ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 2
เมธาวลัยควงกฤษฎาที่ตกใจแทบช็อกจนแก้ตัวไม่ถูกเข้าไปหาเพื่อนทั้งสอง
"น้ำผึ้ง ลินี เธอต้องไปงานแต่งงานของฉันให้ได้นะ"
เธอบอกเพื่อนอย่างนั้น ทว่าเพื่อนทั้งสองไม่คิดจะเชื่อ พีศทรรตและวายุบุตรมองกฤษฎาที่หน้าตาตื่น เหวอไม่เลิกด้วยความสงสัย
"ฉันไม่เชื่อว่าแกจะชอบกินเด็ก" ปินัทธาบอก
"ไม่เชื่อว่าแกจะยอมแต่งงานในชาตินี้ด้วยซ้ำ" ณัฎฐาลินีพูดเสริม
"อ๊าย! ทุกคนฟังนะคะ สองคนนี้ รักเพื่อนมากจนคิดว่าฉันจะยอมกอดคอพวกมันพลีชีพตายบนคานด้วยกัน ขอโทษด้วยนะ...ไม่เชื่อใช่มั้ยว่า ฉันจะรักและยอมแต่งงานกับใครได้ ทุกคน ดู!"
เธอหันไปจับหน้ากฤษฎาให้หันมา สั่ง "จูบ!"
"หือ?-- จูบ!-- เฮ้ย! ไม่ดีมั้งครับ"
"เห็นมั้ย...ผู้ชายดีๆที่ปกป้องรักษาเกียรติผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงไหนๆก็ต้องใจอ่อนหลงรักและยอมแต่งงานด้วยทั้งนั้นแหละ ขอบใจนะจ๊ะ เบ๊บ ม้วะ!"
เมธาวลัยหอมแก้มกฤษฎาฟอดใหญ่
"เอ่อ..."
เธอหยิกแขนกฤษฎา ทำปากขมุบขมิบ ยิ้มเนียนๆ
"ไม่ต้องพูด ฉันพูดเอง! ไม่งั้น ไล่ออก"
กฤษฎาหุบปาก ในใจก็อยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร ฌธอควงเขาไปหาเพื่อนสาวสองคนที่เคยพูดสบประมาทไปเมื่อกี้นี้
"ฉันต่างหากที่ไปก่อนยัยน้ำผึ้งและยัยลินี กล้องแพนไปทางขวาซิ!"
เพื่อนสาวสองคนและทุกคนหันมองไปที่ปินัทธาซึ่งยืนอยู่กับพีศทรรต และลินีซึ่งยืนอยู่กับวายุบุตร
"สองคนนั่นต่างหากที่จะต้องเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ เป็นทุกอย่างที่ชะนีไม่โดนน้ำจะเป็น ไม่ใช่ฉัน จำได้มั้ย ว่าฉันเคยพูดไว้ยังไง...ฉันคือคนที่จะแต่งงานก่อนพวกแกทุกคน!"
ภัทรวลัยชิงบอก
"แต่เรื่องนี้ ผู้หญิงธนูอย่างฉันชนะ"
"ฉันยกให้ เพราะแกคือเพื่อนคนโปรด แต่มันสองคน...แพ้!"
เพื่อนทั้งสองโพล่งออกมาพร้อมกัน "ไม่จริง!"
ดาราสาว ปินัทธาชิงพูดก่อน
"ฉันมีแฟนแล้ว!"
ทุกคนร้อง "หา!"
พีศทรรตจ้องหน้าดาราในสังกัด... ทำนอง ไปมีตั้งแต่ตอนไหน !? เธอไม่สน โยนโครมไปที่ณัฎฐาลินี
"เพราะง้าน... นังลินี แกซวย รับไปคนเดียว รวมมิตรมะเร็ง!"
"ฉันไม่รับเพราะ... พูดเลย! ฉันได้ใช้ของที่แม่ให้มาแน่ๆ เพราะฉันกำลังจะแต่งงานกับแฟนที่ฉันแอบคบหาดูใจกันอยู่ลับๆ ในอีก 1 เดือนข้างหน้าเหมือนกัน"
ทุกคนร้อง "เฮ้ย!"
วายุบุตรหน้าเสีย...ที่ทนายสาวบอกว่ามีแฟนที่แอบคบอยู่ลับๆ เขาไม่จะเชื่อ
"ทำไมใจตรงกันเลยล่ะ! เพื่อนๆ! ฮ่ะๆๆ" ปินัทธาว่า
"แกอย่าบอกนะว่าแกก็กำลังจะแต่งงานในอีก 1 เดือนข้างหน้าเหมือนกัน"
"อู๊ย! ก็ตามนั้นแหละ 1 เดือนข้างหน้า ฉันสละโสด!"
ทั้งสามสาวมองหน้ากันอย่างท้าทาย เปรี๊ยะปร๊ะ ไม่มีใครยอมแพ้ใคร ส่วนหนุ่มๆทั้งสามต่างมองผู้หญิงของตัวเอง....อย่างไม่มีใครเชื่อใคร คู่บ่าวสาวมองเหตุการณ์อย่างเหวอๆ....ภัทรวลัยไม่เชื่อและเดินเข้ามาแทรกกลาง
"ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ที่ชื่อว่า แปลกๆ"
ดีเจแทรกขึ้น
"ประกาศสละโสดกันเรียบร้อยแล้ว แสดงความยินดีกับทุกคู่ทุกหมู่เหล่าด้วยครับ มอบเพลงนี้ให้เลย...สำหรับความรักที่เบ่งบานกลางหัวใจทุกดวง"
เพลงซึ้งโรแมนติกดังขึ้น ทุกคนกรี๊ดกร๊าด
เมธาวลัย ปินัทธาตั้งท่าเตรียมชิ่ง จะเดินออก แต่ไม่ทัน เมื่อพีศทรรตลากน้ำผึ้งออกไปทางหนึ่งทันที จังหวะเดียวกับที่กฤษฎาก็หิ้วคู่กรณีออกไปอีกทาง
ภัทรวลัยเข้ามาจ้องณัฎฐาลินีที่หนีไม่ทัน
"เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวกลางฟลอร์เลยครับ เจิมหน่อยๆ" ดีเจส่งเสียงสร้างบรรยากาศ ทุกคนต่างร้องลุ้น
"วลัย คุณเป้ วลัย คุณเป้!"
"วลัย แกไปเปิดฟลอร์เถอะ ไว้คุยกัน คุณเป้ พามันไปหน่อย"
"วลัยคะ...คืนนี้เป็นคืนของเรา มีความสุขกันนะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"
เป้พาภัทรวลัยล่องลอยไปบนฟลอร์ทันที วลัยฝืนใจมีความสุขแต่เป็นห่วงเพื่อน
ณัฎฐาลินีโล่งอก เดินออก วายุบุตรตามทันทีจนมาขวางหน้าเธอไว้
"อะไร"
"คุณมีแฟนแล้วเหรอ"
เธอไม่ตอบ แต่เดินหนี เขาจับมือของเธอดึงเข้ามา จนเธอตัวหมุนเข้ามาซบอยู่กลางอกของเขา
"ว้าย!"
เธอเงยหน้าขึ้นสบตา เขาเองก็ตกใจ
"ผมขอโทษ อย่าเพิ่งจับผมทุ่มลงพื้นนะ ขอร้อง ยังเจ็บซี่โครงอยู่เลย"
เธออึ้ง แต่อดขำไม่ได้ สองคนสบตากัน นิ่งค้าง
พีศทรรตลากปินัทธาเข้ามาในมุมปลอดคน ก่อนคาดคั้นน้ำผึ้ง ทั้งสองคนอยู่ติดประชิดกันมาก
"ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้เรื่อง"
"จะรู้ได้ยังไง ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าต้องมีแฟนเมื่อกี้"
"หมายความว่ายังไง"
"ไม่ได้ยินหรือไง ยัยเมเปิ้ลดูถูกฉันว่าไม่มีทางได้แต่งงาน แต่มันได้แต่ง ฉันไม่ยอมให้มันหักหน้าฉันได้อีก เหมือนที่มันชอบทำกับฉันเมื่อก่อน"
"สรุป มีหรือไม่มี"
"ไม่มี! แต่ก็อยากมี หาให้หน่อยสิ เพื่อนคุณ ใครยังว่างอยู่มั่ง เอ๊ะหรือว่าคุณดี หย่าแล้วนี่ แต่ไม่เอา พ่อม่ายลูกติด ฉันเกลียดเด็ก แต่อย่าบอกเรื่องนี้กับเพื่อนฉันนะ ไม่งั้น...ฉันจะ"
พีศทรรตตัดบท
"คุณเป็นผู้หญิงที่ไร้สติที่สุดที่ผมเคยรู้จัก เรื่องเก่ายังไม่ทันได้แก้ข่าว ก็สร้างเรื่องใหม่ให้ผมต้องปวดหัว พรุ่งนี้คลิปที่คุณประกาศว่าจะแต่งงานจะต้องว่อนอยู่ในอินเตอร์เน็ต"
"เออ! ช่างมันสิ ฉันมันไม่มีอะไรดีหรอก จะฉีกสัญญาแล้วตัดหางฉันปล่อยวัดเลยก็ได้นะ ไม่แคร์!"
นักแสดงสาวเดินหนี
"แน่ใจเหรอว่าไม่แคร์"
เธออึ้ง ชะงักไป
"แน่ใจเหรอว่าอยากให้ผมฉีกสัญญา ในขณะที่ตัวเองหางานแทบไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็ไม่มีงานที่ไหน แน่ใจเหรอว่าอยากให้นักข่าวรุมประณามที่คุณประกาศลาออกจากกองถ่าย แน่ใจเหรอว่าอยากให้นักข่าวขุดคุ้ยเรื่องคำโกหกเมื่อกี้ แล้วฝังคุณให้จมดิน ไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ แน่ใจเหรอ"
เธออึ้ง ใครบอกว่าแน่ใจ !? แต่ปากและอารมณ์ของตัวเองพาไปทุกที เธอเจ็บปวด ค่อยๆหันด้วยรู้สึกผิด จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ
"ฉัน...ไม่"
พีศทรรตแทรกบอก
"ไม่เคยใช้สมองคิดก่อนพูด ใช้แต่อารมณ์ แก่กะโหลกกะลาจริงๆ"
ได้ยินดังนั้น เธอก็ของขึ้นทันที
"เออ! แก่ด้อยคุณภาพ เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ ฉันจะแถลงข่าวว่าฉันเป็นคนฉีกสัญญากับคุณเอง คุณจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะฉัน ไง แก่มีวุฒิภาวะหรือยัง อ๊าย!"
เธอเดินออกไปอย่างหงุดหงิดมาก
"น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง!"
