เปิดใจ...คุณพ่อมือใหม่ “หนุ่ม” อรรถพร ธีมากร นักแสดงมากฝีมือผู้ผันตัวมาทำงานเบื้องหลังในฐานะผู้กำกับละครโทรทัศน์ หลังจากสละความโสดและแต่งงานกับหญิงคนรัก
วันนี้อรรถพรสวมหมวกอีกหนึ่งใบ เป็นหมวกที่เขาบอกว่า “มิอาจถอดวางได้” จนกว่าลมหายใจสุดท้ายชีวิต นั่นก็คือ ความเป็นพ่อของลูกชายอย่างน้อง “อันดา”
“ความเป็นพ่อของผม ก็เหมือนพ่อทั่วไปครับ” หนุ่มคนดังเริ่มต้นบทสนทนา “คืออยากให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้น ถ้าเขาเกิดมา ผมต้องให้ความรัก และความอบอุ่นกับเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งการเลี้ยงลูกสไตล์ผม ผมจะพยายามให้เขาได้ช่วยเหลือตัวเอง ไม่โอ๋มากเกินไป และได้เล่นอย่างอิสระตามธรรมชาติของวัย ได้เหยียบดิน เหยียบหญ้าบ้าง นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หล่อหลอมผมมา”
สิ่งที่ดาราหนุ่มเน้นย้ำเรื่อยๆ ตลอดเวลาแห่งการสนทนาสัมภาษณ์ คือ พ่อทุกคนรักลูก และอยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสมควรจะได้รับ และที่สำคัญเหนืออื่นใด เขาเกริ่นว่า พ่อทุกคนสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกได้ ด้วยการมีลูกที่ดี
“ผมขอแสดงความดีใจกับผู้ชายทุกคนที่ได้เป็นพ่อ มันเป็นภารกิจที่มีความสุข และสามารถสร้างสิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้นต่อๆไปในโลกใบนี้ได้
ผมเชื่อว่าพ่อทุกคนก็รักลูกและอยากดูแลลูกให้ดีที่สุด มันอาจจะเหนื่อยหน่อยหรืออะไรหน่อยก็ขอให้อดทน แต่อีกหน่อยก็จะสร้างคนที่มีประโยชน์ต่อโลกต่อสังคมขึ้นมาได้ครับ”
คำถามต่อไปก็คือ แบบฉบับในการเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีคุณค่าต่อโลก ในมุมมองของคุณพ่อป้ายแดงคนนี้เป็นอย่างไร ทุกบรรทัดถัดจากนี้มีคำตอบ...
• วันที่ลูกมาสู่โลก กับหัวอกของคนกำลังจะเป็นพ่อ
“ถามว่าเห่อลูกไหม ผมเองก็ไม่ธรรมดานะ” นักแสดงผู้รับบทบาทพ่อในชีวิตจริง บอกเล่าถึงคืนวันเก่าก่อน เมื่อประมาณ 4-5 เดือนที่แล้ว ตอนที่ภรรยา “ฝ้าย” อริญรดา ใกล้จะคลอดทายาทคนแรกของครอบครัว “ตอนนั้นผมตระเวนเที่ยวซื้อของใช้เด็กอ่อนทุกอย่างเตรียมไว้เลย ทั้งเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่น และรถเข็นเด็ก แม่ของผมก็บอกว่า ไม่ต้องซื้อมาเยอะหรอก แต่เพราะผมเป็นคนรุ่นใหม่ คิดว่าเตรียมของไว้ก่อนล่วงหน้าก็ดี
คือผู้ใหญ่ท่านอาจจะมีความเชื่อว่า ถ้าเตรียมไว้ อาจจะเสียลูกไป เรื่องนี้ผมมองว่า มันคือกุศโลบายของคนโบราณ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคลอดออกมาแล้ว ตัวจะใหญ่ขนาดไหน หากเด็กตัวใหญ่ แต่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ดันตัวเล็ก มันก็ใช้ไม่ได้
แต่สำหรับผม ผมซื้อเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะของใช้สำหรับเด็กที่ต้องเตรียมให้พร้อม ยิ่งใกล้คลอดแล้ว ต้องพร้อมเป็นพิเศษ”
รสชาติของความเป็นพ่อ เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่บัดนั้น แม้แต่ตอนภรรยาตั้งท้อง เขาก็เริ่มชงนมให้ภรรยาดื่มก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็ทำไข่ลวกให้ทาน
“ผมชอบเอาครีมมาทาท้องให้ภรรยาตั้งแต่ครรภ์ยังอ่อนๆ เพื่อป้องกันท้องลาย ซึ่งเรื่องนี้ได้คุณมอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานท์) มาคอยให้คำแนะนำ เพราะคุณเกม ภรรยาของเขาใช้แล้วได้ผล ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมก็จะดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งการเดิน การนอน” หนุ่มเล่าด้วยรอยยิ้ม
