พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 12
จำเนียรไม่พอใจต่อว่าอาทิตย์
“อะไร ทำไมนายกล้าพูดจารุนแรงแบบนี้กับคุณหาญล่ะ อาทิตย์”
“คุณแม่ครับ เปล่าเลยนะครับ”
“เห็นไหม คุณก็ได้ยินใช่ไหม ว่ามันด่าผม หนอย ไอ้คนกลับกลอก ไปเลย จะไปไหนก็ไป”
“ทำไมผมต้องไป พี่หาญไม่อยากให้ผมคุยกับเมียพี่ใช่ไหม”
“อ๊าย ทำไมเธอเรียกท่านหาญแบบนั้น พี่หาญเหรอ เธอเรียกพ่อตาว่าพี่! ทำไมลามปามผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ มันสมควรแล้วเหรอ”
อาทิตย์อึ้ง พูดไม่ออก รู้ว่าพลาดไปซะแล้ว มัทนีเดินมาพอดี
“อะไรกัน ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ ทำไมยังไม่เลิกเสียงดังกันอีก” มัทนีถลึงตาใส่อาทิตย์
“ผมเปล่า”
“น่าน คำแรกที่พูดกับเมีย คือผมเปล่าๆ ดูไว้นะ แม่จำเนียร มัทนี นี่ล่ะ คำติดปากของผู้ชายโกหก”
“ผมเปล่า”
“นั่นไงๆ พูดยังไม่ทันขาดคำ”
“เออ ตกลง แล้วเรื่องที่นายกับคุณลิ้นจี่จะพูดอะไร มันคืออะไรนะ” จำเนียรถามขึ้นมา
“พอเถอะ คุณจำเนียร ไปกันดีกว่ายัยมัท พ่อไม่อยากฟังอะไรจากปากนายอาทิตย์อีกแล้ว พ่อไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว นรีกำลังอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเท่ากันเราอย่ามาทะเละกันเลย มันไม่ดี” หาญรีบตัดบท
“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ”
“ก็อย่างนั้นน่ะสิ ไปเถอะค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ เราเป็นสุภาพชน อย่าทำตัวรบกวนส่วนรวมในโรงพยาบาลเหมือนพวกอันธพาลเลยค่ะ” มัทนีพูดใส่หน้าอาทิตย์แล้วพาพ่อกับแม่ไป อาทิตย์ยิ่งแค้น
ทันใดมีเสียงร้องไห้ดังมาจากทางหนึ่ง ทุกคนตกใจหันไป ตู้กับปุยฝ้ายวิ่งเข้ามา
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นรีต้องไม่ตายๆ”
“นรี นรีเป็นคนดี ทำไม ทำไม พระเจ้าไม่ยุติธรรมๆ ฮือๆ”
“ยัง” มัทนีกับอาทิตย์พูดพร้อมกัน ทั้งคู่มองหน้ากัน นึกขึ้นได้ เมินไปคนละทาง
“อะไรนะ”
“ยังไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น”
“หา อะไรนะ แล้วตอนนี้ นรี ยังปลอดภัยดีหรือเปล่า”
มัทนีพาตู้ ปุยฝ้าย มานั่งด้านหนึ่ง
“หมอเค้ากำลังพยายามช่วยอยู่ ใจเย็นๆ นะ อย่าร้องห่มร้องไห้แบบนี้ มันจะเป็นลางไม่ดี” มัทนีเอาทิชชู่ให้ทั้งสองเช็ดน้ำตา
“จ้ะๆ ชั้นจะพยายาม บ้าจริง คนที่มหาวิทยาลัยโทรไปบอกว่ายัยนรีตายทั้งกลม”
“พรุ่งนี้แม่จะไปตบซะให้ปากบวมเลย ชั้นยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย ผีท้องกลมดุจะตาย แล้วถ้ายัยนรีเป็นผี มันจะต้องมาหาพวกเราแน่ๆ”
“อะไร เธอสองคนนี่ หยุดพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลได้แล้ว”
“นั่นสิ สาธุ ถ้านรีและลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ลูกช้างจะแก้ผ้ารำรอบคณะฯเลยค่ะ”
“บนแล้วต้องทำนะ ยัยเบื๊อก ไม่งั้น มันจะเกิดผลร้ายทีหลัง”
“ไม่แน่จริง ไม่กล้าบนย่ะ”
ทันใด มีเสียงร้องเพลงเบาๆ ดังมาจากพวกผู้ชาย พวกอาทิตย์ อเนก โมกข์ แท่น โทนี่ ยืนจับมือกัน ร้องเพลงปลุกใจเบาๆ คลอๆ กัน ซึ้งๆ
“ต้นตระกูลไทย ใจท่านเหี้ยมหาญ รักษาดินแดนไทย ไว้ให้ลูกหลาน สู้จนสูญเสีย แม้ชีวิตของท่าน เพื่อรักษาบ้าน เมืองไว้ให้เรา ลุกขึ้นเถิด พี่น้องไทย อย่าให้ชีวิตสูญเปล่า รักชาติ ยิ่งชีพของเรา เหมือนดังพงษ์เผ่า ต้นตระกูลไทย”
ตู้ มัทนี ปุยฝ้ายหันไปดู
“อะไรของเค้าอ่า”
“เดาว่า ร้องเพลงปลุกใจให้ฮึกเหิม”
“มันใช่เหรอ”
พอดีหมอเดินออกมา
“คุณอเนกครับ สามีคุณนรีครับ” ทุกคนหันไป เงียบกริบ หมอถอดหน้ากาก ยิ้มกว้าง “มาดูลูกชายที่ดิ้นเก่ง เสียงดัง กับภรรยาที่แสนกล้าหาญและอดทนของคุณสิครับ เชิญครับ”
อเนกงงอยู่พักหนึ่ง แล้วหัวเราะร่าขึ้น ทุกคนเฮ อเนกรีบเข้าไปนรีกับลูก
ในห้องคลอด นรีหันมา เจออเนกที่เดินยิ้มเข้ามา นรียื่นมือออกไป อเนกเข้ามาจับ บีบมือกัน ต่างน้ำตาไหล
“เจ็บมากไหม ที่รัก”
“ตอนแรกเจ็บ ตอนนี้ยังชาอยู่เลยค่ะ หมอเขาบล็อกหลัง”
“คุณเก่งที่สุด คุณคือวีรสตรี คุณเป็นไอด้อลของผม”
“ขอบคุณค่ะ ที่รัก”
พยาบาลอุ้มทารกที่ทำความสะอาดแล้ว พันตัว โผล่แต่หน้า มองไปมองมา ตาแป๋วๆ เข้ามา
“น้องหิวนมแล้วค่ะ คุณแม่ต้องให้นมน้องแล้ว”
นรีหันไปรับลูกมา ท่าทางตื่นเต้น อเนกดีใจสุดๆ
“ลูกๆ จริงๆ ด้วย ของจริง สดๆ ตัวเป็นๆ เจ๋งมากเลยอ่า”
นรีเอานมให้ลูกกิน ลูกกินนมอย่างสงบ ตามองตาแม่แป๋ว
“ชั้นทำได้ๆ ชั้นทำสำเร็จแล้ว”
“เราทำได้ๆ ชีวิตเราเปลี่ยนไปแล้ว สถานภาพของเรา ไม่ใช่แค่ผัว เมีย แต่มันคือพ่อ-แม่”
“แต่เรายังไม่ได้สรุปชื่อลูกเลยนะคะ”
“นั่นสิ ที่เราจดไว้ ประมาณ 150 ชื่อ แต่เรายังตัดสินใจไม่ได้นี่นา”
“เอาชื่อเล่นก่อนก็ได้ค่ะ”
“เอาอะไรดีๆ”
“น้อง ลูก”
“อะไรนะ”
“น้องลูก”
“ตกลง เป็นน้อง หรือเป็นลูก”
ทั้งสองหัวเราะกัน
วันต่อมาที่บ้านมัทนี อาทิตย์เข้ามาเก็บของในห้องนอน เอาใส่กระเป๋าลวกๆ
“ทำอะไร” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“จะสนใจทำไมครับ ไปเตรียมจ้างหนังกลางแปลง ติดต่อซื้อพลุมายิงฉลองดีกว่า”
“ชั้นถามดีๆ นะ”
หาญรีบตามเข้ามา กีดกันไม่ให้อาทิตย์คุยกับมัทนีมาก ขับไล่อาทิตย์
“เก็บของเสร็จแล้วก็รีบออกไป ไม่ต้องทำพิรี้พิไรกระบิดกระบวน อย่าหวังว่ายัยมัทจะใจอ่อนง้อแกให้อยู่ต่อ”
อาทิตย์หมั่นไส้หาญ
“คุณมัทครับ ผมมีอะไรจะบอก”
“แกจะพูดอะไรอีก มัท อย่าไปเสียเวลาฟังเรื่องไร้สาระจากปากมัน พวกความลับเยอะ แปลว่าไม่ซื่อสัตย์ คำพูดอะไรที่ออกจากปากมันก็คำโกหกทั้งนั้น เชื่อพ่อ” อาทิตย์อึ้ง
“คุณพี่หาญพยายามจะเขี่ยผมออกจากบ้านให้ได้เลยนะครับ ยุให้หย่าซะเลย ดีไหมครับ”
“หยุดนะ หยุดลามปาม ปีนเกลียวเรียกพ่อชั้นว่าพี่แบบนั้นซะที”
“อ๊าว ก็เค้าเองนั่นแหละที่บอกให้...”
