xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 12

ภายในรถที่แล่นอยู่บนถนน ณัฎฐาลินีคิดถึงการตื้อของวายบุตรแล้วหน้าแดง

"บ้า...ดื้อ...เอาสิ ตื้อได้ตื้อไป"
เสียงมือถือเธอดังขึ้น ลินีหยิบฌทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อวายุบุตรก็ตกใจ
"อะไรจะตายยากขนาดนี้เนี่ย" เธอลังเลก่อนตัดสินใจรับสาย ทำเสียงนิ่งแต่ใจเต้นโครมคราม "อะไร ยังไง ไม่มีอะไรทำหรือไง"
วายุบุตรคุยมือถือ และกำลังจะออกจากบ้าน
"อยากทำกับคุณ"
"นี่! พูดอะไรก็พูดให้จบ อย่ามาสั้นห้วน ทะลึ่ง"
"ผมไม่ใช่คนสั้นห้วน ก็คุณมาขัดจังหวะทำไม ตลอด"
"ขอโทษ...มีอะไรก็รีบว่าไปสิ"
"ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยสิ"
"เห็นฉันว่างงานนักหรือไง"
"เพราะคุณทำงานมากเกินไปต่างหาก ผมรู้นะว่ายังไม่ครบกำหนดลาพักของคุณ แต่คุณก็กลับมาทำงานแล้ว"
"ยัยกุ๊งกิ๊งอีกล่ะสิเนี่ย..."
"ไม่ไป ผมจะคิดว่าคุณกลัวตกหลุมรักผม"
"ฝัน"
"งั้นก็อย่าปฏิเสธ อย่าลืมสิ เกมนี้ยังไม่หมดเวลา ผมยังสามารถจีบคุณได้อยู่"
"อันนั้นฉันไม่เถียง แต่วันนี้ฉันไม่พร้อม สวัสดี!"
เธอกดวางสาย ยิ้มชนะ
"หึหึหึ เรื่องอะไรจะทำตัวง่ายๆเป็นของตายให้เคี้ยวสบายๆล่ะ เข้าใจป่ะ อยากได้ฉันก็ต้องวิ่งมาหาฉัน ไม่ใช่ให้ฉันวิ่งเข้าใส่"
ทันใดนั้น เธอก็หัวทิ่มเพราะรถถูกชนท้าย เธอเบรกรถเอี๊ยด
"โอ๊ย อะไรเนี่ย!"
เธอเจ็บใจ รีบจอดรถ ลงไป

เธอพุ่งมาดูท้ายรถตัวเองที่ถูกชนท้าย แม้จะไม่เยอะมาก
"ลูกแม่ โอย...ตูดก็ไม่ได้สวย ยังจะถูกจูบอีกเหรอ"
เธอหันไปจะวีนเอาเรื่อง
"ชนแล้วก็ลงมาเจรจาหน่อยสิคะคุณ!"
ช้าง มาร์กลงมาจากรถ พิภพตามลงมา แต่เธอจำไม่ได้ เตรียมเอาเรื่อง
"ในกรุงเทพ รถก็ไม่ได้ขับกันเร็วมาก ชนท้ายกันได้เนี่ย...คิดได้อย่างเดียว ขับรถยังไง"
ลูกน้องทั้งสองคนของพิภพมองเธออย่างไม่พอใจ เธอมองกลับอย่างท้าทาย ไม่กลัวเกรง
"ขอโทษทีครับ คนของผมไม่ทันได้ระวัง ... โทร.เรียกประกัน"
"เสียเวลาจริงๆ"
"ขอโทษคุณอีกครั้งที่ทำให้ต้องไม่สะดวก ผมพิภพ นี่ครับนามบัตรของผม ติดต่อหาผมได้ตลอดเวลา ถ้าติดขัดอะไรหลังจากนี้"
เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้นกับท่าทียอมรับผิดของพิภพ ทำให้อ่อนลง เธอรับนามบัตรมา อ่านชื่อและตำแหน่งของพิภพ....พิภพ อนันต์รุ่งเรืองกุล...กรรมการผู้จัดการโรงงานสิ่งทออนันต์รุ่งเรืองกุล แล้วรู้สึกคุ้นๆ
"คุณพิภพ อนันต์รุ่งเรืองกุล"
"คุ้นชื่อผมเหรอครับ"
"คุ้นหน้าด้วยค่ะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน ดิฉันนึกออกแล้ว คุณเพิ่งบริจาคเงินให้มูลนิธิที่ฉันทำงานอยู่ เมื่อเช้าฉันเห็นชื่อคุณบนบอร์ด"
"ไม่น่าเชื่อเลย โลกกลมมากเลยนะครับ"
"ค่ะ โลกกลม ใครจะคิดว่าเราจะมาเจอกันโดยบังเอิญได้ขนาดนี้"
"ครับ บังเอิญมากจริงๆ"
เธอยิ้มให้พิภพ เปิดใจรับเป็นมิตรเลยทันที พิภพยิ้มจริงใจ แต่ในใจแอบยิ้มกริ่มกับแผนเริ่มความสัมพันธ์

วายุบุตรยืนถอนใจ เซ็ง...เสียงมือถือดังขึ้น เขารีบรับสาย
"ว่าไง...มีเบาะแสอะไรคืบหน้าบ้าง"

ภายในร้านอาหาร ปินัทธานั่งบนเก้าอี้ที่ฝั่งหนึ่งคนเดียว ดูโดดเดี่ยวมาก พีศทรรตนั่งอยู่อีกฝั่งโดยมีลูกสาวนั่งบนตักไม่ยอมลง ญาดามองหน้าเธอเขม็ง ตาเขียว หน้าคว่ำ จนทำให้เธออึดอัด ธัญรดานั่งอยู่ข้างๆ อดีตสามี
"ญาดา นั่งเก้าอี้ดีๆมั้ยลูก"
"จะนั่งตักคุณพ่อ ญาดากลัวคนจะมาแย่งคุณพ่อไป"
เธออึ้ง ลอยหน้าลอยตาทเป็นไม่สนใจ ไม่ยอมรับ ธัญรดาแอบยิ้มสะใจ ที่ลูกสาวเกาะพ่อหนึบ
พนักงานนำอาหารมาวางบนโต๊ะ
มุมหนึ่งใกล้ๆ วลัยกับเป้นั่งอยู่อีกโต๊ะ มองไปที่โต๊ะของเพื่อน แล้วกินข้าวกันไป
"ขอโทษนะคะพี่เป้ ที่ต้องเรียกตัวมาด่วน หนูทิ้งเพื่อนไปไม่ได้จริงๆ"
"พี่เข้าใจค่ะ ดูสถานการณ์ของน้ำผึ้งแล้ว น่าเป็นห่วงมากจริงๆ"
"อย่างน้อยเราก็รอเก็บศพมันกลับบ้านนะพี่เป้นะ"
วลัยและเป้ สังเกตการณ์ดูน้ำผึ้งไปด้วยอย่างเป็นห่วง
"ญาดา ฟังนะคะลูก พ่อมีเรื่องจะต้องบอกให้ลูกรู้"พีศทรรตบอก
"เรื่องอะไรคะ"
"พ่อกับ...."
ธัญรดาขัดจังหวะทันที
"ฉันตักข้าวให้นะคะ พีศ"
"ตักให้หนูด้วยค่ะ"
ธัญรดาตักข้าวใส่จานให้ พีศทรรตลอบถอนหายใจที่ถูกขัดจังหวะ
"และก็ของญาดาคนเก่ง ตักน้อยๆก่อนนะ หมดแล้วถ้ายังไม่อิ่ม ค่อยตักใหม่ โอเคมั้ยคะลูก"
"ขอบคุณค่ะคุณแม่"
ปินัทธามองอย่างหมั่นไส้ หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"แม่ตักให้คุณป้าน้ำผึ้งด้วยนะคะ"
เธอสำลักน้ำ
"ขอโทษค่ะ"
พีศทรรตรีบส่งทิชชู่ให้น้ำผึ้ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าน้ำผึ้ง"
เธอพูดอย่างไม่เกรงใจ ไม่นางเอก
"คำว่าป้ามันติดคอค่ะ"
เขาอึ้ง เห็นเค้าความยุ่งยาก เพราะเธอไม่ลดราวาศอกแน่ เมื่อถูกตอกย้ำคำว่าป้า
"วันหลัง แค่คำว่าน้าก็พอนะคะ"
พีศทรรตปราม
"น้ำผึ้ง...พอ"
เธอของขึ้นต่อปากต่อคำ
"หรือจะให้น้องญาดาเรียกพี่ก็ได้ ฉันไม่ถือ"
"น้ำผึ้ง...หยุด"
"แต่จะให้ดีควรให้น้องญาดาซ้อมเรียกว่า แม่น้ำผึ้ง เอาไว้บ้างก็คงจะดีนะคะ คุณธัญรดา"
ญาดาตะโกนลั่น
"ไม่เรียก!"