เธอเดินลิ่วไปไม่สนใจอะไรแล้ว เสียงมือถือของพีศทรรตดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเบอร์โชว์ว่า “ที่บ้าน” เขาแปลกใจ รับสาย
"ฮัลโหล...ว่าไงแต้ว อะไรนะ! ได้ ฉันกำลังจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ"
พีศทรรตรีบเดินออกไปทันที
ภายงานเลี้ยง ณัฎฐาลินียังคงอึ้งอยู่ในอ้อมแขนของวายุบุตร
"ผมปล่อยคุณนะ"
วายุบุตรปล่อยเธอจากอ้อมแขน
"คุณมีแฟนแล้วจริงๆเหรอ คุณลินี"
"มีหรือไม่มี ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ"
เธอเดินออกไปทันที นึกละอายใจกับคำโกหกของตัวเอง
"คุณจะกลับแล้วเหรอ ผมไปส่ง"
"น่ารำคาญ! ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน"
เธอรีบเดิน วายุบุตรไม่ละความพยายามตามไปอีก
บริเวณล็อบบี้โรงแรม เมธาวลัยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มือถือแก้วน้ำเปล่า ค่อยๆดื่มในอาการ มึน เศร้า เซ็ง กฤษฎารับผ้าเย็นมาจากพนักงาน
"ขอบคุณครับ"
พนักงานโค้งออกไป เขาหันมาอีกทีปรากฏ เธอหลับไปแล้ว ทั้งที่มือยังถือแก้วน้ำค้างอยู่
"คุณเมเปิ้ลครับ ผ้าเย็นมาแล้วครับ เช็ดหน้าหน่อยมั้ย จะได้รู้สึกดีขึ้น"
เธอยังไม่รู้สึก แก้วกำลังจะหลุดมือตกพื้น เขารีบรับเอาไว้ทัน เธอยังนั่งท่าเดิม หลับ แต่หน้ายังคงเชิด เขามองแล้วอดขำไม่ได้ เลยวางผ้าเย็นและแก้วน้ำลง
เธอค่อยๆโงนเงนจะหล่นจากเก้าอี้ แต่เขารีบไปนั่งข้างทันที ทำให้เธอเอนหล่นมาซบกับไหล่เขาพอดี หัวเธอจะลื่นหล่น กฤษฎาค่อยๆจับหัวเธอให้ซบในตำแหน่งที่พอดี แล้วนึกสนุก เชยคางเธอเชิดขึ้น
"ของแท้ หน้าต้องเชิดตลอดเวลา...ใช่มั้ยครับ"
กฤษฎาอมยิ้มรู้สึกเขินที่ได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้ เธอขยับตัวกอดเขาเอาไว้ เขาอึ้ง เขินหนัก ก่อนหยิบมือถือขึ้นมา
"ขออนุญาตนะครับ"
กฤษฎาถ่ายรูปคู่เอาไว้ เธอขยับตัว เขารีบเก็บมือถือ นั่งให้เธอหน้าเชิดพิงแนบชิดต่อไป
มุมหนึ่งในโรงแรม วายุบุตรตามณัฎฐาลินีไปอย่างรวดเร็ว
"คุณลินี รอผมด้วย"
วายุบุตรวิ่งเลี้ยวมาจากมุมหนึ่ง มองหาณัฎฐาลินีไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นแล้ว
"หายไปไหนแล้วนะ ไวจริง"
วายุบุตรมองไปรอบๆ ก่อนตัดสินใจเดินออกไปหาทางหนึ่ง ณัฎฐาลินียืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ ที่เขาเดินออกไป แต่เขาไม่เห็นเธอ
"ฉันไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของคุณเด็ดขาด!"
เธอเดินออกไปอีกทาง ขณะเดียวกับที่วายุบุตรหันมาพอดี เขาและเธอคลาดกันไป เขานึกตลกตัวเองที่มาวุ่นวายกับเรื่องของเธอถึงตอนนี้
ปินัทธาเดินเข้ามากลางฟลอร์ เห็นคู่บ่าวสาวกำลังสนุกสนาน เธอเดินเข้าไปแล้วเต้นๆๆอย่าง เต้นลืมตาย ทุกคนยืนมองอึ้ง เหวอกับอาการเมามันของดาราสาว เธอหัวเราะร่า ทำเป็นสนุกสนาน แต่น้ำตาค่อยๆซึมออกมา เพราะเสียใจกับทุกอย่างที่ประดังเข้ามา
ณัฎฐาลินีนั่งอยู่เบาะหลังในแท็กซี่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สะท้อนแสงสีของกรุงเทพ ในในหัวใจ เหงา เดียวดายและเจ็บปวดเมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไป น้ำตาซึมอีกคน
เมธาวลัยนั่งอยู่เบาะข้างคนขับที่กฤษฎาทำหน้าที่คนขับอยู่ เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พิงกระจก หลังจากหายเมาแล้ว แต่เซื่องซึม น้ำตาซึมอยู่
มุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย เวลากลางวันในอดีต เมธาวลัย, ณัฎฐาลินี และภัทรวลัยถือขนมและถ้วยน้ำเดินมา แล้วทั้งหมดก็อึ้ง ชะงัก ! โจ้เดินจับมือกิ๊กสาวผ่านไป เขาดูลุกลี้ลุกลนจูงมือสาวไปอย่างรีบเร่ง ณัฎฐาลินีทนไม่ได้เข้าไปขวาง เพื่อนอีกสองคนตามไปติดๆ โจ้ตกใจเมื่อเห็นทุกคน
"ลินี...อุ๊ย...มากันครบเลย"
"ยังไม่ครบ! ขาดไปคนหนึ่ง แฟนแกไงไอ้โจ้!"
กิ๊กสาวงง
"แฟน? พี่โจ้มีแฟนแล้วเหรอ ไหนบอกกิ๊กว่า...ไม่มี"
"มีสิ ก็น้ำผึ้ง ปินัทธา นางเอกหนังชื่อดังไง"ภัทรวลัยบอก
"พี่โจ้! หมายความว่าไง"
"นี่! น้อง อย่าเป็นคนสวยแต่โง่เหมือนเพื่อนพี่ ถูกมันหลอกแล้ว รู้ตัวป่ะ" เมธาวลัยบอก
ณัฎฐาลินีบอก
"กลับไปซะ แล้วจำไว้นะ ผู้ชายบางคนไม่ได้ปลวกแค่หน้าตานะ นิสัยสันดานมันก็ปลวกด้วย ไป๊!"
กิ๊กสาววิ่งหนีไป โจ้จะหนี เจอภัทรวลัยขวางเอาไว้
"จะไปไหน!"
"ไปไกลๆครับ"
"แฟนแกถ่ายหนังถ่ายแบบงกๆ ก็แอบมาทำตัวเพลย์บอยเหรอไอ้โจ้!"
"ไม่ได้ตั้งใจ น้องเค้ามาเอง"
"ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่าหล่อมากเลยนะ"
"มันช่วยไม่ได้จริงๆนะครับ ขอตัวนะครับ ติดธุระ"
"ไม่ให้ มีธุระที่แกต้องไปเคลียร์กับพวกฉัน เดี๋ยวนี้!" ณัฎฐาลินีบอก
โจ้หน้าจ๋อย กลัวสามสาวจับใจ
เวลาต่อเนื่องมา โจ้นั่งหน้าจ๋อยในวงล้อมของสาวๆ ปินัทธายืนหน้าตื่นตกใจอยู่
"ไม่จริงๆ พวกแกโกหก โจ้ไม่เคยนอกใจฉัน"
"แต่คราวนี้พวกฉันจับมันได้คาหนังคาเขา"
"มันเดินจับมือกับน้องปีหนึ่ง กำลังจะพาออกไปข้างนอก ทำตัวมีพิรุธเหมือนกลัวใครจะเห็น"
โจ้รีบแก้ตัว
"ไม่จริงเลยนะ ผมกับน้องกิ๊ก เป็นแค่พี่น้องรหัส"
สามสาวยกเว้นปินัทธาลากเสียงยาวร้อง "เหรอ?"
"พี่น้องรหัสบ้านแก จับมือกันแบบนั้นเหรอ หา ไอ้โจ้!" เมธาวลัยบอก
"น้องเค้าเจ็บเท้า เดินไม่ถนัด ผมก็ต้องช่วยพยุง"
"ไปหลอกเด็กเหอะ ไป๊!"ณัฎฐาลินีบอก
"แกเชื่อมัน แกก็ไม่มีสมองแล้ว"
"พอกันที! ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว"
สามสาวดีใจ โจ้ยิ่งจ๋อย คิดว่าถูกเพื่อนต้องบอกเลิกแน่ๆ
"ตาสว่างเลิกโง่แล้วใช่มั้ยแก" เมธาวลัยว่า
ณัฎฐาลินีบอก "เลิกเลย!"
"ฉันทนไม่ไหวแล้ว ทำไมพวกแกต้องคอยหาเรื่องทำให้ฉันเลิกกันให้ได้ หา!"
เพื่อนทุกคนอึ้ง คาดไม่ถึง
"แกพูดใหม่อีกทีซิ" เมธาวลัยว่า
"พวกแกอิจฉาฉัน! กลัวฉันจะมีความสุขมากกว่า เพราะฉันมีแฟน"
"นังบ้า!คิดงี้ได้ไง อิจฉาที่แกมีแฟนหน้าปลวกงี้เนี่ยนะ" ภัทรวลัยว่า
"แกพูดเหมือนพวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน!" ณัฎฐาลินีบอก
"เลื่อยขาเตียงเพื่อนทุกวันวันละสามครั้งหลังอาหารทุกวันแบบที่พวกแกทำเนี่ยเหรอเพื่อนกัน! ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เพราะพวกไม่มีความสุข เลยทนเห็นฉันมีความสุขไม่ได้!"
บรรดาเพื่อนๆโกรธจัด ผิดหวังในตัวปินัทธามาก โจ้แทรกขึ้น
"น้ำผึ้ง...เราอย่าอยู่เสียเวลาทะเลาะ..."
ทั้งสี่คนรุมผลักโจ้จนกระเด็นออกไป แล้วโพล่งพร้อมกัน
"อยู่เฉยๆ!"
โจ้จ๋อย ตัวลีบ
"แกคิดกับพวกฉันอย่างนี้มาตลอดเวลาเลยใช่มั้ย" เมธาวลัยว่า
"เออ! หรือไม่จริง!"
ทุกคนบอก "ไม่จริง!"
"คนสวย รวย เก่งอย่างฉันไม่จำเป็นต้องอิจฉาแก จะมีแฟนเมื่อไหร่ก็มีได้" เมธาวลัยบอก
"ผู้หญิงเอาแต่ใจชอบออกคำสั่งอย่างแก ใครจะเอา"
เมธาวลัยอึ้ง
ณัฎฐาลินี
"แค่ฉันกระดิกนิ้ว ผู้ชายทั้งคณะวิ่งมาเข้าแถวรอให้ฉันเลือก รู้ไว้ซะ แต่ฉันไม่เอา"
"ผู้หญิงโรคจิต เกลียดผู้ชาย เค้ารู้กันทั้งมหาวิทยาลัย ฝันหรือเปล่า"
ณัฎฐาลินีอึ้ง
"ผู้หญิงราศีธนูเจ้าเสน่ห์อย่างฉัน ฟันธง! ลงจากคานก่อนแกแน่นอน" ภัทรวลัยว่า
"ลงจากคานไปลงโลงน่ะสิ!"
"ใจร้ายอ่ะ!"
"พอได้แล้ว!"
เพื่อนทั้งสามมองหน้าปินัทธาอย่างผิดหวัง เสียใจ เธอเชิดใส่เพื่อนทั้งหมดด้วยทิฐิ
"ต่อไปนี้...ฉันจะไม่อยู่ให้นังเมเปิ้ลมากดหัวให้อยู่ต่ำกว่ามัน ฉันจะไม่ทนให้นังลินี! มันมาคอยสาระแนเรื่องของฉัน ฉันจะไม่ทนฟังนังวลัยหน้าแปลกคาบข่าวเอาเรื่องฉันไปนินทาลับหลัง...โจ้ คือคนที่ฉันไว้ใจและไม่มีทางหักหลังฉันเหมือนพวกแก ฉันคือคนแรกที่จะแต่งงานให้ผู้หญิงมีปัญหาอย่างพวกแกผิดหวัง!"
นางเอกสาวควงโจ้ที่แอบยิ้มเย้ยใส่กลุ่มเพื่อนๆของปินัทธา
"เดี๋ยวก่อน!"
