นางกลางไฟ ตอนที่ 13
กล้วยเปิดประตูห้องนอนออกมา ทำจมูกฟุดฟิดๆ พลางรีบเดินไปที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออก แล้วก็ตกใจ เมื่อเห็นไฟลุกไหม้ทางฝั่งห้องตะวันฉาย
“ไฟไหม้ คุณตะวัน”
ตะวันฉายตื่นขึ้นมา เห็นควันเต็มห้อง และเห็นเปลวไฟลุกไหม้อยู่นอกหน้าต่าง ก็ตกใจ กล้วยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา สีหน้าเป็นห่วง แต่พอเห็นเปลวไฟลุกไหม้อยู่ข้างหน้า ก็ชะงัก
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าเปิดประตูห้องออกมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นเปลวไฟลุกไหม้อยู่ข้างหน้า พลางกอดลูกไว้แนบอก
กล้วยวิ่งออกมานอกบ้าน ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วยค่ะ ไฟไหม้ ช่วยด้วย”
ชาวบ้านหลายคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“เจ้านายฉันติดอยู่ข้างใน ใครก็ได้ ช่วยเจ้านายฉันที”
ชาวบ้านสบตากัน ท่าทางลังเล ไม่กล้า
ตะวันฉายยืนหันรีหันขวางสายฟ้าร้องไห้จ้า ตะวันฉายกอดลูกไว้แนบอก ร้องไห้อย่างขวัญเสีย
นิคมขับรถเข้ามาหน้าบ้าน ธวัชที่นั่งมาด้วย ตกใจที่เห็นบ้านไฟไหม้ รีบกระโจนลงจากรถ กล้วยวิ่งมาหาธวัช
“คุณธวัช ช่วยคุณตะวันด้วยค่ะ คุณตะวันกับคุณสายฟ้าติดอยู่ข้างในค่ะ”
ธวัชตกใจ “ตะวัน”
พลางวิ่งถลาเข้าไปในบ้านทันที เห็นตะวันฉายยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ
“ตะวัน”
“ธวัช ช่วยฉันกับลูกด้วย”
ธวัชจะฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วยตะวันฉาย แต่ทนความร้อนไม่ไหว ต้องถอยกลับมา พลางวิ่งไปดึงผ้าปูโต๊ะแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ขณะที่นิคม กล้วยและชาวบ้านช่วยกันสาดน้ำดับไฟกันอย่างชุลมุน
ธวัชเอาผ้าปูโต๊ะที่เปียกน้ำคลุมตัวไว้ วิ่งเข้าไปหาตะวันฉาย แล้วใช้ผ้าคลุมตัวตะวันฉาย พร้อมอุ้มสายฟ้าฝ่าเปลวไฟออกไปอย่างทุลักทุเล
ธวัชพาตะวันฉายวิ่งออกมาหน้าบ้าน ที่ไฟดับไปบ้างแล้ว ตะวันฉายผวากอดธวัชอย่างขวัญเสีย
นิคมนึกอะไรได้ รีบเดินเข้าไปในบ้าน
ซูซี่ มะปราง สายป่าน สุนทรีย์ยืนอยู่หน้าบ้านอย่างกระวนกระวายใจ นิคมขับรถเข้ามา สุนทรีย์รีบดิ่งไปหาธวัชที่อุ้มสายฟ้าลงมาพร้อมกับตะวันฉาย
“สายฟ้าหลานย่า เป็นยังไงบ้างลูก”
ธวัชรีบบอก “โชคดีครับที่ไม่มีใครเป็นอะไร”
“ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่คุ้มครองให้ทุกคนปลอดภัย”
สายป่านยิ้มให้นิคม “สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงจะดลใจให้พี่คมลืมแฟ้มงานไว้ที่บ้านสวน”
“ถ้าพี่กับไอ้คมไม่กลับไปเอาแฟ้มงานที่บ้านสวน ตะวันกับลูกคง”
ธวัชสะเทือนใจจนพูดไม่ออก จับมือตะวันฉายที่น้ำตาเอ่อ ขวัญเสียไม่หาย
“แล้วไฟไหม้บ้านได้ยังไงคะ ?”
