หางเครื่อง ตอนที่ 12
รวิยกแขนสองข้างขึ้นจะให้คนช่วย เดือนเป็นห่วงก่อนจะก้มลงไปช่วยประคองรวิขึ้นมากับขำ
ป้อมเริ่มทยอยเก็บของ รวิหันมามองเดือนที่ประคองอยู่ ก่อนจะพูดกันเบาๆ สองคน
“ไปเช็ดหน้าให้มันทำไม ที่แพ้นี่เพราะน้อยใจนะ”
“เอายาหม่องไปป้ายตามัน ล้างแค้นให้พี่อ่ะดิ”
รวิคิดตาม ยิ้ม รู้สึกดีขึ้น
“พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วใช่มั๊ย”
เดือนพยักหน้ารับ หน้าจ๋อยๆ
“มีงานยาวเลยน่ะ ไม่อยากกลับเลย ชั้นเป็นห่วง” เดือนชายตามองรวิ
“ตอนนั้นทำไมถึงไปทำอย่างนั้นให้ไอ้พิมุกมัน”
เดือนหน้างอขึ้นมาทันที
“ก็ชั้นอยากช่วยพี่นี่ นึกอะไรไม่ออก อะไรมีก็ป้ายๆ ไปก่อน ถ้าอึได้ก็ป้ายไปแล้ว”
รวิส่ายหน้าก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกเดือนเบาๆ
“อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั๊ย พี่ไม่ยอมให้เดือนมาเสี่ยงอะไรเพื่อพี่เด็ดขาด เข้าใจมั๊ย”
เดือนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะพากันเดินออกไป
เช้าวันต่อมาที่อพาร์ทเมนต์ของแก้ว แก้วนั่งดูแหวนกับสร้อยที่ได้มา กรีดกรายมือไปมา ปากก็ฮัมเพลงไปด้วย
“รู้งี้จับเสี่ยตั้งนานละ ไม่น่าโง่ไปกับไอ้พี่เกียรติเลย โอ๊ย มีความสุข เงินก็มี นักร้องก็กำลังจะได้เป็น เกิดเป็นคนสวยมันก็ดีแบบนี้แหล่ะ แก้วเอ๊ย”
เสียงโทรศัพท์ดัง แก้วเอื้อมมือไปหยิบมาดูก่อนจะทำหน้ารำคาญ แล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล ว่าไงแม่ อะไรกัน เดือนก่อนชั้นเพิ่งให้แม่ไป 500 นะ หมดแล้วเหรอ ใช้อะไรเปลืองจัง เออๆ เดี๋ยวชั้นแบ่งไปให้แล้วกัน” แก้วลุกขึ้นมาหยิบนู่นหยิบนี่ “จะกลับไปได้ยังไงเล่า ตอนนี้ชั้นกำลังจะได้เป็นนักร้องแข่งกับนังเดือนแล้วนะแม่ ว่าไงนะ นังเดือนมันกลับไปงาน รู้แล้ว ก็มันไปดูไอ้ลิเกนั่นชกมวย หา ร้องเพลงด้วย แล้วพี่เกียรติล่ะเค้าว่าไง อ้าว ไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ” แก้วทำหน้าสงสัย “เออๆ งั้นเท่านี้ก่อนละกัน เออน่าไม่ลืมหรอกน่า แค่นี้นะ”
แก้วกดวางโทรศัพท์ก่อนจะโยนลงไปบนโต๊ะ พลิกมือดูแหวนต่อ
“ไม่ได้ไปด้วยกันงั้นเหรอ แล้วใครให้นังเดือนมันขึ้นไปร้องล่ะ”
แก้วทำท่าเหมือนจะคิดอะไรออกรีบลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เช้าวันเดียวกันนั้นบนรถทัวร์เข้ากรุงเทพ เดือนนั่งริมหน้าต่าง สายตาเหม่อมองไปข้างนอก เดือนหยิบพวงกุญแจที่รวิให้มาขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจ ป้อมที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ งัวเงียตื่นขึ้นมา
“อ้าว เดือน ไม่หลับเอาแรงซะหน่อยล่ะ เดี๋ยวกลับไปถึงก็ต้องเข้าบริษัทอีก”
“ชั้นเป็นห่วงพี่รวิน่ะพี่ป้อม”
ป้อมขยับตัวนั่ง
“อืม พี่ก็ห่วง แต่ไม่เป็นไรหรอก รวิน่ะยังไงมันก็ผู้ชาย อีกอย่างเมื่อคืนหมอก็บอกแล้วว่าข้างในไม่เป็นอะไร มีแค่ฟกช้ำแค่นั้น”
“โดนซะขนาดนั้น วันนี้คงระบมน่าดู
ป้อมมองเดือนแล้วแอบยิ้ม เดือนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านรวิ รวิค่อยๆ ลืมตาขึ้น หน้าตาเหยเก มีรอยฟกช้ำอยู่
“โอย ระบมกว่าเมื่อวานอีก”
รวิค่อยดันตัวขึ้น เอามือจับหน้าตาตัวเองสำรวจว่ามีตรงไหนระบมหนักมั่ง แล้วหันไปจะหยิบน้ำมาดื่ม สายตารวิเห็นที่โต๊ะมีขวดน้ำและซองยาวางเรียงอยู่ รวิเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำกับยามาจะเปิดกิน สายตาเหลือบไปเห็นพวงกุญแจตุ๊กตาไม้ที่มีคนละตัวกับเดือน เลยหยิบมาดูเล่น รวิ ถอนหายใจ บ่นคนเดียว
“อุตส่าห์ให้เป็นของขลัง ไม่ช่วยกันเลยนะ แค่นี้ยังแพ้ เรื่องอื่นจะสู้ใครเค้าได้วะ รวิเอ๊ย”
เมื่อกลับถึงคอนโด เดือนแต่งตัวอย่างเร่งรีบ เดินใส่ต่างหูออกมา มืออีกข้างพยายามช่วยใส่รองเท้าอยู่
“พี่ป้อม เสร็จยัง เร็วเข้า โอย สายแน่เลย”
ป้อมเดินถือของออกมาอย่างเร่งรีบ
“เสร็จแล้วๆ ไปๆ”
เดือนหันมามองหน้าป้อมแล้วหัวเราะออกมา
“นี่ เทรนด์แต่งหน้าใหม่เหรอ”
“หืม ทำไมเหรอ”
“พี่ป้อมเขียนคิ้วข้างเดียว”
ป้อมตกใจเอามือจับคิ้วตัวเอง
“ว้าย โธ่ถัง กะละมังบุบ! แต่ช่างมันก่อน เดี๋ยวค่อยไปเขียนก็ได้ เดือนไม่ลืมอะไรแล้วใช่มั๊ย”
“อืม ไม่จ้ะ”
เดือนรีบหันไปเปิดประตูแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชูเกียรติยืนอยู่หน้าประตู เดือนค่อยๆ ปิดประตูเข้าไปใหม่
“อ้าว เดือน ทำไมล่ะนั่น”
เดือนหันมามองหน้าป้อมทำตาปริบๆ ก่อนจะหันไปเปิดประตูอีกครั้ง ชูเกียรติยืนหน้าบึ้งอยู่ที่ประตู
เดือนยิ้มแหยๆ ให้ชูเกียรติ เอามือเกาหัวแกรกๆ ป้อมลอยหน้าลอยตาไม่มองหน้า
“ตกลงจะบอกได้หรือยัง ว่าทำไมถึงแอบหนีไปก่อน ไม่รอพี่”
ชูเกียรติที่เดินนำอยู่หันกลับมาถามเดือนอย่างอารมณ์เสีย เดือนถอนหายใจ ตอบลอยๆ แกล้งทำท่าสำนึกผิด
“จริงๆ เดือนก็พยายามปลุกพี่เกียรติแล้วนะคะ แต่ปลุกเท่าไหร่ๆ พี่เกียรติก็ไม่ตื่น”
ป้อมที่เดินตามหลังพูดแทรกขึ้นมา
“เดือนก็ คุณเกียรติเค้าอายุคราวพ่อ” ป้อมเน้นเสียง “ขนาดนี้แล้ว เจอศึกหนักก็ต้องสลบไสลไปบ้างล่ะ ใช่มั๊ยฮ๊า คุณเกียรติ” ป้อมหันไปจิกตาใส่ ชูเกียรติกระแอมออกมา รู้สึกเสียหน้าเลยพูดเลี่ยงไป
“พี่ พี่ เห็นว่าสายหน่อยก็น่าจะไปทัน ก็แหม ใครจะคิดว่าเดือน จะขนาดนั้น” ชูเกียรติหันมาทำหน้าหื่นใส่
เดือนแอบเบะปากทำท่ารังเกียจ แกล้งหัวเราะ หึหึ
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเหอะ แล้วเป็นไง นายรวิอะไรนั่น น็อกยกแรกหรือยกสองล่ะ”
เดือนหันขวับไปจ้องหน้าชูเกียรติ อย่างโกรธๆ
“รวิเค้าไม่โดนน็อกค่ะ”
ชูเกียรติยักไหล่ไม่สนใจ กดรีโมทเปิดประตูรถ
“งั้นเหรอ แต่ยังไงก็คงแพ้ ช่างเหอะ เดือนเลิกสนใจมันได้ละ อย่าลืมสิ ตอนนี้เดือนเป็นอะไรกับพี่แล้ว”
เดือนหันไปแอบสบตากับป้อมแล้วแอบหัวเราะ
“ยินดีด้วยนะฮ๊า คุณเกลียดด”
ชูเกียรติยิ้มออกมา ทำท่าภูมิอกภูมิใจ ก่อนจะเข้าไปในรถ เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากันกลั้นหัวเราะ แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป
เมื่อถึงค่ายเพลง ชูเกียรติ เดือน ป้อม เดินอย่างเร่งรีบกำลังจะเข้าข้างใน
“เอ้า เร็วๆ เข้า เดี๋ยวประชุมเรื่อง MV ของเดือนอีก ไหนจะเรื่องคอนเสิร์ตอีก”
รถของเสี่ยวาทินเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้า ทุกคนหันไปมอง เห็นคนขับรถเดินลงมาเปิดประตูให้ แก้วลงมาจากรถอย่างเชิดหยิ่ง พวกเดือนหันไปมองหน้ากัน แก้วยิ้มเชิดๆ เดินตรงเข้ามาที่ทั้ง 3 คน ป้อมเบะปากส่ายหน้า
“สวัสดีค่ะพี่เกียรติ” แก้วหันไปหาเดือนแล้วดัดจริตใส่ “เดือน ชั้นล่ะดีใจ๊ ดีใจจัง ทุกทีได้เป็นแค่หางเครื่องกระจอกๆ เต้นกระย๊องกระแย๊ง ดูเธอเด่นมานานละ คราวนี้ถึงทีชั้นมั่งแล้วนะจ๊ะ”
เดือนจ้องหน้าแก้วตอบ
“ไม่ผิดหรอกนะที่เธออยากจะเด่นอยากจะดังขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ควรไปดูถูกว่าหางเครื่องกระจอกนะ ในวงน่ะทุกคนสำคัญเท่ากันหมด”
แก้วลอยหน้าลอยตา เอามือทาบอก
“อ๋อเหรอ ตายละ เธอนี่นางเอกจริงๆ แต่ก็เอาเหอะ จำไว้อย่างเดียวพอว่า...” แก้วเดินจิกหน้าเข้ามาชิด จ้องตาเดือน “ชั้นมาแล้ว เธอน่ะเตรียมเป็นเดือนดับ ไปได้เลย”
ชูเกียรติเห็นท่าไม่ดีรีบตัดบท
“เอ่อ พี่ว่ามีอะไรไว้คุยกันทีหลังดีกว่านะ แก้วเองก็รีบเข้าไปคุยกับโปรดิวเซอร์สิ”
แก้วหันมามองชูเกียรติ เบะปากใส่
“ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ แก้วรู้หน้าที่ดี พี่เกียรติห่วงตัวเองดีกว่า เร็วๆ นี้คงมีเรื่องสนุกแน่”
ชูเกียรติมีสีหน้าไม่พอใจแล้วก็สงสัยที่แก้วพูด แต่แก้วไม่สนใจเดินเบะปากชนไหล่เดือนเข้าไปข้างใน ป้อมตะโกนด่าตามไป
“โถ อีคางคกขึ้นวอ อีสะตอขึ้นห้าง ไปเป็นเมียน้อยเค้าแค่เนี้ยทำมาเชิด”
เดือนดึงมือห้ามป้อมไว้ เหล่ตาไปมองชูเกียรติ ก่อนจะพากันเดินเข้าไป
ที่ร้านทำผม นภากาศนั่งทำผมอยู่ ช่างทำผมเมาท์กันอยู่
“เอ้า ถอยๆๆ มาเดี๋ยวชั้นทำเอง” ช่างทำเดินเข้ามาอยู่ด้านหลังนภากาศ จัดแจงเซ็ทผมให้ แล้วมองนภากาศในกระจก “เมื่อคืนนี้ สนุกมากเลยนะคะ น้องภาเข้าขากับน้องเดือนได้ดี๊ ดี”
นภากกาศยิ้มตอบ พอเป็นพิธี
“ใช่ๆ เนี่ย หนูยังถ่ายเก็บไว้เลยนะ” ช่างอีกคนควักโทรศัพท์ออกโชว์ “พี่เองก็ร้องเพลงเพราะจัง”
“อืม ขอบใจ”
ศิริพรเดินเข้ามาในร้าน หันไปเจอนภากาศพอดี
“เอ๊า พี่นภา มาทำผมเหรอ” ศิริพรยิ้มเสแสร้ง
“เธอเห็นชั้นยืนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่หรือไง” นภากาศย้อนถาม ศิริพรหุบยิ้ม เบะปาก แล้วแกล้งทำเป็นยิ้มใหม่
“น้องพร วันนี้ทำอะไรดีจ๊ะ” ช่างถาม ศิริพรแกล้งเดินไปมองทรงผมของนภากาศใกล้ๆ
“อืม ทำเล็บเท้า ดีกว่า”
นภากาศหันมาจ้องตาศิริพรเขม็ง ศิริพรยิ้ม เดินไปนั่งที่เก้าอี้ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แล้วศิริพรก็เห็นรูปเดือนอยู่ที่ปกหนังสือ ศิริพรมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที กำหนังสือแน่นจนแทบขาด
“เนี่ย เล่มนี้น้องเดือนเค้าได้ขึ้นปกด้วย ซ๊วย สวย หนูยังชอบเลย” ช่างบอก
“ไปสมัครเป็นแฟนคลับเลยสิยะ เอ้า อย่ามัวแต่เมาท์ ทำเล็บให้น้องพรด้วย” ช่างอีกคนบอก
ช่างนั่งลงทำเล็บเท้าให้ศิริพร ปากก็พูดไป
“หนูน่ะเป็นแฟนคลับพี่เค้าอยู่แล้ว เนี่ยหนูตามดูพี่เค้าทุกรายการเลย เสียดายไม่มีแฟนเพจ หรือ IG ไม่งั้นหนูก็จะฟอลโล่พี่เค้า”
นภากาศที่นั่งทำผมอยู่หันมามอง ส่ายหน้า
“แหม ไอ้ที่พูดมาน่ะ เล่นเป็นกับเค้าด้วยเหรอ หนอย ทำเป็นพูด”
“แหะๆ หนูก็จำเค้ามาพูดอีกทีน่ะ ไม่รู้จักหรอก แต่เห็นพวกดารานักร้องเค้ามีแบบนี้ทุกคนเลย แฟนคลับก็ชอบ”
สีหน้าศิริพรเหมือนคิดอะไรได้
“แฟนคลับงั้นเหรอ”
ศิริพรยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย นภากาศหันมามองหน้าศิริพรผ่านกระจกอย่างสงสัย
ที่ห้องซ้อมค่ายเพลง แก้วซ้อมร้องเพลงผิดๆ ถูกๆ เพี้ยนคีย์ โปรดิวเซอร์กับผู้ช่วยเอามือกุมขมับ ส่ายหัว
“น้องแก้วครับ ขออีกรอบนะครับ” โปรดิวเซอร์บอก แก้วกระฟัดกระเฟียด
“โอ๊ย จะให้ร้องอีกซักกี่รอบกันเนี้ย คอจะแตกอยู่แล้ว”
“คือมันยังไม่ใช่อ่ะ น้องแก้วยังร้องผิดคีย์อยู่เลย แล้วจะเอาไปฟีทกับน้องเดือนได้ยังไงล่ะครับ” ผู้ช่วยบอก แก้วถอดหูฟังเดินสะบัดออกมา
“งั้นก็ปรับให้เดือนมาร้องตามคีย์แก้วสิ”
“ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ”
“โอ๊ย นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ งั้นพักก่อนแล้วกัน”
แก้วเดินสะบัดออกจากห้องไป โปรดิวเซอร์หันไปคุยกับผู้ช่วย
“แบบนี้อีกกี่ชาติงานมันจะเสร็จวะเนี่ย”
“ทำไงได้ ตอนนี้นางเลื่อนขั้นไปเป็นเด็กเสี่ยแล้วนี่”
ทั้งคู่ส่ายหัว หมดปัญญา
แก้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปหน้าห้องประชุมกำลังจะเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงชูเกียรติคุยงานอยู่เลยชะงัก เอาหูแนบประตูแอบฟังแทน
ในห้องประชุม ชูเกียรติและทีมงานกำลังคุยกันอยู่
“งั้นอาทิตย์หน้าเราจะไปถ่ายซีนนี้ที่สวนกันก่อน ที่เหลือค่อยมาถ่ายที่สตู” ชูเกียรติบอก
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปคอนเฟิร์มเรื่องสถานที่อีกที”
“อ้อ ยังไม่ต้องบอกนักข่าวนะ ไม่อยากให้วุ่นวาย”
“ได้ครับ”
ทีมงานลุกเดินออกไป
ที่หน้าห้องประชุม แก้วยืนเอาหูแนบประตูอยู่ รีบถอยออกมา เพราะทีมงานเดินออกมา แก้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แกล้งมองนู่นมองนี่ จนทีมงานเดินไป แก้วก็รีบแนบหูฟังใหม่
ในห้องประชุม เดือนกำลังจะลุกขึ้นแต่ชูเกียรติดึงเอาไว้ เดือนรีบดึงมือออก ป้อมรีบเข้ามาช่วยกันท่า
“อะไรฮ๊า นี่มันที่ทำงานนะฮะ”
ชูเกียรติค้อนขวับ
“พี่ก็แค่จะบอกว่า พระเอก MV คนนี้น่ะ เจ้าชู้นะ มีข่าวกับเค้าไปทั่ว ระวังตัวหน่อย”
เดือนมองหน้าชูเกียรติ ยิ้มเหยียดๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ร้ายกว่านี้เดือนก็เจอมาแล้ว”
“ใช่ฮ่ะ ร้ายกว่านี้ โรคจิต หื่น” ป้อมพูดเหน็บ “เดือนเค้าก็เจอมาแล้ว”
ชูเกียรติทำหน้าไม่ถูก แกล้งเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ก็ห่วงเฉยๆ ยังไงตอนนี้เดือนกับพี่ก็เป็น...”
