ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 12
ภาวดีเดินไปเดินมาอยู่ภายในบ้าน พลางบ่นด้วยความร้อนใจ
“ฉันล่ะกลุ้มจริงๆ ตารบนะตารบ ยิ่งทำให้เรื่องไปกันใหญ่ บ้านช่องก็มี ริจะไปนอนโรงแรม ไม่นึกถึงหัวอกเมียมั่งเลย”
ทรงยศ ส่ายหน้าช้าๆๆ
“คุณก็จะไปอะไรกับมันนักหนาล่ะ โตๆกันแล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องของครอบครัวเขาเถอะ”
“เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ ไม่ได้การล่ะ เห็นทีจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ตารบจะทำตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไง ไม่งั้นเลิกกันแน่”
ภารดีหน้าเครียด ด้วยความเป็นห่วง
“เลิกไม่เลิกก็เป็นเรื่องของเขาแค่สองคนผัวเมีย เราไม่เกี่ยวนี่”
ภาวดีมองค้อน
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าพวกเขาเลิกกัน แล้วเราจะทำยังไง”
“เราก็กลับไปอยู่ของเราเหมือนเดิม”
ภาวดีเบ้ปาก
“เหมือนเดิมตอนไหน ตอนที่คุณหมดเนื้อหมดตัวแล้วฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ยังไงฉันก็ต้องยึดที่นี่ไว้ให้ได้นานที่สุด คุยกับคุณนี่มันไม่ได้เรื่องเลย ฉันไปคุยกับหนูขวัญดีกว่า”
ภาวดีเดินออกไป ทรงยศมองตามปลงๆ
ภาวดีมาคุยกับสู่ขวัญ วางสีหน้าเหมือนร้อนใจแทน
“หนูขวัญ นี่ตารบยังไม่กลับเหรอ”
“เขาไปนอนที่โรงแรมไงคะ คุณแม่ก็ทราบ ก็ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า” สู่ขวัญตอบหน้านิ่งๆ เหมือนไม่แคร์
“ที่จริงตารบรักหนูขวัญมากนะ”
“รักแล้วทำไมทำอย่างนี้ละคะ” สู่ขวัญย้อนถาม
“หนูขวัญก็น่าจะหายโกรธมันได้แล้ว ยังไงก็ผัวกันเมียกัน ลิ้นกับฟันกระทบกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แม่ว่า แค่หนูยกโทษให้ ขี้คร้านตารบจะรีบกลับ มานอนบ้าน นอนกอดเมียไม่ดีกว่าเหรอ”
“แต่อยู่โรงแรมจะได้กอดสาวๆ ไกลหูไกลตาขวัญไงคะ” สู่ขวัญประชด
“โธ่ เขาก็แค่น้อยใจ ที่หนูไม่ยอมคืนดีซะที เลยประชดไปนอนนอกบ้านซะงั้น แค่จะเรียกร้องความสนใจนั่นแหละ”
“ขวัญไม่สนค่ะ ถ้ารบทำแบบนี้ได้ แสดงว่าไม่เกรงใจกันแล้ว ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัว คุณแม่จะให้อภัยง่ายๆได้ยังไงคะ ขวัญง่วงแล้ว ขอไปอาบน้ำนอนนะคะ”
สู่ขวัญเดินออกไป ภาวดีหน้าเครียด
ปองฤทัยกำลังเก็บดอกไม้เตรียมปิดร้าน ในขณะที่ตาก็ชะเง้อมองไปหน้าร้าน พอเห็นศึกรบเดินเข้ามาในร้าน ปองฤทัย ก็ยิ้ม ดีใจ
“นึกว่าจะมาไม่ทันร้านปิดซะแล้ว โทษทีนะครับ ที่ทำให้ต้องปิดร้านดึกบ่อยๆ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ร้านนี้ปิดไม่เป็นเวลาค่ะ แล้วแต่ว่ามีลูกค้าหรือเปล่า หรือตามใจคนขายน่ะค่ะ”
ศึกรบ ยิ้มกว้าง
“งั้นนับว่าเป็นโชคดีของผม ที่ผ่านมาทีไร ร้านนี้ยังเปิดต้อนรับเสมอ”
ปองฤทัย ก้มหน้าเขิน “ใช่ค่ะ ยินดีต้อนรับคุณศึกรบเสมอ”
ศึกรบ ลอบสังเกต เห็นทีท่าของปองฤทัย ก็นึกรู้ว่าแอบมีใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผมแวะมาทุกวันได้ไหมครับ”
ปองฤทัย ยิ่งเขินหนัก
“วันไหนไม่มา รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง”
ปองฤทัยเขินจัด จนเผลอทำน้ำร้อนหกรดตัวเอง
“อุ๊ย”
ศึกรบรีบเข้าไปช่วย คว้ามือปองฤทัยมาดู
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ โห แดงเลย แสบสิครับเนี่ย”
ใบหน้าของปองฤทัยกับศึกรบ แทบจะแนบชิดกัน
“นิดหน่อยค่ะ”
ศึกรบรีบเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาห่อมือปองฤทัย ที่โดนน้ำร้อน พลางกุมมือไว้
“สักพักค่อยทายาอีกที ทีหลังอย่าซุ่มซ่ามอีกนะ เด็กน้อย”
“ขอบคุณค่ะ”
ปองฤทัยหน้าแดง ยิ้มเขินๆ ศึกรบมองความใสซื่อ ด้วยความรู้สึกประทับใจ
ศึกรบกลับห้องพักโรงแรม ด้วยความรู้สึกอิ่มเอม พลางหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความไลน์ ส่งถึง ปองฤทัย
“ฝันดีนะครับ สาวน้อย”
จากนั้น ก็ส่งข้อความถึงสู่ขวัญด้วย
“กู๊ดไนท์ครับ ภรรยาที่รัก”
เมื่อนึกถึงสู่ขวัญ ศึกรบก็รู้สึกเศร้า
ทางด้านปองฤทัย นั่งมองข้อความไลน์ ที่ศึกรบส่งมา ก็ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ป้อมมองอยู่ นึกว่าเป็นข้อความจากชโยดม
