นางกลางไฟ ตอนที่ 10
ธวัชมองถุงอย่างอยากรู้
"ถุงอะไร ทำไมมาอยู่ตรงนี้"
ธวัชหยิบถุงนั้นขึ้นมาจะเปิดดู ทันใดนั้นมือถือธวัชดัง ธวัชชะงัก ควักมือถือมารับ
"ว่าไงไอ้คม"
"นี่แกอยู่ไหนไอ้วัช ที่ประชุมเค้าพร้อมกันหมดแล้ว รอแกอยู่คนเดียวเนี่ย"
"โทษที...พอดีฉันลืมเอกสารที่จะใช้ประชุมไว้ที่บ้าน เลยกลับมาเอาน่ะ"
"แกรีบมาเลยนะเว้ย ก่อนที่หัวหน้าจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้"
"เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ"
ธวัชวางถุงผ้าอนามัยไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม แล้วรีบร้อนออกไป
หน้าบ้านสวน เวลาเย็น กล้วยรดน้ำต้นไม้ ดำรงขับรถเข้ามาจอด กล้วยตีหน้าตึงใส่
"มาทำไมคะ"
"ไปบอกตะวันว่าฉันมาหา"
"คุณตะวันไม่ต้อนรับคุณ คุณกลับไปซะ อย่าตื๊อให้เสียเวลาเลย"
"เธอรู้ตัวไหมว่าเธอกำลังเสียมารยาทกับฉัน"
"ฉันยอมเสียมารยาท ดีกว่าปล่อยให้คุณเข้าไปสร้างความรำคาญใจให้คุณตะวัน"
ดำรงไม่พอใจ
"เธอเป็นแค่คนรับใช้ อย่าสะเออะทำเกินหน้าที่"
"ยังไงฉันก็ไม่ให้คุณเข้าไป"
"งั้นฉันจะกดกริ่งเรียกตะวันออกมา"
ดำรงจะกดกริ่งหน้าบ้าน กล้วยรีบยกสายยางฉีดน้ำขู่
"ก็ลองกดดูสิ"
ดำรงชะงัก ตะวันฉายเดินเข้ามา
"มีอะไรเหรอกล้วย" เธอเห็นดำรง แล้วชะงัก "คุณดำรง...คุณมาที่นี่ทำไมอีก"
"ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"
"มีอะไรก็พูดมา"
"ข้างนอกแดดร้อน ใจคอคุณจะไม่เชิญแขกเข้าไปนั่งในบ้านหน่อยเหรอ"
ตะวันมองอย่างรำคาญ
ตะวันฉายตีหน้าเย็นชายืนคุยกับดำรง
"ฉันเคยบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ไม่น่าเชื่อว่า คุณจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนะคะ คุณดำรง"
"ยังไงนายธวัชก็ไม่มีทางทอดทิ้งยัยดากับลูก คุณอย่าพยายามแย่งชิงนายธวัชมาเป็นของตัวเองอีกเลย พยายามไปก็เหนื่อยเปล่า สู้เปิดใจยอมรับความปรารถนาดีจากผมจะดีกว่า คุณก็รู้ว่าผมจริงใจและต้องการคุณแค่ไหน"
"คุณอายุมากแล้วนะคะคุณดำรง คุณควรจะเอาเวลาไปดูแลเอาใจใส่ครอบครัว โดยเฉพาะคุณวัลลภา ภรรยาของคุณ หรือไม่ก็ไปเข้าวัด ฟังธรรม ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ดีกว่าจะมาหมกมุ่นอยู่กับตัณหาราคะ กามารมณ์ ความใคร่ มีแต่จะทำให้จิตใจของคุณต่ำลงเรื่อยๆนะคะ"
"คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าตอนนี้คุณไม่เหลือใครแล้วนอกจากผม เพราะฉะนั้นอย่าจองหอง อย่าอวดเก่ง อวดดีกับผมนักเลย..ตะวันฉาย"
"ถ้าคุณจะคิดว่าฉันจองหอง อวดเก่งหรือว่าอวดดีก็ตามใจคุณ...แต่ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ฉันไม่ต้องการความหวังดีจากคุณ ฉันไม่ต้องการให้คุณเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉัน เพราะฉันไม่การคุณ คุณเข้าใจไหม..คุณดำรง"
ตะวันเน้นย้ำอย่างจริงจัง ดำรงจ้องตะวันอย่างเจ็บใจ
เช้าวันใหม่ สาลี่กำลังจัดโต๊ะอาหาร ธวัชที่แต่งตัวจะไปทำงานเดินเข้ามา
"ดาล่ะ"
"คุณดาไปล้างมือค่ะ อ้อ...มาแล้วค่ะ"
ดวงสุดาเดินเข้ามา
"ทานข้าวเลยนะครับ ผมจะรีบไปทำงาน"
"ค่ะ..ดาก็หิวแล้วเหมือนกัน"
ธวัชมองอาหารบนโต๊ะแล้วชะงัก เพราะทุกจานล้วนแต่เป็นอาหารรสจัดทั้งนั้น ดวงสุดาตักอาหารกิน ธวัชมองพลางคิดอย่างแปลกใจ
"หมอไม่ได้บอกดาหรือยังไง ว่าคนท้องไม่ควรทานอาหารรสจัด"
บริเวณลานจอดรถหน้าร้านอาหาร ซูซี่ขับรถเข้ามา ตะวันฉายกับมะปรางนั่งมาด้วย ทั้งหมดลงจากรถ
"ปรางเชื่อแล้วล่ะค่ะว่าไปไหนกับพี่ซูซี่เนี่ยไม่มีทางอดตายแน่นอน เพราะร้านอาหารที่ไหนอร่อยๆ พี่ซูซี่รู้จักหมด"
"แน่นอน..เรื่องจิ๊บๆแค่นี้ ถ้ายอดเซเล็บอย่างพี่ไม่รู้ ก็เสียยี่ห้อหมดสิจ๊ะ"
"งั้นร้านนี้มีเมนูอะไรอร่อยๆ พี่ซูซี่จัดให้ตะวันเลยนะคะ เพราะตะวันหิวจนไส้จะพันกันอยู่แล้ว"
"จ้า...จะจัดให้จนพุงกางเลย"
ใกล้ๆกันนั้น ดวงสุดาขับรถเข้ามา วัลลภากับสุนทรีย์นั่งมาด้วย
ดวงสุดาบอกสุนทรีย์
"รับรองอาหารร้านนี้ถูกปากถูกใจคุณแม่แน่นอนค่ะ"
"หนูดารับรองขนาดนี้ แม่เชื่อว่าคงจะอร่อยแน่นอนจ๊ะ" สุนทรีย์บอก
ดวงสุดาเลี้ยวรถเข้ามาในบริเวณร้าน วัลลภาเห็นพวกตะวันกำลังจะเข้าไปในร้าน
"นั่นพวกนังตะวันนี่"
ดวงสุดาแกล้งขับรถพุ่งไปหา พวกตะวันกระโดดหลบแทบไม่ทัน ดวงสุดากับวัลลภายิ้มสะใจ
"หนูดา...ขับรถระวังๆหน่อยสิจ๊ะ" สุนทรีย์บอก
ดวงสุดารีบทำหน้ารู้สึกผิด
"เมื่อกี้ดามัวแต่มองพวกตะวันฉาย เลยเผลอเหยียบคันเร่งน่ะค่ะคุณแม่ ดาจะรีบไปขอโทษพวกเค้านะคะ"
ดวงสุดาลงรถมากับวัลลภา พวกตะวันฉายมองไม่พอใจ ซูซี่เอาเรื่องดวงสุดาทันที