ซูซี่หันมาถาม ทันใดนั้นนิคมก็ควักซีดีแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“ซีดีที่ผมไร้ท์มาแผ่นนี้ ให้คำตอบได้”
ทุกคนดูภาพจากซีดีจากภาพวงจรปิดที่เปิดกับโน๊คบุ๊ค เห็นสินกับเมฆราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาบ้าน ทุกคนดูอย่างตกใจ
ตะวันฉายพึมพำ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
ธวัชแปลกใจ “ทำไมครับตะวัน”
“ผู้ชาย 2 คนนี้ คือคนที่ลักพาตัวสายฟ้าไปเมื่อคราวที่แล้วค่ะ”
“ดาเป็นคนบงการเรื่องนี้” ธวัชตกใจ
ทุกคนสบตากันอย่างตกใจ นึกไม่ถึง
“แกจะทำยังไงกับคุณดาวะ” นิคมหันมาถาม
“หลักฐานแค่นี้เอาผิดกับดาไม่ได้หรอก ฉันเชื่อว่ายังไง ดาก็ต้องปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นแน่นอน ต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้”
ตะวันฉายยกมือไหว้สุนทรีย์ ธวัชกับกล้วยนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่อนุญาตให้ตะวันกับลูกพักอาศัยอยู่ที่นี่”
“เธอกับลูกตกทุกข์ได้ยากมา ใครจะใจจืดใจดำไม่ช่วยเหลือ อีกอย่างตาสายฟ้าน่ะหลานฉันทั้งคน จะให้ฉันนิ่งดูดายได้ยังไง” พลางมองทางกล้วย “เธอก็อยู่ด้วยกันซะที่นี่แหล่ะ จะได้ช่วยฉันเลี้ยงหลาน”
“ตะวันทำให้คุณป้าต้องเดือดร้อนเพราะตะวันอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก อย่าคิดมาก”
“แล้วถ้าคุณดวงสุดาบุกมาหาเรื่องตะวันที่นี่ล่ะคะ” ตะวันฉายไม่วายกังวล
“หนูดาคงไม่กล้าทำแบบนั้นอีกหรอก เพราะอย่างน้อยเค้าน่าจะเกรงใจฉันบ้าง ตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่จะปลอดภัยสำหรับเธอกับลูกเท่าบ้านฉันหรอก”
ธวัชยกมือไหว้สุนทรีย์ “ขอบคุณแม่มากนะครับที่เมตตาตะวันกับลูก”
สุนทรีย์มองตะวันอย่างสงสารเห็นใจ ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เมื่อเธอหนีร้อนมาพึ่งเย็น บ้านหลังนี้ก็ยินดีที่จะให้เธอพักพิง”
ตะวันฉายซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ยกมือไหว้อีกครั้ง สุนทรีย์ยิ้มให้ตะวันเป็นครั้งแรก สายป่านแอบดูอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยพอใจ
ดวงสุดาขับรถเลี้ยวออกจากซอยบ้าน โดยมีวัลลภานั่งไปด้วย ธวัชกับนิคมจอดรถซุ่มดูอยู่มุมหนึ่ง แล้วรีบขับรถตามดวงสุดาไป
ดวงสุดาเดินเข้ามากับวัลลภา สินกับเมฆเข้ามาหา
“ผัวฉันหายหัวไปทั้งคืน แสดงว่ากำลังวิ่งวุ่นจัดการกับศพนังตะวันและลูกของมัน”
วัลลภาพูดเสริม“พวกแกทำงานได้ดีมาก”
“ ฝีมือระดับผม ไม่มีคำว่าพลาดอยู่แล้ว”
ดวงสุดายื่นซองเงินให้สิน “รางวัลของพวกแก ฉันเพิ่มทิปให้ด้วย”
ธวัชใช้มือถือถ่ายคลิปพวกดวงสุดาไว้ พลางมองดวงสุดาอย่างผิดหวัง
ดวงสุดาหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ดูแลสาลี่กับเนียนช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร ดำรงกับวาทินเดินเข้ามาคนละทาง
“พี่ดาครึ้มอกครึ้มใจอะไรครับ ถึงได้ชวนผมมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย”
ดำรงหันมาถามบ้าง “วันนี้วันเกิดดาเหรอ แต่พ่อจำได้ว่าไม่น่าจะใช่วันนี้นะ”
“วันนี้ไม่ใช่วันเกิดดาหรอกค่ะ ที่ดาเชิญทุกคนมาทานข้าวด้วย เพราะวันนี้ดามีความสุข เลยอยากจะทานข้าวกับครอบครัวน่ะค่ะ”
“พี่ดามีความสุขเรื่องอะไรครับ”
“ความลับจ้ะ บอกไม่ได้”
วาทินกับดำรงมองวัลลภาอย่างอยากรู้ ธวัชเดินหน้านิ่งเข้ามากับนิคม ดวงสุดารีบชวน แต่ธวัชปฏิเสธ