“แหม คุณหมอไปอยู่แดนไกล ยังแอบส่งไลน์มาหาสาวอีก”
“หมอโยคงเหงาน่ะ ไม่มีเพื่อนคุยมั้ง” ประนอม ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เดา
ปองฤทัย ปล่อยให้น้อง และแม่เข้าใจผิดไปโดยไม่บอกว่าใคร
“กินข้าวก่อนลูก แล้วค่อยคุยกัน”
“จ้ะแม่”
ปองฤทัยนั่งเขี่ยข้าวไปมาเหม่อๆ ป้อมสังเกตเห็นเลยแซว
“คนกำลังมีความรักก็อย่างนี้แหละแม่ ไม่ต้องกินก็อิ่ม”
ปองฤทัยตีป้อมเบาๆ ป้อมหัวเราะขำ
ในขณะที่สู่ขวัญ อ่านช้อความไลน์ของศึกรบ ด้วยความดีใจ พลางจะพิมพ์ตอบกลับไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ วางมือถือลงแล้วปิดไฟนอน แต่ก็กลับนอนไม่ค่อยหลับ คิดถึงคำพูดของภาวดี
“หนูขวัญก็น่าจะหายโกรธมันได้แล้ว ยังไงก็ผัวกันเมียกัน ลิ้นกับฟันกระทบกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แม่ว่า แค่หนูยกโทษให้ ขี้คร้านตารบจะรีบกลับมานอนบ้าน นอนกอดเมียไม่ดีกว่าเหรอ”
“แต่อยู่โรงแรมจะได้กอดสาวๆ ไกลหูไกลตาขวัญไงคะ”
“โธ่ เขาก็แค่น้อยใจ ที่หนูไม่ยอมคืนดีซะที เลยประชดไปนอนนอกบ้านซะงั้น แค่จะเรียกร้องความสนใจนั่นแหละ”
สู่ขวัญครุ่นคิดหนัก แต่แล้วก็ตัดสินใจปิดมือถือ ดับไฟ ล้มตัวลงนอน
ไอวี่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่โรงแรมเลอวิมานด้วยความเร่งรีบ พลางรีบแก้ตัวกับเพื่อนร่วมงาน
“ขอโทษนะคะที่มาสายเผอิญรถมันติดน่ะค่ะ”
“สายนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าบ่อยแล้วกันเดี๋ยวเจ้านายมาเห็นเข้ามัน จะไม่ดี”
ไอวี่แอบเบ้หน้าใส่ ก่อนที่จะลงนั่งที่เคาน์เตอร์ พลางควักเครื่องสำอางในกระเป๋ามาเติมหน้า แล้วนั่งชะเง้อรอศึกรบสักพัก เหลือบดูนาฬิกา แกล้งบ่นลอยๆ
“ไอวี่ว่าไอวี่มาสายแล้วนะ คุณรบยังมาสายกว่าไอวี่อีกเหรอเนี่ย”
เพื่อนพนักงานเงยหน้ามาตอบยิ้มๆ “ใครว่าล่ะจ๊ะ คุณรบเขามาก่อนใครเลยด้วยซ้ำ”
“หา จริงเหรอคะ”
“จริงสิ เพราะคุณรบเขาพักที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ยังไงก็อยู่ที่นี่ก่อนใคร อยู่แล้ว”
ไอวี่ตาวาว
“พักที่นี่ พักที่ไหนเหรอคะ”
“ก็ห้องเพนเฮาส์ชั้นบนไง”
“อ๋อเหรอคะ”
ไอวี่ทำเป็นไม่ได้สนใจอะไร แอบมองดูเพื่อนที่กำลังทำงานอยู่แล้วค่อยๆลุกขึ้น แล้วบ่นดังๆ
“อูย ปวดท้องจัง เดี๋ยวมานะคะขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปค่ะ”
“จ้ะๆ”
ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนของโรงแรมเป็นพื้นที่ส่วนของห้องเพนเฮาส์ ไอวี่ก้าวออกจากลิฟต์ เดินมาตามทางเดินที่หรูหรา
“ห้องเพนเฮาส์มีตั้งหลายห้อง แล้วห้องไหนวะ”
ไอวี่หันไปเห็นแม่บ้านกำลังดูดพรมอยู่ตรงทางเดิน ก็ปั้นหน้ายิ้มเข้าไปหา
“เหนื่อยไหมป้า”
“ก็เหนื่อยสิจ๊ะ ทั้งชั้นป้าทำอยู่คนเดียว เมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยก็ไม่รู้ นี่ก็ยังไม่ได้หยุดมือเลยนะเนี่ย ชั้น10 โทรมาตามให้ลงไปอีกแล้ว”
ไอวี่ ทำทีเป็นตกใจ แล้วพูดเสียงดัง “ตายแล้วป้า ทำคนเดียวทั้งชั้นเนี่ยนะไม่ไหวมั้งแบบนี้ ต้องร้องเรียนแล้วล่ะป้า”
ป้าแม่บ้านตกใจลุกลี้ลุกลนเมื่อไอวี่ส่งเสียงดัง พลางจุ๊ปากให้พูดเบาๆ
“เบาๆค่ะ เบาๆ เดี๋ยวคุณศึกรบได้ยินเข้าจะเป็นเรื่อง”
ไอวี่ แกล้งแปลกใจ “ อ้าว คุณรบอยู่ที่ชั้นนี้เหรอคะ”
“ก็อยู่ห้องนี้แหล่ะค่ะ” ป้าแม่บ้านชี้มือประกอบคำพูด ไอวี่แอบยิ้มพอใจ “ขืนคุณศึกรบมาได้ยินเข้าจะเป็นเรื่องเปล่าๆ ป้ายังไม่อยากถูกไล่ออกตอนนี้”
“หนูขอโทษค่ะ หนูแค่อยากจะช่วยป้าน่ะ”
“ขอบใจนะแม่หนู ป้าว่าป้าไปทำงานต่อก่อนดีกว่า”
ไอวี่ยิ้มหน้าบาน
“จ้ะป้า ดีดีนะมีอะไรให้ช่วยบอกนะป้า”
“จ้ะแม่คุณ”
ป้าแม่บ้านหิ้วอุปกรณ์เดินลงบันไดไป ไอวี่หันมองทางห้องที่ป้าชี้ให้ดู พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
ไอวี่เดินมาหยุดยืนที่หน้าห้องพักของศึกรบ พลางเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงกุกกักยู่ภายใน จึงแกล้งลงไปนั่งกับพื้นหน้าห้อง แล้วจัดท่าทางเหมือนคนหกล้ม ขยับเสื้อให้เข้าที่เห็นร่องอกนิดๆ ขยับกระโปรงสูงขึ้น
“โอ๊ย” พลางแกล้งดันประตูให้เสียงดัง
ศึกรบกำลังผูกไทด์อยู่ในห้อง ได้ยินเสียงร้องหน้าห้อง ก็รีบไปเปิดประตู เห็นไอวี่นั่งทรุดอยู่หน้าห้องก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ไอวี่หันมองศึกรบทำท่าจะลุกแต่ล้มลงอีก ทำมารยาว่าข้อเท้าพลิก
