ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4
กรุงเทพ เช้าวันใหม่ เมธาวลัยดูกระจก สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ด้วยความมั่นใจ
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ฉันเอาอยู่”
ปินัทธามองตัวเองในกระจก ทุกอย่างเป๊ะแล้ว เรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฉันคือตัวแม่”
ณัฎฐาลินีกำลังเช็กตัวเองในกระจก ยิ้มให้กับตัวเอง
“ทุกอย่างกำลังกลับสู่ภาวะปกติ ไม่มีอะไรที่เหนือการควบคุม”
ทั้งสามสาวต่างสวมแว่นกันแดด คว้ากระเป๋าใบเก่ง ท่าทางมุ่งมั่น เดินออกไป
คุณหญิงแสนสุขกำลังใช้กรรไกรเล็มกิ่งต้นไม้ที่ปลูกไว้ หลานสาวเดินเข้ามา
“หนูไปทำงานแล้วนะคะ คุณย่า สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือไหว้จะออกไป
“เด็กผู้ชายที่มาหาที่บ้านแล้วออกไปกับเราเมื่อวาน...ใคร”
“เด็กฝึกงานค่ะ มาขับรถให้”
“ดีแล้วที่ไม่เป็นอย่างที่ย่าคิด”
“คุณย่าคิดอะไรเหรอคะ”
“คิดว่าจะเป็นเหมือนยัยจิลลา พี่สาวเราน่ะสิ”
เธออึ้ง
“วันๆไม่เป็นอันทำงานทำการ สมองเอาแต่คิดหาวิธีมัดใจเด็ก เงินมีเท่าไหร่ ก็ฉีด ดึง กิน เสริม ผ่า อยากให้ตัวเองเป็นสาวสองพันปี เพราะกลัวว่าแฟนจะเบื่อ ไปหาผู้หญิงที่เด็กกว่า สวยกว่า...แล้วยังมาขอยืมเงินเราอีกใช่มั้ย เอาไปเลี้ยงผู้ชายน่ะ”
“เอ่อ...ก็มายืมบ้างค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเอาไปเลี้ยงผู้ชายหรือเปล่า”
“แฟนเด็กน่ะเอาใจ แต่กับพี่น้องมีแต่จะมาเบียดบัง ย่าคิดถูกมากที่ขอพ่อแม่เรา เอาเรามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวยังแดง ไม่งั้นได้เสียคนเหมือนยัยลูกสาวคนโต เรียนมาก็สูง แต่ไม่รู้จักคิด”
“จิลกับดรณ์ เค้าอาจจะรักกันจริงก็ได้นะคะคุณย่า”
“รักกันจริงมันต้องส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่ฉุดลงเหว มีแฟนเด็กเหมือนคบเด็กสร้างบ้าน ไม่มีวุฒิภาวะ หาแต่เรื่องร้อนใจมาให้”
“บางทีแก่ๆ ก็ใช่ว่าจะมีวุฒิภาวะนะคะ”
“แต่ก็ยังมีความมั่นคงมากกว่า ไม่ว่าทางใจหรือชีวิต แต่อะไรก็ไม่น่าเกลียดเท่าเป็นขี้ปากชาวบ้าน ผู้หญิงกินเด็กมีแต่พวกไก่แก่แม่ปลาช่อนทั้งนั้น อยากจะเอาปี๊บคลุมหัวเวลาต้องแนะนำใครว่ายัยจิลเป็นหลานสาวฉัน”
เมเปิ้ลขี้เกียจจะเถียง รู้สึกว่ากำลังเข้าตัว
“ค่ะ”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย พูดเรื่องของเราดีกว่า ย่าดีใจและภูมิใจนะที่เราได้อย่างใจย่าทุกอย่าง เหลืออย่างเดียว”
“อะไรคะ คุณย่าบอกมาเลยค่ะ หนูทำให้คุณย่าได้ทุกอย่าง”
“แต่งงานซะทีเถอะลูกนะ”
“แต่งได้ยังไงล่ะคะ หนูยังไม่เจอคนที่ใช่เลย”
“รอเราเจอคนที่ใช่ ย่าคงตายก่อนได้อุ้มหลาน ย่าเลยเลือกให้”
“หือ?”
“ย่าอยากให้เราแต่งงานกับตาตรัยคุณ”
“คุณย่า!?”
แสนสุขยิ้มให้เหลานสาวอย่างไม่สะดุ้งสะเทือนแม้ว่าหน้าตาของเมธาวลัยจะเหวอมากก็ตาม
ณัฎฐาลินีเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของจรินทร์พรผูเป็นแม่ ดวง แม่บ้านและผู้ดูแลแม่ของเธอเปิดประตูออกมาจากห้องนั้นพอดี
“แม่ตื่นหรือหลับคะ”
“แกเพิ่งทานยาหลังอาหารเช้าไป อีกเดี๋ยวคงหลับค่ะ”
“วันนี้หนูตื่นสาย เพราะลาพักร้อน เลยไม่ได้ทานข้าวเช้ากับแม่”
“นอนเยอะๆบ้างก็ดีค่ะ คุณไม่ค่อยได้นอน”
“หนูขอเข้าไปดูแม่ก่อนนะคะ”
“ค่ะ เชิญค่ะ”
ดวงเปิดประตูให้ เธอเดินเข้าไป
ในห้องนอน เธอเดินเข้ามาที่เตียงที่จรินทร์พรนอนหลับอยู่ แม่ของเธอความจำเสื่อมเพราะถูกทำร้ายร่างกายและเป็นอัมพาตครึ่งล่าง ดูเผินๆจะไม่รู้ว่าป่วยหนักมาก เธอดึงผ้าห่มให้คลุมอกแม่ จัดทุกอย่างให้ดูเรียบร้อยด้วยความรักและอาทร เธอค่อยๆนั่งลงข้างเตียง จับมือของแม่ลูบเบา
“แม่ขา...ขอโทษนะคะ ที่ไม่ได้ทานข้าวด้วย อย่างอนนะ”
จรินทร์พรลืมตาขึ้น มองมาที่ลูกสาว
“ตื่นเลย...นอนต่อนะคะ หนูไม่กวนแล้ว”
จรินทร์พรหลับตาลงหลับต่อ
“อย่าดื้อกับพี่ดวงนะ ถึงเวลาทานยาก็ต้องทาน จะได้หายเร็วๆ รู้มั้ย”
จรินทร์พรยกมือขึ้นมา โบกไปมา
“โอเคๆ ไปแล้วจริงๆ นอนค่ะนอน...สงสัยจะงอนแฮะ”
เธอรีบลุก ห่มผ้าให้แม่เหมือนเดิม ก่อนค่อยๆเดินออกไป ปิดประตู จรินทร์พรยังนอนหลับอยุ๋ที่เตียง
หน้าห้องทำงานพีศทรรต ปินัทธาคุยกับตมิสา เลขาหน้าห้องสุดเซ็กซี่ของพีศทรรต
“ยังไม่เข้าออฟฟิศ? มัวทำอะไรอยู่ แล้วทำไมเค้าถึงไม่บอกฉันสักคำว่า เลื่อนแถลงข่าว”
“จะรู้ได้ไงล่ะคะป้า หนูก็แค่เลขา เออ ถ้าเลื่อนขั้นเป็นเมียบอสวันไหนแล้วค่อยถาม เพราะเมื่อถึงวันนั้น พูดเลย ว่าหนูรู้เรื่องของบอสทุกเรื่องแน่”
“เธออ่อยบอสมานานแค่ไหนแล้ว”
“ตั้งแต่ก่อนบอสหย่าอีกนะ รวมๆแล้วก็สามปีอ่ะ ว้าย! หลอกด่าหนูป่ะเนี่ย”
“ไม่ได้หลอก แต่ด่าเลย ถ้าเค้าเล่นด้วย เล่นไปนานแล้ว เหนื่อยเปล่า เปลี่ยนเป้าหมายเหอะ”
“เปลี่ยนไปไหน”
เธอจับหน้าตมิสาหันไปทางหนึ่ง ไปเจอเพทาย แอ็คติ้งโค้ชของบริษัทยืนหล่ออยู่
“สงสารเพทายมัน ได้แต่มอง เอาแต่ครางหงิงๆอยู่เงี้ยมาเป็นปีๆแล้วนะ”
“ชาติหน้าหนูยังว่าไม่มีหวัง ไม่เอา ไม่ใช่แนว”
เพทายหน้าซีด เดินคอตกไ พีศทรรตเดินมา ตมิสาดีใจ
“งี้สิ...โอเคแนว บอส ! สวัสดีค่ะ อุ๊ย! ของตก”
ตมิสาจงใจทำของในมือหล่น ก้มลงไปเก็บ กะโชว์ร่องนม ญาดา โผล่มาจากข้างหลังพ่อมายืนมองนมตมิสาแทน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าญาดา ก็ผงะ ตกใจ
“ว้าย!”
“เป็นผู้หญิง ต้องรู้จักระวังตัว คุณย่าฉันสอนไว้ แต่เธอไม่มีใครสั่งใครสอนใช่มั้ย”
ตมิสาอึ้ง เจ็บใจญาดา แต่ไม่กล้าทำอะไร น้ำผึ้งกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์
“แหม...พูดจาดี เอาไปเลยค่ะ เยาวชนดีเด่น”
“เฟค”
ตมิสากับปินัทธาต่างตกใจร้อง“ว้าย!”
“ญาดา เข้าไปรอพ่อในห้องนะ พ่อมีประชุมกับป้าๆ...ตามมา!”
พีศทรรตเดินออกไป เธอถาม
“ใครป้า”
“หนูมั้ง!”
เธอกับตมิสามองญาดาเป็นตาเดียว ญาดารีบเข้าห้องทำงานพ่อแล้วปิดประตู
“ป้า ตีก้นลูกเจ้านาย จะถูกไล่ออกมั้ย”
“ฝากหยิกสองที”
เธอรีบออกไป ตมิสาหันไปเข่นเขี้ยวที่ประตูห้องพีศทรรต ก่อนจะตามปินัทธาออกไป
มุมรับประทานอาหาร ภายในบ้าน ณัฏฐาลินีนั่งคนกาแฟด้วยความกังวล เหม่อลอยคิดถึงสายตาหมางเมินของวายุบุตรเมื่อคืน แล้วเครียด เธอรู้สึกว่าแคร์และคิดถึงวายุบุตรมากเกินไปแล้ว
“ตายกลายป็นผีไปแล้วหรือไง ตามมาหลอนอยู่ได้”
เธอผลักถ้วยกาแฟออกไป ดวงเข้ามา
“รับโจ๊กหน่อยมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ หนูไม่หิว...ขอบคุณค่ะ”
“อยากได้อะไรเรียกพี่นะคะ พี่ซักผ้าอยู่หลังบ้าน”
“พี่ดวง...เหนื่อยมั้ย หนูเกรงใจนะ ทั้งดูแลแม่ให้หนู ทั้งดูแลบ้าน”
“พี่ซะอีกที่ต้องเกรงใจคุณลินี ที่กรุณาให้พี่อาศัยอยู่ด้วย หลุดจากไอ้ผัวเลวที่ชอบซ้อมพี่มาได้ พี่ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครอีก ถ้าไม่ได้คุณพี่ก็แย่ อย่าถามอีกเลยนะคะว่าเหนื่อยหรือไม่เหนื่อย พี่เต็มใจค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
กุ๊งกิ๊งเข้ามา ไหว้เธอและดวง เธอรับไหว้ แปลกใจ
“กุ๊งกิ๊ง?”
เมธาวลัยเดินเลื่อนลอยเข้ามาในออฟฟิศ ชาโนเดินผ่าน ยกมือไหว้ เธอรับไหว้อย่างไร้วิญญาณ ชาโนมอง .อยากรู้อยากถามแต่ไม่กล้า เมื่อเดินผ่านชาโนไป อิ๋ว เจ๊ฟูเดินเมาท์กันมา ลั้ลลาร่าเริงเรื่องเจ้านายสาวมีแฟนเด็ก พอเห็นเมธาวลัยเดินมา ทั้งสองก็หยุดกึก ทักทาย
“สวัสดีค่ะบ.ก.”
“เมื่อคืนคงเกิดการถ่ายเทของเหลวในร่างกาย ตัวเลยเบาๆ ลอยๆ” อิ๋วว่า
“หือ?”
“หมายความว่า คงคุยกันน้ำลายแตกฟองจนดึกดื่น นอนน้อยใช่มั้ยคะ เลยดู...มาไม่เต็ม”
“แต่เจ๊ว่า...ไม่นะ บ.ก.ดูสดชื่นออก ดูเด่ะ เหมือนดอกไม้บานที่เพิ่งถูกรดน้ำ” เจ๊ฟูว่า
“หือ?”
เธอเดินผ่านไป ไม่หือไม่อือ ไม่มีสติ เจ๊ฟู อิ๋ว ชาโนรวมกลุ่มเมาท์เจ้านายทันที
“ไรอ่ะ...หายไปวันหนึ่ง หลังจากยอมเปิดตัวแฟนเด็ก กลับมา ก็ไม่มีสัญญาณชีพอ่ะ แปลว่าอัลไล!”
“แปลว่าถูกดูดวิญญาณออกไปจนหมด ว้าย...บ.ก ร้ายอ่ะ คิดแล้วเขินแทน อิจฉาอ่ะ อยากถูกดูดมั้งอ่ะ นี่ๆๆ” อิ๋วว่าพลางตีเจ๊ฟู
“อีอิ๋ว! เจ็บ”
“เคร...โทษ”
ชาโนถาม
“เค้าอยู่ด้วยกัน ทำอะไรกันอ่ะเจ๊ ถึงได้หมดแรงขนาดนี้”
เจ๊ฟูกับอิ๋ว มองหน้าชาโนอย่างเซ็งๆ
“แทะเม็ดก๋วยจี๊มั้ง!” เจ๊ฟูว่า
เมเปิ้ลเดินลอยมา หยาดทิพย์กำลังแทะเม็ดก๋วยจี๊อย่างเมามัน ชนิดเอาเป็นเอาตาย พอเห็นเจ้านายสาวก็ตกใจ รีบซ่อนกระป๋องและซากเม็ดก๋วยจี๊ แต่ไม่ทัน เมเปิ้ลกราดเข้ามาจับมือ หยาดทิพย์ตัวแข็งกลัวตัวสั่น
“หนู...เครียดค่ะ ก็เลย แทะแก้เครียด ไม่ได้ตั้งใจกินเป็นอาหารหลัก แต่คงแทะเยอะ เลยอิ่ม ทานอะไรไม่ลง”
เธอมองหน้า หยาดทิพย์อึ้งกลัวถูกด่า โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเมเปิ้ลคิดถึงเรื่องเครียดของตัวเองอยู่ นั่นคือ...ย่าแสนสุข
เมื่อเช้านี้ คุณหญิงย่าบอกว่า
“หมั้นกันไว้ก่อน พอทำความรู้จักสนิทสนมกันสักพัก ค่อยแต่ง”
“หนูไม่แต่งงานกับเกย์!”
“เมเปิ้ล! พูดอะไรของเธอ”
“พูดว่า หนูไม่แต่งงานกับเกย์ค่ะ คุณย่า”
“ไปกล่าวหาเค้าว่าเป็นเกย์ทำไม”
“ก็เค้าเป็น หนูรู้”
แสนสุขอึ้ง
“คุณย่าไม่รู้สึกผิดปกติบ้างเหรอคะ ผู้ชายแท้ๆที่ไหนจะเหลือรอดปากเหยี่ยวปากกามาตกถึงท้องหนูได้จนอายุป่านนี้ เพราะเค้าไม่ชอบผู้หญิง เค้าชอบผู้ชาย”
ย่าไม่พอใจมาก
“เราอยู่กับพวกกะเทยเกย์มากซะจนมองใครก็เป็นอย่างนั้นไปซะหมด”
“ไม่จริง หนู”
“ฉันไม่ฟัง”
“คุณย่าขา แค่คุณย่าจะจับหนูคลุมถุงชนกับคนที่หนูไม่รัก ก็ว่าแรงพอแล้ว แต่นี่ จะให้แต่งกับเกย์อีก”
“อย่ามาใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดที่ย่าเลือกให้ มันฟังไม่ขึ้น!”
“ถึงหนูเป็นโสดไปจนตาย มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่ใช่เหรอคะ หนูอยู่คนเดียวได้”
“ถ้าเธอตายก่อนฉันมันไม่มีปัญหา แต่ถ้าฉันตายก่อนเธอล่ะ! ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าเธอไม่ได้นอนตายอยู่คนเดียวลำพัง ไม่มีใครเหลียวแล”
เธออึ้ง จุกกับความเป็นห่วงของย่าที่มีต่อเธอ
“อย่าทำให้ย่าต้องผิดหวังและเสียผู้ใหญ่ เพราะย่าตอบตกลงกับทางเจ้าสัวพ่อของตาตรัยคุณไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ต้องแต่ง!”
เธออึ้ง เมื่อเจอความเด็ดเดี่ยวของคุณหญิงย่า
เมธาวลัยจ้องหน้าหยาดทิพย์ บีบแขนแรง หยาดทิพย์ยิ่งกลัวตัวสั่น
"เธอกล้าดียังไง"
"หนูขอโทษ ต่อไปมื้อเช้า หนูจะกินข้าวมันไก่ ไม่เอาดีกว่า อ้วน ข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้วกัน โอย แคลอรี่สูงเกิ๊น งั้นกิน..."
เธอตัดบท
"กินเข้าไปเถอะ ยังไม่สามสิบ ลดไม่ยาก ก่อนสมองจะฝ่อเพราะไม่มีอาหารไปเลี้ยง ผู้หญิงห้ามหยุดสวย แต่ก็อย่าโง่!"
"ค่ะ คุณเมเปิ้ล"
เธอคว้ากระป๋องเม็ดก๋วยจี๊ขึ้นมา
"แก้เครียดได้ใช่มั้ย"
"ค่ะ"
"ฉันขอ"
"หือ?"
กฤษฎาเดินเข้ามา ยิ้มกว้าง
"สวัสดีครับ คุณเมเปิ้ล หยาด"
เธอรีบคว้าตัวกฤษฎาเข้าห้องทันที
"มานี่เลย!"
กฤษฎาตามไปด้วยความตกใจ
"ครับ ไปครับ"
เธอลากเขาเข้าห้องได้ปุ๊บ ปิดประตูปั๊บ
"จะลากกฤษเข้าไปกินแก้เครียดด้วยเหรอคะ คุณเมเปิ้ล!" หยาดทิพย์ถาม
สิ้นเสียงหยาดทิพย์ปุ๊บ เจ๊ฟู อิ๋วพุ่งเข้ามาเกาะประตูแอบฟังทันที
"ทำอะไร"หยาดทิพย์ถาม
"จะทำไม" เจ๊ฟูย้อน
"เอาด้วย"
หยาดทิพย์เข้าไปรวมกลุ่ม ชาโนทำงานอยู่ที่โต๊ะ มองมาอย่างเซ็งๆ ไทเกอร์เดินมาหยุดที่โต๊ะชาโน มองมาที่หน้าห้องเมธาวลัย แล้วถามชาโนแบบใกล้มาก
"พวกนั้นทำอะไรกัน"
ชาโนส่ายหน้ารีบหันหนีไปทำงานต่อ
"หึ"
ไทเกอร์แอบเซ็ง แต่สังเกตพฤติกรรมของชาวคณะต่อ
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 (ต่อ)
มุมหนึ่งบ้านณัฎฐาลินี ยามเช้าต่อเนื่องมา กุ๊งกิ๊งยื่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ให้
"เบอร์มือถือของคุณวายุบุตรค่ะ"
"ให้พี่ทำไม"
"เผื่อพี่จะอยากโทร.ไปถามไถ่เรื่องที่เค้าบาดเจ็บ น่าเห็นใจเค้าอยู่นะคะ ดูท่าทางเค้าเป็นคนดี"
"อาจจะสร้างภาพ จัดฉากให้พี่เห็นก็ได้ จะได้เลิกจิกเค้าสักที เราน่ะมองคนในแง่ดีเกินไป"
"ก็อาจจะใช่ แต่ก็น่าเสียดายนะคะ ถ้าความระแวงของพี่ทำให้เสียโอกาสที่จะทำความรู้จักคนดีๆคนหนึ่ง"
เธออึ้ง เมินเป็นอันแสดงถึงการปิดการสนทนา
กุ๊งกิ๊งวางกระดาษเอาไว้บนโต๊ะใกล้ๆ
"หนูขอไปคุยกับพี่ดวงก่อนนะคะ ไม่ได้มาเยี่ยมนานแล้ว"
"พี่ก็กำลังจะไปเอารถที่อู่เหมือนกัน เรียกแท็กซี่ไว้ เดี๋ยวคงมาแล้ว"
"ค่ะ"
กุ๊งกิ๊งยกมือไหว้ณัฎฐาลินี เธอรับไหว้แล้วออกไป กุ๊งกิ๊งมองพลางคิดว่า ณัฎฐาลินีปิดตัวเองมากเกินไป แล้วเดินเข้าบ้าน
กระดาษจดเบอร์มือถือ ถูกทิ้งไว้ สักพัก ผิดคาด ... ณัฎฐาลินีแวบกลับเข้ามา หยิบกระดาษ แล้วรีบออกไปก่อนที่กุ๊งกิ๊งจะมาเห็น
เธอยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าบ้าน ลังเลว่า จะโทร.หาวายุบุตรดีหรือไม่ !?
ในโถงโรงพยาบาล วายุบุตรใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ยืนมองมือถือตัวเองที่หน้าจอ ชื่อ “ณัฏฐาลินี” โชว์อยู่ เขาลังเลระหว่างกดโทรออก กับปิดการใช้งานโทร.ออกรายชื่อนี้
เสียงมือถือดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์ “ณัฏฐาลินี” เป็นสายโทร.เข้า เขาอึ้งแอบดีใจ แต่ก็ยังลังเลว่า จะรับหรือไม่รับ เขาตัดสินใจรับสาย แบบเก๊กขรึม
"ฮัลโหล"
เธอยังอยู่ที่หน้าบ้าน
"ฉัน...ณัฏฐาลินี"
วายุบุตรเสียงห้วนแต่แอบอมยิ้ม
"ครับ"
เธออึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอห้วนขนาดนี้ จนเริ่มอึดอัด
"ฉันแค่โทร. มาถาม ที่โดนต่อยเมื่อคืน เป็นไงบ้าง"
เขาแอบดีใจที่เธอโทร. มาด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันตอบ สิริมาเข้ามาพร้อมกับพนมที่นั่งรถเข็นผู้ป่วยมา
"ไปกันเถอะค่ะ คุณหมอรอตรวจอยู่" สิริมาบอก
วายุบุตรพูดกับสิริมา
"ไปสิ" เขาตอบสิริมา
"คุณ จะไปไหน"
" ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล"
เธอร้อนใจ รีบถามแทรก
"โรงพยาบาลอะไร คุณเป็นมากเหรอ อยู่โรงพยาบาลอะไร รีบบอกมาสิ!"
เขาอึ้ง แต่ยิ้มเลย
ภายในห้องประชุมบริษัท ปินัทธาซัดพีศทรรตเป็นชุดอยู่ เขานั่งฟังนิ่งอย่างอดทน
"ทำไมต้องเลื่อนแถลงข่าว ฉันยอมทุกอย่างแล้วไง ก่อนอื่น...สอนลูกหน่อยนะ เจอผู้ใหญ่ให้รู้จักไหว้ มือไม้จะแข็งไปไหน คนจะมองถึงพ่อแม่ว่าไม่สั่งสอนให้ลูกมีมารยาท"
ตมิสาแอบเยสทางสายตา พีศทรรตปรายตามอง ตมิสารีบเก็บอาการ นั่งเบียดโชว์นมต่อ
"เข้าเรื่อง" พีศทรรตว่า
"จะงอกสัญญาแนบท้ายเพิ่มยังไงก็ได้ ฉันยอม...นี่ มีเวลาใกล้ชิดลูกบ้างป่ะ ใกล้เคียงคำว่าเด็กนรกเข้าไปทุกทีแล้วนะ"
"อย่านอกเรื่อง"
"สุดท้าย ฉันก็จะยอมสารภาพเรื่องที่ฉันโกหกว่ามีแฟน จบ!"
ตมิสาหัวเราะสะใจมาก
"ฮ่ะๆๆ ทำไปได้คนเรา โกหกว่ามีแฟน ฮ่ะๆๆๆ"
พีศทรรตปราม
"ตมิสา"
"ขอโทษค่ะ เชิญต่อค่ะป้า"
"ไม่สวยแล้วยังเสียมารยาท"
"น้ำผึ้ง" พีศทรรตปราม
"ถึงตาคุณพูดแล้ว เชิญ เดี๋ยว ทำไมวันนี้ไม่ให้ลูกไปโรงเรียน"
"โอ๊ย! ยุ่งอะไรกับลูกผมนักหนา ผมดูแลของผมเอง"
"ไม่เคยมีใครเตือนคุณบ้างหรือไง...เลี้ยงลูกแบบนี้ ฉันไม่แปลกใจเลยที่ลูกคุณเป็นเด็กมีปัญหา"
"จะคุยเรื่องของคุณหรือเรื่องการเลี้ยงลูกของผม"
"เรื่องของฉัน"
"ที่เลื่อนแถลงข่าวเพราะเราต้องคุยกันใหม่อีกรอบ ผมเพิ่งได้รับข่าวร้าย"
"ใครตาย ยัยเมอร์ดี้เหรอ"
"น้ำผึ้ง"
เสียงเคาะประตู เมอร์ดี้หน้ายิ้มบาน ผลักเข้ามาพร้อมกับโตโต้
โตโต้ไหว้ทุกคนแล้วบอก
"สวัสดีค่ะ พาน้องเมอร์ดี้มาแล้วค่ะ"
เมอร์ดี้ไหว้เฉพาะพีศทรรต
"สวัสดีค่ะ เมอร์ดี้มารายงานตัวแล้วนะคะบอส"
"อุ๊ย! ตายยาก" ปินัทธาแอบเมาท์ "พูดถึงผีผีก็มา"
ตมิสาทำตัวบ่างช่างยุ เสียงดังมาก
"อะไรนะคะป้า พูดถึงผี ผีก็มา ป้าว่าน้องเมอร์ดี้เป็นผีเหรอคะเนี่ย!"
"เป็นชะนีหรือบ่าง เดี๋ยวตบปากแตก!"โตโต้บอก
เมอร์ดี้ตวัดสายตาคมกริบมองปินัทธา...แต่ยิ้มกลบ
"ป้าน้ำผึ้งมีอารมณ์ขันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ น่ารักจัง"
เธอแสยะยิ้ม หาได้สะทกสะท้านไม่
"ขอตัวไปเตรียมตัวเรียนแอ็คติ้งกับพี่เพทายก่อนนะคะบอส ตื่นเต้นจังเลย จะได้เป็นนางเอกเต็มตัว จะทำได้ดีเท่าที่นักแสดงรุ่นแม่ทำไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ"
"นางเอกเต็มตัว! เรื่องอะไร?"
"ก็เรื่องที่เราเล่นด้วยกันไงคะ อุ๊บ...สงสัยป้ายังไม่รู้เรื่อง อุ้ย ไม่ทันแล้ว ขอตัวนะคะ"
เมอร์ดี้รีบออกไป
"น่าน โยนระเบิดไว้ แล้วก็รีบไป" โตโต้บอก
เธอกับพีศทรรต
"ฉันต้องการคำอธิบาย"
"นี่แหละ ข่าวร้ายที่ผมกำลังจะบอก... เพราะการประกาศลาออกจากกองละครอย่างกระทันหันของคุณ และเค้าไม่มั่นใจว่าคุณจะกลับไป"
โตโต้เสริม
"เลยตัดปัญหาด้วยการให้ป้าไปตายซะ! หมายถึงในบทค่ะ"
"ผมคุยกับผู้จัดแล้วนะ แต่ไม่สำเร็จ ยังไงเค้าก็ยืนยันที่จะตัดบทคุณ ทางช่องก็รับรู้และไฟเขียว"
"แต่ช่องก็ใช่จะใจไม้ไส้ระกำค่ะบอส เมื่อเช้า ได้มีการเสนอบทแม่พระเอกให้ป้าเป็นการชดเชยค่ะ"
"บทแม่!"
"จึงจำเป็นที่เราต้องคุยกันใหม่เพื่อหาคำตอบที่สวยที่สุดให้นักข่าวและแฟนๆ"
เธอน้ำตารื้น ผิดหวัง โกรธจนตัวสั่น โตโต้กับตมิสาช่วยกันเก็บของตรงหน้าเธออย่างเร็วให้พ้นวิถีกระสุน กลัวเธอหยิบขึ้นมาเขวี้ยง ส่วนเขาถอยห่างออกมา ตมิสา โตโต้ตาม เตรียมตั้งรับพายุอารมณ์ของนางเอกสาวที่เริ่มตาขวาง กำมือแน่น แต่แล้ว....
"มันจบแล้วใช่มั้ย"
น้ำผึ้งหน้านิ่งมาก มีเพียงน้ำตาที่เอ่อออกมาอย่างผิดหวัง ทุกคนอึ้ง คาดไม่ถึง เหตุการณ์ตาลปัตร
ทางด้านกฤษฎานั่งตัวลีบอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มองเมธาวลัยใช้ความคิด เดินไปเดินมาด้วยความมึน
"ผมเวียนหัวครับ"
"ชู่! ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอ"
"ครับ"
"มาเป็นแฟนฉันอีกได้มั้ย"
เขาตกใจมาก เสียงดังมากร้อง "ฮ้า?!"
เธอเข้ามาปิดปากเขา
"อย่าเสียงดัง! ฉันไม่อยากให้ใครได้ยิน"
บริเวณหน้าห้อง เจ๊ฟู อิ๊วและหยาดทิพย์กำลังแนบหูฟังที่ประตู ไทเกอร์และชาโนเข้ามารวมกลุ่ม
หยาดทิพย์มีอาการขวยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไทเกอร์มาอยู่ใกล้ๆ
ภายในห้อง เธอค้างอยู่ในท่านั่งตักเขาและเอามือปิดปากเขาไว้
กฤษฎามองหน้าจนเธอเขิน
"อะไร"
กฤษฎาชี้ที่มือ เมเปิ้ลคลายมือออก เขาหันมาจับมือของเธอเอาไว้
"มือเค็มจังครับ...ล้างมือบ้างป่ะครับ"
เธอโกรธลุกจากตัก ผลักกฤษฎา ที่ร้อง "โอ๊ย!" ตามด้วยเสียงเก้าอี้ล้ม โครม! ทุกคนผงะ ตกใจร้อง "เฮ้ย! ว้าย"
"อย่าบอกนะว่า..." หยาดทิพย์ว่ายังไม่ทันจบประโยค
"แทะเม็ดก๋วยจี๊กันอยู่" ชาโนต่อ
ทั้งฝูงยังแอบฟังต่อ
ภายในห้อง กฤษฎาล้มคว่ำอยู่กับเก้าอี้ ไม่มีใครกล้าโวยเสียงดัง
"ทำร้ายร่างกายผมทำไม"
"ทีหลังอย่าทะลึ่ง !"
"ทะลึ่งตรงไหน แค่บอกว่ามือคุณเค็ม"
"อย่าบังอาจวิจารณ์รสมือฉัน ลุกขึ้น!"
"ไม่เคยผิด"
"บ่นไร"
กฤษฎาแกล้ง
"ลุกไม่ไหวครับ เจ็บสะโพก ไม่ขอโทษไม่เป็นไร แต่ช่วยฉุดผมขึ้นหน่อยได้มั้ยครับ"
"ก็ได้"
เธอเข้าไปช่วยฉุด เขาจงใจออกแรงกระชาก เธอล้มลงไปนั่งบนตักกฤษฎาอีกรอบ เธอตกใจ
"ว้าย!"
ที่หน้าห้อง ทุกคนตกใจ
"ว้าย! /เฮ้ย!"
เจ๊ฟูบอก
"อย่าบอกนะว่า..."
"แทะเม็ดก๋วยจี๋หมดแล้ว" ชาโนว่า
ทุกคนเข้าไปรุมแอบฟังต่อ
ภายในห้อง เธอนั่งอยู่บนตักของกฤษฎา สบตากันอย่างอึ้งๆ
"หายกันแล้วนะครับ"
"แกล้งฉันเหรอ"
เธอลุกขึ้นบีบคอกฤษฎา จนร้อง "โอ๊ย" เสียงดัง
ที่หน้าห้อง ทุกคนตกใจ
"ว้าย /เฮ้ย"
"อย่าบอกนะว่า..."อิ๋วบอก
ชาโนเสริม "ตอนนี้หันมาแทะกันเอง"
ทุกคนร้อง "ว้าย /เฮ้ย"
ไทเกอร์ปรี่เข้ามาเคาะประตูห้อง
"ทำอะไรน่าเกลียด ไม่ให้เกียรติสถานที่กันเลย! เปิดประตู พี่เมเปิ้ล!"
ประตูเปิดออกมา ทุกคนชะโงกเข้าไปมอง กฤษฎาเป็นคนเปิดประตูถือกระป๋องเม็ดก๋วยจี๊ ข้างในเมธาวลัยนั่งดูคอมพิวเตอร์แทะกินเม็ดก๋วยจี๊อยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่ได้...แบบว่า"
"แบบว่าอะไร" เมธาวลัยถาม
"เสียงดังโครมๆ" หยาดทิพย์บอก
"เสียงร้องโอ๊ยๆ"เจ๊ฟูเสริม
"ผสมเสียงหายใจฟืดฟาดติดๆขัดๆในบางจังหวะ" อิ๋วว่าต่อ
"อย่าบอกนะครับว่า..." ชาโนว่า
"ฉันให้กฤษฎาแกะเม็ดก๋วยจี๊ให้ฉัน เพราะฉันขี้เกียจแกะ เค้าแทะมันไปหน่อยจนตกเก้าอี้ แล้วเมื่อกี้ก็แกะช้าไม่ได้อย่างใจ เลยถูกฉันบีบคอ" เมธาวลัยอธิบายกลบเกลื่อน
ทุกคนอึ้ง เหรอ...
"หรือใครอยากจะมาแกะเม็ดก่วยจี๊ให้ฉันแทนกฤษฎา"
ทุกคนส่ายหน้า
"หรือใครคิดว่าฉันกำลังทำอย่างอื่นกับกฤษฎา"
ทุกคนส่ายหน้า
"หรือใครคิดว่าฉันไม่มีวิจารณญาณ แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก"
ทุกคนส่ายหน้า
"เตรียมประชุม!"
ทุกคนสลายตัว เธอแอบโล่งอก หันมาเห็นหน้ากฤษฎามองมาอย่างผิดหวัง เธอฉุน ปิดประตูกระแทกใส่หน้า หยาดทิพย์เข้ามาหากฤษฎา
"กฤษ...ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่มีโอกาส ไปคลิกกันได้ยังไงอ่ะ เร็วมากเลย หรือยังไง มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรอยู่หรือเปล่า ทุกคนสงสัยมาก"
กฤษฎาจะบอก แต่ก็เปลี่ยนใจ ตัดบท
"ทำงานเถอะ มีอะไรให้ช่วยเตรียมบ้าง"
"เตรียมจอโปรเจ็คเตอร์ในห้องประชุม"
กฤษฎายัดกระป๋องเม็ดก๋วยจี๊ให้หยาดทิพย์ แล้วเดินไป เธอมองตามเพื่อนอย่าง งงๆ ยังไม่หายสงสัย
ณัฏฐาลินีวิ่งหน้าตาตื่น พุ่งเข้ามาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล
"คุณคะ คุณ วายุบุตร อยู่ห้องไหนคะ"
พนักงานเช็คในคอมพิวเตอร์
"ไม่มีผู้ป่วยในชื่อวายุบุตรนะคะ"
"ไม่มี ไม่มีได้ยังไง ก็เค้าบอกว่า... เค้าไม่ได้บอกว่าเค้าแอดมิด เอ่อ ขอโทษนะคะ"
เธอปลีกตัวไปยังมุมหนึ่งเพื่อโทร.หาเขา
"ฮัลโหล"
"คุณไม่ได้แอดมิด คุณโกหก"
วายุบุตรยืนคุยมือถืออยู่ข้างหลัง ไม่ห่างกันมากนัก
"ผมบอกคุณตอนไหนว่าผมนอนรักษาตัว คุณถามผมแค่ว่าผมอยู่โรงพยาบาลอะไร แล้วคุณก็วางสาย"
"คุณจงใจปั่นหัวฉัน"
เขาเดินเข้ามา ใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ
"ผมคงไม่มีความสำคัญกับคุณขนาดที่จะทำอย่างนั้นได้หรอก เอ๊ะ หรือว่ามี"
"ฉันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมาร ใครเจ็บ ใครลำบาก ฉันย่อมเป็นห่วง"
เขามาหยุดข้างที่หลังเธอ
"แสดงว่าคุณเป็นห่วงผม"
เธออึ้ง รู้สึกว่ามีคนมาอยู่ข้างหลัง หันขวับ เห็นเขายิ้มให้ อยู่ในระยะใกล้มาก เธออายโดยไม่รู้ตัว รีบผละออก
"ฉัน...แค่มาดู ไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว"
"กลัวคุณไม่สนใจมากเลยรู้มั้ย"
"คุณไม่ได้โกรธฉันหรือไง"
"โกรธ แต่คนละเรื่องกับความคิดถึง"
เธอมองซ้ายมองขวา ไม่มีใครสนใจ ก็ฟาดเขาด้วยกระเป๋า เปรี้ยง!
"โอ๊ย! อะไร ทำร้ายร่างกายกันอีกแล้ว เดี๋ยวก็แจ้งตำรวจจับเลย"
"แจ้งเลย! ไม่เคยกลัว ปล่อย ฉันจะกลับ"
"วายุคะ!"
ทั้งสองหันไปตามเสียง เห็นสิริมายืนอยู่ หน้าตาบอกบุญไม่รับ
"สวัสดีค่ะ คุณลินี"
"สวัสดีค่ะ"
สิริมาบอกวายุบุตร
"ป๊าตรวจเสร็จแล้วค่ะ เหลือแค่รับยา ท่านหิวและก็อยากจะไปทานอาหารจีนที่ร้านประจำ"
"ไปสิ"
เธอจะเดินกลับ แต่เขาคว้ามือเธอไว้
"เชิญครับ"
"เชิญไปไหน ฉันจะกลับ"
"กลับได้ไง ทานข้าวกันก่อน"
สิริมาเข้าไปยืนประกบข้าง แสดงความสนิทสนม
"ท่าทางคุณลินีจะมีธุระ อย่ารบกวนเวลาเธอเลยค่ะ วายุ"
เธอมองและเข้าใจความหมายของสิริมา คิดถึงคำพูดของของกุ๊งกิ๊งก่อนหน้านี้
"แต่ก็น่าเสียดายนะคะ ถ้าความระแวงของพี่ทำให้เสียโอกาสที่จะทำความรู้จักคนดีๆคนหนึ่ง"
เธอเหลือบเห็นสิริมาขยับเช้าใกล้วายุบุตรอีก
"คิดว่า ไม่รบกวนหรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันเองก็รู้สึกหิวพอดี"
วายุบุตรอึ้ง แต่ยิ้ม ขณะที่สิริมาแอบไม่พอใจ
"ไปสิคะคุณวายุ ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้กราบสวัสดีคุณพ่อคุณด้วย ได้ยินแต่ชื่อมานาน"
"เชิญครับ"
ลินีเดินไปกับวายุบุตร ทิ้งสิริมาให้เดินรั้งท้าย ด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในห้องประชุม ปินัทธานั่งซังกะตายอยู่ที่เดิม คนอื่นๆนั่งดูเธอด้วยความเบื่อ
"บอสคะ ตมิสาขออนุญาตไปทำงานอื่นก่อนนะคะ กว่าป้าเค้าจะคืนร่างคงอีกสักพักมั้งคะ"ตมิสา "อืม"
ตมิสาค้อมตัวผ่านเขาไป ยังไม่วายต้องอ่อยสักนิด เขาถอนใจ เมินหน้าหนี ตมิสาเซ็ง เดินออกไป
โตโต้เดินเข้าไปเช็กสัญญาณชีพ ชูนิ้วชี้
"นี่กี่นิ้ว"
"นี่นิ้วเหรอ นึกว่าหนอน"
"ว้าย! ป้าอ่ะ บอสคะ ตอบได้ขนาดนี้ แสดงว่ามาเต็มแล้วค่ะ"
"มาเต็ม...แต่กำลังจะขาดใจ"
พีศทรรตเข้ามาจับไหล่ ดึงเธอให้นั่งตรงๆ
"จะขาดใจก็ต้องทำใจ ยอมรับปรับปรุง แล้วไปต่อไป ผมเชื่อนะว่าคุณต้องกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม"
"บิ้วท์ฉันให้ไปเป็นดาวไลน์ขายตรงหรือไง ไม่เอา! ฉันเกิดจากวงการนี้ ฉันก็ต้องตายกับวงการนี้"
"จริงจังได้แล้ว น้ำผึ้ง"
"แล้วฉันล้อเล่นกับคุณอยู่หรือไง ฉันจริงจังกับทุกคำพูดและการกระทำของฉัน แล้วไง...สุดท้ายก็ไม่มีใครเอา เพราะไม่มีใครต้องการคนคุณภาพ อยากได้แต่ของใหม่ในกระแส จะอ๊วก!"
พีศทรรต โตโต้ ผงะอีก กลัวเธอเขวี้ยงของ
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เป็นบ้าอย่างที่เคยเป็นแล้วล่ะ ฉันไม่ทำร้ายคนที่หวังดีกับฉันอย่างจริงใจเหมือนคุณและก็โตโต้หรอก ขอเป็นนางเอกสักเสี้ยวนึงของชีวิตบ้าง ฉันไม่อยากให้ทุกคนบนโลกนี้เกลียดฉัน"
เธอลุกออกจากห้องประชุมไป
"เดี๋ยวก่อนน้ำผึ้ง แล้วเรื่องแถลงข่าวล่ะ"
"ฉันให้คุณตอบแทนฉันทุกข้อ ฉันจะยอมรับทุกคำตอบของคุณ ลาก่อน"
พีศทรรตและโตโต้ต่างตกใจ
"น้ำผึ้ง/ป้า!"
เธอรีบออกไป
เธอท่าทางเหมือนจะไปตายอย่างที่ทุกคนเข้าใจ พีศทรรตกับโตโต้ตามมา
"เดี๋ยวก่อนน้ำผึ้ง ผมนับหนึ่งถึงสาม ถ้าคุณไม่หันมา ผมจะไม่ตามง้อคุณอีก"
เธอหยุดกึก ลังเล เมอร์ดี้เดินออกมากับเพทาย แล้วหยุดมอง
"ถ้าพี่เพทายแก่ตัวไป อย่าทำตัวเรียกร้องความสนใจคนด้วยวิธีนี้นะ น่ารำคาญ"
"หือ? แรงไปมั้ยอ่ะ" เพทายว่า
"เรื่องจริงป่ะล่ะ ไปสอนหนูต่อเหอะ เสียเวลา"
เมอร์ดี้เดินออกไป เพทายเดินตาม นึกไม่ชอบใจนิสัยของเมอร์ดี้
ปินัทธาหันไปเผชิญหน้าพีศทรรต
"กลัวฉันไปตายหรือไง"
"กลัว"
เธออึ้งเมื่อเห็นสายตาที่เป็นห่วงของเขา
"คุณเป็นเพื่อนผมนะ ผมเป็นห่วง"
"แล้วเมื่อไหร่จะเปลี่ยนใจเป็นแฟนอ่ะ"
พีศทรรตหน่าย "น้ำผึ้ง!"
โตโต้บอก "แรง!"
"พี่พีศ!"
ทุกคนตกใจ หันไปเจอชิชา กิ๊กของพีศทรรต สวย หมวย เซ็กซี่เข้ามา
"ชิชา!"
"ที่ทำตัวห่างเหิน ไม่ยอมรับโทรศัพท์ อ้างว่าไม่ว่าง เพราะต้องการจะชิ่งชิชาแล้วหันมากินปิ่นโตเน่าใกล้หมดอายุเนี่ยเหรอคะ"
"ว่าใครปิ่นโตเน่าใกล้หมดอายุ"
"ว่าป้านั่นแหละ"
"อ้าว"
ทุกคนสยอง เตรียมเจอศึกหนัก ทั้งตมิสา ญาดา และพนักงานทุกคนกรูกันเข้ามามุงดู เพทายลากเมอร์ดี้เข้ามา
"บอกแล้วไง ว่าไม่อยากจะรู้เรื่อง"
"กิ๊กบอสมาอาละวาดขนาดนี้ พี่คงไม่มีสมาธิสอนแล้วล่ะครับ ขอแปลงร่างเป็นผู้ชายอยากรู้แป๊บส์"
"กิ๊กบอสเหรอ"
เมอร์ดี้อยากรู้เรื่องขึ้นมาทันที ชิชาเข้ามาจ้องเอาเรื่องปินัทธา พีศทรรคตยืนปวดหัวอยู่ตรงกลาง
ภายในร้านอาหารจีน เวลากลางวันต่อเนื่องมา พนักงานยกอาหารมาเสริ์ฟเพิ่มเติมที่โต๊ะกานดาและคุณหญิงมณีนุช แม่ของธัญรดา
กานดายื่นไอแพดของตัวเองให้มณีนุชดูคลิปก๊วนคานทองประกาศแต่งงาน
มณีนุชรับมาดู แล้วนึกเหยียด
"ไก่แก่แม่ปลาช่อนทั้งนั้น ถึงได้ไม่มียาง"
"เธอต้องมาเห็นเหมือนที่ฉันเห็นเมื่อคืน มาหาผู้ชายถึงบ้าน ไม่พอ ยังจะเลื้อยเข้าหา เหมือนจะอกแตกตายเสียให้ได้ ถ้าไม่มีใครสนอง"
"แล้วอดีตลูกเขยฉันสนองให้ไปหรือเปล่าล่ะ"
"ฮ่ะๆๆ รายนี้ ท่าทางจะรอด เพราะถูกตาพีศไล่กลับบ้านเปิง"
"คงกะจะหาเบาะนุ่มๆไว้รองรับ หลังจากออกจากวงการล่ะมั้ง ผู้หญิงสมัยนี้ อยากรวยทางลัดด้วยการจับผู้ชายรวยๆกันทั้งนั้น"
ทั้งคู่หัวเราะให้กัน นึกหยันพวกผู้หญิงที่เป็นแมงเม่าในกองไฟ
พีศทรรตเข้าไปแยกเอาตัวชิชาออกมา
"กลับไปก่อน ชิชา มีอะไรค่อยคุยกัน"
ชิชาสะบัดหลุด ตบหน้าพีศทรรตเปรี้ยง ทุกคนตกใจ
"ว้าย!"
แม้จะโกรธ แต่เขาพยายามใจเย็น ปินัทธาเดินฉับๆ ไปดึงตัว แล้วตบเปรี้ยงไปที่หน้าชิชา ทุกคนตกใจ
"ว้าย!"
"อย่ามาทำร้ายเพื่อนฉัน"
พีศทรรตอึ้ง นึกซึ้งใจในตัวเธอ ทุกคนในออฟฟิศ ต่างซึ้งใจ ยกเว้นเมอร์ดี้
"แก!"
ปินัทธาเงื้อมือ
"หรืออยากโดนอีก น้ำหนักมือฉันพอๆกับแตงโมจินตหรานะ หรืออยากลอง!"
ชิชาชะงัก
"พ่อแม่เธอไม่ได้สั่งสอนหรือไง ว่าคุณค่าของลูกผู้หญิงอยู่ที่ไหน อยู่ที่สมอง" ปินัทธาจิ้มไปที่กะโหลกชิชา... "มีปัญหากัน ก็นัดกันไปเคลียร์ในที่ส่วนตัว เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่ของสาธารณะ อย่ามาพล่าน จนทำให้ตัวเองราคาตก แต่งตัวก็ดูขึ้นห้างดีอยู่หรอก แต่พฤติกรรมยิ่งกว่า
ของเสิ่นเจิ้น!"
"ขอกระทืบไลค์แรงๆสำหรับสเตตัสนี้จ้า!" โตโต้บอก
ทั้งตมิสา เพทาย และทุกคนพากันตบมือ พีศทรรตแอบยิ้ม ชิชาอายคนมาก ทำอะไรไม่ถูก ร้องกรี๊ดเลย
"แอร๊ย"
ทุกคนแสบแก้วหูมาก ญาดาเดินออกมา เธอเห็นท่าทางของชิชาเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เด็กดู
"คุณพีศ! รีบพาลูกออกไปให้พ้นๆเลยไป เดี๋ยวติดตา"
"แอร๊ย"
พีศทรรตรีบอุ้มลูกสาวออกไป เธอลากตัวชิชาออกไปจากออฟฟิศ
"ปล่อยฉัน"
"ปล่อยก็ได้ โตโต้ เรียกร.ป.ภ หิ้วมันออกไป"
"ไม่ต้อง ฉันออกไปเองได้"
"เออ เชิญ อย่าเดินช้านะ "
"กะเทยรอช้อน!" โตโต้บอก
"ชะนีรอซ้ำ!" ตมิสาขอแจม
ชิชากลัว รีบออกไปเลย
โตโต้/ตมิสาแตะมือกันอย่างชอบใจ "give me five จ้า!"
ปินัทธาหัวเราะชอบใจกับโตโต้และตมิสา /ตมิสาหันมา เห็นเพทายยืนหัวเราะด้วยอยู่ข้างๆ ก็เชิดใส่ จนอีกฝ่ายหน้าจ๋อย
พีศทรรตอุ้มญาดา แล้วหันกลับไปมองน้ำผึ้งด้วยความรู้สึกประทับใจ เมอร์ดี้ลอบมองอย่างไม่พอใจ
ภายในร้านอาหารจีน มณีนุชคุยกับกานดาอย่างออกรส
"น่าแปลกนะ จู่ก็กลายเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าฉันเห็นลายก่อนที่ตาพีศจะแต่งกับยัยรดา ฉันคงไม่ผลักให้ลูกไปตกนรก"
"รดารักตาพีศมากนะ ถึงตอนนี้ฉันเชื่อว่าก็ยังไม่ลืม"
"แล้วไง จะให้กลับไปกินน้ำใต้ศอกผู้หญิงคนอื่นหรือไง"
"ถ้ารดามีความอดทนกว่านี้อีกสักนิด ก็จะเห็นว่า ผู้หญิงพวกนั้นมันแค่ของเล่นชั่วคราวที่ตาพีศไม่เคยจริงจังคิดเอาเข้าบ้าน เรายังมีความหวังนะมณีนุช เธอไม่อยากเห็นรดาได้อยู่กับคนที่รักรึ"
"แล้วถ้าเกิดว่ายัยน้ำผึ้ง ปินัทธา แม่ดารารอบจัดนั่น ไม่ยอมรามือล่ะ เธอจะรับมือยังไง ให้ลูกสาวฉันกลับไปอย่างสง่างาม"
ณัฎฐาลินีเดินมากับวายุบุตร กำลังจะนั่งเก้าอี้ข้างหลังมณีนุช และได้ยินเข้าพอดี เธอชะงัก ก่อนจะลงนั่ง โดยมีวายุบุตรคอยเทคแคร์ พนมกับสิริมา เข้ามานั่ง โดยสังเกตพฤติกรรมของวายุบุตรและทนายสาวตลอดเวลา พนักงานเข้ามาบริการ
"ผมดีใจ ที่ได้เจอตัวจริงคุณลินี หลังจากที่ได้ยินแต่ชื่อมาสักพัก"
"คิดว่าคงเป็นชื่อ ที่ท่านอาจจะไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ ใช่มั้ยคะ"
"ฮ่ะๆๆ ใครจะปลื้มคนที่เอาแต่จ้องจะฟ้องร้องธุรกิจของเราล่ะหนู"
"ค่ะ หนูทำตามหน้าที่ของหนู โดยให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ของมัน"
วายุบุตรเริ่มอึดอัด
"ผมโทร.สั่งอาหารของป๊าล่วงหน้าแล้ว คุณลินีอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย"
"ถ้าทานลงนะคะ" สิริมาว่า
"อ๋อ...ลงแน่นอนค่ะ ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ"
"อาหารจีนเนี่ยเหรอคะ"
"ของฟรีค่ะ"
พนมและวายุบุตรถึงกับสำลักน้ำชา
"ขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ ไม่อยากร่วมโต๊ะกับทุกคนโดยที่มือตัวเองสกปรก"
ทุกคนบนโต๊ะถึงกับอึ้ง เธอลุกจากโต๊ะไป ทั้งหมดมองตาม พนมรู้สึกนิยมอยู่ลึกๆ กับการไม่กลัวคนของมิตรใหม่ของลูกชาย
อีกมุมหนึ่งร้านอาหารจีน ณัฏฐาลินีแอบถอนหายใจ ผ่อนคลายจากความเครียดที่ต้องเผชิญหน้ากับพนม ผ่านโต๊ะหนึ่งไป โดยไม่ได้สังเกตคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
คุณหญิงแสนสุข กำลังทานข้าวอยู่กับวุฒิและมารยาท วุฒิทานไปเรื่อยๆ เฉยๆ ส่วนมารยาททานไม่ค่อยลง เพราะไม่ค่อยลงรอยกับแม่ผัว
"ทำไมยัยจิลลายังไม่มา ตาวุฒิ"
วุฒิหันมองมารยาท
"ลูกถึงไหนแล้วคุณ"
"เพิ่งโทร.มาบอกว่าไม่มาแล้ว ต้องไปรับแฟนที่สนามบิน"
วุฒิพูดกับแสนสุข
"คุณแม่ครับ หลาน..."
แสนสุขวางตะเกียบลงอย่างไม่พอใจ
"ได้ยินแล้ว! อุตส่าห์ชื่อมารยาท แต่ไม่มีมารยาท ฉันถามหล่อน แต่พูดผ่านผัว ไม่สงสัยเลย ว่ายัยจิลเอานิสัยแย่ๆมาจากใคร ถ้าไม่ใช่แม่"
มารยาทวางตะเกียบ อิ่ม เซ็งหับแม่ผัว
"ค่ะ ทราบค่ะ ว่าหนูไม่ใช่ลูกสะใภ้ในฝันของคุณแม่"
"คุณ...ไม่เอาน่ะ คุณแม่ท่านเตือน"
"เตือน? ค่ะ เตือน...แต่แถวบ้านเรียกจิกหัวด่าค่ะ ด่ามาจะสี่สิบปีแล้วก็ยังด่า เหมือนเดิม ซ้ำซาก ไม่เหนื่อยเหรอคะคุณแม่"
"ต่ำ!"
มารยาทชักสีหน้า วุฒิจับมือของเมียเอาไว้ ไม่ให้เปิดศึก มารยาทเมินหนี
"ถ้าไม่จำเป็น ฉันก็ไม่อยากมาวิสาสะกับหล่อนให้เสียเวลา ตาวุฒิ!"
"ครับ คุณแม่"
"ฉันเรียกแกมาเพื่อแจ้งให้รับรู้ ฉันจะหมั้นยัยเมเปิ้ลกับตาตรัยคุณ ลูกชายเจ้าสัวพจน์ ไปหาฤกษ์มาให้ฉันด้วย"
วุฒิกับมารยาทตกใจ
"คุณแม่จะไปเจ้ากี้เจ้าการเรื่องนี้ของเมเปิ้ลไม่ได้นะคะ !"
"ทำไมจะไม่ได้"
"ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ต้องตามใจผู้นอน บังคับกันไม่ได้"
"แต่ฉันจะไม่มีวันยอมให้หลานที่ฉันเลี้ยงมากับมือ เลือกคู่ชีวิตผิดพลาด เหมือนที่ฉันเคยปล่อยให้พ่อ ให้พี่สาวของเค้าเลือก หึ...มีแต่พวกกะเฬวราก"
มารยาทโกรธมาก วุฒิรีบจับแขนเอาไว้ กดให้สงบ
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 (ต่อ)
แสนสุขบอกมารยาท
"ฉันกลับล่ะ ไม่ต้องไหว้นะ เพราะฉันไม่รับ"
มารยาทโกรธแต่ก็ไหว้ ซึ่งแสนสุขไม่รับไหว้จริงๆ
วุฒิยกมือไหว้)
"สวัสดีครับคุณแม่"
"อย่าลืมนะตาวุฒิ รีบจัดการให้เรียบร้อย เรื่องสินสอดไม่ต้องห่วง ฉันจะเรียกให้สมน้ำสมเนื้อ แต่ฉันจะให้คืนหลานไปเป็นทุนชีวิต บอกเมียแกด้วยว่า...อด"
"ครับคุณแม่"
แสนสุขลุกเดินออกไป มารยาทเจ็บใจมาก
"คุณ คุณแม่บอกว่า..."
"ได้ยินแล้ว! แม่คุณเนี่ย...ปีศาจในร่างคนชัดๆ แล้วมื้อนี้ใครจะจ่าย ไม่ใช่ถูกๆ"
วุฒิถอนใจ กลุ้มใจ แรงทั้งแม่ทั้งเมีย
ในห้องประชุม เมธาวลัยนั่งดูรูปดารา นางแบบต่างๆในจอ ที่เจ๊ฟูนำเสนอขึ้นปก หนึ่งในนั้นมีเมอร์ดี้
"น้องเมอร์ดี้ ไอดอลคนใหม่ของวัยรุ่น น่าสนใจมาก เหมาะมากที่จะขึ้นปกเล่มเดือนหน้า คอนเซ็ปต์ ฟอร์เอฟเวอร์ยัง...สวยฆ่าไม่ตาย ต้อนรับหว่อเค้ชั่น! ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้น"
ชาโนสีหน้าหื่นรีบยกมือก่อนเลย
"ผมก็เห็นด้วยนะ ได้ข่าวว่าละครกำลังจะออนแอร์ด้วย ได้ข่าวว่าช่องดันขึ้นมาเป็นนางเอกแทนคุณน้ำผึ้ง ปินัทธา ได้ข่าวว่า ถึงขั้นเปลี่ยนบทให้คุณน้ำผึ้งรีบตายไปเลยนะ" ไทเกอร์ว่า
"อุ๊ตะ! มาถึงจุดดับของอาชีพ" อิ๋วบอก
เมธาวลัยยิ้มมุมปาก
"เอามาทั้งสองคน ทั้งน้องคนนี้กับน้ำผึ้ง ปินัทธา"
หยาดทิพย์บอก
"สองคนนี้ไม่ถูกกันนะคะ บ.ก."
"ไม่ถูกกันแหล่ะดี ฉันชอบเคมีที่จะส่งออกมา การแข่งขัน การเอาชนะ มันทำให้คนอ่านรู้สึกถึงพลังของความมีชีวิตที่ไม่มีวันตาย"
กฤษฎามองหน้าเธอที่ฟินมาก แล้วขำ
"ถ้าไม่ได้ล่ะคะ" เจ๊ฟูบอก
"IT’S A MUST! ต้องได้! เลิกประชุม"
เมธาวลัยเดินออกไป...กฤษฎาจะออก แต่ถูกเจ๊ฟู อิ๋ว ชาโน จกตัวเข้ามา ทุกคนรุม
"จะทำอะไรผม"
ไทเกอร์ก้าวเข้ามาหา อย่างน่ากลัวมาก
"ตอบคำถามพวกเรามาเดี๋ยวนี้ นายเป็นแฟนกับบ.กจริงหรือเปล่า ตั้งแต่ตอนไหน อย่างไร หรือทั้งหมดคือการโกหกเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง"
กฤษฎาอึ้ง ลังเล คิดถึงตอนที่เมธาวลัยมาขอให้เป็นแฟนกันอีก เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เธอมีเรื่องอะไร ถึงได้กลับมาง้อ
"ว่าไง!" ไทเกอร์รุก
กฤษฎา จะตอบว่าเป็นหรือไม่เป็นดีนะ
บริเวณทางเดินมาลานจอดรถ กฤษฎาถือกระเป๋าโน้ตบุ้ก เอกสาร มาส่งเมธาวลัย
"แล้วเธอตอบพวกนั้นไปว่าไง หือ?"
"ผมตอบไปว่า ผมเป็นแฟนกับคุณจริงๆ"
เธอดีใจ เข้าไปกอดกฤษฎา
"ขอบใจนะ กฤษ ขอบใจ!"
"ทำไมคุณถึงอยากให้ผมเป็นแฟนของคุณอีก"
"คือ ฉัน..."
ใบหน้าของแสนสุข สั่งให้เธอแต่งงานเข้ามาในความคิด เธอต้องโกหก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่แต่งงาน
"ฉัน... ชอบเธอจริงๆ"
"หือ?"
"และเธอก็ชอบฉันเหมือนกันใช่มั้ย ฉันดูออก ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว ไม่อยากเสียเวลาชีวิตมัวแต่แอ๊บอาย ถ้าชอบกันก็คบกันเลย แต่ถ้าไม่ ก็จบ...หาใหม่ ว่าไง ชอบฉันใช่มั้ย คบกันเลยนะ แล้วเดี๋ยวเราไปเจอเพื่อนฉันที่ฟิตเนสด้วยกัน"
"ผมชอบคุณนะ"
เธอหัวใจพองโตมาก "กฤษ!"
"ในฐานะเจ้านายที่ทำงานเก่งเท่านั้นครับ"
"หา?"
"แต่ผมจะไม่บอกใครในออฟฟิศแล้วกันครับ เดี๋ยวคุณจะเสียหน้า รอให้คุณหาแฟนได้จริงๆ ค่อยบอกทุกคนว่าคุณขอเลิกกับผม เพราะผมเด็กเกินไป"
เธอวีน
"นี่ จะเล่นตัวอะไรนักหนา คนอย่างฉันยอมง้อขอเธอเป็นแฟน นี่บุญมากเลยนะ ทำไม หรือว่าฉันแก่ แก่แล้วไง ยังฟิตแอนด์เฟิร์ม พิสูจน์มั้ย"
"เพราะผมมีแฟนตัวจริงอยู่แล้วต่างหากครับ"
"หือ?"
"นี่ครับ ของ"
กฤษฎายื่นกระเป๋าทั้งหมดใส่มือเ เธอหน้าเหวอ รับของมา เธอมองภาพที่เขาวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ เหมือนถูกหินก้อนเท่าบ้านหล่นใส่หัว
บนโต๊ะอาหารจีน พนมตักอาหาร ไม่รอณัฎฐาลินี สิริมาเอาใจ แต่วายุบุตรยังไม่ยอมทาน
"ไม่กินล่ะ วายุ"
"รอคุณลินีครับ"
"ป๊าไม่รอ คงไม่ว่าป๊าเสียมารยาทนะ"
"จะมีใครว่าได้ล่ะครับ"
"ผู้หญิงของแกไง"
"เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงของผมครับ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ"
"คนนี้ใช่มั้ยที่แกบอกว่าเหมือนหนังสือที่อยากเปิดอ่านไปเรื่อยๆ"
วายุบุตรยิ้มๆ สิริมาลอบสังเกตด้วยความปวดใจ
"ป๊าว่าก็เข้าท่าดี ไม่กลัวคน แต่สายตาดูเศร้า เหมือนเก็บซ่อนความเจ็บปวดบางอย่างเอาไว้"
"ครับ"
วายุบุตรยิ้ม ไม่ตอบ ได้แต่เขิน สิริมาบีบมือตัวเอง นั่งเงียบ เก็บอารมณ์
ในห้องน้ำ ณัฏฐาลินีล้างมือในซิงค์ มองตัวเองในกระจก
"จิตแข็งไว้ลินี เจอตัวพ่อแล้ววันนี้...ต้องได้อะไรกลับไปบ้างสิน่า"
เธอจะออกไป พอดีกับที่กานดาและมณีนุชเข้ามา เธอเลยเปลี่ยนใจยังไม่ออกจากห้องน้ำ ทำทีเป็นเดินไปล้างมืออีกรอบ คอยเงี่ยหูฟัง
กานดาและมณีนุชมาล้างมือ บ้างเติมลิปสติก สำรวจตัวเองในกระจก
"ไปบอกให้รดาสบายใจเถอะ สมบัติทุกชิ้นของฉัน ซึ่งก็คือของตาพีศ ไม่มีทางกระเด็นเข้ากระเป๋าคนอื่น"
"ฉันบอกแล้วไง...ฉันไม่ข้องใจในความตั้งใจของเธอ แต่อย่าลืมนะ ตาพีศไม่ใช่พระอิฐพระปูน วันดีคืนดีถูกยัยน้ำผึ้งร้อนสวาทรวบหัวรวบหาง เธอจะทำอะไรได้"
เธอทนไมไหวพูดขัด
"ก็อยู่เฉยๆสิคะคุณป้า"
ทั้งกานดา และมณีนุชมองหน้าเธออย่างงงๆ ตกใจที่จู่ๆเจอคนแปลกหน้าสวนมา
"ขอโทษนะคะ คือว่าจะไม่แล้วอ่ะค่ะ แต่ทนไม่ไหว คนจะรักกันชอบกัน แต่เข้าไปขวาง บาปนะคะ ยิ่งเอาคนอื่นมานินทาลับหลังเสียหาย เป็นลูกผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ พูดจาดูถูกกันอยู่ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ไปรู้จักนิสัยใจคอเค้าเลย ยิ่งบาปหนาค่ะ คงไม่ตายดี ขอบคุณค่ะ"
เธอเดินสะบัดบ็อบออกไป ทิ้งให้กานดาและมณีนุชยืนอึ้ง เหวอ
เธอเดินมาที่โต๊ะ ยิ้มชอบใจที่ได้โต้ตอบแทนเพื่อน
"ก็อยู่ที่แก จะทะลายกำแพงแห่งอคติที่อยู่ในใจของเค้าได้หรือเปล่า"
"แสดงว่าป๊ายอมรับ ถ้าผมจะเดินหน้าสานความสัมพันธ์กับคุณลินี"
"ป๊าไม่ยอมรับ"
วายุบุตรอึ้ง โดยที่ยังไม่ได้สังเกตเห็นว่า เธอก็ได้ยินและยืนอึ้งอยู่
"ป๊าพอใจสิริมา และป๊าก็รู้ว่า แกสองคนกลับมารักกันใหม่ได้ไม่ยาก สิริมาเหมาะกับแกที่สุดแล้ว เค้าจะเข้าใจ ยอมรับ ตัวตนและธรรมชาติของเราได้มากกว่าผู้หญิงคนนั้น"
"แต่ผม..."
ณัฎฐาลินีเข้ามาขัดจังหวะ หยิบกระเป๋า จะกลับแล้ว
"ขอโทษนะคะ"
วายุบุตรตกใจ คิดว่าเธอต้องได้ยินแน่ๆ
"คุณลินี"
"หนูคงต้องขอตัวกลับก่อน"
"ไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอหนู" พนมถาม
"ไม่ดีกว่าค่ะ คิดว่า...มาเพื่อคุยอย่างเดียวดีกว่า อย่าทานข้าวที่จ่ายด้วยเงินบาปของพวกคุณเลย"
ทุกคนอึ้ง
"คุณลินีพูดแบบนี้ ไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอคะ"
"แล้วที่ดิฉันกลายเป็นกระเด็นสนทนาของพวกคุณ โดยที่ดิฉันไม่ได้อยู่ด้วย ไม่เสียมารยาทเหรอคะ ดิฉันไม่เคยคิดจะเข้าไปแจมอยู่ในครอบครัวพวกคุณแน่นอน เพราะดิฉันไม่มีทางยอมรับหรือเข้าใจตัวตนและธรรมชาติของพวกคุณได้ สวัสดีค่ะ"
เธอเดินออกไปอย่างไม่พอใจ วายุบุตรจะตามไป
"วายุ นั่งลง ป๊าสั่ง"
วายุบุตลงนั่งอย่างอึดอัด สิริมาแอบยิ้มอย่างพอใจ
ญาดานอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน พีศทรรตนั่งอยู่ข้างๆ ตบหลังเบาๆเพื่อกล่อม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
"เข้ามา"
น้ำผึ้งเปิดประตูเข้ามา เห็นญาดาหลับอยู่ จึงค่อยๆปิดประตูลงเบาๆ
"คิดว่ากลับไปแล้วซะอีก"
"ฉันนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ ไม่อยากออกไปทั้งที่ยังพลุ่งพล่าน"
"ทำเป็นด้วยเหรอ"
"คนเราควรจะเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้าง จะได้ไม่แก่กะโหลกกะลา"
"ตกลงเอายังไง"
"แล้วแต่คุณเห็นสมควร ฉันยอมแพ้ ไม่รู้จะดื้อเพื่อเอาชนะไปทำไม สุดท้ายฉันเองนั่นแหละที่เจ็บ อีกอย่าง ฉันเชื่อว่าคุณต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฉัน"
"ขอบคุณที่ไว้ใจผม"
"เพราะเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอคะ"
"ใช่"
"น่าเสียดายนะคะ จริงๆแล้วคุณเป็นคนดี จิตใจดี มีทุกอย่างพร้อม ฉันภาวนา...อยากเป็นมากกว่าเพื่อน แต่รู้ค่ะว่าคุณไม่ชอบผู้หญิงแบบฉันหรอก"
พีศทรรตอึ้ง ยิ้ม
"ฉันคงต้องไปหาเพื่อนเพื่อบอกความจริงแล้วล่ะ อ้อ ตกลงทำไมวันนี้ลูกคุณไม่ไปโรงเรียน"
"แกไม่ค่อยสบาย แต้วลาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วย แม่ผมก็ไม่อยู่ ผมเลยพามาด้วย"
"เหนื่อยหน่อยนะคะ ซิงเกิลแด๊ด"
"เหนื่อยแต่มีความสุข"
"ใกล้ชิดลูกมากๆนะคะ ไม่มีแม่อยู่ด้วย คุณต้องทำหน้าที่เป็นให้ได้ทั้งพ่อและแม่"
"ขอบคุณ"
เธอเดินออกไป ปิดประตูอย่างแผ่วเบา พีศทรรตลงนั่ง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ถ้าจะเล่นตามเกมน้ำผึ้ง และใช้เป็นกันชนกานดาที่พยายามจะดึงเอาธัญรดาเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
เธอปิดประตูห้องลง หันมายิ้ม ขนลุกกับตัวเอง
"นางฟ้าชัดๆอ่ะ ที่เหลือก็ลุ้น ให้เค้ามาขอฉันเป็นแฟน การแสดงใช้ได้กับชีวิตจริง จริงๆนะ ขอโบก หึหึหึ"
พีศทรรตเปิดประตูโผล่ออกมา
"น้ำผึ้ง!"
เธอดีใจ เตรียมตอบรับการขอเป็นแฟนเต็มที่
"คะ ว่าไงคะ รีบพูดมาเลยค่ะ ฉันรอฟังอยู่"
"อย่าหมดหวังนะ บางคนกว่าจะเจอเนื้อคู่ อายุห้าสิบหกสิบก็มี ผมเอาใจช่วยให้คุณเจอคนที่ใช่คนนั้น โชคดี"
เธออึ้ง เสียงมือถือพีศทรรตดังขึ้น พีศทรรตรีบรับ
"ฮัลโหล ว่าไงคะ น้องเอิน คิดถึงสิคะ ว่าจะโทรหาพอดี"
พีศทรรตเดินเข้าห้องไป คุยกับกิ๊กคะขา เธอมองตามตาละห้อย ชายที่เล็งไว้หลุดมือไปแล้ว เขาปิดประตูใส่อีกต่างหาก
"ปิดประตูใส่ด้วยอ่ะ เฮ้อ"
เธอคอตก เดินออกไปอย่างเซ็งๆ ตมิสาเดินเข้ามา มองตามอย่างงงๆ
"พูดอะไรคนเดียว สงสัยเสียใจจนเพี้ยน"
มุมหนึ่งในฟิตเนส ณัฎฐาลินีต่อยเป้าที่เป้เป็นคนถือแบบไม่ยั้ง จนเป้แทบทรุด
"น่านแหละ ลินี ใส่มา เอ้า แย้บ ซ้ายๆ ขวาๆ ซ้ายๆ ขวาๆ ฟุตเวิร์กโยกตัวหลบ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ฮุก ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ตีเข่า ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา พอ!"
แต่เธอไม่พอ จับคุณเป้มาตีเข่าปักๆ
"อ๊าก อ๊าก!"
ภัทรวลัยเข้ามาขวาง
"ลินี บ้าจริง ผัวฉันบอกให้หยุดแล้วนะ"
เธอได้สติ
"ขอโทษ ลืมตัว มัวแต่แค้น"
"แค้นใคร"
"ช่างเหอะ"
"นี่ถ้าผัวฉันเป็นหมัน ใครรับผิดชอบ"
"แกก็หาผัวใหม่สิ"
เธอเดินหนี เป้รีบเด้งขึ้นมา หายดี
"เอ่อ ผมแข็งแรง ไม่มีใครทำอะไรเป้น้อยได้จ๊ะ ที่รัก"
"ไปพักก่อนนะคะพี่เป้ เดี๋ยวคืนนี้ไม่ไหว"
ภัทรวลัยประคองไปเป้ไป พลางคุยไป
"คืนนี้อีกเหรอจ๊ะ ที่รัก โอว...ฟิต"
"ช่วยเค้าแพ็คเครื่องสำอางค์ส่งลูกค้าไง คิดว่าทำอะไรคะ บ้าจริง"
"แหม ดูหน้าเค้าสิ ไม่คิดอะไรอย่างอื่นแล้วในช่วงข้าวใหม่ปลามัน"
"บ้า! งั้นทำสองอย่างเลย"
"ได้อยู่แล้ว เทพซะอย่าง"
"มันบ้ามากๆเลย คริคริคริ"
เป้ และ ภัทรวลัยเดินมาที่มุมอุปกรณ์ในฟิตเนส แล้วทั้งสองคนก็ชะงัก ปินัทธายืนมองอุปกรณ์นิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
"น้ำผึ้งเขายืนจ้องอุปกรณ์ทำไม"
"มันคงเพ่งหาหวยอยู่" ภัทรวลัยบอก
"เพื่อนคุณเล่นหวยเหรอ"
"พูดเล่นค่ะ....อุ๊ตะ! ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ พี่เป้"
"จะหกโมงแล้วจ๊ะ"
"ถึงเวลาสนุกแล้วสิ ลินีกับน้ำผึ้งมาแล้ว ขาดก็แค่เมเปิ้ล"
ภัทรวลัย กับเป้เตรียมตัวเจอช่วงเวลาลุ้นระทึกที่เพื่อนๆจะพาแฟนมาโชว์ตัว
เมธาวลัยเดินเข้าประตูฟิตเนสด้วยความเครียด
"พัง!"
เธอเดินเข้าไปด้านใน แล้วก็ชะงัก หันเดินออกไปใหม่
"ฉันไม่ยอมพังเด็ดขาด"
เธอเดินออกมานอกประตู แล้วเปลี่ยนใจ
"พังก็พัง"
เธอเดินเข้าไปใหม่ แล้วเปลี่ยนใจ เดินออกมาอีกครั้ง
"ไม่มีทาง"
เธอเดินออกมาแล้ว ชะงัก เปลี่ยนใจ เดินกลับเข้าไปใหม่
"เป็นไงเป็นกัน"
ทันทีที่เธอกำลังจับประตูเพื่อผลักเข้าไป มือของกฤษฎาเข้ามาจับมือของเธอเอาไว้ เธอชะงัก หันมองเห็นเขายืนยิ้มอยู่ก็ตกใจ
ณัฎฐาลินีนั่งดื่มกาแฟ ดูไอแพดไปเรื่อยเปื่อย เครียด วาง ก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะ จู่ๆก็มีแก้วกาแฟมาวางลงตรงหน้า เธอสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง วายุบุตรลงนั่งดื่มกาแฟ ยิ้มให้ เธออึ้งและเหวอไปทันที
ปินัทธาตัดสินใจจะวิ่งบนลู่วิ่ง ขึ้นไป กดเปิด สายพานเริ่มเคลื่อนที่ ช้าๆ จนเร็วขึ้นๆ ทันใดนั้นก็มีมือมากดปิด เธอหัวแทบคว่ำ หันไปจะวีน ก็ชะงัก
พีศทรรตยืนยิ้มอยู่ เธอตกใจ จนเกือบตกจากอุปกรณ์
อ่านต่อตอนที่ 5