xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 10

เช้าวันใหม่ เมธาวลัยนอนหลับ หน้ายิ้ม พริ้ม กอดตุ๊กตา เสียงเคาะประตูดังขึ้น

"เมเปิ้ล!"
เธอขยับตัวตื่น แสนสุขยังคงเรียก เธอมองดูนาฬิกายังไม่เจ็ดโมงเช้าด้วยซ้ำ เธอประหลาดใจ ทำไมย่าถึงปลุกเธอแต่เช้า

แสนสุขเดินมายังมุมหนึ่งในบ้าน หน้าตาเฉยเมย ยังงอนและโกรธหลานสาวอยู่
"คุณย่าจะให้หนูไปวัดด้วยทำไมคะ ปกติก็มีป้าอิ่มไปเป็นเพื่อน เช้านี้หนูมีงานต้องเคลียร์ที่ออฟฟิศ"
"ให้ลูกน้องเอางานไปให้ทำที่วัดสิ หรือไม่ก็ไปประชุมที่โน่น"
"มันจะดีเหรอคะ"
"ดี!"
"คุณย่าขา คุณย่าคิดจะทำอะไรกันแน่คะ"
"ทำในสิ่งที่ควรทำ เธอจะคิดยังไงฉันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัว จวนได้เวลาแล้ว"
"ได้เวลาอะไรคะ"
อิ่มเข้ามารายงาน
"คุณตรัยคุณมาถึงแล้วค่ะ"
"พี่ตรัยคุณ มาทำไมคะคุณย่า!"
"มารับพวกเราไปวัด ฉันจะไปให้พระอาจารย์ดูฤกษ์หมั้นฤกษ์แต่ง"
เธออึ้ง ตกใจ
"เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อย่าลืมนะว่าเคยทำฉันเป็นลมเกือบตายไปแหม็บๆ กล้าขัดใจอีกครั้ง ถือว่าอกตัญญู"
"คุณย่า"
เธออยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ แสนสุขเดินเชิดออกไป
เมธาวลัยในชุดนอนเดินพล่านภายในห้อง คิดหาแผนหลบเลี่ยง
"เอาไงดี เอาไงดี"
เธอพุ่งไปที่หน้าต่าง มองไปข้างล่าง
"ปีนหนีจากชั้นสอง ไม่ได้ๆตกลงไปกระดูกหัก พักฟื้นนาน แล้วเอาไงดี โอ๊ย!! ตื่นมาก็งานเข้าเลย....กฤษฎา!"
เธอรีบโทรหา แต่ไม่มีคนรับสาย
"ไม่รับสาย ฉันจะฆ่าเธอ"
เธอเปิดไลน์ พิมพ์ข้อความหาทันที
"รับสายเดี๋ยวนี้ มีเรื่องด่วน"
เธอส่งข้อความ แต่ข้อความก็ไม่ถูกเปิดอ่าน
"หรือยังไม่ตื่น หรือนานตายน้ำลายฟูมปากไปแล้ว"
"คุณเมเปิ้ลคะ คุณหญิงท่านให้มาเร่งค่ะ" เสียงอิ่มดังเข้ามา
เธอตกใจ
"ค่ะๆ ป้าอิ่ม รอแป๊บนะคะ ไม่ค่อยเข้าวัด แต่งตัวไม่ค่อยถูกค่ะ"
เธอวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ริมถนน ยามเช้า กฤษฎามองดูข้อความในไลน์ที่เธอส่งมาให้ แต่ไม่กดตอบ เก็บมือถือ ทุกอย่างรอบๆตัวดูสวยงามไปหมด
"ขอโทษนะครับคุณเมเปิ้ล"
เขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

เมื่อคืนหลังจากเมธาวลัยเสร็จ เขาไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งคุยกับน้ำฟ้า
"ถ้าเธออยากรู้ว่าเค้ารู้สึกยังไงกับเธอกันแน่ ลองห่างออกมาสักพักนึงสิ"
"ห่าง? ห่างยังไงอ่ะ ก็ต้องทำงานด้วยกัน เจอกันใกล้ชิดกันทุกวัน"
"หมายถึง...ลองทำเฉยๆ ไม่หือไม่อือ เย็นชาน่ะ รู้จักมั้ย"
"ไม่เป็น ไม่เคย"
"เบื่อเพื่อนคนนี้จริงๆ ซื่อบื้อ"
"ไม่ได้ซื่อบื้อแค่จริงใจ รู้สึกยังไงก็แสดงออกอย่างนั้น"
"ชอบเค้ามากเหรอ"
"ตอนแรกก็ไม่มาก แต่ตอนนี้บอกเลยว่ามาก"
"ไม่แคร์เหรอ ที่เค้าอายุมากกว่า"
"รักกันชอบกัน มันอยู่ที่ฟีลลิ่ง"
กฤษฎาแอบหน้าแดง คิดถึงตอนที่เธอพูดประโยคนี้ด้วย น้ำฟ้าแอบเจ็บแปร๊บ แต่ฝืนยิ้ม
"แล้วทำไมต้องโกหกว่ามีเราเป็นแฟน
"บอกตามตรง เรากลัวเสียฟอร์ม ถ้าเค้าไม่ชอบเรา เราจะได้เดินออกมาแบบ ไม่หน้าแตกเท่าไหร่"
"เลยใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือ...ใจร้ายอ่ะ"
กฤษฎาจับมือน้ำฟ้า ขอร้อง
"แค่เดือนเดียวนะ น้ำฟ้า ช่วยเราหน่อยแล้วก็...อย่าบอกใครนะเรื่องที่เราเป็นแฟนกำมะลอของเค้า ขอเวลาให้เราทำให้มันเป็นความจริง ได้มั้ย"
"เพื่อนทำเพื่อเพื่อนได้เสมอ ไม่ต้องห่วง พาเค้ามาเจอฉันสิกฤษ บางที ผู้หญิงด้วยกันอาจจะบอกได้ว่า เค้ารู้สึกยังไงกับเธอกันแน่"
กฤษฏายิ้มขอบใจน้ำฟ้า แต่น้ำฟ้ายิ้มเจ็บ

นึกแล้ว... กฤษฎาก็ยิ้มแฉ่ง อารมณ์ดี เดินต่อไป ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของท้องถนน แสนโรแมนติก
กุ๋งกิ๋งเดินเข้ามาในออฟฟิศที่ยังไม่เปิดไฟ เมื่อกดสวิตช์ก็สะดุ้งเฮือก เห็นณัฏฐาลินี นั่งหลับหน้าสวยใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ที่โต๊ะ

"พี่ลินี!"