เดือนรีบพูดแทรก
“เดือนว่าเดือนไปเตรียมตัวก่อนดีกว่าค่ะ พี่ป้อมไปกัน”
เดือนจูงมือป้อมเดินสะบัดออกไป
ที่หน้าห้องประชุม แก้วเอามือปิดปาก ทำท่าตกใจเล็กน้อย
“นี่นังเดือนมันเสร็จไอ้พี่เกียรติจริงๆ แล้วเหรอเนี่ย”
เดือนกับป้อมเดินออกมาเจอแก้วอยู่หน้าห้อง แก้วทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ เดือนมองแก้วแล้วส่ายหน้า เดินหนีไป แก้วยิ้มอย่างมีเลศนัยหันมาพูดคนเดียว
“มีอะไรให้ทำอีกแล้วสิ ฮะๆๆ ว้าย!” แก้วตกใจเมื่อหันกลับมาเห็นป้อมกับเดือนจ้องอยู่ “อะ อะไร”
“เปล่า ชั้นเดินผิดทาง”
เดือนเดินผ่านแก้วไปอีกทาง ตามด้วยป้อมที่หยุดจ้องหน้าแก้วแล้วสะบัดบ๊อบใส่แก้ว ก่อนจะเดินตามเดือนไป
“บ้า ตกใจหมด”
แก้วมองค้อนตามเดือนกับป้อมที่เดินไป ทำปากขมุบขมิบด่าตามไปด้วย
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่งที่ร้านเกม ในเมือง ที่จอคอมพิวเตอร์เป็นหน้าแฟนเพจ “เดือน งามพร้อม ” ในช่องสำหรับโพสต์ ตัวหนังสือกำลังพิมพ์อยู่
“ทักทาย fc ทุกคนนะคะ ”
ศิริพรนั่งอยู่กับวัยรุ่นคนที่เคยปล่อยคลิปเดือน
“เอ้า เอาอะไรอีกเจ๊”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวชั้นจัดการต่อเอง แกเอาแค่รหัสมาให้ชั้นทุกอันก็พอ”
วัยรุ่นหยิบกระดาษที่จดไว้ขึ้นมาส่งให้ศิริพร
“อ่ะ ทั้ง เฟส ทั้งทวิต ทั้งไอจี ว่าแต่เจ๊แค้นอะไรกับนักร้องคนนี้เหรอ ชั้นเห็นเค้าออกจะสวย”
ศิริพรหันขวับมาจ้องหน้าสายตาดุดัน
“แกไม่ต้องสะเออะ ชั้นให้ทำอะไรก็ทำตามที่สั่งพอ” วัยรุ่นเบะปากยักไหล่ ศิริพรสะบัดหน้าไปจ้องที่คอมฯต่อ
“แล้วนี่จะมีคนเข้ามาดูเยอะมั๊ย”
“กำลังดังแบบนี้ แป๊บเดียวก็มีคนตามมาเองแหล่ะ”
“ดี ทำยังไงก็ได้ให้คนเห็นเยอะที่สุด” ศิริพรเปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาส่งให้ “เอ้า นี่ของแก และอย่าลืมนะ หุบปากให้สนิท เดี๋ยวถ้ามีอะไรชั้นจะเรียกใช้แกเอง”
ศิริพรลุกขึ้นยืน สายตายังคงจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นหน้าแฟนเพจของเดือน
ศิริพรเดินอยู่ในตลาดในเมือง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศิริพรหยิบขึ้นมาดู ยิ้มเหยียดๆ ออกมา กดรับสาย
“เหมือนจะรู้เลยนะ ชั้นกำลังจะให้เธอทำอะไรอยู่พอดีเลย ก็ไม่ยากอะไรหรอก แค่คอยช่วยกันอัพเดตความเคลื่อนไหวของนักร้องดาวรุ่งก็เท่านั้นเอง ว่าแต่เธอมีอะไร พูดมาก่อนเลย อะไรนะ จะเอาเบอร์ของรวิไปทำไมน่ะ”
แก้วเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่ค่ายเพลง สายตาคอยมองคนอื่นไปด้วยอย่างระแวง
“เอาเหอะน่า ชั้นไม่แย่งเธอหรอก ไม่อยากฟังลิเกก่อนนอน เบอร์อะไรนะ” แก้วกดเมมเบอร์ในโทรศัพท์ แล้วยกขึ้นมาคุยต่อ “โอเค ตะกี๊เธอจะให้ชั้นทำอะไรนะ แล้วทำไมชั้นต้องทำแบบนั้นล่ะ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เลวได้โล่ไม่เปลี่ยนเลยนะเธอ เอาสิ ชั้นช่วยแน่นอน”
ทีมงานเดินมาหาแก้ว
“น้องแก้วคะ พี่เค้าให้มาตามไปซ้อมต่อค่ะ”
แก้วมองค้อน
“เท่านี้ก่อนนะ มาตามอีกละ”
แก้วกดวางโทรศัพท์ หันไปจ้องหน้าทีมงาน
“วันหลังไม่ต้องมาตามหรอกนะยะ ชั้นรู้เวลาเอง”
แก้วเดินสะบัดไป ทีมงานเบะปากใส่ ทำปากขมุบขมิบแล้วเดินตามไป
เย็นวันนั้นที่วงดนตรีของเทพ เทพถือสมุด เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ร้องเพลงไปด้วย ก้องหันไปมองอย่างแปลกใจ
“คุณเทพ วันนี้อารมณ์ดีอะไรมาเนี่ย หน้าบานมาเชียว”
นภากาศนั่งดูเนื้อเพลงอยู่ เหลือบตาขึ้นมามอง
“ก็เห็นบานอยู่ทุกวัน”
เทพหันมายิ้ม ส่งสายตามาปิ๊งๆ มาที่นภากาศ
“คนกำลังอารมณ์ดี มาขัดทำไมเนี่ย แต่เอาเหอะ เป็นนภานะเนี่ยเลยให้อภัย”
นภากาศเบะปากใส่ แล้วก้มลงดูเนื้อเพลงต่อ รวิเปิดประตูถือแซกโซโฟนเดินเข้ามา หน้าตายังมีรอยเขียวช้ำอยู่ ทุกคนหันไปมอง
“อ้าว ไง พ่อนักมวย รีบมาทำไมเนี่ย บอกว่าให้รอให้หายก่อน” เทพทัก
รวิยิ้มแห้งๆ เดินมานั่ง จัดแจงเปิดกระเป๋าหยิบแซกโซโฟนออกมาเช็ด
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วคุณเทพ แค่นี้เอง”
“แค่นี้อะไรกัน เยินซะขนาดนั้น”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ อ่ะๆ เดี๋ยวเป่าโชว์เลย”
รวิหยิบแซกขึ้นมาเป่าดังแปร๊ด จนทุกคนต้องเอามือปิดหู ส่วนรวิรีบเอามือกุมที่ปากเพราะยังเจ็บอยู่ เทพมองรวิแล้วส่ายหน้า
“โอ๊ะ โอ๊ย”
“เฮ้อ ไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลย”
“นี่ คุณเทพยังไม่บอกเลย อารมณ์ดีอะไรมาวันนี้” ก้องพูดแทรกขึ้นมา
เทพหันมา นึกขึ้นได้ จัดแจงเปิดสมุดแล้วยิ้มออกมา
“เกือบลืม มากันครบแล้วใช่มั๊ย อ้าว ศิริพรล่ะ” ทุกคนหันมามองหน้ากันไม่รู้เรื่อง “อ่ะ ไม่เป็นไร คืองี้ เมื่อคืนพอเลิกงาน มีคนมาจองคิวให้เราไปเล่นกันหลายเจ้าเลย นี่ไง”
เทพหันสมุดให้ทุกคนดู ก้องกับคนอื่นปรบมืออย่างดีใจ นภากาศเงยหน้าขึ้นมองหน้าเทพ
“เค้าคิดว่าเดือนอยู่วงเราด้วยหรือเปล่า อย่าลืมนะว่าเดือนเค้าคงไม่ได้มาช่วยร้องให้เราทุกงานหรอก”
