นางกลางไฟ ตอนที่ 1
ตุ๊กตาบ่าวสาวที่จูบกันหมุนไปมาอยู่บนแท่นเค้กสวยหรู เสียงไวโอลินเพลงโรแมนติกจากนักดนตรีดังคลอเข้ามา ท่ามกลางบรรยากาศงานแต่งงานในสวนสวยเก๋ มีนักข่าวมารอทำข่าว
นิคมถ่ายวิดีโอบรรยากาศในงาน ครู่หนึ่งเขาหันกล้องมาถ่ายตัวเอง ในจอ LCD นิคมกำลังพูดกับกล้อง
"สวัสดีครับ...ตอนนี้ผมอยู่ในงานแต่งเพื่อนสุดที่เลิฟ" แล้วเขาก็หันไปทางหนึ่งแล้วตะโก "เจ้าบ่าวสุดหล่อ... หันหน้ามาทางนี้หน่อยคร๊าบ"
ธวัชอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวถือช่อดอกไม้สวยหันหน้ามา สุนทรีย์และสายป่านยืนอยู่กับธวัช สุนทรีย์ยื่นกล่องแหวนให้ธวัช
"สวมแหวนนี้ให้น้องนะลูก"
สายป่านมองไปทางนึง
"อุ้ย... เจ้าสาวมาแล้วค่ะ"
ดวงสุดาในชุดเจ้าสาวสีขาวสวย เดินมากับวัลลภาและดำรง สาลี่ช่วยถือชายกระโปรงให้ เธอยิ้มรื่นมีความสุข ธวัชยื่นช่อดอกไม้ให้
ดำรงบอกธวัช
"ได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว"
ธวัชเปิดกล่องเห็นแหวนเพชรสวยเก๋อยู่ข้างใน ดวงสุดายิ้มหวาน ทุกคนยิ้มยินดีไปด้วย วาทินเข้ามาแอบดูที่มุมหนึ่ง ธวัชจะสวมแหวนให้ดวงสุดา นักข่าวเตรียมจะถ่ายรูป
ทันใดนั้นรถสปอร์ตเปิดประทุนหรูสีแดงเพลิงคันหนึ่งแล่นปราดเข้ามากลางงาน เสียงเบรกดังสนั่น !
ทุกคนหันไปมอง ตะวันในชุดเจ้าสาวสวยนั่งอยู่ในรถ ธวัชตกใจที่เห็นตะวันฉาย
ซูซี่กับมะปรางที่อยู่ในงานก็ตกใจที่เห็นตะวันฉาย
ซูซี่/มะปราง "ตะวัน"
ทุกคนต่างงงที่ตะวันฉายมาในชุดเจ้าสาว แขกในงานซุบซิบกัน
แขก 1ถาม
"ทำไมมีเจ้าสาว 2 คนวะ"
แขก 2ถาม
"นั่นสิ.. เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"
ตะวันฉายถือซองบางอย่างลงจากรถแล้วดิ่งไปหาธวัช
"ธวัช... ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ ฉันท้องกับคุณ"
ธวัชกับดวงสุดาต่างชะงัก ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
ธวัชถามตะวัน
"คุณว่าอะไรนะ"
"ฉันท้องค่ะ เด็กในท้องของฉัน เป็นลูกของคุณ"
ธวัชกับดวงสุดาตกใจ ดวงสุดาตั้งสติได้ก็ตวาดแว๊ดใส่ตะวันฉายอย่างไม่พอใจ
"ไม่จริง... วัชจะไปทำแกท้องได้ยังไง แกอย่ามาพูดมั่วๆนะ"
ตะวันฉายดึงกระดาษใบหนึ่งในซองออกมา
"กระดาษใบนี้คือหลักฐานยืนยัน"
ดวงสุดารีบดึงกระดาษไปดู
"ใบรับรองการตรวจครรภ์"
ตะวันฉายบอกธวัช
"ฉันท้องได้ 1 เดือน"
ธวัชตกใจ!! ทุกคนอ้าปากค้าง ธวัชดึงใบรับรองการตรวจครรภ์มาดูอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะนิ่งอึ้งไป
"กระดาษแค่ใบเดียวจะยืนยันอะไรได้"
ตะวันฉายชะงัก ดวงสุดาดึงใบรับรองการตรวจครรภ์จากธวัชมาขยำกระดาษแล้วปาใส่หน้าตะวัน
"แกอาจจะสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาก็ได้ ใครจะไปรู้...!"
ตะวันฉายไม่พอใจ วัลลภาอดแดกดันตะวันฉายไม่ได้
"สงสัยว่าแกจะมีผัวไปทั่วจนล้นบ้านล้นเมืองเลยจำผิดจำถูก ผู้ชายอย่างธวัชน่ะเหรอจะใฝ่ต่ำคว้าแกมาเป็นเมีย"
ธวัชหน้าซีดเผือด พูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก
"ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าคุณธวัชเป็นพ่อของเด็กในท้องฉันจริงๆ"
ดวงสุดาปรี๊ด
"เป็นไปไม่ได้..ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ"
"นังตะวัน... แกนี่มันหน้าด้านจริงๆ คิดจะแย่งผัวฉันไม่พอ ยังคิดจะแย่งผัวหลานฉันอีก ไสหัวไปให้พ้น อย่ามามั่วหาผัวไม่เลือกสถานที่ ผู้ชายแถวนี้ไม่มีใครเค้าอยากจะชายตาแลผู้หญิงโสโครกอย่างแกหรอก รู้ไว้ซะด้วย !" วัลลภาบอก
"แล้วผู้ชายอย่างวัชเค้าก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอันไหนของดี อันไหนของเน่า ! ทำไม..เห็นเพศผู้แล้วต่อมแรดมันทำงาน หางสั่นระริกๆอยากจะเอาผสมพันธุ์ทำผัวทุกคนหรือยังไง" ดวงสุดาบอก
"ถ้าแกร่านมากอยากจะมีผัวจนตัวสั่นนักล่ะก็ ฉันจะช่วยสงเคราะห์ ส่งผู้ชายไปจัดให้แกสักดอกสองดอกจะได้หายร่าน" วัลลภาบอก
"อย่าเอาเชื้อโรคร่านผู้ชายมาแพร่กระจายแถวนี้ และถ้าแกร่านมากอยากจะมีผัวทั่วราชอาณาจักรล่ะก็ ไปหาเอาที่อื่น !! ไสหัวออกไปจากงานฉัน อย่ามามั่วว่าวัชเป็นผัวแก"
ตะวันฉายดึงแผ่นซีดีออกมาจากซอง
"ฉันมีหลักฐาน"
ทุกคนชะงัก นิคมรีบเอาซีดีไปเปิด ทันใดนั้นบนจอบาร์โกปรากฏภาพที่ธวัชกอดจูบตะวันฉายที่หน้าห้องพักในรีสอร์ต ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าไปในห้องทุกคนฮือฮาตกใจ ธวัชอึ้ง !! พูดไม่ออก ดวงสุดาช็อก !
"ไม่จริง.. ไม่จริง!"
ดวงสุดากรีดร้องออกมาอย่างรับไม่ได้ แล้วเป็นลมล้มพับไป วัลลภากับสาลี่รีบเข้าประคองดวงสุดา วาทินกับดำรงก็ช็อกไม่แพ้กัน
นักข่าวรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปไม่ยั้ง ดำรงกับวาทินกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ วาทินตบกิ่งไม้อย่างกราดเกรี้ยวไม่พอใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างรับไม่ได้ ธวัชรีบดึงตะวันฉายออกไป
ดวงสุดาจิกหัวตะวันฉายเข้ามากลางงาน พร้อมกับสาลี่ แล้วเหวี่ยงตะวันฉายไปชนโต๊ะ แขกมองอย่างตกใจ
ดวงสุดาประจานกับทุกคน
"ใครไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้าน เที่ยวไล่แย่งผัวชาวบ้านเค้า ก็รีบดูเอาไว้ซะ หน้าตามันเป็นแบบนี้ !"
ตะวันฉายเดือด เข้ามาประจันหน้ากับดวงสุดาอย่างเอาเรื่อง
"ฉันกับคุณธวัชมีอะไรกัน ก่อนที่คุณจะแต่งงานกับเค้า เพราะฉะนั้นฉันไม่ได้แย่งคุณธวัช"
ดวงสุดาสวนทันที
"ที่วัชหลงผิดมีอะไรกับแกเพราะอารมณ์ชั่ววูบ !! ผู้ชายดีๆอย่างวัชไม่มีทางไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงสกปรกเน่าเฟะอย่างแกแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะแกให้ท่าเค้า"
"ผู้หญิงอย่างฉันไม่ตกต่ำถึงขนาดต้องให้ท่าผู้ชาย แล้วฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ"
"ผู้หญิงที่มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า ขึ้นเตียงกับใครต่อใครมานับไม่ถ้วนอย่างแก สะกดคำว่าศักดิ์ศรีเป็นกับเค้าด้วยเหรอ ไสหัวแกออกไป อย่ามายุ่งกับผัวฉัน ฉันไม่แบ่งผัวให้แก"
"ยังไงคุณธวัชก็ต้องรับผิดชอบลูกในท้องฉัน"
ดวงสุดาเดือด ตบตะวันฉายหน้าหัน
"หน้าด้าน ไร้ยางอาย !! แกไม่มีสิทธิ์จะเอาวัชไปจากฉัน !" ดวงสุดาจิกหัวตะวัน "ตราบใดที่ฉันยังหายใจอยู่ แกจะไม่มีวันได้วัชไป และแกจะไม่มีวันได้อยู่บนโลกใบนี้อย่างสงบสุข !"
