พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 3
จำเนียรเดินออกมาจากห้องอัด
พวกแฟนคลับที่มารออยู่ต่างก็เข้าไปรุมล้อมแสดงความชื่นชม ขอลายเซ็นขอถ่ายรูป
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ตามมาให้กำลังใจกัน อิชั้นปลื้มมากจริงๆ ค่ะ” ลิ้นจี่เดินออกมาจากในบริษัทเช่นกัน
“อ้าว นั่น คุณนายลิ้นจี่ สวัสดีค่ะ มาทำอะไรที่นี่คะ”
“อิชั้นมาคุยเรื่องโฆษณาในรายการน่ะค่ะ บริษัทคุณนายลิ้นจี่เป็นสปอนเซอร์ช่วงกูรูรักที่คุณจำเนียรเพิ่งจัดไปน่ะค่ะ ไม่ได้สนใจเลยเหรอคะเนี่ย น่าน้อยใจจัง”
“ตายแล้ว จริงเหรอคะ ชั้นก็มัวแต่ด่าผู้ชายเพลิน ตายๆ ต้องขออภัยจริงๆ ค่า”
“ให้อภัยค่ะ อิชั้นชอบ ผู้หญิงสมัยนี้มันต้องถึงลูกถึงคนอย่างคุณจำเนียรนี่แหละค่ะถึงจะเอาผู้ชายอยู่”
มัทนีเดินเข้ามา
“คุณแม่คะ เสร็จนานหรือยังคะ พอดีมัทเคลียร์งานเลิกช้าไปหน่อย แล้วรถก็ติ๊ด ติดค่ะ”
“อ้าว หนู คนนี้”
ลิ้นจี่จำมัทนีได้
“ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอิชั้นเองค่ะ ยัยมัท นี่ คุณนายลิ้นจี่ สวัสดีท่านสิลูก”
จำเนียรแนะนำอย่างภูมิใจ
“สวัสดีค่ะ” มัทนียกมือไหว้ลิ้นจี่
“หนูคนนี้ เหมือนป้าเคยเห็นในข่าว ใช่มั้ย ที่ไปต่อว่าพวกผู้ชาย อะไรสักอย่างใช่มั้ย”
“อ๋อ ค่ะ พอดี มัททำงานมูลนิธิเพื่อผู้หญิง แล้วช่วงนี้มันมีเรื่องพวกแก๊งไฮโซเพล์บอย ล่อลวงเด็กผู้หญิง แล้วก็ใช้เงินไกล่เกลี่ย ทุกอย่างให้หมดจด แล้วตอนนี้พวกนี้แก๊งเดียวกันเลยค่ะ พวกลูกอาเสี่ยกระเป๋าหนัก พ่อแม่คงจะเอาแต่เวลาไปหาเงิน จนไม่มีเวลาสั่งสอนลูก พวกนี้มันพากันมาสนับสนุนพวกนายจ้างชาย ที่ชอบลวนลามพนักงานหญิงที่เป็นลูกน้องอีก มัทคิดว่าเราจะปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ก็เลยต้องใช้สื่อช่วยเล่นประเด็นข่าว”
“เอ เหมือนเรื่องนี้คุ้นๆ สงสัยดูข่าวทีวีบ่อย หนูมัทนีเด็ดขาด เด็ดเดี่ยว เจริญรอยตามคุณแม่ไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะเนี่ย ดีนะคะ เก่งๆ แบบนี้ อิชั้นชอบ น้าก็มีลูกชายอยู่คนนึงนะ อยากแนะนำให้รู้จัก เอ้อ หนูมัทยังไม่มีแฟนใช่มั้ยจ๊ะ”
“คะ เอ่อ อ่อ มีแล้วค่ะ”
“ก็แค่ดูๆ กันค่ะ ยังไม่ตกลงปลงใจอะไร” จำเนียรรีบบอก
“เหรอ อืมไม่เป็นไรๆ อ๋อ นี่ๆ” ลิ้นจี่หยิบการ์ดเชิญในกระเป๋าออกมา “พอดี พรุ่งนี้บริษัทน้าจะเปิดตัวสินค้าสมุนไพรตัวใหม่ ยาว่านโด่ไม่รู้ล้มสูตรใหม่ คือ อย่าเพิ่งคิดไปในทางลามกนะคะ อิชั้นคิดค้นยาแผนโบราณทุกขนาน เพื่อใช้บำบัด แก้ปัญหา เยียวยาชีวิตคู่ให้ราบรื่น ครอบครัวจะได้ไม่แตกแยกเพราะเรื่องบนเตียงไม่สุขสม ไม่ได้มีเจตนาให้คนเอาไปใช้ในทางที่หมกมุ่นผิดศีลธรรมใดๆ เลย อิชั้นถึงอยากชวนคุณจำเนียรกับหนูมัท ไปงานเปิดให้ได้ เพราะงานนี้ เชื่อได้ว่าต้องมีพวกหื่น จิตอกุศลมาด้วยแน่ๆ คุณจำเนียรจะได้ไปช่วยจัดการคนพวกนี้ให้กระเจิงไงคะ ไปให้ได้นะคะคุณจำเนียร อิชั้นขอเรียนเชิญ”
“ค่ะๆ ถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไร จะไปนะคะ คุณแม่คะ ไปกันเถอะค่ะ มัทจองเวลาสปาเอาไว้แล้ว เดี๋ยวจะสาย”
“จะไปสปาเหรอ คุณน้าก็กำลังจะเปิดสปานะคะ ปลายๆ เดือนนี้แหละค่ะ เอาไว้จะไปเชิญอีกที แต่พรุ่งนี้ ต้องไปให้ได้นะ”
“ค่ะ”
“ไปก่อนนะคะคุณนา”ย
มัทนีรีบลากจำเนียรออกไป ลิ้นจี่มองตาม ชื่นชม ปลาบปลื้ม
“ลูกสาวคุณจำเนียร เจ้าอาทิตย์มันต้องเจอของแร๊งแบบนี้แหละ หึๆ ห้ะๆ ฮ่าๆ”
คืนนั้นที่หน้าผับวัยรุ่นแห่งหนึ่ง หาญในชุดพรางตัว เดินกระสับกระส่ายกลับไปกลับมาอยู่หน้าผับดูเวลา
“นกจ๋า เมื่อไหร่จะมาสักที นกๆ”
น้องนกเดินออกมาจากในผับ
“หานนี้ๆ”
“อ้าว เข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปๆ เรารีบไปกันเถอะจ้ะ ไปๆ” หาญบอก
“จะไปไหนนกมากับเพื่อนๆ กำลังแด๊นซ์กันสนุกเลย ไปๆ เข้าไปสนุกด้วยกันนะหานนี้นะ”
“เอาไว้ก่อน ตอนนี้หานนี้จะพานกไป เอ่อ ไปคุยธุระสำคัญ คุยกันให้เวิร์คให้แฮปปี้ก่อน แล้วค่อยกลับมาแด๊นซ์ก็ยังทันนะ ไปๆ”
“คุยอะไร ทำไมหานนี้ชอบขัดใจนกตลอดเลย นกอยากแด๊นซ์ก็ไม่ให้ อยากไปสมุยก็ไม่ให้ หานนี้ทำตัวน่าเบื่อมากเลยรู้มั้ย”
“ไปแด๊นซ์กับหานนี้ รับรอง แด๊นซ์กระจายแน่ ไปเร็ว ไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไป หานนี้อยากไปไหน ไปทำอะไรก็ไปเลย นกจะเข้าไปแด๊นซ์กับเพื่อน ปล่อย” น้องนกดึงมือหาญออก แล้วเข้าผับไป
“น้องนก เดี๋ยว”
หาญจะตามเข้าไป แต่การ์ดของร้านกันไว้
“ขอบัตรประชาชนด้วย”
“บัตรประชาชนอะไร ดูหน้าชั้น เป็นพ่อพวกแกได้ จะมาตรวจบัตรอะไรอีก หลบไป”
“ไม่มีบัตร เข้าไม่ได้” การ์ดกันไว้หน้าเหี้ยมมาก
“น้องนก ไปตามน้องนกออกมาให้ชั้นที ไปสิพวกแกรู้มั้ยว่าน้องนกสำคัญแค่ไหน มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นชาย ความมั่นใจ ความภาคภูมิ เป็นผู้ชายด้วยกัน เข้าใจกันหน่อยสิเว้ย ไปตามน้องนกมาให้ที ไปๆ”
พวกการ์ดได้แต่ยืนเข้ม ไม่แยแส หาญโวยวายๆ
เวลาผ่านไป หาญนั่งแกร่วรออยู่หน้าร้าน
“ทำไม๊ทำไมไม่พกบัตรประชาชน เฮ้อ น้องนกจะไม่ออกมาจนร้านปิดเลยหรือไง นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ” หาญบ่นแล้วดูมือถือ “น้องแนน ก็ไม่รับสาย น้องแต้วก็ดันเปลี่ยนเบอร์ โอ๊ยย หาญพร้อมแล้ว ขอแค่ใครสักคน ใครก็ด้ายยย”
ทันใดนั้นมือถือหาญสั่นๆ หาญดูเบอร์
“คุณจำเนียร จะโทรมาทำไมบ่อยๆ ถ้าคนจะรับ ก็รับไปนานแล้ว ตามตื๊ออยู่นั่นแหละ น้องนก เมียพี่ตามยิกๆแล้ว พี่ยอมเสี่ยงมีปัญหากับเมียขนาดนี้แล้ว ช่วยออกมาให้พี่ทดลองสรรพคุณยาสักทีเถอะ คุณพระคุณเจ้า ช่วยดลใจน้องนกทีเถอะ สาธุ”
ที่บ้านมัทนี จำเนียรกำลังชะเง้อมองรอหาญอยู่ สักพักก็หันกลับมาเห็นเหน่งกับโหน่งที่รออยู่เป็นเพื่อน แต่ทั้งสองแทบจะหลับไปแล้ว
“เอ้า เหน่ง โหน่ง ถ้าง่วงก็ไปเข้านอน ไปๆ ชั้นอยู่ของชั้นเองได้ เดี๋ยวอีกสักพักก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน ไปๆ”
“ก่อนเข้านอน ฝากปิดประตู ปิดไฟให้เรียบร้อยด้วยนะคะ” โหน่งบอก
“นังนี่ ฝากกะทั่งเจ้านาย” เหน่งต่อว่า
พวกเหน่งโหน่งกลับเข้าด้านใน จำเนียรพูดกับท่วมทุ่ง
“แล้วลูกล่ะ ถ้าง่วงก็นอนนะ โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก”
จำเนียรร้องเพลงกล่อมท่ามทุ่ง
สักพักหาญก็เดินคอตกกลับมา
“กัมมุนา วัตตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จะดิ้นรนไปทำไม ในเมื่อสุดท้าย มันก็กลายเป็นแค่ อากาศธาตุ ไร้ประโยชน์ ไม่ได้แตะแม้แต่มือ”
“คุณหาญ นี่คุณเป็นอะไรไป”
“ผมไปหาหลวงพ่อนกมา ผมไปหาอย่างคนตกทุกข์ได้ยาก แต่ท่านกลับไม่แยแสผมเลย ท่านใจร้าย ไม่ยอมให้ทานธรรมแก่ผม นี่หรือเมืองพุทธ ผมผิดหวังมาก”
“โถๆ ทั้งหมด อาจจะเป็นปริศนาธรรมที่หลวงพ่อท่านให้คุณไว้ขบคิดก็ได้”
“ไม่มีปริศนา ไม่มีธรรมอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรสักแอะ”
“คุณอาจจะได้ธรรมมาแล้ว แต่คุณยังไม่รู้ตัว”
“ผมไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ มันแย่มาก”
“โถๆ คุณจริงจังกับเรื่องธรรมะมากเกินไปแล้วนะคะ ธรรมะบางเรื่อง ต้องใช้เวลาถึงจะเข้าใจได้ เครียดไปก็เท่านั้น ปล่อยให้ค่อยๆ เป็นค่อยไปเถอะนะคะ”
“คุณไม่เข้าใจ ผมไม่ได้ทำ”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ธรรม ย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมเสมอ คุณมีธรรมอยู่ในใจ คุณย่อมได้รับผลแห่งธรรมนั้น”
“จริงเหรอ”
“ค่ะ”
“ได้” หาญคว้ามือจำเนียรลากไปทันที
“เดี๋ยวๆๆ คุณจะลากชั้นไปไหน”
หาญรีบลากจำเนียรไปทันที จากนั้นก็มีเสียงตึงตังๆ ดังออกมา ท่วมทุ่งมองตาม เห่าเบาๆ
เช้าวันใหม่ มัทนีนั่งอยู่ที่โต๊ะพักผ่อนในสวนสวย ท่วมทุ่งนั่งใกล้ๆ สักพักเหน่งโหน่งช่วยกันยกจานอาหารเช้า มีไข่ดาว เบคอน แฮม ขนมปังมานั่งทาน
“เหน่ง โหน่ง เมื่อคืนพวกเธอย้ายข้าวของอะไรกัน ทำไมไม่ทำตอนเช้า เสียงดังทั้งคืนเลยรู้หรือเปล่า”
“เหน่งไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“โหน่งก็หลับสนิทเป็นตายเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเถียงเลย แล้วนี่คุณแม่คุณพ่อยังไม่ตื่นอีกเหรอ วันนี้คุณแม่ต้องไปงานเปิดสินค้าใหม่คุณนายลิ้นจี่นี่นา”
มัทนีกำลังลุกจะเดินเข้าไปตาม พอดีกับจำเนียรเดินสวนออกมา
“มาแล้ว มา มาแล้ว”
จำเนียรแต่งหน้าสวย และชุดดูสดใส ฟูฟ่องกว่าปกติ เดินฮัมเพลง มีความสุข ท่วมทุ่งวิ่งไป ต้อนรับ
“ถึงโลกแตกแหลกลงกี่ครั้ง ฉันก็ยังรักเธอฝังใจ แม้จะสิ้นดวงจันทร์ไฉไล ไม่เป็นไรฉันยังมีเธอ”
“แม่ โอ้โห ไปทำอะไรมาคะเนี่ย” มัทนีมองจำเนียรอย่างแปลกใจ
“ทำอะไร แม่ดูอารมณ์ดีมากไปเหรอลูก”
“แม่สวยปิ๊งมากเลยค่ะ”
“คิๆ บร้าๆ สวยอะไรกัน เขิลนะ นังเหน่งนังโหน่ง ไปทำไข่ลวกมาทีสิ เอาหลายๆ ฟองเลยนะ เอามาให้คุณผู้ชาย” จำเนียรบอกแล้วอุ้มท่วมทุ่งไปจูบ “แหม ท่วมทุ่ง รักแม่ใช่ไหมลูก ใครๆ ก็รักเรา ฮิๆ”
“ค่ะ” โหน่ง เหน่องตอบรับพร้อมกัน
หาญเดินตามจำเนียรออกมา ด้วยท่าทางโผเผ
“ไม่ต้องไป ชั้นไม่กินไข่ลวก”
“อ้าว ทำไมคะ กินเยอะๆ จะได้มีแรงไง” จำเนียรบอก
“เมื่อคืน เป็นแค่ความฝันเท่านั้น” หาญเดินตาลอยออกไป “กัมมุนา วัตตะตี โลโก”
“กุ๊กๆ ฮิๆ” จำเนียรหัวเราะชอบใจ
“พ่อเป็นอะไรอ่ะคะแม่” มัทนีถามแม่อย่างแปลกใจ จำเนียรยักไหล่ สะบัดผม
“ม่รุ เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย”
มัทนีแปลกใจ งงๆ จำเนียรลงมือกินอาหาร ยังฮัมเพลง แล้วทำตาหวานปิ๊งไปมา ป้อนท่วมทุ่งบ้างนิดหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งที่งานเปิดสินค้าใหม่ บริเวณช็อปของคุณนายลิ้นจี่ในคอมมูนิตี้มอลล์แห่งหนึ่ง ที่ดิสเพลย์ชั้นวางผลิตภัณฑ์คุณนายลิ้นจี่ ขวดยาโด่ไม่รู้ล้มเรียงซ้อนๆ กันสูงขึ้นไปเป็นปีรามิด หันโลโก้หน้าคุณนายลิ้นจี่ออกมาเพียบๆ ดูโดดเด่นสวยงาม
พริตตี้สาวสวยกำลังแจกโบรชัวร์และสินค้าตัวอย่าง ผู้คนที่มุงดูสนใจ ส่วนใหญ่เป็นชาย มารอรับของตัวอย่าง มีหลายคนที่ถูกแฟนสาวเข้ามาดึงตัวให้ออกไป ลิ้นจี่เดินทักทายลูกค้าต่างๆ มองหาจำเนียรกับมัทนีแต่ยังไม่พบ
“เจ๊ภา คุณจำเนียรกับลูกสาวมาหรือยัง”
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ”
“แล้ว ตาอาทิตย์ล่ะ มาถึงยัง”
“ยังไม่เห็นเหมือนกันค่ะ”
“นี่มันสายแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีก เจ๊ภาโทรไปตามที ด่วนเลยนะ”
“เอ่อ ให้โทรตามใครคะ คุณอาทิตย์หรือคุณจำเนียร”
“ทั้งคู่นั่นแหละ”
ลิ้นจี่บอกแล้วหันไปอีกด้านเห็นพวกอเนก แท่น โทนี่เดินเข้ามาในงาน ทุกคนมีขวดสินค้าทดลองในมือ ตุนเอาไว้เยอะ ลิ้นจี่รีบเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับ คุณนายลิ้นจี่”
อเนกรีบซ่อนขวดยา แล้วยกมือไหวลิ้นจี่
“ลูกชายชั้นอยู่ไหน” ลิ้นจี่ถาม
“พวกเราขอบอกตามตรงว่า พวกเราไม่ทราบครับ”
“เดี๋ยวผมจะลองทวีตถามหาดูให้นะครับ เผื่อมีใครทราบ” โทนี่บอกแล้วหยิบมือถือมากด
“คุณนายลิ้นจี่ครับไม่ทราบว่า พริตตี้สองคนนั้น ชื่ออะไร จ้างมาจากไหนเหรอครับ ถ้าผมสนใจอยากเอาเข้าสังกัด” แท่นบอก
“จะเอาคนไหนล่ะ คนนึงพ่อเป็นตำรวจ อีกคนพ่อเป็นนักกีฬายิงปืน”
