รักต้องอุ้ม ตอนที่ 10
ทุกคนอึ้งกับบรรยากาศความขัดแย้งที่พิธานก่อขึ้น
พิธานหันกลับมาหานักข่าวอย่างไม่สนใจสิปาดันเลย "ผมขอจบงานแถลงข่าวในวันนี้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านครับ"
"ขอสัมภาษณ์คุณพิธานหน่อยครับ" นักข่าวบอก
"ยินดีครับ"
พิธานยิ้มเยาะด้วยความสะใจแล้วขยับเดินห่างออกมา ทิ้งให้สิปาดันที่ยืนอย่างไม่ได้รับความสนใจ สิปาดันแค้นมากแล้วก็เดินออกไป
ลันตาเรียก "สิปา!”
"ลันตา!” สุวิภาเรียก
ลันตาชะงักแล้วหันกลับมาก็เห็นสุวิภาที่มองมากับรัชนีที่ส่งสายตาห้ามปราม
"เดี๋ยวฉันไปดูมันให้ แกจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน" แพทบอก
แพทเดินตามสิปาดันออกไป ลันตายอมไม่ได้จึงตรงเข้าไปหาพิธานทันที รัชนีรีบตามเข้าไป
ลันตาเรียก "คุณพิธาน!”
พิธานหันมาด้วยสีหน้าที่นิ่งมาก "ผมกำลังให้สัมภาษณ์อยู่"
"ดีค่ะ นักข่าวจะได้เข้าใจได้ถูกต้องว่าGuest คนสำคัญของDream ฉบับปฐมฤกษ์คือ สิปาดัน คนเดียวเท่านั้น" ลันตาบอก
นักข่าวทุกคนต่างก็งง พิธานยังคงนิ่งพูดตอบโต้กับลันตา
"สิปาดันยังไม่ดีพอสำหรับการฉบับปฐมฤกษ์ของเรา" พิธานบอก
"ก่อนที่จะเตรียมงานวันนี้ ดิฉันได้ส่งคอนเซ็ปท์ รายละเอียดของ Guest ทั้งหมดให้ทาง Sky พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการทุกอย่างแล้วนะคะ"
"ใช่ แต่วันนี้ผมตัดสินใจเปลี่ยนตัว Guest จากสิปาดันเป็นคนอื่น"
"ไม่ได้ค่ะ ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้เราจะฟิตติ้ง แล้วก็จะถ่ายปกในอีกสองวัน” ลันตาบอก
พิธานยิ้ม "คุณรู้ใช่ไหม ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร"
"ทราบค่ะ แต่ดิฉันต้องประสานให้ทีมงาน ผู้บริหารเข้าใจในคอนเซ็ปท์และการทำงานตรงกันทุกฝ่าย"
สุวิภามองลันตากับพิธานที่ยืนเถียงกันต่อหน้านักข่าว สุวิภาหันมาเรียกรัชนี
"รัชนี...”
รัชนีมองอย่างเข้าใจแล้วตรงไปหาพิธานกับลันตา
รัชนีเอ่ย "ขอโทษนะคะ ลันตากำลังไฟแรงในการทำงานมาก เอาเป็นว่าให้คุณพิธานสัมภาษณ์เสร็จแล้วเราค่อยประชุมเรื่องนี้กันนะลันตา"
ลันตามองสายตาของรัชนีที่ปรามมาแล้วก็จำต้องนิ่ง "ได้ค่ะ" ลันตาพูดกับพิธาน "เราจะเบรนสตรอมเรื่องนี้กันอีกครั้งนะคะคุณพิธาน" ลันตามีสายตากร้าวมากเพราะไม่ยอมแน่
รัชนีใช้สายตาบังคับให้ลันตาเดินตามไป ลันตาจำต้องเดินตามไป
พิธานมองตามลันตาไปอย่างรู้สึกประทับใจกับความไม่ยอมใครและดูจะไม่เกรงพิธานสักนิด
สิปาดันเดินออกมา แพทวิ่งตามมาแล้วเรียก
"สิปา!”
แพทวิ่งมาขวางหน้าสิปาดันไว้
"ใจเย็นเว้ย ไอ้ลันมันไม่รู้เรื่องนะเว้ยว่าจะเป็นแบบนี้ พวกฉันก็เหวอ" แพทบอก
"มันวางแผนไว้ตั้งแต่แรก" สิปาดันว่า
"แผน? แกหมายความว่าพี่พิธานตั้งใจจะฉีกหน้าแกเหรอวะ นี่มันงานเปิดตัวหนังสือเขาเองนะเว้ย นักธุรกิจที่ไหนเขาทำกัน"
"คนอย่างพี่พิธาน ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสะใจ"
"ตอนนี้ไอ้ลันคงแย่ งานพลิกล็อคถล่มทลาย เอางี้แกไปสงบสติรอที่ติ อาโม่ ฉันจะกลับไปช่วยไอ้ลันก่อน"
สิปาดันพยักหน้า แพทเดินออกไป
ภาพสีหน้าพิธานตอนยิ้มกวนตีนให้แวบกลับมา สิปาดันเครียดมาก
ลันตา กีรติ มิ้งค์ ทีมงานของDream ธัญญาเรศ กิ๊ก และติ๊ดตี่เดินเข้ามาจากอีกด้านโดยทยอยกันเข้ามาในมุมหนึ่งของสวนที่ถูกจัดวางโต๊ะเป็นมุมประชุม ทุกคนต่างนั่งลงที่โต๊ะ
"แพทล่ะ" รัชนีถาม
แพทเข้ามาทันอย่างเฉียดฉิว
"ขอโทษค่ะที่มาช้า" แพทบอก
พิธาน รัชนี สุวิภา อนุชิต และอธิปยืนอยู่ด้านหน้า
"ต่อไปนี้ลาเบลกับสกายจะร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ คุณพิธานจะเข้ามาบริหารงานในภาพรวมทั้งหมด" รัชนีบอก
"ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะครับ การจัดงานในวันนี้" พิธานพูดด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ "เราต้องการแถลงข่าวเรื่องการรวมบริษัท แต่พวกคุณกลับไปให้ความสำคัญกับการเปิดตัวGuest ที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การต้อนรับ การประสานงานเหมือนไม่ได้รู้จำนวนของแขกที่เชิญมา ขาดตกบกพร่องตลอดทั้งงานเหมือนเป็นพวกมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ทำให้บริษัทเสียหายในแง่ภาพลักษณ์ สมควรโดนไล่ออกยกทีม"
ทุกคนอึ้งเงียบ ทีมงานหน้าเสียแล้วมองหน้ากันเลิ่กลั่ก รัชนีหันมาหาพิธานโดยกำลังจะพูดแต่พิธานขัดขึ้นก่อน
"แต่ทุกคนมีโอกาสแก้ไข ผมหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าที่ผมต้องพูดเรื่องนี้อีกไม่ว่ากับฝ่ายไหนก็ตาม"
ทุกคนมองหน้ายิ้มๆ ของพิธานอย่างรู้สึกหวั่น ๆ เพราะรู้สึกว่าเจ้านายคนใหม่ไม่ธรรมดา
"ดิฉันขอชี้แจงค่ะ" ลันตาพูด
ทุกคนหันไปมองรวมทั้งพิธาน
ลันตาพูดต่อ "ดิฉันได้ส่งสคริปท์และรายละเอียดทั้งหมดให้กับคุณก่อนวันงานสามวัน เพื่อรอคอมเม้นท์ แต่คุณไม่ได้มีการตอบกลับมา เราเข้าใจว่าคุณเห็นด้วยกับรายละเอียดในการจัดงานครั้งนี้"
"การที่คุณไม่ตามงาน เป็นความผิดของผม?” พิธานถาม
"ไม่ว่าตำแหน่งจะสูงหรือว่าต่ำ ก็ต้องรู้หน้าที่ของตัวเองไม่ใช่เหรอคะ ส่วนเรื่อง Guest เราได้ทำการคัดเลือกและลงมติด้วยวิจารณญาณกัน ทุกฝ่าย รวมทั้งคุณพิธานด้วย ความเสียหายในวันนี้ ใครกันแน่คะที่ควรจะรับผิดชอบ"
ทุกคนอึ้งกับการฟาดฟันของลันตา
สุวิภาปราม "ลันตา!”
"คุณตามไปพบผมที่ห้องทำงาน ส่วนฝ่ายอื่นๆ จบการประชุมแค่นี้" พิธานบอก
พิธานเดินออกไป ทันทีที่พิธานหันหลังเขาก็ยิ้มพอใจ
รัชนีเห็นลันตาจะตาม "ลัน...”
"เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนทุกอย่าง ถ้าไม่เคลียร์ตั้งแต่วันนี้ คงจะมีปัญหาไม่สิ้นสุด ให้เป็นหน้าที่ของลันนะคะ" ลันตาว่า
"พูดด้วยสติทุกคำนะ" รัชนีบอก
ลันตารับคำ "ค่ะ"
ลันตาเดินออกไป รัชนี แพท และกีรติมองตามด้วยความเป็นห่วง
พิธานยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานโดยยิ้มอย่างรอคอย เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เชิญ" พิธานบอก
ลันตาก้าวเข้ามาในห้อง
"ลันเปลี่ยนไปมากนะ ปากกล้าจนดูเหมือนไม่รู้ว่าระหว่างตำแหน่งของพี่กับลัน ใครเป็นเจ้านายหรือลูกน้องกันแน่ การเคยสนิทของเรามันไม่มีผลในการทำงานหรอกนะ"
"ดิฉันทำงานไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ ไม่ว่าเจ้านายจะเป็นใคร ถ้ามีการสั่งการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่สนใจคอนเซ็ปท์ของนิตยสาร ไม่คำนึงถึงทีมงาน มันคือความเสียหายของหนังสือ ดิฉันยอมไม่ได้ค่ะและดิฉันยืนยันว่าGuest ฉบับปฐมฤกษ์จะต้องเป็นสิปาดันคนเดียวเท่านั้น"
"มีโคไพรอทอีกหลายคนที่น่าสนใจมากกว่าสิปาดัน"
"แสดงว่าไม่เกี่ยวกับอาชีพ ถ้าคุณไม่พอใจตัวบุคคลจนแยกงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ มันดูไม่มืออาชีพเลยนะคะ"
พิธานอึ้งกับการถกเถียงของลันตาที่ไม่มีการอ่อนข้อให้เขาเลย
กีรติมองแพทอย่างคาดคั้น
"คุณลันกับคุณพิธานเป็นแฟนเก่ากันมาก่อนเหรอ" กีรติถาม
"ตั้งแต่มัธยมโน่น ป๊อบปี้เลิฟ" แพทบอก
"แล้วคุณพิธานมีครอบครัวหรือยังล่ะพี่" มิ้งค์ถามต่อ
"ไม่เคยได้ยินเรื่องภรรยาหรือลูกนะ ไม่น่าจะมี.." กีรติคิด "แต่แบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ เจอเจ้านายเป็นคู่แข่ง"
แพทบ่นกับตัวเอง "อุปสรรคมันเยอะจริงๆ เมื่อไหร่จะสมหวังสักที" แพทหมายถึงสิปาดัน
"คุณพูดถึงใคร ที่อยากให้สมหวังน่ะ?” กีรติถาม
แพทหันมาเห็นมิ้งค์กับกีรติมองอย่างอยากรู้
"ไอ้ลันสิ ฉันอยากให้งานมันราบรื่นสักที" แพทบอก
กีรติมองแพทอย่างไม่เชื่อ แพทเมินไปทางอื่นโดยไม่สบตากับกีรติทำให้กีรติยิ่งสงสัย
พิธานมองลันตาอย่างพินิจ
"ที่ลันพยายามเถียงหัวชนฝาเพราะเป็นเรื่องงาน หรือว่ายังโกรธที่พี่ทิ้งลัน" พิธานถาม
ลันตาชะงักไปเล็กน้อยแล้วหันมาเผชิญหน้ากับพิธาน
"อดีตคือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ดิฉันสนใจแต่ปัจจุบันค่ะ" ลันตาบอก
"แต่พี่ยังจำได้ทุกอย่างนะ ถ้าลันอยากรู้เหตุผล...”
พิธานส่งสายตาโดยพยายามจะใช้เสน่ห์กับลันตา
"ดิฉันไม่อยากรู้เรื่องที่ไม่มีผลอะไรกับชีวิตอีกแล้วค่ะ แต่ดิฉันต้องการบทสรุปเกี่ยวกับงาน เพราะทีมงานทุกคนกำลังรอคำตอบอยู่ค่ะ"
"ถ้าพี่ยืนยันจะเปลี่ยน"
ลันตายิ้ม "คุณพิธานเปลี่ยนดิฉันออกง่ายกว่าค่ะ"
พิธานอึ้งกับการตัดสินใจของลันตา
"ดิฉันทำงานตามอุดมการณ์ ไม่ได้ทำงานตามอารมณ์เจ้านายค่ะ"
ลันตามองตาพิธานอย่างแน่วแน่เพื่อรอการตัดสินใจ
ลันตาเดินออกมาจากห้องโดยจะรีบไป แต่เธอชะงักที่เห็นอนุชิตเดินเข้ามาขวางอย่างจงใจ
"หลีกทางค่ะ ฉันจะรีบไปทำงาน" ลันตาบอก
"เพราะมีแฟนเก่าคอยหนุนอยู่นี่เอง คุณถึงไม่ยอมคืนดีกับผมใช่ไหม" อนุชิตว่า
ลันตาแปลกใจ "คุณรู้ได้ยังไง....”
เสียงธัญญาเรศดังขึ้น "เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำตัวน่าสมเพชสักทีนะคุณนุ"
ธัญญาเรศเดินเข้ามา
"คนฉลาดก็ต้องเลือกซีอีโอเป็นแบ็กอัพที่ดันให้ก้าวหน้ามากกว่ามาร์เก็ตติ้งแมนเนเจอร์อย่างคุณ จริงไหม"
"ไม่รู้สิ ฉันใช้แต่ความสามารถดันตัวเองให้ก้าวหน้า ไม่เคยคิดใช้”ตัว” เข้าแลกหาประโยชน์ให้ตัวเองอย่างเธอ" ลันตาว่า
"หึ....ช่วงขาขึ้นยิ่งทำให้ปากกล้าขึ้นนะ"
"ฉันเป็นคนตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่เคยลอบกัดใครอย่างเธอสักที ฉันว่าเธอเอาเวลาไปปรับปรุงงานตัวเองดีกว่าไหม เห็นว่าขาเก้าอี้ไม่ค่อยแข็งแรงนี่"
"คิดจะหักขาเก้าอี้ฉัน มันไม่ง่ายหรอก" ธัญญาเรศว่า
ลันตารำคาญทั้งคู่เลยเอาตัวพิธานมาอ้าง ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะพึ่งพิธานเลยสักนิด
"อย่างเธอ แค่ฉันเอานิ้วเขี่ยก็กระเด็นแล้ว" ลันตาพูดกับอนุชิต "คุณก็เหมือนกัน วุ่นวายกับฉันมาก ๆ จะอยู่ที่นี่ลำบากนะ"
"คุณขู่ผมเหรอ" อนุชิตถาม
"เตือน....ครั้งสุดท้าย" ลันตาบอก
ลันตาเดินออกไปแบบเชิดมาก
"มันไม่เห็นหัวคุณแล้ว" ธัญญาเรศบอก
"ยิ่งยาก..ผมยิ่งชอบ" อนุชิตมองธัญญาเรศแบบเหยียดนิด ๆ "ของง่าย ๆ ได้มาก็ไม่มีค่า"
"คุณนุ!”
อนุชิตเดินออกไปอีกทางด้วยความรำคาญ
ธัญญาเรศมองตามอย่างเคียดแค้น
มิ้งค์นั่งลงอย่างจ๋อย ๆ
"มิ้งค์เป็นคนกระจายข่าวเรื่องพี่ลันกับคุณพิธานเองค่ะ"
ลันตาจะต่อว่า แต่มิ้งค์ยกมือขึ้นห้าม
"มิ้งค์หวังดีนะคะ ถ้าพวกพี่ญ่ารู้จะได้เกรงใจ ไม่มาก่อกวนพี่ลัน"
"แต่ทุกคนจะคิดว่าพี่ทำงานด้วยเส้นสาย มิ้งค์ก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบ" ลันตาบอก
"มิ้งค์ขอโทษค่ะ"
"น้องมันเจตนาดี ถึงจะผิดวิธีไปหน่อย"
มิ้งค์ยังไม่วาย "แต่ถ้าได้ร่วมงานกันแบบนี้ ถ่านไฟเก่ามันจะต้องช็อตๆๆ"
สิปาดันวางแก้วกระแทกโต๊ะดังปึ้ง ทุกคนสะดุ้งแล้วหันไปมอง
"ฉันถอนตัวนะ" สิปาดันบอก
ทุกคนอึ้ง
"ไม่ได้นะเว้ย ฉันไปไฟล์ทมาจนสำเร็จแล้ว แกจะทิ้งกันกลางทางไม่ได้" ลันตาบอก
"แต่ฉันไม่อยากทำงานกับเจ้านายแก" สิปาดันบอก
"ไอ้สิปา แกอย่าทำตัวงี่เง่าได้ไหมวะ พี่พิธานเขายอมแล้ว แกก็น่าจะยอมบ้าง เรื่องจะได้จบ"
"ฉันงี่เง่า? แล้วไอ้ที่พี่มันทำวันนี้เรียกว่าประเสริฐหรือไง ใช่ดิ...ในสายตาแก พี่เขาเหนือกว่าฉันเสมอ ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้ ฉันมันไม่เคยดีในสายตาแกอยู่แล้ว"
ทุกคนอึ้งกับอาการของสิปาดัน แพทได้สติก่อนใคร
"มิ้งค์ พาพี่ลันไปเลือกเค้กมาสักสองสามชิ้นดิ" แพทบอก
มิ้งค์มองหน้าแพทอย่างงง ๆ แล้วชี้ตัวเองว่าเธอเหรอ
"เออ...ไปเร็วดิ"
มิ้งค์ได้สติก็ทำตาม "ค่ะ พี่ลันไปเลือกเค้กกัน"
มิ้งค์ดึงลันตาให้เดินตามไป
"ไอ้ลัน"
สิปาดันจะลุกตามแต่แพทดึงไว้แล้วกดให้นั่งลง
"แกเป็นบ้าอะไรวะ" แพทว่า
"เออ! ฉันบ้า"
"แกกำลังทำให้ไอ้ลันสงสัย!” แพทบอก
สิปาดันชะงัก "สงสัย?”
