่อน ทั้งคู่ร่วงไปกองกับพื้น เกี๊ยงตัวริบหรี่ๆ

น้ำมนต์ตะโกนเรียกพีระสุดเสียง
“พีระ เปิดประตู พีระ”
พีระตั้งสติได้ มองไปที่บึงน้ำตรงหน้า แล้วตกใจ รีบเหยียบเบรก ดึงเบรกมือทันที รถหยุดกึกพอดีก่อนตกน้ำ
น้ำมนต์โล่งอก พีระปลดเข็มขัด เปิดปะตูออกมา
“พีระ”
น้ำมนต์รีบเข้าประคองพีระที่ยังมึนๆเซๆ แต่แล้วคามินโผล่เข้ามา
“แกสองคนต้องตาย”
คามินคว้าทั้งพีระและน้ำมนต์ยืนไว้กับรถ พีระ น้ำมนต์หายใจไม่ออก

เกี๊ยงริบหรี่ ใกล้จะสลายหายไปเต็มทน
“ไอ้เกี๊ยง” อาจารย์เทพเป็นห่วงมาก
เกี๊ยงจับมือล่ำลา
“จารย์...เกี๊ยงขอตัวไปรอจารย์อยู่ที่ทางช้างเผือกนะ...จารย์รีบๆตาย รีบๆไปหาเกี๊ยงนะ...สัญญานะว่าจะรีบตาย สัญญาสิ”
“เออ สัญญา”
แล้ววิญญาณเกี๊ยงก็สลายหายไป
“ไอ้เกี๊ยง”
อาจารย์เทพแค้น หันมองไปไม่ไกล เห็นปืนเมสินีตกอยู่

คามินบีบคอพีระกับน้ำมนต์อยู่ แต่แล้วแมนสรวงก็โผล่มากระชากคามินออก ทั้งสองยื้อยุดมือกัน
“ไอ้คามิน แกไม่มีสิทธิฆ่าใคร”
“แกห้ามฉันไม่ได้”
“แต่ฉันส่งแกไปนรกได้”
“ถ้าแกมีปัญญา แกส่งฉันไปนานแล้วไอ้ยมทูตกระจอก”
“เออ ฉันกระจอก แต่ยมทูตที่ไม่กระจอกก็มีนะเว้ย”
แมวดำกระโดดออกมา
“เมี๊ยว”
แมนสรวงพลิกมาจับคามินล็อกเอาไว้
“ รู้จักท่านยมใหญ่มั้ย...แกจะต้องไปชดใช้กรรมในนรกขุมที่ต่ำที่สุดชั่วกัปชั่วกัลป์”
แมวดำขู่คำรามน่ากลัว แมนสรวงส่งวิญญาณ คามินพยายามต่อต้าน ท้องฟ้าปั่นป่วน ลมแรงสุดๆ
ประตูนรกเปิดที่พื้น แล้วคามินก็ถูกดูดหายไป

เอมี่จับเมสินีเอาไว้ได้ อัฐชัยช่วยจับล็อกเอาไว้ เมสินีสิ้นท่า
“ติดคุกหัวโตแน่เมสินี” อัฐชัยยิ้มเยอะ
“ฉันไม่ยอม ปล่อยฉัน ฉันไม่ติดคุก” เมสินีร้องลั่น

พีระทรุดคุกเข่าอยู่ น้ำมนต์พยายามประคอง
“ไม่เป็นไรนะพีระ ปลอดภัยแล้ว”
น้ำมนต์ประคองพีระลุกยืนขึ้นมา อยู่ๆมีเสียงปืน..ปัง! พีระผงะ ถูกยิงช่วงไหล่ ซวนเซถอยไป
“พีระ” น้ำมนต์ตกใจมาก
อาจารย์เทพถือปืนอยู่ คลั่งๆ
“แก เพราะแกคนเดียว หลานฉันต้องตายเพราะแก แกต้องชดใช้ ไอ้พีระ”
อาจารย์เทพพุ่งเข้าไปจะซ้ำ แต่น้ำมนต์ยืนปกป้องพีระเอาไว้ อาจารย์เทพกระชากน้ำมนต์ออก พีระฮึดสู้ ยื้อแย่งปืนกันจนปืนกระเด็นออกไป แล้วอาจารย์เทพก็ฮึดสุดแรง ดันพีระ จนทั้งสองคนพุ่งตกน้ำไปด้วยกัน เกิดการยื้อยุดกันในน้ำสักพัก แล้วทั้งพีระกับอาจารย์เทพก็จมหายไปในน้ำ น้ำมนต์จะพุ่งตามลงน้ำไป เอมี่รีบวิ่งตามมาผวาเข้ามาคว้าตัวเอาไว้ก่อน
“น้ำมนต์”
“ปล่อย...หนูจะไปช่วยพีระ ปล่อยหนู”
น้ำมนต์ดิ้น ร้องไห้ แต่เอมี่ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด
“นายแมนสรวง นายช่วยอะไรหน่อยสิ ช่วยพีระหน่อย”
“ไม่ต้องแล้ว ไม่ทันแล้ว”
น้ำมนต์ชะงัก หันมา
“หมาย...หมายความว่ายังไง”
“พีระ...อยู่นั่นแล้ว”
แมนสรวงชี้ไปอีกด้าน ปรากฏร่าของพีระยืนอยู่ สีหน้าว่างเปล่า น้ำมนต์ช็อก ไม่เชื่อ
“พีระ...นาย...”
น้ำมนต์วิ่งเข้าไปกอด แล้วปรากฏว่ากอดไม่ได้ ทะลุร่างกายไป
“ไม่จริง...ไม่จริง”
“พีระตายแล้ว” แมนสรวงยืนยัน
พีระงงๆ
“ที่นี่ที่ไหน คุณเป็นใคร”