“โอ๊ย เจ็บจังค่ะ”
ไอวี่พยายามจะลุกขึ้น ศึกรบห้าม
“อยู่นิ่งๆครับ อย่าเพิ่งขยับนะครับ”
ไอวี่แสร้งพยายามฝืนลุกขึ้นมาแล้วเซ ศึกรบรับไว้ได้ทัน ไอวี่อยู่ในอ้อมกอดของศึกรบ พลางทำท่าทางสำออยว่าเจ็บหนัก
“ผมว่าข้อเท้าคุณคงพลิกน่ะครับ ผมว่าถอดรองเท้าออกก่อนดีกว่านะครับ ขออนุญาตนะครับ”
ศึกรบถอดรองเท้าข้างที่เจ็บให้ไอวี่
“เจ็บมากใช่ไหมครับ”
“ค่ะ พอเท้าแตะพื้นก็เจ็บแปล๊ปขึ้นมาเลยค่ะ”
“เออ ในห้องผมพอจะมียาทา ถ้างั้นลองทายาดูก่อนดีกว่านะครับถ้าไม่หาย ค่อยไปหาหมอให้ดูให้ อีกที”
ศึกรบประคองไอวี่ลุกขึ้น แล้วพาเข้าไปในห้อง ไอวี่แอบยิ้ม
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศึกรบเอายานวดข้อเท้าให้ไอวี่ พลางถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไง รู้สึกดีขึ้นไหม เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยบวมเท่าไหร่แล้วนะ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะคุณรบ ขอบคุณมากนะคะ”
ศึกรบนวดเสร็จ ก็ลุกเดินเอายาไปเก็บ ไอวี่ทำทีเป็นลุกขึ้น แล้วแกล้งล้มลงไปอีก ศึกรบหันไปทันพอดี รีบเข้าไปประคอง
“อย่าเพิ่งรีบลุกสิ นั่งสักพักก่อน”
“แต่ไอวี่ไม่อยากรบกวนคุณนานนี่คะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้รีบไปไหน นวดต่อสักพักน่าจะดีขึ้นกว่านี้”
ศึกรบนวดที่ข้อเท้าไล่ขึ้นมาถึงช่วงน่อง ไอวี่ทำทีท่าเขินอาย ในขณะที่พยายามอ่อยอยู่ตลอดเวลา
“โอ๊ะๆ เจ็บค่ะ”
“ขอโทษครับเดี๋ยวผมจะทำเบาๆกว่านี้นะครับ”
“ค่ะ”
ศึกรบนวดไล่ช่วงข้อเท้าไปจนน่องไปเลื่อย ไอวีแอบมอง ศึกรบหันมาเจอสายตาของไอวี่ที่จ้องมอง ทั้งสองคนสบตากัน ศึกรบหยุดมือ พลางส่งสายตาเจ้าชู้ ไอวี่ทำเคลิ้ม ก่อนที่ใบหน้าของทั้งบคู่ จะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจนริมฝีปากใกล้จะสัมผัสกัน ไอวี่แกล้งยั้งเอาไว้
“เอ่อ ไอวี่ต้องขอตัวก่อนนะคะ”
ศึกรบผงะรู้สึกตัว รีบกลบเกลื่อนความรู้สึก ทำเป็นยิ้มรับ
“คุณไหวแน่นะครับ”
“ไหวค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไอวี่”
ไอวี่ค่อยๆลุกขึ้นให้เห็นว่าค่อยยังชั่ว ก่อนจะยิ้มให้แล้วค่อยๆ เดินออกไป ศึกรบมองตามรู้สึกเก้อๆ ที่ปล่อยให้อารมณ์พาไป
ปองฤทัยตื่นแต่เช้า ลงมาชั้นล่างของบ้าน สีหน้าสดชื่น พลันได้ยินเสียงจักรเย็บผ้าดัง
“เสียงจักรนี่”
ปองฤทัย รีบเดินไปดู เห็นประนอมยังนั่งเย็บผ้าอยู่ ปองฤทัยเข้าไปห้าม
“แม่ แม่จ๊ะ ทำไมมานั่งเย็บผ้าอยู่อีกล่ะ หยุดก่อนเถอะจ้ะ ถ้าอาการกำเริบจะทำยังไง”
“ไม่ได้หรอกปอง เขาสั่งไว้ ต้องรีบส่ง แม่จะหยุดได้ยังไง”
“นี่เมื่อคืนแม่ไม่ได้นอนใช่ไหม” ปองฤทัยถามด้วยความเป็นห่วง
ประนอมไม่ตอบ พลางนั่งเย็บผ้าต่อไป
“แม่พักเถอะ เดี๋ยวปองช่วยแม่เอง นะจ๊ะ”
ประนอม มองลูกสาวยิ้มๆ
“งานแม่ เสื้อนี่แม่ก็ตัดตั้งแต่แรก เราจะมาทำต่อได้ยังไง”
“โธ่ แม่จ๋า ฟังปองบ้างสิ”
“ปองน่ะแหละที่ต้องฟัง นี่งานแม่ เราไปเตรียมร้านเถอะไป แม่จะจัดการเอง”
ปองฤทัยยืนมองสักพัก ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
“ ทำไมแม่ไม่ฟังปองบ้าง ปองอยากให้แม่พักเพราะปองเป็นห่วงแม่ แม่เข้าใจปองบ้างสิ”
ปองฤทัยเสียงสั่น น้ำตาก็ค่อยๆไหล
“ปองไม่อยากเห็นแม่ไม่สบาย ไม่อยากเห็นแม่เป็นอะไร แม่อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ ปองขอร้อง”
ประนอมชะงักมือ เมื่อเห็นปองฤทัยเริ่มสะอึกสะอื้น พร้อมๆ กับที่ป้อม เดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“พี่ปอง เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมแม่มาอยู่ที่นี่ล่ะ”
ป้อมทำหน้าสงสัย ประนอมรีบพูดตัดบท
“แม่ง่วง จะไปนอนแล้ว”
“หา นี่แม่ยังไม่ได้นอนเลยเหรอ” ป้อมมองหน้ามารดางงๆ
“ป้อม พาแม่ขึ้นไปห้องด้วย”
ป้อมพาประนอมขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่ปองฤทัยเดินไปนั่ง สงบสติอารมณ์
แสงดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พลางชะเง้อมองศึกรบ
“คุณรบยังไม่มาอีกเหรอ”
แสงดาวดูนาฬิกา สีหน้าเป็นกังวล
“หรือจะตื่นสาย?”
พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหาศึกรบ แต่ไม่มีใครรับ ลองโทร. ซ้ำอีกสองสามครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม
“ทำไมคุณรบไม่รับโทรศัพท์”
เมื่อติดต่อศึกรบไม่ได้ แสงดาวตัดสินใจจะขึ้นไปดูที่ห้องพัก พลางเดินมาหยุดรอลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออก ก็เห็นไอวี่ ที่กำลังจัดเครื่องแต่งกายเข้าที่ เดินยิ้มมีความสุขออกมา
แสงดาวจ้องมองไอวี่ออกมาจากลิฟต์ รีบปรี่เข้าไปหา
“เธอ เธอน่ะ”
ไอวี่ได้ยิน หันไปหาแสงดาว
“คะ? อ้าว คุณแสงดาวมีอะไรเหรอคะ”
“ไปไหนมา ที่ทำงานของเธออยู่ตรงโน้นไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อคือหนู” แกล้งทำทีท่ามีพิรุธ “ไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ”
แสงดาวมองไอวี่แบบไม่เชื่อในคำพูด เพราะลิฟต์ลงมาจากชั้นบน
“ห้องน้ำทำไมต้องไปเข้าชั้นบนด้วย”
“ก็ชั้นล่างแม่บ้านทำความสะอาดอยู่นี่คะ”
“คราวหลังให้ใช้เป็นสัดเป็นส่วนด้วย ไม่ใช่ว่านึกจะไปตรงนั้นตรงนี้ได้ตามอำเภอใจ ผู้ใหญ่มาเห็นเข้าจะไม่ดีเข้าใจไหม”
ไอวี่ยิ้มนิดๆ ก่อนตอบ
“แต่ถ้าผู้ใหญ่อนุญาตไอวี่สามารถใช้ได้ใช่ไหมคะ”
แสงดาวมองไอวี่ไม่พอใจ พลางเริ่มรู้สึกหวาดระแวง
“ไอวี่ขอตัวทำงานก่อนนะคะ”
ไอวี่ยิ้มยั่วแล้วเดินเลี่ยงไป
แสงดาวเดินกลับมาที่ออฟฟิศ พยายามไม่แสดงออกว่าไม่พอใจไอวี่ พลันก็เห็นศึกรบเดินทำหน้าเครียดๆ ตรงเข้ามา แสงดาวรีบเดินเข้าไปหาทันที
“คุณรบมาแล้วเหรอคะ”
“อ้อ คุณดาว ผมขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสาย พอดีติดธุระอยู่น่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พลางลอบสังเกตศึกรบ “คุณรบไม่สบายรึเปล่าคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ผมเหรอ อืม ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
“กินยาไหมคะคุณรบ เดี๋ยวดาวเอายาให้”
“ก็ดีนะ ขอบคุณนะครับ ผมเข้าไปห้องก่อน คุณตามเข้าไปแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
ศึกรบเดินเข้าห้องไป แสงดาวแอบมองสงสัย จากนั้นก็รีบเดินไปหยิบยามาให้ศึกรบ
ปองฤทัยนั่งเย็บผ้าแทนประนอม ป้อมเดินเข้ามา
“พี่ปอง ดอกไม้มาส่งแล้วนะ จะให้เปิดร้านเลยรึเปล่า”
“เปิดแต่ร้านกาแฟก่อนก็ได้ป้อม ส่วนดอกไม้ ถ้าลูกค้ามาสั่งให้รับออเดอร์ไว้ แต่บอกเขาด้วยว่ารับเลยไม่ได้”
ป้อมรับคำ
“โอเค งั้นเดี๋ยวมานะ” พลางมองไปที่ประตู “อ้าวแม่ ลงมาทำไมครับ”
ปองฤทัยหันไปมอง เห็นประนอมลงมาจากชั้นบน
“แม่จ๊ะ ทำไมลงมาอีก ปองบอกแล้วว่าเดี๋ยวปองจัดการให้”
“ยัยปอง เรานั่นแหละถอยไป แม่จะเย็บเสื้อเอง ให้นอนตอนนี้มันก็ไม่หลับแล้ว”
“หลับหรือไม่แม่ก็ต้องพักผ่อนนะจ๊ะ แม่จะนั่งเย็บผ้าอยู่แบบนี้ไม่ได้ แม่ไม่ค่อยสบาย”
ปองฤทัยพูดด้วยความเป็นห่วง
“แล้วจะให้นั่งนอนอยู่เฉยๆรึยังไง ไม่มีประโยชน์เลย”
“มันไม่เกี่ยวกับมีประโยชน์จ้ะ แต่มันเกี่ยวกับสุขภาพแม่ หมอเขาบอกให้พักจะได้หายไง”
“โอ๊ย ฉันไม่ใช่เศรษฐีนะ” ประนอมเริ่มไม่พอใจ “ที่นั่งป่วยเฉยๆ แล้วจะมีเงินมารักษา มันก็ต้องทำงาน ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหน”
“เงินนี่ปองก็หาอยู่ ร้านเราก็มี แค่ค่ารักษาแม่ปองหาได้”
“เดี๋ยวนี้อวดเก่ง หาเงินเองได้แล้วงั้นเหรอ” ประนอมเริ่มเสียงดัง
“ปองไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
“ใช่สิ เดี๋ยวนี้มีร้านแล้ว แม่มันก็หมาหัวเน่า ไม่ต้องทำอะไร เป็นยายแก่นอนไร้ประโยชน์ไปวันๆ เอ้อ ก็ดีเหมือนกัน”
ประนอมประชด
“แม่จ๋า อย่าใช้อารมณ์สิ ฟังปองบ้าง”
“ไม่ฟงไม่ฟังมันแล้ว จะทำอะไรก็เชิญ”
พูดยังไม่ทันจบประโยคดี จู่ๆ ประนอมก็เกิดเจ็บหน้าอกขึ้นมา พลางยืนหายใจหอบ ก่อนจะทรุดฮวบ ลงไป
“แม่”
ปองฤทัยกับป้อมตกใจรีบเข้าไปดู
“แม่ แม่ทำใจดีๆไว้ พี่ปอง ทำไงดี”
“พาแม่ไปโรงพยาบาล เร็วเข้าป้อม”
ปองฤทัยนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลออกมาเรียก
“ญาติคุณประนอมใช่ไหมคะ คุณหมอเชิญในห้องค่ะ”
ปองฤทัยกับป้อมรีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่ประนอมยังนอนไม่ได้สติ
“คนไข้มีอาการของโรคหัวใจเฉียบพลันนะครับ”
ปองฤทัย กับป้องตกใจ
“โรคหัวใจเหรอคะ? แต่คราวที่แล้วที่มาหาหมอเป็นแค่หอบหืดเองนี่คะ”
“แต่อาการช็อกของคนไข้ เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอครับ ตอนนี้ต้องรอดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้นอาจจะต้องผ่าตัด”
ปองฤทัยร้องไห้โฮ ป้อมรีบเข้มาลูบหลังปลอบใจ
ศึกรบมาที่ร้านของปองฤทัย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นร้านปิด
“อ้าว ทำไมวันนี้ปิด โทร. ไปถามดีกว่า
ศึกรบหยิบโทรศัพท์กำลังจะโทรหาปองฤทัย แต่เสียงมือถือดังขึ้นเสียก่อน ศึกรบมองหน้าจอแปลกใจ
“รบ ตอนนี้แกอยู่ไหน?”
