xs
xsm
sm
md
lg

รักต้องอุ้ม ตอนที่ 15 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 15
วันถือของกำลังจะเดินไปที่ร้าน มือถือของวันดัง วันหยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นพิธานโทรมาจึงจะกดรับ แต่ทันทีที่จะกดรับแบตมือถือก็หมดพอดีทำให้มือถือดับไปต่อหน้า
"เอ้า!”

พิธานพยายามจะกดมือถือโทรหาก็มีแต่เข้าฝากข้อความ
"โธ่เว้ย!”
พิธานเหยียบคันเร่งเต็มที่ด้วยความร้อนใจ

พอลกับมิ้งค์กำลังช่วยกันจัดตู้เค้ก วันเดินเข้ามามองไปรอบๆ
"สายป่านนี้แล้ว พวกน้องๆ ยังไม่มาทำงานอีกเหรอ" วันถาม
"วันนี้ผมให้ลาหยุดน่ะครับ ผมต้องการความเป็นส่วนตัว" พอลบอก
พอลมองมิ้งค์ที่มองออกไปนอกร้าน เขาเห็นพิธานที่กำลังเดินเข้ามาก็รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องเริ่มตามแผน
"น้าวันครับ เงินเจ็ดล้านที่ผมขอยืม ผมคงคืนให้กับน้าไม่ได้แล้ว"
วันอึ้งว่าหมายความว่ายังไง
"ไอ้พอล! มันเป็นเรื่องของแกกับฉัน พี่วันไม่เกี่ยว" พิธานว่า
"มันก็แค่เงินเล็กๆ น้อย ๆ มิ้งค์เสียเจ็ดหมื่น แลกกับเจ็ดล้านของพี่สาวคุณมันก็ยุติธรรมแล้วนี่" พอลบอก
วันอึ้งเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าพอลคิดจะโกงเงินของเธอจริงๆ พิธานไม่ยอมและโมโหมากจึงกระชากคอเสื้อพอล
"เงินก้อนนั้น พี่วันหามาทั้งชีวิต" พิธานว่า
"แต่เงินนั่นเป็นของพีทครึ่งหนึ่ง น้าเก็บเป็นมรดกให้เขา"
พอลสะใจ "คนใจแคบอย่างเขาไม่สมควรจะได้เงินจากน้าแม้แต่บาทเดียว"
วันอึ้งและน้ำตาคลอด้วยความผิดหวัง
"ไอ้สารเลว แกทำพี่ฉันร้องไห้" พิธานต่อยพอลดังผัวะ
พอลหันกลับมาเหมือนไม่สะดุ้งสะเทือนก่อนจะยิ้มเยาะ
"แกเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเวลาเห็นคนที่แกรักเจ็บปวดมันทรมานแค่ไหน" พอลว่า
วันมองอย่างขอร้องซึ่งพอลต้องทำใจแข็ง มิ้งค์มองอย่างรู้สึกอึดอัด สงสารวันแต่ก็ต้องอดทน
พิธานตะโกนด้วยความโกรธ "คืนเงินให้พี่วัน!”
พอลพูดจากวนตีนเพื่อเอาคืนสุด ๆ "คุณสั่งผมมาชั่วชีวิต เคยสั่งผมสำเร็จไหมล่ะ”
พิธานมองพอลด้วยความแค้นมาก
พิธานแค้นมาก "แกจะเอายังไง"
"คุกเข่า...ขอร้อง...ตรงหน้าผม" พอลบอก
ทุกคนอึ้งไปกับคำของพอล
พิธานโกรธ "ไอ้พอล!”
"เลือกเอา...”
พิธานมองวันที่น้ำตาร่วงด้วยความเจ็บปวด พิธานมองนิ่งอย่างตัดสินใจ มิ้งค์ลุ้นมากว่าเหตุการณ์จะจบยังไง พอลทำนิ่งแต่ในใจก็ลุ้นไม่ต่างจากมิ้งค์
"แกจะคืนเงินให้พี่วันแน่ใช่ไหม"
พอลยื่นเช็คมาตรงหน้าพิธาน พิธานมองอย่างลังเล
"คนจริง อย่าง้างนาน...ตัดสินใจแล้วก็ทำเลย" พอลว่า
มิ้งค์กับวันมองพิธาน พิธานมองวันอย่างตัดสินใจ พิธานจะคุกเข่า แต่ในจังหวะที่ย่อลงวันก็เข้าไปยั้งไว้ไม่ยอมให้พิธานคุกเข่า
"ไม่ต้อง! ห้ามแกคุกเข่าเด็ดขาด" วันบอก
"น้าวัน...เงินเจ็ดล้าน น้าไม่เสียดายเหรอครับ" พอลถาม
"ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพีท ถ้าพอลจะไม่คืนเงิน น้าก็จะยกให้ถือซะว่าเป็นค่าโง่ที่น้ามองคนผิด พอลทำร้ายน้าได้แต่จะทำลายศักดิ์ศรีของน้องชายน้าไม่ได้"
พิธานมองวันแบบแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินและเต็มตื้นกับท่าทีของวันที่กำลังปกป้องเขาจากพอลซึ่งเป็นคนที่พิธานรู้สึกมาตลอดว่าวันรักมากกว่าตัวเอง
วันพูดกับพอล "ถ้าเงินมันสำคัญกว่าครอบครัว นับจากนี้เราก็ขาดกัน"
"พี่วัน...”
"พี่ขอโทษนะที่ไม่มีอะไรเหลือให้กับพีทเลย"
"ไม่เป็นไร พี่สาวคนเดียว ผมเลี้ยงได้"
"ขอบคุณครับ"
พิธานกับวันหันไปมองพอล
พอลพูดกับพิธาน "เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าคนที่น้าวันรักและห่วงที่สุดคือคุณไม่ใช่ผม"
พอลหันไปหาพิธานแล้วฉีกเช็คต่อหน้าทุกคน พิธานกับวันอึ้งว่าหมายความว่ายังไง
"เงินก้อนนี้ผมไม่ต้องการ" พอลบอก
พอลวางเช็คใส่ในมือพิธาน พิธานกับวันมองพอลแบบอึ้ง ๆ เพราะเข้าใจในสิ่งที่พอลต้องการให้พี่น้องสองคนปรับความเข้าใจกัน
"วันนี้ผมปิดร้านหนึ่งวันนะครับ ต้องพาแฟนไปเที่ยว"
พูดจบพอลก็จูงมือมิ้งค์จะออกไปนอกร้าน พอลพลิกป้ายร้านจาก Open เป็น Closeพิธานนิ่งเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี วันวางมือลงบนหัวพิธาน วันลูบหัวพิธานด้วยความรักและเอ็นดู พิธานนิ่งไปเมื่อได้รับความรู้สึกที่ต้องการมานานจากคนที่เขาแคร์ที่สุดในโลก พอลกับมิ้งค์แอบมองวันกับพิธานจากด้านนอกด้วยความดีใจ

ลันตากึ่งนั่งกึ่งนอนหลับฟุบอยู่ที่โซฟา ลันตาขยับตัวตื่นมองไปเห็นสิปาดันที่ไปนั่งอยู่ข้างๆ เตียงคนไข้ของมะนาวที่ยังไม่ฟื้น ลันตาลุกขึ้นไปหาสิปาดัน
"สิปา...”
"ยังไม่ฟื้นเลย....” สิปาดันบอก
ลันตาอึ้งกับความห่วงใยที่สิปาดันมีต่อมะนาวจนลันตารู้สึกหวั่นๆ
"ฉันจะกลับไปอาบน้ำ ไปทำงาน เราเรียกให้พยาบาลมาดูก่อนไหม" ลันตาเสนอ
"แกไปเถอะ ฉันจะอยู่เฝ้ามะนาวจนกว่าเขาจะฟื้น" สิปาดันบอก
"แล้วแกไม่ไปทำงานเหรอ
"ฉันโทรบอกลุงวีระแล้ว....”
ลันตาอึ้ง "งั้น...ฉันไปก่อนนะ"
สิปาดันจับมือลันตาไว้ "ลัน...แกง่วงหรือเปล่า ไปทำงานไหวไหม?”
"ไหวสิ...ถ้าแกอยากได้อะไรโทรบอกนะ ตอนเย็นเข้ามา ฉันจะซื้อมาให้"
ลันตาพยักหน้า สิปาดันดึงลันตาลงมาหอมแก้ม
"ขับรถดี ๆ นะ" สิปาดันกำชับ
"จ้ะ"
ลันตาหยิบกระเป๋าจะเดินออกไปจากห้องแต่อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสิปาดันที่นั่งมองมะนาวอย่างใจจดจ่อ ลันตามีสีหน้าเครียดก่อนจะเดินออกไป

พอลวางแผ่นเครปเค้กแล้วปาดครีมลงไปเป็นไส้ก่อนจะวางแผ่นเครปเค้กทับลงไปเป็นชั้น ๆ สลับกันไปมาอย่างระมัดระวัง วันเปิดประตูเข้ามา พอลยิ้มให้
"น้าขอโทษนะ ที่น้าว่าพอล...น้าไม่รู้ว่า...”
พอลขัด "ผมดีใจที่มันเป็นแบบนี้ ผมอยากเห็นน้ากับคุณพีทเข้าใจกันสักที ครอบครัวอยู่ด้วยกันแบบรอยยิ้มมันดีกว่าทำหน้ายักษ์ใส่กัน จริงไหมครับ"
"พอลคงไม่น้อยใจ...”
"เรื่องที่น้ารักคุณพีทมากกว่าน่ะเหรอครับ"
วันอึ้งๆ และอยากจะอธิบาย แต่พอลไม่ปล่อยช่องว่างให้วันพูด
"คุณพีทเป็นน้องแท้ๆ เป็นสายเลือดเดียวกับน้า ผมเป็นคนนอก มันก็ถูกต้องแล้ว"
"พอล...”
"น้าวันครับ....มันไม่ง่ายที่จะเลี้ยงเด็กผู้ชายสองคนที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว" พอลวางแผ่นเครป "น้าวางชีวิตให้เรา" พอลปาดครีม "ใส่ทุกความคิด ใส่ความรัก ความห่วงใย" พอลวางแผ่นเครปชั้นสุดท้าย "มันอาจจะยากที่แต่ละขั้นตอนจะทำให้ลงตัวสวยงาม" พอลปาดครีมส่วนที่ล้นขอบออก "แต่น้าวันก็พยายามประคับประคองทั้งคุณพีทกับผมให้มีอนาคต" พอลวางสตอเบอรี่สไลด์ประดับที่หน้าเค้ก "มีวันที่สวยงามแบบนี้"
พอลปาดครีมส่วนที่ล้นขอบเรียบร้อยจนเครปเค้กสวยงาม พอลเอาฝาแก้วครอบตัวเครปเค้กไว้ แล้วหันมาหาวันก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกที่มีมาตลอดชีวิต
"ที่น้าให้ผมมันมากจนผมคงไม่มีวันตอบแทนน้าได้หมด ถ้าไม่มีน้า....ป่านนี้ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้"
วันยิ้มด้วยอาการปลื้มใจ "ตลอดเวลาที่น้าเลี้ยงพอลมา น้าคิดเสมอว่าไอ้ตัวเปี๊ยกโตแล้วจะเป็นยังไง จะเป็นผู้ชายแบบไหน จะเลี้ยงตัวเองได้ไหม แต่น้าไม่เคยนึกเสียใจเลยสักครั้งที่รับพอลเข้ามาในครอบครัว พอลคือความภูมิใจของน้า"
พอลยิ้ม
"บางครั้งผมก็ไม่อยากจะเรียกน้าว่าน้า"
"เรียกป้า..." วันแซว "น้าตบปากจริงๆ นะ"
"ผมอยากจะเรียกน้าว่า... แม่... น้าคือแม่ของผม แม่ที่ให้ชีวิต ให้ทุกอย่างกับผม ถ้าผมเคยทำอะไรให้น้าต้องเป็นทุกข์ ผมขอโทษนะครับ"
วันเข้ากอดพอลด้วยความเอ็นดู
"เป็นเด็กดีตลอดไปนะลูกนะ"
พอลยิ้ม "ครับ แม่...”
พอลกอดวันด้วยความรู้สึกเต็มตื้นอย่างไม่สามารถห้ามน้ำตาไว้ได้

สิปาดันยังนั่งเฝ้ามะนาว เสียงประตูเปิด สิปาดันหันไปเห็นเอื้องคำพาชัยภูมิเข้ามา
สิปาดันไหว้ "สวัสดีครับ"
"นาวยังไม่ฟื้นอีกเหรอ" ชัยภูมิถาม
"ยังครับ"
"ทำไมลูกถึงโชคร้ายแบบนี้นะ" ชัยภูมิว่า
"มะนาวไม่ได้โชคร้าย" เอื้องคำบอก "แต่มันโง่ที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง ถึงได้เอาชีวิตตัวเองไปปกป้องคนที่ไม่เคยเห็นค่า"
สิปาดันสะอึกไปกับคำพูดของเอื้องคำ เขารู้สึกอึดอัดกับสายตาของเอื้องคำกับชัยภูมิ
"ผมขอลงไปข้างล่างสักแป๊บนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา"
สิปาดันเดินออกไป เอื้องคำมองตามไปอย่างสะใจ
"ทำไมป่านนี้นาวถึงยังไม่ฟื้นล่ะพี่ ไหนพี่บอกว่านาวไม่เป็นอะไร" ชัยภูมิถาม
เอื้องคำหันมองมะนาวแล้วก็มีสีหน้าเครียดนิด ๆ "มันไม่ควรจะสลบนานขนาดนี้"
"นี่ลูกผมคงไม่ได้เจ็บจริงๆ เพราะแผนพี่หรอกนะ ถ้านาวเป็นอะไรไป เท่ากับพี่ฆ่าหลาน พี่เป็นฆาตกร"
"ถ้ามะนาวจะตายก็เพราะแก! เพราะแกมันก่อปัญหาให้พวกฉันต้องเดือดร้อน" เอื้องคำว่า
"ผมมีลูกอยู่คนเดียว ผมไม่ยอมให้ลูกตายนะ พี่ต้องช่วยลูกผม"
เอื้องคำเห็นมะนาวค่อยๆ ขยับตัวเพราะเสียงของชัยภูมิ
"หุบปาก!" เอื้องคำเดินเข้าไปข้างเตียง "นาว...แกได้ยินป้าไหม นาว"
มะนาวค่อยๆ ลืมตาอย่างช้า ๆ เห็นภาพทั่วไปเบลอ
"คุณป้า...”
"นาว ฟื้นแล้วเหรอลูก นี่พ่อนะ"
มะนาวพยายามมองไปทางเสียงที่ได้ยิน มะนาวพยายามจะหลับตาแล้วก็ลืมตาใหม่
"พ่อ....”
มะนาวยกมือพยายามจะยื่นไปทางที่มาของเสียงแต่กลับยื่นไม่ตรงกับตัว เพราะยังโฟกัสทิศทางที่ได้ยินเสียงไม่ได้ เอื้องคำมองท่าทีของมะนาวอย่างแปลกใจ
ชัยภูมิคว้ามือมะนาวไว้ "พ่ออยู่นี่"
"นาว...แกเป็นยังไงบ้าง" เอื้องคำถาม
"นาวปวดหัวน่ะค่ะ...." มะนาวพยายามจะมอง "ทำไมหน้าคุณป้าดูเบลอ ๆ"
"เบลอ?”
"คุณป้าเข้ามาใกล้นาวได้ไหมคะ"
"ฉันยืนอยู่ตรงหน้าแกแล้วนะ แกไม่เห็นเหรอ?” เอื้องคำถาม
"มองไม่ชัดน่ะค่ะ มันเบลอไปหมดเลย" มะนาวบอก
เอื้องคำได้ยินก็ปิ๊งไอเดียทันที "แกว่าแกเป็นอะไรนะ"
"ตานาวมองไม่ชัดเลยค่ะ"
เอื้องคำขยับเข้าไปใกล้มะนาวแล้วกระซิบเบาๆ "ตาแกไม่ได้กำลังจะบอดใช่ไหม"
มะนาวชะงักมองหน้าเอื้องคำ เอื้องคำยิ้ม มะนาวมองอย่างเข้าใจว่าเอื้องคำกำลังหมายถึงอะไร

พอลเดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้องพิธาน เขามองเล้วตัดสินใจกดกริ่งที่ประตู ประตูเปิดออก วันเป็นคนมาเปิดประตู
"เข้ามาสิ พีทรออยู่"
พอลเข้ามาในห้องก็เห็นพิธานกำลังรออยู่
"ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับนาย" พิธานบอก
พอลมองว่ามีอะไร
เช็คเจ็ดเงินสดเจ็ดหมื่นบาทถูกเลื่อนมาตรงหน้าพอล พอลมองด้วยความแปลกใจ
"เงินที่นายเอามาให้คุณสุเพื่อชดใช้แทนมิ้งค์ นายเอาคืนไป" พิธานบอก
"แต่...”
"ความเสียหายเรื่องมิ้งค์ ฉันทำ ฉันรับผิดชอบเอง"
"ครับ...”
"สิ้นเดือนนี้ ถ้าเคลียร์งานเสร็จ ผมจะขายหุ้นที่คราวน์ทั้งหมด ผมจะกลับไปอยู่อังกฤษ"
"ทำไมล่ะ พี่คิดว่าเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน" วันบอก
"ถ้าคุณพีทยังโกรธผม..ผม"
"ฉันแค่อยากทิ้งอดีตไว้ที่นี่" พิธานพูดกับวัน "ผมอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา"
วันมีสีหน้าลำบากใจ
"พี่อยู่ที่นี่ได้นะ ผมรู้ว่าพี่ฝันอยากจะกลับมาลงหลักปักฐานที่แผ่นดินเกิดสักวัน...ถ้าผมทำใจได้ ผมก็จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน"
วันกับพอลมองพิธานเพราะรู้ว่าห้ามไม่ได้แน่

วันกับพอลเดินออกมาจากห้อง วันเดินนำไป พอลกำลังจะตาม พิธานก้าวออกมาจากห้อง
พิธานเรียก "พอล...”
พอลชะงักก่อนจะหันมาว่ามีอะไร
"ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฝากดูแลพี่วันด้วยนะ" พิธานบอก
พอลรับคำ "ครับ...”
พอลจะหันกลับ
"ขอบใจมาก ไอ้น้องชาย" พิธานพูด
พอลชะงัก พิธานแค่ยิ้มแล้วกลับเข้าห้องไป พอลยิ้มนิด ๆ กับคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากพิธาน

ลันตากับสิปาดันเข้ามาเจอย่านวล อินทนนท์ที่มาช่วยสับเปลี่ยนให้สิปาดันได้พักบ้าง
"ไปรับกันมาเหรอ" นวลถาม
"เจอกันข้างล่างน่ะค่ะ มะนาวเป็นยังไงบ้างคะ" ลันตาถามกลับ
"จนป่านนี้ยังไม่ตื่น" อินทนนท์บอก
"ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ตื่น คงต้องปรึกษาหมออีกที"
เสียงอือเบาๆ ดังมาจากเตียงที่มะนาวนอน ทุกคนหันไปมองเห็นมะนาวค่อยๆ ขยับตัว ทุกคนรีบเข้าไปที่ข้างเตียงของมะนาว
สิปาดันเรียก "นาว!.....”
สิปาดันเข้าไปใกล้เตียงของมะนาว มะนาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแต่ไม่ได้มองมาทางสิปาดันเลย
"ใคร? สิปาเหรอคะ" มะนาวถาม
"นาว! คุณปลอดภัยแล้วนะ"
"ทำไมมันมืดจังเลยคะ"
ทุกคนมองหน้ากันงง ๆ เพราะไม่เข้าใจ
"สิปา...คุณอยู่ไหนคะ"
มะนาวเริ่มใช้มือเหวี่ยงสะเปะสะปะ ทุกคนงงทั้งที่ยืนอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมมะนาวทำเหมือนมองไม่เห็น
สิปาดันจับมือมะนาวไว้ "ผมอยู่นี่ นาว...”
มะนาวชะงักแล้วหันมาตามเสียง แต่ตากลับไม่ได้โฟกัสที่สิปาดันเลย
"สิปา...”
มะนาวเริ่มจับป่ายปะจากมือแล้วไล่ขึ้นไปที่หน้าสิปาดันแล้วจับอย่างพยายามจะเช็ค
"คุณจริงๆ เหรอ ทำไม...ทำไมนาวถึงมองไม่เห็นคุณ ทำไม!”
ทุกคนอึ้งกับอาการของมะนาว
"สิปา! นาวมองไม่เห็นคุณ ทำไมนาวถึงไม่เห็น"
มะนาวดูจะหวาดกลัวมากจนคุมตัวเองไม่อยู่ สิปาดันจำต้องกอดมะนาวเอาไว้
"ไม่ต้องกลัวนะนาว ผมอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว"
มะนาวซุกตัวกับสิปาดันร้องไห้อย่างหวาดกลัว ลันตาเจ็บปวดกับภาพที่ได้เห็น อินทนนท์กับนวลเครียดหนักที่เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

สิปาดันดูแลมะนาวทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดปาก มะนาวจับมือสิปาดันอย่างออดอ้อนตลอดเวลา
ลันตาได้แต่ทนมองสิปาดันดูแลมะนาวด้วยความเจ็บปวด
สิปาดันนอนหลับอยู่ที่โซฟา ลันตาหยิบผ้าห่มมาจะห่มให้กับสิปาดัน สิปาดันขยับรู้สึกตัว สิปาดันลืมตามองเห็นลันตาก็ยิ้มอย่างขอบคุณพร้อมกับจับมือลันตา ลันตานั่งลงข้าง ๆ
"เหนื่อยไหม?” ลันตาถาม
"ขอยาแก้เหนื่อยหน่อยนะ”
สิปาดันจะหอมลันตา
สิปาดันเห็นว่ามะนาวลืมตามองอยู่ มะนาวมองอย่างไม่ยอม
มะนาวพูดด้วยเสียงกลัวๆ "สิปา...สิปา"
สิปาดันชะงักแล้วลุกพรวดจากโซฟาพุ่งไปที่เตียงโดยทิ้งลันตาไว้
"ผมอยู่นี่นาว....”
มะนาวสวมกอดสิปาดัน
"นาวกลัว คุณอย่าไปไหนนะสิปา"
"ผมจะอยู่กับนาวตรงนี้นะครับ ไม่ต้องกลัวนะ"
มะนาวจับมือสิปาดันมาแนบกับหน้า สิปาดันมองอย่างเป็นห่วง ลันตาหันมามองสิ่งที่เกิดขึ้นอึ้งๆ

กีรติ แพท มิ้งค์ และพอลอึ้ง
"ตาบอด! ก็ไหนหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรไง" แพทว่า
"ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้" ลันตาบอก
"แล้วแบบนี้จะทำยังไงต่อล่ะครับ" กีรติถาม
"แบบนี้พี่สิปาก็ดิ้นไม่หลุดน่ะสิ" มิ้งค์ว่า
"แล้วคุณสิปาว่ายังไงล่ะครับ" พอลถาม
ลันตาพูดไม่ออกได้แต่น้ำตาคลอ
มิ้งค์ตกใจ "พี่ลันเป็นอะไร"
ลันตาไม่ตอบเพราะพูดไม่ออก แพทมองสภาพของลันตาก็รู้สึกเจ็บร้อนแทนเพื่อน

สิปาดันกลับเข้ามาในบ้าน ลันตานั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
"คืนนี้กลับมานอนบ้านใช่ไหม?” ลันตาถาม
"อืม...” สิปาดันตอบสั้นๆ
"อีกนานไหม?”
สิปาดันชะงัก "อะไรนะ?”
"เราจะต้องเป็นแบบนี้อีกนานไหม!”
"ลัน...ฉันทำให้มะนาวต้องเจ็บ"
"แล้วแกต้องเราชีวิตเราทั้งคู่ไปแลกกับความรู้สึกผิดของแกใช่ไหม ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ที่แกห่วงมะนาวเพราะรู้สึกผิดหรือมันมากกว่านั้น"
"ไม่เอาน่าลัน แกอย่าคิดมากสิ ตอนนี้ฉันแค่กำลังชดเชยให้กับมะนาวเท่านั้น นาวต้องสูญเสียหลายอย่าง แกเห็นใจเขาเถอะนะ ฉันเชื่อว่าถ้านาวเจ็บเพราะแก แกก็ต้องทำแบบฉันเหมือนกัน แกรักความถูกต้อง เป็นคนมีน้ำใจ ฉันถึงได้รักแกไง"
ลันตาอึ้งจนพูดไม่ออก

ลันตานอนหันหลังให้กับสิปาดัน สิปาดันเหลือบมองแล้วขยับเข้าไปกอดลันตาจากทางด้านหลัง
"ฉันรักแกนะลัน...”
ลันตามีสีหน้าเหมือนดีขึ้นเล็กน้อยและกำลังจะหันกลับมาคุย แต่เสียงมือถือสิปาดันดังขึ้นก่อน
"สวัสดีครับ ครับ...ผมสิปาดันกำลังพูดสาย คุณพยาบาล...ผมขอคุยสายกับมะนาวหน่อยครับ นาวเป็นอะไร....ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้าน"
สิปาดันหันมองเห็นลันตาที่กำลังมองมา
"ทำตามที่แกสบายใจเถอะ" ลันตาบอก
สิปาดันมองอย่างขอโทษ "ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้" สิปาดันวางสาย "ขอโทษนะลัน มะนาวเขาปวดหัว ผมต้องรีบไปดู"
สิปาดันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป ลันตาน้ำตาร่วงด้วยความอึดอัดใจ

เช้าวันใหม่ เอื้องคำหันกลับมาอย่างหัวเสีย
"ฉันไมได้ผิดสัญญากับเธอ"
"คุณพี่รับเงินไปแล้ว ก็ควรจะแยกมะนาวออกไปจากสิปา" อินทนนท์บอก
"ตอนนี้หลานฉันก็ไม่ได้วิ่งตามหลานเธอ เป็นหลานเธอต่างหากที่ตามดูแลหลานสาวฉัน"
"เราจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง แต่พี่เอื้องคำช่วยจัดคนมาดูแลแทนสิปาได้ไหมคะ"
"เธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า หลานฉันต้องตาบอดเพราะสิปา เธอยังจะผลักไสไล่ส่งคนเจ็บอีกงั้นเหรอ"
"นวลพร้อมจะให้เงินค่ารักษาและดูแลมะนาวเป็นอย่างดี"
"แล้วอนาคตการเป็นแอร์ของมะนาวล่ะ พวกแกจะเอาอะไรมาชดใช้"
"นวลจะหาคุณหมอที่รักษามะนาวให้หายให้ได้ค่ะ"
"วันก่อนก็ตรวจการมองเห็นไปแล้ว ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าหลานฉันมองอะไรไม่เห็น"
"วันนี้จะตรวจภายในดวงตาค่ะ นวลปรึกษาหมอแล้วถ้าเช็คแล้วมันไม่เสียหายมาก ยังไงก็ต้องรักษาได้"
เอื้องคำฟังแล้วก็อึ้งๆ

มะนาวนั่งอยู่ลำพังในห้องคนไข้ด้วยสีหน้ามีความสุข เอื้องคำเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด
"แกต้องออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้"
"ทำไมล่ะคะคุณป้า" มะนาวสงสัย
"พวกมันจะจับแกตรวจดวงตาด้วยเครื่อง ถ้าแกเข้าเครื่องตรวจยังไงมันก็ต้องจับได้"
"ไม่นะคะ นาวไม่ยอมเสียโอกาสนี้แน่ แต่ถ้านาวออกจากโรงพยาบาล บ้านสิปาก็ต้องสงสัย" มะนาวร้อนใจ "ทำยังไงดีคะคุณป้า"
เอื้องคำคิดหาวิธี

แพทพาลันตาเดินเข้ามาส่งที่ห้อง
"ฉันสุดจะทนแล้วนะเว้ย ถ้าแกยังปล่อยให้ตัวเองเจ็บป่วยพร้อมจะตายแบบนี้ ฉันจะไปวีนมะนาวให้มันหายบอดเลย" แพทโมโหแทน
"ฉันก็พยายามจะไม่เครียดแต่มันไม่รู้จะทำยังไง" ลันตาบอก
"มันต้องมีทางออกสิ"
ทั้งคู่กำลังจะถึงห้องแต่เจอสิปาดัน นวล และอินนทนนท์ที่รีบร้อนออกมา สิปาดันคุยโทรศัพท์
"ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
"มีอะไรเหรอสิปา" ลันตาถาม
สิปาดัน นวล และอินทนนท์มีสีหน้าเครียด
"มะนาวหายตัวไปจากโรงพยาบาล" สิปาดันบอก
ลันตากับแพทตกใจ

สิปาดัน ลันตา แพท นวล และอินทนนท์ลงมาข้างล่างเพื่อจะขึ้นรถไปโรงพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักที่เห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ เอื้องคำลงมาจากรถแล้วลากมะนาวลงมา มะนาวพยายามจะขืนตัว
เอื้องคำสั่ง "ลงมา!”
"นาวจะกลับบ้าน ให้นาวกลับบ้านนะคะคุณป้า นาวจะกลับไปหาพ่อ"
สิปาดันรีบวิ่งเข้าไป
"คุณป้า พามะนาวออกจากโรงพยาบาลทำไมครับ" สิปาดันบอก
"แล้วจะอยู่ต่อทำไมให้วุ่นวาย ฉันไม่ได้ว่างมากนะจะต้องไปคอยวิ่งตามดูแลนังหน้าโง่นี่"
"ที่คุณป้ากำลังพูดถึงนั่นหลานคุณป้านะครับ"
"ฉันไม่มีหลานปัญญาอ่อนแบบนี้ โง่เง่า ไม่มีหัวคิด เป็นเมียเขาก็ไม่ใช่ดัดจริตบูชารักเอาตัวรับไม้แทนเขา เจ็บเกือบตายแล้วมันเห็นหัวแกไหม มันก็มีความสุขอยู่กับเมียมัน ทิ้งอีบอดหน้าโง่อย่างแกเป็นภาระของฉัน"
"ผมล่ะอยากจะทำรูปปั้นที่ระลึกให้คุณป้าในฐานะบุคคลสุดเลวแห่งปีเลยจริงๆ หลานตัวเองแท้ๆ ยังไม่มีน้ำใจ นี่ป้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า" อินทนนท์ว่า
"ฉันแก่ป่านนี้แล้ว จะมีปัญญาไปดูแลใครได้ ใครมันทำให้แกบอดก็ให้มันรับผิดชอบ!” เอื้องคำว่า
"คุณป้า!”
"พามะนาวกลับไปเถอะครับ ผมจะจ้างพยาบาลไปดูแลให้เอง" อินทนนท์บอก
"ไม่ต้อง! ฉันไม่ชอบให้คนแปลกหน้าไปเดินเพ่นพ่านในบ้าน" เอื้องคำว่า
"ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เอา"
"แล้วมันใช่ภาระของฉันไหม"
มะนาวจับมือสิปาดันบีบแน่นแล้วน้ำตาร่วง
"พอเถอะครับ!" สิปดาันสงสารและเห็นใจที่เอื้องคำไม่สนใจความรู้สึกมะนาวเลย "ผมจะรับมะนาวมาดูแลเองครับ"
ทุกคนตกใจ
อินทนนท์ตกใจ "สิปา!”
"ผมตัดสินใจแล้วครับพ่อ ผมจะดูแลมะนาวเอง" สิปาดันยืนยัน
มะนาวกับเอื้องคำแอบลอบยิ้มให้กัน

สิปาดันเปิดประตูห้องพามะนาวเดินเข้ามาในห้องก่อนจะพาไปนั่งที่โซฟา
“นาวรออยู่ที่ห้องผมก่อนนะ เดี๋ยวผมมา..”
สิปาดันจะปล่อยมือจากมะนาว แต่มะนาวทำมือสะเปะสะปะไปคว้ามือสิปาดันไว้
“สิปาคะ...”
สิปาดันหันมามองมะนาว
มะนาวจับมือสิปาดันขึ้นมาแนบแก้ม “นาวไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากคุณถ้าไม่มีคุณ นาวก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตในสภาพแบบนี้ต่อไปยังไง”
สิปาดันสงสาร “ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะหาหมอรักษาให้นาวกลับมามองเห็นให้ได้”
“แล้วถ้านาวต้อง...” มะนาวทำท่ากลัว “ตาบอดแบบนี้ตลอดไปล่ะคะ”
“ผมจะรับผิดชอบชีวิตของนาวเอง ผมสัญญา”
มะนาวซาบซึ้งมาก
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
สิปาดันมองมะนาวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เดี๋ยวผมมานะ”
สิปาดันมองมะนาวอย่างหนักใจแล้วเดินออกไปจากห้อง
ประตูห้องปิด มะนาวมองไปรอบๆ ห้อง เธอมองสำรวจจนไปหยุดที่รูปแต่งงานของสิปาดันกับลันตา มะนาวยิ้มอย่างร้ายกาจ

สิปาดันเดินเข้ามาเห็นลันตายืนนิ่งอยู่ที่ริมสระ
“ลัน...” สิปาดันเรียก
เสียงอินทนนท์ดังขึ้น “พ่อไม่เห็นด้วยนะที่แกจะรับมะนาวมาดูแลเองแบบนี้”
“ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นครับ ผมจะหาหมอที่เชี่ยวชาญ หาทางรักษาให้มะนาวกลับมามองเห็นเหมือนเดิมให้ได้ครับ” สิปาดันบอก
“ด้วยการเอามะนาวเข้าไปอยู่ในบ้านที่แกกับไอ้ลันอยู่ด้วยกันเนี่ยนะ ฉันไม่เห็นด้วย!” แพทว่า
“พามะนาวกลับไปคืนป้าเอื้องคำ พ่อจะเจรจากับเขาเอง เขาอยากได้เงินเท่าไหร่พ่อก็จะให้” อินทนนท์บอก
“พ่อก็เห็นว่าเขาปัดภาระจงใจเอามะนาวมาทิ้งที่นี่ นี่หลานแท้ๆ ของเขานะครับ ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าได้เงินไปแล้วเขาจะดูแลนาวอย่างดี”
“งั้นก็หาสถานพักฟื้น ที่ไหนก็ได้ที่มีคนดูแล แล้วส่งมะนาวไป” แพทบอก
“ถ้างั้นเราก็ไม่ต่างกับป้าเอื้องคำ เอาเขาไปทิ้งที่อื่น แล้วความรู้สึกของมะนาวล่ะ ตาบอด ตกงาน ถูกทิ้ง ฉันทำไม่ลงว่ะ” สิปาดันว่า
“แล้วความรู้สึกไอ้ลันล่ะ!” แพทถาม
“ฉันจะตัดสินใจเอง” ลันตาบอก
ทุกคนมองไปที่ลันตา
ลันตาพูดกับสิปา “ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องมะนาวได้ไหม?”
“ลัน...”
“เราเป็นสามีภรรยา เรื่องในบ้านเราควรจะตัดสินใจร่วมกันไม่ใช่เหรอสิปาทุกคนเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน ถ้าฉันตัดสินใจ
ทุกคนถึงจะโอเค” ลันตาพูดกับทุกคน “ใช่ไหมคะ?”
“ใช่!” แพทตอบ
“พ่อยังไงก็ได้ ขอแค่ให้แกกับหนูลันไม่มีปัญหากัน” อินทนนท์บอก
สิปาดันมองลันตา “แล้วแกจะตัดสินใจว่ายังไง”
ทุกคนมองลันตา
“ลันตัดสินใจให้สิปารับมะนาวมาดูแลค่ะ”
สิปาดันอึ้ง คนอื่นๆ ตกใจ
“ไอ้ลัน...ยอมได้ยังไงวะ!” แพทว่า
“เพราะฉันเข้าใจสิปา วันที่ลันอยากดูแลตาหนู ก็มีสิปาที่เข้าใจและคอยช่วยลัน...วันนี้ลันก็เข้าใจว่าที่สิปาอยากดูแลมะนาวเพราะอะไร ลันอยากเป็นคนที่เข้าใจและคอยช่วยสิปาเหมือนกัน”
สิปาดันประทับใจที่ลันตาเข้าใจ “ขอบคุณนะลันที่เข้าใจฉัน”
แพทกับอินทนนท์อยากจะแย้งแต่ลันตาหันมาพูดกับทุกคน “ลันเชื่อว่าสักวันมันจะมีทางออกที่ดีสำหรับเราทุกคน ลันตัดสินใจแล้ว ขอให้เป็นไปตามนั้นนะคะ”
ทุกคนไม่อยากแย้งอีก

มะนาวคุยมือถือที่แอบพกมาด้วย
“สิปาไม่มีทางไล่นาวไปแน่ๆ”

เอื้องคำได้ยินก็มีสีหน้าสะใจ
“ทุกอย่างเข้าข้างเราจริง ๆ แกต้องขยี้ให้พวกมันแตกกันให้ได้ ถ้าพวกมันไม่มีความสุข นังนวลกับมาลัยก็ต้องไม่มีความสุขเหมือนกัน”
มะนาวยิ้ม “ขอบคุณมากค่ะคุณป้า ที่สร้างโอกาสให้นาว”
มะนาวมีสีหน้าร้ายกาจ

แพทอึดอัดกับการตัดสินใจของลันตา แต่ลันตาก็จับมือแพทไว้เพื่อปรามไม่ให้พูด
“โอเค! ฉันปลาบปลื้มที่มีเพื่อนที่จิตใจดี มโนธรรมสูง แต่ช่วยบอกฉันทีสิ ว่าที่พวกแกจะดูแลมะนาว ดูแลยังไง ให้มะนาวอยู่ห้องเดียวกับพวกแกงั้นเหรอ” แพทว่า
ลันตาเครียด
แพทพูดต่อ “ให้กิน นอน อยู่กับพวกแก จะอยู่กันแบบไหนยังไง นอนเตียงเดียวกับพวกแกหรือไง”
สิปาดันกับลันตาเครียดทั้งคู่
“นนท์...เอายังไงดี” นวลถาม
“เรื่องนี้พ่อจัดการให้เอง” อินทนนท์บอก
ทุกคนมองอินทนนท์ว่าจะเอายังไง

อินทนนท์เปิดประตูห้องสิปาดันเข้ามาตามมาด้วยนวล สิปาดัน มะนาว ลันตา และแพท
“ให้มะนาวอยู่ห้องข้างๆ ห้องพวกแก จะมาดูแลก็ง่าย” อินทนนท์พูดกับสิปาดันและลันตา “พวกแกจะได้มีเวลาส่วนตัวด้วย แล้วนี่ก็..”
อินทนนท์ส่งวิทยุสื่อสารวอล์คกี้ทอล์คกี้ให้กับสิปาดัน
“มีอะไรก็สื่อสารกันได้ง่าย” อินทนนท์บอก
“นาวต้องอยู่คนเดียวเหรอคะ” มะนาวถาม
“ก็มีบ้างตอนกลางวันที่ผมต้องไปทำงาน” สิปาดันบอก
“นาวกลัวน่ะค่ะ มองไม่เห็น อยู่ในที่ ๆ ไม่เคยชิน”
“ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนได้นะ” ลันตาบอก
“แต่แกก็ต้องทำงานนะลัน” แพทแย้ง
“จริงสินะ ทุกคนต้องทำงาน นาวก็อยากกลับไปทำงานเหมือนกัน”
มะนาวเสียงเครือจนสิปาดันเห็นใจ
“อย่าคิดมากเลยนะนาว” สิปาดันปลอบ
“สิปา...นาวขอโทษที่ต้องรบกวนคุณ เป็นภาระกับทุกคน” มะนาวพูด
“พรุ่งนี้ย่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเวลาที่ทุกคนไปทำงาน ดีไหม? ย่าไม่ต้องทำงานอะไร หนูมะนาวก็ไม่เหงาด้วยดีไหมคะ” นวลว่า
มะนาวยิ้มรับไม่เต็มที่นัก “ขอบคุณค่ะคุณย่า”
“นาวไปนอนพักก่อนเถอะนะ” สิปาดันบอก
“นาวอยากล้างมือก่อนได้ไหมคะ”
สิปาดันพามะนาวเข้าไปในห้องน้ำแล้วจัดการช่วยล้างมือให้กับมะนาว
“ถ้าไม่ติดว่าตาบอด ฉันถีบนะจริงๆ เรียกร้องความเห็นใจสุดๆ” แพทว่า
“สงสารเขาเถอะน่า” ลันตาบอก
“โหมดแม่พระของแก ช่วยเอามาสงสารตัวเองบ้างก็ดีนะ”
แพทฮึดฮัดอย่างหัวเสีย ลันตามองสิปาดันที่ดูแลมะนาวด้วยความอึดอัด นวลกับอินทนนท์มองสถานการณ์ด้วยความหนักใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 15 (ต่อ)
สิปาดันกลับเข้ามาในห้องแล้ววางวอล์คกี้ทอล์คกี้ลงบนโต๊ะ เขามองกับข้าวที่ลันตาเตรียมไว้ให้

“คุณย่าล่ะ” สิปาดันถาม
“นอนแล้ว...คุณลุงบอกว่าอีกสองสามวันจะลงมาอีกทีนะ” ลันตาบอก
ลันตาตักข้าวใส่จานเอามาวางตรงหน้าสิปาดัน
“มะนาวหลับไปแล้วเหรอ” ลันตาถาม
“อืม...”
“กินข้าวเถอะ วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว”
สิปาดันลงนั่งมองลันตาแล้วก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆ
“ฉันขอโทษนะ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ แกคงอึดอัด” สิปาดันพูด
“แล้วแกคิดว่าจะทำยังไงต่อไป” ลันตาถาม
“ตอนนี้ที่นึกออกคือต้องหาหมอที่รักษามะนาวให้หายให้ได้”