ภัทรวลัย เป้ และคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียวทันที

พีศทรรต ปินัทธาเริ่มนั่งไม่ติด ธัญรดาได้แต่อมยิ้ม รอดูความวุ่นวาย

"ญาดา ไม่พูดเสียงดังอย่างนี้นะลูก" พีศทรรตบอก
"จะพูด! ญาดาไม่เอาแม่ใหม่ ญาดามีแม่คนเดียว ญาดาไม่เอาป้าคนนี้"
"ญาดา เงียบก่อน"
"ไม่เงียบ"
พีศทรรตจับญาดาลงยืน เขย่าตัว บังคับ
"พ่อบอกให้เงียบ!"
ญาดาตกใจ อึ้ง ปินัทธาใจคอไม่ดี รู้สึกไม่ดีที่พลาดพูดออกไป
"คุณพีศ ฉัน ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้น้องญาดาโกรธ"
"หยุดเลยคุณน้ำผึ้ง เพราะความคิดน้อยของคุณทำให้พีศต้องทำรุนแรงกับลูก พีศ เพราะคำพูดที่ไร้ยางอายของแฟนใหม่คุณต่างหากที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้ อย่ามาลงกับญาดา"
ทั้งร้านมองมาที่นักแสดงสาวด้วยสายตารังเกียจมาก ปินัทธาเริ่มนั่งไม่ติด พีศทรรตปวดหัว พูดไม่ออก ญาดาร้องลั่น
"ยัยป้าดาราใจร้าย แย่งพ่อหนูไปทำไม ฮื้อ!"
ทั้งปินัทธาและพีศทรรตเริ่มลน อายสายตาคน ญาดาอาละวาดลั่นร้าน ธัญรดาอุ้มลูกสาว
"กลับบ้านกับแม่ค่ะลูก ไม่ต้องร้อง กลับบ้านค่ะ" ธัญรดาตั้งใจพูดเสียงดัง "คุณน้ำผึ้ง! ถ้าคุณจะใจร้ายกับลูกฉันอย่างนี้ล่ะก็ พูดออกมาตรงๆได้เลย ว่าคุณจะเอาแต่ตัวพีศ แต่ไม่เอาลูกเค้า ฉันจะได้รับญาดาไปเลี้ยงเอง!"
"รดา ใจเย็น มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คุณคิด"
"นี่ยังไม่ร้ายแรงอีกเหรอ คุณหลงผู้หญิงคนนี้มาก จนโงหัวไม่ขึ้น ลืมคิดถึงหัวใจลูก ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ! คุณด้วยคุณน้ำผึ้ง คุณมันนางเอกในจอ แต่ในชีวิตจริง คุณคือนังมารร้าย"
ธัญรดาพาลูกสาวออกไปทันที ท่ามกลางเสียงพึมพำวิจารณ์ของลูกค้าในร้าน
ภัทรวลัยและเป้ถึงกับเหวอที่ธัญรดาเหวี่ยงรุนแรงใส่เพื่อนเธอ ทั้งคู่โพล่งพร้อมกัน
"แวรงส์!"
ปินัทธายืนหน้าจ๋อย พีศทรรตทรุดลงนั่ง
"พัง"
"เพราะฉัน"
เขาองหน้า เธอรีบหลบตา เพราะคิดว่าเขาต้องด่ายับ
"กินข้าวเถอะ มา ผมตักข้าวให้"
เขาตักข้าวให้ เธออึ้ง ลงนั่งอย่างจ๋อยๆ มองไปรอบๆ มีแต่สายตาประชาชนมองอย่างประณาม แต่เขาก็ไม่สนใจ เขากินเอาๆ ขณะที่เธอกินไม่ลง ภัทรวลัยและเป้มองเพื่อนอย่างเห็นใจ

ทางเดินมุมหนึ่งในตลาดสด เมเปิ้ลเดินจูงพี่สาวที่ไม่เต็มใจจะมานัก
"อุ๊ย...กะหล่ำปลีขาวอวบอ่ะ แวะซื้อก่อนนะ" จิลลาบอก
"อย่าคิดแกล้งถ่วงเวลา เดินต่อเร็วๆ"
"แหม รู้ทัน เซ็งชะมัด ก็เค้าไม่อยากนี่"
"เค้ารู้ว่าตัวเองอยาก ไม่งั้นให้ช้างลาก ก็ไม่ยอมมาหรอก แต่นี่มาแสดงว่าอยากแต่ทำเป็นสะบัดสะบิ้ง โอ๊ย! หมั่นไส้"
"เป็นผู้หญิงต้องเล่นตัวบ้างสิ ไม่งั้น ผู้ชายก็จะคิดว่าเราเป็นของตายไร้ค่าW
"หรา? แล้วใครจีบใครก่อน"
"เค้าจีบดรณ์"
"อืม จ๊ะ เล่นตัว"
กฤษฎาเดินมากับหยาดทิพย์ ชาโน อิ๋วและเจ๊ฟู อิ๋วและเจ๊ฟูดูจะไม่ชอบเดินตลาดสดในชุมชน ตรงข้ามกับหยาดทิพย์ที่เพลินตามาก ไทเกอร์เดินตามมาห่างๆ รังเกียจตลาดสดเหมือนกัน
"คุณเมเปิ้ลครับ"
"มากันแล้วเหรอ"
"มาเป็นฝูงเลย นี่ตัวเองคิดจะทำอะไร บอกให้ทุกคนรู้เรื่องเค้าเหรอ นี่เห็นเค้าไร้ความสามารถที่จะง้อแฟนตัวเองมากจนต้องใช้ตัวช่วยขนาดนี้เลยเหรอ"
"เฮ้อ...จิล ไม่เงียบ มีด่าเสียคนกลางตลาดแน่"
จิลลาอึ้ง หน้าง้ำ
เมธาวลัยเดินมากับจิลลา แล้วแยกออกไปทางหนึ่ง ขบวนของกฤษฎา ไทเกอร์ หยาดทิพย์ เจ๊ฟู อิ๋วและชาโนตามหลังมา
"เรียกมาประชุมกลางตลาดสดเนี่ยน่ะเหรอ" ไทเกอร์ว่า
"ไม่กลางนะคะ เดี๋ยวหยาดจะไปหาที่ที่เราจะนั่งคุยกันได้" หยาดทิพย์ว่า
"ฉันคุยกับเธอหรือไง"
"เปล่าค่ะ แต่หยาดอยากคุยด้วย"
ไทเกอร์สีหน้าวีนมาก หยาดทิพย์หน้าจ๋อย
"คิดได้ไง ที่ลากเรามาที่นี่ เหม็นก็เหม็น ร้อนก็ร้อน"
"ผมคิดเองครับ ถ้าคุณเมเปิ้ลยังไม่สะดวกเข้าออฟฟิศ เรามาประชุมกันนอกสถานที่ก็ได้" กฤษฎาบอก
"ฉันคุยกับนายหรือไง"
"เปล่าครับ แต่ผมอยากคุยด้วย มีไรป่ะ!"
กฤษฎามองไทเกอร์อย่างเอาเรื่อง เพราะเหลืออด ไทเกอร์ผงะ ไปหลบอยู่หลังเจ๊ฟู
"กฤษ....ทำแบบนี้ไม่ดีนะ คุณไทเกอร์เป็นซีเนียร์" หยาดทิพย์บอก
"จะซีเนียร์ จูเนียร์ แล้วไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเหรอครับ"
เจ๊ฟู อิ๋วและชาโนขานรับ "จริง"
"ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของคนที่ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน"
ทั้ง 3 คนบอก "ก็จริง"
"ปนตรงไหน เดี๋ยวคุณเมเปิ้ลเคลียร์เรื่องส่วนตัวของตัวเองเสร็จ ก็มาคุยงาน"
ทั้ง 3 คน "ก็ถูก"
"แฟนกันก็ต้องเข้าข้างกันสิ นี่ก็อีก พี่เมกำลังทำให้พวกเราเกิดวิกฤติศรัทธา ที่ปล่อยให้เกิดสัมพันธ์สวาทในออฟฟิศ เอาเด็กฝึกงานมาเป็นแฟน ให้ท้ายเด็ก จนทำให้เสียการปกครอง ดูซิ มายืนเถียงผู้ช่วยบ.ก. อย่างฉัน ขาดวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำที่สุด"
กฤษฎาอึ้ง ทุกคนอึ้ง
"พูดเลยนะ ว่าฉันไม่แฮปปี้ ใครแฮปปี้กับวิธีการทำงานของบ.ก.ก็เชิญอยู่ แต่ฉันจะไป"
ไทเกอร์สะบัดออกไป แอบยิ้มเยาะ สะใจ ที่สร้างประเด็นความขัดแย้งให้เกิดกับทุกคนได้ หยาดทิพย์ เจ๊ฟู อิ๋ว ชาโนมองหน้ากันเอาไงดี กฤษฎาเครียดทันที รู้สึกแย่ และกังวลแทนเมธาวลัย

