ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 15
ฟ้าหยาดและเว่ยชิงใบหน้าเปื้อนเขม่า ไม่เหลือทรัพย์สินอะไรทั้งสิ้น ทั้งคู่ถูกนักเลงลากมาโยนไว้กลางทางเปลี่ยว
เมฆในชุดคลุมหน้าบอก
"ออกไปจากพระนครซะ กลับเมืองจีนไปได้ยิ่งดี"
เว่ยชิงกับฟ้าหยาดกอดกันกลมด้วยความหวาดกลัว
"ถ้าพวกแกยังดื้อด้านจะอยู่ที่นี่ต่อ ต่อไปไม่ใช่แค่นี้นะ ชีวิตของพวกแกก็จะไม่เหลือด้วย"
เมฆ นักเลง หันหลังกลับไป ฟ้าหยาดกอดเว่ยชิง
"ไม่เป็นไรนะอาเว่ย ไม่ต้องห่วง ฉันหาเลี้ยงจะดูแลอาเว่ยเอง"
เว่ยชิงกอดฟ้าหยาด มองตามพวกเมฆด้วยแววตากร้าวและเจ็บช้ำอย่างที่สุด
รถลากของบุษบาบรรณเข้ามาจอดที่กระทรวงเมือง ตะวันมองงงบุษบาบรรณยิ้มให้
"ฉันจะมาพบเจ้าคุณพ่อสักนิดนึง เธอคงไม่รีบร้อนกลับใช่ไหม"
"เชิญคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ"
บุษบาบรรณสังเกตว่าเดือนเศร้าๆ เงียบๆ
" เจ้าเป็นไรไปรึ ตั้งแต่ออกมาจากใต้หล้าเจ้าดูเศร้าๆ ได้เจอแม่เป็นอย่างไรบ้างแม่เดือน"
เดือ รีบจุ๊ปาก หันซ้ายหันขวาไม่มีใคร
"อย่าเรียกแม่เดือนสิเจ้าคะ เดี๋ยวมีใครมาได้ยินเข้า บ่าวไม่ได้เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ"
"งั้นก็ดีแล้ว เข้าไปด้านในกับเราสิแม่เดือน เอ้ย ตะวัน"
ตะวันมองดูตัวเองแล้วบอก
"บ่าวขอรอด้านนอกจะดีกว่าเจ้าค่ะ"
"อ๊ะๆๆ เจ้าต้องพูดว่าขอรับสิถึงจะถูก เดี๋ยวใครได้ยินเข้าไง"
"จริงด้วย ขอรับ"
บุษบาบรรณยิ้มขำๆเดินเข้าไปภายในตัวตึก ตะวันหน้าหมองลง เลี่ยงมานั่งพักในมุมสวน
เอาผ้าที่หาญเคยให้ ซึ่งตอนนี้ไม่เต็มผืนมาแนบอกคิดถึงหาญ จังหวะกำลังคิดถึงนั้น พลัน ตะวันเห็นหาญเดินมาทางหนึ่งกับเหล่าขุนนาง
" คุณหาญ !"
ตะวันหลบตามพุ่มไม้ มองหาญ ที่ดูสง่างามอยู่ท่ามกลางขุนนางคนอื่นๆ
"วันนี้กระผมพาเดินดูพื้นที่ภายในกระทรวงเท่านี้ก่อนนะขอรับ ถ้าติดขัดเรื่องอะไร เรียกหาผมได้นะขอรับ"
"ขอบคุณมากขอรับ"
"งั้นกระผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะขอรับ" -หาญกับเจ้าหน้าที่แยกกันไป หาญเดินตรงมาทางที่ตะวันหลบอยู่
ตะวันก้มหน้างุด หมอบลงกับพื้น หาญผ่านมาเห็น นึกว่าชาวบ้าน
"มีอะไรให้ช่วยไหม"
ตะวันได้แต่ส่ายหน้า ไม่กล้าพูด หาญเลยย่อตัวลงคุยด้วย แปลกใจที่ชาวบ้านเอาแต่ก้มหน้าก้มตา
" มาติดต่อราชการรึ ทำไมไม่พูด ถ้าไม่พูดจะรู้เรื่องไหม"
หาญดึงตัวขึ้นตะวันที่ทำตัวไม่ถูกขึ้น เห็นหน้า
"อ้าว นายตะวัน"
ตะวันและหาญมองหน้ากัน
"คุณหาญ"
"คุณบุษมาที่นี่รึ"
"ขอรับ"
หาญมองเห็นผ้าสีนวลจันทร์ในมือตะวัน อึ้ง
"เจ้าไปได้ผ้าผืนนี้มาจากที่ใด"
ตะวันอึกอักตอบไม่ถูก
"เจ้ารู้จักเจ้าของผ้าผืนนี้งั้นรึ"
หาญคาดคั้นเอาคำตอบ
"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแม่หญิงอยู่ไหน ช่วยบอกเราทีเถิด ทำไมเจ้าถึงมีผ้าของนาง"
ตะวันรีบหาคำแก้ตัวเพื่อเลี่ยงหนี
"บ่าวไม่รู้จัก ผ้าผืนนี้บ่าวเก็บได้ขอรับ"
"เราไม่เชื่อ ผ้าผืนนี้มีผืนเดียวในร้าน เราซื้อให้แม่หญิงที่เรารัก"
ตะวันอึ้งไม่คิดว่าจะได้ยินหาญพูดถึงตนแบบนี้ เก็บอาการในคราบของตะวัน
" หากเจ้าเก็บได้ตามที่เจ้าว่ามา นั่นก็หมายความว่าแม่หญิงคนนั้นไม่ใยดีกับผ้าและตัวเรา"
ตะวันเผลอหลุดปาก
"ไม่"
หาญมองหน้าสงสัย
"แสดงว่าเจ้ารู้จัก"
ตะวันรีบแก้ตัว
"เอ่อๆ กระผมไม่รู้จักจริงๆขอรับ ผ้าผืนนี้กระผม เก็บได้จริงๆ แต่กระผมแค่รู้สึกว่า นางคงไม่ได้ตั้งใจทิ้งกระมังขอรับ ผ้าฉีกขาดเช่นนี้น่าจะเป็นการตกหล่นต่างหากขอรับ"
"งั้นแสดงว่าเจ้าไม่รู้จักแม่หญิงคนนี้จริงๆ แต่ถ้าเจ้าบังเอิญได้พบนาง ฝากบอกนางด้วยว่าเรายังรักปักใจอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้นางจะไม่ใยดีไปมีใครต่อใครก็ตาม"
หาญพูดจบ ตะวันก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่รีบปาดน้ำตาวิ่งออกไปทันที หาญงง สงสัย
"นายตะวันคนนี้ท่าทีช่างแปลกนัก หรือจริงๆแล้วจะรู้จักแม่เดือน"
หาญจึงรีบลุกตามไป
ตะวันวิ่งหนีมาเกือบชนเข้ากับบุษบาบรรณ เธอตกใจ
"ตะวัน เจ้าเป็นอะไรรึ วิ่งหนีอะไรมาทำไมหน้าตาตื่นเยี่ยงนี้"
ตะวันหาข้อแก้ตัวโกหก
