ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 12
วิหารปรารถนา...บริเวณอ่างลอยเทียนมีเทียนหลายสิบดวงสว่างไหวสวยงาม มัทนาจุดเทียนสุดท้ายลงลอย แล้วคุกเข่ามองเทพเจ้าอ้อนวอน
“ข้าแต่เทพเจ้าที่ปกปักรักษาวิหารแห่งนี้ ลูกฝันว่าคนที่ลูกรักกำลังตกอยู่ในอันตรายขอให้ฝันร้ายนั้นกลายเป็นดี”
เจ้าชายมาคีจะเดินเข้ามาแล้วชะงัก
“ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นยังไง เขาจะรักลูกหรือไม่ เขาก็เป็นผู้ชายที่ลูกรักที่สุด ขอให้เขาปลอดภัย”
เจ้าชายมาคีคิดว่ามัทนาอธิษฐานให้ตัวเองยิ้มมีความสุข จะหันกลับ
“ขอให้ท่านเทพเจ้าคุ้มครองคุณคามินด้วยนะคะ”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างตกใจพูดกับตัวเองเบาๆ
“คามินงั้นเหรอ”
เจ้าชายมาคีเดินมาตามทางอย่างโกรธจัด เหมันต์เดินถือมาลัยสวนมาทำความเคารพ
“เสด็จมาหา...”
เจ้าชายมาคีไม่สนใจฟังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมันต์มองอย่างงงๆ
ในห้องราชาอินทรา...เสียงพระนางสาวิตรีดังเข้ามาอย่างร้อนใจ
“เสด็จพี่เพคะ...เสด็จพี่”
พระนางสาวิตรีถือโทรศัพท์ของมัทนาเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
“เสด็จพี่เพคะ”
พระนางสาวิตรีเห็นราชาอินทราไม่อยู่ชะงักจะเดินออกไปแล้วคิดบางอย่างได้ มองรอบๆอย่างระวังแล้วปิดประตูห้อง พระนางสาวิตรีรีบไปรื้อค้นข้าวของของราชาอินทรา เปิดลิ้นชักเจอกล่องใส่รูปปรารถนา จึงหยิบกล่องนั้นขึ้นมาเปิด เห็นรูปปรารถนาถ่ายกับราชาอินทราสมัยหนุ่ม โอบกอดกัน รูปอื่นเป็นปรารถนาอุ้มคามินตอนเด็กๆหลายใบ พระนางสาวิตรี พลิกดูหลังรูป เขียนว่า PRADHANA AND KAMIN พระนางสาวิตรีอ่าน
“ปรารถนา กับ คามิน”
พระนางสาวิตรีเห็นซีดี
ห้องหนึ่งในวัง...พระนางสาวิตรีมือสั่นเอาแผ่นซีดีใส่ในเครื่อง ภาพปรารถนาครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียง ดูอิดโรย มองมาทางกล้อง
“ฉันขอโทษนะคะ อินทรา ที่อ่อนแอจนอยู่ดูแลลูกให้เติบโตอย่างที่รับปากคุณไว้ไม่ได้ ขอโทษที่ส่งลูกมาเป็นภาระทั้งๆที่รู้ว่าคุณต้องลำบากใจ ฉันสู้อย่างเต็มกำลังแล้ว แต่ถึงตัวฉันจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว หัวใจของฉันยังอยู่กับคุณและลูกตลอดไป...ฝากดูแลคามินลูกของเราด้วยนะคะ” ปรารถนายิ้ม
พระนางสาวิตรีพลิกรูปในมือดูอีกครั้ง
“ปรารถนา”
วิหารปรารถนาในอดีต...ราชาอินทรากับสาวิตรีเดินเล่นมาถึงหน้าวิหาร ราชาอินทรามองวิหารอย่างชื่นชม
“วิหารนี่ช่างงดงามเหลือเกิน”
“แปลกนะเพคะสร้างมาตั้งหลายร้อยปีแล้วแต่วิหารนี้กลับไม่มีชื่อ”
“งั้นเราควรจะตั้งชื่อให้วิหารแห่งนี้ซะที”
“ชื่อวิหารสาวิตรีตามชื่อหม่อมฉันนะเพคะ จะได้เป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความรักของเราสองคนด้วย”
ราชาอินทรามองพระนางสาวิตรีอย่างรู้สึกผิด
“มันดูเป็นส่วนตัวเกินไป เราอยากให้มีชื่อเป็นกลาง อยากให้วิหารนี้เป็นที่พึ่งทางใจของราษฎรทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ”
พระนางสาวิตรีมองราชาอินทราอย่างไม่พอใจ
“จะทรงให้ชื่อว่าอะไรดีละเพคะ”
ราชาอินทรามองวิหารยิ้มมีความสุข
“เราขอตั้งชื่อวิหารนี้ว่าวิหารปรารถนา...ผู้ที่มาขอพรจากวิหารนี้จะได้สมปรารถนา”
พระนางสาวิตรีช๊อคสุดๆ กำรูปแน่น
“ที่แท้เป็นแบบนี้ ไอ้คามินเป็นลูกเสด็จพี่กับผู้หญิงไทย”
ห้องทำงานบ้านนายพลวิฑูร...อสิตวิ่งหน้าตื่นเข้ามา สุเทษที่อยู่ในห้องมองอย่างแปลกใจ
“ข่าวดีมาแล้วครับข่าวดี...ลูกน้องผมรายงานมาว่าไอ้คามินโดนระเบิด”
นายพลวิฑูรที่นั่งที่โต๊ะทำงานลุกมาถามอย่างดีใจ
“มันตายแล้วใช่มั้ย”
“ผมก็ไม่รู้”
นายพลวิฑูรชะงัก
“ไม่รู้ หมายความว่ายังไง”
“ยังไม่มีใครเจอศพ...แต่ระเบิดลูกใหญ่อานุภาพทำลายล้างสูงอย่างนั้น ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตละครับ”
สุเทษอาสา
“ให้ผมไปดูมั้ยครับ ถ้ามันไม่ตาย ผมจะได้จัดการซะ”
นายพลวิฑูรยังไม่ทันตอบพระนางสาวิตรีก็เดินถือกล่องเข้ามา อสิตชะงัก
“องค์ราชินี”
“ไอ้คามินมันตายรึยัง...”
“เกล้ากระหม่อมกำลังจะไปจัดการให้แน่ใจ พระทัยเย็นก่อนพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีเปิดกล้องหยิบรูปหยิบจดหมายออกมาปาใส่นายพลวิฑูรอย่างโมโห
“ดูของพวกนี้แล้วบอกทีซิว่าจะใจเย็นไหวมั้ย”
นายพลวิฑูรหยิบรูปมาดูอย่างอึ้งๆ อสิตงง
ในตำหนัก...เจ้าชายมาคีถือแก้วไวน์ ชวาลยืนข้างถังแช่ไวน์มองอย่างเป็นห่วง เจ้าชายมาคีคิดถึงคามิน มัทนาอย่างแค้นใจ เจ้าชายมาคีกระดกไวน์หมดแก้วแล้วยื่นให้ชวาลรินเพิ่ม ชวาลหยิบขวดไวน์จากในถังเอาผ้าเช็ดเกล็ดน้ำแข็งรอบขวดอย่างเชื่องช้า
“เร็วๆ” เจ้าชายมาคีตวาดลั่น
ชวาลบรรจงเทไวน์อย่างใจเย็น เจ้าชายมาคีคิดถึงคำพูดของมัทนาแล้วกระดกไวน์หมดแก้ว
“ค่อยๆละเลียดให้รสชาติขององุ่นซึมผ่านพระศอทีละน้อยๆไม่ดีกว่าเหรอพะยะค่ะดื่มแบบนี้เดี๋ยวก็ทรงเมาพระเศียรทิ่ม”
“เราอยากเมา”
“ฝ่าบาททรงรับปากทุกคนไปแล้วว่าจะปรับปรุงองค์ กลับไปเมามายเหมือนเมื่อก่อนเดี๋ยวท่านคามินจะตำหนิเอานะพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีได้ยินชื่อคามินก็ยิ่งของขึ้น
“คามินเหรอ...เราเป็นนายหรือคามินเป็นนาย ทำไมต้องกลัวคามินดุด้วย”
ชวาลมองเซ็งๆ
“มันไม่ใช่เรื่องของนายของบ่าวแต่มันเป็นเรื่องความห่วงใย...ท่านคามินห่วงฝ่าบาทมากนะพะย่ะค่ะถึงคอยตักเตือน”
“เรามันแย่มากใช่มั้ยใครๆถึงต้องคอยเตือน”
“ทรงถามกระหม่อมจริงๆเหรอพะยะค่ะ”
“เออ...พูดมาเลยว่าเราแย่มากใช่มั้ย”
“จะดีเหรอพะยะค่ะ”
“จะพูดตอนนี้หรือไม่ได้พูดอีกเลย ตลอดชีวิต เลือกเอา”
“โอ๊ย...ฝ่าบาทเอาแต่พระทัยไม่ทรงฟังใครเลย การรบก็ไม่ได้เรื่อง การเมืองการบริหารไม่เอาไหน ถ้าหม่อมฉันเป็นผู้หญิงแล้วฝ่าบาทกับท่านคามินมาจีบแข่งกันหม่อมฉันก็เลือกท่านคามินพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีแค้น เค้นพูดในคอ
“ออกไปเดี๋ยวนี้...”
“อะไรนะพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีตวาดลั่น
“ออกไป”
“พะยะค่ะ”
ชวาลเผ่นออกไป เจ้าชายมาคีบีบแก้วแตกคามือ พระนางสาวิตรีเดินเข้ามามองเจ้าชายมาคีอย่างตกใจ
“มาคี”
บ้านนายพลวิฑูร...อัคนี งุ่นง่าน หงุดหงิด
“โว้ย ทำไมต้องมาอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยมด้วย คิดถึงคุณมัทจะตายอยู่แล้ว”
อัคนีไปที่หน้าต่าง...
“เพื่อพิสูจน์ความรัก ความสูงแค่นี้ไม่ครณามือ ชายชาตรีอย่างอัคนีหรอก”
มีเสียงก๊อกเก็กที่ประตูอัคนีหันไปมองตกใจรีบแกล้งบ้ามองอากาศ
“เจ้าผีเสื้อน้อยเจ้าช่างสวยงามเหลือเกิน”
อสิตเปิดประตูเข้ามาแต่อัคนียังไม่เห็นว่าเป็นอสิต
“นั่นนก...” อัคนีปรบมือเหมือนคนปัญญาอ่อน “อยากบินเหมือนนก”
อัคนีบินใหญ่ อสิตมองเซ็งสุดๆ
“ไอ้หนู ป๊าเอง”
อัคนีหันมามอง
“อ้าว...ป๊าเองเหรอ...โธ่ นึกว่าพวกทหารองครักษ์ นี่ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องขังผมอยู่ในห้องด้วย ก็พวกนั้นยกโทษให้ผมแล้ว ผมคิดถึงคุณมัทน่ะป๊า”
“ก็ที่ป๊ามาเนี่ย ก็เพราะจะพาแกไปหามัทนาน่ะแหละ”
“ฮ้า จริงเหรอ ป๊าเจ๋งมาก ผมคิดไม่ผิดเลยที่มีพ่ออย่างป๊า”
อัคนีกอดอพ่อดีใจ อสิตส่ายหน้าเซ็งๆ
เจ้าชายมาคีดูรูปคามินกับมัทนาในโทรศัพท์อย่างอึ้งๆเจ็บปวดใจ พระนางสาวิตรีมองเจ้าชายมาคียิ้มสะใจ
“นี่ไงรางวัลความจริงใจของลูก ขณะที่ลูกทั้งรักทั้งไว้ใจมัน แต่มันสองคนร่วมมือกันหักหลังลูกอย่างเจ็บแสบที่สุด”
เจ้าชายมาคีลุกพรวดอย่างโกรธจัด
“ลูกจะไปหาคามิน ลูกจะต้องคุยกับคามินให้รู้เรื่อง”
“พูดกับคนโกหกจะรู้เรื่องได้ยังไง...แม่มีวิธีที่จะทำให้ลูกจับได้คาหนังคาเขา”
เจ้าชายมาคีมองพระนางสาวิตรีสงสัย
มุมหนึ่งในวังรายา...นายพลวิฑูรรออยู่ พระนางสาวิตรีเข้ามา
“เจ้าชายทรงยอมทำตามแผนเรามั้ยพะยะค่ะ”
“ยอม ท่าทางมาคีจะแค้นไอ้คามินมาก”
“แต่คงยังไม่ได้รับสั่งเรื่องที่คามินเป็นพี่ชาย”
“หยุดนะ อย่าพูดคำนี้ให้น้องได้ยินอีก องค์ราชาทรงมีโอรสองค์เดียวคือมาคี”
“เกล้ากระหม่อมเพียงทูลเตือน ว่าไม่ควรให้เจ้าชายทรงทราบเรื่องนี้เพราะอาจจะพระทัยอ่อนได้”
“ไม่ต้องห่วง ความลับนี้มันต้องตายไปพร้อมกับไอ้คามิน”
นายพลวิฑูรยิ้ม...
