ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6
เมธาวลัยยังไม่กล้าบอกเรื่องกฤษฎาให้คุณหญิงย่ารู้ ทำเป็นไม่รู้เรื่องซะงั้น
"แฟนหนูเหรอคะ...ยังไม่เกิดหรอกค่ะคุณย่า"
จิลลาไม่เก็ตว่าเมเปิ้ลกำลังเลี่ยง
"อ้าว ที่ตัวเองประกาศจะแต่งงานด้วยไง แหม อย่าเขินสิ"
"จิล!"
"ในคลิปไง คุณย่าได้ดูคลิปหรือยังคะ โอ๊ย!! จิลกับเพื่อนดูกันบนเครื่อง กรี๊ดกันเครื่องแทบระเบิด เออ แล้วตัวเองไมได้บอกคุณย่าเหรอเรื่องแฟน แล้วทำไมคุณย่าถึงยังจะหมั้นตัวเองกับพี่ตรัยคุณอีกอ่ะ ทำไม"
เธอรีบเบรก
"จิล หยุดพูดเดี๋ยวนี้!"
จิลลาอึ้ง
"พูดต่อไปจิลลา" แสนสุขบอก
"เอ่อ...หมดเรื่องพูดแล้วค่ะ"
แสนสุขเครียดและผิดหวังในตัวหลานสาวมาก
"เด็กฝึกงานคนนั้นใช่มั้ย"
เธอกลั้นใจพยักหน้ายอมรับ แสนสุขเครียดจัด จนเซจะเป็นลม
"คุณย่า!"
ทั้งคู่โพล่งเรียกพร้อมกัน ก่อนรีบเข้าไปประคอง
"คุณย่า!"
"เค้าพูดอะไรผิดไปเปล่า เมเปิ้ล"
"คิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว! ไปขับรถมาตรงนี้ ต้องพาคุณย่าไปโรงพยาบาล"
"รถเค้าเหรอ"
"รถใครก็เอามาเถอะ! ไปสิ"
จิลลาลนลานออกไปด้วยความตกใจ
"ป้าอิ่ม ป้าอิ่ม!"
ป้าอิ่มวิ่งออกมาเห็นแสนสุขเป็นลม ก็ตกใจ
"คุณย่าเป็นลม มาช่วยพยุงคุณย่าขึ้นรถ เร็วๆ!"
ป้าอิ่มมาช่วยพยุงแสนสุข
"คุณย่าขา คุณย่า รอเดี๋ยวเดียวนะคะ หนูกำลังจะพาไปโรงพยาบาลนะคะ"
แสนสุขกะปลกกะเปลี้ยและเสียใจ ผิดหวังในตัวหลานสาวมาก
ภายในห้องทำงานของวายุบุตร ณัฏฐาลินีพยายามจะดึงประตู
"ใครอยู่ข้างนอก ได้ยินฉันมั้ย เปิดประตู!"
หน้าห้องทำงาน สิริมายืนมองแม่กุญแจและมองลูกกุญแจในมือนิ่ง
แม่บ้านล็อกกุญแจเรียบร้อย โดยมีสิริมายืนคุมอยู่ แม่บ้านหันมาส่งลูกกุญแจให้สิริมา
บริเวณหน้าประตูทางเข้าออฟฟิศ สิริมาคุยกับยาม
"จากนี้ไป ตอนกลางคืน ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในออฟฟิศนาย เพื่อความปลอดภัย ฉันล็อกห้องนายไว้ ก่อนออกเวรค่อยไปไขออก"
เธอส่งลูกกุญแจให้ ยามรับลูกกุญแจมา
"ครับ"
ยามตรงเข้าไปยืนเฝ้าประตูทางเข้าออฟฟิศเลย
สิริมายิ้มสะใจ ณัฎฐาลินียังคงตะโกนจากในห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ
"มีใครได้ยินฉันบ้างมั้ย ฉันออกไปไม่ได้! คุณสิริมา คุณวายุ"
สิริมายืนสะใจอยู่เงียบๆ แล้วค่อยๆเดินออกไป
ณัฎฐาลินีหยิบมือถือขึ้นมา เสียงเตือนแบตเตอรี่อ่อน กำลังจะหมด
"อย่าเพิ่งหมดนะ อย่าเพิ่งหมด"
เธอกดหาเบอร์วายุบุตรมือสั่น แต่ไม่ทัน แบตเตอรี่หมดคามือซะก่อน
"อ๊าย บอกว่าอย่าเพิ่งหมด โอ๊ย! ที่ชาร์ตแบต" เธอควานหาที่ชาร์ตแบตในกระเป๋าถือ "ไม่มี อยู่ไหน"
เธอเทขอออกมาทั้งกระเป๋า แต่ก็ไม่มีที่ชาร์จแบต
"วันนี้ไม่หยิบติดมา ให้มันได้ยังงี้สิ จะติดต่อใครได้ยังไงล่ะเนี่ย"
เธอเห็นโทรศัพท์ตั้งโต๊ะอยู่บนโต๊ะทำงาน ดีใจ วิ่งไป ยกหู จะกดเบอร์ แต่ก็ชะงัก....
"จำเบอร์ไม่ได้....เวร"
เธอถอนใจอย่างเซ็ง โกรธ โมโห อยู่คนเดียว
วายุบุตรเดินกลับเข้ามา สิริมายืนมอง เขาหยิบมือถือจะกดโทร.หาณัฎฐาลินี สิริมารีบเข้าไปหา
"ทันเจอคุณลินีมั้ยคะ"
"ไม่ทัน"
"เธอได้โทร.หาคุณมั้ยคะ"
"ไม่ได้โทร. กำลังจะโทร.หาอยู่"
เธอแกล้งเซ หน้ามืด เขาเข้าไปประคอง
"หริมา! เป็นอะไร"
"หน้ามืด จะอาเจียน"
เธอทำเป็นคลื่นไส้
"กลับบ้านก่อนมั้ย ให้ลูกน้องดูแลแทน ไปพักก่อน"
"ช่วยขับรถให้หน่อยได้มั้ย ฉันขับไม่ไหว"
"ไปสิ"
วายุบุตรประคองสิริมาไป เธอแอบยิ้มกริ่ม
มุมหนึ่งบ้านพีศทรรต เวลาเดียวกัน กานดาเข้ามาต่อว่าพีศทรรต
"ฉันมีสิทธิ์ที่จะปกป้องลูกชายของแม่ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงที่คิดจะใช้เต้าไต่หวังเกาะแก"
"คุณแม่รู้จักน้ำผึ้งดีพอที่จะตัดสินใจว่า เธอเป็นคนแบบนั้นแล้วเหรอครับ"
กานดาอึ้งที่เจอลูกชายสวน
"ผมขอบอกคุณแม่ไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน ว่าผมตัดสินใจแล้วที่จะคบหาดูใจกับน้ำผึ้ง"
"ตาพีศ! ไม่ได้นะ"
"ทำไมถึงจะไม่ได้ครับ"
"ไม่มีความเหมาะสมเลยสักนิด"
"ผมเคยเชื่อคุณแม่ว่าผมกับธัญรดาเหมาะสมที่จะแต่งงานกัน แต่สุดท้าย มันก็ล่มไม่เป็นท่า ทิ้งความเจ็บปวดให้กับทุกฝ่าย คราวนี้ผมจะไม่เชื่อในความเหมาะสมอีกแล้ว แต่ผมจะเชื่อหัวใจของผมเอง"
กานดาอึ้ง พีศทรรตเดินออกไป กานดาแกล้งทำท่าจะเป็นลม พีศทรรตหันมาซ้ำ
"ผมรู้ว่าช่วงนี้คุณแม่สุขภาพแข็งแรงดีมาก ไม่มีอาการหัวใจอ่อนแออย่างที่เคยโกหกผมในวันนั้น เพื่อบีบให้ผมตอบตกลงแต่งงานกับธัญรดา"
กานดาอึ้ง
"แกรู้"
"ผมรู้ทุกอย่างครับ แต่ผมก็ปล่อยเลยตามเลย แต่คราวนี้...ขอนะครับ เพราะผมจะไม่มีทางยอม"
พีศทรรตเด็ดขาด เดินออกไป กานดาเจ็บใจ และร้อนใจ เป็นกังวล
ภายในคอนโดฯ ปินัทธาตื่นเต้น ดีใจเมื่อคุยโทรศัพท์กับพีศทรรต
"คุณกล้าพูดกับแม่คุณขนาดนั้นเลยเหรอ"
"อืม...รู้สึกบาปไงไม่รู้"
"ไม่บาปหรอก แค่ไม่ได้บุญ เพราะทำให้พระในบ้านทุกข์ใจ"
"จะเอาไงเนี่ย จะให้กำลังใจหรือซ้ำเติม ทำหน้าที่แฟนที่ดีหน่อยสิ"