น้ำผึ้ง โจ้ชะงักแล้วหันมา ณัฎฐาลินีต่อยเปรี้ยง ! เข้าเบ้าตาโจ้
"ไอ้ลินี แกต่อยแฟนฉัน!"
"และกำลังจะกระทืบซ้ำ!"
โจ้ลุกขึ้น จะเอาคืน
"เจอกูตบแน่ มึง!"
ณัฎฐาลินีเลือดขึ้นหน้า พุ่งเข้าใส่ ถีบสวนจนโจ้กระเด็น
"เจอตีนฉันก่อนเลย ไอ้โจ้! ทำร้ายผู้หญิง ไอ้หน้าตัวเมีย"
ภัทรวลัยกับเมธาวลัยเข้าไปห้าม
"หยุด ลินี หยุด!"
"ฉันจะแจ้งความ ข้อหาทำร้ายร่างกาย"
"ไปเลย ยังไงก็ได้ ไปเลย! ยังไม่ไปใช่มั้ย"
ณัฎฐาลินีเงื้อจะกระทืบโจ้อีก คราวนี้โจ้รีบพาปินัทธาวิ่งหนีไปทันทีด้วยความกลัว เมธาวลัยห้ามเอาไว้
"พอแล้ว ลินี"
"ฉันจะฆ่ามัน ไอ้ผู้ชายเลว!"
ณัฎฐาลินีเดือดดาล
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 2 (ต่อ)
เพื่อนทั้งสองลากณัฎฐาสินีมานั่งยังโต๊ะนักศึกษาในอีกมุมหนึ่ง
"ฆ่ามันตาย แกก็ติดคุก เรียนก็ยังไม่จบ พรหมจรรย์ก็ยังไม่เสีย"
"วลัย!"
"ขอโทษ ฉันแค่จะบอกว่า...ชีวิตเรายังมีค่า มีอนาคตที่ดี อย่าเสียเวลาไปแลกกับไอ้ปลวกนั่นเลย"
เมธาวลัยบอก
"ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องของมัน เพราะฉันเชื่อแก แล้วเป็นไง! เพราะแก! ทำให้ทุกอย่างพัง"
"ฉันทำถูกแล้ว! ฉันไม่ยอมทนดูเพื่อนเป็นเหยื่อผู้ชายเลวๆ โดยไม่ทำอะไรแล้วก็ขอเหอะ เลิกโยนความผิดมาให้ฉันคนเดียวสักที! นิสัยตัวเองไม่ผิด คิดไม่เคยพลาดเนี่ย เลิกสักทีเหอะ ฉันเบื่อ" ณัฎาลินีบอก
"ฉันก็เบื่อที่แกไม่เคยอยู่เฉยๆ ชอบสาระแนไปยุ่งกับครอบครัวชาวบ้าน ในเมื่อไม่มีผู้ชายคนไหนดี เกลียดนัก ก็ไปบวชชี" เมธาวลัยบอก
ณัฎฐาลินีอึ้งจนพูดไม่ออก
"แต่ฉันไม่เคยเบื่อพวกแกนะ ไม่มีใครนิสัยดี ไม่มีข้อเสียหรอก พวกเราเป็นมนุษย์ พวกเรากลม" ภัทรวลัยบอก
เพื่อนทั้งสองหันมาบอก
"เงียบไปเลย!"
ภัทรวลัยจ๋อยไปทันที
"เชิญแกอยู่ในโลกของความเห็นแก่ตัว สนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะ หึ นังน้ำผึ้งมันคิดถูกอยู่อย่างเดียว ผู้หญิงอย่างแก ไม่มีใครเอา"
"ฉันนี่แหละที่จะประกาศงานแต่งงานก่อนพวกแกทุกคน"
"ข้ามศพฉันไปก่อน ถ้าแกจะทำอย่างนั้น"
"งานศพแก ฉันไม่มีทางไปเผาผี!"
เพื่อนทั้งสองต่างสะบัดหน้าเดินออกไปทันที ทิ้งภัทรวลัยยืนอึ้งเหวอ
"เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย!"
ปินัทธาร้องไห้โฮออกมา ทรุดลงนั่งร้องไห้แบบไม่อายใคร ทำเอาคู่บ่าวสาวและทุกคนในงานเหวอไป
ณัฎฐาลินีร้องไห้ออกมาเพราะเสียใจเรื่องเพื่อน
เมธาวลัยน้ำตาไหลไม่หยุดขณะเหม่อมองออกไปนอกรถ แต่พยายามจะไม่ให้กฤษฎาที่เหลือบมองมาเป็นระยะสังเกตเห็น
รถของเมธาวลัยจอดเทียบริมถนนในเวลากลางคืน กฤษฎาเปิดประตูออกมา เธอหายเมาแล้วลงมาจากรถ ทั้งสองคนอ้อมไปเจอกันที่หน้ารถ
"คุณขับเองไหวแล้วเหรอครับ"
"ฉันหายเมาแล้ว กลับไปได้แล้ว"
เธอเดินไปเปิดประตูรถ
"การที่อยู่บนคาน มันน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"อะไรนะ"
"ยอมรับความจริงไม่ได้ถึงกับต้องโกหกทุกคนว่า มีแฟนแล้วทั้งๆที่ไม่มีเหรอครับ"
เธอปิดประตูรถแล้วเดินมาจ้องหน้าเขา
"อายุเท่าไหร่"
"ยี่สิบห้าครับ"
"อีกนานกว่าจะเข้าใจชีวิต"
"คุณอายุมากกว่าผมสิบปี แต่ผมก็ไม่เห็นคุณเข้าใจชีวิตมากกว่าผม"
เธออึ้ง
"หลังจากคืนนี้ไป ผมจะเป็นยังไงครับ ยังเป็นลูกน้องคุณควบตำแหน่งแฟนกำมะลอต่อหน้าเพื่อนคุณเพื่อป้องกันการเสียหน้าหรือเปล่าครับ แล้วถ้าผมจะบอกว่า ผมเป็นแฟนกำมะลอของคุณไม่ได้ล่ะครับ"
"ก็ตามใจเธอ แต่ถ้าความลับเรื่องนี้ถึงหูนังเพื่อนตัวร้ายของฉันว่า ฉันอุปโลกน์เธอให้เป็นแฟนฉัน ฉันฆ่าเธอตายแน่ ไม่เชื่อ คอยดู!"
แล้วเธอก็ขึ้นรถกระชากรถขับออกไป เขานึกสนุกกับการได้ใกล้ชิดผู้หญิงที่อายุมากกกว่าเขาคนนี้ซะแล้ว
มุมหนึ่งในบ้านพีศทรรต วันใหม่ พีศทรรตต่อว่าธัญรดา ภรรยาเก่าที่นั่งสวยๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่
"คุณนัดจะพาลูกไปเที่ยว แล้วก็ปล่อยให้ลูกรอจนหลับ กี่ครั้งแล้วที่คุณไม่รักษาสัญญา ทำให้ลูกผิดหวัง ธัญรดา"
เธอไม่ตอบ พีศทรรตถามย้ำคาดคั้น
"ผมถามว่ากี่ครั้งแล้ว!"
"ทำไมต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ยังไม่ชินกันอีกหรือไง งานฉันมันไม่มีเวลาเข้าออกแน่นอนตายตัว งานไม่เสร็จฉันก็มาไม่ได้ ก็แค่เนี้ยะ! ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่"
"ความรู้สึกของลูก เป็นเรื่องใหญ่ของผม! เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของผมที่เลิกกับคุณ คุณที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครนอกจากตัวเอง"
"จะให้ฉันแคร์คนที่ไม่เคยแคร์ฉันไปทำไม"
พีศทรรตอึ้ง
"ในโลกของคุณมีแต่ลูก แล้วเมียอย่างฉันล่ะ ฉันมันแค่เมียแต่งที่คุณไม่ได้รัก เป็นแค่แม่ที่ลูกมันอาศัยท้องมาเกิด แต่มันก็ไม่เคยผูกพันกับฉัน วันๆ ก็ร้องเรียกหาแต่พ่อๆๆ"
"เพราะแม่ของลูกเอาแต่ทำงาน ตกกลางคืนก็ออกเที่ยว ไม่เคยให้เวลาลูก แล้วจะให้ลูกผูกพันกับคุณได้ยังไง"
"เลิกโยนความผิดทุกอย่างมาให้ฉันคนเดียวเสียที!"
อดีตคู่สามีภรรยาจ้องมองกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นศัตรูที่ไม่อาจลงรอยกันได้ ญาดา ลูกสาวของทั้งคู่นั่งกอดเข่า แอบฟังอยู่ใกล้ๆ หน้าเครียด แต่ไม่ร้องไห้ แต้วเดินเข้ามาเห็นก็ใจหาย รีบเข้ามาอุ้มเด็กสาวออกไปทันที หันไปเจอคุณหญิงกานดายืนอยู่
แต้วยิ้มหน้าเสีย กานดามองหน้าหลานสาวอย่างเวทนา โบกมือให้แต้วอุ้มญาดาออกไปก่อน
เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหาพีศทรรตและธัญรดาทันที
"เรียกฉันมาด่าแค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้กลับ" ธัญรดาบอก
"ถ้ายังไม่มีสำนึกก็กลับไป ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก"
"คิดจะตัดขาดฉันกับลูกเหรอ ได้ ก็ไปฟ้องศาลเอา"
"ผมทำแน่!"
เสียงกานดาดังแทรกเข้ามา
"หยุดทะเลาะกันได้แล้ว"
ทั้งคู่ชะงัก กานดาเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ทว่าเย็นชา
"คุณแม่"
"สวัสดีค่ะคุณแม่"
"รดา อย่าเพิ่งกลับ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย ตาพีศ ไปดูลูก เมื่อกี้แม่เห็นหลานนั่งแอบดูพ่อกับแม่ทะเลาะกัน"
พีศทรรตตกใจเป็นห่วงลูก รีบออกไปทันที
มุมหนึ่งบ้าน แต้วพยายามเอาใจญาดาที่นั่งนิ่งด้วยขนมสารพัดที่วางอยู่
"นี่ ของชอบของน้องญาดา พี่แต้วทำให้ทานแล้วนะคะ ใครบ่นอยู่เมื่อวานคะว่าอยากทาน ยกมือขึ้น"
ญาดามองแต้วตาขวาง แต่ยกมือขึ้น
"เย้! งั้นเรามาทานกันนะคะ นี่ค่ะ พี่แต้วตักให้ ใส่จานใบเล็ก เหมาะกับคนตัวเล็กๆ น่ารัก"
แต้วส่งจานให้ ญาดารับมา แต้วยิ้มแต้รอให้ญาดาตักใส่ปาก แต่แล้วญาดาก็เขวี้ยงจานลงพื้น แตกเปรี้ยง แล้วร้องกรี๊ดๆๆๆ แต้วตกใจ
"ไม่กิน ไม่กิน ไม่เอา ไม่เอา ไม่ เอาออกไป ไม่กิน แอร๊ย! "
"น้องญาดาขา! อย่าร้องค่ะ หยุดก่อนค่ะ เดี๋ยวกระเบื้องบาดเท้า"
ญาดาไปยืนเหยียบกระเบื้องแล้วกรีดร้องดัง
"น้องญาดา อย่าทำอย่างนี้ค่ะ อย่า! โอย ตาย!"
แต้วพยายามจะเข้าไปกอดเอาไว้ แต่ญาดาไม่ยอมสงบ ทั้งดิ้น ทั้งข่วนแต้ว
"โอ๊ย! พี่แต้วเจ็บนะคะ น้องญาดา!"
