xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 3

เมธาวลัยมองหน้ากฤษฎา เห็นสายตาซุกซนสดใส เธอรู้สึกสดชื่นหัวใจ ยิ้มๆ แต่ยังวางฟอร์มดุ

“พูดต่อสิ บอกว่าใจสั่งมา สั่งมาว่าอะไร”
“ว่า...”
เธอลุ้น อยากได้ยินเด็กบอกคำหวานหู แม้จะรู้สึกอาย แต่ยังมีฟอร์ม
“ผมคิดเอาเองว่า ถ้าอยากทำคะแนนเข้าตาคุณ”
พูดแค่นั้น เขาก็เงียบไป
“หยุดทำไม มีอะไรก็พูดๆมา ฉันจะรีบไป”
“ให้...”
“ให้อะไร”
“ให้มาขับรถไปส่งออฟฟิศเพราะหยาดบอกว่า คุณจะไม่มีสติขับรถแน่ๆ ถ้ารู้ว่าบอสพยายามโทร.หาคุณเพื่อนัดประชุม แต่คุณไม่รับสายเลยและ ตอนนี้ผู้ช่วยของคุณก็ได้ไปประชุมแทนคุณเรียบร้อยแล้วครับ”
“ฮ้ะ!?”

ไทเกอร์มาดเป๊ะ ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบอส ชายวัยกลางคน เจ้าของบริษัทที่ยังดูดี วิ่งบนลู่วิ่งข้างๆ ในมุมหนึ่งของฟิตเนส
“ไม่มีใครติดต่อพี่เมเปิ้ลได้เลยครับ โทร.ไปก็ไม่รับสาย ผมเลยมาแทนครับ แล้วค่อยไปถ่ายทอดให้พี่เมเปิ้ลฟังทีหลัง”
“อืม” บอสไม่ค่อยใส่ใจนัก
“บอสเห็นคลิปนั่นหรือยังครับ”
บอสไม่ตอบอะไร กดหยุดเครื่อง แล้วเดินออกไป ไทเกอร์เดินตาม ยิ้มเจ้าเล่ห์ได้เวลาใส่ไฟเมธาวลัย
มุมอุปกรณ์ในฟิตเนส บอสยกอุปกรณ์สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ไทเกอร์ตามเข้ามา
“เด็กคนนั้นเป็นเด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่วัน ไม่รู้ไปแอบกินกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เมาท์กันทั้งตึกครับ”
บอสอึ้ง มองหน้าไทเกอร์ อย่างประหลาดใจ
“จะว่าไป ก็สมควรถูกเมาท์นะครับเนี่ย ที่เมื่อเช้าติดต่อพี่เค้าไม่ได้ สงสัยว่า เมื่อคืนดึกและก็หนักไปหน่อย”
บอสพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่พูดอะไร ได้แต่ยกอุปกรณ์ต่อไป ไทเกอร์ยิ้มกริ่ม มีผู้ชายหุ่นดี ล่ำ เดินผ่าน ไทเกอร์แอบชำเลือง มองตามหลัง ไล่สายตามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อหันกลับมาอีกที บอสก็ไม่อยู่แล้ว เดินไปทางหนึ่งเห็นหลังไวๆ
เมธาวลัยไล่ดูในมือถือของตัวเอง
“ว้าย! บอสโทร.หาจริงด้วย มันไปประชุมกับบอสที่ไหน พาฉันไปเดี๋ยวนี้ เผลอไม่ได้ เลื่อยขาเก้าอี้ฉันตลอด อีแอบเอ้ย”
“หือ”
“ขึ้นรถ”
“ครับ”
เขาอ้อมไปขึ้นรถประจำที่นั่งคนขับ เธอเลือกที่จะนั่งเบาะหลังเป็นคุณนาย เขาอมยิ้มขำให้กับความถือดีของสาวใหญ่ผู้เป็นเจ้านาย
มุมหนึ่ง คุณหญิงแสนสุขยืนมองทั้งคู่ แล้วพูดกับอิ่ม
“ยัยเมไม่เคยพาผู้ชายที่ไหนเข้าบ้าน ... เคยมาตอนที่ฉันไม่อยู่บ้างมั้ย
“ไม่เคยค่ะ คุณหญิง”
แสนสุขมองตามรถของหลานสาวเคลื่อนตัวไป เป็นกังวลที่เห็นเมธาวลัยมีผู้ชายมาหาถึงบ้าน

เด็กสาวกำลังเลือกของเล่นอยู่ในแผนกของเล่นเด็ก พลางถามธัญรดาเสียงเจื้อยแจ้ว แต้วเดินตามมาดูแลใกล้ๆ เธอไม่ค่อยใส่ใจลูกนัก เพราะมัวแต่คุยมือถือสั่งงานอยู่
"คุณแม่ขา หนูอยากได้อันนั้น"
ธัญรดาบอก "ก็เอาสิ" แล้วหันไปคุยมือถือต่อ "นัดนายหน้ามาเจอที่ออฟฟิศพรุ่งนี้บ่าย"
ลูกสาวเอื้อมจะหยิบของเล่น แต่เอื้อมไม่ถึง
"คุณแม่หยิบให้หน่อย"
ธัญรดาหงุดหงิด
"อย่าเพิ่งกวนแม่ได้มั้ย แม่คุยงานอยู่ แต้วหยิบให้ทีซิ"
ธัญรดาเลี่ยงไปคุยงานต่อ ญาดาชะงัก หน้าง้ำ ตาเริ่มขวาง แต้วหยิบส่งให้ญาดา
"พี่แต้วหยิบให้นะคะ ...นี่ค่ะ"
เด็กสาวนิ่งมองของเล่นในมือแต้วที่เริ่มใจคอไม่ค่อยดี

พีศทรรตเดินหนีน้ำผึ้งกับโตโต้มาที่หน้าแผนกของเล่น
"ผมยอมให้คุณหาแฟนควงไปโชว์เพื่อนได้ แต่วันพรุ่งนี้ คุณต้องแถลงข่าวกับสื่อว่า...คุณเลิกกับแฟนแล้ว"
"เหย...ถูกนักข่าวจับได้แหงๆ ว่าเต้าข่าว สร้างกระแส"
"ดีนะป้า เดี๋ยวนี้ ใครอยากดังก็ต้องสร้างกระแสให้เป็นข่าว จะคาวจะฉาว ยังไงก็ไม่สนใจ"
"ดังวิธีนี้เดี๋ยวก็ดับ!"
"ฉันยังมีฝีมือให้ขายได้ยันแก่ ไม่ได้มีแค่รูปร่าง หน้าตึง นมโต" ปินัทธาบอก
"สรุปยอมทำตามที่ผมบอก"
"ไม่! ฉันไม่ยอมให้ตัวเองดัง เพราะถูกจับได้ว่าสร้างกระแส"
"น้ำผึ้ง!"
"ป้า ฆ่าตัวตายชัดๆ ป้าจะหาแฟนที่ไหนได้ทันพรุ่งนี้?! ไม่มีขายในเซเว่นนะ"
ในจังหวะนั้น ญาดากรีดร้องเสียงดังเข้ามา พีศทรรตตกใจ
"แอร๊ย ! ไม่เอา ไม่เอา"
"เสียงญาดา"