“มัทนี อย่าไปฟังมัน”
หาญรีบขัด
“หนูไม่ฟังอยู่แล้วค่ะพ่อ แล้วไม่ต้องมาทำเป็นท้าเรื่องหย่า คนดูถูกดูหมิ่นบุพการีอย่างคุณ ชั้นย่อมอยากหย่าอยู่แล้ว” อาทิตย์อึ้ง
“จริงเหรอ”
“จริงซี้ อยู่กันไปก็เหนื่อยเปล่า”
“ต้องให้ผมทำตัวเหมือนคุณพ่อคุณใช่มั้ย คุณถึงจะไว้ใจ”
“ทำได้หรือเปล่าล่ะ”
“งั้นผมทำไม่ได้” อาทิตย์ตัดบท “อยากหย่าวันไหน บอกมาแล้วกัน”
อาทิตย์จะเดินออกไป
“ได้ พรุ่งนี้ ที่เขต เก้าโมงเช้า”
“ได้เลย อย่าเลทละกัน รถมันติด”
จำเนียรเข้ามา
“ชั้นผิดหวังนะที่มองเธอผิด คนที่คิดจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน ต้องรู้จักปรับปรุงตัว ให้เกียรติ ให้ความเคารพกันและกัน แต่เธอกลับทำไม่ได้” อาทิตย์ไม่อยากจะฟังอะไรอีก กลัวห้ามปากไม่ได้ ยกมือไหว้ลา แล้วเดินออกมา “ดูๆ อุตส่าห์เตือนให้คิด”
“คนมันคิดไม่ได้ เป็นบัวใต้ตม เลิกกันไปก็ดีแล้ว”
มัทนีเศร้า ใจหายวาบ
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่โวยวายเมื่อรู้ว่าอาทิตย์จะเลิกกับมัทนี
“แกจะหย่า หย่าทำไม เพราะอะไร”
อาทิตย์นอนพักผ่อนอยู่ที่โซฟา อย่างเซ็งๆ
“มัทนีเขาอยากหย่า”
“แล้วแกก็ยอม”
“ก็เค้าอยาก แล้วผมยังไงก็ได้ แล้วแต่เค้า อย่าไปสนใจเลยครับแม่ ไว้ผมจะหาลูกสะใภ้ใหม่ให้นะครับ เอาแบบออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่มีพ่อแม่เลย น่าจะโอ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนที่ควรจะถูกอัปเปหิออกจากบ้านนั้นควรจะเป็นอีตาเฒ่าหัวงูหาญ ทำผิดศีลธรรมแล้วยังมีหน้ามาโยนบาปให้ลูกของแม่รับกรรมแทนอีก เกินเยียวยาที่สุด แม่จะโทรไปหาคุณจำเนียร”
อาทิตย์รีบลุกมาห้าม
“อย่านะครับแม่”
“แม่จะไม่ยอมให้ใครเข้าใจลูกผิด คุณจำเนียรต้องรู้ความจริง”
“ผมขอล่ะครับ มัทนีเขาก็ไม่ได้รักอะไรผมมากมายอยู่แล้ว ผมแค่มาได้จังหวะที่เขามีปัญหากับไอ้นั่น”
“แล้วยอมให้เค้าเข้าใจลูกผิดแบบนี้เหรอ”
“ช่างเถอะครับ ผมไม่มีความหมายอะไรหรอก ผมเป็นคนนอก พวกเขาก็อยู่ของเขามาดีๆ เราก็แค่ถอยออกมา ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขตามเดิม”
“อยู่ต่อไปด้วยการโกหกเนี่ยนะ มันจะสุขไปอีกนานแค่ไหน ถ้าลูกไม่กล้าพูด แม่เอง”
“ผมไม่อยากให้โลกสวยของมัทนีเค้าต้องถล่มทะลาย”
“แกต้องบอกความจริงกับหนูมัท ให้เขารู้และช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่รวมหัวกับคนผิดเพื่อหลอกลวงคนที่แกรัก”
“แม่ครับ”
“จะบอกเองหรือให้แม่บอก”
ลิ้นจี่จริงจัง ไม่ประนีประนอม อาทิตย์เครียด เซ็ง ลำบากใจ โทรศัพท์ของลิ้นจี่ดังขึ้น ลิ้นจี่ดูเบอร์
“เบอร์คุณจำเนียร”
“แม่ครับ”
ที่บ้านมัทนี จำเนียรเดินแยกออกมาพูดโทรศัพท์ที่อีกด้าน
“ความจริงดิฉันก็ไม่อยากให้มันลงเอยอย่างนี้นะคะ ดิฉันอยากให้ลูกสาวมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนคนทั่วไป แต่ในเมื่ออาทิตย์ทำไม่ได้ แล้วเด็กสองคนก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหย่า ดิฉันก็แล้วแต่พวกเขา คุณนายลิ้นจี่ คิดว่ายังไงคะ”
“ที่คุณบอกว่าอาทิตย์ทำไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ค่ะ”
“ก็ทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เคารพและให้เกียรติภรรยาด้วยการซื่อสัตย์ ในเมื่ออาทิตย์ยังไม่ยอมทิ้งลายเสือ ยังควงแม่พลอยดาราไฮโซคนนั่นไปไหนมาไหน ดิฉันรับไม่ได้ค่ะ”
“ลูกชายชั้นไม่ได้ทำตัวอย่างนั้น คุณหาญต่างหาก”
“แม่ครับ” อาทิตย์พยายามจะห้ามแต่ลิ้นจี่ไม่สนใจ
“คุณหาญ?” จำเนียรชักไม่พอใจ “ทำไมคะ ตั้งแต่วันก่อนแล้ว ทั้งคุณทั้งพ่ออาทิตย์ ดูจะมีปัญหากับสามีดิฉันมาก พูดมาเลยตรงๆ ดีกว่า”
“อยากให้พูดตรงๆ เหรอ ได้ เตรียมยาดมก่อนมั้ยคะ”
“พูดมาเลย คุณหาญทำไม”
อาทิตย์รีบผวาจับมือลิ้นจี่เอาไว้ ขอร้อง
“แม่ครับ ผมขอร้อง ให้เรื่องมันจบๆ ไป”
จำเนียรได้ยินเสียงอาทิตย์
“ทำไม มีอะไร พูดออกมา”
ลิ้นจี่อยากพูดใจจะขาด
“ชั้นยืนยันว่าลูกชายของชั้น ดีกว่าที่คุณคิดเอาไว้มาก และถ้าคุณยังพอจะมีสติสตังเหลืออยู่บ้าง ช่วยกลับไปมองสามีตัวเองก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาว่าคนอื่น แต่ถ้าคุณมืดบอดเลอะเลือนจนมองไม่เห็นว่าอะไรดีอะไรเน่า ไม่ใช่แค่อาทิตย์จะหย่ากับหนูมัท แต่ชั้นจะเลิกคบคุณด้วย”
ลิ้นจี่วางสาย อย่างหงุดหงิด อาทิตย์เครียด
จำเนียรงง ไม่เข้าใจที่ลิ้นจี่พูด
“อะไรนะ ท้าเลิกคบกันเลยเหรอ เอ แต่มีอะไรแปลกๆ ยังไงไม่รุ พูดจามีลับลมคมในทั้งแม่ทั้งลูก”
จำเนียรชักเริ่มสงสัย
หาญแอบมาหลบคุยโทรศัพท์ พอเห็นทางสะดวกก็รีบกดรับสาย
“ว่าไงคะลูก อ้าวๆ ลูกผึ้ง ลูกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมคะ”
น้ำผึ้งร้องไห้อยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง
“พี่ พี่มันเผา น้ำผึ้งสงสารพี่มันเผา ฮือๆ”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าให้พ่อฟังนะคะ”
“แม่พี่มันเผาถูกรถชนเมื่อคืน ตอนนี้อยู่ไอซียู เป็นตายเท่ากัน พี่มันเผาร้องไห้ น้ำผึ้งสงสาร น้ำผึ้งช่วยอะไรพี่เค้าไม่ได้เลย”
“ลูกก็ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่เค้าสิ”
“มันไม่พอ พี่มันเผาไม่มีเงินรักษาแม่ ตั้งหลายแสน ต้นสังกัดก็ไม่ให้ บอกว่าพี่มันเผาไม่ใช่คนชนะที่1 ไม่ใช่แชมป์ เค้าไม่สนับสนุน ฮือๆ น้ำผึ้งอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ช่วยพี่มันเผา ฮือๆ ถ้าแม่พี่มันเผาเป็นอะไรไป น้ำผึ้งจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย ฮือๆ”
“อย่าคิดอย่างนั้น มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูก”
“ถ้าแม่พี่มันเผาเป็นอะไรไป แล้วหนูจะอยู่ยังไง” น้ำผึ้งคร่ำครวญมากๆ “หนูทำให้แม่พี่มันเผาตาย หนูมันเลว”
“อย่าเพิ่งร้องๆ ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ตั้งสติดีๆ รอพ่อก่อนนะคะ เดี๋ยวพ่อไปหา”
อยู่ๆ จำเนียรเข้ามา
“มาแอบคุยโทรศัพท์กับใคร”
หาญสะดุ้ง ตกใจ รีบกดตัดสายมือถือ
“แม่จำเนียร”
หาญเดินแยกออกมา หาคำอธิบาย
“เพื่อนที่นั่งสมาธิด้วยกันโทรมา เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาโทรมาเชิญให้ผมไปบรรยายวิชาศีลธรรมกับการประยุกต์ใช้ในชีวิต”
“คุณจะไปสอนเด็กมหาวิทยาลัย?”