มุมรับประทานอาหารในออฟฟิศ ณัฏฐาลินีกินข้าวเช้ากับกุ๋งกิ๋ง ฟังเพลง ฮัมตามไปด้วย

"แวะมาเยี่ยมเหรอคะ"
"เปล่า...จะกลับมาทำงาน อยู่บ้านเบื่อ ไม่มีอะไรทำ"
มือถือมีสายเข้า เธอชะโงกหน้าเห็นหน้าจอ ชื่อ “วายุบุตร” เธอหันมากินข้าวต่อ ไม่รับ ไม่สนใจ
"ไม่รับสายเหรอคะ แน่ะ โทรมาอีกแล้ว ครั้งที่ยี่สิบแล้วล่ะมั้ง"
"ไม่รับ เพราะพี่งอนอยู่ ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ"
"แต่ดูต้องสะกดจิตตัวเองมากเลยนะคะ ที่จะไม่สนใจเค้าอ่ะ"
"สะกดจิตตัวเองยังไง"
"ปกติพี่ลินีฟังเพลงที่ไหนกัน คนที่จะไม่สนใจหรือใส่ใจกันจริงๆ ต่อให้คนนั้นเค้าทำอะไร ก็ต้องวางเฉยได้ โดยไม่ต้องมีตัวช่วย"
"รู้ดี"
"ก็ทำบ่อยนี่คะ งานอย่างเราเจอคนเสียประโยชน์ตามด่าตามเช็ดทุกวัน ถ้าไม่วางเฉย คงประสาทเสียตาย"
"ก็จริง"
"ตกลง...แฟนง้อขนาดนี้ อย่างอนนานเลยค่ะ เสียเวลารักกัน"
"พี่ยังไม่ได้รัก เราก็รู้เงื่อนไขดีนี่ อีกไม่ถึงเดือน พี่ก็จะเป็นอิสระ นับถอยหลังได้เลย"
"แน่ใจเหรอคะ ว่าอยากนับถอยหลังถึงวันเลิก"
เธออึ้ง แต่ก็ฟอร์ม "แน่ใจ"
เธอแอบเหลือบมองมือถือที่วายุบุตรยังโทร.เข้า
"ตามสบายนะคะ ขอตัว เดี๋ยวจะเขิน"
กุ๋งกิ๋งลุกไป เธอรีรอ จะรับดีหรือไม่รับดี ตัดสินใจ รับก็รับ
"ฮัลโหล...มีไร"

มุมหนึ่งในบ้าน วายุบุตรคุยมือถือ ร้อนใจ กังวลเป็นห่วงณัฏฐาลินี
"คุณอยู่ที่ไหน"
เธอแอบยิ้ม แต่ทำเสียงเข้ม
"ออฟฟิศ ทำไม"
"ทำไมไม่รับสายผม"
"อ้าว โทร.มาเหรอ ไม่รู้อ่ะ พอดีปิดเสียงเปิดระบบสั่น"
"ผมรู้ว่าคุณรู้"
"ฉันรู้ แล้วไง...ก็ได้ ฉันรู้ว่าคุณโทร.มาเป็นร้อยรอบ แต่ฉันไม่อยากคุย เพราะฉันถือว่า คุณเลิกกับฉันแล้ว"
"ใครบอก ลินี...คุณนี่บทจะไร้สาระก็ไร้สาระจนงี่เง่า คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ"
"นี่! ฉันไม่ได้คิดเองเออเอง คุณไล่ฉัน ไม่ให้ฉันไปเหยียบที่ร้านคุณอีก จะให้ฉันคิดว่าไง คิดว่า...ต๊าย! เค้ากำลังแสดงความรักกับฉันงั้นสิ สมองกลับแระ!"
"โอเค ขี้เกียจเถียง ยอม"
"ก็ลองไม่ยอมสิ"
"เข้าเรื่องแล้วนะ"
"ก็เข้าเร็วๆ รออยู่"
วายุบุตรเสียงอ่อนโยนมาก
"ผมเป็นห่วงคุณ"
เธออึ้ง ใจเต้นแรง
"ผมขอโทษ ที่ไม่ได้รับสายตอนแรก เพราะติดคุยธุระอยู่ อย่าโกรธนะ"
เธอก็น้ำเสียงอ่อนลงเช่นกัน
"ไม่ได้โกรธ แต่....งอน"
"รู้มั้ยทำไมไม่ให้มาหาที่ร้าน"
"เพราะคุณคิดว่าฉันเป็นตัวบ่อนทำลาย"
"เพราะผมไม่อยากให้..."
เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงสิริมาก็ดังแทรกเข้ามา
"วายุคะ!"
วายุบุตรอึ้ง เห็นสิริมายืนอยู่
"สิริมา...มาทำไมแต่เช้า"
ณัฎฐาลินี เส้นตึงขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชื่อสิริมา
"ยัยนั่นมาทำไม! จะมากินอาหารเช้าด้วยเหรอ ที่บ้านไม่มีกินหรือไง คุณวายุ ได้ยินฉันหรือเปล่า คุณวายุ"
สิริมาหน้าเครียด ณัฎฐาลินีเอาหูแนบมือถือ เพื่อจะฟังเสียงสิริมาชัดๆ
"ขอโทษที่ขัดจังหวะ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณและขอความเห็นจากป๊า"
"เรียกป๊าสนิทปากมากเลยนะยะ คุณวายุ ยังไงเนี่ย ให้ฉันถือหูรอน่ะ ตกลงเลือกที่จะคุยกับยัยนั่นใช่มั้ย"
"ลินี เดี๋ยวผมโทร.กลับไปนะ ผมอยากเจอคุณ"
วายุบุตรรีบวางสาย
"ว้าย! ตัดสายใส่ฉันอีกแล้ว"
วายบุตรเข้าบ้านไป สิริมามองตาม เธอนึกหมั่นไส้ณัฎฐาลินี
กุ๊งกิ๊งกับเพื่อนเจ้าหน้าที่เดินผ่านมา เห็นณัฎฐาลินีพูดกับตัวเองอยู่พอดี
"ยัยถ่านไฟเก่านั่นมีเรื่องอะไรจะคุยกับผู้ชายของฉัน อุ๊ย เต็มปากเลยอ่ะ อุ๊ย ก็มันใช่นี่"
เพื่อนถาม
"คนมีแฟน...เค้าชอบพูดคนเดียวเหมือนคนบ้าแบบนี้เหรอกุ๊งกิ๊ง"
"ไม่รู้ ไม่เคยมี ไปทำงานเถอะ"

กุ๊งกิ๊งยิ้มเข้าออฟฟิศไปกับเพื่อนพนักงาน เสียงมือถือโทร.เข้าเครื่องณัฎฐาลินี เห็นชื่อ “วลัย”
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 10 (ต่อ)

สิริมาคุยกับพนมที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ วายุบุตรนั่งเครียด พนมกินไป ฟังการสนทนาไปเรื่อยๆ

"ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่รู้จักคำว่าหยุด และก็จะใช้ปากตัวเองทำลายคนอื่นไปเรื่อยๆ"
"ผมคุยกับคุณลินีได้ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้"
"ถ้าคุยรู้เรื่อง คงรู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางลบอคติที่มีต่อพวกเราได้ง่ายๆ"
"ผมขอเวลา อีกไม่นาน คุณลินีต้องเข้าใจ ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหลังฉากทั้งนั้น"
"เมื่อไหร่ ให้ร้านฉันเจ๊งก่อนน่ะเหรอ คุณเปลี่ยนไปมากนะวายุ ความเด็ดขาดที่คุณเคยมี มันหายไปไหนหมด ตั้งแต่คุณคบยัยนั่น!"
"เรื่องผมคบกับเค้า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้"
พนมขัดจังหวะ
"เอาล่ะ พอได้แล้ว ทั้งสองคน" พนมหันไปสั่งคนรับใช้ "ฉันอิ่มแล้ว เก็บแล้วออกไปก่อน"
คนรับใช้เข้ามาเก็บจานออกไป
"ฟังนะ จริงๆเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่"
"แต่ป๊าคะ"
" เอาน่า ฟังป๊าก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เราไม่มีทางรู้ว่า มันจะเลยเถิดไปถึงไหนในอนาคต ควรจะป้องกันไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ"
"แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะฟ้องร้องคุณลินีด้วยข้อหาหมิ่นประมาท"
"เราจะไม่ทำอย่างนั้น" พนมบอก
"เราต้องทำค่ะป๊า"
"เราจะทำถ้าคุยกันดีๆแล้วไม่รู้เรื่อง"
ทั้งวายุบุตรและสิริมาต่างอึ้ง
"ป๊าอยากเจอหนูลินี"
"ครับ ป๊า"
พนมกดปุ่มเก้าอี้ตัวเอง ออกไป วายุบุตรกับสิริมาเผชิญหน้ากัน
"เรื่องนี้ จะมองข้ามไปก็ได้ เจอคนด่ามากกว่านี้ เราก็เจอมาแล้ว แต่คุณจงใจจะเล่นงานคุณลินี ถึงได้ทำให้มันเป็นเรื่อง"
"ใช่! ฉันยอมรับ"
"ทำไม หริมา"
"ฉันต้องการสั่งสอนผู้หญิงถือดีคนนั้น ว่าไม่ควรดูถูกคนอื่น"
วายุบุตรอึ้ง เครียด ที่สิริมาจริงจังมาก

ตมิสายืนขวางประตูห้องทำงานของพีศทรรต ร้องไห้ฟูมฟายใส่ปินัทธา เพทายยืนหน้าเสียอยู่ใกล้ๆ
"เพราะบอสคือผู้ชายที่หนูเล็งไว้แล้ว แต่ป้ากลับมาปาดหน้าเค้กแย่งไปเฉยเลย หนูขอประกาศ หนูไม่ยอม ยังไงหนูก็ไม่ให้ป้าเข้าไปรอบอสในห้อง อยู่กันสองต่อสอง"
เพทายบอก
"ตัวเอง อย่าเยอะ เดี๋ยวแย่ หน้าป้าเป็นยักษ์แล้ว เห็นมั้ย"
"เห็น! แต่ไม่สน ตายเป็นตาย วันนี้ช่าจะไม่ทน"
ปินัทธาแหวกลับได้น่ากลัวกว่า
"ไม่ทนแล้วเธอจะทำไม หา"
"อุย!"
"ก็คนเค้ารักกัน ตกลงคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผย ก็ทำถูกแล้วนี่ หรือจะให้ฉันไปแอบกินกันหลบๆซ่อนๆ"
"ไม่ดี เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชน"
"ใช่! ดาราคือบุคคลสาธารณะที่ทำอะไรต้องคิดถึงความถูกต้องไว้ก่อน"
เมอร์ดี้เข้ามา
"ไม่ใช่เพราะกำลังไม่มีที่ไป เลยต้องจับผู้ชายให้ได้สักคนเหรอคะ"
ทุกคนอึ้ง ปินัทธาเลือดขึ้นหน้า
"เธอพูดอะไรนะ พูดใหม่อีกซิ"
"ขอโทษ ของดีมีรอบเดียว แต่พูดใหม่ก็ได้ กำลังเป็นดาราตกกระป๋องไม่มีใครจ้าง กลัวอดตายเลยต้องจับผู้ชายมาเป็นสามี เอาอะไรเข้าแลกล่ะ บอสถึงยอม"
"นังเมอร์ดี้!"
"ไม่น่าเชื่อ ว่าบอสจะชอบโบราณวัตถุ"
เมอร์ดี้เดินเชิดจะเข้าห้องพีศทรรต ในขณะที่ตมิสาและเพทายยืนเหวอแล้วโพล่งพร้อมกันว่า
"แรงอ่ะ!"
แต่ปินัทธาไม่ยอม กระชากผมม้าของเมอร์ดี้ออกมา
"โอ๊ย! เจ็บนะป้า ปล่อยหนูนะ เจ็บ"
พีศทรรตเข้ามาห้ามเธอเอาไว้
"น้ำผึ้ง หยุด! หยุด"
"ไม่หยุด! ฉันจะถลกหนังหัวมันแล้วตลบเอาไปเย็บปิดปากมัน นังเด็กเมื่อวานซืน"
ตมิสากับเพทายบอก "โหดอ่ะ!"
"บอสขา ช่วยด้วย!"
"ตมิสา เพทาย มาช่วยกันสิ"
"ช่วยใครคะ น้องเมอร์ดี้หรืออีป้านี่"ตมิสาถาม
"ช่วยแยกออกจากกัน จะยังไงก็เอาเหอะ!"

ตมิสาและเพทายรีบเข้าไปช่วย พีศทรรตแยกเมอร์ดี้ออกมาจากเงื้อมมือของปินัทธา เธอไม่ยอมปล่อยเมอร์ดี้ไปง่ายๆ ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้น

ในห้องทำงานพีศทรรต เวลาต่อเนื่องมา ปินัทธา นั่งนิ่งจ้องฆ่าเมอร์ดี้ด้วย พีศทรรตมองทั้งคู่ด้วยความระอา ขณะที่ตมิสากับเพทายยืนซีดอยู่ด้วยกัน

"คุณพูดอย่างอย่างนั้นจริงเหรอเมอร์ดี้"
"ค่ะ"
ปินัทธาจะเข้าไปถลกหนังหัวอีก
"ยอมรับหน้าตาเฉย ไม่มีสำนึกเลยเห็นมั้ย มันน่า..."
ตมิสา เพทายทะลูดเข้าไปห้ามเอาไว้
"ป้า อย่า!"
"ถ้ายังจะใช้กำลังอีก ผมจะไล่ให้ออกไปจากออฟฟิศ แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก!"
"นี่! ฉันไม่ใช่คนผิดนะ มันต่างหาก คุณต้องไล่มัน"
"ผิดที่ชอบใช้อารมณ์ ชอบใช้กำลังไง"
"ก็ป้าเป็นซะแบบนี้ ป้าก็เลยเข้าใจหนูผิด"
ทุกคนอึ้ง "ฮ้ะ?"
"เข้าใจคุณผิดยังไง"พีศทรรตถาม
"เมอร์ดี้กำลังฝึกซ้อมการแสดง ที่พูดออกไป คือคำพูดของตัวละคร ไม่เชื่อถามพี่เพทายสิ เค้าเป็นคนเอาสคริปต์ที่มีคำพูดแบบนั้นมาให้เมอร์ดี้ใช้เรียนแอ็กติ้งเอง"
"อุย! ถูกพาดพิง"
"จริงหรือเปล่าเพทาย"
"ขอคิดดูก่อนนะครับ แบบว่า..."
"คิดเร็วๆ! หน้าสิ่วหน้าขวาน อย่าเงอะงะ งุ่มง่าม ไม่ชอบ"
"โอ๊! จริงด้วยครับ น้องเมอร์ดี้พูดถูก บทในฉากที่ 13 ของเรื่อง ผัวขาอย่าดับไฟ ละครเวทีที่ผมเขียนบทเอง"
ทุกคนอึ้ง
"เล่นละครเพื่อ? มันใช่เวลามั้ย!" ปินัทธาถาม
"พี่เพทายบอกว่า หัวใจของการแสดงคือความสด ที่เราต้องไม่รู้ล่วงหน้า หนูก็อยากเป็นนักแสดงที่เล่นเข้าถึงและทะลุถึงหัวใจของมัน หนูก็เลยทำแบบนี้"
"นี่แกถูกพาดพิงอีกแล้วนะเพทาย"
"รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลมาก" ตมิสาบอก
"หนูลองเล่นดูเพื่อดูปฏิกิริยาของคนที่เราเล่นด้วย หนูเล่นดีใช่มั้ยคะป้า ป้าเลยเชื่อว่าหนูคิดแบบนั้นจริงๆ"
ปินัทธาอึ้งแดร็กส์
"หนูไม่ได้ตั้งใจลามปามป้าน้ำผึ้งเลย หนูไม่กล้าหรอกค่ะ ทุกคนเชื่อหนูเถอะค่ะ"
เมอร์ดี้ตีหน้าเศร้า ซื่อใส บีบน้ำตา ตมิสาเพทายไม่แน่ใจว่า จะเชื่อดีมั้ย พีศทรรตถอนใจ จริงๆก็พอจะได้กลิ่นความบาดหมาง แต่เจอไม้นี้เข้า ป่วยการจะคาดคั้น และต้องการอยู่อย่างสงบ
"โอเค ผมเชื่อคุณ น้ำผึ้ง น้องขอโทษแล้วนะ จบนะ"
"ไม่จบ นังสะตอนี่มันตีสองหน้าลิ้นสองแฉก หล่อนไม่ต้องเรียนการแสดงกับเพทายแล้วล่ะ เพราะหล่อนเล่นละครได้เก่งมาก แถมยังหน้าหนากล้าเล่น บอกตรงๆ ฉันยังไม่กล้าเลย...หล่อนทำให้ฉันเห็นภาพมาก ว่าอีพวกชอบเล่นละครในชีวิตจริงมันทำกันยังไง!"
"น้ำผึ้ง...เข้าตัว" พีศทรรตว่า
"เออ...นั่นแหละ สรุป มันด่าฉันจริงๆ! แต่แก้ตัวเอาตัวรอด"
"หนูขอโทษป้าแล้ว ป้าก็ยังเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่หนูให้อภัยป้าได้ ทั้งที่ป้าไม่คิดจะขอโทษหนูสักคำ"
"ฉันไปทำผิดอะไรให้หล่อน"
"ป้าแคนเซิลงานถ่ายแบบปกด้วยเหตุผลส่วนตัวของป้า แล้วหนูล่ะ หนูไปเกี่ยวอะไรด้วย แต่หนูต้องเสียชื่อไปด้วยทั้งที่เพิ่งเข้าวงการแท้ๆ"
ทุกคนอึ้ง เมอร์ดี้มองนักแสดงรุ่นพี่อย่างผิดหวังจริงๆ....เธอเพิ่งได้คิด ว่าตัวเองทำเมอร์ดี้เดือดร้อน

ในเวลาต่อมา เธอก้าวฉับๆ อยากจะไปให้พ้นจากออฟฟิศ พีศทรรตตามมา แล้วตะโกนสั่ง
"หยุด!"
เธอหันมา
"คุณน่าจะขอโทษเมอร์ดี้"
"ฉันไม่ขอโทษคนอย่างยัยนั่น"
"ทำไมถึงเกลียดเมอร์ดี้นักหนา"
"เพราะฉันรู้ไส้รู้พุงมันดีน่ะสิ"
"แต่มันก็คนละเรื่องกับที่คุณทำให้เมอร์ดี้ต้องเสียชื่อเสียรายได้เพราะการตัดสินใจของคุณ แยกประเด็นหน่อย"
"แยกไม่เป็น ตอนนี้สมองเลอะเลือน สับสน วุ่นวาย อยากเข้าวัด"
"รู้อะไรมั้ย ถ้าคุณยังนิสัยแบบนี้...ไม่นานหรอก คุณดับแน่ แต่คนที่จะดังและไปได้ไกลคือเมอร์ดี้"
"คุณสนับสนุนคนอย่างมันเหรอ ไร้คุณธรรมที่สุด"
"เมอร์ดี้เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ"
"ก็คุณไม่เห็น ในขณะที่ฉันกับคนที่นี่เห็น"
"ไปเข้าวัดไป ไปตั้งสติแยกแยะดีชั่ว หรือไม่ก็บวชชีหนีวงการไปเลย"
"ไล่ฉันไปบวช จะทิ้งทุ่นฉัน คิดหาแฟนใหม่หรือไง"
พีศทรรตหลุดปากเพราะรำคาญ "เออ"
"ใคร!"
"ใครก็ได้ ที่จะทำให้ผมสบายใจ ไม่ปวดหัวทุกวันเหมือนคุณ"
พีศทรรตเดินหนี อารมณ์เสีย เธอยืนอึ้ง โกรธ ปากคอสั่น ช็อกชั่วครู่ ก่อนจะได้สติ
"ใครก็ได้น่ะ ใคร ไอ้คุณพีศ"

เธอตามติด
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 10 (ต่อ)

บนกุฏิพระอาจารย์ เช้าต่อเนื่อง คุณหญิงแสนสุข เมธาวลัย และตรัยคุณก้มลงกราบพระอาจารย์

"เจริญพรโยม"
"ไม่ได้มานมัสการซะนาน ท่านสบายดีนะเจ้าคะ"
"ดีมาก"
พระอาจารย์สังเกตเห็นหน้าเมธาวลัยบูดบึ้ง ส่วนตรัยคุณนั่งยิ้มแฉ่ง แต่งตัวเนี้ยบเหมือนเคย
"ท่าทางมีเรื่องเดือดร้อนใจกันสินะ ตั้งสตินะโยม ทุกข์อยู่ตรงไหนก็..."
แสนสุขแทรก
"ไม่ทุกข์ค่ะ มีเรื่องมงคลต่างหาก"
"มงคล"
"เมเปิ้ลหลานสาวดิฉันกับตาตรัยคุณ กำลังจะแต่งงานกัน เลยจะมารบกวนพระอาจารย์หาฤกษ์หมั้นฤกษ์แต่งภายในปีนี้ หรือจะหกเดือน หรือจะสองสามเดือนนี้ก็ได้ค่ะ"
พระอาจารย์อึ้ง เธออึดอัดมาก แต่ไม่กล้าขัดย่าต่อหน้าพระ
"แล้วเราจะเตรียมงานกันทันเหรอครับคุณย่า" ตรัยคุณถาม
"มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอก"
"ครับ ไม่ห่วงแล้วครับ"
เธอนั่งบีบมือตัวเองนิ่ง ซึ่งพระอาจารย์สังเกตอยู่ตลอดเวลา
แสนสุขยื่นกระดาษให้พระอาจารย์
"นี่ค่ะ วันเดือนปีเกิดของทั้งสองคน"
พระอาจารย์รับมาดูแล้วบอก
"อืม...ช่วงนี้ ท่าทางฤกษ์จะไม่ดี"
เมธาวลัยเงยหน้า ใจเริ่มมา
"อุ๊ยตาย! จริงเหรอคะท่าน นี่... ดูได้ไวขนาดนี้เลยเหรอคะ แป๊บเดียวรู้แล้ว"
"มองแค่ปราดเดียวก็ดูออกแล้ว ว่า...ไม่ดีแน่"
"หา! ทำไมล่ะคะท่าน"
"เรื่องแต่งงานครองเรือนเนี่ย...มันต้องดูกันให้รอบคอบนะโยม อย่ารีบ รอได้ก็รอ"
"แล้วต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ถึงจะมีฤกษ์ล่ะคะ"
"เดี๋ยวโยมก็รู้เองล่ะว่าเมื่อไหร่...เจริญพร"
แสนสุขมองหน้าตรัยคุณ ไม่สบายใจที่ไม่ได้ฤกษ์ เมธาวลัยแอบยิ้มดีใจ

ทางเดินในวัด เมธาวลัยเดินตามแสนสุข โดยมีตรัยคุณช่วยประคอง เธอเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง
"เดินดีๆนะครับคุณย่า ระวังสเต็ปครับคุณย่า"
"ขอบใจจ๊ะ เฮ้อ...ทำไมถึงไม่มีฤกษ์นะ แปลกจริง"
"เห็นคุณย่าบอกว่าให้คุณพ่อของน้องเมเปิ้ลเป็นคนจัดการไม่ใช่เหรอครับ"
"ไม่ทันใจไง เลยต้องจัดการเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยวย่าไปเร่งตาวุฒิ เมเปิ้ล จะเข้าออฟฟิศใช่มั้ย เดี๋ยวให้ตาตรัยคุณแวะไปส่งย่าแล้วเลยไปส่งเราแล้วกัน"
"ค่ะ"
เมธาวลัยฝืนยิ้ม แสนสุขเหลือบไปเห็นแม่ชีคนหนึ่ง
" อุ๊ย! แม่ชีวัน....นี่ รอย่าเดี๋ยวนะ ไปคุยกับแกแป๊บนึง"
แสนสุขเดินไปหาแม่ชี ตรัยคุณยิ้มแฉ่งให้เมเปิ้ล
"พี่จะแต่งงานกับหนูทำไม รักก็ไม่ได้รัก หรือแต่งเพื่อรักษาสถานภาพทางสังคม"
"อุย! ตรงไปมั้ยจ๊ะ"
"วัยอย่างเรา อ้อมค้อมกันทำไม เสียเวลาชีวิต"
"พี่ชอบเมเปิ้ลนะ ชอบตั้งแต่เด็ก และประทับอยู่ในใจไม่เคยลืม เพียงแต่พี่ไม่เคยแสดงออก มาตอนนี้ พี่ดีใจมากที่เราจะได้แต่งงานกัน"
"แต่หนูเสียใจมาก และอนาถใจมากที่จะต้องแต่งงานกับเกย์"
ตรัยคุณอึ้ง นึกโกรธแต่ยิ้มกลบ
"ตอนนี้หนูยังไม่อยากขัดใจคุณย่า แต่บอกเลย ยังไงคนที่หนูจะแต่งงานด้วยก็คือแฟนหนูไม่ใช่พี่"
"แฟนเด็กกำมะลอนั่นน่ะเหรอ"
เมเปิ้ลอึ้ง หน้าซีด รู้ได้ไง
"ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่...ไม่มีทางที่คนอย่างเมเปิ้ลจะไปคว้าเด็กเมื่อวานซืนที่เป็นแค่ลูกจ้างกระจอกๆมาเป็นแฟน"
"พี่ยังไม่รู้จักหนูดีพอ"
"หนูก็ยังไม่รู้จักพี่ดีพอ ยังไงพี่ก็จะไม่ถอย งานแต่งงานระหว่างหนูกับพี่จะต้องเกิดขึ้น อย่าลืมนะ ว่าหนูสู้อยู่คนเดียว ส่วนพี่...แบ็คอัพดี"
แสนสุขยิ้มเข้ามา
"เป็นเพื่อนย่าเอง พอสามีตาย ลูกหลานก็สบายหมดแล้ว ไม่มีห่วง แกเลยมาบวชชี"
"คุณย่าไม่บวชบ้างล่ะคะ น่าสนุกนะคะ มีเพื่อนด้วยอ่ะ"
"อย่าพูดคะนองปาก เดี้ยะ! ไม่ต้องมาหาทางกำจัดฉันเลย ไม่มีทาง ฉันห่วงเยอะ! ไป ตรัยคุณ ไปส่งย่า"
"เมเปิ้ล!"
เมเปิ้ลดีใจ หันขวับ ภัทรวลัยวิ่งมา ณัฎฐาลินีมาด้วย แต่หน้าตาไม่ได้เต็มใจนัก แสนสุขและตรัยคุณแปลกใจที่เห็นเพื่อนหลานสาวมาหาที่วัด
ปินัทธาเปิดประตูห้องทำงานพีศทรรตผลัวะเข้าไป โดยที่ตมิสาห้ามก็ไม่เป็นผล
"ป้า อย่าเพิ่งเข้าไป บอสยังคุยงานอยู่กับเมอร์ดี้!"
เธอชะงัก เพราะภาพที่เห็นจะจะคาตาคือภาพที่เขากำลังกอดเมอร์ดี้ที่กำลังร้องไห้อยู่
เธออึ้ง ตกใจ ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน เขามีท่าทางเป็นปกติ แต่เมอร์ดี้จงใจทำเป็นตกใจมาก เหมือนคนที่ถูกทำผิดแล้วถูกจับได้
"ยังไม่ไปอีกเหรอน้ำผึ้ง"
เธอปราดเข้าไป มองหน้าเขาด้วยความโกรธ
"แค่ไม่กี่นาที คุณก็ทรยศหักหลังสัญญาของเรา! ผู้ชายมันก็สันดานเหมือนกันหมด เลิกเจ้าชู้ไม่ได้!"

เธอตบหน้าเขาเปรี้ยง ทั้งตมิสาและเมอร์ดี้ต่างตกใจ แล้วเธอก็วิ่งหนีไป ตมิสามองด้วยความไม่พอใจ เมอร์ดี้ยิ้มสะใจมาก

เมื่อครู่ที่ผ่านมา พีศทรรตเข้ามาในห้อง ปิดประตูลงเห็นเมอร์ดี้นั่งหน้าเศร้ารออยู่

"ยังไงน้ำผึ้งก็ไม่ยอมขอโทษ"
เมอร์ดี้ร้องไห้ทันที
"หนูคิดผิดหรือคิดถูกก็ไม่รู้ ที่ตัดสินใจเซ็นสัญญากับคุณพีศ มีแต่คนเกลียด มีแต่ข่าวฉาว โดยที่หนูไม่ได้เป็นคนก่อ"
"ฉันขอโทษแทนน้ำผึ้งนะ เมอร์ดี้"
เมอร์ดี้ร้องไห้ตัวโยน โผเข้ากอดเขาไว้ทันที
"หนูรักและเคารพคุณพีศมากนะคะ หนูจะยอมยกโทษให้ป้าน้ำผึ้งเพื่อคุณพีศก็ได้ หนูไม่อยากเห็นคุณพีศไม่สบายใจ"
ปินัทธาเปิดประตูเข้ามาพอดี ตามด้วยตมิสา

พีศทรรตปวดหัวทรุดลงนั่ง
"คุณพีศ...หนูไปอธิบายให้ป้าน้ำผึ้งฟังก็ได้นะ"
"ไปอธิบายให้ถูกตบอีกคนหรือไงคะ น้อง! อยู่เฉยๆเถอะค่ะ อย่าไปขวางเฮอริเคน" ตมิสาบอก
พีศทรรตโบกมือไล่ให้ทั้งทั้งสองให้ออกจากห้องไป
"บอสให้ออกไปแล้วค่ะน้อง"
"แต่..."
"เอ๊! พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง หรือต้องพูดภาษาแรดคะน้อง"
เมอร์ดี้หันมองตาเขียว ไม่พอใจ ตมิสามองอย่างท้าทาย เมอร์ดี้เปลี่ยนเป็นยิ้มใส
"ขอโทษนะคะ พอดีเป็นคน ไม่ใช่แรด ไม่ใช่พวกเดียวกับพี่"
เมอร์ดี้ออกไปทันที ตมิสายืนอึ้ง
"ตมิสา ออกไป!"
"ว้าย! ไปแล้วค่ะบอส"
ตมิสารีบออกไป ประตูปิดลง พีศทรรตกุมขมับ เครียด

ปินัทธาน้ำตารื้น แค้น จุกเหมือนคนอกหักเดินมา โตโต้กระหืดกระหอบเข้ามารายงาน
"ป้า โทร.ไปก็ไม่รับ มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ อีเมอเจนซี่ว้าก! บอสบอกป้าแล้วใช่มั้ย"
เธอส่ายหน้า
"บอสอ่ะ คอขาดบาดตายทำไมไม่บอก"
เธออึ้ง มองโตโต้ตาขวาง เล่นเอาโตโต้ตัวลีบ จะออกไป
"แต่คิดว่าควรจะพักไว้ก่อน โอเคร รับแซ่บ"
เธอจับแขนโตโต้ไว้
"ว่ามา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันคงไม่ซวยมากไปกว่าที่เป็นอยู่หรอก"
"ซวยค่ะ"
เธอตาโต หูผึ่ง
"ดังนี้นะคะ..." โตโต้เปิดสมุดออกาไนซ์เซอร์ออกอ่าน "โชว์ตัวงานบุญบั้งไฟแคนเซิล งานเปิดตัวแคลเซียมเม็ดจากออสเตรเลีย แคนเซิล และละครเรื่องปัจจุบันที่ว่ามีการลดทอนบทตัดบทให้ป้าตายไปเลยนั้น....ก็แคนเซิล คิวปิดตัว...สรุป ไม่ต้องถ่าย ให้รู้ว่าตายผ่านบทสนทนาของตัวละครใดๆ"
เธออึ้ง เข่าอ่อน
"ป้า....ใจเย็นนะ เดี๋ยวหนูจะพยายามหางานให้ หนูไปปรึกษากับบอสก่อนนะ ว่าจะเอาไงกันดี ป้าไปรอฟังข่าวดีสวยๆที่บ้านนะ"
โตโต้รีบวิ่งเข้าออฟฟิศไป ทิ้งเธอให้ยืนเดียวดายท่ามกลางโลกที่ดับมืด
มุมหนึ่งในวัด ภัทรวลัยตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้แสนสุขฟัง
"สามีหนูหนีไปไหนก็ไม่รู้ค่ะคุณย่า หนูก็เลยจะให้เมเปิ้ลไปช่วยตามหาสามีหนู นี่หนูก็ให้ลินีมาช่วยตามหาด้วย"
แสนสุขเหลือบมองเพื่อนหลานสาว
"ลินี?"
"ค่ะ หนูลินี คุณย่าจำหนูได้มั้ยคะ"
"จำได้สิ ทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลับมาคบกันอีก"
"คือ...ตอนนี้ก็ใช่ว่าดีกับมันค่ะ แต่วลัยเดือดร้อน หนูก็เลยต้องพักรบไว้ก่อน"
เมธาวลัยมองเพื่อนอย่างไม่พอใจ แต่ระงับเอาไว้ ไม่อยากเปิดศึกต่อหน้าแสนสุข
"แล้วน้ำผึ้งล่ะ ไม่ตามมาช่วยเราอีกคนหรือไง หรือให้ฉันไปด้วยมั้ย ตาตรัยคุณนี่ก็ว่าง"
"ดีค่ะ ไปกันให้หมดนี่เลย"
"ฉันประชด" แสนสุขบอก
"แหม...ไม่รู้เลยค่ะ"
"เรื่องของสามีภรรยา เราคนนอก ไม่ควรไปยุ่งหรือเปล่าครับ น้องเมเปิ้ล"
"สามีเพื่อนก็เหมือนสามีเราค่ะ" เมธาวลัยบอก
"พูดอะไรน่าเกลียด" แสนสุขว่า
"หนูหมายถึงว่า เพื่อนกันไม่ใช่แค่ไปร่วมสุขแสดงความยินดีแค่ในงานแต่ง แต่ถ้าเพื่อนมีความทุกข์ เราก็ควรจะไปช่วยแก้ปัญหาให้"
"ปัญหาครอบครัวเป็นต้นเหตุของปัญหาสังคมแล้วมันก็จะกลายเป็นปัญหาระดับชาติ เราปล่อยให้เผชิญปัญหาคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ"
"หนูไปก่อนนะคะคุณย่า ขอบคุณค่ะพี่ตรัยคุณที่ไปส่งคุณย่าให้"
เมธาวลัยรีบไหว้แสนสุข ตรัยคุณ ณัฎฐาลินีและภัทรวลัยถือโอกาสรีบไหว้ลาด้วย ปล่อยย่ากับตรัยคุณยืนอึ้งอยู่

ทั้งสามสาวรีบเดินฉับๆมาจนพ้นรัศมีของแสนสุขในวัดอีกมุมหนึ่ง แล้วแปะมือกันหัวเราะร่า
"สำเร็จ!" เมธาวลัยบอก
"มุขตามผัวฉันเวิร์กป่ะ คนมีผัวมีลูกเท่านั้นแหละถึงจะเข้าใจความทุกข์ของคนหัวอกเดียวกัน ว่าเวลาผัวหนีออกจากบ้านน่ะ ต้องรีบตาม เดี๋ยวเตลิด"
ณัฎฐาลินีพูดกับเมธาวลัย
"เห็นหน้ามันป่ะ แอ็คติ้งเนียนกว่านังน้ำผึ้งอีกนะ"
"จริง! ย่าฉันอินตามสุดๆอ่ะ ขอบใจมากนะพวกแกที่มาช่วยกู้สถานการณ์ดึงตัวฉันออกมา ไม่งั้น พี่เกย์แอบของฉันได้ตามต้อยๆทั้งวันแน่"
"เค้าเป็นใครวะ ทำไมแกต้องหลบ ทำไมย่าแกต้องให้ตามรับตามส่ง"
เธออึ้ง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโกรธกับณัฎฐาลินี และนี่เป็นความลับที่ยังไม่บอกใคร
"ทำไมแกมาได้ ฉันตามแค่วลัยคนเดียว"
ณัฎฐาลินีอึ้ง นึกขึ้นได้ ว่ายังไม่ดีกัน เลยสะบัดบ็อบเดินไปยืนห่างๆทันที
"โฮ่ย! อยากจะดีกันก็ดีๆกันเถอะ วันนี้วันดี มีพระประธานของวัดเป็นสักขีพยาน ถือว่าเป็นมงคลในการเริ่มต้นใหม่"
ทั้งคู่มองหน้าหัน แต่ยังทำเฉย ไม่ยอม
"เมเปิ้ล ตอนแกทุกข์แกนึกถึงฉัน ฉันทำคนเดียวไม่ได้ ฉันนึกถึงลินีและน้ำผึ้ง ลินีเองพอรู้ว่าแกมีปัญหา ไม่เห็นมันถามอะไรสักคำ รีบตามฉันมาเลย...เราทั้งหมดรักกันนะ"
ทั้งสองหันมามองหน้ากัน เริ่มอ่อนให้กัน
"อย่าเห็นความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ของเราเท่าเส้นผม โลกนี้คงพังถ้าไม่มีคำว่าให้อภัย...โลกนี้ต้องการความรักความเข้าใจซึ่งกันและกัน...ขอแค่ลดทิฐิ ลดอีโก้ โลกที่สดใสของพวกเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
ทั้งคู่น้ำตาซึม คิดถึงโลกที่เคยสดใสนั้น เสียงมือถือของภัทรวลัยดังขึ้น วลัยรีบหยิบมาดู

"น้ำผึ้ง"
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 10 (ต่อ)

ภายในคอนโดฯ ปินัทธานั่งซึม หมดอาลัยตายอยาก คุยมือถืออยู่

"แก...อยู่ไหนอ่ะ"
ภัทรวลัยคุยมือถือ เมเปิ้ล ณัฎฐาลินีเข้ามาฟังใกล้ๆ
"อยู่วัด แกล่ะ อยู่ที่ไหน"
"อยู่คอนโด ที่วัดมีศาลาว่างมั้ย จองให้หน่อย"
"จะจองศาลาวัดไปทำไม ใครตายเหรอแก"
"ฉันไง"
"เฮ้ย! น้ำผึ้ง อย่าพูดอย่างนี้ แกเป็นอะไร ทำไมน้ำเสียงไม่ดีเลย"
"ฉันหมดแล้วทุกอย่างวลัย หมดแล้ว...ถูกทิ้ง ถูกแคนเซิลงาน เงินก็หมดบัญชี ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว"
"แกยังมีฉัน มีเมเปิ้ล มีลินี นี่พวกมันก็อยู่กับฉัน"
"เหรอ...ฝากบอกมันสองคนด้วยนะว่าฉัน ลาก่อน"
"น้ำผึ้ง"
เธอกดวางวาย วางมือถือ ลุกเดินออกไปที่ระเบียง ภัทรวลัยตกใจ เพื่อนอีกสองคนพลอยตกใจไปด้วย
"มีอะไร วลัย น้ำผึ้งมันเป็นอะไร" ณัฎฐาลินีถาม
"คือ..."
"คืออะไร พูดมาเร็วๆ" เมธาวลัยเร่งเร้า
"มันฝากบอกพวกแกว่า ลาก่อน มันพูดเหมือนมันจะไปตาย!"
ทั้งสองคนต่างตกใจ
ปินัทธาเดินห่างจากตัวห้องตรงไปริมระเบียงมากขึ้น เหม่อมองไป ดั่งคนสิ้นหวัง ภายในห้อง มือถือของเธอดังต่อเนื่อง
เวลาต่อมา ภัทรวลัยขับรถ ณัฎฐาลินีนั่งข้างคนขับ พยายามต่อโทรศัพท์หาปินัทธา เมธาวลัยนั่งข้างหลังอยู่ลุ้นที่เบาะหลัง
"มันไม่รับสายเลยอ่ะ"
"โทร.อีกสิ โทรไปเรื่อยๆ" เมธาวลัยบอก
"ก็โทร.อยู่เนี่ย อย่ามาสั่ง วลัยแกขับรถให้มันเร็วกว่านี้ได้มั้ย"
"กระทืบอยู่เนี่ย ไม่เห็นหรือไง อย่ามาสั่ง แกโทร.ของแกไปเหอะ"
"ฉันโทร.เอง เบอร์อะไรอ่ะ"
"โอย! อ่ะ นี่เบอร์"
เธอยื่นมือถือให้เพื่อนดูเบอร์ของปินัทธา
"เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา"
เพื่อนทั้งสองโพล่งพร้อมกัน "จะรู้มั้ย"
"เลี้ยวขวา"
ภัทรวลัยเลี้ยวไปทางหนึ่ง ตำรวจจราจรจอดรถตรวจวัดความเร็วอยู่ที่ป้อม ขี่รถตามรถเธอไปทันที

มุมหนึ่งออฟฟิศของเมธาวลัย กฤษฎานั่งมองมือถือ เป็นข้อความในไลน์ที่เธอส่งมา
"ต้องอยู่ห่างๆ ทำตัวเย็นชา ไม่สนใจ โอเค ไม่โทร.กลับ ไม่คิดถึง"
เขาวางมือถือ หันไปดูเอกสารต่อ แค่สองวินาที ตาก็เหลือบมองมือถืออีกที
"อั้นไว้ก่อน ใกล้ๆมื้อเที่ยงค่อยโทร."
เขาหันมาสนใจงาน แต่ตาก็เหลือบมองมือถือ และทนไม่ไหว เอาเอกสารปิดมือถือซะจะได้ไม่ต้องคิดถึง แต่แล้วเขาก็ทนไม่ไหว พุ่งมาปัดกระดาษหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์หาเธอ

ภัทรวลัยขับรถเร็วมาก ภายในรถ ทั้งสองคนพยายามโทร.หาน้ำผึ้งพร้อมกัน
"ไม่รับอีกแล้วอ่ะ" เมธาวลัยว่า
"ทำไมสายไม่ว่างอ่ะ" ณัฎฐาลินีบอก
"ก็แกโทร.พร้อมเมเปิ้ลมันทำไม!!! โทรคนเดียวก็พอ!" ภัทรวลัยว่า
"เออ! จริง"
สายวายุบุตรโทร.เข้าเครื่อง
"คุณวายุ! จะโทร.มาทำไมตอนนี้"
"แกก็รับไปสิ ฉันโทร.หานังน้ำผึ้งเอง"
"เออ จริง"
ณัฎฐาลินีรับสายวายุบุตร
"ฮัลโหล โทร.มาทำไมตอนนี้เนี่ย ฉันยุ่งอยู่"
"ผมมีเรื่องด่วนต้องคุยกับคุณ คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา"
"ถ้าไม่คอขาดบาดตาย ไว้ก่อน"
"หริมาจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท แต่ป๊าผมไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น ท่านอยากคุยกับคุณ ด่วนที่สุด คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับ"
"ฉันมีธุระสำคัญต้องทำก่อน อยากมาก็มา"
วายุบุตรฟังรายละเอียดของเธอ
"ได้ ผมจะรีบไป"
วายุบุตรรีบออกไปทันที ภายในรถ เธอกดวางสาย หงุดหงิด เครียด หันไปวีนเมธาวลัย
"มันรับสายหรือยัง"
"ยัง"
สายจากกฤษฎาโทรเข้ามือถือของเมธาวลัยพอดี
"หืม ไอ้เด็กเลวเพิ่งโทร.กลับมาตอนนี้เนี่ยนะ ทำไมไม่รับสายฉัน"
กฤษฎาสะดุ้งเฮือก
"เอ่อ ก็มัน...ยังเช้า ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ครับ"
"อะไรตื่นตัว"
"สมองครับ"
"แล้วตอนนี้ตื่นแล้วเหรอ"
"ตื่นมากครับ เพราะทนคิดถึงไม่ไหวครับ เอ้ย...คุณมีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่าครับ"
"ไม่ทันแล้ว"
"งั้น...กลางวันนี้ เราทานข้าวด้วยกันได้มั้ยครับ คือ แฟนผมอยากเจอคุณอย่างเป็นทางการครับ"
เมเปิ้ลอึ้ง เหมือนคนอกหัก อารมณ์เสียขึ้นมาเลย
"ฉันไม่ว่าง ยุ่ง ไม่ไป"
"แต่แฟนผมไม่ยอมครับ ถ้าไม่ไปจะไม่ยอมให้คุณใช้ผมเป็นเครื่องมืออีก เพราะฉะนั้นคุณต้องว่าง ผมไปรับ"
"เหรอ...ได้ อยากเจอก็ได้"
กฤษฎาวางสาย ยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอกดวางสาย
"อยากรู้จักฉันก็ได้!" แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ "แกโทร.หาแฟนนังน้ำผึ้งเร็ว เค้ารู้เรื่องหรือยัง"
"เบอร์อะไรล่ะ! ไม่มี"
"โอย! ตลอด เบอร์ออฟฟิศแฟนมัน ฉันมี"
"แกก็กดโทร.ออกไปเลยสิ จะได้ไม่เสียเวลา ฉันจะโทร.หาน้ำผึ้งเอง"
"ก็ได้!"

เมธาวลัยกดหาอย่างรวดเร็ว แล้วโทร.ออก

พีศทรรตรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตมิสามองตามอย่างประหลาดใจ เมอร์ดี้ โตโต้ เพทายเข้ามาประกบ

"บอสรีบออกไปไหนคะ"
"ไม่ทราบค่ะน้อง บอสไม่ได้แจ้ง เคยบอกแล้วไงเป็นแค่เลขา ไม่ใช่เมีย ถ้าเป็นเมีย..."
โตโต้ เมอร์ดี้ผละออกจากตมิสาทันที ไม่อยากฟังนางพล่าม เหลือแค่เพทายยืนยิ้มทำเจ้าชู้ใส่
"อกหักมาทางนี้ มีที่ต่อให้....โต้ ชีริก ติ๊กชิโร่ เคยฟังมั้ย"
"ฝัน!"
ตมิสาเดินหนี เพทายยิ้มจ๋อย โตโต้เข้ามาใหม่ ขายขนมจีบเพทาย
"แค่สักวินาที เธอเห็นฉันคนนี้ในสายตา....แคทรียา อิงลิช เคยได้ยินป่ะ"
"ฝัน!"
โตโต้เซ็ง

ณัฎฐาลินีใจเสียบอก
"มันยังไม่รับสายเลย เอาไงดี"
"มีเบอร์ส่วนกลางคอนโดมันมั้ย ให้เค้าเข้าไปดู ฉันจะโทร.เข้าเครื่องมันเรื่อยๆ" เมธาวลัยบอก "มีๆๆ"
ภัทรวลัยลำบากจะหยิบมือถือ
"ล้วงให้หน่อยสิ อยู่ในกระเป๋า"
ณัฎฐาลินีล้วงกระเป๋า หาไม่เจอ ยกเทเลย
"อะไรของแกนักหนาเนี่ย รกชิบเป๋ง!"
"อ๊าย! นังลินี ของฉันกระจายหมดแล้ว"
"ก็มันหาไม่เจอ!" เธอเจอมือถือ รีบหยิบมา "เมมชื่ออะไร"
"คอนโดน้ำผึ้ง!"
ณัฎฐาลินีหา
"น้ำผึ้ง แกอย่าเพิ่งทำอะไรบ้าๆนะ นังวลัย ขับเร็วอีก"
"นี่ก็เร็วเกินกฎหมายกำหนดแล้ว เดี๋ยวพ่อแกก็มาโบกให้หรอก"
เสียงไซเรนรถตำรวจดังมา สามสาวเลิ่กลั่ก รถตำรวจเทียบข้างรถ ตำรวจโบกมือให้หยุด
สามสาวเห็นแล้วตกใจ "ซวยแล้ว"
"ลินี โทร.เข้าส่วนกลางคอนโดน้ำผึ้งก่อน เร็ว" เมธาวลัยบอก
ตำรวจขี่รถไปดักข้างหน้า ภัทรวลัยชะลอรถจนหยุดข้างหลังรถตำรวจ ณัฎฐาลินีกดเบอร์โทร.ออกอย่างลุ้นระทึก

ปินัทธายืนยิ้มเศร้าอยู่
"ดูสิ...ใครๆก็ไม่รัก อยู่คนเดียว แก่คนเดียว ก็ต้องตายคนเดียวสินะ"
เธอมองไปข้างล่าง เห็นภาพกรุงเทพจากมุมสูง
"สูงเหมือนอยู่บนเขา แต่ไม่หนาวเท่ากับอยู่บนคาน แต่ตอนนี้จะอยู่บนเขาหรือบนคาน ก็มีค่าเท่ากัน เพราะไม่มีใครกอด ไม่มีใครปลอบ ไม่มีใครเลย"
เธอร้องไห้หนัก
เสียงเคาะประตูห้องดังปังๆ แต่เธอไม่ได้ยินเพราะปิดประตูกระจกเอาไว้ เธอก้าวเข้าไปจับระเบียงด้วยสองมือ มองลงไปอีกครั้ง

ภัทรวลัยกำลังไหว้ตำรวจจราจรที่กำลังยืนเขียนใบสั่งอย่างใจเย็น เพื่อนอีก 2 คนเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
"พี่คะ รีบเขียนให้ไวกว่านี้ได้มั้ยคะ"
"ไม่ได้ เดี๋ยวลายมือไม่สวย"
"อุ๊ตะ! จะคัดลายมือไปประกวดเหรอคะ"
ตำรวจเหล่
"จะรีบไปไหน"
"ไปหาเพื่อนค่ะ"
"เพื่อนอยู่ที่ไหน"
"ใกล้ถึงแล้วค่ะ เลยแยกหน้าไปเนี่ย"
"แล้วทำไมไม่ขับรถในความเร็วที่กำหนด"
"ก็รีบอ่ะค่ะ"
"ทำไมรีบ รีบไปไหน"
"ไปหาเพื่อนค่ะ"
เพื่อนสองคนทนไม่ไหว
"เพื่อนกำลังจะฆะ..."
ภัทรวลัยรีบตะปบปากเพื่อน
"ไข้หวัดใหญ่เล่นงาน นอนสั่นอยู่ที่บ้านค่ะ จะรีบพามันไปหาหมอ"
"อ้าว... แล้วไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ไปๆๆ แล้วอย่าลืมเสียค่าปรับ ผมไปด้วย!! เร็ว" ตำรวจพูดพลางรีบเขียนรีบฉีกส่ง
สามสาวยืนอึ้งเหวอ ตำรวจราจรรีบขึ้นรถสตาร์ทเครื่อง
"เร็ว เดี๋ยวจะนำขบวนให้!"
ทั้งสามคนรีบวิ่งขึ้นรถ ขับตามตำรวจที่เปิดไฟฉุกเฉินนำขบวนไป
เจ้าหน้าที่คอนโดกำลังแงะประตูห้องปินัทธา พีศทรรตวิ่งมา
"น้ำผึ้ง ไม่ยอมเปิดประตูห้องเหรอครับ"
"ครับ"
"เร็วๆครับ เร็วๆ"
เจ้าหน้าที่พยายามแงะประตูต่อ พีศทรรตช่วยอีกแรง พลางเคาะและเรียก
"น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง ได้ยินมั้ย น้ำผึ้ง อย่าทำอะไรบ้าๆนะ น้ำผึ้ง"

ตำรวจจราจรนำรถของภัทรวลัยมาจอดหน้าคอนโดฯ สามสาวลงจากรถ
"ขอบคุณมากค่ะพี่"
ตำรวจตะเบ๊ะออกไป ณัฎฐาลินี เมธาวลัยรีบลากภัทรวลัยขึ้นคอนโดฯ
"ทำไมไม่ให้บอกตำรวจว่านังน้ำผึ้งมัน..."
"น้ำผึ้งมันเป็นดารา อย่าเพิ่งกระจายข่าวเรื่องนี้ นักข่าวจมูกไวนะแก"
สามสาววิ่งสุดฝีเท้าเข้าคอนโดฯไป วายุบุตร กฤษฎาวิ่งเข้ามาเจอกัน ยิ้มทักทายกัน แล้วรีบตามสามสาวเข้าไปในคอนโดฯ อย่างประหลาดใจ
ริมระเบียง ปินัทธาสูดลมหายใจ มองไปเบื้องล่าง
"ฉันเคยอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ถ้าจะต้องดิ่งลงข้างล่าง...มันก็ไม่เห็นแปลก ไม่มีใครต้านแรงโน้มถ่วงของโลกได้"
ทุกคนวิ่งมาสมทบกับพีศทรรต และช่วยกันดันประตูเข้าไป ด้วยความเป็นห่วง

ปินัทธายืดตัวขึ้น ท้าทายแสงแดด สายลม เหมือนจะสั่งลา ทุกคนพังประตูเข้าไปได้ เธอยืดตัวแล้วปล่อยตัวลง ทุกคนเข้ามาในห้อง มองตรงไปที่ระเบียง แล้วตกใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น