xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 11

ทุกคนเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เห็นปินัทธาเกาะอยู่ที่ระเบียง ทำท่ายืดตัว เหยียดสุดแขน ทุกคนตกใจ กรีดร้องลั่น

"น้ำผึ้ง อย่า"
เธอนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ดูหัวแม่เท้าตัวเอง
"อุ๊ย...ไอ้มดบ้า กัดตรงไหนไม่กัด หัดหัวแม่เท้า"
ทุกคนอึ้ง เธอลุกขึ้นมาใหม่ ปีนรั้วกั้นระเบียงอีกรอบ พีศทรรตออกตัวไวกว่าใครพุ่งไปเปิดประตูกระจก กลุ่มเพื่อนพุ่งตามไป ปิดท้ายด้วยวายุบุตรกับกฤษฎา
เธอได้ยินเสียงเปิดประตูกระจก ก็หันไป เขาพุ่งเข้ามารวบตัวเธอไว้
"น้ำผึ้ง หย่า!"
เธอตกใจ เห็นมากันเพียบ
ทุกคนร้อง "อย่า!"
เขาลากเธอออกจากรั้วกั้นระเบียง ส่วนสามสาวลากพีศทรรต กฤษฎา วายุบุตรลากสามสาวอีกทอดหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่และร.ป.ภ.ยืนเหวอ
"โอ๊ย ปล่อยฉัน"

เธอถูกพีศทรรตเหวี่ยงเข้ามาในห้อง กฤษฎาและวายุบุตรปิดประตูกระจก เพื่อนทั้งสามต่างล้อมกรอบเธอไว้ เจ้าหน้าที่และ ร.ป.ภ.ออกไปจากห้อง
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่จ้องมองที่เธอ ปินัทธาหันมองรอบๆ เจอสายตาประณาม เธอสติแตก
"อะไร มองฉันแบบนี้ทำไม แล้วแห่มาหาฉันทำไม จะเอาอะไรกับฉันอีกหา คุณพีศทรรต จะเอาอะไร ไม่มีให้แล้ว หรือพวกแกจะมาสมน้ำหน้าฉัน ที่ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว ใช่มั้ย! อ้อ มาคนเดียวไม่
พอต้องพ่วงแฟนมาด้วย ไม่พานักข่าวมาด้วยล่ะ ประจานออกสื่อกันไปเลย ว่าน้ำผึ้งปินัทธามันเหลือแต่ตัว ตกต่ำ..."
เมธาวลัยตบหน้าเธอฉาดใหญ่ ทุกคนตกใจ เธอโกรธมาก เข้าไปเอาเรื่องเมธาวลัย
"แกไม่มีสิทธ์ทำกับฉันแบบนี้ นังเมเปิ้ล แกไม่มีสิทธิ์ แก!"
ณัฎฐาลินี และภัทรวลัยเข้าไปห้าม กันเมธาวลัยเอาไว้
"หยุดน้ำผึ้ง! หยุด"
"น้ำผึ้ง ใจเย็น" ภัทรวลัยบอก
เธอไม่หยุด จะขย้ำเพื่อนให้ได้ ณัฎฐาลินีตบเรียกเธออีกเปรี้ยงที่แก้มอีกข้าง
"ฉันบอกให้หยุด!"
ทุกคนตกใจ น้ำผึ้งทรุดลงนั่ง
"ถ้ายังอาละวาด ไม่มีสติอยู่อีกล่ะก็ แกเละคามือพวกฉันแน่" ณัฎฐาลินีบอก
"ก็เอาเลย ไม่ต้องรอ ฉันยังเละได้อีก เพราะฉันทำทุกอย่างเละมาทั้งชีวิต ทำให้ความเป็นเพื่อนของเราเละ แล้วก็ไปจับได้คาหนังคาเขาว่าไอ้โจ้มันมีกิ๊ก แล้วมันก็เลือกกิ๊ก ฉันถูกทิ้ง"
ทุกคนอึ้งกับความลับนี้
"แต่แกบอกฉันว่าแกเป็นคนทิ้งมันเอง เพราะแกสวยเลือกได้"
"ฉันโกหก"
ทุกคนอึ้ง
"เพราะฉันไม่อยากเป็นคนผิด ฉันไม่อยากให้เหตุผลของพวกแกถูก! ฉันอายที่ฉันคิดผิด เลือกผิด ฉันกลัวถูกพวกแกหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้า"
เธอร้องไห้โฮ เพื่อนๆพูดอะไรไม่ออก
"ฉันไม่อยากแพ้พวกแก ที่มีชีวิตที่ดี ราบรื่น เป็นผู้หญิงแถวหน้าที่ใครๆก็ชื่นชม พวกแกมีครอบครัวที่คอยเคียงข้าง ในขณะที่ฉันไม่มีใคร ฉันยึดอาชีพของฉันเป็นที่ยึดเหนี่ยว เป็นศักดิ์ศรีที่จะปกป้องฉัน แต่สุดท้าย...ฉันก็แพ้ ฉันมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง ฉันถูกทุกคนปฏิเสธ รู้มั้ย ฉันอิจฉาพวกแกมากแค่ไหน"
ณัฎฐาลินีเข้าไปกอดเพื่อนปลอบประโลม
"แกอย่าอิจฉาฉันเลย ฉันไม่ได้มีชีวิตที่ราบรื่น สมหวัง ที่สมควรให้แกอิจฉาเลยสักนิด ฉันไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่าง ครอบครัวฉันไม่ได้สมบูรณ์ แต่ฉันก็จำเป็นต้องยิ้ม เพราะฉันเอง... ก็ไม่อยากให้พวกแกหัวเราะเยาะฉัน ทั้งๆที่คนแรกที่ฉันอยากจะร้องไห้ด้วยคือพวกแก ไม่ใช่ชักโครกที่บ้าน"
"หรือไม่ก็...กับพวงมาลัยรถ" เมธาวลัยบอก
เมธาวลัยกับณัฎฐาลินีสบตา ยิ้มขื่นให้กัน ยอมรับว่าตัวเองก็ร้องไห้เป็น
"ฉันคือประติมากรรมที่คุณย่าตั้งใจปั้น ฉันทำและเป็นอย่างที่คุณย่าหวังจะเห็น และฉันก็ไม่ปฏิเสธว่าฉันมีความสุขดี เพียงแต่บางทีที่อดคิดไม่ได้ว่า จริงๆแล้ว ฉันคือใครและต้องการอะไรกันแน่ แกเคยรู้สึกมั้ย อยู่ตัวคนเดียวในจักรวาล" เมธาวลัยบอก
"ไม่มีพวกแก ฉันเลยยึดงานของฉันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว" ณัฎฐาลินีบอก
"ไม่มีพวกแก ฉันก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ฉันเลยหันมาทุ่มเทให้กับงาน" เมธาวลัยยอมรับ
ทุกคนอึ้งกันไปหมด โดยเฉพาะวายุบุตรและกฤษฎา ที่เพิ่งรับรู้มุมอ่อนแอของผู้หญิงที่ตัวเองชอบ
"วันที่ฉันรู้จากวลัยว่าแกเลิกกับไอ้โจ้ ฉันอยากมาหาแก ไม่ได้มาซ้ำเติม มาหัวเราะเยาะ แต่ฉันอยากมาบอกแกว่า แกไม่มีมัน แต่แกก็มีฉัน"
"ฉันก็อยากมาหา มาบอกแกว่า เราไม่จำเป็นต้องมีใคร แค่เรามีกันและกัน ฉันพร้อมนะที่จะอยู่บนคานเป็นเพื่อนแก" ณัฎฐาลินีบอก
"ถ้าเพียงแต่พวกแกจะพูดคำว่าขอโทษกันตั้งแต่แรก จะไม่มีใครถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาตามลำพัง" ภัทรวลัยบอก
"ถ้าเพียงแต่ฉันจะยอมรับฟัง ถ้าเพียงแต่ฉันจะยอมรับว่าฉันผิด เราก็ไม่ต้องทะเลาะกันใช่มั้ย ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง" ปินัทธาบอก

