ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5
มุมหนึ่ง ด้านนอกฟิตเนส เมธาวลัยเดินหนีกฤษฏามา
"คุณจะไปไหน"
"กลับ"
"ผมอุตส่าห์มา"
เธอชะงัก ไม่พอใจ
"มาทำไม"
กฤษฎาเดินเข้าไปหา จ้องไปในแววตาของเธอ
"คุณอยากให้ผมมากับคุณไม่ใช่เหรอครับ"
เธอใจเต้นโครมคราม รีบหลบตา
"ฉันอยากให้เธอมาในฐานะแฟนฉัน ไม่ใช่ลูกน้อง"
กฤษฎาจับมือเธอดึงเข้าหาตัว เธอหมุนคว้างเข้าซบกับอกของเขา ทั้งคู่อึ้งกันไป มองจ้องกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ กฤษฎาพูดเบาๆ
"คุณชอบผมจริงเหรอ"
เธออึ้ง ไม่แน่ใจตัวเองเลยในตอนนี้
"ตอบผมจริงๆนะครับ"
เธอหลบตาแล้วบอก "ชอบ"
"ทั้งที่ผมอายุน้อยกว่าคุณ"
"อายุเป็นเพียงตัวเลข"
"หน้าที่การงานก็ด้อยกว่าคุณ"
"สักวันหนึ่งเธอก็จะโต"
"ฐานะทางการเงินยิ่งแล้วใหญ่"
"ไม่เป็นไรฉันรวย"
"ผมมีค่ากับคุณมากถึงขนาดทำให้คุณมองข้ามเงื่อนไขสำคัญพวกนั้นได้ทั้งหมดเลยเหรอครับ"
เธอรำคาญ ยันกฤษฎาออกไป
"โอย! ที่อุตส่าห์มาเนี่ย มาเพื่อถามเรื่องนี้เหรอ เอาความจริงก็ได้! ฉันโกหก"
เขาอึ้ง รู้สึกผิดหวัง...เธอเองก็อึ้งไปที่พลาดหลุดปาก
ภายในร้านกาแฟ วายุบุตรนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายใจ ณัฎฐาลินีมองวายุบุตรตาเขียว หน้าคว่ำ
"กาแฟที่นี่ อร่อยดีนะครับ"
"ที่อื่นก็มีกิน ทำไมต้องมากินที่นี่"
"ใจมันสั่งมา ว่าให้มากินที่นี่"
"ขอโทษนะ...เน่ามาก จะอ้วก!"
เธอเบือนหน้าหนี ดูเหมือนไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่จริงๆแล้วแอบเบือนไปขำกับความเน่า
"คุณลินีครับ"
เธอหันไปถาม
"เรียกทำไม"
เขายื่นการ์ดแต่งงานในซองให้เธอ
เธออึ้ง ยังไม่ได้อ่านดูชื่อบนซอง
"การ์ดแต่งงาน...?"
"ครับ...การ์ดแต่งงานของผม"
เธออึ้ง ชาไปชั่วขณะ
ที่ฟิตเนส ปินัทธายังยืนมองพีศทรรตด้วยความเหวอ
"จะจ้องผมอีกนานมั้ย สงสัยอะไรก็ถามมา"
"ไม่รักแล้วมาทำไม"
"หึ...ประโยคนี้ผมจำได้ เป็นประโยคในละครเรื่องที่แล้วของคุณ คุณถามพระเอกที่มาง้อคุณในตอนจบ"
"ละครมันก็เอามาจากชีวิตจริงนั่นแหละ ตอบได้ยัง"
"ใช่ ผมไม่ได้รักคุณ"
"โล่งอก นึกว่าเกิดรักฉันกระทันหัน เลยมาหา แต่...สักนิดก็ไม่รู้สึกมั่งเหรอ แบบว่า...มองตาแล้วจี๊ด แปร๊บๆ"
"รู้สึกเซ็ง รำคาญ?!"
"รัก!"
"พูดเป็นนิยายประโลมโลก"
"นิยายมันก็เอามาจากชีวิตจริงนั่นแหละ"
"ตกลงจะเป็นคนที่แยกชีวิตจริงกับเรื่องแต่งเพื่อความบันเทิงไม่ออกเลยใช่มั้ย"
"เออ! มาเพื่อจะมาด่า ทีหลังอย่ามา ตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในโหมดนางสาวแสนดี แต่เป็นชะนีพร้อมเหวี่ยง...รมณ์เสีย!"
เธอเดินหนี
"น้ำผึ้ง ฉันยังคุยกับเธอไม่จบ"
"แต่ฉันจบ"
พีศทรรตเซ็ง รีบตามเธอไป
มุมหนึ่งหน้าฟิตเนส กฤษฎายืนอึ้งอยู่
"ไม่มีทางที่ฉันจะทำลายชีวิตตัวเองด้วยการไปชอบเด็กอย่างเธอ อีกอย่างเธอก็มีแฟนแล้ว ฉันไม่โง่ ไม่สิ้นคิด ไม่กินน้ำใต้ศอกใคร ไม่ทำผิดศีลธรรม ไม่..."
กฤษฎาพูดขัด
"แล้วมาบอกว่าชอบผมทำไม คุณคิดจะทำอะไร"
กฤษฎาเข้าประชิดเธอ ไล่เรียง
"คุณต้องมีแผนอะไรในใจ ถึงมาขอให้ผมเป็นแฟน"
เธอถอยหนี ไม่พูด
"ว่าไงครับ"
"มีสิทธิ์อะไรมากดดันฉัน"
"สิทธิ์ของคนที่กุมความลับของคุณครับ"
"ขู่ฉันเหรอ"
"ครับ"
เธอปี๊ด
"นี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ"
"ไม่บอกใช่มั้ยครับ"
"ไม่บอก"
"ได้ครับ"
เขาจะเดินเข้าฟิตเนส
"จะทำอะไร จะไปไหน"
"ไปบอกเพื่อนคุณครับ ว่าคุณโกหกมาตั้งแต่แรก คุณไม่ได้เป็นแฟนผม"
"อย่านะ"
"ก็คุณตั้งใจจะมาบอกเองตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอครับ งั้น เราไปบอกด้วยกัน"
"ฉัน...โอ๊ย! ฉัน"
"งั้นผมเอง"
กฤษฎาเดินไปอีก เมเปิ้ลเข้าไปฉุด
"อย่า ฉันขอห้าม!"
"ไม่ทันแล้วครับ"
"ขัดคำสั่งฉันเหรอ รู้มั้ยว่าจะเจอกับอะไร"
เธอทั้งลาก ทั้งฉุด แต่เขาก็จะเข้าไป เธอกระโดดเข้าล็อกกอดทั้งตัว แต่เขาก็ยังปัดป้อง เธอทั้งดึงผม ดึงจมูก ดึงหู
"ยังจะเข้าไปอีกมั้ย!"
"เข้าครับ!"
เธอสกัดกฤษฎาต่อไป
ในร้านกาแฟ ณัฏฐาลินีมองการ์ดแต่งงานที่คว่ำหน้าซองนิ่ง บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงอึ้ง ช็อกเหมือนถูกตีแสกหน้า
"คุณกำลังจะแต่งงาน แล้วมายุ่งกับฉันอีกทำไม...เลว!"
"ก็ผมชอบคุณ"
"มีผู้หญิงอีกคนรอเป็นภรรยาคุณอยู่ ยังมีหน้ามาบอกชอบฉัน...เลว"
"ก็คุณไม่เปิดโอกาสให้ผม"
"ด่าว่าเลวไปสองที ยังจะมีหน้ามามาขอโอกาส...เลว"
วายุบุตรเบรกด้วยการหงายหน้าซองการ์ดขึ้น
เธอไม่ยอมหยุด
"ฉันยังด่าไม่จบ ยังจะมาขัด...ละ..."
เธอมองซองการ์ด เห็นชื่อ ณัฏฐาลินี - วายุบุตร เต็มๆ ถึงกับอึ้ง เธอหน้าเหวอมองหน้าเขา
"การ์ดแต่งงานของคุณกับผม"
เธอรีบเปิดดูการ์ดในซอง เห็นชื่อวายุบุตร และณัฏฐาลินี แถมรูปประกอบ ระบุวันเวลาแต่ง สถานที่...Wind of Love Pub and Restaurant ซึ่งเป็นผับของวายุบตร
"ทำแบบนี้เพื่อ? มันจะมากไปแล้วนะ!"
เธอฉุนขาด หยิบการ์ดจะฉีก แต่เขาจับมือเอาไว้
"ปล่อย!"
