รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 12
มายูมิกำลังจะโทรไปแจ้งเรื่องเพลิงไหม้ แต่แล้วได้ยินเสียงต่อสู้กันที่หน้าบ้าน เธอตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ทางด้านทาคาโอะหันไปสั่งนาบุกับเหล่าบรรดาลูกน้อง
“ยืนเซ่ออยู่ทำไม จัดการมันสิ”
ลูกน้องมิซาว่าเข้ารุมเตะ ต่อย ริวอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้ริวมีจังหวะตั้งตัว ริวรับมือลูกน้องมิซาร่าอย่างทันท่วงที ไม่มีพลาด แล้วสวนกลับอย่างว่องไว ลูกน้องมิซาว่าเจ็บระนาว ทาคาโอะที่ยังล้มนอนอยู่กับพื้น หยิบมีดพับประจำตัวขึ้นมาแล้วเหวี่ยงใส่ริว
นาบุกระชากปืนออกมาเล็ง จะยิง ริวเอี้ยวตัวหลบมีดอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับม้วนตัวเตะมีดพับของทาคาโอะเต็มแรง มีดของทาคาโอะลอยหวือตรงไปยังนาบุ ปักเข้าที่ไหล่นาบุเข้าอย่างจัง นาบุล้มคว่ำ
ไทชิ คัตสึ เซกิ และลูกน้องของโอะนิซึกะเดินเข้ามา ยิงเข้าใส่ลูกน้องมิซาว่าที่เหลือจนล้มคว่ำไปตามๆ กัน ลูกน้องมิซาว่าล่าถอยออกไปไม่เป็นท่า ริวมองทาคาโอะแล้วยิ้มสะใจ แล้วใช้คำพูดของทาคาโอะพูดย้อนะ
“ไหนล่ะ มิซาว่าที่แสนฉลาด ฉันแค่แกล้งเชื่อแผนเผาโกดังโง่ๆ เพื่อตลบหลังพวกแก แค่นี้แกก็เสร็จฉันแล้ว”
ริวดึงมีดพับของทาคาโอะออกจากร่างนาบุ
“อ๊าก” นาบุแหกปากร้องลั่น...
ริวเดินตรงเข้ามาที่ทาคาโอะพร้อมกับมีดพับประจำตัว
“แกล้งเป็นง่อย พวกแกก็หลงเชื่อ แห่กันมาตายถึงที่”
มายูมิที่เพิ่งเดินออกมา ชะงักอึ้งที่เห็นริวเดินได้ และได้ยินในสิ่งที่ริวกำลังพูด
“แก” ทาคาโอะมองริวอย่างแค้น
“เลือดซามูไร แม้จะอยู่ในกายเพียงหยดเดียว ก็ควรรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีซามูไร”
ริวเหวี่ยงมีดของทาคาโอะปักลงดินตรงหน้าทาคาโอะ
“เลือกเอา ว่าจะตายอย่างหมารับใช้ หรือจะตายอย่างมีศักดิ์ศรี ฮาราคีรีชดใช้ความอัปยศที่ก่อไว้”
ทาคาโอะมองริว แล้วมองไทชิ คัตสึ เซกิที่ถือปืนจ่อลูกน้องมิซาว่าไว้หมดแล้ว มองมีดพับที่ปักดิน อยู่ตรงหน้า ทาคาโอะใช้มือยันตัวเองขึ้นนั่ง โดยก้มหน้านิ่งเหมือนจนมุมว่าตัวเองไม่มีทางรอด ยื่นมือข้างหนึ่งเหมือนจะดึงมีดมาโดยดี แต่อีกมือกำลังคืบไปดึงปืนที่เหน็บซ่อนอยู่ที่เอวด้านหลัง
มายูมิยืนอยู่ด้านหลังทาคาโอะเห็นเงาของด้ามปืน มายูมิรู้ถึงภัยที่กำลังจะมา ทาคาโอะดึงปืนขึ้นมา เล็งยิงไปที่ริวทันที
“ริว ระวัง”
มายูมิวิ่งเข้าไปใช้ตัวโถมกอดริวให้เซออกจากวิถีกระสุน เสียงปืนของทาคาโอะดังสนั่น ปัง !
มายูมิกับริวล้มลง โดยมายูมินอนอยู่เหนือตัวริว ไทชิ คัตสึ เซกิจะยิงทาคาโอะ แต่ทาคาโอะเร็วกว่า ยิงสวนไปทางทั้ง 3 คน พร้อมทั้งเตะปืนของนาบุที่ตกพื้นอยู่ ไปเข้ามือนาบุข้างที่ไม่เจ็บ นาบุรีบจับปืนขึ้นมาทันที
ทาคาโอะ นาบุ ช่วยกันยิงใส่ ไทชิ คัตสึ เซกิและลูกน้องของโอะนิซึกะ เพื่อเปิดทางให้ตัวเองและ ลูกน้องมิซาว่ารีบหนีออกไปหน้าบ้านโอะนิซึกะ ลูกน้องมิซาว่าขับรถเข้ามาอย่างเร็ว แล้วจอด นาบุรีบวิ่งไปเปิดประตูรถที่ลูกน้องจอดรอให้ทาคาโอะขึ้นอย่างเร่งร้อน
“นายครับ”
ทาคาโอะรีบขึ้นรถ นาบุขึ้นตาม ลูกน้องมิซาว่าบางส่วนกระโดดขึ้นรถได้ บางส่วนขึ้นไม่ทัน
รถขับออกไปก่อน คัตสึ เซกิมองตามรถของมิซาว่าที่ขับออกไปอย่างเสียดาย ที่พลาดโอกาสจัดการทาคาโอะ
“ตามมันไปไหม” คัตสึหันมาถาม
เซกิตัดสินใจอย่างไม่รีรอ
“ไม่ต้อง โซเรียววางแผนไว้หมดแล้ว”
คัตสึ เซกิและลูกน้องโอะนิซึกะรีบวิ่งเข้าบ้านไปดูริว
รถของมิซาว่าแล่นมาตามถนนเปลี่ยว แต่แล้วต้องเบรคเต็มแรง ที่เบื้องหน้ามีตำรวจและรถจอดขวางทางอยู่
“ตำรวจ” นาบุตกใจ
“กลับรถ”
พอรถของมิซาว่าจะกลับรถ ปรากฏมีรถตำรวจจอดขวางทางด้านหลังไว้อีกคันหนึ่ง ไม่มีทางหนีรอด ฮิโระเดินออกมาที่หน้ารถตำรวจ เหยียดแขนจ่อปืนเล็งตรงไปที่ขบวนรถมิซาว่า เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน
คัตสึ เซกิและลูกน้องโอะนิซึกะวิ่งเข้ามาในสวน เห็นไทชินั่งข้างๆ ริวกับมายูมิที่ยังนอนทับกันอยู่ที่พื้น ริวยันตัวเองและตัวมายูมิขึ้นนั่ง
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
ริวไม่ทันสำรวจตัวเองเพราะเป็นห่วงมายูมิมากกว่า
“คุณล่ะ...”