เพื่อนทั้งสองเข้ามาสวมกอดเธอที่ร้องไห้จนตัวโยนเอาไว้ ภัทรวลัยเข้ามากอดเพื่อนอีกคน

หนุ่มทั้งสามยืนมองอย่างซาบซึ้งใจไปด้วย

"ทีหลัง แกอย่าทำแบบนี้อีกนะ" ณัฎฐาลินีบอก
"มีอะไรก็บอกพวกฉัน" เมธาวลัยบอก
"เรามีกันตั้งสี่คน สี่หัวเชียวนะ ระดมสมองช่วยแกคิดแก้ปัญหาได้สิ" ภัทรวลัยบอก
"ขอบใจนะพวกแก"
สี่สาวยิ้มให้กัน
"เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เพราะอีโก้ ทำให้คุณคิดสั้นเกือบกระโดดคอนโดฆ่าตัวตายไปแล้ว" พีศทรรตว่า
"หือ?"
"ชีวิตเป็นสิ่งมีค่านะครับ ทุกปัญหามีทางออก ขอเพียงอย่าหมดกำลังใจ" วายุบุตรบอก
"และพวกคุณก็เป็นเพื่อนแท้ที่จะช่วยสร้างกำลังใจให้กันและกันได้ดีที่สุด" กฤษฎาว่า "เดี๋ยว! ใครจะฆ่าตัวตาย"
"ก็แกไง แกโทร.ไปสั่งลากับนังวลัย"
"ใช่! แกบอกว่าให้บอกลินีกับเมเปิ้ลว่าลาก่อน"
"ทีหลังใช้วิธีอื่นนะ วิธีนี้ตายศพไม่สวย เป็นผู้หญิงต้องอย่าหยุดสวยแม้แต่ตอนจะตาย" เมธาวลัยบอก
"โอ๊ย! หยุด ฉันไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย ถึงฉันจะสวย แต่ฉันก็ไม่เคยคิดโง่ๆ"
"เคย ก็ตอนเอาไอ้โจ้มาเป็นแฟนไง" ณัฎฐาลินีบอก
"เออ! แค่ครั้งเดียว"
"คุณไม่ได้คิดสั้น แล้วไปปีนขึ้นไปบนนั้นทำไม อยากท้าลมท้าแดด คิดว่า ตัวเองเป็นนางเอกเรื่องไททานิกหรือไง"
"ก็ใช่น่ะสิ!"
ทุกคนอึ้ง
"ฉันเครียด ฉันอยากปลดปล่อยอารมณ์ อยากให้สายลมสัมผัสผิวหน้า ฉันรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลม พวกคุณ พวกแกเข้าใจผิด"
ทุกคนเหวอ อึ้ง พีศทรรตเจ็บใจมาก ลากคอเธอไปจ่อหน้าพัดลมแล้วเปิดให้ลมโต้หน้า
"คุณพีศ! ทำอะไร"
"อยากให้ลมสัมผัสผิวหน้านักใช่มั้ย นี่ไง ทำแบบนี้ก็โดนลมเต็มๆแล้ว ทีหลังไม่ต้องอุตริทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก เข้าใจมั้ย"
"โอ๊ย! แสบตา โอ๊ย! ไอ้คุณพีศ ปล่อย"
"ไม่ปล่อย โทษฐานทำคนอื่นตกใจ"
ทุกคนยืนมองความโหดแล้วยิ้มๆ สบายใจ โล่งใจที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนถูกคลี่คลายลงแล้วในที่สุด

เวลาต่อมา เธอดันตัวพีศทรรตให้ออกจากห้อง และจะปิดประตู แต่เขาดันเอาไว้ ส่วนคนอื่นๆยังอยู่ในห้อง
"กลับไปเลย"
"นี่! อย่ามาไล่นะ ผมต้องเสียเวลาทำมาหากินเพราะความปัญญาอ่อนของคุณ ผมต้องด่าคุณให้คุ้มก่อน"
"นี่ก็ค้ากำไรเดินควรแล้ว ฉันจะดราม่าของฉัน คุณเข้าใจของคุณ ฉันไม่ผิด"
"ยังไม่ยอมเลิกนิสัยไม่ยอมรับผิดอีกนะ คุณนี่มันกะโหลกหนา"
"อ๊าย!"
เธอทนไม่ไหวกัดมือเขาจนร้อง "โอ๊ย!"
เขารีบปล่อยมือ เธอปิดประตูใส่หน้าดัง เปรี้ยง!
"น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง"
พีศทรรตเจ็บใจ แค้นใจ กลับก็กลับวะ !

ปินัทธาหันกลับมา วายุบุตรหันไปหาณัฎฐาลินี เช่นเดียวกับกฤษฎาที่หันไปหาเมธาวลัย เพื่อเตรียมจะพูดเรื่องของตัวเอง ทั้งคู่ต่างผลักผู้ชายของตัวเองออกไป ปินัทธากับภัทรวลัยยืนดูขำๆ
"ไว้คุยกันเมื่อฉันพร้อม"
"แล้วคุณจะพร้อมตอนไหน" วายุบุตรถาม
"ยังตอบไม่ได้" เมธาวลัยบอก
"ผมไม่ได้ถามคุณ"
"ตอบเผื่อ นายด้วยกฤษฎา ตอนนี้ ฉันไม่พร้อม"
"แต่..."
"อย่าเซ้าซี้"
"ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของพวกผู้ชาย" ณัฎฐาลินีบอก
ปินัทธาและภัทรวลัยบอก "เรื่องของชะนี!"
หลังจากที่ทั้งสองผลักผู้ชายของตัวเองกระเด็นไป แล้วปิดประตูโครม วายุบุตรและกฤษฎายืนอึ้ง หันมามองหน้ากันเหวอๆ พีศทรรตเข้ามาตบไหล่ทั้งสองคน
"เพราะชะนีเยอะแบบนี้ไง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายถึงได้หนีไปเป็นเกย์กันหมด ว่ามั้ย"
วายุบุตรและกฤษฎาหันมองพีศทรรตขวับมาแกะมือเขาออก แล้วเดินออกไปนิ่งๆ ทิ้งเขาไว้
"เฮ้ย ผมผู้ชาย เลือกแล้ว ไม่เชื่อเหรอ พิสูจน์ได้ เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน"
พีศทรรตรีบเดินตามวายุบุตรและกฤษฎาไป

