ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7
วายุบุตรรู้สึกเครียด ณัฎฐาลินีไล่บี้ต่อ
"คุณกล้าโกหกขนาดนี้ได้ยังไง"
"คุณนั่นแหละ โกหก คุณไม่ได้บอกฉันหรือว่าใครจะกลับไปตอนไหน ฉันทำตามหน้าที่ของฉัน ล็อกกุญแจห้องวายุ ถ้าไม่อยากออกมาซะเอง มีเหรอจะไม่รีบออกมาตอนที่ได้ยินเสียงฉันล็อกประตู!"
ทนายความสาวอึ้ง
"หาว่าฉันโกหกงั้นเหรอ"
เธอของขึ้นเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข สิริมากำลังเอาตัวรอดและทำให้เธอกลายเป็นคนผิดแทน
ปินัทธากับเมธสวลัยสบตากัน เริ่มรู้สึกร้อนใจแทนเพื่อน วายุบุตรเริ่มอึดอัด เพราะสายตาคนมองมา
"วายุรู้ดี ว่าฉันไม่ใช่คนชอบโกหก"
"ใช่...สิริมาไม่ใช่คนแบบนั้น ลินี...ใจเย็นลงก่อนนะ"
"เธอไม่ได้โกหก ไม่ได้ขังฉัน แล้วฉันปัญญาอ่อนขังตัวเองในห้องทำงานของคุณเองงั้นสิ เพื่อ?"
"เพื่อรอให้วายุไปหา แล้วจะได้....ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคุณคิดจะทำอะไร"
ทั้งสามสาวหันดาโพล่งด่าสิริมาพร้อมกัน
"ต่ำ!"
สิริมาอึ้ง ถูกรุมจากใครก็ไม่รู้
กฤษฎา พีศทรรตสะดุ้ง ที่ผู้หญิงของตัวเองเริ่มออกตัว
ณัฎฐาลินีเพิ่งจะเห็นเพื่อน
"เมเปิ้ล น้ำผึ้ง"
เพื่อนทั้งสองคนเข้าไปยืนข้างณัฎฐาลินีเป็นแพ็คสาม ต่างมองสิริมาด้วยสายตาคมกริบ
"เอ่อ...คนมุงทั้งโรงพยาบาลแล้วล่ะน้ำผึ้ง" พีศทรรตบอก
"แล้วสักพัก ร.ป.ภ.ก็คงจะมาเชิญตัวให้ออกไปครับ คุณเมเปิ้ล"กฤษฎาว่า
สามสาวครุ่นคิด ณัฎฐาลินี
"แต่เรื่องมันยังไม่จบ"
"แล้วจะเอาไง"
"ทำอย่างที่พวกเราเคยทำ"
ทุกคนพูดพร้อมกัน
"งานนี้ต้องเคลียร์!"
ทั้งสามสาวเข้าไปจูง ลาก ดึง ดัน สิริมาให้ออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อไปเคลียร์กันข้างนอก สิริมาถูกล้อมกรอบจึงจำเป็นต้องออกไป หนุ่มๆต่างตกใจตามไป ญาดาและแต้วมองตามงงๆ
"พี่แต้ว คุณพ่อไปไหน"
"สงสัยคงจะไปคุยกันต่อภาคสองค่ะ น้องญาดารอคุณพ่ออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวคุณพ่อก็มาค่ะ"
ญาดาพยักหน้า รับรู้
สิริมาถูกต้อนมามาที่ลานจอดรถโรงพยาบาล วายุบุตรพยายามจะห้าม
"พวกคุณ จะทำอะไรสิริมา"
"เรื่องของผู้หญิงถึงผู้หญิง" ณัฎฐาลินีบอก
"ทำไมผู้หญิงชอบใช้ความรุนแรง คุยกันดีๆไม่ได้เหรอครับ" พีศทรรตถาม
"รุนแรง...คิดแบบนี้...แสดงว่าผู้ชายไม่เข้าใจแระ" ปินัทธาบอก
"เพราะงั้น...อย่ายุ่ง!" เมธาวลัยบอก
"แต่พวกเราถูกลากมายุ่งตั้งแต่ต้น ไม่เกี่ยวไม่ได้นะครับ" กฤษฎาว่า
"พวกเธอจะทำอะไรฉัน"
"สิริมาไม่สบายอยู่นะ ลินี" วายุบุตรว่า
"ตรงไหน"
"ถูก! ไม่เนียนเลยนะตัวเธอ จะทำการแสดงตบตาใคร เช็กก่อน พวกฉันน่ะ ตัวแม่นะจะบอกให้" ปินัทธาบอก
"พวกคุณไม่ต้องห่วงหรอก พวกฉันแค่ต้องการเคลียร์กับคุณคนนี้อย่างปัญญาชน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรรุนแรง" เมธาวลัยว่า
"มันก็ไม่แน่หรอก"
เพื่อนสองคนร้อง "เฮ้ย!"
"จริงของมันนะ คราวโน้น มันต่อยไอ้โจ้แฟนเก่าฉันตาแตกเลยนะ" ปินัทธาบอก
"โจ้...คนไหน ผมเคยเห็นหรือเปล่า ตั้งแต่เมื่อไหร่" พีศทรรตว่า
"ใช่เวลามาซักประวัติกันมั้ย เงียบเลย! ไว้หลังไมค์"
"นี่ฉันเสียเวลามากพอแล้วนะ คิดว่าเล่นอะไรกัน อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ทำอะไรงี่เง่า" สิริมาบอก
"ฉันลากเธอมา เพราะจะให้โอกาสเธออีกครั้ง สารภาพความจริง!"
"ความจริงก็คือ ฉันไม่มีทางทำให้วายุเสียใจไม่ว่าเรื่องอะไร!!! และฉันก็ไม่โง่แกล้งคุณด้วยวิธีตื้นๆที่เด็กอนุบาลก็จับได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือใคร สรุป...อย่าสร้างเรื่องทำให้วายุคิดว่าฉันกำลังจะแย่งวายุมาจากเธอทะเลาะตบตีเพื่อแย่งชิงผู้ชายกันเนี่ยนะ ใครต่ำกันแน่!"
ทุกคนอึ้ง วายุบุตรสับสนไม่รู้จะเชื่อใครดี พีศทรรตและกฤษฎามองหน้าวายุบุตรถามพร้อมกัน
"เอาไงครับ!"
วายุบุตรส่ายหัว จนปัญญา
"ฉันอยู่กับเรื่องแบบนี้มาชั่วชีวิต ทั้งผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง หรือผู้หญิงที่ใช้ความรุนแรงต่อกันเพราะผู้ชายเป็นตัวต้นเหตุ...ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของคนที่ทำแบบนี้เท่าไหร่ จนมาเจอด้วยตัวเอง ฉันรู้แล้วว่าทำไมผู้หญิงต้องทำอะไรต่ำๆเพื่อให้ได้ตัวผู้ชายมา ทั้งๆที่ผู้ชายก็ไม่ได้รักหรือมีเยื่อใยอะไรด้วย"
สิริมาอึ้ง
"จากความเสียใจกลายเป็นเจ็บใจและทำใจไม่ได้ ถ้าเห็นเขาไปเป็นของคนอื่น อย่างน้อยถ้าเค้าไม่รักฉันก็ขอแค่อย่ามีใครให้ฉันต้องเจ็บ ฉันพูดถูกมั้ย คุณสิริมา"
สิริมาอึ้ง ณัฎฐาลินียิ้มเย้ยยอมเลิกรา เพราะไม่อยากปัญญาอ่อนมากไปกว่านี้ เชิดใส่สิริมาก่อนจะออกไป
"อ่าว...แค่เนียะ อารมณ์ค้างมะ" ปินัทธาบอก
เมธาวลัยถาม "ตกลง จบไงเนี่ย ลินี!"