พีศทรรตวิ่งเข้าไปในแผนกของเล่นเด็กทันที ปินัทธาและโตโต้มองตามอย่างสยอง

ภายในมุมของเล่น ญาดารี้องกรี๊ด แต้วพยายามปลอบ ก็ยังไม่หยุด ธัญรดายืนปวดหัวอยู่

"น้องญาดา! ดื้ออีกแล้วนะ เป็นอะไรขึ้นมาอีก"
"จะให้แม่หยิบให้"
"ใครหยิบก็เหมือนกันแหละ! นิสัยเสีย"
พีศทรรตวิ่งเข้ามา
"ญาดา ลูก!"
ธัญรดารีบเข้าไปโอ๋ลูกสาว ผลักแต้วออกไปทันที
"ญาดา เงียบก่อนนะคะ แม่อยู่นี่นะคะ!"
แต้วอึ้ง เหวอกับการพลิกลิ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
"ใครขัดใจอะไรลูกอีก...แต้ว"
"เอ่อ...คือ"
ธัญรดาชิงตัดหน้าตอบ
"ญาดาจะเอาของเล่น แต่แต้วมันชักช้า กว่าจะหยิบได้"
"อ้าว..."
พีศทรรตมองหน้าสาวใช้ แต้วส่ายหน้าไม่ใช่เรื่องจริง
"ญาดาจะให้คุณแม่หยิบให้ แต่คุณแม่ไม่หยิบ มัวแต่คุยโทรศัพท์กับผู้ชาย"
"น่าน..."
"ญาดา! แม่คุยงานกับลูกน้องนะคะ โกหกคุณพ่อได้ยังไง ตายจริง! คุณพีศ ฉันไม่ได้อยู่กับลูกแค่ไม่กี่เดือน ทำไมกลายเป็นเด็กไม่น่ารักแบบนี้"
พีศทรรตสะกดอารมณ์ ไม่อยากทะเลาะต่อหน้าลูก
"กลับไปคุยที่บ้านดีกว่า"
"คุณแม่ไปด้วยใช่มั้ยคะ"
"ค่ะ เราจะกลับไปคุยเรื่องนี้กันที่บ้าน ว่าหนูโกหกทำไม"
ญาดายิ้มดีใจที่แม่กลับบ้านด้วยกัน โดยไม่สนว่าตัวเองทำผิดหรือถูก ธัญรดาถลึงตาใส่แต้ว ที่สาระแนฟ้อง แล้วเดินตามพีศทรรตไปอย่างหงุดหงิด
แต้วเดินตามไป เครียดกับครอบครัวนี้เหลือเกิน ที่ทนอยู่เพราะสงสารเด็ก
มุมหนึ่งใกล้ๆ ปินัทธากับโตโต้โผล่หัวขึ้นมาหลังจากซุ่มดูเหตุการณ์
"ทำไมฉันมองข้ามคุณพีศทรรตไปได้นะ โตโต้"
"ป้า...จะดีเหรอ"
เธอเริ่มคิดแผนอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ก้าวเท้าฉับๆ โตโต้ซอยเท้าตาม
"ป้า อย่าเลย ไม่ดีหรอก แค่นี้ก็สงสารบอสพอแล้ว คอยตามเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวให้ป้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็อดทนนะ ปากก็ด่าแต่ก็ทำนะ"
"ซึ่งก็มีแต่ผู้ชายคนนี้ที่ทนฉันได้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โอ๊ย! ของดีอยู่กับตัว ใกล้เกลือกินด่างจริงๆ ไป โตโต้!"
"ไปไหน"
"ไปตั้งศูนย์ เตรียมออกตัวแรง"
เธอหัวเราะอารมณ์ดี เมื่อเจอทางออก แต่โตโต้สยองแทนเจ้านาย แต่รีบตามไป

ภายในฟิตเนส ตอนกลางวัน บริเวณมุมเครื่องวิ่ง ณัฏฐาลินีบนเครื่องลู่วิ่ง เหงื่อโทรมกาย คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
วายุบุตรรอฟังคำตอบจากเธอ
"ผมสัญญานะว่าจะไม่เผลอพูดความลับว่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆกับเพื่อนๆคุณ"
"เหรอ"
"ใช่"
"ขอบใจนะ แต่...ไม่ต้อง"
"อ้าว ทำไมล่ะ"
"ฉันยอมเสียหน้ากับเพื่อน ดีกว่าเปิดโอกาสให้ผู้ชายอย่างคุณเข้ามาอยู่ในชีวิตฉันมากไปกว่านี้ เราจะไม่ได้พบกันอีก นอกจากในศาล สวัสดี"
เธอเดินหนีวายุบุตรไป ... นึกแล้วก็ ยิ่งหงุดหงิด เพิ่มความเร็ว วิ่งๆๆๆ
ภายในออฟฟิศของวายุบุตร เขานั่งมองช่อกุหลาบป่า ยิ้มๆ คิดถึงลินี พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เข้ามา"
สิริมาเข้ามา ยื่นมือถือให้เขา
"ผู้หญิงคนนั้นถอนแจ้งความแล้ว อ้างว่า จำคนผิด และกำลังจะเดินทางออกจากกรุงเทพ"
วายุบุตรรีบรับมือถือมา
"ฮัลโหล..." เขาฟังอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเครียดบอก "เอาตัวมา!"
เขากดวางสาย สิริมาเหลือบมองช่อกุหลาบป่า
"คนนี้...จริงจังมากเหรอ" สริริมาถาม
เขาชะงัก ส่งมือถือคืนให้สิริมา
"ช่วยพิมพ์การ์ดแต่งงานให้ผมหน่อย"
"การ์ดแต่งงาน ของใคร"
วายุบุตรพยักหน้ายิ้มๆ เขียนชื่อลงในกระดาษ แล้วยื่นให้สิริมา เธอรับกระดาษมาอ่านแล้วตกใจ

หญิงสาวนหนึ่งสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกจากตรอก มองซ้ายขวา กลัวใครจะตามมา เธอรอแท็กซี่ เมื่อเห็นรถก็โบก แท็กซี่กำลังจะเทียบจอด แต่ถูกรถตู้คันหนึ่งปาดหน้าเข้ามาจอดเทียบแทน
ประตูรถตู้เปิดออก ลูกน้องของวายุบุตรลงมาหิ้วหญิงสาวที่พยายามจะร้อง แต่ถูกปิดปากเอาไว้
 
ทั้งหมดขึ้นรถตู้ไป ปิดประตู รถตู้เคลื่อนตัวออกไปทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากในเสี้ยววินาที
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 3 (ต่อ)

ณัฏฐาลินีวิ่งจนเหนื่อยหอบ กดหยุดเครื่อง ลงมานั่งหอบที่พื้น ปินัทธาและโตโต้ในชุดออกกำลังกาย เดินมาที่เครื่องลู่วิ่ง มองไปรอบๆ ไม่เห็นใครที่รู้จัก เพราะณัฎฐาลินีนั่งอยู่เลยมองไม่เห็น