เมธาวลัยพาจิลลามายังบริเวณแผงขายหมูในตลาดสด เฮียซ้งกำลังสับซี่โครงปักๆ เจ๊แป๋วกำลังคิดบัญชี จิลลาเดินหนี แต่น้องสาวเหนี่ยวตัวเอาไว้
"เอาอะไรดีครับ สามชั้น สันคะ" ซ้งเห็นหน้าจิลลาก็ร้องทัก "อ้าว...หนูจิล"
"สวัสดีค่ะ ป๊า ม้า"
เจ๊แป๋วลุกมาทันที มองหน้าเฮียซ้ง แปลกใจที่จิลลาบุกมาหาถึงเขียงหมู
"นี่ เมเปิ้ล น้องสาวหนูเองค่ะ"
"สวัสดีค่ะ"
"มาจ่ายตลาดเหรอลูก วันนี้มาไกลนะจ๊ะ"
"มาหาลูกชายของป๊ากับม้านั่นแหละค่ะ" เมธาวลัยบอก
เฮียซ้ง เจ๊แป๋วอึ้ง มองหน้ากัน ดูมีพิรุธ
"สบตากันแบบนี้ แสดงว่ารู้ใช่มั้ยคะว่าไอ้ดรณ์อยู่ที่ไหน"
เฮียซ้ง เจ๊แป๋วสะดุ้งกับสรรพนามที่เธอเรียกดรณ์
"เม เรียกแฟนเค้าดีๆสิ"
"หนู ถึงลูกชายป๊าจะเป็นแค่ลูกชายเฮียเจ้าของเขียงหมู แต่ไม่ได้มีศักดิ์ศรีต่ำต้อยไปกว่าพวกหนูนะ อย่าจิกหัวเรียกแบบนี้ ให้เกียรติกันบ้าง" เฮียซ้งบอก
"หนูให้เกียรติคนที่การกระทำค่ะ ไม่ใช่ฐานะทางบ้าน ถ้าลูกชายป๊าแมนจริง คู่ควรกับที่จะให้หนูเรียกดีๆ ไม่จิกหัว มันก็ไม่ควรหลบหน้าแฟนแบบนี้ จะเอาไงก็ว่ามา เคลียร์ๆกันไปเลย ทำแบบนี้ เหมือนขี้ขลาด ไม่กล้าสู้หน้า"
เฮียซ้งมองเมธาวลัยอย่างเดือดดาล สับปังตอบนเขียงหมู ปั่ก! สองพี่น้องสะดุ้ง ถอยหนี
"ลื้อพูดแบบนี้มันเกินไปแล้ว!"
"เฮีย ใจเย็นนะ ที่หนูเค้าพูดมันก็ถูก"
"แล้วอั๊วว่าไม่ถูกตรงไหน ไปตามไอ้ตี๋มา"
ดรณ์เข็นรถเข็นเข้ามา
"ผมมาแล้วครับ ป๊า ม้า"
จิลลาดีใจ
"ดรณ์!"

ดรณ์ยิ้มเศร้าๆ ใส่ชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืด เนื้อตัวเหงื่อโทรมกาย เพราะไปช่วยส่งหมูมา
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 12 (ต่อ)

ณัฎฐาลินีเดินฉับๆเข้ามาในออฟฟิศ กุ๊งกิ๊งถือถ้วยกาแฟมา เธอเข้าไปจิกเสื้อทันที

"ทีหลัง ถ้านายวายุบุตรโทร.มาถามเรื่องพี่ ไม่ต้องบอกอะไรอีกเลยนะ เข้าใจมั้ย"
"ทำไมล่ะคะ แฟนกันอยากรู้เรื่องของกันและกัน หนูไม่กล้าไม่เล่าหรอกค่ะ"
"ยังไม่ใช่แฟน!"
"ขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมใจอ่อน เชื่อเค้าเลย แต่ยังไงคุณวายุบุตรก็ไม่ยอมเลิกตื้อหรอกค่ะ เผลอๆ อาจจะมาเฝ้าออฟฟิศเลยทั้งวันก็ได้"
กุ๊งกิ๊งบุ้ยปากไปทางหนึ่ง เธอชะโงกหน้าเข้าไปมอง วายุบุตรยืนมองไวท์บอร์ดอยู่ที่มุมหนึ่ง
"ว้าย! ใครให้เข้ามา จะไปด่าให้เสียคนเลย เธอเหรอ กุ๊งกิ๊ง"
"ผ.อ.ค่ะ"
"อุย!"
เธอมองเขาแล้วถอนใจ เก็กซิมกับลูกตื้อของผู้ชายคนนี้จริงๆ

วายุบุตรเห็นรายชื่อ “พิภพ อนันต์รุ่งเรืองกุล” บริจาค 5 ล้านบาท และบรรทัดต่อมาเห็นชื่อ “ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม” 5 ล้านบาท.... ซึ่งรายหลังนี้ เจ้าของเงินคือ วายุบุตร ที่ไม่ประสงค์จะออกนามคนนั้น และเรื่องนี้มีเพียง ผ.อ.เท่านั้นที่รู้เรื่อง
เธอเดินเข้ามา
"ทำนาบนหลังผู้หญิงเนี่ย สบายดีนะ วันๆไม่เห็นจะทำอะไร ลอยไปลอยมา แล้วก็มาจบที่การมาเสนอหน้าให้คนอื่นเค้ารำคาญใจ"
วายุบุตรหันมายิ้มให้
"ไม่สะเทือน"
"หนา"
"ขี้เกียจเถียง ผมเสร็จธุระแล้ว สวัสดี"
จู่ๆ วายุบุตรก็เดินออกไปเลย เธอยืนอึ้ง งง ผ็อำนวยการเดินออกมา
"ผ.อ.คะ นายนั่นมาทำไม"
"คุณวายุบุตรน่ะเหรอ"
"ค่ะ"
"เค้ามาคุยด้วยเล่นๆ"
ผ.อ เดินออกไป เธอยังไม่หายแปลกใจ วายุบุตรมาให้ข้อมูลอะไร ยังไง เธอรีบวิ่งตามออกไป

วายุบตรเดินมา กำลังจะออกจากมูลนิธิ ณัฎฐาลินีวิ่งตามมา
"เดี๋ยวก่อน!"
วายุบุตรชะงัก
"ครับ"
"คิดว่าทำอะไรอยู่น่ะ"
"ผมก็ทำในสิ่งที่ต้องทำ"
"ให้ข้อมูลบิดเบือนความจริงกับผ.อ ฉันน่ะเหรอ"
"ผมไม่เคยบิดเบือนความจริง"
"อะไรคือความจริงของคุณล่ะ"
"ผมยังบอกอะไรมากในตอนนี้ไม่ได้ ขอแค่ให้คุณรู้ไว้ ว่าผมไม่มีทางทำร้ายใคร"
เธออึ้งกับสายตายืนยันของเขา
"ได้มั้ย"
"ฉัน"
"แปลว่าได้ ขอบคุณมาก"
วายุบุตรจะเดินออกไป
"เดี๋ยว!"
"อะไรอีกล่ะครับ"
"ที่คุณชวนฉันไปเที่ยว...จะไปไหน"
"แปลว่า...ใจอ่อน"
"พูดมาก เดี๋ยวก็ไม่ไปด้วยซะหรอก"
เธอเดินหนี เขาฉวยข้อมือเอาไว้
"แผนของผมได้ผลจริงๆ...ถ้าผมง่ายกับคุณ คุณก็จะไม่สนใจผม แต่ถ้าแหย่ให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ คุณจะไม่ยอมปล่อยผมไป"
เธอทุบวายุบุตร "นี่!"
เขาจับอีกมือเอาไว้
"ผมไม่ใช่กระท้อนนะ ยิ่งทุบยิ่งหวานน่ะ"
"ไม่ได้ทุบให้หวาน จะทุบให้ตาย"
"ทำงานต่อต้านความรุนแรงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเป็นซะเอง"
เธออึ้ง เออ ก็จริง
เขากระซิบข้างหู
"แต่ถ้าวันไหนไม่ถูกคุณทุบหรือด่า...โลกของผมก็ไม่สดใส แต่ช่วยเบามือหน่อยได้มั้ย จะได้มีผมไว้ให้ทุบนานๆ"
"แหวะ!" เธอผลักวายุบุตรออกไป อายๆ
"จะไปไหน กี่โมงก็รีบๆบอกมาสิ"
วายุบุตรยิ้มกริ่ม ชื่นใจที่เธอยอมเปิดหัวใจ