“นายต้องไม่ตาย พีระ นายต้องไม่ตาย”

น้ำมนต์ทรุดอยู่ตรงนั้น ร้องไห้ แมนสรวงมองอย่างเห็นใจ
 
“ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้”
“ไม่...ไม่จริง นายต้องกลับเข้าร่างได้ ฉันจะไปเอาร่างนายขึ้นมา”
น้ำมนต์วิ่งผวาไปที่บึงน้ำจะลงไปให้ได้ เอมี่คว้ากอดเอาไว้ น้ำมนต์ดิ้นและร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไม”

โรงพยาบาล...พีระนอนบนเตียงถูกเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเข้าห้องฉุกเฉิน พวกพยาบาลปิดประตูห้องน้ำมนต์จะตามเข้าไปแต่เอมี่มาดึงตัวไว้
“เข้าไม่ได้นำมนต์”
“พี่เอมี่” น้ำมนต์หันมาโผกอดเอมี่
“พีระต้องไม่เป็นไรนะ”
เอมี่กับอัฐชัยมองอย่างสงสารน้ำมนต์

แมนสรวงตะโกนเรียกหายมทูตใหญ่
“ท่านยมใหญ่...ผมจะไม่นำส่งวิญญาณพีระไปไหนเด็ดขาด ท่านได้ยินผมมั้ย ท่านยมทูตผู้เป็นใหญ่ในโลกแห่งจิต วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก”
ไม่มีเสียงตอบใดๆ แมนสรวงอยากให้เพื่อนปลอดภัย น้ำตารื้น
“ผมรู้ว่ามันคือกฎ แต่มันไม่ยุติธรรมกับพีระ ถ้าจะให้เขาตายแล้วจะให้โอกาสดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอีกครั้งทำไม พีระได้เรียนรู้แล้วว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ท่านก็ควรจะให้โอกาสเขาได้เริ่มต้นใหม่สิท่านยมใหญ่ ผมขอร้อง ให้พีระมีชีวิตต่อไป ได้โปรดสงสารพีระ ได้โปรดเถอะ”
แมนสรวงคุกเข่าลง น้ำตาร่วง สงสารเพื่อน

หมอเปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน พวกน้ำมนต์รีบวิ่งเข้าไปรอฟังคำตอบ
“พีระปลอดภัยแล้วใช่มั้ยหมอ เขาไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
หมอรู้สึกผิดมาก
“ผมเสียใจด้วย เสียใจด้วยจริงๆครับ”
ทุกคนช็อกรู้ว่าพีระตายแล้ว
“ไม่...ไม่จริง...”
น้ำมนต์กอดเอมี่ร้องไห้

แมนสรวงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น แม้จะรู้ว่าสิ้นหวัง แต่ก็ยังคงนั่งพูดขอร้องอยู่ซ้ำๆ
“ได้โปรดเถอะ ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด”

ร่างพีระนอนอยู่ที่เตียง ผ่านการทำแผลกระสุนปืนเรียบร้อยแล้ว เอมี่กับอัฐชัยประคองน้ำมนต์เข้ามา น้ำมนต์ตั้งสติ เดินเข้าไปหาพีระด้วยตัวเอง เอมี่กับอัฐชัยยืนมอง น้ำมนต์เข้ามาถึงพีระ เอื้อมมือสัมผัสแก้มพีระ น้ำตาร่วง
“พีระ...ฉันรู้ว่านายยังไม่ไปไหน...นายกลับมาหาฉันนะ กลับมาดูแลฉันนะพีระ”