ทนายสาวหันมาประกาศกร้าว
"ไม่ได้มีบทสรุปให้กับตอนจบทุกเรื่องหรอกนะ เคสนี้ให้ผู้ชมตัดสินเอาเอง"
ณัฎฐาลินีออกไป วายุบุตรละล้าละลัง จะตามไปหรืออยู่ดูแลสิริมาที่มองเขารด้วยสายตาเว้าวอนว่าอย่าทิ้งฉัน
พีศทรรตและกฤษฎามองหน้าวายุบุตร "เอาไงครับ!"
วายุบุตรเดินเข้าไปหา สิริมาดีใจ
"วายุ มันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง ฉันไม่ได้โกหก คุณเชื่อฉันมั้ย"
"ผมเชื่อคุณ"
สองสาวบอก "เชื่อเค้าเลยอ่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น..." สิริมาพูดต่อ
"ผมจะให้เด็กขับรถมารับคุณนะ ดูท่าทางคุณโอเคแล้ว ผมเป็นห่วงคุณลินี"
สิริมาอึ้ง วายุบุตรรีบตามณัฎฐาลินีออกไป
สองสาวหันมาแปะมือกันด้วยความดีใจอย่างลืมตัว
"มันต้องแบบนี้!"
ทั้งคู่ชะงักไป หลังจากรู้สึกตัว ก็เชิดใส่กัน เดินแยกไปคนละทาง
พีศทรรตกับกฤษฎาถอนใจ...หันมายิ้มให้กัน แบบเอือมๆ
"รู้สึกมั้ยน้อง ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหลังมากขึ้นทุกที"
"เพื่อความสงบสุขของชีวิตคู่ครับพี่"
สองหนุ่มเดินแยกตามผู้หญิงของตัวเองไป สิริมาเจ็บใจแทบกระอักเลือด
บริเวณริมถนนหน้าโรงพยาบาล ณัฏฐาลินีเดินลิ่วจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน วายุบุตรตามมาพอดี
"คุณลินี!"
"ตามมาแสดงว่า คุณเชื่อฉัน ว่าฉันไม่ได้โกหก"
"ไม่มีใครโกหก มันคือเรื่องเข้าใจผิด"
เธออึ้ง แล้วยิ้มเยาะ
"หลอกตัวเอง หรือเชื่ออย่างนั้นจริงๆ"
"ผมต้องเชื่ออย่างนี้ เพราะผมก็ไม่เชื่อว่าสิริมาจะแกล้งคุณได้"
"บอกแล้วไง ดาร์กไซด์ของผู้หญิง ซึ่งคุณยังไม่เคยเจอ มันยังมีมากกว่านี้อีก คอยดูสิ สรุป ไม่เชื่อฉัน! ก็ไปให้พ้นเลย"
"ผมไปส่ง"
"ไม่อยู่ดูแลเพื่อนที่มากกว่าเพื่อนของคุณต่อล่ะ"
"ผมให้คนมารับสิริมาแล้ว แต่คุณ...ผมเป็นห่วง"
"รู้สึกมะ ว่ากำลังจับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคมอยู่"
"ไม่นี่...ผมเหยียบแคมเดียว ของคุณ"
"ไอ้บ้า ไอ้ทะลึ่ง"
"ทะลึ่งอะไร!"
"พูดเรื่องแคมเรืออยู่ป่ะล่ะ"
"ก็เออสิ ผมมีเรือลำเดียวที่ต้องลง คือคุณ! เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว อย่าทะเลาะกันบ่อยเลย เดี๋ยวเรือล่ม"
"แต่สุดท้าย...มันก็ต้องล่ม"
"จะล่มได้ไง! คุณต้องรักผม"
เขาประชิดใกล้ เธอกระเถิบห่าง
"อย่ามั่นใจนัก"
วายุบุตรก้าวเข้าไปประชิดอีก
"มั่นใจมาก"
เธอถอยหนี
"เวลาเสียใจ หนักนะจะบอกให้ อาจถึงตาย"
"ไม่เป็นไร มีสิริมาคอยซับน้ำตา"
เธอเลือดขึ้นหน้า งอนทันที
"ตกลงแค่เพื่อน หรือ ปรับโหมดเป็นมากกว่าเพื่อนได้ในเวลาฉุกเฉิน หา!"
"น่าน! หึง"
"ไม่ได้หึง"
เธอเดินหนี แต่จู่ๆก็หน้ามืด เพราะอ่อนเพลีย ไม่ได้กิน ไม่ได้นอนมาทั้งคืน เขาเข้าไปประคอง"คุณลินี นี่...หึงผมจนหน้ามืดขนาดนี้เลยเหรอ ว้า!"
"อย่ายั่วโมโห ไม่มีแรงด่า ตอนนี้...โมโหหิวมาก จะเป็นลม"
วายุบุตรอมยิ้ม
"งั้นเก็บแรงไว้ตกหลุมรักผมดีกว่า ไป..."
"ไปไหน"
"ไม่พาเข้าม่านรูดหรอก"
ลินีทุบหลังวายุบุตรเปรี้ยง!
"อ่อก!"
เมธาวลัยเข้าบ้านมากับกฤษฎา
"คุณจะทำไงต่อเรื่องคุณย่าครับ"
"ตอนนี้ยังไม่รู้ รู้แต่ว่า...ฉันไม่ถอย แล้วนี่ ตามมาทำไม ทำไมไม่เข้าออฟฟิศ"
"นี่ไง ออฟฟิศผม"
"บ้านฉัน?"
"คุณไงครับ หยาดทิพย์มอบหมายให้ผมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ ต้องช่วยทุกอย่าง ต้องตามประกบ ต้องประชิด"
กฤษฎาก้าวเข้าไปหา เจอเธอยันหน้าเอาไว้
"ซื่อบื้อจริง หรือจงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง... เธอแค่ช่วยเป็นแฟนหลอกๆให้ฉัน และเธอก็มีแฟนแล้ว...ทำอย่างนี้กับฉันทำไม"
"ทำอะไรครับ"
"ทำให้ฉันหวั่น..." เธอยั้งปากไว้ทัน จะพูดว่าหวั่นไหว... "ไม่..."
กฤษฎาพูดขัด
"ไม่หวั่นแม้วันมามากเหรอครับ"
"กฤษฎา"
"ครับ"
"จริงจังหน่อย ฉันซีเรียส"
"คุณซีเรียสกับชีวิตมากเกินไป ทำไมต้องขึงขัง จริงจังตลอดเวลา"
"เพราะความจริงแล้วเธอคือลูกน้องฉัน ที่ฉันต้องสั่งงานเธอ และอีกอย่างเพราะฉันโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง อย่ามาล้อเล่น"
"ที่ผมทำ ผมก็ไม่ได้ล้อเล่น"
เธออึ้ง...เห็นสายตามีความหมายของเขาแล้วใจเต้นแรง โครมคราม
"เธอกำลังจะบอกอะไรฉัน"
"คุณมองไม่เห็นจริงๆเหรอครับ หรือว่า ตั้งใจจะไม่มอง"
"ให้ฉันมองอะไร"
"มองผม"
"มองเธอ ฉันเห็นแต่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ยังไม่รู้จักโต และชอบลองของ"
เธอกระทืบเท้าเขา
"โอ๊ย! กระทืบไลค์ผมทำไมเนี่ย"
"เท้า! ฉันไม่เคยไลค์ มีแต่รำคาญ และอย่ามาส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ย ฉันขออยู่บนคานหรูๆ ดีกว่าลงมาเจอผู้ชายเจ้าชู้หลายใจ โดยเฉพาะเด็กเลวอย่างเธอ"
เธอเดินหนี กฤษฎาอึ้ง ใจเสีย
"พลาดตรงไหนเนี่ย"
กฤษฎาเซ็งตัวเอง
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 (ต่อ)
เธอเข้ามาปิดประตูห้อง หายใจไม่ทัน ตื่นเต้น โล่งอก หัวใจเต้นแรง และโกรธ หลายอารมณ์เหลือเกิน
"เด็กบ้า! ชอบทำให้ป้าหวั่นไหว ไอ้เด็กเลว! ไอ้เด็ก โอ๊ย!! ไม่ ฉันจะไม่คิดอะไร ฉันจะไม่หวั่นไหว ฉันจะต้องเข้มแข็ง ฉันชัดเจน...เกลียดเด็ก! ไม่กินเด็ก"
เธอเดินผ่านกระจก แล้วมองตัวเอง สะดุ้งเฮือกตกใจตัวเองที่เยินมาก
พีศทรรตอุ้มญาดาเดินเข้ามา ปินัทธาเดินตาม ยิ้มหวานให้ ญาดาแล่บลิ้นใส่เมินหนี เขาอุ้มลูกสาวเข้าบ้านไป
"เด็กนรก"
แต้วอยู่ในระยะได้ยินโดยที่ปินัทธาไม่รู้ตัว สาวใช้สะดุ้งเฮือก พอเธอเห็นแต้วตกใจ ทำหน้าเหวอ ก็รีบแก้ตัว
“คือ...บับว่า จริงอย่างที่ฉันพูด ว่ามั้ย”
“ว่าค่ะ แต่พอดีเก็บไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาเหมือนคุณค่ะ”
“โถ แต้ว น่าสงสาร นี่คงจะเจอสถานการณ์เลวร้ายทุกวันเลยใช่มั้ย”
“ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยล่ะค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ ต่อไป ฉันจะมาช่วยแบ่งเบาภาระการรับมือกับน้องญาดาจากแต้วเอง”
“ว้าย เป็นดาราดีๆอยู่แล้วไม่ดีเหรอคะ อย่ามาแย่งงานแต้วเลย เงินเดือนน้อย แต่ต้องมีความอดทนสูง”
“ไม่ได้มาแย่งงานเธอ แต่มา...”