“เรื่องนั้นชั้นบอกเค้าไปแล้วจ้ะ เค้าไม่ได้ว่าอะไร เค้าชอบดนตรีของวงเรา อีกอย่างนักร้องประจำของเราก็ทั้งสวยทั้งเสียงดีอยู่แล้วนี่จ๊ะ” เทพส่งสายตาปิ๊งให้นภากาศ นภากาศเบะปากส่ายหน้า เทพเลยแกล้งหยอดต่อ “เฮ้อ ลูกค้าเห็นฝีมือแล้ว เมื่อไหร่สาวๆ บางคนจะเห็นหัวใจดวงนี้บ้างน้า”
รวิกับคนอื่นๆ กลั้นหัวเราะ ก้องทำท่าคลื่นไส้ นภากาศหันไปจ้องหน้าเทพยักคิ้วให้ แล้วพูดขึ้น
“คงต้องรอหล่อให้ได้เท่า เติ้ล ธนพล มั้ง”
“หึ โด่ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย”
รวิหันมามองตาปริบๆ พูดแทรกขึ้น
“เอ่อ คุณเทพครับ ผมก็ว่าเค้าหล่ออยู่น้า เล่นหนังก็ดี๊ ดี”
“ก็งั้นๆ ล่ะ หน้าตาก็ใกล้เคียงกับชั้น แค่มีปริมาตรของดั้งจมูกมากกว่าก็แค่นั้น เชอะ”
รวิยิ้มแหยๆ ก้มลงเช็กแซกต่อ ส่วนก้องเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ นภากาศมองค้อนขวับๆ
คืนนั้นในรถของชูเกียรติ เดือนนั่งพิงเบาะอย่างเหนื่อยล้า สายตาเหม่อมองออกไปนอกรถ ชูเกียรติที่ขับรถอยู่หันมาพูดกับเดือน
“เออ เดือน เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแวะไปร้องเพลงอีกที่หนึ่งนะ”
เดือนหันมามองหน้าชูเกียรติอย่างสงสัย
“เอ๊ะ แต่ในคิวงานที่บริษัทให้มา ไม่มีนี่คะ”
ชูเกียรติอึกอัก พูดแก้ตัว
“ก็ ก็คิวพิเศษนะจ้ะ เลยยังไม่ได้แจ้งทางบริษัท ช่วยๆ กันหน่อยน่า”
เดือนถอนหายใจ มองหน้าชูเกียรติ
“แล้วอย่างนี้ไม่เท่ากับเราแอบรับงานนอกเหรอคะ”
“ไม่หรอกน่า เดี๋ยวพี่แจ้งบริษัทเอง คิดซะว่าโปรโมตซิงเกิ้ลของตัวเองด้วย”
เดือนไม่รู้จะเถียงยังไง
“ก็ได้ค่ะ แต่คราวหน้าพี่เกียรติไม่ต้องรับซะทุกงานขนาดนี้นะคะ เดือนไม่ถึกขนาดนั้น ใช่มั๊ยพี่ป้อม พี่ป้อม”
เดือนหันไปถามป้อมจึงเห็นป้อมนั่งหลับ หัวพิงเบาะ อ้าปากกว้าง “เอ๊าพี่ป้อม มาหลับอะไรตอนนี้เนี่ย ดูๆ นอนอ้าปากซะลืมความเป็นหญิงเลย เฮ้อ”
เช้าวันรุ่งขึ้นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง บรรยากาศตอนเช้าเห็นคนวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ภายในสวนสาธารณะ รถตู้ของค่ายเพลงเลี้ยวเข้ามาในสวน ก่อนจะจอดลง ประตูรถตู้เปิดออก เดือน ป้อม ชูเกียรติและทีมงานทยอยลงมาจากรถ
“โอ๊ย อากาศ ทำไมมันร้อนแต่เช้าเลย”
“แก้ผ้าสิพี่ป้อม”
“แหม เดือน พี่ก็อยากจะทำอยู่ แต่ก็กลัวพวกผู้ชายอดใจไม่ไหว”
ทีมงานผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่าน ป้อมส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ ทีมงานคนนั้นทำหน้าสยองก่อนจะรีบเดินหนีไป
“ฮะๆ ท่าทางเค้าจะอดใจไม่ไหวกันจริงๆ”
ชูเกียรติเดินมาขนาบข้าง
“ไปตรงจุดที่ต้องถ่ายกันเหอะ ยิ่งช้าคนยิ่งเยอะ” เดือนทำหน้าเซ็งๆ
“ค่ะ พี่เกียรติ”
“รอกันก่อนสิคะ”
เสียงแก้วบอก แก้วเดินลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เดินกางร่มใส่แว่นดำเดินเข้ามา
“ก็พี่บอกแต่แรกแล้วว่าให้แก้วอยู่ซ้อมที่บริษัท จะตามมาทำไมก็ไม่รู้”
แก้วเชิดหน้าใส่ชูเกียรติ
“ก็แก้วอยากมาดู แล้วอีกอย่าง เสี่ยก็อนุญาตด้วย พี่เกียรติมีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะคะ”
ชูเกียรติหน้าเสีย พยายามกลั้นอารมณ์
“งั้นก็ตามใจ เดินตามมาเองละกัน”
ทุกคนเดินเข้าไปด้านใน แก้วสะบัดสะบิ้งเดินตามมาอย่างไม่พอใจ
บริเวณที่ถ่ายทำ ทีมงานกำลังเซ็ทกล้องและฉาก เดือนกับป้อมกำลังเดินมา
“เดือน ดูนั่นสิ น้องพวกนั้นนี่ใครน่ะ”
เดือนหันไปมองตามที่ป้อมบอก เด็กวัยรุ่นและไม่รุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังยืนจับกลุ่มพูดคุย บางคนก็ถือกล้อง ชี้ไม้ชี้มือมาทางเดือน เดือนหันมามองหน้าป้อม ส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง
“ไม่รู้สิพี่ป้อม หรือมีงานแถวนี้”
“พี่ว่า เค้าน่าจะมาหาเดือนนะ ดูท่าแล้ว...”
คนกลุ่มนั้นเดินเข้ามาที่เดือน พอเห็นใกล้ก็ซุบซิบดีใจกันใหญ่
“ใช่พี่เดือนจริงๆ ด้วย”
“ตัวจริงสวยจัง”
“พี่เดือนคะ พวกหนูเป็นแฟนคลับค่ะ ขอถ่ายรูปหน่อย”
เดือนทำหน้างงๆ แต่ก็ยิ้มและให้น้องๆ ถ่ายรูป ชูเกียรติเดินปรี่เข้ามาทันที
“นี่มันอะไรกันเนี่ย เข้ามาได้ยังไง”
“พี่เกียรติคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องๆ เค้ามาขอถ่ายรูปเฉยๆ” เดือนบอก
“พี่เดือนน่ารักจังเลย ขอลายเซ็นด้วยค่ะ” แฟนคลับบอก
“วุ่นวายกันจริงๆ เลย เร็วๆ เข้าด้วยล่ะ”
เดือนยิ้มๆ ไม่พูดอะไร หันไปเซ็นชื่อถ่ายรูปกับแฟนๆ ต่อจนครบทุกคน แฟนคลับต่างเป็นปลื้ม
“พี่เดือน มีคิวที่ไหนอีก ยังไงก็ช่วยอัพบอกพวกเราเหมือนวันนี้ด้วยนะคะ”
เดือนทำหน้างงๆ
“นี่เดี๋ยวหนูอัพรูปที่ถ่ายคู่กับพี่เดือนขึ้นเฟสดีกว่า”
ป้อมมองอยู่นานเลยเดินเข้ามาถาม
“ไหนขอดูหน่อยสิจ๊ะ”
แฟนคลับส่งให้ ป้อมรับมาดูกับเดือน ที่จอโทรศัพท์เห็นหน้าแฟนเพจเดือนที่สเตตัสมีโพสต์ไว้ว่า “ คิวถ่าย MVพรุ่งนี้ที่...”