อีกด้าน พวกสื่อเริ่มทยอยเข้ามา มีกล้องทีวีมาด้วย ถ่ายรูปบรรยากาศงานและแขกไฮโซที่มางาน
“คุณนายลิ้นจี่ขา ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ” ช่างภาพคนหนึ่งบอก
“ค่ะๆ”
“ขอถ่ายทุกคนเลยนะคะ ชิดๆ กันค่ะ เอ้า หนึ่ง สอง ซั่ม”
“วันนี้สื่อมาเยอะนะครับ ยังกะมีแถลงข่าวซุปตาร์เลิกคบกันยังไงยังงั้นเลย” อเนกบอก
“เด็กค่ายชั้นแถลงข่าว สื่อยังไม่เยอะขนาดนี้เลย ดูดิ ทั้งนิตยสาร ทั้งทีวี มาเพียบเลย คุณนายลิ้นจี่ฮอตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” แท่นบอก
“หรือว่าจะมีเซเล็บมางานนี้ด้วย พลอย เฌอมาลย์ มาป่าววะ เดี๋ยวลองทวีตถามพวกแฟนคลับดู” โทนี่เอามือถือมากด
“อีกห้านาที จะเปิดอย่างเป็นทางการนะคะ เชิญนักข่าวช่างภาพมาหน้าๆ ตรงนี้เลยค่ะ จะได้ถ่ายรูปได้ถนัดๆ เชิญค่ะๆ” ลิ้นจี่บอก
พวกนักข่าวยังรออยู่ด้านหลัง มองออกไปนอกงาน
“เชิญด้านหน้าเลยคะนักข่าว” เจ๊ภาบอกกับนักข่าว พวกนักข่าวยังไม่สนใจไปหน้าๆ
งานกำลังจะเริ่ม แต่อยู่ๆ มีนักข่าวคนหนึ่งขึ้นมา
“มาแล้วๆ”
พวกนักข่าวกรูกันออกไปอีกด้านทันที ลิ้นจี่งง
ด้านหน้างานที่ติดถนน อาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้างาน
ทันทีที่ลงจากรถ ถอดกันน็อก พวกนักข่าวทั้งหนังสือพิมพ์ทั้งข่าวทีวีกรูกันมารุมสัมภาษณ์
“คุณอาทิตย์คะ รู้สึกยังไงที่ได้รับฉายาว่า หัวหน้าแก๊งไฮโซเพลย์บอยหนักแผ่นดินบ้างคะ”
“แล้วคลิปที่ผู้หญิงตบตีกันเพราะแย่งคุณ อันนี้จงใจปล่อยเอง เพราะอยากดังใช่มั้ยครับ”
“คุณนิสัยเสียแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว หรือเพิ่งมาแกล้งทำ เพราะคิดว่าเท่ห์ เจ๋ง คูล แนว อะไรทำนองนี้ใช่มั้ยครับ”
อาทิตย์งง ตั้งตัวไม่ทัน
อีกด้านหนึ่ง มัทนีกับจำเนียรเดินออกจากจากส่วนลานจอดรถ ถือช่อดอกไม้เตรียมตัวจะมาแสดงความยินดี
“มัทเดินเล่นรอแถวนี้ดีกว่า คุณแม่เข้าไปคนเดียวเถอะ”
“น่าเกลียด คุณนายลิ้นจี่ เธออุตส่าห์เป็นสปอนเซอร์ให้รายการที่เชิญแม่ประจำๆ แล้วเธอก็เป็นคนกว้างขวาง มีบารมี เผื่อจะช่วยสนับสนุนมูลนิธิลูกได้ เข้าทักทายหน่อย เอ๊ะ นั่นเค้ามุงอะไรกัน ต้องมีลดราคา ไม่ก็แจกของฟรีแน่ เดี๋ยวแม่มา”
จำเนียรรีบปรี่เข้าไปดู มัทนีตามไปด้วย
“อ้าว ไม่ใช่แจกของฟรี ว้า เสียเวลาจริงๆ เอ๊ะ นั่นคุณหมออาทิตย์นี่”
จำเนียรบ่นอย่างผิดหวัง แล้วเปลี่ยนเป็นแปลกใจเมื่อเห็นอาทิตย์
“เค้ามาทำไม หรือรู้ว่ามัทจะมา เลยคิดจะมาข่มขู่อีก แต่ สม ฮะๆ รู้สึกว่าเค้าจะตกที่นั่งลำบากอยู่นะคะแม่”
“เดี๋ยวๆ อยู่ๆ มาถามผมเป็นชุด นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” อาทิตย์ถามพวกนักข่าว
“ยังไม่เห็นข่าวนี้เหรอครับ นี่ครับ” นักข่าวคนหนึ่งยื่นหนังสือพิมพ์ให้ “สกู๊ปใหญ่ หน้าสี สองหน้าคู่ เขียนถึงคุณอาทิตย์กับก๊วนเพื่อน ว่าเป็นพวกลูกคนรวย ที่คิดว่าจะพล่าผลาญเพศหญิงยังไงก็ได้ เพราะรู้ว่าสามารถใช้เงินเปลี่ยนขาวเป็นดำ ผิดเป็นถูกได้”
“เฮ้ย ข่าวอีกแล้วเหรอ” อาทิตย์ตกใจมองหน้าหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวตัวโต และลงรูปอาทิตย์กับก๊วนเพื่อนเต็มๆ “ฝีมือใครอีกเนี่ย สกู๊ปโดย เอกชเยศร์ นี่มันอีกแล้วเหรอ”
“ว่ายังไงคะ”
“ถ้าผมบอกว่า ไอ้นักข่าวคนนี้มันหาเรื่องผม มันมั่วข่าวเอาเอง พวกคุณจะเชื่อผมมั้ย” อาทิตย์บอกนักข่าว
“นักข่าวที่ไหนจะมั่วข่าวเอาเองคะ อย่ามาใส่ร้ายกันสิคะ หาว่าพวกเราโง่เหรอคะ”
“ผมยังไม่ได้พูดคำว่าโง่สักคำ นี่ ยังงี้ เรียกมั่วข่าว”
“พูดแล้วไม่ยอมรับด้วย ไม่แมนเลย”
“เอาเล้ยๆ อยากจะเขียนอะไร ยังไง เชิญ เอาตามต้องการเลย มีปากกาในมืออยู่แล้วนี่”
อาทิตย์บอกอย่างมีอารมณ์
ลิ้นจี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเดินเข้ามาปกป้องอาทิตย์ พวกอเนกตามหลังมา
“คุณนายลิ้นจี่มาโน่นแล้วยัยมัท” จำเนียรบอกแล้วรีบทักทาย “สวัสดีค่ะ คุณนายลิ้นจี่” จำเนียรยื่นช่อดอกไม้ “อิชั้นยินดีด้วยนะคะกับ...” แต่ลิ้นจี่เดินผ่านไป จำเนียรชะงัก
“หยุดค่ะๆ คุณนักข่าว ตกลงว่าพวกคุณมาทำข่าวเรื่องอะไรกันคะ อิชั้นเชิญมางานเปิดสินค้าใหม่ และนี่ก็งานยังไม่ทันเริ่ม ก็มาวุ่นวายสัมภาษณ์อะไรกันคะ มีมารยาทบ้างหรือเปล่า แล้วตาอาทิตย์ ลูกชายคนเดียวของอิชั้น ก็ไม่ใช่คนสาธารณะ ไม่ต้องมาสัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น”
มัทนีกับจำเนียรอึ้ง
“ลูกชาย”
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง..ใครยังถ่ายลูกชายชั้น ชั้นจะแช่งให้ล้มไม่รู้โด่เลย ไป ถ้าจะมาร่วมงานเปิดร้านก็ไปนั่ง ถ้าไม่ใช่ก็กลับไป สินค้าของชั้นไม่ต้องการโปรโมทด้วยวิธีนี้ แต่ความดีของมัน จะโปรโมทตัวมันเอง อย่าถ่ายนะ อย่าถ่ายตาอาทิตย์ ไม่งั้นนักข่าวชายไม่ต้องเอาโด่ไม่รู้ล้มไปคนละขวด แล้วพวกนักข่าวหญิงก็จะอดยาว่านชักมดลูกหมดทุกคน อย่าเหี่ยวห้อยหดหู่หย่อนยานกันหมดก็ตามใจ”
พวกนักข่าวจ๋อย ไม่มีใครกล้าหือกับลิ้นจี่ พวกอเนกที่ตามมามอง เผลอปรบมือด้วยความสะใจ ลิ้นจี่หันขวับไปจ้องตาขวาง พวกอเนกซีดหมด
มุมหนึ่งในร้าน ลิ้นจี่อ่านสกู๊ปหนังสือพิมพ์จบ โมโห อาทิตย์และเพื่อนๆ ยืนหงออีกด้าน
“แก๊งไฮโซเพลย์บอยหนักแผ่นดิน เออ ดี ลูกชั้นกลายเป็นคนหนักแผ่นดินซะงั้น เอกชเยศร์ ไอ้นักข่าวคนนี้ คนเดียวกับที่ครั้งก่อนก็ทำเราถูกห้างใหญ่ปฏิเสธ ใช่มั้ย มันเป็นใคร ทำไมมันต้องเขียนข่าวโจมตีลูก”
“ก็พวกนักข่าว ที่คิดว่าตัวเองมีปากกาแล้วจะใหญ่คับฟ้าน่ะสิครับ”
“คุณนายลิ้นจี่ครับ มันเป็นความผิดผมกับไอ้โมกข์เองครับ คืออาทิตย์ไปช่วยผม จากคดีล่อลวงเยาวชน แล้วก็ไปช่วยไอ้โมกข์จากคดีลวนลามพนักงานในบริษัท อาทิตย์ก็เลยถูกเหมารวมไปด้วย” โทนี่บอก
“เออ ดี มีแต่เพื่อนดีๆ ทั้งนั้น แม่ไม่เข้าใจว่ามันธุระอะไรต้องไปออกหน้าแทนเพื่อนๆ พวกนี้ด้วยห้ะ”
“มองในแง่ดี ข่าวเสียๆ นี่ก็ทำให้คนดังชั่วข้ามคืนมานักต่อนักแล้วนะครับ” แท่นบอก
“ดังแบบนี้มันคงเป็นสิริมงคลกะวงศ์ตระกูลมากสินะ” ลิ้นจี่ทำเสียงประชด
“ผมขอโทษครับ และก็ขอโทษแทนไอ้โมกข์ด้วยครับ” โทนี่บอก
“ขอโทษตาอาทิตย์โน่น”
“ขอโทษนะอาทิตย์”
“เธอสองคนด้วย”
ลิ้นจี่หมายถึงอเนกกับแท่น
“อ้าว ผม สองคนยังไม่ได้ทำอะไรนะครับ” อเนกบอก
“ก็แค่ยังไม่พลาดเท่านั้นแหละ แต่อีกไม่นานก็ต้องพลาดเหมือนๆ กันหมด แล้วลูกชายชั้นก็ต้องมาเดือดร้อนปกป้องพวกเธอ ใช่มั้ย”
“ขอโทษนะอาทิตย์” แท่นกับอเนกบอกพร้อมกัน
“แล้วยังไง จะเอาไงต่อ จะฟ้องไอ้นักข่าวคนนี้มั้ย สกู๊ปมันอ่านปุ๊บก็รู้ว่ามันเจตนาจะโจมตีแกให้ตายคามือ แม่จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ”
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ยิ่งฟ้องก็ยิ่งต่อความยาวสาวความยืด เราก็จะมีแต่เสีย ปล่อยให้มันจบๆไปอย่างนี้แหละดีแล้วครับ ส่วนเรื่องนักข่าวคนนี้ ผมอยากจะจัดชุดใหญ่ให้มันเองมากกว่า”
อาทิตย์คิดจัดการกับเอกชเยศร์
ขณะนั้นจำเนียรลากมัทนีออกมาอีกมุมหนึ่ง
“ยัยมัท นี่ เมื่อกี้แม่ได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า พ่อหมออาทิตย์ เป็นลูกชายคุณนายลิ้นจี่ใช่มั้ย เจ้าของผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณที่คนทั้งประเทศไม่มีใครไม่รู้จัก แบบนี้ เค้าก็ไม่ใช่พวกลูกไฮโซกระจอกๆ นะ เค้ารวยมากเลยนะ ทั้งเงินทอง ทั้งภูมิปัญญาโบราณ มิน่าเค้าถึงนวดกดจุดเป็น ต้องเป็นสูตรโบราณคุณนายลิ้นจี่แน่ๆ”
“แม่คะ คุณนายลิ้นจี่เป็นคนดี มัทไม่เถียง ยาว่านของคุณนายลิ้นจี่ก็ดี มัทก็ไม่เถียง แต่นายอาทิตย์ไม่ใช่คนดีแน่นอน แม่อย่ามาเถียง”
“ไม่เถียงๆ งั้นไปทักทายคุณนายลิ้นจี่ก่อน”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ถ้าแม่อยากเข้าไป แม่ก็เข้าไปเถอะค่ะ แต่มัทขอตัว ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากเสวนากับนายอาทิตย์”
มัทนีบอกแล้วเดินออกไปเลย จำเนียรเซ็ง
มัทนีเดินกลับเข้ามาในบ้าน จำเนียรตามมา เอกชเยศร์นั่งเอกเขนกดูทีวี ยืดขาบนโซฟาแบบสบายอารมณ์สุดๆ มีเหน่งกำลังบีบนวดให้ ส่วนโหน่งคอยเอาน้ำมาเติมให้ดื่ม
“อ้าว เอก มาตั้งแต่เมื่อไหร่” มัทนีทัก
“มัทหายไปไหนมา คุณแม่ด้วยครับ รู้มั้ยว่าผมมารอนานมาก โชคดีนะที่ผมเป็นคนสบายๆ ไม่ใจร้อนอะไร อ้อ เมื่อกี้ผมให้เหน่งโหน่งออกไปซื้อมะม่วงน้ำปลาหวานมารับรองแขก มัทเอาเงินให้เค้าด้วยแล้วกันนะ”
“อะไรนะ” จำเนียรทำเสียงไม่ไอใจ มัทนีรู้ว่าจำเนียรจะวี้ด รีบห้าม
“ไม่เป็นไรค่ะ มัทออกเอง”
มีเสียงท่วมทุ่งเห่าดังมา
“เสียงท่วมทุ่งนี่ อยู่ไหน”
“อ๋อ ไอ้หมาไม่มีมารยาทตัวนั้นเหรอครับ มันมาเห่าแขก ผมเลยให้เหน่งโหน่งจับไปขังในห้องน้ำน่ะครับ”
“เธอเอาลูกท่วมทุ่งไปขังส้วม ตายแล้วๆ”
“เอกทำแบบนี้ได้ไง ไม่รู้เหรอว่าท่วมทุ่งน่ะลูกรักของคุณแม่ เฮ้อ เอกมาหามัท มีธุระอะไร”
“อ้ะ นี่ ผมเอาสกู๊ปข่าวมาให้มัทดู” เอกชเยศร์ยื่นหนังสือพิมพ์
“มัทเห็นแล้ว”
“งั้นนั่งๆ มารอดูผลงานของเอกพร้อมๆ กัน รับรองว่ามัทต้องไม่เคยดูข่าวอะไรบันเทิงเท่านี้อีกแล้ว มาแล้วๆ”
ภาพในทีวีจากโฆษณา ตัดเข้ารายการข่าวพอดีโดยมีพิธีกรชายหญิงพูดคุยกันถึงข่าวของอาทิตย์
“เรามาติดตามเรื่องของแก๊งไฮโซเพลย์บอยที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ต่อ”
“วันนี้ สายข่าวรายงานว่าแก๊งไฮโซแก็งนี้จะไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของคุณนายลิ้นจี่ เพราะว่าหนึ่งในแก๊งหรือจะเรียกว่าหัวโจกของแก๊งเลยก็ว่าได้คือ คุณอาทิตย์ บวรกิจบรรหาร ทายาทของคุณนายลิ้นจี่นั่นเอง”
ภาพในทีวีเป็นภาพพวกอเนกที่ยืนดูห่างๆ และภาพอาทิตย์ ช่วงที่นักข่าวรุมสัมภาษณ์อาทิตย์มากมาย จนกระทั่งลิ้นจี่เข้ามาออกโรงปกป้องอาทิตย์ไล่นักข่าวกระเจิงไป
“คุณนายลิ้นจี่แกแรงเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เนอะ ฮะๆ” เอกชเยศร์บอกแล้วหัวเราะ
“ตอนนี้ กระแสในสังคมไซเบอร์ก่นด่าก๊วนของนายอาทิตย์ดุเดือดเลือดสาดมาก อย่างเช่น นายอาทิตย์ไม่มีจิตสำนึก คิดว่ารวยแล้วจะเหยียบย่ำคนหาเช้ากินค่ำยังไงก็ได้เหรอ คนแบบนี้ เจอหน้าที่ไหน ต้องโห่ไล่ที่นั่น” เสียงนักข่าวชาย รายงาน
“นั่นๆ มัทได้ยินมั้ย ประโยคเมื่อกี้ ผมไปโพสต์ปั่นกระทู้เอาไว้เอง กร๊ากๆ ฮะๆ” เอกชเยศร์หัวเราะชอบใจ
จำเนียรอุ้มท่วมทุ่งออกมา โอ๋ๆ เอกชเยศร์มองท่วมทุ่ง ท่วมทุ่งแฮ่ใส่ เอกชเยศร์ไม่สน
“อะไรกัน เขียนข่าวเอง ปั่นกระแสเองได้ด้วยเหรอ” จำเนียรถามขึ้นมา
“ถ้าไม่ทำงี้ ข่าวก็ไม่หนุกสิครับน้า มัทเชื่อมือผมได้ ประเด็นที่ผมเล่น มันต้องถูกเสียบประจาน ถ้ามันไม่หนีไปอยู่เมืองนอก มันก็ต้องหน้าด้านมากเท่านั้นแหละ อ้อ แล้วคดี นายโมกข์เพื่อนในก๊วนนายอาทิตย์ ที่ลวนลามลูกน้อง ไปถึงไหนแล้ว มัทอย่าชะล่าใจนักนะ จะเล่นคนพวกนี้ ต้องตีซ้ำๆ อย่าให้พวกมันมีเวลาตั้งรับ ไม่อย่างนั้นมันจะใช้อำนาจเงิน เล่นกลจนคดีหลุดไปอีก”
“มัทเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว พรุ่งนี้มัทจะไปพบคุณปะการัง จัดการนายโมกข์ให้ราบคาบ”
“เยี่ยม งั้นวันนี้ต้องฉลอง เมื่อกี้ผมสั่งเหน่งโหน่งแล้วว่าผมอยากกินอะไรบ้างไปแล้ว คุณน้าจำเนียรอยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ ตามสบาย”