“มาแย่งสามีคนอื่น!”
ทั้งปินัทธาและแต้วสะดุ้ง หันไปเจอธัญรดายืนหน้าเครียดอยู่ข้างหลัง
“คุณธัญรดา”
“ว่ายังไงคะ คุณน้ำผึ้ง ปินัทธา ยินดีด้วยนะคะ ได้ข่าวว่า...เพิ่งจะตกลงคบหาดูใจกับพีศ”
“เมื่อกี้คุณว่าใครแย่งสามีคนอื่น”
“ว่าคุณไง!”
นักแสดงสาวใหญ่ตาเขียวปั๊ด เผชิญหน้ากับธัญรดา แต้วรีบฉากเข้าไปเพื่อรายงานพีศทรรตทันที
พีศทรรตกำลังให้ญาดานอนพัก
“ทานยาที่พี่แต้วเอามาให้ให้ครบนะลูก จะได้หายเร็วๆ แล้วพ่อจะรีบกลับ”
“คุณแม่จะมาหาหนูมั้ย”
“พ่อโทร.บอกคุณแม่ให้แล้ว เดี๋ยวเค้าก็มา ตอนนี้หนูหลับก่อนนะ”
“ค่ะ ตื่นมาจะได้เจอคุณแม่ใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
ญาดารีบหลับทันที พีศทรรตสงสารลูก หอมแก้มอย่างแผ่วเบา แล้วออกไปอย่างเงียบๆ
พีศทรรตปิดประตูห้องปุ๊บ หันมาปั๊บ เจอแต้วยืนรออยู่แล้วอย่างร้อนใจ
“เฮ้ย! อะไรแต้ว”
แต้วกลัวญาดาได้ยิน เลยพูดเสียงเบามาก
“คุณน้ำผึ้งกับคุณธัญรดากำลังจะตบกันค่ะ”
“หา!”
เขารีบวิ่งออกไปทันที
“เหมือนดูละครเลยเว้ยเฮ้ย นางเอกกับนางอิจฉาปะฉะดะ!”
แต้วตาม สีหน้าสะใจมาก
ปินัทธามิได้ครั่นคร้าม เดินหน้าลุย
“สงสัยจะความจำเสื่อม คุณพีศเป็นอดีตสามีของคุณ ซึ่งหย่ากันไปเป็นชาติ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าพีศยังเป็นสามีฉัน เธอคงอยู่แต่ในโลกกะลาใบเล็กๆของเธอสินะ ไม่รู้เลยเหรอว่า...พีศมีแฟนอยู่กี่คนในตอนนี้”
เธอเผลอนับ
“น้องชิชา เพิ่งเลิกไป น้องเอิน น้อง... ไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจ”
“งั้นบอกแถมให้ เด็กๆพวกนั้น ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดานะ บางคนก็ลึกซึ้งกัน ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน แย่หน่อยนะ ที่ได้ชื่อว่า ดาราขาเสียบ”
เธอเจ็บใจ พีศทรรตเข้ามากับแต้ว สาวใช้คนอื่นๆแอบดูอยู่
“รดา! พูดอะไรของคุณ”
“พูดความจริงไง อุ๊ย! ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจเอาเรื่องที่คุณเป็นพ่อปลาไหลมาแฉ”
“อย่ายุ่งเรื่องของผม”
เธอควงแขนพีศทรรต
“ไม่เป็นไรค่ะพีศ ฉันไม่แปลกใจ ฉันรับได้ เพราะเรื่องเด็กในเครือของคุณทุกคน ฉันรู้ฉันเห็นมาโดยตลอด ขอบคุณนะคะคุณรดาที่ช่วยเตือนความจำ ไม่ต้องห่วงค่ะ นับจากการแถลงข่าววันนี้ พีศจะมี
ฉันคนเดียว เพราะเราสองคนกำลังจะมีปัจจุบันและอนาคตร่วมกัน อดีตเลวๆที่ผ่านพ้นมา ขอให้ลืมมัน ใช่มั้ยคะพีศ”
ธัญรดาหน้าชา เขาอึกอักเพราะยังไม่อยากเลิกกับเด็ก เธอรู้ทันเสียงเขียวใส่
“ ใช่มั้ยคะพีศ”
“ใช่ เราคงต้องรีบไปแล้วล่ะ ใกล้เวลาแล้ว”
“ไปสิคะ”
“ลูกรอเจอคุณ ตอนนี้แกหลับอยู่ ผมบอกว่าตื่นมาแล้วจะได้เจอแม่ วันนี้… ผมขอให้คุณอยู่กับลูกหน่อย จนกว่าผมจะกลับมา”
อดีตเมียไม่ตอบ เพราะกำลังแค้นปินัทธา
“และฉันก็จะกลับมาด้วยเพื่อช่วยดูแล...ว่าที่ลูกสาว ไปค่ะพีศ”
เธอควงเขาผ่านหน้าเมียเก่าออกไป จงใจยิ้มเย้ย ธัญรดามองตาม คับแค้นและเจ็บใจ
ภายในห้องนอน ธัญรดายืนมองญลูกสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่ เธอยืนอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปแตะเนื้อต้องตัว
“ลูกของฉัน พีศของฉัน เป็นของฉัน!..ไม่ใช่ของแก...นังน้ำผึ้ง!”