“มันบอกว่าอาจารย์ที่รับปาก ยกเลิกกะทันหัน มันไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เฮ้อ ผมไม่อยากไปเลยคุณจำเนียร”
“งั้นก็ไม่ต้องไป ติดต่อฉุกละหุก ใครจะไปเตรียมตัวทัน”
“แต่การให้การศึกษาคน เป็นบุญใหญ่นะ ดีกว่าให้เงินให้ทองเป็นไหนๆ ผมควรจะคว้าไว้”
“คุณไม่คว้าบุญนี้ คุณก็สร้างบุญอื่นๆ อยู่ดี”
“แต่ แต่ว่าวันนี้ผมนั่งสมาธิ ผมเห็นภาพนิมิตว่ามีลูกพลังบุญลอยผ่านมา ใครๆ แถวนี้พยายามจะคว้าแต่คว้าไม่ได้ มันลอยมาที่มือของผมเลย แล้วพอผมกำมัน ตู้ม มันก็ระเบิดทุกอย่างก็เรืองรองกลายเป็นสีทองเหมือนโกโก้ครันช์ ครอบครัวเราจะมีแต่ความสุขความเจริญ แล้วเพื่อนผมก็โทรมา มันต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ผมจะปล่อยโอกาสไปไม่ได้”
“งั้นชั้นไปด้วย”
“คุณจะไปทำไม แดดก็ร้อน แล้วนักศึกษาสมัยนี้ทั้งเกรียนทั้งกวนประสาท คุณจะอารมณ์เสียเปล่าๆ อยู่บ้านแหละดีแล้ว”
จำเนียรแปลกใจ และสงสัย
“อืม ก็จริง คุณไปเถอะ ชั้นจะไปตากแดดทำไม”
“ถูกแล้ว คุณอยู่ในช่วงต้องถนอมคอลลาเจ้นเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น งั้นผมไปนะ รีบไปจะได้รีบกลับ”
หาญรีบออกไปเลย จำเนียรสงสัย ข้องใจ มัทนีเพิ่งออกมา เห็นหาญกำลังไป
“นั่นพ่อไปไหนคะแม่”
“แม่ก็อยากรู้เหมือนกัน”
จำเนียรคิดตามไป
อีกด้านหนึ่งที่สระว่ายน้ำของสปอร์ตคลับ พวกเพื่อนๆ อาทิตย์ต่างพากันดีใจ
“แกจะหย่ากับมัทนี”
“เราได้หัวหน้าแก๊งกลับมาแล้ว”
แท่นกับโทนี่ดีใจมาก กอดกัน อเนกเข้ามาถีบทั้งคู่ตกน้ำตู้ม
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย พวกแกดีใจได้ไงวะ เพื่อนกำลังมีปัญหาครอบครัวนะเว้ย”
โทนี่โผล่พ้นน้ำมา
“ชั้นไม่ได้สมน้ำหน้าไอ้อาทิตย์ ชั้นก็แค่คิดถึงวันเก่าๆ ที่มีแค่พวกเรา ไปไหนมาไหนได้อย่างมีอิสรภาพ”
“ไม่เหมือนทุกวันนี้ จะไปไหนทีก็ต้องมารอเช็กคิวขออนุญาตเมียก่อน”
“ห้ามดื่ม ห้ามกลับดึก ห้ามค้างคืน ห้ามๆ มันก็เพราะเมียพวกแกทั้งนั้น ชั้นเกลียด เกลียดเมียพวกแกทุกคน”
“เกลียดเมียชั้นเหรอ ไอ้พวกไม่รู้จักโต แกกล้าเกลียดเมียชั้นเหรอ”
“เออ เกลียดนรี เกลียดปะการัง เกลียดมัทนี”
“เราเกลียดชะนี ชะนีออกไปๆ อร๊าย”
“แกตาย”
อเนกกระโดดน้ำตามไปอีกคน ไล่เอาเรื่องแท่นกับโทนี่ วุ่นวายแบบขำๆ อาทิตย์ยังคงนั่งเซ็ง กดมือถืออยู่
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 12 (ต่อ)
“แกจะหย่าจริงเหรอวะอาทิตย์” โมกข์ถาม
“เออ” มีคนรับสาย “ฮัลโหล เหน่งเหรอ คุณมัทอยู่ไหม บอกเขาทีว่าชั้นจะโทรมานัดเรื่องหย่า”
เหน่งกำลังพูดสายอยู่ โหน่งทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
“คุณอาทิตย์ เอ่อ คุณมัท ไม่อยู่ค่ะ”
“ไปบอกทำไมว่าไม่อยู่” โหน่งต่อว่าเหน่ง
“เอ่อ คุณมัทอยู่ค่ะ” เหน่งเปลี่ยนคำพูด
“แกโกหกตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
“ฮึ่ยแล้วจะเอายังไง จะให้พูดยังไง”
“ก็ทำไมไม่ตอบไปกลางๆ ว่าคุณมัทไม่สะดวก มีอะไรให้ฝากไว้ ไม่ใช่ไปบอกความจริงเขาหมด แล้วก็มาโกหก มันไม่เนียน”
“แล้วถ้าเค้าถามว่าทำไมคุณมัทไม่สะดวกรับสายล่ะ”
“ก็ตอบอะไรไปก็ได้ แต่อย่าบอกว่าออกไปตามคุณผู้ชายกับคุณจำเนียรแค่นั้นพอ”
อาทิตย์ได้ยินทุกอย่าง
“ตอนนี้คุณมัทไม่สะ...”
“คุณมัทไปตามพ่อเค้าที่ไหน บอกชั้นมา”
“ที่ห้างค่ะ รู้สึกจะเป็นที่...”
อาทิตย์ฟังๆ อึ้ง พอวางสายก็รีบร้อนจะไป
“เฮ้ย แกจะไปไหน”
“พวกแกหยุดตีกันได้แล้ว ชั้นมีเรื่องจะให้ช่วย ขึ้นมาแต่งตัวเร็ว”
อาทิตย์เดินนำไปก่อน พวกเพื่อนๆ งง
หาญเดินเข้ามาในบริเวณห้าง จำเนียรกับมัทนีตามมา
“ไหนบอกว่าต้องไปสอนมหาวิทยาลัย โกหกเหรอคุณหาญ”
“หรือที่คุณนายลิ้นจี่บอกกับแม่ว่าให้จับตาดูพ่อดีๆ เพราะเค้ารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับพ่อ นี่คือเรื่องที่เค้าและนายอาทิตย์พยายามจะบอกเรา”
“ตามไป เดี๋ยวก็รู้ใครโกหก”
จำเนียรรีบตามหาญไปห่างๆ
หาญกำลังรีบเดินไปตามทาง จะรีบไปหาน้ำผึ้ง จำเนียรตามเดิมห่างๆ มือถือของหาญดัง หาญหยิบมาดูเบอร์
“นายอาทิตย์ จะโทรมาแป๊ะอะไรตอนนี้” หาญกดตัดสายทิ้ง
อาทิตย์เพิ่งมาถึงหน้าห้าง ร้อนใจ พวกเพื่อนๆ มาด้วย
“จะตายอยู่แล้วยังกล้าตัดสายอีก” อาทิตย์โทรอีก รีบเดินไป
หาญเดินเข้ามา มือถือยังดังอีก
“อะไรกันนักกันหนา” หาญรับสาย “ฮัลโหล”
น้ำผึ้งเป็นคนโทรเข้ามา
“คุณพ่อจะมามั้ยคะ น้ำผึ้งไม่ไหวแล้ว มันเศร้า ห่อเหี่ยว ฮือๆ”
“มาถึงแล้วจ้ะ กำลังไปหา ลูกอยู่ตรงไหน ได้ๆ รอแป๊บเดียวนะคะ” หาญวางสาย มือถือดังอีก หาญดูเบอร์ “ไอ้อาทิตย์ ไม่รับ” หาญกดตัดสาย มือถือของหาญดังอีก “อะไรกันนักกันหนาเนี่ย” หาญดูเบอร์ แล้วรีบกดรับ “คุณจำเนียร เอ้อ ผมลืมโทรบอก มาถึงมหาวิทยาลัยแล้วนะ สายแล้ว ขอตัวไปสอนก่อนนะ” หาญรีบวางสายเดินไป
จำเนียรอึ้งที่หาญโกหก
“คุณพ่อว่าไงคะแม่”
“พ่อบอกมาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ฮึ่มม เดี๋ยวนี้กล้าโกหกเหรอคุณหาญ”
“พ่ออาจจะมีเหตุผลนะคะ แม่”
จำเนียรรีบตามต่อไป
หาญเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาอีกด้าน มือถือยังดังไม่หยุดจนทนรำคาญไม่ไหวต้องกดรับสาย
“แกจะโทรมาทำไมมากมายนายอาทิตย์” หาญชะงัก “แกว่าอะไรนะ คุณจำเนียรตามชั้นมา แกอย่ามาปัญญาอ่อน” หาญหันมองไปรอบๆ มุมนั้นมุมนี้ แต่ไม่พบจำเนียรเลย “แกจะหลอกชั้นเพื่ออะไร”
“ผมไม่ได้หลอก แต่ถ้าไม่อยากตาย รีบออกไปจากห้างเร็วที่สุด”
“ทำไมชั้นต้องเชื่อแก”
พูดไม่ทันขาดคำ หาญก็ผงะแทบหัวใจหยุดเต้น เพราะเห็นที่ม้านั่งพักระหว่างทาง ซึ่งมีผู้ชายนั่งอยู่หัวเก้าอี้ ถัดไปจากผู้ชายมีผู้หญิงอีก 2 คนนั่งอยู่คือจำเนียรกับมัทนีที่อาศัยผู้ชายตัวโตบัง หาญเห็นช่วงเท้า ขา ก็เดาออกได้เลยว่าคือจำเนียร
“ใช่ หัวเข่าขาดคอลลาเจน แม่จำเนียรแน่ๆ”
น้ำผึ้งวิ่งมาแต่ไกลพอดี
“คุณพ่อคะ” น้ำผึ้งส่งเสียงดังมา หาญผงะ รีบกลับหันหลังให้น้ำผึ้ง แล้วเดินแยกหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว น้ำผึ้งงง
“พ่อไปแล้วค่ะแม่ ไปๆ”
จำเนียรกับมัทนีรีบตาม
หาญเดินจ้ำหนี จำเนียรรีบตามไม่หยุด หาญพยายามคุยกับอาทิตย์ไปด้วย