นักแสดงสาวและโตโต้เมาท์กันเสียงดังพอที่ณัฎฐาลินีจะได้ยินชัดเต็มสองหู
"เอาหนูมั้ยป้า หนูเก๊กชงได้ เนียนมาก ดูนะ...สวัสดีครับ ผมแฟนของน้ำผึ้งครับ หน้าตาอาจดูดีไม่มาก แต่ท่ายากนับว่าดูดี หึหึหึ"
"ตุ๊ดๆๆๆๆ"
"ป้า ไรเนี่ย"
"เครื่องสแกนตุ๊ดดัง อย่ามาเปลี่ยนใจป้า ป้าชัดเจนแล้ว"
ทั้งคู่ไปจับจองเครื่องวิ่งของตัวเอง ณัฎฐาลินีโผล่ขึ้นมา ทั้งคู่ตกใจร้อง "ว้าย!"
"ลินี! แกมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย"
"มาเก็บแชร์มั้ง"
ทั้งคู่หวั่นใจ กลัวเพื่อนได้ยินในเรื่องที่คุยกัน ทนายสาวมองเพื่อนด้วยสายตาคมกริบ แล้วขึ้นไปกดเครื่องวิ่งต่อ
"อย่าลืมสิ ว่าฉันก็เป็นเมมเบอร์ที่นี่ ทำไม กลัวฉันจะได้ยินอะไรที่แกไม่อยากให้ใครได้ยินงั้นเหรอ"
นักแสดงสาวใหญ๋อึ้ง...แต่ทำแอ็กติ้งกลบเกลื่อน
"ฉันไม่โง่ที่จะคุยเรื่องที่ไม่อยากให้ใครได้ยินในที่สาธารณะแบบนี้หรอก"
ทนายสาวใหญ่อึ้ง
"ว่าแต่แกเถอะ...ไม่ทำงานรึไง" ปินัทธาถาม
"ลาพักร้อน"
"แฟนแกล่ะ"
"ทำงาน"
"ที่ไหนเหรอ"
"นี่! ฉันต้องการความสงบขณะที่ออกกำลังกาย ไม่ได้อยากคุยกับใคร"
"คนที่เกลียดผู้ชาย โลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยเปิดตัวกับใครอย่างแกแบบนี้ไง จะให้ฉันเชื่อเหรอว่าแกมีแฟนจริงๆ"
ปินัทธามองหน้าเพื่อนจังๆ ณัฎฐาลินียิ้มเย็นใส่
"อย่ามาห่วงเรื่องฉันเลย ห่วงตัวเองเถอะ ถ้าหาผู้ชายมาอ้างเป็นแฟนไม่ทัน"
ทนายสาวปรายตามองโตโต้ "แล้วใช้ผู้จัดการแก ฉันว่าไม่เวิร์กหรอก"
"พรุ่งนี้รู้กัน...ใครกันแน่ที่โกหกเรื่องจะลงจากคาน"
สองสาวมองหน้าท้าทายกัน โดยมีโตโต้วิ่งไป ชำเลืองไป น่าตื่นเต้นสุดๆ แต่ชำเลืองผู้ชายข้างๆนะ
ทันใดนั้น สองสาวก็สะบัดบ็อบแยกออกไปคนละทาง
"อ้าว...จะไปไหนคะ ป้า! ว้า...เสียดายจุง...081-6966969 ไม่มีเวลาปิดทำการค่ะ"
โตโต้รีบตามนักแสดงสาวออกไป

มุมหนึ่งในฟิตเนส เมธาวลัยกับกฤษฎากำลังคุยกับพนักงานฟิตเนส ซึ่งชี้ไปทางหนึ่ง แล้วพนักงานก็ผละไป
ทั้งสามคนเดินตีคู่กันมาแต่ไม่มองหน้ากัน บรรณาธิการสาวชะงัก เซ็ง เมื่อเห็นหน้าเพื่อน อาการเซ็งนั้น ปินัทธาและณัฎฐาลินีก็เป็น ก่อนเหลือบมองไปเห็นกฤษฎา
กฤษฎาจำได้ จึงยกมือไหว้
"สวัสดีครับ"
นักแสดงและทนายสาวรับไหว้แทบไม่ทัน "อุ๊ย /อุ๊ย"
"ต๊าย รับไหว้ปุ๊บ รู้เลย...ส.ว. สูงวัย" โตโต้บอก
"บอกแฟนแก ว่าทีหลังไม่ต้องไหว้ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แม้แต่คนรู้จักก็ไม่ใช่" ปินัทธาบอก
"ถึงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ต้องไหว้ครับ ไม่งั้นจะเสียมารยาท ผมอายุน้อยกว่าพวกคุณเป็นสิบปี"
"จะย้ำทำไมเนี่ย"
ณัฎฐาลินีบอก
"มีสัมมาคารวะดีนะ ท่าทางเป็นคนดี มีอนาคต แต่มาเป็นแฟนนังนี่ พี่ว่า ซวย!"
เมธาวลัยควงแขนกฤษฎา
"ไปเถอะกฤษ เค้าเบื่อพวกขี้อิจฉากับพวกบ้านแตกขาดความรัก ชิ!"
เพื่อนทั้งสองอึ้ง จะด่าตอบก็ไม่ทันแล้ว เพราะทั้งสองคนเดินลิ่วไปไกลแล้ว
อีกมุมหนึ่งในฟิตเนส เมธาวลัยบ่นอุบ
"เจอพวกแกสิซวย..ซวยๆๆๆ!"
ซวยเข้าหน้ากฤษฎาเต็มๆ
"มากครับ"
เธอจะขอโทษแต่ไม่พูด
"อุ๊ย... ขะ..."

"จะขอโทษผมเหรอครับ"
"ฝัน!"
เธอสะบัดแขนหนุ่มรุ่นน้อยออกไป แล้วหันไปทางหนึ่งออกตัวไปตามทางที่มีป้ายบอกทางห้องน้ำชาย เขาคว้ามือของเธอเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนครับ"
"ปล่อย"
คนอื่นๆเดินเข้ามาเห็นช็อตนี้พอดี...อึ้ง โดยสัญชาติญาณ ทั้งสามคนรีบหลบเข้าที่กำบังเพื่อแอบดู และดันเป็นหลังต้นไม้เทียมต้นเดียวกัน ซึ่งเป็นจุดๆเดียวที่หาได้
"ขอโทษครับ..ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"ทีหลัง ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนจับเธอเอง ไม่ต้องมาจับ"
"ผมลืมตัว แค่อยากจะบอกว่า...อย่าเข้าไปเลยครับ รอบอสข้างนอกดีกว่า คุณจะได้ใจเย็นลง...เข้าไปตอนใจร้อน อาจไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย"
เธออึ้ง แต่สงบลง ปินัทธากระซิบกระซาบกับณัฎฐาลินี เสมือนกลับมาคืนดี
"อุ๊ตะ! นังเมเปิ้ลแพ้ทางเด็กอ่ะ"
"เด็กกว่าแต่ความคิดมีวุฒิภาวะกว่านังเมเปิ้ลอีก"
"คำว่าคบเด็กสร้างบ้าน ก็จะใช้ไม่ได้กับกรณีชะนีกินเด็กรายนี้อีกต่อไป" โตโต้บอก
ทั้งคู่โพล่ง "ถูก"
เมธาวลัยแก้เก้อบอกกับกฤษฎา
"แต่ทีหลังอย่าลืมบ่อยแล้วกัน จำไว้ ไม่ใช่แฟนกันจริงๆ"
ทุกคนลืมตัว โผล่หัวออกมา "หา!"
ทั้งสองหันไปเห็นเพื่อนจะจะคาตา ทุกคนกำลังโผล่หัวออกมาจากต้นไม้เทียม
" พวกแก...แอบฟังฉันอยู่เหรอ!"