พีศทรรตวิ่งเข้ามา เห็นลูกสาวกำลังออกฤทธิ์กับพี่เลี้ยง ก็วิ่งเข้ามากอดลูกสาวเอาไว้
"ญาดา! หยุดลูก หยุด!"
"ไม่หยุด แอร๊ย! คุณแม่อยู่ไหน จะหาคุณแม่"
"คุณแม่คุยกับคุณย่าอยู่ คุยเสร็จแล้ว คุณแม่จะมาหาหนูนะ เงียบก่อนนะ"
เขากอดลูกสาวเอาไว้ด้วยความสะเทือนใจ เด็กสาวสงบลงร้องไห้โฮ เขากอดปลอบประโลมแล้วอุ้ม ก่อนหันไปสั่งแต้ว
"ทำความสะอาดซะ"
"ค่ะ"
เขาอุ้มลูกสาวออกไป แต้วมองตามอย่างสะเทือนใจ สงสารญาดา
ภายในห้องรับแขก ธัญรดานั่งอย่างไม่เป็นสุข อยากจะกลับเต็มแก่ กานดามองอดีตลูกสะใภ้อย่างคนที่รู้ทัน
"รีบไปเหรอ แม่รดา"
"หนูมีนัดคุยกับนายหน้าซื้อขายที่ดินค่ะ กำลังจะขึ้นโครงการโรงแรมใหม่"
"ท่าทางจะสนุกกับงานมาก"
"ค่ะ งานทำให้หนูรู้สึกว่ามีค่าและเป็นคนสำคัญ"
"เราเป็นคนสำคัญสำหรับยัยญาดานะ"
"อีกไม่นาน คุณพีศก็คงหาคุณแม่คนใหม่มาเป็นคนสำคัญสำหรับญาดาแทนหนู เห็นคั่วอยู่หลายคนนี่คะ เดี๋ยวเปลี่ยนๆ ควงไม่ซ้ำหน้า"
"จะไปเอาอะไรกับผู้หญิงรักสบายพรรค์นั้น ตาพีศลูกแม่ไม่ใช่คนโง่ ก็แค่ควงแก้เบื่อประเดี๋ยวประด๋าว สำหรับแม่ ลูกสะใภ้ของสกุลโซ่อัมพัน...คือหนูคนเดียวเท่านั้น"
"แต่เราหย่ากันแล้ว สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับค่ะ"
"แต่แม่เปลี่ยนทางน้ำ ให้ไหลย้อนกลับมาได้"
ธัญรดาอึ้ง
"หย่าแล้วก็แล้วไป แต่ใช่ว่าจะกลับมาจดทะเบียนอยู่ด้วยกันอีกไม่ได้ ยิ่งไม่ยากถ้ามีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจกันอยู่"
"แต่คุณพีศไม่ได้รักหนู ขนาดหนูยอมมีลูก ก็ไม่ได้ทำให้เค้ารักหนูขึ้นมาเลยแม้สักนิด เค้าแต่งงานกับหนูเพราะปฏิเสธคุณแม่ไม่ได้ อย่าให้หนูกลับมาทรมานใจอีกเลยค่ะ"
"แล้วเรารักตาพีศอยู่หรือเปล่าล่ะ"
เธออึ้ง กานดารู้ดีว่า ธัญรดายังรักพีศทรรตอยู่
"ใจเย็น อย่าวู่วาม อย่าประชด ตาพีศไม่ใช่คนใจดำ ถ้าหนูทำให้ตาพีศเห็นว่า หนูเป็นแม่ที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวของยัยญาดา....ตาพีศจะเปิดหัวใจและรักหนูได้ไม่ยากเลย หนูมีโอกาสครั้งที่สองแล้ว"
ธัญรดาอึ้ง ลังเล เพราะยังรักพีศทรรตอยู่มาก แต่ก็เจ็บปวดที่จะอยู่โดยที่เขาไม่ได้รัก
ณัฎฐาลินีเดินเข้ามาในออฟฟิศ ผ่านป้ายชื่อมูลนิธิฟ้าหลังฝน ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการช่วยเหลือสตรีที่เป็นเหยื่อความรุนแรงในสังคม กุ๊งกิ๊งและเจ้าหน้าที่อีกสอง - สามคนมองยิ้มๆ จนเธอแปลกใจ แต่ไม่ติดใจอะไรมากนัก
จนกระทั่งเธอเดินมาที่โต๊ะทำงาน เห็นช่อดอกกุหลาบป่าวางอยู่บนโต๊ะ ก็แปลกใจ
"ดอกไม้ ดอกไม้ใคร? กุ๊งกิ๊ง"
"ของพี่ลินีนั่นแหละค่ะ มีแมสเซ็นเจอร์เอามาส่งเมื่อกี้เอง"
"ส่งผิดคนหรือเปล่า"
"ไม่ผิดล่ะค่ะ ส่งถึงคุณณัฎฐาลินี มงคลควร ชื่อนามสกุลมาเต็ม"
"ใครส่งมาให้"
"ไม่ทราบค่ะ แมสเซ็นเจอร์เค้าบอกว่ามาส่งตามคำสั่งของร้าน อยากรู้ว่าใคร ลองดูในการ์ดสิคะ เผื่อลงชื่อเอาไว้"
เธอเปิดหา เจอการ์ดหนึ่งใบ แล้วอ่านข้อความ
"ผมจริงใจนะ...วายุบุตร"
กุ๊งกิ๊งตกใจ ตื่นเต้น
"คุณวายุบุตร...คนนั้นน่ะเหรอคะ"
"มีคนเดียวในประเทศไทย ที่กล้าทำแบบนี้ ไปรู้จักชื่อจริง นามสกุลจริงฉันได้ไง" เธอถามกุ๊งกิ๊ง "มีใครโทรมาเช็กชื่อนามสกุลพี่ที่นี่หรือเปล่า"
กุ๊งกิ๊งและทุกคนส่ายหัว
"แหม...เปิดหาในสมุดหน้าเหลืองก็เจอ หรือเปิดกูเกิ้ลก็ไม่ยาก เดี๋ยวนี้ สืบค้นเรื่องพวกนี้ง่ายจะตายไป ยุคนี้มันยุคดิจิตอลไม่ใช่อนาล็อกแล้วนะคะพี่ลินี"
"เอาอีกแระ วกมาเรื่องยุคหรือสมัยอีกจนได้ อย่าแก่บ้างนะพวกเธอ ... ทำงานเลย"
กุ๊งกิ๊งและเจ้าหน้าที่หัวเราะขำ เธอไม่พอใจที่เขาส่งดอกไม้มาให้ ครั้นเห็นสายตาเพื่อนร่วมงานที่มองมาล้อๆ ยิ่งเคือง
มุมหนึ่งบ้านวายุบุตร วายุบุตรคุยมือถือกับร้านดอกไม้
"ขอบคุณครับ อ้อ...รบกวนจัดส่งให้ทุกวันเลยนะครับ แต่ขอเปลี่ยนดอกไม้ไปเรื่อยๆ แล้วผมจะโทร.บอกล่วงหน้า ขอบคุณครับ"
เขาวางสาย อมยิ้ม มีความสุข พนม พ่อของเขาซึ่งเป็นมะเร็งปอดนั่งวีลแชร์ไฟฟ้าเข้ามา เห็นแววตาที่ยิ้มฝันของวายุบุตร ก็รู้ทันทีว่า ลูกชายกำลังมีอารมณ์โรแมนติกกับหญิง
"อยากรู้จังว่ะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
วายุบุตรอึ้ง หันมา
"ป๊า..."
"ไง ไอ้เสือ คิดจะมีความรักเหมือนชาวบ้านเค้าแล้วหรือไง"
"ใครบอกว่าผมคิดจะมีความรักเหมือนชาวบ้าน"
"หือ?"
"ไม่เหมือนชาวบ้าน น่าจะถูกกว่า"
"ฮ่ะๆๆไอ้นี่พูดแปลก"
"ครับ เธอไม่เหมือนชาวบ้าน มีบางอย่างที่น่าสนใจ และทำให้ผมอยากค้นหา"
"ผู้หญิง แรกๆก็เหมือนหนังสือที่เรายังไม่ได้อ่าน แต่พออ่านจบเล่ม มันก็ไม่ได้ทำให้อยากอ่านอีก แล้วก็เก็บลงกล่องกระดาษ ปิดผนึก"
"แต่อาจจะมีสักเล่มที่เราอยากอ่านแล้วอ่านอีกไม่รู้กี่จบ ไม่เคยเบื่อ"
"ซึ่งป๊าอยากให้เป็นสิริมา"
สิริมาเดินเข้ามาพอดี ได้ยินการสนทนา ทำให้ชะงัก ยังไม่เดินเข้าไป ยืนแอบฟัง
"โชคร้ายครับ ที่สิริมาเป็นหนังสือประเภทที่ป๊าพูดในตอนแรก"
"ไม่มีทางเลยเหรอ ที่แกจะหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง"
"ไม่ครับ สิริมากับผม เราเป็นได้ดีที่สุดคือเพื่อนที่ดีและหุ้นส่วน"
สิริมาจุกอย่างประหลาด เพราะยังรักและหวังจะคืนดีกับวายุบุตร ปั้นหน้าให้เป็นปกติ เดินเข้าไป
"สวัสดีค่ะป๊า วายุ"
วายุบุตรแปลกใจที่เห็นเธอ
"สิริมา"
"ป๊าให้สิริมา มาคุยเรื่องคดีของแกที่ถูกยื่นฟ้อง เราต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ให้ไอ้คนที่ต้องการดิสเครดิตแกมันสมหวัง"
"ป๊าคิดเหมือนผมเหมือนกันเหรอครับ"
"ธุรกิจกลางคืนของเรา ศัตรูรอบด้าน ไว้ใจใครไม่ได้ ป๊าเป็นคนสอนแกเอง"
วายุบุตรเครียดกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
ภายในห้องนอน เมธาวลัยสะดุ้งพรวดจากที่นอน ในชุดเมื่อคืนรับโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ ประสาทตื่นตัว
"แล้วทำไมเพิ่งโทร.มาปลุก หยาดทิพย์!!! แค่นี้นะ"
เธอวางสาย กระโดดลงจากเตียง เดินวนอยู่กลางห้อง ยิ่งรีบ ยิ่งคิดอะไรไม่ออก
"ทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง โอเค อาบน้ำก่อน ไม่สิ เลือกชุดก่อน"
เสียงเคาะประตูดัง
"ฉันยุ่งอยู่ เดี๋ยวค่อยมาเคาะได้มั้ย"
"นี่ย่าเอง เมเปิ้ล!"
"ว้าย! คุณหญิงย่า ว้าย! อี๋ ยังกะละมุดเน่า ให้เห็นอยู่ในชุดนี้ไม่ได้ ตายแน่ ว้ายๆๆ"
เธอพล่าน เอาไงดี เอาไงดี
เธอในชุดเสื้อคลุม ผ้าโพกหัวปิดตัวมิดชิด เดินมาเปิดประตู คุณหญิงย่าแสนสุข จอมเฮี้ยนและเผด็จการยืนมองส่งสายตาดุ
"คุณหญิงย่า"
"ทำไมตื่นสาย แม่บ้านมาเคาะประตูตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ตื่น ผู้หญิงที่ดี เค้าไม่นอนขี้เซากันหรอก"
"เอ่อ...ความจริง ตื่นนานแล้วล่ะค่ะ แต่มัวโทรศัพท์สั่งงานอยู่เลยไม่ได้ยิน"
"อย่าให้ย่าต้องมาตามด้วยตัวเองแบบนี้เป็นครั้งที่สองนะ ย่าไม่ชอบ"
"ค่ะ คุณหญิงย่า"
เมเปิ้ลจะปิดประตู แต่คุณหญิงแสนสุขยังยืนมองตาเขียวอยู่
"มีเรื่องอะไรอีกเปล่าคะ"
"รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุด มีแขกคนสำคัญรออยู่"
"แขก?"