ทั้งสามคนคิดถึงเรื่องผู้หญิงของตัวเอง ต่างมีความกังวลอยู่
"พวกพี่ๆว่ามั้ยครับ ว่าแทบจะไม่มีพื้นที่ให้เราเข้าไปอยู่ในชีวิตของพวกเค้าได้เลย" กฤษฎาว่า
"คิดเหมือนกันเหรอ" วายุบุตรว่า
"นี่ไง...ผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้ไม่ง้อผู้ชาย เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เหงานัก ก็ใช้วิธีสร้างความสัมพันธ์แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ผู้ชายก็สบายไป" พีศทรรตว่า
"แล้วเผ่าพันธุ์มนุษยชาติก็จะสิ้นสุด ถ้าผู้ชายไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง" กฤษฎาบอก
"แต่เรามีดีกว่าเป็นพ่อพันธุ์นะ" วายุบุตรบอก
"ถ้าผู้หญิงเค้ามองเห็นครับพี่" กฤษฎาว่า
"ยังไงเนี่ย....มีปัญหาชีวิตรักกันหรือไง พูดเหมือนท้อ รอวันเลิก"
กฤษฎา - วายุบุตร โพล่งพร้อมกัน "ก็ลุ้นอยู่"
"หือ?"
"เอ่อ ลุ้นให้ได้ไปต่อนานๆครับ" กฤษฎาบอก
"ผมก็ลุ้นให้ลินีรักผมนานๆ"
"ผมก็ลุ้น ว่าจะรอดไม่รอด รักแล้วต้องลุ้นตลอดเวลา จะว่าไป มันก็ดาบสองคมนะ มุมหนึ่งมันก็ทำให้ตื่นเต้นกระชุ่มกระชวย แต่อีกมุมหนึ่งมันทำให้เราอยู่กับความไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ"
"ไม่มีใครรู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง" วายุบุตรบอก
"คิดแค่ปัจจุบันเหรอครับ"

วายุบุตร พีศทรรตหันมายิ้มให้กำลังใจกฤษฎา สามหนุ่มสามคนออกเดินกันไปในทางเดียวกัน...เป็นความรักที่ต้องลุ้น
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 11 (ต่อ)

สี่สาวนั่งรอบโต๊ะ มองหน้ากันไปมา ยังไม่มีใครพูดอะไร เพราะยังมีความไม่กล้า และฟอร์มอยู่ ต่างจับจ้องที่สายตาของอีกคน รอดูท่าที อย่างระแวดระวัง ภัทรวลัยโวยเลย

"จะเริ่มกันได้หรือยัง"
เพื่อนทั้งสามตกใจ สะดุ้งเฮือก
"ดูเชิงกันอยู่นั่น เวลาชีวิตนับถอยหลังเข้าไปทุกที สิบกว่าปีที่เสียกันไป ยังไม่มากพออีกเหรอยะ" หา"
ทุกคนตอบ "โอเค!"
"ใครเริ่มก่อน!"
ทุกคนเงียบ
"คนเริ่ม...สวยชนะ!" ภทัรวลัยบอก
ทุกคนโพล่งพร้อมกัน "ฉัน!"
ณัฎฐาลินีบอก"ฉันขยับปากพูดก่อนนะ"
"แต่เสียงฉันพุ่งออกจากปากก่อนเสียงแก" เมธาวลัยบอก
"แต่ฉันเสียงดังสุด" ปินัทธาว่า
"โอ๊ย! พวกแกรู้มั้ย การไม่ยอมลงให้กันบ้างนี่แหละ คือปัญหาความสัมพันธ์ของพวกแก! จะใครก่อนใครหลัง ทุกคนก็ได้พูดเหมือนกัน"
สามสาวมองหน้ากัน.....
"แต่..."
ทั้งสามสาวโพล่งแล้วชะงักคิด มองหน้ากัน ทุกคนเริ่มอ่อนลง
"โอเค...ใครก่อนใครหลัง ก็ได้พูดเหมือนกัน" ณัฎฐาลินีบอก
"จะอยากเอาชนะคะคานกันเองทำไม" เมธาวลัยว่า
"ชนะไป สุดท้ายก็เจ็บทั้งคนชนะคนแพ้...เพราะเพื่อนกันย่อมไม่ดีใจถ้าเพื่อนต้องเสียใจ" ปินัทธาบอก
ทั้งสามลดอีโก้ลง ยิ้มให้กัน
ภัทรวลัยบอก
"ถ้าไม่แก่ คิดไม่ได้นะแบบนี้"
"เอาใหม่มะ ถ้าไม่เจ็บ ไม่เจอ ก็คิดไม่ได้" ณัฎฐาลินีบอก
"เออ!"
"ฉันสัญญา ต่อไปนี้ ฉันจะไม่อีโก้กับพวกแกอีก" ปินัทธาบอก
"ฉันสัญญา ต่อไปนี้ ฉันจะพูดจาถนอมน้ำใจพวกแก" เมธาวลัยบอก
"ฉันสัญญา ต่อไปนี้ ฉันจะสาระแนเรื่องของพวกแกให้น้อยลง" ณัฎฐาลินีบอก
ทุกคนหันมามองหน้ากัน มันรู้สึกว่าไม่ใช่
"พวกแกรู้สึกอะไรมั้ย"
เมธาวลัยกับปินัทธาบอก "รู้สึก"
"ถ้าไม่สาระแน ดูแล ห่วงใย ถามไถ่กัน มันจะเรียกว่าเพื่อนเหรอ"
"ถ้าไม่ให้ฉันปากเสียกับเพื่อน แล้วจะให้ไปเสียกับใคร คุณย่าฉันเหรอ" เมธาวลัยว่า
"เวลาที่เราจะเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุดคือตอนที่อยู่กับเพื่อนป่ะ" ปินัทธาบอก
"โอ๊ย! ไม่ได้ให้พวกแกเปลี่ยนตัวเอง จะไม่เคยผิด จะปากเสียชอบข่มเพื่อน จะชอบวุ่นวายกับเรื่องของใคร ก็เป็นไปเถอะ ขอแค่ให้ยอมรับและเข้าใจตัวตนของเพื่อน แต่ที่สำคัญที่สุดคือคำว่าให้อภัยต่างหากที่พวกแกต้องมีให้กัน!"
ทั้งสามมองหน้ากัน พยักหน้ายอมรับ
"เพลีย! เหนื่อย! ไม่ไหวจะเคลียร์ โอย...หน้ามืด" ภัทรวลัยบอก
เธอเหมือนจะเป็นลม จนเพื่อนๆต้องเข้าไปช่วยดู ทั้งตกใจทั้งขำ
"นังวลัย ไหวป่ะเนี่ย" ณัฎฐาลินีถาม
"ความดันป่ะเนี่ย" เมธาวลัยว่า
"เฮ้ย! อัลลัย แกเป็นความดันแล้วเหรอ" ปินัทธาบอก
"ฉันหิวข้าวจนจะเป็นลมต่างหาก!"
ทุกคน "อ้าว!"

ในสปาเสริมความงามของน้ำฟ้าที่อยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ เธอสั่งงานพนักงาน
"อย่าลืมแจ้งลูกค้าเรื่องโปรโมชั่นเดือนนี้นะ"
"ค่ะ"
กฤษฎาเข้ามา
"อ้าว! กฤษ คุณเมเปิ้ลล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ"
"คือ เค้ามีเรื่องสำคัญต้องเคลียร์ก่อนน่ะ เลยมาไม่ได้"
"โอเคใช่มั้ย"
"ก็...โอเค"
กฤษฎายิ้มแห้ง
"กินอะไรมาหรือยัง"
"ก็มาชวนกินอยู่นี่ ว่างมั้ย"
"รอเราแป๊บนึงนะ ไปเอากระเป๋าก่อน"

น้ำฟ้าหันหลังให้กฤษฎาเพื่อเข้าไปเอากระเป๋าข้างใน เธอแอบยิ้มสะใจที่เมธาวลัยไม่ได้มาเป็นก้าง