"ขับรถประสาอะไร ไม่เห็นเหรอไง คนกำลังเดินอยู่"
ดวงสุดากวนทันที
"อ้าว...คนหรอกเหรอ เห็นเป็นเงามืดๆดำๆวูบไปวูบมา เลยนึกว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่มีที่สิงสถิตย์"
"แกว่งปากหาเท้าแบบนี้ ระวังจะเลือดออกปากไม่รู้ตัวนะ"
"สถุน..ไพร่..ไร้มารยาท"
"แล้วพวกแกสูงส่งมาจากไหนไม่ทราบ" ซูซี่ถาม
ดวงสุดากับวัลลภาตั้งท่าจะเอาเรื่องซูซี่ สุนทรีย์ลงรถมา
"มีปัญหาอะไรกัน"
พวกตะวันรีบยกมือไหว้สุนทรีย์
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
สุนทรีย์รับไหว้แบบเย็นชา
"หนูดาขอโทษพวกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะเอายังไงอีก"
ฝ่ายตะวันฉาย ทุกคนงง "ขอโทษ"
ดวงสุดารีบแถกับสุนทรีย์
"ดาขอโทษไปแล้ว แต่พวกเค้าไม่รับคำขอโทษค่ะคุณแม่"
ซูซี่โมโหจะอ้าปากด่า วัลลภารีบขัดขึ้น
"นอกจากจะไม่รับคำขอโทษ ยังจะหาเรื่องฉันกับหลานอีก มารยาททรามจริงๆ"
ซูซี่โมโห จะอ้าปากเถียง แต่สุนทรีย์ขัดขึ้น
"ถ้าอย่างงั้นก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ขอให้จบกันตรงนี้ ไปทานข้าวกันเถอะ แม่หิวแล้ว"
ดวงสุดากับวัลลภายิ้มเย้ยพวกตะวันฉาย แล้วเดินเข้าร้านไปกับสุนทรีย์ พวกตะวันฉายมองตามอย่างไม่พอใจ
"หน้าด้าน ตอแหล เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยเจอใครหน้าด้านตอแหลเก่งเท่านังสองน้าหลานนี่มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ"
"แย่จังเลยนะคะ ไม่น่ามาเจอพวกอันธพาลที่นี่เลย" มะปรางว่า
ตะวันฉายถอนใจ
"ช่างเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย รกสมองเปล่าๆ"
กลุ่มดวงสุดาเข้ามานั่งที่โต๊ะ ส่วนกลุ่มตะวันฉายเข้ามานั่งโต๊ะใกล้ๆ
ดวงสุดากับวัลลภามองพวกตะวันฉายอย่างรังเกียจ
"เสนอหน้ามานั่งชั้นเดียวกับพวกฉันทำไม คนชั้นต่ำอย่างพวกแก ไสหัวลงไปนั่งชั้นล่างโน่น...ถึงจะเหมาะกับคนต่ำๆอย่างพวกแก"
ซูซี่โมโห
"ทุกคนที่นี่ มีความเป็นคนเท่าเทียมกัน อย่ามาแบ่งแยก"
"แต่ฉันเห็นหน้าพวกแกแล้ว ฉันขยะแขยงสะอิดสะเอียน กินข้าวไม่ลง"
"ถ้ากินไม่ลง ก็เชิญไสหัวกลับไป ไม่มีใครเค้าห้ามนี่" ซูซี่บอก
ดวงสุดากับวัลลภาโมโห
"นังกะเทยคางคก !"
"อีกอย่าง...พวกฉันโทร.มาจองโต๊ะล่วงหน้าไว้แล้ว ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน" ดวงสุดาบอก
"พวกสัมพะเวสีเร่ร่อน หน้าด้านหน้าทน ไล่ยังไงก็ไม่ไป"
ตะวันฉายโมโห
"ที่นี่ร้านอาหาร ไม่ใช่ตลาด กรุณาอย่าเอากิริยาต่ำๆมาใช้ที่นี่"
"ถึงฉันจะกิริยาต่ำ แต่ฉันก็มีศีลธรรม ไม่หน้าด้านแย่งผัวคนอื่นอย่างแก"
ดวงสุดาสวนอย่างโมโห แขกโต๊ะอื่นหันมองตะวันเป็นตาเดียว ตะวันฉายสะอึก พูดไม่ออก
"หนูดา...อย่ามีเรื่องกันเลย เค้าก็อยู่ส่วนเค้า เราก็อยู่ส่วนเรา จะดีกว่านะ" สุนทรีย์บอก
"ใช่ค่ะ...พวกเรามาทานข้าว ไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับใคร ขอให้จบแค่นี้นะคะ" มะปรางว่า
ดวงสุดาบอกกับสุนทรีย์
"คนอย่างดา ถ้าจะกัดก็ต้องกัดให้จมเขี้ยว กัดเล่นๆมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกค่ะ .... เมียน้อยอย่างแก อย่าสะเออะมาตีตัวเสมอเมียหลวงอย่างฉัน เพราะแกกับฉัน มันคนละระดับกัน"
ตะวันมองดวงสุดาอย่างโมโห ทันใดนั้นมือถือตะวันที่วางบนโต๊ะดังขึ้น ซูซี่มอง พอเห็นหน้าจอเป็นเบอร์ธวัช ก็รีบพูดยั่วดวงสุดาทันที
"อุ้ย..ตะวัน คุณธวัชโทร. มาน่ะ เมื่อ 5 นาทีที่แล้วก็โทร. มาทีนึงแล้ว สงสัยคุณธวัชจะคิดถึงตะวันมากนะเนี่ย ถึงได้โทร. เช็คตลอดว่าตะวันอยู่ที่ไหน ทำอะไร กินข้าวรึยัง นอนรึยัง ตะวันรีบรับสายคุณธวัชสิจ๊ะ"
ดวงสุดาฟังอย่างโมโหหึง
" งั้นตะวันขอตัวไปคุยโทรศัพท์แป็บนึงนะคะ" ตะวันฉายรับลูก
"คุยนานๆก็ได้จ๊ะ คุยกันให้หายคิดถึงนะ ไม่ต้องรีบ พี่รอได้"
ซูซี่ยิ้มเย้ยดวงสุดา ตะวันเดินออกไป ดวงสุดามองตามอย่างไม่พอใจ
"ดาขอตัวเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะคะ"
ดวงสุดาเดินออกไปทันที
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ตะวันฉายเดินคุยมือถือ
"ฉันออกมาทานข้าวกับพี่ซูซี่กับมะปรางค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ ค๊า..รู้แล้วค่ะว่าเป็นห่วง คุณเองก็อย่าทำงานเพลินจนทานข้าวผิดเวลานะคะ เดี๋ยวโรคกระเพาะอาหารจะถามหาเอา ค่ะ..ทานข้าวเสร็จแล้ว ฉันจะรีบกลับบ้านไปรอรับคุณ รักเหมือนกันค่ะ.. แล้วเจอกันนะคะ"
ตะวันฉายวางสายยิ้มๆ หันหลังจะกลับเข้าร้าน แต่เห็นดวงสุดายืนหน้าถมึงทึงอยู่
"นังแพศยา นังหน้าด้าน นังคนชั้นต่ำ ออดอ้อนออเซาะผัวคนอื่นอย่างหน้าไม่อาย !"