"เออ ...ไอ้อาการเหวี่ยงของแกตอนนี้มัน...” แพทว่า
มิ้งค์หันไปทางลันตา
"อย่างกับหึงพี่ลันเลย...” มิ้งค์ว่า
ลันตาชะงัก "สิปาน่ะเหรอจะหึงพี่"
"ก็มิ้งค์เคยเห็นเพื่อนมิ้งค์เวลามันหึงแฟนมันก็เงี้ย แฟนชมใครดีกว่ามันเหวี่ยงแหลกเลย บางทีมีโดดต่อยด้วยนะ"
ลันตาหันไปมองสิปาดันแล้วหันมาหามิ้งค์
ลันตามีดวงตาเป็นประกายอย่างมีหวังมาก "มิ้งค์คิดอย่างนั้นเหรอ"
มิ้งค์ตอบอย่างเรื่อยเปื่อยไม่ได้จริงจังมาก "ก็เดาๆ" มิ้งค์หันมาเห็นสายตาลันตา "แต่....ทำไมพี่ต้องทำตาเป็นประกายแบบนั้นด้วย"
ลันตาตกใจ "พี่เนี่ยนะตาเป็นประกาย..." ลันตาพึมพำกับตัวเอง "หน้าเราแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ"
"อะไรนะพี่" มิ้งค์ถาม
ลันตาพูดกลบเกลื่อน "เปล่าไม่มีอะไร เลือกเค้กสิ"
มิ้งค์มองอาการลันตางง ๆ
สิปาดันหน้าเสียไปเล็กน้อย
"โทษทีว่ะ ฉันเครียดไปหน่อย" สิปาดันบอก
แพทมองอย่างเข้าใจ "จะว่าไปผู้ชายที่ไอ้ลันยอมรับว่าเป็นแฟนก็มีแค่พี่พิธานคนเดียว ไม่แปลกที่แกจะกลัว"
สิปาดันเงียบและมีสีหน้าเครียด ๆ
"ทำไมช่วงนี้ไอ้ลันมันฮอทอย่างนี้เนี่ย ขนาดหายหน้าไปเป็นสิบปียังจะกลับมาสป๊าคใส่กันอีก เรื่องมันโคตรบังเอิญเลยนะเนี่ย"
พิธานหันกลับมา
"ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ การรวมบริษัทครั้งนี้ผมตั้งใจจะขยายบริษัท และการเจาะตลาดนิตยสารครั้งนี้เราต้องสร้างพื้นที่ของตัวเองให้ได้ ส่วนงานของสกายที่คุณรายงานผมมา มันควรจะได้คู่มือ สองเล่มในหนึ่งไตรมาส แต่นี่เข้าเดือนที่สองผมยังไม่เห็นการตีพิมพ์เลย"
"ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กีรติเข้ามาพร้อมกับแฟ้มงานต่าง ๆมาวางที่โต๊ะพิธาน
"รายละเอียดที่ผมประสานกับทางลาเบลในช่วงต้น" กีรติบอก
"ต่อจากนี้ไป ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง" พิธานบอก
"ถ้าคุณพิธานจะให้ผมช่วยประสานในส่วนนี้ต่อ"
พิธานเสียงเรียบแต่เสียบกลางใจ "คู่มือในความรับผิดชอบของคุณเสร็จแล้วเหรอ"
กีรติอึ้งเพราะยังไม่เสร็จ
"สองอาทิตย์ คู่มือเล่มใหม่ของสกายจะต้องตีพิมพ์เรียบร้อย เพราะมันช้าไปแล้ว" พิธานว่า
"แต่เวลาในการทำงานปกติ หนึ่งเล่มเราจะใช้เวลาสามเดือนนะครับ"
"ผมไม่ได้ถาม แต่ผมกำลังสั่งงาน เข้าใจใช่ไหม"
กีรติอึ้ง อธิปเองก็นิ่งเพราะพูดไม่ออก
"ถ้าเข้าใจคำสั่งแล้วก็ไปทำงานต่อได้แล้ว" พิธานบอก
กีรติกับอธิปเดินออกไป
กีรติกับอธิปเดินออกมา อธิปตบไหล่กีรติ
"เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมพี่ถึงกันไม่ให้นักเขียนได้คุยงานกับคุณพิธาน" อธิปว่า
"ถ้าพี่ไม่แกร่งจริง ทำงานกับคุณพิธานไม่ได้แน่" กีรติบอก
"พี่ทำงานกับเขาตั้งแต่ก่อตั้งสกาย ก็ยังพอเอาตัวรอดได้อยู่ ตอนนี้เขาลงมาคุมใกล้ชิด แต่วิธีทำงานยังเหมือนเดิม แค่เราทำงานให้ดีก็จะไม่มีปัญหา"
"ตั้งแต่ผมมาทำงานไม่เคยเห็นคุณพิธานเข้ามาที่บริษัทเลย ทำไมครั้งนี้เขาถึงกลับมาคุมล่ะครับพี่"
อธิปเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
พิธานเอื้อมมือมาเปิดแฟ้มก็เห็นประวัติของลันตาในการทำงาน พิธานมองภาพลันตาอย่างหมายมาดมาก
มิ้งค์ยังชวนคุยไม่เลิก
"คุณพิธานทั้งหล่อ เท่ขนาดนั้น เมื่อก่อนคงกรี๊ดกันทั้งโรงเรียนใช่ไหมพี่" มิ้งค์ถาม
"เขาเป็นนักบาส หัวหน้านักเรียน กรี๊ดกันตั้งแต่ม.6 ยันป.1” ลันตาบอก
"แล้วใครสารภาพก่อน" มิ้งค์ถามต่อ
ลันตาอมยิ้ม
"เฮรย....อย่าบอกนะว่าคุณพิธานสารภาพก่อน"
"พี่นี่ล่ะ" ลันตาบอก
"แล้วพี่เขาก็ตกลง" มิ้งค์บอก ลันตาอมยิ้ม "เจ๋งอ่ะพี่ ! เป็นแฟนกับหนุ่มสุดฮอทในโรงเรียน แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะพี่"
"พี่ก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน"
แพทมีสีหน้าสงสัยมาก
"แล้วพี่พิธานเขารู้ได้ยังไงวะว่าแกชอบไอ้ลัน นี่ฉันสงสัยตั้งแต่ม. 4 จนถึงทุกวันนี้เลยนะ" แพทมองหน้าสิปาดันที่กำลังมองมาแล้วก็ร้อนตัว "เฮ้ย! บอกก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้เป็นคนพูด สาบานเลย ฉันไม่เคยพูดเรื่องแกกับใคร"
"ไม่มีใครพูดหรอก เขาเห็น...”
แพทตกใจ "เห็น....เห็นอะไร?”
"จำตอนเข้าค่ายฟุตบอลช่วงปิดเทอมใหญ่ได้มะ"
แพทพยักหน้ามองว่าทำไม สิปาดันคิดถึงอดีตแล้วก็เล่าให้แพทฟัง
เหตุการณ์ในอดีต ลันตานั่งหลับด้วยความเพลียในสภาพหัวและผมยุ่ง สิปาดันในชุดซ้อมบอล เหงื่อเต็มตัวดูเหน็ดเหนื่อยเดินเข้ามา
"ไอ้ลัน..." สิปาดันเห็นว่าลันตาหลับหันหน้าไปทางขวา สิปาดันจึงเดินเข้ามาทางด้านซ้าย
สิปาดันใช้นิ้วจิ้มที่หัวเบาๆ เพื่อจะปลุกให้ตื่น
สิปาดันเข้าไปใกล้โดยยังเรียกต่อแต่ไม่ดังนัก "ไอ้ลัน...”
ลันตาหันหน้ากลับมาแต่ยังไม่ตื่น "อืม...”
สิปาดันชะงักที่เห็นลันตาหันมาในระยะใกล้ สิปาดันจ้องอยู่สักพักจนห้ามตัวเองไม่ไหว สิปาดันขยับเข้าไปหอมหน้าผากลันตาเบาๆ แล้วขยับออกมามองลันตาที่ยังหลับไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นพิธานก็เข้ามากระชากคอเสื้อสิปาดันแล้วต่อยทันที สิปาดันหันกลับมาชะงักที่เห็นเป็นพิธาน
"ฉันว่าแล้วว่าแกต้องคิดไม่ซื่อกับแฟนฉัน" พิธานว่า
สิปาดันอึ้งๆ และไม่แก้ตัว
"แกต้องเลิกคบกับน้องลัน อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก" พิธานบอก
ลันตาค่อยๆ รู้สึกตัวเพราะเสียงโวยวายที่ดังของทั้งคู่
"พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผมให้เลิกคบกับลัน" สิปาดันว่า
"ฉันมีสิทธิ์สั่งทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไอ้กระจอกอย่างแก" พิธานยิ้มเยาะ "ที่แกอยากเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เพราะคิดจะเทียบกับฉัน แต่หมาก็เป็นหมาวันยังค่ำ"
พูดจบ สิปาดันก็ต่อยเข้าหน้าพิธานทันที พิธานโกรธจัดจึงต่อยสิปาดัน ลันตาที่ตื่นมาเห็นตอนที่พิธานต่อยสิปาดันแล้วทั้งคู่ก็ตะลุมบอนต่อยกันเอาเป็นเอาตาย
"เฮ้ย! หยุด ๆ เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ไอ้สิปา พี่พิธาน"
ทั้งคู่ไม่มีใครยอมฟังลันตา ลันตามองไปรอบๆ ก็เห็นไม้กวาดใบไม้ของโรงเรียนที่วางพิงๆ กันอยู่จึงคว้าขึ้นมาฟาดไม่เลือกจนโดนสิปาดันที่เจ็บต้องถอยแยกไป
"ไอ้ลัน!”
ลันตายกไม้ขู่ "หยุด!”
พิธานมองอย่างสะใจ ลันตาหันมาทางพิธาน
"เราต้องคุยกันค่ะ" ลันตาบอก
ลันตาดึงพิธานเดินออกไป สิปาดันได้แต่มองตามด้วยความน้อยใจ
เหตุการณ์ปัจจุบัน แพทได้รู้เรื่องจากปากสิปาดันก็ตกใจ
"จริงเหรอวะ สิปา โหย..... แล้วสรุปเรื่องนี้มันเคลียร์กันยังไง"
ลันตากับมิ้งค์รอรับเครปเค้กที่พนักงานกำลังจัดให้
"เขาให้พี่เลือก ถ้ามีเขาต้องไม่มีสิปา"
"โหย...เพื่อนกับแฟน เลือกยากอ่ะ....แล้วพี่บอกเขาว่ายังไง" มิ้งค์ถาม
"พี่ไม่ได้ตอบ...หลังจากวันนั้น เขาก็ย้ายโรงเรียนไป ไม่ติดต่อพี่อีกเลย" ลันตาพูด
ลันตามองออกไปเห็นสิปาดันที่มองมาพอดี สิปาดันสบตาแล้วก็ชะงักก่อนจะหลบสายตามองไปทางอื่น มิ้งค์มองลันตาที่มองไปทางสิปาดันที่มีแววตาวิบวับ สิปาดันก็แอบเหลือบมองโดยหลบตาแปลก ๆ มิ้งค์มองสลับไปมาด้วยความสงสัย มิ้งค์โบกมือตรงหน้าลันตาที่ดูจะตกอยู่ในภวังค์
"พี่ลัน...”
ลันตาได้สติก็พูดกลบเกลื่อน "เรื่องมันก็จบแค่นั้น...”
มิ้งค์คิดแล้วก็ถาม "แล้วตั้งแต่เลิกกับคุณพิธานตอนโน้น พี่เคยมีแฟนอีกไหม"
"ไม่...”
"ไม่เคยชอบใครอีกเลยเหรอพี่"
"ก็...ไม่แน่ใจ" ลันตาพูดแต่ตามองไปที่สิปาดัน
มิ้งค์มองท่าทีลันตาอย่างจับผิด ลันตามองไปทางสิปาดันอย่างใช้ความคิด
ลันตาวางเครปเค้กตรงหน้าสิปาดัน
"ของแก"
สิปาดันแค่มองแต่ไม่ยอมตอบแล้วก็จัดการกินๆ ๆ ลันตาก็กิน ทั้งโต๊ะเงียบ ส่วนมิ้งค์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คไลน์อยู่บ่อยๆ จนแพทอดสังเกตไม่ได้
"ไลน์หาใคร ส่งสติ๊กเกอร์เป็นร้อยแล้วมั้งน่ะ" แพทถาม
"ตาเคราน่ะค่ะ ลูกค้ามาถึงร้านตั้งนานแล้ว ไม่มาดูแล แย่มาก"
"ไม่ต้องก็ได้มั้ง พนักงานเขาก็มี"
"งานร้านอาหารมันงานบริการนะคะพี่แพท ยิ่งควบตำแหน่งเชฟไม่ดูแลเอง มีหวังเจ๊ง"
เสียงพอลดังขึ้น "ให้พรกันแต่วันเลยนะ"
มิ้งค์หันไปเป็นพอลที่ในมือมีถุงข้าวของเต็มไปหมด
"เป็นเชฟแต่ไม่มีวัตถุดิบ จะเอาอะไรทำให้ลูกค้ากินล่ะคุณ" พอลถาม
"แล้วทำไมไม่ตอบไลน์ ฉันรอตั้งนาน" มิ้งค์ว่า
"เห็นไหมว่าของเต็มมือ ถ้าเอาปากกดตอบได้ ผมทำไปแล้ว แล้วน้ำใจน่ะมีไหม เห็นไหมว่าหนัก"
"ฉันช่วยนะ"
"ไม่ต้องค่ะพี่แพท เดี๋ยวมิ้งค์ช่วยตานี่เอง ทำบราวนี่ให้ฉันหรือยัง"
"อยู่ในครัว แถมอัลมอนด์ให้ด้วย" พอลบอก
มิ้งค์ยิ้มดีใจมากก่อนจะรีบถือถุงของเดินเข้าไปในครัวก่อน พอลส่ายหน้ายิ้มๆ
พอลพูดกับกลุ่มลันตา "ผมขอไปจัดการขนมให้ยัยเตี้ยก่อนนะครับ"
พอลเดินเข้าไป
แพทมองตาม "คู่นี้มันชักจะยังไงนะไอ้ลัน"
"อืม...”
"แสดงว่าชัวร์ใช่ไหม"
"คนแอบชอบกันดูง่ายจะตาย"
สิปาดันที่กำลังดื่มกาแฟถึงกับสำลัก
"เอ้า...” ลันตารีบหยิบกระดาษมาเช็ดปากให้สิปาดัน ทั้งสองสบตาแล้วก็ชะงักกันไปชั่วขณะ
ลันตาได้สติ "ตกลงแกไม่ถอนตัวใช่ไหม"
"ฉัน...”
"มันไม่ถอนตัวหรอก ไม่งั้นแกต้องรับมือพี่พิธานคนเดียว เกิดแกไปสป๊าร์คกับพี่พิธาน เสียงานเสียการก็แย่ดิ อย่างน้อยก็ต้องมีก้างอย่างไอ้สิปา จริงไหม”
สิปาดันมองหน้าแพท แพทขึงตาใส่ สิปาดันมองอย่างเข้าใจ
สิปาดันพูดกับลันตา "ฉันรับปากแกแล้วนี่"
"มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน!”
ลันตายิ้มดีใจมาก แพทแอบยกนิ้วให้ สิปาดันพูดไม่มีเสียงว่าขอบใจ
ลันตา สิปาดัน และแพทนั่งอยู่ด้านนอก พอลกับมิ้งค์มองลันตาที่ยิ้มๆ กับสิปาดันอย่างมีความสุข พอลกับมิ้งค์ผ่านไปเห็นโต๊ะที่ลันตานั่ง
"ให้ผมสังเกตคุณลันเพื่อ....?”
"คุณไม่เห็นเหรอ เวลาพี่ลันมองพี่สิปา ตางี้วิบวับเลย ฉันว่าพี่ลันต้องชอบพี่สิปาแน่ๆ"
"ผมรู้ตั้งนานแล้ว" พอลบอก
มิ้งค์ตกใจ "ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้"
"ไม่แปลกใจเลย ระดับสายตาคุณเห็นแค่เอวคน เลยไม่เคยสังเกตเวลาเขาอยู่ด้วยกันน่ะสิ" พอลบอก
"ความเตี้ยของฉันมันหนักกระหม่อมคุณมากสินะ ตาเครา!”
"ใช่....ผมรู้แล้ว แล้วไงต่อ"
"คุณว่าพี่สิปาจะชอบพี่ลันหรือเปล่า"
พอลมองแล้วเงียบไปเล็กน้อย "นี่...อย่าบอกนะว่าคิดจะเป็นแม่สื่อ"
"ก็ถ้าพี่ลันเขาชอบจริงๆ ฉันก็อยากเชียร์ให้พี่สาวฉันสมหวัง ช่วยกันนะ" มิ้งค์ว่า
"อย่ามาเนียนดึงผมเป็นพวก....ผมไม่ชอบสอดเรื่องคนอื่นเหมือนคุณนะ" พอลบอก
"ช่วยหน่อยนะคุณ...นะ"
พอลดันหน้าผากมิ้งค์ด้วยความรำคาญ "ไปสืบมาก่อนว่าคุณลันชอบแน่ แล้วค่อยว่ากัน"
มิ้งค์มองอย่างมุ่งมั่น พอลเหลือบมองมิ้งค์ก่อนจะส่ายหัวแต่มองด้วยสายตาเอ็นดูมิ้งค์มากๆ
สิปาดันช่วยลันตาถือของกับกล่องอาหารจากร้านของพอลเข้ามาที่หน้าห้อง ลันตารู้สึกว่าสิปาดันเงียบไป เธอหันมองสิปาดันที่ดูหน้าเครียด ๆ
"เป็นอะไรสิปา เงียบตั้งแต่ขึ้นรถจากร้านคุณพอลแล้ว"
สิปาดันมองแล้วตัดสินใจถามเพราะอยากรู้ความรู้สึกของลันตาที่มีกับพิธานในตอนนี้ "แกรู้มาก่อนหรือเปล่าว่าซีอีโอของสกายคือ พี่พิธาน"
"ไม่รู้...ตอนถามคุณกบ คุณกบก็ไม่เคยเจอเจ้านายเขา คุยแต่กับคุณอธิปตลอด ฉันก็เลยไม่ถามต่อ" ลันตาคิด ๆ แล้วตัดสินใจถาม "แล้วทำไมแกถึงสนใจเรื่องที่ฉันจะต้องทำงานกับพี่พิธานจังเลย"
สิปาดันชะงัก "ทำไม...อะไร?”