แมนสรวงยังคงคุกเข่า พึมพำขอร้อง ไกลออกไป แมวดำปรากฏกายขึ้น มองจ้องมาที่แมนสรวง
“ได้เวลาที่เจ้าจะต้องไปเกิดใหม่แล้วแมนสรวง จะนั่งอยู่อย่างนี้ แล้วทิ้งโอกาสของตัวเองก็แล้วแต่เจ้าตัดสินใจ”
“ท่านยมใหญ่...ได้โปรด ช่วยพีระด้วย”
“แล้วแต่เจ้าตัดสินใจ”
แมวดำจ้องเขม็ง ไม่ต่อรอง แมนสรวงเศร้า

น้ำมนต์นั่งอยู่ในห้องฉุกเฉินกับร่างของพีระที่นอนบนเตียง เธอไม่ฟูมฟายมากแล้ว แต่ยังสะอื้น
“ ไหนนายบอกว่าจะทำให้ฉันมีแต่ความสุขไง ตอนนี้ฉันไม่เสียใจมาก”
น้ำมนต์จับมือพีระมาจับน้ำตาตัวเอง
“เห็นมั้ยพีระ ฉันร้องไห้อยู่...เพราะนาย...นายไม่สงสารฉันเหรอ กลับมาสิพีระ...อย่าทิ้งฉันไว้อย่างนี้...กลับมาเป็นความทรงจำที่ดีของฉัน...ได้มั้ย”
พีระนอนนิ่ง น้ำมนต์น้ำตาตก เอมี่ อัฐชัย และพยาบาลเข้ามา
“น้ำมนต์...พยาบาลเขาต้องพาพีระไปแล้ว”
น้ำมนต์กอดร่างพีระไว้
“หนูไม่ให้เขาไป”
“พีระตายแล้วนะน้ำมนต์ กอดศพเขาไว้ก็ไม่มีประโยชน์” อัฐชียเตือน
“พีระยังไม่ตาย นี่ไม่ใช่ศพ พีระจะต้องกลับเข้าร่างได้อีกครั้ง เขาเคยทำได้มาแล้ว เขาต้องทำได้ เราต้องดูแลร่างของเขาไว้”
“เธอเห็นวิญญาณพีระอยู่แถวนี้เหรอ” เอมี่ถาม
น้ำมนต์อึ้ง มองไปรอบๆ น้ำตาร่วง แล้วส่ายหน้า
“ไม่มี...ตั้งมาโรงพยาบาลก็ไม่เห็นแล้ว”
“นายแมนสรวงคงส่งวิญญาณพีระไปแล้ว แล้วก็คงจะส่งตัวเองไปเกิดใหม่ด้วย”
“พี่เอมี่”
“พี่เข้าใจเธอนะ แต่ชีวิตเราก็ต้องไปต่อ ช่วงเวลาปัจจุบันเท่านั้นที่เราจะสร้างสิ่งสวยงามได้”
น้ำมนต์กอดเอมี่ ร้องไห้ พยาบาลเข้าไปเอาผ้าคลุมหน้าพีระ แล้วเข็นร่างออกไป น้ำมนต์ได้แต่มองตามไป อย่างสุดเสียใจ แต่แล้วอยู่ๆน้ำมนต์ได้ยินเสียงแว่วๆของพีระดังมา
“น้ำมนต์”
น้ำมนต์ชะงัก เอะใจ มองหาต้นเสียง
“มีอะไรเหรอน้ำมนต์” อัฐชัยสงสัย
“มีคนเรียกชื่อฉัน ใครเรียก...”
อัฐ เอมี่ส่ายหน้า น้ำมนต์คิดว่าต้องเป็นพีระแน่

พยาบาลเข็นเตียงที่มีร่างพีระออกมา น้ำมนต์วิ่งตามออกมา
“พีระ” น้ำมนต์เข้ามาถึงก็ดึงผ้าคลุมออก “ตะกี้นายเรียกชื่อฉันใช่มั้ย เสียงนายแน่ๆ ฉันจำได้..นายกลับมาหาฉันแล้วใช่มั้ยพีระ..พีระ”
“พอเถอะน้ำมนต์ ยอมรับความจริงเถอะ” อัฐชัยห้าม
“ไม่ พีระเรียกฉันจริงๆ”
อัฐชัยดึงน้ำมนต์แยกออกมา พยาบาลเอาผ้าคลุมหน้าพีระไว้อีก
“ปล่อย”
“เธอหูแว่วไปเองน้ำมนต์” เอมี่เตือน
“พีระ นายเรียกฉันอีกทีสิ เรียกให้ทุกคนได้ยิน พีระ..เรียกชื่อฉันเดี๋ยวนี้”