ทั้งสามอึ้งมองหน้ากัน...เอาไงดีกับสองคนนี้ดี

ภายในบ้าน พีศทรรตนั่งประกบ จ้องหน้าลูกสาวที่นั่งนิ่ง หน้าง้ำ ส่วนแม่ญาดาแอบเบื่อหน่ายอยู่ที่มุมหนึ่ง คุณหญิงกานดาอยู่กับแต้ว คอยสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆธัญรดา

"ตกลง จะไม่ยอมพูดจริงๆใช่มั้ยคะว่า ทำไมถึงได้พูดโกหกเรื่องคุณแม่"
ญาดานิ่ง ไม่ยอมพูด ตาขวาง ธัญรดาทนไม่ไหว อยากกลับเต็มที
"โอ๊ย! ไม่พูดก็ช่างเถอะ ฉัน..."
กานดาจับมือของธัญรดาเอาไว้ไม่ให้ไป แล้วดึงให้นั่งลง อีกฝ่ายจำยอมลงนั่งตามเดิม แต่เบื่อสุดฤทธิ์
"ว่าไงคะ ญาดา"
"ก็คุณแม่โกหกก่อน"
พีศทรรต อึ้ง ธัญรดาปี๊ดแตก
"เด็กบ้า! นี่ฉันเป็นแม่แกนะ"
"แอร๊ย..."
"โอ๊ย! กรี๊ดทำไม หูจะแตก เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ เป็นซะแบบนี้ไง จะให้ฉันอยู่ด้วยไหวได้ไง โอ๊ย เงียบ!"
"เธอนั่นแหละเงียบ รดา!"
ธัญรดาเงียบ เมื่อเห็นสายตาและท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าวของคุณหญิงกานดาแล้วไม่กล้า
"ตาพีศพาลูกออกไปก่อน"
"ครับคุณแม่"
พีศทรรตรีบอุ้มญาดาออกไป แต้วใจหายใจคว่ำตามไป กานดามองอดีตลูกสะใภ้ด้วยความอ่อนใจ
บริเวณห้องเช่าเก่าๆ ที่ดูลึกลับ มีลูกน้องของวายุบุตรเฝ้าอยู่ด้านหน้า หญิงสาวคนหนึ่งนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว วายุบุตรนั่งลงตรงหน้าหญิงสาว
"คุณเป็นใคร จับตัวฉันมาทำไม ปล่อยฉันไปเถอะ"
"คุณไม่รู้จักผมเหรอ"
หญิงสาวส่ายหน้า
"ไม่รู้จัก แล้วแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีผมข้อหาล่อลวงคุณไปค้าประเวณีได้ยังไง"
หญิงสาวอึ้ง ตกใจ หน้าซีด วายุบุตรจ้องหน้าคาดคั้นอย่างดุดัน

มุมหนึ่งในฟิตเนส เมธาวลัยเอาเรื่องทุกคนที่แอบฟัง โดยมีกฤษฎายืนปวดหัวอยู่ใกล้ๆ
"ตอบมา!"
ณัฎฐาลินีชิงเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
"แกสิ ตอบฉันมา...ว่าน้องตี๋เนี่ย ไม่ใช่แฟนแกใช่มั้ย"
ปินัทธาเล่นตามน้ำบ้าง
"ใช่! ตอบมา"
"ทำไมจะไม่ใช่"
ณัฎฐาลินีบอก
"ก็แกพูดเมื่อกี้ว่า...จำไว้ ว่าไม่ใช่แฟนกันจริงๆ"
"ฉันขู่"
ทุกคนอึ้ง กฤษฎาอมยิ้ม อยากรู้ว่า เมเปิ้ลจะแก้ตัวยังไง

ภายในบ้านเช่า วายุบุตรบอก
"ผมไม่ได้พาคุณมาเพื่อข่มขู่อะไรทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว"
แต่หญิงสาวกลัวไปแล้ว ท่าทางลนลานมาก
"ผมจะให้คนของผมไปส่งคุณทุกที่ที่คุณต้องการไป ไปแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ไม่ให้ใครเห็น และจะรักษาความปลอดภัยให้คุณอย่างเต็มที่ แค่... บอกผมมาว่าใครจ้างคุณให้ใส่ความผม!"
หญิงสาวอึ้ง กลัว
"แต่ถ้าไม่พูด! ผมจะพาคุณไปแถลงข่าวกับผม ผมจะบอกกับสังคมว่า คุณสารภาพกับผมแล้วว่าใครคือคนบงการ รับรอง คนที่อยู่ในความมืดคนนั้นมันต้องพลิกแผ่นดินตามล่าคุณ แล้วฆ่าปิดปากซะ"
"บอกแล้ว ฉันบอกแล้ว!"
วายุบุตรรอฟัง
เวลาต่อมา หญิงสาวเดินออกไปกับลูกน้องวายุบุตร เธอยังหวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัย ลูกน้องคนหนึ่งยังอยู่กับวายุบุตร
"ดูแลให้เค้าข้ามฝั่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย" วายุบุตรบอก
"แล้วนายจะเอาไงต่อครับ"
"ฉันไม่ปล่อยให้มันเล่นฉันอยู่ฝ่ายเดียวแน่"
วายุบุตรเคร่งเครียด คิดวางแผนย้อนรอยตัวการ

พีศทรรตอุ้งญาดามานอนบนเตียง ญาดาร้องไห้ซบลงกับหมอน พีศทรรตเหนื่อยหอบ
"ดูน้องไว้ แต้ว"
"ค่ะ"
พีศทรรตออกไปจากห้องทันที แต้วเข้าไปปลอบญาดา

มุมหนึ่งบ้านพีศทรรต คุณหญิงกานดาดุธัญรดา
"แม่บอกเราแล้วใช่มั้ย ว่าให้ใจเย็นๆ"
"หนูไม่ใช่คนใจเย็น"
"ไม่ใช่ก็ต้องพยายาม"
"ยัยญาดาเสียเด็ก เพราะคุณพีศตามใจ"
"ไม่ใช่! ที่หลานแม่เป็นแบบนี้ เพราะเธอและตาพีศ ทั้งคู่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน"
"หนูน่ะเหรอคะ จะให้หนูไปรับผิดชอบอะไรได้คะคุณแม่"
"ญาดาเรียกร้องความสนใจ เพราะอยากให้เธอมาหา มาอยู่ด้วยบ่อยๆ เพราะฉะนั้น ย้ายกลับมาซะ"
ธัญรดาอึ้ง
"ผมว่าอย่าเลยครับ"
ทั้งกานดา ธัญรดาต่างชะงัก พีศทรรตก้าวเข้ามา
"ผมจะแก้ปัญหานี้โดยที่ธัญรดาไม่ต้องย้ายกลับมาอยู่ที่นี่"
"ตาพีศ!"
"เปลี่ยนใจไปมา ลูกจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มั่นคง แค่นี้ญาดายังเป็นเด็กมีปัญหาไม่พออีกเหรอครับ ครั้งนี้ ผมคงยอมคุณแม่ไม่ได้ ขอโทษครับ"
กานดาไม่พอใจ
"ตาพีศ!"
ธัญรดาเจ็บใจ รู้ดีว่าพีศทรรตตั้งแง่รังเกียจตัวเธอ

มุมหนึ่งฟิตเนส เมธาวลัยบอก
"เพราะแม่ของกฤษเป็นคนชอบขู่ ที่กฤษรักฉัน เพราะฉันเหมือนแม่เค้ามาก"
ทุกคนอึ้ง โดยเฉพาะกฤษฎา
"ฉันก็เลย...ต้องทำตัวเหมือนแม่เค้าคือขู่ ยิ่งขู่มาก ก็จะยิ่งรักฉันมาก โดยเฉพาะขู่ว่า ไม่ใช่แฟนตัวจริง กฤษจะกลัวมาก ใช่มั้ยจ๊ะกฤษ"
"เอ่อ...มั้งครับ"
"เราไปกันเถอะ เสียเวลากับความไร้สาระพอแล้ว"
เธอออกเดิน กฤษฎายังอึ้ง
"ตามมาสิ เดี๋ยวก็ไม่ให้เป็นแฟนตัวจริงหรอก เร็ว!"
"ครับ"

