xs
xsm
sm
md
lg

นางกลางไฟ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางกลางไฟ ตอนที่ 6

ตะวันฉายมองเลือดที่ไหลตรงหว่างขาอย่างตกใจ

"ไม่…ไม่"
เธอจะก้าวออกไป แต่ปวดท้องอย่างรุนแรง จนยืนไม่อยู่ ทรุดฮวบลงกับพื้น สีหน้าเหยเก
"โอ๊ย!"
ตะวันกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ใจคอไม่ดี
"ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้...ช่วยฉันที"
ตะวันฉายร้องขอความช่วยเหลือ เปล่งเสียงได้แค่แผ่วเบา คลานไปกับพื้นอย่างทุลักทุเล

ฝ่ายซูซี่กับมะปรางวิ่งเข้ามาคนละทาง สีหน้าร้อนใจทั้งคู่
"เจอไหม" มะปรางส่ายหน้า "งั้นไปดูที่ปากซอย" ซูซี่บอก
ทั้งคู่รีบวิ่งออกไปอย่างร้อนรน

ตะวันฉายหน้าซีด เหงื่อโทรม อ่อนแรง กระเสือกกระสนคลานไปกับพื้น ห่างออกไปมุมหนึ่ง ซูซี่กับมะปรางเข้ามา ต่างมองหาตะวันฉาย
ตะวันฉายคลานมาที่เสาไฟที่มีถังขยะตั้งอยู่ เธอเกาะเสาไฟ ค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมา
"ตะวันคงไม่อยู่แถวนี้หรอกค่ะพี่ซูซี่" มะปรางว่า
ซูซี่ชี้มือไปทางนึง
"ลองไปดูทางนู้น"
ทั้งคู่จะวิ่งออกไป ทันใดนั้นเสียงบางอย่างล้มโครมครามดังเข้ามา ซูซี่กับมะปรางชะงัก
มองเห็นตะวันนอนหมดสติอยู่ข้างๆถังขยะที่ล้มอยู่
"ตะวัน"
ทั้งสองวิ่งมาดูตะวัน ตกใจที่เห็นเลือดอาบขาตะวัน

บริเวณระเบียงห้องพักในโรงแรมในเวลาต่อมา ธวัชยืนมองทะเลเงียบๆ แล้วมือถือธวัชก็ดัง ธวัชควักมือถือขึ้นมากดรับ
"ว่าไงคม... อะไรนะ ตะวันโดนรถเฉี่ยว ! แล้วตอนนี้ตะวันเป็นยังไงบ้าง ... ฉันจะกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้"
ธวัชวางสาย เป็นห่วงตะวันมาก ดวงสุดาเข้ามา
"วัชคะ...พรุ่งนี้เราไปซื้อของทะเลสดๆมาทำบาร์บีคิวทานกันนะคะ"
"ไม่ได้หรอกครับ"
"ทำไมคะ"
ธวัชจำใจโกหก
"เมื่อกี้ไอ้คมโทรมาบอกว่างานมีปัญหา ผมต้องรีบกลับไปแก้งานคืนนี้เลย"
"แต่ว่า..."
ธวัชรีบตัดบท
"ผมไม่อยากเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ดาเข้าใจผมนะครับ"
ธวัชพูดจบก็รีบเก็บกระเป๋าทันที ดวงสุดามองตามอย่างขัดเคืองอารมณ์

ซูซี่กับมะปรางยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ ชั่วครู่หนึ่ง นิคมเดินเข้ามา
"คุณตะวันเป็นยังไงบ้างครับ"
"อยู่ในห้องฉุกเฉิน ยังไม่รู้ชะตากรรมเลยค่ะ"
"คุณตะวันไม่น่าโชคร้ายอย่างงี้เลยนะครับ"
"ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองตะวันกับลูกด้วยเถิด" มะปราวบอก
หมอเปิดประตูออกมา ทุกคนกรูไปหาหมอ
"คุณหมอคะ ตะวันเป็นยังไงบ้างคะ" ซูซี่ถาม
"แล้วลูกของตะวันปลอดภัยไหมคะ" มะปรางถาม
หมอยิ้ม
"ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ"
ทุกคนถอนใจโล่งอก

ภายในห้องพักฟื้น เวลาต่อมา พยาบาลวัดไข้ตะวันฉายที่หลับอยู่บนเตียง ซูซี่ มะปราง นิคมยืนคุยกับหมอ
"สำหรับเคสนี้...นับว่าโชคดีมากนะครับที่เลือดออกมากขนาดนี้ แต่คนไข้ไม่แท้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าคนไข้ถึงมือหมอทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อาจจะมีผลกระทบต่อเด็กก็เป็นได้ครับ"
ทุกคนฟังอย่างสะเทือนใจ
"ตอนนี้ร่างกายคนไข้อ่อนเพลียมาก ส่วนจิตใจก็อ่อนล้าพอกัน จึงต้องพักผ่อนให้มากเพื่อใช้เวลาในการฟื้นฟู ญาติอย่ารบกวนคนไข้มากนะครับ"
"ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ"
หมอกับพยาบาลออกไป ทุกคนมองตะวันอย่างเป็นห่วง
"ทำไมถึงได้เกิดเรื่องเกิดราวกับตะวันไม่ได้หยุดหย่อนแบบนี้นะ" มะปรางเปรยขึ้น
"เวลาแค่ไม่ถึงเดือน เรื่องร้ายๆประดังประเดเข้ามาชนิดที่ตะวันไม่ทันได้ตั้งตัว" ซูซี่ว่า
"เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆเลยนะครับ"
ทันใดนั้น ธวัชก็เปิดประตูพรวดเข้ามา แล้วโผไปหาตะวันอย่างเป็นห่วง
"ตะวัน" ธวัชถามกับทุกคน "ตะวันเป็นยังไงบ้างครับ"
"ตะวันกับลูกปลอดภัยดีค่ะ" มะปรางบอก
ธวัชถอนใจโล่งอก
"คุณตะวันเพิ่งจะหลับไปเพราะฤทธิ์ยาเมื่อกี้นี่เอง"
"แล้วตะวันโดนรถเฉี่ยวได้ยังไง"

มุมหนึ่งในโรงพยาบาล นิคมจ้องหน้าธวัชอย่างเอาเรื่อง
"ที่คุณตะวันโดนรถเฉี่ยวจนเกือบจะตาย เกือบจะแท้งลูก...ก็เพราะแก"
"ทำไมแกถึงคิดว่าเป็นความผิดของฉัน"
"ก็ใครล่ะที่ไม่ยอมรับสายคุณตะวัน แถมไม่ยอมโทร.กลับอีก เพราะอย่างงี้ไง คุณตะวันถึงเข้าใจว่าแกทิ้งเค้ากับลูก คุณตะวันเสียใจมากจนไม่มีสติเดินเหม่อลอย ถึงได้โดนรถเฉี่ยวเข้าไงล่ะ"
"ดาเกาะติดฉันตลอด จนฉันไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย"
"แกอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้าง ถ้าแกแคร์ความรู้สึกของคุณตะวัน ยังไงคุณดาก็ไม่ใช่ปัญหา แกโกรธที่คุณตะวันปฏิเสธแก แกเลยตั้งใจทำให้เค้าเสียใจบ้างใช่ไหมวะ"
"ฉันแค่อยากให้บทเรียนกับเค้า ว่าความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธ มันเป็นยังไง"
"แกทำอย่างงี้กับผู้หญิงที่รักแกได้ยังไงวะ"
"ตะวันไม่เคยรักฉัน..เค้าแค่อยากให้ฉันรับผิดชอบลูก เค้าไม่ได้ต้องการฉัน"
ซูซี่กับมะปรางเข้ามา
"คุณธวัชเข้าใจตะวันผิดใหญ่แล้ว คุณโกรธที่ถูกตะวันปฏิเสธ เลยอคติกับตะวัน คิดว่าตะวันเป็นผู้หญิงรักสนุก คิดว่าตะวันอยากจะกลับไปคืนดีกับคุณวาทิน" มะปรางบอก
"แล้วก็พูดจาประชดประชัน ถากถางทำร้ายจิตใจคุณตะวันต่างๆนานา" นิคมว่า
"ทั้งๆที่ตะวันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหาสักนิด คุณธวัชอย่าเอาความรู้สึกของตัวเองตัดสินตะวันสิคะ ถ้าตะวันไม่รักคุณ ตะวันคงไม่ร้องห่มร้องไห้ หลังจากที่เห็นภาพพวกนี้หรอกค่ะ"
ซูซี่ยื่นภาพถ่ายที่ธวัชสวีตกับดวงสุดาให้ ธวัชดูอย่างตกใจ
"คุณธวัชคงพอจะเดาออกนะคะ ว่าใครเป็นคนส่งภาพพวกนี้มาให้ตะวัน"

ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล เช้าสาย วันใหม่ ธวัชยืนมองตะวันฉายที่หลับอยู่บนเตียง เสียงต่างๆดังก้องเข้ามา
"คุณธวัชเข้าใจตะวันผิดไปกันใหญ่แล้ว คุณโกรธที่ถูกตะวันปฏิเสธ เลยอคติกับตะวัน คิดว่าตะวันเป็นผู้หญิงรักสนุก คิดว่าตะวันอยากจะไปกลับไปคืนดีกับนายวาทิน" มะปรางบอก
"ทั้งๆที่ตะวันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหาเลยสักนิด คุณอย่าเอาความรู้สึกของตัวเองตัดสินตะวันสิคะ" ซูซี่ว่า
"ฉันรักคุณนะคะ...ธวัช ตั้งแต่กลับจากเขาใหญ่ หัวใจของฉันก็เรียกร้องหาคุณตลอดเวลา ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่ฉันจะลืมคุณ" ตะวันฉายบอกอย่างนั้น
"ตะวันเป็นคนอาภัพ ถูกแม่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลหลังคลอดได้แค่คืนเดียว จากนั้นตะวันก็ถูกผลักไสให้ไปอยู่ในที่ที่เด็กกำพร้าทุกคนไม่ต้องการ ฉันกับตะวันโตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เราอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครต้องการเหลียวแล ไม่เคยได้สัมผัสความรัก ไม่เคยได้สัมผัสคำว่าครอบครัว เพราะฉะนั้นเด็กกำพร้าทุกคนรู้ดี ว่าความรู้สึกของการถูกปฏิเสธ ถูกทิ้งขว้าง มันเจ็บปวดทุกข์ตรมมากแค่ไหน" มะปรางบอก
"แล้วหลายวันที่ผ่านมา การที่แกไม่ยอมติดต่อพูดคุยกับคุณตะวัน มันยิ่งตอกย้ำให้คุณตะวันรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้ว"
"สำหรับลูกผู้หญิง สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดเสียใจมากที่สุด คือการถูกทิ้งขว้างตัดขาดจากคนที่เรารัก และการที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลี้ยงลูกคนเดียวเพียงลำพัง ก็ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเด็กกำพร้า ที่เป็นทุกข์เพราะโหยหาความรัก ความอบอุ่นหรอกนะคะ" มะปรางบอก
"และที่สำคัญ การที่คุณวางตัวห่างเหินเย็นชา แล้วก็พูดจาถากถางตะวันให้เจ็บช้ำน้ำใจ มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตะวันให้ตายทั้งเป็นเลยนะคะ"
ธวัชน้ำตาคลอ มองตะวันฉายอย่างรู้สึกผิด พลางลูบศีรษะเธออย่างเป็นห่วง เขาเจ็บปวดเกินกว่าที่จะสู้หน้าตะวันได้จึงจะเดินออกไป ทันใดนั้นตะวันลืมตาตื่น
"คุณธวัช"
ธวัชชะงัก พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้
" คุณเป็นยังไงบ้าง"
ตะวันน้ำตาคลอเบ้า
"ที่คุณไม่ยอมคุยกับฉัน เพราะคุณจะทิ้งฉันกับลูกใช่ไหมคะ" ธวัชนิ่งไปอย่างสะเทือนใจ "คุณบอกว่าจะไม่ทิ้งฉัน ที่แท้คุณก็แกล้งพูดเพื่อให้ฉันตายใจหลงเชื่อ คุณโกรธแค้นที่ฉันทำให้คุณผิดหวังเสียใจ เลยคิดจะเอาคืนฉันบ้าง ในสายตาของคุณ ฉันคือศัตรูที่คุณจ้องจะฟาดฟันทำลายให้แหลกลาญย่อยยับใช่ไหมคะ"
ธวัชเศร้าสะเทือนใจจนน้ำตาร่วง โผเข้ากอดตะวันฉายอย่างรู้สึกผิด
"ไม่ ผมไม่เคยคิดจะทิ้งคุณ ผมรักคุณ ตะวัน"
ตะวันนิ่งเงียบไป ไม่มั่นใจว่าจะเชื่อคำพูดของธวัชได้ไหม

ธวัชเข็นรถพาตะวันเข้ามาในสวนโรงพยาบาล ธวัชจับมือตะวันฉายแล้วลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า
"ผมยอมรับว่าอยากจะทำให้คุณเจ็บปวดเสียใจบ้าง แต่มันเป็นแค่ความคิดที่อยากจะเอาชนะ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณเลย ผมไม่มีวันทำร้ายผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก"
แววตาธวัชเผยความรู้สึกที่มีต่อตะวันอย่างเปิดเผย ตะวันฉายมองธวัชอย่างพยายามค้นหาความจริง
"แล้วคุณดวงสุดาล่ะคะ"
"ผมไม่เคยรักดา..ที่ผมแต่งงานกับเค้าก็เพื่อประชดคุณ" ตะวันฉายชะงัก ตกใจ "ครอบครัวดามีบุญคุณกับครอบครัวผมมาก แม่ของดาคอยช่วยเหลือเกื้อกูลครอบครัวผมมาตลอด ผมกับดาเลยสนิทสนมกัน แล้วผมก็ไม่เคยคิดกับเค้ามากกว่าความเป็นพี่ชายน้องสาว"
เธอนิ่งอึ้งไปอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"ผมผิดเองที่โกรธคุณจนขาดสติ ถ้าผมใช้สติไตร่ตรอง ยอมรับและปล่อยวางเรื่องวุ่นวายพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น ให้อภัยผมนะครับตะวัน...ผมยินดีจะชดเชยความผิดทุกอย่างที่ทำกับคุณ ลืมเรื่องที่ผ่านมาแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ"
"ฉันจะเชื่อใจคุณได้ยังไงว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันเสียใจอีก"
"ผมขอใช้หัวใจสัญญา...จากนี้ไปผมจะทุ่มเทความรักให้คุณกับลูก จะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจอีก"
ธวัชมองเธออย่างพยายามขอความเข้าใจ ทั้งสองมองลึกลงไปในดวงตาของกันและกัน ตะวันฉายมองธวัชนิ่งๆอยู่นาน
"ค่ะ...ฉันเชื่อใจและให้อภัยคุณ เราจะเริ่มต้นกันใหม่ จากนี้ไป ฉันขอเอาหัวใจวางไว้ในมือคุณ...คุณจะพาฉันไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่อย่าปล่อยมือฉัน อย่าปล่อยให้ฉันต้องเดินคนเดียวอีกนะคะ"
ธวัชโผกอดตะวัน
"ครับ..เราจะเดินไปด้วยกัน"
ทั้งสองยิ้มให้กันทั้งน้ำตาอย่างตื้นตันใจ ธวัชเช็ดน้ำตา แล้วจูบหน้าผากตะวันอย่างแผ่วเบา
ตะวันจูบมือธวัช ทั้งสองสวมกอดกันอย่างแนบแน่นด้วยความรักสุดหัวใจ

ภายในห้องรับแขก คอนโดฯ มะปราง ซูซี่ นิคมมองธวัชที่ป้อนข้าวต้ม ตะวันฉายยิ้มๆ พลอยมีความสุขไปด้วย
ธวัชบอกกับตะวัน
"ทานเยอะๆนะครับ จะได้หายป่วยเร็วๆ"
ธวัชตักข้าวจะป้อนเธออีก
"ฉันอิ่มแล้วค่ะ"
"ทานอีกหน่อยนะครับ จะหมดชามแล้ว"
"ฉันทานอีกไม่ไหวจริงๆค่ะ"
"งั้นทานยานะครับ"
ธวัชส่งยาให้ตะวันฉายกิน ซูซี่แกล้งแซวเสียงดัง
"อิจฉาคนบางคนเนอะ มีสามีคอยป้อนข้าวป้อนยา ประคองนั่งประคองยืน"
มะปรางแกล้งถามซูซี่
"พี่ซูซี่อิจฉาตะวันที่มีสามีคอยดูแลใช่ไหมคะ"
ซูซี่ทำเป็นมองตะวันยิ้มๆ ตะวันกับธวัชยิ้มเขิน
"อย่าว่าแต่พี่ซูซี่เลยครับ ผมเองก็อิจฉา...เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลเนี่ย ไอ้วัชกับคุณตะวันตัวติดกันตลอดเลยนะครับ ทำกับยังว่าโลกทั้งโลกมีแค่เราสองคน...ยังงั้นแหล่ะ"
"นั่นสิคะ ขนาดเรายืนหัวโด่อยู่ตั้ง 3 หัว เค้ายังไม่เห็นจะสนใจเราเลยสักนิ๊ดเดียว" ซูซี่บอก
"ตอนนี้ดูเหมือนพวกเราจะเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้นะคะ" มะปรางว่า
ทั้งคู่ยิ่งเขินใหญ่ ธวัชรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ
"ทานยาเสร็จแล้วก็เข้านอนนะครับ"
"น้านไง... พวกเราเป็นส่วนเกินชัดๆ" นิคมว่า
"ไปนอนนะครับ"
ธวัชเขินจนทนไม่ไหว รีบประคองตะวันเข้าห้องไป พวกซูซี่มองตามยิ้มๆ
"ผมเชื่อแล้วล่ะว่าไอ้วัชรักคุณตะวันจริงๆ เพราะผมไม่เคยเห็นมันอายม้วนอย่างงี้มาก่อนเลย"
"ท่าทางคุณธวัชจะห่วงตะวันมากนะคะ ดูแลกันไม่ห่างเลย" ซูซี่บอก
"แต่คุณธวัชจะอยู่ดูแลตะวันได้นานแค่ไหนคะ อีกหน่อยก็ต้องรีบกลับบ้าน เพราะยังมีภรรยาอีกคนรออยู่"
ซูซี่คิดๆครู่หนึ่งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
"แต่พี่ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสำคัญสำหรับคุณธวัชมากกว่าตะวันแน่นอน"