ภายในคอนโดฯ เพื่อนๆนั่งมองภัทรวลัยโซ้ยมาม่า ต่างคนต่างมีเรื่องกลุ้มใจ

"ดีเนอะ เพื่อนกำลังเครียด กินลงซะงั้น" ปินัทธาบอก
"ไม่ได้ ฉันจะไม่ปล่อยตัวเองให้หิว ฉันต้องรักษาสุขภาพเพื่อเตรียมตัวเป็นแม่"
ทุกคนโพล่ง "หา! แกท้องแล้วเหรอ"
"ยัง! แต่เตรียมตัวเอาไว้ ร่างกายแข็งแรง ลูกจะได้มาเกิดเร็วๆ"
"แล้วไป...บอกผัวแกนะ อย่ารีบ รอพวกฉันก่อน" ปินัทธาบอกแล้วจู่ๆก็ร้องไห้... "แต่คุณพีศ
บอกว่าจะทิ้งฉันอ่ะ ฮือ!"
เธอเอาหัวโขกกับโต๊ะ
"ตอนนี้ฉันเหลือแต่ตัว กับหัวใจช้ำๆที่โดนเค้าทำให้เจ็บมา"
ภัทรวลัยบอก
"พี่เบิร์ดกล่าวไว้"
"ไหน เล่าให้พวกฉันฟังซิ ตอนนี้ปัญหาที่แกกำลังเจอมีเรื่องอะไรบ้าง แยกมาเป็นข้อๆ แล้วพวกฉันจะช่วยแกแก้ปัญหาเอง" ณัฎฐาลินีบอก
ปินัทธาออกตัวเป็นชุด
"เงินกำลังจะเกลี้ยงบัญชี เพราะโดนแคนเซิลงาน กำลังจะต้องเล่นบทแม่ แฟนก็บอกเลิก หาว่าฉันเจ้าอารมณ์ ว่าที่แม่ผัวก็กีดกันเพราะเกลียดฉันเหมือนฉันเป็นตัวบ่อนทำลายสังคม แถมเมียเก่าของ
ผู้ชายก็ยังไม่ยอมเลิกตอแย นี่ยังไม่รวมเด็กนรกลูกติดอีกคน...ฉันท้อแท้"
เพื่อนทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันลุกหนี
"ท่านประธานคะ ขอถอนคำพูดค่ะ ช่วยไม่ไหวค่ะ" ณัฎฐาลินีบอก
"ถ้าจะกระโดดตึกอีกทีตอนนี้ ฉันจะไม่ห้ามเลย" เมธาวลัยบอก
"โชคดีนะ น้ำผึ้ง เจอกันชาติหน้า ลาก่อน" ภัทรวลัยว่า
"อ้าว...อะไรเนี่ย เฮ้ย!"
เพื่อนทั้งสามเข้ามาอีกรอบ แล้วดึงตัวเธอออกไป
"จะทำอะไรฉัน! ลากฉันไปไหน!"

เธอถูกจิกตัวเดินมากับก๊วน
"ท้อเค้าเอาไว้ให้ลิงถือ ไม่ใช่แก" ณัฎฐาลินีบอก
"ก็ได้ เฮ้อ..."
"เห็นมะ ว่าต้องพามันไปบำบัดให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้ก่อน" เมธาวลัยบอก
"ไม่เอาอ่ะ ฉันเสียดายตังค์ ต้องเก็บไว้กินไว้ใช้ตอนที่ยังไม่มีงานเข้ามา"
"แกมีเพื่อนไว้ทำไม" ภัทรวลัยบอก
เมธาวลัยกับณัฎฐาลินีบอก "ใช่!"
"ให้ยืมเงินแล้วไม่ต้องคืนน่ะเหรอ"
"ไม่ใช่!" ทั้งคู่โพล่งขึ้นพร้อมกัน
"ฉันไม่ให้ยืม" เมธาวลัยบอก
"แต่จะเลี้ยง" ณัฎฐาลินีเสริม
"ฉันรักพวกแกว่ะ"
เมธาวลัยจะเข้ามากอดเพื่อนอีก แต่เสียงมือถือของเพื่อนทั้งสองดังขัดจังหวะขึ้นมาทั้งคู่
"ของแกอ่ะ เมเปิ้ล"
"ของแกต่างหาก"
ภัทรวลัยบอก
"ก็ของแกสองคนนั่นแหละ"
ทั้งสองคนรีบหยิบมือถือขึ้นมาดู ปินัทธาสติแตก มโนไปเอง
"แฟนเค้าโทร.มาหากัน แต่ของฉัน...มันไม่โทร ฮื้อ"
"พ่อฉันโทรมา" เมธาวลัยบอก
"ของฉันที่ทำงาน" ณัฎฐาลินีบอก
"อ้าว...เหรอ"
ภัทรวลัยบอก
"มโนตลอด!"
"ก็คนมันใจเสีย เสียใจอยู่อ่ะ"
ทุกคน "เฮ้อ!"

เมธาวลัยรีบเร่งเดินเข้ามา พ่อเข้ามาหาอย่างร้อนใจ
"มาแล้วเหรอลูก" วุฒิถาม
"เป็นไงบ้างคะ"
"ไปดูเอาเองเถอะ"
วุฒิเดินนำลูกสาวเข้าบ้านไปทางหนึ่งเพื่อไปดูจิลลา

ภายในห้องนอน จิลลาหน้าโทรมซีดเหมือนผีตายซาก นั่งซึมอยู่บนเตียง มารยาทพยายามคะยั้นคะยอให้ลูกสาวกินข้าว แต่เธอไม่ยอมเปิดปาก
"จิล...กินข้าวนะลูก อ้าปากสิ แม่ป้อน"
จิลลายังนิ่ง มารยาทใจเสีย
"อย่าทำอย่างนี้สิลูก แม่จะบ้าตายแล้วรู้มั้ย ทำไมทำร้ายตัวเองแบบนี้ หา..."
เมธาวลัยเข้ามากับวุฒิ
"เม..."
เธอเข้ามานั่งข้างๆ
"ทำไมจิลเป็นแบบนี้คะแม่"
"จะอะไรซะอีกล่ะ มาบอกแม่เมื่อสองวันก่อนว่า ตาดรณ์ไม่ยอมพูดด้วยมาหลายวันแล้ว จะประชดผู้ชายไง ข้าวปลาไม่กิน ไม่หลับไม่นอน งานการก็ไม่ไปทำ ให้โทร.ไปโกหกว่าป่วย เดี๋ยวก็ได้ป่วยจริงๆสมใจ" มรรยาทบอก
"พูดยังไงก็ไม่ยอมเลิกทรมานตัวเอง พ่อพยายามติดต่อตาดรณ์ เค้าก็ไม่รับสายเลย ปิดเครื่องตลอดเวลา ช่วยพ่อกับแม่หน่อยเถอะลูก พูดกับพี่เค้าที"
"คุยกันดีๆนะลูก ตอนนี้ท่าทางยัยจิลดูจะเสียใจมาก"
เธอมองจิลลาอย่างเหนื่อยหน่าย
"แก่จนจะสี่สิบแล้วนะ ไม่ใช่อายุสิบสี่ ทำตัวปัญญาอ่อนเวลามีปัญหาความรักจนพ่อแม่พี่น้องต้องเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้ เห็นแล้วทุเรศ"
จิลลาหันมองน้องสาวตาขวาง พ่อกับแม่ได้แต่สยอง แต่เมธาวลัยไม่สะทกสะท้าน จิลลามองหน้าพี่สาวแล้วกรีดร้องดัง
"อ๊าย!"