“ไม่ ผมคงกินอะไรไม่ลง ถ้าไม่ได้เคลียร์เรื่องสำคัญกับดา”
“วัชมีเรื่องอะไรจะเคลียร์กับดาเหรอคะ”
ธวัชควักแผ่นซีดีขึ้นมา “คำตอบอยู่ในซีดีแผ่นนี้”
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)
นิคมกดรีโมทเล่นแผ่นซีดี ทันใดนั้นจอทีวีปรากฏภาพที่สินกับเมฆราดน้ำมันแล้วเผาบ้านสวน
ดวงสุดากับวัลลภาชะงักตกใจ วาทินกับดำรงตกใจไม่แพ้กัน
“ผู้ชาย 2 คนนี้มันเป็นใคร ทำไมถึงคิดจะเอาชีวิตตะวันกับลูก” ดำรงหันมาถาม
“พวกมันเป็นแค่ลิ่วล้อ มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ดวงสุดากับวัลลภาสบตากันหวาดๆ นิคมกดรีโมทต่อ ทันใดนั้นภาพที่ดวงสุดาให้เงินสินและเมฆปรากฏขึ้น วาทินกับดำรงมองอย่างตกใจ
ดวงสุดากับวัลลภาหน้าถอดสี พูดไม่ออก
ธวัชจ้องดวงสุดาอย่างไม่พอใจเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“เสียใจด้วยนะที่คุณทำอะไรลูกเมียผมไม่ได้ คุณคงจะนึกไม่ถึงสินะว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรแบบนี้”
ดวงสุดาจ้องธวัชอย่างเจ็บใจ
“ฟ้าดินมีตา ยังไงสวรรค์ก็ไม่เข้าข้างคนชั่ว คุณก่อกรรมทำชั่วกับตะวันมามากพอแล้ว ถึงเวลาแล้วที่กรรมจะตามสนองคุณบ้าง”
“ใช่ ฉันมันเลว ฉันมันชั่ว สาแก่ใจคุณรึยัง จะบอกอะไรให้นะ ต่อให้คนทั้งโลกประณามฉันว่าชั่วช้าต่ำทรามแค่ไหน ฉันก็ไม่แคร์ ขอแค่ได้กำจัดนังตะวันออกไปจากชีวิตคุณ .แค่นี้ฉันก็นอนตายตาหลับแล้ว”“คุณมันร้ายกาจเลือดเย็นกว่าที่ผมคิดไว้มาก ผมคิดผิดจริงๆที่แต่งงานกับผู้หญิงใจดำอำมหิตอย่างคุณ”
“ไม่ต้องมาพล่ามให้เสียเวลา ยังไงฉันก็ดิ้นไม่หลุดอยู่แล้ว อยากจะจับฉันเข้าคุกก็เชิญ ฉันยินดีเข้าคุก ดีกว่าต้องทนเห็นคุณเสวยสุขกับนังตะวัน”
“ผมไม่ได้อยากจะเอาคุณเข้าคุก สิ่งที่ผมต้องการจากคุณคือใบหย่า”
ดวงสุดาชะงัก รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจอย่างแรง
วาทิน ดำรงวัลลภา สาลี่ที่ยืนฟังอยู่หน้าห้อง ต่างก็ตกใจไปตามกัน
วาทินกับดำรงจ้องดวงสุดาอย่างไม่พอใจ วัลลภายืนอยู่ด้วย
“พี่ดาถึงขนาดจะเอาชีวิตตะวันเลยเหรอ พี่ดาทำรุนแรงเกินไปแล้ว ทำไมต้องทำร้ายตะวันขนาดนี้ด้วย”
“ ชีวิตคนไม่ใช่ผักปลาที่แกจะเข่นฆ่ายังไงก็ได้ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าแกจะอำมหิตถึงขนาดนี้”
ดำรงมองหน้าลูกสาวอย่างผิดหวัง สุนทรีย์เดินหน้านิ่งเข้ามากับสายป่าน
“ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ถึงขนาดจะฆ่าแกงกัน มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ชีวิตคนทั้งชีวิตนะ”
ดวงสุดาเดือดดาล “ใช่ ดามันชั่ว ดามันเลว ที่ดาเป็นแบบนี้ก็เพราะนังตะวัน มันทำลายความรักของดาจนพังพินาศ มันเหยียบย่ำหัวใจดา มันทำลายความสุขทุกอย่างของดา มันเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด ทุกคนได้ยินไหม”
ดำรงสวนทันที “แกทำตัวแกเอง ไม่ต้องไปโทษคนอื่น”
“ความผิดหวังเสียใจไม่ใช่เหตุผลให้คนทำเลวหรอกนะ ดวงสุดา”
ดวงสุดาหน้าชา “คุณแม่ดาถูกแย่งผัว ถูกแย่งความรัก มีใครรู้บ้างไหมว่าดาเจ็บปวดทรมานแค่ไหน ทำไม ทำไมไม่มีใครเข้าใจ เห็นใจดาบ้าง”
วัลลภาจ้องหน้าทุกคน
“หลานฉันถูกทำร้าย ถูกกระทำ ถูกย่ำยีหัวใจ ย่ำยีศักดิ์ศรี มีใครเคยเข้าใจหัวอกหลานฉันบ้างไหม” ถ้าไม่คิดจะเห็นใจ ก็ไม่ต้องมาเหยียบย่ำซ้ำเติมหลานฉัน ไสหัวออกไปให้พ้น ออกไปให้หมด”
สุนทรีย์หันมามองดวงสุดา