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 2 (ต่อ)
ภายในห้องนอนในโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง ภัทรวลัยนั่งเซ็งอยู่บนเตียง เป้นั่งเซ็งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
กลางเตียง ปินัทธาในชุดเพื่อนเจ้าสาวนอนกางแขนกางขาเหยียดเต็มเตียง โดยที่ภัทคู่บ่าวสาวโดนเบียดซะเกือบตกเตียง
"เราเชิญมันมาเข้าหอกับเราตอนไหนคะพี่เป้"
"รู้สึกว่าเค้าจะเชิญตัวเองนะคะ วลัย พี่ก็เลยไม่ได้สัมผัสประสบการณ์แปลกแต่จริงเลย"
"โกรธตรงนี้ล่ะค่ะ...น้ำผึ้ง ตื่น!"
น้ำผึ้งยังไม่ตื่น แต่ละเมอลุกขึ้นมาชี้หน้าด่ากราด
"ขอให้พวกแกไม่มีความสุข ทำอะไรก็ติดขัด มดลูกฟีบ ผัวเป็นหมัน"
คู่บ่าวสาวสะดุ้งโหยง รู้สึกเหมือนถูกแช่ง น้ำผึ้งจะพูดออกมาอีก ทั้งคู่รีบเข้าไปปิดปากน้ำผึ้ง
"วลัยคะ! รีบปลุกเพื่อนเถอะค่ะ ก่อนที่ชีวิตครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้นของเราสองคนจะสั่นคลอนมากไปกว่านี้"
ภัทรวลัยตะคอกใส่น้ำผึ้ง
"ไอ้โจ้หน้าปลวกมา!!"
ปินัทธาลืมตาทันที ตึ่ง!
"ไอ้เลวโจ้!"
เธอถีบเป้ตกเตียง เหวี่ยงภัทรวลัยตกเตียงตามไปอีกคนด้วยความโมโห ลุกขึ้น มองหาไอ้โจ้หน้าปลวก
"ไหน มันอยู่ไหน ฉันจะฆ่ามัน มีแฟนสวยรวยเก่งระดับตุ๊กตาทองอย่างฉันมันไม่พอใช่มั้ย แกถึง...." เธอหยุดไว้ทัน อึ้ง มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร เห็นแต่ภัทรวลัยและเป้ที่ร้องครวญครางอยู่ที่พื้น
"วลัย คุณเป้! ฉันมาทำอะไรที่นี่ นี่เราทรีซั่มกันเหรอ ว้าย! อุบาทว์"
"อุบาทว์! คิดไปได้ คุณเป้ ลุกไม่ไหวค่ะ ไม่มีแรง" ภัทรวลัยบอก
"จะไม่เก็บแรงไว้เดินสายการผลิตวันอื่นบ้างเหรอคะคุณเป้ แหม...เล่นซะ จนเพื่อนฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเบย"
"เปลี้ยเพลีย เพราะแกมานอนดิ้นทั้งคืน จนฉันกับพี่เป้ไม่ได้นอนเลยต่างหาก"
เธอจ๋อยไป
"อ้าว...เหรอ ว้า...แย่เนอะ"
"โคตรแย่เลยครับ"
เธอหน้าเสีย มองเป้พยุงภัทรวลัยลุกขึ้นมา
"น้ำผึ้ง...เมื่อกี้แกละเมอด่าไอ้โจ้หน้าปลวก แกกับมันเลิกกันเพราะอะไร บอกฉันมาอีกทีซิ"
น้ำผึ้งอึ้ง เหวอ ... ความจริงเธอรู้แก่ใจว่า เธอจับได้ว่า โจ้มีกิ๊กจริงอย่างที่เพื่อนบอก แต่ไม่ยอมรับ บอกคนอื่นเสมอว่าเลิกเอง! เพราะไม่มีเวลาให้โจ้ อยากให้โจ้ไปมีความรักที่สมบูรณ์กับคนอื่น
เธอรีบออกมาจากห้องพัก ภัทรวลัยตามถามไม่ลดละ
"ก็เคยบอกว่ายังไง ก็ยังงั้นแหละ ถามเอาอะไรอีกล่ะ คนมันละเมอ พูดพล่ามไร้สาระไปงั้นแหละ"
"แต่คนเราจะฝังความจริงที่เก็บซ่อนเอาไว้ในจิตใต้สำนึก และจิตใต้สำนึก มันจะปรากฏออกมาในรูปแบบของความฝัน ฉันเรียนมา"
"โอย! ไว้ตอบวันหลังได้ป่ะ" เธอดูที่หน้าจอมือถือ ... "ว้าย มิสคอลเป็นสิบๆสายเลยอ่ะ"
ภัทรวลัยตามตะปบ
"ใครโทรมา แฟนแกเหรอ"
"ใคร! แฟนฉัน"
"มันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ...แกโกหก แกไม่ได้มีแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยในอีก 1 เดือนข้างหน้า"
เธอรีบแก้ตัวทันควัน
"โอ๊ย ! ใครบอก เรื่องจริง"
"ฉันไม่เชื่อพวกแก! มองหน้าฉัน"
เสียงโทรเข้ามือถือเข้ามาพอดี เธอเลยได้โอกาส ผลักภัทรวลัยจนหน้าหงายออกไป
"อุ๊ย! ต้องไปแล้วอ่ะ แฟนโทรมา" เธอรีบรับสาย "ฮัลโหล ที่รักขา แหม...อะไรจะโทร.หาเช้าถึงเย็นถึงคะ หั่นหนี!"
ภัทรวลัยมอง ไม่เชื่อ...เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน
มุมหนึ่งในห้าง ในบริเวณชั้นของเล่นเด็ก พีศทรรตคุยมือถือกับปินัทธาด้วยความสยอง สายตามองธัญรดากำลังดูลูกสาวเล่นของเล่น แต้วคอยดูแลอยู่ด้วย
"หันหนีอะไรของคุณ น้ำผึ้ง นอนไม่อิ่มหรือไม่ได้นอน"
เธอกำลังเดินอย่างเร่งรีบ สวมแว่นกันแดด อำพรางใบหน้า ไม่อยากให้คนเห็นสภาพ
"โอย! อย่าเพิ่งบ่นหรือด่าอะไรได้ป่ะ แต่ก็ขอบคุณนะที่โทร.มาพอดี มีไร"
"เราต้องคุยกัน"
"คุยอะไร เราไม่มีอะไรต้องคุยแล้วนี่ เพราะฉันถือว่า เราฉีกสัญญาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว"
"ได้ งั้นเตรียมถูกผมฟ้องร้องเรียกค่าฉีกสัญญาเลยห้าสิบล้าน"
เธอเสียงอ่อนเสียงหวานทันที
"จะให้ไปคุยด้วยที่ไหนล่ะคะ หั่นหนี"
"ไปหันที่อื่น ไม่ต้องมาหันใส่ผม"
"อุ๊ย...เล่นด้วยแค่เนี้ย ทำเป็นเคือง ให้ไปเจอที่ไหนล่ะ"
ตรัยคุณคุยอยู่กับแสนสุขอย่างนอบน้อม อารมณ์ดี เจ้าสัวพจน์และเบญจวรรณพ่อแม่ของตรัยคุณนั่งอยู่ด้วย
"ที่อเมริกาครับ...ผมไปเรียนและโตที่นั่นจนปีที่แล้ว พ่อกับแม่เริ่มไม่ยอมแล้ว เพราะคุณพ่อจะปลดเกษียณผมเลยต้องกลับมาดูแลธุรกิจต่อจากท่าน"
"ธุรกิจโทรคมนาคมบ้านเราตอนนี้ การแข่งขันสูงครับ ผมอยากได้วิสัยทัศน์ใหม่ๆของเค้ามาช่วยบริหาร" เจ้าสัวพจน์บอก
"ดีแล้วลูก เจ้าสัวพจน์และคุณเบญจะได้สบายใจ ทำเถอะ ทำให้พ่อแม่สบายใจ เป็นบุญกับเรานะลูก เพราะท่านคือพระในบ้าน"
"ครับคุณหญิงย่า...ผมถึงไม่ยอมแต่งงานกับใคร นอกจากคนที่คุณพ่อคุณแม่เห็นชอบเท่านั้น"
"ตรัยคุณไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้เราปวดหัวเลยค่ะ" เบญจวรรณว่า
"เลี้ยงลูกชายยังไงเนี่ย เจ้าสัว คุณเบญ น่ารักเหลือเกิน"
เจ้าสัวบอก
"ไม่ค่อยได้เลี้ยงหรอกครับ คุณป้า เพราะส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก"
"เค้าดีได้ด้วยตัวเองค่ะคุณป้า" เบญจวรรณบอก
คุณหญิงแสนสุขบอก
"น่าชื่นใจ" แล้วมองหาหลานสาว "ยังไม่ลงมาอีก"
"ไม่ได้เจอน้องเมเปิ้ลตั้งนานแล้ว เป็นไงบ้างครับ"
"เหมือนเรานั่นแหละ ทำแต่งาน จนอยู่เป็นโสดมาจนสามสิบห้าเข้าไปแล้ว ย่าล่ะเป็นห่วง กลัวจะขึ้นคาน"
เมธาวลัยเดินเข้ามา
"มาแล้ว ยัยเม...มาเร็วเลย เจ้าสัวพจน์ คุณเบญ แล้วก็พี่ตรัยคุณ จำได้มั้ย"
"สวัสดีค่ะ"
ตรัยคุณยิ้มให้ เธอยิ้มรับ ก่อนจะรู้สึกคุ้นหน้าตรัยคุณ
คืนหนึ่งในอดีต หน้าผับเกย์แห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในโซนที่มีผับหลายๆแห่ง เมธาวลัยเดินหน้านิ่งเชิดๆ มาตามทาง ตามหลังด้วย เจ๊ฟู, หยาดทิพย์, ชาโน และอิ๋วที่ลั้ลลาหาร้านเข้าไปหาความบันเทิงกันสุดฤทธิ์ แต่ยังหากันไม่ได้
"นี่ถ้าไม่ติดว่าบอสสั่งให้พามาเลี้ยง ฉันจะไม่มาด้วยเลย เที่ยวอะไรกันเนี่ย เลือกร้านได้หรือยัง"
เธอมองร้านรวงต่างๆอย่างเหยียดๆ
เจ๊ฟูบอก
"อ่ะๆๆ เลือกค่ะเลือก ทุกคน เลือกค่า เอาร้านไหนจิ้ม"
หยาดทิพย์ อิ๋ว ชาโน ต่างชี้กันไปคนละร้าน ส่วนเจ๊ฟูชี้ไปที่ชาโน
"มีต่อย!" ชาโนบอก
"แล้วมาขวางทางจิ้มเจ๊ทำไม เจ๊จิ้มร้านข้างหลังโน่น"
ชาโนหันไปข้างหลัง เป็นผับเกย์
"เออ น่าเข้า"
"เหย...ผับเกย์นะชาโน อยากมีผัวเหรอ" อิ๋วบอก
"พี่อิ๋ว!"