"ก็ฉันดูแกหงุดหงิด ๆ ตั้งแต่เห็นพี่พิธานมาโผล่ที่ออฟฟิศแล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าทำไมแกสนใจเรื่องนี้นัก"
สิปาดันโดนจ้องให้ตอบก็อึกอักแล้วหาทางเลี่ยง "ฉันก็ห่วง แกเพิ่งโดนอนุชิตหลอกมา แล้วแกก็เคยกรี๊ดๆ พี่พิธาน แฟนเก่าเจอกันมันสป๊าคกันง่าย เดี๋ยวนี้เขาดูดีกว่าเก่า ฉันขี้เกียจนั่งฟังแกร้องไห้"
"แค่นี้?" ลันตาเห็นสิปาดันพยักหน้ารับก็ยิ่งมองนิ่ง
"มองแบบนี้...แสดงว่าเตือนไม่ทันแล้วใช่ไหม อย่ามาโอดครวญตอนอกหักล่ะ"
ลันตาว่าเซ็งจึงเปลี่ยนเรื่อง "แกนี่มันเริ่มแก่ใช่ไหม...เรื่องยังไม่ทันเกิดก็บ่น ๆ ๆ ตอนนี้ฉันมีแต่งานกับตาหนูก็ปวดหัวจะแย่ เปิดประตูเลยเร็วเข้า"
สิปาดันเปิดประตูแล้วก็ชะงักที่เห็นพิธานนั่งอยู่ในห้อง สิปาดันอึ้งแล้วปิดประตูหันมาหาลันตา
"เฮ้ย ทำแบบนี้เกินไปหรือเปล่า" สิปาดันถาม
"ทำอะไร?” ลันตางง
"แกนัดเขามาทำไม"
"นัดใคร พูดอะไรของแก ถอยเลย"
ลันตาเปิดประตูเข้าไปเห็นพิธานก็อึ้งไม่แพ้กัน เธอหันมาหาสิปาดัน
"ฉันเปล่านะเว้ย"
ลันตาเข้าไปในห้อง สิปาดันเดินตาม
พิธานลุกขึ้นต้อนรับราวกับเจ้าของห้อง
"กลับมาช้าจังเลยนะน้องลัน" พิธานว่า
"พี่มาที่นี่ได้ยังไง" ลันตาถาม
"แล้วเข้ามาในห้องเราได้ยังไง" สิปาดันถามต่อ
วันอุ้มตาหนูออกมาจากห้องน้ำก็เห็นทั้งสามคนมองกันนิ่ง
"มีอะไรกันหรือเปล่า" วันถาม
"ทักทายกันนิดหน่อยครับพี่" พิธานบอก
"นี่พีทรู้จักสิปากับลันด้วยเหรอ" วันถาม
ลันตางง "พีท?”
"นี่พีทน้องชายของน้าจ๊ะ ไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน เพิ่งกลับมาเมืองไทย" วันหันไปทางพิธาน "อยู่ที่โน่นพีทก็ทำเกี่ยวกับหนังสือนะ มีสาขาที่เมืองไทยด้วยใช่ไหมพีท?”
"คุณพิธานเขาเป็นเจ้านายของลันค่ะ" ลันตาบอก
"โชคดีนะที่ผมอาสามารับพี่"
พิธานมองสิปาดันอย่างกวนตีน
"เดี๋ยวลันรับช่วงดูตาหนูต่อเองนะคะ คุณน้าจะได้กลับไปพัก"
พิธานเหลือบมองสิปาดันอย่างยิ้มเยาะนิด ๆ
พิธานพูดเบาๆ กับสิปาดันให้ได้ยินกันแค่สองคน "แกยังใช้ความเป็น “เพื่อน” บังหน้าเหมือนเดิมสินะ" พิธานยิ้มเยาะ "งั้นก็เหมาะที่ฉันจะรื้อฟื้นความหลังของฉันกับน้องลัน"
"มันก็ไม่แน่..ถ้าผมยังอยู่" สิปาดันบอก
"ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้แกก็ต้องแพ้ฉัน" พิธานมั่นใจ
สิปาดันมองพิธานอย่างไม่ยอมแพ้ พิธานมองกวนเพื่อประกาศเลยว่าต้องชนะให้ได้
"ไอ้ลัน! แกรีบเก็บของสิ" สิปาดันบอก
ลันตาจัดการเก็บของที่เอามาจากร้านของพอล วันพาตาหนูไปนอนที่เตียง สิปาดันเดินตามไป
"วันนี้ตาหนูไม่ค่อยงอแงเลยนะ" วันบอก
"น้าวันบอกเรื่องที่มาของตาหนูให้พี่พิธานรู้หรือเปล่าครับ" สิปาดันถาม
วันชะงักมองสิปาดันที่ดูเครียด "น้าไม่ชอบพูดเรื่องคนอื่นหรอกจ๊ะ"
"ผมไม่ได้คิดว่าคุณน้าจะชอบพูดเรื่องคนอื่นแบบนั้นนะครับ ผมแค่ป้องกัน อยากให้คนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุดน่ะครับ เพราะถ้าเรื่องรั่วไปถึงคุณย่ามาลัย ผมกับลันตายแน่ ๆ"
"น้าจะไม่เล่าเรื่องของตาหนูกับพีท โอเคไหม?” วันบอก
"ขอบคุณมากครับคุณน้า"
สิปาดันหันไปเห็นพิธานขยับเข้าไปตรงมุมที่ลันตากำลังเก็บของตรงครัว สิปาดันรีบเดินเข้าไป
"พี่ไม่คิดว่าลันจะมีลูกเร็วขนาดนี้" พิธานพูด
"ลูกเพื่อนน่ะค่ะ มาฝากเลี้ยงไว้" ลันตาบอก
"อืม...ย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ลันกับสิปาคง....”
"เราเป็นเพื่อนกันค่ะ เพื่อนรักที่จะไม่มีวันแยกจากกัน พี่ก็รู้เรื่องนี้ดีนี่คะ"
สิปาดันที่เดินเข้ามาชะงักกับคำพูดของลันตา พิธานสะอึกนิด ๆ กับคำพูดของลันตาพอเห็นท่าทีสิปาดันเขาก็ทำเนียนพูดกระทบสิปาดัน
"ก็ดีนะ เป็นเพื่อนกันตลอดไป จริงไหมสิปา"
พิธานยิ้มเยาะเพื่อกวนตีนสิปาดัน วันเดินเข้ามาเห็นท่าทีของสิปาดันกับพิธาน
"นี่ก็ค่ำมากแล้ว ผมต้องพักผ่อน ขอโทษนะครับคงต้อนรับแขกต่อไม่ไหว"สิปาดันบอก
ลันตาตกใจที่สิปาพูดไล่แขกขึ้นมาดื้อ ๆ
"ดีเลยจ๊ะ น้าก็เพลียนะ ดูแลตาหนูมาทั้งวัน กลับเถอะพีท พี่ง่วง" วันบอก
พิธานพูดกับลันตา "วันนี้พี่กลับก่อนนะ เจอกันที่ออฟฟิศพรุ่งนี้"
พิธานเดินออกไป จังหวะที่เดินผ่านสิปาดันก็ยังมองกวนๆ
"ขอบคุณนะคะน้าวัน" ลันตาพูด
วันกับพิธานเดินออกไป ลันตาหันมาจะเอาเรื่องสิปาดัน
"ไอ้สิปา!”
"เดือดร้อนแทนแฟนเก่างั้นสิ"
ลันตาชะงัก สิปาดันคิดว่าแทงใจดำเลยไม่คุยจึงเดินหนีเข้าห้องไปเลย ลันตามองตาม
ลันตาคิด "หรือว่าจะหึงจริงๆ"
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 10 (ต่อ)
พอลเลี้ยวมาจากลิฟท์แล้วก็ชะงักที่เห็นพิธานกับวันกำลังเดินมาที่ลิฟท์
"ทำไมกลับมาช้านักล่ะพอล" วันถาม
"เช็คสต๊อกของในร้านน่ะครับ" พอลตอบ
"อาหารสั่ว ๆ ของร้านแกมีคนกินด้วยเหรอ" พิธานว่า
"ก็มีไม่มากหรอกครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีรสนิยมที่มากิน แต่พวกไร้รสนิยม กินไม่เป็นก็ใช้วิธีโง่ๆ ด้วยการดูถูก" พอลสวน
"กาฝากอย่างแก ยังปากดีเหมือนเดิมนะ"
"คนไทยเขาว่าพูดดีเป็นศรีแก่ปากครับ แต่ผมว่าไอ้พวกพูดมากปากจะมีสี"
"ไอ้!”
"พอได้แล้ว!” วันเบรก "พอลเข้าห้องไปเถอะ น้าจะกลับบ้านแล้ว"
วันจะเดินไป พิธานยังมองพอลอย่างเกลียดชัง พอลมองกวนๆ แบบไม่มีสลด
วันปราม "พีท!”
พิธานจำต้องเดินตามวันไปที่ลิฟท์ พอลมองตามพิธานไปด้วยอาการหงุดหงิด
วันเดินนำพิธานออกมา จู่ๆ เธอก็ชะงักหันมาจนพิธานต้องพลอยหยุดไปด้วย
"แกรู้จักสิปากับลันตามาก่อนใช่ไหม"
"ตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ก่อนจะย้ายไปอยู่กับพี่ที่โน่น"
"ลันใช่ไหมที่ทำให้แกอกหัก"
"ผมไม่เคยอกหัก" พิธานรีบบอก
"งั้นก็ไม่ได้ดังใจ"
"ตอนนั้นผมใจร้อนไปหน่อย แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าจะเอาคืนยังไง"
"แกอายุไม่น้อยแล้ว เรื่องเจ็บแค้นลดลงซะบ้างเถอะ มันไร้สาระ"
"ต้องอย่างไอ้พอลใช่ไหม ทำอะไรก็ถูกไปซะหมด"
"พีท...ไม่มีใครสำคัญกับพี่เท่าแกหรอกนะ แกเป็นน้องของพี่"
"แต่ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นเลย"
"พอลมันน่าสงสารนะ"
พิธานฟังแล้วก็อารมณ์ขึ้น "พี่อยากจะสปอยไอ้กาฝากนั่นก็ทำไปเลย! แต่อย่ามาบังคับให้ผมดีกับมัน ผมไม่ทำ"
พิธานเดินออกไป วันมองตามพิธานด้วยความหนักใจ
รถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน มะนาวลงจากรถแล้วก็ชะงักที่เห็นสภาพกระถางต้นไม้ที่จัดวางอยู่หน้าบ้านถูกทุบทำลาย ต้นไม้ล้มระเนระนาด คนรับใช้กำลังพยายามจะเก็บกวาดทำความสะอาด มะนาวอึ้งกับสภาพที่เกิดขึ้น พอมองเข้าไปในบ้านก็เห็นเอื้องคำยืนอยู่ด้วยท่าทางโกรธจัด
มะนาวรีบเข้าไปหาเอื้องคำ "คุณป้าคะ...เป็นเพราะพ่อใช่ไหมคะ"
เอื้องคำระเบิดขึ้นมาทันที "แกบอกพ่อแกบ้างหรือเปล่า ว่าฉันเดือดร้อนมากแค่ไหนกับความเลวของมัน"
"พ่อคงพยายามจะหาเงินมาใช้คืน ที่ทำให้คุณป้าขาดทุนจนต้องขายไร่"
"ด้วยการเข้าบ่อน เป็นหนี้ล้นพ้นตัวเดือดร้อนมาถึงฉันเนี่ยเหรอ แกรู้ไหมว่าสามล้านที่ได้มาจากบ้านไอ้สิปา หมดไปวันนี้เพราะพ่อของแก โชคร้ายของฉันจริงๆ มีน้องชายเลวแล้วยังมีหลานสาวโง่ ๆ อย่างแก"
เอื้องคำลงมือตบตีมะนาวอย่างระบายอารมณ์ เพราะมะนาวเป็นที่ระบายของเอื้องคำตั้งแต่เด็ก ๆทำให้มะนาวกลัวและกดดันมาตลอด
"ฉันจ่ายเงินเลี้ยงดูแกมาเป็นสิบๆ ปี ไม่เคยเลยที่แกจะตอบแทนฉันให้ได้ดังใจแม้แต่ครั้งเดียว นังหลานโง่ นังหน้าโง่"
"นาวพยายามแล้ว"
เอื้องคำจิกหัว "แกต้องพยายามอีก..บ้านนี้ต้องติดจำนอง อีกไม่นานเราจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มีเงินพ่อแกจะต้องโดนฆ่าล้างหนี้ แกทนได้ใช่ไหม"
มะนาวอึ้ง
"ตอนนี้มีแค่เงินของไอ้สิปาคนเดียวที่จะช่วยบ้านเราได้ ถ้าแกทำไม่ได้อีก ก็เตรียมทำศพพ่อแกได้เลย"
เอื้องคำผลักมะนาวจนปากมะนาวไปชนกับขอบเก้าอี้จนปากแตก
มะนาวยิ่งโดนบิ้วท์ก็ยิ่งแค้น เธอกำมือแน่นโดยคิดจะเอาชนะลันตาเพื่อให้พ้นสภาพนี้ไปให้ได้
ตาหนูหลับปุ๋ย ลันตาขยับผ้าห่มให้ตาหนูก่อนจะเดินมาเปิดประตูแต่ประตูล็อค ลันตาต้องเคาะประตูห้องนอน
"สิปา...สิปา"
สิปาดันนั่งเครียดอยู่บนเตียงไม่ยอมเปิดประตู ลันตาเห็นว่าสิปาดันเงียบไม่ยอมตอบจึงถอยออกมามองอย่างใช้ความคิด
เช้าวันใหม่ สิปาดันแต่งตัวออกมาจากห้องนอน เขาชะงักที่เห็นลันตานั่งรออยู่บนโต๊ะ
"โผล่หัวออกมาแล้วเหรอแก ให้ฉันรอทั้งคืน" ลันตาว่า
"ฉันไม่ได้ใช้ให้แกรอ" สิปาดันจะไปที่มุมครัว
ลันตายื่นขาขวางไว้ "เดี๋ยว!”
ลันตาลงมายืนประจันหน้าอย่างเอาเรื่องมาก
"ฉันว่าแก”เยอะ”ไปแล้ว" ลันตาว่า สิปาดันจะพูด แต่ลันตาก็เสียงเข้มใส่ก่อน "ฟังก่อน....ฉันไม่ได้คิดเรื่องแฟนเก่าบ้าบออย่างที่แกพูด แต่เมื่อคืนฉันเกรงใจน้าวัน แล้วตอนนี้พี่เขาเป็นCEO ของบริษัท ฉันเหนื่อยกับไอ้ญ่า อนุชิตมากแล้ว อย่าให้ฉันต้องรับมือหลายทางเลย"
"เรื่องของแกกับพี่พิธาน" สิปาดันบอก
ลันตาพูดอย่างหนักแน่น "อดีต...”
"แน่ใจ"
"แน่นอนที่สุด"
สิปาดันรู้สึกดีขึ้นแต่ยังวางฟอร์ม "ก็โอเค ฉันจะไม่ก่อเรื่องให้แกลำบากใจ"
ลันตายิ้มแล้วใช้สองมือดึงแก้มสิปาดันอย่างแรง "มันต้องอย่างนี้สิวะ เวลาแกหน้าเป็นตูดมันน่าเตะมากแกรู้ตัวไหม"
"ไม่รู้หรอก เพราะไม่ว่าฉันจะหน้าแบบไหน สาว ๆ ก็บอกว่าฉันหล่อทุกที"
ลันตาหมั่นไส้จึงจะเตะแต่สิปาดันหลบวูบแล้วจะหนีไป
"อย่าตามไปช้านะเว้ย"
สิปาดันตะเบ๊ะ "ครับผม"
สิปาดันยิ้มหล่อแล้วรีบเดินออกไป ลันตามองตามแล้วยิ้มกับตาหนู
ลันตาพูดเบาๆ กับตาหนู "น่ารักเนอะ"
ตาหนูมองตาแป๋ว ลันตาอมยิ้มเบาๆ กับตัวเอง
ธัญญาเรศเข้ามาถึงบริษัทก็ชะงักที่เห็นเห็นจี๊ดกับมิ้งค์ช่วยกันขนเสื้อผ้าเข้ามาด้วยท่าทางวุ่นวายมาก เพชรเดินเข้ามาพร้อมข้าวของในมือเช่นกัน
เพชรคุยโทรศัพท์ "มันใกล้เวลาแล้ว เอาเสื้อผ้าออกมาหรือยัง พี่ให้เวลาสิบนาทีของต้องมาถึงออฟฟิศ" เพชรวางสายแล้วจะเข้าบริษัท
ธัญญาเรศเข้ามาขวางเพชร เพชรชะงักเพราะเมื่อเห็นหน้าธัญญาเรศก็รู้ว่ามีปัญหาแน่
"พี่เพชรยังไม่ส่งคอนเซ็ปท์กับแบบเสื้อของลาเบลฉบับต่อไปมาให้ญ่าเลยนะคะ"
"ขอโทษทีนะ พี่ต้องทำฟิตติ้งให้กับทางDream ก่อน" เพชรบอก
"ทำไมญ่าถึงไม่รู้เรื่องว่าพี่เพชรทำงานให้กับDream ด้วย"
เพชรยังไม่ทันตอบ มิ้งค์ก็รีบออกมา
"พี่เพชรคะ...คุณสุวิภากับคุณพิธานกำลังจะเข้ามา เรามีเวลาเซ็ทของอีกสิบนาทีนะคะพี่เพชร" มิ้งค์ว่า
"จ๊ะ" เพชรจะเดินเข้าไป
ธัญญาเรศขยับเข้าไปขวาง "ไม่ได้ค่ะ พี่เพชรเป็นทีมของญ่า ญ่าไม่อนุญาตให้พี่เพชรไปทำงานให้กับทีมของ Dream”
เพชรลำบากใจ "แต่พี่....”
"พี่ญ่าคะ พี่เพชรไม่ได้มาทำเองนะคะ พี่เพชรทำตามคำสั่ง...”