"แล้วคุณล่ะคะ แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์แบบนี้ ไม่ต่ำเหมือนกันหรอกเหรอ"
ดวงสุดาโมโห พูดไม่ออก
"นังตะวัน"
ตะวันจะกลับเข้าร้าน ดวงสุดาขวางไว้
"ถ้าคุณยังพอมีมารยาทหลงเหลืออยู่บ้างล่ะก็..กรุณาหลีกทาง"
"ฉันหลีกแน่ แต่ต้องหลังจากที่ฉันคิดบัญชีกับแกเรียบร้อยก่อน"
"คิดบัญชีอะไร"
"บัญชีแค้นที่แกฝากรอยแผลไว้กับฉันคราวที่แล้วยังไงล่ะ"
"คราวที่แล้ว...คุณตบฉันก่อน ไม่ผิดที่ฉันจะตบคืนบ้าง ถือว่าเจ๊ากัน"
ตะวันฉายจะเดินหนี ดวงสุดากระชากแขนไว้
"แกคิดว่าแกทำร้ายฉัน แล้วจะเดินหนีไปได้ง่ายๆอย่างงั้นน่ะเหรอ"
"แล้วคุณจะเอายังไง"
ดวงสุดาสีหน้าอำมหิต
"ใครก็ตามที่ทำร้ายฉัน มันคนนั้นจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม เอารอยแผลที่แกฝากไว้กับฉัน คืนไป"
ดวงสุดาง้างมือจะตบ ตะวันฉายเบี่ยงตัวหลบ อีกฝ่ายเสียหลัก เซตกบันได
"คุณดวงสุดา"
ตะวันฉายเอื้อมมือจะคว้าดวงสุดาไว้ แต่ไม่ทันซะแล้ว ดวงสุดาลงไปกองกับพื้น พอลุกขึ้นมาก็ยืนไม่อยู่ เซล้มลงไปอีก
"โอ๊ย"
สุนทรีย์กับวัลลภาเข้ามา ตกใจที่เห็นดวงสุดานั่งกุมข้อเท้าอยู่
วัลลภากับสุนทรีย์ร้อง "ยัยดา ! / หนูดา !"
ทั้งสองประคองดวงสุดาขึ้นมา
"หนูดาเป็นอะไร"
"ดาข้อเท้าแพลงค่ะคุณแม่"
"นังตะวัน... แกทำอะไรหลานฉัน"
ตะวันจะพูด ดวงสุดารีบชิงพูดก่อน
"นังตะวันมันผลักดาตกบันไดค่ะ"
ตะวันอึ้ง นึกไม่ถึงว่าดวงสุดาจะกล้าโกหกหน้าตาเฉย
"เธอทำร้ายหนูดาทำไม" สุนทรีย์ถาม
"ตะวันไม่ได้ทำอะไร คุณดวงสุดาต่างหากที่จะทำร้ายตะวัน แต่ตะวันหลบได้ทัน เธอเลยเสียหลักตกบันได คุณดวงสุดาซุ่มซ่ามตกบันไดเองค่ะ"
"ตอแหล..! แกเลิกโกหกหน้าด้านๆได้แล้ว"
"ใครกันแน่ที่โกหกหน้าด้านๆ"
ซูซี่กับมะปรางเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ ตะวัน"
"เพื่อนแกมันผลักยัยดาตกบันได" วัลลภาบอก
"ตะวันเนี่ยนะ จะทำแบบนั้น" ซูซี่ว่า
"ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่ายัยดาจะซุ่มซ่ามตกบันไดเอง"
"คราวที่แล้วเธอทำร้ายหนูดาจนหัวแตก คราวนี้ก็ทำหนูดาตกบันไดขาแพลงอีก จิตใจเธอทำด้วยอะไร ถึงได้โหดร้ายอำมหิต ทำร้ายได้แม้กระทั่งคนท้องคนไส้ เธอยังมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้างรึเปล่า..ตะวันฉาย" สุนทรีย์ว่า
ตะวันอึ้ง
"คุณป้า"
"ถ้าหนูดาเกิดแท้ง หรือเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ให้อภัยเธอเลย แล้วอย่าคิดว่ามีตาวัชคอยถือหาง แล้วจะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ ฉันนี่แหล่ะจะขัดขวางเธอกับตาวัชให้ถึงที่สุด ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าระหว่างแม่บังเกิดเกล้าอย่างฉัน กับเมียน้อยไร้ค่าอย่างเธอ ตาวัชจะเลือกใคร"
ตะวันอึ้ง พูดไม่ออก หน้าชาอย่างแรง !
"กลับบ้านนะ...หนูดา"
ดวงสุดาพยักหน้า สุนทรีย์ประคองดวงสุดาออกไป ดวงสุดายิ้มเย้ยตะวันฉาย
" ทีนี้แกรู้รึยังว่าแกกับยัยดา คนละระดับกันยังไง"
วัลลภาหัวเราะเยาะตะวันฉายแล้วออกไป เธอมองตามอย่างเจ็บใจ
"ตกลงเกิดอะไรขึ้นเหรอ ตะวัน" ซูซี่ถาม
สาลี่ทายาที่ข้อเท้าให้ดวงสุดา วัลลภานั่งอยู่ด้วย
"คุณดาไปทำอีท่าไหนคะ ถึงได้ข้อเท้าแพลงมาแบบนี้น่ะค่ะ"
"จะอีท่าไหนก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมาสาระแนอยากรู้"
"ก็สาลี่ข้องใจนี่คะ คุณดาตอบนิดเดียวไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่สาระแนแส่รู้สักเรื่อง จะได้ไหม" วัลลภาบอก
"ไม่ได้ค่ะ สาลี่นอนไม่หลับ ... ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงคะคุณดา"
ดวงสุดาโมโห คว้าหมอนปาใส่หน้าสาลี่จนหงายเงิบ
"ว๊าย"
"แกจะไปไหนก็ไป อย่ามาทำให้ฉันอารมณ์เสียมากกว่านี้ ไม่งั้นแกจะคอขาด..!"
สาลี่สะดุ้ง
"อุ้ย...ไม่อยากรู้แล้วค่ะ สาลี่ไปทำงานก่อนนะคะ"
สาลี่รีบวิ่งปรู๊ดออกไป
"หมู่นี้ดาได้แผลบ่อยๆ สงสัยดาจะดวงตกแน่ๆ" วัลลภาบอก
"ไม่เกี่ยวกับดวงหรอกค่ะ ที่ดาเป็นแบบนี้ก็เพราะนังตะวัน แทนที่จะได้คิดบัญชีกับมัน แต่กลับได้แผลเพิ่ม เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ"
"วันพระไม่ได้มีหนเดียว ยังไงดาก็ต้องได้คิดบัญชีกับมันแน่ แต่เจ็บคราวนี้ถือว่าคุ้มค่านะ"
"คุ้มค่ายังไงคะ"
"ก็คุ้มค่าที่ยัยสุนทรีย์เข้าข้างดายังไงล่ะ หมั่นทำให้ยัยสุนทรีย์เกลียดนังตะวันเข้าไว้ ถ้าทำให้ยัยนั่นมาเป็นพวกเดียวกับเราได้ ก็จะมีคนมาช่วยเรากำจัดนังตะวันเพิ่มอีกแรง"
"จริงสิคะ มีคุณแม่มาช่วยอีกแรง ดาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก อีกอย่าง... ใช้คุณแม่เป็นเครื่องมือกำจัดนังตะวัน ง่ายกว่าเยอะ"
สองน้าหลานยิ้ม สบตากันอย่างพอใจ
เวลาเย็น ธวัชวางกระเป๋าทำงาน ดวงสุดาเข้ามาช่วยถอดแจ๊กเก็ตให้
"วัชไปอาบน้ำนะคะ จะได้สบายเนื้อสบายตัว เสร็จแล้วค่อยลงไปทานข้าว"
"ครับ... เอ้อ...ดาครับ พรุ่งนี้ผมจะพาดาไปโรงพยาบาลนะครับ"
" ไปโรงพยาบาล ไปทำไมคะ"
"ก็พรุ่งนี้หมอนัดดาตรวจครรภ์ครั้งแรก ดาจำไม่ได้เหรอครับ"
ดวงสุดาอึกอักครู่นึง ก่อนรีบแถ
"ตายจริง..ดาลืมซะสนิทเลยค่ะ"
"เรื่องสำคัญแบบนี้ ดาลืมได้ยังไง"