เธอพยายามแกะมือเขาออก กลัวสายตาคนที่มองมาเลยไม่กล้าโวยวายมากนัก สองคนยื้อยุดกันแบบเนียนๆ ไม่ให้ผิดสังเกตกับคนในร้าน
"ฟังผมก่อนได้มั้ย"
"ไม่ฟัง!"
"ไม่อยากรู้หรือไง ว่าผมคิดจะทำอะไร"
"ไม่อยาก"
"แล้วเมื่อกี้ถามผมทำไมว่าเพื่อ?"
"ตอนนี้โมโห ไม่ฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง ปล่อย!"
"งั้นใจเย็นก่อน"
"ฉุดฉันแบบนี้ ฉันยิ่งร้อน ปล่อย!"
"ก็ใจเย็นก่อนสิ"
"ถ้าอยากให้เย็นก็ปล่อยฉัน ไม่งั้น เดือด"
"ก็..."
ไม่ทันขาดคำ เธอกัดมือเลย
"โอ๊ย!"
คนในร้านหันมองเป็นตาเดียวด้วยความตกใจ เธอจะตะปบการ์ดเพื่อเอาไปทำลาย แต่เขารู้ทัน ตะปบเอามาได้ก่อน
"เอามา!"
"ไม่ให้! เพราะผมจะเอาไปแจกเพื่อนคุณ"
"คุณ"
เธอแย่งคืนมาได้ แต่เขาแย่งกลับ ทั้งสองคนผลัดกันแย่งการ์ดกันไปมา ไม่แคร์สายตาใครกันแล้ว
น้ำผึ้งเดินเข้าห้องเต้นแอโรบิก และกำลังเต้นกันอยู่ในจังหวะที่คึกมาก ซึ่งในห้องล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงใส่ชุดเต้นแอโรบิกรัดเปรี๊ยะ ตึงเป๊ะ พีศทรรตตามมาโดยตั้งตัวไม่ทันเห็นผู้หญิงกำลังก้มๆเงยๆอยู่ ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก เธอเข้าไปแจมเต้นทันทีโดยไม่สนใจเขาที่เข้าไปคุย
"น้ำผึ้ง...ไปข้างนอกก่อน"
เธอทำเป็นไม่ได้ยิน เต้นเหวี่ยงแขนขาเฉียดหัวเขาไปมา เขาหลบพัลวัน
"น้ำผึ้ง!"
"นี่! อย่ากวนสมาธิได้มั้ย เค้าให้เข้ามาเต้น ไม่ได้ให้เข้ามาคุย"
"ไปคุยข้างนอก"
"อยากคุยก็คุยข้างใน"
"ไม่ออกไปใช่มั้ย"
พีศทรรตเต้นด้วยทันที ทว่าสเต็ปเลวมาก สาวๆในห้องเห็นแล้วคิกคัก ขำ
"ทำไร!"
"เต้น"
"อุบาทว์มาก ขอโบก!"
สาวๆข้างๆเริ่มคิกคัก เพราะขำท่าทางของพีศทรรต เธออายแทน ทนไม่ไหว เลิกเต้น
"พอเหอะ คุณไม่อาย ฉันอายแทน"
เธอเดินออกไปเซ็งมาก เขาหยุดเต้น กลับมาในมาดเดิม หล่อ เท่ สาวๆ ต่างมองสายตาเยิ้มเขาส่งยิ้มเจ้าชู้ให้ จู่ๆน้ำผึ้งก็เข้ามาบัง จนเขาสะดุ้ง ตกใจ
"เฮ้ย!"
เธอชี้ไปที่สาวๆในห้อง
"เจ๊ดา มีผัวแล้วลูกสาม โน่น น้องดาว อายุไม่ถึงยี่สิบเจอข้อหาพรากผู้เยาว์แน่ๆ นั่นวิยะดา กำลังจะแต่งงาน ว่าที่สามีเป็นนักแม่นปืนทีมชาติ และ...."
เขารีบลากน้ำผึ้งออกไปเลย สาวๆพากันคิกคัก ก่อนจะหันไปเต้นแอโรติกกันต่อ
มุมหนึ่งหน้าฟิตเนส เมธาวลัยยังสกัดกฤษฎา
"บอกไว้เลยนะ ถ้าฉันจะเสียหน้ากับนังพวกนั้น ฉันจะเป็นคนพูดเอง"
"เรื่องอะไร ผมตกกระไดพลอยโจนกับคุณมาตั้งแต่แรก ผมก็ต้องเป็นคนจบด้วยกับคุณ"
เธอหมดแรง เขาสะบัดหลุดมาได้
"ขอโทษนะครับ...แรงคุณเหรอจะมาสู้แรงผม"
กฤษฎาวิ่งออกไป
"ไม่จบใช่มั้ย ได้!"
เธอกลั้นใจวิ่งตามไป
"เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!"
มุมหนึ่งในฟิตเนส ปินัทธาเดินหนีพีศทรรตมา
"ไว้คุยกันวันหลัง วันนี้...ฉันชัตดาวน์ตัวเองแล้ว"
"จะเล่นตัวไปถึงไหน"
"สวย รวย โสด พอป่ะที่จะเล่นตัว"
"ขอหนึ่งนาที"
"เสียใจ"
เธอเดินหนี เขาจับมือไว้ แต่เธอสะบัดออก
"เอ๊ะ!"
เขาจับใหม่ เธอสะบัด ไปมาอยู่อย่างนั้น ตอนนี้เองที่เขานึกสนุกกับการตอแยเธอมาก สุดท้ายเขาอุ้มน้ำผึ้งเลย น้ำผึ้งเหวอมาก
"ปล่อยฉันลง ไม่อายคนหรือไง"
"ตอนนี้ไม่อาย ชอบด้วยซ้ำ"
เขาอุ้มน้ำผึ้งหลุดออกไป
"ไอ้คุณพีศ!"
ในร้านกาแฟ ณัฎฐาลีนีและวายุบุตรยังคงแย่งการ์ดไม่เลิก พอเขาแย่งได้ปุ๊บ วิ่งหนีออกไปปั๊บ
กฤษฎาวิ่งมา เมธาวลัยตัดสินใจเทคตัวกระโดดขี่หลังปั๊บ กอดคอแน่น กฤษฎาหน้าเขียว
พีศทรรตอุ้มปินัทธาเดินมามุมหนึ่งในฟิตเนส แหวกผู้คนที่ที่มองมาเป็นตาเดียว อย่างเท่มาก
วายุบุตรหนีการไล่ล่าของณัฏฐาลินีเข้ามา ชูการ์ดไว้เหนือหัว เธอตัดสินใจพุ่งกระโจนเข้าไปแย่งการ์ด ล้มด้วยกันไปทั้งคู่ เธอทับตัวเขา มือสองคนประกบการ์ดไว้ด้วยกัน
"ทำอะไรกาน...โอย!"
ทั้งภัทรวลัยและเป้ยืนอึ้งกันอยู่
ทุกคนที่เห็นพฤติกรรมของทั้งสามคู่ต่างตาค้าง อึ้งไปตามๆ กัน
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทั้งสามคู่นั่งแบบไม่มองหน้ากัน เป้และภัทรวลัยนั่งอยู่ตรงกลาง พนักงานยกกาแฟมาเสริ์ฟให้กับทุกคนจนครบ
เมธาวลัยตาเหลือก เมื่อเห็นโลโก้หัวใจสีชมพูที่ชุดกันเปื้อนของพนักงาน ปินัทธา ณัฎฐาลินีจะหยิบถ้วยกาแฟ แล้วสองคนก็ชะงัก ตาเบิกโพลง เมื่อเห็นฟองนมในถ้วยกาแฟ เป็นรูปหัวใจดวงโต
เมธาวลัยเมินหนีจากชุดกันเปื้อน ส่วนอีกสองคนรีบวางถ้วยกาแฟลง ไม่กิน
"เป็นไรเนี่ย เหมือนเห็นผี" ภัทรวลัยบอก
ทุกคนพูดพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ "เห็นหัวใจ!"
ทุกคนบนโต๊ะต่างอึ้ง ยกกาแฟดื่มแก้เขิน
"ก็เป็นธรรมดาของคนที่มีความรัก" ภัทรวลัยว่าก่อนตกใจ "เดี๋ยวก่อน!"
