นางกลางไฟ ตอนที่ 12
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้านั่งหน้าเศร้าอยู่ในรถของซูซี่ โดยมีกล้วยนั่งอยู่ข้างๆ และมะปรางนั่งข้างซูซี่
ครู่หนึ่งซูซี่ก็จอดรถ ก่อนจะหันมาถามย้ำกับตะวันฉาย
“พี่ขอถามตะวันอีกครั้ง ตะวันคิดดีแล้วเหรอที่หอบลูกหนีมาแบบนี้”
ตะวันฉายชะงัก นึกถึงคำขู่ของดวงสุดา
“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ที่ตะวันจะปกป้องลูกได้ ตะวันต้องพาลูกไปให้ไกลจากคุณดวงสุดาให้มากที่สุด ไม่อย่างงั้นลูกจะตกอยู่ในอันตราย ทุกคนก็รู้ว่าคุณดวงสุดาทำได้ทุกอย่าง”
ซูซี่แค้นใจ “นังคนใจดำอำมหิต ชั่วช้าต่ำทราม คิดจะทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กตาดำๆ”
ตะวันฉายสะเทือนใจ น้ำตาไหล
“ตอนที่คุณดวงสุดาจะผลักลูกตกน้ำ หัวใจของตะวันเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ตะวันห่วงลูกแทบจะขาดใจ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของตะวัน ตะวันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกอีกเด็ดขาด”
ทุกคนนิ่งเงียบ พลอยสะเทือนใจไปด้วย
“แล้วคุณธวัชล่ะ เค้าจะรู้สึกยังไงที่ตะวันทิ้งเค้ามาแบบนี้”
ซูซี่ถามต่อ ตามด้วยมะปราง
“แล้วตะวันจะอยู่ได้เหรอ ถ้าไม่มีคุณธวัช”
ตะวันฉายชะงักอึ้ง พูดไม่ออก
“วัชว่าไงนะ ตะวันฉายกับลูกหายตัวไปงั้นเหรอ “
สุนทรีย์ตกใจเมื่อรู้ข่าวงจากธวัช
“ผมคิดว่าตะวันพาลูกหนีไปครับแม่” ธวัชสีหน้าเครียดจัด
“หนีอะไรวะ อยู่ๆ คุณตะวันจะพาลูกหนีไปทำไม” นิคมข้องใจ
“ต้องเกิดเรื่องอะไรกับตะวันแน่ๆ ไม่งั้นตะวันคงไม่ทิ้งฉันไปแบบนี้”
สุนทรีย์รีบบอก“แม่ว่าวัชโทรถามตะวันฉายให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า”
“ผมติดต่อตะวันไม่ได้เลย ตะวันปิดมือถือครับแม่”
“งั้นฉันจะโทรถามพี่ซูซี่กับคุณมะปราง”
ธวัชถอนหายใจ“ฉันโทรไปแล้ว แต่ไม่มีใครรับสายเลย”
นิคมนิ่งคิด แล้วดึงธวัชไปคุย
“แกคิดว่าคุณดาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหมวะ ?”
ทางด้านดวงสุดากำลังนั่งดูเครื่องเพชรแบบต่างๆกับวัลลภา ธวัชเดินหน้าเศร้าเข้ามา ดวงสุดารีบเข้าไปเกาะแขนเอาใจ
“วัชเหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวดาจะหาน้ำมาให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
“วัชไปหาตะวันฉายมาเหรอคะ แล้วตะวันฉายกับลูกเค้าสบายดีไหมคะ แล้วเด็กหน้าตาเป็นยังไงบ้าง หน้าเหมือนพ่อหรือแม่คะ”
ดวงสุดาแกล้งถาม วัลลภารีบพูดต่อ
“นั่นสิ ตั้งแต่ตะวันฉายคลอดลูก พวกเราก็ไม่ได้เจอเค้าอีกเลย”
“ตะวันกับลูกไม่ได้อยู่ที่บ้านสวนแล้ว”
ดวงสุดาชะงัก ทำเป็นถาม “ไม่ได้อยู่ที่บ้านสวนแล้ว หมายความว่ายังไงคะ “
“ตะวันเก็บข้าวของพาลูกหนีไป เค้าทิ้งผมไปแล้ว”
ดวงสุดากับวัลลภาทำเป็นตกใจ “ตายจริง “
“ แล้วทำไมอยู่ๆตะวันฉายถึงทำแบบนั้น”
“นั่นสิคะ อยู่ๆตะวันจะทิ้งวัชไปได้ยังไง”
ธวัชมองดวงสุดานิ่งๆอย่างนึกสงสัยว่าดวงสุดาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ไม่แน่ใจนัก