ทุกคนสะดุ้งตกใจ จิลลาร้องโฮออกมาซบน้องสาว เมธาวลัยอึ้ง ลูบตัวพ่สาวเบาๆอย่างปลอบใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 11 (ต่อ)

ปินัทธาเดินเหี่ยวมากับภัทรวลัยในห้าง shopping mall

"เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน" ปินัทธาบอก
"ได้ข่าวว่าพ่อเมเปิ้ลมันมะ ส่วนของลินีก็คือเจ้านาย ยังไม่เลิกเพ้อนะ"
"ก็ติดกลุ่มอ่ะ ต้องการความอบอุ่น"
แล้วเธอก็ตาเหลือก เมื่อเห็นกฤษฎาและน้ำฟ้าเดินคุยมาด้วยกันอย่างสนิทสนมไปทางหนึ่ง
"เหย แก...ดูนั่น"
"ดูอะไร"
น้ำผึ้งชี้ให้เพื่อนดูกฤษฎาและน้ำฟ้า
"เอาแล้วไง!"
ทั้งคู่ตกใจ คิดไปไกล

ณัฎฐาลินี กุ๊งกิ๊งและเจ้านายยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของมูลนิธิ "ฟ้าหลังฝน" มองที่เหยื่อสาววัยรุ่นที่นั่งอยู่ที่มุมห้องอย่างหวาดระแวงกับญาติ เหยื่อสาวดูเหม่อลอย....อาการเหมือนแม่ของณัฎฐาลินี
"น่าสงสารนะคะ พยายามหนีจากไอ้พวกค้ามนุษย์ ถูกจับได้ ถูกซ้อมจนพวกมันคิดว่าตายไปแล้ว เลยถูกทิ้งเอาไว้ บุญยังมีที่มีชาวบ้านมาพบ" กุ๊งกิ๊งบอก
"เป็นความโชคดีในความโชคร้ายของเหยื่อ"
"แต่ก็ไม่ได้โชคดีพอที่จะทำให้ตำรวจได้อะไรจากการสอบปากคำ เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อม...แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้....มันทำได้ลงคอ"
กุ๊งกิ๊งจับมือณัฎฐาลินีเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าทนายสาวสะเทือนใจมาก
"ญาติเองก็หมดหวังจะให้เหยื่อให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ตามแกะรอยพวกมัน...แต่ที่มาเพื่อขอให้เรา...ช่วยประสานงานกับหน่วยงานของรัฐช่วยหาทางกำจัดไอ้พวกเดนนรกที่หากินกับผู้หญิงพวกนี้ซะที"
ณัฎฐาลินีมองสภาพเหยื่อแล้วยิ่งสะเทือนใจหนัก เดินเลี่ยงออกไปสูดอากาศที่ด้านนอก เธอพยายามทำใจให้สงบลง นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเจอในอดีต

ในอดีต ณัฏฐาลินีในชุดนักศึกษาเดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงแม่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงหน้าเพราะถูกจรูญผู้เป็นพ่อที่อยู่ในอาการเมามายจนคุมตัวเองไม่ได้เตะชายโครง ใบหน้าของจรินทร์พรมีรอยฟกช้ำเขียวปูด หมดแรงขัดขืนแต่ยังยึดเท้าของจรูญเอาไว้
"มึงจะมาเกาะกูอีกทำไม ปล่อย!"
"ไม่...อย่าไป...อย่า"
จรูญจะตบจรินทร์พร "อีนี่!"
เธอปราดเข้าไปจับข้อมือของพ่อเอาไว้ มองพ่อด้วยความโกรธและชิงชัง
"อย่าทำแม่!"
"ก็บอกมันปล่อยกูซะทีสิวะ! กูจะไปอยู่ที่อื่น กูเบื่อจะเลี้ยงพวกมึงแล้ว กาฝาก งอมืองอเท้าไปวันๆ"
"แม่ไม่ได้งอมืองอเท้าใช้เงินพ่อโดยไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง แม่เลี้ยงหนู ดูแลบ้าน ดูแลชีวิตของพ่อ พ่อแทบจะอยู่เหมือนพระราชา ไม่ต้องหยิบจับอะไร แล้วพ่ออยากให้แม่ให้หนูทำอะไรให้มากกว่านี้อีก"
"ไม่รู้! แต่กูไม่อยากอยู่ กูเบื่อ"
"จะไปอยู่กับเมียน้อย ก็พูดมาตรงๆ"
จรูญอึ้ง จรินทร์พรยิ่งเสียใจหนัก
"กล้าไปสำส่อนนอกบ้าน ก็กล้ายอมรับหน่อยสิพ่อ"
จรูญไม่พอใจ ผลักลูกสาวจนเซก่อนตามไปตบ จรินทร์พรปราดเข้าไปขวาง เลยถูกตบแทน
"โอ๊ย!"
"แม่!"
จรินทร์พรเซ ล้มหัวฟาดกับเหลี่ยมโต๊ะจนหมดสติไปทันที
"แม่!"
เธอปราดเข้าไปดูแลจรินทร์พรที่ไม่รู้สึกตัว จรูญตกใจ วิ่งหนีออกไปทันที โดยไม่คิดจะเหลียวกลับมาดู
"แม่ แม่ แม่!"
เธอกอดแม่เอาไว้ด้วยความตกใจ

ณัฎฐาลินีน้ำตาซึม กุ๊งกิ๊งเข้ามาเห็น ก็เห็นใจลงนั่งข้างๆ
"คิดถึงเรื่องวันนั้นอีกแล้วเหรอคะ"
เธอพยักหน้า
"พ่อแพ้ปีศาจตัวนั้น...เค้าหันหลังให้พวกเรา เดินจากไปตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยกลับมาอีกเลย เค้าทำร้ายแม่พี่จนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับผัก"

จรินทร์พรนอนลืมตาบนเตียงในบ้าน โดยมีดวงเช็ดตัวให้

"แม่ฟื้นขึ้นมา ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นอัมพาต ความจำเสื่อม"

จรินทร์พรนั่งรถเข็น ดวงพาเข็นไปรอบๆบ้าน ชี้ชวนดูโน่น ดูนี่ แต่จรินทร์พรก็ไม่รับรู้อะไร

"โชคยังดีในความโชคร้าย ที่ยังมีสายใยบางๆระหว่างแม่ลูกเหลืออยู่ อย่างน้อย...พี่ก็ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าของแม่ซะทีเดียวนัก... แม่ไม่รู้หรอกว่า พี่เป็นใคร แต่พี่คือใครคนหนึ่งที่แม่รอคอยให้กลับไปหา"

จรินทร์พรมองไปที่หน้าบ้านอย่างรอคอย
"เย็นๆ คุณลินีก็กลับบ้านค่ะ"
จรินทร์พรเบือนหน้าไปจากประตูเป็นเชิงรับรู้เรียบร้อย

"มันไม่ยุติธรรมเลย ผู้หญิงตัวเล็กๆที่อุทิศตัวเองเพื่อสามี เพื่อครอบครัว ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยมีปากเสียง ไม่ใช่เพราะความอ่อนแอ แม่เลือกจะเป็นอย่างนั้นเพราะความรัก แต่ความดีของแม่พี่เอาชนะความไม่รู้จักพอของผู้ชายไม่ได้ แล้วใช้ความรุนแรงมากลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง...เลว"
"เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำวันนี้เพื่อให้อนาคตที่ดีได้นะคะ"
"พี่รู้....และมันก็คือความตั้งใจของพี่ตั้งแต่แรกที่เข้ามาทำงานนี้ พี่ต้องหยุดความไม่รู้จักพอของผู้ชาย ถึงจะหยุดได้แค่เพียงเศษเสี้ยวของจำนวนมหาศาล พี่ก็จะทำ จนกว่าพี่จะตาย!"
"เราจะสู้ด้วยกันค่ะพี่ลินี"
กุ๊งกิ๊งยิ้มให้กำลังใจ
มุมหนึ่งนอกออฟฟิศ รถของพิภพจอดนิ่งอยู่ เขานั่งอยู่บนเบาะหลัง ช้างกับมาร์คอยู่ข้างหน้า
"ผู้หญิงของไอ้วายุ ออกรถ" พิภพบอก
"ครับ เสี่ย!" ช้างรับคำ
พิภพมองลินีอย่างมีแผนการ รถค่อยๆเคลื่อนตัวไป
ณัฎฐาลินีลุกขึ้น
"ผ.อ.จะเอาไงเรื่องนี้ โทร.ไปบอกพี่"
"พี่ลินีจะไปไหนคะ"
"มีเรื่องที่ต้องไปจัดการ"

เธอคิดถึงการไปหาพนมตามที่วายุบุตรแจ้งก่อนหน้านี้

กฤษฎาเดินมาส่งน้ำฟ้าที่หน้าร้าน ปินัทธาและภัทรวลัยสะกดรอยตามแอบดูอยู่ห่างๆ

"แฟนเมเปิ้ลมีกิ๊กอ่ะแก" ปินัทธาบอก
"ไม่ใช่หรอก เพื่อนมั้ง"
กฤษฎาคุยกับน้ำฟ้า น้ำฟ้าหัวเราะคิกคัก เอนซบกับแขนของกฤษฎา
ทั้งคู่อุทาน "อุ๊ตะ!"
"เพื่อนอะไร มีซบแขนด้วย"
"เพื่อนสนิทมั้ง"
กฤษฎาขยี้หัวน้ำฟ้าด้วยความหมั่นเขี้ยว น้ำฟ้าดึงมือของเขาออก แล้วหยิกที่พุง
"อุ๊ตะ!"
"เพื่อนสนิท ขยี้หัว หยิกพุง หยอกเอินแบบนั้นด้วยเหรอ"
"เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไงมั้ง" ภัทรวลัยบอก
ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน
"เอาไง"
"บอกเมเปิ้ลดีมั้ย"
"อย่าเลย!"
กฤษฎาโบกมือให้ น้ำฟ้ากระซิบบางอย่างที่ข้างหู
ทั้งคู่โพล่ง "อุ๊ตะ!"
"โทร.เลย" ปินัทธาบอก
"จัดไป"
ทั้งคู่หลบออกไปเพื่อไปโทรศัพท์ น้ำฟ้ากระซิบกับกฤษฎา
"เริ่มมีพุงแล้วนะ ระวังคุณเมเปิ้ลจะหักคะแนน"
"จริงเหรอ"
"จะโกหกทำไม ดูแลตัวเองหน่อยสิ จำไว้พุงให้ดูภูมิฐานอายุเท่าผู้หญิงหรือไง"
"ก็...ลดช่องว่างระหว่างวัยไง ขอบใจนะที่เลี้ยงข้าว เราเข้าออฟฟิศก่อนนะ"
"ไปเถอะ"
กฤษฎาออกไป น้ำฟ้าโบกมือให้ ยิ้มแย้ม ก่อนสายตาจะเปลี่ยนไป...อิจฉาเมธาวลัยเป็นที่ยิ่ง
"เมเปิ้ล....ฉันรู้หรอกว่าเธอมีแผนจะกินเด็ก ข้ออ้างทุเรศสิ้นดี"

จิลลายังร้องไห้ไม่เลิกอยู่กับน้องสาว วุฒิและมารยาทเริ่มกระสับกระส่าย
"ร้องไห้จนน้ำตาจะท่วมบ้านแล้วนะลูก จิล" มารยาทบอก
"เรือที่ซื้อไว้ตอนน้ำท่วมใหญ่ก็ยังอยู่ไม่ใช่เหรอคะ"
มารยาทกับวุฒิต่างร้อง "เฮ้อ"
"เงียบได้ยัง"
"ยัง"
เมธาวลัยทนไม่ไหว สั่งเสียงเฉียบขาด
"หยุดร้องได้แล้ว!"
จิลลาอึ้ง หยุดร้องไห้เลย นั่งนิ่ง
วุฒิบอกกับมารยาท
"ต้องเจอไม้นี้ ไม่งั้นไม่หยุด"
"แล้วทำไมไม่แข็งใส่ยังจิลตั้งแต่แรก"
"สงสารลูก ใจไม่กล้าพอ ต้องให้ยัยเม...ขอโหด"
เสียงมือถือเมธาวลัยดังขึ้น เธอลุกขึ้นสั่งพี่สาว
"เค้าให้เวลาอาบน้ำแต่งตัวสิบห้านาที แล้วออกไปเจอเค้าข้างนอก เข้าใจมั้ย"
จิลลาพยักหน้าหงึกๆ แต่ก็ยังไม่ลุก
"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!"
จิลลารีบลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ ท่ามกลางความโล่งใจของพ่อแม่ เธอคว้ากระเป๋า หยิบมือถือที่ดังต่อเนื่อง เดินออกไป
"ว่าไง!"
ปินัทธาคุยมือถือ ภัทรวลัยลุ้นอยู่ใกล้ๆ
"แกๆๆ จริงๆ ฉันก็ แบบว่า...ไงดีล่ะ...คือแก"
"จะฟ้อนอีกนานมั้ย เข้าเรื่องซะที ฉันกำลังยุ่ง"
ปินัทธาบอกกับภัทรวลัย
"มันถามว่าฉันจะฟ้อนอยู่อีกนานมั้ย เข้าเรื่องซะที"
"ก็บอกมันไปเลย ไม่ต้องเกริ่น" ภัทรวลัยบอก
"คืองี้นะ เมเปิ้ล...ตรงๆนะ" ปรากฏว่า เมธาวลัยวางสายไปแล้ว "อ้าว...เมเปิ้ล ฮัลโหล เมเปิ้ล... " ปินัทธาตะโกนด่าใส่มือถือ "นังเม! วางหูใส่ทำไม เดี๋ยวก็ไม่บอกซะเลย ว่าแฟนตัวเองมีกิ๊ก"
"ฉันโทร.เอง"
ภัทรวลัยกดสายหา
"มันปิดเครื่องอ่ะ แก!"
"ให้มันได้อย่างนี้สิ จะปิดเครื่องทำไม เรื่องด่วนอะไรนักหนา"

มุมหนึ่งบ้านพีศทรรต กานดานั่งดูชาร์ตราคาหุ้นในอินเตอร์เน็ต ธัญรดาเข้ามาไหว้ ก่อนจะลงนั่ง
"รถติดเหรอ ถึงได้มาช้า"
"ค่ะ"
"รู้ข่าวแม่ดารานั่นหรือยัง กำลังเหม็นโฉ่ไปทั้งวงการ"
"ทราบแล้วค่ะ แต่หนูกำลังคิดว่า ยังเหม็นไม่พอ"
"จะทำอะไร"
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ"
"แค่นี้ก็คงไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแล้วล่ะมั้ง ถ้าตาพีศฉลาดต้องคิดได้ ว่าถ้ายังเกี่ยวข้องกับแม่นั่น จะมีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน"
"แต่หนูหวั่นใจ ว่าคุณพีศอาจจะจริงจังกับมัน"
กานดาอึ้งไป
"หนูทราบเรื่องจากเลขาของพีศ ว่าพีศทิ้งประชุมไปหาแม่นั่นที่คอนโด"
"คงจะเป็นแผนเรียกร้องความสนใจที่ตัวเองกำลังล้มเหลว พวกนี้เก่งเรื่องการแสดงอยู่แล้ว จอมมารยา!"
"ยัยนี่มันกร้านโลก จริตเยอะ พีศคงหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น"
กานดาเครียดขึ้นมาทันที ธัญรดาแอบยิ้มพอใจกับแผนยุยงใส่ไฟของตัวเอง แต้วพาญาดาที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนเข้ามา ญาดาเห็นแม่ก็ดีใจ
"คุณแม่ สวัสดีค่ะ"
"คุณแม่จะพาญาดาไปเที่ยวค่ะ ไปมั้ยคะ"
"ไปค่ะ!"
"อย่าพาไปห้างนะ ที่นั่นคนเยอะ เชื้อโรคแยะ ลูกเพิ่งจะหายไข้ เดี๋ยวก็ติดเชื้อมาอีก"
ธัญรดายิ้มๆ ไม่ตอบรับ ในใจวางแผนดึงตัวพีศทรรตมาหา