กฤษฎารีบตามเธอไป สามสาวยืนเหวอ
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 3 (ต่อ)

อีกมุมหนึ่งฟิตเนส เมธาวลัยถอนใจอย่างโล่งออกมา กฤษฎาเห็นแล้วขำคิกๆ

"ขำอะไร!"
"รู้มั้ย ว่าคุณเหมือนแม่ของผมมากจริงๆ"
"พอเถอะ!W
บอส ไทเกอร์หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินมา
"อ้าว...พี่เมเปิ้ล"ไทเกอร์ทัก
เธอมองไทเกอร์ตาขวาง แต่ไทเกอร์ยิ้มจริงใจใส่ เธอไม่สนใจ
"บอสคะ"
"ไปคุยกันข้างนอกไป"
บอสเดินนำออกไป ไทเกอร์เดินตามติด เมธาวลัยจงใจเดินเข้าไปขวาง บอสเดินออกไปแล้ว
เธอท้าทายไทเกอร์พูดใส่เบาๆ
"รอให้ฉันตายก่อนเถอะ ค่อยยึดเก้าอี้ฉัน"
ไทเกอร์อึ้ง แต่ยิ้มสู้ พลางชำเลืองมองกฤษฎา
"คงไม่ต้องรอให้พี่ตายหรอก...ผู้หญิงน่ะพอมีเรื่องผู้ชาย คล้ายๆว่า งานก็จะเสีย"
เมเปิ้ลอึ้ง
"ที่เห็นตัวอย่างง่ายๆ ชัดๆคือ โทรตามพี่ไม่ได้ คงพิสูจน์สมมติฐานที่ผมว่าได้เป็นอย่างดี" ไทเกอร์ปรายตามองกฤษฎา
"กระดูกเด็กหนุ่มมันคงกรุบๆ ดีนะ...อร่อยดีป่ะล่ะ หึหึ"
ไทเกอร์รีบเดินออกไป เมเปิ้ลอึ้งอยู่กับกฤษฎา เธอเจ็บใจไทเกอร์มาก

ภายในร้านกาแฟ บอสดื่มกาแฟอยู่ ไทเกอร์ลงนั่ง
"เรื่องงาน บอสสามารถคุยกับผม"
บอสยกมือห้าม ไม่ให้พูด ไทเกอร์แปลกใจ พนักงานเอากาแฟมาเสิร์ฟแล้วออกไป บอสจึงเริ่มพูดพลาง เติมน้ำตาลลงกาแฟพลาง
"ไม่ต้องมาสั่งผมหรอก ว่าผมสามารถหรือไม่สามารถ"
ไทเกอร์อึ้ง เมธาวลัยก้าวเข้ามา กฤษฎาทิ้งช่วงรออยู่ห่างๆ
"บอสคะที่เมเปิ้ลไม่ได้รับสายบอส อธิบายได้นะคะ"
"อธิบายมาสิ"
"คือ...พอดีเมื่อคืน ค่อนข้างดึกกว่าจะถึงบ้าน"
"พอจะรู้"
"ค่อนข้างหนัก"
บอสปรายตามอง กฤษฎายกมือไหว้บอส
บอสรับไหว้แล้วถาม "กับเด็กฝึกงานนั่นน่ะเหรอ"
"อ๋อ เมเปิ้ลคนเดียวค่ะ ส่วนเค้าอยู่เฉยๆ"
ทั้งบอส ไทเกอร์ต่างอึ้ง
"คือ...นานๆทีน่ะค่ะ ก็เลยจัดเต็ม"
"ผมเข้าใจ"
เธอโล่งอก
"ขอบคุณนะคะบอสที่เข้าใจ แล้วเรื่องที่บอสอยากจะเจอเมเปิ้ล"
"ผมได้ดูคลิป เลยอยากให้คุณพาแฟนมาให้รู้จักหน่อย"
ทุกคนอึ้ง คิดไม่ถึง นึกว่าเรื่องสำคัญกว่านี้
"อยากเห็นหน้าคนที่ชนะใจเมเปิ้ล ควีนออฟคาน นายแน่มาก เด็กฝึกงาน"
บอสลุกไปตบไหล่กฤษฎา
"ขอบคุณครับ บอส"
บอสหัวเราะเดินออกไป
"แค่เนียะ!"
"แล้วจะให้แค่ไหน"
ไทเกอร์จะลุกหนี แต่เมเปิ้ลเข้าไปขวาง
"ความทะเยอะทะยานเป็นเรื่องดี แต่อย่าเหยียบหัวคนอื่น"
"เตือนผมเหรอ"
"คนอย่างเธอ เตือนไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา...แค่พูดลอยๆ"
เธอหันมาควงแขนกฤษฎา ลากมาเย้ยไทเกอร์แล้วเดินออกไป
"ดูให้เต็มตานะ คนอย่างฉันลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟได้ในเวลาเดียวกัน!"
ไทเกอร์ยิ้มให้เธอ แต่แอบกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ กฤษฎารู้สึกเจ็บที่แขน ก้มลงมอง เห็นเล็บของเธอจิกลงมาด้วยความแค้นใจไทเกอร์ด้วยเหมือนกัน เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยว รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าเธอที่กฤษฎารู้สึกว่า...กำลังกลัวและไม่มั่นคง
หน้าฟิตเนส ณัฏฐาลินีรอแท็กซี่ มือถือดังขึ้น เธอเห็นเบอร์ของกุ๊งกิ๊ง ก็รีบรับ
"ฮัลโหล ... กุ๊งกิ๊ง"