“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ตะวันถึงหอบลูกหนีผมไปแบบนี้”
ธวัชเดินหน้าเศร้าออกไป ดวงสุดากับวัลลภายิ้มสะใจที่กำจัดตะวันฉายได้
ที่บ้านญาติซูซี่ที่ต่างจังหวัด
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าเดินเข้ามา พลางมองรอบๆ บ้าน ซูซี่ มะปราง กล้วยหิ้วข้าวของตามเข้ามา
“ขอบคุณพี่ซูซี่มากนะคะ ที่ให้ตะวันมาพักที่บ้านญาติพี่ซูซี่ชั่วคราว”
ซูซี่ยิ้มจริใจ “ไม่เป็นไร บ้านหลังนี้ ญาติพี่กำลังจะขายทิ้งอยู่แล้ว ว่าแต่ตะวันคิดว่าอยู่ได้ไหม”
“ตะวันอยู่ได้ค่ะ”
“แต่ที่นี่คงจะไม่สะดวกสบายเท่าบ้านสวนหรอกนะ ตะวัน”
มะปรางอดเป็นห่วงไม่ได้
“ยังไงตะวันก็ต้องอยู่ให้ได้ค่ะ”
ซูซี่ มะปราง กล้วยสบตากันด้วยความสงสาร
“กล้วย ฉันฝากกล้วยดูแลตะวันด้วยนะ”
กล้วยรับคำ “คุณซูซี่ไม่ต้องห่วงนะคะ กล้วยจะดูแลคุณตะวันเป็นอย่างดีค่ะ”
“กล้วยไม่น่ามาลำบากกับฉันเลย กล้วยไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ”
“คุณตะวันคะ ตอนที่กล้วยไม่สบาย คุณตะวันมีน้ำใจพากล้วยไปหาหมอ แล้วตอนที่คุณตะวันตกทุกข์ได้ยาก กล้วยจะทิ้งคุณตะวันได้ยังไงคะ กล้วยรักคุณตะวัน ไม่ว่าคุณตะวันจะไปอยู่ที่ไหน กล้วยก็จะตามไปรับใช้คุณตะวันทุกที่ค่ะ”
ตะวันฉายยิ้มซาบซึ้ง
“ขอบใจนะกล้วย พี่ซูซี่กับมะปรางห้ามบอกใครเด็ดขาดนะคะว่าตะวันอยู่ที่นี่”
ซูซี่กับมะปรางพยักหน้า
“พี่ซูซี่กับคุณมะปรางไม่รู้จริงๆเหรอครับว่าตะวันพาลูกหนีไปอยู่ที่ไหน ?”
ธวัชถามย้ำ
“ถ้ารู้ พี่กับมะปรางจะตกใจกันขนาดนี้เหรอคะ”
นิคมถามต่อ “แล้วทำไมเมื่อคืนพี่ซูซี่กับคุณมะปรางไม่รับโทรศัพท์ไอ้วัชเลยล่ะครับ”
“เมื่อคืนพี่ปาร์ตี้กับเพื่อนๆเพลินไปหน่อย พี่เมาแล้วก็หลับไปน่ะค่ะ”
“ส่วนปรางก็ไม่สบาย ปรางทานยาแล้วก็หลับไปตั้งแต่หัวค่ำค่ะ”
นิคมหันมาพูดกับธวัช
“ขนาดคนใกล้ชิดอย่างพี่ซูซี่กับคุณมะปรางยังไม่รู้ แล้วอย่างงี้เราจะไปตามหาคุณตะวันได้ที่ไหนล่ะ”
ธวัชถอนใจเครียดๆ ก่อนจะพึมพำเศร้าๆ
“ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปแบบนี้ ตะวัน”
มะปรางกับซูซี่สบตากันอย่างรู้สึกผิดที่โกหกธวัช ก่อนจะเล่นละครตีหน้าเครียดกันต่อ
“ตะวันต้องมีเรื่องอะไรไม่สบายใจแน่ๆ ถึงได้หนีไปแบบนี้”
ซูซี่กับมะปรางทำเป็นถอนใจ ขณะที่ธวัชเครียดจัด
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทางด้านวาทินกับดำรงนั่งอยู่กันคนละมุม หน้าเครียดกันทั้งคู่ พอธวัชเดินเข้าบ้านมา สองพ่อลูกก็ดิ่งไปหาธวัช สีหน้าไม่พอใจ
“นายเอาตะวันไปซ่อนไว้ที่ไหน”
ดำรงชี้หน้าธวัช
“ไอ้หมาหวงก้าง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะหวงตะวัน ถึงขนาดต้องเอาตะวันไปซ่อนไว้ที่อื่น เพื่อจะกันไม่ให้พวกฉันไปยุ่งกับตะวัน”
“พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าตะวันไม่ได้อยู่ที่บ้านสวนแล้ว อ้อ พวกคุณคงจะตามไปเกาะแกะตะวันเหมือนเคยสินะ”