ทุกคนตกใจตาม
"อะไรคะ วลัย" เป้ถาม
ภัทรวลัยชี้ไปที่พีศทรรต
"บอสของน้ำผึ้ง"
"ครับ"
เธอชี้ที่วายุบุตร
"คู่กัดสะท้านโลกของลินี"
"ขอบคุณครับที่ให้เกียรติ"
พีศทรรตรีบชิงพูด "ผมเป็นแฟนน้ำผึ้ง"
"ผมเป็นแฟนคุณลินี" วายุบุตรรีบต่อ
สองสาวคู่กรณีสำลักกาแฟพรวด ต่างหันมองหน้าผู้ชายของตัวเอง
กฤษฎากระซิบถามเมธาวลัย
"อยากสารภาพกับเพื่อนว่า คุณโกหกเรื่องแต่งงานกับผมก็พูดเลยสิครับ ตอนนี้จังหวะดีมาก"
"แถวบ้านเรียกจังหวะนรก! เงียบไปเลย"
เธอมองคู่ของเพื่อนแล้ว แอบสังเกตท่าที
"เห็นคุณสองคนก็มาในงานแต่งงานของเราด้วย แต่ไม่เห็น..." เป้บอก
"น้ำผึ้งยังไม่อยากประกาศเปิดตัวครับ จนกว่าจะแน่ใจว่าผมเลิกกับน้องๆได้หมดแล้วทุกคนก่อน จะได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการทีเดียว"
ปินัทธาสำลักกาแฟอีกรอบ
"กัดกันมากๆเข้า ก็รักกันโดยไม่รู้ตัว อีกอย่างชอบเซอร์ไพรส์ครับ"
วายุบุตรหยิบซองการ์ดแต่งงานที่เตรียมมาอีกสามใบแจกให้เมธาวลัย ปินัทธาและภัทรวลัย
ณัฎฐาลินีสำลักกาแฟอีกรอบเหมือนกัน การ์ดโผล่มาอีกสามใบ เซอร์ไพรส์!
"การ์ดแต่งงานครับ ต้องรีบแจก เดี๋ยวเชิญแขกไม่ทัน เชิญเป็นเกียรติด้วย ทุกคนนะครับ"
ณัฎฐาลินีช็อก กฤษฎากระซิบอีก
"โห...แซงหน้าเห็นๆ อ้าว...ไม่บอกเพื่อนไปล่ะครับ ว่าคู่เราเป็นคู่รักกำมะลอ"
เมธาวลัยลุกขึ้น ประกาศกลางวง
"เอาล่ะ ฉันพาแฟนมาคอนเฟิร์มกับพวกแก เรียบร้อย สรุป ฉันไม่ได้มั่วเรื่องที่ฉันจะแต่งงาน"
กฤษฎาอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเธอจะเปลี่ยนใจ แต่ก็แอบอมยิ้ม รีบลุกขึ้นกอดเอวเธอเอาไว้ จนเธอหันมองขวับ
"แม่ผมชอบให้กอดเอวครับ แม่จะรู้สึกดีเหมือนมีคนคอยปกป้องดูแล"
เธอฝืนยิ้มก่อนบอกเพื่อน
"ฉันก็ว่างั้น... ตอนนี้ยังพิมพ์การ์ดไม่เสร็จ เพราะยังไม่ลงตัว เสร็จแล้วจะรีบร่อนมาแจก"
ปินัทธาเอาบ้าง รีบไปนั่งตักพีศทรรต
"หั่นหนีคะ...แล้วเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่เราเลือกไว้ เค้าเข้ามาคุยหรือยัง เดี๋ยวไม่ทันนะ อุ๊ย อยู่ใกล้คุณแล้วขนลุก สปาร์กอ่ะ"
ณัฎฐาลินี หมั่นไส้
"เว่อร์ตลอด!"
ปินัทธาบอก
"ได้อีกนะ..." แล้วบอกกับวายุบุตร "ขอทีนะ"
ทุกคนตกใจร้อง "เฮ้ย!"
"หอมทีนึง!" ปินัทธาหอมเลย แต่หลายที ...มัวะๆๆ
"หลายทีนะ" พีศทรรตบอก
"ก็คนมันรัก รักมาก"
ปินัทธาบอก แต่แอบส่งสายตาเข่นเขี้ยวให้พีศทรรต
ณัฎฐาลินีหันไปหาวายุบุตร มองหน้าในระยะใกล้มาก
"อุ๊ย! อะไรติดอยู่ที่หน้าผากอ่ะคะ"
"ครับ?"
"อยู่เฉยๆนะคะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง แต่ต้องอยู่ข้างบนอ่ะ ข้างล่างไม่ถนัด"
"หือ?"
"ยืนอยู่ข้างบน เค้านั่งข้างล่าง จะได้เอาเศษผงที่ติดตรงหน้าผากออกให้ถนัด"
เธอขึ้นยืนโน้มตัว หน้าใกล้ชิด วายุบุตรหายใจไม่ทั่วท้อง
"นิ่งๆนะคะ อย่าขยับ"
"ดีๆนะครับ อย่าทำผมเจ็บ ผมไม่เคย"
"แป๊บเดียวน่า เดี๋ยวก็เสร็จ"
ทุกคนร้อง "หือ?"
"นี่เอาผงออก หรือเอา...อะไรออกกันแน่!"ภัทรวลัยว่า
"ผงสิ นี่ไง... เห็นมั้ย ชิ้นเบ้อเร่อ" ณัฎฐาลินียื่นให้ดูอย่างเร็วมากแล้วรีบเก็บมือ
ภัทรวลัยงงๆ
"เห็นมั้ง"
"ดีจังเลย วลัย ที่เพื่อนรักของคุณจะแต่งงาน ทีนี้ใช้คำว่าก๊วนคานทองไม่ได้แล้วนะ ทุกคนกำลังจะสละคาน ใจหายมั้ยครับ" เป้บอก
สาวทั้งสามพูดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
"ดีใจ"
"ครับ ดีใจมั้ยครับ คือ..ตื่นเต้นแทนเลยพูดผิดพูดถูกครับ"
ภัทรวลัยเห็นความผิดปกติบางอย่าง แต่ไม่พูด
"ดีใจด้วยนะพวกแก ฉันกับคุณเป้รอไปงานแต่งของพวกแกนะ ว่าแต่...แต่งแน่นอนนะ"
ทุกคนพร้อมกันอีก "แน่นอน!"
สามคู่ต่างยิ้มให้กัน เสแสร้งแกล้งหวานให้คนอื่นตายใจ จะได้เลิกสงสัย มีเพียงภัทรวลัยที่รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง
กรุงเทพตอนกลางคืน รถของเมธาวลัยแล่นจอดข้างกำแพงไม่ถึงหน้าบ้าน ไฟหน้ารถดับมืดลง
ภายในรถ เธอนั่งนิ่งบนที่นั่งข้างคนขับ คิดหนักสำหรับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น วุ่นวายสับสนไปหมด เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง กฤษฎาเป็นคนขับ ดับเครื่อง เงียบนิ่งสนิท
"ถึงแล้วครับ คุณนั่งเงียบมาตลอดทาง"
เธอยื่นมือให้เขา เขาคิดว่า เธอจะขอจับมือ เลยยื่นมือไปจับ "ครับ?"
เธอรีบสะบัดออก แอบเขิน
"ขอกุญแจรถคืน!"
"อุย!นี่ครับ"
เขารีบยื่นกุญแจรถให้ เธอรีบลงจากรถ เขาลงตาม เธอเดินวนอ้อมจะไปขับรถ เจอกับเขาที่หน้ารถพอดี
"ถอยไป"
"ไม่อธิบายอะไรให้ผมฟังหน่อยเหรอครับ"
"เรื่อง?"
