นางกลางไฟ ตอนที่ 2
ภายในสวนบ้านธวัช ตอนเย็น ธวัชนั่งเศร้า ทอดสายตามองเหม่อออกไปไกลอย่างปวดร้าวเรื่องตะวันฉาย ชั่วครู่หนึ่ง ดวงสุดาเข้ามากอดด้วยสีหน้าดีใจ
"วัช...ขอบคุณมากนะคะที่ให้เกียรติแต่งงานกับดา"
ธวัชแววตาเศร้า พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดเสียใจไว้อย่างที่สุด
"ดารอวันนี้มานาน วันที่ดาจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับวัช ผู้ชายที่ดารักที่สุดในชีวิต ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง"
"ดาเตรียมเป็นเจ้าสาวของผมได้เลย"
"ดาดีใจมากนะคะที่วัชเห็นคุณค่าของดา ดาสัญญาค่ะว่า จะเป็นภรรยาที่ดี จะดูแลวัชอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดารักวัชค่ะ แล้วแต่เราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่คะ"
"เร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้"
ดวงสุดายิ้มดีใจ คิดว่าธวัชรักตัวเองมาก จนต้องเร่งรีบแต่งงาน เธอซบหน้าลงกับอกธวัชอย่างแสนรัก สายป่านกับสุนทรีย์ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง ต่างยิ้มดีใจไปด้วย
ตะวันฉายยืนกับธวัชต่างยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงห้องตัวเอง
ตะวันฉายน้ำตาไหล ขณะที่ธวัชน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด ต่างเสียใจกันทั้งคู่
"ผู้ชายมักมาก ฉวยโอกาส ฉันเกลียดคุณ !"
"เลิกคิดถึงผู้หญิงไม่มีหัวใจคนนั้นสักที"
สายวันใหม่ ตะวันฉายเข้ามากดลิฟต์ ครู่หนึ่ง วาทินเข้ามากระชากแขน
"คุณหายไปไหนมาหลายวัน ทำไมติดต่อไม่ได้"
"ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณ"
"คุณไปกับผู้ชายคนอื่นมาใช่ไหม"
"ถ้าใช่...แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ อย่าลืมว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว"
วาทินไม่พอใจ
"ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ ! สงสัยจะลืมว่าผมเป็นผัวคุณ ต้องทบทวนความจำกันหน่อยแล้ว"
วาทินกระชากตะวันฉายไปที่ผนังหมายจะจูบ แต่เธอดิ้นขืนตัวไว้
"ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะร้องให้คนช่วย"
"แล้วถ้าผมบอกว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย ใครจะกล้ายุ่ง" พูดแค่นั้น ตะวันก็ชะงักไป "จะบอกให้นะ
คนอย่างผมสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น คุณไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก ตราบใดที่ผมยังต้องการคุณ"
วาทินจะจูบ ตะวันฉายล้วงกระเป๋า ควักสเปรย์พริกไทยขึ้นมาฉีดใส่หน้า วาทินแสบตาร้องดังลั่น เธอเตะเป้า วาทินทรุดฮวบ ตะวันฉายรีบวิ่งเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิด วาทินทุบกำปั้นกับผนัง เจ็บใจที่ทำอะไรเธอไม่ได้
ตะวันฉายเดินผ่านล็อบบี้อย่างรีบร้อนจะออกไปข้างนอก แจง-โอเปอเรเตอร์รีบเรียกเธอไว้
"เดี๋ยวค่ะพี่ตะวัน"
"มีอะไรเหรอจ๊ะ"
"มีแขกมารอพบพี่ค่ะ" แจงชี้ไปที่มุมรับแขก "เค้านั่งรออยู่ตรงนั้นน่ะค่ะ"
เธอเดินมาที่มุมรับแขก ใครบางคนนั่งหันหลังอยู่
"โทษนะคะ คุณมาพบฉันรึเปล่าคะ"
ดำรงหันมา เธอชะงักอย่างไม่พอใจ
"คุณดำรง"
ดำรงยิ้ม
"สวัสดีครับตะวัน"
"คุณมีธุระอะไรกับฉัน"
"คุณกำลังจะไปทำงานใช่ไหม ให้ผมไปส่งนะครับ"
"อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันไปเองได้"
"ผมอุตส่าห์มานั่งรอคุณ อย่าให้ผมมาเสียเที่ยวสิ"
"ฉันไม่ได้นัดคุณมา ฉันคงจะไปกับคุณไม่ได้ ขอตัวนะคะ"
ตะวันฉายพูดจบก็รีบเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ดำรงมองตามตะวันฉายด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"สักวันผมจะเอาชนะใจคุณให้ได้ ตะวันฉาย"
ดำรงเดินหัวเสียออกไป ทันใดนั้น วาทินเดินมาที่ล็อบบี้ พลางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง
เลยไม่เห็นดำรง
"คุณวาทินเป็นอะไรคะ ทำไมตาแดงๆ" พนักงานถาม
"เรื่องของฉัน"
วาทินชักสีหน้าหงุดหงิดใส่พนักงาน แล้วรีบเดินออกไป พนักงานมองตามอย่างงงๆ
วาทินเดินหงุดหงิดเข้ามาที่ลานจอดรถ แล้วเตะรถอย่างเจ็บใจ
"ผู้ชายคนเดียวที่จะเป็นผัวคุณไปตลอดกาล..ก็คือผม และผมไม่ยอมให้คุณเป็นของใครทั้งนั้น..!"