“เชิญตามสบายเถอะจ้ะ น้าไม่อยาก”
จำเนียรเดินอุ้มท่วมทุ่งแยกออกไป เอกชเยศร์สบายอารมณ์ต่อไป
ที่บ้านอเนก โทนี่โชว์รูปเอกชเยศร์ยิ้มเผล่ชูสองนิ้วจากหน้าจอไอแพดให้เพื่อนๆ ดู
“นี่คือ โฉมหน้าไอ้เอกชเยศร์ ดูหน้ามันไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
“แก๊งเราไม่เคยใช้กำลังทำร้ายใครอยู่แล้ว เราจะตอบโต้มันด้วยสมอง แต่รับรองได้ว่าสาหัสยิ่งกว่าใช้กำลังซะอีก” อเนกบอก
“เฮ้ยๆ นักสืบพันทิพย์ตรวจสอบไอพีแอดเดรสของคนที่ปล่อยคลิปแพรวาตบกับอายูมิแล้วเว้ย ไอ้ข้อสรุปว่ามาจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ที่ไอ้เอกชเยศร์ทำงานอยู่จริงๆ” โทนี่บอก
“แสดงว่ามันตั้งใจจะเล่นงานพวกเราจริงๆ มันไปแค้นอะไรนายมาจากไหนวะ” แท่นหันมาถามอาทิตย์อย่างแปลกใจ
“มันไม่ได้แค้นเราตรงๆ หรอก แต่แฟนมันเกลียดเรา มันก็เลยเกลียดด้วย เลิฟมี เลิฟมายด๊อก ยัยมัทนี เจ้าหน้าที่มูลนิธิคนนั้น ลูกอีตาพี่หานนี้ไง หล่อนเป็นแฟนกับเอกชเยศร์ ยัยนี่มันจ้องจะเล่นเราแบบไม่ลืมหูลืมตา เราคงต้องหาทางแท้งกิ้วเซอร์ไพร้ส์สองคนนี้ซะหน่อย” อาทิตย์บอกแล้วเมื่อหันไปทางโมกข์ก็เห็นโมกข์นั่งนิ่ง มองมือถือ “ไอ้โมกข์ ถ้าแกอยากจะโทรหาเมีย ก็โทรไปเถอะ ไม่ต้องฟอร์ม”
“ใครสนยัยปีศาจแมงมุมกัน ชั้นเป็นห่วงน้องเชอรี่มากกว่า ไม่รู้ถูกชีเล่นงานยังไงบ้าง”
“นี่แกไม่คิดจะง้อคุณปะการังเค้าหน่อยเหรอวะ”
“ง้อทำไม ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ยัยปีศาจแมงมุมจอมโหด ชั้นไม่ทนแล้ว ชั้นจะหย่า”
“เฮ้ย”
เพื่อนๆ ตกใจ
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ห้องทำงานปะการัง
ปะการังยืนมองหน้าต่างในห้องทำงานอยู่ เธอมองออกไปด้านนอกห้องที่เป็นบรรยากาศรื่นสงบ ต้นไม้ใหญ่พลิ้วไหวในสายลมอ่อนๆ มัทนีเดินมาหยุดด้านหลัง ไกลออกไปอีกมุมห้องมีทนายความนั่งอยู่
“คุณปะการังจะตัดสินใจยังไงคะ” ปะการังเหม่อ “คุณปะการังคะ”
ปะการังได้สติ
“คะ อะไรนะ”
“เรื่องฟ้องคุณโมกข์ สามีของคุณ คุณปะการังจะตัดสินใจยังไงคะ”
“ชั้น เอ่อ”
“ชั้นทราบค่ะว่า มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ชั้นอยากให้เคสนี้ เป็นเคสตัวอย่าง เพื่อให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของเจ้านายบ้ากามรู้ว่าเราสามารถจัดการได้ คุณปะการังคะ ยังไง มูลนิธิของชั้นก็จะอยู่ข้างน้องเชอรี่ และส่งเรื่องฟ้องแน่ ชั้นไม่อยากทำให้คุณและโรงแรมของคุณต้องมาเดือดร้อนด้วยนะคะ”
“ถ้าชั้นไม่ฟ้อง โรงแรมก็ต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่โมกข์เค้าเป็นพนักงานของโรงแรมด้วย ใช่มั้ย” ปะการังถาม
“ค่ะ” ปะการังลังเล ลำบากใจ “คุณปะการังคะ เค้าทำกับคุณขนาดนี้ อย่าบอกนะคะว่าคุณยังรักเค้าอยู่”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านอเนก โมกข์เดินหนี ไม่อยากตอบคำถามเพื่อนๆ
“ไอ้โมกข์ ถึงขั้นจะหย่ากันเลยเหรอวะ”
“ชั้นคิดทบทวนดูแล้ว ตั้งแต่ที่แต่งงานกัน ชั้นก็ถูกครอบครัวของยัยปีศาจแมงมุมโขกสับมาตลอด พวกนักธุรกิจ ที่ดูถูกดารานายแบบ ถึงชั้นขายรูปร่างหน้าตา แต่ชั้นก็มีสมองนะเว้ย แต่คนพวกนั้น มองชั้นเหมือนเป็นปลวก แล้วเรื่องอะไรชั้นจะกลับไปเป็นปลวกให้คนพวกนั้นอีก พอกันที หย่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป” โมกข์บอกอย่างมีอารมณ์
“เดี๋ยวๆ แกคิดให้ดีก่อนนะ ถ้าหย่า แล้วแกจะไปทำอะไรกินวะ” โทนี่ถาม
“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปถ่ายแบบ แกสู้อะไรเด็กๆ สมัยนี้ไม่ได้แล้วนะเว้ย เดี๋ยวนี้ เด็กสิบห้าสิบหกก็มีซิกแพ็กเอ็ทแพ็กหมดแล้ว แกมีกี่แพ็ค” แท่นบอก
“ชั้นรู้น่า ชั้นคิดไว้แล้ว ชั้นว่าจะถ่ายอัลบั้มลับเฉพาะ”
“หา” เพื่อนอุทานพร้อมกัน
“อัลบั้มลับเฉพาะ เปลือยแบบมีศิลปะ ถ่ายเรียกกระแส เอาให้ฮือฮา เดี๋ยวก็มีผู้จัดละครมาจ้างเองแหละ” แท่นบอก
“แกคิดผิดคิดใหม่ได้นะ” อเนกบอก
“ไม่ก็กลับไปง้อคุณปะการังเถอะนะ ชั้นขอร้อง” โทนี่บอก
“ไอ้โมกข์ ชั้นว่าแกตัดสินใจด้วยอารมณ์เกินไป จริงๆ แล้ว แกไม่ได้อยากหย่าหรอก แกอาจจะประชด หรือน้อยใจเมียแก แต่นี่ไม่ใช่ทางออกนะเว้ย” อาทิตย์บอก
“คนที่นอนกับยัยปีศาจแมงมุมคือชั้นเว้ย ไม่ใช่แก แล้วแกจะมารู้ดีกว่าชั้นได้ไงวะ ชั้นบอกว่าหย่าก็คือหย่า”
โมกข์บอกเด็ดขาด อาทิตย์อึ้ง
คืนนั้นปะการังยังอยู่ที่ห้องทำงาน ปะการังวางเอกสารต่างๆ ที่มัทนีทิ้งเอาไว้ วางลงบนโต๊ะ แววตาสับสน ไม่แน่ใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดหาเบอร์ของโมกข์ มีรูปโมกข์ขึ้นที่เบอร์นั้น จ้องๆ จดๆ แต่ไม่กล้ากดโทรออก
ปะการังหันไปมองอีกด้านที่มีกรอบรูปคู่ของปะการังกับโมกข์ ปะการังสับสน น้ำตาซึมรื้น
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมไม่คิดทำอะไรให้มันดีขึ้น” ปะการังกดโทรออก แต่แล้วก็รีบตัดสายทิ้ง “ไม่ ชั้นทำไม่ได้”
ปะการังวางกระแทกมือถือลงที่โต๊ะ แล้วสไลด์เก้าอี้ถอยหลัง ลุกเดินหนี ออกห่างจากมือถือ แบบไม่สามารถทำได้ ไม่อยากโทรหาโมกข์
ปะการังสับสน เดินไปเดินมา ก่อนจะครุ่นคิดจนตัดสินใจ หันกลับมามองมือถือแน่วแน่ แล้วมาหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แววตาแน่วแน่ เด็ดเดี่ยว แล้วกดโทรออก ปะการังถือมือถือแนบหูและพูดสาย
“เอ่อ คือ วันนี้ คุณว่างมั้ย ตอนนี้ มาพบชั้นทีได้มั้ย ชั้นมีเรื่องอยากคุยด้วย”
ที่คอฟฟี่ช็อปของโรงแรม ปะการังนั่งรออยู่ที่โต๊ะคนเดียว ท่าทางตื่นเต้น กระสับกระส่าย กังวลๆ แต่แล้วทันใด ก็มีผู้ชายมายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ปะการังชะงัก เงยหน้ามองปรากฏว่าเป็นอาทิตย์
“โทรตามผมมาด่วน มีเรื่องอะไรครับคุณปะการัง”
“เชิญนั่งก่อนเถอะ” อาทิตย์นั่งลง “เอ่อ ดื่มอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณปะการังมีธุระอะไรพูดมาได้เลย ผมนัดพวกเพื่อนๆไว้ว่าจะไปโรงพยาบาลต่ออีก”
“ชั้นมีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับ โมกข์ เอิ่ม คุณคิดว่าไง ถ้าชั้นจะ ฟ้อง”
“ฮะๆ จะฟ้อง ฟ้องเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนผมมันจะยังอยู่ชดใช้ความผิดให้คุณไหวหรือเปล่า มีธุระแค่นี้ใช่มั้ยครับ”
“เดี๋ยว คุณพูดยังกับว่าโมกข์เป็นอะไร”
“อ้าว นี่คุณยังไม่รู้เหรอ ก็ อุ๊บ” อาทิตย์ทำเป็นยั้งปาก
“ก็อะไร โมกข์เป็นอะไร”
“อย่าถามเลยครับ ผมไม่อยากผิดคำสัญญากับเพื่อนอีก ผมขอตัวนะครับ”
“โมกข์ป่วยเหรอ ที่บอกว่าจะไปโรงพยาบาลต่อคือไปเยี่ยมโมกข์ใช่มั้ย โมกข์เป็นอะไร อยู่โรงพยาบาลไหน บอกชั้นมา” ปะการังถามเป็นชุด
“ผมไม่บอกหรอก เดี๋ยวคุณกับมูลนิธิเพื่อหญิงที่น่านับถือมากๆ ของคุณ จะตามไปเยาะเย้ยราวีเพื่อนผม ต่างคนต่างอยู่เถอะ ไม่ต้องตื๊อ ผมไม่บอกอะไรคุณทั้งนั้น ต่อให้เพื่อนผม ตาย ผมก็จะไม่บอกคุณ คุณจะไม่มีวันได้รับรู้เรื่องของนายโมกข์อีกตลอดไป”
อาทิตย์เดินหนี แยกออกมาตามทางเดินอีกด้าน ปะการังวิ่งตามออกมา
“คุณอาทิตย์ บอกชั้นมาว่าโมกข์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน”
“ผมไม่บอก”
“ชั้นเป็นภรรยาเค้านะ ชั้นมีสิทธิ์ที่จะรู้”
“เอ้า เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดหยกๆ ว่าจะฟ้องเพื่อนผม เอาไงกันแน่คุณ แบบนี้สินะ เพื่อนผมถึงได้ตรอมใจ”
อาทิตย์เดินไป ปะการังตามไว้อีก
“บอกชั้นมา โมกข์อยู่ไหน” ปะการังถามเสียงจริงจัง
“ผมไม่บอก”
“ชั้น...”
“อะไรครับ”
“ชั้น...”
ปะการังน้ำตาไหล เป็นหยด แต่ยังจ้องคาดคั้นอาทิตย์แน่วแน่ จริงจัง เพราะไม่อยากเลิกกับโมกข์
“นายโมกข์ไม่ได้เป็นอะไรหรอก มันยังสบายดีทุกอย่าง” ปะการังอึ้ง “แต่ แต่ที่ผมทำแบบนี้ เพราะผมอยากรู้ว่าคุณยังรักเพื่อนผมอยู่หรือเปล่า และผมก็ได้คำตอบแล้ว”
อาทิตย์อึ้งๆ แต่อีกใจก็สมหวังตามแผนการ
ปะการังปาดน้ำตา
“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากทำร้ายนายโมกข์หรอก ใช่มั้ยครับ ถามจริง มีคนเชียร์ให้คุณฟ้องมันใช่มั้ย และถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นมูลนิธิผู้หญิงอะไรนั่น ถูกมั้ยครับ”
“สหภาพแรงงานเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด”
“คุณปะการัง ถ้าคุณไม่อยากเสียนายโมกข์ไป ผมแนะนำได้อย่างเดียว คุณต้องถอนเรื่องออกมาจากมูลนิธินั้น แล้วก็เลิกคบคนชื่อมัทนีให้เด็ดขาด”
“จะให้ชั้นไปถอนเรื่อง ชั้นทำไม่ได้หรอก”
“ยัยมัทนี โรคจิต บ้าพลัง เรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็ปลุกปั่นให้เป็นประเด็นใหญ่โต แล้วก็ลงเอยที่เชียร์ให้คนเลิกกัน พรากผัวพรากเมีย ทั้งๆ ที่เค้ายังรักกันอยู่ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวคุณเอง คุณต้องการอะไร แบบไหน ต้องตัดสินใจเอง นี่มันเรื่องของคุณกับเพื่อนผม เท่านั้น”
“ชั้น ชั้นไม่รู้จะพูดกับมูลนิธิยังไง”
“คุณไม่ต้องพูด อยู่ๆ เฉยๆ แค่คุณนัดเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาก็พอ คนที่ชื่อมัทนีน่ะ แล้วที่เหลือ ผมโซโล่ให้เอง”
คืนเดียวกันนั้นที่บ้านมัทนี มัทนีกำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“พี่ชะฎาคะ พี่ต้องคอยประกบคุณปะการังให้ดีๆ นะคะ มัทไม่อยากให้มีใครไปทำหรือพูดอะไรให้เธอเปลี่ยนใจเหมือนคดีก่อนที่เจ้าทุกข์ยอมความ แล้วก็จบกันง่ายๆ แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้า แจ้งด้วยนะคะ ค่ะๆ”
มัทนีวางสาย หาญเดินกดโทรศัพท์ผ่านมา อีกมือหนึ่งถือขวดยาที่เหลือครึ่งขวด
“ยายังเหลืออีกตั้งครึ่ง น้องนกจ๋า รับสายหานนี้สิคะ รับเถอะนะ นะๆ”
“พ่อคะ โทรหาหลวงตาอีกแล้วเหรอคะ” มัทนีถาม หาญสะดุ้ง
“ยัยมัท อื้อ ใช่”
“พักนี้พ่อโทรหาหลวงตาบ๊อยบ่อย พ่อมีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือเปล่าคะ”
“เรื่องทุกข์ มีสิ มีมาตลอดแหละ โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ พ่อรู้ซึ้งเลยว่าคนเราไม่ควรทำอะไรตามอารมณ์ เพราะมันจะทำให้เรายิ่งทุกข์หนัก พ่อถึงต้องพยายามจะแก้ไข ทำเรื่องผิด ให้ถูกไงแต่หลวงพ่อไม่รับสายเลย”
หาญกดโทรศัพท์ต่อ อยู่ๆ มือถือมัทนีดัง มัทนีดูเบอร์แล้วรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณปะการัง”
เช้าวันใหม่ที่โรงแรมของปะการัง มัทนีเดินเข้ามาที่โรงแรม เลขาของปะการังรออยู่ก่อนแล้ว เลขายกมือไหว้แล้วผายมือเชิญมัทนีให้เดินตามไป
เลขาพามัทนีมาที่บริเวณสวนของโรงแรม ให้นั่งรอ
“คุณปะการังท่านกำลังมาค่ะ รอสักครู่นะคะ” เลขาบอกแล้วออกไป
มัทนีนั่งรอ สั่งเครื่องดื่ม นั่งสบายๆ ที่มุมหนึ่ง อาทิตย์แอบมองมัทนีอยู่ แววตาแวววาว เจ้าเล่ห์
“มัทนี คนสวย วันนี้คุณโดนแน่ หึๆ”
ระหว่างที่นั่งรอพนักงานยกน้ำแตงโมปั่นมาเสิร์ฟให้มัทนี แต่แล้วสักพัก อาทิตย์ก็เดินออกมาจากอีกทาง ท่าทางเศร้า ปาดน้ำตา สะอื้นๆ
“นาย นายมาที่นี่ทำไม มาหาคุณปะการังเหรอ มีธุระอะไรไม่ทราบ” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“นี่ คุณ...” จากเศร้า กลายเป็นกล่าวโทษ “ยังมีหน้ามาพูดอีก! เพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว เพราะคุณ”