“แกอยู่ไหน แกมาช่วยชั้น ชั้นเดินหนีอยู่เนี่ย” หาญหลบเข้าร้านเสื้อ “รู้แล้วว่าอย่าหลบเข้าห้องน้ำ ชั้นไม่โง่หลบเข้าทางตันหรอก ตอนนี้เข้ามาหลบในร้านเสื้อ ทางเข้าออกมี” หาญเพิ่งดูดีๆ แล้วตาเหลือก “ทางเดียว” หาญกำลังจะออกไป แต่จำเนียรกับมัทนีสวนมา “เฮ้ย”
หาญรีบวกกลับเข้าไป มัทนีเห็นพอดี
“ในร้านเสื้อค่ะแม่”
มัทนีกับจำเนียรรีบตามเข้าไป หาญถอยๆ ไปหลบ จนมุม มัทนีกับจำเนียรมองหา อาทิตย์โผล่มาดึงหาญให้หลบมาอีกด้าน
“เฮ้ย”
“ชู่ว์”
“แก แกพาชั้นออกไป”
“จะขู่ให้มัทนีเลิกกับผมอีกเหรอครับ ขู่เลยครับ”
“แก ช่วยชั้นด้วย” เสียงหาญอ่อนลง
มัทนีกับจำเนียรมองหา สักพักจำเนียรเห็นหลังคนมุดๆ ก้มๆ หลบๆ อยู่อีกด้าน จำเนียรมั่นใจมาก
“ยัยมัท นั่น” จำเนียรกับมัทนีรีบไปดักคนที่มุดๆ นั้น “คุณมาทำอะไรที่นี่คุณหาญ”
แต่ปรากฏว่าคนที่เงยขึ้นมาคือโมกข์กับโทนี่
“พวกคุณ”
“อ้าว คุณมัทนี คุณจำเนียร มาช้อปปิ้งเหรอครับ เหมือนกันเลย”
“พวกคุณมาช้อปปิ้ง เสื้อผ้าผู้หญิง”
“นี่ อย่าบอกนะว่าพวกเธอ มารวมหัวกันกับสามีชั้น” จำเนียรถามเสียงเข้ม
“สามี? อะไรเหรอครับ”
ขณะนั้นหาญกับอาทิตย์กำลังหลบออกไปนอกร้าน มัทนีหันมาเห็นแว่บๆ
“คุณแม่คะ”
มัทนีกับจำเนียรกำลังจะตาม แต่แท่นกับอเนกตามเข้ามาทักทายถ่วงเวลาไว้ก่อน
“คุณป้าจำเนียร มัท สวัสดีครับ จะรีบไปไหนครับ”
“เจอพอดี รบกวนช่วยผมเลือกซื้อชุดใหม่ให้ลูกชายหน่อยสิครับ ผมเลือกไม่ถูกจริงๆ ทางนี้ครับ”
“ชั้นไม่ว่าง หลบไป”
โมกข์เข้ามาขวาง
“ชุดนี้เหมาะกับคุณป้านะครับ เชื่อสายตาการเลือกชุดให้ผู้สูงอายุของผมเถอะครับ”
“พวกคุณจงใจจะขวางเราใช่มั้ย”
“อเนก นี่ พวกเธอร่วมหัวกับคุณหาญงั้นเหรอ บอกมาว่าคุณหาญมาทำอะไรที่นี่”
“หรืออาจจะไม่ใช่คุณพ่อ เพราะคนบางคนในแก๊งนี้ก็หายไปด้วย ใช่มั้ย พวกคุณกำลังรวมหัวกันทำอะไรสักอย่างอยู่”
พวกอเนกซีด แล้วหัวเราะกลบเกลื่อนหมดทุกคน
“รวมหัวอะไร ไม่มี๊”
“มัทจะฟ้องพี่นรี” อเนกหุบยิ้ม “จะฟ้องคุณปะการัง” โมกข์หยุดหัวเราะทันที
“ส่วนเธอสองคน ชั้นจะสาปแช่ง ป่าวประกาศ ประจานให้ผู้หญิงเกลียดทั้งประเทศ”
คราวนี้ทุกคนหุบยิ้ม
“บอกมาพ่อชั้นกับนายอาทิตย์อยู่ไหน”
อาทิตย์ลากหาญหลบมาอีกด้าน
“แก แกไปบอกแม่จำเนียรให้ตามชั้นมาใช่มั้ย”
“โห คิดได้นะ ถ้าผมฟ้อง ผมจะมาพาขุ่นพี่หนีทำไมครับ”
“ใครจะไปรู้ แกมันแผนการชั่วร้าย อาจจะจงใจดิสเครดิตชั้น แล้วก็มาแสดงตัวเป็นฮีโร่ เพื่อเรียกคะแนนเห็นใจจากยัยมัท แล้วแกก็จะไปเดินกลับเข้ามาเหยียบแผ่นดินบ้านชั้นอย่างสมเกียรติ ใช่มั้ย”
“ผมก็แค่สมเพชขุ่นพี่เท่านั้นแหละครับ ที่กำลังจะถูกเด็กหลอก”
“ใครหลอก”
“เด็กผู้หญิงคนนั้น คิดเหรอครับว่าเค้าจะเอาขุ่นพี่ทำน้ำยา เค้าก็หลอกเอาแต่เงินขุ่นพี่นั่นแหละ”
“แกอย่ามาดูถูกลูกน้ำผึ้งของชั้น”
“ลูก”
“อย่ายุ่งเรื่องของชั้น”
หาญจะไป อาทิตย์ดึงตัวไว้
“ผมขอยื่นคำขาด ขุ่นพี่ต้องเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น ไม่งั้น ขุ่นพี่จะต้องเสียใจ” อาทิตย์บอกเสียงเด็ดขาด
“นี่แกขู่ชั้นเหรอ”
“ผมเลิกกับมัทนีแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียอีก อย่าลองดี ไม่งั้นผมจะลากขุ่นพี่ให้วิบัติย่อยยับไปกับผมด้วย”
“แก”
น้ำผึ้งวิ่งเข้ามาเห็นหาญพอดี
“คุณพ่อหาญ”
หาญชะงัก จ้องสายตาอาทิตย์อย่างวัดใจ
“แกไม่กล้าทำให้ยัยมัทนีเสียใจหรอก”
“ก็ลองดู”
หาญลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจ เดินถอยหลังไปหาน้ำผึ้ง อาทิตย์ผิดหวังมาก หาญพาน้ำผึ้งเดินแยกไป ไม่กลัวเกรงอาทิตย์
หาญพาน้ำผึ้งเดินแยกมาหลบมุม น้ำผึ้งโผกอดหาญ ร้องไห้
“คุณพ่อคะ น้ำผึ้ง สงสารพี่มันเผา ฮือๆ”
“ไม่เอาๆ อย่าคิดอะไรโง่ๆ อย่างนั้น สิ่งที่พี่มันเผาเจอมันก็แค่เรื่องปกติธรรมดาของชีวิต เกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีใครหนีพ้น”
“น้ำผึ้งอยากช่วยพี่มันเผาให้พ้นทุกข์ แต่น้ำผึ้งไม่มีเงิน คุณพ่อช่วยได้มั้ยคะ”
“พ่อ เอ่อ”
“คุณพ่อก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีใครช่วยได้เลย น้ำผึ้งไม่อยู่แล้ว”
น้ำผึ้งผละออก จะวิ่งไป หาญรีบดึงตัวไว้
“เดี๋ยวๆ พ่อไม่ใช่ไม่ใช่ แค่กำลังคิด”
หาญลำบากใจ มองไปเห็นป้ายร้านคาร์ฟอร์แคชจึงได้ความคิดบางอย่าง
หาญวางเอกสารทะเบียนรถที่พนักงาน พนักงานยื่นเงินให้ หาญยื่นเงินให้น้ำผึ้ง
“น้ำผึ้งรักคุณพ่อที่สุด”
“พ่อก็รักลูก”
“น้ำผึ้งรักและภูมิใจที่สุดที่มีพ่อใจบุญอย่างพ่อหาญ พี่มันเผาจะต้องรักพ่อมากเหมือนกัน งั้นหนูรีบเอาเงินนี้ไปช่วยพี่มันเผารักษาแม่ก่อนนะคะพ่อ” น้ำผึ้งหันกลับมา แต่อาทิตย์เข้ามาขวาง กระชากเงินคืนไป “เฮ้ย เอาเงินชั้นมา”
อาทิตย์ไม่ยอมคืน
“ถึงกับเอารถมาค้ำประกันสินเชื่อ พ่อบ้าไปแล้วเหรอ” อาทิตย์ต่อว่าหาญ
“แกยุ่งอะไรด้วย รถแกหรือไง”
น้ำผึ้งผวาเข้าไปจะคว้าเงินคืน
“เอาเงินชั้นคืนมา”
อาทิตย์ชักเงินหลบ จ้องตาน้ำผึ้ง
“น้องครับ ไหนสบตาพี่แล้วพูดมาชัดๆ สิว่า น้องจะเอาเงินนี้ไปทำอะไร”
น้ำผึ้งจ้องเขม็งดุ
“เอาไปช่วยค่ารักษาพยาบาลแม่พี่มันเผา”
“เหรอ งั้นพี่ขอถ่ายรูปคู่น้องกับคุณพี่หาญหน่อยสิ แล้วก็ขอดูบัตรประชาชนด้วย พี่จะได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และที่อยู่ของน้อง”
“มันจะมากไปแล้วนะ แกคิดว่าลูกชั้นเป็นสิบแปดมงกุฎเหรอ ไอ้ชั่ว ใจร้าย ใจดำ”
“ก็ถ้าบริสุทธิ์ใจ เป็นพ่อเป็นลูกกัน ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว หรือปิดบัง จริงมั้ย”
“พ่อชั้นยังไม่เคยขอ แกเป็นใคร”
“พฤติกรรมเข้าข่ายน่าสงสัยมาก ไม่ให้ถ่ายก็ได้ งั้นขอเช็กข้อมูลพี่มันเผาหน่อย ว่ามีตัวตนจริงมั้ย แม่เข้าโรงพยาบาลจริงหรือเปล่า”
“แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องของชั้น พ่อคะ พ่อปล่อยให้ไอ้บ้านี่มาทำอย่างนี้กับลูกได้ยังไง ฮือๆ”
“ไอ้อาทิตย์ เอาเงินชั้นคืนมา”
“ขุ่นพี่ช่วยเลิกโง่สักทีเหอะ”
“แกด่าชั้น ไอ้ชั่ว”
หาญเข้ากระชากคอเสื้อ ผลักอาทิตย์ไปชิดผนัง น้ำผึ้งพยายามเข้าไปดึงเงินในมืออาทิตย์ออกมา แต่อาทิตย์กำ
เอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย น้ำผึ้งพยายามแงะ
“ขุ่นพี่ไม่อายตัวเองบ้างเหรอ”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของชั้น”