"แหม..คนเราก็ต้องมีหลงลืมกันบ้าง ใครจะไปจำได้ทุกเรื่องล่ะค่ะ ยังไงขอบคุณวัชมากนะคะที่ช่วยเตือนความจำให้ดา แต่วัชไม่ต้องไปด้วยหรอกนะคะ ดาไปคนเดียวได้"
"ผมอยากไปครับ"
ดวงสุดารีบอ้าง
"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง...อีกอย่างดาไม่อยากรบกวนเวลางานของวัช"
"พรุ่งนี้ผมไม่มีงานครับ อีกอย่างผมจะได้ขอคำแนะนำจากหมอด้วย ว่าผมจะช่วยดูแลดาได้ยังไง ตกลงตามนี้นะครับ"
ธวัชเดินเข้าห้องน้ำไป ดวงสุดาหน้าเครียดทันที
เวลากลางคืน ดวงสุดาคุยกับวัลลภา
"ดาไม่ได้ท้องจริงๆสักหน่อย จะไปให้หมอตรวจทำไม ไม่ต้องไปซะก็สิ้นเรื่อง"
"ถ้าทำอย่างงั้นได้ ดาไม่วิ่งหน้าตั้งมาหาน้าวัลอย่างงี้หรอกค่ะ"
"หมายความว่ายังไง"
"พรุ่งนี้วัชจะไปด้วยค่ะ"
"ตายจริง...แล้วอย่างงี้จะทำยังไงกันดีล่ะ"
"นั่นสิคะ อย่างงี้มีหวังความลับแตกกลางคันแน่ น้าวัลต้องช่วยหาทางออกให้ดานะคะ แผนของเราจะพังตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
ทั้งสองสบตากันเครียดๆ
โถงชั้นล่าง ดวงสุดาลงนั่งที่โซฟา สาลี่เข้ามานั่งใกล้ๆ
"คุณดานอนไม่หลับเหรอคะ"
"ใช่..ไปเอาบรั่นดีมาให้ฉัน ฉันจะดื่มให้ง่วง"
สาลี่เดินไปหยิบขวดบรั่นดีกับแก้วมาให้ ธวัชที่กำลังจะไปหาน้ำดื่มเดินลงบันไดมาเห็นพอดี ก็ชะงักแอบดู พลางครุ่นคิดอย่างแปลกใจแล้วพึมพำ
" ดาดื่มเหล้าได้ยังไง"
ธวัชรีบเดินไปหา ดวงสุดารินบรั่นดีแล้วกำลังจะดื่ม
"หยุดนะดา"
ดวงสุดาชะงัก
"วัช"
"ดาจะดื่มเหล้าไม่ได้เด็ดขาด"
"ทำไมคะ"
"หมอไม่ได้บอกดาเหรอครับว่าเหล้าเป็นอันตรายกับเด็กในท้อง"
ดวงสุดาตกใจ รีบแถ
"อ๋อ..บอกสิคะ แต่ดาคิดว่าดื่มนิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นอะไร"
ธวัชดึงแก้วบรั่นดี
"จะมากหรือน้อยก็ไม่ได้.. นอกจากจะดื่มเหล้าแล้ว ดายังทานอาหารรสจัดอีก" ดวงสุดาชะงัก "ดาน่าจะรู้นะครับว่าเหล้ากับอาหารรสจัด ไม่ดีต่อเด็กในท้อง"
ดวงสุดานึกได้ แล้วโมโหตัวเองที่เผลอแสดงพิรุธให้ธวัชเห็น
"อย่าลืมสิครับว่าดาเป็นแม่คนแล้ว จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงลูกให้มาก"
ดวงสุดาแสร้งตีสีหน้ารู้สึกผิด
"ค่ะ...ดาผิดเองค่ะที่ตามใจปากมากไปหน่อย คราวหลังดาจะไม่ดื่มเหล้า จะไม่ทานอาหารรสจัดอีกแล้ว ดาจะนึกถึงลูกให้มากกว่านี้ค่ะ" เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง "แล้วนี่วัชยังไม่นอนเหรอคะ ดานึกว่าวัชหลับไปแล้วซะอีก"
"หลับไปได้นิดเดียวครับ แต่ตื่นขึ้นมาเพราะคอแห้ง เลยลงมาหาน้ำดื่ม"
ดวงสุดาทำยิ้มๆ ก่อนจะสบตากับสาลี่อย่างโล่งอกที่เอาตัวรอดไปได้
วันใหม่ ธวัชขับรถเข้ามาที่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล ดวงสุดากับวัลลภานั่งมาด้วย
"ทำไมดาต้องเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนหมอด้วยครับ โรงพยาบาลเดิมก็ดีอยู่แล้ว ใกล้บ้าน จะไปจะมาก็สะดวกดีด้วย"
"โรงพยาบาลเดิมใกล้บ้าน สะดวกสบายก็จริงค่ะ แต่ว่า.."
"ฉันเป็นคนให้ยัยดาเปลี่ยนโรงพยาบาลเปลี่ยนหมอเองแหล่ะ" วัลลภาบอก
"ทำไมครับ"
"เพราะฉันรู้จักกับหมอที่นี่ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของฉันเอง หมอคนนี้เก่งแล้วก็ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากคนไข้มาก ฉันจึงอยากให้ยัยดาได้อยู่ในความดูแลของหมอที่เก่งๆ"
ภายในห้องตรวจครรภ์ทุกคนนั่งคุยกับหมอ
"ครรภ์ของคุณแม่แข็งแรงดีนะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณแม่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อครรภ์นะครับ"
"ค่ะ...ขอบคุณอาหมอมากนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีปัญหาหรือต้องการคำแนะนำอะไร ก็โทร.มาปรึกษาหมอได้ตลอดเวลานะครับ"
"พี่หมอเอาใจใส่คนไข้ดีขนาดนี้ วัลคิดไม่ผิดจริงๆค่ะที่พาหลานมาฝากท้องกับพี่หมอ" วัลลภาบอก
ดวงสุดากับวัลลภายิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธวัช ดวงสุดา วัลลภาเดินคุยกันมาตามทาง
"ดาต้องทำตามคำแนะนำของหมอทุกอย่าง อย่าละเลยเด็ดขาดนะครับ"
ดวงสุดาทำงอน
"วัชจะตำหนิดาว่าที่ผ่านมา ดาไม่ใส่ใจดูแลตัวเองใช่ไหมคะ"
"ไม่ใช่อย่างงั้นครับ ที่ผมพูดเพราะผมเป็นห่วงดากับลูก"
ดวงสุดายิ้มดีใจ
"แค่รู้ว่าวัชเป็นห่วง ดาก็ดีใจแล้วค่ะ
"น้าล่ะสบายใจจริงๆที่ได้ฝากดาไว้กับพี่หมอ คนกันเองแบบนี้ จะปรึกษาหรือขอคำแนะนำอะไร เมื่อไหร่ยังไงก็ได้ สะดวกสบายดี"
"ขอบคุณน้าวัลมากนะคะที่ทำทุกอย่างเพื่อดา"
วัลลภาจับมือดวงสุดา
"น้ารักดา น้าอยากให้ดาได้ในสิ่งที่ดีที่สุด"
สองน้าหลานสบตากันยิ้มๆ
"วัชคะ ดาขอเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะคะ"
"น้าไปด้วย"
"งั้นผมไปรอที่รถนะครับ"
ดวงสุดากับวัลลภาออกไป ครู่หนึ่ง ซูซี่เดินเลี้ยวมาอีกทาง
"อ้าว...คุณธวัช"
"พี่ซูซี่มาทำอะไรที่นี่ครับ"
"พี่มาเยี่ยมเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นพยาบาลที่นี่น่ะค่ะ แล้วคุณธวัชล่ะคะ"
"ผมพาดามาฝากท้องครับ"
"ทำไมไม่ฝากท้องที่โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านล่ะคะ มาซะไกลเชียว แล้วอีกอย่าง... คราวก่อนตอนที่คุณธวัชพายัยดวงสุดาไปตรวจครรภ์ ก็ไม่ใช่ที่นี่นี่คะ"