"เมื่อกี้บ่าวไปเดินเล่นแล้วหลงทาง แล้วไปพบหัวหน้าตะแลงแกงเข้า บ่าวตกใจเกิดกลัวเพราะเป็นทาสแล้วยังโดนขายไปซ่องกลัวจะโดนจับน่ะเจ้าค่ะ"
บุษบาบรรณหัวเราะปลอบใจ
"อย่ากลัวไปเลย เป็นทาสไม่ได้ผิดอะไร เราเป็นคนเหมือนกันจะชนชั้นไหนอย่าทำผิดกฎหมาย ศีลธรรม หรือทำอะไรที่ผิดประเพณีก็แล้วกัน"
ตะวันเผลอถาม
"แล้วความรู้สึกต่างชนชั้นมันผิดประเพณีไหมเจ้าคะ"
บุษบาบรรณงง
"อะไรรึ เจ้าหมายถึงสิ่งใดกัน"
"เอ่อคือบ่าวถามเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเองเจ้าค่ะ คุณบุษอย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะ รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ"
ทั้งคู่เดินพ้นหมู่ตึกราชการ
อีกมุมหนึ่ง หาญเดินอย่างรีบร้อนตามหาตะวัน เที่ยวถามคนที่เดินผ่านไปมา
" เห็นผู้ชายตัวเล็กๆ ผอมๆ เดินผ่านมาไหม"
ชาย 1 ส่ายหัวบอก "ไม่เห็นขอรับ"
หาญคลาดกันกับตะวัน
ตรอกเปลี่ยวใกล้ตลาดสำเพ็ง บุหงาโยนถุงอัฐใส่มือเมฆและนักเลง ทั้งคู่เปิดดู เมฆยกมือไหว้บุหงา
"โอ้โห... ขอบคุณขอรับ"
นักเลงยกมือไหว้ตาม บุหงาส่งสายตาเหี้ยมมองทางเมฆ
"ทุกอย่างต้องเป็นความลับห้ามใครพูดถึงเด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่เอาไว้แน่"
"ขอรับ ไอ้พวกนี้มันไม่มีปากหรอกขอรับ"
"งั้นก็ดี"
"พวกเจ้าไปได้แล้ว" เจียมบอก
นักเลง กระจายตัวหายไป
บุหงาลดผ้าคลุมปิดหน้าลง
"คุณบุหงาไม่ต้องห่วงนะขอรับ พวกนั้นไม่มีใครได้เห็นหน้าคุณบุหงา พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร"
"ดีแล้ว ช่วงนี้เจ้าควรเก็บตัวอยู่แต่ในคอกม้าอย่ามาวุ่นวายใกล้เรือนครัวเด็ดขาด ข้าออกหน้าคุ้มกะลาหัวแกไม่ได้บ่อยๆ ถ้าข้ามีอะไรจะไหว้วาน ข้าจะให้นังเจียมไปบอก มีอะไรจะให้เจียมไปบอก รึว่าจะให้ข้าส่งนังดาวไปดีหล่ะ ฮ่าฮา"
เมฆยิ้มเลียปากอยากได้อย่างหลังมากกว่า บุหงาแสยะยิ้มให้ก่อนเดินจากไป เมฆก้มมองถุงเงินในมืออีกครั้ง
ผู้คนขวักไขว่บนถนนในตลาดสำเพ็ง บุษบาบรรณมองเห็นตลาดดูคึกคักนึกขึ้นได้ก็สั่งให้รถลากจอด
"จอดตรงนี้ประเดี๋ยว"
บุษบาบรรณหันมาบอกตะวัน
"ลงไปจ่ายของ เตรียมทำขนมกันไปตะวัน"
"คุณบุษจะทำขนมอีกรึเจ้าคะ"
"ใช่ เราจะทำไปให้ใต้หล้าอีกยังไงล่ะ ตะวันจะได้ไปใต้หล้าบ่อยๆ จะได้เจอแม่ เผื่อตะวันอยากแบ่งขนมไปฝากแม่บ้างยังไงล่ะ"
ตะวันซึ้งในน้ำใจ
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ บ่าวว่าอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ"
"ถ้าลำบากแล้วทำให้เจ้าสบายใจขึ้นไม่เศร้ากว่านี้เราก็จะทำ ไปกันเถอะ"
ทั้งสองคนเดินกันออกไป แล้วก็มองเห็นคนมุงดูอะไรบางอย่าง
"เอ๊ะ ทำไมทางนั้นถึงได้มีคนมุงกันนัก มีควันด้วย เกิดอะไรขึ้น ไปดูกันเถอะ"
บุษบาบรรณดึงตะวันไปดู
ในซอยแคบๆผู้คนออกันอยู่ในซอย บุษบาบรรณดึงตะวันแทรกผู้คนเข้ามาที่ตรอกโรงน้ำชา
คนแน่นแทบผ่านไม่ได้ เห็นแค่ควันลอยอ้อยอิ่งออกมา พื้นเจิ่งนองด้วยน้ำ
ชาวบ้าน1บอกโรงน้ำชาหอจันทร์ฉายไฟไหม้เมื่อเช้านี้
ชาวบ้าน 2 บอก "โชคดีไม่มีคนตาย"
ชาวบ้าน 3 บอก "แล้วพวกข้างในไปไหนซะหมดวะ"
ชาวบ้าน 2 บอก " พวกนางโลมแตกกระสานซ่านเซ็นไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้"
บุษบาบรรณแอบสงสัย
"น่าแปลกเสียจริง"
"แปลกอะไรรึขอรับ"
"ไฟโหมไหม้เพียงแค่โรงน้ำชาเหมือนจงใจเผาไล่ที่ จะว่าไปอันที่จริงหอนางโลม ก็ไม่ใช่สถานควรมี แต่มาเผาไล่กันแบบนี้ก็ไม่สมควร"
แต่ตะวันเห็นบุหงาและเจียม อยู่ห่างออกไปไกลๆ จนรำพึงเบาๆ
"คุณบุหงา น้าเจียม"
บุษบาบรรณได้ยินมองตาม เห็นสีหน้าบุหงาดูสะใจ เธออดสงสัยไม่ได้
"คุณบุหงาก็มาดูหอนางโลมที่ถูกไฟไหม้ด้วยรึนี่ น่าแปลกเสียจริง"
"บ่าวเคยได้ยินความเมื่อหนหลัง ว่าก่อนคุณบุหงาจะเข้ามาอยู่ใต้หล้า เคยเป็นนางโลมที่โรงน้ำชาแห่งนี้"
" งั้นคุณบุหงาก็คงมาดูเพราะเห็นใจกระมัง"
ตะวันแอบไม่เชื่อ เพราะเคยได้ยินแม่เล้าพูดว่า
"เอามันไปขายต่อเป็นทาสแรงงานราคาถูกที่ไหนก็ได้ ไปให้พ้นๆ กูรำคาญ ... ไม่เชื่องแบบนี้เลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุก ไม่น่าหลงเชื่ออีคุณนายบุหงาเลย ! จัดการมัน ซะ"
ตะวันอึ้ง
"รึว่า !"