ภายในห้องทำงาน พีศทรรตมองมือถือตัวเอง ที่หน้าจอมีเบอร์ปินัทธารอไว้ เตรียมโทร.ออก แต่เขาก็ลังเล
"หายเพี้ยนหรือยังก็ไม่รู้"
พีศทรรตจะโทร. แต่เปลี่ยนใจ วางมือถือลง แล้วเปลี่ยนใจอีก จนหยิบมือถือขึ้นมาจะกดโทร.ออก แต่มีสายจากธัญรดาเข้ามาซะก่อน เขาแปลกใจ แต่รับสาย
"ฮัลโหล"

ธัญรดาจูงมือลูกสาวที่ยังไมได้เปลี่ยนชุดนักเรียนเดินออกมา พลางคุยมือถือกับพีศทรรต
"ฉันมารับลูกไปทานข้าว ลูกอยากให้คุณไปด้วย"
"ผม...เอ่อ"
"ติดงานเหรอคะ หรือว่า...ต้องไปหาแฟน"
ญาดาเสียงแหลมขึ้นมาทันที
"คุณพ่อห้ามมีแฟน"
เขาได้ยินเสียงญาดา ไม่พอใจธัญรดาขึ้นมาทันที
"รดา...ผมบอกแล้วไง ว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้ให้ลูกได้ยิน"
"ฉันก็เคยบอกคุณแล้วไง ว่าอย่าโยนความผิดให้ฉัน ฉันพูดความจริง ถ้าไม่อยากให้ลูกรู้ คุณก็อย่าทำสิ หรือไม่ ก็ทำให้ลูกยอมรับให้ได้ ว่าคุณกำลังจะมีแม่ใหม่ให้แก ไม่ใช่หลอกลูกไปวันๆ"
พีศทรรตอึ้ง
"ฉันกำลังทำหน้าที่ของฉันอย่างดีที่สุดแล้วนะ"
"ได้ ผมจะไป"
ธัญรดายิ้มกริ่ม
เขาวางสายแล้วถอนใจ
"ได้ ผมจะไม่หลอกลูกอีก"
เขากดโทรออกไปหาปินัทธา เธอรับสาย
"ฮัลโหล"

"หายเพี้ยนหรือยัง น้ำผึ้ง"
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 11 (ต่อ)

มุมหนึ่งในบ้านพีศทรรต กานดากำลังคุยโทรศัพท์

"ต่อสายเลขาตาพีศให้ฉันหน่อย ... ฮัลโหล ฉันกานดาแม่ของตาพีศนะ ฉันมีเรื่องที่จะต้องให้เธอทำ และเป็นความลับ"
กานดายิ้มเย็น วางแผนให้ตมิสาเป็นสายคอยรายงานความเคลื่อนไหวของลูกชายกับปินัทธา

วายุบุตรนั่งมองมือถืออยู่ที่บ้าน สิริมาเข้ามากับพนม
"ว่าไง วายุ แฟนแกโทร.มาหรือยัง"
"ยังครับป๊า"
"แย่จังเลยนะคะ ที่เค้าทำเหมือนไม่แคร์ ไม่สนใจใครแบบนี้"
"คุณไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเค้า อย่าพูดเลย"
สิริมาอึ้ง ไม่พอใจ
"ถ้าไม่มาคุย ก็เอาตามที่สิริมาว่าแล้วกัน"
"ฉันมาแล้วค่ะ"
ทุกคนชะงัก หันไป ณัฎฐาลินีเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ ยกมือไหว้ แล้วมองสิริมาด้วยสายตาคมกริบ สิริมามองตอบอย่างไม่เกรงกลัว
วายุบุตรดีใจ
"ลินี"
"บ้านเข้าซอยลึกจังเลยนะคะ กว่าจะหาเจอ เกือบหลง"
"ทำไมไม่โทร.หาผมก่อน แล้วรู้ได้ยังไง ว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน"
"ทีคุณยังพยายามหาเบอร์ติดต่อฉันได้ เพราะอยากจะจีบฉัน แล้วทำไม ฉันจะหาที่อยู่คุณ เพราะอยากจะมาเจอคุณ เพื่อทำให้คุณสบายใจบ้างไม่ได้ล่ะค่ะ...เซอรไพรส์ป่ะ"
สิริมาหมั่นไส้ ลินีเข้าไปควงแขน ก่อนจะทำเป็นรู้สึกตัวว่าไม่ควรเพราะพนมนั่งอยู่
"ขอโทษค่ะ ป๊า...หนูลืมตัว คิดถึงเค้ามากไปหน่อยน่ะค่ะ"
"เพิ่งจะเจอกันมาไม่ใช่เหรอคะ"
"อ๋อ ความคิดถึงมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาค่ะ ยิ่งเพิ่งเจอมาล่ะตัวดีเลย ยิ่งทำให้อยากเจอ อยากเห็นหน้ามากขึ้น หรือเปล่าคะ วายุ"
"เอ่อ...ครับ"
"เข้าเรื่องกันเลยมั้ยคะ ทราบว่าป๊าอยากคุยกับหนูเพราะใครบางคนแร่มาฟ้องว่าหนูปากเสีย"
วายุบุตรถึงกับสะอึกเพราะความแรงของเธอ พนมอมยิ้ม...นึกเอ็นดูความตรงและแรงของผู้หญิงคนนี้ สิริมาเจ็บใจที่ถูกพาดพิง เธอยิ้มท้าทายให้สิริมา

เมธาวลัยจูงมือจิลลาเดินออกมาจากบ้านอย่างเร่งรีบ วุฒิกับมารยาทใจคอไม่ดี ตามออกมา
"เม จะพาพี่ไปไหนลูก"
"ไปตลาดสดค่ะ"
ทั้งพ่อและแม่ต่างอึ้ง
"เค้าไม่ไป"
"ตัวเองต้องไป ไปจัดการที่ต้นเหตุ สะสางปัญหาอย่าให้หมักหมมจนเน่า"
"เค้าไม่พร้อม"
"เลือกเอา ยังไปตลาดสดได้ต่อไป หรือไม่ก็ ไม่ต้องไปเหยียบที่นั่นอีกเลยW
"ก็..."
"เลือกให้...ไปเดี๋ยวนี้!"
เมธาวลัยกระชากตัวพี่สาวออกไป พ่อกับแม่มองตามอย่างเป็นห่วง
"คุณ...จะรอดมั้ย"
"เอาน่า ต้องรอดสิ แต่รู้สึกดีจัง เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันแบบนี้ ตายไปก็ตายตาหลับ"
"ตายไปคนเดียวนะ ฉันยังไม่อยากตาย อยากอุ้มหลานก่อน"
"ยังจะหวังอีกเหรอ ลูกสาวเราแต่ละคน ของกำลังจะหมดอายุอยู่แล้ว"
"คุณนี่ หยุดพูดเลย ไม่สร้างสรรค์"
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ทั้งสองคนสะดุ้ง
"คนเดียวที่ยังใช้โทรศัพท์บ้านอยู่ มีอยู่คนเดียว ไปรับเลย"
"จ๊ะ"
วุฒิรีบเข้าบ้านไป....
"รอเดี๋ยวครับคุณแม่ครับ ผมกำลังไปรับสายครับ"
มารยาทเซ็งผัวตัวเองที่กลัวแม่มาก ก่อนจะหันไปมองตามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