ดวงสุดาเหวี่ยงตะวันฉายไปชนแท่นเค้กล้มครืนลง แล้วตามไปตบตะวันไม่ยั้ง พร้อมกดหน้าตะวันฉายลงกับเค้ก เธอตบดวงสุดากลับ แล้วเอาเค้กโปะหัว ทั้งสองตบกันชุลมุน ซูซี่กับมะปรางวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"ว๊าย ตะวัน"
ธวัชและคนอื่นๆวิ่งเข้ามาอย่างตกใจ นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูป
ดำรงกับนิคมพยายามกันนักข่าวไม่ให้ถ่ายรูป ธวัชวิ่งไปดึงดวงสุดาออก ซูซี่กับมะปรางเข้าไปดูตะวัน
"พอเถอะครับดา ตะวันกำลังท้องอยู่นะครับ"
ดวงสุดาตวาด
"นี่วัชปกป้องมันต่อหน้าดาเหรอ วัชเห็นมันสำคัญกว่าดาได้ยังไง"
"ดา...ผมขอร้อง แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว"
"ไม่.. ดาจะไม่ยอมให้มันมาทำลายความรักของเรา มันไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง ถ้ามีดาก็ต้องไม่มีมัน ดากับมันต้องตายกันไปข้าง" ดวงสุดาสีหน้าเจ็บแค้นมาก
ดวงสุดาผลักธวัชออกแล้วพุ่งเข้าไปจิกหัว ตะวันฉายจิกหัวกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งสองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ตะวันฉายในชุดสวยเซ็กซี่กำลังโพสต์ท่าถ่ายแบบหลายคัท หลายมุม เสียงชัตเตอร์ดังอย่างต่อเนื่อง
ซูซี่ ผ็จัดการส่วนตัวของเธอกับมะปราง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และทีมงานมองตะวันอย่างชื่นชมในความสวยบาดตาบาดใจของเธอ
"สวย เยี่ยม เป๊ะเว่อร์" ซูซี่บอก
ซูซี่อินจัด โพสต์ท่าตามตะวันแบบดัดจริตมาก
ตะวันฉายเดินแบบบนแคทวอล์กด้วยชุดสวยสง่า, ตะวันฉายออกงานโชว์ตัวอีเวนท์ แฟนคลับรุมล้อมขอลายเซ็นอย่างล้นหลาม สายป่านเป็นหนึ่งในนั้น ตะวันฉายแจกลายเซ็นให้แฟนคลับอย่างไม่ถือตัว สายป่านมองตะวันฉายอย่างชื่นชมคลั่งไคล้, ตะวันฉายให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างเป็นกันเอง นักข่าวถ่ายรูปตะวัน แสงแฟลชวูบวาบไปหมด
สายป่านถือนิตยสารแฟชั่นหน้าปกเป็นภาพตะวัน กำลังนั่งดูทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ
"พี่ตะวัน ในหนังสือกับในทีวีว่าสวยแล้ว ตัวจริงสวยยิ่งกว่า born to be the star ชัดๆ"
สุนทรีย์ลงนั่งข้างๆสายป่าน
"เป็นเอามากนะเรา วันๆไม่ทำอะไร ตามแต่ข่าวแม่นางแบบตะวันฉายอะไรเนี่ย"
"ก็พี่ตะวันสวยสง่ายังกับนางฟ้านี่แม่ ถ้าป่านสวยอย่างพี่ตะวันนะ ป่านจะไปเป็นนางแบบ"
สุนทรีย์ขำๆ
"ฝันเฟื่องใหญ่แล้ว" แล้วสุนทรีย์มองตะวันในทีวี "แต่คนเค้าซุบซิบนินทาว่านางแบบคนนี้เป็นเมียน้อยนางบำเรอเสี่ยเล็กเสี่ยใหญ่หลายคนไม่ใช่เหรอลูก"
ภายในห้องรับแขกคอนโดตะวันฉาย ซูซี่วางกล่องเครื่องเพชรสวยหรูลงตรงหน้าตะวันฉายทีละกล่อง
"ของเสี่ยย้ง เสี่ยไช้ เสี่ยเชน และเสี่ยประวิทย์"
มะปรางที่อยู่ด้วย มองเครื่องเพชรตาโต
"โห... สวยๆทั้งนั้นเลย"
"กี่กะรัตไม่รู้ แต่ที่แน่ๆทั้งหมดนี่ เกือบ 20 ล้านนะจ๊ะ ขอบอก"
มะปรางอ้าปากค้าง
"20 ล้าน !"
มะปรางมองเครื่องเพชรอย่างสนใจ แต่ตะวันฉายทำหน้าเบื่อหน่าย ยัดกล่องเครื่องเพชรใส่มือซูซี่
"พี่ซูซี่เอาเครื่องเพชรนี่มาทางไหน เอากลับไปทางนั้นเลยค่ะ ตะวันไม่ต้องการ"
"เฮ้ย...นี่มันเพชรนะเว้ย ไม่ใช่ขี้หมา พวกเสี่ยๆเค้าอุตส่าห์ส่งมาเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ รับไว้เถอะ เดี๋ยวจะเสียน้ำใจกันเปล่าๆ"
"ไม่ค่ะ.. ตะวันจะไม่มีวันเป็นเมียน้อยนางบำเรอใครเด็ดขาด"
"แต่เสี่ยพวกนี้เค้ายินดีทุ่มให้เธอไม่อั้นนะ ขอแค่เธอทำให้พวกเค้ามีความสุข"
ตะวันฉายสีหน้าจริงจัง
"เงินแค่ไหนก็ฟาดหัวตะวันไม่ได้ ตะวันไม่เคยคิดจะอยากทำให้ครอบครัวใครแตกแยก และถ้าตะวันจะรักใครสักคน ผู้ชายคนนั้นจะต้องไม่มีพันธะ เค้าจะต้องซื่อสัตย์และรักตะวันคนเดียว"
ห้องทำงานในบริษัท ธวัชกำลังร่างแบบแปลนอย่างตั้งใจ นิคมดึงแบบจากธวัชไป
"อะไรของแกวะไอ้คม"
"หยุดก่อน เพราะตอนนี้มีใครบางคนเค้าอยากเจอแก"
ดวงสุดาก้าวเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูงเปรี้ยวจี๊ด ส่งยิ้มหวานให้ ธวัชแอบทำหน้าเบื่อๆ เธอตรงเข้ามาหอมแก้มธวัชฟอดใหญ่
"ไม่เจอหลายวัน คิดถึงจังเลยค่ะ"
"ดามาหาผมถึงนี่ มีธุระอะไรเหรอครับ"
ดวงสุดาโอบคอธวัช ส่งสายตาหวานฉ่ำ
"ธุระไม่มีค่ะ ที่มาเนี่ยเพราะคิดถึงวัชล้วนๆ" เล่นเอาธวัชทำหน้าไม่ถูก "เลิกงานแล้ว เราไปทานข้าวดูหนังกันนะคะ"
"แต่ว่างานผม..." ธวัชกำลังจะบอกว่างานยังไม่เสร็จ
นิคมรีบดักคอ
"งานไอ้วัชเสร็จพอดีเลยครับคุณดา" นิคมเก็บแบบแปลนพับไว้ "เชิญทานข้าวดูหนังกันให้มีความสุขนะครับ"
ธวัชทำหน้าดุใส่ นิคมทำไม่สน ดวงสุดาเสียงหวาน
"เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเป็นอาทิตย์ ดาจะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของเรา และจะทำให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษที่สุดสำหรับเราสองคน"
ดวงสุดายิ้มหวาน ก่อนจะควงแขนธวัชออกไป ธวัชหันมาชี้นิคมแบบฝากไว้ก่อน นิคมยักคิ้วกวนๆให้เพื่อน
"ผู้หญิงเค้าทั้งสวย ทั้งรวย แต่มันกลับไม่สนใจ มันโง่หรือซื่อบื้อกันแน่วะ"
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
หน้าบ้านดวงสุดา เวลากลางคืน ต่อเนื่องมา ธวัชขับรถเข้ามาจอด ดวงสุดานั่งมาข้างๆ บ้านดวงสุดากับบ้านดำรง ผู้เป็นพ่ออยู่ในรั้วเดียวกัน แต่อยู่กันคนละบ้าน เพราะไม่ค่อยถูกกัน
ทั้งสองลงจากรถ ดวงสุดาเข้ามาโอบคอ ส่งสายตาเชื้อเชิญ
"วันนี้ดามีความสุขมากเลยค่ะ วัชอย่าเพิ่งกลับนะคะ อยู่เป็นเพื่อนดาก่อน"
"ไม่ดีหรอกครับ ดึกมากแล้ว ถ้าใครมาเห็นเราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ดาจะถูกนินทาในทางเสียหายนะครับ"
"ใครมันปากมอมอยากนินทาก็ช่างหัวมันสิคะ ดาไม่แคร์"
"แต่คุณพ่อกับคุณน้าของดาจะพลอยเสียหายไปด้วยนะครับ"
ดวงสุดายิ้มชื่นชมธวัช
"เพราะวัชน่ารักอย่างงี้ไง ดาถึงได้หลงวัชหัวปักหัวปำ งั้นวัชกลับบ้านเถอะค่ะ ดาไม่กวนแล้ว.. ราตรีสวัสดิ์นะคะ" หล่อนหอมแก้มลาธวัช
ธวัชขึ้นรถแล้วขับออกไป ดวงสุดาโบกมือลาธวัชแล้วจะเข้าบ้าน ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดใครบางคนดังเข้ามา ทำเธอชะงัก