ตำหนักมัทนาวันใหม่...มัทนาตกใจช็อค
“อะไรนะเพคะ รับสั่งอีกครั้งหม่อมฉันได้ยินไม่ถนัด”
เจ้าชายมาคีนั่งอยู่ ท่านหญิงมาณวิกาอยู่ด้วย เจ้าชายมาคีขรึม
“คามินโดนระเบิดตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านภูสายธาร”
มัทนาตกใจมาก
“แล้วคามินเป็นอะไรมากรึเปล่า ทำไมไม่รีบพากลับมารักษาเพคะ”
“คามินอาการหนักมากเคลื่อนย้ายกลับมาอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต...”เจ้าชายมาคีแกล้งร้อนใจ “ตอนนี้ทำได้ดีที่สุดคือส่งหมอหลวงที่เก่งที่สุดไปรักษาคามิน อีกสองสามวันถึงจะรู้ผล”
มัทนาช็อคไป ท่านหญิงมาณวิกาตกใจ
“มัท...มัท เป็นอะไรรึเปล่าลูก”
“เปล่าค่ะ ไม่เป็นไร”
เจ้าชายมาคีเจ็บใจเมื่อเห็นท่าทางมัทนา แต่พูดดีด้วย
“ผมต้องรีบไปประชุมวางแผนปราบพวกโจรก่อน เพราะถ้าคามินเป็นอะไรไป ก็คงต้องส่งคนใหม่ลงไป”
ท่านหญิงมาณวิกาลุกขึ้น ถอนสายบัว ขณะที่มัทนานั่งนิ่ง หน้าซีด เจ้าชายมาคีเมินไปอย่างเจ็บปวด เดินออก ผ่านมินตราที่ยืนอยู่ปากประตู ไม่พูดจาทักทาย มินตรา ถอนสายบัว แอบมองมาณวิกาที่โอบมัทนา สะใจ
“มัทขอไปพักผ่อนก่อนนะคะแม่”
มัทนาเดินไป ท่านหญิงมาณวิกามองตามงงๆอาการที่ตกใจเกินกว่าเหตุของลูกสาว
มัทนาเดินน้ำตาไหลเข้ามาในห้อง ทำอะไรไม่ถูก ท่านหญิงมาณวิกาตามเข้ามา
“มัทนา”
มัทนารีบเช็ดน้ำตา
“บอกแม่มาตามตรงได้มั้ยว่า ระหว่างลูกกับคามิน มันเป็นยังไงแน่”
“ยังไง อะไรกันคะ มันก็ไม่มีอะไรนี่คะ”
“ลูกไม่ได้ ชอบเขาใช่มั้ย”
มัทนาอึ้งไป รีบยิ้ม
“ทำไมแม่ถามแบบนั้นละคะ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ก็แม่ได้ยินข่าวลือที่ไม่ค่อยดีมา”
“ข่าวลือก็คือข่าวลือค่ะ แม่ ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วทำไม ลูกต้องร้องไห้”
“มัทก็แค่ตกใจ เพราะยังไงเขาก็เป็นคนที่เคยช่วยเหลือดูแลมัทมาตลอดที่อยู่ที่นี่”
“ถ้าเป็นอย่างงั้นได้แม่ก็สบายใจ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่คงไม่มีใครรับได้”
“ค่ะ มัทรู้ดี...อย่ากังวลเลยค่ะแม่ แม่คะ วันนี้มัทขอไปสวดมนต์เหมือนเคยนะคะ”
“จ้ะ”
หน้าตำหนักมัทนา...เหมันต์อยู่ที่รถ มัทนาในชุดทะมัดทะแมงเดินรีบเร่งมา
“รีบไปเลยค่ะ พี่เหมันต์”
“เดี๋ยวครับ ผมตามขบวนรถอารักขาก่อน”
“ไม่ต้องตามหรอกค่ะ เราไปไม่นาน”
เหมันต์ยืนลังเล มัทนาแย่งกุญแจในมือไป ขึ้นรถสตาร์ท
“เดี๋ยวซิครับ รอด้วย”
เหมันต์กระโดดขึ้นรถ รถวิ่งออกไป
ถนนหน้าตำหนักมัทนา เจ้าชายมาคีเห็นรถออกจากตำหนักมัทนา มีเหมันต์เป็นคนขับ มัทนานั่งคู่ เจ้าชายมาคีนั่งอยู่ในรถไม่หรู เพื่อไม่เป็นที่สังเกตมีสุเทษนั่งประจำที่คนขับ เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างไม่อยากเชื่อ สุเทษพูดย้ำให้มาคีโกรธ
“เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด คงเป็นห่วงคามินมาก”
เจ้าชายมาคีตวาด
“ไม่ต้องพูด...รีบตามไป”
สุเทษแอบยิ้มเยาะ ก่อนออกรถตามไปห่างๆ หน้าเจ้าชายมาคีซีดเผือด
สำนักงานองครักษ์...สินธรกำลังด่าชาลี
“เจ้าชายทรงห้ามไม่ให้ตามไปอารักขาพระคู่หมั้น”
“ครับ...คุณเหมันต์ขอให้จัดขบวนรถ แต่เจ้าชายทรงห้าม รับสั่งว่าพระคู่หมั้นต้องการความเป็นส่วนตัว”
“บ้าจริง”
“ท่านสินธรครับ แล้วข่าวที่ว่า ท่านคามินถูกระเบิดจริงหรือเปล่าครับ”
“เหลวไหล ท่านคามินไม่มีทางเสียทีคนร้ายง่ายๆ ต้องมีคนปล่อยข่าวลือพวกนี้”
“หมายความว่าท่านคามินปลอดภัยใช่มั้ยครับ”
โทรศัพท์ดังขึ้น สินธรมองเบอร์ เป็นรูปหฤทัย
“คุณหฤทัย”
บ้านคามิน...สินธรเดินมา หฤทัยหน้าตาตื่น
“สินธร พี่คามินเป็นยังไงบ้าง พี่คามินบาดเจ็บสาหัสจริงหรือเปล่า”
“เดี๋ยวครับ ใจเย็นๆก่อน”
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง” หฤทัยหันไปทางสาวใช้ “นารี...บอกว่าพวกนางกำนัลในวังพูดกันว่าพี่คามินตายแล้ว ไม่จริงใช่มั้ยสินธร”
สินธรมองสาวใช้ๆก้มหน้าออกไป
“ว่าไงล่ะ สินธร”
สินธรนิ่ง
หน้าทางเข้าหมู่บ้านภูสายธาร รถเหมันต์จอดอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
“ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย”
“หมู่บ้านภูสายธาร”
“คุณมัทมาทำไม จะมาหาใครเหรอครับ”
“พี่เหมันต์รออยู่นี่ก่อนนะเดี๋ยวมัทมา”
มัทนาเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว วิ่งเข้าไป เหมันต์ตกใจ
“อ้าวคุณมัท เดี๋ยวสิเดี๋ยว...ปั๊ดโธ่รอก่อน”
เหมันต์มัวแต่ปลดสายเซฟตี้เบล เปิดประตูลงไปชะงัก ปืนเข้ามาจี้ที่หัวเหมันต์
“เฮ้ย...อะไรกันเนี่ย”
ลูกน้องสุเทษไม่ตอบ หน้าสุดเหี้ยม
มัทนาวิ่งมา ชะงัก เห็นกระโจมสีขาว ตั้งอยู่ ด้านหน้าเป็นผ้าบางๆ ปลิวสไว มัทนารีบเข้าไป แล้วแหวกกระโจมไปข้างในอย่างร้อนใจแล้วชะงักแทนสายตาเห็นศพถูกคลุม อยู่บนแคร่กลางกระโจม ชายชาวบ้านปลอมนั่งเฝ้าอยู่หันมามอง
“คุณจะมาเคารพท่านองค์รักษ์หรือครับ”
มัทนาตกใจ
“ศพ...ใคร”
“ท่านองค์รักษ์คามินครับ”
มัทนาตะลึง ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ เดินเข้าไปช้าๆ จนถึงยืนมอง เอื้อมมือสั่นระริกไปจับผ้าจะเปิดออกดู ชาวบ้านรีบพูด
“ท่านโดนระเบิดเข้าเต็มๆ ผมว่าคุณอย่าเปิดดูเลย เดี๋ยวจะตกใจกลัวเปล่าๆ”
มัทนาฝืนใจพูดไม่ให้เสียงสั่น
“ฉัน...ไม่...กลัว”
มัทนาจับผ้าค่อยๆเปิดออก เธอตะลึง ปล่อยผ้า ทรุดลง หมดเรี่ยวแรง ศพหน้าเละ
จนจำไม่ได้ แต่งชุดองค์รักษ์ มัทนาพึมพำ
“ไม่...ไม่จริง...ไม่ใช่...ไม่”
ชาวบ้านเลี่ยงออกไปนอกกระโจมหยุดทำความเคารพแบบทหาร เจ้าชายมาคีกับสุเทษ สุเทษพยักหน้าให้ไป มาคีนิ่งฟัง ในกระโจม มัทนาคร่ำครวญ
“ทำไมคุณทำแบบนี้คุณทิ้งฉันไปโดยไม่ลาได้ยังไง ไหนคุณว่าจะอยู่ปกป้องฉัน ฉันมารายาก็เพราะคุณ คุณจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้”
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
เจ้าชายมาคีเจ็บปวด กำมือแน่น
“ฟื้นขึ้นมาสิคามิน ฉันยังไม่ได้บอกอะไรคุณอีกตั้งมากมาย ลุกขึ้นมาฟังฉันสิ ฉันจะไม่ก่อปัญหาอีกแล้ว ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ฉันจะยอมแต่งงานกับเจ้าชายทั้งๆที่ฉันไม่ได้รัก ฉันจะไม่งี่เง่างอแงกับคุณอีกแล้ว ลุกขึ้นมาสิคามินฉันรักคุณได้ยินมั้ยว่าฉันรักคุณ”
เจ้าชายมาคีแค้นก้าวขาจะเข้าไป แต่แล้วข่มใจหยุด ถอยกลับมา
“เราจะกลับ”
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะจัดการกับพระคู่หมั้น ตามรับสั่งขององค์ราชินีนะพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีไม่ตอบ เดินเร็วๆออกไป สุเทษยิ้มเหี้ยมมองเข้าไปในกระโจม ที่มุมหนึ่งวายุผลุบโผล่แอบดูอยู่อย่างแปลกใจที่ชายป่า ก่อนรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว
หฤทัยถอนใจโล่งอก รีบหันไปคุกเข่าไปทางวิหารประสานมือ
“ขอบคุณเทพทุกองค์ที่คุ้มครองพี่คามินให้ปลอดภัย”
หฤทัยจะลุก สินธรรีบเข้ามาประคองให้ลุกขึ้น สองคนมองกันในระยะประชิด สินธรรีบหลบตา แล้วถอยออกมา
“ขอโทษครับ ผมกลัวว่าคุณจะลุกไม่สะดวก”
“ขอโทษทำไม ฉันสิต้องขอโทษนายที่ผ่านมาทำไม่ดีพูดไม่ดีกับนายไว้ตั้งเยอะ แต่นายก็ยังมาคอยช่วยดูแลฉันตลอดเวลาที่พี่คามินไม่อยู่ ขอบคุณมากนะสินธร”
สินธรยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับผมทำด้วยความเต็มใจ”
“แล้วตอนนี้พี่คามินอยู่ที่ไหน”
กองบัญชาการในหมู่บ้าน...คามิน เมฆา ฐากูรปรึกษากัน มาลีอยู่ด้วย คามินมีบาดแผลขูดขีดเล็กน้อย กำลังเอาสมุนไพรทา
“โชคดีที่รอดมาได้ ระเบิดอานุภาพร้ายแรงแบบนั้น โดนจังๆ แหลกเป็นจุณแน่” ฐากูรบอก
ก่อนหน้านี้มีการสู้กัน ลูกน้องอีกกลุ่มที่ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้โผล่ออกมาขว้างระเบิดใส่ คามินและทหาร มองระเบิดอย่างตกใจ คามินกระโดดหลบกลิ้งไปไกลทันการ ระเบิดเสียงตูมสนั่น ควันฟุ้งเต็ม จากแรงระเบิดทหารนอนตายกันสองคน คามินเข้าไปดูแค้น หันไปสั่งทหาร
“นายเฝ้าศพไว้ ทีเหลือตามฉันมา”
คามินตามไล่ล่ายักษ์กระชั้นเข้าทุกที ยักษ์หันมามอง
“ไอ้บ้าเอ๊ย...ทำไมมันตายยากตายเย็นแบบนี้”
มาลีได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุด ยักษ์คว้าจับ มาลีตีเข่าเข้าจุดสำคัญ ยักษ์ตัวงอ มาลีวิ่งหนีไปหาคามิน ยักษ์ยิง แต่ไม่ถูก คามินกระชากมาลีหลบได้ สองฝ่ายยิงใส่กัน สองฝ่ายล้มตาย คามินกระสุนหมด หลบใส่กระสุน พวกยักษ์ เห็นได้ทีกรูกันเข้าใส่คามิน
“จัดการมัน”
ฐากูรกับเมฆา พากำลังมาช่วยทัน ยิงถล่มใส่พวกยักษ์บ้าง ยักษ์รีบตะโกนบอกลูกน้อง
“ถอยก่อนโว้ย...”