วาทินเดือด กระชากคอเสื้อธวัช “นายเอาเมียฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมา”
ธวัชดึงมือวาทินออก
“ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น. ตะวันหอบลูกหนีไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร”
“อยู่ๆตะวันจะหนีไปได้ยังไง หรือว่านายทำอะไรให้ตะวันเสียใจ”
ธวัชส่ายหน้า “ผมกับตะวัน เรารักกันดี เพราะฉะนั้นไม่ใช่เหตุผลนี้แน่นอนครับ”
“อย่าให้ฉันรู้นะว่านายกักตัวตะวันไว้ ไม่ให้เจอฉัน ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่” วาทินพูดขู่
“ถ้าพวกคุณรักตะวันกันมากขนาดนี้ ก็น่าจะเอาเวลาไปตามหาตะวันกันนะครับ ไม่ใช่มาหาเรื่องผม เพราะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา”
ธวัชมองดำรงกับวาทินอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินหนีไป สองพ่อลูกมองตามธวัชอย่างเจ็บใจ
ธวัชกับนิคมคุยกับนักสืบ ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตะวันเลยเหรอครับ”
“เราเพิ่งจะตามหาคุณตะวันฉายได้แค่ 2 วันเองนะครับ คุณธวัชใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะครับ”
นิคมเห็นด้วย พลางพูดปลอบ
“ใช่ไอ้วัช ทุกอย่างต้องใช้เวลา เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พยายามต่อไป ฉันเชื่อว่าเราจะตามหาคุณตะวันเจอในเร็วๆนี้”
“คุณธวัชให้เวลาผมอีกหน่อยนะครับ ผมจะเร่งตามหาคุณตะวันฉายให้พบให้เร็วที่สุด”
ธวัชรีบหันมาบอกนักสืบ “ถ้ามีความคืบหน้ายังไง รีบบอกผมนะครับ”
พลางถอนใจอย่างเป็นห่วงตะวันฉาย
ธวัชกับตะวันฉายต่างนั่งเศร้าคิดถึงกัน
“คุณอยู่ที่ไหน ตะวัน”
“ฉันขอโทษที่ทิ้งคุณ ขอโทษจริงๆ”
ทั้งสองมองแหวนตะวันในมือตัวเอง แล้วต่างเอาแหวนมาแนบกับอก พลางน้ำตาไหลด้วยความคิดถึงกันสุดหัวใจ
ซูซี่ นิคม มะปรางและสุนทรีย์ยืนมองธวัชอย่างสงสารเห็นใจ
ขณะที่ดำรงเองก็จ้างนักสืบตามหาตะวันฉายเหมือนกัน
“ยังไงก็ต้องตามหาตะวันให้เจอ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ตาม เข้าใจไหม”
มะปรางที่เพิ่งกลับจากข้างนอกยืนฟังอยู่ นักสืบออกไป ดำรงถอนใจเครียดๆ พอหันไปเห็นมะปราง ก็ถึงกับชะงัก
“คุณให้นักสืบตามหาตะวันเหรอคะ ?” มะปรางถามอย่างไม่พอใจ
“ทำไมทำท่าทางเหมือนจะไม่พอใจ เธอไม่อยากรู้เหรอว่าตอนนี้ตะวันไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน”
“อยากรู้สิคะ ตะวันเป็นเพื่อนฉัน ทำไมฉันจะไม่ห่วงเพื่อน แต่ฉันน้อยใจที่คุณไม่เคยลืมตะวัน”
“แล้วทำไมฉันจะต้องลืมตะวันด้วย” ดำรงย้อนถาม
“เพราะคุณมีฉันอยู่ทั้งคน”
“สำหรับฉัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะแทนที่ตะวันได้”
มะปรางชักสีหน้าไม่พอใจ
“หมายความว่าคุณเห็นฉันเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ให้กับคุณ ฉันมีค่าแค่นั้นเหรอคะ”
“เธอก็น่าจะรู้ตัวดีนะว่าตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร อย่าทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉัน เพราะเธอไม่มีสิทธิ์”