ริวรีบมองสำรวจร่างกายของมายูมิ แล้วเหลือบเห็นเลือดไหลซึมที่แขน แล้วตกใจ
“คุณโดนยิง”
มายูมิมองแขนตัวเอง
“กระสุนแค่ถากไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“ขอผมดูหน่อย เจ็บมากไหม” ริวดูแผลแล้วหันไปตะโกนสั่งกับคัตสึ เซกิ “รีบเอารถออกเร็วฉันจะพามายูมิไปโรงพยาบาล”
ไทชิ คัตซึ เซกิรีบวิ่งไปเตรียมรถ ริวลุกขึ้นยืน มายูมิมองริวที่ลุกขึ้นยืน โดยไม่มีท่าทีเจ็บปวดเหมือนที่ริวเคยแสดงให้เห็น เธอมองด้วยสายตาเจ็บปวดและโกรธลึกๆ ริวจะอุ้มไปขึ้นรถ เธอรีบเอามือกัน ไม่ให้อุ้ม พูดเสียงนิ่งๆ
“ฉันเดินเองได้”
มายูมิลุกขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง โกรธมากที่โดนริวหลอกว่าเดินไม่ได้ แล้วเดินไปที่รถ ริวรีบเดินประคอง โดยไม่ทันสังเกตหรือเอะใจกับอาการที่ดูบึ้งตึงเย็นชานั้น
ฮิโระเดินถือแฟ้มเตรียมจะไปสอบสวนทาคาโอะ หันไปสั่งตำรวจที่กำลังเดินตามมา
“ทำหนังสือแจ้งตรงเข้าไปที่กรม ฉันจะเป็นสอบสวน ทาคาโอะ มิซาว่าด้วยตัวเอง”
“ทำหนังสือตรงเข้าไปเลยเหรอครับ”
“ใช่...มีอะไรสงสัย”
“แล้วท่านมาซารุ”
“ทำสำนวนเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนแจ้งเอง”
ตำรวจโค้งทำความเคารพแล้วเดินออกไป ฮิโระเดินตรงเข้ามายังหน้าห้องสอบสวน กำลังจะเดินเข้าไป ถามตำรวจที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า
“คุมตัวทาคาโอะไว้ในห้องสอบสวนแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
ฮิโระพยักหน้าพอใจ กำลังจะเดินเข้าไป แต่เคนเดินออกมาจากห้อง ร้องห้ามไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน ท่านมาซารุกำลังสอบสวนผู้ต้องหา”
“รู้เรื่องเร็วดีนะ”
“แน่นอน ท่านมาซารุสนใจงานสำคัญเสมอ”
“ตกลงจะสอบสวนเองเลยเหรอ”
“ถูกต้อง และมีสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวน”
ฮิโระจำต้องอยู่ที่หน้าห้อง ทำอะไรต่อไม่ได้
ห้องสอบสวนสำนักงานตำรวจ ทาคาโอะโดนมาซารุตบหน้าจนเลือดออกปาก ล้มคว่ำไป
“ไหนบอกว่าตัวเองเก่ง ยิ่งใหญ่ ไอ้ริวเป็นแค่ไอ้ง่อยจะจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันไม่น่าเชื่อคนอย่างแกเลย แกมันแค่เลือดปลายแถวของมิซาว่าไม่เคยทำอะไรสำเร็จ เพราะอย่างนี้ไง ท่านริกิถึงไม่เคยยอมรับแกเป็นลูกชายไอ้กระจอก”
ทาคาโอะทนไม่ไหวจู่โจมเร็วเข้าใส่มาซารุ ใช้แขนล็อคคออย่างรวดเร็ว บีบคอแน่น มาซารุนิ่ง ไม่มีอาการกลัวแม้แต่น้อย
“คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะชนะฉันได้เหรอ”
“ไม่ต้องการชนะ แค่อยากให้จำไว้ เลือดมิซาว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ปลายแถว แต่ถ้าคิดจะสู้ขึ้นมาแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว”
ทาคาโอะผลักตัวมาซารุออกจากตัวเอง แล้วสบตาอย่างไม่เกรงกลัว
“งั้นแกก็เปิดประตูรอรับความตายจากท่านยามาโมโต้ได้เลย เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากความผิดพลาดของแกทั้งหมด”
ทาคาโอะหัวเราะเยาะอย่างมีเลศนัย
“ผิดแล้วล่ะ ความผิดพลาดครั้งนี้ เกิดจากท่านกับลูกชายต่างหาก”
“ถ้าจะโทษยูจิ หาว่าเอาข่าวเรื่องยาเสพติดไปบอกนังหมอนั่นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ ฉันจะเอาหัวเป็นประกันกับท่านยามาโมโต้ว่าลูกชายฉันไม่ได้ทำ”
“ฮึๆ ถ้าจะหาตัวคนที่ทำให้ข่าวรั่ว ไปส่องกระจกดูสิ ผู้การมาซารุ”
มาซารุมองทาคาโอะอย่างไม่เข้าใจและหงุดหงิด
“พูดอะไรของแก”
“คนที่รู้เรื่องขนยา มีแค่คนที่อยู่ในไนท์คลับคืนนั้น แล้วคืนนั้นใครหิ้วผู้หญิง ออกไปจากไนท์คลับมิซาว่า” ทาคาโอะยิ้มเยาะสะใจ
“แกสงสัยจุนโกะ” มาซารุอึ้งไป
“นังจุนโกะน่าสงสัยที่สุด มันใช้เสน่ห์ยั่วยวนท่านเพื่อจะออกไปส่งข่าวบอกไอ้ริว ฮึๆ แต่ท่านไม่ต้องเสียใจไปหรอก เพราะไม่ใช่ท่านคนเดียวที่โง่เสียรู้มัน ลูกชายท่านก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
“แกหมายความว่ายังไง”
ทาคาโอะเห็นดวงตามาซารุมองตัวเอง แล้วยิ่งสะใจ
“เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ท่านผู้การที่แสนเก่ง แสนยิ่งใหญ่ กลับเองคิดไม่เป็นเหรอ ท่านกับลูกชายเสียรู้ผู้หญิงสำส่อน ที่ใช้ร่วมกันมานานหลายปี”
“อะไรนะ”
“พ่อกับลูกใช้บริการโสเภณีคนเดียวกัน มันน่าสมเพชมั้ย ฮึๆ”
มาซารุมองทาคาโอะอย่างไม่อยากเชื่อ
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 12 (ต่อ)
ยูจินอนอยู่บนเตียง พลิกตัวจะกอด แต่อาคิโกะไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว ยูจิลืมตาขึ้นมามองหา…อาคิโกะยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ทำกับข้าว ก้มหน้ามองอะไรบางอย่าง
อาคิโกะที่มีรอยช้ำเขียวจากการโดนยูจิซ้อม สีหน้าโกรธแค้น แสงสีขาวส่องสะท้อนมาที่ตาของอาคิโกะ เป็นแสงสะท้อนจากมีดในมือ!