ฐากูรวิ่งไปช่วยประคองมาลีลุกขึ้น เมฆามาหาคามิน
“เป็นไง”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
ปัจจุบัน…มาลียิ้มแย้มสบายใจ
“มาลีขอบใจท่านคามินมากที่อุตส่าห์ไปช่วยมาลี”
“ฉันต่างหากต้องขอบใจเธอ เธอกล้าหาญมาก”
“มาลีเอาอย่างท่านคามินไง”
คามินยิ้ม จับหัวเอ็นดู เมฆาพูดขึ้น
“โจรป่าธรรมดา ไม่มีอาวุธสงครามร้ายแรงขนาดนี้หรอก”
“ถ้าไม่ใช่โจร มันจะเป็นพวกไหนละครับ หรือเป็นพวกค้ายาเสพติดจากเมืองไทย”
“พวกค้ายาไม่จำเป็นต้องมาปล้นฆ่าชาวบ้านแบบนี้ มันน่าจะมีคนบงการเบื้องหลังที่หวังผลอะไรสักอย่าง”
วายุวิ่งหน้าตั้งเข้ามา ฐากูรหันไปถาม
"ว่าไง วายุ ส่งข่าวไปที่สินธรอย่างที่สั่งหรือยัง”
“ส่งแล้ว แต่ว่ามีข่าวใหม่เลยต้องมารายงาน”
“มีอะไร” คามินถาม
“หน้า...หน้าทางเข้าหมู่บ้านไม่รู้ใครมาสร้างกระโจมไว้ครับ เจ้าชายมาคีก็เสด็จมาด้วย”
“อะไรนะ เจ้าชายมาคี...เสด็จมากับใคร” คามินงงๆ
“ผมเห็นมากับลูกน้องท่านนายพลวิฑูร แล้วก็ ผู้หญิงคนเดียวกับที่มาคราวก่อน”
“คุณมัทนา”
ในกระโจม...มัทนาข่มใจ ลุกขึ้นดึงผ้าจะคลุมหน้าศพเหมือนเดิม ชะงักเมื่อเห็นศพคนตายสวมต่างหูทั้งสองข้าง
มัทนาชะงักนึกถึงตอนที่คามินกับหฤทัยมองหน้ายิ้มให้กัน แล้วคามินก็บรรจงถอดต่างหูให้หฤทัยวางบนพานแล้วใส่ต่างหูข้างหนึ่งของตัวเองให้ มัทนา นึกได้
“ศพนี่มีต่างหูสองข้าง...ไม่ใช่คามิน”
มัทนาดีใจ รีบคลุมผ้า จะรีบออกจากกระโจมตกใจ อัคนีวิ่งนำอสิต สุเทษเข้ามา
“เซอร์ไพรส์ครับ คุณมัท...คุณมัทที่รักของผม”
“นี่มันอะไรกัน” มัทนางง
อสิตกับสุเทษยิ้มเหี้ยม อัคนีดี๊ด๊าดีใจที่เจอมัทนา
เจ้าชายมาคีเดินมาถึงรถคับแค้นใจสุดๆ ทุบเปรี้ยงที่หน้าหม้อรถหลายครั้งก่อนจะตะโกนก้องออกมาอย่างเหลืออด
“ทำไม...ทำไม”
เจ้าชายมาคีเสียใจมาก ยืนนิ่ง เสียงสุเทษดังมาในความคิด
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะจัดการกับพระคู่หมั้น ตามรับสั่งขององค์ราชินีนะพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีสุดแค้นพึมพำ
“มันง่ายเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอมัทนา”
เจ้าชายมาคีหยิบโทรศัพท์ออกมากด
อัคนีตาเหลือกกระโดดเข้าขวางกางแขนกางขากั้นมัทนาไว้ อสิตยกปืนเล็งจะยิงมัทนา
“ไม่นะป๊า...อย่ายิงคุณมัท เมื่อกี้ป๊าบอกจะพาผมมาหาคุณมัทไง”
“ก็พาแกมาดูหน้านังผู้หญิงที่แกรักนักรักหนาไง เห็นหรือยังว่ามันไม่ได้รักแกมันรักไอ้คามิน”
“ไม่จริง คุณมัทไม่มีทางตาต่ำไปรัก องครักษ์กระจอกๆแบบนั้นหรอก”
อสิตอยากจะบ้าตาย
“ถอยไปไอ้หนู”
“ไม่”
มัทนามองหน้าสุเทษ
“ทั้งหมดนี่เป็นแผนของพวกแกใช่มั้ย คามินไม่ได้โดนระเบิด เขายังไม่ตาย”
“กว่าจะฉลาดก็สายไปแล้วคุณมัทนา” สุเทษหัวเราะ
มัทรีบกระชากตัวอัคนีเข้ามาล็อคไว้เป็นตัวประกัน อัคนียิ้มแต้ที่ได้อยู่ในอ้อมกอดมัท
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันแทงนายนี่ไส้แตก”
มัทนาเอานิ้วตัวเองจี้อัคนีไว้ตรงเอวด้านหลังอสิตไม่เห็น อัคนีอึ้ง
“คุณมัท...”
มัทนากระซิบอัคนี
“ถ้าคุณช่วยฉัน เราจะหนีไปด้วยกัน”
อัคนีดีใจแกล้งตะโกน
“อย่า อย่าแทงผมเลย ฮือๆ ผมกลัวแล้ว ป๊า มีดยาวเฟื้อยเลยผมตายแน่ๆ”
“อย่าทำอะไรไอ้หนูนะ” อสิตตกใจ
สุเทษยกปืนขึ้นจะยิงเอง อสิตหันมาเห็นตกใจร้องลั่น
“เฮ้ยอย่ายิงนะเดี๋ยวโดนลูกผม เห็นมั้ยลูกผมโดนจับเป็นตัวประกันอยู่”
“แต่ผมว่าคุณอัคนีสมรู้ร่วมคิดด้วยมากกว่า เอาล่ะผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าคุณอัคนีไม่ถอยออกมาก็โทษผมไม่ได้ หนึ่ง...”
อสิตโวยวาย
“เฮ้ยคุณสุเทษจะบ้าเหรอนี่มันลูกผมนะ”
“สอง...”
ท่าทางสุเทษเอาจริงอสิตตกใจ
“ไอ้หนูออกมา...ออกมาสิโว้ย”
อัคนีหันไปโชว์แมนกับมัทนา
“ไม่ต้องกลัวนะคุณมัท ผมจะปกป้องคุณเอง ไอ้บ้านั่นมันไม่กล้ายิงหรอก”
สุเทษขยับปืนจะยิง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดจังหวะ สุเทษชะงักจะไม่รับแต่โทรศัพท์ดังไม่เลิก สุเทษจำใจรับ
“ครับ...” สุเทศหน้าเปลี่ยน “พะยะค่ะ”
สุเทษไม่พอใจ แต่ก็เอาปืนลง ทุกคนถอนใจโล่งอก
นอกกระโจม...คามิน ฐากูร เมฆาซุ่มดูอยู่ด้านนอก คามินตกใจ เห็น อสิตล็อกตัวอัคนี มัทนาถูก สุเทษกับลูกน้องคุมตัวตามออกมา
“จะเอาตัวฉันไปไหน” มัทนาหยุดเดิน
“ไม่ต้องถาม แล้วก็อย่าคิดลูกเล่นอะไรอีก” อสิตตะคอก
คามินพุ่งพรวดออกไป พร้อมฐากูร เมฆา
“หยุด...ปล่อยพระคู่หมั้นเดี๋ยวนี้”
ทุกคนชะงัก มัทนาดีใจสุดขีด
“คามิน...คามินคุณยังไม่ตายจริงๆด้วย”
มัทนาจะวิ่งเข้าหาคามิน สุเทษกระชากแขนไว้ คามินโกรธมาก
“ปล่อยคุณมัทนา”
“แกยังไม่ตาย แต่อีกเดี๋ยวแกตายแน่ไอ้คามิน”
สุเทษหันมาพยักหน้ากับอสิตและลูกน้อง ทั้งหมดระดมยิงใส่คามิน ฐากูรและเมฆา สามคนพุ่งตัวหลบ คามินสะบัดอาวุธลับใส่ ลูกน้องสุเทษล้มลง มัทนาได้ทีก็อัดลูกน้องที่คุมอยู่ ด้วยวิชาป้องกันตัว วิ่งหนี อสิตหันมาเห็นตกใจ
“เฮ้ยนังมัทนา...”
อสิตปล่อยอัคนียกปืนเล็ง อัคนีตาเหลือกร้องห้ามเสียงหลง
“ปะป๊าอย๊า...”
อัคนีรีบวิ่งตามไปขวาง อสิตยิงออกไป อัคนีล้มกลิ้งร้องโหยหวน
“อ๊าก”
อสิตตกใจสุดขีด
“ไอ้หนู...”
อสิตตะลึง รีบวิ่งไปหาอัคนี ด้านสุเทษกับลูกน้องระดมยิงพวกคามิน
เมฆาโยนระเบิดควันออกไป ตูมฝุ่นควันฟุ้งตลบขาวโพลนเหมือนอยู่ในหมอก เสียงไอกันดังลั่นๆ ครู่ใหญ่ควันจาง สุเทษมองรอบๆ เห็นแต่ลูกน้องกำลังไอ ไกลออกไปหน่อย อสิตกอดอัคนีที่นอนนิ่งร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ
“ไอ้หนูลูกป๊าโธ่ทำไมต้องมาตายแบบนี้”
อัคนีไอแค็กๆขึ้นมา อสิตดีใจสุดขีด
“ไอ้หนูยังไม่ตาย...ไอ้หนูยังไม่ตาย”
“ไอ้คามิน” สุเทษสุดแค้น
บ้านนายพลวิฑูรยามค่ำคืน นายพลวิฑูรขว้างมือถือด้วยความโมโห
“บัดซบ พลาดอีกจนได้”
พระนางสาวิตรีเดินเข้ามาเห็นมือถือกระจาย
“อะไรกัน...นี่อย่าบอกนะว่า คนของพี่ทำงานไม่สำเร็จอีกแล้ว”
“เจ้าชายตรัสสั่งให้ไว้ชีวิตมัทนา คามินเลยมาช่วยมัทนาไปได้”
พระนางสาวิตรีเจ็บใจ
“มาคี เมื่อไหร่จะเลิกหลงนังผู้หญิงคนนี้ซะที...แล้วตอนนี้มาคีอยู่ที่ไหน”
“ทรงขับรถออกมาจากหมู่บ้านองค์เดียว ไม่ทราบว่าเสด็จไปไหน”
พระนางสาวิตรีร้อนใจ
“แสดงว่าไอ้คามินมันรู้ทุกอย่างหมดแล้วมันต้องมารายงานเสด็จพี่แน่”
“เรารอช้าไม่ได้อีกแล้ว”
นายพลวิฑูรมองพระนางสาวิตรี พูดเหมือนสั่ง
“ขอให้ทรงทำตามที่เกล้ากระหม่อมแนะนำด้วยพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีมองท่าทางเหี้ยมโหดของนายพลวิฑูรอย่างไม่เข้าใจ
ห้องทำงานราชาอินทรา...พระนางสาวิตรีถือถาดใส่ถ้วยน้ำชามายืนหน้าห้อง เห็นราชาอินทรานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พระนางสาวิตรีนึกถึงคำพูดของนายพลวิฑูร
“สมุนไพรในน้ำชาจะออกฤทธิ์ให้คนที่ดื่มเข้าไปเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ รับรู้ได้ทุกอย่างแต่พูดตอบโต้ไม่ได้ ต้องทรงให้องค์ราชาเสวยให้ได้นะพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีลังเล ทำท่าเหมือนจะถอยออกไป แต่ราชาอินทราเงยหน้าเห็นก่อน มองถอนหายใจ
“เราสั่งทหารไว้แล้วว่าไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวน”
พระนางสาวิตรีชะงัก เจ็บใจ แต่เสยิ้มแย้ม
“หม่อมฉันเห็นทรงงานหนัก ก็แค่เอาน้ำชามาถวาย”
“เราไม่อยากดื่มน้ำชา”
พระนางสาวิตรีเข้าไปวางกระแทกลงตรงหน้า
“ก็ตามแต่พระทัยเถอะเพคะไม่อยากเสวย ก็วางไว้อย่างนั้นหม่อมฉันทูลลา”
พระนางสาวิตรีหันกลับ ราชาอินทราชะงักเรียกไว้
“เดี๋ยว...ขอบใจนะ”
พระนางสาวิตรีนิ่ง เดินคอแข็งออกไป ราชาอินทราทำงานต่อ สักพักรู้สึกล้า หยุดนวดต้นคอเหลือบไปเห็นน้ำชา ราชาอินทรายิ้มออกมานิดหนึ่ง ก่อนหยิบมาดื่ม พระนางสาวิตรีแอบดูอยู่ สูดลมหายใจลึกๆมองราชาอินทราอย่างเจ็บแค้น
“อย่าทรงโทษหม่อมฉันเลยนะเพคะ พระทัยร้ายกับหม่อมฉันก่อนเอง”
พระนางสาวิตรีมองราชาอินทราที่ดื่มจนหมด
ท่านหญิงมาณวิกาเดินไปชะเง้อหน้าตำหนัก ก่อนเดินกลับมานั่งตรงข้ามธรรมรัตน์ โต๊ะมุมห้องมินตราปอกผลไม้อยู่
“นี่มันค่ำมืดแล้วนะคะคุณ คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ”
“ใจเย็นๆก่อนครับท่านหญิง ผมก็ห่วงลูกไม่ใช่ไม่ห่วงแต่ที่นี่รายาไม่ใช่เมืองไทย”
“ก็เพราะเป็นรายาสิคะฉันถึงห่วง ตั้งแต่มาถึงเนี่ยรู้สึกมีแต่เรื่องแปลกๆ”
“แต่เหมันต์ก็หายไปผมว่าสองคนนั่นคงไปด้วยกัน”
“แล้วทำไมต้องปิดมือถือติดต่อเหมันต์ก็ไม่ได้”
ท่านหญิงมาณวิกามองไปที่มินตรา
“นี่มินตราเธอคิดไม่ออกบ้างเลยเหรอว่ายัยมัทน่าจะไปที่ไหน ฉันดูเธอไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยกับการที่ยัยมัทหายตัวไป”