“อะไร อยู่ดีๆ มาว่าชั้นเรื่องอะไร อย่ามาหาเรื่องกันนะ”
“ฆาตกร”
“นี่ ชั้นไปฆ่าใคร ถ้าชั้นจะฆ่าใคร นายนี่แหละคนแรก รู้ไว้ด้วย”
“คุณมันฆาตกรเลือดเย็น ทำให้คนรักกันไม่ได้อยู่ด้วยกันก็แย่แล้ว นี่ยังจะทำให้คนๆ นึงต้องตายทั้งเป็น คุณยังมีหัวใจบ้างหรือเปล่า ทำกับเพื่อนผมแบบนี้ได้ยังไง”
“เพื่อนนาย ใคร นายโมกข์เหรอ ทำไม พอรู้ว่าคุณปะการังกำลังดำเนินเรื่องฟ้องร้อง กลัวถึงขั้นจะตายเลยเหรอ ไม่ต้องกลัว ยังไงก็โดนแน่ พวกเจ้านายหื่นๆ ชั้นไม่เก็บเอาไว้ทำปุ๋ยหรอก”
“เพื่อนผมไม่ได้กลัว แต่เพื่อนผมกำลังจะตายจริงๆ”
“อะไรนะ”
มัทนีตกใจ
“ไอ้โมกข์เข้าโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ หมอบอกว่า ไอ้โมกข์ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ลูคีเมียระยะสุดท้าย ยิ่งมันตรอมใจ มะเร็งก็ยิ่งลุกลาม ผมเลยมาขอร้องให้คุณปะการังไปดูใจมันบ้าง อย่างน้อยมันจะได้จากไปอย่างสงบ แต่คุณปะการังไม่ยอมไป รู้มั้ยเพราะอะไร ก็เพราะคุณ คุณคนเดียว สะใจคุณแล้วสิ”
“นาย หยุดเพ้อเจ้อดีกว่า ชั้นไม่หลงกลนายหรอก จะมาเรียกร้องความสงสาร ให้คุณปะการังเห็นใจไม่ฟ้องร้องใช่มั้ยล่ะ”
“คิดได้ไงเนี่ย ทุเรศว่ะ”
“นี่นายด่าผู้หญิงว่าทุเรศเหรอ”
“ก็คุณมันทุเรศจริงๆ เพื่อนผมจะตายอยู่แล้ว ยังมาหาว่ามันเสแสร้งอีก แย่ว่ะ”
“พวกนายต่างหากที่แย่ ทุเรศ ใครเชื่อคนอย่างพวกนายก็โง่และบ้าเต็มทีแล้ว”
“ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นดูนี่เลยนะยัยคนมีสติสัมปชัญญะดีดูคลิปนี้ให้เต็มๆ ตา คนๆ นึงกำลังจะตายเพราะความฉลาดของคุณ ดูไว้ซะ”
อาทิตย์มาประกบข้างมัทนี กดคลิปในมือถือให้มัทนีดู อาทิตย์แอบเหลือบไปมองอีกด้าน เห็นโทนี่ถือกล้องถ่ายรูปซ่อนอยู่ อาทิตย์ใช้มืออีกข้างนึงอ้อมมาทำท่าโอบเอวมัทนี โทนี่รีบถ่าย แชะๆๆ
“นายจะเล่นอะไร ไม่เห็นมีภาพอะไรเลย”
“มีสิๆ นั่นไง มาแล้ว”
ภาพในคลิปเป็นโมกข์นอนหลับอยู่บนเตียง หน้าซีดๆ มีผ้าเช็ดหน้าผูกคลุมศีรษะเอาไว้ เหมือนคนป่วยเป็นมะเร็ง ไอแค่กๆๆ ส่งเสียงโอดโอย
“โอย ปวด ปวดเหลือเกิน ปวดหัวซ้าย ปวดหัวขวา ปวดหน้า ปวดหลัง ปวดพร้อมๆ กัน แค่กๆ”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านอเนกห้องพักโมกข์ โมกข์ในชุดคนไข้ แอคติ้งต่อเนื่องทำท่าโทรมๆ อิดโรย ไอแค่กๆ
“คัท เยี่ยมมากเลยไอ้โมกข์ ไม่เสียชื่อนายแบบเก่าจริงๆ” แท่นบอก
“แกว่าดีแล้วเหรอวะ ถ่ายใหม่ก็ได้นะเว้ย เผื่อลูกค้าอยากได้แบบป่วยหนักกว่านี้ ชั้นกลัวไม่ได้เล่นหนังโฆษณาว่ะ” โมกข์บอก
“ชั้นส่งคลิปแรกไปให้ลูกค้าดูแล้ว ลูกค้าตอบกลับมาว่าชอบมาก แกดูเหมือนป่วยใกล้จะตายจริงๆ” อเนกบอก
“ถ้าคุณปะการังเห็นรับรองต้องสงสารเห็นใจแกแน่ๆ” แท่นหลุดปากบอก
“ไอ้แท่น” อเนกเรียกเสียงเข้มเตือน โมกข์เอะใจ
“ปะการังเกี่ยวอะไร ไหนแกบอกว่าถ่ายไปแคสงานโฆษณาไง เฮ้ย นี่ พวกแกอย่าบอกนะว่า พวกแกส่งคลิปนี้ไปให้ยัยปีศาจแมงมุมดู ชั้นไม่เอาด้วยนะเว้ย” โมกข์ถอดชุดต่างๆ ออก “ชั้นจะไม่กลับไปคืนดีกับปะการังเด็ดขาด”
“เฮ้ยๆๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นไอ้โมกข์” อเนรีบบอก
“พวกแกไม่ต้องโกห...เสียแรงที่รักและไว้ใจ พวกแกทั้งหมดมันเพื่อนทรยศ”
โมกข์ตัดพ้อแล้ววิ่งเตลิดหนีออกไป
“เฮ้ย รีบไปตามมันมาเร็ว ไอ้อาทิตย์มันเริ่มแผนขั้นที่สองแล้ว เดี๋ยวไม่ทันการณ์”
แท่นกับอเนกตกใจ รีบตามไป
ขณะนั้นมัทนีดูคลิปในมือถืออยู่ ในขณะที่อาทิตย์ยังแอบโอบเพื่อให้โทนี่ถ่ายรูปไม่หยุด มีแอบทำหน้าซบหลัง ยกมือมาทำเหมือนลูบหัวมัทนี
“ป่วยหนักขนาดนี้เลยเหรอ” มัทนีบอกแล้วเอะใจ หันมามองเห็นอาทิตย์ทำท่าแปลกๆ มัทนีรีบผละออก “เป็นอะไร ยุกยิกยั้วเยี้ยอะไรข้างหลังชั้น”
“ผมเป็นอะไรเหรอ ผมก็ ก็เสียใจน่ะสิ โฮๆ ฮือๆ” อาทิตย์โผกอดมัทนี ดึงมัทนีมากอด “ไอ้โมกข์ เพื่อนรักผมกำลังจะตายยย”
โทนี่รีบถ่ายรูปอีก แชะๆๆ
“นี่ ปล่อยชั้นนะ ปล่อย อี๋ แหวะ ออกไป”
“ไม่ต้องรังเกียจผมเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้ คุณมีบุญนะที่ได้กอดผม สาวๆ คนอื่นแย่งกันจะเป็นจะตาย ผมยังไม่ให้กอดเลย”
“คิดว่าชั้นอยากโดนตัวนายเหรอ นายมันก็เหมือนส้วมสาธารณะ มากคนใช้ มากความสกปรก กอดไปก็มีแต่เขรอะ”
“เออ ผมมันเขรอะ แต่ผมก็ไม่เคยเป็นต้นเหตุทำให้ใครตรอมใจจนตายแบบคุณแล้วกัน”
“ชั้น ชั้นไม่ได้ทำอะไร”
“คุณก็เห็นสภาพไอ้โมกข์แล้ว ยังจะไม่ยอมรับอีกเหรอ”
“ถ้าเป็นคนอื่นพูด ชั้นคงจะเชื่อไปแล้ว แต่นี่เป็นนาย ต่อให้เพื่อนนายมานอนตายอยู่ตรงหน้า ชั้นก็ไม่เชื่อ”
“งั้นคุณคุยกับหมอ ผมจะต่อสายหมอที่ดูแลนายโมกข์โดยตรงให้”
“แน่จริงก็เอาซิ๊”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านอเนก โมกข์เดินหนีออกมาที่ชั้นล่างของตึกแถว แท่นกับอเนกรีบวิ่งตามมา
“ไอ้โมกข์ แกรอก่อนเว้ยๆ แกเข้าใจผิดอยู่” แท่นเรียก
“พวกแกคิดถามชั้นสักคำมั้ย ว่าชั้นอยากคืนดีกับยัยจอมมารหรือเปล่ามั้ย เป็นเพื่อนกัน ทำแบบนี้มันเจ็บรู้มั้ย”
“มันไม่ใช่เรื่องของแกกับเมีย นี่มันเป็นเรื่องของไอ้อาทิตย์ล้วนๆ เพียวๆ แกต้องช่วยด้วย ไม่งั้นทุกอย่างพังพินาศหมด”
“อ๋อ ไอ้อาทิตย์เป็นคนวางแผนทั้งหมดใช่มั้ย ชั้นจะไปหามัน”
“เฮ้ย ไปไม่ได้เว้ย แกต้องป่วยอยู่”
“ปล่อยชั้น ชั้นจะไปถามให้รู้”
โมกข์ดื้อดึงจะไปให้ได้ อเนกกับแท่นช่วยกันดึงรั้งจับตัวโมกข์เอาไว้ โมกข์ดิ้นๆ สองคนพยายามช่วยจับ จนล้มไปนัวเนียกันที่พื้น เอนกกับแท่นตัดสินใจโดดทับโมกข์เอาไว้ทั้งตัว
“ปล่อยชั้น ไอ้เพื่อนทรยศ ปล่อย”
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา มองด้วยสายตาขบขัน ปนบัดสีบัดเถลิง ทันใดมือถือของแท่นดัง แท่นหยิบมาดูเบอร์
“ตายๆ ไอ้อาทิตย์โทรมาแล้ว ได้เวลาหมอออกสื่อแล้ว หมอๆๆ”
“ชั้นจับไอ้โมกข์ไว้เอง แกไปทำงานเร็วๆ”
แท่นผละออก รีบวิ่งวุ่นหาชุดหมอที่เตรียมไว้ รีบๆ หวีผมให้เรียบ มองหามุมหรือผนังที่พอจะดูเป็นโรงพยาบาล เอื้อมมือหยิบแว่นสายตาหนาๆ ที่วางรวมๆ กับพวกแว่นกันแดด แล้วกดรับสาย
“สวัสดีครับคุณอาทิตย์”
อาทิตย์ยังอยู่กับมัทนี ขณะพูดสายกับแท่น
“สวัสดีครับคุณหมอเทพ ผมโทรมาสอบถามอาการเพื่อนของผมน่ะครับ เอ่อ เดี๋ยวครับๆ มีคนอยากฟังด้วย คุณหมอจะได้พูดทีเดียวเลย”
อาทิตย์ยื่นหน้าจอมือถือหันไปทางมัทนี ที่หน้าจอเป็นภาพแท่นในชุดหมอ แต่สวมแว่นตาดำเพราะหยิบผิด
“นี่หมอเหรอคะ”
“ใช่ นี่หมอเทพ” อาทิตย์เพิ่งมองที่หน้าจอแล้วสะดุ้ง “เฮ้ย หมอ หมอสวมแว่นผิดหรือเปล่าครับ”
“อ้าว เออ จริงด้วย ฮ่าๆ แดดที่โรงพยาบาลมันแรงน่ะครับ” แท่นถอดออก เปลี่ยนอันใส่ “เอาล่ะครับ เรียบร้อยแล้ว เรื่องอาการของคุณโมกข์ หมอต้องขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า เมื่อเช้าอาการคุณโมกข์ทรุดกะทันหัน หมอได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่มะเร็งร้ายกัดกินอวัยวะภายในของคุณโมกข์มากขึ้น หมอไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก คุณโมกข์มีเวลาเหลืออีกไม่เกิน หนึ่งเดือน เท่านั้นครับ”
“หนึ่งเดือน”
อาทิตย์แกล้งทำตกใจ เสียงร้องโวยวายของโมกข์ดังมา
“แล้วเสียงร้องที่ได้ยิน เสียงอะไรคะ” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ ก็เสียงคุณโมกข์นั่นแหละครับ คนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายจะเจ็บปวดมาก จนร้องโวยวายคลุ้มคลั่งแบบนี้ล่ะครับ เป็นเรื่องปกติ อาการนี้เรียกว่า อาการ เอาไม่อยู่” โมกข์วิ่งหลุดออกมาหาแท่น อเนกรีบตามมาจับๆ รั้งๆ โมกข์ไว้ แท่นรีบตัดบท “หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนๆ หมอๆ” มัทนีพยายามเรียกแต่แท่นวางสายไปแล้ว
“ไอ้โมกข์ ทำไมมันต้องมีจุดจบแบบนี้ด้วย อายุสั้น แล้วยังตายตาไม่หลับอีก ถ้าเพื่อนผมต้องกลายเป็นผีเร่ร่อน ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ผมจะบอกให้มันมาหักคอคุณ คอยดู”
“เกี่ยวอะไรกับชั้น ชั้นก็แค่ทำหน้าที่ของชั้น ถ้าเพื่อนนายไม่เจ้าชู้ลวนลามลูกน้องก่อน ก็ไม่ต้องมาตายคนเดียวแบบนี้หรอก”
“เมื่อไหร่คุณจะยอมรับผิด ห๊า” อาทิตย์เข้ามาคว้าต้นแขนมัทนีด้วยสองมือ “ ผมถามว่าเมื่อไหร่”
อาทิตย์จับมัทนี เขย่าๆ ภาพจากมุมที่โทนี่แอบอยู่ ดูเหมือนอาทิตย์กับมัทนีกำลังจูบกัน โทนี่รีบถ่ายรูปและเอามือถือถ่ายคลิปไว้ด้วย มัทนีผลักอาทิตย์
“ออกไป นายเป็นบ้าอะไร จับเนื้อต้องตัวชั้นอยู่ได้”
“ผมเป็นบ้าก็เพราะคุณฆ่าเพื่อนผม”
“หยุดกล่าวหาใส่ร้ายชั้นซะที เพื่อนนายอยู่โรงพยาบาลไหน พาชั้นไปเดี๋ยวนี้ ชั้นจะไปพิสูจน์ดูให้รู้แน่”
“จะไปโรงพยาบาลเหรอ ได้ คิดว่ากลัวเหรอ”
ที่บ้านอเนก แท่นกดอ่านข้อความในมือถือ “เริ่มแผนสุดท้าย”
“ได้เวลาไปโรงพยาบาลแล้ว”
แท่นบอก โมกข์ถูกอเนกจับล็อกตัวอยู่
“ไปทำไม ไม่ไปๆ” โมกข์จะดิ้นให้หลุด อเนกล็อกโมกข์แน่น เอาเท้ากอดก่ายหมด
“ไอ้โมกข์ พวกชั้นสาบานได้ว่าเรื่องนี้เราทำเพื่อไอ้อาทิตย์ ไม่เกี่ยวกับแก ไอ้อาทิตย์มันกำลังจะเล่นหญิงคนนึงอยู่ อยากจะจัดหนักให้ชี เพราะชีพยศสุดๆ เราเลยต้องช่วยกัน”
“แกจะเลิกกับเมียแก พวกชั้นจะไปสนใจทำไม เลิกกันก็ดี แก๊งเราจะได้มีแต่คนโสด ไปไหนทำอะไรก็โฉดได้แบบสุดๆ”
“เป็นเรื่องของไอ้อาทิตย์ แน่เหรอ” โมกข์ถามย้ำ
“เออสิวะ” แท่นกับอเนกบอกพร้อมกัน
“ไปๆ อย่าเสียเวลาเดี๋ยวไม่ทันการณ์” แท่นบอก
“ไปไหนวะ” โมกข์ถามอย่างแปลกใจ
“แกต้องป่วยหนัก ใกล้ตาย ไปเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” อเนกบอก
อาทิตย์เดินนำมัทนีมาที่รถ
“เอ่อ ชั้นว่าต่างคนต่างไปดีกว่า เพื่อนนายอยู่โรงพยาบาลอะไร” มัทนีบอก
“กลัวผมปล้ำคุณเหรอ” อาทิตย์มองรูปร่างมัทนี “เฮอะๆๆ ไม่ได้เป็นดารา นางแบบ หรือ พริตตี้ ไม่ต้องกลัว ผมไม่เสียเวลาด้วยหรอก”
“นี่ ชั้นไม่ได้กลัวนาย”
“งั้นก็รีบๆ ขึ้นรถสิครับ ถ้าเกิดผมไปดูใจเพื่อนผมไม่ทัน จะทำยังไง คุณจะรับผิดชอบยังไง ห๊า”
“ก็ได้ๆ”
อาทิตย์เปิดประตูรถให้
“เชิญ” มัทนีหยิบเอากระดาษทิชชู่ออกมา รีบสะบัดๆแล้วปูรองเบาะนั่ง “ทำอะไร”
“ชั้นไม่อยากจะสัมผัสแตะต้องของอะไรที่เป็นของนาย ชั้นขยะแขยง สะอิดสะเอียน”
มัทนีเช็ดเสร็จค่อยๆ ขึ้นรถไป โทนี่แอบถ่ายรูปจังหวะที่อาทิตย์เปิดรถให้มัทนีขึ้นไป ช็อทต่างๆ
ในรถ มัทนีนั่งอยู่บนเบาะที่ปูทิชชู่ หลังตรง ตัวเกร็ง ไม่ยอมเอนพิง อาทิตย์มองแล้วขำ
“ยิ้มอะไร เมื่อไหร่จะถึง จีพีเอสนายมั่วหรือเปล่า ทำไมไม่รู้จักจำว่าโรงพยาบาลอะไร”
“เพื่อนผมบอกทางมาแล้ว แต่ผมจำไม่ได้ ไม่ค่อยได้มาแถวนี้ อยู่แต่สุขุมวิท ทองหล่อ บางทีก็สยาม อิอิ ถึงแล้วๆ”
รถอาทิตย์แล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาลยันฮี เห็นป้ายชื่อโรงพยาบาลเด่นชัด ทั้งอาทิตย์และมัทนีมองอย่างงงๆ
“นายแน่ใจนะว่ามาถูกโรงพยาบาล”
“เอ่อ อื้ม ถูก ถูกแหละ”
พวกคนไข้ที่เดินออกจากโรงพยาบาล มีทั้งสาวแท้และสาวเทียม ทุกคนผ่านการผ่าตัดมาหมด บางคนมีผ้าพันแผลปิดคาง ปิดจมูก บางคนเดินหุ่นเพรียว หน้าอกตู้มๆ มาเลย
“โรงพยาบาลนี้เค้าเน้น ศัลยกรรมเสริมอึ๋มแปลงเพศไม่ใช่เหรอ หรือว่าเพื่อนนายจะ...”