ยูจิเดินติดกระดุมเสื้อออกมาจากห้องนอนแล้วมองหา
“อาคิโกะ”
อาคิโกะเดินมาจากในครัว มือไขว้หลังเหมือนซ่อนอะไรบางอย่าง
“ฉันอยู่นี่”
ยูจิเดินเข้าหาอาคิโกะแล้วจูบแก้มอย่างแรง
“นึกว่าจะหนีไปซะแล้ว”
“ถึงฉันหนี คุณก็ตามได้อยู่ดี”
ยูจิจับคางอาคิโกะให้เงยมองหน้าตัวเอง ด้วยความรู้สึกฮึกเหิม
“ดีที่รู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันหนีพ้น”
“ทางเดียวที่จะทำให้ฉันพ้นจากนรก คือแกไปตายซะ”
อาคิโกะเงื้อมีดที่ถือซ่อนไว้ข้างหลังขึ้นมาจะแทง ยูจิจับมืออาคิโกะไว้ แล้วบิดข้อมืออย่างแรงจนเธอต้องปล่อยมีดลงกับพื้น
“ปล่อยฉันนะ”
ยูจิผลักอาคิโกะอย่างแรงจนเซไปล้มลงข้างโต๊ะที่วางแจกัน เธอคว้าแจกันปาใส่ แต่ยูจิหลบทัน...เพล้ง ! แจกันแตกเกลื่อนที่พื้น โดยมีเศษแตกเป็นปากฉลามอยู่
“คิดจะฆ่าฉันเหรอ เล่นผิดคนแล้ว”
ยูจิกดหน้าอาคิโกะลงไปที่เศษแจกันที่เป็นปากฉลาม อาคิโกะใช้มือตัวเองยันกับพื้นไว้ ไม่ให้หน้าลงไปโดนเศษแก้ว พร้อมโวยวายเสียงดังลั่น
“ปล่อยฉันนะ”
ยูจิยังไม่ปล่อย แต่ยิ่งเพิ่มแรงกดหน้าอาคิโกะให้ลงไปใกล้กับเศษแจกันปากฉลามขึ้นอีก
“อยากรู้นัก ถ้าดาราดังหน้าเป็นแผลเหวอะหวะ จะยังมีใครจ้างอีกมั้ย”
อาคิโกะมองเศษแจกันที่อยู่ห่างจากใบหน้าตัวเองไม่มาก ด้วยความหวาดกลัว พยายามอ้อนวอน
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันสาบาน ว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างเมื่อกี้อีกแล้ว”
ยูจิฟังอาคิโกะอ้อนวอนแล้วหัวเราะสะใจ พร้อมกับผลักเธอจนล้มกลิ้ง
“จำเอาไว้ ทางเดียวที่เธอจะพ้นจากฉันได้ คือตอนที่ฉันเบื่อเธอแล้วเท่านั้น”
ยูจิหัวเราะสะใจพร้อมกับเดินออกจากห้องไป อาคิโกะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แล้วมองไปทางกระจก เห็นสภาพตัวเองที่สะบัดสะบอม แล้วมองไปทางรูปถ่ายที่ติดผนัง เป็นรูปถ่ายอาคิโกะดาราดังที่สวยสง่าเฉิดฉาย แล้วมองกลับไป ที่เงาตัวเองในกระจกอีกครั้ง ซึ่งดูไม่ต่างจากโสเภณีของยูจิ อาคิโกะ ร้องไห้ด้วยความแค้นที่ตัวเองต้องตกในสภาพน่าอับอายเช่นนี้ เธอมองไปที่เศษแก้วปากฉลาม อย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ยูจิเดินออกมาจากลิฟท์ของอพาร์ทเม้นแล้วเดินออกไปด้านหนึ่ง ไดกิเดินมาจากอีกด้าน เห็นด้านหลังยูจิที่เดินกลับไปอย่างแปลกใจว่ามาที่นี่ทำไม
ไดกิเปิดประตูเข้าห้องอาคิโกะแล้วถึงกับชะงักอึ้ง เมื่อเห็นอาคิโกะนอนจมกองเลือดอยู่ เธอใช้เศษแจกัน แทงข้อมือตัวเอง
ริวเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วงมายูมิ ไทชิ คัตสุ เซกิยืนอยู่ห่างๆ
“มายูมิเข้าไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ออกมา”
นานะเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา มองริวที่เดินได้อย่างไม่มีอาการบาดเจ็บอีกเลย
“มายูมิเป็นยังไงบ้าง” ริวรีบเข้าไปถาม
นานะมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย แต่พยายามยิ้มให้ริว
“ไม่เป็นไรมากค่ะ แค่รอยแผลถากๆ เท่านั้นเอง ตอนนี้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นพากลับบ้านได้เลยใช่มั้ย” ริวยิ้มอย่างโล่งใจ
“ยังค่ะ มายูมิขออยู่โรงพยาบาลก่อน” นานะอึกอัก
ริวชะงัก มองนานะอย่างแปลกใจ
“ก็ไหนบอกไม่เป็นไร แล้วทำไมมายูมิต้องอยู่โรงพยาบาล
“เพราะว่า...”