มินตราเสียงแข็ง
“ก็คุณมัทเธอเล่นหายตัวไปเป็นประจำสม่ำเสมอจนทุกคนเขาทั้งชินแล้วก็ระอาเต็มทีแล้วละคะ”
“เธอหมายความว่ายังไง ฉันส่งเธอมาดูแลยัยมัทนะ”
“มินก็ดูแลอย่างเต็มที่แล้วไงคะ รับรองค่ะว่ามินทำงานคุ้มกับข้าวแดงแกงร้อนที่ท่านหญิงราดหัวมินมาตลอดแน่ๆค่ะ” มินตราลุกขึ้น
ท่านหญิงมาณวิกางง ธรรมรัตน์อึ้ง มินตราเดินเอาจานผลไม้มาวางตรงหน้าสองคน แบบกระแทกหน่อยๆ
“เธอรู้ใช่มั้ยว่ายัยมัทหายไปไหน”
“ก็ไปก่อเรื่องเดือดร้อนเหมือนเคยไงคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวเธอก็กลับมาเอง”
มินตราเดินออกไปหน้าตาเฉย ท่านหญิงมาณวิกางง
“คุณเห็นมั้ยคะว่ามินตราเปลี่ยนไป”
“อาจจะเครียดกับเรื่องยัยมัท”
“ถ้าแค่นั้นก็ดี แต่นี่ พูดจาถึงยัยมัทแต่ละคำ ออกมาในทางร้ายทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องท่านคามิน”
ธรรมรัตน์แปลกใจ
“คามิน ทำไมครับ”
มาณวิกาถอนใจ
หน้าห้องบรรทมราชาอินทรา เช้าวันใหม่...โภคินเดินมาตามทางพร้อมแฟ้มเอกสาร จนถึงประตูทางเข้าห้องบรรทม ทหารรีบขวาง โภคินแปลกใจ
“ขวางเราทำไม เรามาเฝ้าองค์ราชาเพื่อให้ทรงลงพระนามในเอกสารอยู่ทุกวัน”
“ผมทราบครับ แต่เป็นคำสั่งขององค์ราชินีห้ามใครเข้าเฝ้าองค์ราชาครับผม”
โภคินแปลกใจ แล้วเปลี่ยนเป็นสงสัย พูดจริงจัง
“แต่นี่เป็นเอกสารด่วนที่ต้องให้องค์ราชาทรงลงพระนามเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นความเสียหายจะตกอยู่กับประเทศชาติ เจ้ารับผิดชอบไหวมั้ยล่ะ”
ทหารอึกอัก โภคินจริงจัง
โภคินเข้ามาเห็นราชาอินทรานอนลืมตาอยู่ พยายามจะขยับตัวแต่ทำไม่ได้ โภคินตกใจ
“ฝ่าพระบาท...เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ”
โภคินมองทั่วองค์ ราชาอินทราขยับไม่ได้ พยายามจะพูดก็พูดไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ โภคินทรุดลงข้างเตียง
“ฝ่าพระบาททรงเป็นอะไรพะยะค่ะ”
สายตาราชาอินทราร้อนรน หวาดกลัว โภคินรีบลุกขึ้น
“ทรงรอเกล้ากระหม่อมก่อน เกล้ากระหม่อมจะรีบไปตามหมอหลวงมาดูพระอาการเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ”
โภคินจะออกไป ชะงัก นายพลวิฑูร สุเทษ ทหารเข้ามาล้อมโภคินไว้
“นี่มันอะไรกันท่านนายพลวิฑูร”
“ไม่ต้องตกใจไป ผมแค่อยากเชิญท่านโภคินไปคุยกันเป็นการส่วนตัว” นายพลวิฑูรสั่งลูกน้อง “เอาตัวไป”
โภคินถูกคุมตัวออกไป นายพลวิฑูรเดินมาข้างๆเตียง ราชาอินทรามองตามโภคินไปอย่างตกใจ
“อย่าเพิ่งตกพระทัยไปเลยพะยะค่ะ นี่แค่เริ่มต้นยังมีเรื่องให้ทรงตื่นเต้นอีกเยอะ แต่ตอนนี้ทรงนอนพักผ่อนพระวรกายให้สบายไปก่อนนะพะยะค่ะ”
นายพลวิฑูรหัวเราะสะใจ ก่อนออกไป สุเทษตาม ราชาอินทราพยายามจะขยับตัวเต็มทีแต่ทำไม่ได้ได้แต่มองตามไปด้วยสายตาเจ็บใจ
กระท่อมในหมู่บ้าน...มัทนานอนสลบอยู่บนแคร่ค่อยๆลืมตา แล้วรีบลุกขึ้นชะงักเมื่อเห็นคามินนั่งฟุบหลับอยู่ข้างแคร่ มัทนาตื้นตันค่อยๆเอื้อมมือจะแตะ คามินรู้สึกตัวตื่น มัทนารีบดึงมือกลับ ถามห้วนๆ
“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่”
“คุณสลบไปจากแรงของระเบิดควัน”
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้”
“ผมคงช่วยคุณไม่ได้ทุกครั้ง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชอบหาเรื่องใส่ตัว” คามินโวย
“อะไรนะ” มัทนางง
“คุณมาที่นี่ทำไมรู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน โจรพวกนี้ไม่โจรป่าธรรมดาๆ มันมีอาวุธที่ร้ายแรงมาก เมื่อไรคุณจะเลิกทำให้ทุกคนเขาเป็นห่วงคุณซะที”
“ฉันมานี่ก็เพราะห่วงนายฉันคิดว่านายโดนระเบิด”
“อย่ามาหาข้ออ้าง ผมรู้นิสัยคุณดี”
“ฉันไม่ได้อ้าง เจ้าชายมาคีเป็นคนบอกฉันเองว่านายโดนระเบิด ฉันถึงมาดูให้แน่ใจ” มัทนาฉุน
“เป็นไปไม่ได้ ผมยังไม่ได้รายงานการรบกับพวกโจรเข้าไปในวังเลย มีแค่สินธรคนเดียวที่ผมส่งข่าวไปแต่ก็กำชับไม่ให้บอกใคร แล้วเจ้าชายจะทรงรู้ได้ยังไง”
“นี่คุณหาว่าฉันโกหกเหรอ ฉันสาบานก็ได้”
“ใครส่งข่าวมีแค่ผมกับพวกโจรที่รู้...” คามินอึ้ง
เสียงโทรศัพท์คามินดัง เขารีบหยิบมาดู พึมพำ
“โค๊ตฉุกเฉินจากท่านโภคิน หรือว่าที่วังจะเกิดเรื่อง”
คามินมองมัทนา
“เราต้องรีบกลับวังเดี๋ยวนี้”
“ดี ไปด้วยกันเลย ฉันก็จะไปถามเจ้าชายให้รู้เรื่องว่ามาหลอกกันทำไม”
มัทนาเดินผ่านคามินจะออกไป
“เดี๋ยว”
มัทนาหันมามอง
“ทำไม ไปซิรีบไปเลยจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก”
“ไปพร้อมกันไม่ได้ ผมจะส่งคุณกลับไปก่อน”
“อ๋อ...กลัวภรรยาคุณเข้าใจผิดเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวฉันจะอธิบายคุณหฤทัยเอง”
คามินถอนใจ
“ผมไม่ได้กลัวใครเข้าใจผิดแต่ผมทำเพื่อความปลอดภัยของคุณ”
“ฉันรู้แล้วว่า พวกท่านวิฑูร ต้องการชีวิตฉันแล้วก็คุณด้วย แต่ฉันนึกไม่ถึงว่าจะมีพ่อของนายอัคนีร่วมมือด้วย”
“งั้นคุณก็คงเข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแค่เกมหรือกีฬาเอ็กซตรีมที่คุณชอบ”
มัทนานิ่ง ไม่โต้ตอบ คามินส่ายหัวระอา เดินผ่านไป มัทนาทำท่าเหมือนอยากจะหักคอเขาทิ้ง พอเขาหยุดหันมามอง เธอทำเชิดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คามินแกล้งถอนใจดังๆ ออกไป มัทนามองตามพึมพำ
“เรารึอุตส่าห์เป็นห่วง คนบ้า”
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในห้องลับ...โภคินเหงื่อเต็มหน้า มีคราบเลือดเสื้อขาด มีแผลเลือดเต็มตัวถูกโยงกับขื่อ
สุเทษถือแส้เฆี่ยนอย่างไม่ปรานี โภคินเจ็บปวดมากแต่อดทนไม่ร้องออกมา นายพลวิฑูรจ้องหน้าเหี้ยม
“เจ็บขนาดนี้แต่ไม่ร้องสักแอะสมแล้วที่เป็นข้าช่วงใช้ที่แสนซื่อสัตย์...แต่ถึงท่านจะไม่ร้องผมก็รู้ว่าท่านเจ็บปวดมาก...ถ้าไม่อยากทรมานมากไปกว่านี้ ก็บอกมาว่ารู้อะไรเกี่ยวกับไอ้คามินบ้าง”
“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
นายพลวิฑูรมองโภคินอย่างโมโหเดินไปหยิบถังน้ำเกลือ
“น้ำเกลือนี่คงช่วยฟื้นความจำของท่านได้บ้าง”
นายพลวิฑูรสาดน้ำเกลือใส่ โภคินแสบไปทั้งตัวร้องอย่างเจ็บปวด
“อ้าก”
นายพลวิฑูรมองโภคินยิ้มสะใจ พระนางสาวิตรีเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ
“มันปริปากอะไรบ้างมั้ย”
“ไม่เลยพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีมองโภคินอย่างโมโห
"สุเทษ...”
ทหารพาตัวบุหลันเข้ามา โภคินกับบุหลันมองกันอย่างตกใจ
“คุณพี่...เกิดอะไรขึ้นคะ”
พระนางสาวิตรีหันมาบอก
“เราก็แค่อยากรู้เรื่องบางอย่างแต่สามีเจ้าไม่ยอมบอก...ถ้าเจ้าเกลี้ยกล่อมให้ท่านโภคินบอกเรื่องที่เราอยากรู้ได้ เจ้าก็จะได้อยู่ดูโลกต่อไป”
โภคินมองบุหลันร้อนใจ บุหลันมองเหตุการณ์อย่างทั้งงงทั้งตกใจ
บุหลันเปิดประตูห้องลับออกมาหน้าเครียด นายพลวิฑูรที่นั่งกระดิกเท้ารออยู่ถามอย่างใจเย็น
“ไง...กล่อมสามีเจ้าสำเร็จมั้ย”
“พี่โภคินพูดแต่ว่าไม่รู้ค่ะ...ท่านแน่ใจเหรอคะว่าพี่โภคินรู้เรื่องที่ท่านอยากรู้จริงๆ”
“ยิ่งกว่าแน่ใจ...ดูซิว่าทนเก็บความลับ” นายพลวิฑูรกระชากบุหลัน “หรือทนเห็นเมียตายได้มากกว่ากัน”
วิฑูรจะลากเข้าห้อง บุหลันมองหวาดกลัว
“อย่าฆ่าฉันเลยนะคะ ฉันจะยอมทำตามคำสั่งท่าน ทุกอย่างขอแค่ไว้ชีวิตฉันกับพี่โภคินก็พอ...ท่านอยากให้ฉันทำอะไรสั่งมาเลยค่ะ”
นายพลวิฑูรมองบุหลันครุ่นคิด
หมู่บ้านภูสายธารยามดึก...คามิน มัทนา ฐากูร เมฆา ใส่ชุดดำยืนอยู่ คามินมองมัทนาอย่างเป็นห่วงแต่ไม่อยากบอกตรงๆหันไปพูดกับเมฆากับฐากูร
“ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ”
มัทนาห่วงคามินแต่พูดอย่างหมั่นไส้
“พวกเราไปกันตั้ง 3 แต่คุณไปคนเดียว...บอกตัวเองดีกว่ามั้ง”
“ผมระวังตัวอย่างดีอยู่แล้ว...คุณนั่นแหละอย่าลืมว่าอย่าสร้างปัญหาอีกเชื่อฟังท่านอาจารย์ทุกอย่าง”
“เจ้าค่ะ”
“ในวังหลวงไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่าประมาทนะคามิน...” เมฆาเตือน
“ครับ”
คามินทำความเคารพ มองมัทนาแล้ววิ่งออกไป มัทนาวิ่งตาม
คามินหยุดมัทนาวิ่งเข้าไปกอดข้างหลัง
“ทำไมเราต้องแยกกันด้วย ให้ฉันไปกับคุณไม่ได้เหรอ...ถ้าพวกเขาคิดฆ่าฉันกับคุณจริง อย่างน้อย เราก็ตายด้วยกัน”
คามินใจอ่อนยวบ ค่อยๆแกะมือมัทนา หันมายิ้ม
“ผมจะไม่เป็นไรและคุณก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน”
“สัญญานะ”
คามินพยักหน้า แล้วเดินไป มัทนามองเป็นห่วง
ดึกคืนนั้น...คามินใส่ชุดดำ สวมหน้ากาก มีหอกสั้นเสียบอยู่ด้านหลังลัดเลาะมาตามมุมมืดจนถึงหน้าห้องราชาอินทรา คามินยื่นหน้ามองไปหน้าตำหนักไม่เห็นทหารยาม
“ทหารยามไปไหนหมด”
คามินลัดเลาะเข้าไปด้านในมาตามทางเดิน เสียงผู้ชายร้องดังเข้ามา
“อ้าก...”