วาทินสีหน้ามุ่งร้าย
ดวงสุดายื่นถุงสมุนไพรให้สุนทรีย์ ธวัชและสายป่านนั่งอยู่ด้วย
"ดาซื้อสมุนไพรมาฝากคุณแม่ค่ะ เป็นสมุนไพรจีน ช่วยบำรุงเลือดและช่วยให้หลับสบายด้วยค่ะ"
"ขอบใจหนูดามากนะจ๊ะ"
"ดาห่วงสุขภาพคุณแม่นะคะ" เธอจับมือสุนทรีย์ "ดากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กๆ นอกจากน้าวัลแล้ว ก็มีคุณแม่นี่ล่ะค่ะที่ดารักและเคารพเหมือนแม่แท้ๆ"
สุนทรีย์ยิ้มอย่างซึ้งใจ
"แม่ดีใจแล้วก็ยินดีมากนะที่จะได้หนูดามาเป็นสะใภ้"
ดวงสุดากราบที่ไหล่สุนทรีย์อย่างซาบซึ้ง
"ดากราบขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะที่เมตตาดา"
"จะไม่ให้แม่เมตตาหนูดาได้ยังไง ในเมื่อหนูดาเป็นคนดี แล้วที่สำคัญ...หนูดารักตาวัชอย่างจริงใจ แล้วแม่ก็เชื่อว่า หนูดาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่จะทำให้ตาวัชมีความสุข"
"ค่ะคุณแม่...ดาสัญญาว่าดาจะรักและจะดูแลวัชเป็นอย่างดี เท่ากับชีวิตของดา เพราะวัชคือทุกสิ่งทุกอย่างของดาค่ะ"
สุนทรีย์ยิ้มซึ้งฃ
"แม่คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกหนูดาเป็นสะใภ้"
ดวงสุดาพูดเอาใจ
"ดาสัญญานะคะว่า ดาจะเป็นสะใภ้ที่ดีของคุณแม่ ดาจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังเด็ดขาดค่ะ" สุนทรีย์ยิ้มพอใจ
"ป่านดีใจมากนะคะที่จะมีพี่สาวเพิ่มอีกคน" สายป่านว่า
ดวงสุดาจับมือสายป่าน
"พี่ก็ดีใจจ๊ะที่จะมีน้องสาวน่ารักๆอย่างป่าน"
ดวงสุดา สายป่าน สุนทรีย์ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แต่ธวัชแอบถอนใจอย่างหนักอก
"พี่วัชรู้ตัวไหมคะว่า พี่วัชเป็นผู้ชายที่โชคดีมาก อาจจะมากที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เพราะพี่ดารักพี่วัชมาก ชนิดที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย นอกจากพี่วัชคนเดียว" สายป่านบอก
ดวงสุดายิ้มหวานให้ธวัช แต่ธวัชกลับเหม่อลอยนึกถึงตะวันฉาย
"เป็นอะไรคะวัช"
ธวัชชะงักรู้สึกตัว
"ดาว่าอะไรนะครับ"
"เมื่อกี้วัชเป็นอะไรคะ ท่าทางเหม่อลอยแปลกๆ"
ธวัชอึกอัก สายป่านรีบแซว
"ป่านว่าพี่วัชคงกำลังวาดฝันถึงวันแต่งงานแน่ๆเลย ... จริงไหมคะ"
ธวัชกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะตอบยังไง
"ไม่ตอบ..แสดงว่าชัวร์.. พี่วัชตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานกับพี่ดาแหงๆ" สายป่านบอก
ดวงสุดายิ้มเขิน แต่ธวัชหน้าเศร้า
ตะวันฉายขับรถเข้ามาจอดแล้วลงจากรถ ทันใดนั้น เธอถูกใครบางคนโปะยาสลบ เธอดิ้นได้ครู่เดียวก็สลบไป วาทินยิ้มร้าย
ตะวันฉายนอนสลบอยู่บนเตียง วาทินลูบไล้เนื้อตัวเธอครู่หนึ่ง แล้วเดินไปกดปุ่มบันทึกกล้องวีดีโอที่ตั้งไว้ปลายเตียง ก่อนจะกลับมาไล้แก้มตะวันฉาย พร้อมยิ้มร้าย
"คุณไม่มีสิทธิ์จะทิ้งผม คุณจะต้องเป็นของผมตลอดไป"
วาทินจูบซุกไซ้ตะวันฉาย ทันใดนั้น เธอรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นวาทินกำลังคุกคามตัวเธออยู่ก็ตกใจ พอเห็นกล้องที่ตั้งอยู่ปลายเตียงก็ยิ่งตกใจมาก !
ตะวันฉายดิ้นขัดขืน
"ปล่อยฉันนะ"
"ปล่อยก็โง่สิ"
วาทินจะจูบ ตะวันฉายง้างมือจะตบ วาทินแววตาดุดันจับมือเธอไว้
"ชอบความรุนแรงงั้นเหรอ !! ได้.. จะจัดให้ชุดใหญ่"
วาทินรุกต่อ ตะวันฉายดิ้นขัดขืนไปมาแต่สู้แรงวาทินไม่ได้ เธอเอื้อมมือไปดึงลิ้นชัก หยิบมีดพกออกมาแล้วแทงเข้าที่สีข้าง วาทินร้องดังลั่น ผงะตกเตียง เลือดไหล เจ็บจนลุกไม่ขึ้น
ตะวันฉายรีบวิ่งไปปิดกล้อง แล้วดึงเมมโมรี่การ์ดออกมา จ้องวาทินด้วยความโกรธ
"คิดจะถ่ายรูปแบล็กเมล์ไม่ให้ฉันเลิกกับคุณงั้นเหรอ คุณคิดผิดแล้ว"
วาทินผวาจะเข้าไปแย่งเมมโมรี่การ์ด ตะวันฉายเล็งมีดขู่
"ออกไป.. ไม่งั้นฉันจะส่งคุณไปลงนรก"
วาทินชะงักกลัว ก่อนจะรีบเดินโซซัดโซเซออกไปด้วยความเจ็บใจ เธอทิ้งมีดทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง
"ฉันคบกับผู้ชายเลวๆแบบนี้ได้ยังไง"
ตะวันร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
วัลลภากับดวงสุดาเข้ามาถามวาทิน
"ตาทิน..เป็นยังไงบ้างลูก"
วาทินนั่งกุมแผลเจ็บๆอยู่ที่โซฟา วัลลภาดิ่งเข้ามาดูวาทินด้วยความเป็นห่วง
"ค่อยยังชั่วแล้วครับคุณแม่ ดีที่แผลไม่ลึกมาก"
"ไหน...ให้แม่ดูแผลสิลูก"
วัลลภาดึงชายเสื้อวาทินขึ้น เห็นว่ามีผ้าก๊อซปิดที่สีข้าง
"โธ่เอ้ย..ลูกแม่ ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้นะ"
"แล้วนี่ทินไปมีเรื่องกับใคร ทำไมเค้าทำร้ายทินขนาดนี้" ดวงสุดาถาม
วัลลภาไม่พอใจ
"นั่นสิ..ใครกันที่มันกล้าทำร้ายทินจนเลือดตกยางออกขนาดนี้"
วาทินอึกอักอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอก
"ผมมีเรื่องกับพวกนักเลงน่ะครับ"
"นักเลงคนไหน บอกแม่มา แม่จะเอาตำรวจไปลากคอมันเข้าคุก"
"พี่ก็จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด ให้สาสมกับที่มันทำกับน้องชายพี่"
"อย่าเลยครับ ปล่อยให้เรื่องมันจบๆไปจะดีกว่า"
"ไม่ได้นะตาทิน มันทำร้ายลูก จะปล่อยให้มันลอยนวลได้ยังไง"
"ใช่... ถ้าเราไม่เอาเรื่อง มันจะยิ่งได้ใจรู้หรือเปล่า"
วาทินอึกอัก พยายามหาข้ออ้าง
"คือ..ผมกับพวกมันแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย แล้วผมก็ไปเคลียร์กับพวกมันเรียบร้อยแล้วครับ"