โถงชั้นล่างบ้านดำรง วัลลภาทุ่มแจกันลงพื้น ขนแตกกระจาย สาสี่ยืนมองอย่างตกใจ
วัลลภาหันไปชี้หน้าด่าดำรงอย่างเกรี้ยวกราด
"ไอ้ผัวเฮงซวย ! ไอ้ผัวทุเรศ เมื่อคืนไปผสมพันธุ์กับอีนังตะวันฉายมาล่ะสิ ของดีๆ สะอาดๆ ไม่ชอบ ชอบนักไอ้ของเน่าๆ สกปรกๆ เนี่ย"
ดำรงตะคอกอย่างไม่พอใจ
"หยุดนะวัลลภา หยุดปากโสมมของคุณเดี๋ยวนี้ ผู้หญิงอย่างคุณไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าตะวันฉายนักหรอก"
วัลลภาโมโหกรี๊ดลั่น
"อ๊าย !! อย่าเอานังตะวันมาเทียบกับฉัน เพราะฉันกับมัน คนละระดับกัน"
ดำรงแค่นยิ้มประชด
"เฮอะ พูดจาไม่ดูสารรูปตัวเอง"
วัลลภาเห็นดังนั้นก็ยิ่งปรี๊ดแตก พุ่งเข้าตีดำรงไม่ยั้ง
"คุณดูถูกฉัน คุณไม่เคยให้เกียรติฉัน คุณยังเห็นฉันเป็นเมียอยู่หรือเปล่า"
ดวงสุดาวิ่งเข้ามาดึงวัลลภาออก
"น้าวัลคะ เกิดอะไรขึ้นคะ"
สาลี่ยื่นมือถือวัลลภาให้ดวงสุดา
"คุณดาดูภาพพวกนี้สิคะ"
ที่จอมือถือ เห็นภาพถ่ายที่ดำรงกินข้าวกับตะวัน ดวงสุดาสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
"คุณพ่อไปยุ่งกับนังตะวันฉายทำไม"
"พ่อก็แค่เลี้ยงข้าวตอบแทนที่เค้าไปเดินแบบเครื่องเพชรให้" ดำรงบอก
"เลี้ยงข้าวเสร็จก็ไปขึ้นเตียงกันต่อ" วัลลภาบอก
ดวงสุดาไม่พอใจ
"นี่นังตะวันฉายเป็นเมียน้อยคุณพ่อเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างงั้น"
วัลลภาบอกดำรง
"ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่ต่อไปคุณคิดจะเอามันเป็นเมียอีกคน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณเที่ยวไปเกาะแกะมันทุกวัน ฉันให้นักสืบสืบมาหมดแล้ว"
ดำรงชะงัก เถียงไม่ออก
"ทีวี หนังสือพิมพ์เค้าก็ออกข่าวปาวๆ ว่านังตะวันเป็นเมียน้อยนางบำเรอเสี่ยเล็กเสี่ยใหญ่ไปทั่ว คุณพ่อยังคิดจะไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงมากผัวอย่างมันอีกเหรอ"
" ก็พ่อแกอยากจะขึ้นเตียงกับมันบ้างน่ะสิ มักมากไม่รู้จักพอ ทำตัวเหมือนสัตว์ ผสมพันธุ์ไปเรื่อยไม่เลือกหน้า ไม่เลือกฤดู สำส่อน !"
"มันจะมากไปแล้วนะ !"
ดำรงโมโห ง้างมือจะตบวัลลภา ดวงสุดารีบดิ่งมาขวาง
"ห้ามแตะต้องน้าวัล !" ดำรงชะงักไป "คุณพ่อทำให้คุณแม่ตายไม่พอ ยังทำร้ายจิตใจน้าวัลอีก คุณพ่อทำร้ายคนที่ดารัก ดาเกลียดคุณพ่อ เกลียดที่สุด"
ดำรงชะงักพูดไม่ออก ก่อนจะเดินหัวเสียออกไป วัลลภาน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
"ดาจะไม่ยอมให้นังตะวันมายุ่งกับคุณพ่อเด็ดขาด"
"ดีค่ะคุณดา.. ยัยนางแบบตะวันฉายมีข่าวกับผู้ชายไปทั่ว ผู้หญิงอะไรร่านจริงๆ" สาลี่บอก
"พ่อดามีเมียน้อยไปทั่ว เค้าทำร้ายจิตใจน้า ไม่เคยนึกถึงจิตใจเมีย จิตใจลูก"
น้ำเสียงของวัลลภาขาดหายไป เมื่อนึกถึงวาทิน วัลลาร้องไห้กระซิกๆ
"เพราะอย่างงี้ ตาทินถึงต้องระหกระเหินไปอยู่ที่อื่น"
วาทินเดินมาหยุดที่หน้าห้องตะวันฉาย ก่อนจะยกช่อดอกไม้ในมือขึ้นมาจูบ แล้วกดกริ่งที่หน้าประตู ตะวันฉายนั่งหวีผมที่หน้ากระจกได้ยินเสียงกริ่ง ก็เดินมาส่องที่ตาแมวแล้วเปิดประตู เห็นวาทินยืนยิ้มหวานอยู่
" ดอกไม้สวยๆ สำหรับนางฟ้าคนสวยของผมครับ"
วาทินยื่นช่อดอกไม้ให้ ตะวันฉายรับช่อดอกไม้มา ก่อนจะปาใส่วาทินอย่างแรง
วาทินชะงักไม่พอใจ
"นี่มันอะไรกัน"
ตะวันฉายทิ้งรูปถ่ายปึกนึงลงตรงหน้าวาทิน เขาหยิบมาดูแล้วตกใจ เพราะล้วนเป็นรูปถ่ายที่เขาเดินควงกับหญิงสาวหลายคนอย่างสนิทสนม
"ฉันให้คนสะกดรอยดูพฤติกรรมของคุณมานานแล้ว นับจากวินาทีนี้ไป คุณกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เราเลิกกัน"
"เดี๋ยวสิตะวัน ผมอธิบายได้นะ"
ตะวันสวนทันที
"ไม่จำเป็น... ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว"
"ผมยอมรับว่าสนิทสนมกับผู้หญิงพวกนี้ แต่ผมสาบานได้ว่าไม่มีใครสำคัญสำหรับผมเท่ากับคุณ ผมรักคุณคนเดียวนะตะวัน"
"อย่าใช้คำว่ารัก.. เพราะคนที่รักกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้" ตะวันฉายเสียใจ น้ำตาคลอ "ฉันเกลียดคนไม่ซื่อสัตย์ เกลียดคนโกหกหลอกลวง จากนี้ไปเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
วาทินสวนทันที
"จะไม่เป็นได้ไง !! ที่ผมนอนกับคุณทุกวัน เรียกว่าอะไร ไม่เรียกว่าผัวหรอกเหรอ"
ตะวันสวนทันที
"ผู้ชายมักมากอย่างคุณไม่มีเกียรติพอที่จะใช้คำนั้นหรอก แต่ถ้าคุณอยากได้เกียรตินั้นมากล่ะก็ ไปเอากับผู้หญิงคนอื่น อย่ามายุ่งกับฉัน ! กรุณาออกไปจากห้องนี้ และออกไปจากชีวิตฉันด้วย"
วาทินอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ตะวันพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่แยแส
"คุณกล้าเขี่ยผมทิ้งงั้นเหรอ..ตะวัน"
วาทินกำหมัด ขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจ
วันรุ่งขึ้น ภายในห้องแต่งตัวในสตูดิโอ ช่างแต่งหน้ากะเทยทำผมให้ตะวันฉายเสร็จพอดี เธอใส่ชุดสวยเตรียมจะถ่ายแบบ
"สวยเริ่ดแล้วค่ะคุณน้อง"
"ขอบคุณนะคะ"
"จ้า.. งั้นพี่ไปกินผู้ชาย เอ้ย..ไปกินข้าวก่อนนะจ๊ะ"
ช่างแต่งหน้าเดินบิดก้นออกไป ตะวันลุกขึ้นจัดชุดตัวเอง
ครู่นึงมีช่อดอกไม้สวยยื่นมาตรงหน้า ตะวันหันไปเห็นดำรงยิ้มหวานให้
"คุณดำรง คุณเอาดอกไม้มาให้ฉันทำไมคะ"
ดำรงส่งสายตามีความหมาย
"ดอกไม้ช่อนี้ คือตัวแทนความปรารถนาดีที่ผมมีต่อคุณเสมอมา ได้โปรดรับไว้นะครับ"
ดำรงถือวิสาสะจับมือตะวันฉายมารับช่อดอกไม้ และฉวยโอกาสลูบมือเธอไปด้วย
ตะวันฉายไม่พอใจ รู้ว่าดำรงหาเศษหาเลย จึงรีบสะบัดมือออกทันที
"เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉัน"
ตะวันฉายจะเดินออกไป ดำรงคว้าเธอมากอด เธอดิ้นขัดขืน
"ปล่อยฉันนะ"
"ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเข้ามาเห็นนะครับ อีกอย่าง... ถ้าหัวใจเราตรงกัน ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ใครเลยนี่ครับ"
"คุณพูดเรื่องอะไร"
ดำรงส่งสายตาหวานฉ่ำ
"ผมรู้นะว่าคุณคิดยังไงกับผม ในเมื่อคุณพอใจในตัวผม เหมือนกับที่ผมพอใจในตัวคุณ แล้วจะปิดบังกันไปทำไม ผมยินดีที่จะดูแลคุณไปตลอดชีวิต คุณอยากได้อะไร ผมจะหาให้ทุกอย่าง ขอแค่..."