ธัญรดายิ้มเจ้าเล่ห์ เดินออกจากห้องไป ญาดานอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า ตัวเองกำลังจะถูกแม่ใช้เป็นเครื่องมือกันปินัทธาออกไปจากพีศทรรต
ภายในโรงแรมซึ่งจัดให้มีการแถลงข่าว ภายในห้องอาหารวายุบุตร อึ้ง ดูณัฎฐาลินีที่จัดการกับอาหารมากมายตรงหน้าจนเรียบวุธ เธออิ่มวางช้อน กินน้ำ
“ค่อยยังชั่ว”
“วัยขนาดคุณ กินมากขนาดนี้ ไม่กลัวอ้วนเหรอ”
“ฉันใช้สมองทำงาน ต้องมีอาหารไปเลี้ยง ไม่กลัวอ้วนเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ”
“ฝีมือวิชาต่อสู้ป้องกันตัวของคุณนี่ก็ไม่ธรรมดานะ”
“ยูโดสายดำ เกือบติดทีมชาติ ถ้าไม่บาดเจ็บ”
“ทำไมถึงเรียนยูโด”
“ชอบ และชื่อมันก็บอกว่า ไว้ใช้ต่อสู้ป้องกันตัว ควรเรียนติดตัวไว้”
“ป้องกันตัว? จากใคร ชีวิตประจำวันของคุณเสี่ยงอันตรายมากเหรอ”
“อันตรายมีอยู่รอบตัว ทุกที่ เกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยเฉพาะจากผู้ชายที่ดูดี แต่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างแนบเนียน...อย่างคุณ”
“เข้าตัว ยอมแพ้ คุยเรื่องอื่น”
“ไม่คุย เพราะจะกลับบ้านแล้ว”
เธอยกมือเรียกพนักงานคิดเงิน
“ผมเลี้ยง”
“ไม่ต้อง ขอบคุณ”
“น่า”
“ได้! งั้นยังไม่คิดเงิน เพราะจะสั่งของหวานต่อ”
พนักงานเดินมา
“ขอเมนูหน่อยค่ะ จะทานของหวาน”
พนักงานรับคำสั่ง เดินออกไป เธอหันมายักคิ้วให้ เขายิ้มตอบ สบายใจ มีความสุขที่ได้ใช้เวลาและรู้ข้อมูลตัวตนของเธอมากขึ้น
ภายในห้องรับแขก กฤษฎารอนานจนหลับสัปหงก ลืมตาดู เมธาวลัยยังไม่ลงมาสักที ... จนเธอเดินมา ได้ยินเสียงบ่นฮุบของเขา
“แต่งตัวหรือไปสร้างบ้านวะเนี่ย”
“บ่นอะไร!”
กฤษฎาสะดุ้ง หันไป อึ้ง เหวอ... เธอในชุดกระชากวัย ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมและองค์ประกอบต่างๆ....ดูเด็กลงมาก ยิ้มเขินๆ เมื่อเจอสายตาของกฤษฎา
เธอก้าวเดินฉับๆ ขณะที่กฤษฎาเดินข้างๆ พลางหันมามองหน้าเธอเป็นระยะ
“มองเหมือนไม่เคยเห็น”
“อย่าบอกนะว่าเพราะมีแฟนเด็กเลยทำตัวเด็ก”
“แฟนเธอเบอร์มือถือเบอร์อะไร”
“ถามทำไมครับ”
“ฉันจะโทร.ไปฟ้อง ว่าเธอแจกขนมจีบฉัน”
“นึกว่าจะโทร.ไปบอกว่า คุณกำลังชอบผมเข้าแล้วจริงๆ”
เธอถึงกับเดินขาขวิด
“ยังอีก! ถ้าเธอไม่เลิกทำนิสัยเจ้าชู้ใส่ฉัน ฉันไล่เธอออกแน่”
“คุณจำข้อตกลงอีกข้อหนึ่งของเราได้มั้ยครับ ก่อนที่ผมจะยอมสวมบทบาทเป็นแฟนกำมะลอของคุณ”
“อะไร?”
ย้อนไปในทางเดินโรงพยาบาล กฤษฎาเอากาแฟมาเสิร์ฟ เมธาวลัยกำลังรออยู่
“อเมริกาโน่ร้อน ไม่ใส่น้ำตาล”
เธอรับมาดื่ม
“ระวังนะครับ คาเฟอีนมันจะดึงแคลเซี่ยมในกระดูกออกไป ถ้าดื่มกาแฟเข้มๆมากๆ ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนเร็วกว่าปกติ ยิ่งปวดเข่าอยู่ด้วย”
เธอแทบสำลักกาแฟ ฉุนเฉียว
“นี่! เป็นหมอหรือไง”
“เป็นคนที่รักและปรารถนาดีต่อคุณครับ”
“ไม่ต้อง ไม่รับ”
“อยากตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครรักเหรอครับ”
“นายกฤษฎา หาเรื่องตายหรือไง! หา”
เธอจะเขวี้ยงแก้วกาแฟใส่ เขารีบขัด
“ถ้าคุณเขวี้ยงของใส่ผม ผมจะไปประกาศให้คนทั้งออฟฟิศรู้ว่า คุณกับผมไม่ได้เป็นแฟนกัน จะไปบอกกับคุณย่าคุณด้วย ให้แต่งงานกับเกย์ไปเลย สมใจนึกคุณย่า”
“แล้วจะเอาไง”
“แค่พูดดีๆ ปาดอกไม้ใส่ผม และคนอื่นในออฟฟิศ ไม่ใช่วัตถุพวกนี้ ทำได้มั้ยครับ”
เธออึ้ง
“ถ้าทำได้ ผมจะยอมเป็นแมวเชื่องที่ซื่อสัตย์ ไม่ปริปากเรื่องความลับของเรา แต่ถ้าไม่...”
“ขู่เหรอ”
“ครับ”
“ก็ได้!”
กลับมาที่หน้าบ้าน เธออึ้ง เขาตอกย้ำต่อ
“จำได้หรือยังครับ”
เธอพยักหน้า
“ปาดอกไม้นะครับ”
“ได้...เธอก็ต้องทำตามเงื่อนไขของฉัน”
“อะไรครับ”
“อย่าได้ทำแบบที่ทำอย่างนี้อีก”
“ทำอะไรครับ”
“ห้ามยิ้มแบบนี้ ห้ามส่งสายตาแบบนี้ ห้ามเตือนฉันเรื่องกาแฟ ห้ามพูดเรื่องโรคกระดูกพรุน ห้ามเป็นห่วงเป็นใย”
“กลัวใจอ่อนเหรอครับ”
“กลัวเขวี้ยงของใส่เธอต่างหาก ฉันไม่ชอบ”
“ได้ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก...แต่ขออีกข้อได้มั้ย ยิ้มหวานๆ ยิ้มคือสะพานเชื่อมไมตรี ต่อให้คนเกลียดคุณเข้ากระดูกดำ เจอยิ้มเข้าไป รับรอง กลายเป็นมิตร”
เธอหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แต่ก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างฝืนเต็มที
มุมหนึ่ง โรงแรม วายุบุตรเดินมากับณัฎฐาลินี เธอดูรีรออะไรบางอย่าง ไม่รีบร้อน
"คุณดูชิลจังเลยนะ"
"ช่วงนี้ไม่มีอะไรต้องทำนี่ เจ้านายบังคับพักงาน"
"กลับบ้านมั้ย ผมไปส่ง"
"ไม่กลับ เดี๋ยวมาไม่ทัน"
"มา... มาที่นี่น่ะเหรอ"
"อืม...มีงานแถลงข่าวของน้ำผึ้งที่นี่"
"เพื่อนคุณ"
"อดีต"
"อดีตเพื่อนประเภทไหนกันที่อยากรู้เรื่องปัจจุบันของเค้า ถึงขนาดบังคับให้ผมพามาทานข้าวที่นี่"
เธออึ้ง รีบแก้ตัว
"บอกแล้วไง ตอนนี้ฉันว่างงาน ต่อมสาระแนมันเลยตื่นตัว อยากรู้เรื่องชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องดาราจะรักจะเลิกเนี่ย ชอบมาก"
เธอเห็นนักข่าวจำนวนหนึ่งเดินผ่านหน้าไป จึงรีบตามไปทันที เขารีบเดินตามไป รู้ดีว่า เธอเป็นห่วงเพื่อน ไม่ใช่แค่อยากรู้เรื่องดาราเฉยๆ ตามคำกล่าวอ้าง
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 (ต่อ)
เธอและเขากำลังเดินผ่านหน้าร้านขายเสื้อผ้า เขาเหลือบไปเห็นหุ่นใส่เสื้อผ้าสวย สีสันสดใส ดูลำลอง เก๋ๆในลุคสบายๆ สวยหวาน แตกต่างไปจากเสื้อผ้าที่เธอใส่โดยปกติ
เขาเดินช้าลง มองเธอที่ยังอยู่ในชุดเดิม จึงเข้าไปจับมือเธอเอาไว้
"อะไร"
"มานี่"
เขาดึงตัวเธอเข้าไปในร้านเสื้อผ้าทันที
ส่วนเมธาวลัยเดินเข้ามากับกฤษฎา เมเปิ้ลยิ้มแฉ่งเมื่อมาถึงออฟฟิศ
"ว่าไง...ไทเกอร์ สบายดีมั้ย" เธอทักทาย
"สบายดีครับ พี่เมเปิ้ล"
"จ้องหน้าพี่ทำไม เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เอ้ย...เหมือนไม่เคยเห็น"
"วันนี้ มาแปลกนะครับ"
"ยิ้มนำมาก่อนน่ะเหรอ"
"ครับ"
"แฟนพี่บอกให้ยิ้มเยอะๆ ยิ้มแล้วพี่สวย"
"อ้อ...พลังแห่งความรัก"
"ใช่จ๊ะ...ไปเถอะกฤษ"
เธอเดินไป เขาอมยิ้มเดินตามบ.ก.ไป ไทเกอร์มองตาม นึกเยาะ
"เดี๋ยวก็ยิ้มไม่ออก...หึหึหึ"
ไทเกอร์หัวเราะสะใจ หันมา สะดุ้ง เพราะเจอหยาดทิพย์เพิ่งซื้อกาแฟให้เมธาวลัยยืนอยู่ และถืออีกแก้วหนึ่งด้วย
"ทำไมต้องยิ้มไม่ออกคะ คุณไทเกอร์"
"ก็...งานเยอะไง เครียด เลยยิ้มไม่ออก"
หยาดทิพย์ยื่นกาแฟแก้วหนึ่งให้
"นี่ค่ะ คาปูชิโน่ หวานน้อย เพิ่มฟองนม"
"ฉันไม่ได้สั่ง"
"หยาดซื้อมาฝากค่ะ"
ไทเกอร์รับมา
"ซื้อมาฝาก แปลว่า...ไม่ต้องจ่ายใช่มั้ย"
"หรือจะจ่ายเป็นอย่างอื่นก็ได้ค่ะ" หยาดทิพย์หันไปยิ้มเขินตัวเอง "พูดไปได้ไง หน้าไม่อาย"
หยาดทิพย์หันมาอีกที ไทเกอร์เดินไปแล้ว
"อ้าว"
ไทเกอร์ดื่มกาแฟ สีหน้าเหยียดๆ
"ชะนี...เอาของฟรีมาล่อ ชิ!"