คามินตกใจมองไปทางห้องบรรทม
“องค์ราชา”
คามินเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมเห็นราชา อินทรานอนลืมตาโพลงกรอกตาไปมาอย่างหวาดกลัว เขามองสภาพราชาอินทราอย่างตกใจ
“ฝ่าพระบาท”
ราชาอินทรามองคามินอย่างร้อนใจส่งเสียงอ้อแอ้ฟังไม่ได้ศัพท์เพื่อจะบอกว่าอย่าเข้ามา คามินรีบถอดหน้ากาก
“เกล้ากระหม่อมเอง...เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ”
คามินรีบเดินไปหาราชาอินทราที่เตียงแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือคู่หนึ่งยื่นออกมาจากใต้เตียงกระชากข้อเท้าเขาอย่างแรง คามินไม่ทันตั้งตัวหงายหลังล้มตึง คามินลุกขึ้นนั่งจับข้อมือคู่นั้นแล้วลากออกมาจากใต้เตียงเห็นว่าเป็นสุเทษ คามินบิดข้อมือสุเทษร้องเจ็บปวดปล่อยมือจากข้อเท้า
คามินลุกพรวดขึ้นชักหอกคู่ออกมาฟาดใส่สุเทษอย่างรวดเร็ว สุเทษหมุนตัวหลับอย่างรวดเร็วแล้วรีบลุกขึ้นชักหอกคู่ที่เสียบไว้ที่หลังกระโจนเข้าต่อสู้กับคามิน ราชาอินทรามองคามินส่งเสียงอ้อแอ้อย่างร้อนใจ คามินกับสุเทษฟาดหอกใส่กันอย่างดุเดือด
สุเทษถอยร่นไปกลางห้อง คามินพุ่งตาม สุเทษยิ้มเยาะแล้วหันไปตัดเชือกที่แอบผูกไว้ตาข่ายขนาดใหญ่ร่วงลงมาคลุมร่างคามินอย่างจัง
คามินรู้ตัวว่าเสียทีก็มองสุเทษอย่างตกใจ ราชาอินทรามองคามินอย่างเสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้
ประตูห้องถูกเปิดพรวดทหารเป็นสิบถือปืนวิ่งเข้ามาล้อมจ่อคามิน นายพลวิฑูรเดินตามเข้ามามองคามินยิ้มเลือดเย็น
สุเทษมองคามินที่พยายามดิ้นรนอยู่ในตาข่ายอย่างสะใจแล้วถีบข้อพับคามินอย่างแรงจนทรุดคุกเข่าลงหน้านายพลวิฑูร
“ไม่น่าเชื่อว่า หัวหน้าองครักษ์ที่ปราดเปรื่อง จะเสียทีง่ายๆแบบนี้”
สุเทษยิ้มพอใจ
“แผนล่อเสือเข้าถ้ำของท่านนายพลทำให้จับมันง่ายขึ้นมาก...เยี่ยมจริงๆครับ”
คามินมองนายพลวิฑูรอย่างแค้นใจ
“ท่านทำอะไรองค์ราชา”
“เจ้าต่างหากที่ทำ ไม่ใช่เรา”
“ผมทำอะไร”
“บุกเข้าที่ประทับ พร้อมอาวุธครบมือ” นายพลวิฑูรชี้หน้า “เจ้าบังอาจมาก คิดจะลอบปลงพระชนม์องค์ราชา”
คามินมองนายพลวิฑูรอย่างตกใจ รู้ทันทีว่าพลาดไปแล้ว
ตำหนักเจ้าชายมาคี...ฐากูรวิ่งนำมาดูต้นทางอย่างระแวดระวัง เห็นว่าไม่มีใครส่งสัญญาณให้มัทนากับเมฆาวิ่งตามมา ทหารเดินยาม 2 นายเดินมาเห็นกลุ่มมัทนา มองตกใจตะโกนลั่น
“มีคนร้าย มีคนร้าย”
ทหารทั้ง 2 ชักปืน เมฆาซัดอาวุธลับใส่ ปืนกระเด็น ทหารชักหอกคู่เข้ามาเล่นงาน ฐากูรวิ่งเข้าประมือ เมฆาดึงมัทนามาหลบมุมหนึ่ง
“คุณหลบไปก่อน”
เมฆาวิ่งไปช่วยฐากูรต่อสู้กับทหาร เมฆากับฐากูรหันหลังชนกันใช้มวยรายาต่อสู้กับทหารที่ใช้หอกคู่ ทหารอีกหลายนายวิ่งเข้ามาช่วยทหารยาม แต่เมฆากับฐากูรเก่งกว่าทหารมากรับมือได้อย่างเหนือชั้นทุกกระบวนท่า การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด มัทนามองการต่อสู้อย่างร้อนใจครุ่นคิดแล้ววิ่งออกไปทางหนึ่ง เมฆามองมัทนาอย่างตกใจ
“พระคู่หมั้น”
เมฆาจะวิ่งตามมัทนา แต่ทหารมาล้อมไว้เมฆาพยายามจะฝ่าวงล้อมตามมัทนาไปแต่ยังฝ่าไปไม่ได้
มัทนาวิ่งมาถึงหน้าห้องเจ้าชายมาคี องครักษ์ กับชาลีวิ่งมาขวางชักหอกคู่ออกมา มัทนารีบเปิดหน้ากาก
“ฉันเอง”
องครักษ์กับชาลี มองตกใจ
“คุณมัทนา”
“ฉันต้องการพบเจ้าชาย”
มัทนาจะเดินเข้าไปองครักษ์กับชาลีจับตัวไว้ มัทนาตกใจ
“พวกนายทำอะไร”
“ขอโทษด้วยครับ ผมขัดรับสั่งเจ้าชายไม่ได้”
“พวกนายจะจับฉันก็ได้แต่ต้องรีบพาฉันไปหา เจ้าชายเดี๋ยวนี้”
“เจ้าชายเสด็จไปเฝ้าองค์ราชินีพวกผมคงพาคุณไปพบไม่ได้”
มัทนาสะบัดแขน
“แต่ฉันต้องพบเจ้าชายเดี๋ยวนี้”
มัทนาจะวิ่งออกมา องครักษ์กับชาลีรีบเข้ามาจับ มัทนาดิ้นรน
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
องครักษ์กับชาลีไม่ปล่อยจะลากมัทนาเข้าไปในตำหนัก มัทนาใช้วิชาป้องกันตัวต่อสู้
เมฆากับฐากูรวิ่งเข้ามามองมัทนาอย่างตกใจจะเข้ามาช่วยแต่ทหารอีกกลุ่มวิ่งมาดักหน้าชักปืนพกขึ้นมายิงทันที เมฆากับฐากูรกระโดดหลับกระสุน ทหารตามไปยิง ทั้งสองวิ่งหนีออกไป มัทนามองเมฆา กับฐากูรอย่างตกใจแล้วถูกองครักษ์กับชาลีลากเข้าตำหนักไป
“ปล่อยฉันสิ...ปล่อย”
เหมันต์หัวยุ่งเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเกาะลูกกรงถามทหารอย่างร้อนใจ
“เอาผมมาขังไว้ทำไมแล้วคุณมัทอยู่ที่ไหน...บอกมาคุณมัทอยู่ที่ไหน”
ทหารยืนนิ่งไม่ตอบ สุเทษเดินนำทหารที่คุมตัวคามินที่หน้าตาเขียวช้ำมีเชือกมัดมือไพล่หลังเข้ามา เหมันต์มองคามินอย่างตกใจ
“คุณคามิน”
สุเทษมองเหมันต์ยิ้มเยาะแล้วหันไปซ้อมคามินอีกสามสี่หมัด คามินมองสุเทษอย่างแค้นใจ
“ทำไมโกรธเหรอ ฮะๆ”
สุเทษพยักหน้าให้ทหารเปิดประตูคุกจับคามินโยนเข้าไป เหมันต์รีบเข้าไปรับตัวไว้ สุเทษมองยิ้มเยาะ
“รักกันไว้เดี๋ยวจะได้ตายไปพร้อมกันเลย”
สุเทษเดินออกไป ทหารปิดประตูคุก เหมันค์ถามคามินอย่างร้อนใจ
“เขาจับผมจับคุณมาขังทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“นายพลวิฑูรก่อการกบฏ”
“แล้วคุณมัทล่ะ”
“ผมให้คนที่ไว้ใจที่สุดคุ้มกันคุณมัทไปหาเจ้าชายแล้ว อยู่กับเจ้าชายคุณมัทจะปลอดภัย”
เหมันต์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตำหนักราชาอินทราเช้าวันใหม่...เจ้าชายมาคียืนนิ่งมองราชาอินทราที่นอนนิ่งกรอกตาไปมาอย่างสงสาร พระนางสาวิตรีอยู่ข้างๆ
“ไอ้คามินมันทำอะไร ทำไมเสด็จพ่อถึงเป็นแบบนี้”
พระนางสาวิตรีมองเจ้าชายมาคียิ้มเยาะ
“แม่ไม่รู้ ตั้งแต่จับมันได้เมื่อคืน ท่านลุงคาดคั้นยังไงมันก็ไม่บอก...ถ้ารู้สาเหตุเราอาจจะหาวิธีรักษาให้เสด็จพ่อของลูกกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้”
เจ้าชายมาคีมองราชาอินทราอย่างแค้นใจ
“ลูกจะไปทำให้ไอ้คามินยอมปริปากเอง”
เจ้าชายมาคีเดินออกไป ราชาอินทรามองตามอย่างร้อนใจ พราะนางสาวิตรีมองราชาอินทราอย่างหมั่นไส้
“ทำไมเพคะ...ทรงกลัวมาคีจะฆ่าพี่ชายร่วมบิดาเหรอ...ไม่ต้องห่วงหรอกเพคะ เพราะหม่อมฉันจะไม่มีวันให้มาคีได้รู้ว่ามีไอ้คามินเป็นพี่ชายเด็ดขาด”
ราชาอินทรามองสาวิตรีอย่างเจ็บปวด
หน้าตำหนักราชาอินทรา...ธรรมรัตน์พูดกับสุเทษอย่างไม่เข้าใจ
“องค์ราชารับสั่งให้ผมเข้าเฝ้าทุกวัน ทำไมจู่ๆวันนี้ถึงไม่ทรงอนุญาต”
สินธรที่รอเจ้าชายมาคีอยู่ด้านหน้าก็งงเหมือนกัน
“องค์ราชาทรงพระประชวร”
“ไม่สบาย...งั้นผมยิ่งต้องเข้าเฝ้าจะได้ถามไถ่อาการ”
สินธรเข้ามาบอก
“ตอนนี้องค์ราชินีกับเจ้าชายประทับอยู่ด้านใน ผมว่ารอให้เสด็จออกมาก็คงจะเข้าไปได้”
“ก็บอกว่าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไง หูมีปัญหารึเปล่า” สุเทพตวาด
ธรรมรัตน์มองสุเทษไม่พอใจ
“ผมเป็นพระสหายสนิทที่องค์ราชาทรงอนุญาตให้เข้าออกตำหนักได้ตลอดเวลาคุณห้ามผมไม่ได้”
ทันใดนั้นเสียงพระนางสาวิตรีดังขึ้น
“บังอาจมาก”
ธรรมรัตน์กับสุเทษหันไปมอง พระนางสาวิตรีกับเจ้าชายมาคี เดินมา
“ถึงจะเป็นพระสหายแต่คุณก็เป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์วางอำนาจกับคนของเรา”
ธรรมรัตน์เกรงใจ
“เกล้ากระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้ทรงกริ้วพะยะค่ะ”
“คำขอโทษของคุณอาจจะลบล้างสิ่งที่คุณทำกับคนของฉันได้ แต่ลบล้างสิ่งที่ลูกสาวคุณทำให้ครอบครัวฉันต้องอับอายไม่ได้หรอก”
“มัทนาทำอะไรพะยะค่ะ” ธรรมรัตน์งง
“ลูกสาวคุณกลับมาเมื่อไหร่คุณจะได้รู้เอง แต่ตอนนี้คงต้องเชิญคุณกลับไปรอลูกสาวที่ตำหนักรับรอง จับตัวมัทนามาได้เมื่อไหร่ เราถึงจะพิพากษาโทษพวกกบฎ ทุกคน”
“อะไรนะ” ธรรมรัตน์อึ้ง
สินธรมองเจ้าชายมาคีที่ยืนเฉยอย่างแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง ใครกบฏพะยะค่ะ”
“ก็หัวหน้าเจ้า ไอ้คามินไงล่ะ มันบังอาจร่วมมือกับมัทนาก่อการกบฏ”
ธรรมรัตน์งงมาก สุเทษจับตัวธรรมรัตน์คุมตัวเดินผ่านสินธรแล้วกระซิบ
“เจ้านายแกหมดอำนาจแล้วถ้าไม่อยากเดือดร้อน ก็หุบปากซะ”
สินธรมองสุเทษอย่างไม่พอใจ ปนงงว่าอะไรเกิดขึ้น เจ้าชายมาคีมองสุเทษที่คุมตัวธรรมรัตน์อย่างกังวล
“เดี๋ยวสุเทษ...เราว่าแค่คุมตัวไว้ในตำหนักก็พอ”
พระนางสาวิตรีหันมาปราม
“มาคี”
“ลูกขอ...”
