ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 9
เมธาวลัยด่ากฤษฎาก่อนพุ่งไปหาณัฎฐาลินีทันที เธอโงนเงนด้วยความเมา เดินยากลำบากเพราะในผับมีเครื่องกีดขวางเยอะ แต่นางก็ไม่สน กฤษฎาตามไปดูแลกันพลาด
ภัทรวลัยและเป้เห็นณัฎฐาลินีอยู่ในผับด้วยก็แปลกใจ
"อ้าว...ลินี มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
เธอแหวกกลุ่มคนไปหาเพื่อนคู่ปรับจนได้
"แกตามฉันมาตั้งแต่ตอนไหน"
"ฉันไม่ได้ตามแกมา"
"อ้อ! มาเที่ยวเองงั้นสิ อย่างแกเนี่ยนะ เที่ยวกลางคืน"
ณัฎฐาลินีมองหน้าวายุบุตร
"ฉัน... มาตามแฟน!"
แล้วเธอก็พุ่งไปหาวายุบุตร กระทุ้งอีเบลกับเพื่อนออกไปห่างๆ ทุกคนมองตาม
"นี่ไง แฟนฉัน เป็นเจ้าของที่นี่! ถ้าฉันไม่ให้ฉันมาฉี่รด เอ้ย!!มาหาเค้าที่นี่ แล้วจะให้ฉันไปร้านข้าวต้มที่ไหน! อย่าคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ!"
เมธาวลัยอึ้ง ภัทรวลัยพูดกับเป้
"แฟนลินีเป็นเจ้าของผับอ่ะ มาเที่ยวก็บ่อย ไม่เห็นรู้เลย"
"มากับใคร"
"ก็มากับหนูไงคะ"
"เออ จริง โลกกลมแบบนี้ อย่าได้แอบมาทำผิดแล้วคิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็นนะคะ ความลับไม่มีในโลก"
"ค่ะ! ใครจะกล้า"
กฤษฎาตัดสินใจลากตัวเมธวลัยออกไปทันที
"ปล่อย! นังลินีมันด่าฉัน ฉันจะด่ามันก่อนกลับ"
"อายคนบ้างเถอะครับ"
"ไม่อาย"
แต่เขาก็ลากเมเธอออกไปจนได้ ภัทรวลัยรีบหันมาสั่งเป้
"พี่เป้ เคลียร์บิลก่อนนะ หนูตามไปดูเพื่อนก่อน"
ภัทรวลัยรีบวิ่งออกไปทันที เป้โบกมือให้ เธอโบกมือทักตอบ เป้หันไปสั่งเช็กบิลกับพนักงาน
ณัฎฐาลินีมองตามเมเปิ้ลที่ออกไป ด้วยความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ
"ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้ว"
"อ๋อ พอดีนึกขึ้นได้น่ะค่ะ ว่ายังไม่ได้บอกคุณเลย...ว่าอย่าลืมฝันถึงแฟนนะคืนนี้"
เบลพูดกับวายุบุตรอย่างผิดหวัง
"พี่วายุมีแฟนแล้วเหรอคะ"
ณัฎฐาลินีตอบแทนแล้วประกาศเสียงดัง
"ค่า! มีแล้วค่ะ ต๊าย ยังรู้กันไม่ทั่วถึงสิเนาะ! ประกาศค่ะ ฉันชื่อณัฏฐาลินีเป็นแฟนคุณวายุบุตรนะคะ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังขายอ้อย หรือทอดสะพานให้แฟนฉันอยู่ กรุณาล้มเลิกความคิดนะคะ ถ้าไม่อยากได้ชื่อว่า เป็นมือที่สาม"
สองสาวอึ้ง หน้าม้าน แขกในร้านเริ่มซุบซิบกัน ในมุมหนึ่งพนักงานเสิร์ฟเมาท์กัน สิริมาเพิ่งมาเดินเข้ามาถามพนักงาน
"มีเรื่องอะไร แขกเมาอาละวาดเหรอ"
พนักงาน1 บอก
"ไม่ใช่แขกค่ะ แต่เป็นแฟนบอส"
"อะไรนะ"
สิริมารีบเดินเข้าไปดูสถานการณ์ใกล้ๆทันที เห็นวายุบุตรพยายามทำให้ณัฎฐาลินีเย็นลง
"คุณ...ไม่มีใครแจกอ้อยหรือทอดสะพานให้ผมหรอกนะ"
"ถามน้องเบลของคุณสิ"
หนึ่งในสองสาวที่ชื่อเบลอึ้ง...อึกอัก
"คนไหนชื่อเบล" เธอถาม
หนึ่งในสองสาวยกมือ
"ที่ทำเมื่อกี้กับแฟนพี่น่ะ แถวบ้านพี่เรียกว่าเชื้อเชิญ ทอดสะพาน พูดภาษาบ้านพี่เรียกว่า อ่อย หากเลยเถิดถึงขึ้นมีเพศสัมพันธ์กับเขา เรียกว่าสมยอม แต่ถ้าน้องเกิดมีสติคิดได้ว่านี่คือความสัมพันธ์ชั่วคราวที่ไม่ควรถลำลึก น้องขัดขืนแล้ว แต่แฟนพี่หน้ามืดเกินกว่าจะใส่เกียร์ถอยหลัง น้องปกป้องตัวเองไม่ได้เรียกว่า ถูกข่มขืน แล้วถ้าน้องตั้งท้อง ท้องที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมาเรียกว่า ปัญหาสังคม!"
เบลและเพื่อนหน้าซีด คนทั้งผับมองเป็นตาเดียว สองสาวยิ่งอายหนัก
"ลินี คุณกำลังคิดเยอะเกินไป น้องเค้าก็แค่มานั่งชิล เดี๋ยวเค้าก็กลับบ้าน"
"เป็นผู้หญิงต้องคิดให้เยอะ อย่าคิดน้อย ถ้าจะรักสนุกกับแฟนพี่...รับมือกับผลที่ตามมาได้หรือเปล่า ถูกฟันแล้วทิ้งเพราะเค้าไม่คิดจริงจังแน่นอน แล้วถ้าท้องล่ะ มีวุฒิภาวะรับผิดชอบตัวเองกันได้แค่ไหน เพียงพอที่จะรับผิดชอบอีกชีวิตนึงที่จะเกิดมาหรือยัง หรือคิดง่ายๆ ก็ทิ้งให้เป็นภาระของพ่อแม่สิ หรือจะคิดง่ายกว่านั้นถึงขั้นมักง่าย คือฆาตกรรมมันไปซะ! คิดหรือยังว่าจะเอาไง คิดหรือยัง หา!"