จำเนียรกับมัทนีตามเข้ามาเห็นพอดี
“คุณหาญ”
“นายอาทิตย์”
หาญกับอาทิตย์อึ้ง น้ำผึ้งดึงเงินไปได้ แล้วจะรีบชิ่งหนีไป แต่อาทิตย์คว้าแขนจับเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน
“ปล่อย”
“อยู่ช่วยกันเฉลยความจริงก่อนสิ”
จำเนียรกับมัทนีงง
“ความจริงอะไร”
“ไหนคุณบอกว่าต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัย แล้วนี่คืออะไร” จำเนียรถามหาญ
“ชั้นไม่เกี่ยวปล่อยชั้น” น้ำผึ้งรีบบอก
“เธอนี่แหละตัวเอกของเรื่องเลย” อาทิตย์บอก
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 12 (ต่อ)
น้ำผึ้งกระชากมือหลุด จะหนี แต่พวกอเนก แท่น โทนี่ โมกข์มากันตัวเอาไว้
“จะไปไหนจ๊ะคนสวย อยู่คุยกันก่อนสิ”
“คุณพ่อจะพูดหรือให้ผมพูดเองครับ”
“อาทิตย์ นี่ใช่มั้ย คือความลับที่แกเก็บงำมานาน ไม่เคยปริปากกับใคร พูดออกมาเลย เราทุกคนจะได้รู้พร้อมๆกัน”
“ว่าไงครับคุณพี่หาญ”
“แม่จำเนียร ชั้น ขอโทษ”
“หมายความว่ายังไง”
“ชั้นโกหกเธอ เพื่อนชั้นไม่ได้จะให้ไปสอนมหาลงมหาลัยอะไรหรอก”
“เพราะอะไร คุณมาที่นี่ทำไม แล้วเกี่ยวอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”
“เกี่ยวสิครับ จะไม่เกี่ยวได้ไง”
“ผม รู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนี้ เพราะเขาเป็น เป็น เด็กไอ้อาทิตย์” หาญโยนความผิดให้อาทิตย์ เพื่อน อาทิตย์ถึงกับอึ้ง
“ห๊า”
มัทนี จำเนียรอึ้ง อาทิตย์ถามอย่างตกใจ
“ขุ่นพี่พูดอะไร”
“ความลับของไอ้อาทิตย์ก็คือ มันแอบซุกเด็กเอาไว้ มันนอกใจลูกมัทตลอดเวลา แล้วที่วันนี้ผมต้องโกหกคุณออกมา เพราะสายของผมรายงานว่า มันนัดเด็กเอาไว้ที่นี่ จะเอาเงินมาให้เด็กตั้งสองแสน ผมพยายามห้ามแล้ว แต่พวกมันมากกว่า ผมห้ามไม่ได้”
“เฮ้ย ทำไมพูดดำเป็นขาว ขาวเป็นดำอย่างนี้” อาทิตย์คิดไม่ถึงว่าหาญจะพูดแบบนี้
“แล้วที่พวกแกทุกคนมา ก็เพื่อมาช่วยกันปกปิดความชั่วของเพื่อนมัน แก๊งนี้ทั้งแก๊ง มันก็เป็นอย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
“ไม่มีทาง อาทิตย์ไม่ใช่...” อเนกบอก หาญรีบตัดบท
“แกหาว่าชั้นใส่ร้ายเหรอ ได้” หาญหันไปหาน้ำผึ้ง “หนู หนูพูดออกมาเลย ว่าหนูเป็นแฟนใคร รักใคร ไอ้อาทิตย์มันบอกหนูใช่มั้ยว่ามันยังโสด แต่จริงๆ มันแต่งงานแล้ว มันก็แค่หลอกหนู หลอกทุกคน” หาญแอบกระซิบ “หนีไป ไป”
น้ำผึ้งรับมุกของหาญ บีบน้ำตา ผลักหาญ
“คนหลอกลวง”
น้ำผึ้งรีบวิ่งหนีไปพร้อมเงิน
“แกมีอะไรจะพูดอีกมั้ย” หาญถามอาทิตย์
“ผมอยากพูดแค่ว่า คุณพี่หาญคือที่สุดของที่สุดเลยครับ ผมจะไม่ปกป้องอะไรคุณพี่อีกแล้ว มัท”
แต่อาทิตย์ยังไม่ทันได้พูดอะไร มัทนีเข้ามาตบหน้าก่อน
“นี่ใช่มั้ยความลับของนาย เลวที่สุด”
“ผม”
หาญรีบดักคอ
“แกจะพูดอะไร คิดจะโบ้ยความผิดให้ชั้นเหรอ”
“นายช่วยรีบมาหย่ากับชั้นให้เร็วที่สุด ชั้นไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของนายอีกต่อไปแล้ว วินาทีเดียวก็ไม่อยากเป็น”
มัทนีเดินหนี อาทิตย์คว้าแขนไว้
“ถ้าผมพูดความจริง คุณจะเชื่อผมมั้ย”
“ความจริงอะไร”
“ของเรื่องทั้งหมด”
หาญกลัวอาทิตย์เปิดเผยความจริงจึงเข้ามากีดกัน กันท่า
“แกจะพูดอะไร คำพูดแกมันไม่มีราคาแล้ว มัท! ไม่ต้องไปฟัง”
“เลิกหลอกกันซะที ชั้นไม่เชื่อคำพูดคุณอีกแล้ว”
อาทิตย์เจ็บปวด จึงประชด
“โอเค ถ้าคุณไม่เคยมีความเชื่อใจให้ผมเลย งั้นก็ได้ ผมยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ผมเป็นพ่อไก่แจ้ ไล่ป้อไก่ตัวเมียไม่รู้จักหยุดจักหย่อน หย่ากับผมก็ดีแล้ว เพราะคุณคงไม่รู้สึกเสียใจอะไร”
มัทนีกระชากมือ สะบัดหน้าเดินหนีไป
“ชั้นหย่าแน่”
“เธอไม่ต้องยุ่งกับลูกสาวชั้นอีก ชั้นไม่รู้จะว่าเธอยังไงแล้ว สักวันกรรมจะตามสนองคนอย่างเธอแน่” จำเนียรบอก
“ปลงซะเถอะแม่จำเนียร สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม กัมมนา วัตตะตี โลโก กุ๊กๆ”
หาญรีบต้อนจำเนียรออกไป อาทิตย์เซ็ง พวกเพื่อนเข้ามาปลอบ อย่างเข้าใจนิสัยเพื่อน
“ใครไม่เข้าใจ แต่พวกชั้นเข้าใจนะเว้ย แกไม่ใช่คนอย่างนั้น”
อาทิตย์ซึ้งใจเพื่อน
เมื่อกลับถึงบ้าน หาญอธิบายให้จำเนียรเข้าใจ
“ผมรักลูก ผมก็พยายามจะช่วยเจรจาทำให้นายอาทิตย์มันกลับตัวกลับใจ เลิกนิสัยที่จะทำให้ยัยมัทเจ็บปวด แต่คนอย่างมันต่ำตมยิ่งกว่าอะไร ขุดยังไงก็ไม่ขึ้น ผมจนปัญญา พ่อขอโทษนะมัท ที่ช่วยอะไรไม่ได้”
“โถ คุณหาญ คุณเป็นพ่อที่ประเสริฐมาก ยอมผิดศีลข้อมุสา เพื่อความสุขของลูก”
“ชีวิตผม ก็มีแค่คุณกับลูกเท่านั้น”
“มัท แม่ขอโทษนะ ที่แม่สนับสนุนให้ลูกแต่งงานกับคนผิด แม่ไม่รู้”
“พ่อกับแม่ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ถ้าจะมีใครผิด ก็มัทเองแหละค่ะ มัทผิดเองที่...”
“ลูกไม่ได้ผิด คนผิดมีคนเดียวคือนายอาทิตย์ บรึ๋ย แค่พูดชื่อมันขึ้นมา แม่ยังขยะแขยงที่สุด เลิกไปซะก็ดี”
“มัทขอตัวนะคะ”
มัทนีแยกไป
“ลูกต้องเสียใจมากแน่ๆ เลยคุณหาญ”
“ผมจะสวดมนต์ให้ลูก”
แว่บหนึ่ง หาญก็แอบอึ้งๆ ลังเล แบบว่าตกกะไดพลอยโจน ก็ต้องลุยไปข้างหน้าลูกเดียว ไม่มีทางเลือก
มัทนีกลับเข้ามาในห้อง สงบ นิ่ง วางของ นั่งลงที่เตียง สีหน้าเย็นชา เรียบเฉย มองไปมุมของห้องที่อาทิตย์เคยนอน น้ำตาไหลออกมาเอง
เธอพยายามตั้งสติ ไม่ให้ฟูมฟาย จะเดินออกไปสูดอากาศที่ระเบียงแต่สุดกลั้น น้ำตาไหลออกมา
วันต่อมาที่บ้านมัทนี เอกชเยศร์สวัสดีโค้งจนหน้าแทบจรดหัวเข่า จำเนียรกับหาญยืนรับไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก
“ผมมาพบมัทนีครับ คุณพ่อคุณแม่”
“มีธุระอะไร”
“ทำไมคุณแม่ใช้น้ำเสียง แบบ...” เอกชเยศร์ทำเลียนแบบ “มีธุระอะไร มันแบบว่าไม่เป็นมิตร ไม่ควรใช้พูดกับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อมัทนีเลยนะครับ”
“มีธุระอะไร”
“โอ๊ะ คุณพ่อก็ดูเครียดๆ นะครับ ผมไม่รบกวนผู้ใหญ่ล่ะครับ ขอคุยกับยัยมัท ตามประสาเด็กๆ ดีกว่าครับ”
“มีธุระอะไร”
“คุณแม่ล่ะก็” เอกชเยศร์เดินเข้าไปชะเง้อมองหามัทนี “มัทอยู่ไหมครับ”
มัทนีเดินออกมา
“มีธุระอะไร”
“แหม ครอบครัวนี้ เหมือนกันเป๊ะๆ พูดยังกะแผ่นตกร่อง เอ่อ ผมขอคุยกับมัทนี ตามลำพังได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้” ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน
“มีธุระอะไรจะคุยก็คุยมา”
“มัท คือ มัทได้เห็นคลิปของไอ้อาทิตย์กับพลอยเชอรีลแล้วใช่มั้ย ฝีมือเอกเอง”
“แกเองเหรอ ที่ปล่อยข่าวทำลายครอบครัวยัยมัท”
“ผมช่วยต่างหากครับ ผมเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าไอ้อาทิตย์กับพรรคพวกมันนิสัยเป็นยังไง แต่เคยมีใครเชื่อผมมั้ยไม่ทราบตอนนี้สำนึกได้ยังครับว่าคนที่พ่อกับแม่ควรจะเชียร์สุดตัวให้ได้กับมัทนีคือใคร”
“เอกต้องการอะไร”
“เอกทำทุกอย่างเพื่อมัทขนาดนี้ มัทยังไม่รู้อีกเหรอว่าเอกต้องการอะไร เลิกกับอาทิตย์ แล้วมาแต่งงานกับเอกนะ เริ่มต้นกันใหม่นะมัท อะไรที่แล้วไปแล้วก็ลืมมันไป เอกจะไม่ถือสากับความผิดเล็กๆ น้อยๆ ของมัทอีก”
“จนป่านนี้เธอก็ยังคิดว่าลูกสาวชั้นทำผิดอีกเหรอ เธอนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ”
“มาทางไหน ไปที่ชอบๆ ทางนั้นเลย”
“สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย...” เหน่งกับโหน่งพูดพร้อมกัน
เอกชเยศร์เหลือบมองเหน่งกับโหน่งอย่างไม่ชอบใจ
“ทุกคนช่วยอย่าสอดได้มั้ยครับ ผมกำลังคุยกับมัทนีสองคน มัท พูดผิดพูดใหม่ได้ แต่งผิด ก็หย่า แล้วแต่งใหม่ได้ กลับมารักกับเอกเถอะ”
“มัทรู้ดี มัทแต่งงานผิด มัทจะหย่ากับอาทิตย์” เอกชเยศร์ดีใจ
“จริงเหรอ เยี่ยมเลยมัท”
“แต่จะไม่มีวันกลับไปคบเอกอีก มัทจะไม่รักใครอีกแล้ว จะขออยู่กับพ่อกับแม่ ทำงานมูลนิธิช่วยเหลือคนอื่นๆ มัทให้เอกเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น ถ้าเอกไม่อยากเป็น ก็ไม่เป็นไร ก็อย่ามาเจอกันอีก”
มัทนีเดินแยกออกไปเลย
“มัท เดี๋ยวก่อน”
เอกชเยศร์จะตามแต่หาญ จำเนียร เหน่ง โหน่งขยับขวางหน้าเอาไว้
“เชิญค่ะ”
“นั่นประตู”
ท่วมทุ่งจ้องดุ ฮึ่มแฮ่ๆ
“ลูกสาวชั้นพูดภาษาคน อย่าบอกนะว่าฟังไม่เข้าใจ”
“หรือนายอาจจะฟังภาษาของไอ้ท่วมทุ่งเข้าใจนะ”
ท่วมทุ่งเห่าอย่างรุนแรง แล้วกระโดดไล่กัด เอกชเยศร์วิ่งหนี
เอกชเยศร์ถูกกดดันให้วิ่งออกมาโดยท่วมทุ่ง หาญ จำเนียร เหน่ง โหน่งเดินตามกดดันเรียงหน้ากระดาน ราวกับทหาร
“ทำไมต้องกีดกันผมกับมัทด้วย ผมรักมัทคนเดียว ไม่เคยวอกแวกมองคนอื่นเลย ที่ผ่านมาผมอาจจะใจร้อนไปนิด ขี้งอนไปหน่อย เลยปากไวบอกเลิกมัท แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว ผมมาง้อแล้ว อย่าเล่นตัวกันนักสิครับ”
จำเนียรเข้าไปอุ้มท่วมทุ่งมา
“ใจเย็นๆ ลูก อย่าไปกัดมัน เดี๋ยวติดเชื้อโรค นายเอกชเยศร์ถ้ารักยัยมัทจริง ช่วยพิสูจน์ด้วยการอยู่ห่างๆ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับยัยมัทอีกเลยได้มั้ย”
“ถ้าผมทำได้ จะยอมให้ผมรักกับมัทหรือเปล่า”
จำเนียรเซ็ง ระอา
“เอกชเยศร์ ชั้นรู้ว่าเธอเป็นผู้ชายหน้าหนา แต่ถ้าเธอยังไม่ไป ชั้นคงจะต้องพิสูจน์ความหนาของหน้าเธอแล้วนะ”
เหน่งชูมือจะตบ
“เหน่งพร้อมแล้วค่ะ” เหน่งก้าวถอยให้โหน่งลุย “โหน่งคะ ลุย”
“เฮ้ย นังนี่ยังไง” โหน่งต่อว่าเหน่ง
“เป็นศัตรูกับสื่อ แน่ใจแล้วเหรอครับ ที่คุณแม่มีโลโก้ครอบครัวสุขสันต์ ไม่ใช่เพราะสื่ออย่างผมช่วยประโคมข่าวเหรอครับ ผมให้คุณให้โทษกับหน้าที่การงานคุณแม่ได้”
“ตายแล้ว นี่เธอกล้าขู่ชั้นเหรอ”
“ผมแค่แจ้งให้ทราบ สายข่าวผมมีอยู่ทั่วประเทศ เกิดวันนึงคุณแม่หรือคุณพ่อไปทำอะไรไม่ดีไม่งามไว้ ผมอาจจะช่วยเจรจาให้สำนักข่าวต่างๆ ไม่เล่นประเด็นนี้ ไม่ตีให้เป็นข่าวเสียหาย หรือไม่ อาจจะช่วยทำให้ร้ายกลายเป็นดีได้ด้วยซ้ำ ในวงการสื่อ ผมค่อนข้างมีพาวเวอร์นะครับคุณแม่ ถ้ามีผมเป็นลูกเขย รับรอง คุณแม่ดังกว่านี้แน่”
“เธอมันบ้าอำนาจ ใช้อำนาจคุกคามสื่อ อยากจะทำอะไรก็เชิญเลย เพราะคนบ้านนี้มั่นใจว่าไม่เคยทำเรื่องเสียหาย เราไม่มีอะไรต้องกลัว จริงมั้ยคุณหาญ”
“คนบ้านนี้ถือคติที่ว่า กัมมุตตา วัตตีโลโก กุ๊กๆ สัตว์โลกย่อมเป็นตามกรรม”
“ผมให้โอกาสคุณพ่อคุณแม่คิดแล้วตอบใหม่อีกที”
“ออกไปจากบ้านชั้น”
“ผมให้ตอบอีกที”
“ออกไปจากบ้านชั้น ไป” จำเนียรกับหาญบอกพร้อมกัน เหน่งกับโหน่งพนมมือ สวดคาถา
“ไป ไป ไปลงนรกซะเถอะที่รัก ฉันจะลงโทษเธ้อ”
“ก็ได้ๆ แล้วจะเสียใจ”
เอกชเยศร์งอน สะบัดหน้าเดินออกไป จำเนียรกำชับเหน่งโหน่ง
“ต่อไปห้ามให้อีตานี่เข้ามาในบ้านอีก เข้าใจมั้ย”
ท่วมทุ่งเห่ารับ
ส่วนที่บ้านลิ้นจี่ อาทิตย์กำลังวิ่งออกกำลังกายบนสายพาน ลิ้นจี่เดินมายืนจ้องหน้าข้างๆ อาทิตย์ยังวิ่งไป ไม่ได้สนใจ ลิ้นจี่กดหยุดเครื่องเล่น
“จะวิ่งอยู่กับที่ให้มันได้อะไรขึ้นมา เอาแรงไปตามง้อหนูมัทสิไป”
อาทิตย์ซับเหงื่อ ไม่แยแส
“ง้อไปก็เท่านั้น ไม่ไหวหรอกครับแม่”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว แต่งงานกันแล้ว ก็ต้องอดทนให้ถึงที่สุด”
“ก่อนหน้านี้ แม่ยังพูดกับคุณจำเนียรอยู่เลยว่า ถ้าเค้าแยกแยะไม่ออกว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อไก่แจ้ตัวจริง ก็ให้เลิกคบกันไป”
“ตอนนั้นอารมณ์พาไป แม่ต้องทุ่มเดิมพันสุดตัวเผื่อว่าจะทำให้คุณจำเนียรคิดอะไรได้บ้าง แต่สำหรับลูก แม่อยากเห็นลูกแม่มีความสุข”
“ผมก็มีความสุขดีอยู่นะครับ เป็นโสดอีกครั้ง ดีจะตาย แม่ก็ทราบว่าผมรักความโสดยิ่งชีพ คราวนี้ล่ะ ชีวิตผมจะพบกับความสุขที่แท้จริงอีกครั้ง”
“ความสุขที่แท้จริงอีกครั้งเหรอ นี่แน่ะ” ลิ้นจี่ทำมะเหงกใส่ “คิดว่าแม่ดูไม่ออกหรือไง”
“แม่ดูอะไรออก มะโนละ มะโนละ”
“เสียใจก็บอกเสียใจ อยากคืนดีก็ไปง้อ ทำอะไรให้มันง่ายๆ อย่าทำตรงข้ามกับความต้องการที่แท้จริง ชีวิตจะได้แฮปปี้”
“แม่ ผมกะยัยมัทไม่ใช่คู่จิ้นของใครนะ เราเข้ากันไม่ได้จริงๆ เลิกฝันเถอะครับ เมื่อกี้มัทนีเพิ่งส่งไลน์มาบอก นัดเจอกัน พรุ่งนี้ที่เขตเก้าโมงเช้า” อาทิตย์ยื่นมือถือให้ลิ้นจี่ดู “ผมไม่คิดเยอะครับ เขาก็อยากหย่า ผมก็อยากจะหย่า เราโคตรจะใจตรงกันเลย เนื้อคู่เห็นๆ ก๊ากๆ”
อาทิตย์หัวเราะเดินเต้นออกไป ลิ้นจี่สงสารลูก
ที่บ้านมัทนี หาญกำลังกางดูหนังสือพิมพ์ มีลงข่าวเกี่ยวกับพี่มันเผา “เชิญร่วมงาน สายใยรัก สายสัมพันธ์ครอบครัว ร่วมบริจาคและประมูลของรักของหวงจากศิลปินชื่อดัง มันเผา เอเอฟ”
“เชิญร่วมงาน สายใยรัก สายสัมพันธ์ครอบครัว ร่วมบริจาคและประมูลของรักของหวงจากศิลปินชื่อดัง มันเผา เอเอฟ อ้าว วันนี้ ตอนนี้เลยนี่ น้ำผึ้งต้องไปงานนี้แน่ๆ”