ดำรงจะบอกว่าขอแค่ตะวันแต่งงานกับเค้า แต่ตะวันผลักดำรงออก แล้วสวนทันที
"ฉันไม่เป็นเมียน้อยนางบำเรอให้ใครทั้งนั้น กรุณาอย่ามายุ่งกับฉัน"
ดำรงชะงัก ไม่พอใจ
"คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"หมายความว่าฉันรังเกียจคุณ แล้วฉันก็ไม่เคยพิศวาสในตัวคุณแม้แต่นิดเดียว"
"เป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณไม่มีใจให้ผม คุณคงไม่รับงานเดินแบบถ่ายแบบเครื่องเพชรของผมตั้งหลายครั้ง แล้วทุกครั้งที่ผมชวนคุณไปทานข้าว คุณก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง"
"ที่ฉันรับงานจากคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ เพราะฉันเห็นว่าทุกงานสำคัญเท่ากัน แล้วที่ฉันยอมไปทานข้าวกับคุณ เพราะฉันต้องการจะรักษามารยาท และอยากจะตอบแทนน้ำใจที่คุณจ้างงานฉัน ไม่ใช่เพราะอยากสานสัมพันธ์กับคุณเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เข้าใจไว้ด้วยนะคะ"
"ทำไม.. ผู้ชายอย่างผมมันน่ารังเกียจตรงไหน ผู้หญิงคนไหนๆก็อยากขึ้นเตียงกับผมทั้งนั้น"
ตะวันฉายสวนทันที
"แต่ไม่ใช่ฉัน"
ซูซี่กับมะปรางวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นเหรอตะวัน" มะปรางถาม
ตะวันฉายมองดำรง
"ผู้ชายคนนี้ทำตัวไร้มารยาทกับฉัน ฉันไม่อยากเห็นหน้าเค้า ไล่เค้าออกไปที"
ตะวันฉายพูดจบก็รีบเดินออกไป ดำรงจะตาม แต่ซูซี่รีบขวางไว้
"ตะวันพูดออกชัดเจนขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณดำรงจะฟังไม่รู้เรื่อง"
ดำรงตวัดสายตามองซูซี่อย่างไม่พอใจ ก่อนจะตะโกนไล่หลังตะวันฉาย
"แล้วคุณจะเสียใจที่ปฏิเสธผม"
ดำรงหันมามองซูซี่อย่างเอาเรื่อง เธอจ้องตอบอย่างไม่กลัว เขาเลยเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป
เวลาเย็น ตะวันฉายกำลังเลือกกระเป๋าอยู่ในร้านหรู มีพนักงานคอยแนะนำ
"ทุกใบส่งตรงมาจากอิตาลี่ คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดเลยนะคะคุณตะวัน"
วัลลภาเดินมากับดวงสุดาที่หน้าร้านพอดี
"ทางร้านเค้าโทร.ไปบอกน้าว่า กระเป๋าคอลเล็คชั่นใหม่ๆมาเพียบเลย น้ากะจะซื้อสักใบสองใบ ดาต้องช่วยน้าเลือกนะ"
วัลลภาจะพาดวงสุดาเข้าร้าน แต่ชะงักเพราะเห็นตะวันฉายอยู่ในร้าน
ตะวันฉายจะหยิบกระเป๋าใบนึง แต่กระเป๋าใบนั้นถูกวัลลภาชิงเอาถืออยู่ วัลลภากับดวงสุดามองเธออย่างไม่พอใจ
"คุณวัลลภา คุณดวงสุดา"
"นังตะวันฉาย" วัลลภาเรียก
ตะวันฉายไม่พอใจ
"ฉันกับพวกคุณเจอกันไม่กี่ครั้ง เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว กรุณาเรียกฉันให้สุภาพหน่อยนะคะ"
"ใช่... ฉันไม่รู้จักแก แต่แกรู้จักผัวฉัน แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าแกคิดจะแย่งผัวฉัน"
ตะวันฉายไม่พอใจ
"ฉันกับคุณดำรงไม่ได้มีอะไรกัน ฉันไม่เคยยุ่งกับเค้า และไม่เคยคิดจะแย่งผัวใคร"
วัลลภาสวนทันที
"ไม่ต้องมาตอแหลแก้ตัว ประวัติแกมันฉาวโฉ่เน่าเฟะหมดแล้ว ใครๆเค้าก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง"
ตะวันชะงักโกรธ ส่วนพนักงานตกใจ ได้แต่ยืนอึ้ง
"ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณกล่าวหา ข่าวที่ออกมา นักข่าวเค้าตีไข่ใส่สีทั้งนั้น"
"เลิกตอแหลสร้างภาพได้แล้ว หมามันจะขี้ได้ยังไง ถ้าไม่มีมูล" ดวงสุดาบอก
"ฉันเพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าผู้ดีอย่างพวกคุณ นอกจากจะตีนดำแล้ว จิตใจยังสกปรกอีก ถึงได้คิดแต่เรื่องต่ำๆ ทรามๆ ขอโทษด้วยนะที่จิตใจฉันไม่สกปรกพอที่จะคุยเรื่องต่ำๆกับพวกคุณรู้เรื่อง"
ตะวันเดินหนีไป ดวงสุดามองตามตะวันฉายอย่างเอาเรื่อง
ดวงสุดากับวัลลภาเดินมาดักหน้า ตะวันฉายชะงักไม่พอใจ
"ฉันยังพูดไม่จบ แกจะไปไหนไม่ได้" วัลลภาบอก
"ฉันต้องไปทำงาน ไม่ว่างให้ใครมาชี้หน้าด่าเสียๆหายๆ"
ตะวันจะเดินไป วัลลภาคว้าแขนตะวันฉายไว้แล้วบีบอย่างแรง
"แกจะขึ้นเตียงสมสู่กับผู้ชายคนไหนมันก็เรื่องของแก แต่ต้องไม่ใช่กับคุณดำรง.. ผัวฉัน !"
"เห็นว่าพ่อฉันเป็นเศรษฐีเครื่องเพชรพันล้านเลยอยากจะตกถังข้าวสารล่ะสิ ถ้าแกอยากจะมีชีวิตสงบสุขล่ะก็ อย่ามายุ่งกับพ่อฉัน !! ครอบครัวฉันไม่ต้อนรับผู้หญิงน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ยางอาย ขายตัวกินไปวันๆ ไม่ต่างจากโสเภณีอย่างเธอ !"
"จำใส่สมองแกไว้ด้วย เมื่อไหร่ที่แกมายุ่งกับผัวฉัน เมื่อนั้นชีวิตแกจะเจอกับความวิบัติ หาความสงบสุขไม่ได้ ! ฉันรับรอง" วัลลภาฉายแววตาอำมหิต
ตะวันฉายสะบัดมือวัลลภาออก ก่อนจะประชดด้วยความโกรธ
"ตอนแรกฉันไม่คิดจะยุ่งกับคุณดำรง ผัวคุณ...แต่ตอนนี้คิดไปคิดมา เป็นเมียน้อยเศรษฐีเครื่องเพชรพันล้านก็ดีเหมือนกัน จะได้นั่งกินนอนกินบนกองเงินกองทอง สบายไปทั้งชาติ"
วัลลภากับดวงสุดาชะงัก ตะวันฉายแกล้งยั่ววัลลภา
"ไม่แน่... เราอาจจะใช้ผัวคนเดียวกันในเร็วๆนี้ก็ได้นะคะ คุณวัลลภา"
ดวงสุดาอึ้ง วัลลภาโกรธ กรี๊ดลั่น
"อ๊าย ! นังผู้หญิงหน้าด้าน"
คนที่เดินแถวนั้นหันมองวัลลภาเป็นแถว เธอโกรธจนปากคอสั่น พูดอะไรไม่ออก ตะวันฉายยิ้มสะใจที่ยั่ววัลลภาได้ ก่อนจะแกล้งยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป วัลลภากับดวงสุดามองตามตะวันอย่างเจ็บแค้น
"ไม่คิดเลยว่ามันจะร้ายกาจขนาดนี้"
"นังตะวัน.. เห็นทีแกกับฉันจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ซะแล้ว"
วัลลภากัดปากกัดฟันอย่างเจ็บใจ
ภายในห้องนอนบนคอนโดฯของตะวันฉาย เธอใส่ชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำ ทีวียังเปิดทิ้งไว้ เธอล้มลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงอย่างเหนื่อยล้า ครู่หนึ่ง วาทินเข้ามาพลิกตัวตะวันขึ้นมา เธอตกใจ"วาทิน"
"คิดจะเขี่ยผมทิ้ง มันไม่ง่ายหรอกนะตะวัน ผมจะทำให้คุณรู้ว่าผู้ชายอย่างผม ควรค่าแก่การรักษามากแค่ไหน"
วาทินโถมตัวลงไปกอดจูบตะวันฉายทันที เธอดิ้นรนขัดขืน ผลักวาทินออก แล้วตบหน้าอย่างแรง !