สุเทษมองพระนางสาวิตรีอย่างขอความเห็น พระนางสาวิตรีพยักหน้า สุเทษคุมตัวธรรมรัตน์ออกไป พระนางสาวิตรีมองเจ้าชายมาคีไม่พอใจ
“นี่ลูกใจอ่อนกับพวกมันแล้วใช่มั้ย อย่าลืมนะ ว่ามัทนามันรวมหัวกับคามิน คิดทำร้ายเสด็จพ่อเพื่อยึดราชบัลลังก์”
“ลูกทราบ แต่ลูกไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่าเราป่าเถื่อน”
พระนางสาวิตรีกับนายพลวิฑูรมองกัน ไม่พอใจนัก แต่เห็นเจ้าชายมาคีนิ่งๆ โหดๆเลยไม่ขัด
สินธรมองทุกคนอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ตำหนักมัทนา...ท่านหญิงมาณวิกากดโทรศัพท์หาเหมันต์อย่างร้อนใจ
“ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีกนะ...หายไปไหนกัน”
สุเทษคุมตัวธรรมรัตน์เข้ามาพอดี
“ห้ามทุกคนออกจากตำหนักเด็ดขาดถ้าฝ่าฝืนผม ไม่รับรองความปลอดภัย”
มินตรายิ้มพอใจ ธรรมรัตน์มองสุเทษอย่างไม่พอใจ ท่านหญิงมาณวิกามองสุเทษอย่างงงๆ แล้วถามธรรมรัตน์
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
“ผมก็ไม่รู้”
มินตราถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมา
“ถ้าท่านประธานไม่รู้มินก็จะบอกให้เอาบุญ...ที่ท่านประธานกับท่านหญิงถูกกักบริเวณอย่างนี้ก็เพราะลูกสาวท่านนั่นแหละ”
“ยัยมัททำอะไร” ท่านหญิงมาณวิกาตกใจ
มินตราถือกระเป๋าเสื้อผ้าจะเดินไป
“เธอจะไปไหน” ท่านหญิงมาณวิการีบเข้าไปถาม
“ย้ายไปอยู่ตำหนักองค์ราชินี”
“ย้าย...ทำไมต้องย้าย”
“เพราะฉันปลดตัวเองออกจากการเป็นขี้ข้าของพวกคุณแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้พวกคุณจิกหัวใช้ฉันอีกแล้ว”
ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกา มองมินตราตกใจ
“ทำไมเธอพูดแบบนั้น เราสองคนเห็นเธอเหมือนลูกคนนึงมาตลอด”
มินตรามองธรรมรัตน์อย่างเจ็บปวดพูดอย่างเก็บกด
“ฉันต้องเล่นของเล่นพังๆต่อจากลูกของคุณ คอยถือกระเป๋านักเรียนตามรับใช้ลูกคุณที่โรงเรียน” มินตราตะโกนดังขึ้นน้ำตาคลอ “ตากแดดทำสวน ในขณะที่ลูกคุณเรียนเปียโนในห้องแอร์...ลูกคุณทำผิดแต่คนที่โดนด่ากลับเป็นฉัน แม้แต่ในความฝันฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นอิสระ นอกจากเป็นทาสรับใช้พวกคุณไปจนตาย” มินตราน้ำตาไหล “เนี่ยเหรอสิ่งที่คุณทำกับคนที่คุณรักเหมือนลูก”
ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกามองมินตราอย่างรู้สึกผิด
“พวกเราทำให้เธอเจ็บปวดมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่...แล้วก็ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทำให้พวกคุณเจ็บปวดบ้าง”
ท่านหญิงมาณวิกามองมินตราอย่างตกใจ
“เธอจะทำอะไร...หรือที่ยัยมัทหายไปเป็นฝีมือเธอ...บอกมานะว่ายัยมัทอยู่ที่ไหน”
มินตรายิ้มเยาะไม่ตอบ บุหลันเดินเข้ามา มินตรายิ้ม
“องค์ราชินีส่งคุณบุหลันมารับฉันแล้ว...จำไว้นะว่าฉันไม่ใช่ขี้ข้าของคุณอีกแล้ว”
มินตราเดินออกไป ท่านหญิงมาณวิกาจะตาม
“บอกฉันมาว่ายัยมัทอยู่ที่ไหน...มินตราบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
มินตราสะบัดมาณวิกาจนเซ แล้วเดินไป บุหลันมองมินตราแบบเพิ่งรู้สันดานวันนี้ ธรรมรัตน์เข้าประคองท่านหญิงมาณวิกา บุหลันมองอย่างสงสาร
“คุณมัทอยู่ในที่ๆปลอดภัย ฉันบอกได้แค่นี้ค่ะ”
บุหลันเดินออกไป ท่านหญิงมาณวิกาเครียดจนเป็นลม ธรรมรัตน์รีบเข้ามาประคองอย่างตกใจ
มัทนาถูกขังอยู่ในห้องหนึ่งของตำหนักเจ้าชายมาคี...มัทนาทุบประตูอย่างโมโห
“ฉันจะไปหาเจ้าชาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้...เปิด”
ทหารเปิดประตูออก มัทนายิ้มดีใจจะเดินออกไป ชวาลถือถาดอาหารมาขวาง
“อ๊ะๆ เปิดให้ผมเข้ามาครับไม่ได้เปิดให้คุณออกไป”
ชวาลเดินเข้ามาทหารปิดประตู มัทนามองไม่พอใจ
“เชิญรับประทานอาหารครับ” ชวาลวางถาดอาหารลง
“ฉันไม่กิน ฉันจะไปหาเจ้าชาย”
มัทนาเดินไปที่ประตู ชวาลไปขวาง
“ไปไม่ได้ครับ”
มัทนามองชวาลไม่พอใจโน้มคอมาตีเข่าอย่างแรง ชวาลจุกกุมท้องลงไปนอนกองกับพื้น
“โอ้ย”
มัทนามองชวาลยิ้มสะใจจะเดินออกจากประตู ทหาร 2 นายชักปืนมาจ่อทันที มัทนาชะงัก
ในห้องประชุมของวังรายา...พระนางสาวิตรีนั่งหัวโต๊ะ เสนาอำมาตย์นั่งเรียงลำดับขั้นตามตำแหน่ง กรมวังสีหน้ากังวล นายพลวิฑูรยืนประกาศ
“องค์ราชาทรงพระประชวร ออกว่าราชการไม่ได้จึงทรงมอบหมายให้องค์ราชินีสำเร็จราชการแทน”
“แต่ทำไมถึงไม่มีพระบรมราชโองการละครับ” กรมวังแย้งขึ้น
“องค์ราชาขยับพระองค์ไม่ได้ รับสั่งอะไรก็ไม่ได้จะลงพระนามได้ยังไง...หรือว่าท่านสงสัยอะไร
ท่านกรมวัง”พระนางสาวิตรีสวน
กรมวังเงียบ
“ตอนนี้บ้านเมืองระส่ำระสายมีปัญหาหลายอย่างต้องสะสางแต่มีเรื่องนึงที่สำคัญกว่าคือลงโทษไอ้กบฏคามิน”
“กบฏ” รมต.มั่นคงอึ้ง
“คามินลอบเข้าไปปลงพระชมน์องค์ราชาเมื่อคืน โชคดีที่ถูกจับได้ซะก่อน” นายพลวิฑูรบอกทุกคน
ทุกคนตกใจ ส่วนใหญ่มองกันแบบไม่เชื่อ รมต.คนหนึ่งพูดขึ้น
“ท่านคามินจงรักภักดีมาก เกล้ากระหม่อมเกรงว่าจะมีการเข้าใจผิด”
“ท่านคิดว่าองค์ราชินีทรงปรักปรำคามินเหรอ” นายพลวิฑูรตวาด
เงียบ จ๋อยกันไป พระนางสาวิตรีกวาดตามองด้วยสายตาวางอำนาจ
“มีใครจะโต้แย้งอะไรอีกมั้ย”
ทุกคนเงียบไม่กล้าพูด พระนางสาวิตรีกับนายพลวิฑูร ยิ้มเยาะสะใจ
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
บริเวณสวนในตำหนัก...พระนางสาวิตรีกับนายพลวิฑูร เดินคุยกันอย่างสะใจ
“กำจัดศัตรูคนสำคัญได้แล้วก็เหลือแค่จัดพิธีให้มาคีขึ้นครองบัลลังก์เท่านั้น”
นายพลวิฑูรมองพระนางสาวิตรียิ้มสมใจ
“เพราะความกล้าหาญในการตัดสินพระทัยของฝ่าบาทจึงได้อำนาจมาอยู่ในกำมือ...” นายพลวิฑูรยื่นซองยา “เพื่อความปลอดภัยขององค์เองต้องให้องค์ราชาเสวยไปเรื่อยๆอย่าให้ขาดนะพะยะค่ะ”
พระนางสาวิตรีรับซองยาหนักใจ
“แน่ใจนะว่า อาการของเสด็จพี่จะไม่แย่ไปกว่านี้”
“แน่ใจพะยะค่ะ เกล้ากระหม่อมรับรอง”
นายพลวิฑูรมองพระนางสาวิตรียิ้มสมใจ
ในคุก...เหมันต์มองไปที่ทหารอย่างระวังแล้วกระซิบคามิน
“คุณอยู่ในวังนี้มาตั้งแต่เกิดต้องรู้จักทางหนีทีไล่วังนี้อย่างดีแน่ๆ...รู้มั้ยว่าจะออกจากคุกนี่ได้ยังไง”
“รู้”
“อ้าว...แล้วยอมให้โดนขังอยู่ทำไมทั้งคืนละครับ หนีสิผมจะได้ออกไปด้วย”
“คุณมัทไปทูลเจ้าชายแล้วว่าทรงถูกท่านวิฑูรหลอกใช้ ตอนนี้เจ้าชายคงกำลังหาทางช่วยผมอยู่...ถึงเวลานั้นคุณก็จะเป็นอิสระพร้อมกับผม”
เจ้าชายมาคีเดินมาอย่างโกรธจัด สินธรเดินตามมามองคามินที่อยู่ในคุกอย่างร้อนใจ คามิน กับเหมันต์มองเจ้าชายมาคีอย่างดีใจ
“เจ้าชายมาช่วยเราอย่างที่คุณบอกจริงๆด้วย”
ลานลงฑัณฑ์...ทหารยืนอารักขา สินธรยืนมองอย่างร้อนใจ คามินถอดเสื้อมีเชือกผูงโยงกับเสา
สินธรเดินมาพูดกับเจ้าชายมาคี
“ท่านคามินจงรักภักดีไม่มีวันทำร้ายองค์ราชาแน่นอน ขอทรงพิจารณาด้วยพะยะค่ะ”
“เข้าข้างกบฏ อยากโดนข้อหาเดียวกับมันใช่มั้ย”
“สินธร...นายไม่เกี่ยวข้องหลีกไปซะ” คามินแทรกขึ้น
สินธรมองคามินลังเล คามินดุ
“สินธร”
สินธรจำใจเดินออกไป
“สารภาพมานายคิดฆ่าเสด็จพ่อใช่มั้ย”
“กระหม่อม ไม่ได้ทำ ทั้งหมดเป็นแผนของท่านวิฑูร”