วัลลภากับดวงสุดานิ่งไปอย่างยอมจำนน
"ทินเจ็บแบบนี้ กลับไปอยู่ที่บ้านเรานะลูก แม่จะได้ดูแลทินสะดวก"
วาทินชะงักหน้าตึง
"ผมไม่มีสิทธิ์กลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกแล้วล่ะครับ"
"เลิกโกรธคุณพ่อนะทิน แล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน" ดวงสุดาบอก
วาทินสีหน้าปวดร้าว
"คุณพ่อไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมา เค้าไม่เคยเห็นผมเป็นลูก"
วัลลภากับดวงสุดานิ่งอึ้งไป พูดไม่ออก
"ผมมันลูกนอกคอก ไม่เคยทำอะไรให้เค้าภาคภูมิใจ อย่าให้ลูกเลวๆอย่างผมกลับไปทำให้เค้าไม่สบายใจเลยครับ"
วาทินน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด วัลลภากับดวงสุดาพูดไม่ออก ได้แต่ถอนใจสงสารวาทิน
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในสวนสาธารณะ มะปรางลงนั่งอย่างตกใจ
"คุณดำรงจ้างตะวันไปเดินแบบเครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่เหรอคะ"
มะปรางนั่งคุยกับตะวันฉายและซูซี่
"ใช่... แล้วยัยชะนีตะวันก็ให้พี่รับงานแล้วด้วย"
"เธอไม่อยากยุ่งกับคุณดำรง แล้วเธอไปรับปากจะเดินแบบให้เค้าทำไมล่ะตะวัน"
"ฉันไม่อยากเสียงาน ทุกวันนี้นางแบบหน้าใหม่ๆเยอะแยะ ถ้าฉันไม่คว้างานนี้ไว้ ฉันอาจจะถูกเมาท์ว่าดังแล้วหยิ่ง เรื่องมากไม่รับงาน ต่อไปใครจะจ้างฉันเดินแบบ"
"มันก็จริงของเธอ แต่ถ้าคุณดำรงมาวอแวกับเธออีก เธอจะทำยังไง"
"ฉันจะพยายามเลี่ยงไม่ให้เค้ามาวุ่นวายด้วย"
"คุณดำรงน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เมียกับลูกสาวเค้าน่ะสิ" ซูซี่บอก
วัลลภาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นบ้าน เวลากลางวัน
"ฉันไม่ยอม ! คุณจะเอาใครมาเดินแบบก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่นังตะวัน"
วัลลภาจ้องดำรงอย่างไม่พอใจ ดวงสุดายืนอยู่ด้วย ไม่พอใจเช่นกัน
" นางแบบคนอื่นสวยๆมีเยอะแยะ ทำไมจะต้องเป็นนังตะวันด้วย !" ดวงสุดาถามดำรง
"จะอะไรซะอีก ที่พ่อแกทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่ม เพราะหวังจะลากมันขึ้นเตียงด้วยน่ะสิ ... อยากจะสมสู่กับมันใจจะขาดล่ะสิ" วัลลภาว่า
ดำรงไม่พอใจ
"หุบปากสกปรกๆของคุณเดี๋ยวนะ"
"คุณพ่อมีเมียน้อยตั้งเท่าไหร่ ยังไม่พออีกเหรอ เมื่อไหร่คุณพ่อจะเลิกมักมาก ไม่รู้จักพอสักที" ดวงสุดาว่า
วัลลภามองดำรง
"นิสัยมักมาก ไม่รู้จักพอของพ่อแก มันแก้ไม่หายหรอก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมันซึมลึกเข้าไปในกมลสันดานแล้วยังไงล่ะ"
"เลิกกระแนะกระแหนกันสักที"
วัลลภาสวนทันที
"ฉันเลิกแน่ ถ้าคุณไม่ไปยุ่งกับนังตะวัน เลิกคิดจะเอามันมาเดินแบบซะ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้ามัน"
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม บริษัทผม ผมจะทำอะไรก็ได้" วัลลภาอึ้ง เถียงไม่ออก "หวังว่าจะไม่มีใครสร้างความวุ่นวายในงานนะ"
ดำรงออกคำสั่งกับวัลลภาและดวงสุดาก่อนจะเดินออกไป ทั้งคู่มองตามอย่างเจ็บใจ
"รักมันมาก อยากจะสมสู่กับมันมากใช่ไหม"
"นังตะวัน..แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับพ่อฉัน ฉันไม่ยอม"
สองน้าหลานกัดปากกัดฟันอย่างอาฆาตแค้นตะวัน
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านธวัช สายป่านนั่งดูทีวี ธวัชเดินถือกระเป๋าแบบแปลนเข้ามา
"ทำไมวันนี้เลิกงานช้าล่ะคะพี่วัช"
"พอดีลูกค้าสั่งแก้งานน่ะป่าน แล้วนี่ดูอะไรอยู่เหรอ"
ธวัชมองทีวีแล้วชะงัก เมื่อเห็นภาพ ตะวันฉายออกรายการทอล์กโชว์ ธวัชหน้าเศร้าขึ้นมา
"ป่านดูพี่ตะวันออกรายการทอล์กโชว์อยู่ค่ะ พี่ตะวันกำลังพูดถึงเส้นทางการเป็นนางแบบของตัวเองว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาเป็นนางแบบซูเปอร์สตาร์เนี่ยพี่ตะวันบอกว่า..."
ธวัชขัดขึ้นอย่างหงุดหงิด
"พอทีเถอะป่าน พี่ไม่อยากฟัง ถ้าจะให้ดี ปิดทีวีซะ พี่เหนื่อย อยากพักเงียบๆ"
ธวัชเดินหน้าตึงขึ้นบ้านไป สายป่านมองตามอย่างงงๆ
"อะไรของเค้า เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย"
ภายในร้านอาหาร ทั้งหมดนั่งกินข้าวกันอยู่ ตะวันฉายเขี่ยข้าวในจานเหม่อๆคิดเรื่องธวัช ซูซี่กับมะปรางหรี่ตามองอยู่นาน
"ตะวัน"
ตะวันนิ่ง ซูซี่เอามือโบกผ่านหน้า เธอจึงรู้สึกตัว
"เป็นอะไรป๊ะเนี่ย ไม่สบายรึเปล่า"
"เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร"
"ไม่เชื่อ" ซูซี่เอื้อมมือไปแตะหน้าผากตะวัน "ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา"
"บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้เป็นอะไร"
มะปรางถาม
"เธอแน่ใจเหรอว่าไม่เป็นอะไร ตั้งแต่กลับมาจากเขาใหญ่ เธอดูซึมๆไปนะ เธอมีปัญหาอะไรในใจรึเปล่าตะวัน ถ้ามี...อย่าเก็บไว้คนเดียวนะ ฉันกับซูซี่พร้อมจะช่วยเธอเสมอ"
ตะวันฉายอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตามน้ำ
"เอ่อ...ฉันเครียดเรื่องงานน่ะ"
"จะเครียดทำไมยะ งานทุกชิ้นพี่สกรีนอย่างดี เธอสบายใจได้ ฉันว่าหล่อนคิดเรื่องอื่นมากกว่า หล่อนมีปัญหากลุ้มใจอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ" ซูซี่บอก
ตะวันฉายลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด
"ตะวันปกติดี ไม่ได้เป็นอะไร ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
ตะวันฉายเดินหน้าตึงออกไป ซูซี่กับมะปรางมองตามอย่างสงสัย
ธวัชมองมือถือในมือ ที่เขาถ่ายรูปคู่กับตะวันฉายด้วยสีหน้าปวดร้าว
"ผู้หญิงไม่มีหัวใจ ไม่เคยเห็นค่าของความรักอย่างคุณ ไม่มีค่าพอที่จะให้ผมคิดถึงหรอก"
ตะวันฉายก็นั่งมองภาพที่ถ่ายคู่กับธวัช ในมือถือเช่นกัน
"ไม่..ฉันไม่ได้คิดถึงคุณ..คุณไม่ได้มีค่าพอขนาดนั้นหรอก ผู้ชายมักมาก ฉวยโอกาส เห็นแก่ตัวอย่างคุณ ไม่ควรจะเข้ามาในชีวิตฉันด้วยซ้ำ"
ทั้งคู่ต่างน้ำตาคลออย่างเจ็บปวดเสียใจ
ภายในห้องแสดงแฟชั่นโชว์ เวลากลางคืนของวันใหม่ บรรดาแขกนั่งรอดูแฟชั่นโชว์ นักข่าวยืนรอถ่ายรูป ดำรงนั่งอยู่หน้าเวทีกับเพื่อน ดวงสุดากับวัลลภาเข้ามานั่งห่างออกไป ทั้งสองมองดำรงอย่างไม่พอใจ
"คุณพ่อคงจะหลงใหลนังตะวันมาก ถึงได้นั่งติดเวทีขนาดนั้น" ดวงสุดาบอก
"พอลงจากแคทวอล์ก นังตะวันมันก็คงจะวิ่งรอกไปขึ้นเตียงกับพ่อแกต่อ"
วัลลภามองดำรงอย่างหึงหวงและเจ็บใจ
สักครู่หนึ่ง สายป่านกับนิคมเข้ามานั่งอีกมุมหนึ่ง สายป่านท่าทางตื่นเต้นมาก
"พี่คม..ป่านตื่นเต้นจังเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ป่านจะได้ดูพี่ตะวันเดินแบบ"
"พี่ก็เหมือนกัน เป็นบุญตาจริงๆที่ได้ดูนางแบบเดินแบบอย่างใกล้ชิดๆแบบนี้" นิคมว่า
"เสียดายแทนพี่วัชนะคะ ไม่น่ากลับไปทำงานเลย"
"สมน้ำหน้าไอ้วัชมัน...ทำเป็นขยันดีนัก เลยอดดูของสวยๆงามๆ"
มะปรางกับซูซี่ยืนมองดำรง วัลลภาและดวงสุดาอยู่อีกมุม ซูซี่สีหน้าหวาดหวั่น
"หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะ"ซูซี่ว่า
ไฟในห้องหรี่ลง ไฟบนเวทีแคทวอล์กส่องวูบวาบไปมา พร้อมกับเสียงดนตรีเร้าใจดังขึ้น เหล่านางแบบที่สวมใส่เครื่องเพชรแบบต่างๆเดินออกมา ทุกคนมองอย่างสนใจ
นางแบบเดินโชว์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินกลับเข้าไปหลังเวที จากนั้นตะวันฉายจะเดินออกมาในชุดราตรีสวยเซ็กซี่ พร้อมสร้อยเพชรหรูบนคอเปล่งประกายเจิดจ้าระยิบระยับ ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
ตะวันฉายเดินมาด้านหน้าเวที ดำรงมองอย่างหลงใหล วัลลภากับดวงสุดามองตะวันอย่างเกลียดชัง
เพื่อนดำรงตาค้างมองตะวันฉาย
เพื่อน 1 บอก
"ผู้หญิงอะไรสวยเซ็กซี่บาดตาบาดใจ"
เพื่อน 2 บอก
"ถ้าไม่บาดตาบาดใจ ดำรงมันจะจ้องตะครุบเหรอวะ เมื่อไหร่แกจะได้ขึ้นเตียงกับหนูตะวันวะ"
ดำรงยิ้มหมายมั่น
"อีกไม่นานเกินรอ"
ตะวันฉายเดินโพสต์ท่าไปมา ก่อนจะชะงักตกใจ เมื่อเห็นธวัชยืนมองอยู่อีกมุม เขามองเธอด้วยสายตาที่ทั้งโกรธและคิดถึง ก่อนจะเดินมาใกล้เวที เธอหน้าเสีย เริ่มเสียสมาธิ ทำอะไรไม่ถูก
"ตะวันเป็นอะไร ท่าทางเหมือนไม่มีสมาธิ" ซูซี่บอก
"นั่นสิคะ สีหน้าก็ดูไม่ดีเลย"
ดวงสุดาเห็น
"นั่นวัชนี่... ไหนบอกจะกลับไปแก้แบบให้ลูกค้า"
ตะวันฉายไม่กล้าสู้ รีบหมุนตัวจะเดินกลับไปหลังเวที
ทันใดนั้น ตะวันฉายก็ชะงักหน้ามืด ก่อนจะเซล้มตกเวที ทุกคนตกใจ ธวัชปราดเข้าไปรับร่างเธอไว้
เธอมองเขาด้วยสติที่เหลือน้อยเต็มที ก่อนจะหมดสติไป
ซูซี่และมะปรางต่างตกใจ
"ตะวัน !"
นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูปกันใหญ่ ดำรงรีบเข้าไปดู พร้อมซูซี่กับมะปราง
"นังนี่มันแผนสูง แกล้งเป็นลมเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อ" ดวงสุดาบอก
"ผู้หญิงแพศยา มารยาสาไถอย่างมัน ทำได้ทุกอย่างนั่นแหล่ะ"
ซูซี่กับมะปรางเดินนำธวัชที่อุ้มตะวันฉายเข้ามาในห้อง เขาวางเธอที่โซฟา คนอื่นๆตามมา
มะปรางเอายาดมจ่อจมูก ซูซี่ช่วยพัดให้ ธวัชมองด้วยแววตาเป็นห่วง
สายป่านเป็นห่วง
"พี่ตะวันอย่าเป็นอะไรนะคะ"
ดวงสุดาปราดไปหาธวัช
"ดามีเรื่องจะเคลียร์กับวัชค่ะ"
ดวงสุดาดึงธวัชออกไป ดำรงจะเข้าไปดู แต่ถูกวัลลภาขวางไว้ ดำรงไม่พอใจ
"นังตะวันแค่เป็นลม ไม่ได้ตาย... คุณน่าจะออกไปคุยกับแขก เจ้าของงานไม่ดูแลแขก น่าเกลียด"
วัลลภาจิกตาดุใส่ ดำรงออกอาการเซ็ง หันมองตะวันครู่นึง ก่อนจะเดินออกไป วัลลภายิ้มสะใจที่ขวางดำรงได้ ก่อนจะเดินตามไป
ดวงสุดาดึงแขนธวัชเข้ามาที่มุมหนึ่ง
"ไหนวัชบอกจะกลับไปแก้แบบให้ลูกค้า แล้วทำไมยังไม่กลับคะ"
ธวัชอึกอัก
"ผมห่วงป่าน กลัวป่านจะเถลไถลกลับบ้านดึก เลยเปลี่ยนใจน่ะครับ"
"แล้ววัชไปอุ้มนังตะวันทำไม น่าจะปล่อยให้มันตกเวทีคอหักตายให้รู้แล้วรู้รอด"
ธวัชรีบอ้าง
"ผมแค่ไม่อยากเห็นใครเป็นอะไรต่อหน้าต่อตา ท่าทางดาไม่ชอบคุณตะวันนะครับ"
"ดาเกลียดมันค่ะ มันคิดจะมาเป็นเมียน้อยคุณพ่อ"
ธวัชชะงัก ตกใจ
"อะไรนะครับ"
"ที่คุณพ่อจ้างมันมาเดินแบบ เพราะอยากจะได้มันเป็นนางบำเรอ แล้วมันก็อยากจะเป็นเมียคุณพ่อจนตัวซีดตัวสั่น เหมือนกับที่มันเป็นเมียน้อยเสี่ยหลายคน"
ธวัชไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการ
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ภายในห้องแต่งตัวนางแบบ มะปรางกับซูซี่ช่วยกันดูแลตะวันฉาย สายป่านกับนิคมอยู่ด้วย
ครู่หนึ่งเมื่อตะวันฉายรู้สึกตัว ทุกคนยิ้มดีใจ
"เป็นไงบ้าง..แม่นางแบบเหินเวหา" ซูซี่บอก
"น่าขายหน้าจัง ตะวันไม่น่าเป็นลมกลางแคทวอล์กแบบนั้นเลย"