มุมหนึ่ง Shopping mall พีศทรรตเดินเรื่อยเปื่อยใช้ความคิด ปินัทธาเดินตัวเกร็งตามต้อยๆ รู้สึกผิด ภัทรวลัยกับเป้ ตามหลังน้ำผึ้งอยู่ห่างๆ เธอปรึกษาเพื่อนเสียงเบาๆ“เอาไงดี ผิดวิสัยเค้ามากเลยนะ ปกติฉันต้องถูกด่าที่ปากไวไปแล้วเนี่ย”
“ไม่รู้ว่ะ เอาไงดีคะพี่เป้ ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“ตอนนี้ผู้ชายของหนูคิดอะไรอยู่คะพี่เป้”
“คุณพีศกำลังคิดว่า...เซ็งเป็ดค่ะ”
ทั้งสองคนโพล่งพร้อมกัน
“โอย! พี่เป้”
“เอ๊า ก็มันจริงนี่คะ อุตส่าห์พาแฟนใหม่มาจะเปิดตัว แต่ลูกก็ไม่ยอมรับ แถมเมียเก่าก็ฉวยโอกาสประกาศความเลวของแฟนใหม่ให้โลกรู้อีก เค้าคนกลาง ย่อมลำบากใจและเซ็งเป็ด”
“เดี๋ยว ขอแก้ข่าวนิส...หนูไม่ได้เลว หนูแค่ของขึ้นเวลาคนนอกมาเรียกหนูป้า หนูเลยเผลอปากเสีย ไม่ฟังที่แฟนทักท้วง”
“นั่นแหละ เลว!”
“โอย! จะช่วยหรือจะซ้ำเติม”
“น้ำผึ้ง....ปัญหาของน้ำผึ้งคืออารมณ์ ถ้าเพียงแต่ใจเย็น อย่าเพิ่งเติมเชื้อไฟให้เรื่องที่กำลังร้อนระอุลงไปอีก ก็พอ”
“แปลค่ะ”
“ใจเย็นๆ อยู่เคียงข้างคนรัก คอยให้กำลังใจและสนับสนุนการตัดสินใจของเค้า อย่าทำให้เค้ารู้สึกเบื่อหน่ายที่มีน้ำผึ้งอยู่ในชีวิต”
“เหมือนที่พวกฉันกำลังเบื่อแก” ภัทรวลัยบอก
“ทำไมอ่ะ ฉันน่าเบื่อเหรอ”
“เออ! หัดใช้สติปัญญาแก้ปัญหาซะบ้าง อย่าเอาแต่ใจ ต่อไปนี้เป็นเวลาของแกแล้ว พวกฉันไม่เกี่ยว ทำหน้าที่ช่วยแกได้แค่นี้ บาย!”

แล้วภัททรวลัยกับเป้ก็ควงแขนกันออกไป เธอเดินใช้ความคิด มองโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกเห็นใจ ค่อยๆเดินตัวลีบๆไปอยู่ข้างๆเขา

พีศทรรตยังยืนเฉย ไม่สนใจจนเธออึดอัด

“อย่าเป็นแบบนี้ได้ป่ะ อึดอัดมากเลยรู้มั้ย”
“เป็นแบบไหน”
“เฉย ไม่พูดอะไร ไม่หือไม่อือ ปกติถ้าฉันทำเรื่องพังขนาดนี้ คุณต้องวีนต้องโวยฉัน”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ก็ฉันปากเสีย พูดไปเรื่อย ไม่ฟังที่คุณห้าม”
“ยอมรับผิดเป็นด้วยเหรอ”
“ก็มันจริง...ทำให้ลูกคุณอาละวาดใหญ่เลย ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่ควรพูดอะไรออกไปแบบนั้น เค้าอาจจะไม่ทันตั้งตัว”
“ถึงคุณไม่พูด ผมก็ต้องพูดอยู่ดี ที่ผมนัดคุณ นัดรดาและญาดามาทานข้าวด้วยกัน เพราะผมต้องการให้ลูกรับรู้ เรื่องของเราอย่างจริงจัง”
“รู้แต่ไม่ยอมรับ”
“เพราะรดาก็มีส่วน...”
เธออึ้ง
“คุณหมายความว่าอะไร”
“รดาเป็นคนฉลาด ผมอ่านเกมเค้าออก รดาใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อให้เรื่องของเรามีปัญหา”
“ต๊าย! ร้ายกว่าที่คิดนะยะ แล้วมาว่าฉัน ชิๆๆ”
“นี่!”
“รู้งี้แล้ว บอกเลย ว่าฉันยิ่งอยากเอาชนะ หวงก้างนัก จะเคี้ยวก้างให้ละเอียดเย้ยเลยคอยดู”
“แน่ใจเหรอ ว่าไหว”
“ไม่เคยยอมแพ้กลางคัน เพื่อความรักของเรา ฉันต้องสู้”
พีศทรรตถอนใจ ยิ้มๆ
“กลับเองนะ ผมมีธุระ”
“จะไปไหน”
“นัดน้องเอินไว้”
“อ๋อ แฟนเด็กคนนั้น โอเค ตามสบาย”
พีศทรรตเดินออกไปเลย เธอเพิ่งได้สติ
“เฮ้ย! ได้ไง หยุดนะ คุณพีศ ไอ้คุณพีศ”
เธอวิ่งตามเขาไปทันที

ร้านอาหารในตลาดสด จิลลากำลังโกรธ
“เค้าไม่หยุด! ตัวเองนั่นแหละหยุด เม! เค้าอัดอั้นมาหลายวันแล้ว ดรณ์! อยากเลิกกับจิลใช่มั้ยถึงได้ไม่ติดต่อ ไม่คุยกับจิล พูดออกมาเลย พูดมาสิ!”
ดรณ์นั่งก้มหน้านิ่ง
“ดรณ์ ถ้าเธอไม่พูด ปัญหานี้ก็จะไม่จบ แล้วฉันก็ต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องของเธอไปไม่รู้จักจบจักสิ้น สรุป จะรักกันก็อย่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ไอ้ดรณ์!”
ดรณ์โพล่งออกมา
“ที่ผมไม่รับโทรศัพท์คุณ เพราะผมอาย”
สองพี่น้องอึ้ง แปลกใจ
“อายอะไร ระหว่างเรา มีเรื่องต้องอายอีกเหรอ”
“มีสิ จะให้ผมเอาความภาคภูมิใจมาจากไหน ที่ผมตกงาน ทั้งที่ผมกำลังจะขอคุณแต่งงาน”
จิลลาน้ำตาจิไหล
“ดรณ์”
“ผมเลยไม่กล้าสู้หน้าคุณ กลัวคุณดูถูกผม รังเกียจผมที่ดูแลคุณไม่ได้ ผมคิดว่า จนกว่าผมจะหางานใหม่ได้ ผมจึงจะมีหน้ากลับไปคุยกับคุณ”
“ดรณ์ อย่าคิดเองเออเองสิ ฉันไม่เคยคิดว่าคุณต่ำต้อยด้อยค่าอะไรเลย ฉันต่างหากที่กลัว กลัวคุณไม่รักฉัน เพราะนับวันฉันก็แห้งเหี่ยวโรยราในขณะที่คุณไม่ใช่ คุณยังมีโอกาสได้เจอคนที่สาวกว่า มีชีวิตชีวากว่าฉัน”
“ผมไม่เคยสนใจความสาว ความสวย ผมรักคุณนะจิล ผมรักที่คุณเป็นอย่างนี้ คุณแก่ สักวันผมก็ต้องแก่เหมือนกัน”
“ดรณ์...ฉันรักคุณ”
“ผมรักคุณมากกว่า”
จิลลากับดรณ์จะโผเข้ากอดกัน แต่ชะงัก เกรงใจชาวบ้าน เลยแค่จับมือกัน มองหน้ากันหวานซึ้ง
เมธาวลัยถอนใจ กลุ้มใจ
“พอให้พูด ก็พูดน้ำไหลไฟดับ ตกลงเคลียร์กันต่อเองนะ”
จิลลาและดรณ์โบกมือไล่ แต่สายตายังจ้องมองกัน เธอยิ่งเซ็ง
“กลายเป็นหมาหัวเน่าเลยฉัน”
จิลลาปลอบใจดรณ์
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ เค้าใจหาย”
“ครับ จิล ผมขอโทษ”
“จะขอเค้าแต่งงานจริงเหรอ...เยสค่ะ”
“ครับจิล”
เมธาวลัยเดินออกไปเลย