"มีอะไรรึ ตะวัน"
"เอ่อ...ไม่มีขอรับ"
ตะวันครุ่นคิดเรื่องตนว่า บุหงาต้องมีส่วนในเรื่องเข้าใจผิดและถูกนักเลงซ้อมและเอามาขายซ่องแน่นอน
อ่านต่อหน้า 2
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
ข่าวไฟไหม้ไปถึงใต้หล้า เอื้อยรายงานพวงแก้ว
"ไม่มีอะไรเหลือเลยสักอย่างเจ้าค่ะ โรงน้ำชาโดนไฟไหม้ราบเป็นหน้ากองเลยล่ะ เจ้าค่ะ"
พวงแก้วยิ้มสะใจ
"ดีสมน้ำหน้า ที่พรรณนั้นมีไว้ก็รังจะมีแต่เรื่องเสื่อม"
"ข่าวว่าพวกนางโลมทั้งหมดหนีตายกันจ้าละหวั่น ปานนี้คงแตกกระซ่านเซ็นไป ไหนต่อไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ ครานี้ไม่ต้องเมื่อยมือคุณแก้วเลยเจ้าค่ะ"
"ก็จริงของเอ็ง" พวงแก้วหัวเราะ
บุหงากลับเข้าเรือน พวงแก้วทักเยาะเย้ย
" ไปดูพรรคพวกหล่อนมารึ เป็นไงบ้างล่ะ"
บุหงาหยุดกึก
"ของคาวๆต้องโดนน้ำร้อนสาดหรือไม่ก็พระเพลิงกวาด เรื่องหยำฉ่าคาวโลกีย์จะได้ หมดไป"
บุหงาไม่เจ็บกระดองใจเพราะตัวเองเป็นคนทำ แต่เอ่ยเยาะแก้วกลับ
"ไม่มีหอนางโลม ท่านเจ้าสัวไม่มีที่สำราญนอกบ้านแล้ว อยู่เรือนใหญ่ก็มีแต่นางสยองอย่างคุณพี่ ขี้คร้านท่านก็ต้องกลับมาซบอกบุหงาเหมือนเคย"
พวงแก้วโกรธ แช่งกลับ
"ขอให้หล่อนเจอเรื่องเดือดร้อน ขนาดนังเว่ยชิงแม่เล้าหล่อนก็โดนไฟไล่ไปแล้ว เรื่องซวยครั้งหน้าคงถึงคราหล่อนเป็นแน่"
บุหงาเชิดใส่ ไม่กลัว ร้องหาแสนยั่วประสาท
"ท่านเจ้าสัวคะ ท่านเจ้าสัว บุหงาได้น้ำจันทร์อย่างดีมาเจ้าค่ะ"
"เจ้าสัวไปทำงานแล้ว...นี่หล่อนคันแต่กลางวันเลยรึนี่"
บุหงากวนตีนใส่
"บทมันจะคันขึ้นมา มันไม่เลือกเวลาหรอกค่ะคุณพี่ เอ๊ะ.. รึว่า คุณพี่ไม่เคยคันเลยถ้าเป็นเยี่ยงนั้นระวังจะตายด้านนะเจ้าคะ"
บุหงาหัวเราะเยาะแล้วเดินเชิดออกไป พวงแก้วกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บใจ
"อ๊าย ! อีช็อกการี"
แสนยืนจ้องมองป้ายหน้าโรงชาที่ถูกไฟไหม้ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเหตุนี้ได้
"นี่มันอะไรกัน ... ไอ้อ่ำ"
"ขอรับนายท่าน"
"ส่งคนตามหาเว่ยชิงกับฟ้าหยาดให้พบด่วนที่สุดและลับที่สุดด้วย ห้ามมิให้แม่แก้ว หรือแม่บุหงารู้เด็ดขาด"
อ่ำเลิ่กลั่ก
"จะดีหรือขอรับนายท่าน เป็นความลับไอ้อ่ำพอจะทำได้แต่ให้ตามหานี่สิขอรับ จะตามหาที่ไหน ยังไง จะหาจากตรงไหนก่อนดีล่ะขอรับ"
"ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนงั้นรึ ได้ งั้นข้าจะช่วยเอ็งเริ่มเอง"
แสนถีบอ่ำลงไปคลุกขี้เถ้าโครม
"อ๊าก.....นายท่าน"
"เริ่มจากตรงนี้ไงล่ะ ไป ไปตามหาได้แล้ว รึจะให้ข้าช่วยอีก"
แสนยกเท้าขึ้นมาจะยันซ้ำ อ่ำรีบห้าม
"โอ๊ะๆๆ ไม่ต้องช่วยแล้วขอรับรับ ตอนนี้ไอ้อ่ำฉลาดขึ้นทันทีเลยขอรับ"
"งั้นก็รีบไปจัดการซะ"
"ขอรับนายท่าน"
อ่ำรีบเดินเลี่ยงไป แสนมองกองเถ้าถ่านครุ่นคิด
ถนนดินแห่งหนึ่ง เว่ยชิงและฟ้าหยาดกระเซอะกระเซิงเดินอย่างไร้จุดหมาย ฟ้าหยาดหงุดหงิด
"โอ้ย! อั๊วเดินไม่ไหวแล้วนะอาเว่ย ถามจริงเถอะเราจะไปไหนกันรึ"
"อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปตายเอาดาบหน้ายังดีกว่ารอความตามอยู่ที่นี่"
ฟ้าหยาดก็นึกขึ้นได้
"งั้นไปที่ใต้หล้ากันเถอะ คุณหาญเป็นคนมีน้ำใจต้องช่วยเหลือพวกเราแน่ ยังมีท่านเจ้าสัวแสนอีกคนท่านก็เมตตาข้าโขอยู่ ข้าจะอ้อนให้ท่านช่วย"
เว่ยชิงปรี๊ดขึ้นทันที
"ไม่ไปเด็ดขาด แค่นี้ก็จะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว"
"ทำไม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับใต้หล้า"
"ที่อั๊วกับลื้อต้องระหกระเหินอยู่เยี่ยงนี้นี่ไง อั๊วถึงไม่อยากให้ลื้อยุ่งกับผู้ชายใต้หล้า"
แต่เว่ยชิงก็ไม่อธิบายมากกว่านั้น ฟ้าหยาดซัก
"ที่ไฟไหม้แสดงว่าอาเว่ยรู้ว่าใครเป็นคนทำใช่ไหม"
เว่ยชิงไม่ตอบแต่สายตาแค้นนัก
"รู้แล้วก็ต้องล้างแค้น ไปจัดการมัน มันเผาเราได้เราก็เผามันได้"
เว่ยชิงตกใจ
"ไม่ได้นะ อย่ายุ่งกับพวกนั้น แค่เราไม่อยู่ที่นี่ก็หนีพวกนั้นพ้นแล้ว อั๊ว จะพาลื้อหนีไปที่อื่น"
เว่ยชิงก็ลากฟ้าหยาดไป จังหวะนั้น ตาดยืนก้มหน้าถือมีดด้ามโตดักอยู่ข้างหน้า
"มึงจะไปไหน"
ทั้งคู่ตกใจ ฟ้าหยาดเอาตัวขวางเว่ยชิงเพื่อป้องกัน เว่ยชิงถาม
"ลื้อเป็นใคร"
"เป็นใครนะเหรอ นี่แหนะ นี่แหนะ"
ตาดวิ่งเข้ามาเงื้อมีดฟัน เว่ยชิงดึงฟ้าหยาดวิ่งเลี้ยวมาที่มุมถนน แต่เพราะบาดเจ็บจากโดนซ้อมและไฟไหม้ เลยวิ่งเร็วไม่ได้ ตาดตามมาทันวิ่งมาดักหน้า
"มึงหนีกูไม่พ้นหรอกอีคนใจบาป"
ตาดเงื้อมีดจะ ฟ้าหยาดจับมือตาดยังคงกำด้ามมีดโต้อยู่ ก่อนสะบัดเหวี่ยงฟ้าหยาดไปทางหนึ่ง
"ว๊าย"
"อาฟ้า"
ตาดเดินเข้ามาประจันหน้ากับเว่ยชิง
"แกต้องการอะไร"
"ต้องการชีวิตมึงยังไงเล่า มองดีๆ มึงจำไม่ได้เหรอ"
"อั๊วไม่รู้จักแก"