“แปลงเพศ เอ๊ย ไม่ใช่ คุณไม่รู้อะไร ที่นี่เค้าโดดเด่นเรื่องศัลยกรรมมากก็จริง แต่จริงๆ แล้วเค้าก็มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเม็ดเลือดขาวอยู่ด้วยนะ ส่วนใหญ่เค้ารักษาแต่ลูกค้าต่างชาติ คนไทยไม่ค่อยรู้”
“แต่”
“อย่าสงสัยมากน่า เสียเวลา ไปๆ”
อาทิตย์ตัดบท รีบพามัทนีเข้าไป
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในห้องพักคนไข้ อาทิตย์เปิดประตูพามัทนีเข้ามาในห้อง แสงแดดอ่อนส่องผ่านหน้าต่างมา
โมกข์นั่งเอนหลังอยู่บนเตียง หน้าตาแต่งจนดูอิดโรย กำลังถักโครเชต์อย่างขะมักเขม้น มีเสียงเพลงวิทยุลูกกรุงดังมาเบาๆ
“แค่กๆ” โมกข์รีบคว้ากระโถน “อ้วกกก”
“ไอ้โมกข์” อเนกรีบเข้าไปช่วยถือกระโถน ดูแลเพื่อน “แกปวดมากมั้ยวะ”
โทนี่ออกจากห้องน้ำมา
“ไอ้โมกข์ อ้าว อาทิตย์ เอ่อ คุณ มัทนี คุณมาทำไม จะมาเอาเรื่องผม หรือจะมาเยาะเย้ยไอ้โมกข์ล่ะครับ”
“ชั้นแค่แวะมาดูอาการ นี่ นายโมกข์อาการหนักขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” มัทนีถามอย่างคาดไม่ถึง
“ชั้น ชั้นไม่เป็นไร” โมกข์บอกแล้วพูดกับอาทิตย์ “อาทิตย์ ปะการังอยู่ไหน ไหนแกบอกว่าจะไปพาเค้ามาเยี่ยมชั้นไง เค้าไม่มาใช่มั้ย เค้าเกลียดชั้นแล้วใช่มั้ย อ้วกกก”
“ไอ้โมกข์ แกทำใจเถอะวะ เมียแกเค้าไม่รักแกแล้ว”
“ไม่จริง อ้วกกก”
“คุณมัทนี คุณเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ปะการังมาเยี่ยมเพื่อนผมใช่มั้ย” อเนกถาม
“ชั้นไม่ได้ห้ามนะ เค้าไม่มาเอง” มัทนีรีบบอก
“ปะการังไม่มาเอง อ้วกกก”
“หมอมาแล้วๆ” โทนี่บอก
“หมอมา อ้วกกก”
แท่นในคราบหมอเทพเดินเข้ามา อาทิตย์รีบไปหาแท่น
“คุณหมอเทพครับ ช่วยดูอาการเพื่อนผ...ม...เฮ้ย”
อาทิตย์ตกใจ เพราะพวกพยาบาลที่เดินตามแท่นเข้ามา แต่งชุดพยาบาลแบบเซ็กซ์ซี่ๆ ใส่ถุงน่องตาข่าย เหมือนหลุดออกมาจาก MV เดินเรียงรายกันเข้ามา 4 คน ทำอะไรพร้อมๆ กัน แบบวงเกิร์ลกรุ๊ป
“ทำไมพยาบาล” พวกพยาบาลเดินเรียงราย เข้าไปดูแลโมกข์ต่างๆ วัดไข้ วัดความดัน ป้อนยา ท่าทางบ้องแบ๊วๆ โมกข์เริงร่าสุดๆ อาทิตย์กัดฟันพูด “แกไปหามาจากไหน”
“ศิลปินฝึกหัดค่ายเพลงชั้นเอง ส่วนชุดพยาบาล ค่ายชั้นก็มีแค่นี้แหละ” แท่นบอก
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
มัทนีเอะใจ สงสัย คาดคั้นอาทิตย์
“ทำไมพยาบาลที่นี่ แต่งตัวยังกับ ออกมาจากมิวสิควีดีโอ”
“ก็ ที่นี่โรงพยาบาลอะไรล่ะคุณ”
“คืออย่างนี้ครับ การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ตามสไตล์ของผมเนี่ย เป็นกลวิธีใหม่จากนิวซีแลนด์ เราจะให้ยา ควบคู่ไปกับจิตวิทยาประยุกต์ คนไข้ทุกคน จะเซ้นซ์ซิทีฟว์ต่อความซึมเศร้าทุกรูปแบบ ถ้าเราเครียด คนไข้จะซึมซับความเครียดนั้นเข้าไปด้วย ยิ่งจะทำให้เนื้อร้ายเติบโตลุกลามยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น พยาบาลถึงต้องแต่งตัวอย่างนี้ เพื่อให้คนไข้ได้เห็นอะไรสวยๆ งามๆ จิตใจจะได้เบิกบาน ถ้าพวกคุณอยากให้คนไข้อาการดีขึ้น ก็ต้องร่าเริงเดี๋ยวนี้ เอ้า ร่าเริง” แท่นบอก 4 สาวตอบรับพร้อมกัน
“ร่าเริงค๊า วู้ววว”
พวกอาทิตย์ โทนี่ อเนก รับมุข หัวเราะยิ้มเผล่ ร่าเริงกันหมด
“มีความสุขจังเลย มีความสุขที่สุด คุณมัทนี ยิ้มสิคุณ ยิ้มๆ” อาทิตย์บอก
“เอ่อ ก็ได้ๆ” มัทนียิ้ม “มีความสุ๊ขมีความสุข”
“ชั้นขอบคุณทุกๆ คนมากนะที่ทำให้ชั้นมีความสุข อุ๊ย ได้เวลาเช็ดตัวแล้ว คุณพยาบาลครับเช็ดตัวให้หน่อยได้มั้ย”
“ได้ค๊า”
โมกข์โดดมาดึงม่านรอบเตียงให้ปิดทันที
“คุณ แข็งแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” มัทนีถามอย่างแปลกใจ โมกข์ผงะ ชะงัก หาทางแถ
“เอ่อ อ๋อ โอ๊ยย ปวด” โมกข์แกล้งทรุดไปกับพื้น “ผมพยายามจะฮึดแข็งแรงแล้ว แต่ แต่ถ้าเมียผมไม่มา ผมก็ทำไม่ได้”
“โถ ไอ้โมกข์ มาๆ พวกชั้นช่วยพยุง” อเนกบอก
“ไม่ต้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณพยาบาลเค้า คุณพยาบาลคร้าบ อุ้มหน่อยจิ”
“อ้าว แล้วนี่ภรรยาคนไข้ไม่มาดูใจเหรอครับ ถ้าไม่มีกำลังใจจากคนรัก ผมเกรงว่าอาการคนไข้ จะต้องทรุดหนักลงอีกแน่ๆ” แท่นบอก ขณะที่โมกข์กำลังเพลินกับพยาบาลอยู่
“นวดให้หน่อยได้เป่า คนละแขนคนละขา พอดีเลย”
แท่นเห็นโมกข์ไม่สนใจจึงพูดย้ำ
“คนไข้จะต้องทรุดหนัก อ้วกแตก หมดเรี่ยวหมดแรง ซังกะตาย มีอาการเพ้อ เห็นภาพหลอน เจ็บปวดทุรนทุราย จนขาดใจตาย”
“สบายจังเลย เฮ้อ...”
“เฮ้ย จะอ้วกเหรอวะไอ้โมกข์” อเนกรีบหยิบกระโถนมาครอบถึงปากโมกข์ จับบังคับโมกข์ให้ทำท่าอ้วก “อ้วกกๆ” โมกข์ได้แต่ดิ้นๆ
“นี่แกอาการหนัก ใกล้จะตายแล้วเหรอวะโมกข์ อดทนหน่อยนะเว้ย” โทนี่บอก
“ดูจากสภาพแล้ว ผมว่าคุณโมกข์อาการกำลังทรุดหนักลงเรื่อยๆ ที่ผมเคยประเมินว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่ถ้ากำลังใจไม่ดี ไม่ได้อยู่กับคนรัก ผมว่าไม่น่าเกินหนึ่งสัปดาห์ แน่นอนครับ” แท่นบอก
“หนึ่งสัปดาห์ มันไม่มีทางเยียวยาแล้วเหรอหมอ” อาทิตย์ถามอย่างตกใจ แท่นก้มหน้า เศร้า
“ไอ้โมกข์ แกต้องสู้สิวะ เข้าใจมั้ย”
อเนกและโทนี่ผละออกโมกข์ โมกข์รู้สึกจึงแกล้งทำเป้นป่วยหนักต่อ
“ชั้น ชั้นขอโทษ แต่ชั้นปวดมาก ไม่ไหวแล้วจริงๆ ชั้นรักพวกแกทุกคนนะเพื่อนยาก” โมกข์บอก พวกเพื่อนๆ แต่ละคนเบือนหน้าออก เศร้า โมกข์หันมาพูดกับมัทนี “คุณมัทนี ผมฝากของในลิ้นชัก ไปให้เมียผมทีได้มั้ยครับ”
มัทนีเปิดลิ้นชักออกดู
“อะไรคะ”
“มันคือ เส้นผมของผมเอง มันร่วงหมดหัวแล้ว ปะการังเคยชมว่าผมผมนิ่มยังกับเส้นไหม ผมอยากให้เธอเก็บไว้”
“ไอ้โมกข์ แกอย่าเพิ่งสั่งเสียสิวะ แกต้องสู้ แกต้องมีชีวิตรอด”
“ชั้น ชั้นรู้ว่าเวลาของชั้นหมดแล้ว”
“ไม่ ไม่จริง”
อาทิตย์น้ำตาจะไหล รีบเดินหนี แยกออกไปที่นอกระเบียงห้องพัก
อาทิตย์ยืนลุ้นๆ อยู่ที่ระเบียง มัทนีเปิดประตูเลื่อนตามออกมา อาทิตย์รีบแกล้งสะอื้นๆ พูดไปสะอื้นไปไม่มีหยุด
“ไอ้โมกข์ ฮือๆ ชั้นขอโทษ ชั้นผิดเอง ชั้น โฮๆ”
“เป็นผู้ชาย จะมาร้องไห้เป็นเด็กผู้หญิงไปได้”
“ฮือๆ โฮๆ”
“โอเคๆ เห็นแก่มนุษยธรรม เดี๋ยวชั้นจะกลับไปคุยกับคุณปะการังให้ พอใจหรือยัง นายเลิกร้องได้แล้ว”
“จริงนะ”
“ชั้นไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอย่างที่นายคิด เพื่อนนายจะตาย ชั้นก็ถือว่าถูกสวรรค์ลงโทษแล้ว ชั้นก็จะอโหสิให้เค้าทุกอย่าง”
อาทิตย์โผกอดมัทนี
“ขอบคุณมากๆ ผมซึ้งใจจริงๆ
โทนี่รีบยกกล้องขึ้นมาถ่าย แชะๆๆ
“นี่ ปล่อยๆ” มัทนีบอก
“เดี๋ยว” อาทิตย์พูดไปสะอื้นไป “อย่าเพิ่งไป คุณ ช่วยอะไร ผมหน่อยได้มั้ย”
“ช่วยอะไรอีก”
“ผม ผมหยุดร้องไม่ได้ คุณช่วยปลอบผมหน่อย ได้มั้ย”
“ปลอบอะไร ชั้นไม่ปลอบ”
“ผม ขอร้อง ผม หยุด ร้องไห้ ไม่ได้ จริงๆ นะๆ แค่ลูบหัวผม เหมือนที่แม่ผม ชอบทำ นะๆ”
มัทนีลูบหัว อาทิตย์กุมมือมัทนีเอาไว้ โทนี่รีบถ่ายรูป แชะๆ อาทิตย์ค่อยหายสะอื้น กุมมือมัทนีมากุมแนบแก้ม
“ขอบคุณมากๆ”
“ปล่อยชั้นได้แล้ว” มัทนีผลักอาทิตย์ออก “นายนี่ เสียใจแล้วขาดความอบอุ่นหรือไง เดี๋ยวจับเดี๋ยวกอด บ้า ชั้นไปแล้ว”
มัทนีรีบออกไป อาทิตย์ยิ้ม สะใจ สนุกแน่ๆ
อาทิตย์และกลุ่มเพื่อนมาร่วมตัวอยู่ที่บ้านอเนก โทนี่เปิดแมคบุ๊ค หน้าจอมีภาพมัทนีที่ถ่ายได้ในแบบต่างๆ
“ไอ้อาทิตย์ โทนี่ พวกแกแอบถ่ายรูปกับยัยมัทนีมาทำไมวะ” โมกข์ถามอย่างแปลกใจ
“เรากำลังจะเล่นงานแฟนยัยมัทนี ไอ้นักข่าวที่ชื่อเอกชเยศร์ มันเป็นคนตามนักข่าวมาถ่ายเรื่องแกกับน้องเชอร์รี่ แล้วก็มันนี่แหละ ที่เขียนสกู๊ปโจมตีพวกเรา ยกย่องพวกเราว่าเป็นลูกไฮโซหนักแผ่นดิน คราวนี้เราจะเล่นมันคืนบ้าง” อาทิตย์บอก
“พูดตรงๆ นะอาทิตย์ ชั้นก็ยังไม่เข้าใจแผนแกว่ะ ถ้าแกจะเล่นงานไอ้นักข่าว ทำไมไม่ไปเล่นงานมันตรงๆ เลยว่ะ” แท่นถามอย่างสงสัย
“เออจริง แกวางแผนถ่ายรูปแฟนมันแบบนี้ แกจะเอาไปทำอะไร แล้วมันจะสะใจเหรอวะ” อเนกถามขึ้นมา
“จะสะใจแค่ไหน อันนี้ก็ฝากความหวังไว้ที่ไอ้โทนี่แล้วล่ะ” อาทิตย์หันไปทางโทนี่
“พวกแกดูนี่นะ รูปยัยมัทนีที่ชั้นแอบถ่ายมา เอารูปนี้ก่อนแล้วกัน” ในจอ โทนี่เลือกรูปมัทนี ที่ถูกแอบถ่ายคู่กับอาทิตย์มารูปนึง “พวกแกว่า ถ้าไอ้นักข่าวเห็นแฟนมันกอดกับ ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แบบนี้” โทนี่ตัดต่อเอาหน้าการ์ตูนชินจังไปแปะทับหน้าอาทิตย์ “ถ้าเป็นพวกแก พวกแกจะรู้สึกยังไง”
แท่น อเนก โมกข์ตอบพร้อมกัน
“ไม่รู้สึกอะไร”
“แล้วถ้า ยัยมัทนีใส่ชุดวาบหวิวขึ้นมานิดนึงล่ะ” โทนี่ลบเสื้อให้เว้าโชว์สะดือ ลบขอบกางเกงให้ต่ำลง ตัดแขนเสื้อให้เป็นสายเดี่ยว “แบบนี้ พวกแกจะรู้สึกยังไง”
“โมโห นิดหน่อย” แท่นบอก
“ค่อนข้างมาก” อเนกบอก
“มากเกือบจะสุด” โมกข์บอก
“แล้วถ้า ไอ้หนุ่มชินจัง มันไม่ใส่เสื้อล่ะ แล้วหุ่นมันยังล่ำมีซิกแพ็คด้วย มีรอยสักชินจังที่แผงอกขวา แบบนี้” โทนี่ลบเสื้ออาทิตย์และทำกล้ามให้ “และสถานที่ เป็น ริมสระน้ำแบบนี้ พวกแกจะรู้สึกยังไง”
“โมโห มาก” แท่นบอก
“ม้ากมากกก” อเนกบอก
“มากที่สุด” โมกข์บอก
“แล้วถ้า มือของไอ้ชินจัง จากที่กอดตรงหลัง เลื่อนลงมากอดตรง...” โทนี่ตัดต่อเลื่อนมืออาทิตย์ที่กอดหลัง เลื่อนลงมากอดตรงก้นของมัทนี “พวกแกว่ายังไง”
แท่น อเนก โมกข์บอกพร้อมกัน
“อย่าอยู่เล้ย ไอ้ชินจังงงง”
อาทิตย์ยิ้ม สนุก สะใจ
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นเอกชเยศร์กำลังเดินพูดโทรศัพท์กร่างๆ อยู่ในออฟฟิศ
“มัทอย่าเพิ่งกินอะไรนะ เอกกำลังจะออกไปหามัทแล้ว รอเลี้ยงข้าวเอกด้วยนะ” มีลูกน้องเดินสวนมา เอกชเยศร์แย่งขนมในมือมากินซะงั้น “แต่เดี๋ยว เอกขอส่งอีเมล์งานก่อน” ขาเดินมานั่งโต๊ะทำงาน เปิดหน้าต่างอีเมล์ “ส่งเมล์เดียว แล้วจะรีบไปหาเลย จ้ะๆ”
เอกชเยศร์วางสาย แล้วอยู่ๆ ก็มีหน้าต่างป๊อปอัพเล็กๆ มุมจอ ขึ้นเตือนว่า มี1อีเมล์ใหม่
“อีเมล์ใหม่” เอกชเยศร์คลิกดู “ภาพหลุดมัทนี ใครส่งมา อ๋อๆๆ แหม มัท มีอารมณ์ขันนะเนี่ย จะเล่นมุขอะไรกับเอก ไหนดูสิ อะไรหลุด” เอกชเยศร์คลิกเปิดดู
ภาพหน้าจอขึ้น รูปภาพมัทนีต่างๆ เอกชเยศร์เลื่อนมาดูเป็นภาพมัทนีกอดกับผู้ชายล่ำ, ภาพมัทนีถูกผู้ชายล่ำโอบ, ภาพมัทนีขึ้นรถไปกับผู้ชายล่ำในมุมต่างๆ, ภาพชายล่ำเอามือมัทนีมาแนบแก้ม เห็นลิ้นชายล่ำยาวมาแตะหลังมือมัทนี ฯลฯ
ทุกภาพจะเห็นรอยสักชินจังอยู่บนร่างกายชายล่ำในส่วนต่างๆ
“นี่มัน มัทจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่ ไม่จริง” เอกชเยศร์เห็นอีกไฟล์นึง “คลิปหลุดสุดร้อนของมัทนี คลิปหลุดอะไร”
เอกชเยศร์กดดู ภาพในคลิปเป็นช็อตที่อาทิตย์จับแขนมัทนีเขย่าๆ แต่ภาพที่ถูกถ่ายคลิปมา ดูเหมือนมัทนีกำลังจูบกับอาทิตย์แบบรุนแรง ดูดดื่ม
“ไม่ ไม่จริง ไม่จริง”
ลูกน้องเดินเข้ามา
“แอบดูไรพี่เอก”
“เฮ้ยๆๆ” เอกชเยศร์รีบปิด “ไม่มีอะไรๆ”
“แหมๆ แอบดูของดีอยู่ล่ะสิ ไม่ชวนกันเลยนะ ไทย ญี่ปุ่น หรือฝรั่งล่ะพี่ ขอดูหน่อยดิๆ”
“ไม่ใช่ทั้งนั้น ไป ออกไป ไปๆ”
เอกชเยศร์ไล่ลูกน้องไป หน้าเครียด ไม่อยากจะเชื่อ
คลิปหลุดของมัทนีทำให้เอกชเยศร์ร้อนใจมาก เอกชเยศร์จึงรีบมาที่มูลนิธิที่มัทนีทำงาน แต่พอมาถึงเกิดอาการละล้าละลัง จะเข้าไปดีหรือไม่เข้าดี เดินกลับไปกลับมา จนกระทั่งมัทนีเดินออกมาพอดี
“อ้าว เอก ทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ทำไมไม่เข้าไปนั่งรอด้านใน”
“มัท”
“เข้ามาสิเอก มัทมีเรื่องอยากจะปรึกษาพอดี”
มัทนีพาเอกชเยศร์เข้ามานั่งโซฟารับแขก
“นี่ ชุดใหม่เหรอ ไม่เคยเห็น”
“อ๋อ ใช่ เพิ่งซื้อมา นานๆ ใส่แบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน เอก คือว่าถ้าคนๆ นึงทำผิด แล้วเค้าก็กำลังได้รับการลงโทษที่สาสมต่อความผิดแล้ว เอกจะให้อภัยเค้าได้มั้ย”