“น้ำมนต์”

คุณผีที่รัก ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)

ทุกคนผงะ เพราะได้ยินเสียงเหมือนกันหมด ไม่อยากเชื่อหู แล้วอยู่ๆร่างของพีระลุกเด้งขึ้นมานั่งเอง พยาบาลผงะ ตกใจ นึกว่าผี พีระปวดเนื้อตัว
 
“โอ๊ย น้ำมนต์ล่ะ น้ำมนต์อยู่ที่ไหน น้ำมนต์”
“ฉันอยู่นี่”
พีระหันมามอง เห็นน้ำมนต์ ต่างดีใจที่เจอกันอีก
“พีระ นายกลับมาแล้ว กลับมาหาฉันแล้ว”
“น้ำมนต์”
น้ำมนต์โผกอดพีระด้วยความดีใจ
“ผมจะไม่ไปไหนแล้ว ผมจะดูแลคุณ”
สองคนกอดกันด้วยความซึ้งใจ

วันใหม่....ข้าวต้มกับงอแง ทำการ์ดต้อนรับการกลับบ้านของพีระอยู่ด้วยกัน
“ทำอะไรกันอยู่” พิมพ์ดาวเดินมาถาม
“เรากำลังทำการ์ดต้อนรับให้พี่พีระค่ะ พี่ดาวว่าสวยไหมคะ รูปพี่พีระรับรางวัลหนุ่มหล่อที่สุดในโลก” งอแงส่งให้ดู
“ของเค้าสวยกว่า รูปพี่พีระพาพวกเราไปเลี้ยงหมูหัน” ข้าวต้มโอ่
“จะกินตัวเองเหรอ ฮะๆ” งอแงหัวเราะชอบใจ
“เอ้าๆ ไม่ต้องว่ากัน แบบไหนก็ดีหมดแหละ” พิมพ์ดาวห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน
เอมี่เข้ามา
“ดาว..พี่สั่งอาหารสำหรับปาร์ตี้ประจบประแจงเจ้านายใหม่ของเราแล้วนะ เดี๋ยวอัฐชัยจะเป็นคนเอามา”
“ปาร์ตี้ เย้ๆ” ข้าวต้มกับงอแงร้องพากันเต้น
“เธออย่าดื้อกับพี่สาวให้มากนะข้าวต้ม พี่สาวเธอเจอเรื่องโหดๆมาตั้งมาก ให้น้ำมนต์เขาได้มีความสุขบ้าง รู้มั้ย” พิมพ์ดาวหันไปบอกข้าวต้ม
“รู้คร้าบ แล้วเมื่อไหร่พี่ดาวจะให้ตัวเองมีความสุขบ้างล่ะครับ”
“นั่นน่ะเซ่...เมื่อไหร่ดีน้า” งอแงหัวเราะคิกคัก
“อย่ามายุ่งกับพี่น่า”
พิมพ์ดาวจะเดินหนี เอมี่ขัด
“อ๊ะๆ เด็กถามก็ตอบให้ชัดเจนสิจ้ะคนสวย”
ข้าวต้มกับงอแงประสานมือกันปิดทางหนีพิมพ์ดาว
“ใช่ๆ ตอบมา ไม่งั้นไม่ให้ไป”
“พี่ก็มีความสุขดีอยู่”
“เหรอ” ข้าวต้มกับงอแงไม่เชื่อ
“ถามจริง...ที่ไม่รับรักอัฐชัย เพราะไม่รักแล้วจริงๆ หรือเพราะกลัวเจ็บ” เอมี่สงสัย
“เพราะกลัวเจ็บค่ะ หนูเห็นค่ะนอนร้องไห้หงิงๆทุกคืนเลย” งอแงเล่า
“งอแง” พิมพ์ดาวแว๊ดใส่น้อง
เอมี่มองจริงจัง
“ดาว...โอกาสของเธอก็คือปัจจุบันนี่แหละ คิดให้ดี แล้วตัดสินใจในสิ่งที่จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลังนะ”