ดำรงบอกเสียงเข้ม ก่อนจะเดินผละไป มะปรางอึ้ง เสียใจที่ดำรงไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง ก่อนจะพึมพำอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่ใช่เมียน้อย เมียเก็บหรือว่านางบำเรอ ฉันมีค่ามากกว่านั้น ฉันจะทำให้คุณลืมตะวันให้ได้
คุณดำรง”
ตะวันฉายลูบหัวสายฟ้าที่หลับอยู่ในเปล น้ำตารินด้วยความเศร้าสะเทือนใจ ก่อนจะอุ้มลูกมากอดแนบอก
“แม่ขอโทษที่พรากลูกมาจากอกพ่อ ให้อภัยแม่ด้วยนะลูก”
ซูซี่ มะปรางและกล้วยที่ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง พลอยเศร้าไปด้วย
ธวัชเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ บ้าน แล้วกึคิดถึงลูก
“พ่อคิดถึงสายฟ้าเหลือเกิน สายฟ้าอยู่ที่ไหน กลับมาหาพ่อนะลูก”
ธวัชน้ำตาเอ่อ ดวงสุดายืนมองอยู่มุมหนึ่ง น้ำตาคลออย่างเจ็บปวดเสียใจ
มือถือธวัชดังขึ้น เขารีบกดรับ
“ครับหัวหน้า ครับ ผมจะรีบไปที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้”
หัวหน้าโยนแปลนงานลงตรงหน้าธวัชอย่างไม่พอใจ
“คุณทำงานชุ่ยๆแบบนี้ให้ลูกค้าได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าลูกค้าไม่พอใจมาก ถึงขนาดโทรมาโวยวายกับผมจนบริษัทแทบแตก”
ธวัชหน้าซีดตกใจ “รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ผมเข้าใจนะว่าคุณมีเรื่องทุกข์ใจ แต่คุณก็ควรจะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก ไม่ใช่เอาความทุกข์ของตัวเองมาทำให้งานพังเละเทะแบบนี้”
“ผมขอโทษครับหัวหน้า ผมจะรีบไปคุยกับลูกค้า แล้วจะรีบแก้งานให้เร็วที่สุด”
หัวหน้าส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“สายไปแล้ว ลูกค้าเพิ่งโทรมายกเลิกสัญญาจ้างกับผมเมื่อกี้นี่เอง ถ้าคุณยังอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะทำงาน ผมคงจะต้องตัดปัญหา ผมขอสั่งพักงานคุณ 2 เดือน”
ธวัชตกใจ นิคม ซูซี่ มะปรางเข้ามา
นิคมแปลกใจที่เห็นหัวหน้ามองธวัชด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับหัวหน้า ?”
ธวัชเดินถือกระเป๋าทำงานเข้ามาในบ้าน ด้วยสีหน้าเศร้าซึม ดวงสุดารีบดิ่งเข้ามาเอาอกเอาใจ
“เย็นนี้วัชอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ดาจะให้แม่ครัวทำให้”
“ไม่เป็นไร ผมไม่หิว”
ธวัชเดินออกไป ดวงสุดาเดินตาม
“ผมอยากอยู่คนเดียว”
ธวัชเดินออกไป ดวงสุดาชะงัก น้ำตารินด้วยความเจ็บปวดขมขื่นใจ วัลลภายืนมองอยู่มุมหนึ่ง พลอยทุกข์เศร้าไปด้วย ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ ดวงสุดาซบหน้าลงกับอก พร้อมปล่อยโฮออกมา
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
“คุณธวัชถูกสั่งพักงานเหรอคะ ?” ตะวันฉายตกใจเมื่อรู้ข่าวจากซูซี่
“คุณธวัชเป็นทุกข์เพราะคิดถึงตะวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิทำงาน ถึงได้ทำงานพลาดจนถูกสั่งพักงาน “
มะปรางบีบมือตะวันฉาย “ตะวันเองก็ทุกข์ไม่แพ้กันใช่ไหม”