"ก็เรื่องนั้น"
เธอเครียดจัด ฟิวส์ขาด พรั่งพรูออกมาเป็นชุด
"เรื่องไหน มีเรื่องเกิดกับชีวิตฉันตั้งหลายเรื่อง เรื่องงานก็ต้องทำยอดโฆษณาให้เข้าเป้ามากขึ้นในขณะที่ต้องป้องกันขาเก้าอี้ตัวเองไปด้วย ยัง ยังไม่พอ ตอนนี้คุณย่าก็ดันบังคับให้ฉันแต่งงาน แต่งกับใครไม่แต่ง แต่งกับเกย์!! แล้วยังมีสงครามประสาทกับนังเพื่อนนรกสองคนนั่น แต่ยังไม่น่าเครียดเท่ากับที่มีเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอผลุบๆโผล่ๆ เข้าๆ ออกๆในชีวิต ทำฉันหายใจไม่ทั่วท้อง"
เขาอึ้ง เธอมีปัญหาเรื่องเครียดเยอะจริง นึกเห็นใจ
"ให้เดาเรื่องที่ทำให้คุณเครียดมากที่สุดคือ เรื่องแต่งงาน"
"เออ! นี่เป็นเหตุผล ทำไมฉันถึงเปลี่ยนใจ ไปขอเธอเป็นแฟน"
"ตกลง...จะให้ผมเป็นกันชนที่จะไม่ต้องแต่งงาน"
"ใช่ และเหตุผลรองลงมา ฉันยอมรับว่า ไม่สามารถยอมรับการเสียหน้ากับนังเพื่อนนรกสองคนนั้นได้"
"แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณหวัง"
"ใช่ ฉันกับเธอไม่มีทางลงเอยกันได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ได้ แต่ฉันไม่รู้ทำไง ตอนนี้ ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนเท่านั้น ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมจู่ๆทุกอย่างก็ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ จนฉันสับสน ไม่เป็นตัวของตัวเอง"
เธอทรุดอยู่หน้ารถ เขารู้สึกเห็นใจ แต่ยังไม่เข้าไปกวน ยืนนิ่ง ปล่อยให้เธออยู่กับอารมณ์ของตัวเอง
ภายในร้านอาหาร ปินัทธานั่งมองหน้าพีศทรรตที่กินอาหารอย่างสบายใจ เธออึดอัดมากจนไม่แตะอาหารของตัวเอง
"ขอให้จุกคอตาย"
เขาถึงกับอาหารติดคอ รีบกินน้ำ รวบช้อน
"อิ่มแล้วใช่มั้ย ดี เริ่มคุยกันได้หรือยัง"
"ยัง ต่อของหวานก่อน" เขาจะเรียกพนักงาน
"นี่! อย่าเยอะ กลายเป็นคนเยอะตั้งแต่เมื่อไหร่"
"รู้สึกไงล่ะ เวลาที่ถูกเยอะใส่"
"รำคาญ"
"กรรมสนองแล้วไง"
พนักงานเข้ามา "ค่ะ"
พีศทรรตจะสั่งของหวาน "ขอ..."
เธอพูดขัด "คิดเงินเลยค่ะ"
"เฮ้ย! คุณ"
เธอบอกกับพนักงาน
"ถ้าไม่รีบ ผู้ชายคนนี้จะเชิดกินฟรีค่ะ"
"ค่ะๆ"
พนักงานรีบไป พีศทรรตมองหน้าเธอที่ยิ้มใส่
"จริงๆเล้ย"
"ก็รีบว่ามาสิ จะอกแตกตายอยู่แล้ว นี่เห็นว่าอยู่ในที่สาธารณะนะ ฉันยอมให้ ถ้าไม่งั้น บึ้ม!"
"เรามาเจรจา ทำความตกลงกัน ว่าด้วย...เราสองคนจะยอมเป็นแฟนกัน ด้วยจุดประสงค์ที่จะเอื้อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย"
"เฮ้อ น่านไง ว่าแล้ว คนอย่างคุณ ไม่มีทางยอมทำอะไรแบบนี้แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ ว่าจุดประสงค์ของคุณมาซิ"
"ทำให้คุณแม่ผมเลิกคิดที่จะทำให้ภรรยาเก่ากลับเข้ามาในชีวิตผม"
"เหย"
"ต้องผู้หญิงอย่างคุณเท่านั้น ถึงจะรับมือกับคุณแม่ผมได้"
"ผู้หญิงอย่างฉัน เป็นไง"
"บ้าบิ่น ไม่ยอมคน และ สตรอเบอรี่เก่งมาก"
"หลอกด่ากันป่ะเนี่ย"
"ชม"
"ไม่รับ...แล้วฉันจะได้อะไร"
"อยากได้อะไร ผมจัดให้"
"ตัวคุณและหัวใจ"
"เหย"
"ถ้าไม่โอเค ฉันก็ไม่โอเค จบ!"
น้ำผึ้งลุกหนี แอบยิ้มกริ่ม
"น้ำผึ้ง เดี๋ยวก่อน"
แต่พนักงานเข้ามาเก็บเงินพอดี พีศทรรตเลยยังตามออกไปเลยไม่ได้
ณัฏฐาลินียืนอยู่ตรงมุมสวยๆ ที่เห็นตึกระฟ้าล้อมรอบ วายุบุตรเข้ามา
"อยากต่อยผมมั้ย"
"เสียมือ"
"คุณเกลียดผมมากเลยเหรอ"
"ไม่เห็นต้องถาม"
"แต่ก็ไม่มากไปกว่าการยอมเสียหน้ากับเพื่อนคุณ"
"รู้มั้ย ทำไมฉันถึงยอมตามน้ำไปกับคุณ"
"บอกผมมาสิ ในเมื่อคุณยังไม่อนุญาตให้ผมเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของคุณ ผมไม่รู้"
"เน่าได้อีก"
"มีอีกเยอะ เดี๋ยวก็เจอ"
"ฉันจะรีบอธิบาย คุณจะได้รีบกลับไปซะที"
"ก็ว่ามาสิครับ ผมรอฟังอยู่"
"ในเมื่อไล่ยังไง คุณก็ไม่ยอมไป ฉันก็จะไม่ไล่ อยากรู้จักฉันมากนักใช่มั้ย ได้ ฉันจะเปิดประตูให้คุณเข้ามา แต่บอกเลยนะ คุณจะไม่มีวันได้ออกไป"
"หมายความว่ายังไง"
ณัฎฐาลินีชูการ์ด
"ฉันจะแต่งงานกับคุณ ตามวันเวลาที่ระบุ โดยจะจดทะเบียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายก่อนถูกส่งเข้าหอ แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณได้ตัวฉัน ฉันจะอยู่กอดทะเบียนสมรสไปเรื่อยๆ"
"เพื่ออะไร"
"เพื่อเงินของคุณไง"
วายุบุตรอึ้ง
ทางด้านเมธาวลัย อารมณ์เย็นลง จะลุก เสียงข้อเข่าดังกึก เธออึ้ง จะยืดแต่เจ็บเข่า
"กินแคลเซียมเสริมบ้างหรือเปล่าครับ"
"เดี๋ยวตบปาก!"
"ช่วยมั้ย"
"ไม่ต้อง!"
แต่เจ็บเข่า ทำให้เธอล้ม เขารีบเข้าไปประคอง
"นั่นไง! ทำไมต้องปากแข็งล่ะครับ ไม่ไหวก็บอกว่าไม่ไหว สัญญาว่าจะไม่เอาไปเมาท์ให้ใครฟัง"
เธอยอมให้เขาช่วยฉุดให้ลุกขึ้นยืน
"ขอบใจ เธอ ตกลงจะยอมช่วยฉันใช่มั้ย"
"ถ้าไม่ยอม ไม่โผล่ไปหาที่ฟิตเนสตั้งแต่แรกหรอกครับ"
"ทำไมถึงยอมช่วย เธอไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลยนะ"
กฤษฎามองตาเมธาวลัยอย่างลึกซึ้ง เขาคิดถึงความสนิทสนม
"ใครบอกผมไม่ได้อะไร"
เธอหวั่นไหวแล้วถาม
"ได้อะไร"
"ได้บุญครับ"
"เฮ้อ...โอเค ไม่ต้องพูดบ่อยนะคำนี้ รู้สึกแย่"
"ครับ"
"เธอจะมีปัญหากับแฟนเธอมั้ย"
"เคลียร์ได้ครับ แฟนผมใจกว้าง"
"เหรอ แฟนเธอ สวยมั้ย"
"สวยมากครับ อายุเท่าผม หุ่นดีเหมือนคุณ แต่ตึงกว่า"
"ไอ้เด็กบ้า รีบกลับไปเลยไป"
เธอผลักเขาออกไป รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น ก่อนจะรีบเดินไปสตาร์ทรถ ขับออกไปเลย
กฤษฎายิ้มกริ่มมองตาม มองดูพระจันทร์...ทุกอย่างสวยงาม น่าตื่นเต้น สนุก แล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 (ต่อ)
หน้าร้านอาหาร ปินัทธารีรอพีศทรรตอยู่ พอเห็นเขาเดินออกมา เธอแกล้งทำเป็นยืนหันข้างที่คิดว่าสวยที่สุดให้เขาเห็น เธอเหม่อมองดวงจันทร์ ทำซึ้ง อินกับบรรยากาศ
เขาเห็นปุ๊บ ส่ายหัวปั๊บ รู้ดีว่าน้ำผึ้งเซ็ตอัพ จึงเดินเข้าไปหา
"นึกว่ากลับไปแล้ว"
"คืนนี้พระจันทร์สวยมากเลยนะ"
"นี่ไง ผิดคำผมมั้ย ที่ว่าคุณสตรอเบอรี่"
เธอเซ็ง เหี่ยว กลับสู่ตัวจริง
"ก็อยากดูสวย โรแมนติก เผื่อจะทำให้คุณหลงรักขึ้นมาได้บ้างไรบ้าง"
"ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง"
"เหย จริงเด่ะ"
"บางที ถ้าคุณใช้ตัวตนของคุณปราบแม่ผมได้ ผมอาจจะรักคุณขึ้นมา เพราะประทับใจในความแรงของคุณก็ได้นะ"
"ไม่ใช่ประทับใจในความดีเหรอ"
"มีเหรอ"
"ซิบๆอ่ะ"
"ถ้าไม่คิดจะโอเค คงไม่ยืนรอผมอยู่ ใช่มั้ย เอาไง!" พีศทรรตเสียงเข้ม
"เอาไงก็เอาสิ! ไม่มีอะไรจะเสียนี่"
"ดี ตกลงตามนี้ นับจากนี้อีกเกือบ 1 เดือน ถ้าคุณทำให้ผมรักได้ ผมจะยอมแต่งงานกับคุณ หยุดที่คุณ คุณจะเป็นความรักครั้งสุดท้ายของผม"
"ได้! เอ่อ...เดือนครึ่งได้ป่ะ"
"ไม่ได้!"