พิมพ์ดาวฟังแล้วเครียดๆไป

พิมพ์ดาวนั่งอยู่คนเดียวที่หน้าบ้าน อัฐชัยเดินเข้ามาหา
 
“เห็นพี่เอมี่บอกว่าแกนั่งเล่นมิวสิควีดีโออยู่ตรงนี้...อ่ะนี่ ฉันซื้อเค้กมาฝากแก เค้กร้านนี้แกเคยบอกว่าชอบมาก”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
พิมพ์ดาวลุกจะไป อัฐชัยขวางไว้
“เดี๋ยว...”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“แกเลิกทำเหมือนแกรังเกียจฉันได้มั้ยดาว”
“ฉันไม่ได้รังเกียจ”
“แต่ก็ไม่อยากจะอยู่คุยกับฉัน...ฉันไม่ชอบเลยที่เราเป็นกันอย่างนี้...ดาว ฉันไปคิดทบทวนแล้ว ฉันจะเป็นแค่เพื่อนกับแก จะไม่เซ้าซี้ให้แกรำคาญอีกแล้ว แต่แกอย่ารังเกียจฉันเลยนะ”
พิมพ์ดาวเหวอไปเพราะไม่คิดว่าอัฐชัยจะถอนตัวเร็ว
“ฉันจะเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตาย เพื่อนที่จะอยู่ช่วยแกตลอดเวลาที่แกต้องการ ถ้าแกทำผิดอะไร เพื่อนคนนี้ก็จะยืนหยัดข้างแก สนับสนุนและให้กำลังใจ เพื่อนคนนี้จะทำทุกอย่างให้แกยิ้ม และมีทุกวินาทีที่มีความสุข...แล้วถ้ามีผู้ชายเข้ามาจีบแก...เพื่อนคนนี้ก็...ก็จะกันท่าทุกคน จะคอยสแกนเกย์ สแกนคนไม่ดี ไม่ให้เข้ามาในชีวิตแกได้...เพื่อนคนนี้จะอยู่กับแก จนกว่าแกจะบอกว่าไม่ต้องการฉันในชีวิตแกแล้ว...โอเคมั้ย”
พิมพ์ดาวอึ้งไป ซึ้งใจ อัฐชัยยื่นมือให้จับแบบเพื่อน
“ก็ดี...เป็นแค่เพื่อนกันนี่แหละ”
พิมพ์ดาวจับมือกับอัฐชัย
“เป็นเพื่อนยังดีกว่าไม่เป็นอะไรเลย” อัฐชัยปลอบใจตัวเอง
“เชือกรองเท้าแกหลุด”
อัฐชัยก้มมอง แล้วก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า อยู่ๆพิมพ์ดาวก็มาขี่หลัง อัฐชัยงง
“ดาว...”
“เพื่อนเมื่อย พาเพื่อนไปเดินเล่นหน่อยสิ”
อัฐชัยยิ้ม เพราะรู้ว่านี่คือการเปิดใจของพิมพ์ดาว
“ทำไม...ให้เพื่อนขี่หลังแค่นี้มีปัญหาเหรอ ไหนบอกจะทำให้เพื่อนมีแต่ความสุขไง”
“ได้เลย อยากไปเดินเล่นที่ไหน ไปกันเลย”
อัฐชัยแบกพิมพ์ดาวขี่หลังไป สองคนคุยกันอย่างมีความสุข ข้าวต้ม งอแง เอมี่แอบดูอยู่พาดีใจที่คู่นี้ลงเอยกันได้

เอมี่เดินออกมานอกในบ้าน
“เด็กๆ พี่ไปซื้อน้ำแข็งนะ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มโทรบอกพี่นะ”
เอมี่เดินออกไปที่นอกบ้าน แต่ปรากฏว่ามีใครบางคนยืนพิงรั้วบ้านรออยู่ก่อนแล้ว เขาคนนั้นแต่งตัวดูดีมีสไตล์วัยรุ่น ปล่อยผมเซอร์ๆ สวมหมวกและแว่นกันแดด ยืนก้มหน้าเท่ๆอยู่ เอมี่ถึงกับชะงัก คุ้นตา
“น้องคะ มายืนทำอะไรตรงนี้ค่ะ”
“ผมมารอญาติผู้ใหญ่น่ะครับ”
“บ้านนี้มีแต่วัยรุ่นกับเด็กๆ ไม่มีญาติผู้ใหญ่ของน้องหรอกจ๊ะ มาผิดบ้านแล้วล่ะ”
“ไม่ผิดหรอกครับ ญาติผู้ใหญ่ผมชื่อ เอมี่”
“หา...”
แมนสรวงเงยหน้ามา ถอดแว่น ถอดหมวก
“นายแมนสรวง”
แมนสรวง ยิ้มและโบกมือ
“คิดถึงผมมั้ยครับ”