ทรงยศอยู่ที่โรงพยาบาล ถามมาทางปลายสาย ด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ผมออกมาข้างนอกครับพ่อ ไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศ”
“ตอนนี้แม่แกไม่สบาย อยู่ดีๆก็เป็นลม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
ศึกรบตกใจ
“แม่ไม่สบายเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมจะรีบไปครับ”
ครู่หนึ่งศึกรบ ก็มาถึงโรงพยาบาล และรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของภาวดี เห็นมารดา ที่ฟื้นแล้วนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ สู่ขวัญดูแลอยู่ข้างๆ ทรงยศนั่งถัดไปบนโซฟา
ศึกรบอึ้งที่เจอสู่ขวัญ ทำอะไรไม่ถูก สู่ขวัญมองเมินๆ พลางหันไปคุยกับภาวดี
“คุณแม่คะ เดี๋ยวขวัญคงจะขอตัวกลับแล้วล่ะค่ะ”
สู่ขวัญทำท่าจะลุกขึ้นภาวดีรั้งไว้
“หนูขวัญจะไปไหนล่ะจ๊ะ อย่าเพิ่งกลับเลย”
สู่ขวัญเหลือบมองไปทางศึกรบ
“แต่ว่า”
ภาวดีมองสลับไปมาระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้
“ไหนๆ ก็มากันทั้งคู่ แม่จะพูดเรื่องนี้ซะที คืนดีกันเถอะนะลูก แม่เห็นเราสองคนทะเลาะกันแบบนี้แล้วแม่ไม่สบายใจเลย”
ศึกรบกับสู่ขวัญอึกอัก ทรงยศรีบช่วยพูด
“ตอนนี้แม่เขาไม่สบาย เราสองคนก็มาทะเลาะกัน อะไรมันก็แย่ไปหมด แม่แกเขาคงเครียดมาก ถึงป่วยเอาแบบนี้ แม่เขากินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่เราสองคนโกรธกัน”
“แม่อยากให้เราคุยกันดีๆ มากกว่าเอาแต่เงียบกันแบบนี้ แม่ขอเถอะนะ ถือว่าทำเพื่อแม่ แม่จะได้สบายใจ”
ศึกรบกับสู่ขวัญเงียบไป สักพักศึกรบก็พูดขึ้นก่อน
“ผมก็อยากคุยนะครับ แต่” พลางหันไปทางสู่ขวัญ
“แต่ขวัญยังไม่พร้อมค่ะ ขวัญขอคิดดูก่อนสักพักนะคะ”
สู่ขวัญพูดจบก็เดินหนีออกจากห้องไป ภาวดีหันไปทางศึกรบ
“ตามไปสิ”
ศึกรบรีบตามไปทันที
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
สู่ขวัญออกมานอกห้อง พยายามสงบสติอามณ์ รีบเดินหนี ศึกรบตามออกมาติดๆ รีบเรียกไว้
“ขวัญ อย่าเพิ่งไปสิครับ”
สู่ขวัญไม่ยอมหยุดเดิน ศึกรบเร่งฝีเท้า วิ่งไปดักหน้า สู่ขวัญชะงัก
“เอ๊ะ คุณ ถอยไปนะ ฉันจะกลับ”
สู่ขวัญจะหนี ศึกรบเข้าไปดึงมากอดไว้ สู่ขวัญอึ้ง พยายามดิ้นให้หลุด
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย เราต้องคุยกัน”
“ฉันบอกแล้วไงว่าขอคิดก่อน คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“รู้เรื่อง”
“รู้เรื่องก็ปล่อยได้แล้ว”
สู่ขวัญดิ้น ศึกรบกอดแน่นขึ้นอีก
“ขวัญ ขวัญจะโกรธผมไปถึงไหน ทำไมเราไม่คุยกันดีๆแบบที่แม่ผมว่า”
สู่ขวัญเงียบ ไม่ยอมตอบ
“ก็ได้ ถ้าคุณไม่พูดกับผม งั้นเราก็กอดกันอยู่แบบนี้นั่นแหละ”
คนเดินผ่านหันมามอง สู่ขวัญอาย พยายามดิ้น
“ปล่อยนะ ไม่อายบ้างหรือไง”
“ไม่อาย คุณดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ผมบอกแล้วว่าไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่ดีกับผม เราก็จะอยู่สภาพนี้แหละ เอาให้เป็นรูปปั้นไปเลย”
สู่ขวัญมองหน้าศึกรบ ศึกรบยิ้มแบบท้าทาย
ทรงยศไปชะเง้อคอแอบดูทั้งคู่ที่หน้าห้องพัก สักพักก็เดินกลับเข้ามา ภาวดีรีบถาม ร้อนใจ
“ว่าไง เป็นไงบ้าง มีโอกาสไหม”
“แหม ระดับลูกชายฉัน มันต้องมีโอกาสอยู่แล้ว”
ภาวดีโล่งใจ
“แล้วไป ต้องแอ๊บเป็นป่วยหนักแทบแย่ ถ้าได้ผลแบบนี้นะ ต่อให้ต้องแกล้งตายก็ยอม”
ทรงยศพูดขำๆ
“โธ่ ไม่เห็นต้องแกล้ง น่าจะเป็นเรื่องจริงไปเลย”
“ เอ๊ะ คุณนี่แช่งฉันเหรอ” ภารดีหน้างอ
“ผมล้อเล่นน่า คุณนี่แสดงเยี่ยมจริงๆ น่ายกรางวัลตุ๊กตาทองให้”
ภาวดียิ้มปลื้ม
“มันแน่อยู่แล้ว ลูกสะใภ้รวยระดับนี้ ให้ทำมากกว่านี้ก็ยังได้ ทั้งสวย ทั้งรวยทั้งดี ใครจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้เขี่ยเอาก็เจอนะ”
ทางด้านสู่ขวัญ ก็หยุดดิ้น ยอมพูดดีๆกับศึกรบในที่สุด
“ก็ได้ๆ คุณปล่อยฉันก่อนนะ ฉันจะพูดดีๆด้วยแล้ว"
ศึกรบไม่ยอมปล่อย
“ไม่ใช่แค่พูดดีสิ แต่เราต้องดีกัน”
สู่ขวัญใจอ่อน
“โอเค ฉันยอมแพ้ ปล่อยฉันนะคะ”
ศึกรบหยุดคิด ก่อนจะหอมแก้ม แล้วจึงปล่อยตัวสู่ขวัญ
“เอ๊ะ คุณนี่ ฉวยโอกาสชะมัด”
ศึกรบยิ้ม สู่ขวัญเอามือนวดตามตัว
“คุณรัดฉันจนปวดไปหมดแล้วเนี่ย”
“ก็คุณไม่ยอมใจเย็นเลย ผมก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“ฉันบอกแล้วไงว่ายอมแล้ว ฉันไม่หนีแล้วนี่ไง” สู่ขวัญตอบยิ้มๆ
“ผมไม่อยากได้แค่นั้น ผมอยากให้คุณให้อภัยผม ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่เห็นใจผมบ้างเลยเหรอขวัญ”
สู่ขวัญเงียบ ศึกรบพูดต่อ
“ผมยอมคุณทุกอย่าง แค่คุณบอกมาแค่นั้น จริงๆนะ”
“ทุกอย่างเลยเหรอ”
สู่ขวัญถามย้ำ ศึกรบตอบอย่างมั่นใจ
“ครับ ทุกอย่าง”
“ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่ายุ่งกับผู้หญิงที่ชื่อระรินอีก คุณให้ได้หรือเปล่า”
ศึกรบได้ยิน เริ่มยิ้มออก
“ได้สิขวัญ ผมให้สัญญากับคุณ ว่าผมจะไม่ยุ่งกับเขาอีก ด้วยเกียรติของผมเลย”
สู่ขวัญนิ่งคิดสักพัก
“ก็ถ้าคุณสัญญา แล้วทำให้เห็นได้ ขวัญก็โอเคค่ะ”
ศึกรบดีใจ เข้าไปกอดสู่ขวัญแน่น
“ขอบคุณนะขวัญ ไว้เดี๋ยวงานหายยุ่งแล้วเราไปฮันนีมูนรอบสองกันที่ยุโรปด้วยกันนะ”
สู่ขวัญเขินพยายามแกะศึกรบออก
“รบ ปล่อยขวัญก่อน คิดเร็วทำเร็วจริง คนบ้า”
“ไม่ ขอกอดเมียให้ชื่นใจหน่อยก็ยังดี”
ศึกรบหอมอีก สู่ขวัญยิ่งเขินหนัก
ศึกรบเดินออกมาส่งสู่ขวัญ ที่หน้าโรงพยาบาล พลางคุยกันมาตามทางอย่างมีความสุข
“ผมดีใจจริงๆนะที่เราคุยกันได้แบบนี้อีก”
“ถึงจะดีกัน ถึงคุณจะสัญญา แต่กว่าอะไรจะดีเหมือนเดิมคงอีกสักพักล่ะค่ะ”
“แค่คุณคุยกับผมก็ดีแล้วล่ะ แล้วผมจะทำให้ได้อย่างที่พูด”
สู่ขวัญ ยิ้ม “ดีแล้วค่ะ ฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ”
ศึกรบพยักหน้ารับพลางปรายตาไปเห็นปองฤทัยกับป้อมนั่งอยู่ไกลๆ ศึกรบแปลกใจ หยุดเดินกะทันหัน สู่ขวัญหันมา
“รบคะ มีอะไรเหรอ”
ศึกรบรีบดึงสู่ขวัญไปทางอื่นไม่ให้ปองฤทัยเห็น
“ไม่มีอะไรครับ ไปกันเถอะ”
ศึกรบเหลือบไปมอง เห็นทั้งสองคนไม่ได้มองมา ก็โล่งใจ รีบพาสู่ขวัญออกไปทันที
ศึกรบมาส่งสู่ขวัญที่รถ
“กลับดีๆนะครับ แล้วเจอกันที่บ้าน”
“ค่ะ ไว้เจอกัน”
สู่ขวัญกำลังจะขึ้นรถ ศึกรบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนขวัญ”
“คะ?”