"พี่ซูซี่ยิ้มแบบนี้ มีแผนอะไรรึเปล่าครับ" นิคมถาม
 
อ่านต่อหน้า 2

นางกลางไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ดวงสุดาคุยมือถือเข้ามา

"คืนนี้วัชจะไปแก้งานที่บ้านคุณคม แล้วจะค้างที่นู่นด้วยเหรอคะ"
บริเวณระเบียงคอนโดฯ ตะวัน นิคมคุยมือถือกับดวงสุดา
"ครับคุณดา...พวกผมต้องช่วยกันแก้งานให้ลูกค้า เพราะงานนี้เป็นโปรเจ็กท์ใหญ่ ต้องระดมสมองช่วยกัน แล้วบ้านผมก็สะดวกที่สุดแล้วครับ"
"แล้วทำไมวัชถึงไม่โทร.บอกดาเองล่ะค่ะ"
"อ๋อ..ที่ไอ้วัชให้ผมโทร.บอกคุณดา เพราะตอนนี้มันกำลังคุยงานกับลูกค้าอยู่ครับ"
"เหรอคะ งั้นเดี๋ยวดาซื้อของกินไปให้นะคะ วัชกับคุณคมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อข้างนอก"
"โอ๊ย..ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมโทร.สั่งอาหารไว้แล้ว"
"เหรอคะ..งั้นขอให้ทำงานกันอย่างราบรื่นนะคะ"
"ครับ สวัสดีครับ"
นิคมยิ้มโล่งอก

นิคมคุยกับซูซี่และมะปรางที่ห้องรับแขก
"เป็นไงคะ สำเร็จไหมคะ" ซูซี่ถาม
"สบายหายห่วง" นิคมบอก
ซูซี่กรี๊ดดีใจ "อ๊าย แหล่ม!"
ซูซี่ดีใจแปะมือกับนิคม แล้วฉวยโอกาสจับมือนิคมแน่น พลางทำตาปิ๊งปิ๊งให้
นิคมเซ็ง แกล้งอำ
"ประทานโทษนะครับ ไม่ทราบนี่มือหรือใบลาน ใหญ๊ใหญ่..แถมด๊านด้าน"
ซูซี่เซ็ง
"หยาบคาย"
นิคมกับมะปรางขำ ซูซี่ทำกระเง้ากระงอดใส่ ก่อนจะเอามือตัวเองมาดมอย่างเคลิ้มๆ
ธวัชเปิดประตูห้องนอนออกมา
"อ้าว... ยังไม่กลับกันเหรอครับ"
"ถามโง่ๆ ถ้ากลับ แล้วจะแกเห็นพวกฉันเหรอวะ"
ซูซี่ยิ้มๆ
"คุณธวัชคะ...คืนนี้พี่ฝากคุณธวัชอยู่ดูแลคุณตะวันหน่อยนะคะ เพราะพี่กับมะปรางติดธุระน่ะค่ะ"
"ผมก็อยากจะอยู่ดูแลตะวันนะครับ แต่..."
"แกไม่ต้องกลัวนะเว้ยว่าคุณดาจะรู้ เพราะเรื่องนี้ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว"
ธวัชงง
"จัดการ"

ตะวันยืนอยู่ที่ระเบียง ธวัชเข้ามากอดจากข้างหลัง
"ใจลอยคิดอะไรอยู่เหรอครับ"
"คิดถึงวันที่เราติดป่าด้วยกันค่ะ วันนั้นถ้าไม่มีคุณ ฉันก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้"
ธวัชยิ้ม
"คงเป็นโชคชะตาที่พัดพาให้เรามาเจอกัน ผมรักคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอ ผมได้แต่แอบมองคุณ ทั้งวันที่เราเจอกันครั้งแรก และวันที่คุณไปบริจาคชุดนักเรียนให้เด็กๆ"
"จริงเหรอคะ"
"ผมแอบถ่ายรูปคุณไว้ด้วยนะ"
ธวัชควักมือถือขึ้นมา เปิดภาพให้ตะวันฉายดู เธอยิ้มๆ
"ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมาวัด ที่คงไม่มีวันเอื้อมถึงดอกฟ้าอย่างคุณ..ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าขอแค่ได้รักคุณ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่หลังจากที่เราไปติดป่าด้วยกัน หัวใจของผมกลับต้องการมากกว่านั้น มันเตลิดไปไกลจนผมหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่"
เธอยิ้มซาบซึ้ง
"ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันรู้จักและได้สัมผัสกับความรัก คุณทำให้เด็กกำพร้าข้างถนนอย่างฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่า คุณทำให้ชีวิตฉันมีความหมาย มีความหวัง และมีแรงที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมาย ขอบคุณจริงๆ"
ทั้งสองยิ้ม สบตากันหวานซึ้ง ก่อนจะสวมกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ

คืนนั้น ดวงสุดาโทรศัพท์หาธวัช แต่เขาวางมือถืออยู่บนโต๊ะโซฟาในคอนโดฯ ดวงสุดารอสายอยู่นาน จนสายหลุดไป เห็นว่าสาลี่นั่งอยู่ด้วย
ดวงสุดาสีหน้าผิดหวัง
"ทำไมวัชไม่รับสาย"
สาลี่คิดๆแล้วนึกได้
"หรือว่า"
ดวงสุดารีบถาม
"หรือว่าอะไร"
"หรือว่าคุณธวัชจะยุ่งแก้งาน เลยไม่มีเวลารับโทรศัพท์"
"คงจะอย่างงั้นมั้ง...วัชนะวัชทำแต่งานไม่สนใจเมีย" เธอหันไปบอกกับสาลี่ "ไปเอาเหล้ามา"
"เอามาทำไมคะ"
ดวงสุดาผลักหัวสาลี่
"เอามาราดหัวแกมั้งนังโง่"
"อ๊าว..อยู่ๆจะเอาเหล้ามาราดหัวสาลี่ทำไมคะ"
ดวงสุดาผลักหัวสาลี่อีก
"โง่ซ้ำโง่ซ้อน..ฉันจะกินเหล้า เข้าใจหรือยัง"
สาลี่ยิ้มแหย
"ค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ"
สาลี่วิ่งไปหยิบขวดเหล้ามารินส่งให้ ดวงสุดากระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว

ธวัชจูงตะวันฉายมาที่เตียง
"นอนเถอะครับ ดึกมากแล้ว อีกอย่าง..คุณยังไม่หายป่วยดีเท่าไหร่ ควรจะพักผ่อนให้มากๆ"
ตะวันล้มตัวลงนอน ธวัชห่มผ้าให้ แล้วกอดตะวันไว้แนบอก
"ผมมีความสุขที่สุดเลยที่ได้กอดคุณแบบนี้ รู้สึกเหมือนฝันยังไงไม่รู้" ตะวันฉายหยิกแขนธวัช "โอ๊ย...ตะวันหยิกผมทำไมครับ"
"จะได้รู้ไงคะว่าคุณไม่ได้ฝัน นี่คือความจริง"
ธวัชขำๆ ตะวันมองนิ่ง
"คุณรู้ไหมคะว่าเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ฉันปฏิเสธคุณ...คืออะไร" ธวัชชะงัก สนใจ "วันที่ฉันเลี้ยงข้าวคุณ คุณดวงสุดาโทรมาหาคุณ แต่คุณไปเข้าห้องน้ำ ฉันเลยรับสายแทน คุณดวงสุดาบอกฉันว่าเธอเป็นแฟนคุณ...ฉันเข้าใจว่าคุณมีคนรักแล้ว ฉันถึงไม่อยากจะยุ่งกับคุณ"
"เพราะอย่างงี้นี่เอง...คุณถึงได้วางท่าเย็นชาใส่ผมตอนที่เราเจอกันที่งานเดินแบบ ทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรกครับ"
ตะวันฉายยิ้ม หยิกจมูกธวัช
"ก็คุณมัวแต่โกรธ ไม่ยอมฟังฉันอธิบายนี่คะ"
"ขอโทษนะครับที่ผมเอาแต่อารมณ์ ไม่ยอมฟังคุณ จนเข้าใจผิดคุณต่างๆนานา"
"ฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่เห็นความจริงใจของคุณ ฉันรู้สึกผิดตลอดเวลาที่ตัดเยื่อใยกับคุณ ถ้าวันนั้นฉันไม่ปฏิเสธคุณ เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น"
"ถ้าเราสองคนไม่เข้าใจผิดกัน ป่านนี้เราคงได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ต่อไปนี้เราจะอยู่กันด้วยความเข้าใจ และเชื่อใจกันนะครับ"
ตะวันพยักหน้ายิ้มๆ ธวัชจูบหน้าผากตะวันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระชับตะวันเข้ามาในอ้อมกอด
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