"เคร"
"โอย เรื่องมาก ฉันฟันธงเอง ไปโน่นเลย ร้านสหประชาชาติ" หยาดทิพย์บอก
"ชายจริงหญิงแท้ เจ๊ไม่ฟินอ่ะ" เจ๊ฟูบอก
"อยากฟินวันหลังก็มาเอง วันนี้เงินบอส ฟังเสียงส่วนใหญ่เซ่!" อิ๋วบอก
"ไปค่ะคุณเมเปิ้ล เลือกได้แล้วค่ะ"
อิ๋ว เจ๊ฟู ชาโน หยาดทิพย์เดินนำไป เมธาวลัยเดินตามไปอย่างเซ็งๆ
เมื่อเธอเหลือบมองไปที่ผับเกย์ ก็เห็นตรัยคุณเดินยิ้มแย้มคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งคู่เดินออกไป
ภายในห้องรับแขก เมธาวลัยจ้องหน้าตรัยคุณตาไม่กระพริบ
"ทำไมจ้องหน้าพี่เค้าอย่างนั้นล่ะลูก" แสนสุขถาม
"คุ้นหน้าจังเลยค่ะ เหมือนเคยเจอ"
"เหรอครับ เจอที่ไหนครับ"
"ผับเกย์"
คุณหญิงแสนสุข เจ้าสัว เบญจวรรณอึ้ง ตรัยคุณก็อึ้ง ตึง! ก่อนหัวเราะร่วน คลี่คลายเรื่องราว "ฮ่ะๆๆ คงเป็นวันที่พบนัดคุยกับคุณปีเตอร์นะครับคุณพ่อ"
"อ๋อ...เออ ใช่ คุณปีเตอร์คู่ค้าของเรา"
"ครับ เขาเป็นเกย์"
แสนสุขโล่งอก
"แล้วไป"
"โลกแคบนะครับ"
"ค่ะ สมัยนี้ ใครทำอะไรที่ไหนยังไง รู้กันหมดทั้งบ้านทั้งเมืองล่ะค่ะ"
ตรัยคุณดื่มน้ำแก้เก้อ เมื่อเจอสายตาสำรวจอย่างคมกริบของเธอ
ภายในออฟฟิศมูลนิธิฟ้าหลังฝน ณัฎฐาลินีนั่งทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ แต่ตาเหลือบมองช่อกุหลาบป่าตลอดเวลา จนไม่มีสมาธิ ตัดสินใจหยิบช่อกุหลาบป่ายัดใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน
ผู้อำนวยการหญิงของมูลนิธิเปิดประตูห้องออกมา ชี้เรียกเธอให้เข้าห้อง เธอรีบลุกเดินไปทันที
กุ๊งกิ๊งมองตามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะก้มลงเปิดคลิปในยูทูปที่มีชื่อว่า “คลิปก๊วนคานทองประกาศแต่งงาน! ”
ภายในห้องผ.อ.มูลนิธิ บนจอคอมพิวเตอร์เป็นภาพคลิป ซึ่งเป็นตอนที่เธอประกาศเรื่องมีแฟนและจะแต่งงานพอดี เธอกลืนน้ำลายเอื้อก ผ.อ กดปิด มองหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
"เอ่อ...หนู เอ่อ"
"พี่รู้ว่าหนูคงมีเหตุผลของหนู"
"มันดูไม่ดีเลยนะคะ"
"หนูตัดสินของหนูเองนะ ไม่มีใครตัดสินการกระทำของหนูเลย"
"คือ..."
"ที่เรียกมาคุย เพราะคิดว่าหนูคงไม่รู้ว่ามีคลิปนี้ออกมา และอยากบอกให้รู้ว่า พี่เป็นห่วง"
"ห่วงหนูเหรอคะ ห่วงเรื่องอะไรคะ"
"ห่วงว่า...จะหาแฟนที่ไหนมาแต่งงานให้ได้ตามเวลาที่ประกาศบอกทุกคนไว้ภายใน 1 เดือน ถ้าไม่ออกไปเที่ยวหรือพักผ่อนซะบ้าง"
"คะ?"
"พี่อยากให้หนูมีแฟน แฟนจริงๆนะ นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่หนูจะลองหันไปมองรอบๆตัว เผื่อจะเจอใครสักคนที่จะมาอยู่เคียงข้างเรา แบ่งปันกับเรา พี่อนุญาตให้หนูลาพักร้อนได้ หลังจากที่ไม่เคยลาหยุดเลย ไปหาคนๆนั้น คนที่ส่งดอกกุหลาบป่าที่มีความหมายว่า...ความจริงใจ"
เธออึ้งไปเมื่อเจอสายตาที่เมตตาของผู้อำนวยการหญิงที่ปรารถนาดีจริงๆ
มุมหนึ่งในบ้านวายุบุตร วายุบุตรเดินครุ่นคิด ไตร่ตรอง พนมกับสิริมาอยู่ด้วย
"แกว่าไง วายุ"
"ต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นยอมสารภาพว่า ถูกว่าจ้างให้มาใส่ร้ายผม"
"อาจจะลำบาก เพราะถ้าตำรวจเห็นหรือรู้ว่าเราติดต่อพยาน เราอาจจะเจอข้อหาข่มขู่คุกคาม"
"ก็อย่าให้ใครรู้เห็น ป๊ารู้ว่าแกทำได้"
"ครับป๊า"
"ระวังตัวด้วย เรายังไม่รู้ว่าใครคือคนบงการ มันอยู่ในที่มืด"
"ครับป๊า"
"สิริมาว่า เราควรหาทางเคลียร์กับทนายความของมูลนิธิฟ้าหลังฝนคนนั้นด้วยนะคะ ว่าธุรกิจของเราไม่เคยมีเบื้องหลังสกปรก อย่าอคติ และคอยหาทางจับผิดจนไม่เป็นอันทำมาหากิน เพราะมัวแต่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล"
"แกเคยไปทำอะไรให้เค้าเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า วายุ ถึงได้ตามจองล้างจองผลาญแกนัก"
"ผมไม่เคยทำร้ายผู้หญิง"
สิริมาอึ้ง เพราะคิดว่าฉันนี่แหละที่ถูกคุณทำร้ายจิตใจ พนมรู้ดี แตะหลังมือให้กำลังใจสิริมาเบาๆ
"ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย ใจแคบ และชอบตัดสินคนแค่จากสิ่งภายนอก...เราทำธุรกิจสร้างความบันเทิงให้คนกลางคืน ภาพลักษณ์อาจดูไม่ดีนัก แต่ไม่ได้แปลว่าเลว เพราะเราทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ป๊าไม่ชอบคนคิดแบบนี้"
สิริมาลอบยิ้มพอใจ เพราะรู้ดีว่า วายุบุตรกำลังสนใจณัฎฐาลินี
ณัฎฐาลินีถือช่อดอกกุหลาบป่า สะพายกระเป๋าเดินออกมาจากมูลนิธิ กุ๊งกิ๊งตามออกมา
"พี่ลินี"
"ผ.อ.ให้พี่ลาพัก"
"จะลาสักกี่วันคะ"
"ครึ่งวัน"
"พี่ลินี!"
"พี่แยกไม่ออกหรอกกุ๊งกิ๊ง ว่าตอนไหนทำงาน ตอนไหนพักผ่อน สิ่งที่พี่ทำทุกวันนี้คือชีวิตที่ลงตัวของพี่แล้ว"
"แน่ใจเหรอคะ ว่านี่คือชีวิตที่ลงตัวของพี่จริงๆ"
"อะไรทำให้เธอคิดว่าพี่ไม่ควรแน่ใจ พี่ไม่อยากมีใคร มาแบ่งเวลาไปจากการทำงานที่พี่รัก"
"พี่ไม่อยากมีใคร เพราะพี่กลัวเจ็บต่างหากล่ะคะ"
เธออึ้ง
"เพราะพี่มีประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีต แต่ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเจอในสิ่งที่พี่เคยเจอนะคะ"
เธอตัดบท
"เอาเถอะ...อย่าคุยเรื่องนี้ตอนนี้เลย พี่มีเรื่องต้องไปสะสาง กับคนที่ทำให้ ผ.อ.คิดว่าพี่ควรจะลาพักร้อนแล้วไปหาเค้า"
"ใครคะ"
เธอมองช่อดอกกุหลาบป่าในมืออย่างคิดแค้น
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 2 (ต่อ)
พีศทรรตนั่งบ่นอยู่กับโตโต้ในร้านกาแฟ ภายในห้างสรรพสินค้า
"ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ไหนของเค้า คอนโดอยู่แค่นี้"
"บอสคะ ผู้หญิงห้ามหยุดสวยค่ะ ยิ่งแก่ต้องยิ่งสวย อย่ามาโทรม ยิ่งป้าน้ำผึ้งนะคะ เป็นดารายิ่งต้องเป๊ะ แล้วยิ่งมีนามสกุลต่อท้ายว่า...ณ คานทอง ยิ่ง..."
ปินัทธาโผล่มาข้างหลังโตโต้
"ยิ่งต้องระวังเวลาถูกกะเทยอย่างหล่อนเมาท์ลับหลัง"
เธอหน้าตึงลงนั่ง
"กาแฟนะคะป้า" โตโต้ว่า
"หรือมีผู้ชายโสด รวย โปรไฟล์แน่น ไม่เอามีลูกติดนะ ขายป่ะล่ะ ถ้ามีก็ พ่วงมาด้วยกับกาแฟ"
"โอ๊ย ทำเป็นร้านสะดวกซื้อ ขายพ่วงกาแฟกับขนมจีบซาลาเปา"
"โตโต้ ไปซื้อสักที"พีศทรรตบอก
"ค่ะ"
โตโต้รีบออกไปซื้อกาแฟที่เคาน์เตอร์ เธอไม่มองหน้าพีศทรรต
"ตรงๆสั้นๆ เข้าประเด็นนะ ยังอยากจะทำงานในวงการอยู่มั้ย"
"ไม่ทำ แล้วจะไปทำอะไรกินล่ะ ไม่ได้มีผอรวยคอยเลี้ยงนี่ จริงๆก็อยากจะเป็นคุณนายอยู่บ้านเฉยๆ สวยๆนะ เหนื่อยแล้ว...หรือคุณสนใจ เอาป่ะ"
พีศทรรตตัดบท
"ตอบแค่ว่าอยากหรือไม่อยาก อย่าเยอะ อย่าย้วย"
"อยาก!"
"เราคงต้องร่างสัญญาแนบท้ายเพิ่ม"
"เพิ่มยังไง"
"ห้ามทำตัวเหวี่ยงวีนไม่ว่ากับใคร ห้ามไปที่สาธารณะแล้วให้สัมภาษณ์ หรือพูดอะไรก็ตามที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากผม"
เธออึ้ง
"น้ำผึ้ง...เราทำงานด้วยกันมานาน ผมรู้จักคุณดี คุณเป็นคนที่มีฝีมือและวินัยสูงมาก คุณเกิดมาเพื่อเป็นศิลปิน แต่อาชีพคุณกำลังจะพังเพราะความขี้อิจฉา อารมณ์ร้อนซึ่งแก้ไม่หายของคุณ"
"โอ๊ย...ยาว"
โตโต้เข้ามาพร้อมกาแฟ
"มาแล้วค่ะ กาแฟค่ะ"
เธอกำลังจะดื่มกาแฟ เมื่อหันไปทางหนึ่ง เจอญาดายืนมองตาขวางอยู่ใกล้ๆ เธอตกใจ สำลักกาแฟ พรวด!
"ว้ายป้า!!!! เสลดพันคอเหรอคะ"
โตโต้รีบเอาทิชชู่ให้น้ำผึ้งซับกาแฟ
"เสลดอะไร มีเด็กนรกมายืนจ้องฉันเนี่ย!"
"ลูกสาวผม"
ปินัทธากับโตโต้ตกใจ ต่างร้อง "อุ๊ตะ!"
"ไม่เคยเจอนี่ ทีหลังก็แขวนป้ายไว้ด้วยนะ ลูกคุณพีศทรรต!"