"เอ๊า ฉันแค่พูดข้อเท็จจริง fact อ่ะ fact ก่อน แล้วค่อยให้กำลังใจ"
"จะให้กำลังใจยังไงว่ามาซิ"
"ฟังนะ"
"เอาจริงๆนะ จากใจคุณน่ะ ไม่ใช่ก็อปปี้จากบทละคร"
"เออ! จากใจสุดๆ....คุณทำถูกแล้ว พ่อกับแม่ให้ชีวิต แต่ชีวิตเป็นของเรา จะดีจะเลวขอให้เราได้เลือกเอง สุดท้ายผลจะเป็นยังไง เราก็จะขอรับผิดชอบเอง แม่น่ะอยู่เฉยๆเหอะ คอยอยู่เคียงข้าง คอยสนับสนุนและเลียแผลให้ลูกก็พอ"
เขาอมยิ้ม ชอบใจ
"ไง คมบาดใจเลยป่ะ กะทืบไลค์ให้บ้างก็ได้นะจ๊า ไม่ว่ากัน"
"นี่ไม่ได้ให้กำลังใจผมเลยนะ"
"เหย จริงอ่ะ ฉันว่าฉันให้กำลังใจคุณสุดๆแล้วนะ"
"ออกแนวด่าแม่ผมต่างหาก"
"เหย"
"สงสัยตอนเรียน จะตกวิชาความคิดเชิงสร้างสรรค์"
"ไม่ตก! แต่ได้ดีด็อก"
พีศทรรตขำ อารมณ์ดีขึ้นมาไม่รู้ตัว
"มาบอกแม่ผมด้วยตัวคุณเองหน่อยสิ"
"บอกอะไร!"
"ที่คุณพูดให้กำลังใจแม่ผมเมื่อกี้ ผมอยากให้แม่ผมได้ยิน"
"เอาฉันไปขึ้นเขียงให้แม่คุณเชือดหรือไง"
"ไม่อยากสู้เพื่อความรักของเราหรือไง"
เธออึ้ง หวั่นไหวกับคำพูดของพีศทรรตขึ้นมาจริงๆ
"ทำไมเงียบไป ว่าไง"
"เสียใจ ฉันขอสู้ด้วยวิธีอื่น การต่อสู้กันระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ที่ถูกรังเกียจ ขอให้มันเกิดขึ้นแค่ในละครที่ฉันเล่นเถอะ ราตรีสวัสดิ์"
เธอวางสาย เขาอึ้ง...ยิ้ม รู้สึกดีกับเธอโดยไม่รู้ตัว
ในห้องทำงานวายุบุตร ณัฎฐาลินีนั่งมองโทรศัพท์บนโต๊ะ
"โทร.กลับบ้าน....ก็เท่านั้น เดี๋ยวจะยิ่งตกใจไปกันใหญ่ จำเบอร์ใครได้อีกบ้างเนี่ย คุณวายุ...ไม่ต้องถาม...กุ๊งกิ๊ง...ก็จำไม่ได้....02-2811111 บ้านเมเปิ้ล"
เธอลังเล ว่าจะโทร.เข้าบ้านเมเปิ้ลดีหรือไม่ดี แต่นึกโกรธตัวเอง
"ยิ่งเกลียด ยิ่งจำ เบื่อตัวเองจริง!"
เธอไม่โทร. แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ กดเบอร์บ้านเมเปิ้ล รอสาย... โทรศัพท์บ้านเมเปิ้ลดังขึ้นในความมืด แต่ไม่มีคนรับสาย
ณัฎฐาลินีวางหูลง คอตก ชักง่วง มองนาฬิกาเที่ยงคืนแล้ว
"หนึ่งเก้าหนึ่งดีมั้ยอ่ะ ไม่ดี เดี๋ยวฉาวโฉ่ นักกฎหมายผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ถูกขังในห้องนักธุรกิจบันเทิงผู้มีเบื้องหลังเบื้องลึก ตายๆๆ"
เธอฟุบ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมา แล้วครุ่นคิด
"เบื้องหลังเบื้องลึก หรือว่าที่ฉันถูกขัง มันมียัยสิริมาอยู่เบื้องหลัง....แน่ๆ!"
เธอคิดเจ็บใจ ฟันธงว่า สิริมาคือตัวการของเรื่องที่จับเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวให้ขาดอิสรภาพ
มุมหนึ่งบ้านสิริมา วายุบุตรพยายามโทรติดต่อณัฎฐาลินี แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เธอยิ้มเหยียดยืนมองอยู่จากมุมหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหา พร้อมถ้วยกาแฟแล้วยื่นให้เขา
"ติดต่อคุณลินีได้มั้ย"
"ปิดเครื่อง"
"ลืมบอกไป ก่อนคุณลินีกลับ เธอบอกว่าแบตมือถือกำลังจะหมด คุณอาจจะติดต่อเธอไม่ได้"
"น่าแปลก คุณลินีบอกว่าจะรอผม ทำไมไม่รอ"
"จะเอาแน่เอานอนอะไรกับผู้หญิงวัยนี้ เค้าดูมั่นใจในตัวเอง ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่"
"และคาดเดาใจยาก"
"เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย คุณถึงชอบเธอ"
" มั้ง ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้"
"ฉันคงโชคร้ายที่เกิดมาเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากเกินไป"
วายุบุตรอึ้ง
"มันทำให้คุณหมดความสนใจในตัวฉันอย่างรวดเร็ว เร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน"
"ไม่เกี่ยวหรอกสิริมา ที่เราไปกันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะผมหมดความสนใจในตัวคุณ แต่เป็นเพราะ...เราเหมือนกันเกินไป จนทำให้ความรู้สึกที่มีให้คุณ ไม่ใช่ความรัก"
"แล้วมันคืออะไรคะ"
"ความไว้วางใจและเชื่อใจ คุณคือเพื่อนแท้ของผม"
"ถึงฉันกำลังจะตายต่อหน้าคุณ อ้อนวอนขอความรักจากคุณ คุณก็จะไม่มีทางใจอ่อนกับฉันเลยงั้นเหรอ"
"หริมา"
"ฉันก็แค่ ถามดูเล่นๆ ฉันรู้ดีว่าเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น ฉันไม่มีทางทำให้คุณผิดหวัง คุณรู้ใช่มั้ย"
"ผมรู้ ว่าผมจะเชื่อใจคุณได้เสมอ"
"ขอบคุณนะ ฉัน ปวดหัว คุณกลับเถอะ"
เธอลุกขึ้น เขาจับมือไว้
"หริมา"
สิริมาชะงัก
"คะ"
"พักผ่อนเยอะๆนะ ถ้ายังไม่หาย โทร.หาผม ผมจะพาไปหาหมอ"
"ค่ะ"
เธอแกะมือเขาออก รีบเดินหนีออกไปทันที เขามองอยู่ด้วยความเป็นห่วงก่อนเดินออกไป สิริมาเดินมาหลบอยู่ ร้องไห้ แต่ไม่ให้มีเสียงออกมาเพราะกลัวเขาได้ยิน
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายในห้องฟื้นโรงพยาบาลของวันใหม่ เมธาวลัยฟุบหลับอยู่ข้างเตียง แสนสุขนอนหลับอยู่ ค่อยๆรู้สึกตัว เธอยังไม่หายโกรธ อยากเข้าห้องน้ำเลยขยับตัว ทำให้เมธาวลัยรู้สึกตัว ตื่น
"คุณย่า ตื่นแล้วเหรอคะ"
แสนสุขไม่ตอบ จะลุก
"จะเข้าห้องน้ำเหรอคะ หนูช่วย"
แสนสุขปัดมือเธอออก
"ไม่ต้อง!"