เดือนกับป้อมหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้แฟนคลับ
“งั้นเดี๋ยวพี่ขอไปเตรียมตัวก่อนนะจ๊ะ”
เดือนโบกมือให้ทุกคน ก่อนจะพากันเดินไปกับป้อม แอบกระซิบกันอย่างสงสัย แก้วถอดแว่นดำออกมองตามเดือนกับป้อม ด้วยหน้าตาที่เจ้าเล่ห์
อีกด้านหนึ่งที่บ้านศิริพร ศิริพรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะนั่งดูโทรศัพท์อยู่
“หึ ดังเหลือเกินนะแก แค่ไม่กี่วันทั้งคนตาม คนไลค์เป็นหมื่น ให้แกดีใจเริงร่าไปก่อนซักพักนะ แล้วแกก็เตรียมตัวดับได้เลย นังเดือน”
“ศิริพร ศิริพร อยู่มั๊ย”
ศิริพรทำหน้าแปลกใจ ลุกขึ้นไปเปิดประตู
“อ้าว รวิ”
ประตูเปิดออก รวิยืนอยู่ ศิริพรยิ้มหวาน ขำที่ยืนซ่อนอยู่ด้านหลังรวิโผล่ออกมา
“แต๊แด...” ศิริพรหุบยิ้มลงทันที
“คือชั้นแวะมาดูน่ะ เห็นไม่ไปซ้อมตั้งหลายวัน ช่วงนี้จะมีงานด้วย คุณเทพเค้าก็เลย...”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเทพ เธอก็คงไม่มาสินะ”
ขำรีบแทรกขึ้นมาทันที
“แม่นแล้วนาง เนี่ยจำใจมาหรอกนะ”
รวิเอาศอกกระทุ้งขำจนจุก
“ไม่หรอก เทพไม่บอกก็มา”
ศิริพรถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“เหรอ ขอบคุณนะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าไม่ได้เป็นอะไร บอกคุณเทพด้วยละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นเข้าไป”
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่ล่ะ”
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศิริพรทำหน้าเหมือนคิดอะไรได้ หันมาตอบรวิ
“อ๋อ ก็กำลังดูอัพเดตของเดือนไง”
“ดูอะไรนะ”
“ก็อัพเดตของเดือน ในเฟสในทวิตอะไรพวกเนี้ย อะไรกันเธอไม่ได้ตามเค้าเหรอ”
รวิเกาหัวทำท่างงๆ
“ชั้นไม่ค่อยถนัดพวกเนี้ยน่ะ”
“ก็หัดสิ เดือนน่ะเค้าไปไกลแล้วนะ เธอต้องหัดตามเค้าให้ทัน ถ้าไงเดี๋ยวชั้นสอนให้ละกัน”
“หาเรื่องเข้าใกล้ผู้ชาย” ขำพูดลอยๆ ศิริพรหันขวับมาทันที รวิรีบสะกิดเตือน ขำเลยแกล้งลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้
“วันนี้พวกเธอกลับไปกันก่อนละกัน ชั้นอยากพักผ่อน”
รวิเดินคุยมากับขำ
“เห็นมั๊ย เพราะแกเลย เค้าเลยไม่สอนโซเชี่ยลอะไรนั่นเลย แล้วนี่จะดูเดือนยังไงล่ะ”
“ไปท้องฟ้าจำลองดิ ไม่ก็รอข้างขึ้น เดี๋ยวก็เห็น”
รวิจ้องหน้าขำที่ทำหน้ายียวน
“ไอ้คุณขำ”
ขำหัวเราะแล้วตบไหล่รวิแรงๆ
“ล้อเล่นน่า แค่นี้เอง เดี๋ยวให้เด็กแถวบ้านเรามันสอนก็ได้ เด็กสมัยนี้มันเก่ง แค่อนุบาลมันก็ใช้จีบกันแล้ว แต่ตอนเนี้ย ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า หิว”
ขำเดินกอดคอกับรวิไป
บริเวณที่ถ่ายทำMV ที่กองกำลังเก็บฉาก อุปกรณ์ต่างๆ ขณะที่เดือนยืนถ่ายรูปอยู่กับพระเอกMV เดือนถ่ายเสร็จก็ยิ้มและพยักหน้าให้ แล้วเดินตรงมาหาป้อม ป้อมรีบกุลีกุจอส่งน้ำให้เดือน
“เหนื่อยมั๊ยเดือน”
“นิดหน่อยจ้ะพี่ป้อม”
“อืม เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“จะได้กลับหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ป้อมทำหน้าสงสัย
“อ้าว ทำไมล่ะเดือน วันนี้มีงานตอนเย็นอีกเหรอ ช่วงนี้บ่อยจัง”
“ถ้าเป็นงานของบริษัทก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
“หมายความว่าไง”
เดือนถอนหายใจเดินไปหาที่นั่ง ป้อมเดินตามไปติดๆ
“พี่รู้มั๊ย ไอ้งาน 2-3 งานหลังๆ เนี่ย มันไม่มีอยู่ในตารางงานหรอกนะ”
ป้อมหันมามองอย่างตกใจ
“งั้นก็หมายความว่า...”
“พี่เกียรติเค้าคงรับงานเองมั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจนะ เห็นว่าพี่เค้าจะแจ้งบริษัทเองทีหลัง”
“ขอให้มันจริงเหอะ ไม่ใช่แอบอมเงินไว้คนเดียว”
ป้อมถอนหายใจ โบกมือไล่ความร้อนให้ตัวเอง สายตามองไปรอบๆ จนเห็นอะไรเข้า
“ว้าย เดือน ดูนั่น”
เดือนหันมามองป้อมอย่างสงสัย
“อะไรเหรอพี่ป้อม”
“นั่นไงๆ”
ป้อมชี้มือ เดือนมองตามเห็นแก้วกำลังยืนคุยกับพระเอก MV ของเธออยู่
“ต๊าย นางแรงนะเนี่ย เพิ่งไปเป็นเมียน้อยเสี่ยมามาดๆ จะมาคว้าพระเอกซะละ”
“เค้าอาจจะคุยกันเฉยๆ ก็ได้มั้ง”
“คุยอะไร นั่นๆ มีการแลกเบอร์กันด้วย นี่ไงเค้าถึงบอก ต้นงิ้วกับนรกใช้กับคนบางคนไม่ได้ผล”
ป้อมชะเง้อชะแง้มองเต็มที่ จนเดือนต้องดึงให้ลงมานั่ง
“ช่างเค้าเหอะพี่ป้อม เรามาสนใจเรื่องของเราดีว่า”
ป้อมนั่งลงเหมือนเดิม
“เรื่องแฟนเพจอะไรนั่นน่ะเหรอ แถมมีทอร์นาโด อะไรนั่นอีก”
“ทวิตเตอร์จ้า”
“นั่นล่ะๆ อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ เอ๊ะหรือว่าจะของบริษัททำให้”
เดือนส่ายหน้า สายตายังมองไปที่แก้วกับพระเอก MV อยู่
“ชั้นว่าไม่หรอก ไม่งั้นเค้าก็ต้องบอกเราแล้วสิ”
“เฮ้อ จะยังไงก็ช่าง ขออย่าให้เอามันมาใช้แกล้งกันก็แล้วกัน”
ป้อมกับเดือนนั่งพิงกันสายตาเหม่อมองไปข้างหน้า
เย็นวันนั้น รวิเดินถือโทรศัพท์เครื่องใหม่ยิ้มหน้าบาน ขำเดินอยู่ข้างๆ หันมาแซว
“ลงทุนนะเนี่ย ถึงขนาดเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนโปรฯสมัครนู่นนี่ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง”
“อย่าแซวน่า ไว้อีกหน่อยแกมีแฟนแล้วแกจะรู้”
“เชอะ ถ้าไม่สวยจริงไม่มีวันได้เห็นหน้าแข้งชั้นหรอก”
“สวยอย่างพี่ป้อมพอไหวมั๊ย เดี๋ยวชั้นติดต่อให้”
“ก็ดีนะ ถึก บึกบึน มีหนวด ถุย แกเอาเองเหอะ”
รวิหัวเราะกับขำอย่างสนุกสนาน จนมาถึงร้านกาแฟเลยพากันแวะนั่ง
ส่วนที่บริเวณถ่ายทำMV แก้วมองซ้ายมองขวา เดินมายืนตรงที่ไม่มีใคร จัดแจงหยิบโทรศัพท์ออกมา พิมพ์อะไรบางอย่างลงไป
“แก้ว เค้าจะกลับกันแล้วนะ จะกลับมั๊ย”
ชูเกียรติถาม แก้วคิ้วขมวดหงุดหงิดทันที ตะโกนกลับไป
“รู้แล้วๆ”
แก้วก้มลงดูที่โทรศัพท์อีกครั้ง ยิ้มออกมาอย่างสะใจ แล้วรีบเดินไป
อีกด้านหนึ่งที่ร้านกาแฟในเมือง รวิกับขำนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“เอานมชมพู แก้วนึงครับ”
“2 เลยพี่ กินเป็นเพื่อนคนอินเลิฟมัน” ขำสั่งเสร็จก็หันมาคุยกับรวิต่อ “ไหนๆ ดูดิ๊ เดือนเค้าเขียนโลตัสว่าอะไร”
“สเตตัส โลตัสมันห้าง”
“ชิ ผิดไปหน่อย”
รวิหัวเราะขำ กดดูที่โทรศัพท์ สีหน้ายิ้มแย้ม แล้วจู่ๆ ก็หุบยิ้มลง ขำมองรวิอย่างสงสัย
“มีอะไร รวิ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
รวิไม่ตอบอะไร ส่งโทรศัพท์ให้ขำดู ขำรับมาดูก่อนจะอ่านออกเสียงดังๆ
“ถ่าย MV กับพระเอกรูปหล่อ ทำไมรู้สึกใจเต้นแรงจัง...” ขำเงยหน้ามองรวิ แล้วก้มลงอ่านต่อ “บางครั้งความรักมันก็เกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว ”
“แล้วนี่ใครมาเมนท์ต่อเยอะแยะเนี่ย...แอร๊ย พี่ทำหนูจิ้น , แน่ะๆ พี่เดือนคิดอะไร รู้น้า , พระเอกหล่อกับนักร้องสวย เหมาะกันฝุดๆ ...แล้วก็...”
“ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว” รวิกระชากโทรศัพท์ในมือขำกลับมาทันที “ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ ชั้นยอมไม่เห็นไม่รับรู้ดีกว่า”
ขำตบไหล่รวิ
“เฮ้ย ใจเย็นๆ เดือนเค้าคงเขียนเล่นๆ มั้ง”
“เล่นอะไร หวานซะขนาดนั้น”
ขำถอนหายใจไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่นั่งมองรวิที่นั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่
เดือนและทีมงานทุกคนเดินเข้ามาในบริษัท บางคนก็แยกย้ายไปเก็บของ ชูเกียรติหันมาบอกเดือน
“เดือน วันนี้พี่มีธุระ เดือนกลับแท็กซี่กันเองได้มั๊ย”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ มีพี่ป้อมอยู่ทั้งคน”
ป้อมเดินเข้ามายืนโพสต์เกาะไหล่เดือน ชูเกียรติทำหน้ารังเกียจแล้วเดินหนีไป เดือนกับป้อมหัวเราะตาม
เดือนหันมาบอกป้อม
“พี่ป้อม ชั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาของให้”
เดือนยิ้มพยักหน้ารับ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ แก้วมองซ้ายมองขวา แล้วเดินตามเดือนไป
แก้วเดินตามเดือนเข้ามาในห้องน้ำ มองซ้ายมองขวา พอเห็นคนเดินออกมาก็แกลงทำเป็นยืนส่องกระจก
แกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด นิ้วของแก้วที่ถือโทรศัพท์อยู่กำลังจะกดโทรออกที่ชื่อ “รวิ” เดือนเปิดประตูเดินออกมา แก้วรีบเอามือไขว้หลังซ่อนโทรศัพท์ เดือนเห็นแก้วก็ชะงักไปนิดนึง แต่ก็เดินมาล้างมือ แก้วแกล้งทำทีเป็นคุยถามเดือน
“เดือน เธอว่าพระเอกMV ของเธอวันนี้หล่อมั๊ย”
เดือนตอบแต่ไม่ได้หันไปมอง ทำแบบตอบผ่านๆ
“ไม่รู้สิ ชั้นดูไม่เป็น”
แก้วเบะปาก แกล้งพูดยั่วเดือน
“แหม นั่นน่ะสิ ชั้นก็ลืมไป ว่าหน้าอย่างเธอคงมีปัญญาคบได้แต่พวกลิเกจนๆ”
เดือนสะบัดหน้ากลับมาจ้องแก้วทันที มือแก้วที่ถือโทรศัพท์อยู่ด้านหลังกดโทรออกทันที
รวิโบกมือลากับขำแล้วเปิดประตูเดินเข้าบ้าน เสียงโทรศัพท์ของรวิดัง รวิหยิบขึ้นมาดูเบอร์ ทำหน้าแปลกใจ แล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล ฮัลโหล นั่นใครครับ ฮัลโหลได้ยินมั๊ยครับ ฮัลโ...”
เสียงเบาๆ แทรกเข้ามา รวินิ่งเงียบฟัง
“จนแล้วยังไง ยังไงพวกเราก็เคยจนกันมาก่อน”
“องุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน ไม่มีปัญญาหาของดีๆ กิน ก็ต้องชอบไอ้ที่พอหาได้”
“ขอโทษนะ ชั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าถึงมาคอยแขวะชั้น แต่รู้ไว้นะว่าชั้นเองก็มีดีไม่ได้น้อยไปกว่าเธอ ถ้าคิดจะหาจริงๆ คงได้มากกว่าพระเอกลิเกจนๆ ที่เธอว่า”
แก้วแกล้งตีหน้าเซ่อ ไซโคเดือนต่อ
“อย่างพี่เกียรติเนี่ยเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าเธอกับเขา เอ่อ มีอะไรกันแล้ว”
เดือนกำลังโมโหเลยแกล้งบอกกับแก้ว
“ถ้าใช่แล้วไง ทำไม เธอเสียดายเค้างั้นเหรอ แต่เธอก็ไปหาเสี่ยแล้วนี่”
“เธอคงไม่คิดจะมาหาเสี่ยเค้าด้วยใช่มั๊ย” แก้วแกล้งพูดยั่ว เดือนยักไหล่เชิดหน้า
“ก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะดูท่าเสี่ยเค้าคงให้อะไรๆ ชั้นได้มากอยู่ เธอเองก็ระวังไว้ละกัน ถ้าชั้นตัดสินใจเมื่อไหร่ เธอก็เตรียมตกกระป๋องไปได้เลย”
เดือนพูดจบก็เดินเชิดชนไหล่แก้วออกไปอย่างโมโห แก้วยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นว่ารวิยังถือสายอยู่ก็กดตัดสายทิ้งแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
รวิหน้าเศร้า น้ำตาคลอเบ้า ลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง
“ความจริงมันเป็นอย่างนี้สินะ เดือน”
รวิเดินโซเซไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ มือกุมหัวนั่งก้มหน้านิ่ง เสียงเดือนกับแก้วลอยเข้ามาในความคิดของรวิ
“ชั้นเองก็มีดีไม่ได้น้อยไปกว่าเธอ ถ้าคิดจะหาจริงๆ คงได้มากกว่าพระเอกลิเกจนๆ แน่ ”
“อย่างพี่เกียรติเนี่ยเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าเธอกับเขา เอ่อ มีอะไรกันแล้ว”
“ถ้าใช่แล้วไง”
“ไอ้รวิ ไอ้โง่ ไอ้โง่เอ๊ย”
รวิบ่นตัวเองแล้วหันไปชกต้นไม้จนมือเลือดไหลอาบ แล้วค่อยซบหน้าร้องไห้กับแขนตัวเอง
แก้วเดินกรีดกรายออกมาหน้าค่ายเพลง มือยังคงถือโทรศัพท์คุยไปด้วย
“เรียบร้อยแล้วนะ ระดับแก้วซะอย่าง ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว คราวนี้ก็ตาเธอมั่งแล้วนะ ขอแบบดับวูบไปเลย ไม่ต้องมาเสนอหน้าแข่งกับชั้นอีก โอเค งั้นแค่นี้ อ้อ อย่าลืมไปปลอบผู้ชายของเธอด้วยล่ะ เดี๋ยวจะฆ่าตัวตายซะก่อน”
แก้วเดินกรีดกรายออกไป
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศิริพรนั่งยิ้มอยู่ที่บ้าน ค่อยๆ ลดหูโทรศัพท์ลงเหมือนเพิ่งคุยกับใครเสร็จ ก่อนจะหัวเราะออกมาสะใจกว่าเดิม
“ต่อไป อะไรดีล่ะ”
ศิริพรทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ที่โทรศัพท์เห็นเป็นทวิตเตอร์ของเดือน ศิริพรทำหน้าเหมือนคิดอะไรได้ ค่อยๆ กรีดนิ้วพิมพ์อะไรลงไป
“โอเค” ทศิริพรลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป “ที่เหลือก็แค่ ไปทวงคนของชั้นคืน”
ศิริพรเชิดหน้า ทำท่ากรีดกรายร่ายรำแบบงิ้วเดินออกไป
รวินั่งเหม่อลอยอยู่ภายในบ้าน
“รวิ รวิ อยู่หรือเปล่า” ศิริพรเดินขึ้นมาบนบ้าน ชะเง้อมองหารวิ “อ้าว ก็อยู่นี่ แล้วทำไมไม่เปิดไฟ มานั่งอะไรมืดๆ แบบนี้” ศิริพรเดินไปเปิดไฟ พอหันกลับมาเห็นรวิก็ตกใจ “รวิ มือเธอไปโดนอะไรมาเนี่ย” ศิริพรถลาเข้ามา คว้ามือรวิขึ้นมาดู “โธ่ รวิ เดี๋ยวนะ ชั้นไปเอายามาล้างแผลให้เธอก่อน”
