xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 2

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หมอนวดตัวจริงกดกริ่งอยู่หน้าบ้านหาญ

ส่วนที่ระเบียงหลังบ้าน อาทิตย์กดตรงกระเบนเหน็บจำเนียร พอดีมีเสียงกริ่งดังมาแว่วๆ
“อืม โอวว เยสส” จำเนียรหันมา “ใครมาอีกล่ะนั่น”
“เสียงกริ่งดังมาแว่วๆ”
“แกไปดูซิ โหน่ง” เหน่งบอก
“แกแหละไป ยัยเหน่ง” โหน่งบอก
“แกไปซิ ท่วมทุ่ง” เหน่งหันไปบอกเจ้าหมาท่วมทุ่ง
“เหน่ง” จำเนียรทำเสียงเข้ม เสียงกดกริ่งดังเร่ง
“ค่า คุณผู้หญิง” เหน่งลุกไปอย่างไม่เต็มใจ

หาญรีบวิ่งออกมาหน้าบ้านอย่างเร็ว เจอกันพอดีกับเหน่งที่หน้าบ้าน
“เย้ย แกจะไปไหน”
“มีคนมา”
“อ๋อๆ แขกของชั้นเอง แกไม่ต้องสนใจ”
“อ้าว ก็หนูต้องเป็นคนเปิดประตูนะคะ”
หาญยังไม่ทันพูดอะไร เหน่งวิ่งไปเปิดประตูอย่างเร็ว เหน่งทำงานงงๆ เมื่อเห็นหน้าหมอนวด
“นี่ เพื่อนของคุณผู้ชาย หรือคะ ทำไมถึง...”
“ใช่ ทำไม มีอะไร ว่าไง คุณอาทิตย์” หาญเห็นหน้าหมอนวดถึงกับสะดุ้ง ถอย “เอ๊ะ”
หมอนวดยกมือไหว้
“ผมมาพบคุณนายจำเนียรครับ”
“คุณคือ”
“ผม หมอทองมี หมอนวดแผนโบราณไงครับ”
“หา อะไรกัน ก็หมอมาแล้ว กำลังนวดคุณผู้หญิงอยู่แล้วนี่นา” เหน่งบอก
“ฮ้า เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมนี่แหละหมอ นี่ไงครับ บัตรประจำตัวของผม”
“ไหน ดูซิ” หาญหยิบมาดู แล้วเงยมา กลืนน้ำลายเอื๊อก “จริงด้วย แล้วถ้าคนนี้เป็นหมอ แล้ว คนนั้น”
“คนนั้นก็หมอนะคะ เก่งด้วย นวดเก่งมากๆ ยังกะหมอเทวดาแน่ะค่ะ จับไปตรงไหน คุณผู้หญิงหายปวดทันทีหนุ่มก็หนุ่ม หล่อก็หล่อ รูปร่างหน้าตาไฮโซ้ ไฮโซ”
หาญตาเหลือก เข้าใจทันที
“หา อะไรนะ อ๊าก เข้าใจแล้ว วายวอดๆ แน่ๆ”

ขณะนั้นมัทนีเดินลงมาจากชั้นบน ถือหลอดครีมยาทา หน้าตาร่าเริง เดินมายังระเบียงหลังบ้าน แล้วเธอก็เห็น ด้านหลังของอาทิตย์ กำลังก้มนวดจำเนียรที่นอนคว่ำ ใช้ส้นมือกดแรงๆ ที่กระเบนเหน็บ มีโหน่งและท่วมทุ่งดูอย่างสนใจ
“จุ๊ๆ แบบนี้แหละ คุณหมอ ที่เค้าเรียกว่าโดน”
“คุณหมอคะ ใช้ครีมคลายกล้ามเนื้อนี่นวดไปด้วย จะดีไหมคะ”
มัทนีบอก อาทิตย์ได้ยินเสียง ชะงัก แล้วหันมา พอดีมัทนีนั่งคุกเข่าลงมาข้างๆ เพราะจะได้ไม่เป็นการยืนค้ำศีรษะคนอื่น ยื่นครีมมาให้
“นี่ค่ะ คุณหมอ”
ทั้งสองหันมา ป๊ะกันเต็มๆ อาทิตย์ผงะ มัทนีตาเบิกกว้าง
“นาย”
“คุณ”
จำเนียรหันมา
“นี่ คุณ มาที่นี่ได้ยังไง นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“แล้ว คุณ มาทำอะไรที่นี่”
“ที่นี่มันบ้านชั้น คุณนั่นแหละ มาทำไม คิดจะทำอะไรกันแน่”
“อ้าว” จำเนียรลุกนั่ง หันมา “รู้จักกันแล้วหรือ โอ้โห แสดงว่าคุณหมอคงเก่งมาก โด่งดังมาก จนถึงขนาดลูกยังรู้จักเลยเหรอ มัทนี”
“อ๋อ ใช่ค่ะ หนูรู้จักแต่ไม่ได้รู้จักในฐานะหมอนวด”
“อ้าว เหรอ ว่าแล้วเชียว ท่าทางหมอดูดีมีชาติตระกูลกว่าที่จะเป็นหมอนวดบ้านๆ หรือว่าหมอ ทำงานอื่นที่...”
จังหวะนั้นหาญโผล่มาพอดี