ตาดหัวเราะในลำคอ หึๆ
"มึงทำอะไรกับกูไว้มึงกลับทำเป็นจำไม่ได้ มึงร่วมมือกับอีนังใจยักษ์บุหงากำจัดกูยังไงล่ะ คราวนี้จำได้รึยัง"
เว่ยชิงอึ้งจ้องหน้าสักพักแล้วนึกออก
"แม่ตาด ! ลื้อยังไม่ตาย"
" ใช่กูยังไม่ตาย แล้วกูก็กำลังจะฆ่ามึงเหมือนที่มึงทำกับกู"
"อั๊วไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เรื่องฆ่าเรื่องแกงใครอั๊วก็ไม่ได้ทำด้วย แม่ตาดเชื่อ ฉันเถอะนะ อั๊วไม่รู้เรื่องจริงๆ"
"กูไม่เชื่อ กูจะฆ่ามึง มึงตาย"
ตาดจะวิ่งเข้ามาฟัน ฟ้าหยาดได้จังหวะหาไม้ได้ตรงเข้าไปจะฟาดตาดจากด้านหลัง เว่ยชิงเห็นรีบห้ามสุดเสียง
"อาฟ้าหยาด อย่าทำ"
ฟ้าหยาดชะงักกึก ตาดเองก็หยุดชะงักเช่นกัน
"ห้ามทำไม มันจะฆ่าเรานะอาเว่ย"
เว่ยชิงหน้าจริงจัง ตาดชั่งใจ มองหน้าเว่ยชิงหาความจริง
ฟ้าหยาดลูบเนื้อลูบตัวอยู่ทางบ่อน้ำห่างออกไป
ที่กระท่อม เว่ยชิงและตาดมองฟ้าหยาด หันมาสบตากัน
"นี่หรือเด็กที่อั๊วทำคลอด โชคดีจริงๆที่มันไม่ตาย"
เว่ยชิงกับตาดต่างเคลียร์ใจ
"อั๊วต้องขอโทษลื้อจริงๆที่เหมือนส่งลื้อไปให้ความตาย คราวนั้นอั๊วไม่รู้เรื่องที่ลื้อ ถูกทำร้ายเลยสักนิด วันนั้นอีนังเจียมมาถึงก็หิ้วตะกร้าเด็กมาส่งให้ อั๊วก็เลี้ยงมาโตป่านนี้ อาฟ้าหยาดเองก็ไม่เคยรู้ว่านังบุหงาเป็นแม่มัน"
ตาดอาฆาตแค้นบุหงา ดักคอเว่ยชิง
"นังบุหงาใจมันเหี้ยมออกปานนั้น ที่โรงน้ำชาไฟไหม้ครานี้ ลื้อไม่รู้จริงๆรึว่า เป็นฝีมือใคร"
เว่ยชิงเงียบหลบตา ตาดสังเกตอาการ
"ข้าว่าเจ้ารู้ ร่วมมือกับข้าแก้แค้นนังบุหงามันซะ"
เว่ยชิงอึ้งไม่กล้าตอบใดๆ ปิดปากสนิท ไม่ไว้ใจตาด เพราะคิดว่าตาดอาจใช้ฟ้าหยาดเป็นเครื่องมือ
ฟ้าหยาดไม่ชินกับการนอนกระท่อม หงุดหงิดนอนไม่หลับ ตบยุงคันสลับกับเกาตรงนั้นตรงนี้"โอย"
เว่ยชิงเห็นฟ้าหยาดฟึดฟัดอยู่นานจึงบอกกับฟ้าหยาด
"อาฟ้าลื้อต้องอดทนหน่อยน๊ะ เรามาอาศัยเค้าอยู่"
ฟ้าหยาดลดการฟึดฟัดลงแล้วพยักหน้ารับ
ตาดโผล่เข้ามามองทั้งคู่ เอาผ้าห่มเก่าๆมาให้
"ข้าเอาผ้ามาให้ อยู่ให้สบายนะอยู่ด้วยกันที่นี่ ข้ายินดี จะได้มีพวก"
"จ้ะๆ"
ลับหลังตาด เว่ยชิงแอบกระซิบฟ้าหยาด
"เราจะอยู่ที่นี่แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น แล้วอย่าปริปากพูด อะไรกับนังตาดอีกเข้าใจไหม"
ฟ้าหยาดทำท่าจะเอ่ยปากซัก เว่ยชิงรีบหยิกฟ้าหยาดทันที
"หยุดเป็นคนช่างซักสักวันจะได้ไหม เมื่ออยู่ในที่ที่ปลอดภัยและถึงเวลา อั๊วจะเล่าให้ลื้อฟังทุก อย่าง"
ฟ้าหยาดมองเว่ยชิงเชื่อตามที่ขอร้อง
เวลากลางคืนที่ใต้หล้า ทุกคนนั่งพร้อมเพรียงกันที่สำรับอาหาร อ่ำคลานเข้ามาข้างเจ้าสัวแสน ซุบซิบรายงาน
"ยังหาฟ้าหยาดกับเว่ยชิงไม่พบเลยขอรับ"
แสนโมโหอ่ำ จะด่า อ่ำทำท่ากระซิบ แสนไม่พอใจ แล้วโบกมือไล่อ่ำออกไป
ระหว่างนั้น พวงแก้วและบุหงาซึ่งร่วมโต๊ะกินข้าวอยู่ จับตามองด้วยความอยากรู้
"มีเรื่องที่ร้านหรือเจ้าคะ" พวงแก้วถาม
แสนทำทีเป็นเครียดโกหกผสมเสไป
"อืม...ใช่ ข้าวในโกดังมีมอดกินเลยต้องกำชับเ กำชับคนงานให้ดูแลให้ดี"
"มินาล่ะ พ่อกล้าถึงไม่กลับมาพร้อมท่านเจ้าสัว"
บุหงาไม่เชื่อแกล้งซักถาม
"มีมอดได้อย่างไรกันคะ ข้าวรึก็ยังใหม่ๆอยู่"
แสนรีบผสมโรงก่อนเปลี่ยนเรื่อง
"ก็นั่นน่ะสิ ข้าก็เลยต้องตรวจตราให้มากกว่าเดิม เอ่อ ...ได้ข่าวว่าพ่อหาญทำงานที่กระทรวงท่าทางไปได้ไกล มีคนชมจนความมาถึงหูพ่อ เชียวนะ"
แสนปลาบปลื้ม สายฝนแอบหมั่นไส้เคาะช้อนอย่างไม่มีอารมณ์ บุหงาหันมาจ้องหน้าลูกสาวปรับท่าทีใหม่
"คงเป็นเพราะลูกมีผู้ร่วมงานที่ดีด้วยกระมังขอรับ"
จังหวะนั้นดาวตักข้าวเสิร์ฟ แสนมองดาวกับหาญ
"แต่พ่อว่าดวงดีเพราะมีคู่บุญหนุนนำซะมากกว่า แบบนี้น่าจะทำอะไรให้ส่งเสริม ยิ่งๆขึ้นไปนะ"
แสนหัวเราะชอบใจ พวงแก้วยิ้มเยาะเย้ยบุหงา ดาวแอบมีความหวัง
วันใหม่ ดาวมีความสุขนั่งเคียงหาญ อยู่ต่อหน้าแสนและพวงแก้ว บุหงานั่งอยู่ลำดับถัดไปพร้อมด้วยสายฝน
ดาวและหาญยกน้ำชาให้แสนและแก้วตามขั้นตอนพิธีที่ซินแสเทียนบอก
"วันนี้เป็นวันดี เราจะทำพิธีผูกดวงชะตาให้กับพ่อหาญและแม่ดาว ก่อนอื่นให้ทั้งสองคนกราบไหว้พ่อแม่"
ดาวกระตือรือร้นก้มลงกราบเจ้าสัวและพวงแก้วที่น้อมอบรับไหว้
ดาวยิ้มหวาน ก้มลงกราบหาญฝากตัว
"อิฉันขอฝากตัวกับคุณหาญด้วยนะเจ้าคะ"
หาญอึกอักแต่ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ ซินแสเทียนตัดบทอบรมดาว
"ต่อไปนี้ต้องประพฤติตัวอยู่ในศีลในธรรม หากจะค้ำจุนคนอื่นได้ต้องค้ำจุนตัวเองให้อยู่ในร่มเงาแห่งความดีเสียก่อน เข้าใจนะ"
บุหงา เจียม และสายฝนมองอย่างเยาะหยัน
ซินแสเทียนเปิดประตูห้องนอนหาญเข้ามา หาญ ดาว พวงแก้ว กล้า ตามมา ซินแสให้ดาวและหาญนอนเคียงกัน แสนดีใจเข้ามาให้พร