เอมี่กับแมนสรวงเดินมาด้วยกันที่สวนสาธารณะ
“นายหายไปไหนมา วันนั้นนายบอกว่าจะอยู่ได้เป็นวันสุดท้ายเพราะต้องไปเกิดแล้ว...ทำไมยังอยู่อีก”
“อืม ก็เจ๊สั่งผมไว้ว่าอย่าจากไปโดยไม่ล่ำลาไม่ใช่เหรอ”
“นายจะบอกว่านายดื้อด้านอยู่ต่อเพื่อลาฉัน..อย่ามา..อย่ามาหวานกับฉันยังงี้น่ะ เด็กบ้า”
“ผมอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจ๊นะ”
“แล้วนายจะต้องไปเกิดใหม่เมื่อไหร่”
“อีกร้อยปีข้างหน้า”
“อย่ามาล้อเล่นนะ”
“ถ้าไม่ได้ล้อเล่นล่ะ ถ้าผมพูดจริงๆ อีกร้อยปีจริงๆ..เจ๊รอไหวมั้ย”
เอมี่หวั่นๆ
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น...เกี่ยวกับการที่พีระฟื้นจากความตายด้วยใช่มั้ย...ใช่มั้ยแมนสรวง”

“ครับ”

ในอดีต...แมนสรวงคุกเข่า พึมพำขอร้อง ไกลออกไป แมวดำปรากฏกายขึ้น มองจ้องมา
 
“ได้เวลาที่เจ้าจะต้องไปเกิดใหม่แล้วแมนสรวง จะนั่งอยู่อย่างนี้ แล้วทิ้งโอกาสของตัวเองก็แล้วแต่เจ้าตัดสินใจ”
“ท่านยมใหญ่...ได้โปรด ช่วยพีระด้วย”
“แล้วแต่เจ้าตัดสินใจ”
แมวดำจ้องเขม็ง ไม่ต่อรอง แมนสรวงเศร้า
“เมื่อสิ่งหนึ่งดับ สิ่งหนึ่งต้องเกิด ยมทูตหนึ่งไปเกิด ยมทูตใหม่ย่อมถูกเลือก”
แมนสรวงอึ้ง ช็อก
“หมายความว่า...พีระคือยมทูตใหม่ที่มาแทนที่ผมงั้นเหรอ...ถ้าผมไปเกิด พีระต้องมาเป็นยมทูตงั้นเหรอ”

เอมี่ฟังแล้วเครียด ลุ้น อยากรู้ว่าแมนสรวงตัดสินใจอย่างไร
“แล้ว...นายทำยังไง”
“เมื่อสิ่งหนึ่งดับ สิ่งหนึ่งเกิด ถ้าสิ่งหนึ่งไม่ดับ สิ่งหนึ่งก็ไม่เกิด ผมเลยเลือกที่จะให้พีระมีชีวิตต่อไป ส่วนผมก็...ได้กลับมาเจ๊นี่ไง”
“นายหัวเกาลัด” เอมี่สงสาร
“ผมขอโทษนะที่ทำให้เจ๊ต้องรอนานไปอีกสักหน่อย แต่แค่ร้อยปีเองแป๊ปๆก็ถึงแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ฉันรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมฉันถึงรักนาย”
เอมี่กอดกับแมนสรวง