“มัทมาขอเอกให้อภัยเหรอ หมายความว่าไง มัทไปทำอะไรผิดมาใช่มั้ย”
“ไม่ใช่มัท คือมัทอาจจะผิดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหรอก เพราะมัทคิดว่ามัทแก้ไขให้ถูกได้ แต่มัทอยากถามความเห็นของเอกก่อน ในฐานะที่เอกอยู่กับมัทมาตั้งแต่เริ่ม เอกจะอภัยให้คนๆ นั้นได้มั้ย”
“นี่ มัททำ ทำจริงๆ เหรอเนี่ย เอกไม่อยากเชื่อว่ามัทจะทำกับเอกได้ มัททำตัวสกปรกแบบนั้นได้ไง”เอกชเยศร์ต่อว่ามัทนีอย่างผิดหวัง
“เอกมาว่ามัททำไมเนี่ย”
“ไม่ต้องมาแกล้งซื่อ ยังไงเอกก็ไม่ให้อภัย”
“มัทว่าเอกเข้าใจผิดแล้วล่ะ เอกกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่”
“แล้วมัทพูดเรื่องอะไรล่ะ”
“มัทพูดเรื่องคุณโมกข์กับคุณปะการัง ตอนนี้นายโมกข์เป็นมะเร็งใกล้จะตายแล้ว มัทเลยคิดว่าจะยกเลิกกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมด เลยจะถามเอกว่า เอกจะให้อภัยคุณโมกข์ได้มั้ย”
“ไม่จริง มัทไม่ต้องมาอ้าง”
“มัทไม่ได้อ้าง นี่เอกเข้าใจว่ามัทพูดเรื่องอะไรเนี่ย บอกมาสิ”
“มัทไม่ต้องมาแกล้งถาม เอกรู้ว่ามัทรู้ว่าเอกรู้แล้ว มัทก็เลยอ้างไปเป็นเรื่องคุณปะการัง ทำไม เอกไม่ดียังไง เอกไม่ล่ำ ไม่มีซิกแพ็คเหรอ ถ้ามัทชอบ เอกจะไปฟิตมาให้ ฟิตเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” เอกชเยศร์บอกแล้วลงไปซิทอัพๆๆ
“เอก”
อยู่ๆ มือถือมัทนีดัง มัทนีหยิบมาดูเบอร์แล้วไม่รับ
“ทำไมไม่รับ ใครโทรมา” เอกชเยศร์แย่งมือถือมาดูเบอร์ “เบอร์ไม่ได้เม็มไว้ อ๋อ นี่ใช้วิธีจำเบอร์เอา เพราะกลัวถูกจับได้ใช่มั้ย” เขากดรับทันที “ฮัลโหล อ๋อ นี่ปลอมเสียงเป็นผู้หญิงเหรอ หรือให้ผู้หญิงมาต่อสายให้ ชื่ออะไร คุณหญิงแพรวา ไม่ต้องมาขอสายมัทนี ไปบอกไอ้ชินจังด้วยนะ ว่าไม่ต้องโทรมาอีก มัทนีเป็นแฟนชั้น”
“เอก ถ้าเกิดเป็นผู้หลักผู้ใหญ่โทรมาเรื่องงานจะว่าไง”
“มัทไม่ต้องมาทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน พูดความจริงออกมาเถอะว่าที่วันนี้มัทใส่ชุดใหม่เพื่อใคร เพื่อไอ้ชินจังใช่มั้ย บอกมาสิ”
เอกชเยศร์งอน เดินปึงปังออกไป
“ชินจังไหน เอก”
เอกชเยศร์เดินงอนออกมาหน้ามูลนิธิ มัทนีตามมาง้อ
“เอก เดี๋ยว นี่เอกเป็นอะไร งอนอะไรมัทอีกเนี่ย”
“เอกเป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไรเลย มัทล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า เป็นใช่มั้ย งั้นก็พูดออกมาสิ บอกออกมาเลย ว่ามัทไปทำอะไรไม่ดีลับหลังเอกเอาไว้ พูดสิ”
“มัทไปทำอะไรผิดตั้งแต่เมื่อไหร่” มัทนีถามอย่างงงๆ
“ใช่สิ มัทไม่เคยผิด มัทถูกตลอด ถูกเสมอ เอกผิดเอง ผิดที่ไว้ใจ ผิดไปหมดทุกอย่าง เลิกกับเอกไปเลยสิ มัทจะได้มีความสุขของมัทให้เต็มที่”
“เอก เลิกประชด แล้วพูดตรงๆ ได้มั้ย”
“เอาตรงๆ ใช่มั้ย ได้ เอกมาถึงนี่ตั้งนานแล้ว มัทใส่ใจจะต้อนรับเอกมั้ย น้ำสักแก้ว ของว่างสักชิ้น มีมั้ย แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าไม่ใส่ใจ”
“มัทจะให้คนไปเอามาเดี๋ยวนี้แหละ”
“เอกจะกลับบ้านแล้ว มัทไปเอารถมา แล้วขับไปส่งเอกที่บ้านด้วย ไม่ต้องพูด ไม่ต้องถาม เอกไม่อยากคุยด้วยแล้ว เอกจะนั่งรอตรงนี้ มัทไปเอารถมารับ เอาน้ำโค้กใส่ถุงใส่น้ำแข็งมา แล้วก็ของว่างก็ใส่กล่องมาด้วย ไป๊” เอกชเยศร์กอดอกนั่งรอ มัทนีงงๆ “ถ้ามัทไม่รีบไปเอารถมา เอกจะนอนตรงนี้” พูดแล้วล้มตัวลงนอนเลย
วันต่อมาที่ห้องพระบ้านมัทนี หาญกำลังกราบพระ สวยงาม เสร็จแล้วหาญก็เอื้อมหยิบเอาขวดน้ำยาว่านสูตรคุณนายลิ้นจี่ที่ซ่อนเอาไว้ออกมา
“น้ำยาว่านโด่ไม่รู้ล้มสูตรคุณนายลิ้นจี่ หึๆๆ ยังเหลืออีกตั้งครึ่งขวด ความสุขรอเราอยู่ อิๆๆ เพื่อความปลอดภัย แกะฉลากออกก่อน” หาญลอกฉลากยี่ห้อออก เหลือแต่ขวดโล้นๆ “แค่นี้ก็ไม่น่าสงสัยแล้ว เจ้าประคู๊ณ ขอให้ลูกช้าง หานนี้น้อยๆ มีโอกาสได้ใช้น้ำว่านนี้กับใครก็ได้ ไม่ๆๆ ใช้กับคนที่คู่ควรด้วยเถิด”
อยู่ๆ จำเนียรเปิดประตูเข้ามา
“ทำอะไรอยู่น่ะคุณหาญ”
“เฮ้ยๆ” หาญรีบวางขวดน้ำว่านหลบมุม “เอ่อ อ่อ ไหว้พระอยู่จ้ะ วันนี้พ่อว่าจะสวดสรภัญญะสักหน่อย”
“แหม บ่ายขนาดนี้แล้ว คุณจะมาสวดมนต์อะไรคะ ชั้นว่าเราไปคุยธุระของเรากันเถอะค่ะ นะคะ” จำเนียรคว้ามือ จะพาไป หาญผวาออก
“ไม่ๆ คือ ผมสัญญากับพระท่านเอาไว้ ว่าจะสวดหนึ่งจบ ไม่ๆ หนึ่งร้อยจบ ผมก็ต้องสวดให้จบก่อน คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะนะ อย่ารอผมเลย”
“รอไว้ก่อนไม่ได้หร๋อ”
“ไม่เอา เอ๊ย ไม่ได้”
“ก็ได้ ชั้นก็ไม่อยากเป็นมารผจญขัดขวางการเจริญธรรมของสามี ชั้นอนุโมทนาบุญด้วยแล้วกันนะคะ เอ๊ะ นั่น น้ำอะไรคะ” จำเนียรหยิบขวดยามา
“อย่า” หาญร้องห้ามเสียงหลง จำเนียรชะงัก
“ทำไมคะ”
“คือ มันไม่ใช่น้ำอะไรหรอกจ้ะ มันคือ น้ำ น้ำมนตร์ หลวงพ่อให้มาเมื่อวันก่อนน่ะ วางลงเถอะนะจำเนียร”
“น้ำมนตร์เหรอ ดีเลย ดีๆๆ พักนี้ชั้นรู้สึกดวงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” จำเนียรเปิดน้ำยาว่าน เอามาพรมๆ ใส่หัว ใส่ตัว พรมหน้าตัวเอง “เจ้าประคู๊ณ ช่วยให้ลูกช้างมีแต่โชค ลาภ คนรักคนหลงๆ ด้วยเถิด เฮงๆ”
“เฮ้ย ไม่ ไม่ อย่าเทหมด อย่าๆ” หาญรีบคว้าน้ำยาว่านคืนมา “เกือบหมดแล้ว”
“ทำไม มีอะไรเหรอ เอ้อ น้ำมนตร์หลวงพ่อนี่ กลิ่นแปลกๆ นะ ท่านใส่ว่านหรืออะไรลงไปด้วยหรือเปล่า อื้ม แต่พรมแล้วก็รู้สึกสดชื่นดีนะ กระปรี้กระเปร่า สวดมนตร์เสร็จแล้ว มาสะกิดนะคะ”
จำเนียรยิ้มเชื้อเชิญ ส่งความนัย แล้วออกไป
“น้ำยาว่านของชั้นนน หมดเลยอ่า”
หาญกำลังเสียดายมากๆ เหน่งเข้ามา
“คุณผู้ชายคะ มีโทรศัพท์มาค่ะ จาก เอิ่ม เค้าบอกว่าเป็นคนที่ช่วยให้คุณผู้ชายร้องเพลงได้ แบบเนี้ยค่ะ โด่เรมีฟาซอลลาที โด๊...โด๊...โด๊...”
หาญรีบคว้าโทรศัพท์ ออกไป
หาญแยกออกมารับสายอีกมุมหนึ่ง
“ฮัลโหล คุณอาทิ...” หาญรีบลดเสียง “คุณอาทิตย์ ผมกำลังคิดถึง ต้องการคุณอยู่พอดี สวรรค์ทรงโปรดมากๆ”
มัทนีเดินออกมาจากในบ้าน กดโทรศัพท์หาเอกชเยศร์ แต่เอกชเยศร์ไม่รับสาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ” มัทนีทักหาญ
“ว่ายังไงนะครับพระอาจารย์ ทำกายให้เป็นวัด ทำจิตให้เป็นพระ แล้วหมั่นเจริญสติ เข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆโอ้ว ลึกซึ้งมากเลยครับท่าน”
หาญแยกไปคุยอีกด้าน
“งอนอะไรของเค้านะ ถ้าไม่คุยกันตรงๆ แล้วจะรู้เรื่องมั้ยเอก” มัทนีบ่น โหน่งเข้ามา
“แฟนงอนเหรอค๊าคุณมัท”
“อื้อ งอนไรก็ไม่รู้ ข้ามวันข้ามคืน ไม่เข้าใจ จะโทรไปคุย ก็ไม่รับ”
“โหน่งช่วยมั้ยค๊า เรื่องโทรตามจิกผู้ชาย โหน่งถนัดค่ะ”
มัทนีกับโหน่งแยกไปอีกมุม หาญพูดโทรศัพท์ต่อ
“คุณอาทิตย์ คุณต้องช่วยผมด้วย”
อาทิตย์พูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านเอนก
“ผมช่วยได้ทุกอย่างอยู่แล้วครับ ไม่มีปัญหา แต่ผมขอถามอะไรหน่อยสิครับ ตอนนี้คุณมัทนีอยู่บ้านหรือเปล่า อยู่คนเดียวหรืออยู่กับแฟนครับ เยี่ยมมาก ผมจะแวะไปหาเดี๋ยวนี้เลย” อาทิตย์วางสาย “หึๆ ฮ่าๆ แกต้องทรมานเจ็บปวดใจยิ่งกว่าตายทั้งเป็นแน่ ไอ้เอกชเยศร์ ฮ่าๆ โฮะๆ”
โหน่งยื่นโทรศัพท์มือถือตัวเองให้มัทนี
“เอามือถือพี่ให้มัททำไม” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“ที่แฟนคุณมัทไม่ยอมรับสายก็เพราะเค้ารู้ว่าเป็นเบอร์คุณมัทไงคะ ลองเอาเบอร์แปลกๆ โทรเข้าไป เดี๋ยวเค้านึกว่าธุระ เค้าก็รับเองค่ะ ไม่ต้องกลัวโหน่งจะแอบเม็มเบอร์คุณเอกชเยศร์หรอกค่ะ ไม่ใช่สเป็ค” มัทนีเอามือถือโหน่งมากดโทรออก “นาทีละห้าบาทนะคะ”
“หือ”
“เป็นเจ้านายอย่าเอาเปรียบลูกน้องสิคะ”
มีคนรับสายพอดี มัทนีจึงรีบพูดสาย
“ฮัลโหล เอก เอกคุยกันก่อน อย่าวางสายนะ”
เอกชเยศร์ชะงัก ถือสายเอาไว้ ฟังนิ่งๆ
“มีอะไร”
มัทนีพยายามพูดหว่านล้อมต่างๆ โดยมีโหน่งจับเวลาตลอด
“เอก เอกจะงอนมัทไปถึงเมื่อไหร่ เอกหายงอนเถอะนะ มัทยอมทุกอย่างแล้ว เอกจะให้มัททำอะไร ยังไงก็ได้ แต่เราดีกันนะ นะๆ”
โหน่งบอกใบ้ให้มัทนีร้องไห้
“ฮือๆ”
“ฮือๆ มัทเผลอไปทำอะไรให้เอกไม่พอใจ มัทไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆ เอกจะให้มัทชดใช้อะไรบอกมาสิ แต่อย่าเงียบหาย งอนมัทไปเฉยๆ แบบนี้ ฮือๆ มัทเสียใจ”
โหน่งช่วยแอคติ้งเสริม
“ว้ายๆ คุณมัทคะ ยืนไหวมั้ยคะ โถ ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน จนจะเป็นลมอยู่แล้ว”
เอกชเยศร์อึ้งๆ ใจอ่อน
“มัท มัททำผิดกับเอกขนาดนี้ อย่าคิดว่าแค่ร้องไห้ ออดอ้อนแล้วให้เอกยอมคืนดี มันง่ายไปหน่อย มัทต้องชดใช้อย่างสาสม”
“เอกจะให้มัทชดใช้อะไรบอกมาเลย”
เวลาผ่านมา อาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่นอกประตูรั้วบ้านมัทนี เหน่งที่กำลังรดน้ำต้นไม้ ทำงานแถวนั้น เดินไปมองๆ
“มาหาใคร” เหน่งเห็นหน้าอาทิตย์ชัดๆ “อ้าว คุณ มาทำไมไม่ทราบคะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณแล้วค่ะ ไป ชิ่วๆ”
“ทำไมคนบ้านนี้ เป็นเหมือนกันหมด หน้าตาดีแต่ชอบใจร้าย”
“หน้าตาดี บ้า” เหน่งเขิน “ไม่ต้องมาชม กลับไป ไม่งั้นเหน่งจะไม่ปรานี”
-หาญรีบวิ่งออกจากบ้านไปต้อนรับอาทิตย์
“หยุดๆ เหน่ง ไปๆ” หาญรีบเปิดประตู “อาทิตย์ๆ” หาญรีบเก็ก เก็บอาการ “อะแฮ่ม เข้ามาสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปไหว้พระภูมิก่อนสิ ไปๆ แล้วก็วางของไว้ที่เดิมนะ”
“ผมไม่ได้พกของมาด้วยครับ”
“อะไรนะ ไม่ได้เอามา” หาญปิดประตูรั้วทันที “งั้นกลับไปเอามาเดี๋ยวนี้ ไป”
“ขอให้ผมช่วยเหลือ แล้วต้อนรับผมดีแบบนี้เหรอครับคุณหาญ” อาทิตย์แกล้งจะพูดเสียงดัง “อะไรนะ คุณหาญอยากได้น้ำยาว่านโด่ไม่รู้...”
“เฮ้ยๆ หยุดๆ”
หาญรีบห้าม เหน่ง โหน่งวิ่งพาจำเนียรตามออกมา ท่วมทุ่งตามมา
“คุณอาทิตย์”
ท่วมทุ่งเห็นอาทิตย์ กระดิกหาง ดีใจ เหน่งถือไม้กวาดมาด้วย
“คุณผู้หญิง จะให้ทำยังไงสั่งมาเลยค่ะ เหน่งพร้อมลุยแล้วค่ะ”
“โหน่งว่า แจ้งตำรวจดีกว่าค่ะ ยัยเหน่ง ไปแจ้งเร็ว”
“ไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้ คุณอาทิตย์ ไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะมาที่นี่อีก เชิญๆ เข้าไปนั่งคุยสบายๆ ในบ้านเถอะนะ”
“คุณจำเนียร ไปเชิญมันทำไม ครั้งก่อนคุณเป็นคนไล่ตะเพิดมันออกไปไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนั้นมันเข้าใจผิด แต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว คุณอาทิตย์ไม่ใช่คนไม่ดีซะหน่อย แต่เป็นถึงลูกชายคุณนายลิ้นจี่ เจ้าของอาณาจักรยาสมุนไพรโบราณตำรับคุณนายลิ้นจี่เชียวนะ”
“ลูกคุณนายลิ้นจี่ เจ้าของยาว่านโด่ ห๊า! แบบนี้ ก็เป็นเจ้าของโกดัง โรงงานผลิตยาว่าน สมุนไพรน่ะสิ”
“ใช่ครับ จะเอาไว้กิน หรือเอาไว้อาบก็ยังได้ครับ” อาทิตย์ก้มลงเล่นกับท่วมทุ่งอย่างสนิทสนม
“แม่เจ้าว้อยย อาบได้เลยเหรอ โอ้ว” หาญทำเสียงตื่นเต้น
“แล้วมาคนเดียวเหรอ คุณแม่ไม่มาด้วยเหรอจ้ะ” จำเนียรถามพร้อมกับเปิดประตูเชิญอาทิตย์เข้ามา “เข้ามาก่อนสิ” จำเนียรเห็นอาทิตย์ชะเง้อมองๆ ในบ้าน เหมือนหาอะไร “มองอะไรจ้ะ”
“เอ่อ คือ ผมว่าผมไม่เข้าไปดีกว่าครับ ผมไม่อยากมีปัญหากับ...”
“อุ๊ย ยัยมัทไม่อยู่หรอกจ้ะ ออกไปตะกี้เอง”
“อ้าว ไปไหนครับ”
“อืม น้าก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ยัยมัทไม่ได้บอกไว้ เห็นแต่รีบขับรถออกไป”
“โหน่งทราบค่ะว่าคุณมัทนีไปไหน อิอิ อุอุ”
“แกทราบได้ยังไง” เหน่งถามอย่างแปลกใจ
“เพราะชั้นเป็นคนสนิทของคุณมัทน่ะสิ อิอิ อุอุ ถ้าอยากรู้ ขอร้องโหน่งสิคะ แล้วจะบอกอิอิ อุอุ”
“นังโหน่ง”
“อุ๊ย ล้อเล่นค่ะ คุณมัท แกไป...”
อาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาติดไฟแดงที่สี่แยก ใส่บลูทูธที่หู
“พวกเรา ได้เวลาระดมพลตามแผนขั้นสุดท้ายแล้ว ชั้นกำลังจะไปหา เตรียมทุกอย่างให้พร้อม วันนี้เป้าหมายเราจะต้อง ตาย ฮ่าๆ”
อาทิตย์หัวเราะสะใจๆ รถข้างหลังบีบแตรไล่ ไฟเขียวนานแล้ว อาทิตย์รีบไป
ท่ามกลางบรรยากาศชายทะเลที่ดูสวย ริมหาดชะอำยามเย็น พนักงานร้านอาหารยกถาดอาหารทะเลแบบอลังการๆ ทั้งกุ้งตัวโตๆ ปู ปลา หอย ยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะของมัทนีและเอกชเยศร์
“ก่อนอื่น เราต้องตกลงกันก่อนนะว่ามัทเป็นคนผิด เพราะฉะนั้น มื้อนี้ เอกจะสั่งและกินแบบไม่ยั้ง จะกินให้พุงกาง แล้วจะสั่งกลับบ้านด้วย โดยที่ทั้งหมดมัทต้องเป็นคนจ่าย เพราะคนทำผิดต้องชดใช้ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
“มัทไม่มีสิทธิ์กิน จนกว่าเอกจะอิ่ม เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
“แกะกุ้งหอยปูปลาให้ด้วย”
“ค่ะ เอก เอกช่วยบอกมัททีได้มั้ยว่า เอกโกรธมัทเรื่องอะไรอ่ะ”
“ให้เอกกินจนอิ่มก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน แกะเร็วๆ หน่อยสิ”
มัทนีแกะกุ้งแกะปูป้อนให้ เอกเชยศร์นั่งสง่าเป็นราชา อยู่ๆ เอกชเยศร์ก็ผงะ เพราะเห็นกลุ่มคนกำลังขี่ม้าผ่านมาเป็นอาทิตย์ อเนก โทนี่ ขี่ม้าสวยสง่าเรียงรายกันผ่านมาที่ข้างๆ โต๊ะอาหาร
“อ้าวว บังเอิญจังเลยนะครับเนี่ย มาพักผ่อนเหรอครับคุณมัทนี” อาทิตย์แกล้งถาม
“นาย มาทำอะไรที่นี่”
อาทิตย์โดดลงจากหลังม้า
“อ๋อ พอดีว่าผมพาไอ้โมกข์มันมาสูดอากาศบริสุทธิ์น่ะครับ เผื่อจะทำให้มันดีขึ้น ไม่คิดว่าจะเจอคุณมัทที่นี่ กำลังคิดถึงอยู่เลย”
“ไปไหนมาไหนก็เจอ คุณมัทนีท่าทางจะมีดวงสมพงษ์กับพวกเรานะครับเนี่ย” อเนกบอก
“พวกเราอย่าไปกวนเค้าเลย ไปเล่นน้ำกันเถอะ ถ้าคุณมัทสนใจจะเล่นด้วยกัน เชิญนะครับ ไปๆ เล่นน้ำๆ”
อาทิตย์ อเนก โทนี่ ถอดเสื้อออก เอกชเยศร์มองที่ต้นแขนของอาทิตย์เห็นรอยสักรูปชินจังแบบเดียวกับในภาพตัดต่อ
“เฮ้ย รอยสัก ชินจัง” เอกชเยศร์บอกอย่างตกใจ
“อ๋อ น่ารักใช่มั้ยครับ จะบอกว่ารอยสักนี้ แก๊งผมมีกันทุกคนเลยนะครับ” อาทิตย์บอก
“นี่ไงครับ” อเนกกับโทนี่โชว์รอยศักดิ์
“เฮ้ย”
“พวกเราชอบทำอะไรกันเป็นแก๊งครับ สุขก็สุขด้วยกันทั้งแก๊ง ไม่เชื่อก็ถามคุณมัทดูสิครับ ว่าสุขทั้งแก๊งจริงมั้ย หึๆ ฮ่าๆ”
อาทิตย์ อเนก โทนี่มองมัทนีแบบมีเลศนัย หัวเราะหึๆ เอกชเยศร์ช็อก อึ้ง สติแตก
“ไม่ ไม่จริง ไม่เจร๊งงงงง”
เอกชเยศร์วิ่งผลุนผลันออกจากโต๊ะอาหารออกไปตามชายหาด
“เอก จะไปไหน เอก”
มัทนีร้องถามอย่างตกใจ
ที่ชายหาด โมกข์กับแท่นนอนบนเตียงผ้าใบ สวมแว่นดำและหมวกพรางๆตัว แท่นสะกิดให้โมกข์ดูเอกชเยศร์
“เฮ้ยๆ ไอ้โมกข์ๆ ดูนั่น มานั่นแล้วเว้ย”
เอกชเยศร์วิ่งสติแตกออกมาที่ชายหาด วิ่งถลาลงไปในน้ำ
“ไม่จริงงงง”
เอกชเยศร์ ชกต่อยน้ำ บ้าคลั่ง มัทนีวิ่งตามมา
“เอก เอกเป็นอะไร”
“มัทยังจะมาถามอีกเหรอ ออกไป เอกอยากตายๆๆ”
“เอกหยุดนะ เอกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ โวยวายอาละวาดอะไรอยู่ได้ มีปัญหาอะไรก็บอกมาสิ มัทเอาใจเอกไม่ไหวแล้วนะ” มัทนีชักเริ่มโมโห
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องมาง้อ มาสนใจเอก มัททำไปได้ยังไง ไหนบอกว่าเกลียดพวกเพลย์บอยเข้าไส้ไง แล้วทำไม ทำไม ฮือๆ เพราะเอกไม่มีซิกแพ็คใช่มั้ย ฮือๆ เอกอยากตาย”
“เกี่ยวอะไรกับพวกเพลย์บอย” เอกชเยศร์วิ่งหนีขึ้นจากน้ำ วิ่งขึ้นหาดไปที่ถนนเลียบหาด “เอก มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ไม่คุย เอกไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้ว ปล่อย” เอกชเยศร์เดินหนีเห็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดอยู่ เอกชเยศร์รีบพุ่งตรงไปขึ้นซ้อนทันที “ไปท่ารถตู้กลับกรุงเทพ ไปเลยๆ”
“เอก อย่าทำอย่างนี้ เอก”
อาทิตย์ อเนก โทนี่ยืนมองมัทนีกับเอกชเยศร์อย่างสนุกสะใจ
“รับรองว่างานนี้ไอ้เอกชเยศร์ เจ็บปวดแบบยาวๆ แน่ ฮ่าๆ”
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
อาทิตย์ อเนก โทนี่กำลังหัวเราะสนุกสะใจกันอยู่แถวๆ หน้าร้านอาหารเดิม อยู่ๆ มัทนีเดินตรงมาที่อาทิตย์
“มัทนีตรงมาแล้วว่ะ เอ่อ พวกชั้นขอตัวก่อนดีกว่าวะ ไม่อยากรับมือกับอารมณ์คลั่งของยัยมัทนี”
“แกตามสบายเลยนะเว้ย จะทำอะไรก็ทำ เสร็จธุระแล้ว ก็ตามไปสมทบที่รถก็แล้วกัน”
แล้วอเนกกับโทนี่รีบชิ่งออกไป
“พวกนายทำอะไรเอก” มัทนีถามอย่างไม่พอใจ
“อ้าวๆ ทำไมมากล่าวหากันแบบนี้ล่ะครับ คุณก็เห็นว่าพวกผมไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ๆ แฟนคุณเสียสติไปเอง เค้าเป็นอะไรอ่ะคุณ ไม่ค่อยเต็มหรือเปล่า”
“นายน่ะสิไม่เต็ม”
“คุณไม่รีบขับรถตามไปง้อเหรอ”
“ไม่ล่ะ ชั้นง้อมาเยอะแล้ว เหนื่อย ยิ่งง้อยิ่งเอาแต่ใจ”
“งั้น คุณจะทำอะไร นี่ๆ ของกินเหลือเพียบเลย มาๆ มากินกัน หรือถ้าคุณไม่กิน ผมขอนะ ผมชอบของฟรี”
อาทิตย์นั่งกินฟรี แอบมองมัทนีแบบขำๆ มัทนีเครียดเรื่องเอกชเยศร์
ที่ชายทะเล แท่นกับโมกข์ นอนๆ นั่งๆ จิบน้ำ ฟังเพลง เหล่หญิงอยู่ที่รถก่อนแล้ว สักพัก อเนก โทนี่ ตามมาสมทบ ทั้งหมดมาถึงก็ปะมือกัน
“แผนสำเร็จ กีฟว์มีไฟว์”
ทั้งหมดเฮฮากัน
“พวกเรา ชั้นมีแผนเพิ่มเติมอีกนิดนึงจะนำเสนอ เราอุตส่าห์วางแผนกันมาตั้งเยอะ แล้วยังถ่อมาถึงชะอำอีก จะเล่นไอ้นักข่าวคนเดียว มันก็ดูไม่ค่อยคุ้มเหนื่อย”
“แกจะบอกว่า แกจะเล่นยัยมัทนีอีกคนด้วย ใช่มั้ย” อเนกถาม
“ถ้าจะเล่นยัยมัทนี ชั้นเห็นด้วยชัวร์ แกมีแผนอะไรว่ามาเลย” โมกข์บอก
“ผู้หญิงที่ต่อต้านและเกลียดผู้ชายอย่างยัยมัทนี พวกแกคิดว่า ผู้หญิงแบบนี้ ต้องเจออะไร แล้วถึงจะสะใจที่สุด” โทนี่ถาม
“ต้องเจอกับเพลย์บอย เจ้าชู้ กะล่อน เสือผู้หญิงตัวพ่อ” แท่นบอก
“ซึ่งก็คือ...”
ทั้งหมดมองหน้ากัน แล้วต่างเข้าใจกัน หัวเราะออกมา แบบถูกใจความคิดกันและกัน
ช่วงค่ำที่จอดรถถนนเลียบหาด อยู่ๆ พวกอเนกทั้งสี่คนก็โผล่หน้าขึ้นมาจากสี่มุมล้อ รถมัทนี ทั้สี่คนมองหน้ากัน แบบว่าจัดการสำเร็จแล้ว
“ทีนี้ ยัยมัทนีต้องเสร็จเพื่อนเราแน่ๆ ฮ่าๆ”
“เฮ้ย มานั่นแล้วๆ”
พวกอเนกถอยหลบออกไป มัทนีกำลังเดินมาตามทาง จะไปที่รถ อาทิตย์เดินตาม
“นายจะเดินตามชั้นมาทำไม”
“อ้าว สุภาพบุรุษก็ต้องเดินมาส่งสุภาพสตรีสิครับ เดี๋ยวพอผมเห็นว่าคุณขึ้นรถขับออกไปอย่างปลอดภัยแล้ว ผมก็ค่อยไปตามทางของผม”
“ชั้นถึงรถแล้ว ไปไหนก็ไป”
“โอเค ขับรถดีๆ นะครับ”
อยู่ๆ พวกอเนกขับรถผ่านมาโฉบตรงหน้า อเนกตะโกนออกมา แบบไม่หยุดรถ
“ไอ้อาทิตย์ พวกเรากลับก่อนนะเว้ย อยู่ๆ ไอ้โมกข์ก็อาการหนักมาก”
โมกข์โผล่หน้ามาอ้วกทางหน้าต่างหลัง
“อ้วกกกก”
แท่น โทนี่โผล่หน้ามาทางซันรูฟ
“โชคดีนะเพื่อนร้ากกก”
อเนกขับรถออกไปเลย ไม่รออาทิตย์
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ ทิ้งกันแบบนี้ ชั้นกลับด้วยๆ” อาทิตย์เพิ่งนึกได้ “เฮ้ย กระเป๋าตังค์ชั้น อยู่ในรถ กลับมาก่อนๆ แล้วชั้นจะกลับกรุงเทพยังไง”
“ฮะๆ สมน้ำหน้า” มัทนีหัวเราะเยาะ
“คุณมัท”
“อะไร ไม่ต้องมามองแบบนี้ ชั้นไม่ให้นายขึ้นรถชั้นแน่ๆ” มัทนีรีบขึ้นรถตัวเอง
“ผมไปด้วย” อาทิตย์ถลาตามไปคว้าประตูรถ
อาทิตย์พยายามดึงประตูให้เปิดออก ส่วนมัทนีพยายามกระชากให้ประตูปิด ทั้งคู่ยื้อแย่งกัน สุดท้าย มัทนีดึงประตูปิดได้สำเร็จ รีบกดล็อคทันที
“ฮะๆ สมน้ำหน้าๆ”
“นี่คุณ อย่าใจร้ายกับผมเลย ให้ผมไปด้วยนะ” มัทนีออกรถ อาทิตย์พยายามวิ่งตาม “คุณมัทนี อย่างน้อยขอค่ารถผมหน่อย นะๆ มัทนี” มัทนีออกรถไปไม่แยแส หัวเราะสะใจ อาทิตย์ตามไม่ทัน “โธ่เว้ย ยัยขี้งก”
มัทนีจอดรถห่างออกไป ตะโกนกลับมา
“ไม่มีตังค์ก็เดินกลับนะ สองร้อยกว่ากิโลเอง ฮ่าๆ”
มัทนีขับรถออกมาสักพัก อารมณ์ดีเป็นพิเศษถึงกับร้องเพลง
“อย่างนี้ไม่ยากหรอก ก็นึกว่ามันจะหนักหนา อย่างนี้แล้วไม่ห่วงหรอกเท่าไรก็เท่ากัน อย่างนี้ไม่ยากหรอก จะมาเมื่อไรก็เมื่อนั้น อย่างนี้แล้วก็รู้แล้วก็เกมกันไปเลย” แต่แล้วอยู่ๆ รถก็มีเสียงกึกๆ กุกกักๆ โขยกเขยกๆ “ว้ายๆ อะไรเนี่ย รถเป็นอะไร” มัทนีจอดรถ รีบลงมาดู พบว่าล้อรถทั้งสี่ข้างแบนแต๋หมด “เป็นอะไรอ่ะ เฮ้ย ยาง ทำไมยางแบนยังงี้” มัทนีตรวจดู “นี่ใครมาปล่อยลมยางรถชั้น โอ๊ย ตายแล้ว ชั้นจะทำไงเนี่ย อ้อ ใช่ๆๆ โทรเรียกประกันดีกว่า” มัทนีหยิบมือถือขึ้นมาจะกด “ทำไมมือถือเปียกน้ำ ไม่นะ ไม่ๆๆ อย่าเป็นอย่างที่คิดเลย” มือถือดับ เปิดไม่ได้ “ทำไมชั้นถึงซวยยังงี้”
มัทนีมองไปรอบๆ ด้าน มีรถอื่นแล่นผ่านมา มัทนีพยายามโบกขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยจอดด้วย”
แต่ไม่มีใครจอด ระหว่างนั้นมีมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมา มัทนีรีบโบก
“ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วยๆ”
มอเตอร์ไซค์จอด มัทนีพบว่าอาทิตย์ซ้อนมอเตอร์ไซค์คันนั้นมาด้วย
“อ้าว คุณมัท รถเป็นอะไร”
“นายอาทิตย์ นายมาพอดี รถชั้นยางแบน นายทำเป็นมั้ย ช่วยที แล้วชั้นจะให้นายติดรถกลับกรุงเทพด้วย”
“เติมลมยาง โธ่เอ๊ย สบาย ง่ายๆ”
“ดีเลยๆ งั้นนายรีบทำเลย”
“แต่ ผมไม่ทำ เพราะผมหาทางกลับกรุงเทพเองได้แล้ว แลกด้วยนาฬิกาของผม เพราะฉะนั้นโชคดีนะครับคุณมัท ถ้าซ่อมไม่ได้ ทำไม่เป็น ก็เดินกลับกรุงเทพสิครับ สองร้อยกว่ากิโลเอง ฮ่าๆ” อาทิตย์ซ้อนมอเตอร์ไซค์วินออกไป “อ้อ แล้วผมจะบอกอะไรให้ว่าเมื่อวานเพิ่งจะมีข่าวผู้หญิงโบกรถข้างทางซี้ซั้ว เจอลากขึ้นรถพาไปข่มขืน ระวังตัวด้วยนะครับ”
มอเตอร์ไซค์แล่นไป
“เดี๋ยว กลับมาก่อน ช่วยชั้นก่อนน” มัทนีเซ็ง ทรุดนั่งยองๆ “โอ๊ย นี่มันมืดแล้ว แล้วชั้นจะกลับบ้านยังไงเนี่ย”
อยู่ๆ มีรถเก๋งแล่นมาจอดข้างๆ เปิดไฟสว่าง
“คุณ”
“ว้าย ไม่ ไม่ๆ” มัทนีรีบกลับไปขึ้นรถ ล็อกขังตัวเองเอาไว้ “ออกไปๆๆ”
สักพัก มอเตอร์ไซค์วินวกกลับมา อาทิตย์ลงมายืนยิ้มตรงหน้า ขำๆ
อีกด้านหนึ่งในรถตู้ เอกชเยศร์นั่งอยู่ในสภาพเปียกซ่ก
“ทำไม ทำไม ทำไมๆๆ”
เอกชเยศร์โวยวาย พวกผู้โดยสารอื่นๆ ถอยห่างเอกชเยศร์ไปกองรวมกัน
“มีปัญหากับแฟนเหรอน้อง อย่าคิดมาก มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันนะ” คนขับบอก
“ถ้าแฟนพี่มีกิ๊ก ทีเดียว 3 คน และพวกมันเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันหมด แล้วพวกมันก็ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงมากพี่จะค่อยๆ คุยอีกป่ะ”
“เฮ้ย แบบนี้ไม่คุยแล้ว”
“งั้นพี่ก็อย่ามาว่าผม”
“แต่พี่จะไม่หนี พี่จะชกพวกมันเลย พวกมันมาแย่งแฟนเรา มันเป็นผู้ร้ายนะ เราเป็นพระเอก แล้วพระเอกที่ไหนวะ ทิ้งนางเอกให้พวกผู้ร้ายเอาไปเฮโร้เรกิ๊ปๆ ง่ายๆ แบบนี้ ไม่มี มีแต่ตัวประกอบ”
ผู้โดยสารอินไปกับคำพูดของคนขับ
“ถ้าพวกนั้นเป็นเสือผู้หญิง แล้วพระเอกทิ้งมาแบบนี้ นางเอกก็ตกที่นั่งลำบากแน่ๆ”
เอกชเยศร์อินตามรีบสั่งให้จอดรถ
“จอดๆ จอดเดี๋ยวนี้ จอดๆ” รถตู้รีบหักเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันข้างทาง เอกชเยศร์รีบเปิดประตูรถตู้วิ่งออกมา “มัท เอกไม่น่าทิ้งมัทไว้กับแก๊งเสือโหยพวกนั้นเลย”