"ผูกดวงคู่กันแล้ว ต่อไปนี้ก็ขอให้ลูกเจริญรุ่งเรือง นำพาความเจริญชื่อเสียงเกียรติยศ มาสู่ใต้หล้า"
กล้ารู้ดีว่าหาญไม่ได้เต็มใจกับการทำพิธีในครั้งนี้นัก
แสนเอ่ยทักกล้า
"ถ้าเมื่อไหร่เจ้ามีคู่ดีๆแบบนี้ให้มาบอกพ่อ พ่อจะจัดการให้เช่นเดียวกัน"
กล้ายิ้มเฝื่อนๆ ซินแสเทียนมองกล้านิ่งกันไป
พวงแก้วอวยพรให้ลูกชาย
"ลูกเป็นความหวังของใต้หล้า หากดวงนำพาให้ลูกเป็นผู้โอบอุ้มใต้หล้า แม่ก็ขอให้ทุกอย่างสมหวังดังที่เจ้าตั้งจิต"
หาญน้อมรับพร ดาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจ พวงแก้วหันมากระซิบบอกดาว
"นี่เป็นแค่การผูกดวงนะนังดาว อย่าสะเออะถือว่าเป็นการตบการแต่งแล้วสถาปนาตัวเป็นนาย ถึงเป็นเมียเจ้า ก็เป็นแค่เมียทาส จำไว้"
ดาวอึ้ง ปั้นหน้านิ่ง แต่ในใจอกแทบระเบิด
ชื่นนั่งซึมอยู่มุมหนึ่งในครัว เมฆแอบมานั่งกินข้าวอยู่มุมหนึ่ง ไม่อยู่ใกล้พวกนี้
เอื้อยกับมั่นเข้ามาเห็นแม่ชื่นนั่งเศร้าอยู่คนเดียว
"น้าชื่นไม่ไปดูพิธีส่งนังดาวกับคุณหาญเข้าหอหรอกรึ"
เอื้อยสะกิดมั่น
"ถามอะไรอย่างนั้นเล่า แม่ชื่นคงยังสะเทือนใจอยู่แต่เดิมนั้น ดวงคู่บุญหนุนนำเป็นเดือน แต่ก็มาชะตาพลิกกลับตาลปัตรไปเสียนี่"
ชื่นได้ยินที่เอื้อยพูด
"ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ ถ้านังดาวมันจะได้ดีมีผัวเป็นนายก็ขอให้มันอยู่ใน เส้นทางเจริญ อย่าทำตัวเสื่อมเสียด่างพร้อยเหมือนเดือนมันเลย"
เมฆนั่งกินข้าวอยู่หัวเราะเยาะ
"ฮ่าๆๆ"
เอื้อยตวาดไล่ทันที คิดว่าเมฆเยาะเรื่องเก่าที่เคยนอนกับเดือน
"เอ็งขำอะไรไอ้เมฆ เอ็งไสหัวไปเลยนะ เหม็นขี้หน้า"
"ถ้าได้ผู้หญิงดีก็ดี แต่ถ้าได้ผู้หญิงมีราคียังไงซะก็ไม่มีทางที่ราศีจะจับแน่นอน"
เอื้อย ชื่น มั่นยังไม่ทันได้ตีความ
"ไอ้เมฆเอ็งมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ ไป"
เอื้อยไล่เมฆออกไปจากเรือนครัวด้วยความโมโห ชื่นปลอบให้ใจเย็น มั่นนั่งคิดถึงเดือน
อ่านต่อหน้า 3
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
หาญ-ดาวนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ดาวนเหลือบตามองหาญตาปริบๆ หาญไม่มีทีท่าจะทำอะไร ดาวตะแคงหันมาจะใกล้ชิด หาญลุกขึ้นนั่ง ดาวจะคว้าตัว
"เดี๋ยวเจ้าค่ะ"
หาญสะบัดมือออกยืนขึ้นทันที
"จะไปไหนเจ้าคะ"
ดาวรีบลุกขวางหน้า
"ตามประเพณีแล้วห้ามมิให้ออกจากห้องหอ"
"อย่าเรียกห้องหอเลย เพราะไม่ได้แต่งจริงๆ นี่เป็นเพียงการเอาเคล็ด"
ดาว เข้ามาใกล้ ยั่วยวนพยายามลูบไล้
"หากทำได้ยิ่งกว่าถือเคล็ดอาจจะทำให้ดวงคุณหาญเจริญสูงขึ้นกว่านี้นะเจ้าคะ"
"ฉันเชื่อในความสามารถและการลงมือกระทำมากกว่า"
หาญก็สะบัดมือดาวออกไปแล้วออกจากห้องไป
"เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว... โธ่โว้ย ประเคนให้ถึงปากยังไม่งับอีก..ฮึ่ย"
ดาวโมโห อุตส่าห์ยั่วแต่ไมได้ผล
เว่ยชิงค่อยๆแง้มประตูกระท่อมออกมา เหลียวซ้ายแลขวา เห็นตาดถือตระกร้าเดินเข้าป่าไปหาสมุนไพร
"นังตาดอีเข้าป่าไปแล้ว เร็วเข้าอาฟ้า"
"จ้าๆ ออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะจ้า"
"เร็วๆซี่ชักช้าเดี๋ยวอีก็กลับมาหรอก รีบไปเร็วเข้า"
ฟ้าหยาดเข้ามาสมทบเว่ยชิง
"ว่าแต่เราจะไปที่ไหนเหรอ"
"อย่าถามมาก ไปได้แล้วเร็วเข้าอาฟ้า"
เว่ยชิงเร่งฟ้าหยาดให้รีบไป
บรรยากาศในบริเวณท่าเรือ คร่าคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งพวกกุลีแบกหาม พ่อค้าแม่ขายต่างก็ทำมาหากินกัน
เว่ยชิงพาฟ้าหยาดเดินมาหยุดรออยู่มุมหนึ่ง
"ลื้อรออั๊วอยู่ตรงนี้นะอาฟ้า อั๊วจะไปติดต่อเรือ"
"อาเว่ยตกลงจะพาอั๊วไปไหน ทำไมต้องลงเรือด้วย"
"อั๊วจะพาลื้อหนีไปจากเรื่องวุ่นวายในพระนครแห่งนี้เอง"
ฟ้าหยาดโพล่งออกไป
"ไม่ ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากใต้หล้า"
เว่ยชิงชะงักกึก หน้าตาดุดันเอาเรื่อง
"อั๊วไม่ยอมให้ลื้อทำแบบนั้นแน่ อั๊วจะพาลื้อหนีไปให้ไกลจากที่นั่นจนสุดหล้าฟ้าเขียวทีเดียว อั๊วบอกให้รอก็ต้องรอ"
เว่ยชิงไปทางท่าเรือเจอคนงานสวนมา
" อาเจ๊กๆ ลื้อรู้ไหม เรือสำเภาไปเมืองจีนอยู่ทางไหน"
ฟ้าหยาดได้ยินถึงกับตะลึง
"ห๊า ไปเมืองจีน"
ฟ้าหยาดอึ้งไป
เรือข้าวสารจากปากน้ำโพเข้าเทียบท่าพอดี กล้ามาตรวจเช็คกระสอบข้าวจากพ่อค้าทีเพื่อเอามาส่ง
"เอ้าเฮ้ย ! แบกกระสอบขึ้นจากเรือเอาไปไว้ที่ร้านเจ้าสัวแสนได้เลย"
กล้ายืนดูการขนย้าย ด้วยการรับติ้ว จับกังคนหนึ่งโพกผ้าปิดหน้ามิดชิดเดินผ่านมา
ส่งติ้วไม้ให้กล้า แล้วจับมือกล้าด้วย ผู้นั้นส่งเสียงภายใต้ผ้าปิดหน้า
"น้องกล้า"
หยกที่ปลอมตัวเป็นจับกัง กล้าตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
"พี่หยก"
เสียงพ่อค้าตะโกนด่าจับกัง เพราะไม่รู้ว่าเป็นหยก