เวลากลางคืน ณัฏฐาลินีเดินมากับกุ๊งกิ๊ง จะเดินเข้าผับของวายุบุตรด้วยท่าทางจะเอาเรื่องเต็มที่
"เดี๋ยวก่อนพี่ลินี เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะบอกว่าคุณวายุบุตรข่มขู่พยาน จนทำให้ถอนแจ้งความนะคะ" กุ๊งกิ๊งบอก
“ถ้าไม่ใช่เค้าแล้วจะใคร เค้าคือคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เต็มๆ”
“มันก็แค่การสันนิษฐาน ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้ พี่จะไม่ยอมให้ลอยหน้าลอยตาพ้นจากข้อกล่าวหาไปเฉยๆ แบบนี้หรอก”
เธอพุ่งไปที่ประตู การ์ดขอตรวจบัตร
“ขอตรวจบัตรประชาชนด้วยครับ”
“หน้าอย่างฉัน ดูอายุต่ำกว่ายี่สิบหรือไง”
“เอ่อ...เป็นระเบียบครับ”
เธอหงุดหงิดที่เสียเวลา เปิดกระเป๋าหาบัตรประชาชน
มุมหนึ่งในบ้านพีศทรรต เวลากลางคืน พีศทรรตนั่งเครียดเรื่องญาดาอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น พีศทรรตเหลือบมองดูเบอร์ ชื่อ “ชิชา” เขากดรับ
“ฮัลโหล...ชิชา คืนนี้เหรอ พี่เหนื่อย พรุ่งนี้มีงานเช้า ไว้โทรคุยกันได้มั้ยคะ”
เสียงตัดสายดังเข้ามา พีศทรรตเซ็งไม่ใส่ใจ วางสาย คุณหญิงกานดาเข้ามาหาลูกชาย
“ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อลูกเราบ้างหรือไง ตาพีศ”
“ก็ทำอยู่ทุกวันแล้วนี่ไงครับ”
“แม่หมายถึง รู้ทั้งรู้ว่าญาดาต้องการแม่ แล้วทำไมไม่เปิดรับให้หนูรดาเข้ามา แกก็รู้ว่าหนูรดายังรักแก”
“แต่ผมไม่ได้รักรดา ไม่ได้รักมาตั้งแต่แรก”
“เห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง แต่ไม่คิดถึงลูก”
“รดาไม่ใช่ตัวอย่างของแม่ที่ดี! ตอนท้องก็เที่ยวกลางคืน ทำตัวเหมือนไม่ใช่คนที่กำลังเป็นแม่ แค่ต้องการประชดผม คลอดออกมา ก็ไม่ยอมให้ลูกกินนมตัวเอง เพราะกลัวทรงจะเสีย เคยสอนอะไรที่พอจะยึดเป็นแนวทางที่ดีได้บ้าง ไม่เคย”
“ตาพีศ”
“คนที่เห็นแก่ตัวและคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองคือรดา ผมรู้นะครับว่าคุณแม่กำลังจะทำอะไร...ผมให้โอกาสรดาไปแล้ว แต่มันจะไม่มีโอกาสที่สองอีก ญาดาต้องการแม่...แต่ไม่ใช่แม่อย่างรดา!”
“ถ้าไม่ใช่รดา ฉันก็ไม่ยอมรับผู้หญิงหน้าไหนมาเป็นแม่ของหลานฉันอีก อย่าหวัง”
พีศทรรตอึ้ง รู้สึกเสียใจที่แม่ดื้อแพ่ง แม่บ้านเข้ามารายงาน
“มีแขกมาพบคุณพีศค่ะ”

“ ใคร?” พีศทรรต ถามอย่างแปลกใจ

ภายในห้องรับแขกบ้าน ปินัทธายืนหันหลังอยู่ในชุดสวยตั้งใจ พีศทรรตและกานดาเดินเข้ามา

“น้ำผึ้ง”
เธอหันมา ยิ้มหวาน
“คุณพีศ!”
“น้ำผึ้ง ปินัทธาเหรอ” กานดาเอ่ย
เธอไหว้อย่างชดช้อย
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะคะ สบายดีหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่อยดี มีเรื่องเครียดเยอะ”
“อ๋อค่ะ”
เธอแอบเบือนหน้าสยองกับตัวเอง...รู้สึกว่ากานดาช่างน่ากลัว
“มีธุระอะไรมาหาผมตอนนี้ ทำไมไม่รอคุยที่ออฟฟิศพรุ่งนี้”
“เพราะมันเป็นเรื่องที่รอคุยพรุ่งนี้ไม่ได้น่ะสิคะ”
เขาแปลกใจกับคำพูดของเธอ
“คีบับ...ขอคุยกับคุณพีศเป็นการส่วนตัวหน่อยได้มั้ยคะคุณแม่”
กานดาอึ้ง...เสียหน้า เดินหน้าบึ้งออกไป
“ว่ามา!”
เธอปราดเข้าไปควงแขน ง้อเขา
“เป็นแฟนกันเถอะ!”
“เฮ้ย!”
ภายในร้านกาแฟในฟิตเนส เวลากลางคืนต่อเนื่อง เมธาวลัยนั่งมองแก้วกาแฟที่กินหมดไปแล้วตั้งนาน เธอมองนิ่ง กฤษฎานั่งอยู่เงียบๆ ผู้คนรอบๆเริ่มวางวาย แต่เขาและเธอยังนั่งอยู่ที่เดิม
เขาตัดสินใจโบกมือให้เธอได้สติ
“หือ? อะไร”
“นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วนะครับ ที่นี่ใกล้จะปิดแล้ว”
“แล้วปิดหรือยังล่ะ ถ้ายังก็นั่งต่อได้”
พนักงานเข้ามา
“ส่วนนี้ต้องปิดบริการก่อนนะคะ”
“ได้ยินแล้วนะครับ”
“เออ ก็กลับสิ”
เธอลุกเดินออกไป เขาถอนใจก่อนเดินตาม
เธอเดินเรื่อยเปื่อย เขาดูก็รู้ว่าไม่มีที่ไป
"ทำไมไม่เข้าออฟฟิศครับ"
"ขี้เกียจตอบคำถามเรื่องคลิป"
"แล้วทำไมไม่กลับบ้านครับ"
"ขี้เกียจตอบคำถามคุณย่า"
"แล้วทำไมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนล่ะครับ"
"ออกมาเที่ยวกับฉัน ลูกผัวบ่นตาย"
"เพื่อนโสดๆไม่มีเหรอครับ"
เธอไม่พอใจ
"นี่ก็ถามเป็นหนูน้อยจำมัยเลย! ขี้เกียจตอบ"
"ครับ"
เธอหยุดเดิน มองไปรอบๆ เห็นผู้คนดูมีเป้าหมายของการเดินทาง
"เค้าไปไหนกัน เธอรู้มั้ย"
"เค้าไหนครับ"
"คนพวกนั้น"
เขามองไปที่ผู้คนที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น รอรถ ยืนซื้อของแผงลอยบนทางเท้า เดินควงแฟน
"บางคนก็กลับบ้าน บางคนก็ยังไม่กลับเพราะนัดแฟนไว้ แต่แฟนยังไม่มา บางคนก็แวะช้อปปิ้งก่อนจะได้มีเสื้อผ้าใหม่ๆใส่บ้าง"
"ทุกคนดูมีเป้าหมายชีวิตดีเนอะ ไม่เหมือน..."
เธอจะพูดว่าฉัน แต่ยั้งไว้
กฤษฎารู้ใจ
"ไม่รู้จะไปไหน...บ้านไงครับ ยังไงบ้านก็คือที่ๆจะรอเราให้กลับไปเสมอ ถึงจะไม่มีใคร แต่ก็เป็นพื้นที่ที่เราจะหลับได้อย่างอุ่นใจและปลอดภัย"
"เนอะ"
"ตกลงกลับบ้านนะครับ"
"ยัง"
เธอจะเดินหนี เขาเข้าไปขวาง ขึงขัง
"กลับบ้านเถอะครับ"
"ดึกแล้ว...คุณย่า คนที่รักคุณอีกคน กำลังรอให้คุณกลับบ้าน"

เธออึ้ง
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 3 (ต่อ)