“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะขอร้องให้เธอเลิกคิดร้ายกับตะวันฉายและหลานของฉัน เพราะถ้าเธอทำร้ายหลานฉัน ฉันก็ให้อภัยเธอไม่ได้เหมือนกัน”
พูดจบก็ออกไปกับสายป่าน วาทิน ดำรงมองดวงสุดาอย่างรับไม่ได้
ดวงสุดากำมือแน่น เจ็บแค้นใจจนน้ำตาไหลออกมา วัลลภาลูบไหล่ปลอบใจ
ธวัชยืนยันกับสุนทรีย์และสายป่านว่าจะหย่ากับดวงสุดา ตะวันฉายที่ยืนฟังอยู่มุมหนึ่ง ก็หน้าเศร้า ถอนใจอย่างรู้สึกผิดเห็นใจดวงสุดาไม่น้อย
ตะวันฉายเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน ดำรงขับรถเข้ามาจอด แล้วรีบตรงไปหา
“ผมเป็นห่วงคุณ ผมเสียใจนะที่ยัยดาทำให้คุณต้องระหกระเหินมาอยู่ที่นี่”
สุนทรีย์ออกมาจากในบ้าน เห็นตะวันฉายคุยกับดำรง ก็ชะงักไม่พอใจ
“ผมขอโทษแทนยัยดาด้วย แต่คุณไม่ได้บาดเจ็บอะไรใช่ไหม”
“โชคดีที่ฉันไม่เป็นอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงจะปกป้องคุ้มครองฉันจากคนชั่วน่ะค่ะ”
ดำรงหน้าเศร้า
“ยัยดาทำไม่ถูกก็จริง แต่ผมไม่คิดเลยว่านายธวัชจะขอเลิกกับยัยดากะทันหันแบบนี้ ผมดีใจกับชัยชนะของคุณด้วยนะ ในที่สุดคุณก็จะได้สุขสมหวังกับนายธวัชสักที”
สุนทรีย์เดินหน้านิ่งเข้ามาตามตะวันฉายไปดูลูก แล้วแกล้งออกปากชวนดำรง
“สวัสดีค่ะคุณดำรง เชิญข้างในบ้านดีกว่าค่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่สะดวก”
“ เหรอคะ เห็นคุณคุยกับตะวันฉายนานสองนาน นึกว่าคุณจะว่างซะอีก”
ดำรงไม่พอใจที่ถูกสุนทรีย์เหน็บแนม ก่อนจะแดกดันกลับบ้าง
“ตะวันมาอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน ก็กลายเป็นสะใภ้คนโปรดไปซะแล้ว อย่างงี้ยัยดาลูกสาวฉัน คงจะตกกระป๋อง เป็นหมาหัวเน่าไปเรียบร้อยแล้วสินะ”
สุนทรีย์ทำไม่สนใจ “หนูดาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ แล้วเธอคิดว่าคนที่ถูกผัวทิ้ง จะเป็นยังไงบ้างล่ะ เอาเป็นว่าฉันจะบอกยัยดาให้แล้วกันว่าอดีตแม่ผัวเป็นห่วง”
ดำรงขึ้นรถแล้วขับออกไป สุนทรีย์ส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ
ภายในห้องโถงสำนักพิมพ์ Top star ทุกคนยืนรวมตัวกันอยู่ สายป่านยืนอยู่กับวาทิน บก.เดินยิ้มเข้ามา
“ผมมีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ ผมจะจัดทริปพาทุกคนไปเที่ยวต่างจังหวัด ฉลองเนื่องในโอกาสที่สำนักพิมพ์ของเราจะครบรอบ 10 ปีในอีก 1 เดือนข้างหน้า”
ทุกคนดี๊ด๊าดีใจกันใหญ่ วาทินดีใจออกนอกหน้า
“ทำไมคุณทินดีใจออกนอกหน้าขนาดนี้ล่ะคะ”
สายป่านหันมาถาม
“ผมดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับป่านครับ”
วาทินยิ้มอย่างมีแผน
สุนทรีย์รู้เรื่องที่สายป่านจะไปเที่ยวกับวาทินก็ไม่สบายใจ
“ผู้ชายกับผู้หญิงยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนน้ำมันกับไฟ”
สายป่านรีบบอก
“แม่คะ ป่านโตแล้วนะคะ ป่านมีวุฒิภาวะพอ แล้วก็ดูแลตัวเองได้ค่ะป่านกับคุณวาทิน เรามีความรู้สึกที่ดีๆให้แก่กันค่ะแม่”
สุนทรีย์ตกใจ
“หมายความว่าป่านกับคุณวาทินชอบพอกันจริงๆเหรอ ไหนป่านบอกแม่ว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณวาทินเกินเพื่อนยังไงล่ะ”
“คุณวาทินเค้าเป็นคนดี เค้าจริงใจกับป่าน เมื่อมีผู้ชายที่ดีเข้ามา ป่านก็ควรจะเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่เหรอคะ”
สุนทรีย์อึ้ง ก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าป่านคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่พอ แม่ก็จะอนุญาตให้ป่านไปเที่ยว (เน้น) แต่แม่ไม่อนุญาตให้ป่านคบหากับคุณวาทินเกินเพื่อน