"เฮ้ย ไอ้นั่น เร็วๆเข้าสิวะ เดี๋ยวคุณกล้าก็ด่าเอาหรอก"
กล้ารีบหันไปบอกพ่อค้า
"งั้นฉันไปรอนับติ้วที่ร้านเลยนะเถ้าแก่"
กล้ารีบเดินนำหยกไป ดูเผินๆเหมือนกับกล้าเดินคุมคนงานกลับร้าน
อีกมุมหนึ่ง เว่ยชิงรีบเข้ามาถามหาเรือไปเมืองจีน
"อาเจ๊กๆรู้ไหมเรือไปเมืองจีนอยู่ท่าไหน"
พ่อค้าชี้ไปอีกท่าหนึ่ง
"ทางโน้นแน่ะ"
"กั่น เซี่ย ๆ"
กล้าเดินไปทาง เว่ยชิงแยกไปอีกทาง ต่างคลาดกัน
ฟ้าหยาดเดินตามเว่ยชิงมาถึงท่าเรือ ฟ้าหยาดมองไปที่เรือ
"อาเว่ย เราจะไปจากเมืองสยามจริงๆรึ"
เว่ยชิงพยักหน้า ฟ้าหยาดถอนหายใจ
"เฮ้อ ... แต่ข้าไม่รู้จักใครที่นั่น"
"ก็อั๊วไง แล้วอยู่ที่นี่ลื้อมีญาติที่ไหนรึ อั๊วจะบอกลื้อให้รู้ไว้ไม่ มีใครเค้าเอาลื้อหรอก"
ฟ้าหยาดน้ำตาเอ่อ
"ถึงฉันจะกำพร้า โตมาในหอนางโลม แต่คนทิ้งฉันให้อาเว่ยเลี้ยง มันต้องอยู่ในพระนครนี้แน่ๆ"
"ทำไม ? ลื้อจะออกตามหาแล้วไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ทิ้งลื้อรึไง อาฟ้า"
"อั๊วก็แค่อยากเจอ อยากจะเค้นถามมันนักว่า ทำไมถึงทำให้ชะตาฉันตกอับเยี่ยงนี้ ต้องระเหเร่ร่อนไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน ทำให้อั๊วเกิดมาทำไมกัน"
ฟ้าหยาดพรั่งพรูด้วยความเสียใจ เว่ยชิงได้แต่ปลอบ
"ถ้าลื้อร้องไห้แล้วมันเปลี่ยนทุกๆอย่างได้อั๊วก็จะไม่ห้ามลื้อ แต่นี่มันไม่ใช่ ไปเถอะอาฟ้าหยาด หนทางข้างหน้าอาจลำบากกาย แต่จะไม่ลำบากใจเด็ดขาด เชื่ออั๊วเถอะ"
ฟ้าหยาดเริ่มใจอ่อน
ขณะที่ทั้งคู่จะลงเรือ พลัน มีเสียงเรียกที่ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้ง
"พวกลื้อจะไปไหนกัน"
ทั้งคู่หันขวับ
"เจ้าสัว"
แสนดีใจที่ตามหาเว่ยชิงกับฟ้าหยาดจนเจอ
"พวกลื้อไม่มีที่ไปทำไมไม่นึกถึงอั๊ว เรามันกากี่นั้ง คนกันเองแท้ๆนี่"
แสนพยักหน้าให้อ่ำไปเอาหอบผ้าของเว่ยชิงและฟ้าหยาดมาหิ้วเอง เว่ยชิงยื้อ ฟ้าหยาดงงๆ
"จะเอาของพวกฉันไปไหน หยุดนะ เดี๋ยว คุยกันก่อน ยังอีก หยุดฉันบอกให้หยุด"
ทั้งคู่ต่างยื้อแย่งของไปเรื่อย แสนอมยิ้ม
พวงแก้วเดินขึ้นเรือนใหญ่มา บุหงากำลังเดินขึ้นเรือนมาอีกทาง ทั้งคู่เดินมาเจอกันตรงกลางเรือนใหญ่
"เอ๊ะ ท่านเจ้าสัวเรียกอิฉันขึ้นห้อง ทำไมคุณพี่ต้องมาด้วย"
"ท่านเจ้าสัวก็เรียกฉันเช่นกัน"
ทั้งคู่มองหน้าไม่ยอมกัน
"เรียกอิฉันก่อน"
" เรียกฉันย่ะ"
แก้วรำคาญ เปิดประตูเข้าไป แสนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข บุหงารีบเอาใจถามเสียงอ่อนหวาน
"ท่านเจ้าสัวเรียกบุหงา มีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ"
"มี ต่อไปนี้ให้ดูแลคนของข้าด้วย"
บุหงางง
"ใคร"
ฟ้าหยาดและเว่ยชิงเดินเข้ามา ทั้งสองคนสวัสดีทั้งพวงแก้วและบุหงา บุหงาตัวชา ชี้หน้า
"เจ้เว่ย ลื้อยัง..."
เว่ยชิงมองหน้าบุหงา
"ยังอะไร"
บุหงาไม่ตอบ พวงแก้วโกรธจัด ต่อว่าแสน
"นี่มันอะไรกันเจ้าสัว"
"ก็เห็นอยู่แล้วว่า ข้าพาคนเข้ามาอยู่ใหม่ช่วยแบ่งเบาภาระเจ้ายังไงเล่า"
เจ้าสัวอารมณ์ดีหัวเราะชอบใจ บุหงาซ้ำ เมียสองคนต่างรุมแสน
"เจ้าสัวทำแบบนี้ได้อย่างไร ไม่ไว้หน้าพวกอิฉันเลย นึกจะพาขี้คร่อกที่ไหนมาก็พามางั้นรึ น้องไม่ยอมนะเจ้าคะ"
แสนด่า ตวาดดัง
"ข้าเป็นใหญ่ในใต้หล้า ไม่มีการตั้งคำถาม ไม่มีการสงสัย มีแต่ต้องฟังและปฏิบัติ ตาม ต่อไปนี้ข้าจะอุปการะฟ้าหยาดและเว่ยชิงให้อยู่ในบ้าน ใครมีปัญหาอะไรไหม"
ทั้งสองคนต่างโพล่ง "มี"
แสนจ้องหน้าทั้งสองคนดุดัน
"ถ้ามีก็ออกไป เพราะข้าไม่มีปัญหา คนที่มีปัญหาคืออยู่ไม่ได้"
แสนสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ฟ้าหยาดแอบขำ เว่ยชิงแอบหมั่นไส้บุหงา พวงแก้วแอบสังเกตว่าบุหงากับเว่ยชิงดูท่าจะไม่สนิทกันเหมือนเดิม
เวลาต่อมา พวงแก้วลงนั่งที่ตั่งด้วยสีหน้าครุ่นคิด เอื้อยลงนั่งข้างๆ เป็นห่วงนาย
"ท่านเจ้าสัวแสนพูดเหมือนจะเอาเว่ยชิงหรือฟ้าหยาดเป็นเมียเลยนะเจ้าคะ ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นคุณจะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ หาทางกำจัดพวกมันออกไปเลยไหมเจ้าคะ"
แก้วสีหน้ามีแผน
"นังเอื้อย เอ็งดูดีๆ บางทีครานี้ข้าอาจไม่ต้องลงมือ"
เอื้อยมองแก้วอย่างงงๆ
"ท่าทางนังบุหงากับนังเว่ยชิงจะไม่ได้สนิทกันเหมือนก่อนราวกับมีเรื่องกินแหนง แคลงใจอะไรบางอย่าง"
"แล้วไงเจ้าคะ"
"ข้าจะยังไม่ทำการใดๆทั้งนั้น ข้าจะรอดูว่านังบุหงาจะลงมือเยี่ยงไร"
อ่านต่อหน้า 4
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 15 (ต่อ)
บุหงาลากเว่ยชิงมาตบ ฉาด ! ใหญ่ ฟ้าหยาดปกป้อง
"หยุดนะแกไม่มีสิทธิ์จะมาทำเยี่ยงนี้กับอาเว่ยนะ ปล่อย"
ฟ้าหยาดเข้ามายื้อแย่งบุหงาที่กำลังจิกหัวอาเว่ยอยู่ให้ออกไป ฟ้าหยาดผลักบุหงาออกไปกระแทกกับสายฝนที่ยืนดูอยู่ห่าง