ธัญญาเรศพูดเสียงดัง "หุบปาก! ฉันไม่ได้ถามเธอ"
มิ้งค์สะดุ้ง ทุกคนอึ้งกับอาการเกรี้ยวกราดของธัญญาเรศ
เสียงลันตาดังขึ้น "ถ้างั้นก็ถามฉันแล้วกัน"
ลันตาเดินเข้ามา ธัญญาเรศมองลันตาด้วยสายตาลั่นเปรี๊ยะ
"เธอมักง่ายไปหน่อยมั้ง เที่ยวดึงคนของทีมอื่นไปทำงานตัวเองโดยไม่ขออนุญาต" ธัญญาเรศว่า
"ตั้งสติแล้วใช้สมองคิดสักนิดนะ พี่เพชรเป็นพนักงานประจำของออฟฟิศเขามีสิทธิ์ทำงานให้กับทุกทีม"
"ถึงเธอจะชอบเล่นเส้นเอาตัวเข้าแลกสร้างอภิสิทธิ์ให้ตัวเองแต่ก็ไม่ใช่จะทำตามใจได้ทุกเรื่อง"
ลันตายิ้มใจเย็นมาก "เธอเข้าใจผิดแล้ว พี่เพชรถูกส่งมาให้ช่วยฉัน โดยที่ฉัน...ไม่ได้ร้องขอ"
ธัญญาเรศชะงักแล้วหันไปมองเพชรว่าจริงเหรอ
"พี่นีเป็นคนสั่งให้พี่มาทำงานนี้"
"เคลียร์นะ...ไปเตรียมงานกันเถอะค่ะพี่เพชร"
ลันตาพาเพชรเดินเข้าไปโดยทิ้งให้ธัญญาเรศยืนอึ้งด้วยความแค้น
ธัญญาเรศเปิดประตูเข้ามาในห้องที่รัชนีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"เธอควรมีมารยาทในการเข้าห้องคนอื่น" รัชนีว่า
"แล้วการดึงตัวคนทำงานไปโดยไม่บอกเจ้าของทีม มันบ่งบอกว่ามีมารยาทตรงไหนคะ" ธัญญาเรศว่า
รัชนียิ้มใจเย็นมาก "ทีมงานทุกคนเป็นคนของบริษัท และเธอ...ต้องไม่ลืมว่าพี่เป็นผู้บริหารที่นี่ ส่วนเธอเป็นพนักงานคนนึง เข้าใจตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองไหม?”
ธัญญาเรศสะอึก
"หรือต้องให้พี่เรียกลันตามาช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจ"
"เข้าใจแล้วค่ะ...ขอตัวนะคะ"
ธัญญาเรศจะเดินออกไป
"ถ้าคิดว่าจะฟ้องคุณสุวิภาเหมือนที่ฟ้องเรื่องลันตาล่ะก็..." รัชนีรอธัญญาเรศหันกลับมาแล้วพูดต่อ "พี่ไม่จบง่ายๆ แน่"
ธัญญาเรศแค้น "ถ้าพี่นีรู้ว่าสิ่งที่พี่ทำกับญ่าจะทำให้คุณนุเดือดร้อนมากแค่ไหน พี่นีจะไม่ทำแบบนี้แน่"
"ตานุมักจะเลือกผู้หญิงผิดเสมอ...ยกเว้นลันตา เธอคิดเหรอว่าพี่จะเชื่อว่าตานุแต่งตั้งเธอเป็นบ.ก.บ.ห.เพราะเธอมีความสามารถ พี่ให้โอกาสเธอเล่มนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอยังทำหนังสือตามกระแสไม่มีความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอีก ก็คงหมดเวลาของเธอแล้ว" รัชนีว่า
ธัญญาเรศมองรัชนีรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็จำต้องถอยไป ธัญญาเรศออกมาด้วยความแค้นมาก
ธัญญาเรศพูดเบาๆ กับตัวเอง "นังรัชนี!”
มะนาวเดินเข้ามาที่ออฟฟิศ
แอร์โฮสเตสเรียก "นาว!”
มะนาวชะงักแล้วพยายามจะปิดแผลปากที่แตก
"หน้าไปโดนอะไรมา"
"หกล้มน่ะ แล้วมีอะไรหรือเปล่า เรียกซะเสียงตื่นเต้นเลย"
"เห็นเฟสบุ๊คลูกเรือหรือยัง เมื่อเช้าพีอาร์ลงว่าพี่สิปาดันจะถ่ายแบบลงนิตยสาร ในออฟฟิศก็ฮอทจะแย่อยู่แล้ว ไปถ่ายแบบคราวนี้ ต้องมีพวกFC เพิ่มอีกตรึม"
"แกก็พูดเกินไป?” มะนาวว่า
"แกเห็นข่าวรปภ.ที่เชียงใหม่ไหม แค่ลงรูปในโซเชี่ยลยังดังข้ามคืน แล้วนี่โคไพรอทนะจ๊ะ หล่อ ดูดี หน้าที่การงานเริ่ด เฮ้อ...คู่แข่งคงมหาศาล ยิ่งลงนิตยสารของเพื่อน คงอวยกันสุด ๆ ล่ะ"
"นิตยสารของเพื่อน...ที่ชื่อลันตาน่ะเหรอ"
มะนาวคิดแล้วก็ไม่พอใจ
มะนาวเดินมาตามทางเพื่อจะไปหาสิปาดัน แต่ยังไม่ทันจะเลี้ยวไปทางห้องล็อคเกอร์เธอก็ชะงักที่ได้ยินเสียงสิปาดันคุยกับกัปตันวีระ
"งานครั้งนี้เท่ากับสิปาทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสายการบินเราเลยนะ ทำให้ดีที่สุด" วีระบอก
"ครับคุณลุง" สิปาดันรับคำ
"เรื่องโลเกชั่นที่จะใช้ถ่ายแบบลุงจัดการติดต่อกับเพื่อนให้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วจะเข้าไปถ่ายเมื่อไหร่"
"อีกสามวันครับ เพราะวันนี้ต้องมีฟิตติ้งเสื้อผ้าที่บริษัทของลันตาตอนบ่าย"
"ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมานะ"
"ขอบคุณมากครับ"
มะนาวฟังแล้วก็คิดแผนร้าย
สิปาดันเดินออกมาที่จอดรถ สิปาดันคุยโทรศัพท์มือถือกับลันตา
"ฉันกำลังจะออกจากออฟฟิศ ไม่เกินสิบห้านาทีเจอกัน" สิปาดันบอก
สิปาดันกดวางสายแล้วเดินมาที่รถ สิปาดันกำลังจะขึ้นรถแต่ก็ชะงักที่ได้ยินเสียงดังมาจากท้ายรถ สิปาดันมองไปตามเสียงก็เห็นมะนาวที่กำลังนั่งร้องไห้ สิปาดันเดินเข้าไปใกล้
"นาว...”
มะนาวเงยหน้าขึ้นในสภาพน้ำตาเปื้อนเต็มหน้าและมีรอยแผลที่ปาก
สิปาดันตกใจ "ใครทำอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
มะนาวไม่ตอบแต่ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนสิปาดันเป็นห่วง
แพทลองถ่ายภาพและเช็คแฟลช กีรติช่วยเซ็ทที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ลันตาเดินเข้ามา
"เรียบร้อยไหมแพท"
"โอเค"
"ขอบคุณนะคะคุณกบที่มาช่วย" ลันตาบอก
"ไม่ได้มีน้ำใจนะ มีผลประโยชน์แอบแฝง" แพทว่า
กีรติเห็นลันตาหันมามองเหมือนจะถามว่าหมายความว่ายังไง "คือ ผมต้องรีบปิดคู่มือท่องเที่ยว ถ้าวันนี้คุณแพทเสร็จงานเร็ว ก็จะได้เคลียร์เรื่องรูปทั้งหมดที่เหลือน่ะครับ"
"ลันจะรีบเร่งงานให้เร็วที่สุดนะคะ"
มิ้งค์เข้ามารายงานความคืบหน้ากับลันตา
"เสื้อผ้าเซ็ทเรียบร้อยแล้วนะพี่ แต่พี่สิปายังไม่มา" มิ้งค์บอก
ลันตาชักร้อนใจ "งั้นพี่ขอดูเซ็ทเสื้อผ้าของนางแบบก่อน" ลันตาพูดกับแพท "งั้นแยกเซ็ทถ่ายแล้วค่อยจับแมทช์กันอีกที มิ้งค์ตามพี่เพชรมาหาพี่ที"
มิ้งค์วิ่งออกไป ลันตาเดินไปคุยกับรัชนี พิธานเข้ามาอยู่ด้านหลังกีรติกับแพทโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว พิธานมองบรรยากาศการทำงาน
"ฟิตติ้งมันแค่ลองชุดไม่ใช่เหรอคุณ ผมว่าที่เตรียมงานกันอยู่นี่ ถ่ายจริงได้เลยนะ" กีรติบอก
"ลันมันอยากเตรียมงานให้ละเอียดที่สุด เพราะโลเกชั่นที่เราใช้มีเวลาจำกัด เซ็ทอัพให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ วันจริงจะได้ปัญหาน้อยที่สุด" แพทบอก
"ยังรอบคอบจอมวางแผนเหมือนเดิม" พิธานว่า
แพทกับกีรติหันมาก็แปลกใจที่เห็นพิธาน
"เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลก็เก็บทุกรายละเอียด การฝึกวินัยมันมีผลต่อเนื่องมาถึงการทำงาน...จริงไหมแพท" พิธานถาม
แพทอึ้งที่พิธานจำแพทได้ด้วย พิธานมองว่าเป็นอะไร
"แพทไม่คิดว่าคุณพิธานจะจำได้" แพทว่า
"จำได้สิ เรื่องที่เกี่ยวกับลันตาผมจำได้ทุกอย่าง"
กีรติหันมองแพทอึ้งๆ
สุวิภาชักหงุดหงิด
"นี่มันบ่ายกว่าแล้วนะ ยังไม่เริ่มอีกเหรอ"
ลันตาอึกอัก "สิปายังมาไม่ถึงค่ะ"
"เธอคอนเฟิร์มเขาหรือเปล่า ทุกอย่างพร้อม คุณพิธานก็มาแล้วด้วย" สุวิภาว่า
"คุณสิปาอาจจะติดธุระอยู่" รัชนีบอก
"สักครู่นะคะ" ลันตาพยายามโทรแต่โทรไม่ติด
สุวิภาเสียงแข็งเบาๆ เพื่อกดดันเต็มที่ "ว่ายังไงล่ะ!”
เสียงสิปาดันดังขึ้น "ขอโทษครับที่มาช้า"
ลันตาดีใจว่ามาทันเวลาพอดี ลันตาหันไปก็เห็นสิปาดันเดินเข้ามาแต่จากยิ้มๆ ก็อึ้งที่เห็นว่าสิปาดันพามะนาวมาด้วย แพทกับกีรติก็อึ้งไม่แพ้กัน พิธานมองมะนาวที่มากับสิปาดันอย่างสนใจว่าเป็นใคร
มิ้งค์เดินนำสิปาดันเข้ามาที่มุมเปลี่ยนเสื้อผ้า มิ้งค์รับชุดจากจี๊ดมาส่งให้สิปาดัน
"เปลี่ยนชุดนี้ก่อนนะคะพี่สิปา" มิ้งค์บอก
สิปาดันจะส่งกระเป๋าสะพายของตัวเองให้มิ้งค์รับไป แต่มะนาวเข้ามาแทรก
"นาวช่วยถือให้นะคะ"
มิ้งค์มองงงๆ ที่จู่ๆ มะนาวเข้ามาแทรก
"ส่งมาสิคะ" มะนาวบอก
สิปาดันกำลังจะส่งให้
"ไม่ต้องหรอกค่ะ" ลันตาว่า
ลันตาเข้ามารับกระเป๋าจากสิปาดันแล้วส่งให้กับมิ้งค์
"ดูแลทีนะมิ้งค์ นาว...ฉันว่าเธอไปนั่งรออยู่ในห้องรับแขกดีกว่านะ ตรงนี้เขาจะต้องทำงาน ช่วยอยู่ให้เป็นที่เป็นทางจะขอบคุณมาก" ลันตาบอก
มะนาวมองหน้าลันตาก็เห็นสายตาลันตาที่แข็งกร้าวอย่างรู้ว่าจงใจขวางมะนาวเต็มที่ มิ้งค์มองท่าทีของลันตากับมะนาวอย่างจับสังเกต
"พี่เพชรค่ะ ลันขอให้แต่ละชุดเปลี่ยนไวนิดนึงนะคะ ต้องทำเวลา"
ลันตาเดินออกไป สิปาดันมองมะนาวที่หน้าจ๋อยๆ
"ลันเขาซีเรียสกับงานน่ะนาว" สิปาดันบอก
"ไม่เป็นไรค่ะ นาวจะไปนั่งรอจะได้ไม่เกะกะการทำงานนะคะ" มะนาวว่า
มะนาวเดินตามลันตาออกไป
มะนาวเดินไล่ตามมาจนทันลันตา
มะนาวยิ้มเยาะ "โกรธมากสินะที่เห็นสิปาพาฉันมา"
ลันตาชะงักแล้วหันกลับมา "ต้องการอะไร"
มะนาวยิ้ม "แฟนเก่า...เท่ากับเป็นคนที่เขาเคยเลือก ส่วนพวกเพื่อนถ้ามีปัญญาคงเลื่อนฐานะเป็นแฟนไปนานแล้ว แต่นี่คงไม่มีปัญญา ถึงต้องเอางานมาหลอกล่อ"
ลันตาชะงักแล้วหันกลับมา
"หมายความว่ายังไง" ลันตาถาม
"เธอคงกลัวสินะว่าจะสู้ฉันไม่ได้ถึงลงทุนขนาดนี้"
"ความสัมพันธ์ของฉันกับสิปาไม่ต้องลงทุน สิปาก็ยินดีที่จะอยู่ข้างฉันเสมอ"
มะนาวเจ็บปวดกับคำของลันตา แต่ยังยิ้มราวกับไม่สะเทือนใจ "ขอให้เธอมั่นใจ มีความสุข ความหวังให้เต็มที่ เพราะวันที่สิปากลับมาหาฉัน เธอจะได้รู้จักกับความเจ็บปวด ผิดหวังอย่างสาสม"
มะนาวยิ้มมั่นใจมาก เธอเดินออกไปเนียนๆ ลันตามองตามอึ้งๆ โดยพยายามสูดลมหายใจเรียกสติตัวเอง
"ไม่โกรธ ไม่โกรธ ตั้งสติ ทำงานนะลันตา"
ลันตาผ่อนลมหายใจอย่างพยายามผ่อนคลายแล้วเดินออกไป พิธานเดินออกมาจากมุมหนึ่งมองตามยิ้มเจ้าเล่ห์
สิปาดันเปลี่ยนชุดเดินเข้ามาที่มุมถ่ายรูป ลันตาดูความเรียบร้อย พิธานเข้ามากับรัชนีและสุวิภา
"ผมอยากให้ชุดดูแกรนด์กว่านี้ จะได้เสริมให้Guestของเราดูดีขึ้นกว่าเดิม"
สิปาดันมองพิธานที่ยิ้มกวนตีน
"ดิฉันว่าเสน่ห์ของDream อยู่ที่ความสามารถของGuest ของเราโดยไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาห่อหุ้ม ดิฉันอยากพรีเซ้นท์ความเป็นตัวตนของGuest ให้ชัดมากกว่าเอาเปลือกมาหลอกคนอ่านค่ะ" ลันตาบอก
พิธานอึ้งไป สิปาดันมองกลับอย่างสะใจ
"งั้นผมขอดูมุมมองของคุณก่อนตัดสินใจ เอาเป็นว่าผมเชื่อใจคุณเพราะเราต้องร่วมงานกันอีกนาน"
"ค่ะ"
สิปาดันมองพิธานอย่างไม่พอใจเพราะรู้ว่าพิธานจงใจกวนประสาท แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์
ภาพฟิตติ้งเสื้อผ้าของสิปาดันในแต่ละชุดมีสุวิภา รัชนี พิธานและลันตาคอยดูและเลือกอย่างพิจารณา ลันตาพูดคุยอธิบายคอนเซ็ปท์ โดยที่แพทเป็นช่างภาพ ส่วนกีรติช่วยดูอยู่ที่คอมพิวเตอร์ที่โหลดภาพลงเครื่อง
ธัญญาเรศ กิ๊ก และติ๊ดตี่เข้ามาที่มุมหนึ่งซึ่งใกล้กับกลุ่มของสุวิภากับธัญญาเรศที่มองท่าทีของสุวิภากับพิธานที่มีต่อลันตา
"เป็นยังไงบ้างคะคุณพิธาน"
"ผมชอบนะ ด้วยโลเกชั่นที่เลือกมาก็ดูตรงกับคอนเซ็ปท์ของฉบับแรก" พิธานบอก
รัชนีแปลกใจ "คุณโอเคกับGuest ของเราแล้วเหรอคะ"
"ผมเข้าใจผิดเรื่องคอนเซ็ปท์ของหนังสือน่ะครับ แต่คุณลันอธิบายให้ผมเข้าใจแล้ว คุณสุเลือกคนทำงานได้ดีจริงๆครับ"
สุวิภารับทันที "คนที่มีความสามารถ เราก็ต้องให้โอกาส จริงไหมคะ"
รัชนียิ้มนิด ๆ กับการรับสมอ้างของสุวิภา กิ๊กกับติ๊ดตี่หันไปหาธัญญาเรศ
ติ๊ดตี่พูดเบาๆ กับธัญญาเรศ "หน้ามือเป็นหลังมือเลยค่า"
ธัญญาเรศกำมือแน่น
ลันตาคอยจับคอยดูมองภาพรวม
"ลัน นี่มันแค่ลองเสื้อผ้าทำไมมันจริงจังนักล่ะ" สิปาดันบอก
ลันตาไม่ตอบราวกับไม่ได้ยิน
"โอเคแล้ว แพท จัดไป"
แพทถ่ายรูปสิปาดัน สิปาดันมองตามลันตาอย่างสงสัยว่าลันตาเป็นอะไร
สิปาดันเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดเดิมแล้วก็หันไปหาเพชร
"ครบทุกชุดแล้วใช่ไหมครับ" สิปาดันถาม
เพชรยังไม่ทันตอบ ลันตาก็เดินเข้ามา
"เสร็จเรียบร้อยแล้วแกกลับไปได้เลย"
สิปาดันพูดด้วยน้ำเสียงง้อไว้ก่อนทั้งที่ไม่รู้ว่าลันตาโกรธเรื่องอะไร "กลับพร้อมกันไหม?”