นานะมองที่ขาของริวที่ยืนและเดินปกติ ริวมองขาตัวเองแล้วพอจะเข้าใจว่าทำไม
มายูมิมีผ้าพันแผลพันที่แขน เดินเข้ามาในห้องทำงาน ริวเดินตาม
“กลับไปก่อนเถอะค่ะ เมื่อกี้นานะบอกว่าคนไข้ที่ฉันดูแลมีปัญหา ฉันอยากตามดูอาการก่อน”
“แต่คุณบาดเจ็บ”
“แค่แผลถากๆ”
“คุณโดนพักงานอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“การโดนพักงานไม่สามารถหยุดความรับผิดชอบที่หมอมีต่อคนไข้ได้” มายูมิสบตาริว จงใจพูดกระทบ “คุณก็รู้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าฉันเห็นใครบาดเจ็บ ฉันจะเป็นห่วงและพยายามรักษาอย่างหมดใจ”
ริวมองมายูมิอย่างรู้ทันว่าเธอตั้งใจพูดกระทบตัวเอง
“ที่คุณไม่กลับบ้าน เพราะโกรธผม”
มายูมิสบตาริวด้วยสายตาน้อยใจ
“แล้วฉันควรจะโกรธมั้ย คุณก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน แต่คุณไม่บอกฉันสักคำว่าคุณเดินได้แล้ว รึว่าคุณสนุกที่เห็นฉันเป็นห่วงคุณเหมือนคนบ้า”
ริวจับมือเธอไว้อย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ ผมอยากจะบอกคุณใจจะขาด แต่ผมจำเป็นต้องปิดไว้”
“ทำไม”
“เพราะผู้กองยูจิอยู่ใกล้คุณมากเกินไป”
“อะไรนะคะ” มายูมิชะงัก
“อย่างที่ผมเคยบอก ผู้กองยูจิคือคนที่ยิงอาโคจิ เป็นคนของยามาโมโต้”
“คุณเลยกลัวว่าถ้าฉันรู้ว่าคุณเดินได้ ฉันจะบอกเรื่องนี้กับผู้กองยูจิ”
มายูมิพูดด้วยเสียงเจ็บปวด น้อยใจ ริวรีบอธิบาย
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่…”
“คุณกลับไปเถอะค่ะ” มายูมิพูดขัดขึ้น
“มายูมิ…”
“ฉันอยากจะเข้าใจคุณนะคะ แต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้”
มายูมินั่งหันหลังให้ริว บ่งบอกว่าไม่พร้อมจะฟังอะไรตอนนี้ ริวอ้าอยากจะอธิบาย แต่เห็นท่าทีที่แสดงออกว่ายังไม่พร้อมจะคุย จึงจำใจเดินออกจากห้อง มายูมิมองริวที่ปิดประตูห้องไป ด้วยความน้อยใจ
นานะ ไทชิ คัตซึ เซกิยืนรออยู่หน้าห้อง
“รอให้อารมณ์เย็นกว่านี้ แล้วผมจะอธิบายอีกครั้ง ฝากดูแลมายูมิด้วยนะครับ” ริวบอกนานะ
“ไม่มีปัญหาค่ะ” นานะยิ้มให้
“ไทชิอยู่ดูแลมายูมิที่นี่...ผมไปก่อนนะครับ ต้องรีบจัดการเรื่องที่ค้างไว้ให้จบ”
ริวโค้งลานานะแล้วเดินออกไปพร้อมคัตสึและเซกิ ไทชิโค้งคำนับให้ริว เหลือบไปเห็นไดกิเดินอยู่ด้านหนึ่งของโรงพยาบาล
อาคิโกะนอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง ที่ข้อมือมีผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อย เธอนอนหลับอยู่แล้วผวาตื่น
“อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
อาคิโกะมองภาพรอบๆตัว แล้วตั้งสติว่าไม่ใช่ที่อพาร์ทเม้นตัวเอง เธอมองไปที่ข้างเตียง
เห็นไดกิยืนมองอยู่ด้วยสายตาเคร่งเครียด เจ็บปวดกับสภาพของลูก
“พ่อ…”
“เกิดอะไรขึ้น” ไดกิแทบพูดไม่ออก
อาคิโกะหลบตาไดกิ ไม่อยากให้ไดกิรู้เรื่องยูจิ จึงพยายามทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไร
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รอยพวกนี้เกิดจากหนูเล่นละครแอ็คชั่นผิดคิวค่ะ”
“แล้วแผลที่ข้อมือ เกิดจากการผิดคิวด้วยรึเปล่า”
อาคิโกะเห็นสายตาของพ่อที่เจ็บแค้นแทนแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่ไม่อยากให้พ่อรู้เรื่อง จึงพยายามจะหาคำแก้ตัว พูดเสียงสั่นเครือกลั้นน้ำตาไว้
“พอดีแจกันแตก หนูจะเก็บไปทิ้ง”
“อาคิโกะ พ่ออยากจะเชื่อสิ่งที่ลูกต้องการให้เชื่อ แต่หนูเป็นลูกของพ่อ ลูกของพ่อเจ็บขนาดนี้ จะให้คิดว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อทำไม่ได้”
“พ่อคะ”
“ผู้กองยูจิทำลูกใช่ไหม”
อาคิโกะอึ้ง ไม่คิดว่าไดกิจะรู้
ไดกิเดินออกจากห้องอาคิโกะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไทชิยืนฟังไดกิคุยกับอาคิโกะอยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว ไดกิมองไทชิอย่างชะงัก ไม่คิดว่าจะเจอไทชิที่นี่
“ไทชิ”
ไทชิมองไดกิด้วยสายตาโกรธ
“ผมจะไปเอาเรื่องมัน”
ไทชิจะเดินไป ไดกิรีบดึงตัวไทชิไว้
“หยุดก่อน”
“มันทำอาคิโกะเจ็บขนาดนี้ ผมไม่ปล่อยมันไว้”
“ฉันบอกให้หยุดไงไทชิ เธอคิดว่าฉันไม่โกรธ ไม่เจ็บแทนอาคิโกะเหรอ ฉันเป็นพ่อ คนที่เจ็บที่สุดก็คือฉัน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ห้ามผมทำไมครับ”
“เพราะถ้าเธอทำอะไรลงไป ผลที่ตามมาจะไม่มีอะไรดีกับอาคิโกะเลย อาคิโกะรักอาชีพนักแสดงที่สุด ถ้าไปเอาเรื่องไอ้สารเลวนั่น นอกจากอาคิโกะจะเสียชื่อแล้ว ยังอาจจะเสียเกียรติจนไม่มีที่ยืนในสังคม”
ไทชิชะงัก สีหน้าเครียดเพราะทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านี้
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 12 (ต่อ)
ไทชิเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างเบาเสียงที่สุด อาคิโกะนอนหลับอยู่ ไทชิค่อยๆ เดินเข้ามายืนข้างเตียงอาคิโกะ ไทชิมองสำรวงร่างกายอาคิโกะที่มีรอยแผลฟกช้ำ ยิ่งทำให้เจ็บปวด
ไทชิค่อยๆ เอื้อมมือไปเพื่อไปแตะใบหน้าของอาคิโกะด้วยหัวใจที่แสนห่วงใย เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจึงชะงักมือกลับ พยาบาลเปิดประตูเข้าห้องมาพร้อมหมอ
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังหลับอยู่เลยครับ”
“ช่วงนี้ควรพักผ่อนเยอะๆ หมอยังกังวลอาการของคนไข้อยู่ ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบบอกหมอเลยนะครับ”
“อาคิโกะเป็นอะไรมากเหรอครับ”
หมอเปิดแฟ้มดูรายงานการตรวจด้วยสีหน้าเครียด
“บาดแผลตามตัวไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ที่หมอกังวลคือผลกระทบต่อเด็กในครรภ์”
ไทชิชะงักอึ้ง อาคิโกะกระพริบตาลืมตาขึ้นมา ได้ยินหมอพูดเรื่องเด็กในครรภ์พอดี
“เมื่อกี้คุณหมอพูดว่าอะไรนะคะ”
ยูจิมีอาการเสี้ยนยา เขาถือกระปุกยาที่ซื้อใหม่เข้ามาในห้อง แล้วรีบเปิดกระปุกเทยา ทันใด มาซารุเปิดประตูพรวดเข้ามาปัดยาในมือยูจิออก พร้อมกับคว้ากระปุกยาใหม่ไว้ ยูจิมองหายาอย่างทุรนทุราย
“พ่อ ขอยาผมเถอะ”
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม อย่าให้ฉันเห็นไอ้ยานี่อีก”
“ผมขาดมันไม่ได้ มันทำให้ผมดีขึ้น”
ยูจิพยายามแย่งยาในมือมาซารุอย่างแทบคลั่ง มาซารุกระชากตัวยูจิเข้าห้องน้ำแล้วเหวี่ยงลงอ่าง แล้วใช้น้ำราดตัว
“ไม่มียาบ้าที่ไหน ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น มันทำให้สมองแกเพ้อเจ้อ ขาดสติจนไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนโสเภณีไนท์คลับหลอกลวง”
“พ่อพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง ขอยาผมเถอะ”
มาซารุกระชากคอเสื้อยูจิ
“ฉันพูดถึงผู้หญิงชั้นต่ำของแก นังจุนโกะ มันอาจจะเป็นตัวการทำให้เราทำทุกอย่างพลาด”
“อะไรนะพ่อ พ่อรู้ได้ยังไง”
มาซารุเลี่ยงที่จะพูดว่าตัวเองก็เสียท่ากับเสน่ห์จุนโกะ
“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่แกต้องเลิกยุ่งกับนังผู้หญิงคนนั้น เลิกยาทำตัวให้เหมาะสมที่เกิดมาเป็นลูกฉัน”
อาคิโกะนอนจมอยู่กับที่นอนอย่างเศร้าๆ ไทชิถือกล่องอาหารที่ไปหาซื้อมาให้
“ทาโกะยากิใส่สาหร่ายเยอะๆ กับน้ำผลไม้ที่เธอชอบ กินอะไรหน่อยนะ เธอไม่ยอมแตะอะไรมาตั้งแต่กลางวันแล้ว”
ไทชิเปิดกล่องอาหารให้ อาคิโกะปัดกล่องอาหารตกกระจายที่พื้น ไทชิยืนนิ่ง
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น หูแตกรึไง”
“แต่เธอต้องกินอะไรบ้าง อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว”
อาคิโกะกรี๊ดขึ้นมาทันที พร้อมกับเอามือดึงผมตัวเองอย่างคนที่ได้ยินสิ่งที่รับไม่ได้ แล้วคุมตัวเองไม่อยู่ ไทชิรีบเข้าไปกอด
“อาคิโกะ”
“ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนั้น ฉันไม่อยากได้ยิน”
หมอกับพยาบาลวิ่งเข้าห้องมา หมอเข้าไปพูดปลอบอาคิโกะ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” หมอหันไปบอกไทชิ “ช่วยออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”
พยาบาลเดินนำไทชิไปทางประตูห้อง แล้วเปิดประตูให้ ไทชิมองอาคิโกะอย่างเป็นห่วงแสนห่วง
ไทชิเดินออกจากห้องพักอาคิโกะ แต่ยังเกาะที่ประตู คอยมองที่กระจกตรงบาน ประตูห้องด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ห่วงใยที่เห็นอาคิโกะเป็นอย่างนี้
“ปล่อยฉัน”
ไทชิยิ่งได้ยินเสียงที่เจ็บปวดและทรมานของอาคิโกะ ยิ่งทำให้ไทชิแค้นยูจิ
ทาคาโอะถูกขังอยู่ในห้องขัง นาบุนั่งหลับอยู่ข้างๆ ประตูด้านนอกถูกเปิดออก เงาของชายหนึ่งเดินเข้ามาอย่างน่ากลัวคล้ายจะเข้ามาทำร้าย มือของชายคนนั้นหยิบปืนพกออกมา ทาคาโอะสะดุ้งนิดหนึ่ง หันขวับไปมองชายคนนั้น สีหน้าและแววตาของเขาไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลย
“ถึงเวลากำจัดพยานที่จะซัดทอดถึงตัวเองแล้วสินะ”
มือที่ถือปืนพกนั้นกระชากลูกเลื่อน เตรียมพร้อมจะยิงทุกเมื่อ
“ฮึๆ เมื่ออำนาจอยู่ในมือ จะใช้ในทางที่ถูกหรือผิดก็ได้”
มาซารุเดินเข้ามาใกล้ทาคาโอะ
“จำใส่หัวแกไว้ หมาอย่างแก อย่าริมาลองของกับราชสีห์อย่างฉัน”
ทาคาโอะมองหน้ามาซารุอย่างไม่หวาดกลัว
“จะฆ่าก็ฆ่า อย่ามัวแต่เล่นลิ้นอยู่ เสียเวลา”
มาซารุวางปืนลงที่โต๊ะหน้าห้องขังโครม มองทาคาโอะอย่างไม่พอใจ แล้วหยิบลูกกุญแจมาไขลูกกรงเปิดออก เปิดประตูห้องขังแง้มไว้ ทาคาโอะเหลือบมองอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านมายาโมโต้ยังเห็นว่ามีประโยชน์ แกหมดลมไปแล้วแน่ หาทางออกไปจากที่นี่เอง รอรับคำสั่งจากท่านยามาโมโต้ เราจะกำจัดโอะนิซึกะให้เร็วที่สุด”
มาซารุเดินออกไป ทาคาโอะหยิบปืนขึ้นมา สีหน้า แววตาเหี้ยมและดุดัน
จุนโกะอยู่ในห้องพักของตนเอง หน้าตาซีดอยู่ในอาการเสี้ยนยา ตัวสั่นเทา
“ไม่...ฉันไม่ยอมตกเป็นทาสมัน...ไม่…”
จุนโกะพยายามทำให้ตัวเองมีสติโดยหยิบ ขวดน้ำมาราดหน้าตัวเอง แล้วรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าอย่างมือสั่น ต้องการจะหนีไป เธอเดินมามองที่หน้าต่าง แล้วตกใจเมื่อเห็นว่านาบุกำลังเดินขึ้นมายังห้องพักของเธอ
นาบุกับลูกน้องมิซาว่าเดินตรงเข้ามาที่ห้องพักจุนโกะ ถีบประตูห้องพักจุนโกะโครม ประตูเปิดออกกว้าง แล้วเดินเข้าห้อง มองรอบๆ ห้อง ในห้องพักนั้นว่างเปล่า เสื้อผ้าเกลื่อนอยู่บนเตียง กระเป๋าเดินทางที่เคยวางอยู่บนเตียงหายไป หน้าต่างห้องเปิดโล่ง นาบุรู้ทันทีว่าจุนโกะหนีออกไปทางหน้าต่าง ลูกน้องมิซาว่าออกจากห้องพักจุนโกะไป นาบุมองรอบๆ ห้องพักจุนโกะอีกครั้ง แล้วเดินตามลูกน้องออกไป ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก จุนโกะค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าอย่างหวาดกลัว
ไทชิเปิดประตูห้องเข้ามาหาอาคิโกะ แต่ไม่เห็นอาคิโกะนอนอยู่บนเตียง ไทชิสังหรณ์ใจไม่ดี
“อาคิโกะ...”