สายป่านชะงักไม่พอใจแต่ข่มอาการไว้
“ป่านขอบคุณแม่มากนะคะ แค่แม่อนุญาตให้ป่านคบกับคุณวาทินในฐานะเพื่อน แค่นี้ป่านก็พอใจมากแล้วค่ะ”
สายป่านเดินออกไป สุนทรีย์มองตามอย่างเป็นห่วง
ธวัชกับตะวันฉายยืนมอง ทั้งสองเป็นห่วงสายป่านไม่แพ้กัน
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ดวงสุดายืนมองอยู่ที่ประตูรั้วบ้านกับวัลลภา พลางมองตะวันฉายกับลูกด้วยสายตาเกลียดชังริษยา
“คุณแม่ถึงกับยอมให้นังตะวันกับลูกพักอาศัยอยู่ที่นี่เลยเหรอ”
“นังตะวันกลายเป็นสะใภ้คนโปรดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ดวงสุดาเจ็บแค้น
“พวกแกทำให้ฉันเป็นหมาหัวเน่า พวกแกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน”
นก แต้ว จูนแจกกุญแจห้องพักให้ทุกคนที่ยืนถือกระเป๋าเดินทางของตัวเองอยู่
“ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนนะ แล้วคืนนี้เจอกันที่งานปาร์ตี้”
บก. บอกยิ้มๆ ทุกคนตื่นเต้นดีใจ สายป่านกับวาทินมองกันยิ้มๆ
ตะวันฉายเข้ามาเห็นสุนทรีย์กำลังทำขนมสอดไส้อยู่ ก็ให้สุนทรีย์ช่วยสอน
ตะวันฉายเปิดฝาหม้อที่นึ่งขนมสุกแล้ว แล้วหยิบขนมห่อหนึ่งมาให้สุนทรีย์ดู
“ฝีมือตะวันพอใช้ได้ไหมคะคุณป้า”
สุนทรีย์พยักหน้า “อือ ใช้ได้”
“งั้นวันหลังคุณป้าช่วยสอนตะวันทำขนมอย่างอื่นบ้างได้ไหมคะ”
“ได้สิ ฉันน่ะไม่หวงวิชาหรอก”
ตะวันฉายมองสุนทรีย์ยิ้มๆ รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
วาทินนั่งอยู่กับ บก.และกลุ่มผู้ชายที่ห้องจัดเลี้ยง ครู่หนึ่งสายป่านก็เดินเข้ามากับนก แต้ว จูน
“คืนนี้ป่านแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ” วาทินมองตาเยิ้ม
“ป่านก็แต่งตัวปกตินะคะ คุณทินน่ะเมารึเปล่า”
“ ไม่รู้สิครับ รู้แต่ว่าคืนนี้ป่านสวยมาก”
สายป่านยิ้มเขิน พนักงานเข้ามารินเหล้าให้พวกสายป่าน
ทุกคนชนแก้วแล้วดื่มกันอย่างสนุกสนาน จนในที่สุดก็เริ่มเมากัน สายป่านกระดกเหล้าหมดแก้ว ก่อนจะฟุบหมดสติลงกับโต๊ะ วาทินเข้ามาดูสายป่าน
“ป่านครับ ป่าน”
สายป่านไม่รู้สึกตัว วาทินมองซ้ายขวา ยิ้มร้ายแล้วประคองสายป่านออกไป
วาทินประคองสายป่านเข้ามาที่เตียงในห้องพัก พลางมองด้วยสายตาโลมเลีย จากนั้นก็ใช้นิ้วไล้ใบหน้าสายป่านอย่างใจเย็น
“ถึงเวลาแล้วที่เธอจะเป็นของฉัน”
วาทินปลดกระดุมเสื้อตัวนอกของสายป่านออก จากนั้นก็ก้มลงจะจูบ
ธวัชปราดเข้ามากระชากคอวาทิน ก่อนจะซัดหมัดใส่หน้าเต็มแรง วาทินเซล้มไป เลือดกลบปาก “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับน้องสาวผม”
วาทินไม่พอใจ “เสนอหน้ามาที่นี่ทำไม”
ธวัชชี้มือไล่ “ออกไป”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”
ธวัชสวนทันที “สิทธิ์ของความเป็นพี่ชายที่ต้องการจะปกป้องน้องสาวตัวเองจากผู้ชายเลวๆอย่างคุณ คุณออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว และอย่าได้คิดจะทำชั่วๆกับน้องสาวผมอีกเด็ดขาด ไม่อย่างงั้น ผมจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคุณคิดจะฉวยโอกาสล่วงเกินยัยป่าน”
วาทินจ้องธวัชอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินหัวเสียออกไป ธวัชมองสายป่านอย่างเป็นห่วง พลางนึกถึงตอนที่สุนทรีย์เล่าให้เขาฟังว่าสายป่านชอบพอกับวาทิน
“แล้วยิ่งไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้ แม่กลัวว่ายัยป่านจะ..”