ธัญรดาและแต้วเดินเข้ามา ทั้งคู่ ตกใจอีก
"วันนี้วันครอบครัวพันผูก ปลูกสายใยรักจ้า"
ธัญรดามองทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่พอใจ ปินัทธาคอแข็งเชิดใส่ทันที
ขณะที่เมธาวลัยคุยกับตรัยคุณ เธอจับตามองทุกอิริยาบถ รวมถึงการแต่งกายที่มีดีเทลเล็กๆน้อยๆเกินกว่าชายแท้ปกตินิดนึง และแสดงถึงรสนิยมอันดี เนี้ยบ หรู มีระดับ ตรัยคุณพูดโม้ไปเรื่อย โดยไม่ลืมที่จะแสดงท่าทางเป็นแมน ดูเก๊ก มีมาดตลอดเวลา
"ดีใจนะครับ ที่ได้คุยกับน้องเมเปิ้ล"
"ค่ะ ดีค่ะ แปลกนะคะที่พี่ตรัยอยู่เป็นโสดมาได้จนป่านนี้ ไม่แต่งงาน"
"พี่ยังไม่เจอเนื้อคู่มั้ง"
"อืม ก็น่าแปลกอยู่ดีล่ะค่ะ สำหรับเมเปิ้ล คิดอะไรรู้ป่ะคะ"
ตรัยคุณยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม นิ้วก้อยกระดกเล็กน้อย
"อะไรคะ"
เธอยิ้มเมื่อเห็นนิ้วก้อยกระดก
"ผู้ชายที่เป็นโสดมาจนป่านนี้ อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว ไม่เป็นเกย์ก็อยากละทางโลกอ่ะค่ะ"
ตรัยคุณถึงกับไอ เพราะไม่ทันตั้งตัว...ค่อกๆๆ
ตรัยคุณวางแก้ว เห็นนิ้วก้อยตัวเองเผลอกระดกอยู่ ก็รีบหุบนิ้ว ยิ้ม เก๊กแมน คุณหญิงแสนสุข เจ้าสัว และเบญจวรรณยืนดูสองหนุ่มสาวคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน
"ดูท่าสองคนนั่น จะเข้ากันได้ดีนะคะ"
"ถ้าคุณป้าไม่ติดขัดอะไร ผมก็อยากจะทาบทามหนูเมเปิ้ลให้กับเจ้าตรัยมัน" เจ้าสัวบอก
"หวังว่าลูกชายของหนูคงจะผ่านการพิจารณาของคุณป้านะคะ" เบญจวรรณว่า
"ผ่านสิ ครอบครัวเรารู้จักกันมานาน พื้นฐานเป็นยังไงก็รู้กันดีอยู่ ป้าไม่ติดขัดอะไรเลย ไฟเขียว"
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนหัวเราะอารมณ์ดี ยินดีที่จะได้ดองกัน
ทางด้านเมธาวลัยและตรัยคุณ
"พี่ไม่ใช่ทั้งสองอย่างที่เมเปิ้ลตั้งข้อสังเกตหรอกครับ"
"งั้นคงเป็นแบบที่สาม"
"ซึ่งพี่ก็ยังยืนยันว่า ที่พี่ยังโสดเพราะยังไม่เจอเนื้อคู่ แล้วเมเปิ้ลล่ะ ได้ข่าวว่า ยังโสด ถามจริง ไม่มีคนมาจีบบ้างเหรอครับ"
เสียงเตือนในมือถือ ว่ามีข้อความเข้า
"ขอโทษนะคะ"
"เชิญครับ"
เธอกดเปิดข้อความ เป็นคลิป “ก๊วนคานทองประกาศแต่งงาน” เห็นภาพตัวเธอประกาศแต่งงานกับกฤษฎา ก็ตกใจ ตาค้าง
"ชิท!"
ตรัยคุณแปลกใจ "ครับ!"
พีศทรรตนั่งอยู่กับธัญรดา และญาดา จ้องเขม็งไปที่ปินัทธาที่นั่งอยู่กับโตโต้อีกโต๊ะหนึ่ง เธอเกลียดเด็กกระดกกาแฟหันหนี แต้วยกเครื่องดื่มและขนมมาวาง
"ญาดา ทานขนมกับคุณแม่ก่อนนะลูก พ่อไปคุยงานกับน้าเค้าแป๊บเดียว"
"ไม่เอา คุณพ่อต้องนั่งตรงนี้กับหนูกับคุณแม่"
"ญาดา...อย่าดื้อสิคะ หนูอยู่กับคุณแม่ก่อนก็ได้ คุณแม่สัญญาแล้วไงว่า วันนี้จะอยู่กับหนูทั้งวัน"
พีศทรรตอึ้ง ไม่เคยเห็นมุมนี้ของอดีตภรรยา
"ก็ได้"
"ไปเถอะค่ะคุณ ฉันดูแลลูกเอง"
"ขอบคุณมาก"
ธัญรดาแตะแขนพีศทรรต ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จงใจให้ปินัทธาเห็น ซึ่งเธอก็เห็นพอดี ในขณะที่โตโต้เปิดไอแพดดูความเคลื่อนไหวในอินเตอร์เน็ต
"จ้า....อบอุ่นจ้า แล้วให้ฉันมานั่งรอเห็นภาพบาดตาจ้า"
"แหมป้า อย่าอิจฉาสิคะ เดี๋ยวป้าก็มีอารมณ์นี้ อ่ะฟัง...จะได้มีกำลังใจ มาดอนน่า 55 แฟนอายุ 22 ทีน่า เทอร์เน่อร์ 75 แฟน 40 เจ๊เจโล 42 แฟน 26 มาราย แครี่ห์ 44 สามี 32 อู๊ย สมาคมคนกินเด็กทั้งน้าน ป้ายังโสดไม่ต้องซีเรียส แฟนป้าอาจจะแค่ยังไม่เกิด"
"มีกำลังใจมากหล่อน!"
พีศทรรตเดินเข้ามาพอดี โตโต้เห็นคลิปในเว็บไซต์หนึ่งพอดี
"คลิปก๊วนคานทองประกาศแต่งงาน"
โตโต้เปิดดูทันที...เห็นปินัทธายืนตระหง่านประกาศมีแฟนและจะแต่งงาน โดยยืนอยู่กับพีศทรรษ
"เหย ป้า!"
"อัลไล!"
โตโต้ยื่นไอแพดให้ พีศทรรตดูด้วย ต่างเห็นคลิปแล้วตกใจ!!
"ว้าย/เฮ้ย!"
"นั่นไง...กะแล้ว เฮ้อ!!"
"หืม...เร็วเนาะ ใครถ่ายคลิป ฉันจะไปฆ่ามัน"
โตโต้ส่ายหน้า ปินัทธาของขึ้น พีศทรรตเซ็ง
ภัทรวลัยรับประทานอาหารกันอยู่ในห้องพัก เป้วิดพื้นออกกำลังกาย ภัทรวลัยครุ่นคิดเรื่องของเพื่อนตลอดเวลา พลางสันนิษฐานไปเรื่อยๆ
"พี่เป้ว่าป่ะคะ ว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ"
"แปลกยังไงคะ"
"วลัยไม่เชื่อ ว่าพวกมันจะมีแฟนกันจริงๆ เพราะไม่เคยมี จู่ๆเค้าก็ประกาศออกสื่อซะขนาดนั้นว่าจะแต่งงาน"
"ไม่รู้สิ! เพื่อนของวลัย อาจจะยังไม่กล้าเปิดเผยจนกว่าจะชัวร์ก็ได้มั้ง ว่าแต่งแน่นอนแล้วค่อยเปิด คงจะอาย ถ้าเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก"
"พวกมันสะกดคำว่าอายไม่เป็นค่ะ แถลงข่าวยิงดาวเทียมออกอากาศพร้อมกันทั่วโลกได้ ทำไปแล้วค่ะ! เอาไงดีอ่ะ"
"พิสูจน์สิ ว่าเพื่อนมีแฟนจริงหรือไม่จริง"
"ยังไงดีอ่ะ"
"เข้ามาใกล้ๆสิ...เดี๋ยวจะบอกให้"
"รู้นะ คิดไร บ้าจริง! แต่ก็ได้"
ภัทรวลัยกระโจนเข้าใส่เป้
"แต่งงานแล้วมันสนุกอย่างนี้เอง บ้าจริง!"
วายุบุตรและสิริมาเดินกันมาในส่วนหลังของผับ พนักงานเข้ามารายงาน
"มีแขกมาพบนายค่ะ"
"ใคร?"
"ฉันเอง"
วายุบุตรมองไป เห็นณัฎฐาลินียืนอยู่กับช่อดอกกุหลาบป่า เขาดีใจ
"คุณลินี"
"ฉันเอาดอกไม้ที่คุณส่งไปให้มาคืน"
เขาสีหน้าหมองลง แต่ยังไม่รับดอกไม้คืน สิริมายืนหน้าเสีย ฝืนยิ้ม
"ขอตัวนะคะ"
สิริมาเดินเข้าไป สวนกับพนักงานที่พากันซุบซิบ ในขณะที่กำลังดูคลิปในจอคอมพิวเตอร์
พนักงาน 2 บอก
"นี่ไง...ผู้หญิงที่อยู่ในคลิปก๊วนคานทองประกาศแต่งงาน"
สิริมาเข้าไปดูบ้าง
"คลิปอะไร ไหนดูซิ"
"เห็นคุณวายุบุตรอยู่ข้างๆด้วยนะคะ เอ๊ะ หรือว่า จะเป็นแฟนกับนาย จะแต่งงานกันด้วยนะคุณสิริมา"
สิริมาอึ้ง ดูคลิปอย่างใจสั่น
มุมหนึ่งหน้าผับ เวลากลางวัน วายุบุตรเดินมากับณัฎฐาลินี เธอคืนช่อดอกไม้
"เอาคืนไปได้หรือยัง"
วายุบุตรเฉไฉ
"รอนานมั้ยครับ"
"นาน อ่ะ รับคืนไปสักที"
"ไม่รับคืนครับ ผมถือว่าผมให้ไปแล้ว คุณจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของคุณ"
"ดี ฉันจะเอาไปทำอะไรมันก็เรื่องของฉันใช่มั้ย"
เธอมองเห็นถังขยะ เดินเอาช่อดอกไม้ไปทิ้ง เขาอึ้งแต่ก็ยิ้มออกมา
"โอเคมั้ย"
"ก็โอเค...ความจริง ไม่น่าลำบากมาทิ้งถึงที่นี่เลยนะครับ ถ้าคุณตั้งใจจะไม่รับจริงๆ คงทิ้งไปตั้งแต่ที่ออฟฟิศคุณแล้ว หรือว่า...อยากมาเห็นหน้าผม"
"หึ...คนหลงตัวเอง อยากคิดอะไรก็คิดไป"
เธอเดินหนี วายุบุตรตาม
"ยอมรับมาเถอะน่า ว่าคุณเริ่มใจอ่อนกับผมแล้ว"
"เปล่า ที่ฉันมาถึงที่นี่ เพราะฉันตั้งใจมาดูสถานที่ทำงานของคุณ มันอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลผ่านสายตาฉัน"
"แล้วมีมั้ยครับ"
"ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี"
"งั้นอยู่ต่อให้นานๆสิครับ อาจจะเห็น"
เธออึ้งเมื่อเจอลูกนี้ รู้ทันว่าวายุบุตรต้องการถ่วงให้เธออยู่ใกล้ๆนานๆ
"แต่ถ้าคุณอยากให้อยู่ ฉันไม่อยู่"
เธอเดินหนี วายุบุตรยิ้มชอบใจ
"เชื่อมั้ย ว่าคุณต้องกลับมาหาผมอีก"
เธอไม่หันมายืนยัน "ไม่มีทาง!"