"อุ๊ย...คุณแม่"
สายฝนรับร่างแม่ไว้ บุหงาพาลโมโหใส่สายฝน
"ยืนนิ่งดูดายอยู่ได้ไม่เห็นรึไงว่ามันทำร้ายฉันเนี่ย"
"เอ่อ...เห็นเจ้าค่ะ"
"เห็นก็รีบไปช่วยกันจัดการสิไป๋ แกด้วย"
"เจ้าค่ะ"
สายฝนกับเจียมตรงเข้าไปจัดการ
"ลากมันออกไป"
"ปล่อยฉัน ปล่อย อีพวกบ้า"
สายฝนและเจียมลากฟ้าหยาดไปทางหนึ่ง บุหงาเดินตรงไปที่พื้น จิกหัวเว่ยชิงให้เงยหน้าขึ้นมา
"แกตั้งใจมาที่นี่ จะมาลองดีกับฉันใช่ไหมนังเว่ยชิง"
"อั๊วไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ อั๊วไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เจ้าสัวเป็นคนพาอั๊วมาต่างหาก"
"อีโกหกคำพูดแกมันเชื่อไม่ได้หรอก แกจะมาแว้งกัดฉันไช่ไหมอีนังทรยศ แกคิด จะหาทางเปิดโปงฉันแล้วเรียกเงินใช่ไหม ฉันให้อัฐแกไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แกมันอีคนเนรคุณ"
"จะให้อั๊วสำนึกบุญคุณน้ำกามที่ลื้อขายตัวอยู่ในหอจันทร์ฉายน่ะหรือ จะให้อั๊วต้อง ลำเลิกไหมว่าใครหนุนหลังให้ลื้อได้ดีมีผัวเป็นเจ้าสัวแสนคนนี้"
"นี่แกทวงบุญคุณรึนังเว่ย คนอย่างแกก็ดีแต่หากินบนเรือนร่างของคนอื่นนั่นแหล่ะพอเข้าตาจนก็ขายคนเอาเงินไปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง แกมันคนใจคออำมหิตผิดมนุษย์มนา รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะยัดเหยียดให้เจ้าสัวมันเป็นไปไม่ได้ก็ยังจะฝืนทำ"
เว่ยชิงโกรธถุยใส่บุหงาดูถูกจิตใจ
" อั๊วไม่เคยคิด เรื่องชั่วช้าเยี่ยงนี้ มีแต่คนชั่วเท่านั้นถึงจะคิดได้ ที่ผ่านมาอั๊วก็ปกป้องคนของอั๊วมาตลอด"
บุหงาเยาะ
"ปกป้องรึ ถ้าปกป้องจริงก็น่าจะไสหัวออกไปจากเมืองนี้ตั้งแต่ไฟไหม้แล้วสิ ทำไมมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ได้ล่ะ"
เว่ยชิงมองหน้าบุหงา
"ลื้อว่าอะไรนะ"
สายฝนและเจียมลากฟ้าหยาดเหวี่ยงลงพื้น สายฝนปรี่เข้ามาจะตบ
"แกตายแน่"
"คิดว่ามีมือมีตีนคนเดียวรึอย่างไร กูก็มีโว้ย"
ฟ้าหยาดตบสายฝนเซถลาออกไป เจียมเข้ามาจะซ้ำ แต่ฟ้าหยาดถีบกระเด็นไป ฟ้าหยาดจะลุยต่อกับสายฝน
"นังเจียม นังเจียม ช่วยด้วยมันจะตบฉันแล้วนังเจียม"
"คุณหนู"
"อีนางโลมชั้นต่ำ เข้ามาอยู่ใต้หล้าคิดจะกอบโกยหรือจับใครใช่ไหม อย่าหวังเลย พ่อกูพี่กู สมบัติบ้านกู ของกูทั้งนั้น"
"ฉันไม่เคยหวังสมบัติใคร แต่ถ้าเป็นพี่ชายแกล่ะก็ไม่แน่ จะว่าไปการที่ฉันได้เข้ามาที่นี่คงเป็นเพราะดวงฉันเป็นคู่กับพี่ชายแกมากกว่านะ"
สายฝนหัวเราะเยาะ
"ดวงเป็นคู่กับพี่ฉันงั้นรึ จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ พี่หาญได้เมียทาสเป็นนังดาว ได้ เมียเป็นนางโลมอีกคน ก็คงต่ำสมกันไม่น้อย โสมม สกปรก หยำฉ่าทั้งหัวหงอกหัวดำเลย"
สายฝนด่าลามปามไปถึงเว่ยชิง
"ปากดีนักนะ"
สายฝนจะเข้าไปตบด้วยความโมโห มั่นมาเจอขณะที่สายฝนกับเจียมกำลังรวมหัวในใส่ฟ้าหยาด
"เฮ้ย"
มั่น รีบเข้ามาช่วยฟ้าหยาด
"นี่คุณนั่นเอง เพื่อนคุณหาญ"
มั่นอึกอัก แต่รีบช่วยพูดกับสายฝนก่อน
"คุณสายฝนขอรับอย่าลงไม้ลงมือกันเลยขอรับ"
สายฝนไม่ฟังมั่น
"อย่ามายุ่ง ทาสก็อยู่ส่วนทาส ถอยไปไอ้ทาส"
ฟ้าหยาดหันมองมั่นงงๆ
"ทาส"
"ผมขอล่ะขอรับคุณสายฝน"
"ได้ขอเองนะ"
สายฝนตบหน้ามั่นไปหนึ่งฉาด ก่อนจะเอาตัวเข้าป้องกันไม่ให้ฟ้าหยาดโดนตบ และแยกสายฝนออกไปได้
มั่นประคองฟ้าหยาดมาส่งที่ห้องที่เว่ยชิง
"ขอบใจนะที่พาข้ามาส่ง"
"มิเป็นไรขอรับ"
"ว่าแต่ เจ้าเป็นทาสที่ใต้หล้าหรอกรึ แล้ววันนั้นทำไมจึง..."
" อย่าถามต่อเลยขอรับ กระผมผิดเองที่โกหกในวันนั้น กระผมขอโทษขอรับ"
ยังไม่ทันพูดอะไรมาก มั่นก็รีบวิ่งออกไปเลย ฟ้าหยาดอึ้ง
"อ้า เดี๋ยวก่อนคุณ คุณ"
ฟ้าหยาดเห็นเว่ยชิงเดินสะบักสะบอมเข้ามา เว่ยชิงเห็ฯฟ้าหยาดโดนเหมือนกัน
"อาฟ้า ลื้อเป็นไรมากไหม ดูสิเจ็บไหม"
"เจ็บสิอาเว่ยถามได้"
พวงแก้วและเอื้อยมาดูอยู่หน้าห้อง เห็นเว่ยชิงกับฟ้าหยาดสะบักสะบอม
แก้วรำพึง
"สมน้ำหน้า"
พวงแก้วทำปั้นหน้าเป็นคนดีเดินเข้ามา
"โถ...จะอยู่ที่นี่ก็ต้องเจียมตัว มาอย่างนางโลมแม่เล้าก็อยู่แบบอัตคัตหน่อยนะ ทนๆกัน ไปหน่อยละกันนะ"
พวงแก้วยิ้มเยาะๆ ก่อนจะเดินออกไป เว่ยชิงเจ็บใจ ฟ้าหยาดมองรอบตัว
"ฉันรู้แล้วว่าทำไมอาเว่ยถึงไม่ยินดีที่จะมาที่นี่ เพราะอาณาจักรใต้หล้าใหญ่โต ร่ำรวยเงินทองแต่แล้งน้ำใจ "
เอื้อยเดินคล้อยหลังไปได้ยินหันมาแขวะซ้ำ
"น้ำใจไม่ได้มีไว้ให้หญิงอื่นที่จะมาพรากลูกผัวชาวบ้านเขานี่"
ฟ้าหยาดปากไว โพล่งไป
"เจ้าสัวแสนแก่คราวพ่อฉันไม่เอาหรอก แต่ถ้า..คุณหาญก็ไม่แน่ ยังไงคุณแก้วอาจจะได้เป็นแม่ผัวฉันในเร็ววันนี้ ฝากเนื้อฝากตัวกับฟ้าหยาดไว้ก็ไม่เสียหลายนะเจ้าคะคุณแก้ว"
"แก.. อี นัง.. อึ้ย !"