ลันตาชะงักไปนิดกับน้ำเสียงของสิปาดัน แต่ทันใดนั้นมะนาวก็เข้ามาแทรก
"สิปาคะ กลับกันเลยไหมคะ"
ลันตามองมะนาวอย่างไม่พอใจแล้วก็กวนประสาท "สิปา แกรอฉันก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับด้วย ขอคุยงานอีกแป๊บเดียว"
สิปาดันเห็นลันตายอมอ่อนให้ก็ดีใจ "ได้ นาวรออีกแป๊บนะครับ"
ลันตาจะเดินออกไป แต่จังหวะที่ผ่านมะนาวลันตาก็แอบยักคิ้วแล้วเดินไป มะนาวมองตามด้วยความแค้นไม่ยอมจะเอาชนะให้ได้ จังหวะที่สิปาดันหันกลับไปเช็คความเรียบร้อยข้าวของ โทรศัพท์มือถือว่าอยู่ครบหรือยัง มะนาวก็จัดการล้วงไปในกระเป๋าแล้วกดให้เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดัง มะนาวทำเป็นหยิบออกมาแล้วทำท่าทีตกใจก่อนจะทำเป็นกดรับ
"ค่ะคุณป้า นาว...เสร็จงานแล้วค่ะ คือ...รถติดน่ะค่ะ ก็เลยช้า ภายในครึ่งชั่วโมง ค่ะคุณป้า นาวจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุดนะคะ"
สิปาดันดูท่าทางตื่นตระหนกของมะนาว
มะนาวทำเป็นกดวางสาย "สิปาคะ นาวต้องรีบกลับจริงๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณป้าต้องโมโหมากแน่ ๆ"
สิปาดันลำบากใจ "แต่...”
"ไม่เป็นไรค่ะ นาวไม่อยากให้สิปาต้องลำบากใจ เดี๋ยวนาวกลับเองได้ค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ" มะนาวพูดด้วยลีลาดูน่าสงสารมาก "นาวไปก่อนนะคะ"
สิปาดันเห็นมะนาวจะไปจริง ๆ ก็รู้สึกว่าทอดทิ้งเธอไม่ได้
"นาวครับ...เดี๋ยวผมไปส่ง"
มะนาวแอบยิ้มก่อนจะหันมาด้วยสีหน้าเหมือนลำบากใจ
"แล้วลันล่ะคะ" มะนาวถาม
"เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง ไปเถอะ"
มะนาวแอบยิ้มอย่างสะใจ
ลันตาคุยกับทีมงาน
"ขอบคุณทุกคนมากสำหรับวันนี้" ลันตาบอก
"วันนี้เราจะเลือกเลยไหมคะว่าจะใช้ชุดไหนบ้าง" เพชรถาม
"พี่สิปารออยู่นะพี่" มิ้งค์บอก
"วันนี้คงไม่ทันค่ะ พอดีลันมีธุระ แพทเก็บของเสร็จยัง" ลันตาถาม
"ใกล้แล้ว แป๊บนึง" แพทบอก
กีรติเข้ามาคุยกับลันตา
"คุณลันครับ ไอ้สิปามันฝากบอกว่าต้องรีบไปส่งมะนาว ให้ผมไปส่งคุณลันแทน จะกลับกันเลยไหมครับ"
ลันตาฉุนขาด
"ถ้าทุกคนไม่ติดธุระอะไร เราจะประชุมกันเลยนะคะ" ลันตาบอก "ลันอยากเคลียร์งานให้เสร็จก่อนน่ะค่ะ ถ้าคุณกบมีธุระ ไม่ต้องรอลันก็ได้นะคะ คงจะดึก"
พูดจบลันตาก็เดินไปคุยงานกับเพชร
มิ้งค์หันไปหาแพทอย่างงงๆ "พี่ลันเขาเป็นอะไรน่ะพี่ เมื่อกี้ยังบอกว่าจะรีบกลับกับพี่สิปาอยู่เลย"
"ก็อยู่ด้วยกัน จะรู้ไหมล่ะ" แพทหันไปหากีรติ "คุณไปพูดอะไรกับไอ้ลัน มันถึงได้ของขึ้นแบบนั้น"
กีรติไม่ตอบแต่มองตามลันตาไปอย่างจับสังเกต
สิปาดันเดินเข้ามาส่งมะนาวที่หน้าบ้าน
"ขอบคุณนะสิปาที่มาส่งนาว"
"ก็ยังช้าไปสิบนาที นาวจะ...ไม่เป็นไรใช่ไหม" สิปาดันถาม
สิ้นคำถามสิปาดันเสียงเอื้องคำก็ดังขึ้น "แกมาช้า"
เอื้องคำเดินออกมา
"คำสั่งฉันมันไม่มีความหมายใช่ไหม!” เอื้องคำถาม
"นาวติดธุระจริงๆ ค่ะ" มะนาวบอก
"เจ้าสิปาเนี่ยนะเหรอ ธุระของแก วิ่งตามผู้ชายอย่างหน้าไม่อาย คงจะทำแต่เรื่องขายหน้าเหมือนพ่อของแก เลี้ยงไม่เชื่อง! นังหลานเลว"
เอื้องคำใช้ไม้เท้าตีมะนาว สิปาดันเข้าไปขวางไว้ทำให้ไม้เท้าโดนเข้าที่ไหล่เต็ม ๆ
มะนาวตกใจ "สิปา...”
"ถึงนาวจะเป็นหลานแต่ก็ไม่ควรทำร้ายกันขนาดนี้" สิปาดันบอก
เอื้องคำตะคอก "มันไม่ใช่เรื่องของแก! มะนาว เข้าบ้าน!”
สิปาดันเป็นห่วง "นาว...”
"นาวขอโทษนะคะสิปา"
"ฉันสั่งให้แกเข้าบ้าน"
เอื้องคำเดินเข้าไป สิปาดันมองตามด้วยความเป็นห่วง
เอื้องคำเดินเข้ามา มะนาวเดินตามเข้ามา
เอื้องคำหันมาอย่างพึงพอใจ "แกนี่เก่งกว่าที่ฉันคิด"
"ก็เพราะได้คุณป้าสั่งสอนค่ะ" มะนาวบอก
"บ้านยัยนวลมันขี้สงสาร ใจอ่อนจนโง่เง่าทั้งบ้าน แกแค่ทำให้มันสงสารเห็นใจก็ปั่นหัวมันได้สบาย"
"นาวรู้ค่ะว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่นาวจะต้องได้สิปาคืนมา"
เอื้องคำมองอย่างพอใจ
มิ้งค์หอบพวกน้ำกับข้าวกล่องประมาณสิบกล่องมาตามทางเดินโดยพยายามจะคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
"ซื้อข้าวกับน้ำมาแล้วพี่ กำลังจะเข้าไปที่ห้องประชุมแล้วค่ะพี่แพท"
มิ้งค์เก็บโทรศัพท์และกำลังจะเดิน
เสียงธัญญาเรศก็ดังขึ้น "โง่นัก!”
มิ้งค์เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนก็เห็นแฟ้มกับกระดาษปลิวลงมาจากข้างบน
"เฮ้ย!” มิ้งค์หลบแฟ้มไปอย่างเฉียดฉิว กิ๊กวิ่งลงมาข้างล่าง ธัญญาเรศตามลงมา
"ผิดซ้ำซากเขาไม่เรียกว่าพลาด เขาเรียกว่าโง่! มีสมองบ้างไหม" ธัญญาเรศว่า
"พี่ญ่าอยากได้แบบไหน บอกกิ๊กสิคะ กิ๊กจะได้แก้ถูก"
"ถ้าแค่นี้คิดไม่ได้ก็ลาออกไปซะ"
ธัญญาเรศมองอย่างรำคาญก่อนจะเดินกลับขึ้นไป กิ๊กเก็บเอกสารที่ปลิว ระหว่างที่เก็บ ๆ ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ มิ้งค์เข้าไปใกล้ๆ
"พี่กิ๊ก....เจ็บตรงไหนหรือเปล่าพี่"
กิ๊กไม่ตอบแต่โผเข้ากอดมิ้งค์ กิ๊กร้องไห้ มิ้งค์ทำหน้าไม่ถูกที่ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
มิ้งค์ส่งขวดน้ำให้กับกิ๊ก
"น้ำไหมพี่...”
กิ๊กรับมาแล้วก็ร้องไห้อย่างอัดอั้น
"พี่ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจ พี่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกน้องหรือเป็นทาสกันแน่ ถ้าแม่พี่ไม่ป่วย พี่คงไม่ต้องทนขนาดนี้" กิ๊กระบาย
ติ๊ดตี่เดินเข้ามาถาม
"นังกิ๊ก แกแก้งานเสร็จหรือยัง"
"ยัง....” กิ๊กตอบ
"เฮ้ย! พี่เขารออยู่นานแล้วนะแก" ติ๊ดตี่คว้ามือกิ๊ก "รีบไปแก้งานเดี๋ยวนี้เลย มานั่งเม้าท์กับนังเตี้ยนี่อยู่ได้"
มิ้งค์มองพลางคิดในใจว่า อ้าว...ปาก
กิ๊กร้องไห้ "ฉันแก้ไม่ได้...ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ญ่าต้องการอะไร"
"นังนี่! จะมาสำออยอะไรตอนนี้"
เสียงมือถือติ๊ดตี่ดัง ติ๊ดตี่หยิบออกมาดู
ติ๊ดตี่ตกใจจนร้อนรน "นังกิ๊ก พี่ญ่าโทรมาตามแล้ว ไป.." ติ๊ดตี่จะคว้ามือกิ๊ก
กิ๊กกลัว "ฉันยังแก้งานไม่ได้เลย...ฉันไม่กล้า"
"นังบ้าเอ๊ย!" ติ๊ดตี่กดรับสาย "ค่ะ พี่ญ่า ติ๊ดตี่กำลังขึ้นเดี๋ยวนี้ค่ะ"
ติ๊ดตี่รีบเดินออกไป มิ้งค์หันไปมองกิ๊กอย่างเป็นห่วง
"พี่..”
กิ๊กหันกลับมาจับมือมิ้งค์ "มิ้งค์ช่วยพี่ด้วยนะ"
มิ้งค์งงว่าจะให้เธอช่วยอะไร
ลันตากับแพทมองหน้ามิ้งค์ที่นั่งหน้าจ๋อยแล้วหันมองกิ๊กที่นั่งอ้อนวอนอย่างลำบากใจ
"พี่ลันช่วยพี่กิ๊กด้วยนะคะ"
"มิ้งค์....กิ๊ก...ก็รู้ว่าพวกพี่กับพี่ญ่าไม่เหมือนเดิมแล้ว จะให้ไปช่วยพูดได้ยังไง"
"ให้ตีกันยังง่ายกว่าเยอะ" แพทบอก
"แต่ถึงขั้นเขวี้ยงข้าวของมันก็เกินไปนะพี่ ช่วยพี่กิ๊กสักครั้งนะคะพี่" มิ้งค์ว่า
ขณะที่ทุกคนหนักใจ ติ๊ดตี่ก็พาธัญญาเรศเข้ามา
"กิ๊กมันอยู่ที่นี่จริง ๆด้วยค่ะพี่" ติ๊ดตี่ว่า
ธัญญาเรศมาอย่างเหี้ยม "มาทำอะไรที่ห้องนี้" ธัญญาเรศหันมาหาลันตา "คิดจะดึงตัวคนของฉันไปหมดทุกคนเลยหรือไง"
ลันตาจะพูด "ฉัน...”
ธัญญาเรศแทรก "แกเป็นโรคจิตหรือไงลัน ถึงชอบแย่งนัก แย่งผู้ชาย แย่งงาน แย่งลูกน้องของฉัน"
ลันตาหน้าตึงด้วยความงุนงงที่ธัญญาเรศมาถึงก็ด่าๆ ๆ
"ฉันว่าแกมีความต้องการทางจิตแพทย์สูงนะ ดูต่อมเหตุผลกับมารยาททางสังคมต่ำลงทุกที" ลันตาว่า
"มันเจริญงอกงามอยู่ต่อมเดียวล่ะแก" แพทพูด
ทุกคนหันไปทางแพท
แพทพูดต่อ "ต่อมขี้อิจฉา!”
ธัญญาเรศกำมือแน่นเพราะแค้นมาก "ติ๊ดตี่!”
"ค่ะ!”
ติ๊ดตี่เข้ามากระชากแขนกิ๊ก "กลับ"
ลันตาทนไม่ได้ที่เห็นติ๊ดตี่ฉุดกระชากลากถูกิ๊กอย่างไม่ปรานี
ลันตากระชากกิ๊กกลับมา "กิ๊กมันเป็นคนนะ ทำกับมันดีๆ หน่อย"
"ฉันจะทำอะไรกับคนของฉัน แกไม่เกี่ยว" ธัญญาเรศว่า
"ฉันว่าแกมันบ้าแล้ว ลูกน้องก็เป็นคนเหมือนแก จะผิดพลาดอะไรคุยกันดี ๆ สิวะ สอนงานที่ไม่ใช่การด่า เขวี้ยงข้าวของ มันดูป่าเถื่อน"
"เสื่อมว่ะ!” แพทว่า
ธัญญาเรศหันขวับมาหากิ๊ก "แกเล่าอะไรให้พวกมันฟัง"
มิ้งค์เห็นกิ๊กกลัวก็ลืมตัวจึงออกหน้าแทน
"พี่กิ๊กเขาแค่ขอให้พี่ลันช่วยพูดกับพี่ญ่า เรื่องปัญหาการทำงานของเขาเท่านั้นเองค่ะ"
"มีปัญหาไม่พูดกับพี่ พูดกับคนอื่นหมายความว่ายังไง" ธัญญาเรศถาม
ติ๊ดตี่แทรกทันที "มันไม่เห็นหัวพี่แล้วไงคะ หรือเห็นพี่ตกต่ำแล้วคิดจะย้ายขั้ว"
"ถ้าพูดเรื่องดีไม่ได้ก็เงียบปากไปเถอะค่ะพี่ติ๊ดตี่" มิ้งค์ว่า
ธัญญาเรศพูดกับมิ้งค์ "เงียบ! ฉันไม่ได้ถามเธอ"
มิ้งค์โดนตะคอกก็อารมณ์ขึ้น "เพราะพี่ญ่าเผด็จการแบบนี้ไงคะ พี่กิ๊กถึงต้องวิ่งมาหาพี่ลัน"
ธัญญาเรศจี๊ดมากจึงง้างมือจะตบมิ้งค์ ลันตาไวมากจึงยกแขนกันไว้ทำให้ธัญญาเรศตบมิ้งค์ไม่ได้
แล้วลันตาก็ผลักธัญญาเรศออกไป
"แกไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนของฉัน"
"ให้ท้ายกันแบบนี้มันถึงไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่" ติ๊ดตี่ว่า
ลันตาสั่ง "หุบปาก!”
แพทกำหมัดขึ้นมาเป่าเบาๆ "ถ้าหุบเองไม่ได้พี่จะช่วย"
ติ๊ดตี่เห็นสายตาโคตรเอาจริงของลันตากับแพทก็ชะงักแล้วรีบปิดปากตัวเองทันที
ลันตาพูดกับธัญญาเรศ "กิ๊กมันอยากทำงานกับแก ถ้าแกมีเหตุผลซะบ้าง"
ธัญญาเรศหันขวับไปมองกิ๊กด้วยอารมณ์โกรธมาก "เนรคุณ ! ฉันเป็นคนรับแกเข้าทำงาน ส่งเสริมแกให้มาเป็นผู้ช่วยฉัน แกจำได้หรือเปล่า"
"คนทำงานอยากได้หัวหน้าดี ๆ มีเหตุผล ให้คำแนะนำ ไม่ใช่เอาแต่ด่าๆๆ หัวหน้าจิตแตกแบบนี้ เป็นใครก็ไม่ทน" แพทว่า
"ก็ไม่ต้องทน! ฉันไล่แกออก" ธัญญาเรศบอก
ทุกคนอึ้ง
กิ๊กร้องไห้ "อย่าไล่กิ๊กออกเลยนะคะพี่ กิ๊กขอร้อง แม่กิ๊กไม่สบาย ถ้ากิ๊กตกงาน กิ๊กจะเอาเงินที่ไหนรักษาแม่"
"ฉันมันหัวหน้าจิตตก เห็นใจใครไม่เป็นหรอกนะ"
ธัญญาเรศสะบัดหน้าจะเดินออกไป ติ๊ดตี่จะเดินตาม
"พี่จะรับกิ๊กไว้เอง ตั้งแต่นี้ไปกิ๊กเป็นคนของDream!” ลันตาบอก
ทุกคนตะลึง ธัญญาเรศหันกลับมาหาลันตา แล้วสองสาวก็ประสานสายตากันเปรี๊ยะ ๆ
อ่านต่อหน้่าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลันตา แพท มิ้งค์ และกิ๊กเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ กิ๊กหันมาขอบคุณลันตา
“ขอบคุณพี่ลัน พี่แพท น้องมิ้งค์มากนะคะที่ช่วยกิ๊ก” กิ๊กบอก
“เริ่มงานใหม่กับทีมใหม่ ก็ตั้งใจหน่อยก็แล้วบอกเลยว่าทีมพี่งานต้องเคี่ยวเข้มข้นทุกตำแหน่ง”
“ถ้าผ่านพี่ญ่ามาได้ กิ๊กก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” กิ๊กบอก
“พรุ่งนี้ประชุมสิบโมงนะคะพี่” มิ้งค์บอก
“จ้ะ” พูดจบกิ๊กก็เดินออกไป
“ถ้าไอ้ญ่ามันยังร้ายแบบนี้...สักวันมันจะไม่เหลือใครในทีมเลย” แพทว่า
ลันตามองแพท “แกห่วงมันใช่ไหม”
“ห่วงคนที่เขาไม่อยากให้ห่วง เปลืองสมอง ว่าแต่แกไม่เอารถมาจะกลับยังไงแท๊กซี่หรือรถไฟฟ้า” แพทถาม
กีรติเรียก “คุณลันครับ”
กีรติรีบวิ่งลงมา
“คุณลันจะกลับบ้านแล้วเหรอครับ คือผมยังไม่เสร็จงานเลย” กีรติพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ ลันกลับเองได้” ลันตาบอก
“แต่ผมรับปากสิปาไว้แล้ว ว่าจะไปส่งคุณ...”