-หยาดทิพย์ ยังไม่ท้อ
"วันนี้ยอมรับกาแฟฟรี ต่อไปก็ต้องยอมรับรักฉัน..ไฟ้โตะ"
หยาดทิพย์อารมณ์ดีแยกไปทำงานต่อทันที
เจ๊ฟู อิ๋ว ชาโนยืนอึ้ง มองบ.ก.ในลุคเด็กกว่าวัยเดินผ่านโต๊ะไปกับกฤษฎาตรงไปที่หน้าห้อง
"เห็นอะไรป่ะ" อิ๋วถาม
"วัยรุ่นโพดอ่ะ" ชาโนว่า
หยาดทิพย์วิ่งเข้ามาพร้อมกาแฟ
"กาแฟค่ะ บ.ก." ทันทีที่หยาดทิพย์เห็นลุคเมธาวลัยเต็มๆ ก็ตกใจ อึ้งร้อง "ว้าย"
"อะไร!"
"อะแฮ่ม"
เธอยิ้ม
"อะไรจ๊ะ หยาดทิพย์ ตกใจอะไรเหรอ พูดดีๆนะ ไม่งั้นไล่ออก"
"วันนี้บ.ก.สวยใส กระชากวัยมากอ่ะค่ะ"
เจ๊ฟูสาระแนเข้ามาแจ๋น
"คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนุงอ่ะค่ะ พิจิกากล่าวไว้"
เธออึ้ง ถึงหน้าแดง
"บ้า! แต่งตัวให้เข้ากับงาน"
"แต่งานเย็นนี้...แฟชั่นโชว์แบรนด์สาวใหญ่วัยเกษียณนะคะ"
"หยาดทิพย์ !ไหน เช็คที่ต้องเซ็น"
เธอรีบเข้าห้อง แก้เขิน ทุกคนรุมมองหน้าล้อกฤษฎาจนต้องเดินหนี ไปนั่งที่โต๊ะ หัวใจพองโต เริ่มมีความหวัง เพื่อนๆยังไม่เลิกแซว
"โน" อิ๋วเรียก
"ไรเจ๊"
"เจ๊อยากดูเด็กลงไปนิดนุงอ่ะ" อิ๋วส่งตาหวานให้ชาโน แล้วทุกคนก็ทิ้งให้อิ๋วยืนอยู่คนเดียว เธอเซ็ง
วายุบุตรยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ณัฏฐาลินีเดินออกมาในชุดใหม่ เธอดูเขินๆ อายๆ ไม่ชิน
เขามองเธออย่างชื่นชม ไม่ปกปิด
"นี่! จะมองแล้วไม่พูดอะไรอีกนานมั้ย"
"ขออีกสองวิ"
"หนึ่ง สอง หมดเวลา"
"ถ้าเพื่อนคุณเห็นว่าคุณยังใส่ชุดเดิม คงไม่ดีเท่าไหร่"
"จริงๆก็ไม่ได้แคร์เลยนะ"
"แคร์กลิ่นค้างคืนหน่อยก็ดีนะ"
"ขอบใจที่เตือน"
"คุณน่าจะใส่ชุดแบบนี้บ่อยๆนะ...น่ารักดี"
เธอเดินหนีวายุบุตรไป ปกปิดความเขิน เขาเห็นเธอถือถุงใส่เสื้อผ้าชุดเดิม รีบเดินตามไปแย่งมาถือ
"ผมถือให้"
"ไม่ต้อง ไม่ได้เป็นง่อย"
วายุบุตรอึ้ง หน้าเครียด เหมือนไม่พอใจ
"เป็นอะไร"
"คุณใจร้ายกับคนที่อยากดูแลคุณแบบนี้เสมอเลยเหรอ"
เธออึ้ง ใจละลายอยู่ข้างใน แต่พยายามปกปิด
"แค่นี้เรียกว่าใจร้าย แล้วต่อไปคุณไม่เรียกฉันว่า ผู้หญิงสารเลวเลยเหรอคุณวายุ เพราะฉันยังไม่ได้ปล่อยของเลย"
"ยังได้อีกเหรอ"
"อีกเยอะ"
"งั้นผมต้องทำตัวให้ชินกับความใจร้ายของคุณสินะ"
"ถ้าใช้คำว่าชิน ก็ถอยไปเลยดีกว่า"
"เอาใหม่ ผมต้องเข้าใจและยอมรับตัวตนของคุณใช่มั้ย"
"ถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ตอนนี้จะหันหลังเดินจากไป ฉันก็ไม่ว่านะ"
เขาอึ้ง...ไม่พูดอะไรต่อ เธอยืนลุ้น เขาหันหลังเดินออกไป เธอใจหายวาบ คิดว่า เขาถอดใจ เขามองไปทางหนึ่ง แล้วเดินย้อนกลับมาหา
"ผมเห็นเค้าต้อนนักข่าวเข้าห้องแถลงข่าวหมดแล้ว และกำลังจะปิดประตู จะยืนเหวออยู่อีกนานมั้ย ไปเร็ว!"
"คะ?"
วายุบุตรแย่งถุงมาถือ แล้วจับมือเธอให้รีบวิ่งไปด้วยกัน
"ผมบอกว่าไปเร็ว!"