"ก็ได้"
เธอโผเข้าไปกอดพีศทรรตทันที
"ทำอะไร"
"กอดแฟน อยู่เฉยๆ ไม่งั้น ข้อตกลงยกเลิก"
"เฮ้อ"
เขายอมให้เธอกอดอย่างหน่ายๆ แต่ก็แอบนึกขำกับความเพี้ยนของนักแสดงสาว
"โอว... การได้กอดผู้ชายในชีวิตจริง มันดีอย่างนี้เอง" เธอว่าพลางดมกลิ่นฟึดฟัดๆ "น้ำหอมไรอ่ะ หอมจัง ฟีโรโมนฉันพุ่งเลยนะเนี่ย"
เธอดมไม่เลิก
"เยอะแระ เป็นหมาหรือไง"
น้ำผึ้งยังไม่เลิกดม พนักงานร้านคนเดิมแอบถ่ายรูปน้ำผึ้งกอดกับพีศทรรต
มุมสวยๆต่อเนื่อง วายุบุตรและณัฎฐาลินียังเผชิญหน้ากัน
"เรื่องเสียหน้ากับนังเพื่อนหนอนเงาะของฉัน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ฉันจะเดินเข้าไปบอกเมื่อไหร่ก็ได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ฉันจะไม่ทำ"
"คนอย่างคุณเนี่ยนะ จะลงทุนทำแบบนี้แค่เพื่อเงิน"
"ใช่...โดยเฉพาะเงินจากธุรกิจของคุณ ก้อนโตขนาดนั้น คงเอาไปทำอะไรได้เยอะอยู่"
"ถ้าอยากได้เยอะๆ คุณก็ต้องอยู่กับผมนานๆนะ"
เธออึ้งถาม
"ยังอยากจะยุ่งกับฉันอยู่อีกเหรอ"
"ผมรู้ว่าจิตใจคุณไม่ดำเหมือน..." วายุบุตรพูแล้วยั้งไว้
"พูดดีๆนะ"
"คุณไม่ได้เอาเงินผมไปทำเรื่องไม่ดีแน่ แล้วมาดูกัน ว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า หรือว่า ถึงเวลานั้น คุณอาจจะตกหลุมรักผมขึ้นมาจริงๆ และยอมเป็นภรรยาของผมทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัย"
"ฝัน!"
"คนเราอยู่ได้ด้วยความฝัน ไม่งั้นคงเป็นซากเน่ารอวันผุพังไปรวมกับฝุ่นกับดิน! ถ้าวันนั้นมาถึงคุณยังไม่ใจอ่อน ผมสัญญา ผมจะไปจากคุณอย่างถาวร"
เธออึ้ง เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของวายุบุตรแล้วทำให้หวั่นใจอยู่ลึกๆ เพราะตัวเองก็เริ่มใจอ่อน
เสียงมือถือวายุบุตรดังขึ้น วายุบุตรเห็นชื่อสิริมา ก็รีบรับ
"ว่าไง สิริมา"
เธอแอบเบะปาก หมั่นไส้
"ได้ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
วายุบุตรวางสายแล้วรีบจูงเธอออกไปทันที
"จะไปไหน!"
ภายในคอนโดของภัทรวลัย เวลากลางคืนวันเดียวกัน เธอเดินไปเดินมาครุ่นคิดเรื่องเพื่อนสาว แล้วเห็นเป้นั่งแพ็คเครื่องสำอางแบรนด์ Pattara ของตัวเองลงกล่องเพื่อส่งให้ลูกค้าตามออร์เดอร์ยาวเหยียด
"วลัยขา พี่ว่า จ้างเด็กซักคนมั้ยคะ มาช่วยแพ็คของส่งลูกค้า"
"ไม่ค่ะ เปลือง"
"แต่คุ้มนะคะ Pattara ของวลัยขายแพงขนาดนี้ กำไรลดลงนิดเดียว แต่ช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดเวลาเราสองคนได้เยอะเลยนะ"
"จะเอาพลังงานเอาเวลาไปทำอะไรคะ"
"ทำอะไรล่ะคะ"
"โอย เดี๋ยวก็ลูกหัวปีท้ายปีหรอก บ้าจริง แต่...ก็ดีนะ มา!"
ภัทรวลัยจะกระโจนเข้าหา เป้เตรียมรับ แต่จู่ๆภัทรวลัยก็ติดเบรก
"อ้าว...ไมอ่ะคะ"
"หนูว่า เพื่อนหนูมันกำลังเล่นละครตบตาเราอยู่"
"เล่นละครตบตา!?"
"หนูมั่นใจ พวกมันร่วมมือกับผู้ชายเพื่อสร้างเรื่องว่ามีแฟนและกำลังจะสละโสด"
"พูดเป็นการ์ตูน ใครจะลงทุนทำถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ได้รักกันจริงๆ เพื่อนวลัยแต่ละคนไม่ได้โง่ แค่นี้จะคิดกันไม่ได้เลยเหรอ ว่าถ้าโกหกสุดท้ายมันจะมีแต่เสียกับเสีย"
"ค่ะ ไม่โง่ แต่งี่เง่า และอีโก้จนเสียสติ จนทำให้คิดว่าหนูจะโง่กว่าพวกมันจนดูไม่ออก พูดสั้นๆ พวกมันกำลังหน้ามืด คิดแต่จะเอาชนะกันจนมองข้ามผลที่จะตามมา"
"แล้ววลัยจะเอาไงล่ะคะ"
"ปล่อยพวกมันไปค่ะ"
"หือ?"
"จะยังไงก็แล้วแต่ เหตุการณ์นี้ทำให้เพื่อนของหนูได้ใกล้ชิดผู้ชาย ที่ตามปกติแล้วน้าน ...มันไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะพวกมันมัวแต่ทำมาหากิน"
"ก็จริง"
"เพราะง้าน...เราต้องเป็นกองหนุน ทำให้เพื่อนหนูลงจากคานอย่างสง่างามได้จริงๆ เครป่ะ"
"เครๆ"
"แพ็คของต่อสิค้า เดี๋ยวไม่จ่ายค่าแรงนะ"
"ค่ะๆ"
เป้รีบแพ็คของต่อ ปล่อยภัทรวลัยยิ้มฟูกับความคิดของตัวเอง
"แค่คิดก็สนุกแล้ว หึหึหึ"
ภายในห้องนอน เมธาวลัยยืนมองตัวเองในกระจก คิดถึงคำปรามาสของย่าแสนสุข "มีแฟนเด็กเหมือนคบเด็กสร้างบ้าน ไม่มีวุฒิภาวะ หาแต่เรื่องร้อนใจมาให้.....แต่อะไรก็ไม่น่าเกลียดเท่าเป็นขี้ปากชาวบ้าน ผู้หญิงกินเด็กมีแต่พวกไก่แก่แม่ปลาช่อนทั้งนั้น"
เธอถอนใจ
"ฉันกินเด็กจริงๆซะที่ไหน ทุกอย่างเป็นแผนการ"
เสียงมือถือเธอดังขึ้น เธอรีบหยิบขึ้นมาดู เป็นชื่อ กฤษฎา ขึ้นที่หน้าจอ เธอใจเต้นแรง พยายามระงับ
"ตื่นเต้นทำไมเนี่ย ใจเย็น สงบ ใจเย็นเมเปิ้ล"
เธอเตือนตัวเองก่อนรีบกดรับ พยายามทำใจเย็น ไม่ตื่นเต้น แต่ตื่นเต้น เดินขาขวิด สะดุดขาตัวเองล้ม โครม!