"ครับ...ตอนแรกผมก็กะว่าจะพาดาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลเดิม แต่คุณวัลลภาเห็นว่าหมอที่นี่เก่ง แล้วก็รู้จักกันเป็นการส่วนตัวด้วย ก็เลยอยากให้ดาอยู่ในความดูแลของหมอเก่งๆน่ะครับ"
สายป่านคุยมือถือกับสุนทรีย์อยู่ในรถแท็กซี่
"ป่านเอาต้นพุดน้ำบุษย์มาส่งถึงมือป้าอุไรเรียบร้อยแล้วค่ะแม่ ป้าอุไรเค้าฝากความคิดถึงกับหนังสือธรรมะมาให้แม่ด้วยนะคะ ค่ะ..ป่านกำลังนั่งแท็กซี่กลับค่ะ"
สายป่านวางสายยิ้มๆ วาทินขับรถแซงรถสายป่านออกไป สายป่านหันไปเห็นพอดี
"คุณทินมาทำอะไรแถวนี้" สายป่านคิดๆแล้วชะงัก "หรือว่า..!! ... พี่คะ ตามรถคันนั้นไปค่ะ"
ที่บ้านสวน ตะวันฉายวางท่าเย็นชาใส่วาทิน
"คุณจะมาก่อกวนอะไรฉันอีก"
"ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดี พี่ดากับนายธวัชเค้ารักกันมานาน ไม่มีอะไรทำลายความรัก ความผูกพันของพวกเค้าได้หรอก"
สายป่านแอบดูอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้าน แต่ไม่ได้ยินว่าตะวันฉายกับวาทินคุยอะไรกัน
"คุณอย่าเอาตัวเองเข้าไปแทรกกลางพวกเค้าอีกเลย พยายามไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้ว ยังไงนายธวัชก็ต้องเลือกพี่ดากับลูกอยู่ดี"
"ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ เอาเป็นว่าฉันจะเก็บไปคิด แต่ไม่รับปากว่าจะทำตามได้หรือเปล่า"
"คุณกำลังจะถูกนายธวัชปล่อยลอยแพ คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ"
"คุณมีธุระกับฉันแค่นี้ใช่ไหม งั้นเชิญ"
ตะวันฉายจะเดินเข้าบ้าน วาทินดึงแขนตะวันไว้ สายป่านชะงัก สีหน้าไม่พอใจ หึงวาทิน
"ผมเตือนคุณในฐานะผัวที่เป็นห่วงเมีย ไม่อยากจะเห็นคุณต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า เพราะความความดื้อดึงไม่ลืมหูลืมตาของคุณเอง สู้กลับมาซบอกผมอย่างเดิมจะดีกว่า เพราะในโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะรักและจริงใจต่อคุณ เท่ากับผมอีกแล้ว"
ตะวันฉายแค่นยิ้มเยาะ
"ทำเป็นอ้างว่าหวังดี แต่ที่จริงประสงค์ร้าย คุณพยายามจะแยกฉันออกจากธวัช เพื่อหวังจะเข้ามาเอาชนะฉัน หวังจะเก็บฉันไว้เป็นของเล่นของคุณต่อไป อย่าคิดว่าฉันจะรู้ไม่เท่าทันความคิดของคุณ"
เธอแกะมือวาทินออก แล้วเดินเข้าบ้านไป วาทินมองตามอย่างเจ็บใจ
"สักวัน..ผมจะทำให้คุณซมซานกลับมาหาผมให้ได้"
วาทินกับสายป่านนั่งคุยกันในร้านอาหาร สายป่านสีหน้านิ่งๆ
"ป่านคิดถึงผมเหรอครับ ถึงได้ชวนผมออกมาทานข้าวด้วย"
"ป่านมีเรื่องอยากถามคุณทิน ป่านเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้คุณทินไปหาแม่ตะวันฉายทำไมคะ"
วาทินชะงัก
"ป่านรู้ได้ยังไงครับว่าผมไปหาตะวัน"
"ป่านนั่งแท็กซี่ผ่านแถวนั้น แล้วบังเอิญเห็นคุณทินขับรถอยู่แถวนั้นพอดี ป่านเอะใจเลยตามคุณทินไปจนถึงบ้านสวน"
"ป่านเอะใจอะไร แล้วทำไมถึงต้องตามผมไปที่นั่นด้วยล่ะครับ"
"ป่านเอะใจว่าคุณทินจะไปหาแม่ตะวันฉาย ป่านรู้นะคะว่าคุณทินเคยคบหาเป็นแฟนกับแม่นั่นมาก่อน"
วาทินตกใจ
"ป่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ"
"พี่ดาบอกป่านค่ะ พี่ดาบอกว่าคุณทินเลิกกับแม่ตะวันฉาย เพราะจับได้ว่าแม่นั่นแอบคบคนอื่น แต่แม่นั่นตามวอแวคุณไม่เลิก จริงใช่ไหมคะ"
วาทินนิ่งคิดครู่นึง ก่อนจะรีบตามน้ำ
"ครับ...ป่านเข้าใจถูกต้องแล้ว"
"ถ้าอย่างงั้น..คุณทินไปหาผู้หญิงคนนั้นทำไม หรือว่าคุณทินอยากจะกลับไปคืนดีกับเค้าคะ"
"ไม่นะครับป่าน..ผมไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว ผมหมดรักตะวันมานานแล้ว ผมไปหาเค้าเพื่อบอกให้เค้าเลิกยุ่งกับนายธวัช ผมต้องการจะแยกเค้าออกจากนายธวัช..เพื่อพี่ดาครับ"
"จริงเหรอคะ"
วาทินแสร้งตีหน้าเศร้า
"ผมทนเห็นพี่สาวของผมเศร้าเสียใจไม่ได้ ผมทนไม่ได้จริงๆ"
"ป่านขอโทษนะคะที่เข้าใจคุณทินผิด"
"ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อกี้ที่ป่านเหวี่ยงวีนใส่ผมเนี่ย เพราะป่านหึงผมใช่ไหมครับ"
สายป่านรีบแก้ตัว
"เปล่านะคะ ป่านไม่ได้หึง ป่านแค่ไม่อยากให้คุณทินกลับไปยุ่งกับผู้หญิงอันตรายคนนั้นต่างหาก"
วาทินมองตาสายป่านยิ้มๆ
"จริงเหรอ"
"จริงค่ะ" เธอตอบ แต่หลบตาวาทิน
"ถ้าพูดความจริง แล้วทำไมต้องหลบตาผมด้วย"
สายป่านทำเป็นมองตาวาทิน
"ทีนี้เชื่อรึยังคะว่าป่านพูดความจริง"
วาทินมองสายป่านตาเยิ้ม สายป่านเห็นสายตาแล้วอดเขินไม่ได้
วันใหม่ ตะวันฉายกับธวัชช่วยกันเลือกขวดนมเด็ก ในร้านขายอุปกรณ์เด็กในห้างสรรพสินค้า
"น่ารักทุกสีทุกลาย จนเลือกไม่ถูกเลยนะคะ"
"งั้นเหมาทั้งร้านเลยดีไหมครับ"
"ทำแบบนั้น เค้าก็หาว่าคุณเว่อร์น่ะสิคะ"
ธวัชกับตะวันฉายขำๆกัน ลูกค้าคนอื่นที่อยู่ในร้านพากันจับกลุ่มกันซุบซิบนินทาตะวันฉาย
หญิง 1กับหญิง 2
"แกดูนังนางแบบตะวันฉายสิ.. ลอยหน้าลอยตาระริกระรี้กับผัวชาวบ้านเค้าหน้าตาเฉยได้ยังไง ยางอายมีบ้างไหมเนี่ย"
หญิง 2บอก
"ถ้ามีจะกล้าทำแบบนี้เหรอ คนมันหน้าด้านหน้าทน..ไปจะรู้สึกรู้สาอะไร"
ทั้งสองชะงัก ได้ยิน สีหน้าไม่พอใจ ธวัชทนฟังไม่ไหว รีบดึงตะวันฉายออกไป
ดวงสุดากับวัลลภาที่แอบดูอยู่มุมหนึ่งโผล่หน้ามา ยิ้มสะใจ