ตะวันฉายพูดไม่ออก ได้แต่น้ำตารินอย่างทุกข์สะเทือนใจ ซูซี่รีบบอก
“ที่ผ่านมาตะวันยังทุกข์ไม่พออีกเหรอ จะปล่อยให้ความทุกข์ทำร้ายตัวเองอีกทำไม กลับไปหาคุณธวัชเถอะนะตะวัน อย่าทรมานตัวเองอีกเลย”
ตะวันฉายโผกอดซูซี่อย่างต้องการที่พักพิงทางใจ ก่อนจะเช็ดน้ำตา แล้วฝืนทำใจแข็ง
“ตะวันกลับไปไม่ได้ค่ะ ถ้าตะวันกลับไป ก็เท่ากับพาลูกไปตาย ตะวันตัดสินใจแล้วค่ะ ตะวันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ตะวันจะอยู่ที่นี่ค่ะ”
ตะวันฉายรีบตัดบทเดินออกไป มะปรางกับซูซี่ส่ายหน้าให้กับความใจแข็งของเธอ
วาทินนอนอยู่บนโซฟา สายป่านเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณทินไม่สบายมากี่วันแล้วคะ”
วาทินทำเป็นไอ “2 วันแล้วครับ”
“แล้วนี่คุณทินไปหาหมอรึยังคะ คุณทินไม่สบาย ต้องไปหาหมอนะคะ ป่านจะพาคุณทินไปหาหมอเองค่ะ”
วาทินส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกครับป่าน ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก กินยาเดี๋ยวก็หายครับ”
จากนั้นสายป่านก็ทำซุปมาให้ วาทินตักจะกิน แล้วแกล้งทำช้อนหลุดมือจนซุปเลอะเสื้อตัวเอง สายป่านรีบดึงทิชชู่มาเช็ดเสื้อให้
“งั้นเดี๋ยวป่านป้อนคุณทินเองค่ะ”
สายป่านตักซุปป้อน วาทินมองตาเยิ้ม สายป่านหลบตาเขินๆ
วาทินลงนอนที่เตียง สายป่านถืออ่างน้ำกับผ้าขนหนูเข้ามา
“คุณทินเช็ดตัวสักหน่อยนะคะ จะได้หลับสบาย”
วาทินยิ้ม แล้วลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อออก สายป่านเขิน รีบหันหน้าหนี
“คุณทินถอดเสื้อทำไมคะ”
“ถ้าไม่ถอดเสื้อ แล้วป่านจะเช็ดตัวผมสะดวกได้ยังไงครับ”
สายป่านเช็ดตัวให้วาทินอย่างเขินๆ วาทินยิ้มๆ ก่อนจะจับมือเธอไว้
“ขอบคุณนะครับที่ป่านมาดูแลผม ผมดีใจมากนะครับที่ป่านเป็นห่วงผม”
“เพื่อนก็ต้องเป็นห่วงเพื่อนสิคะ”
วาทินส่งสายตาหวานฉ่ำ “แค่เพื่อนเท่านั้น จริงๆเหรอครับ”
สายป่านเขิน รีบยกอ่างน้ำและถือผ้าขนหนูออกไป วาทินลุกขึ้นแล้วทำเป็นเซจะล้ม สายป่านรีบวิ่งมาประคองลงนั่ง วาทินแกล้งเซแล้วดึงตัวล้มลงที่เตียงด้วยกัน ใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก วาทินมองตาเยิ้มเล่นเอาสายป่านใจเต้นโครมคราม ทั้งสองสบตากันอยู่นาน
วาทินฉวยโอกาสจูบ สายป่านได้สติ รีบดันตัวออก
“ขอโทษครับป่าน ผม”
สายป่านรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ วาทินเท้าสะเอวอย่างหงุดหงิด
“ จะเล่นตัวทำไมนักหนาวะ”
สายป่านเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ พลางยกมือแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างตกใจ ก่อนจะเลื่อนมือมาทาบที่อกอย่างพยายามควบคุมสติตัวเอง
นก แต้ว จูน เพื่อนๆที่สำนักพิมพ์ของสายป่านนั่งทานข้าวกัน พลางเม้าท์ว่าสายป่านไม่มากินข้าวด้วยเพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับวาทิน ครู่หนึ่งแต้วหันไปเห็นวาทินเดินเข้ามานั่งทานอาหารกับผู้หญิงด้วยท่าทีสนิทสนม จึงรีบถ่ายรูปเก็บไว้
วาทินนั่งคุยกับสายป่านที่สวนสาธารณะ