“ผมคุยกับลูกในท้องอยู่ตลอด พยายามบอกกับเขาว่า คลอดออกมาร่างกายแข็งแรง เป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาดนะ หรือบางทีก็จะหานิทานมาอ่านให้เขาฟัง มีเล่นดนตรี ร้องเพลงให้ฟังบ้าง ซึ่งจะเล่าและร้องไปพร้อมๆกับเอามือลูบท้องไปด้วย
เวลาเอามือไปจับท้องคุณแม่ จากที่ดิ้นอยู่เขาก็นิ่ง เหมือนเขาสัมผัสเราได้ แต่ถ้าเอามือออกเมื่อไร ดิ้นทันที หรือเวลาไปเดินเลือกซื้อของใช้ของเล่นให้เขา ผมก็จะเอาของไปแตะที่ท้องคุณฝ้ายแล้วถามว่า อันนี้ชอบไหม ถ้าแตะแล้วดิ้น แสดงว่าชอบ แต่ถ้านิ่ง แสดงว่า ไม่ชอบ”
วันคืนผ่านไป จากความเห่อลูก ก็เข้าสู่โหมดความเป็นจริง เมื่อลูกออกมาลืมตาดูโลก
“ก็สนุกดีนะครับ” คุณพ่อยังหนุ่มเล่าถึงสีสันประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกน้อย “แต่ว่าบางที นอนได้สองชั่วโมงตื่น สองชั่วโมงตื่น เราจำเป็นต้องดูแลเขาให้ดีมากๆ ช่วงที่เขายังเล็ก เช็ดอึเช็ดฉี่ ตีสองตีสามให้นม ผลัดๆกับคุณแม่เขา แต่พอเริ่มๆโตขึ้นหน่อย ก็เริ่มจะสบายขึ้นบ้าง มันก็ธรรมดา”
“ถ้าอยากรู้ว่าชีวิตมันลำบากยังไงก็ให้มีลูก” คุณพ่อมือใหม่หัวเราะเมื่อได้ยินคำนี้ แล้วกล่าวว่า
“มันก็พอสมควรนะ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่อดทนด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะดูเป็นเรื่องลำบาก คงดูแลลูกได้ไม่ดี เพราะลูกจะตื่นตลอดในช่วงที่เขายังเป็นเด็กเล็ก”
• ชีวิต ‘เปลี่ยน’ เพื่อลูก
“ชีวิตก็เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ จากที่ว่าทำงานอย่างเดียว หาตังค์มาได้ก็ใช้กินใช้เที่ยว พอเลิกงานก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ชีวิตแบบนั้นก็หายไปเลย” คุณพ่อมือใหม่ตอบคำถามเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป หลังจากได้รับบทบาทการเป็นพ่อ
“เดี๋ยวนี้ พอเลิกงานปุ๊บก็รีบกลับบ้านไปอยู่กับลูก หยุดทุกอย่าง หันมาดูแลภรรยากับลูกเยอะๆ ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่หรือหัวหกก้นขวิดที่ไหนอีกเลย หาเงินมาได้ก็เก็บไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย”
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ทายาทจะเพิ่งพ้นผ่านการลืมตาดูโลกมาได้ไม่นานนัก แต่ทว่าคุณพ่ออรรถพรก็เล็งอนาคตเผื่อลูกไว้แล้วเรียบร้อย ตามธรรมดาของคนเป็นพ่อ ที่ย่อมจะสร้างรากฐานในเรื่องต่างๆ ให้กับลูก
“ตอนนี้วางแผนไว้หลายอย่างครับ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องอะไรต่อมิอะไร ผมคิดว่า เราจะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ตัวเองดูแลลูกให้ดีที่สุด เรามีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ตลอดชีวิตของเขา เขาเกิดมาเพื่อเรา เราเกิดมาเพื่อเขา”
คุณพ่อแต่ละคนมักจะมีหลักในการเลี้ยงลูกเป็นของเฉพาะตน คุณพ่อคนดังอย่างอรรถพรล่ะ มีสูตรลับในการเลี้ยงลูกหรือไม่
“เรื่องหลักการในการเลี้ยงลูก ผมไม่มีหลักการอะไรเป็นพิเศษครับ ก็แค่คอยดูแลเขาให้อยู่ในวิถีชีวิตที่ดีงาม เพื่อที่จะเป็นคนดีของสังคม เท่านั้นเอง สอนให้เขาไม่เห็นแก่ตัว สอนให้เขาไม่เป็นคนขี้โกงหรือคิดร้ายกับคนอื่น หรือเป็นคนจิตใจไม่ดี พยายามสอนในทางที่ดีงาม”
• ไม่คาดหวังในตัวลูก แต่เน้นปลูกสร้างภูมิคุ้มกัน