เธอเดินคิดถึงเรื่องของจิลลากับดรณ์ แล้วยิ้มขำๆ กฤษฎาโผล่มาข้างหลัง
“คุณเมเปิ้ลครับ”
เธอตกใจ หันไป แทบซบกับอก “ว้าย!”
เธอเขิน รีบเด้งตัวเองออกมา ทำฟอร์มใส่
“ฉันเสร็จธุระแล้ว คนอื่นๆล่ะนั่งรอกันอยู่ที่ไหน”
“ทุกคนกลับไปหมดแล้วครับ ไม่รอ”
“อะไรนะ!”
เสียงมือถือเธอดังขึ้น เธอเห็นชื่อบนหน้าจอ “บอส” ก็ตกใจ รีบรับสาย ฟังคู่สนทนาแล้วหน้าเสีย
“ค่ะบอส! ค่ะบอส แล้วเจอกันค่ะ”
เธอกดวางสาย กำมือแน่นด้วยความแค้นใจ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
เธอไม่ตอบ เดินหนี กฤษฎาเดินตาม

ทางเดินใน Shopping mall พีศทรรตเดินลิ่วมา ปินัทธาตามมาตะปบ
“คุณมีฉันอยู่แล้วทั้งคน ยังจะกล้าไปหากิ๊กเหรอ ไม่ให้ไป”
“ก็ผมเซ็ง ผมจะไปคุยกับน้อง แก้เบื่อ ปล่อย”
“คุยกับฉันก็ได้”
“ไม่ได้ คุยกับน้องมันมีอารมณ์”
“อารมณ์อะไร! ไอ้เฒ่าหัวงู”
“อารมณ์หวานมันฉันคือเธอ โลกสดใส วิ้งๆ! แบ๊วๆ!”
“ฉันก็แบ๊ว!” เธอฉีกยิ้มสวย แบ๊วเต็มที่ “ไง!”
“บ๊อง! ปล่อยเลย อายเค้า เกาะเป็นตัวอะไร”
“ฉันไม่อาย คุณสิต้องอาย ที่จะไปหากิ๊กแล้วทิ้งฉันให้เน่าในอยู่คนเดียว คิดว่าฉันไม่เบื่อ ไม่เซ็งหรือไง!”
“ก็ไปหาหนุ่มๆของคุณสิ”
“ฉันไม่มีใคร นอกจากคุณคนเดียว”
เขาอึ้ง สบตาน้ำผึ้ง...เห็นความหวั่นไหวอยู่ในนั้น
“ฉันชอบคุณ ตอนนี้ สายตาฉันไม่คิดมองใคร ฉันมองเห็นแค่คุณ”
“เฮ้ย! หน้าไม่อาย บอกผู้ชายก่อนเนี่ยนะว่าชอบ”
“ใช่! ไม่เสียเวลาแอ๊บเก็บเอาไว้บอกใครไม่ได้อีกแล้ว ชอบก็คือชอบ และจะเอาให้ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ให้ไป”
เธอเกาะเขาหนึบ
“จะเกาะอยู่อย่างนี้ใช่มั้ย”
“เออ”
“ได้!”
พีศทรรตไปทั้งๆที่มีน้ำผึ้งเกาะแข้งขาแขนอยู่

ทางเดินในตลาดสด เมธาวลัยเร่งเดินด้วยความโมโห กฤษฎาเร่งตาม
“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณเมเปิ้ล”
“ไอ้ไทเกอร์มันไปฟ้องบอสว่า ฉันทำงานได้ไม่สมกับคำว่าบ.ก.บ.ห.”
“ผมผิดเอง ผมจะไปคุยกับบอส”
“ไม่ต้องมาเสนอนหน้าออกรับผิดแทนฉัน มันคือความรับผิดชอบของฉัน เธอควรจะอยู่เฉยๆ! ถ้าไม่อยากให้ฉันซวยมากไปกว่านี้”
กฤษฎาอึ้ง เธอไม่สนใจ เดินฉับๆออกไป

เมื่อเธอเดินมา ก็ชะงัก เพิ่งคิดได้ มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นกฤษฎา เห็นแต่คนแปลกหน้าในตลาด เธอรู้สึกเหงา
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 12 (ต่อ)

กรุงเทพตอนกลางคืน ณัฎฐาลินีเดินมาจะเข้าฟิตเนส วายุบุตรตามมาส่ง

“ยังมีแรงเหลือเข้าฟิตเนสอีกเหรอคุณ”
“ไม่ได้มาออกกำลังกาย”
“แล้วมาทำไม”
“มาออกกำลังปาก”
“หือ?”
“เรื่องของผู้หญิงถึงผู้หญิง จะไปทำงานก็รีบไปเถอะ นับจากนี้คือช่วงเวลาส่วนตัวของฉัน”
“แต่ถ้าเราแต่งงานกันเมื่อไหร่ คุณต้องมีช่วงเวลาของเราให้มากกว่านี้นะ ไม่งั้นผมไม่ยอม”
“ปากเหม็นแระ ไปเลย”
เธอผลักเขาออกไป วายุบุตรหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เธอยิ้มไม่หุบ
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้...ยังไงผู้หญิงก็ต้องเป็นใหญ่ย่ะ”
ภัทรวลัยวิ่งหน้าตาตื่นออกมาเจอเพื่อน
“มาแล้วเหรอแก”
เธอยังยิ้มติดพัน ไม่ยอมหุบ
“เออ ตกลงมีเรื่องอะไรด่วน โทร.เรียกฉันมาเนี่ย”
“จะยิ้มทำไม”
“ไม่รู้”
ภัทรวลัยลากเพื่อนเข้าไปข้างในทันที

ปินัทธานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่ที่ร้านกาแฟ ปากก็บ่นไป เป้กำลังนั่งปาดเหงื่อด้วยความจนใจ
“ไอ้คุณพีศจอมหื่น! เห็นเด็กดีกว่าป้า ฮะฮือ! สุดท้าย มันก็ไปจนได้ ฮะฮือ! ฉันถูกยันออกจากรถอย่างไม่สนใจใยดี”
ณัฎฐาลินีเข้ามากับวลัย
“เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย”
“เรื่องมันยาว เล่าพรุ่งนี้เช้าก็ยังไม่จบ คืองี้นะ”
“เอาสรุป” ณัฎฐาลินีขัด
“แฟนมันไปหากิ๊ก เพราะเซ็งที่มันปากเสียใส่ลูกกับเมียเก่าเค้า จบ”
ณัฎฐาลินีส่ายหัว เป้ดีใจมากรีบเข้ามาหา
“มาแล้วเหรอ ดีใจจัง พี่ปลอบจนไมรู้จะปลอบยังไงแล้ว เกือบจะร้องไห้ตามไปด้วยแล้วเนี่ย”
“น้ำผึ้ง” เพื่อนทนายสิทธิสตรีเรียก
“อะไร”
“เลิกเลย”
“ไม่เลิก ! ผู้ชายหายาก”
“แต่เค้าหลายใจ ไม่ซื่อสัตย์กับแก”
“ฉันมาทีหลัง ฉันยอมรับในข้อนี้ แต่ฉันไม่ยอมแพ้แค่เรื่องกิ๊กเค้าหรอก เรื่องเมียเก่าจอมวางแผนเค้าด้วย เรื่องว่าที่แม่ผัวฉันอีกคน”
“แล้วมานั่งร้องไห้ทำไม”
“ร้องเพื่อจะหัวเราะทีหลัง”
เพื่อนทั้งสองโพล่ง “อีบ้า!”
“พวกแกต้องให้กำลังใจฉันนะ ฉันจะสู้ สู้เพื่อรัก”
ทุกคนส่ายหัวกับน้ำผึ้ง
เมธาวลัยหน้าดำคร่ำเครียดบึ้งตึงเข้ามาข้างหลัง
“แก!”
ทุกคนตกใจ “เฮ้ย!”

เมธาวลัยดื่มกาแฟเงียบๆ เป้ดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ
“แกแย่งซีนน้ำผึ้งไปเลยอ่ะ เมเปิ้ล” ณัฎฐาลินีบอก
“ช่วยไม่ได้ ฉันเกิดมาเพื่อฆ่าพวกแก”
ทุกคนร้อง
“เหรอ”
“แต่มาผิดฟอร์มนะวันนี้”
“ฉันแพ้อ่ะ!”
เมธาวลัยปล่อยโฮ ตัวสั่นด้วยความโกรธ ทุกคนตกใจ
“เมเปิ้ล แกเป็นอะไร”
“ฉันโกรธอ่ะ”
“แกเคยไม่โกรธด้วยเหรอ”
“แต่คราวนี้....ฉันเถียงไม่ออกเลยอ่ะ”
“เฮ้ย! เป็นไปได้ด้วยเหรอ” ปินัทธาบอก
“เป็นไปแล้ว อยากฟังมั้ย”
ทุกคนพยักหน้า เป้หันไปบอกพนักงาน
“น้อง แขวนป้ายปิดร้านเถอะ พวกพี่คงอึกทึกจนไม่มีใครกล้าเข้าร้านแล้วล่ะ เหมาร้านเลย”
“พี่เป้ ป๋าอ่ะ!!” ภัทรวลัยบอก
“เพื่อเพื่อนเมีย น้อยกว่านี้ไม่ได้หรอกจ๊ะ”
“รักเลยอ่ะ”
“เฮ้ย! ฟังฉัน อย่าแย่งซีน”
“เออ!”
ทุกคนรอฟัง