ใต้ต้นไม้ใหญ่...แมนสรวงนอนหนุนตักเอมี่อยู่ เอมี่ลูบผมแมนสรวงเล่นเบาๆ สองคนมองหน้ากันยิ้มกัน อย่างจะจดจำทุกอย่างไว้ให้ได้มากที่สุด
“เราจะนั่งเฉยๆกันอย่างนี้เหรอครับเจ๊ ไม่คิดจะทำแบบคู่รักอื่นๆ ไปเที่ยวเล่น กินอาหารอร่อยๆ ชมวิวสวยๆ ทำให้มีความสุข”
“พวกนั้นทำเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ฉันอยากมีความสุขเพราะอยู่กับนายมากกว่า”
“ญาติผู้ใหญ่ใครนะน่ารักอ่ะ”
“เด็กบ้า...แล้วนายจะแวะมาหาฉันอีกได้มั้ย”
“ผมจะถูกทำให้ลืม แล้วก็ต้องไปประจำการที่อื่นที่ห่างไกล ทำหน้าที่ยมทูตต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาไปเกิดใหม่อีกครั้ง”
“ถ้านายเกิดใหม่ แล้วเราจะหากันเจอมั้ย”
“ต้องเจอสิ ไม่วันใดวันหนึ่ง”
“มีปากกามั้ย”
“อ่ะ” แมนสรวงเสกมาจากอากาศ
เอมี่เอาปากกามาเขียนที่แขน แมนสรวงอ่าน
“เด็กคนนี้ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ”
“เขียนไว้เตือนพ่อแม่นายในร้อยปีข้างหน้า..แล้วก็เผื่อเวลาที่เราเจอกัน จะได้จำได้ด้วย”
แมนสรวงยิ้ม
“เหลือเวลาอีกแค่ไหน”
“อีก...หนึ่งนาที...”
“คนเราไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องจากกัน มันเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ยากคือการเผชิญหน้ากับมัน...แมนสรวง เดินทางดีๆนะ”
แมนสรวงทำท่าหยิบหัวใจออกมา
“อ่ะ ผมฝากความรักไว้นะครับ แล้วจะมารับคืน”
เอมี่กับแมนสรวงมองหน้ากัน หวานซึ้ง แล้วแมนสรวงก็ยิ้มออกมา ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ทันใด แมนสรวงก็หายไป เหลือเอมี่คนเดียว
พีระเดินคุยมากับน้ำมนต์ที่คอยจับแขนดูแลเขาอยู่
“นานๆเราได้เดินกลับบ้านบ้างก็ดีเหมือนกันเนอะ”
“เดินดีๆล่ะ ถ้าเจ็บขึ้นมาอีก จะซ้ำให้”
พีระเลยโอบบ่าน้ำมนต์แล้วอ้อน
“ผมกลัวล้ม เดี๋ยวผมตายนะ”
“หูย...ตายไปแล้วตั้งสองรอบ ยังถูกส่งให้กลับมาใหม่ คนอย่างนายเขาเรียกว่าพวกนรกไม่ต้องการ”
“ไม่ใช่นรกไม่ต้องการผมหรอก แต่คุณต้องการผมต่างหาก”
“หลงตัวเอง”
น้ำมนต์จะเดินหนี พีระจับให้มามองหน้า
“แล้วจริงมั้ยล่ะ”
“ไม่รู้” น้ำมนต์เขิน
“น้ำมนต์...แล้วถ้า...วันพรุ่งนี้ไม่มีผมอยู่ คุณจะเป็นยังไง”
“วันนึงในอนาคต ไม่นายก็ฉันก็ต้องจากไป ยังไงฉันก็เสียใจ แต่ฉันจะไม่รีบเสียใจตอนนี้ เพราะมันคือเรื่องของอนาคต...ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะมีความสุขก็ต้องยิ้มเข้าไว้ จริงมั้ย”
น้ำมนต์หันมามองหน้า แต่พีระกลับไม่ได้ยิ้ม สีหน้ากังวลลึกๆ
“นี่ๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องอนาคต เรื่องร้ายๆมันผ่านไปหมดแล้ว ต่อไปชีวิตเราจะเจอแต่เรื่องดีๆ มีความสุข นายจะได้เป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ที่หนุ่มที่สุดหล่อที่สุด ส่วนฉันก็จะได้เป็นนักเขียนบทที่สวยที่สุดเหมือนกัน..คนดีๆอย่างเรา จะต้องเจริญแน่นอน”
“คนดีเหรอ”
พีระยังเครียดไม่เลิก ยังช้ำใจ
“เป็นอะไร...เมสินีกับอาจารย์เทพก็ถูกจับแล้ว ผีคามินก็หายไปแล้ว ยังมีเรื่องอะไรค้างคาใจอีกเหรอ”
“เรื่องที่ผมเคยทำความผิดเอาไว้กับคุณ”
“พีระ...”
“ผม...ผมพยายามจะไม่คิดถึงมัน แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ผมก็จำได้ มันไม่เคยหายไป แล้วผมจะมีหน้าไปพูดกับใครต่อใครได้ยังไงว่าผมเป็นคนดี เพราะลึกๆแล้วผมรู้อยู่แก่ใจว่าผมเคยทำทำอะไรไว้”
“พีระ...เรื่องแม่ฉันมันจบไปแล้ว ปล่อยให้มันจบไปไม่ได้เหรอ”
“ถ้ามันจะจบ มันก็ควรจบอย่างถูกต้องสิ”
“คดีมันจบไปแล้ว ฉันก็ให้อภัยนายแล้ว แม่ฉันก็ต้องให้อภัยนายเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่นายต้องรู้สึกผิดอีก...พีระ...คนเราก็ต้องเคยทำผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ทิ้งความผิดพลาดไป แล้วทำสิ่งที่ดีใหม่ๆไม่ดีกว่าเหรอ”

"ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆผมคงทำอย่างคุณบอกได้ แต่นี่มันชีวิตคนนะ น้ำมนต์ คนดีที่เอาแต่ความดีเข้าตัว แล้วปกปิดความผิดของตัวเองเอาไว้ จะเรียกว่าดีจริงได้ยังไง"

"คนดี ไม่ได้วัดกันแค่ตอนที่ทำความดี แต่ต้องวัดกันเมื่อตอนทำความผิดด้วย คนดีที่แท้จริงต้องกล้ายอมรับความผิดของตัวเองอย่างสง่าผ่าเผย"