“ดีใจจังเลยครับที่ป่านออกมาเจอผม ผมนึกว่าป่านจะโกรธ จนไม่อยากจะเจอหน้าผมซะแล้ว”
“ป่านจะโกรธคุณทินเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่วันก่อน. ผมเสียมารยาทล่วงเกินป่าน”
สายป่านยิ้ม
“เรื่องนั้นป่านเข้าใจค่ะ แต่ที่ป่านไม่เข้าใจคือเรื่องนี้”
สายป่านยื่นรูปถ่ายที่วาทินควงผู้หญิงไปกินข้าวให้วาทินดู วาทินชะงักตกใจ แล้วรีบแก้ตัวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“คุณทินไม่ได้โกหกป่านนะคะ”
“ผมขอยืนยันด้วยเกียรติว่าผมไม่ได้โกหก แต่ถ้าป่านไม่เชื่อ งั้นก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะครับ ว่าผมจริงใจกับป่านแค่ไหน”
สายป่านมองตาวาทินอย่างพยายามค้นหาความจริงใจ
“ผมดีใจนะครับที่ป่านหึงผม”
“เปล่านะคะ ป่านไม่ได้หึง..ที่ป่านอยากฟังคำอธิบายจากคุณทิน เพราะป่านไม่อยากเป็นตัวตลกในสายตาเพื่อนเท่านั้นเองค่ะ”
“เพื่อนๆป่านคงจะคิดว่าผมเจ้าชู้ นอกใจป่านสินะครับ ผมดีใจนะครับที่ป่านเปิดโอกาสให้ผมได้อธิบาย ไม่ใช่คิดเองเออเอง แล้วก็เข้าใจผมผิดไปต่างๆนานา”
วาทินทำเป็นยิ้มจริงใจ ก่อนจะแอบถอนใจโล่งอกที่เอาตัวรอดไปได้
ตะวันฉายยืนอยู่กับกล้วยที่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งซูซี่ก็ขับรถเข้ามาจอด กล้วยเข้าไปช่วยซูซี่กับมะปรางถือของจะเดินเข้าบ้าน ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ตะวัน”
ตะวันฉายชะงักหันไปมอง เห็นธวัชยืนอยู่กับนิคม
“คุณธวัช”
“คุณวาทินบอกเธอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นญาติเค้าเหรอ แล้วเธอก็เชื่อเค้า”
แต้วคาดคั้นถามสายป่าน
“ไม่ถึงกับเชื่อสนิทใจหรอก ฉันให้โอกาสเค้าพิสูจน์ความจริงใจ”
นกรีบถามต่อ “แล้วถ้าวันนึง เกิดคุณวาทินแสดงธาตุแท้ความเจ้าชู้ออกมา เธอจะทำยังไง”
“ฉันจะทำให้เค้าหยุดอยู่ที่ฉันให้ได้”
ทั้งหมดตกใจ ร้องเสียงหลง
“นี่เธอจริงจังกับคุณวาทินขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่ ฉันรักคุณวาทิน แล้วฉันก็เชื่อว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงเค้าได้ ขนาดคนเลวยังกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ แล้วทำไมคุณวาทินจะหยุดอยู่ที่ฉันไม่ได้”
สายป่านบอกอย่างมั่นใจ
ตะวันฉาย ซูซี่ มะปราง กล้วย นั่งนิ่งพูดอะไรกันไม่ออก ที่แท้ทั้งธวัชกับนิคมแอบตามซูซี่กับมะปรางมา
ธวัชมองตะวันด้วยสายตาตัดพ้อ
“ถ้าผมไม่สะกดรอยตามพี่ซูซี่กับคุณมะปรางมา ผมก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าตะวันอยู่ที่นี่ ตะวันหนีผมมาทำไมครับ ผมทำอะไรผิด หรือทำอะไรให้ตะวันไม่พอใจเหรอครับ ทำไมตะวันต้องพาลูกหนีมาแบบนี้”
ตะวันฉายสะเทือนใจ น้ำตาคลอ
“คุณกลับไปซะเถอะค่ะธวัช ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้คุณทั้งนั้น”
พูดพลางแกะมือธวัชออก แล้วเดินหนีไป ธวัชอึ้งกับท่าทางตัดเยื่อใยของตะวันฉาย นิคมรีบหันมาถาม
“พี่ซูซี่กับคุณมะปรางรู้คำตอบดีใช่ไหมครับ ?”