เสียงพิธานดังขึ้น “ลัน”
ทุกคนชะงัก พิธานเดินเข้ามา
“จะกลับหรือยังครับจะได้ไปพร้อมกันเลย” พิธานถาม
ทุกคนทำหน้าเหวอกับคำพูดของพิธาน
พิธานไม่ได้สนใจคนอื่น เขาพูดกับลันตา “ผมจะได้ไปรับพี่วันด้วยเลย”
“เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณลันอยู่แล้วครับ” กีรติบอก
“คุณจะต้องส่งงานให้ผมปรู๊ฟพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงไม่ใช่เหรอ”
กีรติอึ้ง “ครับ”
“รับปากแล้วช่วยทำให้ได้ด้วยนะ”
กีรติยิ่งอึ้งหนัก “ครับ...”
“ยังไงเราก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว จริงไหม” พิธานถาม
ลันตายิ้มรับตามมารยาท “ค่ะ”
พิธานเดินนำลันตาไป ลันตาหันมาบ๊ายบายแพท กีรติ และมิ้งค์
“โอ้โห...ปาดหน้ากันเห็นๆ ไหวไหมพี่กบ” มิ้งค์ถาม
“ไม่ส่งไอ้ลันไม่ตาย แต่ถ้าไม่ส่งงาน คอขาดชัวร์” แพทว่า
กีรติมีสีหน้าสุดเซ็ง เสียงมือถือดัง กีรติมองด้วยสีหน้าลำบากใจนิด ๆ แล้วก็กดรับ “สิปา....”
สิปาดันที่อุ้มตาหนูอยู่ส่งเสียงดัง
“แล้วแกปล่อยให้ลันไปกับพี่พิธานได้ยังไง! แกรับปากฉันแล้วนะไอ้กบ”
วันเดินเข้ามา
“ขอตาหนูให้น้าดีกว่า เดี๋ยวเด็กจะตกใจ”
สิปาดันส่งตาหนูให้วันแล้วหันมาโวยต่อ “แล้วออกไปกันนานหรือยัง”
สิปาดันกดวางสายแล้วกดโทรศัพท์หาลันตา
พิธานเดินนำลันตาที่มีท่าทีอึกอักเข้ามาในร้านอาหาร
“คุณพิธานคะ” ลันตาเรียก
“พี่ขอทานข้าวยี่สิบนาทีนะส่งคุณทันที” พิธานบอก
ลันตามีสีหน้าอึกอัก
“แต่ถ้าลันยังไม่ลืมเรื่องในอดีตระหว่างเรา พี่ก็เข้าใจนะว่าทำไมลันถึงเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้พี่”
ลันตามองพิธานก็รู้ว่าเขากำลังดึงให้เธออยู่ด้วย “ไม่ต้องใช้วิธีพูดแบบท้าทายก็ได้ค่ะ มันโบราณ”
พิธานสะอึกที่โดนสวน
ลันตายิ้ม “จะอยู่กับคุณสองคนหรือว่าอีกสิบคน มันก็ไม่ได้ปัญหาอะไรหรอกค่ะ...ฉันแค่คิดถึงตาหนูน่ะค่ะ”
ลันตายังไม่ทันพูดต่อ เสียงมือถือของเธอก็ดัง ลันตาหยิบขึ้นมาดู
ลันตาตัดสินใจ “ยี่สิบนาทีใช่ไหมคะ งั้นก็นั่งเลยค่ะ”
พิธานยังไม่ได้ขยับ ลันตาก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างก่อนแล้ว พิธานงงเล็กๆ
“คุณหิวไม่ใช่เหรอคะ?” ลันตาถาม
พิธานลงนั่งมองลันตาด้วยอาการงงนิด ๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปมาเร็วเหลือเกิน โทรศัพท์ของลันตายังดัง พิธานเหลือบมองเห็นเป็นภาพสิปาดันที่หน้าจอ ลันตากดปิดเสียงแล้วกดให้หน้าจอดับแต่ไม่ได้วางสาย บริกรเอาเมนูมายื่นให้
“คุณพิธานจะทานอะไรดีคะ” ลันตาถาม
พิธานได้สติก็ปรับฟอร์มใหม่อย่างตั้งตัวได้จึงหันไปรับเมนูพลางส่งสายตามองลันตาที่ยังเหลือบมองโทรศัพท์ที่ขึ้นหน้าจอว่ามีสายเข้าไม่หยุด พิธานมองท่าทีลันตาที่ดูจะมีปัญหากับสิปาดันอย่างจับสังเกต
สิปาดันฟังโทรศัพท์ที่ดังแต่ไม่มีคนรับจนสายตัดไป
“ทำไมไม่รับสาย”
วันที่ป้อนนมตาหนูมองด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าสิปา”
“ไม่มีอะไรครับ”
สิปาดันยังคงกดโทรศัพท์กระหน่ำต่อไป
ที่หน้าจอขึ้นว่าสิปาดันโทรเข้ามาไม่หยุด ลันตากับพิธานนั่งกินข้าวกันอยู่ พิธานมองลันตาที่เหลือบมองโทรศัพท์บ่อยๆ แต่ตัวเขาทำเป็นไม่ให้ความสนใจกับการโทรเข้ามาของสิปาดัน
“ทำไมลันถึงอยากให้สิปาเป็นนายแบบครั้งนี้...นอกจากเหมาะสม มีเรื่องอื่นแฝงมาด้วยไหม?” พิธานถาม
“ไม่มีค่ะ...เหตุผลคือเหมาะสมกับคอนเซ็ปท์ แล้วก็เสริมกับธีมของหนังสือเราเท่านั้น? ทำไมคุณพิธานถึงคิดว่ามีเรื่องอื่นแฝงล่ะคะ”
“ก็ดูลันจะสู้หัวชนฝา มันน่าแปลก”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าคุณพิธานเป็นคนที่ดิวงานทั้งหมดไว้ ทั้งตัวสิปา หัวหน้าของสิปา ผู้ใหญ่ในสายการบินของสิปาที่ลันเอาชื่อสำนักพิมพ์ของเราเป็นประกันจนเขายอมอนุญาต คุณพิธานก็ต้องสู้แบบลันค่ะ ในการทำงาน เครดิตเป็นเรื่องที่เราต้องรักษา จริงไหมคะ”
“โอ.เค พี่เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจทำไมลันถึงไม่เรียกพี่ว่าพี่เหมือนเดิม”
“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนค่ะ ไม่เคยมีอะไรที่เหมือนเดิมตลอดกาลหรอกค่ะ”
“งั้นเราก็เริ่มกันใหม่ได้สินะ” พิธานว่า
“คำถามยาก ขอฉี่ไปคิดไปได้ไหมคะ” ลันตาบอก
“พี่ว่าบางคำมันก็พูดอ้อม ๆ ได้นะ ถ้ามันจะฟังดูไม่สุภาพ...”
“ยุ่งยากค่ะ ถ้าเราปวดขี้ก็ไม่ขี้ เข้าใจง่ายกว่าตั้งเยอะ”
ลันตาจะลุกไปแต่ยังทิ้งท้ายไว้
“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน คุณพิธานเข้าใจแล้วใช่ไหมคะ”
ลันตาลุกไปอย่างไม่แคร์ พิธานมองตามจากอึ้งๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มแบบโดนใจมากที่ลันตาเฮี้ยวให้ปราบ ให้เขาเอาชนะแบบนี้ล่ะยิ่งชอบ มือถือของลันตาหน้าจอเป็นสิปาดันโทรมาอีก พิธานมองลันตาที่เดินเลี้ยวไปแล้วตัดสินใจรับสายเครื่องของลันตา
“ลันเขาไม่รับสายแก ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าทำไม” พิธานเปรย
สิปาดันอึ้งที่เป็นพิธานรับสายแทนลันตา
“เฮ้ย พี่ควรมีมารยาทหน่อยนะ นี่มันโทรศัพท์คนอื่น!” สิปาดันว่า
“อืม...แกคิดไหมว่าทำไมโทรศัพท์ของลันถึงอยู่กับฉัน แฟนเก่ามันจูนกันง่าย คืนนี้เราอาจจะใช้เวลาคอนเน็คกันให้มันลึกซึ้ง” พิธานบอก
สิปาดันโกรธจนของขึ้น “แกพาลันไปไหน!”
“ที่ ๆ แกไม่มีวันได้ไปกับลันแน่...”
“ไอ้พิธาน แกอยู่ที่ไหน”
พิธานกวนตีนจนสาแกใจก็กดวางสายแล้วกดลบประวัติการโทรว่ารับสาย
สิปาดันแทบคลั่ง
“ฮัลโหล....ฮัลโหล...ไอ้พิธาน”
สิปาดันกำหมัดแน่นเพราะโกรธมาก ลันตาเดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นพิธานนั่งยิ้มไม่ได้มีท่าทีเคืองใด ๆ เลย
“พี่สั่งเช็คบิลเรียบร้อยแล้ว” พิธานบอก
“ค่ะ...”
พิธานลุกขึ้นเดินนำออกไป ลันตาหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์เดินตามไปอย่างงง ๆ กับท่าทีของพิธาน
พิธานขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคอนโดสิปาดัน
“ขอบคุณนะคะ...”
“พี่ไม่ได้พูดเล่นนะ”
ลันตาชะงักหันมองพิธาน
พิธานใช้สายตาโปรยเสน่ห์เต็มที่ “เริ่มต้นกันอีกครั้ง....”
ลันตาอึ้งและกำลังจะหาทางเลี่ยง แต่จู่ๆ ประตูด้านของลันตาถูกเปิดออกพร้อมกับที่สิปาดันดึงลันตาออกมาจากรถ
“เฮ้ย! ไอ้สิปาจะลากฉันไปไหน”
พิธานลงมาจากรถแล้วคว้ามือลันตายื้อไว้ไม่ให้ไป
“ปล่อยมือลันเดี๋ยวนี้!” สิปาดันว่า
“ไม่ควรทำรุนแรงกับผู้หญิงนะ” พิธานบอก
“แกไม่เกี่ยว! มันเป็นเรื่องของฉันกับลัน”
“จะให้พี่เห็นใครทำรุนแรงกับลันต่อหน้าต่อตา ไม่มีทาง!”
ลันตาสะบัดจากทั้งคู่จนหลุด “โอ้ย! เป็นบ้าอะไรกัน สิปา แกผีเข้าหรือไง”
“เขาพาแกไปไหนมา!” สิปาดันถาม
ลันตาเห็นสิปาดันเสียงดังใส่ก็เสียงแข็งกลับ “กินข้าว แกจะทำไม?”
“แล้วไปไหนทำไมไม่บอกฉัน!”
“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก!” ลันตาว่า
สิปาดันอึ้ง
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ฉันจะไปตามน้าวันให้นะคะ”
ลันตาเดินเข้าไปทันที สิปาดันที่หายอึ้งจะตามเข้าไป
พิธานเปรยออกมา “ลันเป็นของฉัน”
สิปาดันชะงักแล้วหันกลับมาเห็นสีหน้าของพิธานที่ดูเชื่อมั่นมาก
“ฉัน...จะเขี่ยแกให้กระเด็นจากชีวิตของลันด้วยมือฉันเอง!” พิธานบอก
“อย่าดีแต่พูดก็แล้วกัน”
สิปาดันมองตอบอย่างกวนตีนว่าไม่ยอมแพ้แน่
ลันตาเข้ามาในห้องจนเจอกับน้าวัน
“น้าวันคะคุณพิธานเขาเขารออยู่ข้างล่างน่ะค่ะ”
“จ้ะ...” วันคิดแล้วตัดสินใจถาม “ลันกับพีทเคยเป็นแฟนกันใช่ไหม”
“ค่ะ...แต่มันนานมากแล้ว”
“แล้วตอนนี้....”
วันยังไม่ทันจะได้ถาม สิปาดันก็เปิดประตูเข้ามา
“น้าวันครับ น้องชายน้าบอกให้น้ารีบลงไปครับ”
วันพูดกับลันตา “ไว้ว่างๆ แล้วค่อยคุยกันนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
วันเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิดสิปาดันก็ถาม
“แกไปไหน ไปทำอะไร ทำไมถึงกลับดึกนัก แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์”
ลันตาทำเป็นไม่ได้ยิน เธอเดินไปดูตาหนู
สิปาดันยิ่งของขึ้นจึงเดินไปดึงแขนลันตา “ไอ้ลัน! ฉันถามแกอยู่”
ลันตาดึงแขนออก
“จะรู้ไปทำไม...เรื่องของฉันมันไม่น่าสนใจเท่าผู้หญิงของแก” ลันตาว่า
“ผู้หญิง?”
“อย่ามาทำหน้าโง่ใส่เลย วันนี้แกมาสายเพราะมัวแต่ไปรับแฟนเก่าแกมาด้วยใช่ไหม”
“มัน...”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะไปสป๊าคอะไรกันที่ไหน แต่แกไม่ควรเอาผู้หญิงมาทำให้เสียงาน”
“ฉันไปช้าแค่ไม่กี่นาที มะนาวก็ไม่ได้ไปเกะกะอะไร”
“แกบอกว่าจะรอฉัน”
สิปาดันอึ้งเพราะเพิ่งเข้าใจ “ฉันขอโทษ ฉัน...”
“เพราะฉันเป็นเพื่อนใช่ไหม แกถึงคิดว่าไม่เป็นไร รับปากมันส่งๆ ไป”
“ลัน....”
“ฉันไม่สำคัญสินะ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ เรื่องนี้จบ! เคลียร์”
“ไม่เคลียร์ จนกว่าแกจะฟังฉัน ฉันไม่ได้เคยเห็นคนอื่นสำคัญกว่าแก แต่ถ้าแกเห็นคนโดนทำร้ายแกจะไม่ช่วยเหรอ”
ลันตาชะงัก “แกหมายความว่า...”
“มะนาวโดนป้าเอื้องคำทำร้าย” สิปาดันบอก
ลันตามองแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันเห็นกับตา ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะลงมือกับหลานตัวเองได้ขนาดนั้น”
“แกแน่ใจนะว่าไม่ใช่แอ็คติ้ง แล้วไอ้แผลบนหน้าก็ไม่ใช่เอฟเฟ็ค”
สิปาดันเปิดรอยช้ำที่ไหล่ให้ลันตาดู
“แกว่าไอ้รอยนี่มันใช่เอฟเฟ็คไหมละ”
ลันตาอึ้งกับรอยช้ำที่ไหล่ของสิปาดัน
ลันตามองไม่อยากเชื่อ
“รุนแรงกันขนาดนั้นเชียว”
“เออสิ ไม้เท้าทั้งอันฟาดไม่ยั้งเลย” สิปาดันบอก
“แอ็คติ้งหรือเปล่า” ลันตารำพึง “ป้าหลานร้ายทั้งคู่”
“ดูแกจะคิดว่านาวเป็นพวก...มารยานะ”
“แกคิดว่าอายุขนาดเราๆ ยังแบ๊ว ซื่อมากงั้นสิ...โลกสวย”
“แต่ก็ไม่ใช่อคติไปซะหมดหรือเปล่า”
“แกว่าฉันเป็นพวกทัศนคติติดลบงั้นเหรอ คนอย่างฉันมัชฌิมปฏิปทาสุดแล้ว รู้ไว้เลย”
“ถ้าเป็นพวกทางสายกลาง ทำไมกับมะนาวแกถึงดูจับผิดนักล่ะ”
“ก็!” ลันตาอยากบอกว่ามะนาวพูดว่าจะมาเอาแกไป
ลันตาชะงักที่เห็นสายตาของสิปาดันที่มองมาอย่างคาดคั้นรอคำตอบ
“ก็อะไร...หะ?”
“ไม่มีอะไรแล้ว...ฉันจะนอนแล้วง่วง”
สิปาดันดึงไว้ “เดี๋ยว!...ทำไมแกถึงกลับมาพี่พิธาน รถแกก็เอาไป”
ลันตามองสิปาดัน เธอคิดถึงคำพูดของมิ้งค์ว่าสิปาดันหึงแน่เลย
“ก็ฉันอยากกลับกับพี่เขาก็เท่านั้น” ลันตาบอก
“แกคิดจะเริ่มใหม่กับเขาใช่ไหม”
ลันตาเห็นอาการของสิปาดันก็อยากทดสอบ “แล้วถ้าฉันจะเริ่มแกมีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่ได้!”
“ฉันกับเขาก็เคยคบกันจะสป๊าคกันอีกหนก็ไม่แปลก จริงไหมนอกจากแกจะมีเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้ฉันเชื่อว่าไม่ควร” ลันตาว่า
“ฉัน....”
ลันตาจ้อง สิปาดันอึกอักเพราะคิดไม่ทัน ลันตายิ่งขยับเข้ามามองใกล้ๆ อย่างคาดคั้น
“ฉันรอฟังอยู่” ลันตาบอก
สิปาดันอึกอัก “ฉัน....”
สิปาดันมองสบตาลันตาแล้วค่อย ๆขยับเข้าไปหา ลันตาอึ้งๆ ในขณะที่สิปาดันเหมือนจะห้ามใจไม่อยู่ เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ เข้าไปใกล้
ทันใดนั้นเสียงตาหนูร้องก็ดังลั่นจนสิปาดันได้สติจึงผละออกจากลันตา
“เอ่อ....เดี๋ยวฉันไปดูตาหนูก่อนนะ” สิปาดันบอก
สิปาดันรีบไปดูตาหนู ลันตามองตามแบบถอนใจด้วยความเสียดายเล็ก ๆ สิปาดันอุ้มตาหนูขึ้นมาด้วยความโล่งใจว่าเกือบไปแล้ว
มะนาวเดินถือขวดเปล่าจะไปที่ตู้เย็น แต่ชะงักที่เห็นบนโต๊ะมีใบแจ้งหนี้จากธนาคาร มะนาวหยิบขึ้นมาดู สีหน้าเครียด มะนาวเงยหน้าขึ้นมาสะดุ้งที่เห็นเอื้องคำเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า
“แกไม่ควรยุ่งกับเอกสารที่ไม่ใช่ของแก” เอื้องคำว่า
“ขอโทษค่ะ” มะนาวคิดแล้วตัดสินใจ “คุณป้าคะ....นาวพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถ้าเอามาผ่อนชำระให้กับธนาคารก่อน”
“รวยมากสินะ แกมีมากพอที่จะไถ่บ้านหลังนี้เลยไหมล่ะ?”