กฤษฎาคุยมือถืออยู่ริมถนใหญ่ระหว่างรอรถ ก็ตกใจ
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ คุณเมเปิ้ล"
ในห้องนอน เธอค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้น เจ็บ แต่อั้นไว้
"เปล่า...ฉัน...ไม่ได้เป็นอะไร โทร. มาทำไม"
"ยังเจ็บเข่าอยู่หรือเปล่าครับ"
"ไม่เจ็บ แต่เจ็บอย่างอื่น"
เธอเจ็บที่หัว
"อย่าบอกนะว่าเจ็บที่หัวใจ เพราะคิดถึงผม"
"อยู่ใกล้จะตบปาก"
"พรุ่งนี้ไปหาหมอมั้ยครับ"
เธอเดินคุยมือถือกับเขา โดยไม่รู้ตัวว่า ท่าทางเหมือนเด็กสาวคุยโทรศัพท์กับแฟนไม่มีผิด "ไม่ พรุ่งนี้ต้องไปดูแฟชั่นโชว์ตอนเย็น"
"กลางวันว่างไม่ใช่เหรอครับ"
"ไกลหัวใจตั้งเยอะ ไม่เป็นอะไรหรอกน่ะ อีกนานกว่าจะถึงวัยกระดูกพรุน"
"ไม่นานแล้วนะครับ จะไปมั้ยครับ ผมขับรถให้ คุณจะได้ไม่ต้องนั่งงอเข่า"
"ยิ่งพูด ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแก่"
"แต่คุณดูไม่แก่เลยนะ"
"เธอเพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าแฟนเธอตึงกว่าฉัน"
"แต่มีอยู่อย่างนึงที่คุณตึงกว่าแฟนผม"
เธอแอบยิ้มปลื้ม "อะไร"
"หู"
"ตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันจะออกไปตบปากเธอเดี๋ยวนี้"
"รอแฟนขับรถมารับครับ"
เธอใจหาย....เสียงแตรรถดังขึ้น กฤษฎาหันไปดู น้ำฟ้าขับรถหรู ดูแล้วรู้เลยว่ารวย มาจอดเทียบ เปิดกระจก โผล่มาเรียกกฤษฎา
"กฤษ! ขึ้นมาเร็วเข้า"
"โอเค" เขาบอกน้ำฟ้า ก่อนพูดกับเธอ
"แฟนผมมาถึงแล้วครับ แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้ผมพาไปหาหมอ โอเคนะครับ ฝันดีครับ"
เขาวางสาย รีบขึ้นรถไปกับน้ำฟ้า เมธาวลัยกดวางสาย ใจห่อเหี่ยว ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"ปวดเข่า หูตึง...ฉันไม่เคยรู้สึกแย่กับตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลย ไอ้เด็กบ้า!"
เธอเจ็บใจ แต่ไม่รู้ทำยังไง หันไประบายอารมณ์กับหมอนบนเตียง ต่อยๆๆ
ภายในรถน้ำฟ้า กฤษฎานั่งอมยิ้มอยู่เมื่อคิดถึงเมธาวลัย น้ำฟ้าขับรถพลางหันมองแปลกใจ
"เป็นอะไร ยิ้มอยู่คนเดียว"
"ขำคนบางคน"
"คนบางคนที่ว่า คือคนที่เห็นในคลิปหรือเปล่า"
"เฮ้ย ดูด้วยเหรอ"
"เค้าดูกันทั้งเกาะ ป๋ากับแม่เธอเคืองใหญ่ ได้คุยกับแกยัง"
"ยัง ไว้ก่อน"
น้ำฟ้าแอบเจ็บลึก แต่ยิ้ม
"ทำแบบนี้จะดีเหรอ"
กฤษฎาไม่ได้สนใจ ไม่ได้สังเกตความรู้สึกของน้ำฟ้า
"ช่วยอะไรหน่อยได้ป่ะ"
น้ำฟ้าแปลกใจ
ปินัทธาควงแขนพีศทรรตมา ยิ้มร่าให้ยามทั้งคอนโดฯ
"ช่วยเลิกควงแขนผมสักนาทีนึงเถอะ เกิดมาไม่เคยมีแฟนหรือไง เกาะติดเป็นปลิง"
"เคย แต่ไม่หล่อเท่าคุณ ณ จุดๆนี้ ชะนีปลื้มปริ่มมาก"
"จะทำให้ผมรัก กรุณาเป็นสุภาพสตรีกว่านี้"
"หมายถึงสตรีที่สุภาพเหรอ โอย ด้านได้อายอดย่ะ"
"คุณไม่อาย ผมอาย"
"คนรักกัน ไม่ต้องอาย เนอะพี่ยามเนอะ"
ยามตะเบ๊ะให้ ทั้งสองคนเดินมาตามทางขึ้นห้อง
"ส่งแค่นี้แหละ"
"ไม่ขึ้นไปดื่มกาแฟก่อนสักถ้วยเหรอ"
"อิ่ม"
"ประตูห้องน้ำฉันเสียน่ะ"
"เรียกช่าง"
"บ๊ะ! อุตส่าห์อ่อย"
"ขึ้นห้องไป พรุ่งนี้ต้องเตรียมแถลงข่าว"
"ได้ จะรีบนอน แต่ก่อนนอนฉันจะซิทอัพเพื่อหน้าท้องที่แบนราบ จากนั้น..."
เธอหันไปอีกที เขาเดินดุ่มๆออกไปแล้ว เธอเจ็บใจ
"คอยดู! คุณจะต้องมาสยบแทบเท้าฉัน"
หน้าผับ ณัฏฐาลินีเดินตามเอาเรื่องวายุบุตร
"ฉันจะกลับบ้าน ก็ไปส่งที่บ้านสิ ลากฉันมาที่นี่ทำไม"
"อยากให้คุณรู้จักใครบางคน"
"ถามฉันยังว่าอยากรู้จักเปล่า"
"ไม่ต้องถามหรอก ไป"
เขาจูงมือเธอไป
"เดินเองได้"
"แฟนกัน ก็ต้องจับมือกัน"
"เหรอ งั้นอย่าได้ปล่อยเลยนะ"
"ไม่ต้องท้า ผมทำแน่"
แล้ววายุบุตรก็ชะงัก เจตน์ยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่หน้าผับ
"ไอ้เจตต์!"