ธวัชดึงตะวันฉาย ด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิด
"ทำไมต้องเหยียบย่ำซ้ำเติมกันขนาดนี้ด้วย ผมไม่น่าพาคุณมาที่นี่เลย"
"อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ"
"แต่ผมทนให้ใครมาดูถูกประณามคุณแบบนี้ไม่ได้"
"อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่มีใครหนีพ้นคำติฉินนินทาได้หรอกค่ะ..อีกอย่างฉันชินชากับเรื่องพวกนี้มานานแล้ว อย่าคิดมากนะคะ" ธวัชพยักหน้า "งั้นคุณไปรอฉันที่รถนะคะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแป็บนึง"
"ครับ..รีบไปรีบมานะครับ"
ธวัชเดินออกไป ตะวันเดินไปที่ห้องน้ำ ทันใดนั้นดวงสุดากับวัลลภาโผล่มาจิกหัวตะวันฉายทันที
"พวกคุณจะหาเรื่องอะไรฉันอีก"
"เดี๋ยวก็รู้"
ทั้งสองลากตะวันออกไป
ดวงสุดากับวัลลภาลากตะวันมากลางห้าง คนที่เดินอยู่แถวนั้น พากันกรูเข้ามาดู
หญิง 1กับหญิง 2
"เฮ้ยแก...เมียหลวงปะทะเมียน้อย งานนี้มีตบกระจายแน่"
หญิง 2ยิ้ม
"อย่างงี้ก็บันเทิงน่ะสิ"
"พวกคุณจะทำอะไร"
ดวงสุดาบอก
"ก็พานางแบบดังมามีท แอนด์ กรี๊ดกับแฟนๆยังไงล่ะ" ดวงสุดาพูดกับคนที่มุงดู "ใครอยาก
เห็นเมียหลวงตบเมียน้อยโชว์ก็เชิญทางนี้..ใครมีกล้อง มีโทรศัพท์มือถือก็รีบควักขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ ไม่อย่างงั้นท่านจะพลาดช็อตเด็ด"
คนที่มุงดูรีบควักกล้อง ควักมือถือมาถ่ายรูปกันใหญ่
บริเวณลานจอดรถ ธวัชยืนรอตะวันอยู่ที่รถ
"ทำไมตะวันเข้าห้องน้ำนานจัง"
ธวัชควักมือถือขึ้นมาโทรหาตะวันฉาย เสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋าดังขึ้น เธอจะเปิดกระเป๋า
ดวงสุดารีบกระชากกระเป๋าเธอมาแล้วโยนทิ้ง
"มากไปแล้วนะ คุณดวงสุดา"
"ไม่มากเท่ากับที่แกขโมยผัวฉันไปหรอก"
วัลลภาบอกกับคนที่มุงดู
"ทุกคนรู้ไหมคะว่านังตะวัน มันลอยหน้าลอยตาควงผัวหลานฉันมาเดินเที่ยวห้างหน้าตาเฉย"
หญิง 2บอก "ใช่ๆ..เมื่อกี้ฉันก็เห็น"
หญิง 1บอก "เมื่อกี้มันระริกระรี้หัวร่อต่อกระซิกกับผัวคุณด้วยนะ"
"เห็นไหมคะว่านังนี่มันหน้าด้านแค่ไหน"
ธวัชนิ่วหน้าแปลกใจ
"ทำไมตะวันไม่รับสาย"
ธวัชตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้าง
ดวงสุดาพูดกับคนที่มุงดู
"นังเมียน้อยนี่ มันทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผัวฉันอย่างไร้ยางอาย ทุกวันนี้มันกักตัวผัวฉันไว้ที่บ้านมัน จนฉันกับผัวแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน"
ตะวันฉายโมโห ผลักดวงสุดา
"ไม่จริง..อย่ามาใส่ร้ายฉันหน้าด้านๆ"
ดวงสุดาตบตะวันฉายจนหน้าหัน
"แกนั่นแหล่ะหน้าด้าน" ดวงสุดาตบอีก "หน้าด้านที่แย่งผัวฉัน...! อีเมียน้อยหน้าด้าน"
ดวงสุดาตบอีก จนตะวันฉายเซล้มลงกับพื้น
หญิง 1พูดกับตะวัน
"แย่งผัวเค้าแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก"
หญิง 2 บอก
"แบบนี้ยิ่งกว่าหน้าด้านซะอีก"
คนมุงดูต่างขานรับ
"นังหน้าด้าน ไร้ยางอาย แย่งผัวชาวบ้านเค้าหน้าด้านๆ"
ทุกคนก่นด่าตะวันฉายกันระงม พร้อมปาข้าวของใส่ ไม่ยั้งมือ สองน้าหลานยิ้มสะใจ ธวัชเดินเข้ามา
"เค้ามุงดูอะไรกัน"
ธวัชเดินแหวกผู้คนเข้ามา แล้วเห็นดวงสุดากับวัลลภายืนอยู่ ก่อนจะเห็นตะวัน เขาตกใจมาก
"ตะวัน"
ธวัชโอบกอดตะวันไว้ แล้วเอาตัวรับข้าวของแทน ก่อนจะดึงตะวันวิ่งออกไป
"จะหนีไปไหน"
ธวัชพาตะวันวิ่งขึ้นบันไดเลื่อน ดวงสุดากับวัลลภาวิ่งตาม แล้วตะโกนด่าดังลั่น
"ไอ้ผัวชั่ว อีนังเมียน้อยสารเลว"
คนทั้งห้างที่เดินอยู่ทุกชั้น ต่างหันมองตะวันฉายกับธวัชเป็นตาเดียว
"แกหนีไม่พ้นหรอก อีเมียน้อยหน้าด้าน"
ธวัชพาตะวันวิ่งวิ่งซอกแซกไปเรื่อย ดวงสุดากับวัลลภสตามไปอย่างไม่ลดละ แต่ตามไม่ทัน
"หนีได้หนีไป...ยังไงชาตินี้พวกแกก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก"
ธวัชกับตะวันหลบอยู่มุมหนึ่ง จับเนื้อตัวถามอย่างเป็นห่วง
"คุณเป็นยังไงบ้าง"
เนื้อตัวของตะวันฉายฟกช้ำเพราะโดนของที่ปาใส่
"ตัวคุณฟกช้ำไปหมดเลย"
"ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนได้"
"ตะวัน"
ธวัชพูดไม่ออก ดึงเธอมากอดอย่างเป็นห่วงและสงสาร
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธวัชเดินเข้าบ้านมา เห็นดวงสุดานั่งอยู่ก็วางท่าเย็นชาใส่ จะเดินหนี ดวงสุดาตะคอกใส่ทันที
"อย่ามาเดินหนีฉันแบบนี้นะ !! ทำไมไม่ต่อว่า ไม่ด่าทอฉันล่ะ คุณไม่พอใจไม่ใช่เหรอที่ฉันตามไประรานนังตะวัน..เมียสุดที่รักของคุณ"
ดวงสุดาคว้าแขนธวัชไว้
"ฉันถาม...คุณต้องตอบ !! หรือว่าที่พูดไม่ออก เพราะสำนึกได้แล้วว่า คุณทำผิดต่อฉันมากแค่ไหน"
"ที่ผมไม่พูด เพราะรู้ว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ยังไงคุณก็ไม่มีวันเลิกราวีตะวันอยู่ดี ถ้าคุณคิดว่าการที่คุณเที่ยวชิงดีชิงเด่นกับตะวัน แล้วทำให้คุณมีความสุขสบายใจขึ้น..ก็ตามใจคุณ คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย"
ธวัชแกะมือดวงสุดาออก แล้วเดินขึ้นบ้านไป ดวงสุดามองตามอย่างเจ็บใจ
"คิดว่าทำเย็นชาใส่ฉัน แล้วจะเอาชนะฉันได้งั้นเหรอ"
เวลากลางคืน ดวงสุดาในชุดนอนนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ปลายเตียง ก่อนจะหยิบมือถือมาโทร.
"ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก..."
ดวงสุดาน้ำตาไหล ปล่อยให้มือถือร่วงลงพื้น หันมองที่นอนของธวัชอย่างโหยหาอาวรณ์ ก่อนจะหมดแรงทรุดลงนั่งกับพื้น
"คุณหายไปไหน ทำไมไม่กลับบ้าน ทำไมไม่กลับมาหาฉัน คุณโกรธเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ"
เธอเอนตัวพิงขอบเตียง สะอื้นไห้อย่างเจ็บปวดขมขื่นใจ
เช้าวันใหม่ โถงชั้นล่างบ้าน ดวงสุดานั่งกอดเข่าเศร้าๆ ในชุดนอนเดิม สีหน้าหมองคล้ำซูบโทรมเพราะไม่ได้นอนทั้ง ธวัชเดินเข้ามา ไม่มองหน้า ดวงสุดาไม่พอใจ ลุกพรวด
"คุณหายไปไหนมาทั้งคืน"
ธวัชไม่ตอบ จะเดินหนี ดวงสุดาโมโห คว้าหมอนปาใส่ ตะคอกเสียงดัง
"ฉันถามว่าไปไหนมา ทำไมไม่ตอบ...! คุณไปนอนค้างกับนังตะวันมาใช่ไหม หนีไปนอนกกกอดเมียน้อย แล้วปล่อยให้ฉันถ่างตา นั่งรอคุณทั้งคืน สารเลว...!"
"ใช่..ผมยอมรับว่าผมเลว"
ดวงสุดาโกรธ กระชากเสื้อธวัชอย่างแรง จนเสื้อขาด
"คุณไม่มีสิทธิ์เดินหนี ถ้าฉันยังพูดไม่จบ"
"อย่าทำให้ผมรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่านี้เลยดวงสุดา ไม่อย่างงั้น...เราอาจจะไปกันไม่รอดW
ธวัชเดินหนีไป ดวงสุดาอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
ธวัชเข้ามาในห้อง ดวงสุดาเดินตามมา แล้วโผกอดธวัช
"ไม่นะคะ ฉันไม่ให้คุณไปไหน คุณต้องอยู่กับฉัน ฉันขอโทษ...ถ้าคุณจะโกรธฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเกลียดถึงขั้นไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมพูดจากับฉันอย่างนี้..ฉันทนไม่ได้ วัชได้โปรดอย่าเกลียดดาเลยนะคะ" ดวงสุดาพูดพลางน้ำตาไหล
"คุณขอโทษเพราะกลัวว่าผมจะเกลียดคุณแล้วก็ไปจากคุณ..แค่นี้น่ะเหรอ ผมคิดว่าคุณจะขอโทษเพราะสำนึกผิดซะอีก"
"ไม่ค่ะ...ดาขอโทษเพราะดาสำนึกผิด ดาจะไม่ทำตัวแย่ๆอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว"
"รวมถึงจะเลิกระรานตะวันด้วยรึเปล่า"
ดวงสุดาชะงักครู่นึง
"ค่ะ..ต่อไปนี้ดาจะไม่ไปล้ำเส้นตะวันฉายอีก ดาจะอยู่ในที่ของดา"
"คุณสัญญาได้ไหม"
"ค่ะ..ดาสัญญา ต่อไปนี้ดาจะไม่ทำอะไรให้วัชไม่สบายใจอีก ขออย่างเดียว วัชอย่าเกลียดดานะคะ"
ดวงสุดาซบหน้าลงกับอกธวัชอย่างต้องการความรัก ธวัชใจอ่อนสงสาร ยกมือขึ้นลูบไหล่ดวงสุดาเป็นเชิงให้อภัย
สายต่อเนื่องมา เจ้าของร้านกับช่างทำผมคนหนึ่งไหว้สวัสดีวัลลภาที่เข้ามาในร้าน
"สวัสดีค่ะคุณวัลลภา..มาเหนื่อยๆ เชิญนั่งก่อนค่ะ ไม่ทราบจะรับน้ำอะไรดีคะ ดิฉันจะได้ให้เด็กยกมาให้"
"ไม่ต้องหรอก ฉันจะทำผมเลย"
"ได้ค่ะ"
ช่างทำผมพาวัลลภามาที่เก้าอี้ทำผมหน้ากระจก ใกล้ๆกันนั้น มะปรางแต่งตัวหรู นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ กำลังทำผมอยู่ วัลลภาปรายตามองด้วยท่าทางหมั่นไส้ ก่อนจะลงนั่ง วัลลภาชะงักมองอย่างแปลกใจ
"นึกว่าคุณหญิงคุณนายที่ไหน ที่แท้ก็นังหน้าจืด เพื่อนนังตะวันนี่เอง ไม่อยากจะเชื่อว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะมีปัญญาเข้าร้านทำผมหรูๆกับเค้าด้วย"
"อย่าคิดว่าคุณมีเงิน มีอำนาจสูงส่งอยู่คนเดียวสิคะคุณวัลลภา แล้วการที่คุณร่ำรวยเงินทอง ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีสิทธิ์มาดูถูกคนอื่นเค้าแบบนี้นะคะ"
วัลลภามองมะปรางตั้งแต่หัวจรดเท้า
" ต๊าย..เห็นนิ่งๆหงิมๆ ที่จริงปากคอเราะร้ายไม่เบานี่ ไปรวยมาจากไหนเหรอ หรือว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง"
มะปรางตั้งใจบอก
"เปล่าหรอกค่ะ ฉันมีเสี่ยเลี้ยง"
"มีเสี่ยเลี้ยง"
"ใช่ค่ะ แล้วเสี่ยคนนั้นก็รวยมากๆซะด้วย"
วัลลภาหัวเราะขำ
"เสี่ยที่ไหนจะรสนิยมต่ำคว้าผู้หญิงจืดชืด หน้าซีดเป็นผีดิบอย่างเธอไปเป็นนางบำเรอ"
มะปรางแค่นยิ้มเยาะ
"คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ"
"แต่เอ๊ะ..คิดไปคิดมาท่าจะจริง เธอคงจะใช้มารยาออดอ้อนออเซาะผู้ชายเก่งเหมือนนังตะวัน เพื่อนเธอสินะ...ไอ้เสี่ยคนนั้นถึงได้ยอมส่งเสียเลี้ยงดูเธอน่ะ"
"ผิดค่ะ..เพราะฉันยังไม่ทันได้ใช้มารยาอะไรเลย เสี่ยคนนั้นก็หลงฉันจนหัวปักหัวปำ ถึงขนาดไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้านเลยนะคะ"
วัลลภาเบะปากดูถูก
"จะบอกว่าตัวเองเสน่ห์แรงว่างั้นเถอะ หนังหน้าอย่างงี้เนี่ยนะ"
"คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ"
วัลลภาเบะปากใส่มะปรางอย่างหมั่นไส้ มะปรางมองวัลลภายิ้มๆ พลางคิดในใจ
"ฉันอยากจะรู้นัก...ถ้าคุณรู้ว่าฉันเป็นเมียน้อยผัวคุณ คุณจะทำหน้ายังไง.W
มะปรางลอบยิ้มเย้ยวัลลภา
มะปรางนั่งทำเล็บอยู่กับช่าง 1 ครู่นึงวัลลภาเดินเข้ามากับช่าง 2
"วันนี้คุณวัลลภาจะทาสีอะไรดีคะ"
"สีเดิม"
มะปรางมองวัลลภาแล้วยิ้มร้าย
" น้องคะ...พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่จะทาสีเดียวกับคุณวัลลภา"
วัลลภาไม่พอใจ
"สีอื่นมีเยอะแยะ จะสาระแนอยากทาสีเดียวกับฉันทำไม"
" ที่นี่มีกฎห้ามลูกค้าทาเล็บสีเดียวกันด้วยเหรอคะ"
ช่าง 1ตอบ
"เปล่าค่ะ ไม่มี"
มะปรางยิ้มเย้ยวัลลภา
" งั้นฉันก็มีสิทธิ์ใช่ไหมคะ"
วัลลภาบอกกับช่าง 2
"ไปเอาขวดใหม่มา ฉันไม่ใช้น้ำยาทาเล็บขวดเดียวกับผู้หญิงคนนี้"
มะปรางจงใจพูดเป็นนัยๆ
"คนเราใช้ของร่วมกันบ้าง จะเป็นไรไปคะ แบ่งๆกันกิน แบ่งๆกันใช้"
"ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร"
"ขนาดสามี...คุณยังแบ่งให้คนอื่นใช้ได้เลย แค่น้ำยาทาเล็บขวดเดียว ทำไมจะแบ่งให้ฉันไม่ได้คะ"
" นังมะปราง"
มะปรางทำเป็นจ๋อย
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
" ไปเอาขวดใหม่มา"
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ สีนี้หมดพอดี เหลืออยู่ขวดเดียวนี่ล่ะค่ะ หนูเพิ่งสั่งซื้อไปเมื่อเช้า..กว่าของจะมาส่ง ก็เย็นๆนู่นน่ะค่ะ"
วัลลภาหยิบขวดน้ำยาทาเล็บมา
วัลลภาบอกมะปราง
"งั้นแกก็ทาสีอื่นแล้วกัน"
แล้วทั้งคู่ก็ต่างแย่งขวดกันไปมา
"คุณทาสีนี้บ่อยแล้ว ควรจะเสียสละให้ฉันได้ทาสีนี้บ้าง"
"เรื่องอะไร ฉันจะเสียสละให้แก"
"หัดมีน้ำใจกับคนอื่นบ้างสิคะ"
วัลลภากับมะปรางยื้อแย่งขวดน้ำยาทาเล็บกันไปมา สุดท้ายมะปรางแกล้งทำน้ำยาหกรดเสื้อวัลลภา
"ว๊าย !"