หาญรีบส่งเสียงดังลั่นมาแต่ไกล
“คุณหมอครับ คุณหมออาทิตย์ โอ้ว ผมไม่ยักทราบว่าเป็นคุณหมอที่จะมาช่วยรักษาภรรยาที่แสนดีของผม”
หาญพยายามหลิ่วตา ส่งสัญญาณ อาทิตย์อ้าปากค้าง
“คุณ หาญ นี่”
“แม่จำเนียร ลูกมัทนี รู้จักคุณหมออาทิตย์รึยัง คุณหมอกับพ่อชอบพอกันมาก เราพบกันที่ ที่ เอ้อ เอ้อ”
“ที่ไหนคะ”
“ที่โรงพยาบาล” อาทิตย์บอก
“ที่วัด” หาญบอกพร้อมกับอาทิตย์ จำเนียรถึงกับงง
“ที่ไหนนะคะ”
“ที่วัด” อาทิตย์บอก
“ที่โรงพยาบาล” หาญบอกพร้อมกับอาทิตย์
“ตกลง ที่วัดหรือโรงพยาบาล” มัทนีถามอย่างงๆ
“ทั้ง 2 แห่งนั่นแหละ ทั้งที่วัด และโรงพยาบาลเลย” หาญบอก
“ตาย ต๊าย ตาย หมายความว่าคุณหมอ นอกจากเป็นหมอแล้วยังเป็นคนธรรมะธรรมโม ชอบไปไหว้พระไหว้เจ้าเหมือนกันหรือคะ แล้วลูกมัทล่ะจ๊ะ รู้จักกับคุณหมอที่ไหน”
“ที่สถานีตำรวจค่ะ” มัทนีบอกหน้าเหี้ยม
“หา คุณหมอไปทำอะไรที่สถานีตำรวจ” จำเนียรถามอย่างตกใจ
“ผมไปช่วยผู้ต้องหา”
“ใช่แล้วๆ คุณหมออาทิตย์เป็นคนดีมาก ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก เอ้อ แม่จำเนียรนวดเสร็จแล้วใช่ไหม ดีๆ ชั้นก็ปวดสะบักเหลือเกิน สงสัยว่าจะนั่งสมาธิผิดท่า มาๆ คุณหมอ มานวดให้ผมหน่อย ไปๆ”
“ไม่ได้ค่ะ ท่วมทุ่งรอต่อคิวอยู่”
“โถ ผมปวดจะตายอยู่แล้ว โอยๆ ขอฉันลัดคิวเถอะนะพ่อท่วมทุ่งสุดประเสริฐ” หาญคว้ามืออาทิตย์จะลากไป
“ไม่ต้องไปไหนหรอกค่ะคุณหาญ นอนนวดตรงนี้ต่อจากอิฉันเลยสิคะ นวดเลยค่ะ นวดเลยๆ หมออาทิตย์นี่หมอเทวดาจริงๆ มือแกยังกะมีเวทมนตร์ จับที่เจ็บตรงไหน จับหาย จับหาย”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรๆ เราไปนวดกันที่ห้องพระดีกว่า จะได้ขอพลังบวกจากในห้องพระมาประจุในการบำบัดรักษาได้ด้วย ไปๆ คุณหมอ เอ้า ไหนของคุณหมอล่ะ กระเป๋านี่ใช่ไหม ไปๆ ผมช่วยถือเอง” หาญรีบลากอาทิตย์ไป จำเนียรมองตามทึ่งๆ
“ต๊าย ไม่น่าเชื่อ แปลกจังโลกกลมจริงๆ เลยนะลูกมัท”

มัทนีมองตามอย่างสงสัย

หาญลากอาทิตย์ขึ้นมาในห้องพระบนบ้าน

“นี่คุณอาทิตย์ คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ มันเรื่องอะไร คุณถึงรับสมอ้างไปนวดแม่จำเนียรแบบนั้นล่ะ”
“อ้าว แล้วท่านจะให้ผมบอกความจริงเหรอครับ ว่าผมเป็นใคร มาทำไม”
“เปล่าๆ ก็ดีแล้ว ที่คุณทำเนียนๆไป แล้วไหนล่ะของ” อาทิตย์เปิดประเป๋า ส่งถุงให้ “ฮ่าๆ ดีมาก ม้วนมาซะเล็กเลย นี่ของคุณ” หาญเดินไปหลังโต๊ะพระ หยิบถุงเสื้อผ้าอาทิตย์มาให้ พออาทิตย์ยื่นมือจะรับ หาญชะงัก “เอ๊ะ เดี๋ยว”
“อะไรครับ”
“คุณไปรู้จักยัยมัทที่โรงพักไหนอะไร ยังไง” หาญมองอาทิตย์อย่างระแวงๆ
“ก็ไม่มีอะไร เค้าเป็นฝ่ายเจ้าทุกข์ ผมเป็นฝ่ายผู้ต้องหา เราอยู่คนละข้างกัน”
“อ้อๆ แล้วไป”
“ผมไปได้แล้ว ใช่ไหมครับ”
“ได้ๆ ขอบใจๆ จริง”
อาทิตย์ไหว้ลาหาญ แล้วรีบออกมา หาญเปิดดูเสื้อ พอใจ แล้วเหมือนคิดอะไรได้ รีบตามอาทิตย์ออกมา

อาทิตย์เดินลงบันไดมา หาญวิ่งตามมาดึงแขน
“เดี๋ยวๆ คุณอาทิตย์ ตะกี๊แม่จำเนียรพูดเหมือนว่าคุณนวดบำบัดรักษาอาการได้จริงๆ”
“ครับ ที่บ้านผมทำอาชีพเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณตาผมเป็นหมอแผนโบราณ พวกศาสตร์การแพทย์แผนไทยทั้งหลาย แล้วแม่ผมก็ขายยาดังๆ ตั้งหลายอย่าง”
“ยา” หาญตาลุก “ผมเคยได้ยินมาว่า มียาไทยเด็ดๆ หลายอย่าง ที่ช่วยเรื่อง...” หาญยักคิ้ว
“เรื่อง อะไรครับ”
“ก็ เอ้อ อ้า ก็ เรื่องบางเรื่อง ที่เราไม่อยากพูดมันออกมา”
“กลาก เกลื้อน เรื้อนกวาง”
“ไม่ช่าย”
“อ๋อ รู้แล้ว”
“นั่นแหละ”
“ริดสีดวงทวาร”
“ไม่ใช่ นี่โง่หรือแกล้งโง่ คือผมก็อายุไม่น้อยแล้ว ชิมิ แบบว่ามันเป็นปัญหาของวัย”
อาทิตย์คิดๆ นิดนึง
“อ๋อ รู้แล้ว โอเค เดี๋ยวผมจะส่งยามาให้”
“รู้จริงปะ”
“ยาไม่รู้ล้มของแม่ลิ้นจี่ เคยได้ยินไหมครับ”
หาญตาลุกวาว