วายุบุตรเดินไปที่ถุงขยะ มองดอกไม้ ยิ้มๆ ไม่ยอมแพ้ ก่อนหยิบขึ้นมา
"รถเสียนี่...กลับยังไง?"
เธอเดินมารอเรียกแท็กซี่ ยังไม่มีรถ เสียงมือถือณัฎฐาลินีดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อภัทรวลัยที่หน้าจอ จึงรับสาย
"ว่าไง...วลัย แรงยังเหลือโทรหาเพื่อนเหรอยะ มีอะไร"
ระหว่างที่ภัทรวลัยคุยมือถืออยู่ เป้ก็ป้อนอาหารเสริม ชูกำลังไปเรื่อยๆ
"พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงเพื่อนเจ้าสาว แสดงความกตัญญูกตเวที"
"ดีมาก เจริญๆนะแก ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี"
"อย่ามาสายนะ ร้านเดิม หกโมงเย็น"
"ไปร้านอื่นไม่ได้เหรอ อยากกินหนักๆ"
"ร้านนี้แหละ สะดวกสุดแล้ว เพราะสองคนนั่นจะได้มาสะดวก"
"สองคนไหน"
"น้ำผึ้งกับเมเปิ้ลไง มันรับนัดแล้ว พาแฟนมาให้ฉันดูตัวด้วย"
"หา!"
"ไม่ต้องหา หิ้วแฟนแกมาด้วย ถ้าไม่มา...ฉันและทุกคนจะฟันธงว่า แกโกหกเรื่องที่แกมีแฟน เลยไม่มีมาโชว์ตัว"
"ใครบอกว่าฉันโกหก ได้ พรุ่งนี้ ฉันจะพาแฟนไปให้พวกแกดูตัว! แค่นี้นะ"
เธอวางสาย
"แล้วฉันจะหาใครมาเป็นแฟนทันเนี่ย พรุ่งนี้เนี่ยนะ โอย"
เธอหันไป เจอวายุบุตรยืนฟังอยู่ แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มมา
"พรุ่งนี้ผมว่างนะ...คุณลินี คนไม่มีแฟน แต่โกหกว่ามี"
"คุณ!"
ภายในห้องรับแขกบ้านเมเปิ้ล เมธาวลัยลุกลี้ลุกลน ในขณะที่ตรัยคุณ เจ้าสัวและเบญจวรรณล่ำลาคุณหญิงแสนสุข
"สวัสดีครับคุณย่า"
"จ้า แล้วแวะมาคุยมาทานข้าวกันนะลูกนะ วันไหนมาก็โทร.บอกก่อน ย่าจะให้น้องอยู่ด้วย"
"หือ?"
"ครับ ผมชอบคุยกับน้องครับ ฉลาด ทันคน คุยด้วยแล้วสนุก ได้ลับสมองตลอดเวลา"
"คนนะคะ ไม่ใช่ปริศนาอักษรไขว้"
ทุกคนอึ้ง
"เค้าก็ยังงี้แหละ ชอบพูดกวนอยู่เรื่อย นิสัยยังเป็นเด็ก ไม่รู้จักโต" แสนสุขบอก
เธอตัดบท
"สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า พี่ตรัย ขับรถดีๆนะคะ"
"มีคนขับรถครับ"
"ก็นั่นแหละค่ะ บอกคนขับรถว่าให้ขับดีๆนะคะ รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติด"
ตรัยคุณ เจ้าสัว เบญจวรรณรีบเดินไปอย่างงงๆ
"คุณย่าขาหนูไปประชุมก่อนนะคะ มีงานด่วนมาก อ้อ...คนนี้ไม่ผ่านค่ะ หนูไม่ชอบ ปฏิเสธไปเลยนะคะ"
เธอออกไปเลย
"เดี๋ยวก่อน เมเปิ้ล เดี๋ยว!"
แต่เธอวิ่งฉิวไปแล้ว
"แต่คนนี้ย่าชอบ และจะไม่ยอมบอกผ่าน ได้ยินมั้ย!"
บริเวณลานจอดรถ เธอกำลังจะขึ้นรถ มือถือดังขึ้น เธอรีบรับ
"ฮัลโหลว่าไงแก ค่อยคุยได้ป่ะ ฉันรีบ"
ภัทรวลัยคุยมือถือ พลางป้อนอาหารบำรุงกำลังให้เป้ เรื่อยๆ
"โอเค สั้นๆ พรุ่งนี้ร้านเก่า หกโมงเย็น ฉันเลี้ยงขอบคุณพวกแก"
"ขอบคุณพวกฉัน"
"ใช่ พาแฟนเด็กแกมาด้วยนะ"
"ฉันละ..." เธอกำลังพูดต่อว่า ...จะบอกว่าเลิก
แต่ภัทรวลัยรู้ทัน รีบแทรก
"ถ้าแกบอกว่าเลิกแล้ว ชัวร์เลยน่ะ แกโกหกพวกฉันเมื่อคืน! ฉันว่าสองคนนั่นมันคงหัวเราะเยาะฟันหักเลยน่ะ"
"ใครบอกฉันโกหก"
"งั้นก็พามาให้ป้าๆได้ชื่นใจ...สองคนนั้นรับปากฉันแล้วว่ามาชัวร์ แล้วเจอกันนะจ๊ะ เมเปิ้ล"
ภัทรวลัยกดสาย ส่งสัญญาณมือโอเคกับเป้
เมธาวลัยหงุดหงิด
"โอย ! "
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เธอหันไปมองเห็นกฤษฎายืนยิ้มโบกมือให้อยู่
"หยาดทิพย์ให้ผมมาขับรถให้ครับ กลัวคุณจะแฮงก์ขับไม่ไหว อายุเยอะแล้วฟื้นตัวยาก"
"โอย ไอ้เด็กบ้า!"
ภายในร้านกาแฟ ปินัทธายกกาแฟดื่มทั้งที่หมดแก้วแล้ว พีศทรรตมองเคืองๆ พูดอะไรไม่ออก ใช้ความคิดหนัก โตโต้นั่งปะหลับปะเหลือก
"เอาไงดีคะบอส....ตันเหรอคะ โตโต้ช่วยทะลวงมั้ย"
"อยู่เฉยๆ"
"ค่ะ"
"โอ๊ย จะเอาไงก็บอกมาสิ ฉันยอมทุกอย่างแล้ว"
"อยู่เฉยๆ"
"หือ"
"ไม่ต้องออกสื่อ ผมจัดการเอง โตโต้ นัดนักข่าวพรุ่งนี้ที่ออฟฟิศ ผมจะแถลงข่าวครั้งเดียว ตอบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานของน้ำผึ้งที่ยังจะถ่ายละครต่อไป และเรื่องปากพล่อยๆในงานแต่งนั่น มันไม่เป็นความจริง"
"นี่! ตอนนั้นฉันยอมรับว่าปากพล่อย แต่จริงๆลึกๆข้างในฉันเอาจริงนะ"
"เอาอะไรคะป้า"
"ผู้ชายไง! เพราะฉะนั้นไม่ต้องแถลงข้อนี้ ฉันจะต้องหาผู้ชายเป็นของตัวเองให้ได้จริงๆภายใน1เดือน"
ธัญรดาจูงญาดาที่ยังมองเธอตาเขียวเข้ามาพอดี แต้วเดินอยู่ห่างๆ ธัญรดารีบปิดหูลูกสาว
"อย่าฟังนะคะลูก ป้าเค้าพูดจาไม่ดี เด็กไม่ควรได้ยิน"
"โหย...ว่าพูดจาไม่ดี ไม่โกรธเท่าที่เรียกว่าป้าเลยนะคะ"
"น้ำผึ้ง อยู่เฉยๆ คุณพาลูกไปซื้อของเล่นก่อนนะ ผมขอเวลาอีกแป๊บเดียว"
"ผู้หญิงคนนี้นิสัยไม่ดี คุณพ่ออย่าอยู่กับเค้านาน เดี๋ยวติดเชื้อโรค"
"เหย"
"ป้าคะ รู้ค่ะว่าป้าเกลียดเด็ก แต่นั่นลูกสาวบอส...keep นิดนึงค่ะ"
เธอยอมเก็บอาการ
"เด็กไม่โกหกนะคะ พีศ..." เธอก้มลงกระซิบพีศทรรต "รีบนะคะ ฉันกับลูกรออยู่"
ธัญรดาเหล่มอง เธอเห็นสายตายิ้มเย้ยของธัญรดา โตโต้จับขาเอาไว้ เธอยอมใจเย็นไม่โต้ตอบ สองแม่ลูกออกไป เธอแอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ญาดาลับหลังพีศทรรตทันที
เสียงมือถือของเธอดังขึ้น เลยรีบรับ
"วลัย ฉันกำลังดราม่า มาคุมาก แค่นี้นะ....หา อะไรนะ" เธออึ้ง ตกใจ หน้าซีด และ ทิฐิก่อรนตอบยืนยัน "ได้ ฉันไม่พลาดแน่นอน หกโมงเย็นพรุ่งนี้ เจอกัน"
เธอรับคำท้าแล้ววางสาย
"ป้า ไปรับงานอะไรน่ะ ปรึกษากันก่อนสิ"
"ไม่ใช่เรื่องงาน...แต่เป็นเรื่องส่วนตัว"
"ต่อไปนี้เรื่องส่วนตัวคุณก็ต้องปรึกษาผม ห้ามทำอะไรโดยพลการ เพราะผมไม่ไว้ใจวิจารณญาณของคุณอีกแล้ว"
"ได้ งั้นช่วยหน่อย...พรุ่งนี้ ฉันต้องมีแฟนไปโชว์ตัวกับนังเพื่อนแค้นแสนเกลียดของฉัน"
"พูดแล้วเคยเชื่อกันบ้างมั้ยเนี่ย กำลังจะแก้ปัญหาให้ ก็เอาปัญหามาให้อีก แคนเซิลเพื่อนไปเลย แล้วบอกความจริงว่าคุณโกหก"
"ไม่ได้"
"ต้องได้"
"งั้นฉันจะบอกสื่อว่า...คุณคือผู้ชายลึกลับคนนั้นของฉัน และฉันจะล้างมือจากวงการไปแต่งงานกับคุณสวยๆ อยากให้ลูกที่เป็นเด็กมีปัญหาของคุณมีปัญหามากกว่าเดิมป่ะ เอาสิ!"
"แรงจ้า!" โตโต้บอก
พีศทรรตเจ็บใจ
ริมถนนหน้าผับ วายุบุตรยิ้มกริ่มกับณัฎฐาลินี
"ว่าไงครับ ถ้าไม่พาผมไปโชว์ตัวกับเพื่อนๆในฐานะแฟน ความจริงอาจจะถูกเปิดเผย ว่าคุณโกหก งานนี้ไม่ต้องสืบเสีย ๆๆ"
เธอจ้องหน้าวายุบุตรอย่างไม่พอใจ
ที่หน้าบ้านเมธาวลัย กฤษฎาเข้ามาแย่งกุญแจรถ
"จริงๆแล้วหยาดทิพย์ไม่ได้บอกผมให้มาหรอกครับ ใจผมสั่งให้มาเอง"
เธออึ้ง
ปินัทธายื่นหน้าไปหาพีศทรรต
"ติ๊กต่อกๆ เอาไง เลือกเอา ยอมหรือไม่ยอม"
พีศทรรตจ้องหน้าดาราสาวอย่างเจ็บใจ เธอไม่แคร์
อ่านต่อตอนที่ 3