"นี่เธอไม่สบายหรือเปล่า ถึงได้เป็นลมล้มพับอย่างนั้น"
"ที่ฉันวูบแบบนี้ คงเป็นเพราะช่วงนี้ฉันทำงานหนักพักผ่อนน้อย"
"ดีนะครับที่ไอ้วัชรับคุณตะวันได้ทัน คุณตะวันเลยไม่เป็นอะไร" นิคมบอก
ตะวันชะงักนึกได้ ก่อนจะมองหาธวัช
"แล้วนี่คุณธวัชไปไหนแล้วคะ"
"ไม่รู้เหมือนกันครับ"
"อย่าลืมไปขอบคุณคุณธวัชเค้าล่ะ" ซูซี่บอก
ตะวันฉายนิ่งไปอย่างไม่อยากสู้หน้าธวัช สายป่านเข้ามาใกล้ตะวันอย่างเจียมตัว ออกท่าทางเคอะเขิน
"ป่านดีใจนะคะที่พี่ตะวันไม่เป็นอะไร"
ตะวันงงว่าสายป่านเป็นใคร นิคมรีบแนะนำสายป่าน
"นี่สายป่าน.. น้องสาวไอ้วัชมัน ป่านเค้าเป็นแฟนคลับคุณตะวันครับ"
"ป่านมาดูพี่ตะวันเดินแบบค่ะ ป่านเคยขอลายเซ็นพี่ตะวันด้วยนะคะ"
ตะวันยิ้ม มองสายป่านอย่างเอ็นดู
มุมหนึ่งในงานธวัชยืนคุยกับนิคมและสายป่าน
"คุณตะวันเป็นยังไงบ้าง"
"ฟื้นแล้ว แล้วนี่แกหายหัวไปไหนมาวะ"
"ฉันก็อยู่แถวๆนี้แหล่ะ"
"ทำเป็นบอกจะกลับไปแก้งาน ที่แท้แกก็อยากดูนางแบบใช่ไหมล่ะ"
"พี่วัชนะพี่วัช เคยไปติดป่าค้างคืนกับพี่ตะวันก็ไม่บอก ถ้าป่านรู้ว่าพี่วัชรู้จักกับพี่ตะวันนะ ป่านนี้ป่านสนิทสนมกับพี่ตะวันไปนานแล้ว"
"พี่กับคุณตะวันรู้จักกันแค่ผิวเผิน ไม่ได้สนิทสนมกันอย่างที่ป่านเข้าใจหรอก พี่กับเค้าเป็นแค่คนที่บังเอิญผ่านมาเจอกันเท่านั้น"
ธวัชนิ่งไปอย่างเจ็บปวด
ห่างออกไป วาทินเดินเข้าไปในงาน
ตะวันฉายเดินมาตามทางเดินไปห้องน้ำในงาน วาทินเดินมาอีกทาง เห็นเธอก็จะเข้าไปหา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นดำรงปรี่เข้าไปหาตะวันฉายเสียก่อน เธอตีสีหน้ารำคาญ วาทินแอบดู
"คุณเป็นยังไงบ้างครับ ผมเป็นห่วงคุณมากนะรู้ไหม"
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่หน้ามืดเป็นลมเฉยๆ"
"แต่สีหน้าท่าทางคุณยังดูเพลียๆอยู่เลย ให้ผมไปส่งคุณที่คอนโดนะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่ต้องลำบากหรอก ฉันกลับเองได้ ขอตัวนะคะ"
ตะวันฉายตัดบทจะเดินออกไป แต่ดำรงดึงมือไว้
"อย่าปฏิเสธความหวังดีของผมนักเลย เกิดคุณหน้ามืดขึ้นมาอีก อย่างน้อยผมก็ช่วยดูแลคุณได้"
ตะวันฉายไม่ไว้ใจ แกะมือดำรงออก
"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันจะไปห้องน้ำ กรุณาหลีกทาง"
เธอจะเดินไป ดำรงถือวิสาสะดึงเธอมากอด วาทินชะงักไม่พอใจ เธอตกใจ
"คุณจะทำอะไร คุณดำรง"
"ที่ผมเทียวไล้เที่ยวขื่อคุณมาตลอด เพราะผมรักและจริงใจกับคุณนะตะวัน ผมอยากจะดูแลคุณ คุณคือผู้หญิงที่มีค่า มีความหมายสำหรับผมนะครับ"
วาทินกำหมัดแน่น ไม่พอใจพ่อมาก
"ผมต้องการคุณจริงๆ อย่าทรมานผมอีกเลยนะ"
ดำรงอดใจไม่ไหวจะจูบ ตะวันฉายดิ้นขัดขืน
"ปล่อยฉันนะ"
วัลลภากับดวงสุดาโผล่เข้ามาอีกทาง เห็นดำรงกอดตะวันก็ไม่พอใจมาก
"ดอดมาหากันจนได้ นึกแล้วไม่มีมีผิด"
วัลลภาจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ช้ากว่า วาทินปรี่เข้าไปดึงตะวันฉายออก ดำรงชะงักที่เจอลูกชาย
"ห้ามยุ่งกับตะวัน"
"แกเกี่ยวอะไรด้วย"
"ตะวันเป็นเมียผม"
ดำรงตกใจ เช่นเดียวกับวัลลภาและดวงสุดา
ดำรงไม่อยากเชื่อ
"แกว่าอะไรนะ"
วัลลภาปรี่มาหาวาทิน
"ไม่จริง...ทินไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงหน้าด้านคนนี้ใช่ไหมลูก"
ตะวันฉายชะงักตกใจ นึกไม่ถึงว่าดำรงกับวัลลภาจะเป็นพ่อแม่ของวาทิน
"ทุกคนฟังผมให้ดี.. ตะวันเป็นเมียผม เราคบกันมาปีกว่าแล้ว"
ดำรง วัลลภา ดวงสุดาอึ้ง แทบช็อก !!
"คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเมียผม"
ตะวันฉายสวนทันที
"หยุดนะวาทิน... เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว เราเลิกกันแล้ว แล้วคุณไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันอีก กรุณาจำให้ขึ้นใจด้วย"
ตะวันฉายรีบเดินออกไปอย่างหัวเสีย
"ตะวัน..เดี๋ยวก่อน ตะวัน"
ดำรง วัลลภา ดวงสุดามองวาทินอย่างไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าวาทินกับตะวันจะเคยคบหากันมาก่อน
ตะวันฉายเดินมาอย่างหงุดหงิดหัวเสีย ขณะที่ธวัชเดินเลี้ยวมาอีกทาง ทั้งสองเดินมาชนกัน ธวัชตกใจโอบตะวันไว้ ทั้งคู่ชะงักมองกัน
"ธวัช"
ธวัชประชดทันที
"คุณจำได้ด้วยเหรอว่าผมเป็นใคร"
ตะวันดันตัวออกจากธวัชอย่างมีทิฐิ
"ฉันสมควรจะจำผู้ชายเห็นแก่ตัว ฉวยโอกาสอย่างคุณด้วยเหรอ"
"ใช่สิ.. ผู้ชายอย่างผมคงจะน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงมากในสายตาของคุณ"
"คุณรู้ตัวก็ดีแล้ว เราจะได้วางตัวถูก เวลาที่เจอหน้ากัน ฉันกับคุณเป็นแค่คนรู้จักกัน ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากไปกว่านั้น"
"ได้...ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น"
ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งๆอย่างเจ็บปวดในใจ สายป่านกับนิคมเข้ามา
"พี่วัชมาอยู่กับพี่ตะวันนี่เอง"
นิคมเห็นทั้งคู่หน้าบึ้ง
"คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ท่าทางซีเรียสจัง"
ตะวันฉายอึกอัก พูดไม่ออก
"ตอบเค้าไปสิครับว่าเราคุยเรื่องอะไรกัน" ธวัชว่า
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณนิคม ฉันแค่ขอบคุณคุณธวัชที่ช่วยไม่ให้ฉันตกเวทีน่ะค่ะ"