สองสาวสะดุ้งเฮือก ตื่นกลัว แขกในร้านฮือฮาวิจารณ์เซ็งแซ่ สองสาวอายจนต้องรีบพากันออกไปทันที วายุบุตรอายแขก ลากเธอออกไปทางหนึ่ง โดยไม่ลืมสะพายกระเป๋าของเมเปิ้ลออกไปให้ด้วย
แขกในร้านพากันมองตาม ซุบซิบ อื้ออึง สิริมาไม่พอใจณัฎฐาลินีมาก
มุมหนึ่งหน้าผับ กฤษฎาลากตัวเมธาวลัยออกมา ภัทรวลัยตามมาติดๆ
"กลับบ้านครับ"
"ฉันยังกลับไม่ได้"
เมเปิ้ลสะบัดจะเข้าไปใหม่ เขาหันไปคว้าตัวแล้วดึงกลับออกไป
"กลับบ้านครับ"
"ฉันยังด่ามันไม่จบ"
เธอสะบัด จะเดินกลับเข้าไปอีก ฤทธิ์เยอะ เขาจึงตัดสินใจรวบตัว อุ้มตัวลอย แล้วทุ่มลงในบ่อน้ำพุ ตูม!
"แอร๊ย" เธอกรีดร้องเสียงหลง
"ว้าย! เมเปิ้ล"
กฤษฎาเหนื่อยหอบยืนดู เธอตะกายลุกขึ้นอย่างลำบากยากเย็น ภัทรวลัยรีบเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ลื่นล้มหัวทิ่มลงไปด้วยกัน
"ว้าย"
คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมายืนดู หัวเราะขำ เป้เดินออกมา เห็นเมียตกน้ำป๋อมแป๋มอยู่กับเพื่อน รีบเข้าไปช่วยทันที
"วลัย! วลัย ลงไปว่ายน้ำเล่นตรงนี้ทำไมคะ"
"อย่าเพิ่งแซวช่วยก๊อน!"
เป้ช่วยภัทรวลัย
"ช่วยฉันด้วยเซ่!" เมธาวลัยบอก
"ก็ให้แฟนแกช่วยเซ่!"
เธอมองหน้ากฤษฎา แค้น เลิกแสดงอาการคลั่ง เขาเดินเข้าไปยื่นมือส่งให้ เธอมองด้วยความโกรธ เป้ช่วยภัทรวลัยที่เปียกปอนได้เรียบร้อยแล้ว
มุมหนึ่งออฟฟิศ ณัฎฐาลินีสะบัดมือจนหลุดจากมือของวายุบุตร สิริมามายืนแอบดูแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ
"จะคุยกับฉันก็พูดดีๆ ไม่ต้องใช้กำลังบังคับลากฉันมาแบบนี้ ฉันเป็นคนพูดรู้เรื่อง"
"พูดรู้เรื่อง แต่พูดในสิ่งที่ทำให้ผมเสียหาย และอาจจะเสียลูกค้า"
"แสดงว่าฉันทำถูกต้องแล้ว โอเค...ฉันไม่เสียใจ และไม่คิดขอโทษ"
"นี่คุณ!"
"ทำไม"
"ถึงผมจะชอบคุณมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะพอใจในสิ่งที่คุณทำ"
"ไม่พอใจ? ที่ฉันดักคอไม่ให้คุณกับเด็กสองคนนั่นสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างปัญหาสังคมเหรอ ช่วยไม่ได้! เพราะฉันกำลังทำงานของฉันอยู่"
"งั้นก็ช่วยไปทำข้างนอก ไม่ใช่ที่ทำงานผม"
"ที่ทำงานคุณนี่แหละคือที่ทำงานของฉัน เพราะมันคือต้นเหตุของปัญหา! ถึงคุณจะป่าวประกาศว่าตรวจบัตรประชาชนลูกค้าแล้วตามกฎหมาย ไม่มีใครอายุต่ำกว่ายี่สิบเข้ามาในนี้ แต่จะบอกให้นะ จะหัวหงอกหัวดำถ้ามีคนอย่างคุณประโคมของคาวโลกีย์ใส่ปากยัดหูหลอกตาอยู่ทุกวันๆ มันก็เสียคนได้เหมือนกันทั้งนั้น!"
"คนถ้ามันจะเสียคน ไม่ว่าจะอยู่ผับหรืออยู่ที่ไหนมันก็เสีย"
"จะบอกว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องเฉพาะคนล่ะสิ ไร้ความรับผิดชอบ"
"ผมรับผิดชอบชีวิตนักเที่ยวทุกคนไม่ได้! ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย ผมทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุดแล้ว สกรีนอายุลูกค้า เปิดปิดตามเวลา ไม่ขายยาหรือสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ คุณมาเสพความบันเทิงเพื่อคลายเครียด คุณก็ต้องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ"
"รับผิดชอบแต่ไร้สำนึก ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายหาประโยชน์เข้าตัวเองแต่ไม่แคร์ความเป็นมนุษย์! ไม่ใช่เพราะที่แบบนี้เหรอที่มันพรากสำนึกผิดชอบชั่วดีไปจากคนๆหนึ่งได้ ไม่ใช่เพราะคนอย่างคุณหรือไง"
วายุบุตรอึ้ง เห็นเธอโกรธจนขีดสุดเพราะ กำลังคิดถึงเรื่องของตัวเองเมื่อครั้งอดีต จนเมื่อเธอรู้สึกตัวได้สติ กลับมาสงบด้วยตัวเองและรีบเดินกลับออกไป วายุบุตรตาม สิริมามองตามอย่างไม่พอใจ
มุมหนึ่งที่บ่อน้ำพุ เมธาวลัยยังจ้องกฤษฎาไม่วางตา ภัทรวลัยหนาวสั่นในอ้อมกอดของเป้
"ส่งมือมาครับ"
"อย่ามาตบหัวแล้วลูบหลัง"
"ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ คุณก็ยังไม่เลิกคลั่ง"
"อ๊าย!"
"ผมว่าถึงทำ ก็ยังคลั่งอยู่นะครับ น้องกฤษ" เป้บอก
"อ๊าย!"
ภัทรวลัยบอกกฤษฎา
"รักกันรุนแรงแบบนี้ ระวังลูกหัวปีท้ายปีนะคะ น้องกฤษ"
"ไม่มีทาง ไข่ฝ่อหมดแล้ว" เมธาวลัยบอก
"ยังใช้การได้ดีครับ"
"หมายถึงของใครครับ"
"ของคุณเมเปิ้ลครับ"
"อ้อ"
"รู้ได้ไง! ไปให้หมอแอดเวนเจอร์แกแล้วเหรอเมเปิ้ล" ภัทรวลัยว่า
"ผมเดาเอาล้วนๆครับ"
"เลิกยุ่งกับไข่ฉันสักที จะไปไหนก็ไปให้พ้น ไปให้หมด ทุกคนเลย ไป๊!"
"วลัย เราปล่อยให้สองคนนี้ง้องอนกันตามลำพังเถอะ" เป้บอก
"รีบกลับก็ดีค่ะ หนูหนาวไปหมดแล้ว ถ้าชุดฉันเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว...แกตายแน่"
"อ๊าย!"