เธอวิ่งตาม มองหน้าเขาด้วยความดีใจและโล่งใจ ความรู้สึกหลากหลายปะปนไปกับผู้ชายคนนี้
วายุบุตรและณัฎฐาลินีเดินเข้ามาที่หน้าห้องแถลงข่าว เธอเห็นพีศทรรตเดินเข้าไปจับมือปินัทธาที่ประตูทางเข้า ฝั่งที่เป็นเวทีด้านหน้า
เธอดึงตัววายุบุตรให้หยุด แล้วยืนมอง โดยที่ทั้งคู่ไม่เห็นเธอกับเขา
พีศทรรตกับปินัทธาคุยกัน เขาเห็นมือของเธอสั่นก็ถามว่า "พร้อมมั้ย"
"พร้อมมาก"
"งั้นมือสั่นทำไม"
"ไม่ได้สั่นเลย" พูดแค่นั้น มือมือยิ่งสั่น
พีศทรรตบีบมือปินัทธาแรงขึ้น ห้ามเบาๆแต่เสียงเฉียบขาด
"หยุดสั่น!"
"ใจฉันสั่งให้หยุด แต่สมองมันไม่สั่งการอ่ะ"
มือหนึ่งของเขาจับมือเธอ แขนอีกข้างโอบประคองตัวไว้ "ใจเย็น"
"โอเค ใจเย็น"
"จำไว้...พูดแค่คำว่าค่ะ ที่เหลือผมจัดการเอง"
"คนอย่างฉันพูดสั้นๆไม่เป็น"
"แต่คราวนี้จำเป็น ท่องไว้ ค่ะ"
"ค่ะ"
ทางด้านวายุบุตรและณัฎฐาลินีที่มองสังเกตุทั้งคู่อยู่
"สองคนนั้น ดูเค้ารักและดูแลกันดีนะ น่าจะไปได้สวย"
"อาจจะ...ถ้าชีวิตรักของเค้าจะมีเค้าแค่สองคน"
"คุณหมายถึง มีมือที่สาม"
"และมือที่สี่ห้า หรืออาจจะหกเจ็ดแปด ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเส้นทางความรักของน้ำผึ้ง ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ"
"ที่คุณมา เพราะคุณอยากรู้ความเป็นไปของเพื่อนคุณ คุณเป็นห่วงเค้า"
"เปล่า...มาสมน้ำหน้า"
เธอเดินเข้าห้องแถลงข่าวไป วายุบุตรตาม ไม่เชื่อว่า ณัฎฐาลินีจะหมายความอย่างที่พูดจริงๆ
ปินัทธายังตื่นเต้น
"ขอใช้วิธีของฉันได้มั้ย ให้ใจเย็นๆลง"
"เอาสิ"
เธอทำโยคะท่าสุริยนมัสการ เขามองแบบเอือม เซ็งเป็ด
"น้ำผึ้ง"
"หือ"
"พอเถอะ"
"เดี๋ยว"
โตโต้ผลักประตูออกมา เห็นเธอกำลังไหว้พระอาทิตย์ค้างอยู่ อึ้ง
"ได้เวลา เอ่อ..."
"ยัง ฉันยังไม่พร้อม ฉันยังไม่เข้าไป"
"แต่ขอโยคะก่อน เพื่อ?!"
"ฉันกำลังทำให้ตัวเองสงบอยู่"
"ได้ผลมั้ย"
เธอยังตื่นเต้น มือไม้สั่นกว่าเดิม
"ไม่อ่ะ"
"หนูเองค่ะบอส....ป้า เมอร์ดี้อยู่ห้องด้วยนะ"
เธอหยุดสั่นแต่ของขึ้นแทน
"มันจะมาทำไม"
"มาจับผิดป้าน่ะสิ"
"ไม่มีทาง! ฉันน่ะตัวแม่ เป็นนักแสดงชั่วโมงบินสูง มันไม่มีทาง"
พีศทรรตรีบปิดปากน้ำผึ้ง
"จะตะโกนให้เค้ารู้ตั้งแต่ยังไม่แถลงข่าวเลยหรือไง"
เธอกระชากมือเขาออก พูดเสียงเบา
"ก็คนมันโมโห! ฉันพร้อมแล้วโตโต้ พร้อมมาก!"
"ได้ผลค่ะบอส ว่าแต่ว่า แน่ใจกันทั้งสองคนนะ ว่าจะพร้อมจะเล่นละครหลอกคนทั้งประเทศ"
"ป้ายอม เพื่อเป้าหมายสูงสุด...ผัวๆๆๆ"
เขาเซ็ง เอือม ลากเธอตัวปลิวเข้าห้องแถลงข่าวไปทันที
"ชอบอ่ะ ชะนีชัดเจน"
โตโต้รีบตามเข้าไป
ภายในออฟฟิศเมธาวลัย เจ๊ฟูคุยโทรศัพท์อย่างตกใจ
"อะไรนะ! แคนเซิล ได้ยังไงคะคุณตมิสา! ฉันต้องการคุยกับเจ้านายคุณ เค้าอยู่ที่ไหน"
เจ๊ฟูวางสายปุ๊บก็กรีดเสียงร้องลั่น
" อร๊าย!!! กะเทยโกรธ!"
อิ๋ว ชาโนตกใจรีบวิ่งเข้ามา เจ๊ฟูยังคลั่งไม่เลิก
"อร๊ายๆๆ"
"ไอ้โน! ข้าวสารเสก" อิ๋วบอก
"รุ่นนี้เฮี้ยน ต้องจับลงหม้อ"
"ฉันเกลียดหม้อ!"
"งั้นลงตุ่ม"
"ไม่ใช่ปอบ" อิ๋วบอก
"งั้นไรดีอ่ะ"
เจ๊ฟูร้องเรียก "บ.ก.!"
เจ๊ฟูวิ่งเข้าห้องเมธาวลัย
"บ.ก. ปราบผีได้ด้วยเหรอวะ" อิ๋วถาม
"ไปดูกัน"
อิ๋ว กับ ชาโนตามเจ๊ฟูไป ไทเกอร์นั่งยิ้มสะใจอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง กฤษฎาเพิ่งถ่ายเอกสารเสร็จเดินมาเห็นสีหน้าของไทเกอร์ ก็หยุดมองดูอย่างแปลกใจ สงสัย
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 7 (ต่อ)
เมธาวลัยเพิ่งเซ็นเช็คเสร็จ ยื่นให้หยาดทิพย์
"รีบเอาไปจ่ายมัดจำค่าตัวน้ำผึ้งกับเมอร์ดี้"
"ค่ะ"
เจ๊ฟู เปิดประตูผลัวะเข้ามา อิ๋ว ชาโน กฤษฎาตามเข้ามาติดๆ
"บ.ก.!"
เธอยิ้ม
"ไม่เคาะประตู เสียมารยาทนะ เดี๋ยวโดนด่านะ"
"ไม่คงไม่เคาะแล้วค่ะ เรื่องด่วนค่ะบ.ก.!"
"เรื่องอะไร"
เธอประหลาดใจ
ทางเดินในโรงแรม เมธาวลัยก้าวฉับๆมาอย่างฉุน หน้าปราศจากรอยยิ้ม เจ๊ฟูตื่นตกใจไม่เลิก
"ฟูไม่เข้าใจ ทำไมโลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน รับงานของแมกกาซีนเราก่อน กำลังจะวางเงินบ่ายนี้แล้วแท้ๆ กลับบอกว่าแคนเซิล เพราะคู่แข่งเราจ่ายเงินก่อน"
"ก็เจ๊ดีลวันเซ็นสัญญายังไงให้มันล่าช้าขนาดนี้ล่ะ วงการนี้ใครเร็ว ใครดี ใครได้นะ จะบอกให้" ไทเกอร์บอก
เธอชำเลืองมองไทเกอร์ รู้สึกถึงความหมายใต้บรรทัดว่าต้องการส่งสารถึงเธอ
"ฉันว่าฉันเร็วกว่าแสงแล้วนะ จะให้เร็วกว่านี้อีก... จะบ้าเหรอ!" เจ๊ฟูบอก
"คู่แข่งถ่ายปกคอนเซ็ปท์เดียวกับเราเลยเหรอครับ" กฤษฎาถาม
"ไม่รู้ เจ๊ไม่ได้ถาม แต่ที่รู้ ใช้ทั้งน้ำผึ้งและเมอร์ดี้ถ่ายปกเหมือนที่เราคิดจะทำ"
"ความลับรั่วไหลได้ยังไง ว่าเราจะทำอะไร"
"ถามเจ๊เหรอคะ เจ๊ไม่รู้ คุณไทเกอร์ รู้อะไรบ้างมั้ย"
"ไม่รู้สิ ผมก็ทำแต่งานของผม งานของคนอื่นผมไม่เคยไปก้าวก่าย"
กฤษฎาคิดถึงภาพไทเกอร์นั่งยิ้มเยาะ
"แต่คุณดู..."