ภายในห้องนั่งเล่นบ้าน วันใหม่ วัลลภานั่งจิบกาแฟ ดวงสุดาเดินเข้ามานั่ง สาลี่ยกกาแฟมาให้
"นายธวัชล่ะ ยังไม่ตื่นเหรอ"
"เมื่อคืนวัชไปทำงานที่บ้านคุณคม แล้วค้างที่นู่นค่ะ ว่าแล้วก็โทร.หาวัชหน่อยดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้ทำงานเสร็จรึยัง"
ดวงสุดาหยิบมือถือมาจะโทร. แต่ทันใดนั้นมีข้อความเข้าพอดี ดวงสุดาเปิดอ่าน สีหน้าตกใจ !!!
"คุณดาเป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างงั้นคะ" สาลี่ถาม
วัลลภาดึงมือถือจากดวงสุดามาดู แล้วอ่านข้อความอย่างตกใจ
“ธวัชนอนค้างกับตะวันที่คอนโด ไม่เชื่อมาดูให้เห็นกับตา จากผู้หวังดี ”
สาลี่ตกใจเว่อร์
"ห๊า ! คุณธวัชไปนอนกับเมียน้อย"
ดวงสุดาฟังแล้วยิ่งเจ็บใจ
"ใครกัน...ผู้หวังดี"
"สาลี่ว่าผู้หวังดีคนนี้จะต้องเกลียดพวกเมียน้อยแน่ๆค่ะ ไม่งั้นคงไม่หวังดีส่งข้อความมาบอกคุณดาแบบนี้หรอกค่ะ"
"ผู้หวังดีรู้เบอร์โทรศัพท์ดาได้ยังไง แล้วเราจะเชื่อถือเค้าได้เหรอ"
ดวงสุดาสีหน้าขึงขัง
"เชื่อไม่เชื่อ..ยังไงดาก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา"

ตอนสาย ตะวันฉายเดินหิ้วถุงอาหารเข้ามา เสียงมือถือดัง เธอยิ้มกดรับ
"ตื่นแล้วเหรอคะ ฉันลงมาซื้ออาหารเช้าน่ะค่ะ ถึงคอนโดแล้วค่ะ ฉันกำลังจะขึ้นไปค่ะ"
ตะวันวางสาย แล้วจะเดินไปที่ลิฟตื
"นังตะวัน..!"
ดวงสุดาเข้ามากับวัลลภา
ตะวันฉายตกใจ
"คุณดวงสุดา"
ดวงสุดาเห็นตะวันฉายซื้ออาหารมาหลายถุง ก็รู้ทันทีว่าธวัชอยู่กับตะวัน
ดวงสุดากระชากแขนเธอด้วยความโกรธ
"แกเอาผัวฉันมานอนกดกอดทั้งคืนใช่ไหม"
ตะวันสะบัดมือดวงสุดาออก
"คุณธวัชก็เป็นสามีฉันเหมือนกัน แล้วทำไมฉันถึงจะนอนกกกอดเค้าบ้างไม่ได้"
"แกขโมยผัวฉัน นังหน้าด้าน !"
ตะวันฉายลอยหน้าลอยตา
"อย่าเรียกว่าขโมยเลย เรียกว่าแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้จะดีกว่า"
ดวงสุดาโกรธ จนพูดไม่ออก
วัลลภาชี้หน้า
"แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้งั้นเหรอ แกพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง แกมันแพศยา หน้าด้าน ไร้ยางอาย"
"แหม...ด่าซะลืมหายใจเลยนะคะ ที่จริงพวกคุณก็แพศยาหน้าด้านไม่แพ้ฉันหรอกค่ะ"
"พวกฉันไปแพศยาหน้าด้านตอนไหนไม่ทราบ"
"ก็ตอนที่พวกคุณแถลงข่าวใส่ร้ายฉันคราวที่แล้วไง"
ทั้งคู่ชะงัก เถียงไม่ออก
"ยังไงก็ไม่เท่ากับที่แกฉกผัวมานอนกกกอดที่นี่หรอก แกมันหน้าด้านกว่าฉันเยอะ...นังตะวันฉาย"
ตะวันฉายประชด
"ค่ะ...ฉันยอมรับก็ได้ แต่ในเมื่อเราสองคนใช้ผัวคนเดียวกันแล้ว ก็น่าจะเห็นใจกันหน่อยนะคะ แบ่งกันกกกอดคนละคืน แบบนี้ยุติธรรมดีออกนะคะ"
"ฉันไม่แบ่งผัวให้แก...! วัชต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น จำใส่กะโหลกแกไว้"
"อย่าใจแคบสิคะ คุณดวงสุดา"
"ยังไงฉันก็ไม่แบ่งวัชให้แกเด็ดขาด..!" ดวงสุดาตะคอกเสียงดัง "เอาผัวฉันคืนมา"
"ฉันคืนแน่...แต่ตอนนี้ฉันยังกกกอดคุณธวัชไม่หนำใจเท่าไหร่ เอาอย่างงี้นะคะ คุณกลับไปรอที่บ้าน ฉันขอเวลาสัก 2 ชั่วโมง" เธอจงใจเน้นอย่างมีความนัย "สำหรับการร่ำลาประสาผัวเมีย..หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยแล้วเนี่ย เดี๋ยวฉันจะเอาผัวไปส่งคุณถึงเตียงเลย"
ดวงสุดากำมือแน่น จ้องตะวันฉายอย่างเจ็บแค้น เธอจ้องกลับอย่างไม่ยอม
"ยัยดาทำอะไรสักอย่างสิ แกจะปล่อยให้มันฉกผัวไปอย่างนี้ไม่ได้นะ"
"แกกล้ามากที่ลากผัวฉันมาขึ้นเตียงด้วยทั้งคืน ในเมื่อแกกล้าลองดีกับฉัน ฉันก็จะทำให้แกรู้ว่า คนที่บังอาจพรากของรักไปจากอกฉัน จุดจบมีแต่ตายกับตาย"
ดวงสุดาผลักตะวันไปชนผนังอย่างแรง แล้วตามไปจะตบ แต่โดนตะวันฉายถีบเซออกมา
"แกกล้าทำร้ายหลานฉันเหรอ งั้นแกก็อย่าอยู่เลย"
วัลลภาแค้น พุ่งหา ตะวันฉายควักที่ช็อตไฟฟ้ามาช็อตวัลลภาจนตัวสั่นหงึกๆ แล้วทรุดลงกับพื้น
ดวงสุดาตกใจ
"น้าวัล"
ดวงสุดาแค้น เตะที่ช็อตไฟฟ้าในมือเธอกระเด็นไป ก่อนจะพุ่งเข้าบีบคอตะวันฉาย คนที่เดินอยู่แถวนั้น กรูกันเข้ามามุงดู ครู่หนึ่งต่อมา ธวัชโผล่มา
" ตะวัน ดา"
ธวัชรีบแยกตะวันฉายกับดวงสุดาออกจากกัน
"พวกคุณมีเรื่องอะไรกันครับ"
ดวงสุดาเดือด ตบหน้าธวัชทันที
"ยังจะมีหน้าถามอีกเหรอ...ไอ้ผัวสารเลว"
ตะวันฉายตกใจ
"ธวัช"
"ที่แท้คุณก็มานอนกกกอดกับนังตะวันทั้งคืน..คนทรยศ"
ธวัชรู้สึกผิดและละอายใจต่อดวงสุดา จนพูดไม่ออก

ที่บ้าน ดวงสุดาตีธวัช พลางร้องไห้
"วัชกล้าแต่งเรื่องโกหกดาเพื่อที่จะไปอยู่กับนังตะวัน วัชทิ้งให้ดานอนคนเดียว ทิ้งให้ดานอนกอดหมอน คิดถึงวัชทั้งคืน ในขณะที่วัชหนีไประเริงสุขกับนังตะวันยันเช้า วัชทำอย่างงี้กับดาได้ยังไง"
ธวัชจับมือดวงสุดาไว้
"ดา...ใจเย็นๆนะครับ"
ดวงสุดาสะบัดมือธวัชออก
"ไม่เย็น.. ตอนนี้อกฉันร้อนเป็นไฟไปหมดแล้ว ฉันเป็นคนมีเลือดเนื้อจิตใจ เจ็บเป็น ทุกข์เป็น ถ้าคุณรักมันมาก หลงมันมาก ก็ฆ่าฉันให้ตายไปเลยสิ ฉันยอมตาย ดีกว่าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผัวนอกใจ"
ธวัชนิ่ง ละอายใจต่อดวงสุดา
"ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากจะทำผิดต่อดา แต่ในฐานะที่ผมเป็นพ่อของเด็กในท้องตะวัน ผมก็มีหน้าที่จะต้องดูแลรับผิดชอบตะวัน"
" ไม่ต้องมาอ้างหน้าที่ คุณอยากจะอยู่กับมัน อยากจะขึ้นเตียงกับมันมากกว่า คุณมันเห็นแก่ตัว แทนที่คุณจะปฏิบัติตัวเป็นสามีที่ดี เพื่อตอบแทนบุญคุณของครอบครัวฉัน แต่คุณกลับทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า คนทรยศ..คนเนรคุณ.. คนอกตัญญู"
"ดาครับ..ดาจะด่าว่าผมยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว..อย่าว่าผมเป็นคนเนรคุณได้ไหมครับ"
"ทำไม..เสียใจหรือว่าเพิ่งจะสำนึกได้ คุณควรจะระลึกไว้เสมอนะ ว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวฉัน ไม่ใช่เพิ่งจะมาสำนึกได้เอาตอนนี้ คุณเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวฉัน จำให้ขึ้นใจไว้ด้วย"

ธวัชอึ้ง พูดไม่ออก !
 