ศึกรบทำเป็นเพ่งไปที่หน้าสู่ขวัญ จนสู่ขวัญต้องจับหน้าตัวเองดู
“หน้าขวัญ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่รู้สิ มานี่มา ผมดูให้”
สู่ขวัญยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ศึกรบใช้จังหวะนั้นหอมแก้มสู้ขวัญฟอดใหญ่ สู่ขวัญตกใจ ตีศึกรบหลายที ศึกรบหัวเราะ
“รบ ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”
ศึกรบ ยิ้มมีความสุข
“เห็นก็ช่างเขาสิ เราเป็นสามีภรรยากัน แปลกตรงไหน”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่” สู่ขวัญหน้าแดง
“คุณเขินเหรอ?”
“เปล่าค่ะ รบก็ ขวัญกลับแล้ว”
สู่ขวัญรีบขึ้นรถไป ศึกรบหัวเราะอารมณ์ดี
ศึกรบเดินกลับเข้ามาในโรงพยาบาล พลางกวาดมองหาปองฤทัย เห็นยังนั่งคุยกับป้อมอยู่ที่เดิม ศึกรบเข้าไปแอบฟัง
“ โรคหัวใจเลยนะป้อม ไม่ใช่แค่หอบหืดอย่างเดียว”
“แต่หมอเขาก็แนะนำวิธีรักษาแล้วนี่ อยู่ที่พี่ปองจะตัดสินใจยังไงนั่นแหละ”
ปองฤทัย หน้าเครียด
“พี่รู้ว่าหมอเขาแนะนำให้ผ่า แต่ตอนนี้เราจะเอาเงินที่ไหน พี่เพิ่งเอาเงินมาเปิดร้านจนหมด ยังไม่ได้ทุนคืนด้วยซ้ำ”
“งั้นก็มีแค่ทางเดียวแล้วพี่”
“กู้เงินเหรอ?”
“แล้วเรามีทางเลือกอื่นด้วยเหรอพี่ปอง”
ป้อมเครียดตามปองฤทัยไปด้วย ศึกรบครุ่นคิดอยู่สักพัก ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก
“คุณปอง”
ปองฤทัยหันไปเห็นศึกรบ ก็แปลกใจ
“คุณรบ? มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
“ผมมาเยี่ยมคุณแม่ครับ”
“แล้วท่านเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นแล้วครับ”
ปองฤทัยหน้าเศร้า อดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบกับมารดาของตัวเอง
“ ดีแล้วค่ะที่ท่านไม่เป็นอะไรมาก”
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
ปองฤทัยตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้
จากนั้นปองฤทัย ก็เดินนำศึกรบเข้ามายังห้องพักของประนอม ศึกรบยกมือไหว้ ประนอมมองอย่างแปลกใจ
“แม่จ๊ะ นี่คุณศึกรบเป็นลูกค้าที่ร้านของปองเอง”
“ศึกรบ? อ๋อ คุณคนนี้เอง สวัสดีค่ะคุณ”
ประนอมจะยกมือไหว้ ศึกรบรีบห้าม
“ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมแค่ลูกค้าธรรมดา”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถือว่ามีบุญคุณกัน ว่าแล้วว่าคุ้นๆชื่ออยู่ ยัยปองพูดถึงบ่อยๆนี่เอง”
ปองฤทัยตกใจ จะห้ามแม่ แต่ศึกรบชิงพูดก่อน
“คุณปองพูดถึงผมบ่อยเลยเหรอครับ”
“บ่อยสิคะ ก็อย่าง”
ปองฤทัย รีบแทรกขึ้นมา “แม่ จำคนผิดแล้วล่ะ”
“จะผิดอะไร้ คุณคนนี้แหละ คุณรบๆ อะไรเนี่ย”
ปองฤทัย ทำหน้าเขิน “แม่ ไม่ใช่นะ”
“เอ๊ะ ใช่สิ หรือว่าแม่จำผิดจริงๆ”
ประนอมเริ่มลังเล ปองฤทัยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นช่างมันเถอะจ้ะ แล้ววันนี้หมอเข้ามาตรวจรึยัง เขาว่าไงบ้าง”
“หมอเหรอ เขาก็ไม่อะไร อาการยังทรงๆไปตามเรื่อง”
ปองฤทมัยมองมารดาอย่างโล่งใจ ในขณะที่ศึกรบแอบสังเกตอยู่เงียบๆ
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศึกรบเดินเข้าออฟฟิศ ไอวี่ปรายตามาเห็น ก็ รีบเข้าไปคุยฉอเลาะทันที
“คุณรบ กลับมาแล้วเหรอคะ”
ศึกรบมองที่ไอวี่เดินเข้ามา
“ขาหายดีแล้วเหรอครับ”
“ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะเลยค่ะ คงเป็นเพราะฝีมือการนวดของคุณแน่ๆเลยค่ะ”
ไอวี่ยิ้มเขิน ศึกรบพลอยยิ้มตาม
“คุณรบกลับมาเหนื่อยอยากดื่มน้ำอะไรเย็นๆหน่อยไหมคะ เดี๋ยวไอวี่ไปจัดการให้ค่ะ”
“งานนี้ปล่อยไว้เป็นหน้าที่ของเลขาคุณรบดีกว่าไหมคะน้อง”
เสียงแสงดาวดังสวนเข้ามา ไอวี่หันไป พลางทำหน้าหน้าเซ็ง ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นยิ้มใส่
“พอดีไม่เห็นพี่น่ะค่ะ ก็เลยเข้ามาถามแทน”
“เดี๋ยวพี่ก็เดินมาเองล่ะค่ะ วันนี้ขอบใจ แต่วันหลังไม่ต้องหรอกเนาะ ไม่อยากรบกวน”