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน"
"หวงทำไม ของมันเคยๆกันอยู่ หรือว่าจะเก็บไว้ให้ผู้ชายคนอื่น น่าสมเพช จริงๆที่ผู้ชายพวกนั้นจะต้องรับของเหลือเดนต่อจากผม"
วาทินซุกไซ้ซอกคอตะวัน ตะวันผลักวาทินออกอีก
"ฉันขยะแขยงคุณที่สุด"
"อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งเป็นสาวบริสุทธิ์หน่อยเลยน่า มาสนุกด้วยกันดีกว่า รับรองผมจะทำให้คุณประทับใจจนไม่มีวันลืมเลือน"
วาทินจะจูบตะวันฉายอีก เธอคว้าแจกันบนโต๊ะหัวเตียงมาฟาดหัววาทินอย่างแรง !! วาทินผงะไป หัวแตกเลือดไหลเป็นทาง เจ็บมึนจนลุกไม่ขึ้น ตะวันวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ขู่
"ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะเรียก รปภ.ให้มาลากคุณออกไป"
"แล้วคุณจะเสียใจที่ทำกับผมแบบนี้ !"
วาทินมองตะวันอย่างเจ็บใจแล้วเดินโซซัดโซเซออกไป ตะวันกระแทกโทรศัพท์ลงอย่างโมโห
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องนั่งเล่นในบ้าน ธวัชนั่งร่างแบบแปลนงานอยู่ ครู่หนึ่งสุนทรีย์กับสายป่านเข้ามานั่งข้างๆ
"ขยันจังเลยนะคะพี่ชายคนเก่ง ใจคอจะนั่งทำงานจนถึงเช้าเลยหรือไง" สายป่านบอก
"พี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ"
สุนทรีย์มองธวัชนิ่งๆ
"ที่วัชนอนไม่หลับ เพราะเรื่องหนูดาใช่ไหม" ธวัชชะงัก "หนูดาเค้ากำลังรอคำตอบเรื่องแต่งงานจากวัชอยู่นะ"
"แม่ครับ ผมยังไม่พร้อม"
"วัชจะปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้นะ คุณดำรงกับคุณวัลลภา ทางผู้ใหญ่ของหนูดาเค้าเร่งรัดเรื่องแต่งงานกับแม่นานแล้ว เรื่องนี้วัชต้องรีบตัดสินใจ แล้วถ้าวัชไม่มีคำตอบให้ฝ่ายหญิง มันจะเสียผู้ใหญ่กันหมดนะลูก"
"แต่ผมยังไม่อยากมีครอบครัวตอนนี้นะครับแม่ ผมอยากทำงาน และอยากจะใช้ชีวิตโสดให้เต็มที่มากกว่านี้"
"แต่แม่อยากเห็นวัชเป็นฝั่งเป็นฝา แม่แก่มากแล้ว ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง อีกอย่างแม่ก็ไม่เห็นว่าวัชจะสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหน นอกจากหนูดา"
"นั่นสิคะ... พี่ดาเพอร์เฟ็กท์ทุกอย่าง สวย รวย เก่ง ถ้าไม่รีบคว้าเอาไว้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะคะ" สายป่านบอก
"ป่าน...ไม่ใช่เรื่องของเด็ก" ธวัชปราม สายป่านจ๋อยๆไป
สุนทรีย์จับมือธวัช
"ครอบครัวหนูดามีบุญคุณกับครอบครัวเรามาก เมื่อก่อนพ่อกับแม่เป็นแค่ครูบ้านนอกจนๆ เงินเดือนจำกัดจำเขี่ยแทบจะไม่พอเลี้ยงลูกสองคน ถ้าไม่ได้คุณดวงเดือน แม่ของหนูดา รับพ่อของวัชเข้าทำงานที่บริษัทและคอยช่วยเหลือจุนเจือมาตลอด บ้านเราคงไม่มีกิน มีใช้สุขสบายอย่างทุกวันนี้"
"แม่จะให้ผมแต่งงานใช้หนี้บุญคุณเหรอครับ"
"ถ้ามีโอกาส เราก็ควรจะตอบแทนคนที่มีบุญคุณกับเราไม่ใช่เหรอลูก"
"แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าใช่ความรักรึเปล่า บางทีที่ผมสนิทสนมกับดา อาจจะเป็นเพราะความผูกพันก็ได้"
"แต่ความผูกพันก็อาจพัฒนาเป็นความรักได้ไม่ยาก แม่อยากให้วัชคิดให้ดี หนูดาเค้ารักวัชมาก มากจนแม่มองไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนรักวัชได้เท่ากับหนูดา"
ธวัชนิ่งไปอย่างลำบากใจ
วันใหม่ ภูเขาสวยๆ ทุ่งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ชูช่อบานไสว ท่ามกลางบรรยากาศรีสอร์ตที่เขาใหญ่ ตะวันนั่งอยู่ ซูซี่ยืนสั่งการกับช่างแต่งหน้า
"หล่อนต้องเนรมิตน้องตะวันให้สวยเริ่ดบรรเจิดปฐพีไปเลยนะยะ จะได้สมกับที่น้องเค้าอุตส่าห์ฟิตหุ่น ให้ฟิตแอนด์เฟิร์มเพื่อมาถ่ายแบบเซ็ตนี้โดยเฉพาะ"
"คุณพี่สบายใจได้ค่ะ ฝีมือระดับหนู ไม่เคยทำให้นางแบบคนไหนผิดหวัง แต่สวยๆอย่างน้องตะวันนี่ แต่งนิดๆหน่อยๆก็สวยเว่อร์แล้วล่ะค่ะ" ช่างแต่งหน้าบอก
ตะวันฉายยิ้มขอบคุณ มะปรางถือแก้วน้ำมาให้
"ใช่ค่ะ...สวยๆอย่างตะวัน ถึงไม่แต่งก็ดูดีทุกองศาอยู่แล้ว"
"งั้นก็รีบแต่งเร็วเข้า ได้ข่าวว่าตากล้องใกล้จะถึงแล้ว" ซูซี่ว่า
ทันใดนั้นทีมงานคนหนึ่งเดินมาหาตะวันฉาย
"คุณตะวันครับ มีแขกมาขอพบครับ"
มุมหนึ่งในรีสอร์ต เสี่ยไช้กับเสี่ยเชนนั่งอยู่ ตะวันฉายเดินเข้ามา สองเสี่ยเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ
"หนูตะวัน"
"ที่ฉันส่งเครื่องเพชรกลับไป พวกคุณยังไม่เข้าใจความหมายกันอีกเหรอ"
เสี่ยไช้โชว์กล่องเพชร
"เสี่ยซื้อสร้อยเพชรเส้นใหม่มาให้ ใหญ่กว่าสวยกว่าเดิมด้วยนะ"
เสี่ยเชนโชว์กล่องเพชร
"เสี่ยก็เอาตุ้มหูคอลเล็คชั่นใหม่มาให้ หนูตะวันต้องชอบแน่ๆ"
ทีมงานหญิง 2 คนยืนซุบซิบกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
ทีมงาน 1บอก
"ตามมาเอาอกเอาใจกันถึงนี่ แล้วยังจะกล้าออกมาแก้ข่าวว่าตัวเองไม่ได้เป็นเมียน้อยนางบำเรอใครอีก"
ทีมงาน 2 บอก
"ตอแหลชัดๆ"
ซูซี่ยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างหลังทีมงานทั้งสอง มะปรางยืนอยู่ด้วย
ซูซี่ทำท่าคันไม้คันมือ
"นังพวกปากเน่าชอบนินทาชาวบ้าน น่าจะโดนตบล้างน้ำสักฉาดสองฉาด จะได้หายปากเน่า !"