สุนทรีย์หวาดหวั่นจนพูดไม่ออก ธวัชจับมือแม่ไว้
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะตามไปดูแลยัยป่านเอง”
สายป่านที่หลับอยู่บนเตียง ขยับตัวตื่น ทันใดนั้นธวัชเปิดประตูเข้ามา สายป่านแปลกใจ
“พี่วัชมาอยู่นี่ได้ยังไง แม่ส่งพี่วัชมาตามประกบป่านใช่ไหม”
“ป่านไม่ควรจะพูดแบบนี้นะ ป่านไม่รู้เหรอว่าพี่กับแม่เป็นห่วงป่านมากแค่ไหน”
สายป่านถามต่อ “แล้วพี่วัชมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อคืน”
“แล้วป่านมาอยู่ที่ห้องได้ยังไง พี่วัชหิ้วป่านมาจากงานปาร์ตี้เหรอคะ”
ธวัชตอบอย่างโมโห
“คุณวาทินพาป่านมาที่นี่ ป่านรู้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับป่านบ้าง”
“ป่านเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย ทำไมคะ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับป่านเหรอคะ”
“ตอนที่ปานเมาไม่ได้สติ คุณวาทินพยายามจะฉวยโอกาสล่วงเกินป่าน เค้าคิดจะทำมิดีมิร้ายกับป่าน โชคดีที่พี่มาขวางได้ทันเวลา”
สายป่านอึ้ง “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คุณทินไม่มีทางทำแบบนั้นกับป่านหรอกค่ะ”
ธวัชพูดด้วยความเป็นห่วง
“ป่านคิดว่าพี่แต่งเรื่องโกหกป่านงั้นเหรอ ผู้ชายคนนั้นเค้าสร้างภาพเล่นละครเพื่อให้ป่านเชื่อใจไว้ใจเค้า เลิกหลับหูหลับตาคิดว่าเค้าเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษได้แล้ว พี่จะไม่ปล่อยให้ป่านตกเป็นเหยื่อเค้าอีก ป่านต้องกลับกรุงเทพตอนนี้”
“ไม่ค่ะ ป่านไม่กลับ ป่านจะอยู่เที่ยวกับเพื่อน”
“ป่านต้องกลับ นี่คือคำสั่ง”
ธวัชลากสายป่านออกจากห้อง พร้อมถือกระเป๋ามาด้วย บก. นก แต้ว จูน เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณสายป่าน คุณธวัช”
บก. ถาม ทันใดนั้นวาทินก็เดินเข้ามา พลางจ้องธวัช สีหน้าไม่พอใจ
“นายจะพาป่านกลับตอนนี้ไม่ได้ เพราะพวกเรายังเที่ยวฉลองงานบริษัทไม่เสร็จแล้วคนนอกอย่างนาย ก็ไม่มีสิทธิ์จะพาป่านไปไหนโดยพลการด้วย”
ธวัชจ้องหน้าวาทิน พลางหันกลับมาบอกบก.
“ผมจำเป็นต้องพาป่านกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยของป่าน”
“ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
ธวัชมองวาทิน
“ผมไม่อยากจะประจานความชั่วของใคร เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของผม ถ้าบก.อยากรู้ก็ถามคุณวาทินเองแล้วกัน”
บก.กับพวกแต้วมองวาทินอย่างอยากรู้ วาทินอึกอัก ทำหน้าไม่ถูก
“ป่านอยากฟังความจริงจากปากคุณทินค่ะ”
จากนั้นวาทินกับสายป่านก็มายืนคุยกันตามลำพัง วาทินปฏิเสธข้อกล่าวหา พลางบอกว่า
“พี่ชายป่านเกลียดขี้หน้าผม เค้าไม่อยากให้ผมยุ่งกับป่าน เค้าแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังจะทำให้ป่านเกลียดผม เค้าต้องการจะแยกเราออกจากกัน”
สายป่านนิ่งไปอย่างรู้สึกคล้อยตาม วาทินแกล้งตีหน้าเศร้า
“เมื่อคืนที่งานปาร์ตี้ ป่านเมาจนฟุบหมดสติไป ผมเห็นว่านก แต้ว จูนมัวแต่สนุก ไม่มีใครสนใจป่านพี่เลยพาป่านไปส่งที่ห้อง ระหว่างนั้นพี่ชายป่านมาเห็นพอดี เค้าไล่ผมออกจากห้องเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้งๆที่ผมหวังดีจะช่วยดูแลป่านแท้ๆ แค่นั้นไม่พอ..ยังใส่ร้ายป้ายสีผมต่างๆนานาอีก”
“ป่านไม่คิดเลยว่าพี่วัชจะกล้าทำถึงขนาดนี้ ป่านเชื่อคุณทินค่ะ เพราะที่ผ่านมาคุณทินเป็นสุภาพบุรุษกับป่านมาตลอด”
วาทินยิ้มดีใจ “แล้วป่านจะกลับกรุงเทพไหมครับ”
“กลับค่ะ ถ้าป่านไม่กลับ พี่วัชก็ต้องอยู่ที่นี่ คอยตามประกบป่านไม่ให้คลาดสายตาแน่ๆ ป่านไม่อยากทำให้ทุกคนพลอยหมดสนุกไปด้วยค่ะ”
วาทินถอนใจเซ็งๆ
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ขณะที่สายป่านยืนลาเพื่อนๆ วาทินขับรถเข้ามาจอด แล้วลงมาหาสายป่าน
“ผมจะกลับเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีป่าน ที่นี่ก็ไม่มีความหมายสำหรับผม กลับกับผมนะครับ ผมจะได้ไปส่งป่านที่บ้านด้วย”
วาทินหยิบกระเป๋าสายป่าน แล้วจูงมือจะพาขึ้นรถ ทันใดนั้นธวัชเข้ามาขวาง
“ป่านต้องกลับกับพี่เท่านั้น น้องสาวผม ผมดูแลเองได้ ไม่ต้องให้ใครลำบากดูแลแทนหรอก แล้วผมก็เชื่อว่าผมจะดูแลยัยป่านได้ดีกว่าใครทั้งหมดด้วย”
วาทินชะงักหน้าชา สายป่านรู้สึกไม่พอใจ ธวัชดึงกระเป๋าสายป่านจากมือวาทิน แล้วดึงแขนสายป่านออกไป นก แต้ว จูนหัวเราะเยาะ วาทินมองตามธวัช พลางพึมพำอย่างเจ็บแค้น
“สักวัน ฉันจะย่ำยีน้องสาวแกให้แกดู ไอ้ธวัช”
“อะไรนะคะพี่ซูซี่ มีคนติดต่อตะวันให้ไปออกรายการทีวีเหรอคะ ?”
ตะวันฉายถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู
“ทางรายการเค้าติดต่อมาทางพี่ .เห็นว่าแฟนคลับของตะวัน เขียนจดหมายมาเรียกร้องให้ตะวันพาลูกไปออกรายการ บอกว่าคิดถึงตะวัน อยากเห็นลูกตะวัน ตะวันจะเอายังไง ถ้าตะวันไม่สะดวก พี่จะได้โทรไป cancel เค้า”
ธวัชรีบบอก “ตะวันไม่ต้องไปนะครับ ผมไม่อยากให้เป็นประเด็นอะไรขึ้นมาอีก”
ตะวันฉายยนิ่งคิด “ทางรายการบอกพี่ซูซี่รึเปล่าคะ ว่าสัมภาษณ์ตะวันเรื่องอะไรบ้าง”
“เค้าบอกว่าจะสัมภาษณ์เรื่องลูกจ๊ะ แล้วก็จะเปิดโอกาสให้แฟนคลับในห้องส่งได้พูดคุยซักถามตะวันด้วย”
“งั้นตะวันตกลงค่ะ พี่ซูซี่โทรไป confirm กับทางรายการได้เลย”
ธวัช กับสุนทรีย์พยายามพูดค้าน สายป่านเดินเข้ามา ตั้งใจพูดแดกดัน
“คุณตะวันฉายคงจะอยากกลับไปมีชื่อเสียงโด่งดัง อยากจะกลับไปยิ่งใหญ่เฉิดฉายในวงการอีกครั้งมั้งคะ แม่กับพี่วัชอย่าไปขัดใจเค้าเลยค่ะ”
“พี่ไม่ได้คิดจะอยากดังหรอกนะป่าน พี่แค่อยากจะทำอะไรตอบแทนแฟนคลับบ้าง เพราะที่ผ่านมา.ที่พี่โด่งดังมีชื่อเสียงได้ ก็เพราะความรัก ความศรัทธาและแรงสนับสนุนจากพวกเค้าทั้งนั้น”
สายป่านแค่นยิ้มเยาะไม่เชื่อ แล้วเดินออกไป ทุกคนมองตามสายป่านอย่างไม่ชอบใจ
ดวงสุดาหน้าตาซูบโทรมนั่งเศร้าเหม่อลอยอยู่บนเตียง สาลี่ยกถาดอาหารเข้ามากับวัลลภา ทั้งสองหยุดมองดวงสุดาอย่างเวทนาสงสาร
“ดา ทานข้าวสักหน่อยนะลูก”
ดวงสุดาส่ายหน้า “ดาไม่หิว”
ดวงสุดาล้มตัวลงนอน หันหลังให้ วัลลภากับสาลี่ได้แต่สบตากันอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
มือถือดวงสุดาบนโต๊ะเครื่องแป้งมีเสียงข้อความเข้า สาลี่หยิบมือถือมาให้ ดวงสุดาเหม่อลอยไม่สนใจ วัลลภาดึงมือถือมาเปิดอ่านข้อความแล้วชะงัก
“ดา ผู้หวังดีส่งข้อความมา ดาต้องอ่าน”
ดวงสุดาชะงัก วัลลภายัดมือถือใส่มือ ดวงสุดาอ่านข้อความแล้วกำมือถือแน่น สีหน้าเจ็บใจ
“ตะวันแน่ใจนะครับว่าจะไม่ให้ผมไปด้วย”
ธวัชหันมาถามตะวันฉาย ขณะมายืนส่งที่หน้าบ้าน
“แน่ใจค่ะ ถ้าคุณไปด้วย คงไม่เหมาะแน่ๆ”
“ถ้าพิธีกรถามอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ตะวันก็ไม่ต้องตอบนะครับ”
“เธอไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถาม อะไรที่เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
สุนทรีย์เตือนอย่างเป็นห่วง
“ตะวันเข้าใจค่ะ ตะวันจะไม่พาดพิงถึงใคร และไม่พูดอะไรที่จะทำให้คุณธวัช คุณป้าและครอบครัวเสียหายค่ะ”
ธวัชเดินไปเปิดประตูรถให้ ตะวันฉายกับมะปรางขึ้นรถ ซูซี่ขับรถออกไป
แฟนคลับมาให้กำลัวใจกันแน่นสตูดิโอ ต่างชูป้ายไฟฟ้าชื่อ ตื่นเต้นที่จะได้เจอตะวันฉาย มะปรางนั่งอยู่ในกลุ่มคนดู พิธีกรยืนอยู่หน้ากล้อง ทีมงานนับเข้ารายการ