เจ้าชายมาคีฟาดแส้ลงลำตัวคามินอย่างทั้งโกรธทั้งเสียใจ คามินสะดุ้งเฮือกแต่ไม่ร้องสักแอะ
“ถ้าไม่อยากโดนประหาร ก็พูดความจริง นายคิดเป็นกบฏใช่มั้ย”
คามินมองเจ้าชายมาคีอย่างผิดหวัง
“ฝ่าบาทตรัสราวกับไม่รู้จักกระหม่อม”
เจ้าชายมาคีเจ็บปวดใจ
“ถ้าเรารู้จักนาย เราคงไม่ต้องเสียใจอย่างนี้”
เจ้าชายฟาดแส้ใส่คามินอย่างบ้าคลั่ง
“บอกมาสิว่านายคิดฆ่า เสด็จพ่อ ยึดราชบัลลังก์ไปจากเรา นายคิดทรยศเราอยู่ตลอดเวลา สารภาพออกมา”
คามินสะดุ้ง กัดฟันเงียบ ไม่ตอบ สินธรกำมือแน่น แค้นสุดๆ เจ้าชายมาคีมองคามินอย่างโมโหเดินไปตะโกนใส่หน้า
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ...เราอยากให้ชาวรายาที่หลงคิดว่านายเป็นวีรบุรุษมาเห็นนายตอนนี้จริงๆพวกเขาจะได้รู้ซะทีว่านายมันก็แค่ไอ้คนขี้ขลาด”
คามินมองเจ้าชายมาคีอย่างเสียใจ
“ตอนนี้คำพูดของกระหม่อมคงไม่มีความหมาย สำหรับฝ่าบาท กระหม่อมเลยไม่รู้จะพูดไปเพื่ออะไร”
เจ้าชายมาคีมองคามินเจ็บปวดน้ำตาคลอ
“เพื่อให้เราเข้าใจนายขึ้นไง...” เจ้าชายมาคีเขย่าคามิน “พูดมา พูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้เรารู้จักนายดีขึ้น พูดอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เราหายเสียใจ พูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้เราหายเจ็บปวด”
เจ้าชายมาคีหยิบโทรศัพท์มัทนาที่เปิดรูปไว้แล้วปาใส่
“จากการกระทำของคนที่เรารักเหมือนพี่ชายอย่างนาย”
เจ้าชายมาคีร้องไห้อย่างเจ็บปวด คามินมองรูปในโทรศัพท์อย่างตกใจมองเจ้าชายมาคีอย่างรู้สึกผิด
“ฝ่าบาท”
สินธรมองรูปในโทรศัพท์อย่างตกใจ
“พูดมาสิว่าทำแบบนี้ทำไม”
“กระหม่อมสมควรตาย”
เจ้าชายมาคีมองคามินอย่างเจ็บปวด
“พูดอย่างนี้แสดงว่ายอมรับผิดทุกอย่าง ดี นายได้ตายสมใจแน่...สินธรเอามันไปขังรอประหาร”
สินธรมองเจ้าชายมาคีอย่างตกใจ เจ้าชายมาคีฟาดแส้ไปที่หน้าคามินเป็นรอย เลือดไหล อย่างแค้นใจแล้วเดินออกไป คามินมองตามอย่างรู้สึกผิดมาก น้ำตาไหล
สินธรคุมตัวคามินเดินมาที่ประตูคุก เลือดเกรอะกรังเสื้อ ทหารเดินตามมาห่างๆ สินธรกระซิบ
“ผมจะช่วยท่าน”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” คามินรู้สึกผิด
“ฉันทำให้เจ้าชายเสียใจก็สมควรแล้วที่ต้องถูกลงโทษ...ถวายอารักขาเจ้าชายด้วยชีวิต อย่าทำให้เจ้าชายผิดหวังเหมือนที่ฉันทำ”
มัทนานั่งหน้าเครียด ประตูถูกเปิดออก เจ้าชายมาคีเดินเข้ามา มัทนารีบวิ่งไปหา
“เจ้าชาย หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล”
“ผมรู้ความจริงหมดแล้ว”
มัทนาดีใจ
“ทรงทราบแล้วใช่มั้ยเพคะ ว่าทั้งหมดเป็นแผนของท่านวิฑูร ท่านวิฑูรส่งคนไปฆ่าฉันกับคามิน ท่านวิฑูรคิดกบฏ...คามินไม่ผิด ปล่อยตัวคามินเถอะเพคะ”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างเจ็บปวด
“ห่วงคามินเหลือเกินนะ...คงรักคามินมากใช่มั้ย”
มัทนาชะงักรู้แล้วว่าเจ้าชายมาคีรู้เรื่องตัวเองกับคามิน
“ดูจากท่าทางฝ่าบาทคงทรงทราบความจริงหมดแล้ว จะทรงถามหม่อมฉันอีกทำไมเพคะ”
“ผมอยากรู้ว่าคุณหลอกผมทำไม”
“หม่อมฉันไม่เคยคิดอยากหลอกฝ่าบาท ถ้าทรงทบทวนดีๆฝ่าบาทคงจำได้ว่าหม่อมฉันทำทุกอย่างเพื่อให้การแต่งงานถูกยกเลิกตั้งแต่ยังไม่มารายา”
เจ้าชายมาคีเดินไปหามัทนาพูดอย่างแค้นใจ
“แต่ผมรักคุณ...ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคุณ ทำไมคุณถึงไม่รักผม”
“เพราะหม่อมฉันรักคุณคามินหมดหัวใจจนไม่เหลือหัวใจให้ใครอีกแล้ว นี่คือความจริงอีกเรื่องที่อยากให้ทรงทราบ”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างเจ็บปวด
“แล้วคุณยอมแต่งงานกับผมทำไม”
“หน้าที่ไงเพคะ...เพื่อรักษาชื่อเสียงของบ้านเกิดเมืองนอนของหม่อมฉัน เพื่อทดแทนพระคุณบุพการี เพื่อราชบัลลังก์ของรายา”
“ช่างเป็นการเสียสละที่น่ายกย่องเหลือเกิน”
“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ทำให้ทรงเสีย พระทัยฝ่าบาทจะฆ่าหม่อมฉันได้แต่พ่อ แม่ เหมันต์กับพี่มินไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้...ปล่อยพวกเขาไปนะเพคะ”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างเจ็บปวดไม่ตอบ
ในตำหนักราชาอินทรา...พระนางสาวิตรีเอาถ้วยยาจ่อปาก ราชาอินทราเม้มปากอย่างสุดกำลัง พระนางสาวิตรีมองอย่างไม่พอใจบีบแก้มอย่างโมโหแล้วกรอกยาใส่ปาก
“ถ้าเสด็จพี่ไม่รักนังปรารถนากับไอ้คามินมากกว่าหม่อมฉันกับลูก...หม่อมฉันก็คงไม่ต้องใช้ วิธีนี้เพื่อรักษาราชบัลลังก์ให้มาคีหรอกเพคะ”
ราชาอินทราทรมานมากน้ำตาไหลพราก
ตำหนักมัทนา...ท่านหญิงมาณวิกาหน้าตาซีดเซียวนั่งนิ่ง ธรรมรัตน์ถือถ้วยข้าวต้มป้อนให้อย่างเป็นห่วง
“ทานหน่อยเถอะท่านหญิง...ถ้าไม่สบายไป ยัยมัทรู้จะยิ่งไม่สบายใจ”
“ฉันผิดเองที่บังคับให้ลูกมาที่นี่”
“ท่านหญิง”
“ฉันแค่อยากจะทดแทนเรื่องที่ฉันเคยทำให้เสด็จพ่อกับหม่อมแม่เสียพระทัย ที่มาแต่งงานกับคุณอยากให้ลูกเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้อง...ฉันมันเห็นแก่ตัวที่สุด” ท่านหญิงมาณวิการ้องไห้
ธรรมรัตน์ดึงมากอด
“ถ้าท่านหญิงจะผิด ผมก็ผิดกว่าเพราะคำสัญญาเป็นของผม...แต่ผมจะไม่ยอมให้เราผิดพลาดไปมากกว่านี้ เราต้องช่วยลูกให้ได้”
เหมันต์เสื้อผ้าหน้าตามอมแมม โดนทหารเหวี่ยงเข้ามา ธรรมรัตน์มองเหมันต์อย่างดีใจ
“เหมันต์”
ท่านหญิงมาณวิการีบถาม
“ยัยมัทล่ะ”
“ไม่ทราบครับ ผมยังไม่เจอคุณมัทเลย”
มินตราเดินเชิดเข้ามา
“ในฐานะข้ารองบาทองค์ราชินี รับสั่งให้ฉันเป็นตัวแทนมาบอกพวกคุณว่าให้รีบเก็บเสื้อผ้าออกจากรายาเดี๋ยวนี้”
ท่านหญิงมาณวิกาจ้องหน้ามินตรา
“ฉันจะไปจากรายาก็ต่อเมื่อได้พายัยมัทไปด้วย”
“เจ้าชายมาคีฝากรับสั่งมาเหมือนกันว่าคุณมัทจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณมัทจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อรอรับโทษ”
“มัทนาเป็นคนไทย รายาไม่มีสิทธิ์ลงโทษลูกสาวฉัน” ธรรมรัตน์โวย
มินตรายิ้มกวน
“อันนี้ก็ไม่รู้สิคะ...ฉันรับถ่ายทอดมาแค่นี้ แต่ก็อยากจะขอเตือนว่า ความยิ่งใหญ่ในเมืองไทยมันใช้ไม่ได้กับที่นี่ ทางที่ดีรักษาชีวิตไว้กลับไปวางอำนาจที่เมืองไทยดีกว่า”
มินตราเดินออกไป เหมันต์แค้น
“เธอมันคนอกตัญญู ฟ้าดินต้องลงโทษเธอ...”
มินตราหันขวับมา
“แล้วตอนที่ฉันทำดี ทำไมฟ้าดินไม่ให้รางวัลฉันบ้างล่ะ”
ธรรมรัตน์ จับแขนเหมันต์ทำนองว่าปล่อยเขา...
รถตู้วิ่งไปตามถนน สุเทษเป็นคนขับรถมองผ่านกระจกมองหลังจ้องธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกา
เหมันต์อย่างมาดร้าย สุเทษเบรกรถกะทันหันจนทุกคนหน้าทิ่ม ท่านหญิงมาณวิการ้องลั่น
“ว้าย”
ธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกา เหมันต์เงยหน้าขึ้น ยักษ์คลุมหน้า ยืนถืออาก้า กับลูกน้องขวางถนนไว้
“อะไรกัน นั่นใคร” ท่านหญิงมาณวิกาตกใจ
ยักษ์กับลูกน้องยิงไปที่ถนนหน้ารถ สนั่นหวั่นไหว สุเทษแกล้งตะโกน
“เราถูกดักปล้น”
สุเทษถอยรถยาวไปอย่างรวดเร็ว แล้วหักเข้าป่าข้างทางก่อนจอด พวกยักษ์วิ่งตาม...