ศิริพรกำลังจะลุกขึ้น แต่รวิคว้าข้อมือไว้ก่อน ศิริพรหันมามองรวิอย่างสงสัย
“ศิริพร มีแต่เธอสินะ ที่คอยห่วงชั้นตลอด มีแต่เธอที่ไม่เคยสนว่าชั้นจะจนหรือจะรวย หรือจะเป็นแค่ไอ้ลิเกจนๆ กระจอกๆ”
“พูดอะไรน่ะรวิ ทำไมดูถูกตัวเองแบบนั้น”
รวิถอนหายใจ หน้าเศร้า
“ก็มันจริงนี่ ชั้นมันก็แค่อดีตพระเอกลิเก ตอนนี้ก็เป็นแค่นักดนตรีกระจอกๆ คนหนึ่ง”
ศิริพรเอื้อมมือมาปิดปากรวิ
“พอได้แล้วรวิ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าใครจะดูถูกเธอแค่ไหน แต่สำหรับชั้น เธอคือคนที่สำคัญที่สุดนะ”
รวิจ้องหน้าศิริพรน้ำตาคลอ ศิริพรเลยถือโอกาสทำเนียนดึงรวิเข้าซบไหล่ตัวเอง แล้วกอดปลอบ ศิริพรเชิดหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
เช้าวันรุ่งขึ้น ชูเกียรติเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากบ่อน ยืนสบถอยู่
“อะไรกันนักกันหนาวะ กี่ตาๆ ก็เสียหมด แล้วนี่เป็นอะไรเนี่ย” ชูเกียรติจับเปลือกตาตัวเอง “กระตุกได้กระตุกดี ฮึ้ย” ชูเกียรติเอามือขยี้ตาตัวเอง แล้วเดินไปจะขึ้นรถ เห็นพวกเด็กจรจัดแถวนั่นมาป้วนเปี้ยนอยู่ เลยตะโกนไล่ “มาเล่นอะไรตรงนี้ ไปห่างๆ รถเลย ไอ้พวกเด็กเวร ไป ไป๊ ชิ่ว”
เด็กพวกนั้นหันมาแลบลิ้น ทำท่าล้อเลียนใส่ชูเกียรติแล้ววิ่งหนีไป ชูเกียรติขมุบขมิบปากด่าตาม แล้วเปิดประตูขึ้นรถเข้าไปนั่งสตาร์ทรถ ชูเกียรติหัวฟัดหัวเหวี่ยงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
ขณะนั้นเดือนนั่งรอชูเกียรติอยู่ที่คอนโดกับป้อม เดือนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู กลัวจะไปสาย
“พี่เกียรตินี่เค้าจะเอายังไงของเค้านะ มารับบ้างไม่รับบ้าง”
ป้อมส่ายหน้าควักกระจกขึ้นมาส่องอีกรอบ ปากก็บ่นไป
“มีผู้จัดการเป็นคนแบบนี้นี่ต้องทำใจ รู้งี้ทีแรกไม่น่าไปเซ็นสัญญากับมันเลย”
“ทำไงได้ล่ะพี่ป้อม เค้าเป็นคนพาเราเข้ามานี่”
“เนี่ย ไม่รู้ว่าโดนมันหักไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พี่ว่าค่าตัวเดือนจริงๆ ต้องได้มากกว่านั้นแน่ แต่มันคงอมไว้เยอะล่ะ”
เดือนส่ายหน้า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีก
“เอาไงดีพี่ป้อม วันนี้เดือนต้องรีบเข้าไปซ้อมงานคอนเสิร์ตด้วย”
“พี่ว่าเดือนคงต้องหาซื้อรถซักคันแล้วล่ะ”
เดือนหันมาดึงกระจกในมือป้อมไปส่องดูตัวเองบ้าง
“ก็อยากอยู่นะ แต่รอเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้หน่อยดีกว่า ถ้าชั้นดังกว่านี้ มีงานเข้ามาเยอะกว่านี้ ชั้นซื้อแน่ ทั้งบ้านทั้งรถ”
“พี่ว่าถ้าเอาเงินในส่วนที่ไอ้รังเกียจนั้นอมไว้ในปากมานะ ป่านนี้เดือนคงดาวน์รถได้แล้วล่ะ”
เดือนส่งกระจกคืนให้ป้อมแล้วลุกขึ้น
“ไปแท็กซี่กันดีกว่าพี่ป้อม เดี๋ยวสาย”
ป้อมพยักหน้าลุกขึ้นกอดคอเดือน
“โอเคค่ะคุณน้อง ไป”
แก้วเดินเชิดเข้ามาในค่ายเพลง เห็นคนทำท่าซุบซิบเม้าท์กันอยู่ บางคนก็ชี้ไม้ชี้มือไปที่คอมพ์
บางคนก็ซุบซิบกัน ดูที่โทรศัพท์ แก้วเลยลอยหน้าลอยตาอยากรู้เข้าไปถาม
“มีอะไรกันเหรอ ดูไรกันน่ะ”
คนอื่นๆ หันมาเห็นแก้วก็ชี้ให้ดู
“อ้าว น้องแก้ว นี่ไง ข่าวของน้องเดือน เป็นประเด็นอีกแล้ว”
แก้วทำเป็นไม่สนใจ แต่ชะเง้อสุดคอมองไปที่คอมพ์
“ข่าวเดือน ทำไมเหรอ ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย”
“ก็นี่ไง ทั้ง FB / IG / TWITTER ที่น้องเดือนเค้าโพสต์ดูถูกแฟนคลับน่ะ”
“ใช่ๆ แล้วนี่ อันนี้เด็ดสุด มีการเพ้อถึงพระเอก MV ของนางด้วย อะไรกัน เพิ่งจะเจอกันเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ เอ๊ะน้องแก้วก็ไปด้วยนี่ เห็นอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า”
แก้วทำเป็นลอยหน้าลอยตา เหมือนไม่อยากจะพูด
“ก็ ก็ มีบ้างอ่ะนะ แต่แก้วไม่อยากจะพูดเลย จริงๆ นะ”
“เถอะน่า เราบริษัทเดียวกันรับรองพี่ไม่บอกใครหรอก”
“ใช่ๆ รับรองพวกเราจะเหยียบเอาไว้เลย”
แก้วแกล้งตีหน้าเป็นคนดี อ้อมแอ้มตอบ
“อืม แต่อย่าไปบอกใครจริงๆ นะ กลัวเดือนเค้าเสียหายน่ะ” ทุกคนพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน “ไม่อยากบอกเลย” แล้วแก้วก็เปลี่ยนสีหน้าจริงจัง “ เดือนน่ะ อู๊ยย ทั้งกระแซะ ทั้งเบียด ยิ่งตอนถ่ายนะ อุ๊ต่ะ มันกรุบกริบมวากก นอกบทสุดๆ ทั้งสีหน้า แววตา ลีลา แข้งขางี้ อู๊ยย นี่แก้วไม่อยากจะพูดนะเนี่ย กลัวเดือนเค้าจะเสียหาย นี่ มีการแลกบงแลกเบอร์ขอไลน์กันด้วยนะ”
กลุ่มคนที่เข้ามาฟัง สีหน้าลุ้นไปด้วยซุบซิบกันใหญ่ แถมมีการกระจายข่าว บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปบอกคนอื่นทันที แก้วกลับมาตีสีหน้าเป็นคนดีอีกรอบ
“ก็ประมาณนี้ล่ะ เนี่ยแก้วเป็นห่วงเดือนจริงๆ นะ”
คนหนึ่งถือโทรศัพท์อยู่ หันมาบอกแก้ว
“น้องแก้วคะ เพื่อนพี่ที่เป็นนักข่าวเค้าอยากถามรายละเอียดน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ เค้าอยากรู้เฉยๆ ไม่เอาไปเขียนหรอก”
แก้วถลาเข้ามาคว้าโทรศัพท์ทันที
“จะดีเหรอ แก้วไม่อยากให้ใครรู้” แก้วบอกแล้วพูดใส่โทรศัพท์ต่อทันที “ฮัลโหล คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ”
เดือนกับป้อมนั่งอยู่บนแท็กซี่ คนขับแท็กซี่มองเดือนผ่านกระจกมองหลัง
“หนูๆ นี่หนูใช่ คนที่เป็นนักร้องหรือเปล่า”