อาทิตย์เดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านหาญ เอาหมวกกันน็อกมาใส่ หยิบถุงมือมาใส่ เตรียมออกรถ
มัทนีเดินออกมา มองอาทิตย์หัวจรดเท้า อาทิตย์หันมา แล้วยิ้มเจตนาจะยั่ว
“จะเอาค่านวดมาจ่ายหรือครับ ผมไม่คิดหรอก ถือว่าคนกันเอง พ่อแม่คุณก็เหมือนพ่อแม่ผม”
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงมาหาชั้นถึงบ้าน”
“ฮ้า ผมเนี่ยนะมาหาคุณ นี่ คุณมัทนี ผมลืมคุณไปตั้งแต่เราแยกกันแล้ว แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นลูกสาวพี่หาญ”
“นี่ อย่ามาลามปามคุณพ่อชั้นนะ”
“ลามอะไร ท่านชอบออกจะแย่ ที่ผมเรียกว่าพี่”
“นี่ ชั้นไม่อ้อมค้อมล่ะ คุณต้องการจะล้มคดีใช่ไหม คิดจะใช้คุณพ่อมาช่วยกล่อมชั้นใช่ไหม”
“อะไรนะ นี่! คุณ คนอย่างผม ไม่เคยเล่นเกมแบบล้วงลูก นอกกติกา ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนคุณหรอก”
“ถ้าคุณมายุ่งกะคุณพ่อคุณแม่ชั้นอีก ชั้นจะแจ้งความ”
“คุณนี่มัน บ้าไปแล้ว”
“ใครกันแน่ที่บ้า คุณมันนักสะกดรอย คุณสืบเรื่องส่วนตัวชั้น บังอาจมารังควานข่มขู่ชั้นถึงในบ้าน ชั้นทำงานเพื่อผู้หญิงมานานแล้ว ชั้นไม่กลัวคนอย่างคุณหรอก พวกผู้ชายบ้าตัณหา ลามก”
“ผู้ชายบ้าตัณหา ลามกเหรอ ก๊าก ฮ่าๆ” อาทิตย์หัวเราะออกมาแบบสุดเสียงใส่หน้า แล้วขึ้นรถ สตาร์ทขับออกไป มัทนีแค้น กระทืบเท้า

ช่วงเย็นที่ล็อบบี้โรงแรมหรูของปะการังเมียของโมกข์ อาทิตย์ อายูมิ โมกข์ โทนี่ แท่น อเนกนั่งดื่มกินชา กาแฟ ของว่างหัวเราะงอหายกับเรื่องเล่าของอาทิตย์
“ก๊าก ผู้ชายบ้าตัณหา ลามกตัวพ่อตัวจริงก็คือพ่อของเจ้าหล่อนตะหากล่ะเนอะ” แท่นบอก
“ว่ะฮ่ะๆ” อาทิตย์หัวเราะแบบผู้ร้าย “ยัยมัทนีหารู้ไม่ ว่าชั้นนี่แหละ คือคนที่เก็บความลับสุดยอดของบิดาคุณเธอ”
“ที่จริง ครอบครัวนี้เค้าเป็นญาติของนรีเองแหละ อีกหน่อยถ้าชั้นแต่งงานกะนรี คุณลุงลามกตัวพ่อคนนี้ต้องมาขอเข้าแก๊งค์พวกเราแน่ๆ” อเนกบอก อายุมิชะงัก
“เดี๋ยวก่อนๆ นาก๊ะ ทุกๆ คน ผู้หญิงที่ชื่อมัทนีคนนี้ สวยไหมก๊ะ” อายุมิถาม อาทิตย์ โทนี่ อเนก มองหน้ากัน เงียบ โมกข์ชักอยากรู้
“เออ นั่นดิ ว่าไง ชีสวยมั้ย แต่อีตาหาญผู้พ่อน่ะ หน้าตาเป็นอดีตพระเอกหนังไทยได้เลยนะเว้ย”
“ถ้าอย่างนั้น ชีก็ต้องสวยสิ ใช่ไหมก๊ะ”
“ไม่สวยๆ หรอก” อาทิตย์ โทนี่ อเนกตอบพร้อมกัน
“ยังงั้นๆ แหละ” โทนี่บอกต่อ
“ใช่ๆ หน้าแก่ๆ อ้วนดำ ใส่แว่น” อเนกช่วยพูด
“ใช่ๆ เป็นพวกหัวรุนแรง หน้าตาก็รุนแรงด้วย” อาทิตย์บอก ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะฮา
“จริงๆ เหรอก๊ะ” อายูมิถามย้ำ
“โอ๊ย จริงสิ อายูมิ ถ้า 3 คนนี่พูดพร้อมกันว่าไม่สวยก็แปลว่า ต้องดูไม่ได้เอาจริงๆ”
“ก๊าก เชื่อๆ ว่ะ ว่าชีต้องไม่สวยแน่ๆ” โมกข์บอก พวกหนุ่มๆ ฮากันอีก
“ใครไม่สวยคะ”
เสียงปะการังดังขึ้น ทุกคนเบรกกึก เงียบ หุบปากแทบไม่ทัน