ธวัชแค่นยิ้มเยาะกับคำโกหกของตะวันฉาย
"เรากลับกันเถอะ" ธวัชบอก
"อ้าว...แล้วแกจะไม่ไปลาว่าที่ภรรยาแกหน่อยเหรอวะ"
ตะวันชะงัก ทำหน้างง
"ว่าที่ภรรยา"
"นี่พี่ตะวันยังไม่รู้เหรอคะว่าพี่วัชกำลังจะแต่งงาน พี่วัชจะแต่งงานกับพี่ดวงสุดาค่ะ"
ตะวันชะงักใจหายวูบ !! นึกถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กับดวงสุดา
ตะวันฉายมองธวัชอย่างเจ็บแปลบหัวใจ ก่อนจะฝืนยิ้มให้ธวัช
"ดีใจกับคุณธวัชด้วยนะคะ คุณกับคุณดวงสุดาเหมาะสมกันมาก"
ตะวันฉายตีสีหน้ายิ้มแย้มพยายามกลบเกลื่อนอาการตัวเอง ธวัชมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน
"ครับ..ดาเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาผม เพราะเค้าเห็นคุณค่าของความรัก ไม่ได้เห็นผู้ชายเป็นแค่ทางผ่านเหมือนผู้หญิงบางคน แล้วผู้หญิงประเภทนั้นก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักมีค่า มีความหมายมากแค่ไหน"
เธอไม่พอใจที่ถูกแดกดัน สายป่านกับนิคมมองทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ
ตะวันประชดธวัชกลับ
"งั้นฉันขอให้คุณกับคุณดวงสุดามีความสุขกันมากๆนะคะ ถ้ามีโอกาสฉันคงได้ไปร่วมงาน ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ตะวันรีบเดินออกไป ธวัชมองตามตะวันอย่างเจ็บปวด ที่ตะวันไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนเลยสักนิด
มุมหนึ่งในงาน เวลากลางคืน วาทินจ้องพ่ออย่างเอาเรื่อง
"ถ้าคุณพ่อไม่อยากมีเรื่องกับผม เลิกยุ่งกับตะวันซะ"
ดำรงไม่พอใจ
"แกไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน เพราะตะวันเลิกกับแกแล้ว ฉะนั้นฉันมีสิทธิ์"
วาทินสวนทันที
"ผมกับตะวันไม่ได้เลิกกัน เราแค่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้น ยังไงตะวันก็เป็นของผม และจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป"
"แกพูดเองเออเอง...ไม่ได้ยินเหรอ ตะวันเค้าบอกว่าแกไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเค้าอีกแล้ว"
"หมายความว่ายังไง คุณพ่อก็จะยุ่งกับตะวัน"
"ฉันรักตะวัน ฉันจริงจังกับเค้า"
"คนอย่างคุณพ่อเคยรักใครจริงด้วยเหรอครับ ขนาดคุณแม่ที่เป็นเมียแท้ๆ คุณพ่อยังกล้าทรยศหักหลัง มีเมียน้อยเป็นโหลๆ คุณพ่อไม่ได้รักตะวันจริงหรอกครับ คุณพ่อแค่อยากจะได้ตะวันไว้คอยบำรุงบำเรอความใคร่มากกว่า"
ดำรงตวาดเสียงดัง
"แกจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะไอ้ลูกทรพี"
"คุณพ่อมากกว่าที่ไม่ยอมรับความจริง ผู้ชายที่ไม่มีความจริงใจให้ผู้หญิงคนไหน แม้แต่เมียตัวเอง แถมยังเที่ยวมีเมียน้อยเรี่ยราดไปทั่วอย่างคุณพ่อเนี่ย...อย่ายุ่งกับตะวันให้เสียเวลาเลยครับ เพราะตะวันไม่ชอบเป็นเมียน้อยใคร แล้วที่สำคัญ ตะวันเค้ารักผมมาก เค้าไม่มีวันชายตาแลคุณพ่อหรอกครับ"
"แต่เท่าที่ฉันเห็น...ตะวันเค้าไม่ได้มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แกเลยสักนิดเลยนะ ท่าทางจะเกลียดแกเข้ากระดูกดำมากกว่า แกอย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย ว่าตะวันจะรักและจะกลับมาคืนดีกับแก"
วาทินมองดำรงอย่างเจ็บใจ
"แล้วอีกอย่าง ตราบใดที่ตะวันยังไม่มีใคร ยังไงฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวเลือกของเค้า แล้วฉันก็เชื่อว่าฉันภาษีดีกว่าแก... ทุกอย่าง"
วาทินไม่พอใจ ตวาดเสียงดัง
"คุณพ่อ"
วัลลภากับดวงสุดาโผล่เข้ามา
"ตาทิน มีเรื่องอะไรกันลูก"
"อย่าบอกนะว่าทะเลาะกันเรื่องนังตะวัน" ดวงสุดาบอก
" คุณพ่อตั้งใจจะแย่งเมียผม ยังไงตะวันก็ต้องเป็นของผมคนเดียว ถ้าคิดจะเอาตะวันไปจากผม คุณพ่อต้องข้ามศพผมไปก่อน"
"หมายความแกคิดจะเป็นศัตรูกับฉัน"
"ยังไงคุณพ่อก็ไม่เคยเห็นผมเป็นลูกอยู่แล้ว ถ้าอยู่แบบรักกันไม่ได้ ก็อยู่กันแบบศัตรูแล้วกัน"
"ตาทิน..ไม่เอานะลูก อย่าพูดแบบนี้" วัลลภาบอก
"คุณพ่อจำไว้นะครับ หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผมก็ไม่มีวันยอมเสียตะวันไปเด็ดขาด"
วาทินจ้องดำรงอย่างเอาจริง ก่อนจะเดินออกไป
"ตาทินจะไปไหนลูก.. ตาทิน"
ดำรงมองวาทินอย่างไม่พอใจ
ดำรงเดินหัวเสียเข้ามา ดวงสุดากับวัลลภาเดินตามมา ทั้งสองมองดำรงอย่างไม่พอใจ
"พ่อกับลูกแข่งกันแย่งผู้หญิง รู้ถึงไหน อายถึงนั่น น่าสมเพช"
ดำรงตวาดอย่างไม่พอใจ
"วัลลภา"
"รู้ทั้งรู้ว่านังตะวันเคยนอนกับตาทินมา คุณพ่อยังจะอยากกินของเหลือเดนต่อจากลูกชายตัวเองอีกเหรอคะ"
วัลลภาเหล่มองสามี
"ก็คนมักมาก ต่อให้เป็นของเหลือเดน หรือสกปรกเน่าเฟะมาแค่ไหน มันก็ไม่เลือกหรอก"
"คุณพ่อรู้ไหมคะว่าความมักมากของคุณพ่อ ทำให้ดากับน้าวัลเสียใจมากแค่ไหน" ดำรงสะอึก พูดไม่ออก ดวงสุดาพูดต่อ "แล้วที่คุณแม่ต้องตรอมใจตาย ก็เพราะความมักมาก ไม่รู้จักพอของคุณพ่อ"
"ดวงสุดา"
ดำรงโกรธจัด ตบหน้าลูกสาวดังฉาด วัลลภาตกใจ
ดำรงชี้หน้าดวงสุดา
"จะพูดจาอะไร หัดเคารพฉันบ้าง ฉันเป็นพ่อ ไม่ใช่ผัวแก"
ดวงสุดาสวนทันที
"แล้วคุณพ่อดูตัวเองบ้างรึเปล่า ว่าคุณพ่อเคยทำตัวเป็นพ่อที่น่าเคารพบ้างไหม"
"ยัยดา"
ดำรงเดือด ง้างมือจะตบดวงสุดาอีก วัลลภารีบเข้ามาขวาง
"หยุดนะ !"
ดำรงยั้งมือไม่ทัน ตบวัลลภาหน้าหัน ดำรงชะงัก ตกใจ
ดวงสุดาตกใจ
"น้าวัล !"