เดือนพยักหน้ายิ้มๆ
“ค่ะ”
“ลุงก็ว่าแล้ว ลูกลุงนะชอบหนูมากเลย ที่บ้านนะ มันเปิดเพลงหนูทั้งวัน”
“อู๊ย ลุง ถ้างั้นก็บอกลูกลุงสิ วันนี้ได้เจอตัวจริง ตัวเป็นๆ เดือน งามพร้อมแล้ว” ป้อมบอก
“ใช่ๆ เดี๋ยววันนี้ลุงจะกลับไปคุยให้มันฟัง รับรองมันต้องอิจฉาลุงแน่ ว่าแต่ลุงขอลายเซ็นหนูหน่อยได้มั๊ย จะเอาไปฝากลูกมันน่ะ เอกระดาษอยู่ไหนน้า”
เดือนพยักหน้ายิ้มรับ เปิดกระเป๋าหยิบปากกาและสมุดเล็กๆ ออกมา
“ได้สิจ๊ะลุง” เดือนจัดการเซ็นแล้วฉีกกระดาษส่งให้ “นี่จ้ะ ฝากบอกน้องให้ช่วยติดตามผลงานของเดือนไปตลอดนะจ๊ะ”
“แน่นอนเลย หนูนี่ใจดีนะ สวยด้วย วันนี้ลูกลุงมันคงดีใจ”
เดือนหันมายิ้มกับป้อม อย่างสบายใจ
อีกด้านหนึ่งที่ร้านกาแฟในตลาด รวินั่งกินกาแฟอยู่ หน้าตายังมีรอยฟกช้ำที่ดูจางไปบ้างแล้ว นัยน์ตาเหม่อลอย ขำเดินผิวปากเข้ามา เห็นรวินั่งอยู่ก็ยิ้มหันไปสั่งกาแฟกับอาแปะ
“อาแปะ เหมือนเดิม นมเยอะๆ” ขำเดินมาตีไหล่รวิอย่างอารมณ์ดี แล้วไปนั่งข้างๆ “คิดถึงเดือนอ่ะดิ”
รวิหันมาจ้องหน้าขำ สีหน้าน้อยใจ
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก” ขำมองหน้ารวิตาปริบๆ อย่างงงๆ “ถ้าอยากจะเป็นเพื่อนกันต่อ ก็อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก”
ขำนั่งเหวอไป พอดีกับที่ศิริพรเดินถือถุงกับข้าวต่างเข้ามา
“รวิ เสร็จแล้วล่ะ เนี่ยมีแต่ของชอบของรวิทั้งนั้นเลย เดี๋ยวเราไปกินที่บ้านของรวิกันนะ”
รวิพยายามสงบอารมณ์ หันไปพยักหน้ากับศิริพร แล้วลุกขึ้น ศิริพรรีบเข้ามาควงแขนรวิทันที รวิก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หันมาบอกขำแทน
“เค้าไม่ได้ใสซื่อแบบที่พวกเราเห็นหรอกนะ เค้ามีอะไรเกินคาดกว่าที่นายคิดไว้เยอะ”
รวิหันกลับ พากันกับศิริพรจะเดินออกจากร้านไป ศิริพรหันมามองขำเชิดหน้ายักคิ้วให้อย่างสะใจ ขำนั่งเหวอเอามือเกาหัวทำหน้างงๆ
“อะไรวะ”
เดือนเดินเข้ามาในค่ายเพลง ทุกคนหันมามองและซุบซิบ เดือนกับป้อมมองหน้ากันอย่างงงๆ แก้วเดินลอยหน้าลอยตาเข้ามาหา
“เดือน เพิ่งมาเหรอ เนี่ยเค้ารอเธอกันอยู่นะ”
เดือนมองแก้วอย่างสงสัย
“อือ เดี๋ยวชั้นก็กำลังจะไปที่ห้องซ้อม”
แก้วส่ายหน้าทำเว่อร์
“อุ๊ย ไม่ใช่ห้องซ้อม โน่น ห้องของเสี่ย พี่เกียรติเค้าก็อยู่ในนั้นแล้ว ไปเร็วๆ เข้าเถอะ แล้วก็ตอบดีๆ ล่ะ เสี่ยเค้าอาจจะใจเย็นลงบ้าง”
ป้อมแทรกเข้ามา
“พูดอะไรของแก จะหาเรื่องอะไรอีก”
แก้วยักไหล่ทำท่าไม่รู้เรื่อง
“อุ๊ย ชั้นจะไปหาเรื่องอะไรทำไม ปกติชั้นก็ชอบอยู่สงบๆ พี่ก็รู้”
“แกน่ะเหรอ”
เดือนเอามือห้ามป้อมไว้
“พอแล้วพี่ป้อม เราเข้าไปพบเสี่ยดีกว่า”
“ดีแล้วจ้ะเดือน รีบๆ เข้าไปเถอะ เสี่ยจะได้ไม่อารมณ์เสียไปกว่านี้ อ้อ แต่เสี่ยเค้าให้เธอเข้าไปคนเดียวนะ พวกผี พวกประหลาดน่ะ เสี่ยเขาไม่ให้เข้า...” แก้วชายตามามองป้อม ป้อมง้างมือขึ้นตรงเข้ามาหาแก้ว
“อีนี่ วอนโดนแต่เช้า”
“พี่ป้อม”
เดือนหันไปมองป้อมส่ายหน้า ห้ามเอาไว้ ป้อมเลยหันไปทำท่าทำทางอย่างเดียว
“เดี๋ยวเดือนเข้าไปพบเสี่ยก่อนนะ”
“อือ เดี๋ยวพี่รออยู่ข้างนอกนี่ล่ะ เผื่อจะได้ตบคน”
เดือนพยักหน้ารับ ชายตาไปมองแก้วนิดหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
เดือนเปิดประตูห้องทำงานเสี่ยวาทินเดินเข้ามา เห็นเสี่ยวาทินนั่งอยู่สีหน้าโกรธจัด ชูเกียรติยืนหน้าจ๋อยอยู่ มีทีมงานอีกคนยืนอยู่ด้วย
“มาแล้วเหรอ เธอนี่ขยันสร้างเรื่องจริงๆ นะ”
เดือนทำหน้างงๆ หันไปมองชูเกียรติที่เอาแต่หลบตาอยู่กับคนอื่นๆ
“มีอะไรเหรอคะ เดือนทำอะไรผิดไปเหรอคะ”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ทำอะไรไว้ล่ะ”
เดือนทำหน้างงกว่าเดิม
“เดือน เดือนเล่นพวกโซเชียลทำไมไม่บอกพี่” ชูเกียรติถาม
“เล่นไม่เท่าไหร่ แต่ที่ไปโพสต์แต่ละอย่างนี่สิ” ทีมงานบอก
“ยังไงกันคะ เดือนงงไปหมดแล้ว”
“จะอะไรซะอีกล่ะเดือน มันเรื่องอะไรถึงไปโพสต์แบบนั้น แล้วนี่อีก ทำไมไปพาดพิงคนอื่นเค้า”
ชูเกียรติเปิดโทรศัพท์ส่งให้ เดือนรับมาดูอย่างงงๆ แล้วอ่านออกเสียงดังๆ
“เห็นแฟนคลับนักร้อง น.แล้วอิจฉาจัง ไฮโซทั้งนั้น’ ‘ เห็นแฟนคลับตัวเองแล้วเพลีย ตจว.มากมาย” เดือนเงยหน้ามองทุกคน
“ว่าไง”
“เดือนไม่รู้เรื่องนะคะ เดือนเล่นพวกนี้ไม่เป็น”
ชูเกียรติรับโทรศัพท์คืนมา แล้วมองหน้าเดือน
“เดือนจะบอกว่ามีคนแกล้งเดือนงั้นเหรอ”
“เดือนไม่รู้ค่ะ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่ของเดือนนะคะ”
“แล้วอันอื่นล่ะครับ ทั้ง FB ,IG ถ้าเป็นคนอื่นเค้าจะโพสต์หรือลงทั้งเวลา ทั้งรูปที่ไปทำงานแต่ละที่ได้ยังไง แม้แต่ เอ่อ งานนอกที่เดือนไป”
ชูเกียรติหลบตาก้มหน้าทันที
“พูดถึงเรื่องนี้ นี่คุณแอบรับงานนอกไม่ผ่านบริษัทใช่มั๊ย คุณรู้มั๊ยทำแบบนี้มันผิดสัญญาร้ายแรงนะ” เสี่ยวาทินบอกเสียงเข้ม
“ก็พี่ชูเกียรติ...”
เดือนหันไปมองชูเกียรติจะถาม ชูเกียรติเลิ่กลั่กแกล้งทำเป็นโวยวาย
“เดือน ทำไมเดือนทำแบบนี้ พี่บอกแล้วไง จะไปงานที่ไหนต้องบอกพี่ ต้องผ่านบริษัท”
เดือนตาโต จ้องหน้าชูเกียรติอย่างโกรธจัด
“พี่เกียรติ”
“เนี่ยดูซิ เสียมาถึงพี่ด้วยเลย ต้องขอโทษเสี่ยด้วยนะครับ เดือนแกอาจจะยังไม่รู้กฎระเบียบดี”
“ไม่รู้ได้ไง ในสัญญาก็มีระบุไว้ ไม่ได้อ่านกันเหรอ”
“ขอโทษจริงๆ ครับเสี่ย ต่อไปผมจะดูแลให้ดีกว่านี้ ให้โอกาสเด็กมันซักครั้งนะครับเสี่ย”
เดือนจ้องหน้าชูเกียรติ โกรธจัดจนพูดไม่ออก
อ่านต่อตอนที่ 13