มะนาวนั่งอยู่ในห้อง ในมือของเธอมีวอล์คกี้ทอล์คกี้ที่สิปาดันให้ไว้ มะนาวมองไปทางห้องสิปาดันแล้วมองที่วอล์คกี้ทอล์คกี้
ลันตาหันมาถามสิปาดันอย่างกังวล
“แล้วถ้าไม่หายล่ะ”
สิปาดันถอนใจด้วยความเครียด “ก็ยังไม่รู้ว่าจะยังไงดีเหมือนกัน”
ลันตาเดินมานั่งข้างๆ สิปาดันแล้วเอาหน้าผากตัวเองชนกับหน้าผากสิปาดัน
ลันตาปลอบด้วยความเป็นห่วง “ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันก็ต้องมีทางออกนะ”
สิปาดันกอดลันตา ทั้งสองต่างให้กำลังใจกัน ทันใดนั้นเสียงวอล์คกี้ ทอล์คกี้ก็ดัง
“สิปาคะ ช่วยนาวทีค่ะ”
สิปาดันกับลันตารีบไปที่ห้องมะนาว

สิปาดันเปิดประตูเข้าไปแต่ไม่เห็นมะนาว ลันตาเดินตามมา
“นาว...คุณอยู่ไหน”
“ในห้องน้ำค่ะ” เสียงมะนาวดังออกมา “สิปาหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าให้นาวเข้ามาให้นาวได้ไหมคะ”
สิปาดันลำบากใจแต่ก็เดินไปหยิบผ้าขนหนู ลันตาทนไม่ได้
“แกไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ลันตาเห็นสิปาดันมองคล้ายจะว่าไหวเหรอ “ฉันทำได้ ออกไปก่อน ไปสิ!”
สิปาดันเดินออกไป ลันตาเปิดประตูห้องน้ำก็เห็นเสื้อผ้าที่ถูกถอดไว้ของมะนาวกองอยู่ที่พื้น ลันตามีสีหน้าเครียด

สิปาดันเดินออกมาหน้าห้องก็เจอกับพอลที่กลับเข้ามา
“สิปา...ห้องนี้เหรอที่ว่าพามะนาวมาอยู่” พอลถาม
สิปาดันพยักหน้ารับเครียดๆ “อืม”
“สีหน้าคุณดูแย่มากนะ”
“ผมสงสารลันน่ะ ตอนที่เขาป่วย ผมตั้งใจว่าจะเลิกติดต่อกับมะนาวเด็ดขาด แต่ตอนนี้กลายเป็นทั้งผมกับลันต้องดูแลมะนาวใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม สีหน้าลันไม่มีความสุขเลย”
พอลได้แต่ตบไหล่สิปาดันเบาๆ อย่างเห็นใจ สิปาดันถอนใจด้วยความเครียด

มะนาวที่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยหันมา มะนาวยกมือจะติดกระดุมเสื้อตัวนอก เธอพยายามไล่ แตะหากระดุมจะติด ลันตาขยับเข้ามาจัดการติดกระดุมเสื้อให้มะนาว มะนาวแอบมองลันตาในจังหวะที่ลันตาเผลอ
“ขอโทษนะลัน ที่ฉันทำให้เธอต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไร...ฉันต้องขอบคุณที่เธอช่วยสิปาเอาไว้”
“เพราะฉันรักสิปา รักมากจนทนสูญเสียเขาไม่ได้”
ลันตามองหน้ามะนาว มะนาวมีสายตาเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
“แต่ฉันอยากดูแลเขา ดูแลคนที่ฉันรัก ไม่ใช่เป็นภาระของเขาแบบนี้” มะนาวว่า
“เราจะรักษาเธอให้หาย ระหว่างนี้เธอทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดมาก”
“ขอบคุณนะลัน เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน จะเปลี่ยนเสื้อผ้าจะทำอะไรมันก็เข้าใจกันง่าย แต่ถ้าเธอไม่อยู่ สิปาก็คงต้องเป็นคนทำให้ฉัน ถึงเราจะคุ้นเคยกัน” มะนาวตั้งใจยั่วประสาท “แต่ถ้าต้องเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้ ฉันกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับความรู้สึกของเธอ”
ลันตาชะงักแล้วมีสีหน้าเครียด
“เสร็จแล้ว...ดื่มน้ำไหม เดี๋ยวฉันเทให้” ลันตาถาม
“ขอบใจจ้ะ”
ลันตาเดินออกไป มะนาวมองตามแล้วแอบยิ้มร้ายด้วยความสะใจ

สิปาดันกับลันตานอนอยู่บนเตียง ลันตานอนไม่หลับจึงลืมตามองเพดานห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เสียงมะนาวกลับมาในหัวลันตา “ถึงเราจะคุ้นเคยกัน แต่ถ้าต้องเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าให้ ฉันกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับความรู้สึกของเธอ”
ลันตาเหลือบมองสิปาดันที่นอนหลับตา ลันตาพลิกตัวหันหลังให้ด้วยความรู้สึกอึดอัดและเกลียดสภาวะแบบนี้มาก เธอกำหมอนแน่นรู้สึกทรมานที่ไม่สามารถลบความระแวงจากตัวเองได้ สิปาดันลืมตาแล้วหันไปมองลันตาก่อนจะขยับเข้ากอดลันตาจากด้านหลัง
“ขอบคุณนะลัน...ขอบคุณที่เข้าใจฉัน”
ลันตาได้แต่นอนนิ่งน้ำตาคลอ

แพทนั่งรอพลางคุยโทรศัพท์อย่างเครียด ๆ
“คุณกบ ช่วยคุยกับพี่อธิปขอเลื่อนเวลาพรีเซ้นต์ไปสักช่วงบ่ายได้ไหม เรื่องคอนเซ็ปท์เที่ยวทั่วกรุงเทพฯด้วยจักรยานน่ะ คือ...ไอ้ลันมันเรียกฉันออกมาแต่เช้าเนี่ย เสียงมันดูไม่โอเคเลย...คุณช่วยฉันทีนะ”
แพทเห็นลันตาเดินเข้ามาในร้าน
“ลันมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะคุณ” แพทว่า
ลันตาเข้ามานั่งด้วยสีหน้าอ่อนเพลียมาก
“ไหนแกว่าไหวไง” แพทว่า
“ได้อีกนิด..” ลันตาพูดด้วยเสียงแบบใกล้จะหมดความอดทน “อีกนิดเดียวจริงๆ ถึงจะอยู่คนละห้อง แต่ทุกครั้งที่สิปาอยู่กับฉัน จะต้องมีเรื่องให้เรียกร้องความสนใจจากสิปาตลอดเวลา”
“ก็แกไม่น่ายอม”
“แพท ถ้าฉันไม่ยอม สิปาจะต้องรู้สึกติดค้างกับมะนาวไปชั่วชีวิต สิปาก็เหมือนฉันทนอยู่กับความรู้สึกผิดได้ไม่นาน เขาจะต้องวิ่งไปหามะนาว ทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิด ฉันจะกลายเป็นคนที่ผลักสิปาไปให้มะนาว...แกเข้าใจไหม”
“แต่เอามาอยู่ใกล้ตัวแบบนี้” แพทว่า
“อย่างน้อยก็อยู่ในสายตา และที่สำคัญ สิปาจะเกรงใจฉันมากกว่ามะนาว”
แพทเห็นใจ “ทำไมมีความรักนี่มันต้องซับซ้อนวุ่นวายขนาดนี้นะ เห็นแกเป็นแบบนี้แล้วฉันกลัวเลย ยอมอยู่เป็นโสดไม่ต้องเอาชีวิตผูกกับใครเลยดีกว่า”
“เส้นทางความรักของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอกนะ แกอาจไม่มีอุปสรรคเหมือนฉันก็ได้”
แพทเห็นใจ “แต่อุปสรรคมีไว้ฝ่าฟันนี่นะ แกเคยพูด ฉันจำได้ สู้เว้ยเพื่อน”
“ขอบใจ...”
เสียงมือถือลันตาดัง ลันตามองแล้วรีบกดรับ
“สวัสดีค่ะคุณย่า”

มาลัยเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากลิฟท์โดยมีอังเดินตามออกมา
“ตื่นหรือยัง ไอ้ตัวแสบ ย่าเอาน้ำพริกกับขนมมาฝากแกกับไอ้หลานเขย รีบมาเปิดประตูเร็วเข้า”
“เปิดประตู! นี่คุณย่าอยู่ที่ไหนคะ” ลันตาถาม
“ก็หน้าห้องที่คอนโดแกน่ะสิ ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นด้วย” มาลัยสงสัย “แกมีอะไรหรือเปล่า”
“ลันออกมาข้างนอกน่ะค่ะ คุณย่ารอแป๊บเดียวนะคะ ลันจะรีบกลับไป”
ลันตากดวางสายแล้วคว้ากระเป๋าจะไป
“ไอ้ลัน...นี่แกยังไม่ได้บอกเรื่องมะนาวกับคุณย่าใช่ไหม” แพทถาม
“ก็ฉันยังตั้งตัวไม่ติดเลย รีบไปก่อนเถอะน่า”
ลันตารีบเดินไป แพทรีบเดินตาม

มาลัยกับอังเดินมาที่หน้าห้องก็ชะงักที่เห็นสิปาดันกำลังเดินถือถาดอาหารไปกับนวลโดยกำลังจะเข้าห้องมะนาว
“พี่นวล สิปา” อังตกใจ
นวลกับสิปาหันมาเห็นมาลัยก็ตกใจ
“สวัสดีครับคุณย่า คุณป้า” สิปาดันยกมือไหว้
“มาเยี่ยมหนูลันเหรอ หนูลันออกไปแต่เช้าแล้วจ้ะ” นวลบอก
“ยัยลันกำลังจะกลับมาแล้ว” มาลัยบอก
“แล้วนี่จะยกข้าวไปให้ใครเหรอ” อังถาม
มาลัยมองมือนวลที่จับอยู่ที่ประตูและกำลังจะเปิด “แล้วนี่ห้องใคร?”
นวลมองหน้าสิปาดัน “สิปา...”
“อาการนี้นี่....พวกเธอมีอะไรที่ไม่ได้บอกฉันกันใช่ไหม” มาลัยว่า
สิปาดันกับนวลมองหน้ากันอย่างลำบากใจ

สิปาดันป้อนข้าวให้กับมะนาว มะนาวนั่งนิ่งเพราะรู้สึกเกร็ง มาลัยกับอังฟังนวลเล่าเรื่องของมะนาว มะนาวแอบบีบมือเบาๆ เพื่อพยายามคลายอาการเกร็งจากการที่ต้องอยู่ต่อหน้ามาลัย มะนาวพยายามไม่โฟกัสมาลัยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบมองเพื่อจับท่าทีของมาลัย
มาลัยรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ก็เหลือบไปทางมะนาว จนเห็นจังหวะที่มะนาวหลบสายตาพอดี มาลัยสะดุดเล็กน้อยแล้วมองไปทางอื่นอย่างใช้ความคิด
“สิปาก็เลยต้องตัดสินใจรับมะนาวมาดูแล...” นวลบอก
“ทำไมพี่เอื้องคำถึงได้ร้ายกาจแบบนี้นะ” อังว่า
สิปาดันเทน้ำจากขวดพลาสติกให้กับมะนาวแล้ววางบริเวณที่มะนาวนั่ง มาลัยขยับเข้าไปหามะนาวแล้วมองมะนาวด้วยสีหน้าเข้ม มะนาวใจสั่นมากเพราะกลัวมาลัยจะจับได้
“น่าสงสารนะ มีป้าเห็นแก่ตัวแบบนั้น พวกเธอสงเคราะห์เขาก็ดีแล้วล่ะ มองไม่เห็นแบบนี้จะทิ้งขว้างกันก็คงไร้น้ำใจเกินไป จริงไหม”
มะนาวยิ้มรับนิดอย่างขอบคุณด้วยความย่ามใจว่ามาลัยเชื่อ
“ขอบคุณค่ะคุณย่า”
“ขอบคุณนะครับที่คุณย่ากับคุณป้าเข้าใจผม” สิปาดันบอก
“ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเป็นเรื่องที่ดี ย่าก็ต้องสนับสนุน...”
จังหวะที่มาลัยหันกลับมาหามะนาว มาลัยก็ใช้จังหวะนี้ปัดขวดน้ำจนขวดน้ำหล่น มาลัยเห็นสีหน้ามะนาวตกใจแล้วเผลอตัวทำท่าจะรับ แต่มะนาวรู้ตัวว่าเผลอแสดงออกว่ามองเห็นจึงชะงักไม่รับแล้วปล่อยให้ขวดตกพื้น จังหวะที่มะนาวมองไปก็เห็นมาลัยมองอยู่ มะนาวใจหายวาบแต่ต้องพยายามเก็บอาการอย่างลุ้นระทึกว่ามาลัยจะจับผิดเธอได้ไหม มาลัยไม่พูดอะไรแล้วก็เก็บขวดขึ้นมา
“สิปา...” มาลัยเรียก
มะนาวเกร็งมากเพราะคิดว่าโดนจับได้แน่แล้ว
“ย่าไปนั่งรอที่ห้องแกดีกว่านะ ลันน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว ไป...แม่อัง” มาลัยบอก
“เดี๋ยวผมพาไป” สิปาดันบอก
“ไม่ต้อง อยู่ดูแลแม่หนูนี่เถอะ”
มาลัยกับอังเดินออกไป มะนาวแอบมองตามด้วยอาการโล่งใจ

ลันตาเดินเข้ามาเห็นมาลัยกับอังที่รออยู่อย่างพร้อมเอาเรื่อง
“นานแค่ไหนแล้วที่ต้องดูแลแม่มะนาว” มาลัยถาม
“เป็นอาทิตย์แล้วค่ะ” ลันตาตอบ
มาลัยไม่พอใจ “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วไม่บอกย่า!”
“ลันขอโทษค่ะ แต่ลันเองก็ตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน”
“ยอมให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง แล้วแม่นี่ใช่ไหมที่เล่นสงครามประสาทจะแย่งสามีกับเราน่ะ” อังถาม
แพทแทรกรับอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนมาก “ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ เรียกร้องความสนใจ ขัดขวางความสุขในชีวิตคู่ไอ้ลันอย่างมากมาย ทำตัวน่าสงสารทุกวัน ตอนตาปกติว่าประสาทแล้ว ตอนตาบอดนี่โรคจิตชัด ๆ เลยค่ะ”
ลันตาปราม “ไอ้แพท!”
“ว่าไงล่ะ ทำไมเราถึงยอม” มาลัยถาม
“เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยสิปา ลันเห็นสภาพเขาก็สงสารนะคะย่า จะให้ลันเห็นแก่ตัว ไล่เขาไป..ลันก็ทำไม่ลง ย่าสอนลันเสมอว่าให้เมตตา”
มาลัยพูดต่อทันที “กับคนที่ควรเมตตา.. ยัยลัน...ถ้าสิ่งที่เราเห็นไม่ใช่เรื่องจริงล่ะแกจะทำยังไง”
อัง ลันตา กับแพทมองมาลัยว่าหมายความว่ายังไง

สิปาดันเก็บจาน นวลป้อนน้ำให้มะนาวดื่มจากแก้ว
“ช้า ๆ นะหนู”
นวลเช็ดปากให้กับมะนาวด้วยสีหน้าอ่อนโยน มะนาวที่มองเห็นรู้สึกประทับใจกับความอ่อนโยนของนวล
มะนาวขยับมือขึ้นมาจับมือของนวล “อุ่นจังเลยค่ะ มือของผู้ใหญ่ในบ้านอบอุ่นขนาดนี้เลยเหรอคะ..นาวมีพ่อ พ่อก็เล่นแต่การพนัน ป้าเอื้องคำก็เอาแต่บีบบังคับให้ทำอย่างที่ป้าเขาต้องการ นาว...รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก”
นวลสงสาร “การถูกทำร้ายจิตใจมันทรมานมากใช่ไหมลูก ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรทำกับใครเขานะ”
มะนาวชะงักไปเล็กๆ เพราะรู้สึกเหมือนโดนเตือน
“ที่หนูต้องตาบอด ย่าและทุกคนพร้อมจะรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่ว่าต้องแลกด้วยชีวิตแต่งงานของใคร ย่าจะไม่ทิ้งหนู...แต่จะให้ทุกคนมาคอยดูแลก็คงไม่ได้ อาจจะดูเหมือนย่าใจร้าย แต่นาวก็ต้องฝึกที่จะอยู่ด้วยตัวเองให้ได้โดยไม่มีสิปาดัน ย่ารับรองนะว่านาวจะสุขสบายตามสมควร ถ้านาวเข้าใจอีกไม่นานย่าจะพานาวขึ้นไปอยู่ที่เชียงใหม่ ที่นั่นอากาศดีกว่าที่นี่”
“แต่นาวว่าสิปาคงไม่ยอมหรอกค่ะ”
“ยอมสิจ๊ะ...ถ้าหนูเอ่ยปาก ลองคิดดูดีๆนะ”
ลับหลังนวล มะนาวก็มองแบบไม่ยอม

ลันตาลังเลเพราะไม่แน่ใจ
“ถ้าเขาแกล้งจริงๆ มันก็น่าจะหลุดให้หนูจับได้บ้าง” ลันตาว่า
“ก็ไปพิสูจน์กันเดี๋ยวนี้เลย” อังบอก
“จริงค่ะคุณป้า ลุยเลยค่ะ” แพทสนับสนุน
“หยุดเลย! ถ้าพวกแกไปคาดคั้นตอนนี้ ก็จะเปิดทางให้แม่มะนาวเรียกความสงสารจากสิปาเพิ่มเป็นเท่าตัว” มาลัยว่า
“โอ้ย! วุ่นวาย แล้วจะทำยังไงกันคะคุณพี่” อังถาม
“ของแบบนี้มันต้องดูให้แน่ใจแล้วค่อยแฉชุดใหญ่” มาลัยเห็นลันตาดูเหนื่อยก็พยายามปลอบ “การแต่งงานไม่ใช่บทสรุป สุดท้ายของความรัก แต่มันเป็นบทพิสูจน์ ความอดทนต่อชีวิตคู่ของคนสองคน...ถ้าลันเห็นว่ามันมีค่า ลันต้องอดทนและก้าวข้ามมันไปให้ได้”
ลันตาฟังมาลัยอย่างพยายามทำความเข้าใจ

นวลแต่งตัวให้มะนาวเรียบร้อยแล้วก็พาเดินออกมา
“เด็กที่บ้านย่าไม่ค่อยสบาย ย่าจะกลับไปเชียงใหม่สักสองสามวันนะ” นวลบอก
สิปาดันจัดการเอาแก้วนมมาวาง
มะนาวทำเป็นกังวลมาก “นาวก็ต้องอยู่คนเดียวใช่ไหมคะ”
สิปาดันวางมือบนบ่ามะนาว “ไม่ต้องกังวลนะ วันนี้ผมแค่เข้าออฟฟิศไม่มีบิน เที่ยงจะกลับมาจัดการเรื่องข้าวเที่ยงให้”
ลันตาถือถุงโจ๊กเข้ามาแล้วก็ชะงักที่เห็นท่าทีของมะนาว
มะนาววางมือบนมือของสิปาดันแล้วดึงมาจูบเบาๆ “ขอบคุณนะคะสิปา”
สิปาดันชะงักเล็กน้อย
“สิปา...”
สิปาดันดึงมือจากการจับของมะนาวแล้วหันมาหาลันตา
“ฉันซื้อโจ๊กมาให้แล้ว” ลันตาบอก
“ดีเลย งั้นฉันฝากดูแลมะนาวแป๊บนึงนะ ฉันลงไปส่งย่าขึ้นรถก่อน” สิปาดันบอก
“อืม”
“ย่าไปก่อนนะ” นวลบอก
มะนาวกับลันตายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณย่า”
สิปาดันพานวลเดินออกไป
“หิวหรือยัง” ลันตาจัดการเทโจ๊กใส่ชาม
“นิดหน่อยจ้ะ” มะนาวตอบ
“ฉันป้อนให้นะ” ลันตาบอก
มะนาวเห็นว่าโจ๊กควันลอยกรุ่นด้วยความร้อน
“จ้ะ”
ลันตามองท่าทีมะนาวแล้วตักโจ๊กยื่นมาให้มะนาวด้วยระยะห่างอย่างจงใจทดสอบ มะนาวอึ้งนิ่ง
“กินสิ...”
“เธอต้องเอามาชิดปากฉัน” มะนาวบอก
“ได้...”
ลันตาเอาช้อนไปชิดปากมะนาว
มะนาวบ่น “ร้อน!”
มะนาวปัดช้อนทิ้ง
“โจ๊กมันร้อนมากเลยนะ ลัน...”
“ขอโทษที ฉันก็ลืมไปว่าเธอมองไม่เห็น”
ลันตาขยับเข้าไปจ้องหน้ามะนาว มะนาวอึดอัดมากเพราะเหมือนโดนบีบให้ต้องใช้สายตามอง
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“เวลาที่ตามองไม่เห็นนี่มันรู้สึกยังไงเหรอนาว...” ลันตาถาม
“อึดอัด สิ้นหวัง มันไม่มีความสุขหรอกลัน” มะนาวบอก
ลันตายิ่งเข้าไปจ้องใกล้ๆ มะนาวมากขึ้น “แต่ฉันดูสีหน้าเธอไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลยนะ เธอดูมีความสุขมาก มากเกินไปด้วยซ้ำกินข้าวอีกสักคำนะ”