“พวกเราต้องหนี เร็วครับ”
สุเทษโดดลงจากรถ ไปเปิดประตูให้พวกธรรมรัตน์ลงมา ท่านหญิงมาณวิกาตกใจมาก
“แล้วจะหนีไปไหน” ธรรมรัตน์ถามขึ้น
“ตามผมมา”
ธรรมรัตน์ประคองมาณวิ่งตามสุเทษ เหมันต์รั้งท้าย มองรอบๆสงสัยมาก ก่อนวิ่งตาม
ทั้งหมดวิ่งไปจนถึงหลุมดินใหญ่ เหมันต์กวาดตามอง
“แถวนี้ไม่เห็นมีที่ซ่อนเลย”
“มีซิ นี่ไง”
สุเทษชี้หลุม ธรรมรัตน์ชะงัก
“หมายความว่าไง”
สุเทษยิ้มเยาะ
“ท่านวิฑูรอยากให้ท่านพักผ่อนอย่างสงบ อยู่ที่นี่เพื่อรอลูกสาวของท่าน”
เหมันต์ชักปืนจ่อ
“มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก...ฉันสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมถึงไม่มีทหารมาคุ้มกันพวกเราเลย..ท่านประธานกับท่านหญิงหนีไปครับ”
ท่านหญิงมาณวิกาตกใจ
“เหมันต์”
“เร็วซิครับ”
“ขอบใจ ลูกชาย” ธรรมรัตน์ซาบซึ้ง
ธรรมรัตน์ฉุดมาณวิ่งหนีไป สุเทษโกรธ
“แกนี่มันเป็นหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์จริงๆ”
“ฉันไม่ได้รับใช้ใคร แต่ฉันอยู่ข้างความถูกต้อง ดีกว่าพวกหมาที่มันกัดคนไม่เลือก”
สุเทษหมั่นไส้พลิกตัวเตะจระเข้ฟาดหาง ปืนเหมันต์หลุดกระเด็น แล้วอัดจนเหมันต์ร่วงไป ก่อนจะถูกถีบลงไปในหลุม ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกาถอยหลังเข้ามาอีกครั้ง เพราะโดนพวกยักษ์ ดักเดินไล่กลับมา สุเทษสั่งการ
“จัดการ”
ยักษ์จะเหนี่ยวไก แต่หอกสั้นพุ่งเข้าใส่มือยักษ์อย่างแรง ยักษ์ร้องเจ็บปวดปืนกระเด็นหลุดจากมือ ฐากูร เมฆา วายุโดดเข้ามา เมฆาใช้หอกสั้นอีกข้างเข้าจู่โจมสุเทษหลบอย่างคล่องแคล่วแต่ด้วยฝีมือที่เหนือชั้นกว่าของเมฆา แทงเฉี่ยวท้องสุเทษเลือดไหลโชก สุเทษมองท้องตัวเองอย่างตกใจ ขณะที่ฐากูร วายุเข้าจัดการกับยักษ์และลูกน้องด้วยมีดและมวยรายาแบบที่ทั้งหมดไม่ทันตั้งตัว ทุกคนโดนถีบลงหลุมไปแทน ยกเว้นสุเทษที่ทรุดลงไปก่อน เมฆาเข้ามาหาธรรมรัตน์
“พวกคุณเป็นใคร” ธรรมรัตน์ถามงงๆ
“อย่าเพิ่งถามรีบไปก่อน”
เมฆาขว้างระเบิดควัน ควันจาง กลุ่มพวกธรรมรัตน์และเมฆาหายไป สุเทษเจ็บใจ แต่เจ็บแผลลุกไม่ไหว
“รีบตามมันไปซิ เร็ว”
พวกยักษ์ตะเกียกตะกายขึ้นจากหลุม
บ้านนายพลวิฑูร...อสิตเดินมาหานายพลวิฑูรที่กำลังดูพลอยก้อนที่ยังไม่ได้เจียระไน
“ป่านนี้คนของผมคงจัดการทุกอย่าง เรียบร้อยตามที่ท่านต้องการแล้ว”
“ดี...”
“แต่ว่าผมสงสัย ทำไมเราต้องจัดการกับพ่อแม่ของมัทนาด้วย สองคนนั่นไม่มีพิษสงอะไรเลย”
“ไม่มีอะไรอันตรายเท่าลมปากของคน ผมแค่ไม่ต้องการให้เรื่องราวภายในรายาเล็ดรอดออกไป หรือ เสี่ยมีวิธีปิดปากที่ดีกว่านี้”
นายพลวิฑูรยื่นพลอยให้อสิตๆหายสงสัยทันที
“ไม่มี...ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ แบบนี้ง่ายที่สุดแล้วละครับ”
อสิตเดินถือพลอยออกไปสวนกับเทวี ค้อมหัวนิดนึงแล้วเดินผ่านไป เทวีมองพลอยในมืออสิต
“ท่านพี่ ท่านพี่ให้พลอยก้อนเสี่ยนั่นทำไม ตั้งแต่มาถึงน้องไม่เห็นมันจะทำอะไรสำเร็จสักอย่างแถมยังเอาลูกปัญญาอ่อนมาให้เราดูแล เปลืองข้าวเปลืองน้ำเปล่าๆ”
“พลอยในรายามีเยอะยิ่งกว่าก้อนกรวด แลกกับที่ไม่ต้องลงมือเอง คุ้มเกินคุ้ม เธอควรจะไปจัดการเรื่องที่สำคัญกว่า”
“เรื่องอะไรคะ”
“นังลูกไม่รักดีของเธอไง”
เทวีครุ่นติด
ในคุก...หฤทัยเดินถือกล่องอาหารเข้ามาพูดกับทหาร
“ฉันมาเยี่ยมท่านคามิน”
“มีคำสั่งห้ามเยี่ยมครับ”
“ฉันรู้ แต่คุณก็ควรจะรู้เหมือนกันว่าฉันเป็นลูกใครควรขัดใจฉันมั้ย หรือจะให้ฉันบอกท่านพ่อ”
ทหารมองหฤทัยอย่างกลัวๆ
หฤทัยยื่นกล่องอาหารที่มีอาหารให้ คามินมองหฤทัยอย่างขอบคุณแต่ไม่รับกล่องอาหาร
“เจ้าชายมีรับสั่งว่าให้งดอาหารและน้ำนักโทษ หฤทัยเอาอาหารมาให้พี่จะถูกลงโทษได้ เก็บไปเถอะ”
“เจ้าชายทำให้ฤทัยเสียใจมามากแล้ว โดนเจ้าชายลงโทษอีกสักครั้งฤทัยคงไม่ตายหรอกค่ะ...ทานเถอะนะคะ”
คามินรับกล่องอาหารมาอย่างซึ้งใจ
“ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง”
หฤทัยมองทหารอย่างระวังแล้วพูดกับคามิน
“องค์ราชินีบอกว่าองค์ราชาทรงพระประชวร หมอหลวงกำลังรักษาอาการอยู่เลยต้องสำเร็จราชการแทน ท่านโภคินถูกจับ แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกคุมตัวอยู่ที่ไหน”
คามินมองฟ้าอย่างอ้อนวอน
“ขอเทพเจ้าทุกพระองค์คุ้มครององค์ราชา ท่านโภคินและรายาด้วย”
หฤทัยมองคามินอย่างสงสาร
“ถามถึงแต่คนอื่น พี่คามินจะไม่ถามถึงคุณมัทบ้างเหรอคะ”
คามินไม่ตอบ
ตำหนักเจ้าชายมาคี...มัทนาถูกดึงตัวโดยเรณูกับนางกำนัลเข้ามาในห้องน้ำที่ลอยเครื่องหอมไว้ในอ่าง บุหลันรออยู่
“ไม่ฉันไม่อาบน้ำ แต่งตัวอะไรทั้งนั้น ฉันไม่มีอารมณ์จะสวยงามอะไรแล้ว”
“แต่นี่เป็นพระประสงค์ของเจ้าชายมาคี อย่าขัดขืนเลยคะ”
“ก็ไปทูลเจ้าชาย ว่าฉันไม่ทำ จะลงโทษ เอาฉันไปเฆี่ยนไปฆ่ายังไงก็เชิญ”
“เจ้าชายคงไม่ทำอะไรคุณหรอกค่ะ แต่ฉันกับเรณูแล้วก็นางกำนัลทุกคนคงต้องถูกลงโทษ”
มัทนาอึ้ง
“ที่คุณยอมอยู่ข้างองค์ราชินี ก็เพราะคุณกลัวจะถูกลงโทษแค่นั้นเหรอ”
“ค่ะ...แล้วฉันก็ขอเตือนคุณไว้ว่า ในสภาวะตอนนี้ สิ่งที่ต้องรักษาไว้ให้ได้ก็คือชีวิต...เพราะคนตายไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย”
มัทนาเริ่มคล้อยตาม รู้สึกบุหลันเตือนทางอ้อม
ในตำหนักพระนางสาวิตรี มินตรายืนคุยกับนางกำนัล
“เจ้าชายชอบเสวยอะไร”
“อาหารไม่รู้ รู้แต่ชอบเสวยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด...ถามเรื่องเจ้าชายตั้งหลายอย่างแล้วเธอจะถามเรื่องเจ้าชายไปทำไม”
“ก็ ก็องค์ราชินีให้ฉันช่วยดูแลเจ้าชายด้วย รู้ข้อมูลไว้จะได้ถวายงานถูกพระทัยไง”
นางกำนัลอีกคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นี่พวกเธอ...ข่าวใหญ่จ้ะข่าวใหญ่...นางกำนัลที่ตำหนักเจ้าชายเล่าให้ฉันฟังว่าคุณบุหลันกำลังจับคุณมัทนาขัดเนื้อขัดตัวพรมน้ำหอมจนหอมฟุ้งแล้ว จะเอาคุณมัทเข้าถวายตัวให้เจ้าชายคืนนี้”
มินตราโมโห
“เอามัทนาถวายตัวให้เจ้าชายงั้นเหรอ”
บุหลันเดินนำมัทนาที่แต่งตัวเซ็กซี่เกาะอก เข้ามาในห้องเจ้าชายมาคี
“ทำไมต้องแต่งชุดแบบนี้ จะมีงานเลี้ยงอะไรเหรอคะ”
บุหลันไม่ตอบมองมัทนาอย่างรู้สึกผิดแล้วเดินออกไป มัทนาจะเดินตามประตูถูกปิด มัทนาดึงประตูแต่เปิดไม่ออก
“ขังฉันไว้ในนี้ทำไม เปิดเดี๋ยวนี้”
“เพราะผมอยากอยู่กับคุณสองคน”
มัทนาหันไปเห็นเจ้าชายมาคีใส่กางเกงนอนเสื้อคลุมหรู เปิดเห็นแผงอกยืนอยู่ มัทนามองอย่างตกใจ
“เจ้าชาย”
เจ้าชายมาคียิ้มกวนๆ
“อือหือ...” เจ้าชายมาคีเชยคางมัทนา “บุหลันไม่ได้บอกสินะว่าพาคุณมาถวายตัวให้ผม”
มัทนามองอย่างตกใจ
“อะไรนะ”
เจ้าชายมาคีกอดมัทนาอย่างรวดเร็วปล้ำจูบอย่างหื่นกระหาย มัทนาขัดขืนพยายามผลักออก
“อย่านะ...ออกไป”
ชวาลอยู่หน้าห้องแอบฟังอย่างร้อนใจ
“ปล่อยฉัน...ปล่อย”
ชวาลร้อนใจสงสารมัทนา
“เจ้าชายนะเจ้าชาย...ถึงขนาดข่มขืนใจผู้หญิงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษซะเล้ย”
มินตราเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ
“คุณบุหลันพาคุณมัทมาถวายตัวเหรอ”
ชวาลอึ้งไม่กล้าตอบ เสียงมัทนาดังออกมา
“ปล่อยฉัน...บอกให้ปล่อย ช่วยด้วย”
มินตราพูดกับชวาลอย่างตกใจ
“เสียงคุณมัท”
มินตราจะเข้าไปแต่ชวาลขวาง
“จะไปไหนครับ”
“ยังจะมาถาม ไม่ได้ยินเหรอว่าคุณมัทร้องให้ช่วย”
“ได้ยินครับ แต่ว่าชั่วโมงนี้ต่อให้เทพเจ้าเสด็จมาก็ขวางเจ้าชายไม่ได้แล้วละครับ”
“นายไม่รู้ฤทธิ์คุณมัทเหรอไง เจ้าชายอาจจะบาดเจ็บได้นะ แล้วนายรับผิดชอบไหวเหรอ”
ชวาลอึ้ง มองกุญแจในมือ
เจ้าชายมาคีเหวี่ยงมัทนาลงบนเตียงแล้วโถมเข้าหา มัทนาไวกว่าหมุนตัวลงอีกด้านของเตียงคว้าหอกคู่ที่วางอยู่มาด้ามหนึ่ง เจ้าชายมาคีมองยิ้มเยาะ
“แน่ใจเหรอว่าจะสู้ผมได้”
“ก็ลองดู...ถ้าสู้ไม่ได้จริงๆฉันยินดีตาย”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาขำๆเดินเข้าไปหา
“ผมลืมไปว่าคุณใจกล้า...กล้าถึงขนาดรวมหัวกับไอ้คามินทรยศหักหลังผม”
มัทนาถือหอกจ้องอย่างระวัง เจ้าชายมาคีหยิบหอกอีกด้ามขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วฟาดหอกไปที่หอกที่มัทนาถืออย่างแรงหอกในมือมัทนาร่วงลงกับพื้น มัทนาตกใจมาก เจ้าชายมาคีหัวเราะลั่นสะใจ
“ฮะๆ”
แล้วเจ้าชายมาคีก็ต้องชะงักเมื่อมินตราเปิดประตูพรวดเข้ามา มัทนามองมินตราอย่างดีใจ
“พี่มิน”
“เข้ามาได้ยังไง”
ชวาลเข้ามา
“กระหม่อมเปิดให้เองพะยะค่ะ กระหม่อมเกรงว่าคุณมัทจะทำร้ายเจ้าชาย แต่ว่า...”
ชวาลมองหอกในมือมาคีงงๆ มินตราเห็นเจ้าชายมาคีถือหอกก็ได้ทีรีบวิ่งเอาตัวไปบังมัทนา
“อย่าทำอะไรคุณมัทนะเพคะ...ถ้าจะฆ่าคุณมัทก็ต้องฆ่าหม่อมฉันก่อน”
มัทนามองมินตราอย่างซึ้งใจ เจ้าชายมาคีมองมินตราอย่างโมโห
“เราไม่ฆ่าคุณมัทหรอก...เราจะให้คุณมัทอยู่นานๆจะได้เห็นชู้รักที่ชื่อว่าคามินตายตรงหน้า”
มัทนามองเจ้าชายมาคีอย่างตกใจ ชวาลมองไม่สบายใจ เจ้าชายมาคีมองมัทนายิ้มเยาะสะใจ
จบตอนที่ 12