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ธวัชทรุดลงนั่งอย่างตกใจ หลังจากฟังเรื่องราวจากมะปราง นิคมก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ตะวันต้องระหกระเหินพาลูกหนีมาอยู่ที่นี่ เพราะคุณดวงสุดาขู่จะเอาชีวิตตาสายฟ้าค่ะ”
“ดาใช้วิธีสกปรกแบบนี้บีบคั้นตะวันได้ยังไง” แววตาธวัชเศร้า
ซูซี่พูดอย่างแค้นใจ “คนใจดำอำมหิตแบบนั้น มันทำได้ทุกอย่างนั่นแหล่ะ คนแบบนี้สะกดคำว่าศีลธรรมกับเค้าเป็นซะที่ไหน”
ตะวันฉายนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ธวัชเข้ามาจับมือไว้
“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทำไมถึงไม่ให้โอกาสผมได้ปกป้องคุณกับลูกบ้าง”
“ฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อนเพราะฉันอีก ที่ผ่านมาคุณเดือดร้อนเพราะฉันมามากพอแล้วค่ะ”
ธวัชสบตาตะวันฉาย
“อย่าพูดแบบนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็พร้อมจะอยู่ข้างๆคุณเสมอ ลืมแล้วเหรอครับว่าเราสัญญาต่อกันไว้ว่ายังไง เราจะจับมือแล้วก็เดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วย เราก็จะไม่มีวันปล่อยมือกันไงครับ แต่อยู่ๆคุณกลับปล่อยมือผม แล้วก็เดินไปจากผมง่ายๆ ผมขาดคุณไม่ได้เวลาที่ไม่มีคุณอยู่ข้างๆ ใจผมแทบจะหยุดเต้น โลกทั้งโลกแทบจะหยุดหมุน ได้โปรดอย่าปล่อยให้ผมเดินคนเดียว กลับไปอยู่กับผมนะครับ ตะวัน”
ธวัชมองด้วยแววตาอ้อนวอน ตะวันฉายได้แต่ร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก
“ไมว่ายังไง ผมก็ไม่มีวันทิ้งคุณกับลูก ถ้าจะต้องตาย ผมก็ขอตายพร้อมกับคุณ ผมอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ ได้ยินไหมครับ”
ตะวันฉายสบตาธวัชอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะโผกอด
“ค่ะ ฉันก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าไม่มีคุณ”
ธวัชกอดตะวันฉายไว้แนบอก พลางยิ้มทั้งน้ำตา
สุนทรีย์อุ้มสายฟ้าพร้อมกอดและหอมด้วยความคิดถึง
“ขวัญเอ้ย ขวัญมา กลับมาหาย่าสักทีนะลูก”
ธวัชจับมือตะวันฉายแน่น สายป่านยืนมองอยู่มุมหนึ่งดีใจที่หลานปลอดภัย แต่อีกใจก็ขัดเคืองที่ตะวันฉายลับมา ตะวันฉายหันไปมอง สายป่านรีบเดินหนีไป
สุนทรีย์หันมาพูดกับธวัช
“แม่ไม่คิดเลยว่าหนูดาจะเป็นต้นเหตุทำให้ตะวันฉายกับลูกหนีไป”
“ดาทำเป็นสัญญาว่าจะเลิกระรานตะวัน แต่ที่แท้เค้าแกล้งทำให้ผมกับตะวันตายใจ เพื่อรอเวลาที่จะกำจัดตะวันกับลูก”
“แม่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความผิดหวังเสียใจ จะทำให้หนูดากลายเป็นคนใจดำเห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้ เธอเองก็ผิด ที่ทำอะไรไม่รู้จักนึกถึงคนที่อยู่ข้างหลัง ใช่ว่าเธออยู่ตัวคนเดียวซะเมื่อไหร่ ใครๆเค้าก็ห่วงเธอกับลูกกันทั้งนั้น“
ตะวันฉายยกมือไหว้ขอโทษสุนทรีย์
“ตะวันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณป้าต้องเดือดร้อนใจไปด้วย”
“ คุณป้าคงจะเป็นห่วงคุณตะวันกับลูกมากใช่ไหมครับ”
สุนทรีย์มองดุ นิคมรีบตบปากตัวเอง
“งั้นคืนนี้เรามาจัดงานเลี้ยงฉลองรับขวัญหลานกันนะคะ”
ซูซี่เสนอ ทุกคนยิ้มเห็นด้วย สุนทรีย์ลูบหัวสายฟ้าอย่างรักใคร่
ดวงสุดานั่งรอธวัชอยู่ที่บ้าน ครู่หนึ่งธวัชก็เดินเข้าบ้านมา
“วัชไปไหนมาคะ กลับบ้านซะดึกเชียว”