ก่อนผ่านเวลามาถึง ณ ที่แห่งนี้ เมธาวลัยยืนนิ่ง โกรธ ในขณะที่บอสนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของเธอ ไทเกอร์ หยาดทิพย์ เจ๊ฟู อิ๋วและชาโนยืนตัวลีบอยู่ด้วย ไทเกอร์แอบยิ้มกริ่ม
“ผมไม่สบายใจเลยที่ได้ยินเรื่องนี้”
เธอสบตาไทเกอร์ไม่ครั่นคร้าม
“อย่าไปโกรธไทเกอร์เลย เค้ามีสิทธิ์ที่จะแสดงความไม่สบายใจในฐานะคนที่ต้องทำงานร่วมกับคุณ ที่คุณให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสีย และหยุดชะงัก”
เธอมองกราด ทุกคนหลบตา
“ทุกคนบอกบอสอย่างนี้เหมือนกันเหรอคะ?”
ทุกคนส่ายหน้า พยักหน้าแบบไม่กล้าสบตา แล้วชี้ไปที่ไทเกอร์คนเดียว
“โดยหน้าที่และตำแหน่ง ผมต้องพูดแทนทุกคน เพราะผมรู้ว่าทุกคนกลัวบ.ก. เหมือนแมวกลัวหมา ไม่มีใครกล้าพูดหรอก”
หยาด,อิ๋ว,ชาโน,ฟู โพล่ง“แรง!”
เธอมองไทเกอร์อย่างแค้น
“โชว์หางออกมาแล้วสินะ นี่อยากนั่งเก้าอี้ฉันจนตัวสั่นทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ย”
ทุกคนว่า “แรงกว่า!”
“ผมทำเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ไม่ได้หวังตำแหน่งหรือเก้าอี้อะไรทั้งนั้น”
“อมพระประธานทั้งประเทศมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ”
“แรงที่สุด!”
“ทุกคนหยุด” บอสบอก
ทุกคนเงียบ
“เมเปิ้ล ช่วงนี้คุณคงมีเรื่องวุ่นวายใจมากสินะ”
“ไม่เชิงค่ะ”
“เอาอย่างนี้ ลาพักมั้ย แล้วให้ไทเกอร์ดูแลงานแทนไปก่อน”
“บอส!”

ไทเกอร์ยิ้มเลย ทุกคนตกใจ เธอตาค้างคาดไม่ถึง

ภายในร้านกาแฟ ทุกคนฟังอบ่างตื่นเต้นมาก

“แปลว่าไล่ออกเหรอ!” ทุกคนโพล่งถาม
“ไม่ใช่”
ทุกคนโล่งอก
“แล้วไป”
“ถ้าไล่ออก ถือว่าบอสแกทำเกินกว่าเหตุ”
“ใช่ แกออกจากทำงานดี” ปินัทธาบอก
ณัฎฐาลินีบอก
“เสียอยู่แค่...ขี้วีน เผด็จการ เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ชอบกดขี่คนอื่น”
“จริงๆก็ควรจะไล่ออกนะคะ” เป้บอก
“พี่เป้!” เมธาวลัยร้องปราม
“ขอโทษค่ะ”
“เดี๋ยว แล้วตกลง ยังไงต่อ ที่แกบอกว่าแกแพ้ แปลว่าแกจะยอมให้บอสพักงานแล้วให้อีแอบไทเกอร์นั่นทำงานแทนแกจริงเหรอ”
“ฉันแพ้ แค่ตอนเริ่มเรื่องเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้น...”
ทุกคนรอฟังเธอเล่าต่อ

ในห้องทำงาน เธอย้ำหนักแน่น
“ฉันไม่พัก!”
ไทเกอร์และทุกคนอึ้ง
“กับอีแค่เด็กขี้อิจฉา เอาเรื่องหยุมหยิมไปฟ้อง บอสก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่เหรอคะ ที่พูดด้วยความเคารพค่ะ”
ไทเกอร์อึ้ง คนอื่นๆเริ่มหน้าซีด
“ไทเกอร์ คุณอิจฉาเมเปิ้ลเค้าหรือเปล่า” บอสถาม
“ไม่เล้ย ผมไม่เคยอิจฉา! ผมบอกแล้วไง ว่าผมพูดทุกอย่างไปตามเหตุและผล จะว่าผมหยุมหยิมก็ได้ แต่เรื่องเล็กมันคือ จุดเริ่มต้นของเรื่องใหญ่ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆมันจะเกิดความเสียหาย”
“แล้วเสียหายหรือยัง ไอ้ไทเกอร์”
“บอสครับ บ.ก.หยาบคายครับ”
บอสเริ่มปวดหัว
หยาดทิพย์ เจ๊ฟู ชาโน และอิ๋วเซ็ง เบื่อมาก
“โน...มียาดมมะ เจ๊จะเป็นลม” อิ๋วบอก
“มี แต่ไม่ให้ เพราะต้องการเหมือนกัน ผมไม่ชอบบรรยากาศของความขัดแย้ง”
ชาโนบอก แล้วยัดยาดมเข้ารูจมูกตัวเองเลย
“อี๋! ฉันไม่รักแกแระ”
เจ๊ฟูกระซิบหยาดทิพย์
“คุณน้องคะ แค่หนูชอบอีแอบเจ๊ยังสงสาร นี่ถ้าหนูยังปลื้มมันอยู่อีก เจ๊สมเพชแล้วล่ะ”
“ยิ่งพูด ยิ่งเห็นความน่าเกลียดค่ะเจ๊”
“มันหรือเจ๊”
หยาดทิพย์น้ำตาไหล
“มันสิคะ หนูอกหักอ่ะ”
เธอหันมาตวาดทุกคน
“ทุกคนฟังนะ! ถ้ามีใครอึดอัด ลำบากใจที่จะทำงานกับฉัน บอกมา แล้วลาออกไปเลย! โดยเฉพาะแก ไทเกอร์ ถ้าฉันทำให้แกปั่นป่วนนัก จะทนทำไม ลาออกไปสิ”
ไทเกอร์อึ้ง ทุกคนอึ้ง ก้มหน้านิ่ง
“อ่ะ ไม่พักก็ไม่พัก ผมก็ลืมไป ว่ามันก็ยังไม่มีอะไรร้ายแรง ถือว่าเป็นการเตือนจากผมก็แล้วกันนะ จัดสรรชีวิตให้ดี เมเปิ้ล” บอสว่า
“บอส”
“ไทเกอร์ ถ้าอยากเป็นบ.ก.บ.ห. มาก ควรใช้ฝีมือทำงานมากกว่าฝีปากนะ พอดีผมกำลังจะเปิดแมกกาซีนหัวใหม่ ตอนแรกก็ว่าจะพิจารณาคุณไปดูแล แต่ตอนนี้คงต้องระงับไว้ก่อน”
บอสเดินออกไป ไทเกอร์เหวอรับประทาน ชาวคณะสะใจ เธอสะใจมาก

ภายในร้านกาแฟ เมธาวลัยหัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ แล้วฉันก็ชนะ ฮ่ะๆๆ มันแพ้ ฮ่ะๆๆ”
“แล้ว...แฟนแกไปอยู่ที่ไหนในฉากย้อนอดีตที่เล่ามาเมื่อกี้” ณัฎฐาลินีถาม
เธออึ้ง
“กฤษฎา นั่นดิ เค้าหายไปไหน”
เธอเริ่มกังวลใจ

เธอพยายามโทรหากฤษฎา ก่อนเข้าบ้าน กฤษฎานั่งมองมือถือตัวเองที่มีสายเธอโทร.เข้า ข้างหลังมีกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของที่เก็บลงกล่องเรียบร้อย สำหรับเตรียมขนย้าย กฤษฎาไม่รับสายเมเปิ้ล มองมือถือด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ!
เธฮหงุดหงิดที่กฤษฎาไม่รับสาย
“เด็กบ้า อย่าบอกนะว่างอนฉัน พรุ่งนี้เจอจะด่าให้หายบ้าเลย”
เธอวางสาย เดินเข้าบ้าน
ภายในนห้องพักกฤษฎา เขาถอนใจ สายเงียบไปแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้น กฤษฎาลุกไปเปิดประตู น้ำฟ้ายืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
“แน่ใจนะ กฤษ ว่าจะทำอย่างนี้จริงๆ”
“เราแน่ใจ แล้วเธอล่ะ...โอเคหรือเปล่า”
“สำหรับกฤษ เราพร้อมเสมอ”
น้ำฟ้าเข้าห้องปิดประตู อมยิ้ม