หาญหยิบมือถือออกมาจะกดโทรออก แต่จำเนียรเข้ามาก่อน
“คุณหาญ”
“คุณจะไปไหนเหรอ”
“ชั้นจะไปประชุมกลุ่มผู้นำสตรีไทยไม่โกงกิน คุณอยู่บ้าน ดูแลยัยมัทหน่อยนะ”
“ได้ๆ คุณไม่ต้องห่วง ผมดูลูกให้เอง”
จำเนียรเดินออกไป หาญรีบเข้าบ้าน
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 12 (ต่อ)
หาญกำลังจะขึ้นไปที่ห้องมัทนี แต่พอดีมัทนีเดินสวนออกมา
“อ้าว ลูก แต่งตัวจะไปไหน วันนี้วันหยุดนะ”
“มัทจะออกไปมูลนิธิค่ะ ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ ทำงานดีกว่า”
“เดี๋ยวๆ มัท ลูกโอเคหรือเปล่า”
“โอเคค่ะ มัทสบายดี ดีทั้งกายและใจ พ่ออยู่บ้านคนเดียว ดูแลตัวเองนะคะ พี่เหน่งพี่โหน่ง ฝากพ่อด้วยนะคะ”
“ค่ะ ดูแลมาครึ่งชีวิตแระคนนี้”
“จะดูแลให้อาหารตรงตามเวลาเลยค่ะ”
“มัทไปนะคะ”
มัทนีเดินออกไป หาญเซ็งๆ
“ไปกันหมด”
หาญเดินกลับออกมานั่งทิ้งตัว เซ็งๆ แล้วก็มองเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดิมวางอยู่ หาญมองหนังสือพิมพ์ แล้วเกิดไอเดีย ตาโต
“ไปเซอร์ไพร้ส์น้ำผึ้งดีก่า ครุคริๆ”
“ยิ้มอะไรคะ”
“คิดอะไรอยู่”
เหน่ง โหน่งถาม แต่หาญลุกพรวด
“ไหนๆ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว ก็ออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยดีกว่า”
หาญกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที
บริเวณงานการกุศลที่จัดสบายๆ ด้านหนึ่งมีแบ็กดร๊อปที่จัดให้เป็นเวทีเล็กๆ ง่ายๆ สำหรับการพูดคุยซักถาม อีกด้านเป็นแขกผู้ร่วมงาน มีแฟนคลับของศิลปินเอเอฟชูป้ายไฟกันสลอน บรรยากาศโดยรวมดูสบายๆ ผ่อนคลายๆ
บนเวที ศิลปินรับเชิญ 3 คน แต่งตัวชุดกีฬา หนึ่งในนั้นคือพี่มันเผา และถึงคิวที่พิธีกรกำลังสัมภาษณ์พี่มันเผาพอดี แฟนคลับกรี๊ด หาญเพิ่งมาถึง ได้ยินเสียงกรี๊ดก็รีบวิ่งเข้ามา
“พี่มันเผา”
มันเผากำลังตอบคำถามพิธีกร
“มันเผาก็มีผู้สูงอายุที่บ้านฮะ แต่ทุกท่านแข็งแรงดี พ่อกับแม่ไม่เคยป่วยเลยมาหลายปีแล้ว คุณปู่คุณตาก็แปดสิบกว่าแล้ว ตอนที่มันเผาต้องไปเรียนไฮสคูลที่ลันดั้นก็เสียใจมากฮะ แต่ทำไงได้ ก็หมั่นกลับมาเยี่ยมท่านทุกปี แล้วมันเผาก็ใช้เวลาอยู่กับท่านตลอด ขับรถพาไปเที่ยว ท่านชอบนั่งรถสปอร์ตฮะ ท่านบอกถึงจะแก่แต่เฟี้ยวเงาะนะคร้าบ”
แฟนคลับกรี๊ด
“ไปเรียนไฮสคูลลันดั้น ตั้งแต่เด็ก? ไหนน้ำผึ้งเคยขอเงินไปช่วยซ่อมหลังคาบ้าน” หาญพึมพำกับตัวเอง
“น้องมันเผาดูฐานะทางบ้านจะดีกว่าคนอื่นๆ นะครับ คุณพ่อเป็นหมอ คุณแม่เป็นเจ้าของโรงพยาบาล มีส่วนมั้ยที่ทำให้หลายคนคิดว่าเราเป็นลูกคุณหนู” พิธีกรถามต่อ
“คนที่ปลูกบ้านหลังละห้าสิบล้านคือพ่อกับแม่นะฮะไม่ใช่ผม ซึ่งถ้าคนจะมองผ่านๆ แล้วคิดว่าผมลูกคุณหนูก็โอเคฮะ ผมไม่แคร์ แต่ถ้าเขามองดีๆ จะเห็นว่าผมถูกเลี้ยงมาให้สู้ชีวิตนะฮะ อย่างถ้าอยากจะได้รองเท้าแบรนด์เนมสักคู่นึง ผมต้องเล่นหุ้นให้ได้กำไรก่อนด้วยตัวเองฮะ”
“บ้านรวย ลูกคุณหนู อะไรเนี่ย”
หาญพยายามมองหาน้ำผึ้งในกลุ่มแฟนคลับ พวกแถวหน้าๆ ที่เกาะขอบเวที แต่หาญหาน้ำผึ้งไม่เจอเลย จนกระทั่งหันมาอีกด้านของเวที พบว่าน้ำผึ้งกำลังยืนตะโกนอยู่ หาญคิดเซอร์ไพร้ส์ รีบอ้อมไปด้านหลังน้ำผึ้ง
หาญปิดตาน้ำผึ้งจากด้านหลัง ดัดเสียงต่ำ
“ทายสิว่าใคร”
“จะใครได้อีก ถ้าไม่ใช่อ็อปป้าของเบบี้” น้ำผึ้งแกะมือออก หันกลับมามอง พอเห็นเป็นหาญก็ผงะ “พ่อหาญ”
“น้ำผึ้งเรียกพ่อว่าอ็อปป้าเหรอ”
“พ่อมาทำไม ไหนบอกมาไม่ได้”
“ก็พอดี...”
อยู่ๆ มีผู้ชายอีกคน วัยใกล้เกษียณเดินตรงมาทางน้ำผึ้ง ยกแก้วชู
“น้องลูกปัดขา อ๊อปป้าซื้อชาไข่มุกรสชาเขียวมาแล้วค่ะ”
ชายคนนั้นมายื่นน้ำให้น้ำผึ้ง หาญงง
“ลูกปัด”
“นี่ใคร” ชายคนนั้นถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหาญ
“เอ่อ พ่อ พ่อเพื่อนน่ะค่ะอ็อปป้า มาตามหาเพื่อน ลูกปัดขอตัวพาท่านไปหาเพื่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ”
น้ำผึ้งรีบลากหาญไป หาญงงๆ โวยๆ
“พ่อเพื่อนอะไร ลูกปัดอะไร แล้วไอ้อ็อปป้าอ๊อปลุงนี่ใคร”
น้ำผึ้งลากหาญออกมาจนพ้นตัวงาน แล้วก็ตัดเยื่อใยทันที
“พ่อหาญมาทำไมคะ กลับไป”
“ทำไมไล่พ่ออย่างนี้”
“ก็น้ำผึ้งไม่ได้ชวน พ่อมาไม่ได้ กลับไป ไปๆ” น้ำผึ้งผลักไส แต่หาญไม่ยอมไป จะรู้ให้ได้
“เดี๋ยว ทำไมต้องไล่พ่อด้วย แล้วไอ้อ็อปป้าคนเมื่อกี้ใคร ทำไมเรียกลูกว่า ลูกปัด แล้วพี่มันเผาอีก ทำไมมันถึงให้สัมภาษณ์ว่ามันรวยจบนอก มันไม่ได้ยากจนรองน้ำฝนจากเพดานหลังคารั่วเหรอ”
“นี่พูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย ดี งั้นตั้งแต่นี้ไป เราไม่ใช่พ่อลูกกันอีกแล้ว หนูขอตัดความเป็นพ่อลูกกัน ไม่ต้องโทรหาอีกแล้ว”
น้ำผึ้งจะเดินหนีไปเลย หาญดึงตัวเอาไว้
“น้ำผึ้ง อย่า มีอะไรคุยกับพ่อดีๆ สิคะลูก”
น้ำผึ้งผลักหาญอย่างแรง
“ปล่อย”
หาญเซไป น้ำผึ้งเดินมาอีกด้าน หาญวิ่งมาดัก
“มันมีอะไรผิดปกติใช่มั้ย ทำไมอยู่ๆ ลูกก็อยากเลิกคบพ่อแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หรือว่าลูกเจอพ่อใหม่แล้ว ไอ้อ็อปลุงหน้าปลาดุกนั่นใช่มั้ย”
“อ็อปป้าย่ะ ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
“พ่อไม่ยอม”
หาญจับตัวน้ำผึ้งไว้ อ็อปป้าของน้ำผึ้งวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย จะทำอะไรเบบี๋อั๊ว”
ลูกน้องของชายคนนั้นเข้ามากระชากหาญออก
“แก เด็กนั่น ลูกสาวชั้น น้ำผึ้งเป็นของชั้น”
“ไม่ใช่นะคะ หนูชื่อลูกปัด ไม่ใช่น้ำผึ้ง ลุงคนนี้แกสติไม่ดีแล้ว ชอบคิดว่าหนูเป็นลูกสาวแก อ็อปป้าอย่าไปฟังนะคะ”
“อ็อปป้า แกคิดจะมาแย่งลูกสาวชั้นเหรอ แน่จริงมาชกกันมั้ย ไอ้ข้อเข่าเสื่อม”
“ขอโทษนะครับ ลูกปัดเป็นเบบี๋อั๊ว อั๊วซื้อคอนโดซื้อรถให้อยู่ แล้วลื้อดูแลยังไง”
“ชั้นก็ เป็นนายทุนออกเงินให้ไปโหวตพี่มันเผาน่ะสิ ชั้นเอารถไปคาร์ฟอร์แคชมาเพื่อให้ไปช่วยคุณแม่ที่ป่วย” หาญพูดไปแล้วก็นึกได้ “เฮ้ย แต่ตะกี้พี่มันเผาบอกแม่เป็นเจ้าของโรงบาลนี่”
“ดูสิคะอ็อปป้า คาร์ฟอร์แคช อี๋ คนจนๆ แบบนี้เหรอคะ ที่เบบี๋จะคบ แกเลอะเลือนแค่ไหน อย่าไปสนใจเลยค่ะ”
น้ำผึ้งควงแขนชายคนใหม่จะลากไป แต่หาญไม่ยอม สะบัดจนหลุด วิ่งพรวดตามไปจะเอาเรื่องน้ำผึ้ง