ปินัทธารุกจู่โจมพีศทรรต

"นะ ขอร้อง!"
พีศทรรตเดินหนี
"ไม่เอา อย่ามายุ่งกับผม"
เธอไล่ล่าต่อ
"น่า...ฉันยังโสด คุณก็ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน แค่กิ๊กครึ่งโหล โห สับรางทันได้ไงเนี่ย ถามจริง..แต่เอาเรื่องของฉันก่อน นะๆๆๆ เราสองคนเหมาะสมกันที่สุด"
"เพี้ยนไปแล้วหรือไงคุณ ถอยไป ขนลุก"
"ขนลุกเพราะตื่นเต้นที่อยู่ใกล้ชิดฉัน หรือว่า..."
"สยอง!"
เธอเซ็ง ห่อเหี่ยวเลย
"คุณพีศทรรต ถนอมน้ำใจกันหน่อยก็ได้"
"นี่ก็ถนอมสุดๆแล้วนะ อยากฟังเวอร์ชั่นเต็มมั้ย"
"ไม่ต้อง ปากหรือใบมีดโกนก็ไม่รู้ สะบัดแต่ล่ะที ซิบๆ"
"สงบลงแล้วใช่มั้ย"
"อืม"
เขาขำ
"คิดไง มาขอผมเป็นแฟน"
"หาใครไม่ได้แล้วไง รอบตัวมีแต่เก้งกวาง"
"ที่จะพาไปโชว์ตัวกับเพื่อนพรุ่งนี้น่ะเหรอ"
"อืม ตลอดไปเลยได้ก็ดี"
เธอซึมไป เขาเห็นความเหงาในกริยานั้น แต่เมื่อเหลือบมองไปทางหนึ่ง ก็เห็นกานดายืนแอบดูอยู่ เขาเหนื่อยใจกับแม่ เมื่อกานดาเดินหลบไป น้ำผึ้งก็คว้ากระเป๋าลุกขึ้น
"เคร! ยอมแพ้ ลืมมันไปซะ ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มองมันแค่เรื่องขำๆว่า เป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายของชะนีที่อยากลงจากคานแล้วกัน"
เธอเดินเซื่องออกไป
"ผมไปส่ง"

ภายในผับ ณัฏฐาลินีนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะ กุ๊งกิ๊งมาเขย่าตัว
"พี่ลินีคะ"
เธอสะดุ้งตื่น
"ไหน มาแล้วเหรอ อยู่ไหน!"
"ยังไม่เห็นเลยค่ะ"
"จงใจหลบหน้าแหงๆ ลูกน้องคงไปบอกให้รู้ตัวแล้ว เลยไม่กล้าโผล่มา"
"พนักงานเค้าบอกว่า นายกำลังเข้ามา พี่รอไหวมั้ย กลับก่อนมั้ย"
"ไหวสิ ตื่นแล้ว"
เธอมองไปรอบๆเห็นนักเที่ยวกินดื่ม สนุกสนาน
"ไม่ง่วง ไม่หลับ ไม่นอน ไม่กลับไปพักผ่อนกันบ้างหรือไง"
"นี่ก็อาจเป็นการพักผ่อนของเค้ามั้งคะ"
"ทรมานสังขารน่ะสิ มีใครดูอายุไม่ถึงยี่สิบบ้างป่ะกุ๊งกิ๊ง"
"หนูเห็นการ์ดที่นี่เข้มงวดมากเลยนะคะพี่ อายุไม่ถึงไม่ยอมให้เข้าเด็ดขาด"
"เหรอ....ช่วยพี่สังเกตดูหน่อยแล้วกัน เผื่อเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล"
"ค่ะ"
เสียงเช็คซาวด์เครื่องดนตรีดังขึ้นแทรกเสียงเพลง ทั้งสองหันไปดูที่เวที เห็นวายุบุตรกำลังตั้งสายกีต้าร์อยู่บนเวที เห็นเจตต์กำลังตั้งสายเบสอยู่ใกล้ๆ กับนักดนตรีคนอื่นๆ
พีศทรรตเดินมาส่งปินัทธาที่รถ
"ตกลงยอมให้เพื่อนหัวเราะเยาะ"
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น...ไม่มีใครยอมเป็นเหยื่อนี่"
"และก็จะยอมเสียหน้ากับนักข่าวและประชาชนทั้งประเทศ"
"ยอมรับความจริงดีกว่าโกหก"
"คุณเนี่ยนะ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง"
"นี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องยกมือไหว้ขอโทษประชาชน"
"อยากเห็นช็อตนั้นจริงๆ"
"อย่าซ้ำเติมกันได้ป่ะ"
"ขอโทษ...ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ อย่าเสียใจจนเสียจริตขับรถชนตอม่อสะพาน ผมขี้เกียจเสียเงินชดใช้ให้หลวง"
"ยังอีก"
น้ำผึ้งเปิดประตูรถ เปลี่ยนใจ ปิดประตูลง
"มีลูกสาวใช่ป่ะ สอนด้วยนะว่า...ถ้ามีใครมาจีบก็อย่าเล่นตัว รอจนอายุเท่าฉันแล้วค่อยคิดเรื่องแฟน อาจจะสายเกินไป"
"ให้พ่อสอนลูกรีบมีแฟนเนี่ยนะ คิดได้ไง"
"ตอนนี้คิดได้แค่นี้แหละ ความเหงาบนคานมันทรมานนะจะบอกให้"
เธอขึ้นรถไป... เขายิ้มมองตาม เริ่มสนใจในตัวเธอขึ้นมาซะแล้ว

ภายในผับ เวลาต่อเนื่องมา คนดูปรบมือ วายุบุตรและนักดนตรีโค้งให้
"สวัสดีครับ คืนนี้เป็นคืนพิเศษ เพราะมีคนพิเศษมาหาผม สวัสดีครับคุณณัฏฐาลินี"
ทุกคนฮือ ตบมือชอบใจ สองสาวคิดไม่ถึง เหวอ มองหน้ากัน สิริมายืนอยู่กับพนักงาน มอง อย่างไม่พอใจอยู่ลึกๆ
"ผมเลยครึ้มอกครึ้มใจ มาขอแจมเปิดเวทีสักเพลง...เชิญครับ"
เพลงขึ้น วายุบุตรร่วมเล่นกีต้าร์อย่างเท่ เป็นเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับความรักและความสุข ตอนแรก ณัฎฐาลินีก็ไม่อยากดู แต่เจอความเท่ของเขาที่ส่งสายตามาทางเธอตลอดเวลาเข้าไป เลยเริ่มละลาย ดูการแสดงจนจบเพลง
คนดูตบมือ กุ๊งกิ๊งก็ตบมือ เธอตบมือให้อย่างเสียไม่ได้
เพลงจบปุ๊บ มีพนักงานเอาช่อดอกกุหลาบป่าที่เธอทิ้งไปแล้วมายื่นให้ แขกแหวกออกเป็นวงกว้าง มองเธอเป็นสายตาเดียว เธออายมากจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ไม่ยอมรับไมตรีนั้น
"สงสัยผมคงต้องลงไปมอบให้ด้วยตัวเองครับ"
วายุบุตรคืนกีต้าร์ให้นักดนตรี แล้วลงจากเวทีเดินมาหาเธอ แขกเปิดทางให้ เขารับช่อดอกไม้มาจากพนักงานแล้วยื่นให้ เธอเมินหนี อาย เขิน แต่พยายามเก็บเอาไว้
แขกๆต่างร้องบอก "รับเลย รับเลย รับเลย!"
"ผมจริงใจนะ"
กุ๊งกิ๊งยิ้มแหย เธอตัดสินใจ ไม่รับ
"ขอบคุณ แต่ไม่รับค่ะ"

แขกครางฮือ...เสียดาย เธอลุกขึ้นเดินออกไป กุ๊งกิ๊งรีบตาม วายุบุตรผิดหวัง คืนดอกไม้ให้พนักงาน แล้วรีบตามไป สิริมามองตามอย่างไม่พอใจ