มะนาวอึ้งไป “นาว...แค่อยากช่วยแบ่งเบา...หรือว่าเราจะใช้สิปา?”
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง อย่าพูดเรื่องเงินให้สิปามันไหวตัว” เอื้องคำมีสีหน้ามั่นใจมาก “เมื่อถึงเวลามันจะต้องเอาเงินมาให้เราทั้งหมดที่มันมี”
“แต่คุณป้าเพิ่งใช้หนี้แทนคุณพ่อไป เราจะเอาเงินจากที่ไหนล่ะคะ”
เอื้องคำสีหน้าหมายมาดมาก
ย่านวลลงมาจากบ้านท่าทางระแวดระวัง นวลมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่เจออินทนนท์ก็รีบเดินไปที่รถที่ตาสนรออยู่
“รีบไปด่วนเลย!” นวลสั่ง
นวลเปิดประตูกำลังจะขึ้นรถ
เสียงอินทนนท์เรียกดังขึ้น “แม่!”
นวลสะดุ้งก่อนจะหันมาเจออินทนนท์ที่เดินตรงรี่เข้ามา
“แม่จะไปไหน”
นวลอึกอักแต่พยายามโกหกให้เนียนๆ “เพื่อนแม่ขึ้นมาจากใต้น่ะ ก็เลยว่าจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย”
“แล้วทำไมไม่บอกหนู หนูจะได้ขับรถให้”
“เจ้าเหนือมันบอกว่าวันนี้มีทัวร์จากจีนมาลงที่รีสอร์ท แกไม่อยู่ต้อนรับเดี๋ยวก็มีปัญหา เจ้าเหนือมันรับมือไม่ไหวหรอก ภาษาก็ยิ่งมั่ว ๆ อยู่”
“อืม...ก็จริง..”
“แกไม่ต้องห่วงหรอก ให้ตาสนขับไปให้แม่ก็ได้ แค่เอาของไปให้เย็น ๆ ก็กลับแล้ว”
“แต่หนูว่าถ้าแม่รอ...”
นวลชักร้อนใจ “ไม่ต้องแต่ ช้ากว่านี้เดี๋ยวก็ตกเครื่อง”
“หืม?”
นวลนึกได้ว่าตัวเองหลุดปาก “เดี๋ยวแม่ก็ไปรับเพื่อนไม่ทันพอดี เดี๋ยวเครื่องจะลงแล้วเนี่ย ไปตาสน”
“จ้ะ...” อินทนนท์นึกได้ “แล้วเพื่อนแม่คนนี้เขาเป็น....”
ย่านวลไม่อยู่ตอบ เธอรีบขึ้นรถทันที
นวลสั่งตาสน “ออกรถเร็วเข้า!”
สนรีบขับรถออกไปทันที
“อ้าว...แม่...ทำไมต้องรีบขนาดนั้น”
อินทนนท์มองตามด้วยความรู้สึกสงสัย
ลันตาที่ยังอยู่ในชุดนอนเนื่องจากเพิ่งตื่นได้สักพักจัดการป้อนนมตาหนูเสร็จแล้วก็จับตาหนูพาดบ่าให้เรอนม
ภาพตอนที่สิปาดันกับลันตาเผลอใจใกล้ชิดแวบกลับมา
ลันตายิ้มเขินกับเรื่องเมื่อคืน พอหันกลับมาลันตาก็ตกใจที่เจอสิปาดันในระยะประชิด ลันตาสะดุดขาตัวเองจนเกือบจะหงายหลัง สิปาดันรีบเข้าคว้าตัวลันตาเข้ามาหาตัวทำให้หน้าสิปาดันกับหน้าลันตาใกล้กันโดยมีตาหนูคั่นอยู่
“ตกใจอะไรของแก เกือบพาตาหนูล้มแล้วไหมล่ะ” สิปาดันว่า
ลันตาได้แต่มองหน้าสิปาดันอึ้งๆ
“หน้าแกแดงๆ ไม่สบายเหรอ?” สิปาดันถาม
สิปาดันเอาหลังมือแตะหน้าผากลันตา
“ทำไมมันยิ่งแดง ไปหาหมอไหม? เดี๋ยวตาหนูติดไข้แกจะไปกันใหญ่”
ลันตาอึกอักแต่ไม่ได้หลบเพราะเธอรู้สึกกิ๊วก๊าวและเขินมากแต่ไม่อยากให้หยุด เสียงมือถือลันตาดัง ลันตาสะดุ้งแล้วขยับไปดูโทรศัพท์ที่อยู่ที่โต๊ะแล้วก็ต้องตกใจสุดขีดที่เห็นว่าย่ามาลัยโทรเข้ามา
“คุณย่า!”
สิปาดันพลอยตกใจไปด้วย
“ไอ้สิปา...”
“ตั้งสติ!....หายใจเข้าลึกๆ”
ลันตาทำตาม
“ส่งตาหนูมา...”
ลันตาส่งตาหนูให้สิปาดันแล้วหายใจอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อม เธอกดรับโทรศัพท์พยายามทำน้ำเสียงร่าเริงมาก
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
อังกำลังคุยโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายแต่ห่างออกมาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เพราะกลัวมาลัยเห็น
“ยัยลัน...ป้าอังพูดนะลูก”
“พูดเสียงเบาแบบนี้ แอบโทรมาหาลันแน่เลย..มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะป้า” ลันตาถาม
“เรื่องด่วนที่สุดเลย คือเมื่อวานมีไปรษณีย์....”
อังพูดยังไม่ทันจบมือย่ามาลัยก็เข้ามาคว้าโทรศัพท์ไป
อังตกใจ “คุณพี่!”
“หล่อนโทรหายัยลันทำไม”
ลันตาหน้าเสีย เธอหันมาพูดกับสิปาดันแบบไม่มีเสียง “มีเรื่องแน่ๆ”
ลันตาจัดการเปิดสปีคเกอร์โฟน สิปาดันสุมหัวเข้ามาฟัง
อังพยายามแก้ตัว “คือ..อังแค่คิดถึงหลานน่ะค่ะคุณพี่”
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะใบแจ้งหนี้จากไฟแนนซ์”
ลันตาตกใจ
“ยัยลัน!” มาลัยพูด
“ค่ะคุณย่า”
“ทำไมถึงมีจดหมายแจ้งเตือนว่าแกค้างผ่อนค่ารถสามเดือนแล้ว”
“คุณย่าก็รู้ว่าช่วงก่อนลันมัวแต่ยุ่งๆ เคลียร์ปัญหาเรื่องงาน ลันก็เลยลืมน่ะค่ะ”
“ลืมได้ยังไง! ย่าเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าซื้อเจ้ากล้วยหอมเงินผ่อน ถ้าไม่มีความรับผิดชอบ”
“ลันขอโทษค่ะ”
“ฟุ่มเฟือย สร้างภาระให้ตัวเอง ซื้อมาก็ไม่ใช้ จอดทิ้งไว้แบบนี้ เดี๋ยวรถก็เก่า เครื่องก็พัง ทำอะไรไม่รอบคอบ ไม่รู้จักคิด”
“ลันไม่คิดว่าจะต้องมาทำงานต่างจังหวัดแบบนี้นี่คะ คุณย่า”
“คุณพี่คะ...อังขอคุยกับหลาน...”
มาลัยตวัดสายตาดุ อังก้มหน้าจ๋อย
มาลัยพูดต่อ “ยัยลัน ทุกวันนี้เราใช้ตัวเราเป็นเครดิตค้ำประกันในทุกเรื่อง เงิน งาน และสังคม ถ้าเรื่องส่วนตัวแกยังไม่รับผิดชอบ แล้วแกจะไปเรียกร้องความรับผิดชอบจากหัวหน้าหรือลูกน้องของแกได้ยังไง อย่าดีแต่ปาก ต้องทำให้ได้อย่างที่รับปากด้วย”
ลันตารู้สึกผิด “ค่ะคุณย่า..”
“แล้วยอดค้างตั้งหกหมื่นแกมีเงินเคลียร์หรือเปล่า” มาลัยถาม
ลันตาตอบทันที “มีสิคะคุณย่า ลันกันเงินสำหรับผ่อนกล้วยหอมไว้แล้วค่ะ”
“รีบไปจัดการเคลียร์ให้เร็วที่สุด ถ้าแกผ่อนไม่ไหว ก็ขายกล้วยหอมไปซะ”
“อย่าขายลูกลันนะคะคุณย่า ลันจะรีบเคลียร์ด่วนที่สุดเลยค่ะ”
“แล้วก็โทรมารายงานตัวบ่อยๆ จำไว้ว่าแกมีย่ามีป้า มีครอบครัว คิดถึงใจคนอื่นด้วย”
“ลันขอโทษค่ะคุณย่า สวัสดีค่ะ”
ลันตาวางสายแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้อง สิปาดันมองตาม
มาลัยกดวางสายแล้วหันมองอัง อังสะดุ้ง
“ครั้งหน้าถ้าหล่อนช่วยหลานแบบผิด ๆ อีก ฉันจะจัดการหล่อนซะ”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะคะคุณพี่ แก้ไขได้”
“ถ้าหล่อนปล่อยให้หลานคิดว่าความผิดคือเรื่องเล็กน้อย แล้วเมื่อไหร่หลานถึงจะจำว่าไม่ควรทำ หะ ยัยอัง!”
“ขอโทษค่ะคุณพี่”
“รักได้นะยัยอัง แต่รักให้ถูกทาง ไม่อย่างนั้นเรานี่ล่ะที่จะทำร้ายลูกหลานเราเองเพราะฝังความคิดผิดๆ”
“ค่ะ...”
ลันตาเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กสำหรับเก็บเอกสาร ลันตาเปิดแล้วค้นดูสลิปเอทีเอ็มที่กดจากตู้กับใบแจ้งหนี้
“ยอดกดล่าสุด” ลันตาเครียด “เหลือสองหมื่นเองเหรอเนี่ย ขาดอีกตั้งสี่หมื่นทำไงดีว้า...”
ลันตามีสีหน้าเครียดมาก
วันต่อมา ลันตายืนอยู่ที่หัวโต๊ะประชุม
“วันนี้ลันขอแจ้งให้ทราบว่าเราจะมีเพื่อนใหม่มาร่วมทีมด้วยอีกคนนะ”
กิ๊กเดินเข้ามา ทีมงานคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมาอย่างอึ้งๆ
“กิ๊กอยู่ทีมธัญญาเรศไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม...” เพชรสงสัย
“กิ๊กอยากลองเปลี่ยนงานรูปแบบใหม่ๆ ดูบ้างค่ะ” กิ๊กตอบ
“กิ๊กจะมาช่วยทำฝ่ายพิสูจน์อักษร” ลันตาอธิบาย
“แต่ช่วงเซ็ตอัพ ใครอยากให้ช่วยอะไรบอกนะคะ...กิ๊กพร้อม”
ลันตากับแพทมองอย่างพอใจ
มิ้งค์คอยถ่ายรูปเก็บมุมต่าง ๆ แล้วอัพไอจี
“ลันขอคอนเฟิร์มทุกฝ่ายเกี่ยวกับงานวันพรุ่งนี้”
“ทีมงานเจอที่ออฟฟิศหกโมงเช้า ที่โลเกชั่นเจ็ดโมงนะคะ” มิ้งค์บอก
“ขอให้ทุกฝ่ายเช็คงานของตัวเองให้รอบคอบ เพราะพรุ่งนี้เราต้องทำงานแข่งกับเวลา มิ้งค์คอนเฟิร์มนางแบบให้ตรงเวลานะ”
“ค่ะ”
กิ๊กเปิดไอจีก็เห็นไอจีของมิ้งค์อัพรูป กิ๊กมองยิ้มๆ
“ถ้างั้นก็แยกย้าย”
กิ๊กเดินเข้าไปหาเพชร
“พี่เพชรมีอะไรให้กิ๊กช่วยไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่มีจี๊ดกับมิ้งค์คอยช่วยแล้ว ขอบใจนะ” เพชรบอก
เพชรกับจี๊ดเดินออกไป กิ๊กมองตามอย่างหงุดหงิดนิด ๆ ในห้องเหลือแค่ลันตา แพท และมิ้งค์
“เอาไงไอ้ลัน จะไปคุยกับพี่นีไหม” แพทถาม
“ไม่อยากเบิกล่วงหน้าเลยว่ะ ไม่น่าลืมเรื่องจัดการเรื่องกล้วยหอมเลย” ลันตาว่า
“ทำไมแกไม่ยืมสิปา” แพทถาม
“ฉันไม่อยาก..” ลันตาบอก
แพทงง “ทุกทีมีอะไรก็กวนมันก่อนตลอด”
“แต่ตอนนี้ไม่อยาก”
“รักษาภาพ...”
ลันตาตีหน้าผากมิ้งค์ให้เงียบ มิ้งค์มองยิ้มๆ อย่างรู้กัน ลันตาเห็นแพทมองอย่างสงสัย
ลันตาบ่ายเบี่ยง “ฉันกวนมันเยอะแล้ว แกก็เห็น..” ลันตาเปลี่ยนเรื่อง “แกรีบไปเคลียร์งานกับคุณกบให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะได้มีสมาธิทำงาน”
แพทตะเบ๊ะเป็นการบอกว่ารับทราบแล้วก็เดินแยกไป
ลันตาพูดกับมิ้งค์ “งั้นเราก็ไปเถอะ พี่คุยกับพี่นีแล้วค่อยไปหาหวานใจมิ้งค์นะ”
มิ้งค์เขิน “เฮรย...พี่ลันอ่ะ”
ลันตาขำกับอาการเขินของมิ้งค์ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปด้วยกัน
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลันตากับมิ้งค์กำลังจะเดินออกไปที่หน้าออฟฟิศแล้วก็ชะงักที่เห็นพิธานกำลังจะรับซองเอกสารจากแม่บ้าน
“คุณลันคะ มีคนส่งมาเอกสารให้คุณลันบอกว่าจากคุณสิปาดันค่ะ” แม่บ้านรายงาน
“เอกสารของลัน?” ลันตาทวนคำ
“ค่ะ..ขอโทษนะคะคุณพิธาน”
แม่บ้านเอาเอกสารที่กำลังจะส่งให้พิธานหันมาให้ลันตาแทน ลันตากับแพทมองหน้าพิธาน
“พี่กำลังจะไปดูทีมของลันประชุม ก็เลยว่าจะเอาไปให้น่ะ” พิธานบอก
“เราประชุมเรียบร้อยแล้วค่ะ” ลันตาว่า
พิธานรู้สึกว่าแม่บ้านยังยืนอยู่จึงหันไปสั่ง “ไปทำงานตัวเองได้แล้ว”
แม่บ้านสะดุ้งกับสีหน้าไม่พอใจของพิธานจนต้องรีบอออกไป
“งานพรุ่งนี้...” พิธานถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วลันจะรีพอร์ตส่งให้นะคะ”
“โอเค...”
พิธานเดินแยกไป ลันตามองซองเอกสารในมือแล้วรีบเปิดด้วยความอยากรู้ พอดึงออกมาก็เห็นว่าเป็นใบเสร็จที่ชำระเงินแล้ว
“ใบเสร็จนี่พี่” มิ้งค์มอง “ยอดชำระหกหมื่น....ใบเสร็จอะไรน่ะพี่”
“ค่าผ่อนกล้วยหอม ชำระเมื่อตอนเที่ยงวันนี้?” ลันตางง
“พี่สิปาเป็นคนส่งให้ แสดงว่าพี่สิปาจัดการให้พี่แล้วน่ะสิ โหย...สุดยอด...ไม่รักไม่ได้แล้วนะพี่”
ลันตาอึ้ง
สิปาดันกำลังเล่นกับตาหนูพลางใส่สมอทอล์คคุยโทรศัพท์ไปด้วย วันที่นั่งกินข้าวมองสิปาดันอย่างสังเกต
สิปาดันยิ้ม “แกเช็คเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
ลันตาคุยมือถือสีหน้ายิ้มปลื้ม
“ได้แล้ว...ขอบใจนะสิปา ลำบากแกอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้แค่หล่อนะ ฉันรวยด้วย” สิปาดันว่า
“ไอ้ขี้คุย...”
“คุยแล้วทำได้ ไม่เรียกขี้คุย เขาเรียกว่าเจ๋งเว้ย...สบายใจไหมล่ะ ไม่ต้องไปขอเบิกล่วงหน้ากับพี่นี”
“แน่นอน งานยังไม่เสร็จแต่เบิกล่วงหน้า มันอายว่ะ”
“เป็นหนี้ฉันไม่ต้องอายแต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนะเว้ย”
“ไอ้เขี้ยว!...รอให้เงินเดือนฉันออกก่อนจะเอาเงินฟาดหัวแกเลย”
“ให้มันมีวันนั้นจริงๆ เถอะ” สิปาดันยิ้ม
สิปาดันหันมาเจอกับสายตาวันที่มองมา
“น้าวัน..มีอะไรหรือเปล่าครับ”
วันยิ้มแบบรอจังหวะจะถาม
ลันตาวางสายแต่ยังอมยิ้มกับมือถือ
เสียงมิ้งค์ดังขึ้น “อิจฉา!”