อาคิโกะยืนอยู่ริมระเบียงชั้นสอง มองความสูงของระเบียงถึงพื้นชั้นล่างอย่างคิดๆ มือจับที่ท้องพร้อมกับกำเสื้อแน่นด้วยความแค้น เกลียดชังกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในตัวเอง
“ฉันจะไม่ยอมเสียอนาคตเพราะเลือดของคนชั่ว”
อาคิโกะมองท้องตัวเอง
“อย่าอาฆาตกันเลยนะ ถ้าจะผิด ก็ไปเอาผิดไอ้เลวชาติคนนั้น”
อาคิโกะกำลังจะก้าวขาปีนระเบียงเพื่อจะกระโดดลงไปชั้นล่าง หวังทำให้ตัวเองแท้ง ขณะที่กำลังปีนรั้วระเบียง
เธอเห็นริวเดินถือช่อดอกไม้เข้ามา จึงชะงักขาที่กำลังจะปีนรั้วระเบียง เปลี่ยนใจก้าวขาลงจากรั้วระเบียง คิดอะไรได้บางอย่าง
มายูมินั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงาน ได้ยินเสียงเคาะประตู รีบหันไปมองด้วยใจที่หวังว่าจะเป็นริว แต่เป็นนานะเดินถือกาแฟร้อนๆเปิดประตูเข้ามา มายูมิเผลอแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา นานะเห็นสีหน้าเพื่อนยิ้มอย่างรู้ทัน
“ขอโทษนะที่ทำให้ผิดหวัง”
“ผิดหวังอะไร” มายูมิปั้นหน้าปกติ
นานะเดินเข้ามาวางแก้วกาแฟให้บนโต๊ะ
“ฉันไม่ได้คบกับเธอแค่วันสองวันนะ ถึงดูไม่ออกว่าเธอกำลังรู้สึกอะไร”
“ฉัน…”
มายูมิพยายามเถียง นานะรีบพูดแทรก
“ฉันเข้าใจว่าใครเป็นเธอ คงต้องโกรธต้องน้อยใจ แต่ที่คุณริวปิดบังเธอ ก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่เขาหายไปจากชีวิตเธอ 7 ปีก่อน เขากลัวเธอจะเป็นอันตราย เขาเป็นห่วงเธอมากนะมายูมิ”
“แล้วฉันล่ะ ฉันก็ห่วงเขา เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเขาพยายามจะเดินแต่เดินไม่ได้ ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ฉันเป็นหมอ”
มายูมิร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น นานะกอดมายูมิอย่างเข้าใจ
“ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ แต่ฉันเชื่อว่าริวเจ็บและทรมานกว่าหลายเท่า ที่เห็นเธอต้อง ทรมานเพราะเขา”
“สุดท้ายเธอก็พูดแทนคนอื่น เธอเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน”
“ฉันพูดแทนใจเธอต่างหากมายูมิ เธอไม่ใช่ผู้หญิงไม่มีเหตุผล เธอรู้เหตุผลที่ริวปิดบังเธอดี เลิกน้อยใจแล้วกลับบ้านไปซะ โอะนิซึกะโซเรียวมีศัตรูจ้องทำร้ายรอบตัว เธอคงไม่อยากเป็นอีกคนที่ทำร้ายเขาใช่มั้ย”
มายูมินิ่ง ครุ่นคิดตามคำพูดของนานะ
นานะออกจากห้องมายูมิแล้วเดินออกไปด้านหนึ่ง ริวเดินถือช่อดอกเดซี่มาหน้าห้องมายูมิ เขาจะเคาะประตูห้องแล้วชะงักลังเล กลัวว่าเธอยังโกรธอยู่ ขณะที่มายูมิจะเดินมาเปิดประตูออกจากห้อง แต่ชะงักเพราะนึกได้ว่าลืมเสื้อคลุมไว้ที่พนักเก้าอี้ เธอเดินกลับไปหยิบเสื้อคลุม แล้วหันไปเปิดแฟ้ม เขียนสั่งงานอะไรอีกเล็กน้อย ริวยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง จะเคาะ แต่ไม่กล้า สุดท้ายมองช่อดอกไม้ในมือ แล้วคิดว่าเอาไปฝากนานะให้มายูมิดีกว่า
มายูมิเดินไปเปิดประตู พบว่าอาคิโกะยืนร้องไห้อยู่ มายูมิมองอย่างแปลกใจว่ามาทำไม อาคิโกะไม่รอช้า โผเข้ากอดมายูมิแล้วร้องไห้โฮ
“คุณต้องช่วยฉันนะคะ คุณเป็นคนเดียวที่จะพูดกับริวให้ฉันได้”
มายูมิได้ยินชื่อริว แล้วชะงักว่าเกิดอะไรขึ้นอีก
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ฉัน…ฉัน…”
อาคิโกะยิ่งร้องไห้โฮ ทำเป็นรู้สึกเจ็บปวดหัวใจจนพูดไม่ออก แล้ววิ่งเข้าห้องของมายูมิ คว้ากรรไกรขึ้นมา ทำท่าจะแทงที่ท้องตัวเอง มายูมิรีบเข้าไปแย่งกรรไกรอย่างตกใจ
“นี่มันเรื่องอะไร ทำไมคุณต้องทำร้ายตัวเอง”
“ขอกรรไกรฉันเถอะ” อาคิโกะมองท้องตัวเอง “ฉันเอาเขาไว้ไม่ได้”
มายูมิฟังอาคิโกะพูดแล้วสังหรณ์ใจแปลกๆ แล้วมองที่ท้องของอาคิโกะ
“เขา”
อาคิโกะเอามือลูบท้องตัวเองแล้วสะอื้นเหมือนใจจะขาด
“เลือดเนื้อเชื้อไขที่พ่อเขาไม่ต้องการ ลูกของฉันกับริว”
มายูมิฟังแล้วยืนอึ้ง
รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 12 (ต่อ)
ไทชิคุยกับพยาบาลด้วยความร้อนใจ
“เจออาคิโกะไหมครับ”
“เราหาบนชั้นนี้ไม่เจอค่ะ กำลังจะไปตามดูที่สวน”
พยาบาลกำลังจะเดินไป อาคิโกะเดินเข้ามาพอดี ไทชิรีบปรี่เข้าไปหา
“เธอหายไปไหนมา”
อาคิโกะยิ้มให้ไทชิ
“ไปหาเหตุผลว่าทำไมฉันต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้”
ไทชิมองอาคิโกะอย่างสงสัยว่าอาคิโกะหมายถึงอะไร
“มองอะไร มาช่วยฉันเก็บของดีกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ดี ได้กลับบ้านแล้ว”