ทีมงานหันไปเห็นซูซี่ก็ตกใจ รีบเดินออกไป ซูซี่กับหันไปมองตะวันฉาย เห็นเสี่ยทั้งสองยื่นกล่องเพชรให้ตะวัน
"หนูตะวันรับตุ้มหูไว้นะ" เสี่ยเชนบอก
"รับสร้อยเพชรของเสี่ยด้วย" เสี่ยไช้ว่า
ตะวันดึงกล่องเพชรมาแล้วปาใส่เสี่ยทั้งสอง เล่นเอาทั้งคู่กระโดดหลบแทบไม่ทัน
"ฉันไม่ต้องการ รวมทั้งตัวพวกคุณด้วย แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก"
ตะวันเดินหนีไปอย่างรำคาญ สองเสี่ยอึ้ง อ้าปากค้าง
มะปรางพูดกับซูซี่
"เสี่ยพวกนี้ตื๊อจังเลย เพราะแบบนี้ตะวันถึงได้มีแต่ข่าวเสียๆหายๆ"
"ใช่.. เอาเวลาไปดูแลลูกเมียตัวเองดีกว่าไหม แต่จะว่าไปก็เสียดายเครื่องเพชรพวกนั้นเนาะ อย่างตะวันน่ะสวยเลือกได้ แต่อย่างฉัน.. ทำไมฉันไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงบ้างวะ สวรรค์แกล้งกันชัดๆ" ซูซี่พูดพลางมองตัวเองเซ็งๆ
มุมหนึ่งในรีสอร์ต ธวัชกับนิคมกางแบบแปลนให้เอกชัย เจ้าของรีสอร์ตดู
"สวยครับ... ผมชอบ แต่หลังคากับระเบียงขอให้ดูเป็นไทยๆมากกว่านี้นะครับ"
"โอเคครับ ไม่มีปัญหา" นิคมบอก
"เดี๋ยวผมจะรีบแก้แบบให้เลยนะครับ"
"ดีครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
ธวัชพยักหน้ายิ้มๆ เอกชัยเดินออกไป ครู่หนึ่งมือถือนิคมดัง เขาควักมือถือขึ้นมาดู
"ขอคุยกับกิ๊กแป็บนึงนะเว้ย ฝากก่อน"
นิคมเอาแบบแปลนในมือยัดใส่มือธวัช แล้วเดินคุยโทรศัพท์ออกไป ธวัชยิ้มมองตามนิคม
ทันใดนั้นลมพัดกรูเข้ามา กระดาษแบบแปลนในมือธวัชปลิวว่อนไปทั่ว เขาตามเก็บแต่กระดาษหลายใบปลิวไปไกล
ตะวันฉายอยู่ในชุดสวยราวกับเจ้าหญิงกำลังถ่ายแบบอยู่ มะปรางกับซูซี่ยืนให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ
ทันใดนั้นกระดาษแบบแปลนของธวัชหลายใบปลิวเข้ามาในฉาก
"เฮ้ย..กระดาษอะไร มาจากไหนวะ" ช่างภาพโวยวายเสียงดัง
ธวัชเดินตามเก็บกระดาษเข้ามา
"ของผมเองครับ พอดีลมพัดมาน่ะครับ"
ธวัชรีบเก็บกระดาษแบบเลยไม่ทันเห็นตะวันฉาย เธอเองก็เห็นธวัชแค่ด้านหลัง เขาเก็บกระดาษเสร็จก็จะเดินไป เธอถือกระดาษใบหนึ่งเดินมาข้างหลังเขา
"ยังเหลืออีกแผ่นค่ะ"
ธวัชหันมา ตกตะลึงในความสวยของเธอ ตะวันฉายก็ชะงักมองธวัช ทั้งสองสบตากันนิ่งนาน ต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ รู้สึกหัวใจสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด
"อ้าวคุณ..เสร็จแล้วก็ไปสิครับ พวกผมจะทำงาน"
เสียงของช่างภาพ ทำให้ธวัชกับตะวันหลุดจากภวังค์
"ครับ...ขอโทษนะครับ"
ธวัชรีบเดินออกไป ก่อนจะหยุดแอบมองตะวันฉายด้วยสายตาสนใจ
วันใหม่ ณ ลานหมู่บ้านแห่งหนึ่งตะวันฉายกำลังแจกชุดนักเรียนให้เด็กๆ มีซูซี่ มะปรางและผู้ใหญ่บ้านคอยช่วยเหลือ
เธอบอกดับเด็กว่า
"เข้าแถวดีๆนะคะ อย่าแตกแถวนะ"
ธวัชขับรถเข้ามาจอด สะพายกล้องลงจากรถแล้วหันไปเห็นชาวบ้านยืนมุงอะไรบางอย่าง เขาเดินไปดูจึงเห็นตะวันฉายแจกของให้เด็กๆ เขามองเธออย่างชื่นชม เธอเห็นเด็กคนหนึ่งพยายามแกะถุงชุดนักเรียน
"อยากลองใส่ชุดเหรอคะ" เด็กพยักหน้า "เดี๋ยวพี่ใส่ให้นะคะ" ตะวันฉายบอก
เธอแกะถุง แล้วใส่ชุดนักเรียนให้เด็ก ธวัชมองเธออย่างประทับใจ เขายกกล้องจะถ่ายรูปตะวัน แต่เปลี่ยนใจควักมือถือมาถ่ายภาพตะวันไว้แทน
"โอ้โห ชุดพอดีเป๊ะเลย ชอบไหมคะ"
"ชอบค่ะ"
"ได้ชุดใหม่แล้ว ก็ต้องตั้งใจเรียนด้วยนะคะ"
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เด็กยกมือไหว้ตะวันฉายแล้ววิ่งออกไป เธอมองตามแล้วยิ้มมีความสุข
"อิ่มบุญเหรอจ๊ะแม่นางแบบซุปตาร์ ยิ้มไม่หุบเลยนะ" ซูซี่บอก
"การได้เป็นผู้ให้ ได้ทำเพื่อคนอื่น ทำให้ตะวันมีความสุข สุขจนไม่รู้อธิบายยังไง"
"ฉันเชื่อว่าเด็กๆทุกคนก็คงจะมีความสุขไม่แพ้เธอ" มะปรางบอก
"ใจบุญสุนทานขนาดนี้ ไม่ตั้งมูลนิธิรับอุปการะเด็กกำพร้าซะเลยล่ะ" ซูซี่ว่า
"ตะวันก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ติดที่ว่าตอนนี้ยังมีทุนไม่มาก"
"เฮ้ย... เอาจริงเหรอ พี่พูดเล่นนะ" ซูซี่ว่า
"พี่ซูซี่ลองมองแววตาของเด็กๆพวกนี้สิคะ แล้วจะเห็นว่าพวกเค้าต้องการความรัก ความเข้าใจและโอกาส ถ้าเรามีกำลังพอที่จะช่วยเหลือเค้าได้ เราก็ควรจะทำไม่ใช่เหรอคะ"
"ใช่ค่ะ..เด็กกำพร้าทุกคนต่างก็ต้องการความรัก ต้องการโอกาสด้วยกันทั้งนั้น" มะปรางว่า
"แหม... เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย"
"ถ้าปรางกับตะวันไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าเหมือนเด็กๆพวกนี้ เราสองคนก็คงจะไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเค้าได้ลึกซึ้งเท่านี้หรอกค่ะ"
"ไม่มีใครที่จะเข้าใจเด็กกำพร้า เท่ากับเด็กกำพร้าด้วยกันหรอกค่ะ" ตะวันฉายบอก
ครู่หนึ่งนิคมเดินเข้ามาหา เห็นธวัชมองตะวันฉายแบบเหม่อๆ ยิ้มๆ ก็อดแซวไม่ได้
"ตกตะลึงในความสวยของคุณตะวันเหรอวะเพื่อน"
ธวัชรู้สึกตัวรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ
"ฉันแค่แปลกใจที่เจอคุณตะวันที่นี่"
"เห็นผู้ใหญ่บ้านบอกว่า คุณตะวันมาแจกของให้เด็กๆที่นี่บ่อยๆ แล้วเห็นว่าเสร็จจากนี่ก็จะพาเด็กๆไปปลูกป่าบนเขาด้วย... ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงใจดีใจบุญแบบนั้น จะมีข่าวเสียหายเรื่องผู้ชาย" นิคมนึกได้ชูแผนที่ "เอ้อ..ฉันได้แผนที่ทางไปน้ำตกจากผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว ไปเว้ย"
นิคมเดินไปที่รถ ธวัชมองตะวันยิ้มๆแล้วเดินไปขึ้นรถ วางมือถือไว้ที่คอนโซล แล้วขับรถออกไป
กลางป่าบนเขาตะวันฉาย ซูซี่ มะปราง เด็กๆและชาวบ้านช่วยกันปลูกต้นไม้ในหลายๆมุม
เธอปลูกต้นไม้กับเด็ก 2-3 คนเสร็จพอดี เธอปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย
"พี่ตะวันเหนื่อยไหมคะ" เด็กถาม
"นิดหน่อยค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวพวกหนูไปเอาน้ำให้นะคะ"
ตะวันยิ้ม
"ขอบใจจ๊ะ"
เด็กๆเดินออกไป เธอจะหาที่นั่ง แต่เหลือบเห็นงูเห่าตัวหนึ่งชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่ใกล้ๆ
ตะวันฉายตกใจกลัว ถอยหลัง 2-3 ก้าว
ธวัชยืนถ่ายรูปวิวสวยๆอยู่บนเนินหน้าผากับนิคม
"ไง..วิวสวยถูกใจไหมวะ"
"เยี่ยมเลย...เดี๋ยวจะถ่ายไว้เยอะๆ จะเอาไปทำเป็นโปสการ์ดแจกน้องๆที่บริษัท" ธวัชบอก
"งั้นเดี๋ยวฉันเดินหามุมสวยๆให้"
นิคมเดินออกไป ธวัชถ่ายรูปต่อพักหนึ่ง ครู่หนึ่งตะวันตื่นตกใจเข้ามา
"ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย"
ตะวันฉายไม่ทันระวัง วิ่งมาชนธวัช กล้องกระเด็นตกพื้น ทั้งสองเสียหลักล้มลงกอดกัน แล้วกลิ้งตกเนินไปไกล ก่อนจะตกวูบจากหน้าผาลงไปในน้ำตกเบื้องล่าง
ธวัชโผล่พรวดขึ้นมาเหนือน้ำ ขณะที่ตะวันฉายว่ายน้ำไม่เป็น ร่างจมลงไปใต้น้ำ ธวัชมองหาเธอ
"คุณตะวัน"
ครู่หนึ่งตะวันฉายตะเกียกตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ ก่อนจะจมลงไปอีก ธวัชรีบว่ายไปหาเธอ