ลันตาหันมาเห็นมิ้งค์กับพอลมองอยู่อย่างล้อเลียน
“ยิ้มอะไรกัน” ลันตาถาม
พอลหยิบดอกไม้ขึ้นมา “นี่สีอะไรครับ”
“แดงค่ะ ...ทำไมเหรอคะ” ลันตางง
“อ๋อ...ผมอยากรู้ว่าความรักทำให้โลกเป็นสีชมพูจริงหรือเปล่าน่ะครับ” พอลล้อ
ลันตาแอบดุ “คุณพอล เข้ากับมิ้งค์ดีเชียวนะคะ”
มิ้งค์ร้อนตัว “แหม แซวนิด ๆ หน่อย ๆ ว่าแต่....เจอดอกนี้เข้าไปไหวไหมพี่”
“ไม่ไหวอ่ะ....มันจะละลาย....” ลันตาบอก
มิ้งค์กับพอลมองขำ ๆ
“พี่ไม่เคยรู้เลยนะว่ามันจะน่ารักได้ขนาดนี้” ลันตาว่า
“ไม่เคยรู้หรือไม่เคยมองเห็นครับ” พอลถาม
“ฉันคงไม่เคยสังเกต”
“ใกล้ตัวก็แบบนี้ล่ะครับ ชิน...ก็เลยมองข้าม”
“ดูแลขนาดนี้ พี่สิปามีใจกับพี่แน่ คอนเฟิร์ม! สารภาพรักเลยพี่” มิ้งค์ยุ
ลันตามองอึ้งๆ
สิปาดันหันกลับมา
“ผมไม่กล้าหรอกครับ”
“ทนมาได้ยังไงเป็นสิบๆ ปี ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักไปคบกับคนอื่น พวกทำตัวอยู่ห่างๆ อย่างห่วง ๆ ตั้งใจทำตัวพระเอกหรือว่ากลัว..” วันถาม
“แต่ที่ผมรู้สึกมันไม่ถูกต้อง”
ลันตานั่งคนกาแฟอยู่ในร้านอย่างใช้ความคิด
“กะอีแค่เพื่อนแอบรักเพื่อน มันจะผิดอะไรนักหนา ความรักเป็นความรู้สึกที่ดีไม่ใช่เหรอคะ” มิ้งค์บอก
“มันดีกับคนที่ใจตรงกัน แต่ถ้าไม่ใช่ก็ทางใครทางมัน หัดคิดให้มันมากหน่อยสิคุณ” พอลว่า
“มัวแค่คิด ๆ ๆ แล้วจะรอให้โดนคนอื่นคาบไปหรือไง แฟนเก่าพี่สิปาก็โผล่มาแล้วด้วย”
“คุณลันแน่ใจตัวเองหรือยังครับว่ารู้สึกยังไง” พอลถาม
“ถ้าให้นิยามความรู้สึกตอนนี้...ลันเรียกมันว่า รักค่ะ” ลันตาตอบ
“งั้นก็สารภาพเลยครับ”
มิ้งค์หันไปมองพอล
มิ้งค์พูดเบาๆ กับพอล “ไหนห้ามฉันไม่ให้เชียร์กลัวเป็นหมาไง”
“ถ้าไม่มั่นใจผมไม่เชียร์หรอกน่า” พอลว่า
“แต่ถ้ามันไม่ใช่....” ลันตาบอก
“มีแค่สองทางครับ หนึ่งถ้าใจตรงกันก็ได้แฟนที่เรารักมาหนึ่งคน สอง ถ้ามันไม่ใช่แล้วคุณลันทำใจยอมรับได้ ผมเชื่อว่าคุณลันยังมีคุณสิปาดันเป็นเพื่อนเหมือนเดิม เพื่อนรักเพื่อนที่จะคบกันต่อไม่ได้เพราะฝ่ายที่ผิดหวังมักจะรับไม่ได้ กรณีนี้คุณลันต้องถามตัวเองว่าจะรับได้ไหม”
“ลันจะลองคิดดู....”
ลันตาลุกออกไป มิ้งค์หันมาจะซักพอล
“นี่คุณ...” มิ้งค์หันมาแต่พอลหายไปแล้ว “อ้าว...”
มิ้งค์มองเห็นพอลเดินเข้าไปที่ครัวก็รีบตามไป
มิ้งค์ตามเข้ามาในครัวของร้าน พอลกำลังเอาเค้กที่อบเสร็จแล้วออกมา
“คุณห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งเรื่องคนอื่น แล้วไปปั่นพี่ลันทำไม”
“ก็เขาบอกว่าเขารัก ถ้าแน่ใจมันก็คุ้มที่จะเสี่ยง”
“แล้วคุณไม่คิดว่าผู้หญิงสารภาพก่อนมันจะเยอะจนอีกฝ่ายตกใจเหรอ” มิ้งค์ถาม
พอลมองมิ้งแบบหมายถึงตัวเอง “ก็ถ้ามันมีใจทั้งคู่ก็ไม่เยอะหรอก”
มิ้งค์เมินไปทางอื่น “รู้ดีจังนะ”
“ประสบการณ์มันสอน” พอลบอก
มิ้งค์หมั่นไส้แต่แอบมอง เธอรู้สึกถูกใจในหน้าตาและบุคลิกของพอล
มิ้งค์พูดกับตัวเอง “ก็ไม่แปลกใจหรอก”
จู่ๆ พอลก็หันมา “ไปกันเถอะ”
มิ้งค์ตกใจที่พอลหันมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“แอบมองผมอยู่เหรอ” พอลถาม
“ฉัน....” มิ้งค์กลบเกลื่อน “มองเค้กที่คุณเก็บต่างหาก มันน่ากิน”
“ตะกละ ไปทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมากิน”
มิ้งค์งง “งาน?”
“ก็วันนี้คุณจะไปรับเสื้อผ้าสำหรับถ่ายแบบคุณสิปาพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมไปช่วย”
“คุณไม่อยู่ดูร้านเหรอ”
“ผมจ้างพนักงานให้มาช่วยดูร้าน ถ้าผมต้องทำหมดทุกอย่างก็ตายสิคุณ เป็นเจ้าของกิจการต้องบริหารงานให้เป็น เข้าใจ๋?”
“เก่งมาก”
“เรื่องจริงปฏิเสธไม่ได้เลย”
มิ้งค์มองพอลด้วยความหมั่นไส้ พอลเดินนำออกไป มิ้งค์มองตามแล้วยิ้มปลื้มก่อนจะเดินตามไป
ลันตาเปิดประตูรั้วบ้านย่ามาลัยเข้ามาด้านใน
เสียงจินตนาดังออกมา “ถ้าคุณมาลัยตัดสินใจขายเมื่อไหร่ รีบโทรหาดิฉันเลยนะคะ ดิฉันจะเสนอราคาที่คุณมาลัยพอใจแน่นอนค่ะ”
จินตนาลาอังแล้วเดินสวนกับลันตาออกไป อังเห็นลันตาก็ดีใจมาก
มาลัยที่กำลังเก็บซองเอกสารชะงักที่ได้ยินเสียงของลันตาที่ปรี่เข้ามา
“คุณย่า!!”
มาลัยหันมาก็เจอลันตากอดแน่น
“คิดถึงคุณย่าที่สุดในโลกเลยค่ะ” ลันตากระหน่ำหอมแก้มมาลัย
“นี่แกมาได้ยังไง” มาลัยถาม
“บินมารายงานตัวสิคะ แล้วก็เอาหลักฐาน” ลันตาหยิบใบเสร็จค่าผ่อนรถ “มาให้คุณย่าดูด้วยค่ะ”
“แกลงทุนบินมาเพื่อเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ”
ลันตาอ้อน “คิดถึงคุณย่าด้วย”
“แล้วจะมาอยู่กี่วันล่ะลูก” อังถาม
“เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องบินกลับแล้วค่ะ ลันแค่กลับมาประชุม”
ลันตาเห็นมาลัยกับอังทำหน้าผิดหวังนิด ๆ ก็รู้สึกผิด
“อีกไม่นานลันจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะกลับมาดูแลย่ากับป้าอังนะคะ”
“ไปอยู่คนเดียว ลำบากไหม ผอมไปนะ” มาลัยว่า
“ก็ไม่มีอาหารฝีมือคุณย่า ลันทานอะไรไม่ลงเลย” ลันตาอ้อน
มาลัยดึงจมูก “โกหก...อย่างแกมีแต่จะไม่เหลือน่ะสิ”
ลันตายิ้ม “ย่าคะ ย่ากำลังจะขายอะไรให้คุณป้าคนเมื่อกี้เหรอคะ
“หุ้นของโรงเรียนที่เชียงใหม่น่ะ” มาลัยบอก
ลันตานึก “โรงเรียนที่คุณทวด (พ่อของย่ามาลัย)กับ คุณทวดของสิปา (พ่อย่านวล) ช่วยกันสร้างน่ะเหรอคะ
“คุณจินตนาเขาบริหารมานาน ก็อยากจะเปลี่ยนจากโรงเรียนเป็นวิทยาลัย แต่ติดที่ต้องคอยขอความเห็นหลายฝ่าย ก็เลยอยากจะซื้อหุ้นเป็นของตัวเองทั้งหมด ตอนนี้เหลือแค่ของเราคนเดียว” อังว่า
“หมายความว่าย่านวลจะขายเหรอคะ เป็นไปไม่ได้ค่ะ”
มาลัยกับอังมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
นวลกำลังเดินไปหาแท็กซี่ เสียงมือถือนวลดัง นวลมองเบอร์อย่างลังเลก่อนตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล”
นวลสีหน้าเครียด
พนักงานเดินนำนวลมาที่โต๊ะที่จัดไว้ส่วนตัว เอื้องคำนั่งรออยู่กับมะนาว
“สวัสดีค่ะพี่เอื้องคำ”
มะนาวไหว้ย่านวล
“นั่งสิ
“ที่พี่เรียกให้นวลลงมาด่วน”
เอื้องคำมองมะนาว มะนาวรู้หน้าที่จึงเลื่อนเอกสารไปตรงหน้าย่านวล
“ฉันต้องการแค่ลายเซ็นเธอ” เอื้องคำบอก
นวลมองเอกสารอึ้งๆ
“ยกหุ้นที่โรงเรียนทั้งหมดให้กับฉัน” เอื้องคำสั่ง
“นวลคงเซ็นให้ไม่ได้ค่ะ เพราะ...”
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นเธอ แต่ฉันกำลังสั่งให้เธอเซ็น เซ็นซะ!
“พี่เอื้องคำคะ” นวลเรียก
“ที่จริงหุ้นทั้งหมดมันเป็นของพี่ชายเธอ สามีของฉัน ตอนนี้ฉันต้องการมันคืนมา เธอก็ต้องคืนให้ฉัน”
นวลมีสีหน้าลำบากใจมาก เอื้องคำยิ่งกดดัน
เสียงลันตาดังขึ้น “อย่าขี้ตู่สิคะคุณป้า...”
ลันตาก้าวเข้ามา
นวลดีใจ “หนูลัน”
“แก..แกมาที่นี่ได้ยังไง” เอื้องคำงง
“ความยุติธรรมเรียกร้องมั้งคะ หุ้นของโรงเรียนถูกแบ่งตามพินัยกรรมของคุณทวด” ลันตาพูดกับย่านวล “ใช่ไหมคะคุณย่า”
“จ๊ะ...” นวลรับคำ
“เอกสารหลักฐานเรามีครบทุกอย่าง ของ ๆ เราจะให้ใครมาตีเนียนโฉบไปง่ายๆ ไม่ได้นะคะ”
“นังเด็กมารยาททราม” เอื้องคำว่า
“ลัน เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่ามายุ่งดีกว่า” มะนาวว่า
“นาว คราวที่แล้วคุณลุงก็ยืนยันว่าฉันน่ะคนในครอบครัว มีสิทธิ์ยุ่งทุกเรื่อง ไม่ใช่คนอื่นอย่างเธอ”
เอื้องคำใช้ไม้เท้ากวาดแจกันจนตกแตกกระจาย มะนาวมองนิ่งๆ อย่างเคยชิน
“นังมาลัย! นังลันตา! ฉันจะต้องเล่นงานมันให้ได้”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เรื่องเงิน” มะนาวถาม
“หุ้นส่วนของฉันยังพอจะประคองไปได้ แต่หมดก้อนนี้ เราก็คงจะลำบาก”
มะนาวจับมือเอื้องคำ “นาวจะทำให้คุณป้าสบายให้ได้ นาวสัญญาค่ะ ส่วนพวกมัน”
ภาพตอนที่ลันตาที่พูดกับมะนาวว่า “ไม่ใช่คนอื่นอย่างเธอ” ย้อยกลับมาในหัวมะนาว
มะนาวแค้นและมีสีหน้ามุ่งมั่นจะต้องเอาคืนให้ได้ เสียงมือถือมะนาวดัง มะนาวมองดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ไม่คุ้น เธอลังเลก่อนจะตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะ” มะนาวแปลกใจ “คุณ....”
มะนาวพออกพอใจกับการได้ยินข้อความจากอีกฝ่าย
สิปาดันกับลันตาช่วยกันอาบน้ำให้ตาหนู นวลมองยิ้มๆ
“คืนนี้ย่านอนในห้องกับลันนะครับ เดี๋ยวผมนอนที่โซฟาเอง” สิปาดันบอก
“สิปาอาบน้ำมองด้วยสิแก เดี๋ยวน้ำเข้าหู ไอ้นี่” ลันตาว่า
“โอ๋ๆ ๆ พี่ขอโทษนะครับ” สิปาดันพูดกับตาหนู
ลันตากางผ้าเช็ดตัวห่มตัวให้ตาหนู สิปาดันช่วยรับ
“เหมือนพ่อแม่ลูกเลยนะ ย่าชักอยากมีหลานซะแล้วสิ” นวลบอก
“งั้นย่าคงต้องรอนานแล้วล่ะครับ เพราะผมยังไม่เจอแม่ของลูกสักที” สิปาดันบอก
“ก็ถ้ามันหาใครไม่ได้แล้ว ก็จับคู่กันเองไหม” นวลเสนอ
สิปาดันกับลันตาชะงักแล้วหันมามองหน้ากันก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนสุดชีวิต
“ขี้เหร่ได้โล่แบบนี้ รับไม่ไหวหรอกครับย่า” สิปาดันว่า
ลันตาสวน “ไอ้ดำ!”
สิปาดันกับลันตาโต้เถียงกันไปมา นวลมองทั้งคู่พลางส่ายหน้าอย่างระอานิด ๆ
ลันตาในชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ย่านวลยืนมองไปทางพื้นหน้าทีวี
ลันตาเรียก “คุณย่าคะ”
นวลหันมาทำเสียงจุ๊ๆ ให้ลันตาเงียบก่อน ลันตาเงียบแล้วหันไปมองเห็นว่าตาหนูนอนหลับอยู่บนอกสิปาดันดูน่ารักมาก ลันตามองยิ้มๆ
“หมดสภาพ...” ลันตายิ้มเอ็นดู
“เห็นสิปาแล้วนึกถึงคุณปู่ตอนที่ปู่กับย่าแต่งงานกันก็อายุเท่าสิปาตอนนี้” นวลบอก
“สิปาเคยบอกว่าคุณย่าสารภาพรักกับคุณปู่ก่อน จริงหรือเปล่าคะ”
“จริงจ้ะ... เราอยู่ข้างบ้านกันเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก” นวลบอก
“แล้วทำไมคุณย่าถึงกล้าสารภาพล่ะคะ ไม่กลัวเหรอ” ลันตาถาม
“กลัวสิ...ถ้าเกิดเขาไม่ชอบย่า ย่าก็คงเสียใจไม่กล้าเจอหน้าเขาอีก แต่...”
“แต่อะไรคะ”
“คุณปู่เป็นคนดีมาก เขาเข้าใจ ปกป้อง จนเขากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ย่าขาดไม่ได้ ย่าก็เลยได้มีตาสิปาตัวเป็น ๆ อยู่ตรงนี้ไง”
“ดีจังเลยนะคะ ส่วนหนึ่งในชีวิตที่เราขาดไม่ได้”
“ถ้าเจอคนแบบนั้นเมื่อไหร่ รักษาเขาไว้ให้ได้นะลูกนะ”
“ค่ะ คุณย่า”
ลันตากอดนวลพลางมองไปที่สิปาดันอย่างตัดสินใจ
เช้าวันใหม่ ลันตาที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน นวลวางจานขนมปังทาแยม
“รองท้องก่อนนะ” นวลบอก
“สิปาเร็วหน่อยแก เดี๋ยวรถติด” ลันตาเร่ง
สิปาดันรีบแต่งตัวออกมา
“เสร็จแล้ว ๆ”
ลันตาพูดเบา ๆกับสิปาดัน “สิปา...เย็นนี้เสร็จงานแล้ว ฉันขอคุยด้วยหน่อยนะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมดูซีเรียส” สิปาดันถาม
“ก็นิดหน่อย เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยว่ากัน ลันไปก่อนนะคะคุณย่า” ลันตาเข้าไปหอมตาหนู “พี่ไปทำงานก่อนนะคะ”
สิปาดันเข้าไปหอมตาหนูในจังหวะพร้อมกันพอดี ทั้งสองหอมแก้มตาหนูคนละข้างโดยมีตาหนูตรงกลาง ลันตากับสิปาดันสบตากันแวบหนึ่ง ลันตารีบผละออกแล้วลากสิปาดันไป
“เสร็จงานแล้วจะรีบกลับนะครับย่า”
นวลมองตามทั้งคู่อย่างเอ็นดู
ที่พิพิธภัณฑ์เครื่องบิน ทีมงานกำลังทยอยขนของเข้ามา แพทกับกีรติเข้ามาพร้อมกับทีมอุปกรณ์ สิปาดันกับลันตาเดินตามเข้ามา
“มากันพร้อมหรือยัง” ลันตาถาม
“ทีมช่างภาพพร้อม” แพทว่า
“เป็นไงนายแบบ” กีรติถาม
“ก็โอเค” สิปาดันบอก
“เสื้อผ้าล่ะ” ลันตาถาม
เพชรเดินนำ กิ๊กที่ใช้รถเข็นอุปกรณ์รีดผ้าเข้ามา
“ของลงครบหมดแล้วค่ะ” กิ๊กรายงาน
“อ้าว...แล้วจี๊ดล่ะ” ลันตาถาม
“จี๊ดท้องเสียน่ะค่ะ กิ๊กก็เลยอาสามาช่วยแทน”
“งั้นเดี๋ยวให้มิ้งค์ไปช่วยนะ ช่างหน้าช่างผมล่ะพี่เพชร” ลันตาถาม
“พร้อมแล้ว...แต่ยังไม่เห็นนางแบบนะ” เพชรบอก
มิ้งค์วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตกใจมาก “พี่ลันคะ! มิ้งค์โทรไปตามนางแบบแต่เขาบอกว่าทางเราโทรไปแคนเซิลเมื่อคืนค่ะ”
“แคนเซิล แต่คอนเซ็ปท์ที่เราวางไว้ต้องใช้นางแบบนะ”
“ผมพานางแบบมาให้แล้วครับ” พิธานบอก
ลันตากับทุกคนหันไปก็เห็นพิธานเดินเข้ามาพร้อมกับมะนาว
“คุณมะนาว จะมาเป็นนางแบบให้เราในวันนี้” พิธานบอก
ทุกคนอึ้งกับการเปลี่ยนตัวนางแบบกระทันหันของพิธาน
อ่านต่อตอนที่ 11