เธอคลั่งขึ้นมาอีก วักน้ำไล่ทั้งสามคน ภัทรวลัยรีบวิ่งออกไปกับเป้
"หยุดกรี๊ด หยุดพูด หยุดทุกอย่างไว้ก่อนได้มั้ยครับ"
เมธาวลัยเห็นสายตาของกฤษฎาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
อ่านต่อหน้า 2
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 9 (ต่อ)
วายุบุตรตามณัฏฐาลินี ออกมา
"คุณลินี"
"ฉันจะกลับบ้าน"
"คุณโอเคมั้ย"
"อ๋อ ได้ด่าคุณแล้ว โอเคมาก"
"คุณด่าผมหรือด่าใครอยู่"
เธออึ้ง
"ด่าผู้ชายมักง่ายทุกคน ที่ไม่ใช่แค่คุณ"
วายุบตรนิ่งงันไป
"ถ้าคุณยังคิดจะให้ฉันอยู่ในชีวิตคุณอยู่ล่ะก็ เตรียมตัวเจ๊งได้เลยนะ เพราะไม่ใช่แค่คืนนี้หรอกที่ฉันจะมาเป็นนางมารร้ายที่นี่ พูดเลย! ทุกคืน"
เธอก้าวฉับๆออกไป หงุดหงิด และทุกข์ระทมอยู่ข้างใน เขาอึ้ง เห็นมุมเจ็บปวดอยู่ลึกๆ จากที่โกรธกลายเป็นความอยากรู้ อยากเข้าถึง
สิริมาเข้ามาหาวายุบุตร
"แต่ฉันไม่มีทางยอม"
"หริมา!"
"เรื่องส่วนตัวคุณ ฉันอาจจะไม่เข้าไปยุ่งก้าวก่าย แต่ถ้าทำให้ธุรกิจที่ฉันเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยเสียหาย...ฉันเล่นไม่เลิกเหมือนกัน"
วายุบุตรอึ้ง สิริมาเดินออกไป เขาเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ณัฏฐาลินีเดินมาถึงมุมหนึ่ง หลบเข้ามุม ทรุด ปรากฏความอ่อนแอออกมา หลังจากหลุดปากพูดถึงปมของตัวเอง เธอรีบตั้งสติ ก่อนเดินออกไป
กฤษฎายังจ้องหน้าเมธาวลัยอยู่ ณัฎฐาลินีเดินออกมาเห็นพอดี หยุดยืนดูคู่เพื่อนที่นั่งแช่กันอยู่ในน้ำ แล้วนึกขัน
"คุณเมเปิ้ลครับ"
"หือ?"
"ผมอยากจะสารภาพอะไรบางอย่างกับคุณ"
"หือ?"
"ยิ่งดูใกล้ๆ คุณก็ยิ่งเหมือนแม่ผมมาก"
เมธาวลัยเงียบ คอตก โกรธ แต่หมดแรงวีน เธอหลุดขำเพื่อน
"ไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ"
"โกรธ"
"ไม่ด่าเหรอครับ"
"ด่าแม่เธอที่มาเหมือนฉัน หรือด่าเธอที่ว่าฉันไปเหมือนแม่เธอ"
"ด่ามาเถอะครับ ด่าอะไรก็ได้"
"ไร้สาระ เสียเวลา"
"เรื่องที่คุณแค่เห็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่เค้าจะตามหรือไม่ได้ตามคุณมา มันก็ไร้สาระ เสียเวลาเหมือนกัน คิดแบบนี้บ้างไม่ได้เหรอครับ"
"ไม่ได้"
"ถ้าเรื่องเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคุณขนาดนี้ ทำไม...ไม่ปรับความเข้าใจกันล่ะครับ"
เมธาวลัยอึ้งเช่นเดียวกับณัฎฐาลินี คำพูดของกฤษฎาทำให้เธอนึกถึงคำพูดของวายุบุตร
"ที่คุณมา เพราะคุณอยากรู้ความเป็นไปของเพื่อนคุณ คุณเป็นห่วงเค้า"
ทั้งคู่ต่างโหยหาเพื่อน แต่ยังมีกำแพง
"ฉันไม่ปรับ ฉันไม่คุย"
อีโก้ณัฎฐาลินีพุ่งขึ้นมาอีก
"แล้วอย่ามาคุยนะ ฉันจะเชิดใส่"
ณัฎฐาลินีเดินออกไปทันที
วายุบุตรมองดูบรรยากาศในผับแล้วรู้สึกเครียด ก่อนจะมองดูเวลา ซึ่งได้เวลาที่แบนด์จะต้องมาเล่น แต่ยังไม่มา เลยนึกแปลกใจ โบกมือเรียกพนักงาน พนักงานเดินเข้ามา
"ครับนาย"
"ทำไมแบนด์ยังไม่ขึ้น ได้เวลาแล้วไม่ใช่เหรอ"
"เห็นพี่เค้าตามอยู่นะครับ"
ลูกน้องวายุบุตรหน้าตื่นๆเข้ามา
"นายครับ"
"มีอะไร"
"มีคนอ้างชื่อนายโทร.ไปบอกนักดนตรีทุกวงว่าผับเราเลิกจ้าง"
"อะไรนะ?"
วายุบุตรตกใจ หน้าเครียด
กฤษฎายังคุยกับเมธาวลัย
"แน่ใจเหรอครับว่าไม่อยากปรับ ไม่อยากคุย"
แม้เธอจะพยักหน้า แต่ตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริง เขาดูออก
"แต่ถ้าคุณกับเพื่อนกลับมาคืนดีกัน อาจจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น มองโลกสวยงามขึ้น มีพลังที่จะแก้ปัญหาอื่นๆของชีวิตได้ดีขึ้น...ก็ได้นะครับ"
"อายุเท่าไหร่กัน อย่ามาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ชอบเอาโน่นนี่นั่นมาสอนฉัน"
"ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่เด็ก และความเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ได้วัดกันที่อายุ มันวัดกันที่ขนาดครับ"
"ขนาดอะไร"
"ขนาดของสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าวุฒิภาวะครับ"
เมธาวลัยถอนใจ เหนื่อย ก่อนจะจามออกมา
"คุณเป็นหวัด"
"ก็นั่งแช่น้ำอยู่ได้ตั้งนาน ต่อให้ถึกขนาดไหนก็แย่ได้เหมือนกัน"
เธอยื่นมือให้เขา กฤษฎางงด้วย ดีใจด้วย
"ครับ?"
"จะลุก! ลุกเองไม่ไหว"
"อ่อ...ครับ"
กฤษฎารีบฉุดให้เธอลุกขึ้น
ในคอนโดฯ พีศทรรตนอนหลับจริงๆ พลิกตัวอยู่บนโซฟา ปินัทธาลุกขึ้นบอก
"ไม่ไหวแล้วนะคุณพีศ จะนอนหลับจริงๆหรือไง หา! ฉันบอกว่าไม่ให้นอน ไปนอนที่บ้าน"
พีศทรรตยังหลับไม่รู้สึกตัว
เธอเข้าไปใกล้ๆ ตั้งใจจะเขย่าตัวปลุกให้ตื่น แต่ก็ชะงักมือ เมื่อเห็นหน้าเขาหลับจริงๆ
"ปลุกคนกำลังนอน มีคนบอกว่า บาป"
เธอมองหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณา
"ตอนหลับก็ดูไม่มีพิษมีภัย เวลาไม่ได้เปิดปากพูด ก็ดูดีเหมือนกันนะ ถึงขั้นหล่อ" เธอก้มลงไปดู หน้าใกล้กันมากโดยไม่รู้ตัว "คิ้วก็เข้ม ตาสองชั้น ขนตาไม่ยาว แต่ก็โอ...จมูกเป็นสัน ยัดซิลิโคนป่ะเนี่ย หรือฉีดฟิลเลอร์" เธอเอานิ้วเคาะดั้ง "น่าจะของจริง ปากก็..."
จู่ๆเขาก็ลืมตา สองคนชะงัก หน้าใกล้ สบตากัน
"เอ่อ ฉัน"
"จะลักหลับผมหรือไง อดอยากปากแห้งมากเลยเหรอ"
"หืม..."
เธอหมั่นไส้เอาหมอนปิดหน้า อุดปากเขาทันที
"เปิดปากพูดทีไร อยากจะฆ่าให้ตาย นี่ ตายซะ!"
เขาพยายามดึงหมอนออก ดิ้นหนี
"น้ำผึ้ง ผมหายใจไม่ออก น้ำผึ้ง!"
กฤษฎาจูงเมธาวลัยข้ามบ่อน้ำพุ พอข้ามมาได้ เสียงดังเป๊าะ เธอชะงัก หน้าซีด ก้มมลงมองที่เท้าตัวเอง เห็นส้นรองเท้าหัก
"แอร๊ย! รองเท้าฉัน"
เธอหยิบรองเท้าตัวเองดูด้วยความตระหนกตกใจอาลัยสุดชีวิต
"ลูกแม่!"
กฤษฎายืนอึ้ง มองเหวอ
ในคอนโดน้ำผึ้ง พีศทรรตดิ้นจนหลุด
"น้ำผึ้ง"
"อะไร!"
"เล่นแรงเกินไปแล้วนะ เกือบขาดอากาศหายใจตายแล้ว รู้มั้ย"
"ดี! ตายๆไปเลย ปากอย่างคุณ ต้องตายวันล่ะหลายรอบ"
"ปากผมทำไม"
"ปากเสีย"
"แล้วคุณหื่นใส่ผมจริงป่ะล่ะ"
"ไอ้คุณพีศ! ฉันไม่ได้หื่น! ฉัน..."
"คุณทำไม"
"ฉันแค่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย แค่นั้นแหละ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ย้วยแก่ขนาดนี้ ใครจะอยากหื่นด้วย!"
เขาปาหมอนใส่เธอ
"ใครย้วยแก่!? ยัยป้ามหาภัย"
เธอกับเขาต่างปาหมอนกลับไปมา
"อย่ามาเรียกฉันป้า!"
"คนอื่นเรียกได้ ผมก็เรียกได้"
" ไม่ให้เรียก! คุณเป็นแฟนฉัน ต้องเรียกฉันหั่นหนี!"
"อย่ามาบังคับ! ไม่เรียก จะเรียกป้า"
เธอเอาหมอนไล่ตีเลย
"ไอ้คุณพีศ ยังอีก"
เขาไม่ยอมแพ้ ตีกลับเหมือนกัน
"ทำไม จะก่อสงครามเหรอ ได้ ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก! มาเลย มา"
ทั้งคู่ทำสงครามหมอนกัน ไม่มีใครยอมแพ้ใคร ไล่มากันจนถึงประตูห้อง ทันใดนั้นประตูคอนโดก็เปิดผลัวะเข้ามา กระแทกหน้าเธอปั๊ก!! จนเธอมึน.... โตโต้ถือพิซซ่าเข้ามา พีศทรรตหน้าเหวอ เธอค่อยๆหงายหลัง ล้มลง
พีศทรรต โตโต้ต่างร้องเรียก "น้ำผึ้ง! /ป้า!"
ณัฏฐาลินีสำรวจรถตัวเอง ในบริเวณที่จอดรถผับวายุบุตร เช็คว่าซ่อมเรียบร้อย ลองสตาร์ทรถ ติด เครื่องเคราเป็นปกติ
"โอเค...กลับบ้านเรานะลูกนะ"
เธอกำลังจะออกรถ แต่สายตาเหลือบไปเห็นวายุบุตรเร่งรีบเดินไปทางหนึ่งกับลูกน้อง ดูสีหน้าเคร่งเครียดมาก
"จะไปไหนกัน หรือว่า..."
เธอสันนิษฐานว่ากำลังจะไปทำสิ่งผิดกฎหมาย วายุบุตรโผล่มาอยู่ที่หน้าของเธอ ตึ่ง!
เธอตกใจ ลืมตัวบีบแตรร้อง "ว้าย"
วายุบุตร สะดุ้งโหยง ตกใจเหมือนกัน "เฮ้ย!"
เธอได้สติ ทำตัวเป็นปกติ เขาเข้ามาเคาะกระจกจะคุยด้วย เธอโบกมือ ไม่เปิดกระจก เขาตัดสินใจยืนพิงกระโปรงหน้าขวางหน้ารถ เธอหงุดหงิด บีบแตรไล่ เขาไม่ยอมหลบ เธอบีบแตรยาว เขาเอามืออุดหู แต่ก็ไม่หลบ เธอหงุดหงิดอยู่ในรถ ตัดสินใจ เอาไงดี
เมธาวลัยยืนทอดอาลัยมองส้นรองเท้า
"เอ่อ...คุณเมเปิ้ลครับ แค่ส้นรองเท้าหักนะครับ ไม่ได้มีใครตาย"
"ก็เพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าเนี่ย...ลูกฉัน! ถึงเธอจะเป็นเด็กแก่แดด แต่เธอไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงที่ต้องเสียของรักทั้งๆที่ไม่ใช่เวลาอันควร...ลูกแม่....ฮัดชิ้ว!"
"แต่ตอนนี้ถึงเวลาอันควรที่คุณต้องกลับบ้านแล้วครับ...เชิญครับ"
"เดินไม่ได้ ไม่มีรองเท้า"
"งั้น...ขี่หลังผมมั้ย"
"อย่ามาเกาหลี ไม่อิน"
"งั้นเดินเท้าเปล่า"
"ไม่ได้ เจ็บเท้า อีกตั้งไกลกว่าจะถึงรถ"
"เฮ้อ"
"ไม่ได้...เอ๊ะ...นี่เบื่อฉันเหรอ"
"ครับ เบื่อ"
"เบื่อ แล้วยังมาทนอยู่กับฉันทำไม ทำไมไม่กลับบ้านไปซะ"
"เบื่อความเอาแต่ใจของคุณ แต่ความเป็นห่วงคุณว่าจะกลับบ้านยังไงมันมีมากกว่า"
เธออึ้ง เมื่อเขาถอดรองเท้าตัวเองให้เธอ
"ใส่รองเท้าผมก่อนนะครับ จะได้ไม่เจ็บเท้าเวลาเดิน"
เธอใจละลายกับการกระทำของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
อ่านต่อหน้า 3
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 9 (ต่อ)
วายุบุตรยืนรอให้ณัฎฐาลินีลงมาจากรถ เธอยังกดแตรไม่เลิก เด็กรับรถและลูกค้าคนอื่นๆ ต่างพากันมาดู จนเธอรู้สึกอาย ทว่าเขาไม่อาย เธอตัดสินใจเดินลงมา
"คุณวายุบุตร"
"อ้าว...ไม่กดแตรต่อเหรอ จะได้เรียกคนทั้งกรุงเทพให้มาที่ร้านผม"
"ฉันไม่ได้กดแตรเรียกแขก ฉันกดไล่คุณ"
วายุบุตรบอกกับพนักงาน
"ไม่มีอะไรหรอก แฟนเค้าหยอกเอินกัน" เขาบอกกับลูกค้า "ขอโทษด้วยครับ ผมกำลังง้อแฟนอยู่ครับ"
พนักงานและลูกค้าพากันออกไป
"ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน"
"อะไรนะ"
"ฉันบอกให้ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน"
วายุบุตรเข้ามาใกล้เธอ
"อะไรนะ พูดดังๆสิ ตอนนี้หูผมตึงไปแล้ว"
เธอดึงหู แล้วตะโกนใส่
"ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน!"
"อะ..."
"กวนประสาทฉันอีกทีเดียว จะดึงให้หูขาด"
วายุบุตรรีบกระโดดหลบ
"ได้ยินแล้วน่า .จะกลับบ้านแล้วทำไมเพิ่งกลับ รออะไร"
"ไม่ได้รอ"
"คิดจะตามผมงั้นสิ"
"ทำไมต้องตามคุณด้วย วันๆไม่ต้องทำอะไรกันหรือไง! ไล่ตามกันไปมา"
"ไม่รู้เหรอ เห็นคุณจ้องจะทำลายผม ทำลายที่นี่ คนอย่างคุณเป็นคนกัดไม่ปล่อย ไม่ใช่เหรอ"
"ใช่!"
"คนที่นี่ก็ไม่ต่างจากคุณ ถ้าคุณทำให้ที่นี่เสียหาย เค้าก็จะกัดคุณไม่ปล่อยเหมือนกัน"
เธออึ้ง
"เค้าน่ะใคร"
"ทางที่ดี คุณอย่ามาที่นี่อีก"
"ผมเตือนด้วยความหวังดี ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ และไม่ใช่โลกที่คุณคุ้นเคย"
วายุบุตรเดินออกไปทันที
"หมายความว่าไง ทำแบบนี้ จะถอดใจ จะบอกเลิกหรืออะไร นี่... คุณวายุบุตร ฉันไม่เคลียร์!"
วายุบุตรเดินลับไปแล้ว เธอหงุดหงิด เริ่มไม่สบายใจ กลัวถูกชิ่งอยู่ลึกๆ
บริเวณที่จอดรถผับวายุบุตร เมธาวลัยใส่รองเท้าของกฤษฎาเดินมาที่รถ มือหิ้วรองเท้าส้นหักมาด้วย เขายอมเดินเท้าเปล่าผ่านนักเที่ยวสองสามคน ทุกคนมองมา ต่างล้วนชื่นชม
หญิง 1 บอก
"น่ารักจัง...เสียสละรองเท้าให้แม่ใส่"
เธอชะงัก เบรกหัวเกือบทิ่ม หันไปวีนทันที
"ไม่ใช่แม่ แฟน!"
หญิง 2 บอก
"ว้าย! มีแฟนแก่อ่ะ"
"ก็สวย รวย เก่ง นิสัยเหมือนแม่ เด็กเลยติด มีไรป่ะ"
นักเที่ยวเหวอ รีบเดินออกไป กลัวป้าวีน เธอตะโกนตาม
"ทำไม มีกฎหมายข้อไหนห้ามไม่ให้กินเด็ก หา! ที่เค้าชอบกันรักกัน ไม่ได้อยู่ที่อายุ อยู่ที่ feel ได้ยินป่ะ!"
เธอรู้สึกสะใจที่ได้ด่าคน หันมา เห็นเขายืนยิ้มแป้นอยู่
"กระทืบไลค์ให้ร้อยทีเลยได้ป่ะครับ"
"ไม่ได้ ที่พูดเพราะอยากพูด ไม่ได้อยากให้ใครมาไลค์ ไม่อยากได้เรตติ้ง"
"ที่พูด...เพราะคิดอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าครับ"
เธอเขิน ตัดบท แกล้งลืม
"อุ๊ย...ฉันพูดอะไรออกไปเหรอ จำไม่ได้อ่ะ คือ มึนๆ ไม่มีสติอ่ะ อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมาเลยนะ"
เธอรีบถอดรองเท้าคืนกฤษฎา
"เอาคืนไป...ฉันมีรองเท้าแตะในรถ"
เธอรีบเปิดประตูหยิบรองเท้าแตะมาใส่แทน เขาใส่รองเท้า เธอแย่งกระเป๋าตัวเองมาจากเขา แล้วควานหากุญแจรถ แต่ไม่เจอ
"กุญแจรถไปไหนแล้วอ่ะ"
เสียงสตาร์ทรถฉึ่ง! เธอตกใจ หันไปเห็นเขานั่งยิ้มอยู่ในรถ เปิดกระจกลง
"เชิญครับ...หรือให้ผมเปิดประตูรถให้"
"ไม่ต้อง ขึ้นเอง"
เธอถอนใจ เพราะใจอ่อนกับกฤษฎาเต็มที่แล้ว ทั้งๆที่ไม่อยากเลย
ภายในคอนโดฯ พีศทรรตและโตโตนั่งกินพิซซ่าอยู่ ปินัทธานอนอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
"บอสคะ เหลือไว้ให้ป้าซึ่งเป็นคนสั่งสักชิ้นสองชิ้นนะคะ อย่ากินหมด" โตโต้บอก
"ไม่ต้องเหลือหรอก"
เธอรู้สึกตัวพอดีได้ยิน อึ้ง เจ็บใจ ปี๊ด จะวีน
"ผมเป็นห่วงเค้า"
เธอชะงัก ล้มเลิกการวีน นอนฟังนิ่งๆต่อไป แอบอมยิ้ม
"กินตอนกลางคืน เดี๋ยวก็เป็นกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ ที่สำคัญ อ้วน! อายุเยอะ ลดยาก ผมไม่อยากมีดาราก้นใหญ่อยู่ในสังกัด เดี๋ยวชาวบ้านคิดว่าผมทำฟาร์มหมู"
"อ๊าย! คนมันเครียดก็ต้องกินเซ่!"
ทั้งคู่ตกใจ เมื่อเธอรีบเข้ามาจกพิซซ่าเข้าปาก
"กินๆๆ"
น้ำผึ้งเคี้ยวตุ้ยๆ เย้ยพีศทรรต
"น้ำผึ้ง...หายมึนแล้วเหรอ" เขาถาม
"ยัง แต่จะกิน...เงินฉัน! ฉันจะกินแค่ไหนก็ได้ ส่วนคุณ ฉันไม่ให้กิน เอามา"
เธอแย่งพิซซ่าในมือพีศทรรต
"เฮ้ย เอาคืนมา ผมกินอยู่"
เธอยัดพิซซ่าของเขาใส่ปากเลยทั้งอัน เขาเซ็ง โตโต้กินไปเคี้ยวไป อมยิ้ม รู้สึกเขินบอกไม่ถูก
"หยอกเอินด้วยการแย่งพิซซ่า น่ารักฝุดๆ"
"ขอให้ติดคอตาย"
พิซซ่าติดคอเธอทันที
"อ่อก... น้ำๆ น้ำๆ ขอน้ำ"
เขาคว้าแก้วน้ำมาป้อนให้ทันที
"สมน้ำหน้า กลืนเข้าไป"
เธอตาเหลือกมาก
"กลืน..อยู่"
"ไม่ต้องพูด กลืนอย่างเดียว เร็วๆ"
น้ำผึ้งดื่มน้ำอั่กๆ โดยมีเขาช่วยป้อน บางทีก็ทุบหลังน้ำผึ้ง ปึ่กๆ
"ดูแลกันและกันขนาดนี้ โตโต้คงไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนป้าแล้วล่ะ เดี๋ยวจะเป็นกขคงจ...ถูกทุกข้อ"
ทั้งคู่ไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องพิซซ่าติดคอ โตโต้ทำเนียนหยิบพิซซ่าติดมือออกไป ทันทีที่เธอกลืนลงคอได้ ก็หงายหลังผึ่ง พร้อมๆกับเขาที่ลงนั่งอย่างโล่งอก
ทั่งคู่โล่งอก "เฮ้อ"
"รู้สึกมั้ยว่ามีบางอย่างหายไป" เขาถามเธอ
"รู้สึก..."
"โตโต้!"
เธอพูดพร้อมกับเขา
"พิซซ่าฉัน"
เขาเซ็ง "อืม...คิดแต่เรื่องกิน"
"นังโต้" เธอจะวิ่งตาม
เขาจับนั่ง "นั่งลง"
เธอลุก เขาจับนั่ง
"นั่ง! สงบสติ เราต้องคุยกัน"
เธอชะงัก เงียบ เมื่อเจอไม้ดุของเขา
ณัฏฐาลินีวางกุญแจรถ กระเป๋า ลงนั่งหมดแรงในบ้านที่ไม่มีใคร เธอรู้สึกหงุดหงิด หยิบมือถือขึ้นมา
"ไม่เคลียร์ไม่จบ"
เธอกดเบอร์หาวายุบุตร
ผับของเสี่ยพิภพ เวลากลางคืนต่อเนื่องมา วายุบุตรและป้อมเดินเข้ามาในผับ เห็นวงดนตรีวงหนึ่ง เจตต์เล่นอยู่ด้วยอยู่บนเวที เขามองอึ้ง เป็นจังหวะที่มือถือของเขาสั่น จึงหยิบขึ้นมาดู โชว์เบอร์ณัฎฐาลินี เขาถอนใจ กดตัดสาย ไม่รับ เธอสะดุ้ง
"อุ๊ย! ไรเนี่ย ตัดสายฉัน มากเกินไปแล้วนะยะ หืม ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก พอ จบ เลิก!"
เธอหงุดหงิด คว้ากระเป๋าเดินเข้าข้างใน
วายุบุตรเข้ามาในมุมหนึ่ง ดูวงดนตรีของเจตต์บนเวที
"วง house ของเรานี่ มีไอ้เจตต์เพิ่มมาอีกคน"
"ผมเช็คโปรแกรมหน้าร้าน วงที่เล่นต่อจากนี้ก็เป็นวงที่เล่นให้เราทั้งนั้นเลย" ป้อมบอก
"ถ้าไม่ใช่คนของเสี่ยพิภพ แล้วจะเป็นใครที่ดึงตัวนักดนตรีมาที่นี่หมด"
เขามองไปรอบๆ ผับ บรรยากาศและการแต่งร้านก็คล้ายจนเกือบเหมือนผับของเขา เสี่ยพิภพเดินเข้ามา ช้างและมาร์คประกบเป็นบอดี้การ์ด
"อ้าว คุณวายุบุตร"
"สวัสดีครับเสี่ย"
"ว่างเหรอครับ ถึงได้มาเที่ยวร้านผม"
"ครับ พอดีเพิ่งทราบว่าเสี่ยเปิดร้าน...ธุรกิจที่ทำอยู่ ยังทำให้รวยไม่พอเหรอครับ"
"ก็มันอยู่ตัวแล้ว เลยหาอะไรสนุกๆบันเทิงทำอีก ไม่ได้ผิดกฎหมายข้อไหนนี่ครับ"
"ใช่ครับ ไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดมารยาท"
พิภพอึ้ง วายุบุตรมองพิภพอย่างท้าทาย มีเรื่องเคลียร์กันยาว
ในคอนโดฯ พีศทรรตจ้องหน้าปินัทธา
"สงบหรือยัง"
"อืม...จะคุยอะไร"
"ฟังนะ หนทางข้างหน้าของคุณและของผม มันจะไม่มีวันเรียบง่ายเหมือนที่เคยเป็นอีก"
"ที่เคยเป็น มันก็ไม่เคยเรียบง่ายนะ"
"เรียบกว่านี้"
"ไม่เรียบ ฉันไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ ตะลอนประกวดนางงาม นางแบบโดยไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีพ่อแม่คอยเป็นป๋าดันเจ๊ดัน มีแต่น้าที่ก็ตายไปแล้ว ฉันคือเด็กกำพร้าที่สู้ชีวิต ใช้ฝีมือและวินัยทำให้ตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์ ไม่ใช่คอนเน็กชั่น มันไม่เรียบ มัน..."
"หยุด พอ!"
น้ำผึ้งเงียบ
"ก็ได้ มันไม่เคยเรียบ และมันจะยิ่งขรุขระ ทั้งเรื่องงานของคุณของผม และเรื่องความรักของเรา"
"อุย! ตกลง คุณรักฉันแล้วใช่ป่ะ จดทะเบียนเลย พรุ่งนี้ เขตบางรักมะ ไม่ได้ๆ ต้องแต่งก่อน แถลงข่าวอีกรอบมะ นักข่าวจะว่าเร็วไปป่ะ เพิ่งแถลงว่าคบกัน นี่ก็จะ..."
พีศทรรตเซ็งหมดพลัง หมดแรง ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถ เดินออกไปเลย
"อ้าว คุณพีศ! เดี๋ยวดิ คุยยังไม่จบเลย ตกลงเอาไง คุณพีศ"
เธอวิ่งตามไป แล้วโผล่ออกมาตะโกนคุยกับเขาที่เดินฉับๆไป
"คุณพีศ! อย่าแหย่ให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ได้ป่ะ อารมณ์ค้าง"
เขาไม่ยอมหันไป
"เฮ้อ คุยที่ออฟฟิศพรุ่งนี้! วันนี้ เพลีย"
เขารีบเร่งฝีเท้าออกไป เธอเซ็ง
อ่านต่อหน้า 4
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 9 (ต่อ)
รถเมธาวลัยแล่นมาจอดหน้าบ้าน ปิดไฟหน้าเหมือนเดิม แต่ยังไม่ดับเครื่อง ทั้งคู่ลงมาเจอกันที่หน้ารถ
"กลับไง"
"เดินไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย เหมือนเดิมครับ"
"ไม่เบื่อเหรอ ที่ต้องมาคอยขับรถให้ฉัน แล้วต้องเดินออกไปเรียกแท็กซี่แบบนี้"
"เบื่อครับ"
"นี่...โกหกบ้างก็ได้"
"โกหกเพื่ออะไรครับ ยังไงคุณก็ไม่เคยรู้สึกดีกับผมอยู่แล้ว ไม่ว่าผมจะพูดจริงหรือโกหก"
เธออึ้ง
"คราวหลัง ถ้าไม่อยากเห็นซีนเดิมๆแบบนี้อีก ก็อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิครับ ทำงาน เลิกงาน ออกกำลังกาย อาจจะไปรีแล็กซ์กับเพื่อนนิดๆ หน่อยๆได้ แล้วก็กลับบ้าน ไม่ใช่แบบนี้"
"ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้"
"ไปวัดมั้ยครับ แม่ผมก็เหมือนคุณนี่แหละ ชอบปรี๊ด อารมณ์ขึ้นๆลง แกก็เลยไปปฏิบัติธรรม โอ้โห กลับออกมานะ"
"แกใจเย็นขึ้นเป็นคนละคนเลยเหรอ"
"เหมือนเดิมครับ"
เธอหลุดขำ
"แล้วยังจะมาแนะนำอีกนะ เด็กบ้า"
กฤษฎาหัวเราะไปด้วย สองคนหัวเราะกัน ฉับพลัน เคมีเปรี๊ยะ ! ก็ทำงานเต็มที่เป็นครั้งแรกที่คลื่นพลังงานตรงกัน สองคนสบตากัน ก่อนที่จะ...
"ฮั้ดชิ้ว!"
เธอจามใส่หน้า เขาเอากระเป๋าสะพายตัวเองบังเอาไว้ทัน
"ขอโทษ!"
"ไม่เป็นไรครับ...ผมว่าคุณเข้าบ้านเถอะครับ รีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุด ทำตัวให้อุ่นๆเข้าไว้นะครับ อย่าอาบน้ำนานนะครับ เอ๊ะ หรือผมไปอาบให้"
"กฤษฎา!"
"ล้อเล่นครับ"
แสนสุขเดินออกมา หน้าดุมาก ไม่พอใจ
"จะล้อเล่นกันอยู่อีกนานมั้ย"
ทั้งคู่ตกใจ
"คุณย่า"
กฤษฎารีบยกมือไหว้
"สวัสดีครับ"
แสนสุขชรับไหว้อย่างเสียไม่ได้
"เมเปิ้ล เอารถเข้าบ้าน แล้วเธอก็รีบกลับไปได้แล้ว"
"ครับ ลานะครับ สวัสดีครับ... อย่าลืมที่ผมบอกนะครับ แล้วเจอกันครับ"
เธอยิ้มขอบคุณให้กฤษฎา เป็นยิ้มที่เป็นมิตรครั้งแรกที่เขาเคยเห็นจากเธอ เขาหัวใจพองโต รีบวิ่งออกไปอย่างอารมณ์ดีมาก เธอหันกลับมาเจอสายตาดุของแสนสุขก็อึ้งไป
มุมหนึ่ง ด้านนอกผับพิภพ พนักงานเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้วายุบุตร
"น้อง พี่ไม่รับ"
พนักงานอึ้ง พิภพส่งสัญญาณมือให้เก็บกลับไป
"คงไม่ต้องรักษามารยาทนะครับ"
"เพิ่งจะเคยเห็นนายของวินด์ออฟเลิฟเสียมารยาท"
"ผมคิดว่ามันจำเป็นครับ สำหรับคนที่ไม่มีมารยาทกับผมก่อน"
พิภพอึ้ง....ช้างกับมาร์คขยับตัว แต่พิภพยกมือห้าม แล้วหัวเราะร่วน
"คิดว่าคุณวายุบุตรคงจะเข้าใจอะไรผมผิดไปแน่ๆ"
"ผมคงไม่ถาม หรือรอให้ความจริงปรากฏ เพราะถึงไง...ผมก็ไม่ได้ความจริงจากปากเสี่ยอยู่แล้ว ว่ากำลังแทงข้างหลังผมอยู่หรือเปล่า"
"ผมทำอะไร"
"กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง คงไม่ต้องบอก ที่มาวันนี้ มาเพื่อจะให้เสี่ยดูหน้าผมไว้....ผมไม่อยู่เฉยแน่"
ช้างเหลือบไปเห็นเจตต์แอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
"เฮ้ย! ใครวะ"
ช้างและมาร์ครีบพุ่งไปหาเจตต์แล้วลากคอมาทันที
"มาแอบฟังทำไม!"
"ผมแค่อยากรู้ ว่ามันมาหาเสี่ยทำไม จะมาเล่นอะไรผมอีก"
"ลูกน้องเก่าคุณนี่ คุณวายุบุตร"
"ใช่!"
"บางทีผมก็สงสัยนะ ว่าคุณใช้มันให้เข้ามาใกล้ชิดผม เพื่อหวังผลอะไรหรือเปล่า"
"มันทำลายชีวิตผมนะเสี่ย มันจะเอาตำรวจมาลากคอผม แทงบัญชีดำผม จนผมไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้ มีแต่เสี่ยที่เปิดรับผม"
พิภพส่งสายตาให้มาร์ค มาร์คชักมีดขึ้นมา จับมือขวาเจตต์วางบนโต๊ะแล้วใช้มีดปักลงบนหลังมือทะลุโต๊ะทันที
"อ๊ากส์!"
ช้างเอามือปิดปาก เจตต์ร้องลั่นดิ้นพราดๆ วายุบุตรและป้อมมองอย่างตกใจ
"เสี่ยกำลังทำร้ายร่างกายลูกน้อง"
"โทษทีว่ะ ทำมีดหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ"มาร์คบอก
มาร์คชักมีดคืน เจตต์ดิ้นพราดอีก
"ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนนายเก่าแก ให้โอกาสแกเปลี่ยนใจ ถ้าไม่อยากถูกมีดปักอวัยวะสำคัญจนถึงตาย ก็ไสหัวไปซะตั้งแต่ตอนนี้"
ช้างปล่อยตัว เจตต์มือสั่นระริก เลือดไหลนอง เจตต์สบตากับวายุบุตร
"แกเลือกได้นะเจตต์ ถึงแกจะเกลียดฉัน ! แต่แกก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนเลือดเย็น"
"ถุย!"
วายุบุตรอึ้ง
พิภพหัวเราะสะใจมาก "ฮ่ะๆๆๆ"
"ที่เหลือต่อจากนี้มันคือชีวิตแก ป้อม กลับ!"