ลันตาตักข้าวต้มอีก เธอค่อยๆ ขยับช้อนแต่คราวนี้จงใจยกให้ตรงกับตาของมะนาว ลันตาขยับช้า ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของมะนาว มะนาวพยายามจะไม่โฟกัสแต่ลันตาขยับช้อนเข้ามาใกล้ทุกที มะนาวจึงถอยนิด ๆ เพราะรู้สึกเหมือนจวนตัวว่าจะโดนจับได้
มะนาวตัดสินใจพูด “เมื่อคืนสิปากอดฉัน”
ลันตาชะงัก
“ไม่จริง....”
มะนาวตั้งใจยั่วประสาทเพื่อให้ลืมเรื่องตาของตัวเอง “เขาบอกฉันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาสบายใจที่รับฉันมาดูแลได้อย่างเปิดเผย”
ลันตาหงุดหงิด “เลิกโกหกสักที”
“เธอคิดว่าที่เขาต่อสู้เพื่อรับฉันมาดูแลเพราะแค่รับผิดชอบงั้นเหรอลันตา...น่าสมเพช”
ลันตาโมโหจึงกระชากเสื้อมะนาว
“เธอโกหกเราใช่ไหม เธอไม่ได้ตาบอด”
สิปาดันเปิดประตูเข้ามา
มะนาวเห็นสิปาก็ออกอาการกลัวลันตา “อย่าทำฉันนะลัน ฉันกลัวแล้ว”
“ลัน!” สิปาดันเรียก
สิปาดันรีบเข้ามาแยกลันตาออกจากมะนาว
สิปาดันถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันรู้ว่าเธอหึงสิปา แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้”
ลันตาเห็นสิปาดันมองคล้ายจะถามว่าจริงเหรอ ลันตาปรี๊ด “โกหก!”
ลันตาจะเดินเข้าไป แต่สิปาดันดึงตัวลันตาเอาไว้
“ลัน! พอแล้ว!”
“ปล่อยฉันนะสิปา”
สิปาดันเห็นท่าไม่ดีจึงลากลันตาออกไป มะนาวแอบมองตามด้วยความสะใจ

สิปาดันพาลันตาเข้ามาในห้อง ลันตาสะบัดเต็มที่
“ปล่อยฉันสิ ปล่อย!” ลันตาว่า
“แกเป็นอะไรลัน” สิปาดันถาม
“ฉันเบื่อ ฉันไม่อยากให้มะนาวมาอยู่ในชีวิตของเราอีกแม้แต่นาทีเดียว”
“แกก็รู้ว่าฉันทิ้งเขาไม่ได้”
“แกทิ้งไม่ได้เพราะรู้สึกผิดหรือเพราะว่าเป็นแฟนเก่า”
“ฉันเคยบอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับนาว แล้วแกก็บอกว่าแกเชื่อฉัน”
“ฉันเคยเชื่อแกมาตลอด แต่ตอนนี้ที่เห็นแกเป็นเดือดเป็นร้อน ทุ่มเทกับการดูแลเหลือเกิน มันทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าแกยังเป็นสิปาคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักหรือเปล่า”
“ลัน ใจเย็น ๆ ฟังฉันนะ ฉันแค่ต้องการรับผิดชอบที่มะนาวต้องเจ็บแทนฉันเท่านั้น”
“งั้นแกก็ฟังฉันบ้าง ฉันไม่สบายใจที่ต้องดูแลผู้หญิงคนนั้น มีวิธีอื่นอีกมากมายที่จะดูแลผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่นี่”
“ลัน...ทำไมแกถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ เมื่อก่อนแกเป็นคนที่มีน้ำใจกับทุกคน”
“น้ำใจของฉันให้กับคนที่หวังดีต่อกันเท่านั้น แต่มะนาวไม่ใช่ เขาตั้งใจจะแย่งแกไปจากฉัน ทำทุกอย่างเพื่อให้เราแยกกัน”
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่สภาพตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก แกคิดมาก”
“แกจะบอกว่าฉันเพ้อ สร้างเรื่องใส่ร้ายมะนาวใช่ไหม”
สิปาดันปวดหัว “ไปกันใหญ่แล้วลัน เมื่อก่อนแกเป็นคนพูดเข้าใจง่ายกว่านี้”
ลันตาปรี๊ดหนัก “แกว่าฉันงี่เง่าใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้ว่าอย่างนั้น” สิปาดันพยายามจะใจเย็นที่สุด “แกอาจจะเครียดกับเรื่องที่มันวุ่นวายต่อเนื่องหลาย ๆ เรื่อง แต่แกต้องตั้งสตินะลัน เราต้องช่วยกันรับมือกับปัญหาไม่ใช่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง”
“ใช่สิ ฉันมันเห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ งี่เง่า พอใจหรือยัง”
ลันตาโกรธมากจึงคว้ากระเป๋าจะเดินออกไป
สิปาดันคว้าแขนลันตาเอาไว้ “ลัน...ฉันไม่อยากให้เราทะเลาะกันแบบนี้ ฉันรักแกนะ”
ลันตาชะงักแล้วก็สะบัด “ถ้าแกรักฉัน เราต้องไม่ตกอยู่ในสภาพนี้”
ลันตาเดินออกไป สิปาดันเครียด

ลันตาเดินไปทางลิฟท์ด้วยความโกรธ เธอเห็นมะนาวยืนแอบมองตามอยู่ที่ประตูด้วยความสะใจ

แพทเดินมาที่ลานจอดรถของซูเปอร์มาเก็ตกับกีรติ
“ถ้าลุยได้ฉันลุยไปแล้ว” แพทบอก
“ใช้อารมณ์นำแล้วมันจะไม่รอบคอบ” กีรติว่า
“ต้องคิดหน้าคิดหลัง คิดบนคิดล่าง คิดจนแม่นั่นทำครอบครัวเพื่อนฉันแตกแยก แล้วก็ปล่อยให้มันคว้าสิปาไปใช่มะ”
กีรติวางมือบนหัวแพทแล้วกดเบาๆ “ฟังผมนะ คุณลันกำลังเสียใจ สับสน คุณเป็นเพื่อนที่นอกจากเป็นกำลังใจแล้วต้องช่วยเพื่อนแก้ปัญหา ถ้าปล่อยให้เลือดเข้าตาทั้งคู่ ก็ขาดสติแบบคูณสองแล้วมันจะแก้ปัญหาได้ไหม”
แพทชะงักไปกับความมีเหตุผลและอ่อนโยนของกีรติ
กีรติคาดคั้นเบาๆ “มันจะแก้ได้ไหม?”
แพทเสียงเบาลงรับฟังมากขึ้น “ไม่ได้....”
กีรติเห็นรถของลันตาจอดอยู่
“รถคุณลันอยู่โน่น” กีรติบอก
แพทกับกีรติเดินไปที่รถ
ลันตากำลังตะโกนระบายความอึดอัดอยู่ในรถ กีรติกับแพทชะงักที่เห็นลันตาดูย่ำแย่
“ผมจะรออยู่แถวนี้” กีรติเห็นแพทมองว่าทำไมจึงอธิบาย “คุณเข้าไปคนเดียวเถอะ คุณลันคงอยากระบาย...”
แพทเดินเข้าไปเคาะกระจกเบาๆ ลันตาเปิดล็อครถให้ แพทขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ลัน....”
“ฉันเหนื่อย....” ลันตาบอก
แพทตัดสินใจเงียบและจับมือลันตาบีบเบา ๆ ลันตานิ่งเงียบ

พอลเดินออกมาจากห้องพลางคุยโทรศัพท์
“ผมกำลังจะเข้าไปที่ร้าน เจอกันที่ร้านนะเตี้ย” พอลยิ้ม
“ยินดีด้วยนะครับ” สิปาดันพูด
พอลเห็นสิปาดันที่กลับมาจากออฟฟิศ
“เคลียร์เรื่องคุณพิธานได้ คงสบายใจสักที” สิปาดันบอก
พอลยิ้ม “ครับ คุณพีทเลิกป่วน ชีวิตพวกผมก็เลยเดินตามสเต็ปปกติ แล้วนี่ทำไมกลับไวล่ะครับ”
“ก็...” สิปาดันมองไปทางห้องมะนาว
“อ้อ...งั้นผมไปก่อนนะครับ”
เสียงเพล้ง! ดังมาจากในห้อง สิปาดันตกใจจึงรีบเปิดประตูเข้าไป พอลที่มองเห็นในห้องก็พลอยชะงักไปด้วย ทั้งคู่เห็นสภาพภายในห้องเละไปหมด สิปาดันรีบเข้าไปในห้องก็เห็นมะนาวตัวเลอะน้ำผลไม้ มีเศษแก้วแตกอยู่ที่พื้น มือมะนาวมีรอยบาดเล็กน้อย
สิปาดันตกใจ “นาว เกิดอะไรขึ้น”
“นาวไม่อยากเป็นภาระคุณ นาวพยายามจะฝึกให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่นาวทำไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้! นาวอึดอัดกับสภาพนี้ นาวรับไม่ไหวแล้วสิปา”
สิปาดันเข้ามาจับมะนาว มะนาวโผกอดเขาแล้วร้องไห้
“อย่าทิ้งนาวไปไหนนะคะสิปา อยู่กับนาวนะ”
“ผมจะไม่ทิ้งนาวนะ ไม่ต้องกลัว”
พอลมองแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ลันตาออกมานอกรถ แพทยืนกอดไหล่อย่างให้กำลังใจ กีรติเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำเย็น
“จะได้เย็น ๆ นะครับ” กีรติบอก
ลันตารับมา “ขอบคุณค่ะ”
“แล้วคุณลันแน่ใจไหมครับว่าเขาไม่ได้ตาบอด”
“ฉันพยายามทดสอบเขา แต่เขาอดทนมากนะ ไม่หลุดเลย ถ้าไม่คาหนังคาเขาคงจะต้อนเขายาก”
เสียงมือถือลันตาดัง ลันตากดรับ
“ค่ะ คุณพอล...ถ้างั้นฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ลันตาพูดโทรศัพท์
“มีอะไร?” แพทถาม
“ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ลันตา แพท และกีรติรีบขึ้นรถทันที

สิปาดันพามะนาวที่ตัวเลอะไปด้วยน้ำผลไม้เข้ามาในห้องน้ำ สิปาดันเปิดน้ำ
“ล้างตัวก่อนนะนาว”
มะนาวเข้ามากอดสิปาดัน
“สิปา...นาวรักคุณนะคะ”
“นาว...อย่าทำแบบนี้”
“นาวกลัวค่ะ กลัวคุณจะเหนื่อย แล้วทิ้งนาวไป”
มะนาวพยายามจะยั่วสิปาดันภายใต้สายน้ำจากฝักบัว สิปาดันรู้สึกว่าอยู่ในสภาพที่เสี่ยงต่ออารมณ์ตัวเองเหลือเกินเพราะยังไงเขาก็มีความรู้สึก
สิปาดันรู้สึกว่าไม่สมควรจึงดันมะนาวออกห่าง “นาว...อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
“นาวขอโทษค่ะ” มะนาวคิดว่าเข้าทางก็ยังพยายามวางมือยังอยู่ที่อกของสิปาดัน “นาวรักคุณนะคะ”
“ผมแต่งงานแล้วนะนาว แล้วผมก็ไม่คิดจะนอกใจลัน”
มะนาวเอามือลูบที่อกซ้ายของสิปาดัน “แต่หัวใจคุณมันฟ้องว่าคุณก็....”
สิปาดันอึดอัด “อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะ ผมพาดผ้าขนหนูไว้ตรงนี้นะ”
สิปาดันจับมือมะนาวให้แตะกับผ้าขนหนูที่พาดไว้
“ก๊อกอยู่ตรงนี้ ผ้าขนหนูอยู่ตรงนี้ คุณล้างตัวให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวผมมา”
มะนาวเรียก “สิปาคะ...”
สิปาดันรีบเดินออกไป มะนาวมองตามพลางคิดในใจว่าเสร็จกูแน่

สิปาดันในสภาพตัวเปียกปอนออกมาเจอพอลที่รออยู่หน้าห้อง
“คุณยังไม่ไปเหรอครับ”
“ผมคิดว่าคุณอาจจะมีอะไรให้ช่วยไหม” พอลว่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการได้ เดี๋ยวผมจะไปหยิบกล่องยาสักหน่อย”
สิปาดันกลับเข้าไปในห้องตัวเอง พอลละล้าละลัง
“เอาไงดีล่ะเนี่ย”
ลันตา แพท และกีรติเดินเข้ามา
“คุณพอล เป็นยังไงบ้างคะ”
“สิปาออกมาตัวเปียกเลยครับ เขาเดินไปเอากล่องยา” พอลบอก
“มะนาวล่ะคะ” ลันตาถาม
“ในห้องครับ”
ลันตากับแพทเดินเข้าไป กีรติกับพอลมองหน้ากัน พอลชี้ประมาณว่ารอตรงนี้ดีกว่า กีรติพยักหน้าเห็นด้วย

มะนาวใส่เสื้อคลุมยืนหันหลัง ลันตาเปิดประตูห้องนอนเข้ามา มะนาวยิ้มแล้วหันมาพร้อมกับปลดเสื้อคลุมออก
“สิปา....”
มะนาวหันมาแล้วตกใจที่เห็นว่าเป็นลันตากับแพท
มะนาวตกใจ “ลัน!”
มะนาวรีบคว้าเสื้อคลุมมาใส่ปิดตัวไว้ ทั้งลันตาทั้งแพทเห็นตำตาว่ามะนาวไม่ได้ตาบอดแน่
“เธอรู้ได้ไงว่าเป็นฉัน!” ลันตาถาม
มะนาวได้สติ “ลันเหรอเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย ทำไมมาเงียบๆ ล่ะ”
“ถ้าฉันมาเงียบ ๆ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน!...”
“เธอมองเห็น ไม่งั้นเธอจะตกใจ จะคว้าเสื้อคลุมมาใส่ได้ยังไง” แพทว่า
“ฉัน..” มะนาวยังปากแข็ง “ได้ยินเสียง”
“โกหก! เธอเรียกชื่อฉันก่อนที่ฉันจะพูดออกเสียงด้วยซ้ำ” ลันตาว่า
“ฉันได้ยินเสียงเธอจริงๆ ฉันถึงเรียกชื่อเธอ ออกไป ฉันไม่สะดวกคุยตอนนี้”
“ไม่สะดวกคุยกับฉันแต่สะดวกกับสิปาใช่ไหม แก้ผ้ารอหน้าระรื่นขนาดนี้”
มะนาวลอยหน้าลอยตา “ไม่แปลกนี่ ฉันกับสิปาเคยๆ กันอยู่แล้ว เราเข้าขากันมาก”
ลันตาสุดทนจึงเดินเข้าไปตบมะนาวดังผัวะ!
มะนาวหันกลับมาด้วยความแค้นมาก ด้วยความลืมตัวจึงวาดมือจะพุ่งเข้าไปตบลันตา ลันตาสู้ยื้อ แพทเข้ามาดึงมะนาว
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย!” มะนาวโวยวาย
อ่านต่อหน้าที่  3


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 15 (ต่อ)
แพทเหวี่ยงมะนาวออกมานอกห้องตรงส่วนที่มีข้าวของกระจัดกระจายอยู่ มะนาวหันกลับมาด้วยสายตาไม่ยอมมองโฟกัสที่ลันตาแต่สีหน้าจิตมาก

“เลิกหลอกตัวเองสักที ผู้ชายถ้ามันได้มันก็เอาทั้งนั้น รักแท้มันไม่จริงหรอก มีแต่ผู้หญิงปัญญาอ่อนอย่างเธอที่เชื่อ!” มะนาวว่า
“สิปาไม่เคยมีอะไรกับเธอ” ลันตาบอก
มะนาวชะงักไปเล็กน้อย
“ถ้าเธอกับสิปาคุ้นเคยกันจริง เธอคงไม่ต้องลงทุนแบเปิดเผยขนาดนี้หรอก ถ้าต้องให้ฟรีไม่มีราคาแบบเธอ ฉันยอมปัญญาอ่อนแต่มีค่ายังดีกว่า ออกไปจากที่นี่” ลันตาไล่
มะนาวมองด้วยสายตายังไม่ยอมโฟกัส “ฉันไม่ไป! ถ้าเขารักเธอขนาดนั้น เขาคงไม่มีผู้หญิงเป็นสิบเป็นร้อย และมีฉันหรอก เลิกโง่โลกสวยสักทีลันตา! ถ้าไม่รัก เขาไม่กระตือรือร้นที่จะดูแลฉัน ยอมทะเลาะกับเธอ แต่ไม่ยอมทิ้งฉัน ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง หน้าโง่!”
ลันตาอารมณ์ขึ้นมาก
มะนาวตอแหลเสียงดังทันที “สิปา ช่วยนาวด้วยค่ะ สิปา!”
กีรติกับพอลเข้ามาแค่ที่หน้าประตู
แพทชี้หน้าทั้งคู่ “ไม่ต้องเข้ามา นังนี่มันสะตอ”
กีรติกับพอลชะงักที่เห็นสามสาวดูกระเหี้ยนกระหือรือมากๆ

สิปาดันที่หยิบกล่องยาออกมาจากห้องนอนได้ยินเสียงดังมาจากห้องมะนาว สิปาดันรีบวิ่งออกไปจากห้อง

สิปาดันวิ่งออกมาที่หน้าห้องแล้วก็ชะงักที่เห็นกีรติกับพอลยืนละล้าละลังอยู่ที่หน้าห้อง
“กบ แกมาได้ไงวะ” สิปาดันถาม
“สิปา ช่วยนาวด้วยค่ะ” เสียงมะนาวดังขึ้นอีก
กีรติกับพอลอ้ำอึ้ง สิปาดันพยายามจะแทรกตัวเข้าไปในห้อง

มะนาวทำเดินจะออกไปในลักษณะที่ทำเป็นคนตาบอด เศษแก้วที่มะนาวทำแตกยังอยู่ที่พื้น ลันตาเห็นก็จะห้าม แต่แพทปิดปากพร้อมทั้งดึงแขนลันตาไว้
“ถ้ายัยมะนาวตาไม่บอด จะต้องเดินหลบ” แพทบอก
“แต่...”
“เรากำลังจะพิสูจน์นะลัน”
ลันตาจำต้องนิ่งฟังแพท!
สิปาดันเดินเข้ามาเห็นมะนาวที่กำลังจะเดินออกมา เห็นว่าที่พื้นมีเศษแก้วกระจายอยู่เต็ม
“นาว!”
“สิปา!”
สิปาดันจะเข้าไปแต่แพทเข้ามาขวาง
“อย่าเข้ามา ไม่ใช่เรื่องของแก” แพทว่า
“เป็นบ้าอะไรวะแพท”
“คุณกบ!” แพทเรียก
กีรติรู้หน้าที่จึงเข้าจับตัวสิปาดันไว้
“ไอ้กบ ทำอะไรวะ!” สิปาดันงง
“มะนาวไม่ได้ตาบอด แกรอดู” กีรติกระซิบ
สิปาดันชะงัก มะนาวอึ้งไปนิดที่เห็นว่าทุกคนกำลังจับตามองมาที่ตัวเอง มะนาวตัดสินใจ
“สิปาคะ คุณอยู่ตรงไหน สิปา...”
ทุกคนลุ้นว่ามะนาวจะยอมรับหรือไม่ว่าตาไม่บอด เศษแก้วที่เป็นปากฉลามเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนพื้น ทุกคนมองลุ้น มะนาวตัดสินใจก้าวเหยียบลงไปบนเศษแก้วเต็มฝ่าเท้า ทุกคนตกใจ
มะนาวร้องลั่น “โอ้ย!”
มะนาวทรุดลงไปกับพื้น โดยที่มือยังป่ายปะไปโดนเศษแก้วเล็ก ๆน้อยๆ ตรงจุดอื่น
“โอ้ย!”
สิปาดันตกใจจึงสะบัดจนหลุดจากกีรติ
“นาว...”
“สิปาคะ...นาวเจ็บ...”
“ทดสอบบ้าอะไรกัน ใครคิดวิธีบ้า ๆ แบบนี้ ใคร!”
แพทอึ้งและกำลังจะรับแต่ลันตาพูดขึ้นก่อน “ฉันเป็นคนคิดเอง”
ทุกคนหันไปมองลันตา
“ลัน.....”
“สิปาคะ ลันเขาหึงนาว เขาด่า แล้วก็ตบตีนาว นาวกลัวค่ะสิปา” มะนาวอ้อน
สิปาดันมองลันตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นาวกลัวค่ะสิปา” มะนาวกอดสิปาดันแล้วอ้อนเต็มที่
“ฉัน....” ลันตาพูดไม่ออก
“ผมจะพาคุณไปหาหมอนะ” สิปาดันบอก
สิปาดันจะอุ้มมะนาวเดินออกไป
ลันตาขยับเข้ามาขวาง “เดี๋ยว! นี่แกคิดว่าฉันทำเรื่องเลวๆ แบบที่ผู้หญิงคนนี้พูดเหรอ”
“ลัน ไว้คุยกันทีหลังนะ ฉันขอพามะนาวไปหาหมอก่อน”
“ต้องเคลียร์กันเดี๋ยวนี้ ฉันถามว่าแกเชื่อใครระหว่างฉันกับมะนาว”
สิปาดันลำบากใจ “ลัน...ไว้เราคุยกันทีหลัง”
ลันตามองมะนาวเห็นมะนาวแอบยิ้ม
“ไม่ แกต้องตอบฉันมาเดี๋ยวนี้!” ลันตาย้ำ
“สิปาคะ” ลันตามีสีหน้าเจ็บจริง “นาวเจ็บ”
สิปาดันมองเลือดที่ไหลหยดลงบนพื้น เขารู้สึกหัวเสียกับการคาดคั้นเอาคำตอบของลันตา
“ไว้ค่อยคุยกันนะลัน”
สิปาดันจะอุ้มมะนาวออกไป ลันตาไม่ยอมจึงดึงสิปาดันเอาไว้
“สิปา!”
“อย่าเพิ่งงี่เง่าตอนนี้ได้ไหมลัน” สิปาดันว่า
ลันตาตะลึง ทุกคนอึ้งกับคำพูดของสิปาดัน
ลันตาฟิวส์ขาดเดินออกไปทันที
แพทเรียก “ไอ้ลัน!”
แพทกับกีรติเดินตามออกไป
“ผมว่าคุณควรจะตามไปปรับความเข้าใจกับคุณลันก่อนนะครับ” พอลบอก
มะนาวมีท่าทางเจ็บมากเหลือเกิน “สิปา นาวเจ็บ...”