เธอพูดขัด เหวี่ยง
"ฉันไม่ได้ถามความคิดเห็นของเธอ เจ๊ฟู บอสของ GT แถลงข่าวอยู่ห้องไหน!"
พีศทรรตนั่งจับมือปินัทธาอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าวหน้าห้องแถลงข่าวของโรงแรม ซึ่งมาถึงช่วงสุดท้ายของการแถลงข่าวพอดี นักข่าวตั้งกล้องพรึ่บพรั่บอยู่แถวหน้า โตโต้ดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ทำหน้าฟินอินตาม ณัฎฐาลินีและวายุบุตรฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง
"เราสองคนก็ได้เปิดใจบอกเรื่องความสัมพันธ์กับพี่ๆน้องๆเพื่อนๆสื่อไปหมดแล้วอย่างไม่ปิดบัง ขอโทษที่ปกปิดเอาไว้"
"ค่ะ"
เธอหันไปกระซิบถามโตโต้
"ไหนหล่อนบอกว่านังเมอร์ดี้มา มันอยู่ไหน ฉันมองไม่เห็น"
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เอ๊ะหรือว่า...เปลี่ยนใจกลับไปแล้ว"
"ให้มันกลับไปจริงๆเหอะ"
เธอรู้สึกไม่ไว้ใจเมอร์ดี้ แล้วเธอก็ถูกพีศทรรตดึงมือให้หันมาสนใจกับการแถลงข่าวต่อไป
"และขอโอกาสให้เราสองคนได้คบหาดูใจกันอย่างเปิดเผยนับจากวันนี้เป็นต้นไปด้วยครับ"
"คะ"
เมอร์ดี้เปิดประตูผลัวะเข้ามาในห้อง แย่งซีนกันเห็นๆ สายตาทุกคู่พุ่งไปที่เมอร์ดี้ นักข่าวฮือฮา รุมถ่ายรูป เมอร์ดี้โพสต์ให้ถ่ายหน้าใสๆ เธอโกรธมาก โตโต้เข้ามากระซิบ
"ขอสามคำค่ะป้า"
"นรกส่งมาเกิด!"
พีศทรรตกลุ้ม...พอจะรู้ความคิดของเมอร์ดี้ และไม่ค่อยพอใจนัก เมอร์ดี้ยิ้มให้นักข่าว พูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
"เชิญพี่ๆฟังการแถลงข่าวต่อนะคะ เมอร์ดี้ขอโทษจริงๆค่ะที่มาขัดจังหวะ ตอนแรกจะมาร่วมฟังตั้งแต่ต้น แต่พอดีคุณแม่ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ เลยพาท่านไปหาหมอก่อน รีบมาแทบแย่"
พีศทรรตรีบดำเนินการแถลงข่าวต่อ
"มีใครจะซักถามเพิ่มเติมมั้ยครับ"
นักข่าวหันไปสนใจคู่แถลงข่าวต่อ เมอร์ดี้ไปนั่งข้างณัฎฐาลินีและวายุบุตร และแอบยิ้มสะใจ
ทั้งคู่เห็นรอยยิ้มของเมอร์ดี้แล้วตกใจ...ไม่คิดว่าจะร้ายกาจได้อีก
พีศทรรตชี้ไปที่นักข่าวรายหนึ่ง
"คุณน้ำผึ้งคิดว่า ความรักครั้งนี้ จะลงเอยด้วยการแต่งงานหรือเปล่าคะ"
เขาอ้ำอึ้ง "คือ..."
เธอรีบแย่งตอบ
"แน่นอนค่ะ แต่งแน่ค่ะ เพราะตอนนี้บอกเค้าทุกวันว่าพร้อมมาก ช่วยลากลงจากคานทองที"
คำตอบของเธอทำเอาขำกันทั้งห้อง ไม่เว้นแม้แต่ณัฎฐาลินี เมอร์ดี้หมั่นไส้
"แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง" วายุบุตรถาม
"ไม่เกี่ยว"
วายุบุตรอมยิ้ม เจอทนายสาวหยิกขา เขาไม่กล้าร้องเสียงดัง
ปินัทธาจะพูดต่อ พีศทรรตเหล่มอง เธอรีบผลักไมค์ออกทันที
"ค่ะ"
จังหวะนั้น เมธาวลัย กฤษฎา เจ๊ฟูเข้ามาในห้อง หาที่นั่งแถวหลังๆ จนมานั่งใกล้กับคู่ของณัฏฐาลินีและวายุบุตร สองสาวถึงกับชะงัก แล้วก็ทำเฉยๆใส่กัน
กฤษฎายิ้มทักทายให้กับวายุบุตร ทั้งหมดให้ความสนใจไปที่เวที
"เราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับวันนี้ครับ" พีทรรตบอก
นักข่าว 2 ถาม
"แล้วเรื่องที่คุณน้ำผึ้งถูกตัดบท และส่งให้น้องเมอร์ดี้เป็นนางเอกขึ้นมาแทนล่ะครับ จริงหรือไม่อย่างไรครับ และเพราะอะไรถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น"
ทั้งคู่สบตากัน เขาส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้เธอไม่ต้องพูด ทว่าเมอร์ดี้ฉวยโอกาสนี้แย่งซีน เดินไปที่โต๊ะแถลงข่าวหน้าเวทีทันที นักข่าวหันมาถ่ายรูปเมอร์ดี้ที่ไปนั่งประกบข้างพีศทรรต
ปินัทธากระซิบถาม
"คุณจะปล่อยให้เด็กนั่นมาแย่งซีนฉันอีกกี่ครั้งกี่หนกัน คุณพีศ!"
"อย่าเพิ่งของขึ้น!"
เมอร์ดี้ยกมือไหว้ปินัทธาและนักข่าว แสร้งทำดูดีงดงาม
"ในฐานะที่เมอร์ดี้ถูกพาดพิง เลยขออนุญาตมาร่วมให้ข้อมูลกับพี่ๆสื่อทุกคนค่ะ แต่ต้องให้เกียรติคุณพีศทรรตเป็นคนบอกพี่ๆนะคะ เพราะคุณพีศทรรตคือผู้จัดการของเมอร์ดี้ ที่เมอร์ดี้ไว้วางใจให้ดูแลชีวิตของเมอร์ดี้ค่ะ"
เมอร์ดี้ส่งสายตาหวาน ใส ให้พีศทรรต ปินัทธาเกิดความรู้สึกจะเข้าไปจิกหัวแล้วเอานิ้วจิ้มตามันมาก อดีตเพื่อนร่วมก๊วนสองคนสังเกตเห็นสายตาของเมอร์ดี้ด้วยเช่นกัน
"สำรับเรื่องนี้นั้น ทางผู้จัดและสถานีเห็นว่า..."
เธอกดอารมณ์ปรี๊ดไว้ไม่อยู่ พูดแทรกทันที
"น้ำผึ้งอารมณ์ร้ายและร้อนเกินไปที่เหวี่ยงใส่นักแสดงรุ่นน้องที่มาสาย จนถึงขั้นขอลาออกจากกองถ่าย"
นักข่าวฮือฮา พีศทรรต โตโต้สบตากัน เริ่มเหงื่อแตก เมอร์ดี้ตกใจไม่คิดว่านักแสดงรุ่นพี่จะกล้าพูดอกมา
นักข่าว2 ถาม
"นักแสดงรุ่นน้องที่มาสาย ใครคะ"
"ก็คือ..."