เธอชะงัก
"คุณย่า"
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว จะกลับบ้าน"
เธอถอนใจ รู้ดีว่าแสนสุขโกรธมาก จิลลาและดรณ์เข้ามา กับวุฒิและมารยาท
"คุณแม่ครับ เป็นไงบ้างครับ"
แสนสุขปรายตามองดรณ์ ดรณ์ใจแป้ว ยกมือไหว้แสนสุข
"สวัสดีครับ"
แสนสุขไม่สนใจ
"จะแห่กันมาทำไมมากมาย ฉันแค่เป็นลม ยังไม่ตาย ให้ตายก่อนค่อยมารดน้ำศพขอขมา เพราะฉันจะตายตาไม่หลับ"
ทุกคนอึ้ง มารยาทบ่นอุบกับจิลลา
"พอฟื้นขึ้นมาแล้วก็ด่าเลย น่าจะนอนนานๆ"
"อุ๊ย คุณแม่อ่ะ แช่งคุณย่า บาปนะคะ ชู่ว์..."
มารยาทค้อนจิลลา ทำไม่รู้ไม่ชี้
"คุณแม่อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะครับ แล้วนี่ จะลุกไปไหนครับ" วุฒิบอก
"คุณย่าอยากกลับบ้านแล้วค่ะ" เมธาวลัยบอก
"ฉันไม่มีทางอ่อนแอ แล้วปล่อยให้พวกลูกหลานอกตัญญูทำอะไรข้ามหัวได้ตามใจชอบหรอกนะ"
ทุกคนอึ้งอีก
"คุณย่าจะด่าว่าอะไรหนูก็ได้ แต่อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ ให้คุณหมอมาตรวจดูอาการก่อน"
"ก็เรียกหมอมาเร็วๆสิ อย่าให้ฉันรอนาน แล้วขอแค่ตาวุฒิอยู่ดูแลฉัน ฉันไม่ต้องการคนอื่น ออกไปให้หมด"
แสนสุขลงนอน ไม่สนใจใครอีก ทุกคนอึ้งกับความเอาแต่ใจของแสนสุข
ภายในห้องทำงานวายุบุตร ณัฎฐาลินีฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ รู้สึกตัวตื่นขึ้น งัวเงีย ก่อนจะทะลึ่งพรวดเพราะนึกขึ้นได้ว่าถูกขัง เธอได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่หน้าประตู ก็ลุกพรวดไปที่ประตูทันที ลองเปิดประตูออกไปทันที
เธอเปิดประตูออกมา ในสภาพโทรมผีมาก เจอยามยืนเหวออยู่ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ข้างใน"ฉันต้องการติดต่อคุณวายุบุตร เดี๋ยวนี้ เอาเบอร์มา!"
เธอโกรธจัด
ในเวลาเดียวกัน ที่บริเวณโถงโรงพยาบาล สิริมานั่งรถเข็นมา วายุบุตรตามมาดูแลอย่างใกล้ชิด เธอหน้าซีดดูป่วยมาก
"วายุ....คุณมีธุระอะไรก็ไปเถอะ ที่เหลือฉันดูแลตัวเองได้"
"ดูแลได้เหรอ ถ้าผมไม่โทร.มาตอนเช้า ก็ไม่รู้ว่าคุณปวดหัวจนแทบลุกเดินไม่ได้ อย่าเกรงใจผมมากเกินไปเลย ผมเต็มใจดูแลคุณ"
"ขอบคุณนะ"
วายุบุตรบอกกับเจ้าหน้าที่
"พาไปที่ห้องตรวจเลยครับ เดี๋ยวผมไปแจ้งที่ห้องบัตรเอง"
เจ้าหน้าที่เข็นสิริมาไป เพียงคล้อยหลังเขา เธอก็ยิ้มอย่างแช่มชื่น เขาจะเดินแยกไปห้องบัตร เสียงมือถือดังขึ้น วายุบุตรเห็นเป็นเบอร์ 02 ก็แปลกใจ รีบรับ
"ฮัลโหล!"
เธอยืนอยู่ในห้องทำงานของเขา คุยโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน ยามยืนคุมอยู่ข้างๆ ถือขวดน้ำเปล่าอยู่
"คุณอยู่ที่ไหน"
"โรงพยาบาล"
"เดี๋ยวก่อนนะ" เธอหันไปขอขวดน้ำกับยาม ยามส่งให้ เธอดื่มอึกๆ "โอเค! รู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน"
"บ้าน"
"ไม่ใช่"
"ฟิตเนส"
"ไม่ถูก"
"ในหัวใจผม"
"ไม่ใช่เวลามาจีบ"
"ก็บอกมาซะทีสิครับ"
"ฉันอยู่ในห้องทำงานคุณ อยู่มาตั้งแต่เมื่อคืน ติดอยู่ในนี้ออกไปไม่ได้ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะคุณสิริมา ผู้ช่วยที่แสนดีของคุณล็อกกุญแจขังฉันไว้ ฉันทั้งหิวข้าว หิวน้ำ แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน รู้มั้ยเนี่ย รู้มั้ย อ๊าย โกรธ"
"อะไรนะ"
"ไม่เชื่อใช่มั้ย รออยู่ที่โรงพยาบาลนั่นเลยนะ ฉันจะแบกสังขารไปให้ดู ไม่รอเป็นหมา อ๊าย โกรธ"
เธอกระแทกหูลงบนแคร่ดังโครม! รีบออกไปทันที ยามรีบตามออกไปงงๆ เหวอๆ เขากดวางสาย งงๆ มึนๆ
"อะไรของเค้า...สิริมาเหรอ"
เขามองไปทางหน้าห้องตรวจ สิริมากำลังตรวจวัดความดันอยู่ เธอหันมายิ้มซื่อใส อ่อนแรง
เขาแคลงใจ ทำไมเธอต้องทำแบบนั้น
พีศทรรตกำลังจะไปออฟฟิศ แต้วเข้ามาหา
"คุณพีศขา...หนูขออนุญาตให้น้องญาดาหยุดเรียนอีกสักวันนะคะ เมื่อวานยังมีไข้อยู่"
"แล้วตอนนี้ล่ะ"
"ไข้ไม่มีค่ะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกหรือเปล่า"
"ถ้าวันนี้ยังมีไข้ โทร.ไปบอกฉันนะ จะพาไปหาหมอ ให้แกนอนเยอะๆนะ ไม่ใช่ปล่อยให้เล่นตามใจ"
"ค่ะ"
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น เขาแปลกใจ
"ใครมาแต่เช้า ไปดูซิ"
"ค่ะ"
แต้ววิ่งไปเพื่อจะดูว่าใครมา เขาเก็บกระเป๋าโน้ตบุ้กไว้ในรถ เก็บของ จัดของในรถไป
เมื่อปิดประตู หันหลังกลับมา จะขึ้นรถ ก็ชะงัก ผงะเลยทีเดียว
"เฮ้ย!"
ปินัทธาถักเปียสองข้าง ดูคล้ายพจมาน ถือกระเช้าของฝากข้าง กระเป๋าถือตัวเองข้าง
"น้ำผึ้ง!"
เธอยิ้มหวาน เป็นนางเอกแสนดีมาก
"คุณพีศ อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
พีศทรรตเหวอ อึ้งกับลุคนี้ของเธอมาก
เธอเดินเข้ามาในโถงบ้าน มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น เขาเดินตามมา ตื่นเต้นระคนแปลกใจ
"โผล่มาแต่เช้า"
"ไม่ได้โผล่ค่ะ... ปรากฏตัวสวยๆ"
"เอาเหอะ ปรากฏตัวสวยๆมาทำไมแต่เช้า"
"ไม่รักไม่สู้ไม่มาหรอกค่ะ"
"สู้ ด้วยลุคนี้เนี่ยนะ"
"ค่ะ นางเอกแสนดี ดูไร้ทางสู้ ไม่มีพิษสง แต่อย่าให้ยิง หึหึหึ"
"ไหนบอกว่า ให้ความน้ำเน่าของแม่ผัวลูกสะใภ้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแค่ในละครไง"
"โลกคือละคร เคยได้ยินป่ะ นันทิดา แก้วบัวสาย ...คุณแม่คุณล่ะคะ"
"ถามหาฉันทำไม!"
ทั้งคู่ชะงัก หันไป คุณหญิงกานดาเดินสง่างาม สีหน้าเย็นชาเข้ามา มองปินัทธาหัวจรดเท้าอย่างดูถูก เธอฝากตะกร้าของเยี่ยมให้พีศทรรตถือ แล้วตัวเองก็ก้มไหว้ย่างชดช้อยสวยงามให้กานดา
"หนูกราบสวัสดีค่ะคุณแม่ขา!"
กานดาอึ้ง รับไหว้ตามมารยาท มองนักแสดงสาวอย่างหยั่งเชิง ปินัทธายิ้มหวาน แต่ชวนให้พีศทรรตหวั่นใจมาก
มุมหนึ่งโรงพยาบาล เมธาวลัยนั่งซึมอยู่ จิลลา ดรณ์อยู่ใกล้ๆ มารยาทเข้ามาคุยกับลูก
"หนูมีแฟนแล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งงานตามคำสั่งของคุณย่า ยืนยันไป อย่าไปยอม ถึงแม้แม่จะไม่ค่อยเห็นด้วยก็เหอะเรื่องมีแฟนอายุน้อยกว่า" แล้วมารยาทก็กระซิบใส่ "แม่ประสาทจะกินกับเรื่องยัยจิลมากพอแล้วนะลูก หาใหม่เถอะ"
เธอไม่ตอบ แต่ยังเป็นห่วงอาการแสนสุข และรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
"นี่ถ้าหนูไม่พูดออกมา สงสัยยัยเมก็คงยังไม่กล้าบอกคุณย่าเรื่องแฟน"จิลลาบออก
"หนูทำดีแล้วลูก น้องไม่กล้า เราก็ต้องพูดแทน"
"ยัยเมยอมให้คุณย่าครอบงำมากเกินไป จนคุณย่าเสียนิสัย อยากได้ต้องได้"
"ใช่ลูก"
"เรื่องของหัวใจ บังคับกันไม่ได้ ว่าคนนี้ต้องรักกับคนนั้น คนนั้นต้องรักกับคนนี้"
"ใช่ลูก"
"คุณแม่...จิล...พอเถอะ เค้าปวดหัว"
"แหม"
ดรณ์พูดขัด
"พี่เมพูดถูกนะ จิล....ตอนนี้คุณย่าไม่สบาย พี่เมคงเครียด"
"อะไรเนี่ย ทำไมเข้าข้างยัยเม...คิดอะไรกับน้องสาวจิลหรือเปล่า"
"จิล!"
เมธาวลัยทนไม่ไหว
"นี่ จะงี่เง่าก็ไปงี่เง่ากับคนอื่น อย่ามายุ่งกับฉัน" เธอหันไปพูดกับดรณ์ "ถ้าฉันเป็นเธอ มีแฟนแก่งี่เง่าสมองนิ่มแบบนี้ ฉันไม่ทนหรอกนะ!"
เธอเดินหนีไปเลย หลังจากทิ้งทุ่นไว้
"เม! พูดงี้ได้ไง"
"เบาลูก เบา โรงพยาบาลห้ามใช้เสียง"
ดรณ์ถอนใจ ส่ายหน้าออกไป
"ดรณ์!"
"ยัยจิล บอกให้เบาๆ!"
"ก็คุณแม่ดูสิ! ยัยเมทิ้งระเบิดเอาไว้อ่ะ เห็นป่ะ ดรณ์อารมณ์เสียเลย"
"ที่ดรณ์มันอารมณ์เสีย เพราะหนูนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะเมเปิ้ล"
"คุณแม่อ่ะ!"
"พอ หยุด! ไม่อยากทะเลาะ เครียด"
มารยาทเดินหนี ทิ้งจิลลาอารมณ์เสียอยู่ สักพักก็ตัดสินใจไปตามง้อดรณ์
"ดรณ์!" เธอลากเสียงยาวเรียก ... "ดรณ์ รอเค้าด้วย"
แต่ดรณ์ไม่รอ เดินหนี จิลลาห้อตาม สวนกับณัฎฐาลินีที่เดินเข้ามามองหาวายุบุตร แต่ไม่เห็น
"ฉันจำได้ 081-"
ณัฎฐาลินีก้มควานหาเหรียญในกระเป๋า เดินมาที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งวายุบุตรยืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่เธอมองไม่เห็น พอหยิบเหรียญได้ จะเดินเข้ามาหยอดตู้ ก็ชะงัก เพราะเห็นวายุบุตรยืนรออยู่
"ว้าย!"
"จะโทร.ตามผมเหรอ"
"ไม่แล้วล่ะ"
วายุบุตรเดินมาประชิด สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
"คุณ...โทรมมาก"
"เออสิ" พูดแค่นั้น เธอก็รีบปิดปาก เพราะนึกได้ว่า ยังไม่แปรงฟัน
"เป็นอะไร"
เธอไม่พูด ใช้มือพูดแทน...ตีความได้ว่า ให้วายุบุตรรออยู่ตรงนี้ อย่าเพิ่งไปไหน
"อะไรของคุณ"
เธอถอยตัวเองมาได้ระยะห่างพอสมควรก็บอก
"รอก่อน เดี๋ยวมา"
เธอวิ่งออกไป
"จะไปไหน คุณลินี!"
เธอไม่หันมาตอบ วิ่งไป เขาแปลกใจกึ่งขำ
"อะไรของเค้าเนี่ย"
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขกบ้านพีศทรรต ปินัทธาคลานเข่ามอบกระเช้าของเยี่ยมให้กานดา แต่คุณหญิงไม่รับ
"วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ"
"ไม่แตะสักนิดก่อนเหรอคะ ให้รู้ว่ารับแล้ว"
พีศทรรตกลั้นขำ
"ฉันไม่รับ"
"คุณแม่คะ อย่าใจร้ายกับหนูนักสิคะ หนูมาดีและมีแต่ความจริงใจ"
"ฉันก็จริงใจเหมือนกัน...ว่าไม่รับ"
เธออึ้ง อดทน จำใจวางกระเช้าบนโต๊ะ
"ค่ะ...คุณแม่ไม่รับ แต่หนูก็จะให้"
"เธอทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันกำลังเสียมารยาทที่ไม่รับน้ำใจของเธอ"
"หนูไม่บังอาจถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ใจคนบังคับกันไม่ได้ คุณแม่ว่ามั้ยคะ"
"จะคุกเข่าอยู่อีกนานมั้ย"
"อุ๊ย...เป็นห่วงหนูเหรอคะ คงจะกลัวว่าเข่าหนูจะด้าน"
"เข่าเธอคงจะด้านพอๆกับใบหน้า ฉันไม่ได้ห่วง"
เธออึ้ง อดทนอีก
"ลุกขึ้นนั่งเถอะน้ำผึ้ง" พีศทรรตบอก
เธอบีบน้ำตานั่งพับเพียบ
"ไม่ค่ะ ฉันจะนั่งอยู่อย่างนี้ เพื่อให้คุณแม่เห็นว่า ฉันไม่เคยคิดทำตัวเสมอท่าน ยังไง ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่ฉันต้องให้เกียรติ"
"ถ้าจะให้ดี ก็ควรจะรู้ด้วยนะว่า ฉันไม่เคยยินดีที่เห็นหน้าเธอ เพราะฉะนั้น ควรจะกลับไปได้แล้ว ให้ฉันรู้สึกรังเกียจเธอมากไปกว่านี้"
"หนูไม่ได้ตีฝีปากหรอกนะคะ หนูแค่พูดในสิ่งที่หนูคิด ขอย้อนกลับไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ เรื่องไม่ควรฝืนใจใคร คุณแม่ค่อยๆคิดตามหนูนะคะ"
พีศทรรตก้มหน้า รู้แล้วว่า น้ำผึ้งกำลังจะเข้าทะลวงเป้าแล้ว
"ทำไม"
"คุณพีศรักหนู หนูรักคุณพีศ เราสองคนรักกันอย่างจริงใจ จะบังคับไม่ให้คุณพีศรักหนู มันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งห้ามไม่ให้หนูรักคุณพีศ ให้ช้างออกลูกเป็นมดก่อนเถอะค่ะ"
"เธอ!"
ปินัทธากราบเท้า กานดาถอยหนี
"หนูกราบล่ะค่ะ เห็นใจพวกเราเถอะ คนเป็นแม่ควรจะมีความสุขเมื่อเห็นลูกมีความสุขไม่ใช่เหรอคะ อย่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ ด้วยความเคารพนะคะ พ่อแม่รังแกฉัน เคยได้ยินมั้ยคะ หนูจะท่องกลอนให้ฟังก็ได้ค่ะ เผื่อคุณแม่จะลืม"
"ตาพีศ! ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาถอนหงอกแม่ถึงในบ้าน ทำอย่างนี้ได้ยังไง มันไม่เคารพฉัน เอามันออกไปให้พ้น อย่าให้มาเหยียบที่นี่อีก"
"งั้นเราสองคนคงต้องแอบไปลั้ลลากันข้างนอก ไกลหูไกลตา จะดีเหรอคะ"
"ยังไม่ไปอีก ได้ ฉันไปเอง แล้วจำไว้เลยนะ ว่าฉันไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์จองเธอกับตาพีศ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอม"
กานดาฉุนเฉียว เหวี่ยงมากเดินออกไป น้ำผึ้งเหนื่อย และลุกขึ้นนั่ง
"ผมว่าคุณทำเกินไปไปนะ"
"คุณขอให้ฉันมาเจรจากับแม่คุณเองนะ แม่คุณเองก็ใช่หยอกซะเมื่อไหร่ อุตส่าห์อ่อนน้อมถ่อมตน แต่จิกด่าไม่ปรานีเลยสักคำ"
"แต่ยังไงคุณก็เป็นเด็ก แม่ผมเป็นผู้ใหญ่ การเอาชนะใจท่าน ต้องด้วยความดีไม่ใช่ความแรง"
"อะไรของคุณ มาตรฐานมีป่ะ เดี๋ยวยุเดี๋ยวอย่า"
"ผมไม่คิดว่าคุณจะทำจริงๆ!"
แต้ววิ่งออกมาหน้าตาตื่นตกใจ
"คุณพีศคะ น้องญาดาค่ะ! น้องญาดาตัวร้อนจี๋เลย"
ทั้งเขาและเธอต่างตกใจ
บริเวณหน้าหน้าห้องทำงานเมธาวลัย กฤษฎาตกใจ
"เข้าโรงพยาบาลกะทันหันเหรอ"
"ชู่! อย่าเสียงดัง บ.กไม่ชอบให้ใครรู้เรื่องส่วนตัวนักหรอก อะไร! แฟนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่รู้ความเคลื่อนไหวกันเลยอ่ะ" หยาดทิพย์บอก
กฤษฎาโกหก
"พอดี ผมปิดเครื่อง หาที่ชาร์ตแบตไม่เจอ เปิดอีกทีเห็นมิสคอล โทร.กลับก็ไม่รับสาย ผมเพิ่งเป็นแฟนกับคุณเมเปิ้ลนะ ยังไม่รู้จักนิสัยกันดีต้องพึ่งเธอนะหยาด"
หยาดทิพย์รู้สึกสำคัญขึ้นมาเลย เลยพูดเบาๆ
"ไม่มีปัญหา นี่จะเม้าให้ฟัง...แกเคยบอกว่า เรื่องส่วนตัวมักกลายเป็นจุดอ่อนทำให้คนอื่นเอามาใช้โจมตีได้เสมอ เราไม่รู้หรอก ใครมิตร ใครศัตรู จำไว้...เริ่ด...จดๆ กันลืม"
หยาดทิพย์รีบจด motto ของเจ้านายลงสมุด พลางสำทับกฤษฎา
"เพราะฉะนั้น อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวบ่ายๆแกถึงจะเข้าออฟฟิศ มาเซ็นเช็ค เย็นๆก็ไปงานแฟชั่นโชว์"
เจ๊ฟู อิ๋วเอียงหูสาระแนฟังอยู่แล้ว กฤษฎาเหลือบไปเห็น
"ไม่ทันแล้วล่ะ เจ๊ฟูรู้โลกรู้"
"ขอบคุณค่ะที่ชม สงสัยเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ"
"แฟนเจ้านายป่ะเจ๊" อิ๋วว่า
"แค่ชู้ทางใจ ศาลอาญาแห่งไหน คงไม่ให้รับโทษเพิ่ม สุเทพ วงศ์กำแหงกล่าวไว้"
"จำได้"
ชาโนแทรก
"โคตรแก่เลย"
เจ๊ฟูกับอิ๋ว โพล่งพร้อมกัน "ไอ้โน!"
ชาโนหลบไปทำงานต่ออย่างสบายใจ เจ๊ฟู อิ๋วรีบสลายตัวไปทำงาน
"หยาด คุณเมเปิ้ลอยู่โรงพยาบาลไหน"
ไทเกอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์แอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
เจ๊ฟูเดินแด้ดๆมา จะไปชงกาแฟ ไทเกอร์เข้ามาประกบ ถามหาข้อมูล
"เจ๊ฟู!"
"อัลลัย"
"ติดต่อสองคนที่จะขึ้นปกหรือยัง"
"หยาดทิพย์กำลังดีลอยู่"
"แล้วได้ที่ถ่ายปกหรือยัง"
"ก็กำลังดีลอยู่"
"แนวโน้มเป็นไงล่ะ"
"ไม่น่ามีปัญหา ตอนนี้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์แระ รอวางเงิน ถามไม"
"ผมเป็นผู้ช่วยบ.ก.ป่ะ จะขอรู้ความคืบหน้าบ้างไม่ได้หรือไง ไม่เห็นเหรอว่า บ.ก.ยุ่งมากขนาดไหน ไหนจะเรื่องแฟนเด็ก ไหนจะเรื่องที่บ้าน เรื่องส่วนตัวทั้งนั้น"
เจ๊ฟูนึกไม่พอใจที่ไทเกอร์แดกดันเมธาวลัย เธอชงกาแฟเสร็จพอดี
"วันนี้กาแฟกลิ่นแปลกๆอ่ะ"
"กลิ่นไร"
"กลิ่น...แอ๊บๆอ่ะ บอกไม่ถูก"
ไทเกอร์อึ้ง รู้ทันว่าถูกเจ๊ฟูแดกอยู่
"ไปนะ พอดีเป็นคนชัดเจน เจอกลิ่นแอ๊บอ้อยเมื่อไหร่ อยากขึ้นสเตตัสว่ารู้สึกหงุดหงิด"
เจ๊ฟูเดินสะบัดบ็อบออกไป ไทเกอร์มองตามอย่างเจ็บใจ หยิบมือถือขึ้นมา มองซ้ายมองขวา เห็นไม่มีใครอยู่
" ฮัลโหล" เสียงผ็หญิงรับสาย
"กำลังจะจ่ายเงินทำสัญญากันแล้วนะ อย่าช้า แล้วก็ ถ้าอยากเป็นเล่มแรกที่เข้าไปถ่ายที่นั่น ก็รีบหาข้อเสนอที่เหนือกว่า เดี๋ยวผมจะส่งเมล์ไปให้ว่าทางนี้...ดีลอะไรไว้บ้าง"
ไทเกอร์ยิ้มย่อง หลังจากแอบส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้แมกกาซีนคู่แข่ง
บริเวณหน้าห้องพักคนไข้ เมธาวลัยมองลูกบิดประตู อยากเข้าไป แต่ยังไม่กล้า วุฒิเปิดประตูออกมาซะก่อน
"อ้าว...เม...ลูก"
"หมอว่าไงบ้างคะคุณพ่อ อนุญาตให้คุณย่ากลับบ้านได้หรือเปล่าคะ"
"หมอขอดูอาการก่อน บ่ายนี้ถ้าความดัน และก็ทุกอย่างคงที่ ก็กลับได้"
"ทำไมจู่ๆคุณย่าเป็นแบบนี้ได้ล่ะลูก"
เมธาวลัยอึ้ง หน้าเสีย รู้สึกแย่
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 6 (ต่อ)
เมธาวลัยเดินคุยกันมากับวุฒิ หลังจากเล่าเรื่องทุกอย่างแล้ว ยกเว้นเรื่องแฟนอุปโลกน์
"หนูทำถูกหรือผิดคะคุณพ่อ หนูทำให้คุณย่าป่วย"
"หนูทำถูกแล้วที่เลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวหนูเอง เรื่องทำให้คุณย่าป่วย มันเป็นเรื่องที่หนูไม่ได้ตั้งใจ"
"แต่คุณย่าไม่คิดอย่างนั้น คุณย่าโกรธหนูมาก"
"ท่านมีประสบการณ์จากตัวพ่อ จากพี่สาวเรา และท่านก็รักหนูมาก หวังไว้มาก อยากให้หนูมีคู่ชีวิตที่ดีที่สุด หนูต้องเข้าใจท่านนะ อย่าโกรธท่าน"
"หนูไม่เคยโกรธคุณย่า แต่ก็ไม่อยากให้คุณย่าโกรธหนู"
"ให้เวลาท่านหน่อย ถ้าหนูทำให้คุณย่าเห็นว่าการตัดสินใจของหนูดีที่สุด และทำให้หนูมีความสุข ท่านจะใจอ่อนเอง"
"หนูไม่แน่ใจ ว่าความรักครั้งนี้ของหนูมันจะ..."
"เอาน่ะ ไม่มีใครรู้หรอก ว่าอนาคตจะเป็นยังไง หนูอาจจะเลิกกับแฟนหรือ อาจจะแต่งงานกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ"
"ค่ะคุณพ่อ ขอบคุณค่ะ"
"คราวนี้มาผิดฟอร์มนะ"
"ผิดฟอร์มยังไงคะ"
"ลูกสาวของพ่อคนนี้ ปกติจะมั่นกับทุกอย่างที่ทำ อีกอย่างไม่เคยไม่สวยถ้าออกจากบ้าน แต่นี่..."
เมเปิ้ลยิ้มแหย
"รีบนี่คะ ไม่ได้เตรียมอะไรมาสักอย่าง ฟันก็ไม่ได้แปรง"
กฤษฎาเข้ามาพอดี
"คุณเมเปิ้ลครับ"
เธอตกใจ กฤษฎายกมือไหว้วุฒิ
"สวัสดีครับ"
"ใครอ่ะ" วุฒิถาม
เธอพูดไม่เปิดปาก
"แฟนหนูค่ะ"
"ใครนะ?"
เธอจำใจเปิดปาก "แฟนหนูค่ะ" แล้วรีบปิดปากลงทันที
"อ้อ..." วุฒิพูดกับกฤษฎา "เค้ายังไม่ได้แปรงฟัน"
"คุณพ่อ!"
เธอตกใจ เสียเซล์ฟเพราะตอนนี้ไม่สวย เยินและโทรมมาก มองไปในร้านขายของเบ็ดเตล็ดในโรงพยาบาล เห็นแปรงสีฟันวางขายอยู่ เธอนึกขึ้นได้ แต่ไม่มีตังค์ เลยแบมือขอวุฒิ
"อะไรลูก"
เมเปิ้ลพูดไม่เปิดปาก
"ขอเงินหน่อยค่ะ หนูไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา"
วุฒิรีบหยิบเงินให้ทันที เธอรับแล้วรีบวิ่งเข้าไปในร้าน กฤษฎามองตามแปลกใจ
"เค้า..."
"ไปทำตัวให้มั่นใจ ไป ไปหากาแฟกินกัน ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"
"เอ่อ...ครับ"
กฤษฎาเดินตามวุฒิไป นึกขำเมธาวลัย
ภายในห้องน้ำหญิงในโรงพยาบาล เมธาวลัยวิ่งถือแปรงสีฟันและยาสีฟันหลอดเล็กพุ่งเข้ามาที่ซิงค์ รีบบีบยาสีฟัน แล้วแปรงๆๆ มองตัวเองในกระจก แล้วเธอก็ชะงัก เหลือบมองไปทางซ้ายมือตัวเอง เห็นณัฎฐาลินีก็กำลังแปรงฟันตัวเองอยู่ แล้วทั้งสองก็ต้องอึ้งกันไป
พีศทรรตอุ้มญาดามา มีแต้วตามมาด้วย ในมือปินัทธาถือผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตามตัวญาดามาด้วยตลอดทาง
"ผ้าแห้งแล้วอ่ะ เดี๋ยวฉันจะไปชุบน้ำมาใหม่นะ ระหว่างรอหมอตรวจ จะได้เช็ดตัวไปด้วยให้ไข้ลด คุณรีบพาลูกไปเถอะ"
"โอเค"
พีศทรรตอุ้มญาดาไปทางหนึ่ง แต้วยืนมองตามพีศทรรต และมองตามนักแสดงสาวที่มองหาห้องน้ำ
"เหมือนพ่อแม่ลูกกันจริงๆเลยนะเนี่ย"
"แต้ว! ไปแจ้งที่ห้องบัตร ยืนยิ้มอะไรอยู่"
"ค่ะๆ"
แต้วแยกไปทางหนึ่ง พีศทรรตอุ้มญาดาเดินต่อไป
ในห้องน้ำผู้หญิง ทั้งคู่ต่างคนต่างแปรงฟัน ดูเชิงกันอยู่ณัฎฐาลินีตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
"แกมาโรงพยาบาลทำไม"
"คุณย่าเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืน ชุดนี้ ชุดเมื่อวานนี่"
"ฉันไม่ได้กลับบ้าน"
"ทำไม พอมีแฟนได้ ก็แรดเลยเหรอ บ้านช่องไม่กลับ"
ทนายสาวไม่พอใจ โกรธบอก "รอเดี๋ยว"
ณัฎฐาลินีทุ่มแปรงสีฟัน รีบบ้วนปาก ในขณะที่เมธาวลัยรีบบ้วนปาก ทั้งสองคนเสร็จพร้อมกัน หันมาฉะ
"นังเมเปิ้ล"
"ทำไม"
"ตัวเองดีอยู่คนเดียวหรือไง ว่าฉันแรด แต่แกก็มิใช่น้อย มีแฟนเด็กได้ ทั้งที่ตัวเองปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่แค่แรดธรรมดานะ โคตรแรด!"
" เค้าเรียกว่าเสน่ห์แรงจนเด็กรักเด็กหลง!"
"เสน่ห์ของแก หมายถึงใช้เงินถุงเงินถังซื้อใจเด็กมันน่ะเหรอ"
"นังหน้าหนอน!"
"นังหนอนขึ้นหน้า!"
ทั้งคู่ต่างของขึ้นยั้งสติไม่อยู่ เริ่มปะทะกัน ทั้งปาแปรงสีฟัน บีบยาสีฟันใส่ ไม่พอ ซัดน้ำเข้าสาด จนคนที่อยู่ในห้องน้ำกระเจิงวิ่งออกไป
ปินัทธาเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่น้ำสาดซัดมาที่ประตูพอดี โดนเข้าไปเต็มๆ เธอเห็นอดีตเพื่อนรักถึงกับอึ้งไปเลย
"อะไรกันเนี่ย!"
เพื่อนทั้งสองคิดไม่ถึง "น้ำผึ้ง!"
"เออ เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย อยู่ๆก็มากัดกันในห้องน้ำที่นี่เนี่ย!"
ทั้งคู่หยุดยืนหอบ แต่ละคนเยินจนเหนือคำบรรยาย
"คนกระเจิงกันหมดแล้ว เดือดร้อนชาวบ้าน ทำอะไรแคร์สื่อกันบ้าง"
เธอยังพูดไม่ทันจบ เมธาวลัยก็หยิบแปรงสีฟันยัดใส่ปากเพื่อน
"ผีเข้าให้แกมาด่าฉันถึงที่นี่หรือไง"
เธอเอาแปรงสีฟันออกมา
"แปรงใคร"
"ขี้ปากมัน" ณัฐาลินีบอก
"อี๋ แหวะ แก"
เธอจะเข้าไปลุยกับเมธาวดี แต่ชะงัก เพิ่งมีสติ
"ยัง ฉันยังทะเลาะกับพวกแกตอนนี้ไม่ได้"
เธอรีบเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำ บิด แล้วรีบวิ่งออกไป เพื่อนทั้งสองมองเธออย่างงงๆ ยามกับแม่บ้านก็เข้ามา เอาเรื่อง
"ทะเลาะกันเสร็จหรือยังครับผม!"
ทั้งคู่ตกใจหน้าซีด
บริเวณหน้าห้องตรวจเด็ก ปินัทธาเข้ามา พีศทรรตนั่งอุ้มญาดาอยู่ เธอรีบเช็ดตัว เอาผ้าซับตามข้อพับ เขามองดูเธออย่างรู้สึกดี
"เป็นไงบ้างลูก พยาบาลให้ยาลดไข้หรือยัง"
"ให้แล้ว"
พยาบาลคนหนึ่งเข้ามา
"คุณแม่ทำถูกแล้วค่ะ เช็ดตัวน้องไว้ เด็กๆถ้าไข้ขึ้นสูง จะทำให้เด็กชักได้"
"อุย...ยังไม่ใช่"
พีศทรรตตัดบท
"อีกกี่คิวครับ"
"คิวต่อไปแล้วค่ะคุณพ่อ"
พยาบาลเดินออกไป เธอเช็ดตัวญาดาต่อไป แต้วนั่งอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ
"รู้ได้ไง ว่าต้องเช็ดตัวเด็กแบบนี้ตอนไข้สูง เคยมีลูกเหรอ"
"บ้า!ก็ในบทที่ฉันเคยเล่นไง เคยต้องปฐมพยาบาลเด็ก ฉันก็จำมาใช้ เห็นมะชีวิตจริงกับละครมันเอื้อประโยชน์กัน เอามาใช้ได้ ขอโบก"
"ถ้าคุณกำลังทำคะแนนเพื่อให้ผมหลงรัก อยากรู้ว่า ในขณะเดียวกันคุณจะรักผมด้วยหรือเปล่า"
"พูดเลย...รักไม่รักไม่สำคัญ สำคัญที่คุณเพอร์เฟ็กต์ที่จะเป็นสามีฉัน อาจจะมีลูกติด แต่ก็โอเค ยอมรับได้ กำขี้ดีกว่ากำตด"
"น้ำผึ้ง ไม่พูดอะไรเลย จะดีกว่านะ ไดอะล็อกคุณ มัน...เฮ้อ"
เขาเลิกคุย เซ็งกับคำพูดของเธอ โดยไม่เห็นหรอกว่า น้ำผึ้งเขินจริง หวั่นไหวจริง แต่มีฟอร์ม
ภายในร้านกาแฟในโรงพยาบาล กฤษฎานั่งตัวแข็ง โดยวุฒิกับมารยาทนั่งประกบ ทั้งคู่อยากคุยกับผู้ชายที่เอาชนะใจลูกสาวได้
"ดื่มกาแฟครับ"
"ผมดื่มหมดแล้ว" วุฒิบอก
"ครับ"
"ทำไมชอบผู้หญิงแก่กว่า" มารยาทถาม
"เอ่อ"
"ไม่ต้องตอบหรอก ฉันคิดว่า ฉันรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ลืมๆมันไปซะ แต่สิ่งที่สำคัญ รักลูกสาวฉันแน่นะ"
"เอ่อ...ครับ"
มารยาทบอกกับวุฒิ
"คนเรารักกันได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอคุณ แค่วันสองวันเนี่ยนะ"
"เหมือนผมกับคุณไง รักกันตั้งแต่แรกพบ"
มารยาทเขิน
"บ้า! ต่อหน้าเด็กมัน อย่ามาจีบ"
"คุณพ่อคุณแม่...ไม่ได้คัดค้านอะไรใช่มั้ยครับ"
"จะคัดค้านอะไรล่ะ รักกันแล้วนี่"
กฤษฎาโล่งอก
"ขอบคุณครับ"
"ก็เหลือแต่ด่านคุณย่าเค้าเท่านั้น ถ้ารักจริงก็ฝ่าฟันกันไปให้ได้" มารยาทบอก
"ขอบคุณครับ"
"แต่ถ้าจับได้ว่ามาหลอกลูกสาวผม โกหกพวกผมเมื่อไหร่....ตาย"
กฤษฎาอึ้งสยอง เพราะวุฒิและมารยาทจริงจังมาก กฤษฎาเบือนหน้าเพราะเสียวเหลือเกิน แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเมธาวลัยในสภาพเปียกโชก เยิน ยืนอยู่ข้างหลัง
"คุณเมเปิ้ล!"
มุมโทรศัพท์สาธารณะโรงพยาบาล ณัฎฐาลินีในสภาพเยินเข้ามา วายุบุตรยืนรออยู่หันมา ก็ผงะสุดตัว
"ไปฟัดกับใครมา"
"คนที่คุณก็รู้ว่าใคร"
"ผมไม่รู้"
วายุบุตรกลั้นขำไว้ไม่ไหว หัวเราะอยู่นั่น เธอมองอย่างเซ็ง
"อ่ะ ๆ ขำให้พอ พอแล้วไปตามนะ จะไปหาข้าวกิน หิวมาก จนจะกินหัวคนได้ทั้งหัว"
เธอเดินไป เขาจับมือเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนสิ ผมขอโทษ โอเค ไม่ขำแล้ว"
วายุบุตรตั้งสติได้
"พร้อมแล้วใช่มั้ย ฟังนะ...ฉันถูกขังอยู่ในห้อง โดยที่คุณสิริมาเป็นคนล็อก เธอตั้งใจขังฉันไว้"
"ไม่มีทาง สิริมาไม่ใช่คนร้ายกาจ"
"ผู้หญิงทุกคนมีความร้ายกาจอยู่ในตัว โดยเฉพาะเวลาที่กำลังจะถูกแย่งของรัก"
วายุบุตรอึ้ง เสียงมือถือของเขาดังขึ้นพอดี
"สิริมา เสร็จแล้วเหรอ ได้...ผมจะไปเจอคุณเดี๋ยวนี้"
"อุ๊ย เมาท์ถึงผี ผีก็โทร.มา"
"คุณนั่นแหละที่ร้ายกาจทั้งคำพูดและความคิด"
"งั้นก็ไปถามคุณสิริมาด้วยกัน"
เธอเข้าไปจูงมือเขาเดินนำไป
"รู้เหรอ จะต้องไปเจอสิริมาที่ไหน"
"ไม่รู้ แต่ชอบเป็นช้างเท้าหน้า"
"แถ! ไม่ต้องมีใครนำใครได้มั้ย เดินไปด้วยกัน"
"เน่า"
ทั้งคู่เดินไปพร้อมๆกัน
มุมนั่งพักหน้าห้องจ่ายยา ชำระเงิน สิริมานั่งรออยู่ สีหน้าเป็นปกติ เก้าอี้ใกล้ๆกัน พีศทรรตเดินอุ้มญาดาเข้ามากับปินัทธาและแต้ว เธอคุยกับเขา
"ทำไมไม่ให้แกแอดมิด"
"ญาดาไม่ชอบนอนโรงพยาบาล อีกอย่าง ไข้ก็ลดลงแล้ว ไปดูแลที่บ้านก็ได้"
"ญาดาขา นอนโรงพยาบาลมั้ยคะลูก น้า..."
ญาดาเมินหน้าหนี ไม่สนใจ เล่นเอาเธอจ๋อยไป แต้วกระซิบบอก
"ตอนนี้อย่าเพิ่งไปตอแยค่ะ ไม่เอาใครนอกจากคุณพ่อ"
"เหรอๆ โอเคๆ ขอบใจจ๊ะ"
ปินัทธากับแต้วเป็นพันธมิตร ส่งยิ้มให้กัน สิริมาหันไปเห็น จำได้ว่าเป็นดารา แต้วแอบหยิบสมุดปากกาออกมา ส่งให้
"ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ หนูช้อบชอบคุณค่ะ"
"ได้สิจ๊ะ"
เธอรับมาจะเซ็น
"ที่คุณเล่นเป็นแม่ของแมท เรื่องแผนร้ายพ่ายรักอ่ะค่ะ"
พีศทรรตขำก๊าก น้ำผึ้งหันไปค้อน แล้วพูดกับแต้วฃ
"นั่นพี่จุ๋มอุทุมพรมะ"
"เหรอคะ...สงสัยจำผิด"
"ตกลง ยังจะเอามั้ย ลายเซ็น แต่ถึงไม่เอาก็จะเซ็น จำไว้นะ ฉันชื่อน้ำผึ้ง ปินัทธา"
เธอเซ็นให้ สิริมายิ้มขำ น้ำผึ้งหันไปเห็นเข้าพอดี ก็ส่งยิ้มเย็นไปให้จนสิริมารีบหันกลับไปนั่งนิ่งๆตามเดิม
อีกมุมหนึ่งใกล้ๆกับห้องจ่ายยาและชำระเงิน เมธาวลัยเดินมากับ
"คุณยังไม่บอกเลย ว่าเยินขนาดนี้ได้ยังไง"
"เป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากพูดถึง"
"ไม่เข้าไปลาคุณย่าก่อนเหรอครับ"
"ไปลาให้คุณย่าความดันขึ้นมาอีกหรือไง คุณพ่ออยู่ดูแลแล้ว"
"แล้วจะกลับบ้านเลยมั้ยครับ"
"แล้วจะให้ไปออฟฟิศสภาพนี้หรือไง ถามไม่คิด แล้วก็เลิกถามสักที"
"ครับ"
ณัฐาลินีและวายุบุตร เดินผ่านเมธาวลัยกับกฤษฎาไป โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็น เธอแปลกใจ อยากรู้เรื่องเพื่อนเพราะท่าทางดูร้อนใจ และเดินตามไป
"ไหนบอกจะกลับบ้านไงครับ"
"มีเรื่องด่วนกว่านั้น"
เธอเดินไป กฤษฎาเดินตาม
สิริมาตกใจที่เห็นณัฎฐาลินี แต่ทนายสาวยังไม่ได้สังเกตเห็นปินัทธา
" ตกใจเหรอคะ ที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ แทนที่จะนอนแห้งตายอยู่ในห้องทำงานของคุณวายุ! เพราะคุณจงใจล็อกประตูห้องขังฉันไว้"
ปินัทธาและพีศทรรตได้ยิน ก็หันไป ตกใจที่เห็นณัฎฐาลินี
"เพื่อนคุณ"
"พูดใหม่ อดีตเพื่อนค่ะ"
"งั้นก็อย่าไปสนใจเรื่องเค้าเลย"
"ฉันก็ว่างั้น"
แต่น้ำผึ้งอยากรู้ กระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ เขาส่ายหัวกับปินัทธา และส่งญาดาให้แต้ว
"ญาดา อยู่กับพี่แต้วแป๊บนะลูก พ่อจะไปตามน้าให้กลับเข้าคอกก่อน"
"เพื่อนคุณพ่อเป็นตัวอะไรคะ ถึงต้องเข้าคอก"
"ตัวป่วนค่ะ"
พีศทรรตไปนั่งประกบติดเธอที่อยากรู้เรื่องนี้มาก เมธาวลัยกับกฤษฎาเข้ามายืนฟัง กลายเป็นมุมสามเหลี่ยม
"เพื่อนคุณ"
"แค่คนรู้จัก" เมธาวลัยบอก
"ครับ"
วายุบุตรถามสิริมา
"จริงเหรอสิริมา"
"ค่ะ ฉันล็อกกุญแจ โดยที่ฉันไม่รู้ว่า คุณลินียังอยู่ นึกว่ากลับไปแล้ว"
ณัฎฐาลินีอึ้ง โกรธจนพูดไม่ออก "โกหก"
เมธาวลัยและปินัทธาร้อนใจแทนเพื่อน โดยไม่รู้ตัว วายุบุตรสับสน พีศทรรต กฤษฎาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามคู่ สามคนมีอารมณ์ที่แตกต่างกันไป
อ่านต่อตอนที่ 7