แสงดาวแอบเหน็บ ไอวี่ทำตีหน้าซื่อ
“แต่ว่าถ้าพี่ไม่ว่าง หนูทำให้ก็ได้นะคะ”
แสงดาวแอบจิกตามใส่ไอวี่
“พี่ทำมานานแล้วค่ะ แค่เรื่องน้ำท่า พี่สบายมาก กลับไปทำงานตัวเองให้ดีๆ ดีกว่า”
พลางหันมาทางศึกรบ
“คุณรบคะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีจะเริ่มประชุมผู้ถือหุ้นแล้วค่ะ”
ศึกรบยิ้มรับ
“งั้นผมไปรอที่ห้องประชุมเลยดีกว่า ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ดาวจัดการให้แล้วค่ะ เชิญได้เลย”
“โอเค ขอบคุณมากครับ”
ศึกรบรีบเดินไปทางห้องประชุม แสงดาวเดินตาม พลางหันมายิ้มเยาะเย้ยไอวี่
“ยัยเลขา ร้ายนักนะ”
ไอวี่กลับมาที่ห้องพัก พลางเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งด้วยความเหนื่อย ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ไลน์ถามเปรี้ยว
“แก อยู่ไหน”
“อยู่ข้างนอก” เปรี้ยวตอบกลับมา
“ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ออกมารอกินข้าวกับป๋า ไม่ต้องรอนะ แล้วงานแกเป็นไงบ้าง”
ไอวี่พิมพ์ข้อความไป ยิ้มไป
“น่ารัก”
“ถามถึงงานจ้ะ ไม่ใช่คน”
“นั่นแหละ น่ารักมากๆ ทั้งหล่อ รวย อบอุ่น ใจดี เพอร์เฟ็กต์แมนสุดๆอ่ะ”
“แหมเกินไปแก ทำอย่างกับได้ใกล้ชิดกับเขามางั้นแหล่ะ”
“ความจริงก็ ประมาณนั่นแหละ”
“หา? อย่าบอกนะว่าแก กรี๊ด”
ไอวี่นอนกอดโทรศัพท์ยิ้มเขินอยู่คนเดียวในห้อง
ในขณะที่ศึกรบ ที่กลับมาที่บ้าน ได้กลิ่นอาหารหอมๆ โชยมา จึงรีบเดินเข้าไปดู เห็นสู่ขวัญกำลังจัดโต๊ะทานอาหารอยู่
“ไม่ได้เห็นคุณทำแบบนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย”
สู่ขวัญ เงยหน้ามายิ้มให้ศึกรบ
“ไม่รู้สิคะ พอดีวันนี้อารมณ์ดี ก็เลยลงมาจัดโต๊ะเอง ดีไหม”
“ดีสิ ขวัญทำเองเหรอ”
“ขวัญให้พี่พรทำไว้น่ะค่ะ วันนี้ยุ่งๆไม่ค่อยมีเวลา นี่ขวัญชวนคุณพ่อคุณแม่คุณมาด้วยนะคะ อ๊ะ มาพอดี”
ทรงยศประคองภาวดีเดินเข้ามาสมทบ
“โอ้โห อาหารเพียบเลย ฉลองคืนดีกันเหรอจ๊ะ”
ภารดีถามล้อๆ สู่ขวัญพูดเขินๆ
“เปล่าหรอกค่ะ ฉลองคุณแม่ออกจากโรงพยาบาลมากกว่า”
“กำลังใจดีก็หายไวแบบนี้ล่ะ แม่เห็นเราคุยกัน แม่ก็ชื่นใจ จริงไหมคุณ” พลางหันมาทางทรงยศ
“ดีกันแบบนี้ดีที่สุดอยู่แล้ว มาๆ นั่งกัน”
ทรงยศเลื่อนเก้าอี้ให้ภาวดีนั่ง ศึกรบเลื่อนให้สู่ขวัญบ้าง ก่อนที่จะนั่งตามข้างๆ แล้วพูดด้วยสีหน้า
มีความสุข
“ผมอยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้ทุกวันเลย”
“เวลาที่ไม่มีเรื่องอะไรมันก็ดีแบบนี้ล่ะค่ะ”
ภาวดีมองหน้าลูกชายกับลูกสะใภ้สลับกัน
“มันก็มีความสุขนะ แต่แม่ว่ามันยังขาดอะไรไปอยู่รึเปล่า”
“ขาดอะไรคะ” สู่ขวัญถาม พร้อมกับมองหน้าภารดี
“ขาดเด็กเล็กๆ มาวิ่งเล่นในบ้านไงลูก แม่อยากมีหลานอุ้มใจจะขาดแล้ว”
สู่ขวัญยิ้มเขิน ศึกรบตักอาหารให้สู่ขวัญ พร้อมกับพูดไปด้วย
“แม่อย่าเพิ่งไปเร่งขวัญเขาเลยครับ ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า”
“แหม ก็แม่อยากมีหลานจริงๆ”
“อืม ถ้าแม่ว่าอย่างนั้น ผมมัดจำขวัญเขาไว้ก่อนได้ไหม”
สู่ขวัญมองหน้าสามีงงๆ ศึกรบยิ้มแล้วหยิบสร้อยเพชรที่เตรียมไว้ขึ้นมา
“ถืออว่าเป็นของขวัญ ตอบแทนที่คุณให้อภัยผม แล้วก็มัดจำจองตัวคุณเป็นแม่ให้ลูกของผมแล้วกันนะ มาผมสวมให้”
จากนั้นก็สวมสร้อยให้สู่ขวัญ สู่ขวัญยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด
“สวยมากเลย เข้ากับหนูขวัญเลยลูก เลือกเก่งมาก” ภารดีมองทั้งคู่อย่างปลื้มใจ
“ลูกเรามันเลือกเก่งอยู่แล้ว” ทรงยศชม ก่อนที่ทั้งหมด จะร่วมกันรับประทานอาหารร่วมกัน ในรรยากาศชื่นมื่น
สู่ขวัญนั่งพิมพ์ข้อความอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พลางยิ้มอย่างพอใจ
ที่หน้าจอ เปิดโปรแกรมเฟซบุ๊ค เห็นรูปสร้อยเพชร กับรูปคู่สู่ขวัญกับศึกรบ และสเตตัสหวานชื่น คนเข้ามากดไลค์กันเพียบ ศึกรบเดินเข้ามาดู