อาคิโกะเดินไปเก็บข้าวของ ไทชิมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
นานะเดินอ่านแฟ้มรายงานคนไข้เพื่อจะไปตรวจ ริวเดินถือช่อดอกเดซี่มาหานานะ
“โอะฮะโยโกะไซมัส อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
นานะโค้งทักทายริว มองช่อดอกไม้ในมือริวแล้วยิ้ม
“ดอกเดซี่ ตำนานรักระหว่างโอะนิซึกะโซเรียวกับคุณหมอสาว เอาดอกเดซี่มาขอโทษมายูมิเหรอคะ”
ริวยิ้มเก้อๆ
“มาช้าไปแล้วล่ะค่ะ ป่านนี้มายูมิคงกลับไปรอรับดอกไม้อยู่ที่บ้านคุณแล้ว”
“มายูมิยอมกลับบ้านแล้วเหรอครับ” ริวยิ้มดีใจ
มายูมิกลับมาที่บ้านโอะนิซึกะอย่างเศร้าๆ เธอหาโคจิที่นอนอยู่ในห้อง แล้วร้องไห้ออกมาอย่างระงับความรู้สึกเศร้าใจไว้ไม่ได้ โคจิเข้าใจว่าเธอยังโกรธริวที่ไม่บอกว่าเดินได้แล้ว จึงพยายามจะอธิบาย แต่มายุมิขัดขึ้น
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจค่ะ และไม่ได้โกรธเขา”
มายูมิคิดถึงเรื่องอาคิโกะท้องแล้วสะอื้นออกมาอีกครั้ง
“คุณมีเรื่องอะไร”
มายูมิมองโคจิตั้งใจจะเล่า ไทชิเคาะประตู แล้วเปิดประตูเข้ามา
“คุณมายูมิครับ ผมมีเรื่องจะบอก”
ไทชิที่มีแววตาจริงจัง ตั้งใจจะบอกความจริงทั้งหมดให้มายูมิทราบ
เมื่อนั่งคุยด้วยกันตามลำพัง มายูมิมองไทชิด้วยสีหน้าตกใจอึ้ง
“อะไรนะ”
ไทชิมองมายูมิด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ดวงตาหลบต่ำเพราะมีแววเจ็บปวดกับเรื่องที่พูดถึง
“อาคิโกะไม่ได้ท้องกับโซเรียว แต่พ่อของเด็กคือผู้กองยูจิ”
มายูมิชะงักงง คาดไม่ถึง
“แล้วทำไมคุณอาคิโกะบอกฉันว่า…”
“เพราะเขาต้องการครอบครองโซเรียว ผมรู้จักอาคิโกะมานาน ผมมองออกว่าเขาคิดจะทำอะไร”
มายูมินึกถึงอาคิโกะกับยูจิ พึมพำ
“ผู้กองยูจิ คุณอาคิโกะ”
มายูมิคิดถึงอาคิโกะที่ใช้เข็มกลัดรูปผีเสื้อที่มียาสลบที่ปลายเข็มจิ้มนิ้ว แล้วเธอมาพบยูจิก่อนที่จะสลบไป เธอรู้ทันทีว่าเสียรู้ให้อาคิโกะและยูจิ
ไทชิมองมายูมิที่มีสีหน้าขรึมแล้วเดาออกว่ามายูมิโกรธอาคิโกะอยู่ จึงพูดปกป้อง
“อาคิโกะไม่ใช่คนจิตใจไม่ดี แต่ที่เขาทำอะไรผิดๆ เพราะโดนสถานการณ์บังคับ คุณมายูมิยกโทษให้อาคิโกะเถอะนะครับ ผมขอร้อง”
ไทชิก้มหัวนิ่งอยู่ที่หน้ามายูมิ ขอร้องให้เธอให้อภัยในเรื่องราวทั้งหมด
อาคิโกะใช้กระจกส่องดูรอยช้ำบนหน้า อย่างแค้นยูจิมาก
“ไอ้ยูจิสารเลว”
อาคิโกะพยายามใช้เครื่องสำอางค์เมคอัพลบรอบช้ำอย่างสุดแค้น
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...มายูมินั่งเล่นกับกลุ่มเด็กกำพร้า 4-5 คน ยูจิเดินหน้าตามีความสุขเข้ามาหามายูมิ
“ผมดีใจมากที่คุณนัดมาเจอ นึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว”
มายูมิมองยูจิ แล้วยิ้มอย่างเย็นชา
“ทำไมคิดว่าฉันจะไม่เจอคุณอีก”
ยูจิชะงักที่ตัวเองเผลอพูดเปิดช่องให้มายูมิย้อน รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ก็เพราะว่าที่คู่หมั้นคุณหวง”
“ริวเป็นคนมีเหตุผล เขาไม่เคยห้ามไม่ให้ฉันคบกับคนดี”
ยูจิชะงักเหมือนโดนมายูมิเหน็บเข้าอีกดอก พยายามยิ้มแล้วมองเด็กๆกำพร้า
“ทำไมนัดผมมาเจอที่นี่ล่ะครับ”
“ถ้าว่าง ฉันมักจะมาอ่านนิทานให้เด็กๆ ที่นี่ฟัง”
ยูจินั่งข้างๆ เด็ก
“อย่างนี้นี่เองที่เขาบอกคนสวยที่แท้จริง ไม่ได้สวยแต่เพียงภายนอก แต่สวยไปถึงหัวใจ”
“เด็กพวกนี้น่าสงสารค่ะ บางคนพ่อแม่เสียตั้งแต่เกิด บางคนโดนพ่อแม่ทิ้ง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่เกิดมาในเวลาที่ไม่มีใครต้องการ”
ยูจิมองมายูมิที่มองเด็กๆอย่างอบอุ่น จึงหาเรื่องคุยเออออตามไป
“ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดี เพราะผมเองก็กำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก”
“ฉันขอถามเรื่องส่วนตัวสักนิดได้ไหมคะ” มายูมิมองยูจิ
“ได้สิครับ”
“ตอนคุณไม่มีแม่ คุณรู้สึกยังไงคะ”
ยูจิมองไกลออกไป คิดถึงความรู้สึกในอดีต
“เหงา...ผมผูกพันกับแม่มาก ตั้งแต่เล็ก แม่จะปลุกผม เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ พาผมไปส่งโรงเรียน พอเลิกเรียนแม่จะมารับ พาผมไปเลือกซื้อของสดมาช่วยกันทำกับข้าวสองคนแม่ลูก แล้วจบวันด้วยการพาผมเข้านอน”
ยูจิมองไปที่เด็กๆ เหล่านั้น แววตาดูอ่อนโยนลง
“ในวันที่ไม่มีแม่ ผมลืมตาตื่นอย่างเคว้งคว้าง ไม่มีอ้อมกอดลาเวลาที่ผมไปโรงเรียน ไม่มีรอยยิ้มดีใจเวลาผมกลับบ้าน”