“นี่มันอะไร ลูกหลอกพ่อเหรอ ทั้งหมดคือเรื่องหลอกลวงใช่มั้ย”
“ปล่อยนะคะ ออปป้าขา ช่วยด้วย”
เสี่ยคนนึงเดินเข้ามา
“มันคือเรื่องหลอกลวง เพราะคนพวกนี้คือแก๊งต้มตุ๋นครับ”
“อะไรนะ”
ทันใด ชายวัยใกล้เกษียณอีก4-5คน ทุกคนแต่งตัวแบบผิดวัย เดินเข้ามารุมล้อมน้ำผึ้งเอาไว้
ทุกคนต่างแค้นน้ำผึ้งเหมือนกันหมด เพราะถูกหลอก
“แกหนีไม่รอดแล้ว นังจิ้งจอกสังคม”
“ไอ้สิบแปดมงกุฎ แกได้ไปนอนในคุกแน่”
“เดี๋ยวๆ นี่มันอะไร” หาญถามอย่างไม่เข้าใจ
“เราทุกคนคือผู้เสียหาย แก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ที่ชอบหลอกคนวัยอย่างเราๆ อ้างว่าเอามาช่วยศิลปิน ขอสมัครเป็นลูก ตอดเล็กตอดน้อย จนหมดเนื้อหมดตัว”
“ไม่จริง น้ำผึ้งไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋น”
“พ่อหาญ ช่วยน้ำผึ้งด้วย น้ำผึ้งได้สติแล้ว เมื่อกี้มันเบลอๆ เหมือนโดนยาป้าย ช่วยลูกด้วย”
หาญเข้าประชิดตัวน้ำผึ้ง
“ตอบมาว่าความจริงคืออะไร ลูกเป็นอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า”
“ไม่นะคะ ไม่ใช่” น้ำผึ้งฉวยโอกาสนั้นผลักหาญเต็มแรง แล้ววิ่งหนีไป แบบเผยธาตุแท้ หนีเอาตัวรอดสุดๆ “ไอ้พวกข้อเข่าเสื่อม ต่อมลูกหมากโต พวกแกไม่มีปัญญาจับชั้นได้หรอก”
แต่พอน้ำผึ้งหันมาอีกด้านก็ชะงัก เพราะมีตำรวจยืนขวางอยู่ 2 นาย มีนักข่าวเข้ามาถ่ายภาพพรึ่บๆ พวกเสี่ยที่ถูกหลอกรีบดึงหมวก หรือสิ่งต่างๆ มาปิดหน้า หาญเป็นคนเดียวที่เงอะงะ ไม่มีหมวก ไม่มีแว่นดำ เพิ่งจะรู้ตัวว่าควรปิดหน้าก็โดนถ่ายไปเยอะแล้ว
ที่บ้านนรี นรีกำลังชงนมให้ลูก ระหว่างที่มัทนีก็นั่งคุยไปด้วย
“เธอแน่ใจแล้วเหรอมัท”
“ค่ะ พี่นรีก็รู้พฤติกรรมเค้าทุกอย่าง พี่ยังคิดว่ามัทควรจะทนอีกเหรอคะ”
“ก็ ไม่รู้สิ พี่แค่รู้สึกว่า มันมีอะไรแปลกๆ”
“อะไรคะที่แปลก”
อเนกที่เพิ่งกลับจากซื้อของใช้เด็กเดินเข้าบ้านมาพอดี
“อเนก คุณช่วยมาพูดเองดีกว่า เรื่องเพื่อนคุณน่ะ” นรีโยนให้อเนกเป็นคนตอบ
“เอ่อ คุณมัทครับ ผมไม่ได้เข้าข้างเพื่อนนะครับ แต่เวลาแก๊งเราใครแอบมีกิ๊กกับใคร หรือปิ๊งใคร ขอเบอร์สาวที่ไหนได้ พวกเราเล่าสู่กันฟังหมด ทุกเรื่อง ทุกครั้ง ทุกโอกาส แต่เรื่องนายอาทิตย์ ตั้งแต่มันเจอคุณ แพรวากับอายูมิที่มันเคยหลงนักหนา มันก็เลิกหมด แล้วก็ไม่เคยได้ยินมันกิ๊กกับใครอีกเลย เด็กผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้ง พวกเราไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ”
“เขาก็อาจจะไม่อยากบอกคุณ เพราะรู้ว่าเรื่องจะมาถึงพี่นรี และมาถึงมัทน่ะสิคะ”
“หรือไม่อาทิตย์อาจมีเหตุผลอื่น” นรีบอก
“ไม่มีหรอกค่ะ”
“ถ้าถามผม ผมก็รู้สึกว่าอาทิตย์มีอะไรปิดบังคุณมัทอยู่ เลยต้องปิดบังพวกเราทุกคนด้วย และมันไม่ได้ปิดเพื่อตัวมันเอง แต่เพื่อคุณต่างหาก”
“พอค่ะ!คุณกำลังจะหว่านล้อมให้มัทไขว้เขวใช่มั้ยคะ เค้าสั่งให้มาพูดเหรอ บอกเค้าด้วยนะว่ามัทไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
“มัท อย่าพาลสิ” นรีเตือนสติ
มัทนีทรุดลงนั่ง เซ็งตัวเอง
“ถามตัวเองดีๆ ก่อน ว่าหมดรักอาทิตย์แล้วจริงๆ เหรอ”
“มันไม่ใช่เรื่องว่ารักไม่รักแล้วพี่นรี มันเป็นเรื่องที่มัทไม่เคยรู้สึกไว้วางใจอะไรในตัวเค้าได้เลย ตราบใดที่เขายังโกหก ทำตัวมีลับลมคมในอย่างนี้ มัทก็ไม่ไหวแล้ว”
ทันใด เสียงอาทิตย์ร่าเริงเข้ามา
“เฮลโหลแด๊ดดี้หม่ามี้ แอนด์ อ๊านตี้ ผมมาเยี่ยมหลาน ไม่คิดว่าจะมาเจอเมีย เอ๊ย ว่าที่อดีตเมีย คนแรกเหมือนกัน ตลกดี ไม่ได้รักกันซะหน่อย ใจตรงกันทำไม”
มัทนีเห็นอาทิตย์ร่าเริง จึงมองอย่างตัดพ้อ น้อยใจ แต่ทิฐิสูง ลุกคว้ากระเป๋า
“มัทกลับก่อนนะพี่นรี”
มัทนีรีบออกไป อาทิตย์เซ็ง แต่ยิ้มแย้ม เก็บอาการไว้ อเนกกับนรีจ้องอาทิตย์แบบตำหนิๆ ให้รีบไปง้อ
มัทนีเดินแยกออกมา อาทิตย์รีบตามมา
“ทำไมต้องรีบกลับด้วย”
“ชั้นไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“ทำไม กลัวเหรอ”
“ชั้นไม่ได้กลัว แต่ชั้นไม่อยากเสียสุขภาพจิตเพราะคุณอีกแล้ว”
“แหม ยอมรับได้แล้วเหรอ ว่าผมมีอิทธิพลทำให้จิตใจคุณเสียสมดุล ไม่ต้องเขิน ผมชินแล้ว สาวๆ ที่ไหนก็พูดยังงี้” มัทนีถลึงตา แต่ไม่อยากเถียงอะไรอีกจึงจะเดินหนี “แต่มีคนคนเดียวที่ทำให้จิตใจผมเสียสมดุลได้” มัทนีชะงัก
“ถ้าอยากรู้ว่าใคร หันกลับมาสิ” มัทนีนิ่ง ไม่หันกลับมา “ถ้าเขิน ผมไปข้างหน้าคุณเอง”
อาทิตย์เดินไปที่หน้ามัทนี มัทนีรีบหันหลังให้
“พรุ่งนี้ เก้าโมง อย่าสาย”
มัทนีจะไป อาทิตย์คว้ามือไว้ จับมือ
“คุณอยากหย่ากับผมมากเลยเหรอ”
“ใช่ คุณจะได้ไปมีความสุขกับผู้หญิงมากมายที่คุณชอบ ทั้งคุณพลอย ทั้งเด็กคนนั้น “
อาทิตย์ดึงมือไว้ ไม่ให้กระชากออก
“จะไม่ถามเหตุผล หรือความรู้สึกที่ผมมีหน่อยเหรอ โอเค้ ได้ ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นคนอย่างนั้น ก็ได้ ผมตามใจคุณทุกอย่าง เพราะคุณไม่รักผมเท่าไหร่อยู่แล้วนี่”
“ผิด! ต้องพูดว่าชั้นไม่รักคุณเลยตังหาก พรุ่งนี้เจอกัน เก้าโมง”
“โอเค ซึ้ง”
อาทิตย์เดินแยกไป มัทนีใจหาย แต่เพราะทิฐิจึงเดินแยกกลับออกไป
อาทิตย์ชะงัก หันกลับมามอง มัทนีเดินแยกไป ไม่หันกลับมาอีกเลย อาทิตย์เศร้า
เย็นวันนั้นที่บ้านมัทนี จำเนียรกำลังนั่งดูละครทีวีอยู่ เหน่งกับโหน่งนั่งดูอยู่ด้วยร้องไห้ ซับทิชชู่กันเป็นระวิง
“เหน่งสงสารพระเอกค่ะ รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก”
“จะไปสงสารทำไม แหม ผู้หญิงมาทำเสียงหวานๆ ใส่นิดๆ หน่อยๆ ก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ มันก็สมควรแล้ว”
“จริงค่ะ ถ้าโหน่งเจอพระเอกที่ไหน จะตบเรียกสติสักสองที โง่ดีนัก”
สักพัก หาญกลับเข้ามา สีหน้าซีด จ๋อย หมดอาลัยตายอยาก
“อ้าวคุณหาญ หายไปไหนมาคะ กลับดึกเชียว”
“ไป หาเพื่อน”
“แน่ใจนะว่าเพื่อน”
หาญขนลุก อึ้ง
“แน่ แน่ใจสิ”
“ไม่ใช่ไปไล่ตามจับกิ๊กพ่ออาทิตย์อีกนะคะ” หาญโล่งอก “ยังไง พรุ่งนี้ยัยมัทจะหย่าแล้ว ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”
“อื้อ ผมขึ้นห้องก่อนนะ อยากสวดมนต์”
หาญจะเดินขึ้นไป แต่พอดีในทีวี เป็นเฮดไลน์นิวส์
“ตำรวจวางแผนล่อจับ แก๊งต้มตุ๋น อ้างตัวเป็นแฟนคลับศิลปินดัง หลอกบรรดาเสี่ยใหญ่ใจป้ำ ให้เอาเงินมาโหวตศิลปิน”
อ่านต่อตอนที่ 13