วายุบุตรไล่ตามณัฏฐาลินี ซึ่งเดินมากับกุ๊งกิ๊ง

"เดี๋ยวก่อนครับ คุณลินี"
"พี่ลินี เค้าเรียก หยุดก่อนมั้ย"
"ไม่หยุด เค้าจงใจทำให้พี่อายคน"
เธอเร่งเดินต่อไป กุ๊งกิ๊งตาม วายุบุตรเข้ามาคว้าข้อมือขอเธอเอาไว้ เธอจะโต้ตอบด้วยศิลปะการต่อสู้ แต่ถูกวายุบุตรที่ไหวตัวทันตั้งรับ และรวบตัวเธอเอาไว้
"ปล่อย!"
"ใจเย็นก่อนสิ"
"โอเค...ปล่อย"
"เราจะคุยกันดีๆ โอเคมั้ย"
"โอเค"
เธอทำเป็นใจเย็นและสงบลง วายุบุตรปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ทันทีที่เป็นอิสระปุ๊บ เธอก็ตบหน้าวายุบุตรเปรี้ยง จนกุ๊งกิ๊งตกใจ
"พี่ลินี!!"
"คุณจงใจทำให้ฉันอายคน เพื่อจะไล่ให้ฉันไปให้พ้นๆ คุณจะได้ไม่ถูกฉันเอาเรื่องที่คุณไปข่มขู่พยานจนทำให้เค้าต้องถอนแจ้งความ เลว!"
"คิดได้แค่นี้เองเหรอ!"
เธออึ้ง
"อุตส่าห์เรียนกฎหมายเพื่อต่อสู้ให้เพื่อนมนุษย์ได้รับความยุติธรรม ทั้งๆที่ใจตัวเองไม่ได้มีความยุติธรรมเลยสักนิด"
"ฉันไม่เคย..."
วายุบุตรพูดขัด
"ก็นี่ไง! ที่คุณคิดกับผมอยู่นี่ไง ที่ไม่ยุติธรรม ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหามาตั้งแต่แรก และผมก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นถอนแจ้งความ คุณปรักปรำผมโดยที่ไม่คิดให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง"
เธออึ้ง ลูกน้องวายุบุตรเข้ามา หน้าตาตื่น
"นาย! เกิดเรื่องแล้ว ไอ้เจตต์ถูกจับได้ว่าขายยา"
วายุบุตรรีบวิ่งตามลูกน้องไป เธอวิ่งตาม กุ๊งกิ๊งจำเป็นต้องตามไปด้วย
"พี่ลินี"

กฤษฎาขับรถมาจอดหน้าบ้าน ทั้งสองคนลงจากรถ
"รีบเข้านอนนะครับ หยาดทิพย์โทรมาบอกว่า พรุ่งนี้มีประชุมที่ออฟฟิศ"
"อืม..."
กฤษฎายกมือไหว้
"ผมกลับล่ะครับ สวัสดีครับ"
เมธาวลัยรับไหว้แทบไม่ทัน
"อุ๊ย...ไม่ต้องไหว้ก็ได้"
"ไม่ได้หรอกครับ It’s a must ครับ คุณเป็นเจ้านายผม"
"ขอบใจนะที่ช่วยฉันหลายๆอย่าง เธอ ไม่ต้องแอ๊บเป็นแฟนฉันแล้วล่ะ"
"อ้าว...ทำไมล่ะครับ"
"เหนื่อย ไม่ชอบโกหกใคร"
"แต่..."
เธอตัดบท
"กลับไง"
"แท็กซี่ครับ"
"ฉันโทร.เรียกให้"
"ไม่เป็นไรครับ อยากเดินออกกำลังกาย"
กฤษฎาโบกมือลาเธอและเดินลับไป เธอยิ้มมองตาม ประทับใจในตัวเด็กคนนี้ขึ้นมาลึกๆ

บริเวณหลังผับ เจตต์กำลังถูกลูกน้องของวายุบุตรคุมตัวอยู่ วายุบุตรเข้าไป ณัฎฐาลินี กุ๊งกิ๊งเข้ามาดูอยู่ห่างๆ สิริมายืนอยู่แล้ว
"ว่าไง สิริมา"
"เราเจอมันกำลังส่งของในห้องน้ำพอดี"
"ให้ใคร"
"ลูกค้า มาใหม่ ไม่เคยเห็นหน้า"
"แกขายของสกปรกในร้านของฉันเหรอ ไอ้เจตต์!"
เจตต์เงียบ
"ว่าไง!"
"มีหลักฐานหรือเปล่า ไหนล่ะ ลูกค้าผม"
สิริมาบอกกับวายุบุตร
"มันไหวตัวซะก่อน หนีไปแล้ว"
"ก็นั่นไง เฮ้ย อย่ากล่าวหากันลอยๆ ไม่แฟร์"
"ออกไป แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าแกที่นี่อีก"
"ไล่ผมออกเหรอ"
"ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่แกทำแบบนี้ในร้านฉัน ไอ้เจตต์ จะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันเอาตำรวจเข้ามาเกี่ยว"
"งั้นก็จ่ายเงินเดือนมาก่อน"
"ไม่จ่าย!"
วายุบุตรสั่งลูกน้อง
"ถ้าเห็นมันมาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีก แจ้งตำรวจจับมันเลย ไปให้พ้น!"
เจตต์แค้นใจ ค่อยๆเดินออกไป สิริมา และลูกน้องค่อยๆ ทะยอยกันออกไป เขามองหน้าเธอ แต่ไม่พูดอะไร หันหลังเดินไป จู่ๆเจตต์ก็วกกลับมา พร้อมมีดในมือ หมายจะกระซวก ณัฎฐาลินีเห็น ตกใจ
"ระวัง!"
วายุบุตรหันมา ป้องกันตัวไว้ได้ เตะมีดจากมือและต่อยเจตต์จนล้มคว่ำ ลูกน้องคนอื่นๆจะเข้ามาช่วย
"ไม่ต้อง ฉันเอง"
ลูกน้องชะงัก สิริมาพยักหน้าให้ทุกคนถอยออกไป เจตต์ลุกขึ้นมาโต้ตอบ วายุบุตรเพลี่ยงพล้ำ
เธอและกุ๊งกิ๊งยืนดูอย่างตกใจ

บนคอนโดฯของปินัทธา เธอยืนอย่างหงอยเหงาที่ระเบียง เหม่อมองทิวทัศน์กรุงเทพจากคอนโดฯสูง
วายุบุตรต่อสู้กับเจตต์ โดยมีณัฐฎาลินี กุ๊งกิ๊งยืนลุ้นอยู่อย่างตื่นเต้น
เมธาวลัยยืนอย่างโดดเดี่ยวเคว้งคว้างอยู่ในห้องนอนใหญ่ เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า

เจตต์ถูกวายุบุตรซัดจนหมอบ วายุบุตรมีใบหน้าฟกช้ำและเลือดออกที่มุมปาก เธอเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
"คุณ"
วายุบุตรปัดมือออก มองเธอด้วยสายตาเฉยชาจนเธออึ้ง สิริมาเข้ามาประคองวายุบุตร เขาโอบไหล่สิริมาเอาไว้ สิริมายิ้มพอใจที่เขาเห็นเธอสำคัญกว่าทนายสาว
"ค่อยๆเดินนะคะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้"
ทนายสาวยืนมองวายุบุตรที่เดินห่างออกไป ด้วยความรู้สึกสับสน

ทั้งสามคนตกอยู่ในความรู้สึกโดดเดี่ยวเหงา อ้างว้างและสับสน
 
อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น