สิปาดันอุ้มมะนาวออกมาแล้วจะเลี้ยวไปอีกทางแต่ก็ชะงักที่เห็นลันตาอยู่กับแพทและกีรติที่หน้าห้อง สิปาดันเครียดแต่ก็ต้องอุ้มมะนาวออกไป มะนาวแอบยิ้มแบบโคตรสะใจ ลันตาน้ำตาร่วงมองตามสิปาดันไปด้วยความเสียใจ พอลออกมาที่หน้าห้องแล้วมองไปทางสิปาดันก่อนจะหันไปมองลันตา ลันตากอดแพทร้องไห้ กีรติกับพอลมองลันตาด้วยความเห็นใจ

เอื้องคำเดินออกมาจากธนาคารแล้วก็ชะงักที่เห็นชัยภูมิยืนรออยู่
“พอเดินได้ก็หายหัวไปเลยนะ”
“ผมมาเอาส่วนแบ่งที่พี่ได้จากพี่นวล เงินพวกนั้นไอ้นาวมันหามา พี่ต้องแบ่งให้ผม” ชัยภูมิบอก
“เงินพวกนั้นฉันเอาไปใช้หนี้ให้แกหมดแล้ว” เอื้องคำว่า
“โกหก! คนอย่างพี่ไม่โง่ขนาดยอมจ่ายหมดตัวหรอก พี่ต้องได้มามากกว่าห้าล้านแน่ๆ เอาเงินมาให้ผม”
ชัยภูมิก้าวเข้าไปหาเอื้องคำ “เอาเงินมาให้ผม!”
“ฉันไม่มี!”
ชัยภูมิจะก้าวเข้าไปหาเอื้องคำ เอื้องคำตัดสินใจเงื้อไม้เท้าฟาดใส่ชัยภูมิทันที
ชัยภูมิร้อง “โอ้ย!”
เอื้องคำฟาดไม่ยั้งด้วยความโกรธ
“ไปให้พ้น” เอื้องคำไล่
“ผมเป็นน้องพี่ ยังไงพี่ก็ไล่ผมออกจากชีวิตพี่ไม่ได้”
“ถ้าแกไม่เลิกเล่น ต่อไปนี้แกจะเป็นจะตายฉันจะไม่สนใจอีก”
“พี่!”
เอื้องคำยกไม้เท้าชี้หน้าประกาศ “แกจะไม่มีวันได้เงินจากฉันแม้แต่บาทเดียว จะไปตายที่ไหนก็ไป ไสหัวไปให้พ้น”
เอื้องคำมองด้วยความรู้สึกพอกันทีโดยจะไม่ทนกับชัยภูมิอีกต่อไป เอื้องคำเดินออกไปอย่างไม่แยแสชัยภูมิอีก ชัยภูมิหงุดหงิดงุ่นง่านแล้วพยายามคิดวิธีหาเงินมาใช้

สิปาดันอุ้มมะนาวที่ทำแผลเรียบร้อยแล้วเข้ามาในห้อง
“นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
สิปาดันเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“ลัน...”
สิปาดันอึ้งที่เห็นสภาพตู้เสื้อผ้าถูกเปิดไว้ โดยเสื้อผ้าของลันตาหายไปหมด
สิปาดันตกใจ “ลัน!”
สิปาดันรีบกดมือถือโทรหาลันตา แต่ลันตาไม่ยอมรับสาย
“รับสายสิ ลัน!”
สิปาดันโทรหาแพท

แพทเดินคุยมือถือออกมา
“ใครจะอยู่กับผู้ชายที่เชื่อคนอื่นมากกว่าเมียตัวเองวะสิปา เป็นฉัน ฉันก็ไม่อยู่หรอก”
“ไอ้แพท ฉันไม่ได้เชื่อว่าลันทำแบบนั้น แต่เรื่องระหว่างฉันกับลัน ฉันไม่อยากคุยต่อหน้าคนอื่น มันเป็นเรื่องในครอบครัว แกเข้าใจไหม”

ลันตาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้านั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้ามาลัย อังมองอย่างสงสาร ลันตานั่งน้ำตาร่วง
“ถ้าเขาเชื่อลัน เขาต้องพูดต่อหน้าทุกคนว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มะนาวพูดว่าลันทำเรื่องเลวๆ แบบนั้น แต่เขาไม่พูด มันก็หมายความว่าเขาเชื่อมะนาว เขาไม่เชื่อลัน” ลันตาร้องไห้
“สิปา ไอ้ลูกหมากล้าทำหลานอังร้องไห้ ถ้าเจอหน้าอังจะเอาเลือดหัวมันออก”
“แม่อัง! สงบเดี๋ยวนี้!” มาลัยปราม
“แต่คุณพี่คะ”
มาลัยตวัดสายตาดุเข้ม
อังจ๋อย “ค่ะ....”
“ยัยลันหายใจเข้าลึก ๆ”
ลันตาทำตาม
“หายใจออกช้าๆ” มาลัยบอก ลันตาทำตาม มาลัยเช็ดน้ำตาให้ลันตา “ทำทุกอย่างให้ช้า คิดและพูดให้ช้า เท่าที่ย่าฟังแก สิปามันไม่ได้ว่าลันสักคำ เป็นลันที่อาละวาดใช้อารมณ์ แล้วแกก็เก็บเสื้อผ้าเปิดทางให้แม่มะนาวนั่นเกาะติดสิปาอย่างสบายใจ ผลักผัวให้เขาเองแล้วก็มานั่งร้องไห้ ทำตัวเป็นเมียเจ้าอารมณ์รอวันหย่าอย่างนั้นสิ”
“แต่สิปาเชื่อคนอื่นมากกว่าลัน”
“ยัยลัน...”
“ลันมืดทุกด้าน มองไม่เห็นทางออกเลยค่ะคุณย่า”
มาลัยกับอังมองลันตาที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยความเหนื่อยใจ

แพทยังคุยโทรศัพท์กับสิปาดันด้วยความอดทน
“ปัญหาคือแกมีมะนาวอยู่” แพทบอก
สิปาดันพูดเสียงเบาไม่ให้มะนาวได้ยิน “แต่ฉันทิ้งมะนาวตอนนี้ไม่ได้”
“งั้นความรักแกพังแน่...สิปา..”
สิปาดันเครียดจึงกดวางสายแล้วเดินออกมา
“สิปาค่ะ ทำไมเงียบไปมีอะไรหรือเปล่าคะ เรื่องลันตาใช่ไหมคะ” มะนาวถาม
“นิดหน่อย..”
“นาวขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุ”
“ไม่เป็นไร ผมกับลัน เราเคลียร์กันได้ คุณไม่ต้องห่วง”
“ค่ะ...”
มะนาวแอบยิ้มร้าย

สิปาดันอุ้มมะนาวลงไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ มะนาวจับมือสิปาดันที่ห่มผ้าให้
“ถ้าคุณไม่สบายใจ อยู่กับนาวก่อนก็ได้นะคะ”
มะนาวขยับตัวขึ้นดึงสิปาดันเข้ามาใกล้
“นาวพร้อมจะอยู่ข้างคุณ ไม่ว่าฐานะอะไรก็ตาม”
มะนาวใช้สองมือเลื่อนขึ้นประคองหน้าสิปาดันแล้วเอาแก้มไปแนบหน้ากับสิปาดัน สิปาดันนิ่งไปจนมะนาวคิดว่าเขาจะเคลิ้ม แต่สิปาดันกลับดันตัวมะนาวออก
“ผมขอโทษนะนาว ผมอยากให้ลันเท่านั้นที่อยู่ข้างผม ไม่มีใครสามารถแทนลันตาได้ คืนนี้ผมคงไม่กลับเข้ามาอีก นาวนอนเถอะนะ”
สิปาดันเดินออกไป มะนาวมองตามแล้วกำผ้าห่มแน่นด้วยความแค้น

สิปาดันกลับเข้ามาในห้อง เขามองความเงียบภายในห้องด้วยสีหน้าเครียด ๆ ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยนวลและอินทนนท์ที่เข้ามาอย่างร้อนใจ
“ย่า พ่อ”
“สิปา...หนูลันเก็บข้าวของหนีไปจริงๆ ใช่ไหม” นวลถาม
สิปาดันเครียด “ครับ...”
“แกปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ย่ามาลัยโทรไปอาละวาดกับฉันที่เชียงใหม่ เรื่องที่แกทำให้หนูลันร้องไห้ แกกำลังทำบ้าอะไรของแกหะ! สิปา!” อินทนนท์ว่า
สิปานิ่งเครียด
“ผมไม่รู้ว่าลันเป็นอะไร ผมไม่ได้อยากมีมะนาวในชีวิต ผมอยากมีแค่ลันตา อยากมีชีวิตครอบครัวที่มันสงบสุข ผมขอแค่นี้ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก”
อินทนนท์เห็นอาการของสิปาดันที่เครียด เลยยั้งปากไม่กดดันสิปาดันอีก
นวลกอดสิปาดันเพื่อปลอบโยนด้วยความสงสาร เสียงมือถือของนวลดัง อินทนนท์หยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลกแต่ก็กดรับ
“สวัสดีครับ” อินทนนท์แปลกใจ “พี่ภูมิ!”
สิปาดันกับนวลหันมองอินทนนท์ทันที

เช้าวันใหม่ ชัยภูมิเข้ามาในร้านกาแฟเห็นนวลกับอินทนนท์นั่งรออยู่
“ขอบคุณนะพี่นวล น้องนนท์ที่ยอมมาคุยกับพี่” ชัยภูมิบอก
“ภูมิบอกว่ามีเรื่องสำคัญ” นวลว่า
“ผมกำลังเดือดร้อน อยากได้เงินสักล้าน...”
อินทนนท์ว่า “แหม...อ้าปากก็พูดแต่เรื่องเงิน สมเป็นพี่น้องกันจริงๆ กลับกันเถอะแม่ เสียเวลา”
“ไอ้นนท์!”
“ไม่มีอะไรที่มันได้มาง่ายๆ หรอกนะ” อินทนนท์บอก
อินทนนท์จะพานวลกลับ
“ถ้าแลกกับเรื่องที่พวกแกอยากรู้ล่ะ” ชัยภูมิเปรยออกมา
อินทนนท์ชะงักแล้วหันกลับมา “เรื่องอะไร”
“ฉันจะพูดต่อเมื่อได้...เช็คเงินสด” ชัยภูมิบอก
นวลมองอินทนนท์ อินทนนท์หยิบสมุดเช็คออกมาแล้วจัดการลงตัวเลขเซ็นเช็คให้ อินทนนท์ยื่นให้ ชัยภูมิจะรับแต่อินทนนท์เลื่อนหนีแล้วมองหน้าประมาณว่าต้องแลกกัน
ชัยภูมิพูดออกมา “มะนาวไม่ได้ตาบอด”
นวลกับอินทนนท์อึ้ง
ชัยภูมิคว้าเช็คไปตรวจทาน “มันคุ้มใช่ไหม เงินเล็กน้อยกับเรื่องที่พวกแกอยากรู้ ขอบใจสำหรับเงิน”
ชัยภูมิจะออกไป
อินทนนท์คิดแล้วตัดสินใจเรียก “เดี๋ยว...”
ชัยภูมิหันกลับมาว่ามีอะไร
“ผมสามารถจ่ายให้พี่ได้มากกว่านี้ ถ้าพี่ยอมร่วมมือกับเรา” อินทนนท์บอก
“เท่าไหร่?”
นวลมองอินทนนท์ อินทนนท์มองแบบว่าให้เออออตาม
อินทนนท์พูด “สองล้าน!”
ชัยภูมิสนใจมากแต่ยังหวังจะเพิ่มจำนวน “ไม่ดีกว่า..ฉันรู้ว่างานที่แกจะให้ฉันร่วมมือด้วยมันคงทำร้ายจิตใจลูกสาวฉันไม่น้อย”
“อยู่ๆ ก็เกิดจะห่วงจิตใจลูกสาวขึ้นมา...ความรู้สึกพี่มันช้าไปไหม” อินทนนท์ว่า
“ความห่วงของผมมันจะลดลงตามจำนวนตัวเลขที่มันสูงขึ้น” ชัยภูมิบอก
นวลช่วยเกลี้ยกล่อม “ถ้าหมดเงินก้อนนี้ภูมิจะไปหาเงินมากขนาดนี้จากไหนได้อีก พี่เอื้องคำก็คงไม่ให้ภูมิหรอก จริงไหม?”
“ผมขอเวลาตัดสินใจ” ชัยภูมิบอก
“ได้ครับ ...แต่ถ้าช้า ทุกอย่างยกเลิก!” อินทนนท์นับถอยหลัง “ห้า สี่ สาม สอง”
ชัยภูมิตอบทันที “ตกลง! แกจะให้ฉันทำอะไร”
นวลหันไปมองอินทนนท์ อินทนนท์ยิ้มนิด ๆอย่างมีแผนไว้แล้ว

มะนาวนอนหลับอยู่ สิปาดันเดินเข้ามายืนมองมะนาวนิ่งๆ มะนาวขยับลืมตาเห็นสิปาดันก็เกือบหลุดปากแต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน
สิปาดันเรียก “นาว...”
มะนาวทำเนียน “สิปา...”
สิปาดันเข้าไปใกล้มะนาว
จังหวะที่สิปาดันเข้ามาแตะมะนาวก็เข้ากอดทันที “คุณหายไปตั้งนาน นาวเป็นห่วง”
“ผมไปคุยกับพ่อที่ห้องมาน่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
สิปาดันจงใจโกหกให้มะนาวตายใจ “ผมจะไปหย่ากับลันเช้าพรุ่งนี้คุณอยู่คนเดียวได้ไหม”
“ได้ค่ะ...สิปาคะ นาวไม่สบายใจเลย....”
สิปาดันตัดบทเหมือนไม่อยากพูดถึง “นอนเถอะ ดึกแล้ว”
“นาวรักคุณนะคะสิปา....”
“คุณเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผมเสมอ...”
มะนาวชะงักไปเล็กน้อย
“ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ขอแค่ให้นาวได้รักคุณ มีคุณอยู่ในชีวิตนาวตลอดไป นาวก็พอใจแล้วค่ะ”
“ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณและทุกคน”
มะนาวมีความหวังเต็มที่ “ขอบคุณค่ะสิปา”
สิปาดันนิ่งๆ เหมือนยังเชื่อในตัวมะนาวอยู่

เช้าวันต่อมา มะนาวนั่งอยู่ที่โต๊ะ สิปาดันเก็บจานเรียบร้อย
“ผมไปก่อนนะ นาวอยู่ได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ...กลับมาเร็วๆ นะคะ”
สิปาดันเสียงเครียด “ครับ”
สิปาดันเดินออกไปจากห้อง มะนาวลุกขึ้นด้วยสีหน้าสดชื่นมาก
“ลันตา...” มะนาวสะใจ “สุดท้าย..แกก็ต้องแพ้ฉัน”
เสียงกริ่งของห้องดัง มะนาวชะงักมองที่ประตูว่าใคร มะนาวรีบเดินไปที่ประตูแล้วมองที่ตาแมวดูว่าเป็นใคร มะนาวเห็นว่าเป็นชัยภูมิอยู่ที่หน้าห้อง มะนาวตกใจรีบเปิดประตูทันที
“พ่อ!..”
“ห้องสวย มันคงดูแลแกดีสินะ” ชัยภูมิว่า
“พ่อมาที่นี่ทำไม”
“แกมีเงินเท่าไหร่เอามาให้พ่อ”
“นาวไม่มีนะคะพ่อ”
เสียงเอื้องคำดังขึ้น “ไอ้ภูมิ!”
มะนาวหันไปตกใจที่เห็นเอื้องคำมาด้วย
“คุณป้า...นี่มันอะไรกันคะ”
“ฉันไม่ให้เงินมัน มันบอกจะมาเอาจากแก ฉันจะมาลากมันกลับไปก่อนที่ความลับของแกจะแตก” เอื้องคำบอก
เสียงสิปาดันถาม “เรื่องไหนล่ะครับ!”
เอื้องคำกับมะนาวหันไปเห็นสิปาดันเดินเข้ามา แต่ที่ตกใจกว่าคือเห็นมาลัย นวล และอินทนนท์
มะนาวตกใจมาก “สิปา!”
สิปาดันพูดต่อ “เรื่องที่พวกคุณเล่นสงครามประสาทกับลัน หรือว่าเรื่องที่คุณไม่ได้ตาบอด”
“สิปาคะ..ฟังนาวก่อนนะ”
“ผมเคยคิดว่าคุณอ่อนแอ น่าสงสารที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายอย่างป้าเอื้องคำ แต่ผมลืมคิดไปว่าถ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกันมันคงอยู่ด้วยกันมาไม่ได้ถึงป่านนี้”
มะนาวพยายามอ้อนวอนสิปาดัน “นาวทำเพราะนาวอยากอยู่ใกล้คุณ นาวรักคุณนะสิปา รักมากกว่าลันตาเป็นร้อยเป็นพันเท่า”
“ที่นาวทำมันไม่ใช่ความรัก มันคือความ เห็นแก่ตัว! เรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ นาวทำได้ยังไง!” สิปาดันว่า
“แล้วทำไมนาวถึงจะทำไม่ได้ นาวจะทวงของๆ นาวคืน นาวผิดตรงไหน! คุณยังจำได้ไหมว่าใครที่เป็นคนเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา คุณใช่ไหม แล้วใครที่ใช้ความรักของนาวเป็นเครื่องมือปกปิดความรู้สึกตัวเองที่มีกับลันตา ใคร?.....คุณคิดถึงใจนาวบ้างไหม คุณทำกับคนที่รักคุณแบบนี้ได้ยังไง”
สิปาดันพูดออกมา “เพราะผมไม่ได้รักคุณ!”
มะนาวเจอคำพูดจังๆ กลางแสกหน้าก็อึ้งไป
“ผมผิด ผมรู้ดี ผมถึงอยากชดเชยให้เวลาที่คุณเดือดร้อน ไม่มีใคร ผมยินดีจะดูแลคุณ....ในฐานะเพื่อนที่ดีคนนึง แต่ต่อไปนี้แม้แต่คำว่าเพื่อน สำหรับคุณ ผมก็ให้ไม่ได้”
“สิปา...อย่าทำแบบนี้กับนาว นาวรักคุณ”
“เราคงไม่มีวันพูดกันรู้เรื่องอีกแล้ว”
สิปาดันจะเดินออกไป มะนาวคว้าแขนเขาไว้ สิปาดันดึงมือให้หลุดจากการจับของมะนาว แล้วเดินออกจากห้องไป
“สิปา...สิปา!”
นวลกับอินทนนท์ได้แต่ส่ายหน้ากับสภาพของมะนาว ทั้งคู่เดินตามสิปาดันออกไป เอื้องคำมองสภาพมะนาวที่เป็นผู้แพ้โดยสิ้นเชิงด้วยความเจ็บใจ
“เดี๋ยวสิ! แล้วที่เราตกลงกันไว้ เดี๋ยวก่อน”
ชัยภูมิรีบวิ่งตามไป เอื้องคำสงสัยท่าทีของชัยภูมิแล้วก็รีบตามไป