คนดูปรบมือส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด พิธีกรไหว้สวัสดี
“สวัสดีครับ ขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการ “คืนประดับดาว” คืนนี้ท่านจะได้พบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ เธอเป็นนางแบบสาวสวยที่ห่างหายไปจากวงการ 1 ปีกว่าๆ ผมเชื่อแน่ว่าคุณผู้ชมทั้งประเทศคงจะไม่มีใครที่ไม่คิดถึงเธอคนนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับตะวันฉาย วิมุตติกา”
ตะวันฉายเดินออกมาจากหลังฉากด้วยชุดที่สวยสง่า คนดูส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น
“1 ปีกว่าๆ ที่ห่างหายไปจากวงการ คุณตะวันฉายรู้สึกยังไงบ้างครับ”
ตะวันฉายยิ้มรีบ
“ตะวันคิดถึงเพื่อนๆพี่ๆในวงการ แล้วก็คิดถึงแฟนๆทุกคนมากค่ะ”
แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น ตะวันฉายยิ้มตื้นตัน
“วันนี้คุณตะวันฉายไม่ได้มาคนเดียว เธอพาลูกชายที่เพิ่งจะคลอดเมื่อเร็วๆนี้มาด้วย ขอเชิญพบกับน้องสายฟ้าครับ”
คนดูปรบมือ ซูซี่อุ้มสายฟ้ามาให้ตะวันฉาย แล้วไปนั่งกับมะปราง
“น้องสายฟ้าหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากนะครับ”
แฟนคลับใช้มือถือถ่ายรูปตะวันฉายกับสายฟ้า
“คุณผู้ชมคงจะได้รู้จักกับน้องสายฟ้า และได้เห็นคุณตะวันฉายในมุมของความเป็นแม่กันไปแล้วนะครับ และต่อไปนี้เราจะเปิดโอกาสให้แฟนคลับและคุณผู้ชมในห้องส่งได้พูดคุยซักถามคุณตะวันเพื่อให้หายคิดถึง คนละ 1 คำถามครับ คุณตะวันพร้อมไหมครับ”
พิธีกรหันมาถาม ตะวันฉายยิ้มรับ “พร้อมค่ะ”
“คำถามแรก เชิญเลยครับ”
คนดูคนแรกรีบถาม “คุณตะวันหายหน้าหายตาไปจากวงการนางแบบ 1 ปีกว่า คุณตะวันคิดจะกลับมาเดินแบบถ่ายแบบอีกไหมคะ”
“ตะวันรักงานเดินแบบถ่ายแบบมาก มันเป็นอาชีพที่ตะวันรักและภาคภูมิใจ ถ้ามีโอกาสดีๆเข้ามา ตะวันก็อยากจะกลับมาทำงานตรงนี้อีกค่ะ”
“คำถามที่ 2 ต่อเลยครับ”
คนดูอีกคนลุกขึ้นยืน
“คำถามที่ฉันจะถามต่อไปนี้ สำคัญมาก คุณตะวันต้องตอบให้ได้นะคะ เพราะเชื่อว่าคนทั้งประเทศคงจะอยากรู้คำตอบไม่น้อยไปกว่าฉัน ฉันอยากทราบว่า ระหว่างคุณตะวันกับคุณดวงสุดา ใครเป็นเมียหลวง ใครเป็นเมียน้อยกันแน่คะ ?”
ตะวันฉายอึ้ง ตกใจกับคำถาม ซูซี่ลุกพรวด ไม่พอใจ
“นี่เธอ ถามอะไรมั่วซั่ว ไม่รู้จักกาลเทศะ เปลี่ยนคำถามเดี๋ยวนี้”
เจ้าของคำถามสะบัดหน้าใส่ซูซี่ “ ว่ายังไงคะคุณตะวัน ตกลงใครเป็นหลวง ใครเป็นน้อยคะ”
ตะวันฉายอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง ทุกคนรอฟังลุ้นๆ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น “แต่ฉันมีคำตอบ”
ดวงสุดาแต่งตัวสวย เดินออกมาจากหลังฉาก ทุกคนหันไปมอง ต่างตกใจไปตามๆ กัน
ตะวันฉายตกใจ หน้าเสีย
อ่านต่อตอนที่ 14