อ่านต่อหน้า 3

นางกลางไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ค่ำนั้น ภายในผับ ดำรงกระดกเหล้าจนหมดแก้ว กำแก้วแน่น เจ็บใจตะวันฉายมาก

"ทำไม ทำไมเธอไม่เห็นความรัก ไม่เห็นความหวังดีของฉันบ้าง"
ครู่หนึ่ง... กวางเข้ามาคลอเคลีย
"อีแก่ที่บ้านทำให้อารมณ์เสียเหรอคะ"
"เรื่องของฉัน..อย่ายุ่ง"
กวางเบียดตัวเข้าหา พลางส่งสายตายั่วยวน
"ไม่อยากให้ยุ่ง...จริงเหรอ"
ดำรงผลักกวางออก
"จะไปไหนก็ไป ฉันไม่มีอารมณ์"
กวางลุกขึ้นแล้วเดินหนีเซ็งๆ ดำรงกระดกเหล้ารวดเดียวหมดแก้ว

ชั้นล่างคอนโดฯ ดำรง ลิฟต์เปิด มะปรางที่อยู่ข้างในออกมา ใครคนหนึ่งรีบเข้าลิฟต์ชนมะปราง
"อุ้ย...คุณดำรง"
ดำรงเมาจนยืนไม่อยู่ เซซบมะปรางแล้วหมดสติไป
"คุณดำรงคะ..คุณดำรง"
โอเปอร์เรเตอร์ประจำคอนโดฯเข้ามา
"คุณดำรงเป็นอะไรเหรอคะคุณ"
"คงจะเมาน่ะค่ะ"
"แล้วคุณรู้จักคุณดำรงด้วยเหรอคะ"
ภายในห้องนอนคอนโดดำรง มะปรางกับโอเปอร์เรเตอร์ช่วยกันประคองดำรงลงนอนที่เตียง
"ไม่รู้คุณดำรงแกมีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรนักหนานะคะ หนูเห็นแกเมามายกลับมาแบบนี้หลายวันแล้วค่ะ พี่พอจะรู้ไหมคะ"
"ไม่รู้สิคะ เพราะพี่เองก็ไม่ได้สนิทสนมกับคุณดำรงมากมายนัก"
"ปกติถ้ามาค้างที่คอนโด คุณดำรงแกจะหนีบอีหนูมาด้วย แต่นี่ฉายเดี่ยวเมาหมดสภาพกลับมาแบบนี้ แล้วใครจะดูแลแกล่ะค่ะเนี่ย"
มะปรางมองดำรงแล้วคิดๆ
"งั้นเอางี้นะคะ...เดี๋ยวพี่จะช่วยดูแลคุณดำรงเอง"
มะปรางเช็ดตัวให้ดำรง เมื่อดำรงรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นมะปรางเป็นตะวันฉาย
"ตะวัน"
ดำรงดึงมะปรางมากอดจูบทันที มะปรางตกใจ ดิ้นขัดขืน
"คุณดำรง...ปล่อยฉันนะคะ"
ดำรงไม่ฟัง ดึงมะปรางลงบนเตียง แล้วใช้กำลังปลุกปล้ำ
"อย่าทำแบบนี้กับฉันนะ...คุณดำรง"
มะปรางดิ้นขัดขืนจนหมดแรง สู้แรงดำรงไม่ไหว ดำรงคุกคามมะปรางอย่างหื่นกระหาย

วันใหม่ ธวัช ตะวัน ซูซี่ นิคม ทั้งหมดนั่งคุยกันที่สวนคอนโดฯ ตะวัน
ซูซี่รู้สึกผิด
"พี่ผิดเอง ถ้าพี่ไม่วางแผนให้ตะวันกับคุณธวัชอยู่ด้วยกัน เรื่องวุ่นวายก็คงจะไม่เกิดขึ้น พี่ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณธวัชกับตะวันเดือดร้อน"
"ผมก็ผิดเหมือนกัน... ฉันขอโทษแกกับคุณตะวันด้วยนะเว้ย"
"ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าแกกับพี่ซูซี่หวังดี"
"พี่ซูซี่กับคุณคมอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นคราวซวยของตะวันกับคุณธวัชมากกว่า"
"แต่คุณธวัชน่าจะบอกความจริงกับยัยดวงสุดา ไม่น่าจะรับผิดแทนพี่กับคุณคมเลยนะคะ"
"ผมทำอย่างงั้นไม่ได้หรอกครับพี่ซูซี่ อีกอย่าง..ต่อให้ผมอธิบายยังไง คนที่เอาแต่อารมณ์อย่างดา เค้าไม่ฟังหรอกครับ แต่ที่ผมแปลกก็คือ ดาเค้ารู้ได้ยังไงว่าผมค้างกับตะวัน"
"คงจะมีคนเห็นแกกับคุณตะวัน แล้วเอาไปบอกคุณดวงสุดาน่ะค่ะ"
ธวัชจับมือตะวันฉายอย่างรู้สึกละอายใจ
"ผมขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณเจอแต่เรื่องร้ายๆ แล้วผมก็เสียใจที่ไม่ได้ปกป้องคุณเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ปล่อยให้คุณดวงสุดารังแกฉันอยู่ฝ่ายเดียวหรอกค่ะ"
"ถึงยังไงผมก็ห่วงคุณ ที่นี่อันตรายเกินไปสำหรับคุณ ดาต้องตามระรานคุณไม่เลิกแน่ๆ ผมจะไม่ยอมให้เค้าทำอย่างนั้นกับคุณอีก"
"คุณจะทำอะไรคะ"
"เพื่อความปลอดภัยของคุณกับลูก ผมจะย้ายคุณไปอยู่ที่อื่น"

มะปรางนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น หันหลังให้ดำรงที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งสองเปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีผ้าห่มคลุม ครู่หนึ่งดำรงตื่น แล้วเข้ามาจูบแผ่นหลังมะปราง
"ผมรักคุณ... คุณทำให้ผมมีความสุขมากนะตะวัน"
มะปรางหันหน้ามา ดำรงชะงักตกใจ
"มะปราง !"
"ใช่ค่ะ..ฉันมะปราง"
ดำรงงุนงง
"เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อคืน"
"คุณใช้กำลังขืนใจฉัน เมื่อคืนฉันมาหาเพื่อนที่อยู่ที่นี่ แล้วเจอคุณเมากลับมา ฉันเลยพาคุณมาส่งที่ห้อง แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะทำกับฉันแบบนี้"
ดำรงพูดไม่ออก
"คือ..ฉัน"
"ฉันไม่น่าทำดีกับคุณเลย"
มะปรางมองดำรงอย่างผิดหวังเสียใจ ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าตัวเองที่กองอยู่บนพื้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป ดำรงนิ่งคิดอย่างพยายามทบทวนความจำ
ดำรงตีศีรษะอย่างโมโหตัวเอง มะปรางใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาจากห้องน้ำ
"ขอโทษนะมะปราง ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน..."
มะปรางสวนทันที
"คำขอโทษของคุณมันทดแทนสิ่งที่ฉันสูญเสียไปไม่ได้หรอก ฉันไม่น่าไว้ใจผู้ชายอย่างคุณเลย"
มะปรางคว้ากระเป๋าวิ่งออกไป ดำรงโมโหตัวเอง ไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะเห็นมือถือมะปรางที่วางบนโต๊ะ ดำรงนุ่งผ้าขนหนูเปิดประตูออกมาที่หน้าห้อง มองหามะปรางแต่ไม่เห็น

เวลาต่อมา ดวงสุดาโผซบสุนทรีย์ร้องไห้สะอึกสะอื้น
"คุณแม่ขา วัชไม่ให้เกียรติดา วัชทำร้ายจิตใจดา เค้าไม่เห็นค่าของดาเลย"
"หนูดาใจเย็นๆนะลูก"
"ดามันก็แค่เมียในทะเบียนสมรส ไม่ได้มีค่า ไม่ได้มีความหมายสำหรับวัชเลย"
"ไม่เอานะหนูดา อย่าพูดบั่นทอนจิตใจตัวเองแบบนั้น"
"แต่ถ้าวัชรักดา เห็นคุณค่าของดา วัชคงไม่ทำกับดาแบบนี้หรอกค่ะ"
สุนทรีย์นิ่งไป นึกถึงประโยคที่เธอเคยถามลูกชาย "อย่าบอกนะว่าวัชแต่งงานกับหนูดา ประชดแม่นางแบบตะวันฉาย"
สุนทรีย์มองดวงสุดาอย่างเห็นใจสงสาร พยายามปลอบใจ
"ไม่หรอกหนูดา ตาวัชไม่มีทางคิดกับหนูดาแบบนั้นแน่นอน ตาวัชเค้ารักหนูดา
มากนะ"
"จริงเหรอคะคุณแม่"
"ถ้าตาวัชไม่รักหนูดา แล้วเค้าจะแต่งงานกับหนูดาทำไม แต่ที่ตาวัชเป็นแบบนี้ เพราะเค้ากำลังหลงผิด"
"ถ้าเป็นอยู่อย่างงี้ วันหนึ่งดาก็คงจะต้องเสียวัชไป ดาเกลียดผู้ชายเจ้าชู้หลายใจอย่างคุณพ่อ ดาไม่อยากถูกสามีนอกใจไปมีเมียน้อยเหมือนคุณแม่ ดาอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แล้วดาก็รักวัชมาก ถ้าไม่มีวัช ดาก็อยู่ไม่ได้ คุณแม่ต้องช่วยดานะคะ"
"แม่จะอยู่ข้างๆหนูดาเสมอ แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกชายและลูกสะใภ้ที่รักแน่นอน"
ดวงสุดายิ้มดีใจที่มีสุนทรีย์เป็นแนวร่วม

เวลาต่อเนื่องมา สุนทรีย์เอาเรื่องธวัช
"วัชกล้าทำร้ายจิตใจหนูดาขนาดนี้ได้ยังไง หนูดาเป็นภรรยาที่ถูกต้อง เป็นผู้หญิงที่วัชควรจะห่วงใยทะนุถนอมมากกว่าผู้หญิงคนไหนๆ แต่นี่วัชกลับทำอะไรตามความต้องการของตัวเอง โดยที่ไม่แคร์ความรู้สึกของหนูดาเค้าบ้างเลย"
"ผมรู้ว่าผมผิด ผมขอโทษครับแม่" ธวัชพูดพลางยกมือไหว้แม่
"มาขอโทษตอนนี้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร แล้วคำขอโทษก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ หน้าที่ที่วัชจะต้องทำ ก็คือปฏิบัติตัวเป็นสามีที่ดี ให้ความรัก ให้ความซื่อสัตย์กับหนูดา ไม่ใช่ทำร้ายจิตใจกันแบบนี้"
"ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายดานะครับแม่ แต่ตะวันเค้าตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แล้วจะให้ผมทิ้งขว้างไม่ดูแลเค้าได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นสามี เป็นพ่อของเด็กในท้องเค้า"
"แล้วหนูดาล่ะ หนูดาไม่ใช่ภรรยาที่วัชควรจะดูแลรับผิดชอบหรอกเหรอ"
"แม่อยากให้ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบเหรอครับ"
"ไม่เลย...แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น แม่แค่คิดว่าถ้าแม่ตะวันฉายท้องจริง เค้าก็แค่จะจับวัชชั่วคราวเพื่อรักษาหน้าตัวเอง เพราะกลัวจะถูกคนครหาว่าท้องไม่มีพ่อ วัชคิดเหรอว่า ผู้หญิงที่มีทางเลือกมากมายอย่างตะวันฉายจะมาจมปลักอยู่กับผู้ชายธรรมดาๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรอย่างวัช"
"แม่..ทำไมแม่พูดแบบนี้ครับ"
"แม่เตือนเพราะแม่รักวัช แม่ไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวต้องด่างพร้อย แล้วก็เสียใจเพราะผู้หญิงฉาบฉวยคนนั้น"
"แม่" ธวัชอึ้ง พูดไม่ออก)
"สำหรับแม่แล้ว...หนูดาคือสะใภ้ที่แม่รัก หนูดาเป็นคู่ครองที่ดีและเหมาะสมกับวัชที่สุด ไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนแปลงความคิดของแม่ได้หรอกนะ"
สุนทรีย์เดินออกไปอย่างไม่พอใจ ธวัชอึ้ง หนักใจสุดขีด !

นิคมผายมือเชิญตะวันฉายที่ยืนอยู่กับธวัช ซูซี่และมะปรางที่บ้านสวนแห่งหนึ่ง
"Welcome to the beautiful house เฮ้าส์ๆๆๆ..ขอต้อนรับคุณตะวันสู่บ้านแสนสวยคร๊าบ"
บ้านไม้สีขาวหลังย่อมสวยน่ารัก อยู่ท่ามกลางสวนสวยร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ตะวันฉายมองบ้านอย่างชื่นชอบ
"Oh my god.. เรือนหอของเรา beautiful มั่กๆ.." ซูซี่ทำท่าซบนิคม "ขอบคุณนะคะดาร์ลิ้ง ที่ทำเพื่อความรักของเรา"
นิคมแกะมือซูซี่ออก
"โทษครับ...นี่เรือนหอของไอ้วัชกับคุณตะวัน ไม่ใช่เรือนหอของเรา และผมก็ไม่ใช่ดาร์ลิ้งของพี่ซูซี่ด้วย บอกแล้วไงว่าหัวใจของผมมีคนจองแล้ว"
ซูซี่ทำหน้าเซ็ง
"โอเค...sad"
ทุกคนหัวเราะขำ
ธวัถามตะวันฉาย " เป็นไงครับ บ้านสวยถูกใจคุณไหม"
ตะวันยิ้ม
"ถูกใจค่ะ...ขอบคุณคุณคมมากนะคะที่อุตส่าห์เป็นธุระให้"
"ด้วยความยินดีครับคุณตะวัน"
"คุณคมนี่เก่งนะคะ ตาถึงด้วย หาบ้านสวยๆน่ารักๆแบบนี้ได้ยังไง"
"พอดีเพื่อนของเพื่อนผมแนะนำมาอีกทีน่ะครับ เห็นคนดูแลบอกว่าบ้านหลังนี้ปล่อยให้เช่า เพราะเจ้าของย้ายไปอยู่เมืองนอกน่ะครับ"
"ตะวันคิดว่าจะอยู่ได้ไหมครับ"
"อยู่ได้สิคะ สวยน่ารัก แล้วก็ร่มรื่นน่าอยู่ขนาดนี้ ฉันชอบบ้านหลังนี้ค่ะ"
ทันใดนั้นกล้วยเดินเข้ามา ยกมือไหว้ธวัชกับนิคม
"สวัสดีค่ะคุณธวัช คุณนิคม"
ธวัชบอกกับตะวัน
"นี่กล้วยครับ..กล้วยจะมารับใช้ดูแลคุณ ... กล้วย..นี่คุณตะวัน เจ้านายเธอ"
กล้วยสีหน้าตื่นเต้น
"อุ้ย..คุณตะวันฉาย นางแบบซูเปอร์สตาร์ กล้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มารับใช้คุณตะวัน คุณตะวันสวยมากเลยค่ะ สวยกว่าในทีวีอีก เป็นบุญของกล้วยจริงๆที่ได้ใกล้ชิดคุณตะวัน กล้วยขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" กล้วยยกมือไหว้ตะวัน
ตะวันกับกล้วยต่างยิ้มให้กันอย่างถูกชะตา

ธวัช สีหน้าเบื่อๆเดินคุยมือถือเข้ามา
"ครับดา"
ภายในบ้าน
"วัชคะ..เดี๋ยวดาไปรับวัชที่ออฟฟิศ แล้วเราไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันนะคะ
"ไม่ต้องหรอกครับ...ตอนนี้ผมออกมาทานข้าวกับลูกค้าข้างนอกแล้วครับ"
ดวงสุดาสีหน้าผิดหวัง
"เหรอคะ..แล้วเย็นนี้วัชจะไปคุยงานที่ไหนต่อรึเปล่าคะ"
"ไม่ครับ"
"งั้นเลิกงานแล้ววัชรีบกลับบ้านนะคะ ดาจะรอทานข้าวกับวัช"
"ได้ครับ"
ดวงสุดายิ้มดีใจ
"งั้นดาไม่กวนวัชแล้ว เย็นนี้เจอกันนะคะ"
ดวงสุดากดวางสายยิ้มๆ แล้วหันไปบอกสาลี่ที่ทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
"สาลี่..แกรีบไปบอกแม่ครัวว่าเย็นนี้ให้ทำเมนูที่วัชชอบ แล้วกำชับด้วยนะว่า ทำให้อร่อย ทำให้ถูกปากวัชมากที่สุด ไม่อย่างงั้นฉันจะตัดเงินเดือนมัน"

บนโต๊ะอาหารบ้านสวนตะวันฉายกับกล้วยช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร หลังจัดเสร็จแล้วกล้วยออกไป ธวัชเดินเข้ามา
"โอ้โห..กับข้าวเต็มโต๊ะเลย อย่าบอกนะครับว่าคุณลงมือทำเองทั้งหมด"
"ฉันทำอาหารไม่เป็นหรอกค่ะ ที่เห็นนี่...ฉันให้กล้วยไปซื้อมา ฉันเป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องใช่ไหมคะ แค่ทำอาหารให้สามีทาน ยังทำไม่เป็นเลย"
"สำหรับผม...การที่จะมีภรรยาเป็นแม่บ้านแม่เรือนหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่เรามีความรักให้กันทุกวัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว" ธวัชจับมือตะวัน "ยังไงผมก็รักคุณ...ไม่ต้องซีเรียสกับเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้นะครับ"
ตะวันยิ้มฃ
"ขอบคุณนะคะที่เข้าใจฉัน"
"ทานข้าวดีกว่าครับ..ผมหิวจนไส้จะพันกันอยู่แล้ว"

ตะวันฉายตักข้าวให้ธวัชกินข้าวอย่างมีความสุข
 
อ่านต่อหน้า 4

นางกลางไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)

บริเวณลานจอดรถคอนโดฯ ตะวัน เวลาเย็น ดำรงก้าวลงจากรถจะเข้าไปในคอนโดฯ ทันใดนั้นวาทินขับรถปราดเข้ามาขวางพ่อไว้ วาทินลงจากรถ สองพ่อลูกมองกัน

"แกมาที่นี่ทำไม"
"ผมมาหาตะวัน เมียผม.. แล้วคุณพ่อล่ะครับมาทำอะไรที่นี่"
ดำรงยิ้มเยาะ
"ตะวันเค้าประกาศออกปาวๆว่า เค้าไม่เอาแกแล้ว นี่แกยังจะหน้าด้านตามตื๊อเค้าอยู่อีกเหรอ"
"ถ้าอย่างผมเรียกว่าหน้าด้าน แล้วที่คุณพ่อมาตามเกาะแกะตะวัน โดยที่ตะวันไม่เคยชายตาแลคุณพ่อแม้แต่หางตาเนี่ย แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ"
ดำรงโมโห ตะคอกใส่ลูก
"ไอ้วาทิน"
"อยู่กันแค่นี้ ไม่เห็นจะต้องตะโกนเลยนี่ครับ"
"แกไม่ต้องมาตีฝีปากกับฉัน" วาทินทำไม่สน "ฉันรู้นะว่าที่แกคอยตามตื๊อตะวันไม่เลิก เพราะแกเสียหน้าที่ถูกตะวันทิ้ง แกเลยอยากจะเอาชนะ ด้วยการดึงตะวันมาเป็นของแก เสือผู้หญิงอย่างแกไม่มีทางจริงจังกับผู้หญิงคนไหนหรอก แกเห็นผู้หญิงเป็นแค่ทางผ่าน เป็นแค่ดอกไม้ริมทางให้แกเด็ดดม พอสมใจก็ปาทิ้งไป..ก็เท่านั้น"
"ผมก็รู้เหมือนกันว่าที่คุณพ่อตามเกาะแกะตะวันไม่เลิก เพราะอยากจะได้ตะวันไปเป็นนางบำเรอจนตัวสั่น คุณพ่อเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องมือระบายความใคร่ คุณพ่อทำแบบนั้นกับตะวันไม่ได้หรอกครับ ตะวันไม่มีทางยอมแน่..ผมเอาหัวเป็นประกัน"
"แกจะคิดยังไงก็ช่าง แต่แกต้องเลิกยุ่งกับตะวัน ตะวันเป็นคนดี ผู้หญิงดีๆอย่างตะวันไม่ควรจะต้องมาเสียใจเพราะผู้ชายอย่างแก"
"คุณพ่อมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม อย่าบอกนะว่าสิทธิ์ของความเป็นพ่อ... คุณพ่อไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว เพราะเราตัดขาดความเป็นพ่อลูกจากกันแล้ว เหลือแต่ความเป็นศัตรูเท่านั้น"
ดำรงเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่ไม่ยอมแพ้
"งั้นแกก็เตรียมตัวแพ้ฉันได้เลย"
"อะไรทำให้คุณพ่อมั่นใจว่าจะชนะผมเหรอครับ"
"ความรัก ความจริงใจที่ฉันมีต่อตะวันไง ฉันรักตะวันอย่างจริงใจ ตะวันเป็นผู้หญิงที่มีค่าสำหรับฉัน และฉันก็ต้องการที่จะปกป้องดูแลเค้า"
"คุณพ่ออย่าเอาความรักมาอ้างหน่อยเลย ผู้ชายมักมาก มีเมียน้อยเป็นโขยงอย่างคุณพ่อเนี่ยนะจะรักใครจริง ผมขอเตือนด้วยความเคารพจากใจ คุณพ่อเลิกฝันหวาน แล้วก็ตื่นขึ้นมายอมรับความจริงได้แล้ว ผู้หญิงฉลาดๆอย่างตะวันไม่มีทางเดินไปติดกับดักของคุณพ่ออย่างแน่นอน"
"แกอย่าปากดีจองหองไปหน่อยเลย คอยดูเถอะ ถ้าตะวันเค้าไล่ตะเพิดแกออกมา ฉันนี่แหล่ะจะสมน้ำหน้าแกเป็นคนแรก"
"ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าระหว่างผมกับคุณพ่อ ตะวันเค้าจะต้อนรับใคร"
วาทินกับดำรงจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ชั้นล่างคอนโดฯ ตะวัน วาทินกับดำรงตกใจ
"อะไรนะ.. ตะวันย้ายออกไปแล้วเหรอ"
วาทินกับดำรงคุยกับแจง โอเปอร์เรเตอร์ประจำคอนโด
"ใช่ค่ะ...พี่ตะวันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว"
"ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอไม่ได้โกหก เพื่อจะกันไม่ให้ฉันพบตะวัน"
"ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็ขึ้นไปดูที่ห้องได้เลย แล้วไม่ต้องถามนะคะว่า พี่ตะวันไปอยู่
ที่ไหน เพราะฉันไม่ทราบค่ะ"
สองพ่อลูกหงุดหงิดหัวเสีย
" เพราะแกคนเดียวที่ตามวอแวตะวันไม่เลิก ไม่งั้นตะวันคงไม่ย้ายหนีไปแบบนี้"
"คุณพ่อนี่ช่างเป็นพ่อที่ประเสริฐเลิศล้ำซะจริงนะครับ เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ลูก"
"เฮอะ..ลูกนอกคอกอย่างแก ยังจะคิดว่าตัวเองมีความดีหลงเหลืออยู่อีกเหรอ"
"ครับ ผมมันเลว ผมมันชั่ว ในโลกนี้ไม่มีใครดีเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์เท่ากับคุณพ่ออีกแล้วล่ะครับ แต่ทำไมคุณพ่อไม่คิดบ้าง ว่าบางทีตะวันอาจจะย้ายหนีคุณพ่อก็ได้ เพราะเท่าที่ผมรู้..ตะวันเค้ารังเกียจขยะแขยงคุณพ่อยังกับไส้เดือนกิ้งกือ..ไม่ใช่เหรอครับ"
"ไอ้วาทิน !"
ดำรงเดือดดาล กระชากคอเสื้อวาทิน พร้อมง้างหมัดจะต่อย แจงปราดเข้ามาห้าม
"ขอโทษนะคะ ที่นี่เป็นที่ส่วนบุคคล ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาเอะอะอาละวาดเสียงดัง ถ้าพวกคุณมีปัญหาอะไร ก็เชิญไปเคลียร์กันที่อื่น"
วาทินกับดำรงมองแจงอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปคนละทาง แจงส่ายหน้าอย่างระอา

ห้องครัวบ้านสวน ตอนกลางวัน วันใหม่ ตะวันฉายมองธวัชที่วางถุงของต่างๆลงบนโต๊ะ
"นี่คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ"
"ผมซื้อของสดมาทำกับข้าวให้คุณทานครับ"
"คุณทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอคะ"
"ใช่ครับ...ไม่ใช่แค่ทำเป็น แต่อร่อยด้วย รับรองทานแล้วคุณจะหลงเสน่ห์ปลายจวักของผมชนิดโงหัวไม่ขึ้นเลยล่ะ" ตะวันฉายขำๆ
ตะวันยืนมองธวัชทำกับข้าว ตะวันฉายทอดปลา แต่ท่าทางเก้ๆกังๆกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ ธวัชจับมือเธอสอนทอดปลา หั่นเนื้อและตำน้ำพริก ทั้งคู่ทานข้าวกัน ทั้งสองตักอาหารให้กัน
ธวัชสระผมให้ตะวันฉายกลางสวนสวยๆ เสร็จแล้วเช็ดและหวีผมให้ ทั้งคู่ช่วยกันเก็บดอกไม้ในสวนสวยๆ ธวัชเด็ดดอกไม้มาทัดหูให้ตะวันฉาย ทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง

ธวัชยืนอยู่ที่สวน นึกถึงตะวันฉายกับกิจกรรมที่ทั้งคู่ร่วมทำกันมา ขณะที่ธวัชยิ้มมีความสุข ดวงสุดาก็เดินเข้ามา
"วัชคะ..เราไปทานข้าวข้างนอกกันนะคะ"
ธวัชใจลอยไม่ได้ยิน ดวงสุดาจับแขนธวัช
"วัช"
ธวัชรู้สึกตัว
"ครับดา"
"นี่วัชใจลอยไปถึงไหนคะ ดาเรียกก็ไม่ได้ยิน"
ธวัชชะงัก รีบโกหกกลบเกลื่อน
"อ๋อ...ผมกำลังคิดเรื่องงานอยู่น่ะครับ"
"วัชนี่บ้างานจริงๆเลย หายใจเข้าหายใจออกมีแต่งาน ทีกับดาไม่เห็นจะเป็นแบบนี้บ้างเลย เห็นงานสำคัญกว่าเมีย"
ธวัชจำใจโกหก
"ช่วงนี้งานผมยุ่งจริงๆ เลยคิดเรื่องงานมากไปหน่อยน่ะครับ"
"แต่ยังไงวัชก็เห็นดาสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดใช่ไหมคะ"
ธวัชจำใจยิ้มให้ ดวงสุดายิ้มดีใจ คล้องแขนธวัช
"เราไปทานข้าวข้างนอกกันนะคะ เสร็จแล้วก็ไปดูหนังกันต่อ"
ธวัชพยักหน้ายิ้มๆ แล้วแอบทำหน้าเบื่อ

ในคอนโดฯ ดำรงกระดกเหล้าหมดแก้ว สีหน้าเสียใจระคนเจ็บใจ
"เธอหนีหน้าฉันไปอยู่ที่ไหน..ตะวันฉาย"
ที่ระเบียงคอนโดวาทิน เขากำราวระเบียงแน่น สีหน้าเจ็บใจ
"ต่อให้คุณหนีไปอยู่นอกโลก คุณก็ไม่มีวันหนีผมพ้น ตะวัน..."

ภายในออฟฟิศธวัช เย็น วันใหม่ ดวงสุดาเดินมาหาโอเปอเรเตอร์
"สวัสดีค่ะคุณดวงสุดา มาหาพี่วัชเหรอคะ"
"ใช่..ฉันมารับวัชกลับบ้าน โทร.ตามวัชลงมาที"
"ตอนนี้พี่วัชไม่อยู่หรอกค่ะ"
ดวงสุดาชะงัก
"ไม่อยู่ แล้วไปไหน"
"ไม่ทราบค่ะ พี่วัชไม่ได้บอกไว้"
ดวงสุดาตะคอกด้วยความโมโห
"ทำไมไม่รู้จักถาม !"
โอเปอร์เรเตอร์พึมพำเซ็งๆ
"ฉันผิดอะไรเนี่ย"
ดวงสุดาโทร. หาธวัช
"ทำไมไม่รับสาย" แล้วเธอก็นึกได้ สีหน้าตกใจ "หรือว่า..!"

ดวงสุดากับวัลลภาเดินคุยกันเข้ามาที่ชั้นล่างของคอนโดฯ ตะวัน
"ดาแน่ใจเหรอ...เกิดนายนายธวัชไม่ได้อยู่ที่นี่ เราไม่หน้าแตกแหกเป็นแผลทั้งน้าทั้งหลานหรอกเหรอ"
"วัชไม่ยอมรับสายดา แถมไม่ยอมโทร.กลับอีก แสดงว่าวัชไม่อยากให้ดารู้ว่า
ตอนนี้วัชอยู่ที่ไหน ทำอะไร กับใคร แล้วอย่างงี้..น้าวัลจะไม่ให้ดาคิดว่าวัชแอบหนีมากกกอดนังตะวันได้ยังไงคะ"
"ถ้าจริงอย่างที่ดาคิดล่ะก็..ตบนังตะวันให้ตายคามือไปเลย เอาให้มันพิกลพิการ
อย่าให้มันกลับมาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตดาได้อีก"
"ดาไม่ปล่อยมันแน่ค่ะ"
ทั้งสองเดินมาหาแจง
"พวกคุณมาหาพี่ตะวันใช่ไหมคะ"
"ใช่..โทร.เรียกมันลงมา บอกว่าพวกฉันรออยู่ข้างล่าง"
"เสียใจด้วยนะคะ พี่ตะวันย้ายออกไปเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ"
ดวงสุดา/วัลลภาต่างชะงัก
"ย้ายออก"
"หวังว่าแกคงจะไม่สร้างเรื่องโกหกพวกฉันหรอกนะ"
"เมื่อหลายวันก่อน คุณดำรงกับคุณวาทินก็มาหาพี่ตะวันที่นี่ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็กลับไปถามพวกเค้าดูก็ได้ค่ะ"
"แล้วนังตะวันมันย้ายไปอยู่ที่ไหน เธอรู้ไหม"
"ฉันไม่ทราบหรอกค่ะ"
สองน้าหลานมองหน้ากันคิดๆแล้วเดินห่างออกมา
"หรือว่านังตะวันมันจะกลัวเราจนขี้หดตดหาย ถึงได้ย้ายบ้านหนีแบบนี้"
วัลลภายิ้ม
"ดี...เผลอๆมันอาจจะกลัวจนไม่กล้ายุ่งกับนายธวัชอีก" วัลลภายกมือสาธุ "เพี้ยง...ขอให้มันไปแล้วไปลับ"
"ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไปอยู่ในนรก"
ทั้งสองหัวเราะชอบใจ ดวงสุดายิ้ม โล่งอกมาก

ในบ้านสวน ตะวันฉายแหงนหน้ามองดาวบนฟ้ายิ้มๆ นึกถึงธวัช เสียงมือถือดัง เธอกดรับ
ภายสวนบ้านดวงสุดา ธวัชยืนคุยมือถือ
"ทำอะไรอยู่ครับ ทำไมป่านนี้ยังไม่นอนอีก"
"กำลังดูทีวีอยู่ค่ะ"
"งั้นปิดทีวีเดี๋ยวนี้เลย ดึกมากแล้ว คุณควรจะเข้านอนได้แล้ว คนท้องต้องพักผ่อนให้มากๆ นี่เป็นคำสั่งของคุณพ่อ คุณแม่ต้องปฏิบัติตาม..รู้ไหม"
ตะวันยิ้ม
"ตอนนี้คุณแม่ยังไม่ง่วงจริงๆ คงทำตามคำสั่งของคุณพ่อไม่ได้หรอกค่ะ"
"ยังไม่ทันไร คุณก็ดื้อกับผมซะแล้ว ดื้อแบบนี้เนี่ย พรุ่งนี้เจอตัว จะจับตีก้นให้ลายเลย... คอยดู" ตะวันหัวเราะขำ
ในห้องนอน ดวงสุดาเปิดประตูห้องน้ำออกมา มองหาธวัช
"ไปไหนของเค้า"
ดวงสุดาเดินมาที่เตียง แล้วหันไปเห็นธวัชยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในสวนผ่านหน้าต่าง ท่าทางมีความสุข
"ตะวันทานนมอุ่นๆสักแก้วสิครับ จะได้ช่วยให้ง่วงเร็วขึ้น"
"ค่ะ...คุณพ่อ"
"กู๊ดไนท์นะครับ แล้วก็ฝากกู๊ดไนท์ลูกของเราด้วย"
"ค่ะ..กู๊ดไนท์นะคะ"
"วัชคุยโทรศัพท์กับใครดึกๆดื่นๆ"
ดวงสุดานิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วสงสัยว่าธวัชจะติดต่อกับตะวันฉายอยู่

เย็นวันใหม่ ตะวันฉายเดินมาส่งธวัชที่รถ ธวัชอิดออด
"ขอผมอยู่ดูแลคุณต่ออีกสักพักไม่ได้เหรอครับ"
"ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ฉันดูแลตัวเองได้ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนป่วยขั้นโคม่านะคะถึงจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง"
"ผมรู้ครับว่าคุณดูแลตัวเองได้ แต่ผมอยากมีเวลาให้คุณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ตะวันฉายยิ้มซาบซึ้ง
"แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้วล่ะค่ะ"
ธวัชจับมือเธอ
"ผมมีความสุขมากนะครับที่ได้อยู่กับคุณ มากจนไม่อยากจากคุณไปไหน"
"ฉันเข้าใจค่ะ แต่อย่าลืมนะคะว่าคุณยังมีภรรยาอีกคน ที่จะต้องดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้ฉันเหมือนกัน นี่ก็เลยเวลามากแล้ว ฉันไม่อยากเอาเปรียบคุณดวงสุดา ป่านนี้เธอคงจะกำลังรอคุณอยู่ คุณรีบกลับบ้านเถอะค่ะ"
"ครับ..เดี๋ยวคืนนี้ผมจะโทร.หานะครับ"
ธวัชจูบหน้าผากตะวันฉาย ทันใดนั้นรถคันหนึ่งแล่นปราดเข้ามา เสียงเบรกดังสนั่น !!
ธวัช ตะวันฉายชะงักหันไปมอง ดวงสุดาเปิดประตูลงจากรถ สีหน้าอำมหิต
"มีความสุขกันมากใช่ไหม"
ธวัช/ตะวัน "ดา..! / คุณดวงสุดา"

ธวัชกับตะวันฉายตกใจมาก
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น