สิปาดัน อินทนนท์ และมาลัยเดินลงมาที่ชั้นล่าง
“จะได้อยู่กันอย่างสงบสุขสักทีนะ แม่” อินทนนท์บอก
“ไปหาลันเดี๋ยวนี้เลยนะครับพ่อ” สิปาดันบอก
เสียงชัยภูมิดังขึ้น “เดี๋ยว!”
ชัยภูมิวิ่งมาขวางหน้าอินทนนท์
“งานจบแล้ว ที่ตกลงกันไว้ล่ะ”
อินทนนท์หยิบซองเช็คออกมาส่งให้ชัยภูมิ ชัยภูมิรีบรับซองเช็คมาแล้วดึงออกมาดูตัวเลขทันที
“เรียบร้อย คราวหน้า...”
“ไม่มีคราวหน้า! ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะได้เงินจากพวกผม ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่จ่ายพวกพี่อีกแม้แต่บาทเดียว” อินทนนท์ว่า
ชัยภูมิยักไหล่แบบไม่ได้แคร์คำพูดใด ๆ ของอินทนนท์ เอื้องคำเข้ามาคว้าเช็คไป
“เฮ้ย!” ชัยภูมิหันมาแล้วก็ชะงักที่เห็นว่าเป็นเอื้องคำ “พี่!”
เอื้องคำมองเช็คด้วยสีหน้าโกรธมาก “สองล้าน! แกเอาเรื่องของลูกแกไปแลกเงินงั้นเหรอ ไอ้ชัยภูมิ ไอ้สารเลว!”
“ถ้าพี่แบ่งเงินให้ผมตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” ชัยภูมิว่า
“ไอ้สารเลว ไอ้ชั่ว!” เอื้องคำด่า
เอื้องคำเข้าใช้ไม้เท้าทุบตีชัยภูมิด้วยความแค้น
ชัยภูมิเจ็บก็พาลโกรธ “โว้ย! ถ้าที่ผมทำมันชั่วนัก แล้วที่พี่สั่งผมตัดสายเบรกรถพี่นวลไม่ชั่วกว่าหรือไง!”
ทุกคนชะงัก
“ภูมิกำลังพูดเรื่องอะไร?” นวลถาม
“พี่ไม่ได้ขับรถชนพี่เอื้องคำเพราะเบรกแตกเองหรอกนะ” ชัยภูมิบอก
ทุกคนหันมองเอื้องคำด้วยสีหน้าตะลึง
“ป้าวางแผนจะฆ่าแม่ผม?” อินทนนท์พูด
เอื้องคำยังพยายามจะปากแข็ง “ฉันไม่รู้เรื่อง!”
“ป้าไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นไร ไปคุยเรื่องนี้กับตำรวจก็แล้วกัน!”
ชัยภูมิเห็นเป็นจังหวะพุ่งเข้าไปแย่งเช็คกับเอื้องคำ
“เอาเงินผมคืนมา!”
“ฉันไม่ให้!”
ชัยภูมิไม่ยอมจึงยื้อแย่งกับเอื้องคำ ชัยภูมิโมโหมากก็พยายามจะแย่งให้ได้ ชัยภูมิเหวี่ยงเอื้องคำ จนเอื้องคำล้มหัวไปกระแทกกับขอบปูน เอื้องคำล้มลงนิ่งไป ชัยภูมิรีบคว้าเช็คในมือเอื้องคำแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที ทุกคนตกใจ มะนาวที่ตามเข้ามาเห็นเอื้องคำเลือดไหลออกจากศีรษะ
“คุณป้า!”
ทุกคนรีบเข้าไปดูเอื้องคำ
“สิปา! ช่วยพ่อที” อินทนนท์บอก
ทุกคนวุ่นวายกับการพยายามช่วยเอื้องคำ

เสียงกริ่งของบ้านดัง ลันตาวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เธอเปิดประตูรั้วแล้วก็ชะงักที่เห็นอินทนนท์กับนวล
“คุณลุง คุณย่านวล สวัสดีค่ะ คุณย่ากับป้าอังกำลังรออยู่ค่ะ...มาค่ำขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“มีเรื่องต้องเคลียร์กันนิดหน่อย ไปเถอะแม่”
อินทนนท์กับนวลเข้าไปในบ้าน ลันตากำลังจะปิดประตู แต่สิปาดันขยับเข้ามาขวางไว้
“ลัน....”
ลันตาจะปิดแต่สิปาดันยันเอาไว้ไม่ยอมให้ปิด ลันตาโมโหจึงปล่อยแล้วจะเข้าบ้าน
สิปาดันพูด “มะนาวไม่ได้ตาบอด....”
ลันตาชะงักแล้วหันมา
“ฉันเพิ่งรู้ความจริง ฉันขอโทษ...ลัน....กลับบ้านเราเถอะนะ”
ลันตามองสิปาดันนิ่ง

มาลัยมองนวลอย่างตำหนิ
“ถ้าเธอบอกฉันตรง ๆ ว่าที่ดินที่เอาไปฝากนั่นมาจากเอื้องคำ ฉันจะเช็คให้รอบคอบ ไม่ปล่อยให้เอื้องคำมันแหกตาแล้วลอยตัวเหนือปัญหาไปแน่ๆ” มาลัยว่า
“ตอนนั้น ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้พี่เอื้องคำต้องพิการ เขาให้ช่วยอะไรฉันก็พร้อมจะช่วย” นวลบอก
“พี่เอื้องนี่เหลี่ยมจัดจริงๆ ใช้พี่นวลเป็นเครื่องมือ พี่เอื้องคำได้เงิน แถมทำให้คุณพี่กับพี่นวลไม่คุยกันมาเป็นสิบปี คิดแล้วมันน่า...”
“ช่างเถอะ ตอนนี้กรรมก็ตามทันเขาไปแล้ว”
“คุณพี่จะปล่อยให้ลอยนวลเหรอคะ” อังถาม
“แก่ป่านนี้จะไปเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนักหนา แต่ถ้าเอื้องคำฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ เราก็ควรจะสั่งสอนให้รู้จักความกลัวบ้าง ว่าไหมเจ้านนท์” มาลัยถาม
“ป้าไม่ต้องห่วงครับ คนที่คิดร้ายกับแม่ผม ผมจะจัดบทเรียนให้ป้าเอื้องคำกลัวคุกหูตูบเลย” อินทนนท์ว่า
“แกนี่มันร้ายกาจไม่เปลี่ยนเลยนะ” มาลัยบอก
“คุณป้าก็ธรรมดาที่ไหนล่ะครับ เล่นงานลูกผมซะอ่วมเลย” อินทนนท์บอก
“มาลัย เรื่องที่ดินมรดกของเธอที่ต้องชดใช้แทนฉัน ฉันจะพยายามซื้อคืนมาให้นะ”
“ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ฉันอยากได้ก็ได้คืนมาหมดแล้ว”
นวลกับอินทนนท์มองว่าหมายถึงอะไร มาลัยจะตอบแต่อังพูดแทรก
“ก็เพื่อนรักไงคะพี่นวล เห็นดุๆ โหด ๆ เนี่ยคิดถึงพี่ตลอด อาลัยอาวรณ์ แบบที่เด็กสมัยนี้เขาเรียกกว่าเวิ่นเว้อน่ะค่ะ”
มาลัยเสียงเข้ม “แม่อัง!”
อังชะงักแล้วก็รีบเงียบทันที
นวลยิ้ม “ฉันก็คิดถึงเธอ อยากให้เราสองครอบครัวกลับมาดีกันเหมือนเดิม”
เสียงสิปาดันดังขึ้น “เดี๋ยว! ลัน แกหมายความว่ายังไงที่ให้เราแยกกันสักพัก”
ทุกคนหันไปเห็นลันตาเดินเข้ามา สิปาดันเดินตาม ลันตาชะงักที่เห็นทุกคนมองตัวเอง ลันตาหันไปหาสิปาดัน
“ที่จริงฉันอยากพูดว่า เรากลับไปเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
ทุกคนอึ้ง
“อภัยกับความผิดพลาดของฉันได้ไหมลัน” สิปาดันบอก
“วันที่เราเป็นเพื่อนกัน ฉันห่วงแต่ไม่หวงแก เราเกรงใจกันและกัน เราทะเลาะกัน โกรธกัน แต่สิ่งที่ฉันทำคือเข้าไปเตะแก แล้วคุยกันตรงๆ ไม่ใช่กลัวทุกอย่างแล้วนั่งร้องไห้แบบนั้น”
“ฉันรักแกนะลัน”
“ฉันก็รักแกสิปา แกเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันใช้คำว่ารัก ฉันมีความสุขวันที่รู้ว่าเรารักกัน แต่ฉันไม่เคยรู้ว่าการรักใครสักคนมันเหนื่อยขนาดนี้ ถ้ารักแล้วมีความสุขมันต้องไม่เหนื่อย ถ้าเหนื่อยมันคือทุกข์ ฉันไม่อยากกลับไปเหนื่อยแบบนั้นอีก ขอเวลาฉันสักพัก..”
“นานแค่ไหน?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ลัน...ย่าขอร้อง” นวลพูด
“เรื่องที่ลันเจ็บที่สุด คือการที่สิปาไม่เชื่อมั่นในตัวลัน วันที่มะนาวใส่ร้ายลัน สิปาดันไม่ปฏิเสธเลยสักคำ เขาเชื่อคำพูดของมะนาว ถ้าคนสองคนมันไม่ศรัทธาในกันและกันแล้วอยู่กันต่อไปจะมีประโยชน์อะไรคะคุณย่า” ลันตาพยายามจะสงบ “ลันขอตัวนะคะ”
ลันตาเดินหนีไป สิปาดันจะตามแต่อินทนนท์ดึงไว้ไม่ให้เขาตามไป สิปาดันเครียด

อินทนนท์เดินเข้ามาในห้องเห็นนวลยืนอยู่ที่โต๊ะอาหารโดยมองไปทางสิปาดันที่นั่งซึมอยู่ที่โซฟา
สิปาดันนั่งซึมมองรูปแต่งงานของตัวเองกับลันตาที่ใส่กรอบตั้งไว้
ภาพความสุขของลันตากับสิปาดันแวบมาในหัวสิปาดัน
สิปาดันลูบที่รูปเบาๆ อินทนนท์เดินเข้ามาหานวล
“นั่งอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เช้า” นวลส่ายหน้าอย่างเป็นห่วง “ไม่ยอมกินเลย”
อินทนนท์มองสิปาดันแล้วก็คิดก่อนจะเดินเข้าไปหาสิปาดัน นวลเดินตาม อินทนนท์เข้ามาแล้วเบิ๊ดกะโหลกสิปาดันดังป๊าบ
“ตานนท์!” นวลตกใจ
สิปาดันมองอินทนนท์แบบโคตรงงว่าตบหัวเขาทำไม
“อย่ามาทำตัวหมดพลังชีวิตต่อหน้าพ่อ มันขายหน้า เมียไม่กลับแค่นี้ทำจะเป็นจะตาย”
“พ่อก็รู้ว่าผมรักลันมากแค่ไหน” สิปาดันบอก
“รักมากก็ตามง้อสิเว้ย มานั่งตายซากแบบนี้เมียจะกลับมาไหม”
“ก็พ่อบอกอย่าไปรบกวน”
อินทนนท์หมั่นไส้จึงเบิ๊ดกระโหลกอีกที “ย้อนพ่อ....สิปาอย่ามาทำตัวปัญญาอ่อน เมื่อคืนอารมณ์เขายังแรงยังน้อยใจ..ถ้าแกไปเซ้าซี้มากๆ....แล้วหนูลันเขาตัดรำคาญ...ขอหย่ากับแก ที่นี้ล่ะแย่ไปกันใหญ่เลย บทจะบื้อก็ไม่บันยะบันยังเลยนะ”
“ผมมันห่วย สู้แทบตายกว่าจะได้ความรักมาไว้ในมือแต่ดูแลรักษามันไว้ไม่ได้”
“ก็สู้ใหม่ เราเคยทำได้แล้วครั้งนึง มันก็ต้องทำได้อีก แต่ถ้าแกยังนั่งหายใจทิ้งไปวันๆ แบบนี้โดนเมียทิ้งชัวร์ พ่อรับประกัน ความพยายามอยู่ที่ไหน...”
“ความพยายามก็อยู่ที่นั่นล่ะครับพ่อ”
“ไอ้สิปา” อินทนนท์จะเบิ๊ดอีกรอบ
สิปาดันกระเด้งจากโซฟาให้ห่างมืออินทนนท์
“ไม่ได้กินผมแล้วพ่อ....”
สิปาดันรีบวิ่งเข้าไปในห้องคว้ากระเป๋ากุญแจจะวิ่งออกไปนอกห้อง
“แล้วจะไปไหนน่ะสิปา!” นวลถาม
“ง้อเมียครับย่า!”
สิปาดันวิ่งออกไปเลย อินทนนท์กับนวลมองหน้ากันยิ้มๆ

สิปาดันมาที่หน้าบ้านลันตาในหลากหลายชุด มีทั้งลำลอง ทั้งเครื่องแบบ สิปาดันนั่งรอแต่มีเพียงอังที่เดินออกมามองอย่างเห็นใจ สิปาดันผิดหวังแต่ก็ยังพยายามและไม่ยอมแพ้

ลันตาขับรถออกมา สิปาดันเข้ามาขวางรถไว้ ลันตาลงมาจากรถ สิปาดันยิ้มหล่อพร้อมกับดอกไม้ ลันตารับดอกไม้ สิปาดันยิ้ม ลันตาส่งดอกไม้ต่อให้อังที่ตามมาดูแล้วก็ขับรถออกไป สิปาดันรู้สึกเสียใจ

สิปาดันมายืนรออยู่หน้าบ้าน เขาเห็นลันตามองออกมา สิปาดันโบกมือ ลันตาเข้าบ้านแล้วรูดม่านปิด สิปาดันคอตกเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนอยู่ไม่ไปไหน
ลันตาแอบมองออกไป เธอปิดไฟยืนมองด้วยความเป็นห่วงจนไม่หลับไม่นอน มาลัยกับอังยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับมองอาการของลันตา

มาลัยและอังมาคุยกับนวลและอินทนนท์
“ไม่รู้ว่ามันหัวดื้อเหมือนใคร ไม่โกรธแต่ไม่ยอมคืนดี” มาลัยว่า
“แล้วก็กลายเป็นไม่หลับไม่นอนทั้งคู่ พวกปากเข็ง ทิฐิมากไม่รู้ได้เชื่อใครมาจริงๆ อังก็สั่งก็สอนหลานนะคะ ไม่รู้เอาตัวอย่างที่ไม่ดีมาจากใคร” อังบอก
มาลัยชะงักแล้วหันไปมองหน้าอัง
อังรีบเปลี่ยนทันที “หลานคงเลียนแบบอังน่ะค่ะ อังมันใจแข็ง ปากแข็ง นิสัยเสีย”
“เยอะไปละ” มาลัยว่า
อังจ๋อย “ค่ะ...”
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงง้อกันอีกไม่นาน”
สิปาดันเดินเข้ามา
“เรียบร้อยไหม” อินทนนท์ถาม
“ผมเช็คแล้ว ยอดค่าใช้จ่ายรักษาป้าเอื้องคำตามนี้ครับพ่อ..”
สิปาดันส่งบิลให้อินทนนท์
“คุณย่าครับ ป้าเอื้องคำฟื้นแล้วนะครับ” สิปาดันรายงาน
“มาลัย เรื่องพี่เอื้องคำเธอคิดว่าจะจัดการยังไงกับเขา”
“ฉันปล่อยแล้วล่ะ” มาลัยบอก “เก็บเรื่องเก่า ๆมาคิดก็รกใจเปล่าๆ ที่จริงคนที่โดนหนักที่สุดเป็นเธอต่างหาก เธอตัดสินใจก็แล้วกัน”
นวลคิดอย่างมีตัวเลือกไว้ในใจแล้ว
อ่านต่อหน้าที่ 4


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 15 (ต่อ)
สิปาดัน มาลัย อัง นวล และอินทนนท์เดินเข้ามาที่หน้าห้องก็เจอกับมะนาวที่เดินมาจากอีกทาง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ชะงักกันไป

“สวัสดีค่ะ คุณย่า คุณลุง” มะนาวทัก
“เอื้องคำฟื้นแล้วใช่ไหม” มาลัยถาม
“ค่ะ...”
มาลัยจะเดินเข้าไป
มะนาวขยับมาขวาง “อย่าเข้าไปเลยค่ะ”
“ทำไม?” มาลัยถาม
“เอ่อ....”
“มีเรื่องอะไรเหรอ” อินทนนท์ถาม
เสียงตึง! ดังมาจากด้านใน ทุกคนตกใจหันไปมอง มะนาวรีบเข้าไปในห้อง
“คุณป้า!”
ทุกคนตามเข้าไปแล้วก็ชะงักที่เห็นมะนาวเข้าไปประคองเอื้องคำที่ตอนนี้กลายเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก
ทุกคนตะลึงที่เห็นสภาพของเอื้องคำ เอื้องคำกรีดร้องที่เห็นมาลัยกับนวล เพราะเธอไม่อยากให้เห็นสภาพที่น่าสังเวชของตัวเอง

เวลาผ่านไป เอื้องคำนอนอยู่บนเตียง มะนาวคลุมผ้าให้กับเอื้องคำ
“ตั้งแต่ฟื้น คุณป้าก็พยายามจะลงจากเตียงตลอด คุณป้าคงไม่อยากให้ใครเห็นท่านแบบนี้” มะนาวเล่า
สิปาดันกับอินทนนท์มองหน้ากันแล้วเงียบๆ อย่างเห็นใจกับสภาพของเอื้องคำ นวลกับอังหันไปมองมาลัย มาลัยคิดแล้วเดินเข้าไปใกล้เตียงเอื้องคำ นวลเดินตาม
เอื้องคำมองมาลัยด้วยสายตาที่อับอายและสังเวชในสภาพของตัวเอง
“ที่เธอทำกับฉันกับนวล มันเลวร้ายก็จริง แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว ฉันอโหสิให้เธอ” มาลัยบอก
เอื้องคำยิ่งรู้สึกสมเพชเวทนาตัวเอง
“พี่เอื้องคำ ไม่ต้องกังวลนะคะ” นวลบอก “ยังไงพี่ก็เป็นพี่สะใภ้ของนวล เป็นป้าของหลาน นวลกับลูกหลานจะช่วยดูแลพี่”
เอื้องคำมองอย่างไม่เชื่อ
“พี่ชายของนวลก็คงอยากให้นวลทำแบบนี้” นวลยิ้ม
เอื้องคำยิ่งเจ็บปวดและสมเพชตัวเอง จึงส่งเสียงกรีดร้องไล่ให้ทุกคนออกไป
“ออกไป!...ออกไป!”
เอื้องคำยิ่งขยับตัวพยายามจะอาละวาดก็ยิ่งจะตกเตียงอีก
“คุณย่ากับคุณลุงออกไปก่อนเถอะค่ะ นาวขอร้อง...ออกไปก่อนนะคะ!”
มาลัย อัง นวล อินทนนท์ และสิปาดันเดินออกไปจากห้อง เอื้องคำยอมหยุดอาละวาด
มะนาวปลอบ “ใจเย็น ๆนะคะคุณป้า”
เอื้องคำหายใจหอบเหนื่อยเพราะเจ็บใจกับสภาพของตัวเอง