“แล้วคุณพ่อคุณล่ะคะ ท่านอยู่ไหนตอนที่คุณต้องการแม่”
ยูจิเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“ทำงานครับ ไม่ว่าแม่จะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่มีผลอะไรกับพ่อเลย”
ยูจิมองมายูมิแล้วพูดด้วยเสียงวาดฝัน
“ผมคิดไว้นะครับ ถ้ามีลูก ผมจะทำอย่างที่แม่ทำ จะเป็นคนแรกที่เขาเห็น เวลาที่เขาตื่น จะเป็นคนแรก เวลาเขาต้องการใครสักคน”
มายูมิยิ้มให้ยูจิแต่ไม่ใช่ยิ้มชื่นชม แต่เป็นรอยยิ้มเย็นชา เหมือนนายพรานที่เห็นเหยื่อติดกับดัก
“งั้นคุณก็รีบไปทำสิคะ”
ยูจิมองมายูมิอย่างชะงักงง
“อะไรนะครับ”
มายูมิลุกขึ้นยืนมองยูจิ
“ขอบคุณ ที่ครั้งที่แล้วคุณพาฉันกลับไปบ้านโอะนิซึกะอย่างปลอดภัย ทำให้ฉันเชื่อว่า คุณยังหลงเหลือความเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่จะทำในสิ่งที่คุณพูด”
“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
มายูมิมองหน้ายูจิอย่างจริงจัง
“คุณอาคิโกะท้องกับคุณ คุณมีโอกาสสร้างฝันที่เป็นจริงให้ลูกคุณแล้วค่ะ”
ยูจิชะงักอึ้ง ไม่คิดว่ามายูมิจะรู้เรื่องตัวเองกับอาคิโกะ
ริวถือช่อดอกเดซี่ลงจากรถพร้อมคัตสึ เซกิด้วยความดีใจที่มายูมิกลับบ้านแล้ว
“มายูมิ ผมกลับมาแล้ว”
ริวร้องเรียกเสียงดัง ทันใดนั้นร่างจุนโกะเดินโซซัดโซเซเข้าล้มลงตรงหน้า
“คุณริว ช่วยฉันด้วย”
“จุนโกะ”
ริวรีบเข้าไปประคองร่างจุนโกะ
ริวพาจุนโกะไปนอนพักในห้องหนึ่ง แล้วเดินมาจากห้องมาพบ คัตสึ เซกิ และลูกน้องโอะนิซึกะที่รออยู่
“น่าจะสลบไปเพราะอาการอยากยา ให้คนดูแลไว้ด้วย”
“ครับโซเรียว”
มายูมิเดินมาจากทางหน้าบ้าน ไทชิเดินตามมาด้วย ริวดีใจที่เห็นมายูมิกลับมาบ้าน
“คุณหายไปไหนมา เมื่อเช้าผมไปหาคุณที่โรงพยาบาล หมอนานะ บอกว่าคุณกลับบ้านมาแล้ว”
มายูมิชะงักแล้วหันไปมองไทชิอย่างรู้กันว่าวันนี้ เธอเจอเรื่องวุ่นวายอะไรมาบ้าง
“มีเรื่องมากมายค่ะ แต่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”
ริวหันไปมองคัตซึที่พยักหน้าอย่างรู้ทัน
“ครับโซเรียว”
คัตสึเดินไปหยิบช่อดอกเดซี่มาให้ริว แล้วทุกคนพากันเดินแยกไป ริวยื่นช่อดอกเดซี่ให้มายูมิ
“ดอกเดซี่ ดอกไม้ที่มีความหมายลึกซึ้งของเราสองคน”
“ฉันยกโทษให้คุณค่ะ”
ริวชะงักมอง มายูมิเข้าไปจับมือริว
“สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีขนาดไหน ที่มีผู้ชายที่รักฉัน ห่วงฉัน ปกป้องฉันด้วยหัวใจอย่างคุณ”
ริวมองมายูมิอย่างอึ้ง งง
“มายูมิ”
“ฉันขอโทษที่เมื่อคืน ฉันงี่เง่า โกรธคุณ ไม่พอใจคุณ น้อยใจคุณ ฉันก็แค่ผู้หญิงคนนึง ที่อยากดูแลและปกป้องคนที่รักเหมือนที่คุณอยากทำให้ฉัน แต่ต่อไปนี้ ฉันสัญญาว่าจะเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจะเป็นคนแรกที่เข้าใจคุณโดยไม่ขอคำอธิบาย”
ริวมองมายูมิอย่างซาบซึ้ง แล้วโผเข้ากอด
“ขอบคุณมากมายูมิ ขอบคุณสำหรับความรักและความเข้าใจที่คุณมีให้กับผม”
ริวมองมายูมิแล้วตัดสินใจพูด
“ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ”
ริวเปิดประตูห้องให้มายูมิเข้ามาในห้อง มายูมิชะงักอึ้งเมื่อเห็นจุนโกะนอนสวมชุดยูกาตะหลวมๆ ท่าทางทรุดโทรม
“จุนโกะ เป็นผู้หญิงในไนท์คลับมิซาว่า เป็นคนส่งข่าวว่ามายาโมโต้จะขนยาล็อตใหญ่”
“คนที่นานะโทรมาบอกคุณ” มายูมินึกได้
ริวพยักหน้า แล้วมองจุนโกะอย่างสงสาร
“จุนโกะหนีมาขอความช่วยเหลือจากเรา”
จุนโกะกระสับกระส่ายเพราะรู้สึกเสี้ยนยา เพ้อ
“ท่านริว ช่วยฉันด้วย ท่านริว”
ริวเข้าไปประคองร่างจุนโกะไว้ จุนโกะสะลึมสะลือมองหน้าริวออกอาการเพ้อๆ พอเห็นว่าเป็นริวจึงกอดเขาไว้แน่น ทำให้เสื้อที่สวมไว้หลวมๆ ร่วงเห็นไหล่ขาวเนียน
“ไม่ต้องกลัวนะจุนโกะ ฉันอยู่นี่”
จุนโกะจับมือริวไว้แล้วเอามาแนบแก้มตัวเองเพื่อยึดเป็นหลัก
“อย่าทิ้งฉันไปนะคะ ฉันไม่มีใครแล้ว ชีวิตนี้ฉันมีแต่ท่านริว”
มายูมิมองจุนโกะที่กอดริวไว้แน่น ทำให้คิดถึงคำพูดของอาคิโกะ...
“ฉันขอร้องให้คุณช่วยบอกริว ให้รับลูกในท้องได้อย่างไม่อาย ถึงฉันจะมาก่อน แต่ฉันก็พร้อมจะเป็นรองคุณ”
“คุณยอมได้ยังไง” มายูมิถามอาคิโกะอย่างแปลกใจ
“เพราะฉันรู้ว่าผู้ชายอย่างริวไม่มีทางมีผู้หญิงเพียงคนเดียว ความยิ่งใหญ่ ต้องมาพร้อมกับบริวารมากมายไว้ประดับบารมี มีผู้หญิงมากมายที่อยากเป็นผู้หญิงของริว”
คิดถึงสิ่งที่อาคิโกะพูดแล้ว มายูมิมองริวกับจุนโกะนิ่งๆ
จบตอนที่ 12