น้ำมนต์กอดพีระเอาไว้ เข้าใจความคิดของพีระ
 
“ฉันรู้ แต่ฉันก็อยากให้นายเปลี่ยนความคิด ได้มั้ยพีระ”
พีระกอดตอบ
“ผมขอโทษ แต่ผมต้องบอกเรื่องนี้กับตำรวจ”
พีระจะผละออก น้ำมนต์ดึงไว้
“อย่าไป..ฉันขอ..ผ่านวันนี้ไปก่อนนะ แค่วันนี้วันเดียว”
น้ำมนต์ขอร้อง กอดกันไว้
น้ำมนต์กับพีระกลับเข้ามาในบ้าน ข้าวต้ม งอแง พิมพ์ดาวที่ยังอยู่บนหลังอัฐชัย เอาพลุมือมายิงปังๆ สายรุ้งพุ่ง
“ขอต้อนรับคุณผีพีระกลับสู่โลกมนุษย์ครับ/ค่ะ” ข้าวต้มกับงอแงพูดพร้อมกัน
“ดีใจด้วยนะพีระ ยินดีต้อนรับนายเป็นสมาชิกในกลุ่มของเรา”
อัฐชัยบอก พิมพ์ดาวดีดหูเข้าให้
“นี่แน่ะ ทำเป็นพูดซะหล่อ ก่อนหน้านี้นายทำพีระไว้เยอะขนาดไหน”
“เอ้า คนเราก็ต้องเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงบ้างสิ”
“เหมือนเคยไม่รักก็กลายเป็นรักใช่ป่ะคะ” งอแงแซว
“ใช่เลย” อัฐชัยรีบบอก
“บ้า” พิมพ์ดาวลงจากหลัง
อัฐชัยคว้าตัวเอาไว้
“เขินเหรอ เป็นเพื่อนกันต้องเขินกันด้วยเหรอ”
“ฮิ้ว”
ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข พีระหันมาบอกน้ำมนต์
“น้ำมนต์..วันนี้เรายังมีกัน ไม่ว่าจะอนาคตจะเป็นยังไง รู้แค่ว่าวันนี้ ตอนนี้ เรายังมีกัน..ก็ยิ้มเข้าใจ”
น้ำมนต์ยิ้มออก
“อื้อ มีความสุขกับปัจจุบันไว้”
“มันต้องอย่างนั้นถึงจะเป็นแฟนผีได้”
“ฉันก็อยากจะรู้ว่าผีจะเป็นแฟนคนอย่างฉันได้หรือเปล่า มาพิสูจน์ให้ดูหน่อยสิ”
น้ำมนต์เต้นนำ
“พี่น้ำมนต์เปิดฟลอร์แล้ว พี่พีระอย่ายอมแพ้” ข้าวต้มยุ
พีระเต้นตาม พีระกับน้ำมนต์หัวเราะมีความสุขให้กัน ข้าวต้มกับงอแงส่งซิกให้กัน แล้วต่างก็ไปผลักพีระกับน้ำมนต์เข้าหากัน ทั้งคู่เซเข้ามากอดกันใกล้ชิด จมูกชนจมูก ทุกคนเฮ ฮิ้วกันอย่างสนุกสนาน
ติ๊งต่อง...เสียงกริ่งบ้านดังขึ้น
“พิซซ่ามาแล้ว เค้าสั่งพิซซ่าเอาไว้” ข้าวต้มบอกทุกคน
“เดี๋ยวพี่ไปเปิดเอง”
เอมี่รีบไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นผู้ชายที่หน้าเหมือนแมนสรวงเป๊ะในชุดคนส่งพิซซ่า
“พิซซ่ามาส่งครับผม”
“นายแมนสรวง” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ครับ...ไม่ใช่ครับ ผมชื่อวีรภาพครับ”
เอมี่กระชากตัวเข้ามา
“นายแมนสรวง นี่นายหลอกฉันเหรอ ไหนว่าจะไปแล้วไง”
“ผมชื่อวีรภาพ”
เอมี่ดึงหูแมนสรวงเข้ามาในบ้าน แมนสรวงร้องโวยลั่น อธิบายว่าไม่ใช่ๆ ทุกคนหัวเราะเฮฮามีความสุข พีระกอดกับน้ำมนต์ไว้ หันมาบอก....
“ฉันจะรอนายนะ นานแค่ไหนก็จะรอ”
“ต้องรออย่างมีความสุขด้วยนะ”
“ค่ะ คุณผีของบ่าว”


พีระน้ำมนต์ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

 

จบบริบูรณ์

กำลังโหลดความคิดเห็น