สิปาดันมองเข้าไปด้านในแล้วหันกลับมาหากลุ่มของมาลัย
“ไม่น่าจะเป็นการแสดงนะครับ” สิปาดันบอก
“แกไปคุยกับหมอนะ ถ้าป้าเอื้องคำกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ เราก็จะคอยช่วยดูแลเขาเท่าที่เราทำได้นะครับแม่” อินทนนท์ว่า
นวลยิ้มพอใจที่อินทนนท์ยังมีความเห็นใจเอื้องคำอยู่
“น่าสงสารนะคะคุณพี่ บั้นปลายแทนที่จะได้ใช้ชีวิตสงบ ๆต้องมาอยู่ในสภาพนี้” อังว่า
มาลัยกับนวลได้แต่ปลง
“กลับกันเถอะครับ ผมจะไปส่งเอง” อินทนนท์บอก
“แล้วสิปาล่ะ” มาลัยถาม
“ผมติดภารกิจง้อเมียครับ” สิปาดันพูด
พวกผู้ใหญ่ยิ้มนิด ๆ อย่างพอใจแล้วก็เดินออกไป สิปาดันจะเดินตาม
เสียงมะนาวดังขึ้น “สิปา....”
สิปาดันชะงักแล้วหันกลับมา มะนาวก้าวเท้าออกจากห้อง
“สิปาคะ...นาวอยากจะขอ...” มะนาวบอก
“ขอโทษนะ มะนาว สำหรับผมแค่ให้คุณเป็นคนรู้จักมันยังมากเกินไปด้วยซ้ำ” สิปาดันบอก
มะนาวอึ้ง สิปาดันมีสีหน้าเย็นชาขณะเดินจากไป มะนาวเจ็บปวดแต่ก็ต้องยอมรับ

ลันตามีสีหน้าอึ้ง ๆ หลังจากรู้ข่าวจากรัชนี
“คุณพิธานขายหุ้นให้พี่นีเหรอคะ” ลันตาถาม
รัชนียิ้ม “จ้ะ”
“แล้วคุณสุวิภา” ลันตาถามต่อ
“ก็ยังเป็นหุ้นอยู่ แต่น้อยกว่าพี่ ต่อไปนี้เราจะมีอิสระในการทำงานมากขึ้น แล้วก็คงทำงานหนักขึ้น เพราะค่าหุ้นของคุณพิธานทำให้พี่มีหนี้ตามมา”
“ลันจะช่วยให้พี่นีกำไรให้มากที่สุดเท่าที่ลันจะทำได้เลยค่ะ” ลันตาบอก
พิธานเดินเข้ามาแล้วต่างคนก็ต่างชะงักกันไป
พิธานพูดกับลันตา “ผมตามหาคุณอยู่”
รัชนีมองท่าทีพิธานแล้วก็รู้ว่าควรจะปลีกตัวออกไป
“งั้นพี่ขอไปคุยงานกับแพทก่อนนะ” รัชนีบอก
ลันตารับ “ค่ะ...”
รัชนีเดินออกไปทำให้เหลือแค่พิธานกับลันตา พิธานมองลันตาอย่างพยายามหาทางจะเริ่มต้น
ลันตายิ้ม “ขอบคุณนะคะเรื่องพี่นี”
“ดรีมเป็นนิตยสารฉบับแรกของบริษัทพี่ กับบ.ก.บ.ห.ที่พี่ภูมิใจ” พิธานบอก
ลันตายิ้ม “ขอบคุณค่ะ คุณพิธาน...” ลันตาสังเกตเห็นสายตาที่ตัดพ้อของพิธาน “พี่พิธานจะกลับไปอังกฤษเหรอคะ”
“ที่จริงพี่ไม่เคยคิดจะกลับมาเมืองไทย แต่ที่พี่กลับมาเพราะพี่อยากกลับมาเจอผู้หญิงที่พี่รักอีกครั้ง”
ลันตาอึ้ง
พิธานพูดต่อ “ตลอดเวลาที่เราจากกัน พี่คิดถึงรุ่นน้องคนสวยที่แค่เขานั่งอยู่เงียบๆ ข้างพี่ ผู้หญิงที่ทำให้พี่อบอุ่นที่สุดในชีวิต เสียดายที่พี่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่พี่ถึงต้องเสียลันไป”
“ลันขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เสียใจ”
“พี่ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เราเจอกันครั้งสุดท้ายหรือเปล่า ถ้าพี่จะขอ...”
ลันตายิ้ม
“ได้สิคะพี่ชาย...”
พิธานยิ้มแล้วโผเข้ากอดลันตาแน่นด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์
“พี่รักลันนะ..”
ลันตากอดตอบในความรู้สึกดี ๆ เพราะไม่อาจตอบรับความรักจากพิธานได้
“เราคงต้องลากันจริงๆ แล้ว...พี่...ดีใจนะที่ลันมีความสุข ...พี่ขอสักอย่างได้ไหม”
“ค่ะ...”
“ยิ้มให้พี่แบบกว้างๆ เลย...เพราะที่ผ่านมารอยยิ้มของลันคือกำลังใจที่ทำให้พี่ก้าวมาจนถึงวันนี้และวันต่อ ๆ ไป”
ลันตายิ้มด้วยความเต็มใจ “เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่พี่มีให้กับลัน...ลันหวังว่าสักวันพี่จะเจอคนที่พี่รักแล้วเขาก็รักพี่ ลันก็อยากเห็นพี่มีความสุขนะคะ”
พิธานยิ้มขอบคุณ ทั้งสองคนส่งความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน แล้วพิธานก็เดินหันหลังจากไป ลันตามองตามอย่างไม่มีความรู้สึกใด ๆ ค้างคาใจกับพิธานอีกต่อไป

ลันตามองไปที่หน้าบ้านก็เห็นว่าว่างเปล่าไม่มีวี่แววของสิปาดัน เธอหันมองสมุดบันทึกของสิปาดันที่วางอยู่บนเตียงแล้วเดินมานั่งที่เตียงอย่างหงุดหงิด
“แค่นี้สินะ ความพยายามของคนที่พูดว่ารัก”
เสียงมาลัยดังขึ้น “แบบนี้เขาเรียกว่าปากอย่างใจอย่างใช่ไหม ยัยอัง”
ลันตามองไปที่ประตู มาลัยกับอังเดินเข้ามา
“เขามาก็ไล่ เขาไปก็คิดถึง” มาลัยว่า
“ผู้ชายไม่ได้ความ ลันไม่คิดถึงหรอกค่ะ” ลันตาปากแข็ง
“โทษแต่คนอื่น ตัวลันก็ไม่ได้ความเหมือนกัน”
ลันตามองว่าหมายความว่ายังไง
“ที่ลันไม่บอกสิปาเรื่องมะนาวเล่นสงครามประสาทเพราะ...” อังว่า
“ลันไม่อยากเวิ่นเว้อ น่ารำคาญ” ลันตาบอก
“แกไม่เชื่อว่าสิปาจะแก้ปัญหาได้ต่างหาก ถ้าบอกตั้งแต่แรก ยัยมะนาวคงไปพ้นชีวิตคู่แกตั้งนานแล้ว ใครกันแน่ที่ไม่ศรัทธาในคู่ชีวิตของตัวเอง” มาลัยบอก
ลันตาอึ้งไปทันที
“แกเที่ยวไปดูแลสงสารคนอื่น อย่างตาหนูนั่นไง ลูกคนอื่นแท้ๆ ต่อสู้ดูแลอย่างดี น่าสงสารสิปานะ มีเมียที่ชอบโอบอุ้มคนอื่นด้วยความรักความสงสาร แต่กับสามีกลับอุ้มด้วยทิฐิ ชาติไหนครอบครัวมันจะมีความสุข”
ลันตาอึ้งกับคำพูดของมาลัยเสียงมือถือลันตาดังขึ้น เธอเห็นว่าสิปาดันโทรมา

สิปาดันเมาจึงโวยวายลุกขึ้นมาคุยมือถือ กีรติกับเก่งอึ้งกับความไม่มีสติของสิปาดัน
“กลับบ้านเถอะนะลัน ฉันรักแก ฉันอยู่โดยไม่มีแกไม่ได้ ลัน!”
สิปาดันเสียงดังจนแทบจะกลายเป็นตะโกนคุยจนแขกในร้านรอบ ๆ ข้างหันมามอง
ลันตาอึ้ง “นี่แกเมาเหรอสิปา”
“ฉันไม่เมา! แกได้ยินไหม ลัน! ฉันรักแก แกได้ยินไหม!”
แขกในร้านรอบข้างมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
กีรติลุกขึ้นมาพยายามจะปรามเพื่อนให้สงบ “ไอ้สิปา”
“อย่ามายุ่ง ฉันจะคุยกับเมียฉัน!”
สิปาดันไม่ยอม
เก่งพูดกับกีรติ “งั้นพามันไปคุยข้างนอกกีรติ”
“ไปข้างนอกดีกว่า” กีรติบอก
“บอกว่าอย่ายุ่ง ลันได้ยินฉันไหม ลัน!” สิปาดันโวยวาย
กีรติกับเก่งจะดึงสิปาดันออกไป สิปาดันไม่ยอม เขาวาดมือ วาดขาป่ายปัดไปทั่วจนขวด แก้ว จานบนโต๊ะล้มระเนระนาดไปหมด
กีรติชักโมโห “จะออกไปไหมสิปา”
สิปาดันยืนกราน “ไม่!”
กีรติมองอย่างพยายามสงบใจ แล้วก็ตีศอกใส่ท้องสิปาดันจนสิปาดันถึงกับจุก กีรติกับเก่งใช้จังหวะนี้ลากสิปาดันออกไปนอกร้านจนได้

กีรติกับเก่งพาสิปาดันออกมาด้านหน้า
“ฉันจะไปหาลัน” สิปาดันโวยวาย
“หายเมาแล้วฉันจะพาไป” กีรติบอก
“ฉันจะไปหาลันเดี๋ยวนี้เว้ย!..อุ๊บ....!”
สิปาดันอ้วกพุ่ง เก่งรีบพาไปมุมหนึ่งคอยดูแล เสียงมือถือกีรติดัง กีรติมองมือถือแล้วรีบกดรับ
“ครับคุณลัน...”
เก่งที่ยืนดูสิปาดันอาเจียนอยู่ด้านหลังกีรติ
“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้” เก่งบอก
เก่งเดินเข้าไปในร้าน สิปาดันอาเจียนเสร็จก็เดินไป
กีรติฟังโทรศัพท์ “พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วครับตอนนี้ ผมจะจัดการพามันไปส่งเองครับ”
เก่งเดินออกมาพร้อมขวดน้ำเปล่า เก่งมองหาแล้วก็ตกใจจึงรีบเข้ามาหากีรติ
“ไอ้กบ! สิปาไปไหนวะ!” เก่งถาม
กีรติหันมามองหาแล้วก็ตกใจไม่แพ้กัน กีรติมองไปที่รถ
“โน่นไง มันอยู่ที่รถ สิปา!”
ลันตาที่ยืนฟังโทรศัพท์อยู่รู้สึกเป็นห่วง
สิปาดันขึ้นรถฝั่งที่นั่งคนขับแล้วขึ้นรถสตาร์ทขับออกไปทันที
“ไอ้สิปา! โธ่เว้ย!” กีรติฉุน
“คุณกบ!...สิปาเป็นยังไงบ้างคะ” ลันตาถาม
“มันขับรถออกไปแล้ว มันต้องไปหาคุณแน่ๆ ไม่มีสติแบบนั้นจะขับรถยังไงวะ” กีรติพูดกับโทรศัพท์ “ผมไปตามมันก่อนนะครับ ไอ้เก่ง ไป!”
กีรติวางสายแล้วรีบขึ้นรถไปกับเก่งทันที
ลันตาร้อนใจมาก ลันตาตัดสินใจรีบวิ่งไปคว้ากุญแจรถ มาลัยกับอังงง
“ยัยลัน แกจะไปไหน!” มาลัยถาม
“ลันจะไปดูสิปาค่ะ” ลันตาบอก
ลันตาไม่รอฟังอะไรอีกรีบวิ่งออกไปเลย มาลัยกับอังพลอยมองตามไปด้วยความเป็นห่วง

สิปาดันขับรถทั้งที่ครองสติไม่ค่อยอยู่ เขาเปิดบลูทูธภายในรถเพื่อโทรหาลันตา

ลันตาขับรถแล้วก็เห็นสายเรียกเข้าจากสิปาดัน ลันตารีบกดรับทันที
“สิปา แกอยู่ที่ไหน” ลันตาถาม
“ลัน...ยกโทษให้ฉันได้ไหม...กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะลัน...ฉันขอร้อง” สิปาดันพูด
ลันตายิ่งเป็นห่วงก็ยิ่งร้อนรน “สิปา จอดรถก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน”
“ตอบฉันมาก่อน ว่าแกจะยกโทษให้ฉันได้ไหม”
“ฉันจะตอบ ถ้าแกจอดรถ”
“ฉันอยากฟังคำตอบเดี๋ยวนี้ ลัน....แกจะกลับมาไหมลัน...มาอยู่ด้วยกัน ฉันรักแกนะลัน ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแก”
“สิปา...ฉัน” ลันตาจะพูดว่าฉันกำลังไปหาแก
สิปาดันมองทางแต่สายตาโฟกัสไม่ชัด คุมพวงมาลัยไม่อยู่ จึงขับเป๋เข้าไปในเลนตรงข้าม รถที่กำลังสวนมาบีบแตรดังลั่น สิปาดันได้สติในชั่วขณะแล้วก็เห็นว่ารถกำลังจะพุ่งประสานงา สิปาดันหักรถกลับมาทำให้รถพุ่งลงข้างทาง
ลันตาที่ได้ยินเสียงเสียงเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตกใจมาก
“สิปา! สิปา!”
กีรติกับเก่งที่ขับรถตามมารีบจอดรถแล้วลงไปช่วยสิปาดันทันที

มาลัย อัง นวล และอินทนนท์เข้ามาที่หน้าห้องผ่าตัดจนเจอกีรติ เก่ง และลันตาที่นั่งขวัญเสียอยู่
“ยัยลัน!” มาลัยเรียก
“คุณย่า!....ลันผิดเอง ลันผิดเอง!” ลันตาคร่ำครวญ
“ใจเย็นๆ นะจ๊ะหนูลัน....” นวลปลอบ
“สิปาต้องไม่เป็นอะไรนะลูก”
อินทนนท์พูดกับกีรติและเก่ง “อาการสิปาเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนผมกับเก่งช่วยกันเอาตัวมันออกมา มันสลบไม่ได้สติครับ หัวมันชนกับกระจกหน้า เลือดออกมาก..ตอนนี้เราได้แต่รอครับ”
ทุกคนมองไปทางห้องผ่าตัดโดยต่างก็เอาใจช่วยสิปาดัน

สิปาดันยังอยู่ในอาการโคม่า ลันตาคอยมองเขาไม่ห่าง มาลัย อัง และนวลมองลันตากับสิปาดันด้วยความเป็นห่วงทั้งคู่
“คุณหมอว่ายังไงบ้างนนท์” นวลถาม
อินทนนท์เดินเข้ามา “ต้องให้ความดันให้กะโหลกศีรษะลดลง แล้วคอยดูอาการครับ”
“แล้วสิปาจะรู้สึกตัวไหม” มาลัยถามต่อ
“ก็หวังให้สิปาตอบสนองการรักษา ถ้าอาการแย่ลงอาจจะต้องผ่าตัด” อินทนนท์บอก
ทุกคนหันไปมองทางลันตาที่มองสิปาดันด้วยความเสียใจ ลันตาน้ำตาร่วงไม่หยุด
“สิปา...ฉันขอโทษ...ฉัน”
อัง นวล และอินทนนท์มองลันตาด้วยความเป็นห่วง
อังเป็นห่วงจนทนไม่ไหว “ลัน....ร้องมาเป็นชั่วโมงแล้ว ตั้งสติหน่อยสิลูก”
“ลันกลัวค่ะป้า กลัวสิปาจะทิ้งลัน...”
ลันตาร้องไห้จนเป็นลม
มาลัยตกใจ “ยัยลัน!”

ลันตานอนอยู่บนเตียง มาลัย อัง นวล และอินทนนท์เข้ามายืนข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง ลันตาค่อย ๆ รู้สึกตัว
“คุณย่า...”
“ยัยลัน...นอนก่อน อย่าเพิ่งลุกนะ” อังบอก
“ลันอยากไปดูสิปา...”
ลันตาจะลุกให้ได้จนมาลัยโมโห
“ห้ามลุก! นอนอยู่ตรงนี้จนกว่าย่าจะอนุญาต...”
“แต่...”
“อย่าดื้อกับย่านะลัน ทุกคนก็ร้อนใจ ห่วงสิปาไม่ต่างกัน ถ้าแกยังดื้อจนเป็นอะไรไปอีกคน คิดถึงใจพวกย่าบ้างไหม ลันตา!”
ลันตาอึ้งไปกับคำพูดของมาลัย
“ลันเข้าใจแล้วค่ะ ลันขอโทษค่ะคุณย่า”
หมอเดินเข้ามาถาม “รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”
“มึน ๆ ค่ะ” ลันตาตอบ
“ร่างกายคุณอ่อนเพลียมากนะครับ หมอต้องขอให้คุณดูแลตัวเองมากกว่านี้ พักผ่อนและอย่าทำงานหนัก คุณแม่กำลังท้องอ่อนๆ แบบนี้ต้องระวังมาก ๆ”
ลันตาและทุกคนอึ้งมาก
“เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าหนูลันท้องเหรอครับ” อินทนนท์ถาม
“ครับ คุณผู้หญิงท้องสองเดือนแล้วครับ” หมอบอก
ทุกคนอึ้งกับข่าวดีที่มาอย่างผิดเวลา ลันตาเอามือแตะที่ท้องด้วยความรู้สึกยินดีกับเรื่องที่ได้รับรู้

สิปาดันนอนอยู่บนเตียง ลันตาเดินเข้ามาหาสิปาดัน ทุกคนเดินตามมา ลันตาเข้าไปกระซิบข้างๆ หูสิปาดัน
“สิปา...เรากำลังจะมีลูก ลูกของเรา...กลับมานะสิปา”
ทุกคนได้แต่มองอย่างเอาใจช่วย
ลันตาคอยมาเฝ้าสิปาดันบ่อยๆ ลันตาอยู่ใกล้ชิดสิปาดันแม้ในยามที่พยาบาลมาวัดความดัน หรือหมอมาตรวจ กลุ่มผู้ใหญ่ต้องคอยดูแลลันตาอีกทีด้วยความเป็นห่วง

แพทกับมิ้งค์มีดอกไม้ที่ผูกริบบิ้นสีแดงช่อเล็กๆ กีรติเข้ามาในห้องแล้วก็ชะงักที่เห็นลันตานั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับวางมือลงบนฝ่ามือสิปาดันตลอดเวลา ทั้งสามคนมองอินทนนท์ที่นั่งห่างออกมา
“ไม่กิน...ไม่นอนแทบจะไม่ยอมขยับไปไหนเลย” อินทนนท์บอก
“สิปาเป็นยังไงบ้างครับ” กีรติถาม
“ยังทรง ๆ ถ้ารู้สึกตัวก็คงปลอดภัย....” อินทนนท์บอก
แพทกับมิ้งค์เดินเข้าไปหาลันตา มิ้งค์วางดอกไม้ไว้ที่โต๊ะข้างๆ เพราะอยากให้ใกล้กับแถวเตียงของสิปาดัน
แพทแตะที่ไหล่เพื่อน “ลัน....”
“แพท...มิ้งค์”
มิ้งค์กอดลันตา “พี่สิปาจะต้องหายนะพี่”
ลันตากอดตอบอย่างต้องการกำลังใจ
เสียงเตือนจากเครื่องวัดการเต้นของหัวใจแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจของสิปาดันที่เต้นช้าลง
ทุกคนตกใจ ลันตารีบกดปุ่มเรียกพยาบาล

ลันตา แพท มิ้งค์ กีรติ และอินทนทนนท์รออยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวายใจ
ลันตาร้องไห้ “สิปา...”
“ไอ้ลัน...ใจเย็น ๆ” แพทปลอบ
“ถ้าสิปาเป็นอะไรไป เป็นเพราะฉัน ฉันผิดคนเดียว” ลันตาบอก
“พี่ลัน....พี่สิปาจะไม่เป็นอะไรนะพี่”
ลันตาเครียดมากจนจะเป็นลม แพทกับมิ้งค์รีบเข้ามาประคองไว้
“พี่ลัน...” มิ้งค์ตกใจ
“ไอ้ลัน...มานั่งก่อน...” แพทบอก
มิ้งค์ขยับเข้าประกบลันตาโดยจับมือคอยดูแลลันตา อินทนนท์ แพท และกีรติมองลันตาอย่างเป็นห่วง ในขณะที่อีกใจก็กังวลกับสิปาดัน

สิปาดันนอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง ลันตาเดินเข้ามาในห้อง แพท มิ้งค์ กีรติ และอินทนนท์ตามเข้ามาเงียบๆ ลันตาเข้ามานั่งข้างสิปาดันแล้วจับมือสิปาดันไว้ด้วยความหวัง
“เมื่อไหร่พี่สิปาจะฟื้น มิ้งค์สงสารพี่ลัน”
ทุกคนมองลันตาด้วยความสงสาร
“สิปา...รีบฟื้นขึ้นมานะ มารับของขวัญจากฉัน” ลันตาบอก
ลันตาจับมือสิปาดันมาแนบที่ท้องตัวเอง
“ของขวัญที่มีค่าที่สุดของเรา.....”
สิปาดันยังหลับนิ่ง
“สิปา..ตั้งแต่เกิด...ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่มีที่มา แม่ไม่ต้องการ ฉันมีคุณย่ากับคุณป้าช่วยโอบอุ้มให้ชีวิตกับฉัน ทำให้ฉันได้เป็นลันตาวันนี้ แต่คนที่อยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจให้กับฉันตลอดมาคือแก แกเป็นความอบอุ่นเป็นอีกครึ่งหนึ่งที่ชีวิตฉันตามหา เป็นที่พึ่งพิงของหัวใจฉัน....วันนี้ฉันรู้แล้วสิปา...”
ภาพในอดีตตอนที่สิปาดันพูดว่ารักใครไม่ได้อีกแล้วย้อนกลับมา
“ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากแก” ลันตาพูดตาม
ลันตาดึงริบบิ้นจากดอกไม้มาแล้วผูกริบบิ้นที่นิ้วนางข้างซ้ายของสิปาดัน
“ฉันอยากได้ของขวัญ...แกให้ฉันได้ไหม...สิปา” ลันตาถาม
ลันตาร้องไห้อย่างพรั่งพรู มิ้งค์ แพท กีรติ และอินทนนท์มองด้วยความสงสาร
สิปาดันบีบมือลันตาเบาๆ ลันตาชะงักมองมือตัวเองที่สิปาดันจับอยู่แล้วก็เห็นว่าสิปาดันพยายามจะบีบมือเธอ ลันตามองไปที่สิปาดันก็เห็นสิปาดันพยายามจะลืมตา
“สิปา!”
“คุณลุงครับ สิปาฟื้นแล้ว” กีรติบอก
อินทนนท์รีบเข้ามาดูแล้วกดเรียกพยาบาล “คนไข้ฟื้นแล้วครับ เรียกคุณหมอให้ผมด่วน”
ลันตายิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบคุณมากสิปา ขอบคุณ”
ทุกคนมองด้วยความดีใจ

สิปาดันหลับอยู่ ลันตาเข้ามาหอมแก้มสิปาดันเบาๆ
สิปาดันถามทั้งที่ยังหลับตา “คิดถึงฉันไหม”
ลันตาชะงักมองสิปาดันที่ลืมตามามองยิ้มๆ
“คิดถึงมาก...พอใจไหม”
สิปาดันยิ้ม
ลันตาลงไปนั่งข้างๆ เตียงแล้วมองสิปาดันด้วยความรัก “ขอบใจนะที่กลับมา”
สิปาดันหันมองด้วยความรัก “ฉันอยากกลับมาให้ของขวัญแกไง”
สิปาดันขยับนิ้วนางซ้ายที่ยังผูกริบบิ้นอยู่
“แกเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดเลยสิปา”
“ลัน...แกก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของฉันเหมือนกัน มีหลายคนบนโลกนี้ที่ได้แต่แอบรัก ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่จะโชคดีได้รับความรักตอบ ฉันดีใจที่ฉันโชคดี”
“ฉันก็เหมือนกัน...ต่อไปนี้ฉันจะดูแลความรักที่อยู่ในมือให้ดีที่สุด”
“ไม่งอน” สิปาดันบอก
ลันตาชี้กลับไปที่สิปาดัน “ไม่เจ้าชู้”
“ไม่งี่เง่า”
“ไม่ดื่ม...”
สิปาดันยื่นมือให้ลันตา
“ดีล...” สิปาดันบอก
ลันตาจับมือสิปาดันด้วยรอยยิ้ม “ดีล..”
ลันตาโผเข้ากอดสิปาดัน สิปาดันกอดตอบด้วยความรัก
“ว่าแต่...” สิปาดันเห็นลันตาชะงักมองว่ามีอะไร “ลูกดิ้นหรือยัง”
“ไอ้บ้า...สองเดือนกว่าเนี่ยนะ” ลันตาว่า
“ก็อยากรู้...ขอทักทายลูกหน่อย”
สิปาดันดึงลันตามานั่งข้าง ๆ บนเตียงแล้วขยับลงไปแนบหูฟังที่ท้อง
“สวัสดีครับ พ่อสิปานะครับลูก..”
ลันตามองสิปาดันที่พูดกับท้องของเธอด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

ลันตา มาลัย และอังจะขึ้นไปหาสิปาดันแต่ก็ชะงักที่เห็นมะนาวกำลังเข็นรถเข็นพาเอื้องคำตรงมา
“นาว...” ลันตาเรียก
“ดีใจด้วยนะที่สิปาใกล้หายแล้ว” มะนาวบอก
“พี่เอื้องคำจะกลับบ้านใช่ไหมคะ” นวลถาม
เอื้องคำหน้าตึงนิ่งไม่ตอบและไม่สบตา
มาลัย นวล และอังมองหน้ากันเพราะรู้ว่าเอื้องคำไม่ยอมญาติดีด้วยง่าย ๆ มาลัยเอาหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆ ส่งให้กับเอื้องคำ
“ฉันให้....”
เอื้องคำใช้มือข้างที่มีแรงปัดหนังสือทิ้ง
มาลัยหยิบขึ้นมา “ฉันทำได้แค่ให้ สุดท้ายก็อยู่ที่เธอนะ”
เอื้องคำส่งเสียงไม่พอใจ
“นาวไปก่อนนะคะ” มะนาวบอก
มะนาวพาเอื้องคำออกไป
“ขนาดนี้แล้วยังไม่วาย ไม้แก่ดัดยากจริงๆ คงไม่มีวันสำนึกแล้วล่ะค่ะคุณพี่” อังบอก
“กรรมใครกรรมมัน เราช่วยได้เท่าที่ช่วยก็พอ”
มาลัยกับนวลได้แต่มองตามไป

สามเดือนผ่านไป นวลกับอินทนนท์เข้ามาในห้องก็เจอสิปาดันที่กลับมาเป็นปกติแล้วใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังยกกระเพาะปลามาให้ลันตาที่นั่งกินกระเพาะปลาอยู่แล้วที่โต๊ะ มีชามกระเพาะปลาอีกสองใบที่กินเกลี้ยงแล้วยังวางอยู่
“โอ้โห...นี่ลันกินคนเดียวเลยเหรอลูก” อินทนนท์ถาม
“ยังไม่นับ ขนม ผลไม้ที่กลายเป็นซากนะครับ หิวทุกสิบนาทีเลย” สิปาดันว่า
ลันตากินอย่างมีความสุข
“หมดถ้วยนี้ต้องเบรกบ้างนะ กินไม่เผื่อให้กระเพาะย่อยเลย” สิปาดันว่า
“ก็ลูกอยากกินนี่....” ลันตาบอก

สิปาดัน อินทนนท์ และมาลัยนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ลันตาย่องออกมาจากห้องมองสิปาดันแล้วแอบไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบทุเรียนออกมา ลันตามีท่าทางเปรี้ยวปาก พอหันกลับมาก็เจอสิปาดันที่ยืนกอดอกมองมาดเข้ม
“ก็ลูกอยากกินนี่...” ลันตาอ้าง
“ลัน...”
“ให้กินไปเถอะ” อินทนนท์บอก “นิด ๆ หน่อย ๆ โอกาสเดียวในชีวิตที่จะได้ตามใจปากเต็มที่”
“ลันไม่ได้อยากกินเองนะคะ ลูกอยากกินจริงๆ” ลันตาย้ำ
“ฉันห่วงแกนะ แกต้องรักษาน้ำหนักตัวอย่าให้มันมากเกินเกณฑ์”
ลันตาทำตาปริบๆ เหมือนจะร้องไห้ “ก็ลูกอยากกินจริงๆ นี่”
สิปาดันตกใจ “อ่ะ ๆ ๆ...อยากกินอะไรมา เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“จริงนะ”
สิปาดันพยักหน้า ลันตามานั่งอยู่ที่โต๊ะ สิปาดันจัดการหาผลไม้ให้ โดยวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบ ลันตาชี้นิ้วสั่ง สิปาดันหัวหมุนจัดการให้ นวลกับอินทนนท์ยิ้มๆ

แก๊งค์ผู้ใหญ่พากันช็อปปิ้งหยิบข้าวของใส่รถเข็น
“ยัยลันดูเพิ้ง ๆ แบบนี้ ฉันว่าได้ผู้ชายชัวร์” มาลัยว่า
“ได้ผู้หญิงก็ดีนะ ขี้อ้อนน่ารัก” นวลออกความเห็น
“ผมว่าตอนคลอดจะให้ขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ อากาศมันดี” อินทนนท์บอก
“ได้ยังไง ไปไกลขนาดนั้น ฉันก็ไม่เห็นหลานตอนเกิดสิ ไม่เอา ฉันไม่ยอม” อังว่า
“ถ้าหลานคลอดแล้ว เราแบ่งวันกันเลี้ยงเนอะ ฉันไม่เอามากหรอก ฉันขอเลี้ยงแค่สองวัน” นวลบอก
“จริงเหรอ...วันไหนบ้าง” มาลัยถาม
“วันฝนตกกับวันฝนไม่ตก” นวลบอก
“ได้...” มาลัยฉุกใจ “เอ๊ย...มันทุกวันเลยนี่”
นวลขำ
“ผมจะให้เรียนแบบนานาชาติเลยจะได้หลายภาษา” อินทนนท์บอก
อังอยากบลัฟบ้าง “..งั้นถ้าคุณพี่ตาย มรดกที่คุณพี่ให้อัง อังจะยกให้หลานค่ะ”
มาลัยหยิก “คิดแต่ละอย่างดีๆ ทั้งนั้น”
“ก็อยากให้หลานบ้างนี่คะ”
นวล อินทนนท์ และมาลัยมองอังยิ้มๆ อย่างมีความสุข

มิ้งค์คุยโทรศัพท์เข้ามาที่ทางเดินหน้าห้องพอล
“มิ้งค์มาถึงคอนโดแล้วค่ะ” มิ้งค์วางสายแล้วบ่น “ทำไมไม่สบายแล้วไม่บอกนะ...”
มิ้งค์กดกริ่งหน้าห้องพอล แต่ก็ไม่มีการตอบรับ มิ้งค์รอแล้วเริ่มรู้สึกกังวล
“ลุกไม่ไหวเลยเหรอ”
มิ้งค์กดกริ่งอีกแล้วตัดสินใจลองเปิดประตู ปรากฏว่าประตูเปิดเข้าไปได้ มิ้งค์ดันประตูเข้าไปเห็นว่าภายในห้องถูกปิดม่านจนมืด ที่โต๊ะกลางห้องมีเทียนที่ถูกปักไว้เก๋ ๆ รอบๆ ตรงกลางมีมาการองที่ถูกจัดเป็นหัวใจไล่สีสวยงาม มีตุ๊กตาน้ำตาลที่ถูกปั้นเป็นผู้ชายคุกเข่าถือแหวนมีคำว่า Only you... ประดับอยู่อย่างน่ารัก มิ้งค์มองอึ้ง ๆ พอลเข้ามาแบบหล่อเซอร์และมีท่าทางเขินๆ
“ฉัน....” มิ้งค์อึกอัก
“หมั้นกับผมได้ไหม..” พอลถาม
มิ้งค์อึกอักนิด ๆ “บอกตรง ๆ นะว่าเคราโหด แถมเลี้ยงสุนัขไว้ในปากอย่างคุณไม่ใช่เทรนด์ฉันเลย แต่มันแย่ตรงที่....ฉันดันรักคุณ...” มิ้งค์ยิ้ม “ขอแล้วห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด”
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ทรงถั่วงอกแบบนี้บอกเลยว่ารัก...”
มิ้งค์ยิ้มกว้าง พอลหยิบแหวนสวมให้มิ้งค์ภายใต้บรรยากาศน่ารัก ๆ

สี่เดือนก่อนที่ลันตาจะคลอด สิปาดันกับลันตาเตรียมเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
สิปาดันต้องฝึกดูแลลันตาที่ท้องเริ่มใหญ่ขึ้น สิปาดันคุยกับลูกในท้องไปด้วย บีบนวดให้ลันตาไปด้วย เขาจูงมือลันตาที่ท้องโตเดินเบาๆ ในสวนสาธารณะ สาว ๆ สุดอึ๋มวิ่งผ่านแบบมีให้ท่าแต่สิปาดันไม่สนใจเลย ลันตายิ้ม ๆ
มาลัย อินทนนท์ นวล และอังพากันซื้อของใช้เด็กมาจนเต็มห้องแสดงความเห่อกันสุดๆ หนังสือตั้งชื่ออยู่ในมือของแต่ละคน แต่ละคนชี้แย่งกันถกเถียงว่าจะใช้ชื่อไหนดี ลันตามองยิ้ม ๆ
ลันตาฝึกหายใจเวลาคลอด สิปาดันพลอยฝึกไปด้วย
ลันตาลองฝึกคลอดลูกในน้ำ
สิปาดันวงในปฏิทินวันที่ 13 สิงหาคมแล้วเขียนไว้ว่า Brithday! ปฏิทินถูกกาไล่มาถึงวันที่ 10 สิปาดันลูบท้องลันตาเบาๆ ด้วยความรักปนตื่นเต้นนิด ๆ สิปาดันกอดลันตาที่ท้องใหญ่จากทางด้านหลังแล้วบอกรักเบาๆ ทั้งสองคนมีความสุข

เสียงลันตาร้องด้วยความเจ็บปวด
“สิปา...ตื่น สิปา ตื่นสิโว้ย!”
สิปาดันค่อย ๆลืมตาตื่น ลันตาหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด
“แกเป็นอะไรลัน ปวดฉี่เหรอ”
“เจ็บท้อง...จะคลอดมั้ง” ลันตาบอก
สิปาดันตาโต “จะคลอด!”
สิปาดันกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยอาการตื่นเต้นลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“ใจเย็น ๆ หายใจ ค่อยๆ หายใจ” สิปาดันบอก
“โอ้ย ยังไม่คลอดตอนนี้ พาฉันไปโรงพยาบาลก่อน!” ลันตาว่า
“พ่อครับ ย่าครับ ลันจะคลอด!”
นวลกับอินทนนท์วิ่งตึงตังออกมาจากห้อง อินทนนท์ตื่นเต้นมาก
“แม่ หลานจะคลอด” อินทนนท์บอก
“ตั้งสติ ทุกคนเลย สิปา ตานนท์พาหนูลันไปโรงพยาบาลเร็ว” นวลบอก
นวลรีบไปหยิบมือถือและคว้ากระเป๋า

มาลัยกับอังในสภาพกึ่งชุดนอนรีบเข้ามาทันกับตอนที่ลันตามาถึงโรงพยาบาล ลันตานั่งรถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นพาไปที่ห้องคลอด สิปาดันตามจับมือลันตาคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดทาง มาลัย อัง อินทนนท์ และนวลตามประกบจนถึงหน้าห้องคลอด
“เจ็บจังเลยสิปา...” ลันตาบอก
“หายใจไว้ลัน...ฉันอยู่ข้างๆ แกนะลัน”
พยาบาลพาลันตาเข้าไปในห้องคลอด สิปาดันตามเข้าไป มาลัย นวล อินทนนท์ และอังรออยู่ที่หน้าห้องคลอดด้วยอาการตื่นเต้นมาก นวลกับมาลัยจับมือกันด้วยความตื่นเต้นแบบลุ้นสุดตัว

ลันตาอยู่บนเตียงคลอดร้องด้วยความเจ็บปวด สิปาดันคอยจับมือให้กำลังใจ
สิปาดันพยายามหายใจตามที่เรียนมา “หายใจตามฉันนะลัน หายใจ”
“ปากมดลูกเปิดแล้วค่ะ” พยาบาลบอก
“เบ่งนะคะ” หมอบอก
ลันตาออกแรงเบ่ง “อึ๊บบ!”
“อีกทีนะคะ”
สิปาดันจับมือลันตาไว้แน่น ลันตาพยายามตั้งสติทำตามที่หมอบอก ลันตาร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วออกแรงเบ่งครั้งสุดท้าย เสียงเด็กร้องดังลั่น

เสียงเด็กร้องดังออกมาหน้าห้องคลอด
มาลัยดีใจ “คลอดแล้ว”
“หลานผม...หลานผม!” อินทนนท์รีบบอก
แก๊งค์ผู้ใหญ่เฮกันลั่น
ลันตาแทบหมดแรง หมออุ้มเด็กทารกมาวางข้างลันตา สิปาดันจับมือลูก สิปาดันกับลันตาน้ำตาร่วงด้วยความปิติ

หลายวันต่อมา สิปาดันอ้าแขน ตาหนูโผเข้าให้สิปาดันอุ้ม ลันตาเรียก เธอเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มน้องสิมิลันไว้ในอ้อมอก สิปาดันโยนตาหนูเบาๆ อย่างหยอกเล่น...
“สิปา...เล่นกับน้องเทรย์เบาๆ สิแก” ลันตาเตือน
“ลูกคนอื่นดูแลให้มันดีๆ หน่อย” มาลัยว่า
มาลัยกับอังเดินเข้ามา
“ถ้าพ่อกับแม่ตัวจริงเขามาเห็นตกใจแย่ ใช่ไหมเทรย์” อังบอก
“เป็นไงยัยลัน ดูเลี้ยงลูกสบายๆ” มาลัยถาม
“ฝึกจากตอนเลี้ยงน้องเทรย์ไว้เยอะค่ะ ย่า” ลันตาบอก
เสียงกลุ่มเพื่อนของลันตาดังลั่น “หลานป้า!!”
แก๊งค์เพื่อนๆ เข้ามาพร้อมกับของฝาก
แพทรีบเข้าไปหาเทรย์ “ป้าเอาทองมารับขวัญหลานด้วยนะ”
ทุกคนรีบบอก “ผิดคน!”
“ล้อเล่น!” แพทหันมาหาลูกของลันตา “น่ารักจังเลย หลานลันของป้า”
“มั่วแล้วคุณ หลานชื่อสิ” กีรติบอก
“ชื่อลัน คุณน่ะมั่ว” แพทว่า
“ถูกทั้งคู่นั่นแหล่ะ” สิปาดันบอก
ทุกคนหันไปมอง
“เพราะลูกชื่อ สิมีลัน” สิปาดันบอก
“แนวชื่อพ่อกับชื่อแม่รวมกัน” พอลว่า
“มันมาจาก สิปาดันมีลันตาน่ะครับ” สิปาดันบอก
ทุกคนแซว “ฮิ้วว”
“ต้องขอบคุณน้องเทรย์นะคะที่เป็นกามเทพตัวน้อยให้พี่ลันกับพี่สิปา” มิ้งค์บอก
“วันที่ลันอุ้มน้องเทรย์มาที่บ้าน ก็อุ้มความรักมาให้พี่ด้วย” สิปาดันบอก
ทุกคนยิ้ม
“การได้ความรักมาว่ายากแล้ว” มาลัยสอน “จะโอบอุ้มประคับประคองให้มันคงอยู่ตลอดไปยิ่งยากกว่า ทำทุกวันที่ให้เป็นวันที่ดีต่อกันและกันที่สุด ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่เสียดายในวันที่ผ่านมา และไม่มีคำว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ”
“ผมจะเชื่อฟังคุณย่าครับ...” กีรติหันไปหาแพท “เป็นแฟนกันไหม?”
ทุกคนอึ้ง แพทยิ่งอึ้งหนัก
“แน่ะ คุณย่าเพิ่งสอนแหม็บๆ อย่าคิดนาน” กีรติบอก
“ฉันต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ใช่ไหม” แพทถาม
“ใช่...”
“งั้นตกลง”
ทุกคนเฮ กีรติทำเนียนเข้าไปโอบแพท แพทตีเขาโทษฐานมือไว พอลยื่นมือให้มิ้งค์
“เดินไปด้วยกันนะ” พอลบอก
มิ้งค์ยิ้ม “ตลอดไป”
พอลกับมิ้งค์ยิ้มให้กัน

สิปาดันเดินเข้ามาดูลันตาที่นั่งอุ้มน้องสิมิลันที่กำลังหลับอยู่
สิปาดันถามลันตา “เหนื่อยไหม”
ลันตายิ้ม “พอแกถามหายเหนื่อยเลย”
สิปาดันยิ้ม “เมื่อยไหม ฉันช่วยอุ้ม”
“ฉันอุ้มได้ แต่ถ้าฉันเมื่อยเมื่อไหร่ ฉันจะบอกแกนะ”
สิปาดันเบ่งกล้ามโชว์ “พร้อมเสมอ...”
ลันตายิ้ม สิปาดันขยับเข้าไปโอบลันตาอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์

กำลังโหลดความคิดเห็น