"ครับนาย"
วายุบุตรรีบออกไป ป้อมตาม พิภพมองตามอย่างสะใจ เจตต์มองตามวายุบุตรอย่างคั่งแค้น พิภพเดินมาตบไหล่
"เดี๋ยวเสี่ยให้เด็กพาไปทำแผล ท่าทางเราคงต้องอยู่กันอีกนาน เสี่ยชอบลื้อว่ะ ฮ่ะๆๆ"
พิภพหัวเราะสะใจ เดินออกไป ช้างหิ้วปีกเจตต์ขึ้นมาจะพาออกไป เขามองตามพิภพด้วยสายตาคมกริบ
วายุบุตรเดินมาหน้าเครียด
"แล้วเรื่องวงดนตรี เอาไงดีครับนาย"
"หาวงใหม่ ยังมีคนอยากเล่นกับเรา ไปเตรียมรถไป เดี๋ยวฉันตามไป"
"ครับนาย"
ป้อมวิ่งออกไป วายุบุตรรู้สึกเป็นกังวลเรื่องเจตต์ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ว่าก่อนหน้านี้ณัฎฐาลินีโทร0มา วายบุตรหยิบมือถือขึ้นมา กดหาเธอ
เธอเปลี่ยนชุดแล้ว กำลังนั่งมองชุดที่วายุบุตรซื้อให้ ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า เสียงมือถือลินีดังขึ้น....เธอรีบเด้งตัวไปดูว่าใครโทร.มา เห็นชื่อวายุบุตร ตื่นเต้น แต่ไม่รับ
"ฉันงอน"
เธอมองดูชุดนอนต่อไป เสียงโทร.ดังต่อเนื่อง จนเขากดวางสาย
"คุณจะเข้าใจผมมั้ย ที่ผมไม่อยากให้คุณมาหาที่ร้าน"
เขาถอนใจ รู้สึกเครียดกับทุกเรื่อง...เดินออกไป เธอหันมองมือที่เงียบเสียงไป แล้วหันมามองชุดต่อ
"ฉันงอน..." แต่ใบหน้าเธอเปื้อนยิ้ม
เมธาวลัยเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว จะนอน แต่นึกขึ้นได้ว่า ต้องทำตัวให้อุ่น จึงไปเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับอีกตัวนึง
"อุ่นแล้วนะ เด็กบ้า"
เธอเดินไปที่เตียง เสียงเคาะประตูดังขึ้น จึงเดินไปเปิดประตู เห็นแสนสุขอยู่ที่หน้าห้อง
"คุณย่า"
"เด็กนั่น...จะมาส่งเราทุกวันเลยหรือเปล่า"
"เอ่อ ค่ะ ก็...ตั้งใจจะให้มารับมาส่งทุกวันค่ะ"
" สั่งไปว่าไม่ต้องมา ถ้าไม่อยากเห็นฉันเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ"
เธออึ้ง แสนสุขเดินกลับออกไปทันที
"คุณย่าคะ คุณย่า"
เธอกลุ้มใจ เดินมานอนลงที่เตียง คิดมาก
ปินัทธานอนอยู่ รู้สึกแสบหน้าอก จึงลุกขึ้น
"แสบหน้าอกได้ไงเนี่ย กรดไหลย้อน ตายๆๆ"
เธอกินยาแก้โรคกรดไหลย้อน เรอตามหนึ่งที เธอลงนั่ง ถอนใจ คิดถึงคำพูดของพีศทรรต
"กินตอนกลางคืน เดี๋ยวก็เป็นกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ ที่สำคัญ อ้วน! อายุเยอะ ลดยาก ผมไม่อยากมีดาราก้นใหญ่อยู่ในสังกัด เดี๋ยวชาวบ้านคิดว่าผมทำฟาร์มหมู"
เธอเซ็ง
"ตาบ้า เป็นห่วงหรือหลอกด่ากันแน่เนี่ย"
แต่เธอก็หลุดขำออกมา นั่งคิดถึงเขาอีก
เธอมองหน้าเขา อย่างพินิจพิจารณา
"ตอนหลับ ก็ดูไม่มีพิษมีภัย เวลาไม่ได้เปิดปากพูด ก็ดูดี เหมือนกันนะ ถึงขั้นหล่อ คิ้วก็เข้ม ตาสองชั้น ขนตาไม่ยาว แต่ก็โอ...จมูกเป็นสัน ยัดซิลิโคนป่ะเนี่ย หรือฉีดฟิลเลอร์ น่าจะของจริง ปากก็..."
จู่ๆพีศทรรตก็ลืมตา สองคนชะงัก สบตากัน...หน้าใกล้กันมาก !!
เธอนั่งบิด อาย เขิน หน้าแดง เมื่อนึกถึงเขา
"ก็หล่อนะ ก็โอเคเลยน ก็ อยากได้อ่ะ อื๊ ย ว้าย..ชัดไปมั้ยอ่ะ"
เธอนั่งเขินอยู่กับตัวเอง...บ้า!
ฝ่ายเมธาวลัยคิดถึงความอ่อนโยนของกฤษฎา
"แต่ถ้าคุณกับเพื่อนกลับมาคืนดีกัน อาจจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น มองโลกสวยงามขึ้น มีพลังที่จะแก้ปัญหาอื่นๆของชีวิตได้ดีขึ้น...ก็ได้นะครับ"
เธอจิกหมอน เขิน
"เบื่อความเอาแต่ใจของคุณ แต่ความเป็นห่วงคุณว่าจะกลับบ้านยังไงมันมีมากกว่า"
เธออึ้ง เมื่อเขาถอดรองเท้าตัวเองให้
"ใส่รองเท้าผมก่อนนะครับ จะได้ไม่เจ็บเท้าเวลาเดิน"
เธอเขินจัด กัดหมอน
"ผมว่าคุณเข้าบ้านเถอะครับ รีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุด ทำตัวให้อุ่นๆเข้าไว้นะครับ อย่าอาบน้ำนานนะครับ เอ๊ะ หรือผมไปอาบให้"
เธอเขินสุดๆ
"กฤษฎาอ่ะ"
เธอคว้าตุ๊กตามาต่อยๆๆๆๆ ระบายความเขิน
"เด็กบ้า บ้าๆๆ"
ทั้งสามสาวต่างคิดถึงผู้ชายของตัวเอง ในอิริยาบถที่ต่างกัน แสดงถึงความรู้สึกภายในใจที่เปลี่ยนไป....และแตกต่างกัน
ณัฎฐาลินีคิดถึงวายุบุตร โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ไว้ใจและยังมีกำแพงต่อวายุบุตร
ปินัทธาออกตัวแรง คิดถึงพีศทรรต...จากที่ไม่คิดว่าจะหวั่นไหว ตอนนี้เริ่มประทับใจและอ่อนไหว
เมธาวลัยคิดถึงเด็กบ้า แต่ก็ยังวิตกกังวลเรื่องคำสั่งของแสนสุข
อ่านต่อตอนที่ 10