พวงแก้วโกรธจนตัวสั่นหันมามองตาขวางก่อนจะสะบัดหน้าใส่รีบออกไปด้วยความโมโห เอื้อยรีบตามไป ฟ้าหยาดเย้ยสุดฤทธิ์ เว่ยชิงอัดอั้นตันใจ จนต้องถอนใจออกมา
บุษบาบรรณเดินมาที่ศาลากลางสวนในบ้าน เห็นหาญมานั่งรออยู่ก็แปลกใจระคนกับดีใจ
"คุณหาญทำไมมาถึงนี่ได้ล่ะคะ"
"พอดีผมมาตรวจราชการแถวๆนี้ก็เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมนะครับ"
หาญทำทีว่ามาเยี่ยมเยียน แต่จริงๆคืออยากพบตะวัน
"เสียดายจัง น่าจะรู้ก่อนว่าคุณหาญจะมาจะได้ทำขนมรอต้อนรับ"
"งั้นไว้โอกาสหน้าจะแจ้งให้คุณบุษทราบก่อนนะครับ เอ่อ ว่าแต่คนสนิทของคุณบุษไปไหนเสียล่ะครับ"
บุษบาบรรณทำหน้างงๆ
"คนสนิทเหรอคะ อ๋อ ตะวันน่ะหรือคะ"
"ครับ"
คนใช้ เอาน้ำมาเสิร์ฟให้บุษบาบรรณกับหาญพอดี เธอเลยวานให้ตามตะวัน
"ช่วยไปตามตะวันมาให้ฉันทีจ้ะ"
"เจ้าค่ะ"
คนใช้ออกไป บุษบาบรรณมองหาญที่ดูลุกลี้ลุกลน เลยลองถามดู
"ท่าทางคุณหาญอยากเจอตะวันเอามากๆนะคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ"
"เอ่อ คือผมกำลังตามหาทาสคนหนึ่งซึ่งตะวันน่าจะรู้จัก แม่ของทาสคนนั้นเป็นกังวลนัก ผมสงสารก็เลยอาสาสืบข่าวให้น่ะครับ"
"เช่นนั้นเอง"
ทาสที่หาญตามหาคือเดือนหรือตะวันนั่นเอง
มุมหนึ่ง ตะวันแอบดู หาญกับบุษบาบรรณนั่งคุยกันอยู่ ชั่งใจจะไปหาดีหรือไม่
"จะออกไปรึไม่ไปดีล่ะเนี่ย"
คุณจันทร์เดินเข้ามา มอง อมยิ้มที่เห็นลูกสาวสนิทสนมกับหาญ รำพึงกับตะวัน
"พ่อหาญกับแม่บุษช่างเหมาะสมกันจริงๆนะพ่อตะวัน ว่าไหม พ่อหนุ่มรูปงาม ตอนนี้มีหน้าที่การงานดี ฐานะดีมาก หากจะมาเป็นคู่กับแม่บุษ คนป็นแม่อย่างฉันก็คงสบายใจที่ลูกจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับคนดีๆ"
ตะวันได้ยินที่คุณจันทร์พูดก็นึกน้อยใจในโชคชะตา
"เจ้ามาแอบดูนายเจ้าหรือ ดีใจกับนายเจ้าใช่ไหม"
ตะวันอึ้งๆ อือออตามไป
"เอ่อ..ขอรับ"
ตะวันจะเดินออกไป
"จะไปไหนรึ"
"เอ่อ คุณบุษเรียกหาน่ะขอรับ"
"ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้เขาอยู่กันสองต่อสองจะดีกว่า"
"ขอรับคุณท่าน"
ตะวันยิ้มๆกับคุณจันทร์ แต่ข้างในอกขมขื่นสุดๆ
ภายในห้องเก็บสต๊อกสินค้า หยกแบกกระสอบสินค้าเข้ามาวางลง กล้าเดินเข้ามาด้านหลังของหยกสวมกอดจากด้านหลังด้วยความดีใจ
"น้องกล้า"
หยกจับมือกล้าแกะออกหันมามองหน้าหน้าให้หายคิดถึง
"ข้าคิดถึงพี่เหลือเกินพี่หยก"
"พี่ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะไม่นึกถึงน้องกล้าของพี่"
กล้าจับมือหยกขึ้นมาลูบแล้วรู้สึกถึงความหยาบของมือที่ผ่านการทำงานอย่างหนัก
"โธ่พี่หยก พี่คงจะลำบากมากใช่ไหม"
"ไม่เท่าไหร่หรอก พี่ทนได้ "
"ข้าอยากให้พี่กลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ฉันจะไปขอร้องท่านซินแสให้ท่าน อนุญาติให้พี่กลับมาทำงานที่นี่เหมือนเดิม"
"อย่าเลยน้องกล้า ซินแสคงมองเห็นแล้วว่าเจ้าจะเสื่อมเสียเลยต้องทำเยี่ยงนี้"
"แต่ข้าไม่กลัวอันใดอีกแล้ว ข้ารักพี่เหลือเกิน ข้ายอม"
หยกซึ้งใจกับคำพูดของกล้า
"น้องกล้าของพี่"
หยกดึงกล้าเข้ามากอดอย่างแนบแน่น สองคนมองตากันซึ้งใจหน้าสองคนโน้มเข้าหากันโดยอัตโนมัติก่อนที่จะใกล้กันมากกว่านี้ปรากฎว่ามีเสียงอ่ำร้องเรียกดังขึ้นมา
"คุณกล้าขอรับ อยู่ไหนขอรับ"
หยกรีบผละจากกล้าแล้วรีบโผกหน้าเป็นกุลีเหมือนเดิม กล้าบอกกับหยก
"พี่หลบในห้องนี้ให้ดี รอข้าอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา"
หยกพยักหน้า
"รอ แค่ไหนก็รอได้ เจ้ารีบไปเถอะ"
อ่ำเดินพ้นมุมห้องมาเจอกับกล้าพอดีฉิวเฉียดกล้ารีบทำปกติ
"ท่านเจ้าสัวให้หาขอรับ"
"อืม ก็นำไปสิ"
อ่ำมองหน้ากล้าเกาหัวงงๆแล้วเดินนำไป กล้าเดินตามหันมามองทางหยกอีกครั้งก่อนเดินตามอ่ำไป
เจ้าสัวแสนซดน้ำชาฮวบใหญ่แล้ววางถ้วยลง กล้ากับอ่ำเดินเข้ามาพอดี
"ท่านพ่อมีอะไรจะใช้กระผมรึขอรับ"
แสนมองกล้าที่ดูขรึมๆเงียบๆ โบกมือไล่อ่ำออกไป หยกแอบเข้ามาหลบอยู่ข้างๆห้อง
"ข้าสบายใจเรื่องเจ้าหาญไปแล้ว ตอนนี้ข้าเลยอยากจะให้เจ้าเป็นฝั่งเป็นฝากับเค้าบ้าง"
กล้าอึ้งไม่คิดว่าพ่อจะพูดแบบนี้
"ข้าจะหาเจ้าสาวให้เจ้าแล้วก็จัดงานแต่งให้เร็วที่สุด"
หยกที่แอบฟังอยู่อึ้ง
"ไม่ กระผมไม่แต่ง"
"แกต้องแต่ง"
"หัวเด็ดตีนขาดยังไงกระผมก็ไม่แต่ง"
"ทำไมไม่แต่ง มันมีอะไรนักหนาถึงได้กล้าปฎิเสธสิ่งดีๆที่ข้ายื่นให้ ทำไม"
"กระผมมีคนรักแล้ว"
หยกยืนตัวชาในอีกห้องหนึ่ง
" ไม่นะน้องกล้า"
แสนโกรธจนหน้าแดง
"ถ้ามีก็พามาไหว้ข้าสิ ถ้าสมน้ำสมเนื้อกันข้าก็จะให้แต่ง"
กล้าอึกอัก
"กระผมกับเขา...เรา คุณพ่อจะให้เราอยู่ด้วยกันได้จริงๆหรือ เพราะเรา เรา..."
แสนรำคาญที่กล้าอ้ำอึ้งถาม
"เราทำไม อึกอักทำไม"
กล้าจะบอก
"เราเป็นช..."
ยังไม่จบประโยค ซินแสเทียนก็โผล่เข้ามา
"คุณกล้า !"
ซินแสส่งสายตาปรามห้ามไม่ให้พูด หยุดไว้แค่นี้
อ่านต่อตอนที่ 16