“พิมพ์อะไรขวัญ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“อัพรูปลงเฟซค่ะ”
ศึกรบยื่นหน้าเข้าไปดู
“ไม่ยักกะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ขวัญชอบอัพรูป”
“ก็อัพฉลองการคืนดีเราไงคะ รบไม่ชอบเหรอ”
ศึกรบกอดสู่ขวัญจากด้านหลัง
“ชอบสิ ตอนนี้ขวัญทำอะไรก็ดีไปหมดนั่นแหละ ตั้งแต่ขวัญยอมให้อภัยผม”
สู่ขวัญแกล้งค้อนสามี
“ปากหวานตลอดเลยนะ เป็นแบบนี้ให้นานๆแล้วกันค่ะ”
“เป็นอีกนานเท่าที่ขวัญต้องการเลยล่ะ”
“จะคอยดูนะ”
ศึกรบดึงให้สู่ขวัญหันมาคุย
“ว่าแต่ นอกจากอัพรูปแล้ว เรามาทำความฝันคุณพ่อคุณแม่ให้เป็นจริงบ้างดีไหม”
“เรื่องอะไรคะ?” สู่ขวัญย้อนถาม สีหน้างงๆ
“ก็เรื่องลูกของเราไง”
สู่ขวัญเขินตีศึกรบเข้าทีหนึ่ง ศึกรบจับมือภรรยาไว้ พลางพูดอ้อน
“ท่านอุตส่าห์พูดให้เราดีกัน จะไม่ตอบแทนท่านบ้างเหรอ”
“เอาพ่อแม่มาอ้าง รบนี่ ขวัญไม่พูดด้วยแล้ว”
สู่ขวัญลุกหนี ศึกรบแอบยิ้ม แล้วรีบตามสู่ขวัญไป
ไอวี่เดินขึ้นมาชั้นห้องพักของศึกรบ แอบเงี่ยหูฟังได้ยินเสียงคนอยู่ในห้อง ก็อมยิ้มดีใจ พลางปรายตาไปเห็นป้าแม่บ้านกำลังดูดฝุ่นพื้นอยู่ ไอวี่แกล้งเดินเข้าชน แล้วล้มตรงหน้าห้องหลังกระแทกประตูห้องที่ศึกรบเคยพัก
“ว้าย”
จังหวะเดียวกับที่แสงดาวออกจากลิฟต์ทพอดี เห็นไอวี่ยืนอยู่หน้าห้องศึกรบ ก็ยืนแอบดู
ไอวี่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด ก็ยิ้มดีใจ พลันก็มีมือเอื้อมมาพยุงจากด้านหลัง ไอวี่รีบซบหน้ากับอกคนที่ช่วยพยุง
“คุณรบ ไอวี่เจ็บจังเลยค่ะ”
“อ้าว หนูเป็นอะไรมากไหม”
ไอวี่ไม่สนใจที่ป้าแม่บ้านถาม แต่พยายามปรายตาไปมองคนที่พยุงอยู่
“ไอวี่เจ็บค่ะ”
“โถ ท่าทางจะเจ็บมาก เฮ้ย งั้นเอ็งช่วยพยุงแม่หนูมานั่งตรงนั้นก่อน เดี๋ยวข้าจะไปหายามาทาให้”
ไอวี่มองหน้าป้าแม่บ้านงงๆ
“เอ็ง ?”
ไอวี่มองมือที่ประคองตัวเองอยู่ มองไล่จากปลายแขน เห็นเชิ้ตขาว มองไล่ไปเรื่อยจนถึงหน้า แล้วก็ผงะรีบผลักผู้ชายที่ช่วยออก
“อ๊าย ออกไปนะ อี๊ ไอ้บ้า”
ไอวี่ลุกขึ้นยืนทันที เบลบอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ได้โอบกอดไอวี่ ในขณะที่แสงดาว ที่แอบมองยิ้มขำสมน้ำหน้า
“แกเข้ามาทำอะไรที่ห้องนี้ แล้วเจ้าของห้องไปไหนกัน เข้ามาขโมยของใช่ไหม คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณรบ”
ป้าแม่บ้าน รีบบอก“
“โอยแม่หนูคุณรบน่ะไม่อยู่หรอก ข้างล่างเขาสั่งให้ป้ากับไอ้เปี๊ยกขึ้นมาเก็บกวาดห้อง”
“แล้วคุณรบไปไหน”
ไอวี่ย้อนถาม สีหน้าผิดหวังมากที่ไม่เจอศึกรบ
“ป้าไม่รู้หรอก ไปไอ้เปี๊ยกไปจัดการในห้องให้เสร็จไปๆ”
ไอวี่มองตามอย่างเจ็บใจ
“อ๊าย โธ่เอ้ย”
ไอวี่เดินผละจากหน้าห้องพักของศึกรบอย่างเซ็งๆ เจอแสงดาวที่อยู่ตรงหน้าลิฟต์ แสงดาว ทำทีเดินเข้ามาทัก พลางแกล้งชวนคุยยิ้มแย้ม
“อ้าว มาทำอะไรแถวนี้จ๊ะไอวี่”
“ก็แค่มาเดินเล่นน่ะค่ะ”
“อืมเดินเล่น ว่างเหรอ”
แสงดาวพูดยิ้มๆ แต่แอบเหน็บ ไอวี่หมั่นไส้ แสร้งพูดดีใส่บ้าง
“ก็ไม่ว่างหรอกค่ะ แต่พอดีทำงานเสร็จแล้วเลยออกมาได้ ว่าแต่คุณเลขาเถอะ มาทำอะไรแถวนี้”
“ก็มาเช็คความเรียบร้อยให้คุณรบน่ะ พอดีว่าคุณรบย้ายออกจากห้องพักที่นี่แล้ว”
“ย้ายออกไปแล้ว?” ไอวี่ตกใจ
“ใช่จ้ะ”
ไอวี่พูดเบาๆ “ งี้นี่เอง”
“ว่าไงนะจ๊ะ?”
ไอวี่ทำเป็นยิ้ม พลางตีหน้าซื่อ
“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ เอ้อ แล้วทำไมต้องมานอนโรงแรมด้วยล่ะคะ”
“ก็มาทำงานน่ะสิ แต่ตอนนี้เขาคงทนคิดถึงภรรยาเขาไม่ไหวล่ะมั้งเลยกลับไป”
“คิดถึงกันขนาดนั้นเลย?”
“คิดถึงสิ เขารักกันมากเลยรู้ไหม” แสงดาวตอบพลางจิกตามอไองวี่ “ เพราะงั้นมันก็เลยยากที่ใครจะมาเป็นมือที่สามง่ายๆ แค่คิดจะแทรกก็หมดสิทธิ์แล้ว”
พูดจบแสงดาวก็มองเหยียดๆ ก่อนที่จะเดินเชิดออกไป ไอวี่มองตามแค้นใจ
“คนอย่างฉันนี่แหละจะเข้ามาแทรกให้ได้คอยดู”
อ่านต่อตอนที่ 13