ไม่มากก็น้อย พ่อแม่แต่ละคนมักจะคาดหวังในตัวของลูก จนบ่อยครั้ง นำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า พ่อแม่รังแกฉัน เพราะพ่อแม่เอาความฝันของตัวเองไปวางไว้บนบ่าของทายาท โดยปราศจากการมองความเป็นจริงของลูก สำหรับสิ่งนี้ หนุ่มบอกว่า
“ผมไม่คาดหวังอะไรใดๆทั้งนั้นครับ เราก็เพียงแค่ให้สิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดแก่ลูกของเรา ส่วนเขาจะรับได้รับไม่ได้ หรือเขาจะเป็นอะไรยังไงในชีวิต ก็แล้วแต่เขา เพราะว่าเป็นความสุขของเขา เราก็แค่ดูแลซัพพอร์ตให้ชีวิตของเขามีความสุขที่สุด ถ้าเขาไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
เป็นไปได้จริงหรือที่คนเป็นพ่อจะไม่คาดหวังอะไรเลยจากลูก เราถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“คือถ้าอะไรสักอย่างที่ผมคาดหวังจากลูกจริงๆ สิ่งนั้นก็คงเป็นความหวังว่า เมื่อเขาเติบโตขึ้นมาแล้ว เขาจะเป็นคนดีของสังคม ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ไม่สร้างปัญหาให้ใคร เป็นคนดี มีจิตใจที่ดี ไม่โกง เท่านั้นแหละครับ”
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสังคมยุคใหม่ที่มากมายด้วยสิ่งแวดล้อมที่ยั่วยุ มันจึงดูเหมือนเป็นการยากสำหรับพ่อแม่หลายคนที่จะเลี้ยงลูกให้อยู่ในร่องในรอยโดยไม่เสียผู้เสียคน อรรถพรยอมรับว่า สิ่งแวดล้อมนั้นมีส่วนสำคัญ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีป้องกันแต่อย่างใด
“พ่อแม่สมัยนี้ต้องทำงาน ต่างฝ่ายต่างอยู่กับตัวเอง พ่อแม่ทำงาน ลูกก็ไปเรียนหนังสือและอยู่กับเพื่อน ดังนั้น พ่อแม่จึงควรจะปลีกเวลาให้กับลูกๆ เยอะหน่อย
นอกจากนั้น ก็ควรจะมีการสังเกตพฤติกรรมเขา แล้วก็ค่อยดูว่าเพื่อนที่เขาคบเป็นแบบไหนยังไง อย่าปล่อยปละละเลยหรือว่าเอาเงินเลี้ยงอย่างเดียว ผมว่าส่วนใหญ่ พ่อแม่เดี๋ยวนี้ เอาเงินเลี้ยงลูกอย่างเดียว ลูกเลยออกนอกลู่นอกทาง
ผมคิดว่า สุดท้ายแล้ว มันน่าจะอยู่ที่กระบวนการป้องกันระวังไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าลูกไปเจออะไรแบบนั้นๆ เขาจะระวังสิ่งเหล่านั้นและไม่ยุ่งเกี่ยวกับมัน อย่างมีสติได้อย่างไร
คือเราสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาไว้ก่อนแล้ว อย่างน้อยก็สอนให้เขารู้จักว่า ผิดชอบชั่วดีคืออะไร บาปบุญคุณโทษคืออะไร และโดยสำนึก มันก็จะทำให้เขาตัดสินใจได้เองว่า มันควรหรือไม่ควรที่จะไปยุ่งกับสิ่งเหล่านั้น ผมคิดอย่างนี้นะ” นักแสดงคนดังกล่าวทิ้งท้าย
• “พ่อหลวง”ของปวงไทย
เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี มีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน เพราะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พ่อหลวง” ของปวงประชาชนชาวไทย
หนุ่ม “อรรถพร” ในฐานะที่เป็นพ่อคนหนึ่ง ได้กล่าวถึง “พ่อหลวง” ผู้ยิ่งใหญ่เกินจะหาสิ่งใดมาเปรียบปาน
“พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยและคนทั้งโลกครับ วิถีปฏิบัติที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์ท่านในด้านต่างๆ พระองค์ก็ทรงดูแลอย่างดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด
หลักคิดที่เรานำมาใช้คือ พระองค์ท่านทรงเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ท่านให้เป็นคนดี และสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมมากมายอย่างที่เราคนไทยได้ประจักษ์กันอยู่แล้ว”
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 156 ธันวาคม 2556 โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา)