xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 8

บริเวณโถงโรงแรม พีศทรรตไล่บี้โตโต้

"ผมถามว่ามีเรื่องอะไร"
"คือ...เมื่อเช้าทางเราเพิ่งรับเงินมัดจำและเซ็นสัญญาถ่ายปกป้าน้ำผึ้งกับน้องเมอร์ดี้ให้กับแมกกาซีนอีกฉบับหนึ่งที่ไม่ใช่ IT’S A MUST THAILAND อ่ะค่ะ"
ปินัทธาเดินลิ่วเข้ามาได้ยินเข้าพอดี ก็ตกใจพร้อมกับพีศทรรต
"อะไรนะ!"
เธอวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่น
"ทำไม ยังไง ได้ไง โตโต้!"
"ทำเหมือนแกกับเจ้านายแกไม่รู้เรื่องอย่างนั้นแหละ" เมธาวลัยว่า
"ก็เออสิยะ ถ้ารู้เรื่องจะตกใจกันหูตาเปิดอย่างนี้เหรอ"
"ตกใจแอ๊คติ้งไง เอาตัวรอด เพราะคงไม่คิดว่าฉันจะมาเอาเรื่องถึงที่นี่"
ไทเกอร์บอก
"ใจเย็นๆครับ พี่เมเปิ้ล เค้าอาจจะไม่รู้เรื่องจริงๆก็ได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ฟังเหตุผลของเค้าก่อน"
"เหตุผลไว้ทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องด่าก่อน"
"เป็นไอดอลของเจ๊จริงๆ" เจ๊ฟูบอก
"โตโต้ อธิบายมา!" พีศทรรตบอก
โตโต้อึกอัก
"เอ่อ คือว่าคือ..."
"พูด!" พีศทรรตย้ำ
"ว้าย! คือ...ทางโน้นให้เงินสูงกว่ามาก เวลาทำงานก็น้อยกว่า ทำให้เราสามารถเอาเวลาไปรับงานอย่างอื่นๆได้อีก แล้วก็...เค้าจ่ายเร็วกว่าด้วยค่ะ...หนูก็เลย"
"ไร้มารยาททางวิชาชีพที่สุด!" เมเปิ้ลบอก
ทั้งพีศทรรต และน้ำผึ้งต่างอึ้ง ณัฎฐาลินีนึกเห็นใจเพื่อนทั้งสองฝ่าย แต่เรื่องนี้ไปยุ่งไม่ได้ จึงเดินออกไปทันที วายุบุตรตามออกไป
"กลับบ้านได้แล้วเหรอคุณ"
"รู้เรื่องแล้วนี่ จะอยู่ทำไม"
"นึกว่าจะอยู่ช่วยเพื่อนแก้สถานการณ์เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์"
"ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันนักหรอก ถามตัวเองเถอะ...จะตามฉันอยู่แบบนี้ไปทั้งวันเลยมั้ย"
"ถ้าคุณอนุญาต"
"ฉันไม่อนุญาต สวัสดี"
เธอแย่งถุงเสื้อผ้ามาจากเขา วายุบุตรจับมือเธอเอาไว้ มองด้วยสายตาเครียดขึง ลินีอึ้ง ตกใจเล็กน้อย
"ผมขอเตือนอะไรคุณอย่างหนึ่งนะ"
"อะไร"
"อย่าคิดถึงผมจนไม่เป็นอันทำอะไร"
เธออึ้งและเหวอ วายุบุตรยิ้มๆ ปล่อยมือเธอแล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี เธอตะโกนบอกไล่หลัง
"ไม่มีทาง"
วายุบุตรหันมา
"ทำไม่ได้อย่าพูด"
วายุบุตรยิ้มอ่อนโยนให้ แต่เธอหน้าบึ้งใส่ แต่พอลับหลังที่เขาออกไปแล้ว ก็เขิน รีบเดินออกไปอีกทาง มือไม้ขาแข้งอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด กลัวใครเห็นว่ากำลังอาย เธอรีบเดินงุดๆ ไป

ภายในร้านอาหารในโรงแรม กลุ่มหนังสือ IT’S A MUST THAILAND นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง เมธาวลัยหน้าตาเอาเรื่องมาก กฤษฎาเห็นความจริงจัง ยิ่งนิยมชมชอบในตัวเธอมากขึ้น
กลุ่ม GT นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง พีศทรรตรู้สึกผิดและเสียใจอย่างจริงใจ โตโต้ตัวลีบเหลือสองนิ้ว อยากจะแทรกหายไปในพื้น
"ผม....ไม่มีอะไรพูดในตอนนี้ นอกจากคำว่า ขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆครับ"
"ขอโทษจริงๆค่ะ โตโต้ผิดไปแล้วค่ะ โตโต้คิดสั้นไปหน่อย"
"ไม่สวยแล้วยังสั้น"เจ๊ฟูบอก
โตโต้ไม่พอใจ สวนทันที
"ความคิดฉันสั้น แต่อันนั้นฉันยาว"
"อันนั้นน่ะ อะไร"
"อยากรู้ เจอกันหน้าห้องน้ำชาย"
เมธาวลัยกับปินัทธาต่างปรามคนของตัว
"เจ๊ฟู / โตโต้"
ทั้งคู่หยุดทะเลาะ แต่เชิดใส่กัน
"ถ้าฉันรู้ก่อน มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน" ปินัทธาบอก
"แกจะทำอะไรได้ น้ำผึ้ง เพราะแกไม่ได้มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องการรับงาน ทุกอย่างมีผู้จัดการที่คอยชี้เป็นชี้ตายให้แก"
"ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่คิดมาก ขอแค่ไม่เบี้ยวค่าตัว ฉันจบ ใครจะวัวจะควาย ฉันไม่แคร์หรอก แต่นี่คนที่เสียหายคือแก ที่เป็น...."
พูดแค่นั้น ปินัทธาก็ชะงัก
"เป็นอะไร"
เธอเลี่ยงไม่ตอบว่าเป็นเพื่อน
"เป็นชะนีปากกรรไกร ใครจะอยากไปทำให้แกโกรธ แกได้ตามด่าถึงตัวอย่างที่ทำอยู่เนี่ย"
ไทเกอร์สาระแน
"พี่เมเปิ้ลก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ขึ้นชื่อเรื่องเหวี่ยงวีนในวงการเลยนะครับ"
"ไม่ต้องมาพรีเซ้นต์ตัวฉัน!"
"ใจเย็นก่อนครับ"กฤษฎาบอก
"ฉันไม่ปาดอกไม้ใส่ใคร ไม่ใช่เวลา"
"ครับ"
เมธาวลัยบอกกับพีศทรรต
"ฉันเคยเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของบริษัทคุณ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนทัศนคติต่อคุณใหม่ ความซื่อสัตย์และความไว้เนื้อเชื่อใจมันซื้อได้ด้วยเงินจริงๆ"
"ไม่จริง ผมไม่เคยคิดเห็นแก่เงินแบบนั้น"
"หัวไม่คิด แต่หางคิด ช่วยเทรนลูกน้องซะใหม่นะคุณพีศทรรต อย่าให้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก"
"ผมจะชดใช้ให้คุณได้ยังไง"
"มันสายไปซะแล้ว คุณชดใช้ไม่ไหวหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ยอมให้คุณได้แก้ตัว ฉันจะให้คุณจำมันจนขึ้นใจไปชั่วชีวิตว่าทีหลัง อย่ามาไร้มารยาทกับฉัน"
เธอลุกขึ้น มองพีศทรรตและปินัทธาด้วยสายตาประณาม ก่อนสะบัดเดินออกไป กฤษฎา เจ๊ฟูรีบตามไป ไทเกอร์หันมายิ้มส่งสายตาให้พีศทรรต
"ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ คุณต้องเข้าใจพวกผมนะครับ ว่าเสียหายจริงๆ แต่...ผมเข้าใจคุณนะ สู้ๆนะครับ"
ไทเกอร์ยิ้มหวานให้อีกที ก่อนจะออกไป พีศทรรตอึ้ง
"อุ๊ตะ! คำพูดและสายตามีฮิดเด้นอาเจนด้า ประเด็นหลบซ่อนสุดฤทธิ์" โตโต้บอก
"ยังจะมาพูดดีอีก!" ปินัทธาบอก
"เราคงต้องคุยและทำความเข้าใจในหลักการการทำงานกันใหม่นะโตโต้"
"ค่ะบอส"

พีศทรรตและปินัทธาเครียดจัดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนรู้สึกผิด

ณัฎฐาลินีรีบเร่งเดินเข้ามาในบ้าน แล้วชะงัก จรินทร์พรนั่งหลับอยู่หน้าทีวี ดวงอยู่ใกล้ๆ สีหน้าดวงดูกระวนกระวายใจมาก ดวงเข้ามาหา

"คุณลินี หายไปไหนมาทั้งคืนคะ พี่กำลังจะไปแจ้งความอยู่แล้ว"
"คือ...ไปค้างบ้านเพื่อนค่ะ พอดีแบตมือถือหมดเลยไม่ได้โทร.บอก เบอร์บ้านตัวเองไม่ค่อยได้ใช้ก็จำไม่ได้ด้วย แย่จัง ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง"
"คุณแม่รอคุณทั้งคืน ไม่ยอมลุกไปไหน ให้เข้าไปนอนในห้องก็ไม่ไป เพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ"
เธออึ้ง รู้สึกผิด เดินเข้าไปหาจรินทร์พรที่ยังนั่งหลับเงียบๆอยู่ เธอพูดเสียงเบามาก
"หนูขอโทษนะแม่ ต่อไป หนูจะไม่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก หนูพลาดเองค่ะ"
เธอมองหน้าแม่ด้วยความสงสาร และนึกโกรธตัวเอง

ภายในห้อง เธอเอาที่ชาร์ตแบตมือถือมาเสียบมือถือ เธอเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบทั้งแบตเตอรี่สำรอง ทั้งที่ชาร์ตแบตเตอรี่แบบพกพาขึ้นมา
"ฉันต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ หยิบใช้ได้ทุกทีที่จำเป็น ต่อไปฉันจะไม่มีวันเจอกับคำว่า หมดไฟ”
ลินีเอาทุกอย่างใส่ไว้ในกระเป๋าถือ สายอุปกรณ์ต่างๆระโยงระยางพันกันมั่วไปหมด แต่รู้สึกดีและมั่นใจ

พีศทรรตเดินเครียดมากับปินัทธา
"ใจร้าย หักเงินเดือนโตโต้ตั้งสองเดือน"
"หรือจะออกให้แทน" พีศทรรตถาม
ปินัทธารีบตอบ
"อุย...ช่วงนี้รายจ่ายเยอะ"
พีศทรรตก้าวฉับๆ นำหน้า แล้วก็ชะงัก มองไปข้างๆ ไม่มีปินัทธา ! เพราะเธอมัวแต่ยืนซึมอยู่ข้างหลังที่กลางถนน เขาถอนใจในความชักช้าของเธอ
"มัวยืนทำอะไรอยู่ ไปขึ้นรถ"
"แล้วฉันควรทำยังไงดี"
"เรื่องอะไร"
"เรื่องถ่ายแบบขึ้นปก"
"ไปคุยกันในรถ ผมร้อน!"
"นังเมเปิ้ลมันต้องกัดฉันไม่ปล่อยแน่"
"น้ำผึ้ง ขึ้นรถ"
น้ำผึ้งตกใจ
"ว้าย! ไปก็ได้"
เธอรีบเดินต่อ เพื่อข้ามถนน จนไม่ได้สังเกตว่ารถกำลังวิ่งมา
"น้ำผึ้ง ระวัง!"
เธอหันไปเห็นรถพุ่งเข้ามาหา ก็ตกใจ กรี๊ดลั่น ยืนขาแข็ง
"แอร๊ย!"
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พีศทรรตพุ่งเข้ามาคว้ามือและกระชากตัวให้พ้นวิถีของรถที่พุ่งมา เธอถูกดึงให้มาปะทะกับแผงอกของเขา เขากอดเธอไว้ รถแล่นผ่านไปแล้ว แต่ทั้งคู่ต่างอึ้งและค้างกันไป
"คุณพีศ"
พีศทรรตเคลิ้ม
"หือ?"
"คุณเหยียบเท้าฉันอยู่!"
เขาก้มมอง เท้าของเขาเหยียบเท้าน้ำผึ้งเต็มๆ
"โอ๊ย"
เขารีบชักเท้าออก
"ขอโทษ เจ็บมั้ย"
"ไม่มั้ง! เท้าคนหรือเท้าช้างเนี่ย โอ๊ย"
เธอเขยกๆ บ่นไม่เลิก ลงนั่ง แล้วถอดรองเท้าดูเท้าตัวเอง
"ว้าย! ช้ำเลยอ่ะ"
"น้ำผึ้ง ลุกขึ้น"
เธอยื่นมือให้พีศทรรต
"ฉุดขึ้นหน่อย"
"ลงไปนั่งได้เอง ก็ลุกขึ้นเอง"
"โอย! ไม่มีน้ำใจ นี่ฉันเป็นแฟนคุณนะ อย่าลืม"
พีศทรรตเซ็งมาก ช่วยเธอให้ฉุกขึ้น
"ไปขึ้นรถได้แล้ว ผมจะรีบกลับไปดูลูก"
พีศทรรตออกเดิน น้ำผึ้งเซ็งเดินตาม แต่เจ็บเท้ามาก เดินไปได้ก้าวเดียวก็ไม่ไหว
"นิ้วแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือซ้นเนี่ย อ๊าย อาจจะเคล็ด โอ๊ย อาจจะ..."
เขารำคาญกลับเข้าไป คุกเข่าลง ดูนิ้วเท้าให้ เธอทั้งอึ้ง ทั้งเขิน และกำลังหวั่นไหวจากการกระทำที่อ่อนโยนของเขา

ในห้องประชุมออฟฟิศเมธาวลัย บ.ก. นั่งเครียด นิ่ง รังสีอำมหิตแผ่ซ่านเป็นวงกว้าง ไทเกอร์ เจ๊ฟู อิ๊ว ชาโนนั่งรักษาระยะห่างมาก ทุกคนนิ่งเงียบ มองเธอเป็นตาเดียว กฤษฎาอยู่กับหยาดทิพย์ ดูว่า เธอจะเอาไง จู่ๆเธอก็ลุกขึ้น เดินออกไป
"พี่เมเปิ้ล จะไปไหนครับ"
เธอชะงัก
"ตกลงจะเอาไงครับเรื่องภาพปก ใกล้จะต้องปิดต้นฉบับแล้วนะครับ เดี๋ยวโปรดักชั่นไม่ทัน"
"ฉันเคยทำงานไม่ทันมั้ย"
ทุกคนส่ายหน้า
"งั้นก็รอไป"
"บ.ก. จะออกไปข้างนอกเหรอคะ ไปไหนคะ"
"เรื่องของฉัน"
"อย่าลืมงานเย็นนี้นะคะบ.ก."
"ฉันไม่ไป ส่งคนอื่นไปแทน แล้วก็ไม่ต้องโทร.หาฉัน ถ้ามีเรื่องอะไรด่วน รอได้ก็รอ แต่ถ้ารอไม่ได้ ก็ไปตายซะ!"

ทุกคนอึ้ง เธอเดินออกไป ไทเกอร์หมั่นไส้มาก ขณะที่กฤษฎาเป็นห่วงเมธาวลัย
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 8 (ต่อ)

บริเวณลานจอดรถ พีศทรรตดูนิ้วเท้าให้ ปินัทธาเขินอยู่เบาๆ

"น้ำผึ้ง"
"คะ..."
"นี่มันแผลรองเท้ากัด"
เธออึ้ง เอ่อ... ไปไม่ถูก เขาลุกขึ้น ด้วยความโมโห
"เล่นละครกับใครก็เล่นไป แต่อย่ามาเล่นกับผม"
"ฉันเจ็บจริงอะไรจริงนะ ก็แค่ไม่รู้ว่าเจ็บเพราะถูกคุณเหยียบหรือถูกรองเท้ากัด มันชา มันแสบ มันเสียว"
"เสียวอะไร"
"เสียวกระดูกเวลาเดินไง ไม่เคยเป็นเหรอ มันลงน้ำหนักไม่ได้ นี่ขนาดฉันกินแคลเซียมเสริมตั้งแต่อายุสามสิบแล้วนะ นี่มีปัญหากระดูกแล้วเหรอ ไม่นะ ม่าย"
เขาเดินหนี รำคาญจัด เธอกะเผลกตาม อย่างช้ามาก
"เดี๋ยวก่อนสิ รอฉันด้วย ฉันยังพูดไม่จบ นี่ฉันเจ็บเท้าจริงๆนะ โอ๊ย ฉันเดินไม่ไหวนะ"
เขาเดินเข้ามาหาใหม่
"แล้วจะเอาไง"
จู่ๆ เธอก็พูดถึงเรื่องงานถ่ายปก
"ฉันจะแคนเซิลงานถ่ายปก"
"อะไรนะ?!"
"ฉันจะไม่ถ่ายภาพปกให้ใครทั้งนั้น"
"แต่เค้าจ่ายเงินงวดแรกและเซ็นสัญญากันไปแล้ว"
"เซ็นได้ก็ยกเลิกได้"
"เราจะถูกฟ้อง"
"ก็ให้มันรู้ไปว่าเค้าจะกล้าฟ้อง ถ้าฉันจะเป็นคนแฉเองว่าไอเดียที่จะมีฉันและยัยเมอร์ดี้ถ่ายแบบคู่กันเป็นของนังเมเปิ้ล และเค้าก็อปปี้มา!"
"คุณเมเปิ้ลอาจจะเป็นคนก็อปปี้ก็ได้"
"ไม่มีทาง! รู้มั้ย ฉายามันคืออะไร เมเปิ้ลออริจิ! นางไม่เคยทำอะไรที่ได้ชื่อว่าลอกเลียนแบบใคร"
"คุณทำแบบนี้ทำไม นอกจากไม่ได้เงินแล้วยังต้องเสียเงิน เสียชื่อ"
"แต่ฉันไม่มีวันยอมเสียศักดิ์ศรี!"
เขาอึ้ง
"เราสร้างปัญหาให้กับคนๆหนึ่ง แล้วยังจะมีหน้ารับเงินใครได้อีกเหรอ ฉันทำไม่ได้ เมื่อคนหนึ่งเสีย ก็ต้องไม่มีใครได้ จบ!"
พีศทรรตถอนใจ กลุ้มใจ หนักใจกับการตัดสินใจของเธอ

น้ำผึ้งยืนเหวอ เมื่อพีศทรรตออกรถไปโดยไม่รอ
"คุณพีศ! แล้วฉันล่ะ คุณพีศ ไอ้คุณพีศ!"
เธอเซ็ง แถมเจ็บแผลรองเท้ากัดเท้าอีกต่างหาก

ภายในห้อง ณัฎฐาลินีกดเบอร์หาภัทรวลัย ได้ยินเสียงเพลงรอสายที่หวานและมีความสุขเว่อร์ เธอถึงกับเบ้ปาก
"หมั่นไส้! อีพวกหวานไม่แคร์สื่อ"
เธอรอสายต่อไปอย่างอดทน
ภายในร้านกาแฟในฟิตเนส ภัทรวลัยกำลังป้อนเค้กให้เป้ และเป้ป้อนเค้กให้ภัทรวลัย ดื่มด่ำฉ่ำหวาน ไม่สนใจเสียงโทร.เข้า
"ไม่รับสายก่อนเหรอคะ วลัย"
"ไม่ใช่เวลารับสายค่ะ นี่คือเวลาป้อนเค้กสามี"
"เผื่อเป็นเรื่องงาน"
"เรื่องครอบครัวต้องมาก่อนเรื่องงาน"
"แต่ตอนนี้เป็นเวลาทำงานของผมนะ"
"ลูกค้ารอได้ วลัยไม่ถือ อย่าสิ...ไม่ได้ไปฮันนีมูนเพราะติดงาน ก็ขอแค่เวลาป้อนเค้กให้กันและกันก็ยังดี"
"งั้นให้ผัวแกลาออกไปป้อนกันที่บ้านยันแก่เลยมั้ย!"
ภัทรวลัยลืมตัว แหวกลับ ไม่ทันได้ดูหน้าว่าใคร
"เรื่องของผัวเมีย" เมื่อภัทรวลัยหันไปเจอเมธาวลัยก็ชะงัก "อุย!"
เมธาวลัยยืนอยู่หน้าตึงมาก
"ฉันจองตัวคุณเป้เป็น personal trainer ตอนนี้ให้ผัวทำงานก่อนได้ป่ะ"
"ผัวฉันก็เหมือนผัวเพื่อนแหละ แบ่งบ้างไรบ้าง ไม่มีปัญหา"
"คุณเป้! พร้อมยัง"
"แต่ผัวฉัน ฉันดุได้ เพื่อนไม่ต้องดุ"
"คุณเป้!"
"รีบไปครับ รีบไป"
เป้ปาดเหงื่อออกไป เธอหน้าตึงเดินตามไป ภัทรวลัยประหลาดใจกับอารมณ์ของเพื่อน
"มันไปกินหมามาจากไหนวะ"
เสียงมือถือของภัทรวลัยดังขึ้นมาอีก
"นังวลัย ทำไมไม่รับสาย!!!! มัวทำอะไรอยู่"
ภัทรวลัยหูจะแตก เหวี่ยงกลับ
"อยากจะทำให้เสร็จๆอยู่เหมือนกัน แต่นังเมเปิ้ลมันมาขัดจังหวะ ดึงตัวผัวฉันไป เลยไม่ได้ทำ อารมณ์ค้างอยู่เนี่ย มีอะไร!"
ณัฎฐาลินีบอก
"เหรอ...อยู่ที่ฟิตเนสกันเหรอ เมเปิ้ลมันอยู่ด้วยเหรอ เออ แก ฉันมีเรื่องจะเมาท์ ไม่รู้แกรู้เรื่องหรือยัง เค้าเมาท์กันให้กระฉ่อนในเฟสบุ้กเลยนะ ไม่รู้ใครเอามาโพสต์ แชร์ต่อๆกันมา ว่าน้ำผึ้งแคนเซิลงานถ่ายแบบปกของ IT’S A MUST THAILAND ชื่อแมกกาซีนนี่คุ้นๆนะ"
"ก็ของเมเปิ้ลไง"
"เออ ใช่ อุ๊ตะ! อย่างนี้ก็แปลว่า น้ำผึ้งกับเมเปิ้ลก็ต้องมีเคืองกันสิ"
"ปกติมันก็แทบจะฉีกอกกันเวลาเจอหน้าแล้วนะ นี่มีประเด็นใหม่มาอีกเหรอ ไม่ฆ่ากันตายเลยหรือไง...มิน่า หน้าเมเปิ้ลมันถึงได้เป็นตูด"
"แล้ว...น้ำผึ้งล่ะ แกได้คุยกับมันยัง"
"เดี๋ยวโทร.เลย" ภัทรวลัยบอก
"เดี๋ยวน่ะตอนไหน"
"แกก็วางหูก่อนสิ แกไม่วางแล้วฉันจะโทร.ได้ยังไง ถ้าอยากรู้ว่าน้ำผึ้งมันสุขทุกข์ร้อนยังไงก็รีบวาง จะได้สืบข่าวให้"
ณัฎฐาลินีหน้าแตก เพื่อนรู้ทัน "อุ๊ย"
"ยังไม่วาง งั้นฉันวางเอง แค่นี้นะ"
ภัทรวลัยกดวางสาย
"ทำมาเป็นชวนเมาท์ อ้าปากก็เห็นไส้ติ่งแกแล้ว"

ณัฎฐาลินีอึ้งๆ...เซ็งที่เพื่อนรู้ทัน กดวางสาย ทิ้งตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แต่แล้วก็ลืมตา ลุกขึ้น หงุดหงิด เป็นกังวลเกินกว่าจะขับตาลง

ภัทรวลัยกำลังไล่หาเบอร์ปินัทธาในเครื่อง

"น้ำผึ้งๆๆ"
ปินัทธาถือรองเท้าเข้ามานั่งข้างๆภัทรวลัย
"เออดี แค่พูดชื่อ ตัวก็มา ว้าย! น้ำผึ้ง ยังไม่โทร.หาเลย แกรู้ได้ไงว่าฉันอยากเจอ"
"แต่ฉันอยากตาย"
เธอฟุบหน้ากับโต๊ะ
"ฉันกำลังจะหมดตัว ฉันกำลังจะถูกคุณพีศตัดความสัมพันธ์ ฉันกำลังจะไม่มีใครในชีวิตเหลืออีกแล้ว นอกจากแก ไปตายด้วยกันมั้ย"
"ไปสิ ว้าย นังบ้า! เชิญคนเดียวเถอะย่ะ"
"คนเดียวที่คิดว่ารักฉันจริงคือแก มันก็เป็นแค่ความฝันสินะ ปลวก!"
"อย่ามาพาล....คลั่งเพราะเรื่องที่แกแคนเซิลงานของเมเปิ้ลใช่มั้ยเนี่ย"
"แกรู้เรื่องได้ไง!"
เธอเงยหน้ามองภัทรวลัยเขม็ง
"คือว่า ไงดีล่ะ ลินีโทรบอกฉันว่า..."
เธอเข้าไปขย้ำคอภัทรวลัย
"นังลินี! มันกล้าดียังไงสาระแนเรื่องคนอื่น แล้วมันรู้ได้ไง มันเอาข่าวมาจากไหน นี่เรื่องวงในสุดๆเลยนะ หา มันรู้ได้ไง!"
"คือ...อ่อก คือ...ปล่อยก่อน อ่อก ฉันอยากตายในอ้อมอกผัว ไม่ใช่ในมือแก อ่อก ปล่อย!"
ภัทรวลัยสะบัดจนหลุดออกจากมือของเพื่อน
"นังบ้า ฟังก่อนสิ มันรู้ได้ยังไงไม่สำคัญเท่ากับมันที่มันเป็นห่วงแกกับเมเปิ้ล มันเลยโทรหาฉันให้คุยกับพวกแก!"
ปินัทธาอึ้งไปเลยทีเดียว
เมธาวลัยกำลังถีบจักรยานอยู่ในมุมอุปกรณ์ มีเป้คอยเทรนอยู่
"ปั่นสักยี่สิบนาทีแล้วค่อยไปเล่นอุปกรณ์กันนะครับ"
"สามสิบไม่ได้เหรอ"
"ก็ได้"
"หรือชั่วโมงนึงดี"
"ก็แบบ..."
"หรือทั้งชีวิตไปเลย"
เป้อึ้ง
เธอฟุบกับจักรยาน นิ่งไปเลย
"คุณเมเปิ้ลครับ"
เธออ่อนแรง "หือ?"
"ถ้าวันนี้ไม่พร้อม ไว้วันหลังก็ได้นะครับ คุณดูเครียด เหมือนแบกโลกมาทั้งใบ"
"เคยเครียดกับอะไรมากๆบ้างมั้ย"
"เคยสิครับ"
"แล้วคุณทำยังไงให้หายเครียด"
"ก็ออกกำลังกายแล้วกลับไปมองหน้าเมีย"
"ไม่ยิ่งเครียดหนักเลยเหรอ"
"วลัยคือยาคลายเครียดขนานเอกของผมครับ"
"ดีจัง...แต่ฉันคงต้องช่วยตัวเอง"
"หือ?"
"หมายถึงต้องทำให้ตัวเองหายเครียดด้วยตัวของฉันเอง...คือการออกกำลังกาย"
"งั้นก็ต้องผ่อนคลาย วางปัญหาไว้ก่อน แล้วโฟกัสในสิ่งที่กำลังทำเท่านั้น โอเคมั้ย"
"เคร"
"เชิญครับ"
เธอยิ้มให้เป้ แล้วปั่นจักรยานต่อ พยายามไม่คิดอะไร มุ่งมั่นกับการปั่น เป้ถอยออกมาปาดเหงื่ออยู่ข้างๆ

ในร้านกาแฟฟิตเนส ภัทรวลัยเข้ามาปลอบปินัทธา
"จำที่ฉันพูดในวันแต่งงานของฉันได้มั้ยว่า จริงๆแล้วพวกแกคิดถึงกัน และเป็นห่วงกัน แต่อีโก้ทำให้พวกแกสร้างกำแพงปกปิดความรู้สึก"
ปินัทธาอึ้ง
"ความหวังดีอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของคำพูดสวยหรู แต่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้แกขัดหูขัดตา"
"ความหวังดีของมันไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้เลย"
"แต่แกก็อุ่นใจได้นะ ว่าเวลาที่แกตาย มันจะเป็นคนที่ไปงานศพแก"
"ปากเสีย!"
"แล้วใครที่อยากตายแถมชวนฉันไปด้วยเมื่อกี้ หา!"
"ฉันก็พูดไปงั้นแหละ"
"ตกลงเรื่องเป็นไง เหลามาซิ เหลาให้แหลมเลยนะ"
"มันเป็นความผิดพลาดของผู้จัดการฉัน ที่เห็นเงินก้อนโตสำคัญกว่า ข้อตกลงที่คุยไว้กับเมเปิ้ลไว้ก่อนแล้วเป็นมั่นเป็นเหมาะ ตกลงรับงานของอีกปกหนึ่งก่อนหน้าที่ทางเมเปิ้ลจะจ่ายเงินและทำสัญญาไม่กี่ชั่วโมง โดยที่ฉันกับคุณพีศไม่รู้เรื่อง"
"พูดง่ายๆ เมเปิ้ลถูกปาดหน้าเค้ก"
"พูดง่ายๆ เมเปิ้ลถูกก็อปปี้ไอเดีย"
"พูดง่ายๆ แกก็เลยหมา"
"พูดง่ายๆ หมาขี้เรื้อนด้วย เพราะฉันเองก็จะไม่รับงานของแมกกาซีนฉบับนั้น"
ภัทรวลัยอึ้ง
"และฉันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามสัญญาด้วยเงินส่วนตัวของฉันเอง วลัย ไม่รู้กี่ล้านอ่ะ หมดตัวแน่!"
เธอปล่อยโฮ ภัทรวลัยอึ้ง เครียดแทนเพื่อนเบย
"ใจเย็น....เรื่องนี้มันควรจะมีทางออก มิน่า พอเมเปิ้ลมันมาถึงปุ๊บ ก็เหวี่ยงเพื่อนปั๊บ เพราะเรื่องนี้นี่เอง"
เธอตกใจ
"อะไรนะ เมเปิ้ลอยู่ที่นี่เหรอ"
"เออ!"
"แกอย่าบอกมันนะว่าฉันมา แล้วอย่าบอกเรื่องที่ฉันคุยกับแกด้วย"
"แล้วถ้าฉันบอกอ่ะ"
"ขอให้ผัวแกมีกิ๊ก! ฉันไปล่ะ"
น้ำผึ้งรีบหยิบรองเท้ากะเผลกออกไป ทิ้งภัทรวลัยเหวอ โกรธ
"อ๊าย!"

เมธาวลัยปั่นจักรยานอย่างเอาเป็นเอาตาย เป้ยืนจับเวลาอยู่ที่มุมหนึ่ง ภัทรวลัยย่องเข้ามา กวักมือเรียกเป้ออกไปเงียบๆ
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 8 (ต่อ)

ภัทรวลัยจูงเป้มายังมุมหนึ่ง

"ว่าไงจ๊ะ วลัย นี่ อดใจรอหน่อยสิ"
"รอไม่ไหวค่ะ ต้องตอนนี้ เครื่องกำลังร้อน SO HOT!"
"แหม แต่ที่นี่มันที่ทำงานนะคะวลัย"
"มันต้องที่นี่เท่านั้นค่ะ ต้องรีบด้วย เพราะตอนนี้คันมาก"
"อุ๊ย...วลัย ถึงเราจะรักกันมากแค่ไหน แต่บางทีก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม กาลเทศะหน่อยนะคะ"
"ไม่คำนึงแล้วค่ะ เพื่อนต้องรับรู้สิ่งที่เพื่อนทำให้กัน ยิ่งรู้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี"
"หือ? เพื่อน"
"ค่ะ เรื่องของเพื่อนวลัย .คือน้ำผึ้งมันแช่งเอาไว้ ว่าถ้าหนูบอกเมเปิ้ล มันขอให้พี่เป้มีกิ๊ก"
"อุย!"
"แต่ถ้าหนูบอกพี่เป้ แล้วให้พี่เป้ไปบอกเมเปิ้ลอีกที คำสาปแช่งของมันก็จะไม่มีผล ถูกป่ะ"
"เหรอ"
"ถูกแหละ! เพราะฉะนั้น ฟังให้ดี แล้วไปบอกเมเปิ้ลตามคำพูดของหนูทุกคำ ห้ามเพี้ยนแม้แต่คำเดียว!"
เป้อึ้ง รับภาระหนักอีกแล้ว

เมธาวลัยเปลี่ยนชุด เดินออกมาด้วยความรู้สึกสับสน ภัทรวลัยและเป้ตามมาส่องเธออยู่ที่มุมหนึ่ง
"พอฟังพี่พูดจบปุ๊บ คุณเมเปิ้ลก็รีบกลับปั๊บเลย"
"พูดเป๊ะๆเลยหรือเปล่า"
"เป๊ะเว่อร์ค่ะ"
"คืนนี้ให้รางวัล แฮตทริกซ์เลยนะ สามประตูรวด"
เป้หน้าเหวอ
"หน้าเหวอเหมือนหน้าเมเปิ้ลเลยอ่ะ"
"ก็ต้องเหวอแหละ ที่รู้ว่า เพื่อนที่ตัวเองโกรธ กล้าที่จะเฉือนเนื้อตัวเอง เพื่อชดใช้ให้กับความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ"
"แล้วพี่เป้ว่า คราวนี้ มันจะหันมาคืนดีกันได้หรือยัง"
"ไม่รู้สิ เพื่อนวลัยแต่ล่ะคน ปกติซะที่ไหน ไอ้ที่คิดว่าใช่ก็อาจจะไม่ใช่"
"แต่หนูปกติใช่ป่ะ"
"หนูน่ะยิ่งไม่ปกติเลยล่ะ"
ภัทรวลัยดันชอบ
"พี่เป้! จริงใจอีกแล้วอ่ะ รักนะคะคนดีของฉัน เอาไปเลยสี่"
"หือ? จะไหวเหรอ"
"หนูน่ะไหว พี่อ่ะไหวป่ะ บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงสี่ห่ออ่ะ"
"แล้วไป โอย...กลัวที่ไหน"
สองคนผัวเมียหัวเราะหยอกล้อกันอย่างลืมโลก
บริเวณลานจอดรถฟิตเนส เมธาวลัยนั่งนิ่งอยู่ในรถ คิดถึงสิ่งที่คุณเป้พูด

ในฟิตเนสมุมอุปกรณ์
"คุณน้ำผึ้งเพิ่งกลับไป" เป้บอก
เมธาวลัยชะงัก
"คุณน้ำผึ้งบอกวลัยเรื่อง ยกเลิกการถ่ายแบบปกให้กับแมกกาซีนคู่แข่งของคุณแล้ว"
เธอประหลาดใจหันมองหน้าเป้
"อาจจะต้องชดใช้ค่าผิดสัญญาเป็นเงินมากอยู่ น้ำผึ้งบอกว่า ไม่อยากทำงานรับเงินทั้งๆที่ทำให้คุณเสียหาย ยอมจ่ายเงินส่วนตัวเพื่อรักษาจุดยืนในการทำงานของตัวเอง นั่นก็คือ จะไม่เหยียบหัวใครเพื่อความสำเร็จเด็ดขาด น้ำผึ้งมีศักดิ์ศรี เมื่อมีคนหนึ่งเสีย ก็จะไม่มีคนอื่นได้เพราะเธอ"
"มันอาจจะแกล้งพูดสร้างภาพผ่านพวกคุณ เพื่อให้เข้าหูฉัน"
"น้ำผึ้งเป็นคนงกมากขนาดไหนคุณก็รู้พอๆกับที่ผมรู้ น้ำผึ้งไม่มีวันหมดตัวให้กับการสร้างภาพแถมยังเสี่ยงต่อการถูกแมกกาซีนฉบับอื่นแบล็คลิสต์อีก มีแต่เสียกับเสียแบบนี้ เหตุผลเดียวที่คนงกๆอย่างน้ำผึ้งจะทำแบบนี้ได้คือ....เพื่อรักษาน้ำใจของเพื่อนต่างหากครับ"
เธออึ้ง ทั้งตกใจและประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าน้ำผึ้งจะทำเพราะรักษาน้ำใจเพื่อน
เธอรู้สึกเห็นใจน้ำปินัทธา แต่ก็ยังสับสนเพราะอีโก้ เธอสลัดความรู้สึกห่อเหี่ยว สตาร์ทรถ คาดเข็มขัด จู่ๆ กฤษฎาก็เปิดประตูเข้ามานั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
"กฤษฎา"
"ครับ อันตรายมากนะครับที่ไม่ล็อครถตั้งแต่แรก ถ้าผมเป็นมิจฉาชีพคิดทำร้าย ปล้นทรัพย์หรือชิงรถคุณ คุณจะทำยังไง"
"ทำยังงี้ไง"
เธอทั้งผลักทั้งดัน จิกตี กฤษฎาหลบพัลวัน
"ออกไป เข้ามาทำไม ใครอนุญาต บอกแล้วไงว่าไม่ต้องตามมา ฉันอยากอยู่คนเดียว ไป ไป๊ ไปๆๆ"
เขาหนีออกไปนอกรถ เธอของขึ้น ระเบิดติดแล้วลงยาก เธอตามกฤษฎาออกไป

เธอออกมายืนอีกฝั่ง มีรถอยู่ตรงกลาง
"จะโกรธอะไรผมนักครับ"
เธอไล่ตาม เขาวิ่งวนหนี
"ขัดคำสั่งฉันทำไม หา!"
"ผมไม่อยากให้คุณเครียดอยู่คนเดียว คุณมีทีมงานคอยช่วย ทำไมไม่ให้พวกเค้าช่วยคิด"
"เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง เด็กอย่างเธอไม่มีทางเข้าใจความซับซ้อนของเรื่องนี้ อยู่เฉยๆ ไม่งั้น ฉันไล่ออก!"
"ผมเคยคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นไอดอล และอยากเรียนรู้งานจากคุณ อยากทำงานเก่งเหมือนคุณ คุณคือแรงบันดาลใจของผม แต่พอมาเจอตัวจริง ถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วคุณเป็นคนอ่อนแอ ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีแต่ความกลัว"
"ฉันไม่เคยกลัว!"
"คุณกลัว! กลัวว่าความคิดของตัวเองจะไม่ดีพอ กลัวคนอื่นจะดีกว่า จึงแสดงออกด้วยการบ้าอำนาจ เพราะจะได้เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ IT’A MUST THAILAND จะไม่มีทางขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งถ้ายังมีหัวหน้าอย่างคุณ"
"มันจะมากไปแล้วนะ หยุดพูดเดี๋ยวนี้"
"พูดหมดแล้วครับ"
"ฉันจะไล่เธอออก"
"แล้วแต่ศรัทธาครับ"

กฤษฎามองเธอด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะออกไป เธออึ้ง พูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้ยินมุมความคิดแบบนี้จากเด็กอย่างกฤษฎา...ต่อมเซลฟ์ถูกกระทบอย่างรุนแรง

พีศทรรตนั่งมองธัญรดาป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาดูเครียดมาก เขาเห็นลูกมีความสุขมากที่แม่อยู่จนถึงตอนนี้ จนอาการดูแข็งแรงปกติ

ธัญรดาหันมายิ้มให้ พีศทรรตยิ้มตอบ ธัญรดาหันไปป้อนข้าวญาดา แล้วบอกกับลูกว่า
"เล่นละครอะไรก็เล่นไป แต่อย่ามาเล่นกับแม่"
เขาตกใจร้อง "เฮ้ย!!"
"ฉันเจ็บจริงอะไรจริงนะ"
"หื้อ!?"
คำพูดของลูกทำให้เขาเหวอ ตกใจ ที่ได้ยินคำพูดตัวเองกับน้ำผึ้ง ออกจากปากของธัญรดาและญาดา เขาพยายามตั้งสติ ฟังและดูใหม่
ธัญรดาถาม
"แล้วจะเอาไง"
"ยังอีก!" พีศทรรตว่า
"ฉันจะไม่ถ่ายปกให้ใครทั้งนั้น!" ญาดาบอก
พีศทรรตตกใจ
"ฉันไม่มีวันเสียศักดิ์ศรี!" ญาดาพูดต่อ
พีศทรรตผงะ ถึงนั่งไม่ติด
"เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว"
สองแม่ลูกตกใจ หันมามองพีศทรรต
"คุณพ่อเป็นอะไรคะ"
พีศทรรตปรับการรับรู้ทางประสาททั้งห้าซะใหม่
"เมื่อกี้คุณกับลูกคุยอะไรกัน"
"ฉันก็...คุยเรื่องที่โรงเรียน เรื่องไปเที่ยววันหยุด ทำไมเหรอคะ"
เขาโล่งอก หงุดหงิดตัวเองที่เห็นภาพหลอนเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำผึ้ง

เวลาเย็นต่อเนื่องมา ปินัทธาเดินมาหยุดที่โต๊ะนักศึกษา ที่เคยนั่งในอดีต เห็นรอยแกะโต๊ะที่ยังเหลือร่องรอยลางๆ ว่า “DRAMA QUEEN” เธอเอามือลูบด้วยความคิดถึง
ในอดีต เธอกำลังแกะสลักบนโต๊ะ ว่า “น้ำผึ้ง DRAMA QUEEN” เสร็จพอดี เพื่อนอีกสองคน
นั่งอ่านหนังสืออยู่ ยื่นหน้ามามองแล้วถาม
"ทำอะไร" เมธาวลัยถาม
ณัฎฐาลินีกัด
"ดราม่าควีน กล้าเนอะ"
"สักวันฉันจะไปให้ถึง...วงการบันเทิงจะต้องมอบฉายาดราม่าควีนให้ฉัน"
"จ้า สมพรปากจ้า แต่แก...เก่งอยู่แล้ว แถมช่วงนี้ก็ราศีดาราจับ ไปถึงได้แน่ๆ" ณัฎฐาลินีบอก
"ก็ว่างั้น คริคริ"
"แต่สัญญาได้ป่ะ ถ้าแกจะเป็นดาราที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้นล่ะก็... ช่วยไต่เต้าไปแบบขาวสะอาดฝ่าฟันด้วยฝีมือ อย่าเหยียบหัว แทงข้างหลังคนอื่น ใช้วิชามารเหมือนที่ฉันเคยดูในละครในหนังได้ป่ะ" เมธาวลัยบอก
"ก็จริงนะ...ความสำเร็จที่ได้มาแต่ปราศจากความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ มันไม่น่าภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม...อุ๊ย...คมอ่ะ" ณัฎฐาลินีบอก
"ถ้าแกอยากให้เพื่อนภูมิใจ ว่าแกเป็นของแท้ตัวแม่ตัวจริง ถ้าแกไม่อยากเห็นพวกฉันเอาปี๊บคลุมหัวเวลาบอกใครๆว่าเป็นเพื่อนแกล่ะก็...อย่าเลวเด็ดขาด" แล้วเมธาวลัยก็หันมาพูดกับณัฎฐาลินี "อันนี้ไม่คม แต่ฉลาดพูด โอเคมั้ย"
"แหวะ!"
"สบายใจได้ น้ำผึ้ง ปินัทธา ไม่เคยทำให้เพื่อนผิดหวังจ้า"
"แต่ตอนนี้อ่านหนังสือก่อนเหอะ ถ้าอยากจบพร้อมพวกฉัน" ณัฎฐาลินีบอก
"ว้ายๆๆ ขู่อีกแระ ขู่อยู่ได้ อ่านสิอ่าน"
เธอตกใจรีบอ่านหนังสือ เพื่อนสองคนมองยิ้มขำ

เธอน้ำตาซึม รู้สึกคิดถึงความหลัง
"ฉัน...ไม่เคยทรยศสัญญานะ"
น้ำผึ้งลงนั่งที่โต๊ะ รู้สึกเหนื่อย...มองไปข้างหน้า ก็ชะงัก เห็นเมธาวลัยกำลังเดินเรื่อยเปื่ยอยมาจากมุมหนึ่ง ในขณะที่ณัฎฐาลินีก็เดินเรื่อยเปื่อยมาจากอีกมุมหนึ่ง ทั้งสองคนต่างตรงมาที่โต๊ะ ทั้งสองคนอึ้งเมื่อเห็นปินัทธานั่งอยู่ที่โต๊ะ
ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา ในบรรยากาศเกิดความเงียบงัน

มุมหนึ่งบ้าน พีศทรรตนั่งเครียดอยู่ ธัญรดาป้อนข้าวให้ญาดา พลางมองเขาย่างสังเกต
"ตั้งแต่กลับมา คุณดูเงียบๆนะคะ คิดมากเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ"
"ก็...เรื่องงานนิดหน่อย"
"เห็นนั่งมองหน้าพวกเราแล้วเครียด ทำไมคะ กำลังคิดอยู่เหรอคะว่าจะกำจัดเราสองแม่ลูกออกไปให้พ้นจากชีวิตรักของคุณกับน้ำผึ้งยังไง"
ญาดามองหน้าพีศทรรตทันที
"คุณพ่อรักกับน้ำผึ้ง...ตัวป่วนคนนั้นเหรอคะ"
"ใช่แล้วจ๊ะ"
"รดา พูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูกทำไม"
"ยังไงลูกก็ต้องรู้เรื่อง จะหลอกแกไปเรื่อยๆอีกนานแค่ไหน"
"แต่ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่วิธีที่คุณกำลังทำอยู่ ผมมีวิธีของผม"
ญาดาตกใจ หน้าเป็นตูดเลย เตรียมแผลงฤทธิ์ แล้วตามด้วยเสียงกรี๊ดดังลั่นบ้าน แล้วก็ปัดจานข้าวตกแตก อาละวาด กานดาวิ่งเข้ามากับแต้ว
"อะไรกัน เสียงอะไรตกแตก!"
"ญาดาลูก หยุด คุณพ่อขอโทษลูก หยุดก่อนนะ"
ญาดายังกรี๊ดไม่เลิก
"แต้ว เก็บเศษจานพวกนี้ก่อน เดี๋ยวหลานฉันเหยียบ" กานดาบอก
"ค่ะ"
แต้วรีบเก็บเศษแก้วด้วยมือก่อน
"อะไรกันตาพีศ เมื่อกี้เห็นป้อนข้าวคุยกันดีๆ ใครขัดใจญาดาอีก"
พีศทรรตเหลือบมองธัญรดาอย่างไม่พอใจ เธอไม่สบตาปล่อยให้เขาลอบญาดาต่อไป เธอลอบมองอย่างสะใจ โดยที่กานดาไม่เห็น

ทั้งสามคนนั่งลงที่โต๊ะนักศึกษามหาวิทยาลัยในตำแหน่งเดิมเหมือนในอดีต แล้วต่างมองหน้ากันไปมา ยังไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็ไม่มีใครหนีไปไหน ยังคงนั่งมองเชิงกันอยู่
เพื่อนทั้งสองเหลือบมองรอยแกะโต๊ะแล้วอึ้ง เพราะมันยังมีร่องรอยอยู่ ทั้งสองคนหลุดยิ้มออกมาพร้อมกัน
"ยิ้มอะไร"
ทั้งคู่หุบยิ้มทันที กลับมาวางฟอร์มเหมือนเดิม
"ก็...แค่นึก ด่าอยู่ในใจว่าคนมันมือบอน" เมธาวลัยบอก
"บางอย่าง ก็ไม่สามารถลบเลือนไปได้ตามกาลเวลา ต่อให้ผ่านไปกี่สิบปี" ณัฎฐาลินีว่า
"เหมือนที่แกแงะโต๊ะว่าน้ำผึ้ง DRAMA QUEEN และ....ที่แกเคยให้สัญญากับฉันตอนที่แกเขียนประโยคนี้วันนั้น"
ปินัทธามองเมเมธาวลัย ณัฎฐาลินีแปลกใจ
"ถึงฉันจะเกลียดแก แต่ฉันแยกแยะได้ ว่าดีชั่วมันคนละอย่าง...ขอบใจที่รักษาสัญญา"
"แกรู้ได้ยังไง ว่าฉันแคนเซิลการถ่ายปกของคู่แข่งแก"
ณัฎฐาลินีอึ้ง
"นังวลัยรู้ โลกรู้...จำไม่ได้หรือไง แต่ อย่าคิดว่าฉันจะเกลียดแกน้อยลง การกระทำของแกวันนี้ ไม่สามารถลบความผิดที่แกเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนในวันนั้นไปจากความทรงจำของฉันได้"
"ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อไถ่บาปให้ใคร"
ณัฎฐาลินีลุกขึ้นจะเดินหนี
"น่าเบื่อ"
"เพราะความสาระแนของแกคนเดียวเลย ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่เลิก" ปินัทธาพูดไล่ตามหลัง
"ฉันไปสาระแนเรื่องอะไรของใคร" ณัฎฐาลินีถาม
"ถ้าแกไม่โทร.เล่าให้นังวลัยฟัง มันก็จะไม่ถามอะไรฉัน จนเป็นเหตุให้มันคาบเรื่องไปบอกนังเมเปิ้ล ให้มันขุดเรื่องในอดีตมาด่าฉัน"
"ยอมรับผิดบ้างสักเรื่อง มันจะทำให้แกขาดใจตายหรือไง หา"
"ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด"
ทั้งสามคนเต็มไปด้วยอีโก้
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องมานั่งเสียเวลาแบบนี้อีก"
ณัฎฐาลินีลุกขึ้นเดินจากไป เมธาวลัยลุกเดินหนีเป็นคนถัดไป ส่วนปินัทธานั่งนิ่ง น้ำตาซึม ตะโกนด่าไล่หลังเพื่อนทั้งสองคน ดังก้องไปทั้งบริเวณ
"ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันทำดีที่สุดของฉันแล้ว นังบ้า!"
เพื่อนทั้งสองอึ้ง ชะงัก แต่ก็เดินต่อไป ไม่หันมา ไม่ใจอ่อน เธอนั่งสะเทือนใจ เสียใจ ตกต่ำสุดขีด หันไปมองรอยแกะโต๊ะ หยิบปากกาที่ติดตัวมาด้วยขีดฆ่าคำว่า “น้ำผึ้ง DRAMA QUEEN” ออกด้วยความเจ็บใจ
"พี่คะ ทำโต๊ะหนูทำไมคะ"
นักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนมองน้ำผึ้งด้วยความไม่พอใจ แต่พอเห็นหน้าน้ำผึ้งชัดๆ ทุกคนก็ตกใจ
"ดารา"
"ถ่ายคลิปเลย ดารามือบอน" นักศึกษาชายหยิบมือถือมาถ่ายคลิป
น้ำผึ้งจะเหวี่ยง แต่ไม่กล้า รีบลุกหนีไป เอากระเป๋าปิดหน้าปิดตา นักศึกษาพากันมองด้วยความฉุน นักศึกษาหญิงยุ
"โพสต์เลยๆแก!"

ทุกคนรุมดูการโพสต์คลิปน้ำผึ้งขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์ก
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 8 (ต่อ)

ณัฏฐาลินีเดินมาในทางเดินของมหาวิทยาลัย แล้วก็ชะงัก

"แล้วทำไมฉันไม่ไปเอารถที่อู่...โอ๊ย! ลืมรถทั้งคันเนี่ยนะ"
เธอรีบหยิบมือถือต่อสายหาอู่ คุยสายสักพักก็ตกใจ
"ฮัลโหล...เฮียโต๋ป่ะคะ ลินีเองค่ะ ค่ะ พอดียุ่งๆเลย ... หา! แฟน หนูมาไปเอารถให้แล้ว เดี๋ยวๆ หนูไม่มี.... นายวายุบุตร! ขอบคุณค่ะเฮีย"
เธอกดวางสาย ปรี๊ดแตก
ธัญรดานั่งนิ่งอยู่ พีศทรรตมองหน้าอดีตเมียอย่างไม่พอใจ คุณหญิงกานดาเพิ่งเข้ามา
"แม่เพิ่งเข้าไปดูหลาน หลับไปแล้ว นี่ไม่ไหวนะ แม่สงสารหลาน ร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง สามวันดีสี่วันป่วย ยังจะให้ป่วยทางจิตด้วยหรือไง!"
เงียบทั้งเขาและเธอ
"ในเมื่อไม่ฟังแม่ อยากจะจัดการชีวิตตัวเองยังไงก็เชิญทำไป แต่อย่าทำให้คนข้างหลังต้องเดือดร้อนนะ ตาพีศ"
"ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ แต่มีบางคนที่ไม่คิดเหมือนผม"
"ฉันเหรอ"
"คุณใจดำมากเลยนะรดา ที่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูก"
"ตัวเองสำส่อนเอง อย่ามาโยนความผิดให้ฉัน"
"ธัญรดา!"
"หยุดทั้งสองคนเลย! ฉันปวดหัวกับเรื่องนี้เต็มที"
"ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ขอให้ทุกคนอยู่เฉยๆ"
"ฉันไม่เฉยแน่! ฉันเป็นแม่แก เป็นย่าของหลาน อย่างน้อยถ้าแกไม่กลับไปคืนดีกับรดาเพื่อเห็นแก่ความสุขของลูก แกก็ควรจะเห็นหัวฉันบ้าง..."
พีศทรรตอึ้ง
"ฟังฉันนะตาพีศ ต่อไปนี้ อย่าพาแฟนดารามารยาทรามของแกมาเหยียบบ้านนี้อีกเด็ดขาด ถ้าแกไม่เชื่อ แกจะได้ชื่อว่าเป็นลูกเนรคุณที่เอาเสนียดเข้ามาในบ้าน จนทำให้ฉันอยู่ที่นี่อีกต่อไปไม่ได้"
พีศทรรตอึ้ง กานดาลุกออกไป ธัญรดาเดินมายิ้มท้าทาย
"บอกแฟนคุณด้วยว่า อยากจะตกถังข้าวสาร มันไม่ง่ายหรอกนะ"
พีศทรรตเครียด มีแต่ปัญหารุมเร้า
กรุงเทพฯ ยามราตรี บริเวณหน้าทางเข้าผับวายุบุตร ร.ป.ภ.มองณัฏฐาลินียืนรอวายุบุตรอยู่
"ไม่เข้าไปรอด้านในละครับ"
"ไม่ค่ะ...รอตรงนี้แหละค่ะ รู้สึกปลอดภัยดี มีพี่อยู่ใกล้ๆ"
"ครับ"
ร.ป.ภ.ยืนปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แอบยิ้มๆเพราะถูกชม
ทันใดนั้นก็มีช่อดอกกล้วยไม้มายื่นเข้ามาตรงหน้าเธอ วายุบุตรยิ้มกริ่มให้อยู่
"เห็นมั้ย ว่ายังไง้ยังไงคุณก็คิดถึงผม นี่ครับ กล้วยไม้สวยๆ"
"จะให้ฉันเอาไปถวายพระตอนใส่บาตรเหรอ"
"อันนั้นไปซื้อที่แผงกำละยี่สิบ แต่นี่ หลายร้อย แทนความหมายว่าผมไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงคุณได้"
"ไม่เอา"
"ผมไม่ได้ให้คุณ แต่ให้คุณมอบให้ผม"
เธอคิดตาม ก่อนจะถึงบางอ้อ...
"เยอะไปแระ! เสียใจ ฉันไม่ทำ"
มีสาวสวยสองคนเดินผ่านมา ส่งยิ้มหวานเสน่ห์ให้วายุบุตร เขายิ้มตอบอย่างมีไมตรี สองสาวเดินเข้าผับไป เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีก
"เอากุญแจรถฉันมา แล้วก็เอาเงินค่าซ่อมรถฉันไป"
เธอยื่นเงินให้วายุบุตร
"รับช่อดอกไม้ผมก่อน แล้วก็ห้ามเอาไปทิ้งนะ มันเจ็บ"
"หลอกล่อให้ฉันออกมาหาคุณด้วยวิธีนี้ ฉันก็เจ็บเหมือนกัน"
เขาอึ้ง เห็นว่าเธอโกรธจริง
"เจ็บที่พลาดท่าให้คนเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาส อย่าคิดว่าฉันจะรู้สึกดี"
"ผมแค่อยากดูแลคุณ"
"ฉันไม่ใช่เด็กเลี้ยงของคุณ ไม่ต้อง"
"คุณคิดมากเกินไป"
"ฉันควรคิดมากดีกว่าคิดสั้น"
เขาถอนใจ มองกล้วยไม้ อย่างผิดหวัง
"ผมทำอะไรไม่เคยถูกใจคุณเลย"
"ถ้าจะทำให้ฉันถูกใจ อย่าใช้มาตรฐานของตัวเองกับฉัน เอากุญแจมา"
วายุบุตรยอมแพ้

ภายในคอนโดฯ ปินัทธานั่งปฐมพยาบาลเท้าตัวเองที่ถูกรองเท้ากัด ด้วยรู้สึกเศร้า
"ปีนี้ก็ไม่ใช่ปีชง ทำไมมันทั้งซวย ทั้งเซ็งแบบนี้"
เธอหยิบมือถือมาถ่ายรูปตัวเองที่ถูกรองเท้ากัด
"อัพรูปลงอินสตาแกรมดีกว่า เช็คเรตติ้งนิส"
เธออัพรูปอย่างรวดเร็ว พลางพิมพ์ข้อความประกอบ
"รองเท้ากัด...สงสัยลืมกัดมันก่อนใส่ ขึขึขึ"
เธออัพรูปเรียบร้อย มีเม้นต์แจ้งเตือน หลายเม้นต์ของรูปก่อนหน้านี้ เธอคลิกเข้าไปดู มีแต่ข้อความต่อว่าน้ำผึ้ง
"อุ๊ย...มีเม้นต์เพียบเลย ... เป็นดาราคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เหรอคะ โต๊ะนักศึกษาก็ไม่เว้นเหรอคะ เฮ้ย...ป้าคะ แก่แล้วอย่ามือบอน ว้าย! ด่าฉัน ทั้งนั้นเลย หืม ต้องด่าตอบโต้"
มีสายโทรเข้าขัดจังหวะ น้ำผึ้งเห็นชื่อ “พีศทรรต”
"ชิ! ไม่รับย่ะ"
เธอกดตัดสาย แต่พีศทรรตก็โทร.เข้ามาอีก เป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนเธอทนไม่ไหว ตัดสินใจรับสาย
"ฮัลโหล...ว่าไง อะไรนะ!"
เธอเหวอ วิ่งไปมองตาแมวที่ประตูก็เห็นพีศทรรตยืนอยู่
"ผู้ชายบุกมาหาถึงคอนโด! ว้าย"
"น้ำผึ้ง เปิดประตู ถ้าไม่อยากให้เพื่อนบ้านคุณออกมาเห็นผมตอนนี้"
เธอลังเล เอาไงดี ไม่เปิด แต่ยังคุยมือถือต่อ
"ฉันไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้วล่ะ เห็นก็เห็นไป ไม่แคร์"
"ผมต้องคุยกับคุณ"
"คุยกันตรงนี้ก็ได้"
พีศทรรตรำคาญกดวางสาย แล้วเดินออกไปจากประตู เธออึ้ง มองที่ตาแมงอีกครั้ง ไม่เห็นเขาแล้ว
"ผู้ชายคนนี้สะกดคำว่าอดทน หรือตื้ออีกนิดพิชิตใจหญิง เป็นมั้ยเนี่ย"

น้ำผึ้งกดวางสาย เปิดประตูออกไปเพื่อจะดูว่าพีศทรรตไปแล้วจริงหรือไม่ พอเปิดประตูออกมาปุ๊บ พีศทรรตที่ยืนแนบผนังอยู่ใกล้ๆประตูก็คว้าผลักเธอเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูปั๊บ

วายุบุตรเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา ณัฎฐาลินีรออยู่หน้าห้องไม่เข้าไป

"เข้ามาสิครับ"
"ไม่"
"เข็ดแล้วเหรอ"
"ไม่ได้เข็ด แต่ไม่อยากเข้า จบป่ะ"
"งั้นรอแป๊บนึง ผมจะเข้าไปเอากุญแจรถคุณ"
วายุบุตรเดินเข้าไปหยิบกุญแจรถในลิ้นชักโต๊ะให้ แล้วมายื่นให้ เธอรีบคว้ามา ยื่นเงินให้วายุบุตร
"เอาไป"
วายุบุตรรับมา
"ผมขอโทษ"
เธอเห็นสายตาขอโทษอย่างจริงใจของวายุบุตร แล้วรีบตัดบท
"ฉันกลับล่ะ"
พนักงานเข้ามารายงานพอดี
"คุณเบลให้มาตามบอสครับ"
"ขอบใจมาก จะไปเดี๋ยวนี้แหละ"
พนักงานออกไป
"ผมไปส่งขึ้นรถ"
"ไม่ต้อง ไปหาคุณเบลของคุณเถอะ"
เธอก้าวฉับๆออกไป แต่ในใจอยากรู้มากว่า อีคุณเบลเนี่ย ใช่หนึ่งในสองคนที่เจอหน้าผับหรือเปล่า

ในคอนโดฯ พีศทรรตนั่งดูทีวีหน้าตานิ่งเฉย เธอนั่งข้างๆ อย่างเกร็ง
"นี่...ที่บ้านไม่มีทีวีดูเหรอ"
เขาไม่ตอบ แต่เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ
"นี่...มาแย่งทีวีเจ้าของบ้านดูแบบนี้ ไม่เสียมารยาทเหรอ"
เขาเห็นข่าวงานแถลงข่าวของตัวเองกับปินัทธาเข้าพอดี หันไปจุ๊ปากให้เธอเงียบ
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เห็นเขากับเธอจับมือกัน
"อุ๊ตะ! ดูเด่ะ เราสองคนดูแมทช์กันมากเลย กิ่งทองใบหยกจุงเบย"
เขาหันมองหน้าเธอสีหน้าเครียด เธอรีบหุบปาก นั่งนิ่ง เขากดปิดทีวี เอนหลัง นอนหลับตา
"เฮ้ย! คุณพีศ จะนอนหลับตรงนี้ไม่ได้นะ"
พีศทรรตไม่สนใจ ขยับตัวหาท่านอนสบายๆ เอาหมอนปิดหน้า เธอยืนอึ้ง ตกใจ
ภายในผับ เมธาวลัยกำลังเต้นอย่างเมามัน ภัทรวลัยสโลว์ซบกับเป้แบบไม่สนใจคนรอบข้าง ทั้งๆที่ดนตรีมันมาก
"วลัยคะ ไม่สนใจเพื่อนบ้างล่ะคะ เต้นลืมตายมาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ"
"ปล่อยมันค่ะ ให้มันทำไป เดี๋ยวหายบ้าก็หยุดเอง"
"มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลานนะคะวลัย"
"สอนว่าไงคะ"
"ต้องมีสติ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่แก้แบบนี้...มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน มันคือการหนีปัญหามากกว่า"
"พ่อพระของน้อง ซบกันต่อเถอะค่ะ หนูโทร.หาแฟนมันให้มารับมันแระ ไม่ต้องห่วงมันหรอก"
เมธาวลัยยังคงเต้นตึ่งๆๆ โลกหมุนรอบตัวเองต่อไป
ณัฎฐาลินีเดินเข้ามา พยายามมองหาวายุบุตร และอยากเห็นหน้าอีเบล เธอเห็นเขานั่งคุยกับสองสาวอย่างสนิมสนม ชงเครื่องดื่มส่งให้วายุบุตร มีการไขว้มือดื่มกัน เห็นแล้ว เธอหน้าตึงทันที
"หืม...ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ ไอ้ปลาไหล ไอ้เมือกก"
เธอมองหาโต๊ะว่างเพื่อจะไปนั่งสังเกตการณ์ต่อไป และยังไม่เห็นเมเปิ้ลที่เต้นอยู่มุมหนึ่ง วายุบุตรยังคงเอ็นเตอร์เทนลูกค้าต่อไป....โดยไม่เห็นเธอเช่นกัน
เธอนั่งสังเกตการณ์ตัวลีบมาก พนักงานเข้ามาดูแล
"ขอ...น้ำเปล่าค่ะ"
พนักงานยิ้มๆออกไป เธอหันไปจับตาดูต่อ เห็นว่าเขาหัวเราะร่วน จนเกิดความหมั่นไส้ เมินหน้าหนี จังหวะเดียวกันที่เธอกวาดตามองไปทางเมธาวลัยที่กำลังรูดลงกับพื้น ภัทรวลัยและเป้เข้าไปดู
เธอมองไม่เห็นทั้งกลุ่ม หันกลับไปสังเกตวายุบุตรต่อไป หมั่นไส้จัด ดูดน้ำที่พนักงานเสิร์ฟเอามาเสิร์ฟอึกๆๆ
เมธาวลัยนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น เป้และภัทรวลัยประคองอยู่
"เอาไงดีคะ วลัย"
"รอพระเอกขี่ม้าขาวสิคะคุณเป้"
"ปกติพระเอกต้องมาถึงที่เกิดเหตุเร็วมากเลยนะคะ เร็วกว่าตำรวจอีก"
กฤษฎาโผล่พรวดเข้ามา เห็นเธอนั่งแปะอยู่กับพื้นแล้วตกใจ รีบเข้ามา
"คุณเมเปิ้ล! ทำไมเละอย่างนี้ล่ะครับ"
"มันอาบ มันไม่ได้ดื่ม" ภัทรวลัยบอก
"อุ้มไปเลยดีกว่านะผมว่า เดินไม่ไหวแล้วล่ะ"
"ครับ"
กฤษฎาจะอุ้ม เธอดีดตัวหนี ลุกขึ้น พอเห็นหน้ากฤษฎา ก็ชี้หน้าด่าเลย เสียงดังลั่น
"กฤษฎา ไอ้เด็กนรก"
ทุกคนอึ้ง คนทั้งผับหันมาดู รวมทั้งณัฎฐาลินี วายุบุตรด้วย กฤษฎาหน้าชา เมธาวลัยเดินเข้าหา
"กล้าดียังไงมาด่าฉัน เธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร! คิดว่าเห็นชีวิตมากกว่าฉันงั้นเหรอ ถึงได้มาตัดสินฉัน เธอมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน เป็นแค่เด็กฝึกงานที่รอโอกาสจากฉัน ฉันคือคนที่ชี้เป็นชี้ตาย"
กฤษฎารีบขัด
"คุณเมเปิ้ลครับ เสียงเบาๆครับ ตอนนี้คนทั้งประเทศหันมามองคุณเป็นตาเดียวแล้วครับ"

เมธาวลัยกวาดตามองไปรอบๆ เจอหน้าณัฎฐาลินียืนอยู่ เธออึ้ง วายุบุตรก็อึ้งเมื่อเห็นณัฎฐาลินียังอยู่ ทุกคนต่างอึ้งกันไปหมด
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น