ภายในห้องทำงานวายุบุตร ในออฟฟิศผับ เขานั่งเซ็นเอกสาร ป้อมเข้ามา
“สิริมามาหรือยัง”
“โทร.มาบอกว่าไม่เข้าครับ นาย”
วายุบุตรแปลกใจ แต่ก็ไม่ติดใจอะไร นั่งทำงานต่อไป

มุมเคาน์เตอร์บาร์ผับพิภพ สิริมานั่งดื่มอยู่คนเดียว พิภพเข้ามานั่งข้างๆ
“คืนนี้ฝนคงตกหนัก คุณสิริมาสุดสวยให้เกียรติมานั่งดื่มในร้านของผม”
“ร้านสวยดีนี่”
“ขอบคุณที่ชม”
“ยังไงก็ยังเป็นเหมือนเดิม...เห็นใครมีอะไร ก็จะอยากมีอย่างนั้น ตามก้นวายุอยู่ได้ตลอดชีวิต”
พิภพฉวยข้อมือของสิริมาด้วยความเจ็บใจ
“ไม่จริง! ผมรักคุณก่อน ก่อนที่มันจะหันมามองคุณด้วยซ้ำ มันแย่งคุณไปจากผม”
“ใช้คำว่าแย่ง ฉันต้องรักคุณไม่ใช่เหรอ แต่ฉันไม่เคยรักคุณเลย”
พิภพอึ้ง ค่อยๆลดมือลง ยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บช้ำ
“นั่นสินะ...คุณไม่เคยรักผมเลย ถึงคุณจะเลิกกับมันแล้ว คุณก็ไม่คิดจะหันมามองผม”
สิริมาตั้งใจจ้องหน้าพิภพ หว่านเสน่ห์
“แต่ตอนนี้...ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ”
พิภพประหลาดใจ
เจตต์สะพายกีต้าร์เดินผ่านมา เห็นสิริมาคุยกับพิภพอย่างใกล้ชิด แปลกใจ หลบมองอยู่พักหนึ่ง แล้วหลบไป
พิภพมองสิริมาอย่างหื่นกระหาย
“อะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจ”
“ถ้าคุณจะทำให้ฉันพอใจ”
พิภพอึ้ง สิริมายิ้มยั่วยวนพิภพต่อไป

วายุบุตรคุยมือถืออยู่ สีหน้าเคร่งเครียด
“ขอบใจ”
วายุบุตรวางสาย แปลกใจ ไม่ไว้ใจ และเป็นกังวล

พิภพยกแก้วชนกับสิริมา
“เรื่องแค่นี้ ทำไมผมจะทำให้คุณไม่ได้”
“ฉันรู้ว่าคุณทำได้ เพราะใจคอคุณโหดเหี้ยมซะขนาดนี้ ขายผู้หญิงมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคนยังทำได้ นับประสาอะไรกับทำให้นังลินีมันเจ็บมันกลัวจนต้องหนีหน้าไปจากโลกนี้”
“คุณรู้...แสดงว่าไอ้วายุก็รู้”
“ความลับไม่มีในโลก วายุเองก็ไม่ใช่คนโง่ ว่าคุณจ้องจะใส่ร้ายและเล่นงานเค้าอยู่ทุกวัน รู้มั้ยว่าคุณกำลังถูกจับตามอง”
“ยังไง”
“ทำงานที่ฉันบอกให้สำเร็จก่อนสิ แล้วฉันจะบอกคุณว่าวายุวางหมากไว้รอบตัวคุณยังไงบ้าง แถมด้วย...ตัวฉัน!”
พิภพยิ้มกริ่ม จับมือสิริมาเอาไว้ อย่างเสน่หา เธอค่อยๆชักมือกลับ
“แต่ถ้าเดิมพันนี้ ถ้าไม่สำเร็จ ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก หรือถ้าคุณจะไปบอกวายุเรื่องฉัน...คิดเหรอว่า วายุจะเชื่อศัตรูอย่างคุณมากกว่าเพื่อนที่ตายแทนกันได้อย่างฉัน”

สิริมาลุกออกไปอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า พิภพชักหวาดระแวงกับคำพูดของสิริมา
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 12 (ต่อ)

ปินัทธาเดินหมดแรงเข้ามาที่คอนโดฯ เห็นกานดานั่งรออยู่ที่โถงล็อบบี้ ก็ชะงัก ตกใจ

“คุณแม่!”
กานดาลุกขึ้นมองอย่างไว้ท่า

ภายในห้อง เธอวางน้ำให้ กานดานั่งเฉย มองไปรอบๆห้อง
“รสนิยมก็ไม่เลว แต่งห้องได้น่าอยู่”
“หนูเลือกแต่ของดีๆทั้งนั้นแหละค่ะ”
“รวมถึงลูกชายของฉันด้วยสินะ”
“คุณพีศไม่ใช่ของดีหรอกค่ะ ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นของมีตำหนิ”
“ถึงจะมีตำหนิ แต่ฉันว่าก็สูงส่งไปสำหรับคนอย่างเธอ”
เธอกำมือแน่น นึกถึงคำตักเตือนของพีศทรรตว่าให้อ่อนน้อนกับผู้ใหญ่เลยยิ้มสู้
“นี่ฉันกำลังต่อว่าเธออยู่นะ ยังจะมีหน้ามายิ้ม”
“ก็...คงจะดีกว่าลุกขึ้นวีนคุณแม่ล่ะค่ะ ดีกว่ามั้ยคะ”
“ฉันเข้าเรื่องล่ะ”
กานดายื่นซองเงินให้
“อะไรคะ”
“ค่าสึกหรอของเธอ”
“ไม่มีอะไรสึกนี่คะ ทุกอย่างยังไม่ได้ผ่านการใช้งาน แต่อาจจะเสื่อมลงบ้างตามวัยและแรงโน้มถ่วงของโลก”
กานดาทนไม่ไหวบอกตรงๆ
“เป็นค่าจ้างให้เธอเลิกกับลูกชายของฉัน”
เธออึ้ง ตกใจ
“นี่...หนูคิดว่าจะมีแค่ในละคร โลกของความจริง ก็มีการใช้เงินฟาดให้ผู้หญิงออกไปจากชีวิตลูกชายตัวเองด้วยเหรอ”
“โอ๊ย ฉันคุยกับเธอมากกว่านี้อีกแค่นาทีเดียว ฉันคงเป็นลมตาย รับไว้ แล้วฉันจะไม่บอกตาพีศเรื่องนี้”
กานดาลุกขึ้น จะกลับ
“หนูไม่รับค่ะ”
“อะไรนะ”
“และอย่าดูถูกความรักของหนูมากกว่านี้อีก เพราะหนู...คงจะไม่ทน”
“เธอจะทำอะไรฉัน”
“หนูจะฟ้องคุณพีศ การแสดงของหนูดราม่าเข้าขั้นสุดยอด กวาดรางวัลมาแล้วทุกเวที ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณแม่จะโกรธคุณแม่ไปตลอดชีวิต แลกกันมั้ยคะ”
กานดาเดือดดาลมาก เธอยืนยิ้มสวยๆให้ ยืนยันในเจตนารมณ์
ในเวลาเดียวกัน เมธาวลัยเดินเข้าบ้านมา เจอแสนสุขนั่งอยู่กับพ่อแแม่
“กลับมาแล้วเหรอ”
เธอยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
วุฒิสีหน้าเครียด ส่วนมารยาทนั่งเซ็ง ง่วงนอนมาก
“รอหนูกันอยู่เหรอคะ ทำไมไม่โทร.ตาม”
“โทร.ตามให้รู้ตัวเหรอ เธอก็จะอ้างติดโน่นติดนี่น่ะสิ”
“ถ้าเรื่องสำคัญหนูจะอ้างโน่นอ้างนี่ทำไมล่ะคะ”
“โอย ถ้ารู้ อ้างแน่นอน” มารยาทว่า
วุฒิปราม
“คุณ”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“พ่อของเราได้ฤกษ์มาแล้วนะ เมเปิ้ล”
“ตอนไหนคะ ก็ตอนกลางวันที่ไปหาที่บ้าน ยัง...”
“ก็ตอนหลังจากที่เราออกจากบ้านไปแล้วนั่นแหละ”
“ก็ย่าเค้าบังคับ” มายาทบอก
วุฒิปรามอีก
“คุณ...”
“ให้พ่อเค้าเป็นคนบอกเราเองว่าต้องแต่งงานเมื่อไหร่”
“หนูไม่แต่ง”
“เมเปิ้ล!”
“หนูมีแฟนของหนูอยู่แล้ว ยังไงหนูก็จะแต่งงานกับแฟนหนู”
“เธอจะแต่งงานกับแฟนเธอได้ยังไง หน้าตาเป็นยังไง พื้นเพระดับไหน ฉันหรือพ่อแม่เธอก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะยอมให้เธอแต่ง”
“แล้วถ้าหนูพาแฟนหนูมาให้คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่เจอจะยอมให้หนูแต่งมั้ยล่ะคะ”
วุฒิกับมารยาทบอก
“ยอม”
“ฉันไม่ยอม” แสนสุขบอก
“ก็นั่นไงคะ คุณย่าไม่รักหนู คุณย่าทำร้ายจิตใจหนูอย่างนี้ได้ยังไง หมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ หนูก็ไม่ใช่เด็ก หนูมีความคิด มีวิจารณญาณ ถ้าคุณย่าไม่ยอมเปิดใจรับแฟนหนู หนูจะไปบวชชีกับแม่ชีเพื่อนคุณย่าเอง”
เธอประกาศลั่น วิ่งขึ้นห้องไป ทุกคนอึ้ง เครียดไปหมด