"เออ ผมเอง"
ลินีจำได้ ภาพเหตุการณ์ตอนวายุบุตรมีเรื่องกับเจตต์แวบเข้ามา
"แกมาเหยียบที่นี่อีกทำไม"
"ไม่ตอบได้มั้ย"
เจตน์เดินเลี่ยงไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง
"ผู้ชายคนนั้นที่ทำร้ายคุณ"
"ใช่ เข้าไปข้างในเถอะ"
เขาจูงมือเธอเข้าผับไป เจตน์หยิบมือถือขึ้น กดหาใครบางคน
"มันมาถึงแล้วครับเสี่ย"
เจตน์วางสาย ยิ้มสบายอารมณ์
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 5 (ต่อ)
เขาจูงมือเธอเข้ามาในผับ เสียงเพลงกำลังเมามัน วายุบุตรมองหา เสี่ยพิภพนั่งฟังดนตรีดูบรรยากาศ มีมาร์คและช้างเป็นบอดี้การ์ดดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
วายุบุตรมองพิภพด้วยสายตาคมกริบ เธอมองตามสายตาของเขา
"ใครเหรอ"
"เสี่ยพิภพ เจ้าของโรงงานสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คุณเชื่อมั้ยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมากี่รอบ โรงงานแกไม่เคยสะดุ้งสะเทือน"
"เค้าอาจจะบริหารจัดการดี" เธอว่า
"ทีอย่างนี้กลับมองโลกในแง่ดี ทีผมมองแต่ในแง่ร้าย"
"ถ้าไม่มีอะไรซุกใต้พรมก็ไม่เห็นต้องกลัว"
"มีสิ"
เธอแปลกใจ
"แต่ไมได้ซุกใต้พรมนะ ใต้นี้"
เขาชี้ไปที่หน้าอก
"งั้นเอาออกมาเลย"
เธอจะชกอก วายุบัตรรับหมัดณัฎฐาลินีเอาไว้ได้ทัน จับไว้แน่น
"ผู้หญิงอะไร ปากว่ามือถึง"
เธอแอบหวั่นไหว
"ใจอ่อนแล้วอ่ะดิ"
"เหลืออีกหมัด"
เธอเอาอีกมือชกไปที่อกของเขาดังอุก
"ลินี...ผมเจ็บนะ"
สิริมาเข้ามาเห็นฉากหวานของทั้งคู่ก็ตาวาว รีบเข้ามา
"มัวทำอะไรอยู่คะ เสี่ยพิภพรออยู่นานแล้วนะคะ วายุ"
"กำลังจะเข้าไปหา ไปครับ ลินี"
"หริมาว่า อย่าเลยค่ะ คุณลินีเป็นคนนอก ไม่ควรเข้าไปอยู่ร่วมวงสนทนา"
"คนนอกที่ไหน เราสองคนตกลงเป็นแฟนกันแล้ว นับตั้งแต่วันนี้"
สิริมาอึ้ง ตกใจ ใจหล่นวูบ ณัฎฐาลินีสังเกตเห็น แอบยิ้มเยาะ แต่แกล้งยั่ว
"วายุคะ คุณสิริมาพูดถูกแล้วค่ะ ฉันไม่อยากเสียมารยาท คุณไปเถอะ มีอะไรเราค่อยไปกระซิบกันเป็นการส่วนตัว เคป่ะ"
"งั้นฝากคุณแลแฟนผมด้วยนะ ลินีรอผมก่อนนะ เดี๋ยวผมคุยเสร็จ ผมจะไปส่ง เคป่ะ"
"เครๆ"
วายุบุตรจับมือเธอมาบรรจงหอม
"ขอพลังหน่อย"
"เอาไปเยอะๆเลยดิ"
"ชื่นใจที่สุด"
"หวานนะตัวเอง"
เขายิ้มขำกับท่าทางของเธอ แม้จะรีบเดินออกไป แต่ไม่วายหันมาส่งสายตาให้ เธอส่งจูบให้อีกทีหนึ่ง สิริมามองด้วยความเจ็บปวด เธอแอบเบ้ปาก จะเดินออกไป
"วายุให้ฉันดูแลคุณ เชิญทางนี้"
เธอวางท่ามาก
"เป็นแฟนผู้บริหารมันดีอย่างนี้นี่เอง ไปสิ จะพาฉันไปพักที่ไหนล่ะ ขอเงียบๆหน่อยนะ ฉันหนวกหู"
"รับรอง เงียบแน่ค่ะ"
สิริมามองณัฎฐาลินีด้วยสายตาคมกริบ ต้องการจะทำอะไรบางอย่าง
ภายในห้องครัว เวลากลางคืน เมธาวลัยในชุดนอนคลุม หันหลังตะคุ่มๆคุ้ยตู้เย็นอยู่ที่ชั้นผักในความมืด จิลลาร้องไห้หา
"เมเปิ้ล"
เมธาวลัยหันหน้ามา หน้าพอกครีมขาวว่อก ในมือถือแตงกวาข้างละลูกชูอยู่
จิลลาในชุดเครื่องแบบแอร์โฮสเตส เห็นหน้าเมเปิ้ลในความมืดปุ๊บ ก็หยุดร้องไห้โดยพลัน ตกใจ คิดว่าผี กรีดเสียงร้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา
"ผีหลอก! แอร๊ย"
ไฟในครัวถูกเปิดขึ้น แสนสุขยืนหน้าตึงอยู่
"มายืนร้องกรี๊ดๆอะไรในบ้านฉัน ยัยจิลลา! ไร้มารยาท"
"ก็ผีหลอกนี่คะคุณย่า!"
"ผีอะไร เค้าเอง"
"เมเปิ้ล"
"เออ! โวยวายๆตลอด"
"แล้วมาทำไม ค่ำมืดดึกดื่น"
จิลลาหน้าจ๋อย ถูกย่าดุด้วยสายตา
ผ่านเวลาสักครู่ จิลลานั่งหน้าม่อยอยู่ในห้องรับแขก เมธาวลัยลงนั่ง ในมือยังถือแตงกวาอยู่ แสนสุขเดินเข้ามา
"ฉันรู้ว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเวลาคุย"
จิลลายิ้มแหย
"อย่าคุยให้มันดึกนัก บ้านนี้ไม่ใช่โรงแรม จะได้เปิดให้คนเข้าออกยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นบ้านผู้ดี"
"ค่ะ"
แสนสุขจะออกไป แต่นึกขึ้นได้ หันมาใหม่
"ยัยเม ขอทีเถอะ แตงกวานั่นน่ะ จะเอาไปทำอะไรก็ทำซะ อย่ามาถือเล่นอยู่อย่างนี้ น่าเกลียด"
"อ๋อ จะเอามาฝานพอกหน้าค่ะ จะได้ตึงๆ"
"เกิดอะไรลุกขึ้นมาพอกหน้าตึงเอง ทุกทีเห็นไปที่ร้านให้เค้าทำให้"
"อ๋อ กว่าจะนัดอีกทีก็อีกหลายวัน หนูอยากตึงทุกวันค่ะคุณย่า"
แสนสุขมองหลานสาวแปลกใจมากขึ้น มีอะไรบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่พูดอะไร เดินออกไป
จิลลาเห็นแสนสุขออกไปปั๊บ รีบคุยกับเมธาวลัยทันที
"เม ช่วยเค้าหน่อยสิ เค้าไม่มีรู้จะให้ใครช่วยอ่ะ"
"ทุกทีก็หันมาหาเค้าคนเดียว ไม่เห็นใครหันไปหาใคร"
ภายในคอนโดฯของปินัทธา เธอกำลังซิทอัพ คุยบลูทูธกับพีศทรรตซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านตัวเอง
"หั่นหนี!"
พีศทรรตนั่งตรวจเขียนรายละเอียดการแถลงข่าวด้วยตัวเอง
"เรียกอย่างอื่นได้มั้ย ขอร้องล่ะ อย่าหั่นหนีเลย รู้สึกเหมือนถูกมีดหั่นเป็นท่อนๆ"
"ชอบให้เรียกว่าอะไรล่ะ ก็บอกมาสิ ฉันตามใจคุณ เห็นมั้ย ว่าฉันไม่เอาแต่ใจเลย"
"เหอะ! เรียกชื่อผมเฉยๆก็พอ"
"ไม่เอาๆๆคนเป็นแฟนกันก็ต้องมีชื่อเรียกกันสิ เช่น ที่รัก สวีทฮาร์ต พัมกิ้น"
"ไม่ชอบชื่อภาษาอังกฤษ"
เธอหลุด
"เอาใจยากจังเว้ย! อุ๊ย ขอโทษ เอาใหม่ งั้นเรียกเป็นภาษาไทยก็ได้ จิ้มเอานะว่าชอบชื่อไหน...ตัวเล็ก ตัวกลม อ้วน ต้วน กุ๊งกิ๊ง งุ้งงิ้ง"
พีศทรรตแอบขำ
"พอเหอะ น้ำผึ้ง ยิ่งพูดผมยิ่งรู้สึกว่าใกล้เคียงคำว่าปัญญานิ่มเข้าไปทุกที"
"ใครปัญญานิ่ม"
"ผมคนเดียวก็ได้ เอางี้ ผมจิ้มล่ะนะ"
"ว้าย! จิ้มไรอ่ะ พูดดีๆนะ เค้าคิดลึก"
"จิ้มชื่อ โวะ!"
จู่ๆ กานดาก็แย่งมือถือไปจากพีศทรรต
"คุณแม่!"
น้ำผึ้งก็ตกใจ
"ว้าย! แม่คุณเหรอ แม่คุณทำไม คุณพีศ หั่นหนี"
กานดาคุยโทรศัพท์กับน้ำผึ้ง น้ำเสียงเครียดและกร้าว
"ช่วยกรุณาเอาตัวเธอหนีไปให้ไกลจากลูกชายฉัน อย่ามาใช้จริตจก้านหลอกล่อให้ลูกชายฉันต้องตกหลุมปลักตมกับผู้หญิงอย่างเธอ ปินัทธา!"
น้ำผึ้งอึ้ง
กานดาส่งมือถือคืนให้ลูกชาย แล้วเดินเชิดออกไป พีศทรรตชักหนักใจ
ณัฎฐาลินีเดินชมห้องทำงานของวายุบุตร
สิริมายืนดูอยู่ห่างๆ ไม่ค่อยพอใจนัก ทนายสาวเห็นรูปวายุบุตรถ่ายที่ต่างประเทศขณะที่ยังเป็นนักศึกษา เป็นนักกีฬา รูปที่เขาถ่ายกับก๊วนมอเตอร์ไซค์ และรูปที่เขาช่วยเลี้ยงเด็กในบ้านกำพร้า รูปวายุบุตรมอบเงินให้องค์กรการกุศล
ณัฎฐาลินีมองดูรูปที่เขาทำงานการกุศลแล้วไม่เชื่อใจ
"สร้างภาพ"
"เป็นแฟนกันแบบไหนก็ไม่ทราบนะคะ ถึงได้ประชดแฟนตัวเองได้แบบนั้น"
"ก็เป็นแบบที่เราเป็นกันนี่แหละค่ะ คนนอกอย่างคุณ ถามทำไมเหรอคะ"
สิริมาเจ็บใจ เธอเดินมาหา
"ฉันรู้ว่าคุณกับคุณวายุเคยเป็นอะไรกัน แต่อย่าลืมสิ ว่ามันคืออดีต แปลว่าผ่านมาแล้ว ถ้าในภาษาอังกฤษคือต้องเติม ed หรือไม่ก็เปลี่ยนรูปไปซะ ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน"
สิริมาอึ้ง
"ต่อให้มีพ่อคุณวายุถือหางอยู่ก็เหอะ แต่อย่ามายุ่งกับแฟนของฉัน"
"คนอย่างคุณ ผ่านมาแค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ฉันให้ไม่เกินอาทิตย์หนึ่ง คุณก็จะกลายเป็นหนังสือที่วายุอ่านจนทะลุ เก็บลงกล่องแล้วปิดตาย"
"เหรอ"
"ฉันเตือนให้ทำใจไว้ก่อน เพราะมีหนังสือที่อยู่ในกล่องไม่รู้กี่เล่มต่อกี่เล่มแล้ว"
"รวมถึงคุณ"
"ฉันเป็นหนังสือที่วายุเก็บไว้บนหิ้งต่างหาก ถึงจะไม่อยากเปิดอ่านอีก แต่ก็ไม่คิดจะเก็บให้พ้นหูพ้นตา เป็นเล่มที่เค้าจะต้องมีไว้ให้เห็นอยู่ในสายตาอยู่ตลอดเวลา....เพื่อความอุ่นใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็จะมีฉันอยู่กับเขาเสมอ"
เธออึ้ง ที่ได้รู้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและแข็งแรงระหว่างวายุบุตรและสิริมา
"ถ้าไม่อยากเจ็บหนัก ก็ทำใจไว้เนิ่นๆ คนฉลาดควรจะฟังเสียงเตือนจากคนที่ใกล้ชิดวายุ อย่ารั้นจนโง่"
สิริมาออกไปปิดประตู ทิ้งให้เธอเหวอ เถียงไม่ทัน
"เถียงไม่ทันอ่ะ ว้าย!"
สิริมาปิดประตูห้องทำงานวายุบุตรได้ปุ๊บ มองที่ลูกบิดประตู คิดอะไรบางอย่างที่จะแกล้งณัฎฐาลินี
พิภพดื่มเครื่องดื่ม เอกเขนกสบายใจ วายุบุตรเติมเครืองดื่มให้
"ช่วงนี้ ไม่ค่อยมาเยี่ยมกันเลยนะครับ"
"งานเยอะ ไม่ค่อยว่าง"
"ออร์เดอร์เยอะเหรอครับช่วงนี้"
"ใช่ โดยเฉพาะจากทางยุโรป"
"มิน่า เห็นรับคนงานเพิ่ม โรงงานคู่แข่งตายกันไปเป็นแถบๆ แต่ของเสี่ยกลับมีออร์เดอร์เข้าเยอะซะงั้น ไม่ทราบว่ามีอะไรดีครับ"
"ของดีขายได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องมีโปรโมชั่นอะไรมากมาย ยังไงลูกค้าก็ติด"
"สงสัยต้องเอาแนวคิดนี้มาปรับใช้กับร้านผมบ้างแล้ว จะได้มีลูกค้าติดกันเยอะๆ ยิ่งช่วงหลัง ผมถูกคนเลวๆบางคนดิสเครดิต ด้วยการให้คนมาแจ้งความเอาผิดผม แต่สุดท้ายก็ถอนแจ้งความ แทบเจ๊งเลยนะ เสี่ย"
"แต่ก็ไม่เจ๊ง"
"เพราะฐานลูกค้าเก่าที่ยังเชื่อใจกันอยู่ครับ พวกผมมันแมวเก้าชีวิต เสี่ยก็รู้ ก็เห็นอยู่ ว่าฆ่าไม่เคยตาย ครั้งนี้หรือครั้งไหน ป๊าและผมก็จะรอดไปได้"
"ผมต่างหากที่ต้องมาขอคำแนะนำในการทำธุรกิจจากคุณและป๊าคุณ"
"ไม่มีอะไรมากหรอกครับ จริงใจ อย่างเดียว จบ"
"ฮ่ะๆๆๆ จริงใจเหรอ ฮ่ะๆๆๆ"
"มีแต่คนที่ไม่จริงใจเท่านั้นล่ะครับ ที่เห็นเป็นเรื่องตลก"
พิภพหยุดหัวเราะเลย มาร์คและช้างมองวายุบุตรเป็นตาเดียว พิภพเสียอารมณ์ วางแก้ว
"ผมจะกลับแล้ว ให้คนของคุณคิดเงินเลยดีกว่า"
"เป็นอภินันทนาการจากผมให้เสี่ยครับ ถือว่า เป็นการต้อนรับ อย่างเป็นทางการ"
"ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" พิภพพูดกับช้าง "จัดการที"
พิภพลุกขึ้น วายุบุตรลุกตาม มาร์คการ์ดเสี่ยพิภพออกไป
จิลลาคล้องแขนน้องสาวออกมาหน้าบ้าน
"ขอบใจนะ เม ตัวเองเป็นน้องสาวที่เค้าพึ่งได้ตลอดเลย สัญญาสิ้นเดือนเค้าคืนตังค์"
"จิล"
"หือ"
"ถามจริง มีความสุขแน่เหรอ ที่เป็นแบบนี้"
"ทำไม มีความสุขสิ ความสุขของแฟนเค้าก็เป็นความสุขของเค้า"
"เหรอ! แล้วใครร้องไห้เพราะไอ้แฟนเด็กมันไม่สนใจ มันติดงานมากินข้าวด้วยไม่ได้ มันไม่โทร.หามาสามชั่วโมงแล้ว...เนี่ย..ใคร!"
"เค้า"
"เพลีย"
"แหม ตัวเองก็พูดได้สิ จะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวแล้วนี่ ผู้ชายออกจะรวย ดรณ์ของเค้าไม่รวยเหมือนว่าที่เจ้าบ่าวตัวเองนี่"
"ไม่เกี่ยวเลย อ้อ แล้วอีกอย่าง! เค้าไม่มีทางแต่งงานกับพี่ตรัยคุณแน่นอน!"
"ทำไมอ่ะ อ่อ เค้ารู้แล้ว...คลิปนั่น"
"ใช่ เค้ามีแฟนแล้ว"
"ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!"
สองพี่น้องตกใจหันไป แสนสุขยืนหน้าเครียด มองเมธาวลัยอย่างผิดหวัง
"ย่าถาม ผู้ชายที่เป็นแฟนเราคือใคร!"
เธอตกใจ
ภายในห้องทำงานวายุบุตร ณัฎฐาลินีเปิดประตูห้อง จะออกไป แต่เปิดไม่ออก พยายามดึง ก็เปิดไม่ออก หน้าประตูห้องถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ เธอพยายามเคาะเรียก
"ใครอยู่ข้างนอก เปิดหน่อย ได้ยินมั้ย!"
วายุบุตรยืนดูพิภพเดินออกไปกับลูกน้อง เจตน์เข้ามาสมทบกับลูกน้องของพิภพ เขาหันมาสบตากับวายุบุตร สองคนปะทะสายตากัน ก่อนที่เจตน์จะเดินไปกับพิภพจนลับตาไป
สิริมาเดินเข้ามาสมทบกับวายุบุตร
"เรียบร้อยแล้วเหรอ"
"อืม...มันนิ่งมาก"
"ฉันขอร้องนะ เรื่องนี้ ให้คนนอกรู้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง"
"ผมลืมไป ขอบคุณที่เตือนนะ แล้วคุณลินีอยู่ไหน"
"กลับบ้านไปแล้ว"
"กลับบ้าน"
เขารีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที เธอแอบยิ้มสะใจ บริเวณริมถนน เขาซีเรียสที่ไม่เห็นณัฎฐาลินี
อ่านต่อตอนที่ 6