เอกชเยศร์ลงวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าร้านอาหารร้านเดิม แล้วรีบวิ่งมาที่ร้าน โต๊ะอาหารตัวที่นั่ง เคลียร์หมดแล้ว เป็นลูกค้าอื่นนั่งไปแล้ว
“มัท มัทอยู่ไหน” เอกชเยศร์หันไปถามพนักงานร้าน “น้องๆ เห็นผู้หญิงที่มากับพี่มั้ย ไปไหนแล้ว”
“ผู้หญิง อ๋อ เห็นเค้าเดินไปกับผู้ชายอีกคนอ่ะค่ะ”
“เดินไปกับผู้ชาย”
“คนที่หล่อๆ อ่ะคะ”
“คนที่หล่อ ใคร ไอ้อาทิตย์ มันต้องมาล่อลวงมัทนีไปแน่ๆ มัทนีกำลังอยู่ในอันตราย เราต้องไปช่วยมัทนี”
ที่ป้ายไฟติดๆ ดับๆ เขียนว่า ไดนาโม 24 ชม. มัทนีกำลังยืนคุมช่างที่กำลังตรวจอาการของรถเธออยู่
“ช่างจะตรวจอะไรอ่ะ แค่ยางแบนเองไม่ใช่เหรอ”
“เกรงว่าจะไม่ใช่นะครับ เพราะแบตเตอร์รี่ก็หมด น้ำมันเครื่องก็แห้งมาก แทบไม่เหลือสักหยด คุณขับรถยังไงปล่อยให้รถมีปัญหาได้ขนาดนี้”
“ผู้หญิงก็แบบนี้ครับช่าง ขับเป็นอย่างเดียว” อาทิตย์บอกเหมือนต่อว่า
“นายยุ่งอะไรด้วย ช่างคะ จะอะไรก็แล้วแต่ ช่วยซ่อมให้ชั้นทีนะคะ”
“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ”
“ทำไมไม่ได้อ่ะ”
“อ้าว นี่มันดึกแล้วนะครับ ดูชุดช่างสิ เตรียมเข้านอนแล้ว เด็กอู่ก็กลับบ้านหาลูกหาเมียหมดแล้ว ใครจะมาทำให้คุณ”
อาทิตย์ตอบแทนช่าง ช่างตบบ่าอาทิตย์
“แหม ขอบใจที่เข้าใจนะน้อง เอาไว้พรุ่งนี้เช้าจะทำให้คิวแรกเลย ไปๆ พาเมียไปนอนพักโรงแรมข้างหน้าก่อน พรุ่งนี้ค่อยมา”
“ไม่ๆ ไม่ได้นะคะช่าง คือ ชั้นกับตาคนนี้ ไม่ได้เป็นไรกัน เค้าเป็นตัวอันตรายมาก จะทิ้งให้ชั้นค้างกับเค้า ไม่สงสารชั้นเหรอคะ”
“มีแต่คนอยากค้างกับผมทั้งนั้น คุณได้โอกาสนั้นแล้ว เอาไปคุยโม้ได้เลยนะ ไป ไปโรงแรมกัน” อาทิตย์เอ่ยชวนหน้าตาเฉย
“แหวะ อี๋ ช่างเห็นยังคะว่าตาคนนี้ปากเสียและกดขี่ผู้หญิงแค่ไหน ถ้าคืนนี้ชั้นต้องค้างคืนกับตานี่ ชั้นต้องถูก...ซ่อมรถให้ชั้นทีนะคะช่าง นะๆ” มัทนีทำเสียงอ้อน
“ได้”
“จริงนะคะช่าง เย้ๆ”
“แต่พรุ่งนี้เช้านะ กู๊ดไนท์”
ช่างเดินหนีเลย มัทนีตกใจ รีบตาม
ช่างเดินมาจะเข้าประตูห้องนอน มัทนีรีบวิ่งตามมา ขวางหน้าประตูเอาไว้
“ช่างขา ช่างสุดหล่อ สงสารชั้นเถอะนะ เอางี้ ชั้นยินดีจ่ายเงินพิเศษให้ก็ได้ ถือเป็นค่านอกเวลา โอเคมั้ยคะ”
“โหๆๆ นี่เล่นเอาเงินฟาดหัวกันเลยเหรอครับ คนสมัยนี้ เฮ้อ” อาทิตย์แกล้งถอนหายใจ
“นายหยุดพูดชักใบให้เรือเสียได้มั้ย ชั้นแค่จะตอบแทนน้ำใจช่าง ผิดตรงไหน นะคะช่าง ถ้าชั้นไม่ได้ตกระกำลำบากชั้นก็ไม่รบกวนช่างหรอก แต่นี่มันที่สุดแล้วจริงๆ อย่าใจร้ายเลยนะคะ”
“ผมขอโทษนะครับ แต่ไม่ผิดครับ แต่ผมไม่ทำ”
“ถ้าช่างไม่ทำ ชั้นจะยืนขวางแบบนี้ ไม่ให้ช่างได้นอน” อยู่ๆ เมียช่างเปิดประตูจากด้านใน ทำให้มัทนีเสียหลักหงายหลังล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า “ว้ายๆๆ”
“จะอีกนานมั้ย” เมียช่างถามเสียงห้วน
“เสร็จแล้วจ้ะๆ ไปๆ เข้าไปนอนต่อเถอะนะเมียจ๋า”
ช่างข้ามมัทนีเข้าไปกับเมีย ปิดประตูล็อก
“ช่าง อย่าทำแบบนี้ ชั้นไม่ยอม” มัทนีพยายามตื๊อ ทุบประตู “ช่าง ออกมาก่อน ช่างๆ”
“พอเถอะคุณ ถือซะว่านอนตากอากาศซักคืน ไม่ตายหรอก” อาทิตย์บอก
“อย่ามายุ่ง” มัทนีทุบประตูต่อ “ช่างๆๆ” ทันใด ไฟฟ้าปิดกะทันหัน มืดสนิทเพราะช่างปิดไฟนอน “ว้าย”
มัทนีตกใจ เผลอถอยเข้าใกล้ชิดอาทิตย์ มองตา วาบหวิว โรแมนติก แต่แล้วอาทิตย์ก็ทำลายบรรยากาศ
“ไปเปิดโรงแรมนอนกันนะ”
“อี๋” มัทนีผลักออก “บ้า ชวนผู้หญิงเข้าโรงแรมจนเคยตัวสิ ทุเรศ สกปรก ไปให้ห่างๆ ชั้นเลยนะ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้นอีก”
มัทนีบอกแล้วเดินออกไป
“แถวนี้มันเปลี่ยว ไปคนเดียวระวังโดนฉุดนะคุ๊ณณณ”
อาทิตย์บอกตามหลังอย่างขำๆ กับพฤติกรรมของมัทนี
มัทนีเดินมาคนเดียวตามข้างทางมีแสงไฟถนนสลัวๆ พอมีรถสวนมา มัทนีก็พยายามโบกๆ แต่ไม่มีใครจอดรับเลย
“ผู้ชายประเทศนี้ ไม่มีน้ำใจกับผู้หญิงเลย ผู้ชายดีๆ มีน้ำใจตายไปหมดแล้วหรือไง๊”
มัทนีบ่น อยู่ๆ มีสิบล้อมาจอดเทียบ
“จะไปไหนเหรอครับคุณผู้หญิง ให้ผมแวะไปส่งมั้ยครับ” คนขับถามอย่างสุภาพ มัทนีดีใจมาก
“จะแวะไปส่งจริงๆ เหรอคะ”
อยู่ๆ พรรคพวกของสิบล้อ เป็นชายหนุ่มถึกๆ มากมายนับสิบคนก็โผล่หน้าออกมาพร้อมกัน พูดจาสุภาพๆ
“จริงค้าบบบ”
มัทนีผงะ ตกใจ
“ไม่ ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ๆๆ” มัทนีถอยๆ เดินหนี พวกสิบล้อยังส่งเสียงเรียกร้อง มัทนีรีบจ้ำๆๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถลีมูซีนหรูมาจอดขวาง “ว้าย”
มัทนีร้องด้วยความตกใจ อาทิตย์เปิดกระจกลงมา
“คุณมัทนี” อาทิตย์วางมาด โอ่ๆ “ผมโทรเรียกลีมูซีนจากโรงแรมมารับ ถึงจะไม่มีเงิน แต่เครดิตส่วนตัวของคุณนายลิ้นจี่มีค่ายิ่งกว่าเงิน สนใจกลับกรุงเทพด้วยกันมั้ยครับ”
“ไป เอ่อ ไม่ ไม่ไปดีกว่า เอ่อ นายจะให้ชั้นไปฟรีๆ เหรอ ชั้นไม่เชื่อ”
“ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย ผมไม่ขออะไรมาก แค่คุณพูดเพราะๆ กับผมหน่อยว่า...คุณอาทิตย์สุดหล่อขา ขอมัทนีพึ่งพิงติดรถกลับกรุงเทพด้วยคนนะคะ แค่เนี้ย แล้วจะให้ไปด้วย”
“ไม่ ไม่ไป ถ้าชั้นต้องขอร้องนายแบบนั้น ชั้นยอมเดินกลับกรุงเทพดีกว่า”
“งั้นก็ตามใจ”
อาทิตย์ปิดกระจกทันที มัทนีเหวอ แต่ยังทิฐิ
“ไม่ เราต้องกลับเองได้สิ แค่ชะอำเอง”
มัทนีมองไปที่ถนน พบรถทัวร์วิ่งมา
“รถทัวร์ ไปกรุงเทพ” มัทนีวิ่งออกไปขวางถนนทันที “จอดก่อน จอดๆๆ”
อาทิตย์มองจากในรถแล้วตกใจ
“เฮ้ย ยัยนั่น เป็นบ้าไปแล้วเหรอ” อาทิตย์รีบออกจากรถ ตามไปดึงมัทนี “นี่ คุณ กลับมา อยากตายหรือไง คุณ”
“อย่ามายุ่งกับชั้น ชั้นจะกลับกรุงเทพ จอดๆ” มัทนีโบกต่อ รถทัวร์พุ่งเข้ามา เปิดไฟสูง บีบแตรสนั่น “จอด”
รถทัวร์จอดตรงหน้ามัทนีและอาทิตย์พอดี
“เฮ้ย อยากตายหรือไง” คนขับถามอย่างโมโห
“ชั้นไปด้วย ชั้นจะกลับกรุงเทพ เปิดประตู เปิดๆ”
มัทนีรีบไปเคาะประตูรถ เคาะๆๆ พอประตูเปิดก็รีบขึ้นไปทันที
“อ้าว เฮ้ย ไปด้วยๆ”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ยอดเขาริมทะเล เอกชเยศร์ก้าวมายืนตรงจุดชมวิวริมหน้าผา เห็นเวิ้งอ่าวชายหาดชะอำ เขาพยายามกดโทรศัพท์แต่โทรไม่ติด
“โธ่ โทรศัพท์มาเป็นอะไรตอนนี้อ่ะมัท ทำไมโทรไม่ติด” เอกชเยศร์ป้องปากตะโกน “มัทนี คุณได้ยินผมมั้ย! คุณอยู่ไหน! ชั้นอยู่นี่ ที่รักจ๋า” เอกชเยศร์รอฟังเสียงตอบ แต่ไม่มีอะไร “มัทจะเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ๆ เราต้องตั้งสติ คิดๆ ว่าพวกมันจะพามัทไปที่ไหน ไปโรงแรม ธรรมดาไป อืม หรือมันจะลากมัทเข้าพงหญ้า ไม่สิ นี่ริมทะเล มันก็ต้อง ที่ชายหาด นี่มันเล่นเย้ยฟ้าท้าแสงจันทร์เลยเหรอ มันอาจจะพาขึ้นเรือ ออกไปลอยลำโต้คลื่นทะเล ไม่ๆ ไม่จริง มัทเก่ง มัทฉลาด มัทต้องปลอดภัย”
คนที่ชมวิวอยู่แถวนั้นมองเอกชเยศร์แบบรังเกียจๆ
“น่าสงสารเนอะ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ เพี้ยนซะแล้ว”
นักท่องเที่ยวคุยกัน
ขณะนั้นมัทนีขึ้นมาบนรถทัวร์ ที่นั่งข้างๆ ป้าคนนึงว่างอยู่ มัทนีรีบเข้าไปนั่ง อาทิตย์จะเข้าไปนั่งตาม แต่แถวๆนั้นไม่มีที่แล้ว มีแต่ด้านหลังรถ
“คุณ มาด้วยกัน นั่งด้วยกันสิ ไปข้างหลัง ไปๆ” อาทิตย์บอกกับมัทนี
“ไม่ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
อาทิตย์เก้อ ไม่มีที่นั่ง
“เอ้า หาที่นั่งสิคุณ ห่างกับเมียสักชั่วโมงสองชั่วโมง ไม่ตายหรอก” คนขับบอก
“ชั้นไม่ใช่ ไม่ได้เป็นอะไรกับหมอนี่ทั้งนั้นนะ” มัทนีรีบบอก
“โธ่ๆ ไม่ต้องอายหรอกเมียจ๋า” อาทิตย์แกล้งบอก แล้วพูดกับคนขับ “เมียผมเค้ากำลังงอนผมน่ะครับพี่” ว่าแล้วอาทิตย์ก็พูดกับป้าที่นั่งข้างมัทนี “ป้าครับ เมียผมเค้ากำลังโกรธผมมาก จะขอเลิกกับผมให้ได้ ผมต้องปรับความเข้าใจกัน ผมขอนั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ สงสารผมเถอะ ฮือๆ”
“เอ้าๆ ผัวเมียกันค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันสิ มีอะไรก็คุยกันซะ”
“ป้าคะ ป้าอย่าไป ป้า” มัทนีพยายามรั้งป้าไว้ แต่อาทิตย์ช่วยให้ป้าออกไป
“ขอบคุณมากครับป้า ผมจะไม่ลืมพระคุณป้าเลย” จากนั้นอาทิตย์ก็เข้ามานั่งแทนที่ ดันมัทนีเข้าไปนั่งชิดด้านในกระจก “อ้ะๆ เรามาปรับความเข้าใจกันดีกว่าจ้ะเมียจ๋าาา”
อาทิตย์หันมายักคิ้ว หลิ่วตากะล่อนใส่มัทนี
“เมียเหรอ”
มัทนีจิ้มลูกตาอาทิตย์ทันที อาทิตย์ร้องลั่น
“จ๊าก”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านมัทนี ขณะนั้นจำเนียรกำลังนั่งให้เหน่งกับโหน่งนวดบ่านวดเท้าให้อยู่ ในขณะที่บนตักก็กำลังแปรงขนให้ท่วมทุ่งไปด้วย โทรศัพท์บ้านดัง
“โหน่ง แกไปรับสิ” เหน่งใช้โหน่ง
“ชั้นไม่ว่าง แกนั่นแหละไปรับ” เหน่งใช้กลับ จังหวะนั้นเหน่งเห็นหาญเดินออกมาพอดี “คุณผู้ชายขา ฝากรับโทรศัพท์ทีค่ะ”
“ยัยคู่นี้ เกี่ยงกันอยู่นั่น” หาญรับสาย “ฮัลโหล อ้าว นายเอกชเยศร์เหรอ มีอะไร ยัยมัทเหรอ ยังไม่กลับเลย ก็ออกไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ แล้วโทรมาถามหาแบบนี้ มีเรื่องอะไร”
ท่วมทุ่งได้ยินชื่อเอกชเยศร์ เห่าใหญ่ จนจำเนียรต้องจุ๊ๆ ให้เงียบ
“ยัยมัทมีเรื่องเหรอ เอามานี่ๆ” จำเนียรไปคว้าโทรศัพท์มาพูดเอง “ตาเอก เกิดเรื่องอะไรขึ้น อะไรนะ! ยัยมัทหายตัวไป”
จำเนียรถามอย่างตกใจ ขณะนั้นเอกชเยศร์พูดโทรศัพท์อยู่ข้างทาง
“ผมก็ไม่ทราบว่าหายไปไหน ผมพยายามหาแล้ว แต่ยังไม่เจอ เป็นความผิดผมเองครับ ผมไม่น่าทิ้งมัทไว้กับพวกมันเลย พวกมัน ก็พวกของนายอาทิตย์ไงครับ พวกมันต้องลักพาตัวมัทนีไปแน่ๆ”
“ไปกับพ่ออาทิตย์ งั้นคงไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้นะ” จำเนียรวางสายเลย เอกชเยศร์งง “เหน่ง โหน่ง มานวดต่อ”
“ยัยมัทหายตัวไปกับนายอาทิตย์เหรอ เฮ้ย อันตรายที่สุด ไอ้อาทิตย์มันเสือผู้หญิงตัวพ่อเลยนะ แก๊งมันทั้งแก๊งด้วย” หาญบอก
“อย่าคิดมาก ไปๆ ไปเอาน้ำแร่เย็นๆ มาให้ลูกท่วมทุ่งดื่มที ขนจะได้สวยๆ ดูสิ ท่วมทุ่งอารมณ์เสียเลย ได้ยินเสียงนายเอกเข้าหน่อย”
“คุณจะวางใจไม่ได้นะ ผมรู้นิสัยพวกมันดี เห็นมากับตา ความกะล่อนลื่นเป็นปลาไหลของพวกมัน ผมยังยอมแพ้เลย” หาญบอกอย่างลืมตัว
“หือ” จำเนียรทำเสียงแปลกใจ
“ผมหมายถึง ผมยอมนับถือมันเลย กะล่อนแบบหาที่ติไม่ได้ ตามไม่ทัน ยิ่งผมไม่ประสีประสา ยิ่งดูพวกมันไม่ออก”
“ดูยังไงอ่ะคะว่ากะล่อน ต้องทำหน้าแบบนี้หรือเปล่า” เหน่งทำหน้ากะล่อน ยักคิ้วหลิ่วตา
“แบบนี้ต่างหาก” โหน่งทำด้วย
“พอๆๆ ไปช่วยกันโทรตามหายัยมัท ดูสิว่าไปอยู่บ้านเพื่อนหรือบ้านญาติที่ไหนหรือเปล่า ไปๆ”
หาญรีบตัดบท ไล่เหน่งกับโหน่งไปทันที
ส่วนบนรถทัวร์ มัทนีนั่งเอี้ยวเข้าไปชิดกระจกสุดๆ ออกห่างอาทิตย์แบบสุดๆ อาทิตย์นั่งข้างๆ เห็นท่านั่งเกร็งๆกลัวๆ ของมัทนีแล้วขำ
“นั่งดีๆ ก็ได้คุณ”
“ไม่ต้องพูด ชั้นไม่อยากเสวนากับนาย” มัทนีแหวขึ้นทันที
“เมียจ๋า” อาทิตย์แกล้งเรียก
“หยุดเรียกชั้นว่าเมียได้แล้ว ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับนาย”
มัทนีตัดบท ไม่พูดคุยอีก อาทิตย์คิดแกล้งลุกยืน ประกาศ
“ทุกคนครับ เมียผมเค้างอนไม่หายสักที ง้อก็แล้ว พูดดีด้วยก็แล้ว ผมควรจะทำยังไงดีครับ”
“จูบเลยพ่อหนุ่ม คริคริ” ป้าคนเดิมบอก
“ใจตรงกับผมเลยครับ มามะเมียจ๋า มาจูบกัน”
“ลองเข้ามาสิ”
อ่านต่อตอนที่ 4