"ตบอีกสิ ตบฉันให้ตายไปเลย คุณจะได้เสวยสุขกับนังตะวันอย่างไม่มีเสี้ยนหนามยังไงล่ะ !! ตบสิ ยืนนิ่งอยู่ทำไม คุณอยากให้ฉันไปให้พ้นๆจากชีวิตคุณอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ" วัลลภาบอก
ดำรงสะอึก พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินหนีไปอย่างหัวเสีย วัลลภากับดวงสุดาน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด ก่อนจะเจ็บแค้นตะวันขึ้นมา
"นังตะวัน..."
"เพราะแกคนเดียว" วัลลภาบอก
หน้าห้องแต่งตัว ตะวันฉายเดินซึมเข้ามา พลางนึกถึงคำพูดของสายป่าน
"พี่วัชจะแต่งงานกับพี่ดวงสุดาค่ะ"
ตะวันฉายพึมพำอย่างเจ็บปวดขมขื่นใจ
"ที่แท้.. คุณดวงสุดานี่เองที่เป็นคนรักของคุณ"
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในห้องแต่งตัว ตะวันฉายเดินเข้ามาเห็นช่างแต่งหน้ากับนางแบบ 2 คนที่กำลังเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน
นางแบบ 1บอก
"อ้าว...พี่ตะวันยังไม่กลับเหรอคะ"
เธอรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
"กำลังจะกลับจ๊ะ...พอดีพี่ลืมมือถือเลยกลับมาเอาน่ะ"
ตะวันเดินไปหยิบมือถือที่วางบนโต๊ะโซฟา ทันใดนั้น เสียงมือถือดัง ตะวันฉายกดรับ
"พี่ซูซี่กับมะปรางไปรอตะวันที่รถแล้วเหรอคะ ค่ะ.. ตะวันจะรีบไปค่ะ"
ตะวันฉายวางสาย ทันใดนั้น ดวงสุดาพุ่งมาจิกหัวเธอจนหน้าหงาย มือถือตะวันร่วงตกมือไป คนอื่นๆ ต่างตกใจ วัลลภาเดินเข้ามามองนิ่งๆ ก่อนจะตบหน้าตะวันฉายฉาดใหญ่ นางแบบกับช่างแต่งหน้าตกใจ
"ที่แกแอบไปทำบัดสีบัดเถลิงกับผัวฉันเมื่อกี้ ตกลงแกจะแย่งผัวฉันให้ได้ใช่ไหม"
ตะวันฉายไม่พอใจ
"นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็หวงผัว"
"พูดแบบนี้แกอยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม !! ได้"
วัลลภาตบเธออีก พวกนางแบบ ช่างแต่งหน้าจะเข้าไปช่วยตะวันฉาย แต่ดวงสุดาชี้หน้าด่า
"ใครไม่เกี่ยว อย่าสาระแน"
นางแบบ ช่างแต่งหน้าต่างชะงักไปด้วยความกลัว
กลุ่มใหญ่ที่มางานถือเครื่องดื่ม ยืนคุยกัน นั่งคุยกันบ้าง ดวงสุดากับวัลลภาจิกหัวตะวันฉายลากเข้ามาบริเวณโต๊ะอาหารเครื่องดื่มภายในงาน ทุกคนมองตกใจ
"ทุกคนไม่ต้องตกใจนะคะ ฉันแค่อยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับผู้หญิงที่ชอบแย่งผัวชาวบ้านเค้านิดหน่อย" วัลลภาบอก
"ทุกคนรู้ไหมคะว่า นังตะวันเนี่ย มันอยากจะเป็นเมียน้อยพ่อฉันจนตัวซีดตัวสั่น ถึงขนาดลงทุนแกล้งเป็นลมบนแคทวอล์ก เพื่อจะเรียกร้องความสนใจจากพ่อฉัน"
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
"แล้วพอลับหลังฉัน มันก็แอบไปหาคุณดำรง ทอดสะพานให้ท่าผัวฉันสารพัด มันกะจะลากผัวฉันขึ้นเตียงด้วยให้ได้"
"ถ้าใครไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย มีอาชีพแย่งผัวชาวบ้านเค้าล่ะก็รีบดูไว้ซะ...ดูให้เต็มตา แล้วก็จำหน้ามันไว้ให้ดี"
"แล้วถ้าใครที่มีผัว ก็ระวังผัวพวกคุณไว้ให้ดี เพราะนังนี่มันร่านจัด เห็นผู้ชายไม่ได้ จับมาทำผัวให้หมด ยิ่งผู้ชายคนไหนรวยๆ มันยิ่งเกาะไม่ปล่อย"
"และผู้ชายคนไหนที่คิดอยากจะขึ้นเตียงกับมัน ฉันขอเตือนว่าเลิกคิดซะ เพราะนังนี่มันนอนกับผู้ชายมาเป็นร้อย เผลอๆอาจจะมากกว่านั้น ระวังจะติดโรคไม่รู้ตัวเอานะคะ" ดวงสุดาบอก
ตะวันฉายเดือด
"ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูด อย่ามากล่าวหาฉันพล่อยๆ"
"แกว่าฉันปากพล่อยงั้นเหรอ"
วัลลภาตบหน้าตะวันฉายจนหน้าหัน ทุกคนตกใจ
"นี่คือรางวัลสำหรับความปากดีของแก"
ดวงสุดากับวัลลภาสบตากันอย่างรู้กัน วัลลภาจับตะวันไพล่หลัง
"และนี่คือของแถม"
ดวงสุดาตบตะวันฉายไม่ยั้ง จนเลือดกบปาก วัลลภากับดวงสุดาผลัดกันตบตะวันฉายอย่างมันมือ คนอื่นๆได้แต่ยืนมองอึ้งๆ
มุมหนึ่งในงาน ดำรงยืนคุยกับแขก 2 คน
แขก 1บอก
"เครื่องเพชรคุณดำรงนี่เลิศหรูอลังการสุดๆเลยนะคะ แต่ละคอลเล็คชั่นเนี่ยสวยจับตาจับใจจริงๆ"
แขก 2บอก
"ใช่ครับ..หรูหราอลังการ ใครเห็นใครก็อยากได้เป็นเจ้าของ"
ดำรงยิ้มภูมิใจ เห็นว่าธวัชยืนคุยกับสายป่านและนิคมอยู่ใกล้ๆกัน
"ไม่รู้ดาไปไหน ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะโทร.บอกดาทีหลัง"
ทันใดนั้นนางแบบ 1 วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
นางแบบ 1 บอก
"คุณดำรงคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ"
พวกธวัชได้ยิน ชะงักหันไปมอง
บริเวณลานจอดรถ ซูซี่กับมะปรางยืนรอตะวันอยู่ที่รถ
"ยัยชะนีตะวันนี่ยังไงเนี่ย ฉันนั่งรอจนตูดจะรากงอกอยู่แล้วนะ" ซูซี่ว่า
"พี่ซูซี่โทร.ตามตะวันอีกทีดีกว่าค่ะ"
"ต้องให้เจ๊โทร. จิกตลอดๆ"
ซูซี่กำลังจะโทรหาตะวัน ทันใดนั้นช่างแต่งหน้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
"พี่ซูซี่ฮะ แย่แล้วฮ่ะ"
ดวงสุดาจับตะวันฉายโขกหัวกับโต๊ะ วัลลภาเอาอาหารกับเครื่องดื่มเทราดหัวเธออย่างสนุกมือ
"ไง... แกยังจะกล้าปากดีกับฉันอีกไหม" ดวงสุดาถาม