"ตายจริง..! ขอโทษนะคะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
วัลลภาโมโห มองมะปรางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ มะปรางแอบยิ้มสะใจ
มะปรางเดินมาที่รถหรูที่จอดอยู่ จะเปิดประตูรถ ทันใดนั้นวัลลภาเข้ามากระชากแขนมะปรางไว้
"เมื่อกี้แกจงใจแกล้งฉันใช่ไหม"
"เปล่านะคะ ฉันจะแกล้งคุณไปทำไม"
"ไม่ต้องมาตอแหลตีหน้าซื่อ"
" ฉันขอโทษนะคะที่อยากจะทาเล็บสีเดียวกับคุณ แล้วก็ทำน้ำยาหกใส่คุณ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ อย่าหาเรื่องฉันเลยนะคะ"
มะปรางพูดจบก็สะบัดมือวัลลภาออกแรงๆแล้วขึ้นรถไป วัลลาอึ้ง เริ่มรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของมะปรางบ้างแล้ว มะปรางแกล้งถอยรถมาที่วัลลภาแรงๆ จนเธอต้องกระโดดหลบแทบไม่ทัน
มะปรางยิ้มสะใจแล้วขับรถออกไป ปล่อยให้วัลลภาอึ้งอีกดอก
สาลี่ยืนท่าทางลับๆล่อๆอยู่ที่ข้างรั้วบ้านสวน ดวงสุดาขับรถเข้ามาจอดใกล้ๆสาลี่ วัลลภานั่งมาด้วย
" ได้เรื่องยังไงบ้าง"
"นังตะวันกับคนใช้ของมัน กลับจากซื้อของสดที่ตลาด ได้สักพักแล้วล่ะค่ะ"
" ไม่เสียแรงที่ฉันส่งแกมาเฝ้าสังเกตการณ์ล่วงหน้า"
ดวงสุดายิ้มร้าย
"วันนี้ฉันจะฝังพวกแกให้มิดจมดินทั้งแม่ทั้งลูก นังตะวันฉาย"
สาลี่สีหน้าลังเล
"คุณดาคิดดีแล้วเหรอคะ สาลี่ว่ามันจะไม่"
"หุบปาก..แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่ต้องมาออกความคิดเห็น" วัลลภาว่า
"ค่ะ..ทราบค่ะ"
ตะวันยืนรดน้ำดอกไม้ พวกดวงสุดาเดินเข้ามาข้างหลัง
"ดอกไม้ที่หญิงชั่วกับชายเลวลงมือปลูกด้วยกันเนี่ย ช่างออกดอกเบ่งบานสวยสะพรั่งซะเหลือเกินนะ" วัลลภาแดกดัน
ตะวันฉายชะงัก หันไปมอง
"บ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับพวกคุณ กรุณาออกไปจากบ้านฉัน"
"ไม่มีมารยาท..เป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ แทนที่จะต้อนรับแขก"
"เผอิญว่าพวกคุณเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ฉันจึงไม่อยากจะต้อนรับ พวกคุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น"
"ไปแน่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้" วัลลภาบอก
"ดอกไม้สวยดีนี่ ขอฉันชื่นชมใกล้ๆหน่อยนะ"
ดวงสุดาเดินไปที่แปลงดอกไม้ แล้วกระชากถอนพรวดขึ้นมาหลายต้น
ตะวันฉายไม่พอใจ
"อย่ามาทำลายข้าวของในบ้านฉันนะ..!"
ดวงสุดาไม่สน ถอนดึงทึ้งต้นดอกไม้อย่างสนุกมือ
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ..คุณดวงสุดา"
ตะวันฉายเข้าไปห้าม ระหว่างนั้นวัลลภาหันมองสาลี่ที่พยักหน้าอย่างรู้กัน แล้วฉวยโอกาสย่องเข้าไปในบ้าน ตอนที่ตะวันเผลอ
สาลี่ย่องเข้ามาในบ้าน เดินมาถึงหน้าห้องครัว แล้วเห็นว่ากล้วยกำลังปรุงข้าวต้มกุ้งอยู่ สาลี่ยิ้มร้าย กล้วยตักข้าวต้มใส่ชามแล้วปิดฝาไว้ สาลี่ทำเป็นยืนหันรีหันขวาง แกล้งพูดดังๆให้กล้วยได้ยิน
"เอ้..ไปทางไหนน้า"
กล้วยได้ยิน หันไปมอง พอเห็นสาลี่ก็ไม่พอใจ
"แกมาทำอะไรที่นี่ แล้วเข้ามาในบ้านได้ยังไง"
"ฉันจะตอบคำถามแกทีหลัง แต่ตอนนี้บอกมาก่อนว่าห้องน้ำอยู่ไหน ฉันปวดอึ"
กล้วยนึกได้
"เจ้านายแกมาหาเรื่องคุณตะวันใช่ไหม"
สาลี่ทำลอยหน้าลอยตาไม่ตอบ
กล้วยตกใจโพล่ง
"คุณตะวัน"
กล้วยรีบวิ่งออกไปอย่างเป็นห่วงนายสาว สาลี่เดินมาที่ชามข้าวต้ม ควักถุงมือขึ้นมาใส่ทั้งสองข้าง แล้วควักซองยาพิษออกมาจากกระเป๋ากางเกง เทยาลงในข้าวต้ม แล้วเก็บซองยาไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นหยิบช้อนมาคนข้าวต้ม เก็บช้อนไว้ที่เดิม แล้วปิดฝาชามไว้เหมือนเดิม ก่อนจะยิ้มร้าย
ข้าวต้มชามนั้นมีพิษ !
อ่านต่อตอนที่ 11