ธวัชมองดวงสุดานิ่งๆ “ผมไปงานเลี้ยงมา”
“งานเลี้ยงที่ไหนคะ”
“งานเลี้ยงต้อนรับตะวันกับลูก”
ดวงสุดาชะงัก
“คุณคงยังไม่รู้สินะว่าผมตามหาตะวันเจอแล้ว แล้วผมก็พาตะวันกับลูกกลับมาอยู่ที่บ้านสวนเหมือนเดิมแล้วด้วย”
ธวัชมองดวงสุดาอย่างไม่พอใจ
“จากนี้ไปผมกับตะวันจะไม่มีวันมันพรากจากกันอีก แม้ว่าคุณจะพยายามแยกตะวันออกจากผมด้วยวิธีสกปรกแค่ไหนก็ตาม”
ดวงสุดาไม่พอใจ “พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง”
“คุณทำอะไรกับลูกเมียผมไว้ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี คุณสัญญาว่าจะเลิกระรานตะวัน จะไม่ทำอะไรให้ผมไม่สบายใจอีก แต่การกระทำของคุณ กลับตรงกันข้ามกับคำพูด ที่ผ่านมาผมพยายามให้อภัยคุณ หวังว่าคุณจะคิดได้ จะกลับตัวกลับใจ แต่เปล่าเลย นับวันธาตุแท้ของคุณยิ่งปรากฏเด่นชัดออกมา ขอบคุณนะที่ทำให้ผมเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ขอบคุณที่ทำให้ผมหูตาผมสว่างขึ้นมาสักที”
ธวัชบอกด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาหมดเยื่อใย ก่อนจะแกะมือออกแล้วเดินออกไป ดวงสุดายืนอึ้ง รู้สึกว่าท่าทีและถ้อยคำของธวัชเหมือนตัดเยื่อใยอยู่ในที ก่อนจะมีสีหน้าเจ็บแค้นขึ้นมา พลางกำมือแน่น น้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บแค้นใจสุดขีด
“นังตะวัน”
ดวงสุดากับวัลลภายืนคุยกับสินและเมฆที่ริมถนนเปลี่ยว
“ฉันจะให้พวกแกไปถอนรากถอนโคนนังตะวันให้สิ้นซาก”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“ฉันปล่อยให้แกเป็นหอกข้างแคร่ ทิ่มแทงหัวใจฉันมามากพอแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะตอกฝาโลงแกจริงๆจังๆสักที นังตะวัน”
ดวงสุดายิ้มอำมหิต
ธวัชกับนิคมเดินมาที่รถของนิคมที่จอดอยู่ ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าเดินตามมากับกล้วย
“ต้องขอโทษคุณตะวันด้วยนะครับ ผมจำเป็นต้องยืมตัวไอ้วัชไปช่วยทำงานต่อที่บ้านจริงๆ ไม่งั้นผมส่งงานให้ลูกค้าพรุ่งนี้เช้าไม่ทันแน่ๆครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณคม ตะวันเข้าใจ แต่ที่จริงคุณคมทำงานต่อแล้วก็ค้างที่นี่ก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางกลับไปที่บ้าน”
นิคมส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่ดีหรอกครับ ผมกับไอ้วัชต้องทำงานกันทั้งคืน ผมกลัวจะรบกวนคุณตะวัน”
“งั้นก็ตามใจค่ะ ขอให้พวกคุณทำงานราบรื่น แล้วก็เสร็จทันเวลานะคะ”
ธวัชหันมาพูดกับตะวันฉาย
“ครับ ผมจะรีบช่วยงานไอ้คมให้เสร็จ แล้วจะรีบกลับมาหาคุณกับลูก ก่อนนอนปิดประตูหน้าต่างบ้านให้แน่นหนาด้วยนะกล้วย”
พลางหอมแก้มสายฟ้าฟ่อดใหญ่ “พ่อไปช่วยอาคมทำงานก่อนนะลูก คืนนี้ห้ามงอแง ห้ามกวนคุณแม่ รู้ไหมครับ ผมไปนะครับตะวัน”
ตะวันฉายพยักหน้ายิ้มๆ ธวัชกับนิคมขึ้นรถ
คล้อยหลังที่นิคมเลี้ยวรถออกไป สินกับเมฆที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดโผล่ออกมา พร้อมยิ้มร้าย
สินกับเมฆถือแกลลอนน้ำมันเข้ามา แล้วเงยหน้ามองห้องนอนของตะวันฉาย จากนั้นก็เทน้ำมันราดไปทั่วบริเวณ แล้วควักไฟแช็คขึ้นมาจุด
ดวงสุดากับวัลลภากำลังดูภาพเปลวไฟลุกไหม้บ้านสวนจากในมือถือของดวงสุดา
สองน้าหลานประสานเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
อ่านต่อตอนที่ 13