พีศทรรตตัดบท
"ความจริงก็คือ มีการเข้าใจผิดในการสื่อสารเล็กน้อย ทำให้คิวการถ่ายทำไม่ลงตัว เกรงว่าจะเกิดปัญหาต่อการทำงานของส่วนรวม น้ำผึ้งจึงจำเป็นต้องถอนตัวจากการทำงาน ผมพูดได้เพียงแค่นี้ ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับทางผู้จัดและสถานีครับ ขออนุญาตยุติการแถลงข่าว แต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกๆท่านมากครับ"
พีศทรรตลากปินัทธาและเมอร์ดี้ออกไปจากห้องแถลงข่าวทันที โตโต้ตาม นักข่าวยังพยายามจะแข่งกันถามไม่เลิก จะตาม แต่ร.ป.ภ.เข้ามากันนักข่าวเอาไว้
เมธาวลัยลุกขึ้น รีบเดินออกไปทันที เจ๊ฟูตามไปติดๆ ณัฎฐาลินีถามกฤษฎา
"เมเปิ้ลมาทำไม"
"มีปัญหาเรื่องดีลคุณน้ำผึ้งกับคุณเมอร์ดี้ไปถ่ายปกครับ จู่ๆทางGTก็แคนเซิลไม่รับงานเรา ทั้งที่ติดต่อไว้แล้ว แต่กลับไปรับงานของแมกกาซีนคู่แข่งเรา คุณเมเปิ้ลเลยมาเคลียร์กับบอสคุณน้ำผึ้ง"
"เละแน่ คุณพีศทรรต"
กฤษฎารีบออกไป ณัฎฐาลินีตาม
"คุณลินี"
"เรื่องชาวบ้านคืองานของฉัน ณ ตอนนี้...จบป่ะ"
เธอออกไปทันที วายุบุตรตามด้วยความรู้สึกเหนื่อยๆ
มุมหนึ่งในโรงแรม พีศทรรตเหวี่ยงปินัทธาและเมอร์ดี้ลงไปนั่งด้วยความฉุนเฉียว โตโต้ตามมาติดๆ
"ทำอะไรของพวกเธอ หา!"
ทั้งสองคนหน้าจ๋อยเมื่อเห็นพีศทรรตโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
"เมอร์ดี้...คุณจะมา ผมก็ให้มา แต่ไม่ได้ให้มาผิดเวลา และไม่ได้ให้มาร่วมการแถลงข่าวด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยว!"
"ก็เมอร์ดี้เห็นนักข่าวพูดถึงเมอร์ดี้"
"เค้าพูดถึงก็ช่างเขา ผมพูดแทนคุณเอง"
"เรียกว่าทีหลังอย่าได้เสนอหน้าทำในสิ่งที่ไม่ได้เตี๊ยมด้วยกันมาก่อนค่ะ น้อง"
"เออ ใช่ แต่ไม่ได้ให้คุณแทรกเวลาผมยังพูดไม่จบนะ"
"เผด็จการ!"
"การแถลงข่าวที่ส่งผลกระทบถึงคนหลายๆคนจำเป็นที่ผมต้องเผด็จการ ไม่งั้นก็เละ คนหนึ่งก็อยากจะออกสื่อ อีกคนก็ผีเจาะปากมาพูด บอกให้พูดแค่ค่ะ ทำไมไม่เชื่อผม"
"ฉันพูดความจริง กลัวทำไม"
"กลัวสิ เพราะความจริงของคุณมันจะทำลายนักแสดงในสังกัดของผมทั้งคู่ ทั้งคุณและเมอร์ดี้ ไม่มีใครได้ มีแต่เสียกับเสีย แล้วจะทำมาหากินต่อไปยังไงในวงการนี้ หา ถามหน่อย ตอบมาซิ!"
ทั้งคู่เงียบ จ๋อย ตอบไม่ได้ เพราะเห็นด้วยว่าผิดจริง
"ทีงี้ล่ะไม่พูด ช่วยใช้วิจารณญาณ ใช้สมองกันหน่อยเถอะ หรือถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องใช้ ให้ผมคิดให้ มีหน้าที่ทำตามสั่งก็ทำไป แค่นั้น! เข้าใจมั้ย" แ
เมอร์ดี้จะร้องไห้
"เข้าใจค่ะ"
"น้ำผึ้ง ผมถามว่าเข้าใจมั้ย"
"เข้าใจ"
โตโต้ถอนใจ
"ถ้าวางแผนเอาไว้ แล้วไม่ทำตามแผนแต่ทำตามใจ...ทุกอย่างในชีวิตมันก็จะยุ่งเหยิงเละเทะ เชื่อผมเถอะ ผมหวังดีกับคุณทั้งสองคน"
ปินัทธานิ่งเงียบ....ในขณะที่เมอร์ดี้น้ำตาซึม เขาลุกเดินหนีออกไป โตโต้ตาม เมอร์ดี้จะลุกตาม แต่ถูกเธอกระชากเมอร์ดี้ลงนั่งกระแทกอย่างแรงด้วยความโกรธ และยังไม่เคลียร์
"อะไรของป้าเนี่ย!"
"คนดังอยากจะนั่งเคลียร์ ห้ามลุกไปไหน"
เธอมองเมอร์ดี้ด้วยสายตาดุดัน
อีกมุมหนึ่งโรงแรม พีศทรรตเดินลิ่วมา โตโต้ตาม
"บอสคะ...จะกลับเลยเหรอคะ แล้วป้ากับเมอร์ดี้"
"ผมยังไม่กลับ จะหาอะไรดื่มดับอารมณ์หน่อย เส้นเลือดในสมองจะแตก"
"อุ๊ตะ! เซ็นเช็คเงินเดือนหนูก่อนค่อยเป็นอัมพาตนะคะ"
"โตโต้"
"ขำๆค่ะ เบรกดราม่าสะเทือนใจนิส..."
"ไม่ขำ"
"ตามนั้นค่ะ"
พีศทรรตจะเดินต่อ เมธาวลัย เจ๊ฟูเข้ามาขวาง กฤษฎา ไทเกอร์ ตามมาอยู่ข้างหลัง
"คุณพีศทรรต"
"คุณ?"
"เมเปิ้ล บ.ก.บ.ห. IT’S A MUST THAILAND"
"ครับ ผมทราบ"
โตโต้นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งแคนเซิลเจ้านี้ไป
"อุ๊ตะ! งานเข้า"
"งานอะไรเข้า โตโต้"
โตโตยิ้มแหย โดยที่พีศทรรตก็ยังไม่รู้เรื่อง เมธาวลัยจ้องพิฆาต ฆ่าหมู่ ในขณะที่ไทเกอร์รอดูอยู่อย่างสะใจ ณัฎฐาลินี และวายุบุตรเข้ามาอยู่ห่างๆ คอยสังเกตการณ์
น้ำผึ้งจ้องหน้าเมอร์ดี้ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจนอีกฝ่ายสยอง
"หล่อนจงใจแย่งซีนฉัน"
"ป้า...อย่ามาใส่ร้ายหนูนะ"
"ฉันอยู่ในวงการนี้มานาน ทำการแสดงมาไม่รู้กี่บทบาท สิ่งที่หล่อนทำเมื่อกี้ฉันขอจัดให้อยู่ในการแสดงชั้นเลว...หล่อนอาจจะตบตาคนอื่นได้ แต่ฉันเห็นอินเนอร์หล่อนมันกระเด็นออกมาจากสายตาคู่นี้!"
แล้วน้ำผึ้งก็เอานิ้วจิ้มตาเมอร์ดี้ทั้งสองข้างทันที
"โอ๊ย! ป้า!"
"จำไว้นะ อย่าท้าทายอำนาจมืด ไม่งั้นคราวหน้า ฉันไม่แค่จิ้มตาหล่อน แต่จะจิ้มอย่างอื่นแทน"
เธอมองหน้าอกเมอร์ดี้ ที่ใหญ่กว่าของตัวเอง
"เอาให้ลูกโป่งแตกเลย คอยดู!"
เธอลุกเดินออกไปทันที เมอร์ดี้ลืมตาได้ แค้นมาก
อ่านต่อตอนที่ 8