วายุบุตรนั่งเครียดอยู่ สิริมาเดินเข้ามา ชิลมาก
“คงรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันไปร้านเสี่ยพิภพมา”
“คุณไปทำไม”
“ทีคุณยังไปได้เลย..นี่ไม่ไว้ใจฉันเหรอคะ”
“คุณมีอะไรต้องไปคุยกับเสี่ยพิภพ”
“ฉันแค่เหงา เลยคิดอยากจะกลับไปมองๆใครสักคนที่รักฉันจริง”
“คุณกำลังเล่นกับไฟ”
“คุณหึงเหรอ”
ณัฎฐาลินีเดินมาถึงหน้าห้อง ได้ยินเข้าพอดี
“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะคิดว่าคุณกำลังหึงที่ฉันไปคุยกับเสี่ยพิภพ”
“เสี่ยพิภพ....คนเดียวกันหรือเปล่า” เธออึ้งสงสัย
สิริมาลุกเข้าไปคลอเคลียวายุบุตร
“ฉันก็เป็นผู้หญิง มีเลือด มีเนื้อ มีความต้องการ วันๆฉันทำแต่งาน ฉันเหงา...ไม่มีคุณ ฉันยิ่งเหงา”
“สิริมา...อย่า”
“แต่คุณก็ไม่ได้ผลักไสฉัน แสดงว่า คุณยังต้องการฉันอยู่”
เธฮทนไม่ไหว ผลักประตูเข้าไปทันที
“ต้องให้ฉันฉี่รดแฟนฉันหรือไง ถึงจะรู้ว่า เค้ามีเจ้าของแล้ว”
วายุบุตรตกใจ รีบลุกขึ้น จนสิริมากระเด็นไป
“ลินี!”
“โอ๊ย!”

เธอเข้าไปคว้ามือวายุบุตรออกไปทันที สิริมาเจ็บแต่ยิ้มสะใจ

มุมหนึ่งออฟฟิศวายุบุตร เธอโวย

“ผู้ชาย เผลอไม่ได้ ลักกินขโมยกินตลอด”
“ลินี ใจเย็น มันไม่ใช่”
“แล้วอะไร ปากก็ขอโอกาสจากฉัน แล้วที่ยอมให้ถ่านไฟเก่ากระพือไฟสวาทอยู่ได้นั่น อะไร!นี่ฉันประสาทดีป่ะเนี่ย ฉันยอมเชื่อคุณ ให้โอกาสคุณได้ยังไง”
“เค้าทำของเค้าเอง ผมไม่เกี่ยว”
“ก็คุณให้ความหวังเค้าใช่มั้ย เค้าถึงได้ไม่ยอมเลิกกระพือ”
“ผมไม่เคยให้ความหวัง จบก็คือจบ ทุกวันนี้ ผมคิดถึงแต่คุณ หัวใจผมอยู่ที่คุณ”
เธอเดินหนี เขาคว้าตัวเธอเอาไว้ เธอถูกดึงตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอตกใจ อึ้ง เพราะไม่เคยถูกผู้ชายกอด เหมือนมีแรงดึงดูด เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ชิดหน้าของเธอ
เธอหลับตารอ สิริมาเดินมาเห็น...ปวดใจ รีบหลบออกไป
เขาโน้มหน้ามาใกล้เธอมากขึ้นๆๆ
“หลับตาทำไม”
เธอลืมตา
“มีเศษผงติดที่ผมคุณน่ะ ผมจะเอาออกให้”
วายุบุตรหยิบเศษผง เธออาย หน้าแตก ผลักวายุบุตรออกไปทันที เดินหนี เขาเดินตามเธอไป

มุมหนึ่ง สวยๆหน้าผับวายุบุต
“เรายังคุยไม่เคลียร์เลยนะ”
“แต่ฉันเคลียร์แล้ว”
“เคลียร์ว่าอะไร”
“คุณจบ”
“คุณเชื่อผมใช่มั้ย”
“ฉันจะยอมเชื่อ...และขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าทำให้ฉันผิดหวังถ้าฉันมาจับได้ทีหลังว่าฉันถูกทรยศ”
“คุณเริ่มชอบผมเข้าแล้ว”
“ยัง! แค่...รู้สึกเป็นมิตรมากขึ้น”
“แล้วมาทำไม คิดถึงเหรอ”
“จะมาชวนไปทานข้าว”
“พูดดีๆสิ”
“จะไปมะ!”
“ก็ได้”
เขาจับมือเธอไว้
“ทำไมต้องจับ...เตือนนะ ตอนนี้ท้องว่าง อย่าทำให้ฉันอ๊วก ฉันต้องสงวนน้ำย่อยไว้ย่อยอาหาร ขอเหตุผลที่ไม่ปลาร้า”
“เพราะผมอยากจับ หรือจะให้จับอย่างอื่น”
“จับมือเถอะ”
วายุบุตรยิ้มๆกับลินี ออกเดินไปด้วยกัน

เวลาเดียวกัน มารยาทเคาะประตูห้อง วุฒิและแสนสุขยืนรออย่างเป็นห่วงและกระวนกระวายใจ
“ลูก เมเปิ้ล เปิดประตูออกมาพูดกันดีๆนะลูกนะ”
“คุณแม่ครับ..ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ” วุฒิบอก
“พูดดีๆนะ ไม่งั้นฉันด่า”
“เอ่อ...ไม่พูดดีกว่าครับ คุณ...เรียกยัยเมอีกเร็ว” วุฒิตั้งใจประชดแดกดันแม่ “สงสารลูก ถูกบังคับใจให้แต่งงาน ไม่มีอะไรจะเป็นโศกนาฏกรรมได้ขนาดนี้แล้ว นึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เราไม่รัก เหมือนตกนรก”
แสนสุขบอก
“พอแล้ว”
“เปล่าพูดกับคุณแม่นะครับ ผมแค่พูดลอยๆ”
“ฉันไม่โง่ มารยาท เรียกยัยเมออกมา”
“ออกมาให้คุณแม่บังคับอีกน่ะเหรอคะ แล้วลูกหนูต้องหนีไปบวชชีน่ะเหรอคะ อย่าเรียกเลยค่ะ ปล่อยให้แห้งตายอยู่ในนั้นแหล่ะค่ะ ดีกว่า”
“โอ๊ย! ฉันเบื่อพวกเธอจริงๆ”
แสนสุขหงุดหงิดเดินออกไปทันที แต่ก็ใจเสีย นึกสงสารหลาน เพราะเอาเข้าจริงก็รักหลานสาวคนนี้มาก สองผัวเมียยิ้มให้กัน กระซิบที่ประตูห้อง
“เม...ไม่ต้องออกมาน่ะลูก อยู่ในห้องแหละ ยืนยันหนักแน่นไว้นะลูก แม่ เชียร์สุดใจ สู้ๆ!”

ภายในห้อง เมธาวลัยนอนบนเตียง น้ำตาจิไหล เครียด
“กฤษฎา เธออยู่ที่ไหน”
กฤษฎานั่งพิมพ์บางอย่างที่หน้าคอมพิวเตอร์ และปริ้นต์เอ้าต์ออกมา อ่านไล่ทวน

ปินัทธามองดาวที่ระเบียง
“คุณพีศ....รู้มั้ยว่าฉันถูกแม่คุณทำร้าย คุณไปมีความสุขกับน้องเอินอยู่ จริงๆเหรอ ไอ้คุณพีศ”

พีศทรรตนอนลูบผมญาดาที่กำลังหลับสนิท
“พ่อจะทำยังไงดีคะ ญาดา...พ่ออยากให้หนูเป็นเด็กที่มีความสุข พ่อไม่ได้อยากทำให้หนูต้องเป็นแบบนี้ พ่อควรทำยังไงดีคะ”
เขาก้มลงหอมแก้มญาดาด้วยความรัก

วายุบุตรและณัฎฐาลินีกำลังกินก๋วยเตี๋ยวริมถนนอย่างเคอะเขิน เหมือนคนเพิ่งจีบกัน มีความสุข โลกทั้งใบมีเราแค่สองคน
 
อ่านต่อตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น