เขาลากเธอที่หมดสติขึ้นมาที่ฝั่ง เขย่าตัว
"คุณตะวันครับ...คุณตะวัน"
ตะวันฉายแน่นิ่งไป ธวัชปั๊มหัวใจให้ แต่เธอไม่รู้สึกตัว ธวัชรีบเป่าปากผายปอดให้ ทันทีที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ตะวันฉายลืมตาวูบไหวกับสัมผัสนั้น
ธวัชถอนริมฝีปากออก เห็นตะวันฉายฟื้นก็ยิ้มดีใจ เธอมองเขาอย่างประทับใจ ก่อนจะไอค่อกแค่ก แล้วร้อง "โอ๊ย" เพราะเจ็บที่เท้า
"เป็นอะไรครับ"
ฝ่าเท้าเธอมีเลือดไหล
"หินบาดเท้าฉัน ตอนที่อยู่ในน้ำน่ะค่ะ"
กลางป่าหลายมุม ตะวันฉายขี่หลังธวัช เธอมองเขาอย่างประทับใจ
"ขอบคุณคุณธวัชมากนะคะที่ช่วยฉันไว้ ไม่งั้นฉันคงตายเป็นผีเฝ้าน้ำตกแน่ๆ"
ธวัชยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ"
"แล้วคุณธวัชมาทำอะไรที่เขาใหญ่เหรอคะ"
"ผมเป็นสถาปนิก มาออกแบบต่อเติมรีสอร์ตให้คุณเอกชัยน่ะครับ"
"รีสอร์ทคุณเอกชัย ฉันก็พักที่นั่นเหมือนกันค่ะ"
"งั้นเราก็พักที่เดียวกันสิครับ ดีใจจังเลยครับที่ได้ใกล้ชิดนางแบบดัง นี่ถ้ากล้องยังอยู่ ผมจะขอถ่ายรูปแล้วก็ขอลายเซ็นคุณตะวันไปให้น้องสาว น้องสาวผมเค้าปลื้มคุณตะวันเอามากๆเลยนะครับ"
"งั้นพอถึงรีสอร์ต ฉันจะถ่ายรูปแล้วก็เซ็นลายเซ็นให้คุณตัวโตๆเลย ว่าแต่คุณธวัชจะรังเกียจไหมคะ ถ้าฉันจะขอเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณ"
ธวัชยิ้ม
"ใครที่ไหนจะรังเกียจคุณตะวันล่ะครับ ได้ทานข้าวกับนางแบบซูเปอร์สตาร์ ถือเป็นบุญมากกว่า"
ตะวันขำๆ ธวัชยิ้มดีใจแล้วพาตะวันเดินออกไป
ธวัชแบกตะวันเดินไปหลายมุม กระทั่งกลับมาที่เดิม ตะวันฉายมองรอบๆอย่างแปลกใจ
"เอ๊ะ...ทำไมกลับมาที่เดิมล่ะคะ"
ธวัชหน้าเครียด
"เรากำลังหลงป่า"
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
เวลาเย็น ซูซี่กับมะปรางเข้ามาที่ลานหมู่บ้าน แล้วร้องอย่างตกใจ
"ตะวันหลงป่า"
ซูซี่กับมะปรางคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและเด็กๆ
"ครับ น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเด็กๆบอกว่า ตามหาคุณตะวันเท่าไหร่ก็ไม่พบ"
นิคมเดินหน้าเครียดเข้ามา
"เพื่อนผมก็หลงป่าเหมือนกันครับผู้ใหญ่ ผมตามหาไอ้วัชจนทั่วป่าแต่ไม่เจอเลย"
ทั้งสองสีหน้าเป็นห่วงตะวันฉายมาก
"ยัยตะวัน"
ผู้ใหญ่บ้านบอกกับชาวบ้าน
"พวกเรารีบแยกย้ายกันตามหาคุณธวัชกับคุณตะวันเร็ว"
นิคม ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านผู้ชายรีบเดินออกไป ซูซี่กับมะปรางจับมือกันเป็นห่วงตะวันฉาย
ผ่านเวลาจากเย็นเป็นกลางคืน ซูซี่กับมะปรางและชาวบ้านยืนรอพวกนิคมอย่างกระวนกระวาย
มะปรางขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองให้ตะวันฉายปลอดภัยด้วยเถิด
ครู่หนึ่ง นิคมเข้ามากับผู้ใหญ่และชาวบ้าน
"เป็นยังไงบ้างคะผู้ใหญ่ เจอตะวันกับคุณธวัชไหมคะ" ซูซี่ถาม
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า นิคมสีหน้าเครียดจัด
"โธ่... ตะวัน ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง"มะปรางบอก
"อย่าเพิ่งหมดหวังนะครับ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังตามหาสองคนนั่นอยู่" ผู้ใหญ่บ้านบอก
นิคมเป็นห่วง
"ไอ้วัช.. แกต้องปลอดภัยนะเว้ย"
ธวัชประคองตะวันลงนั่งบนห้างส่องสัตว์
"โชคดีนะครับที่เจอห้างส่องสัตว์ ถ้านอนข้างล่าง เราอาจจะไม่ปลอดภัยจากสัตว์ป่า คุณตะวันนอนได้ไหมครับ"
ธวัชหันไป เห็นตะวันนั่งขดตัวหนาวๆ ธวัชถอดเสื้อนอกออกแล้วห่มให้ตะวัน
ตะวันมองธวัชอย่างซาบซึ้ง
"ขอบคุณค่ะ"
"นอนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"
ธวัชขยับไปนั่งห่างตะวันฉาย เธอมองไปข้างล่าง สีหน้าแหยงๆแล้วกระเถิบมาเกาะแขนธวัช
"เป็นอะไรครับ"
"ฉัน...กลัวความสูงน่ะค่ะ"
ธวัชยิ้มๆ
"งั้นเกาะแขนผมแน่นๆนะครับ"
ตะวันยิ้มซึ้งใจ ครู่หนึ่ง ตะวันเริ่มง่วง ก่อนจะค่อยๆเอนตัวซบไหล่ธวัชอย่างไม่รู้ตัวแล้วหลับไป ธวัชยิ้ม อบอุ่นหัวใจเหลือเกินที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ
เช้าวันใหม่ ธวัชกับตะวันฉายนอนกอดกัน เธอรู้สึกตัวตื่น เห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดเขาก็ยิ้มอย่างอบอุ่นหัวใจ
ทันใดนั้น ธวัชลืมตาตื่น เห็นตัวเองกอดเธออยู่ก็รู้สึกเก้อๆ
"ขอโทษครับ"
ตะวันฉายเขินๆขยับตัวออกห่าง ธวัชมองลำธารที่อยู่ใกล้ๆ
"ตรงนั้นมีลำธาร... เราลงไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าครับ"
ธวัชปีนบันไดลงมาจากห้างส่องสัตว์ ตะวันฉายปีนตามลงมาอย่างเก้ๆกังๆเพราะกลัวความสูง
"ระวังนะครับ"
ทันใดนั้น ตะวันก้าวพลาด ลื่นตกลงมาทับธวัช จมูกทั้งสองชนกัน ทั้งคู่สบตากันนิ่งๆ ตะวันฉายรู้สึกตัวรีบดีดตัวออกเขินๆ
"ตะวัน" ซูซี่ร้องเรียก
"ไอ้วัช" นิคมเรียกเพื่อนเช่นกัน
ธวัชกับตะวันหันไปมอง เห็นนิคมเข้ามากับมะปราง ซูซี่ ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทั้งสองวิ่งมากอดตะวันฉายอย่างดีใจ นิคมเข้ามาตบไหล่ธวัชอย่างโล่งอก
ในร้านอาหารหรูคืนนั้น ตะวันฉายกับธวัชนั่งทานข้าวกัน บริกรเข้ามารินไวน์ให้ทั้งสอง
"ขอบคุณคุณธวัชมากนะคะ ที่ให้เกียรติฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนบุญคุณ"
"ผมไม่ถือเป็นบุญคุณหรอกครับ มนุษย์ต้องรู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" ธวัชพูดแล้วมองเธออย่างมีความหมาย "อีกอย่าง..ผมจะทนเห็นคุณตะวันเป็นอะไรต่อหน้าต่อตาได้ยังไง"
ตะวันยิ้ม รู้สึกอบอุ่นเหลือเกินกับสายตาและคำพูดของธวัช
ธวัชนึกได้
"อ้อ...ผมขออนุญาตถ่ายรูปคุณตะวันไปให้น้องสาวนะครับ"
"ได้สิคะ"
ธวัชควักมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตะวัน
"ฉันขอถ่ายรูปคู่กับคุณธวัชไว้เป็นที่ระลึกได้ไหมคะ"
"ด้วยความยินดีครับ"
ตะวันฉายขยับเข้ามาชิด ธวัชแอบมองเธอด้วยสายตาหลงใหล พอเธอหันมา ธวัชรีบถ่ายรูปกลบเกลื่อน ตะวันยกแก้วไวน์ขึ้นมา
"ขอบคุณคุณธวัชอีกครั้งนะคะที่ช่วยชีวิตฉันไว้"
ธวัชยิ้ม
"ขอบคุณคุณตะวันเช่นกันครับที่ให้เกียรติผม"
ทั้งสองชนแก้ว ดื่มไวน์แล้วยิ้มให้กัน
"ผมขอเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะครับ"
"เชิญค่ะ"
ธวัชเดินออกไป
ตะวันฉายนั่งอยู่ที่โต๊ะ ครู่หนึ่ง มือถือธวัชที่วางอยู่ก็ดังขึ้น ตะวันหยิบมือถือมากดรับ โดยไม่ทันมองหน้าจอ
ระเบียงห้องนอน ดวงสุดาคุยมือถือ ออดอ้อน เสียงหวาน
"วัชคะ...เมื่อไหร่วัชจะกลับกรุงเทพสักที ดาคิดถึงวัชนะคะ" ตะวันฉายชะงักเล็กน้อย "ฮัลโหล..วัช..ทำไมไม่พูดกับดาล่ะคะ"
"ขอโทษนะคะ พอดีคุณธวัชไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ"
ดวงสุดาหึง ปรี๊ดทันที
"แกเป็นใคร มายุ่งวุ่นวายกับโทรศัพท์แฟนฉันได้ยังไง"
ตะวันฉายสีหน้าผิดหวัง เข้าใจว่าธวัชมีแฟนแล้วจริงๆ
"ไม่ได้ยินหรือไง ฉันถามว่าแกเป็นใคร เสนอหน้ามายุ่งอะไรกับโทรศัพท์วัช..!"
"เดี๋ยวฉันจะบอกคุณธวัชให้นะคะ" เธอรีบกดวางสายแล้วพึมพำ "เสียงคุ้นๆ"
ฝ่ายดวงสุดาไม่พอใจ
"นังผู้หญิงคนนี้มันเป็นใคร ทำไมเสียงมันคุ้นๆ"
ธวัชเดินกลับเข้ามาพอดี
"คุณธวัชคะ เมื่อกี้มีคนโทรหาคุณค่ะ"
"เหรอครับ"
ตะวันยื่นมือถือให้ธวัช
"ฉันเห็นว่าคุณไม่อยู่ เลยรับสายแทนน่ะค่ะ"
"ขอบคุณนะครับ"
ทันใดนั้นมือถือธวัชก็ดังขึ้นอีก ธวัชดูหน้าจอ เห็นว่าดวงสุดาโทร.มา
"ผมขอตัวคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ"
ธวัชเดินออกไป ตะวันหน้าเศร้า รู้สึกผิดหวังเสียใจที่ธวัชมีแฟนแล้ว
มุมหนึ่งในร้านอาหาร
"ดามีอะไรครับ"
ดวงสุดานั่งคุยมือถือที่เตียงในห้องนอน
"เมื่อกี้ผู้หญิงที่ไหนรับโทรศัพท์แทนวัชคะ"
ธวัชรีบโกหก
"อ๋อ..เพื่อนไอ้คมน่ะครับ พอดีไอ้คมพาผมมาทานข้าวกับเพื่อนมันน่ะ...ว่าแต่ดาโทรหาผม มีอะไรเหรอครับ"
ดวงสุดาเสียงหวาน
"ดาก็คิดถึงวัชน่ะสิคะ คิดถึงจนนอนไม่หลับมา 2 คืนแล้ว แล้วทำไมวัชไม่โทร.หาดาบ้างล่ะคะ"
"ผมยุ่งๆน่ะครับ"
"แล้ววัชจะกลับกรุงเทพวันไหนคะ"
"เย็นพรุ่งนี้ครับ"
ดวงสุดายิ้มดีใจ
"ดีค่ะ...เดี๋ยวดาจะไปรอรับวัชที่บ้านนะคะ"
ธวัชทำหน้าเบื่อๆ
"ครับ"
"งั้นดาไม่กวนวัชแล้ว คืนนี้อย่าลืมฝันถึงดานะคะ"
"ครับ"
"กู๊ดไนท์ค่ะ"
ธวัชวางสาย ถอนใจเบื่อๆ ดวงสุดาหยิบกรอบรูปของธวัชที่อยู่บนหัวเตียงมาจูบยิ้มๆ
"พรุ่งนี้เจอกันนะคะ"
เวลาต่อมา ธวัชประคองตะวันฉายที่เมาคออ่อนคอพับเข้ามา
"ถึงห้องแล้วครับ"
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"
"ดึกมากแล้ว คุณตะวันรีบเข้านอนเถอะครับ"
ตะวันยิ้มให้ แล้วจะเปิดประตูห้องแต่เซจะล้ม เขารวบเอวเธอไว้ ทั้งสองชะงักสบตากัน
เขามองเธอนิ่งๆ แววตาเป็นประกายเผยความในใจ ทำเอาตะวันฉายใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ธวัชค่อยๆก้มลงจูบตะวันฉายอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ ขณะที่ตะวันฉายตอบรับด้วยอารมณ์ที่แตกกระเจิงเพราะเมาจนขาดสติ ธวัชผลักประตูพาเธอเข้าไปในห้อง
ในห้องพัก ธวัชประคองกอดตะวันฉายลงบนเตียง ทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง ธวัชก้มลงจูบ เธอ
ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างขาดสติ
ภายในคอนโด ดำรงโทรหาตะวันฉาย แต่ติดต่อไม่ได้
"ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก"
ดำรงขว้างมือถือทิ้งอย่างหัวเสีย
"เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฏิเสธฉัน" ดำรงทุบโต๊ะอย่างเจ็บใจ "ทำไม..ทำไม"
ภายในคอนโดอีกแห่ง วาทินมองรูปถ่ายตะวันฉายในมืออย่างเจ็บใจ
"คุณทำให้ผมเสียหน้ามากนะตะวัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับผมแบบนี้"
วาทินกัดฟันกรอด พร้อมกำรูปของตะวันแน่นอย่างเจ็บแค้น
เช้าวันใหม่ ธวัชกับตะวันนอนหลับอยู่บนเตียง ทั้งคู่เปลือยท่อนบน มีผ้าห่มคลุมท่อนล่าง
ครู่หนึ่ง ตะวันฉายรู้สึกตัวตื่น พอหันมาเห็นธวัชหลับอยู่ข้างๆก็ชะงักตกใจ
"คุณธวัช"
ธวัชลืมตาตื่น ยิ้มหวานให้ตะวัน
"ตื่นแล้วเหรอครับ"
ตะวันฉายโกรธจัด ตบหน้าธวัชเสียงดังฉาด !!! เขาตกใจ เธอเสียใจน้ำตาคลอ น้ำเสียงสั่นเครือ
"คุณฉวยโอกาสกับฉันอย่างงี้ได้ยังไง"
"ผมขอยืนยันนะครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้น..ไม่ใช่ความพลั้งเผลอหรืออารมณ์ชั่ววูบ สำหรับผม..มันคือความรัก ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันก็ตาม"
ตะวันฉายส่ายหน้าไม่เชื่อ เสียงดวงสุดาดังก้องเข้ามา
"แกเป็นใคร มายุ่งวุ่นวายกับโทรศัพท์แฟนฉันได้ยังไง"
"ผมยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง.. คุณตะวันแต่งงานกับผมนะครับ" ธวัชบอก
ตะวันสีหน้าแข็งกร้าว
"คุณแน่ใจนะว่าจะรับผิดชอบฉันได้"
"ครับ...ผมรักคุณ ผมยินดีจะดูแลคุณ"
เธอเสียงแข็ง
" ไม่จำเป็น"
"แต่ผมรักคุณ ผมจริงใจกับคุณนะครับ"
"ลืมเรื่องเมื่อคืนนี้ซะ ฉันจะถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพลาดพลั้งของฉันเอง"
ธวัชอึ้ง ตะวันฉายจะเดินหนี ธวัชรีบกอดไว้
"ผมขอโทษ ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คุณเสียใจ งั้นขอให้ผมได้ชดเชยกับสิ่งที่ทำลงไปกับคุณนะครับ แต่งงานกับผมเถอะนะครับ"
"ถ้าฉันแต่งงาน อนาคตในวงการบันเทิงของฉันจะเป็นยังไง กว่าที่ฉันจะถีบตัวเองขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย" เธอโพล่งออกมาด้วยความโกรธเสียใจ "คุณอย่าลำบากเลย ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณทั้งนั้น"
เธอแกะมือธวัชออก
"เราต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก ตลอดชีวิต"
ธวัชอึ้งหนัก ! พูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจอย่างจัง เธอมองเขาอย่างผิดหวังเสียใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ในห้องน้ำ ตะวันแษญพิงหลังกับประตู น้ำตาร่วงด้วยความโกรธเสียใจ เจ็บใจตัวเองที่เมาจนขาดสติ จนพลาดพลั้งมีอะไรกับธวัช ขณะที่ธวัชยืนอึ้ง สมองมึนตื้อไปหมด !
ภายในห้องน้ำในห้องพักธวัช น้ำไหลจากฝักบัวสู่เรือนร่างธวัช เขาก้มหน้านิ่ง ปวดร้าวกับรักที่พังทลายลงในพริบตาชนิดไม่ทันตั้งตัว
ฝ่ายตะวันฉายทรุดลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง พิงศีรษะกับปลายเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้น
"คุณมีคนรักอยู่แล้ว แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม ผู้ชายมักมาก เห็นแก่ตัว ฉวยโอกาส ฉันเกลียดคุณ…เกลียดที่สุด"
เธอและเขาต่างนึกถึงภาพประทับใจเมื่อหลงป่า ...
ตะวันฉายน้ำตาไหลอย่างเจ็บร้าวใจ
ธวัชกำลังขับรถกลับกรุงเทพด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ว้าวุ่นใจเรื่องตะวันฉาย
ธวัชปวดร้าวจนน้ำตาคลอ ขับรถต่อไม่ไหวจนต้องจอดข้างทาง ทันใดนั้นเสียงของสุนทรีย์ดังเข้ามาในสมองธวัช
"แม่อยากให้วัชคิดให้ดี หนูดาเค้ารักวัชมาก มากจนแม่มองไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนรักวัชได้เท่ากับหนูดา "
ธวัชกำพวงมาลัยแน่น
"ทำไมจะต้องเสียใจกับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นค่าของเรา"
ครู่หนึ่งแววตาธวัชมีประกายอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ธวัชหยิบมือถือที่อยู่บนคอนโซลรถแล้วกดโทรออก
"แม่ครับ... ผมจะแต่งงานกับดวงสุดาครับ"
ธวัชกดตัดสายด้วยสีหน้าแววตาเด็ดเดี่ยว
อ่านต่อตอนที่ 2