ตะวันเอื้อมมือไปหยิบจานอาหารมาโปะหน้าดวงสุดา ดวงสุดาร้องลั่น
"คิดว่าพวกคุณมีมือมีเท้าฝ่ายเดียวรึไง"
ตะวันฉายตบดวงสุดาหน้าหัน วัลลภาไม่พอใจ ผลักตะวัน
"แกกล้าดียังไงมาตบหลานฉัน"
"อย่าว่าแต่หลาน น้าฉันก็กล้า"
ตะวันฉายตบวัลลภาจนเซล้มไปที่โต๊ะ หน้าทิ่มกับจานอาหาร วัลลภาแสบตาร้องลั่น ดวงสุดาจะเข้ามาตบตะวัน เธอหยิบแก้วเครื่องดื่มสาดใส่หน้า ดวงสุดาร้องกรี๊ด วัลลภาจะเข้ามาตบอีก ก็โดนเธอเอาอาหารโปะหัว
ตะวันฉายจับดวงสุดาโขกหัวกับโต๊ะอย่างเจ็บแค้น วัลลภาเข้ามาจิกหัว เธอถีบดวงสุดาจนเซไปชนวัลลภา ทั้งสองฝ่ายตบตีกันอย่างชุลมุน
ธวัช ดำรง ซูซี่ มะปราง นิคม สายป่านวิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
ดวงสุดาตบ ตะวันฉายเซไปหาธวัช ธวัชประคองเธอไว้ เธอผลักเขาออก ดวงสุดากับวัลลภาพุ่งมา แล้วง้างมือจะตบ ดำรงตะคอกเสียงดัง
"หยุดนะ !นี่มันเรื่องอะไรกัน"
ซูซี่กับมะปรางรีบเข้าไปดูตะวัน
"จะเรื่องอะไร ก็เรื่องที่นังตะวันอยากจะเป็นเมียคุณ แล้วคุณก็อยากจะขึ้นเตียงกับมันใจจะขาด ยังไงล่ะ" วัลลภาว่า
"ผู้หญิงหน้าด้านอย่างนังตะวัน ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง ถึงจะสำนึก"
"หยุด ! แค่นี้ยังขายหน้าไม่พอรึไง ถ้าใครคิดจะก่อความวุ่นวายอีก ฉันจะให้ รปภ.มาลากตัวออกไป"
วัลลภาชี้หน้าตะวัน
"จำใส่กะโหลกหนาๆของแกไว้เลยนะ ถ้าแกไม่เลิกยุ่งกับผัวฉัน แกโดนหนักกว่านี้แน่"
"แล้วถ้าแกยังหน้าด้านไม่เลิกล่ะก็ แกจะได้นอนหยอดข้าวต้ม"
ตะวันอ้าปากจะเถียง ซูซี่กับมะปรางส่ายหน้าห้าม วัลลภา ดวงสุดาจ้องตะวันอย่างอาฆาตแค้น
ตะวันมองพวกดวงสุดาอย่างเจ็บแค้นและอับอาย เมื่อเห็นสายตาของแขกที่มองตัวเองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยัน ธวัช นิคม สายป่าน ซูซี่ มะปรางมองตะวันอย่างสงสาร
ภายในคอนโดฯ เวลาต่อมา ซูซี่ประคองตะวันลงนั่งที่โซฟา ใบหน้าของนางแบบสาวเป็นรอยแดงช้ำเต็มไปหมด
"ไม่นึกเลยว่าสองน้าหลานนั่นจะร้ายกาจขนาดนี้ เค้าทำเหมือนเธอไม่ใช่คน" ซูซี่บอก
ตะวันฉายเจ็บใจ
"เค้าเชื่อข่าวมั่วๆที่เขียนว่า ตะวันเป็นเมียน้อยคนนั้นคนนี้ แล้วใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินว่าตะวันเลวชั่ว โดยที่ไม่ยอมเปิดใจมองว่าความจริงเป็นยังไง"
มะปรางถือถาดชาร้อนกับลูกประคบเข้ามา
"ดีนะที่นักข่าวกลับกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างงั้นไม่รู้ชื่อเสียงเธอจะป่นปี้แค่ไหน... ประคบแผลสักหน่อยนะ ฉันกับพี่ซูซี่จะค้างที่นี่นะ จะได้ช่วยกันดูแลเธอ"
"เธอกับพี่ซูซี่อย่าลำบากเพราะฉันเลย ฉันดูแลตัวเองได้"
"ได้ยังไง... เธอเจ็บขนาดนี้ ใครจะใจดำทิ้งให้เธออยู่คนเดียวได้ลงคอ"
"พวกเราไม่ลำบากหรอกนะตะวัน ไม่ต้องเกรงใจ" มะปรางบอก
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว"
"อะไร..สภาพดูไม่ได้ขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก"
" เจ็บแค่นี้ ไม่ถึงตายหรอก ตะวันจะไม่ยอมเป็นอะไรเพราะน้ำมือของพวกใจดำอำมหิตพวกนั้นเด็ดขาด !"
ซูซี่-มะปรางโพล่ง "แต่..."
"ตะวันเข้าใจความหวังดีของทุกคนนะคะ แต่ตอนนี้ตะวันอยากอยู่คนเดียว"
ซูซี่กับมะปรางพูดไม่ออก
"งั้นก็ตามใจ แต่ถ้าเธอเป็นอะไร ต้องรีบโทร.บอกพี่นะ"
ตะวันฉายพยักหน้า มะปรางหยิบถ้วยชาร้อนส่งให้
"ฉันชงชาร้อนให้ จิบสักหน่อยนะ จะได้รู้สึกดีขึ้น" มะปรางว่า
ตะวันยิ้มซึ้งใจ
"ขอบคุณพี่ซูซี่กับมะปรางมากนะคะ"
"ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ไป..มะปราง" ซูซี่บอก
ซูซี่กับมะปรางออกไป ตะวันถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วยกถ้วยชามาจะจิบ แต่ทันทีที่ได้กลิ่นชา ตะวันรู้สึกคลื่นไส้
ตะวันวิ่งเข้ามาอาเจียนจนหมดแรงในห้องน้ำ ตะวันนิ่งไป แปลกใจว่าตัวเองเป็นอะไร
วันใหม่ ธวัชกับดวงสุดากำลังโพสต์ท่าถ่ายรูปแต่งงานในเวดดิ้ง สตูดิโอ เสียงชัตเตอร์ดังอย่างต่อเนื่อง ดวงสุดาสีหน้าชื่นมื่น ขณะที่ธวัชสีหน้าไม่มีความสุขนัก
"กอดกันชิดๆเลยครับ"
ธวัชจำใจกอด ดวงสุดาส่งยิ้มหวานให้ธวัช
"เยี่ยมครับ"
ดวงสุดาซับเหงื่อที่หน้าผากธวัชอย่างเอาใจ
"เหนื่อยไหมคะ"
"ไม่ครับ"
ถนนนอกร้าน ตะวันฉายขับรถเข้ามาจอดต่อท้ายคันอื่น เพราะรถติด เธอมองเห็นธวัชกับดวงสุดาใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ในร้าน เธอหน้าเศร้า รู้สึกปวดแปลบในใจ
บริเวณระเบียงคอนโดฯ ในเวลาต่อมา ตะวันฉายน้ำตาคลออย่างขมขื่นใจ
"เค้าจะแต่งงานกับใคร มันก็เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา"
ตะวันฉายหลับอยู่บนเตียง ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกตัวตื่น เดินมารินน้ำจะกิน แล้วรู้สึกคลื่นไส้
เธอวิ่งเข้ามาอาเจียนในห้องน้ำ ก่อนเงยหน้ามองตัวเองในกระจก รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอลูบท้อง ใจคอไม่ดี
เธอดูแผ่นตรวจครรภ์ในมือ เห็นเป็นสีแดง 2 ขีด เธอตกใจมาก !
อ่านต่อตอนที่ 3