เมธาวลัยเหวี่ยงพี่สาวเข้าไปในรถ พลางถอนใจ พี่สาวเปิดประตูออกมาอีก เธอตวาด
"เข้าไป!"
จิลลาเข้าไปนั่งตามเดิม เธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง แล้วเดินอ้อมไปจะขึ้นรถ เสียงมือถือดังขึ้น เธอหยิบมากดรับ
"ฮัลโหล"
หยาดทิพย์คุยโทรศัพท์ กฤษฎาอยู่ด้วย
"คุณเมเปิ้ลคะ แบบปกตกลงเอาไงดีคะ ทุกคนรอสรุปอยู่ เดี๋ยวจะโปรดักชั่นไม่ทันอ่ะค่ะ"

เธอครุ่นคิด เอาไงดี

พนมและสิริมาจ้องมองณัฎฐาลินี

"ฉันก็อยากให้เราพูดจาทำความเข้าใจกันโดยไม่จำเป็นต้องให้เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลอีก เสียเวลาทำมาหากินกันเปล่าๆ"
"ฉันจะไม่เอาเรื่อง ถ้าคุณจะไม่มาที่ร้านของเราอีก" สิริมาบอก
"หริมา...นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราคุยกัน คุณลินีจะไปที่ร้านเมื่อไหร่ก็ได้ ในฐานะแขกของผม"
"ก็ถ้าคุณห้ามปากแฟนของคุณได้ ฉันก็ไม่มีปัญหาW
"งั้นก็ฟ้องเลยค่ะ"
ทุกคนอึ้ง
"ยินดีมาก ถ้าฉันจะได้ขึ้นศาล เพื่อจะได้พูดให้เสียงดังฟังชัดมากกว่าเดิม ว่าธุรกิจของคุณในความคิดของฉัน...มันบ่อนทำลายสังคมยังไง"
"ลินี นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเอาชนะคะคานกัน หรือประชดใส่กันนะ" วายุบุตรบอก
"ฉันไม่ได้ประชด ฉันต้องการทำอย่างนั้นจริงๆค่ะ"
"หนูอาจจะแพ้คดี"
"ไม่แคร์ค่ะ แพ้ก็ไม่เป็นไร หนูยอม ขอแค่ให้หนูได้พูดให้ทุกคนได้ยิน" เธอหันไปบอกสิริมา "เจอกันที่ศาลนะคะคุณสิริมา อ้อ...ในฐานะที่ฉันคุ้นเคยกับการถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทเป็นอย่างดี ขึ้นลงศาลมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังตื่นเต้นอยู่ คุณน่ะมือใหม่ ฝึกประสาทให้แข็งๆหน่อยนะ คำเตือนจากรุ่นพี่"
สิริมาอึ้ง เจ็บใจที่ถูกเธอท้าทาย ณัฎฐาลินียกมือไหว้ลาพนม
"หนูลาค่ะW
พนมรับไหว้ เธอเข้าไปดึงตัววายุบุตรให้เดินตามไป
"ไปส่งสิ แฟนจะกลับน่ะ"
วายุบุตรตามณัฎฐาลินีไป เธอจงใจควงแขนเขาเย้ยสิริมา พนมมองอย่างพึงพอใจ
"ป๊า"
พนมยกมือห้าม
"ล้มเลิกความคิดเรื่องฟ้องหนูลินีเถอะ"
"ป๊า! ทำไมล่ะคะ"
"อย่าสาวไส้ให้กากินเลย เจ้าวายุคงหาวิธีปราบแม่หนูคนนั้นได้เอง"
พนมกดเก้าอี้ออกไป สิริมายืนเจ็บใจมากอยู่เพียงลำพัง

วายุบุตรเดินควงมากับเธอ จนถึงหน้าบ้าน เธอก็ชักมือกลับ แต่เขายื้อเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย
เธอพยายามจะดึงออก วายุบุตรก็ไม่ยอม
"นี่...ปล่อยได้แล้ว"
"ไม่ได้ ยังไม่ถึงที่"
"จะปล่อยไม่ปล่อย"
"อย่าเสียงดังสิ อยากให้ป๊าผมรู้เหรอ ว่าเราแสดงละครเป็นแฟนกัน ไม่ได้รักกันจริงๆ"
"ตอนนี้...ฉันไม่แคร์แล้วล่ะ ว่าใครจะรู้บ้าง เพราะอะไรรู้มั้ย เกมนี้มันกำลังจะจบ เพราะฉันไม่จำเป็นต้องท้าทายแข่งกับเพื่อนเรื่องใครจะได้แต่งงานก่อนกันอีกแล้ว"
วายุบุตรอึ้ง
"หมายความว่า"
"เรื่องของเรา แคนเซิล"
"คุณอยากแคนเซิล ก็แคนเซิลไปคนเดียว เพราะอะไรรู้มั้ย เกมนี้สำหรับผมมันยังไม่จบ เพราะมันไม่เกี่ยวกับเพื่อนของคุณ มันเป็นเกมของเราสองคนเท่านั้น... ยังไม่ครบกำหนดที่เราตกลงกัน ยังจบไม่ได้"
"นี่! อยากได้อะไรฉันนักหนา คนง่ายๆที่รอเสิร์ฟอยู่บนพาน ทำไมไม่เอา"
"เรื่องของผม"
วายุบุตรยักไหล่ ยิ้มกริ่มออกไป ทิ้งให้เธอเจ็บใจ

หน้าร้านอาหาร มุมหนึ่ง Shopping Mall ปินัทธาเดินลั้ลลาเดินมากับภัทรวลัย
"เค้าโทร.มาง้อฉัน เค้านัดฉันทานข้าว เค้ายังคิดถึงฉัน"
"รู้สึกเบิกบานมากไปป่ะ"
"น้อยไปสิ ไม่ดีเหรอแก มันเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ฉันรู้ว่า มันใกล้ความจริงแล้ว"
"ความจริงอะไร"
"ที่เค้าจะชอบฉันขึ้นมาจริงๆน่ะสิ อุ๊บ..."
"น้ำผึ้ง!"
"อะไร"
"จริงแล้วมันเป็นอย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย แกกับคุณพีศไม่ได้"
"น้ำผึ้ง!"
ทั้งสองคนหันไป พีศทรรตเดินมากับธัญรดาและญาดา เธอตกใจ พอสองแม่ลูกเห็นเธอก็ไม่พอใจเลยทันที
"คุณพีศ...คุณนัดให้ผู้หญิงคนนั้นมาด้วยเหรอ!"
"ทำไมคุณไม่บอกฉัน ว่า...เมียเก่ากับลูกคุณมาด้วย"
เขาอึกอัก ในขณะที่ญาดามองเธอตาเขียว หน้าคว่ำ
"มาคุมากๆ น้ำผึ้ง...ฉันว่า...ฉันขอตัวก่อนดีกว่านะ รู้สึกตัวว่าเป็นคนนอก เดี๋ยวค่อยกริ๊งกร๊างหากันนะตั๋ว! ฝากไปส่งน้ำผึ้งด้วยนะคะคุณพีศ สวัสดีค่ะทุกคน"

ภัทรวลัยรีบฉากไปทันที พีศทรรตอยู่ท่ามกลางความมาคุของผู้หญิงทั้งสามคน
 
อ่านต่อตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น