ปะการังเดินเข้ามา พวกบริกรโรงแรมที่อยู่บริเวณนั้นพากันไหว้ โค้ง เมื่อปะการังเดินผ่าน กลุ่มอาทิตย์รีบลุกยืนต้อนรับปะการังเช่นสุภาพบุรุษยืนรับสุภาพสตรี ปะการังเข้ามาเกี่ยวแขนโมกข์
“แหมโมกข์ กลุ่มเพื่อนเลิฟของคุณนี่ ไม่เคยมีสาระอะไรคุยกันเลยนะคะ นอกจากเรื่องผู้หญิง” ปะการังยิ้มให้ทุกคนแบบเริ่ดๆ “ดิฉันไม่เห็นเคยได้ยินพวกคุณคุยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคมอะไรกันเลย แปลกดีนะคะ ที่คนเรา ในหัวสมองจะมีแต่เรื่องพรรค์อย่างว่า”
อายูมิควงแขนอาทิตย์บ้าง หัวเราะคิกคัก
“นั่นสิก๊ะ คุณปะการัง จริงด้วยก๊ะ”
ปะการังยิ้มพอใจ กวาดตามองทุกคนแล้วจบลงด้วยการจ้องหน้าโมกข์ โมกข์ยิ้มให้แบบเจื่อนๆ ประจบๆ
 
พวกอาทิตย์สบตากัน งานกร่อย

โมกข์ลากอาทิตย์มามุมนึงตรงทางเดินหน้าห้องน้ำของโรงแรม

“เซ็งจริงๆ ว่ะ มีเมียผิด คิดจนเมียตาย” โมกข์บ่น
“ไอ้บ้า คุณปะการังแกก็ดีออก เราว่านายแต่งงานแล้วดูนายมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ”
“ใครบอกแกล่ะ น่าเบื่อจะตาย มีเมียรวยเมียแก่ เมียเป็นเจ้านายทุกอย่าง ปะการังทำตัวเหมือนแม่มากกว่าเมีย นายก็เห็น แล้วไหนจะพวกพ่อตา แม่ยาย สังคญาติเธอที่มองเรายังกะเป็นแมงดามาเกาะ เราทำงานหนักนะเว้ย ตั้งแต่เข้ามาทำงานโรงแรมนี้ เราไม่เคยงอมืองอเท้า”
อีกด้านนึง เชอร์รี่ พีอาร์สาวสวยเดินมา พอเห็นโมกข์ อาทิตย์ ก็ยิ้มให้และไหว้ก่อนจะเดินไป โมกข์หันไปเห็น มองจนเหลียวหลัง
“น่ารักอ่า”
“พนักงานๆ ท่องไว้ๆ สมภารต้องไม่กินไก่วัด” อาทิตย์เตือน
“น้องเชอรี่ เป็นพีอาร์มาใหม่ แหล่มมาก..น่ากินมากก” โมกข์พูดเหมือนเพ้อ
“ไอ้เลว จะกินก็หากินไกลๆ ถิ่นหน่อย ไอ้บ้า เดี๋ยวก็ซวยหรอก”
อายูมิรีบตามมา
“แอบมาซุบซิบอะไรกันก๊ะ อาทิตย์ โม้ก”
“โมข์ครับ โมกข์”
“โมกกก” อายูมิพยายามพูด “อาทิตย์ อายูมิหิวแล้ว เราจะดินเนอร์อะไรกันดีก๊ะ” อายูมิเข้ามาควงแขน โมกข์แอบเหลียวหลัง มองหาเชอรี่
เชอรี่กำลังคุยกะพนักงานอื่นอยู่อีกด้านไกลๆ แต่แอบหันมาสบตากับโมกข์เช่นกัน

วันต่อมาที่โรงแรมของปะการัง โมกข์นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำลังเล่นเกมอย่างมันเมา มีเสียงเคาะดังขึ้น โมกข์รีบกดเปลี่ยนหน้าจอ หน้าจอกลายเป็นเอกสารงานของโรงแรมฟึ๊บ โมกข์ทำท่าเครียด ทำงานทำการ ปะการังเข้ามา พอเห็นโมกข์ทำงานก็เดินเข้ามา จูบแก้มทีหนึ่ง โมกข์เอียงหน้าให้จูบแล้วจูบตอบ ปะการังดูในจอคอมพ์
“ว้าว โมกข์ นี่คุณกำลังเตรียมการประชุม เรื่องแผนจัดงานเทศกาลอาหารหน้าร้อนหรือคะ”
“ก็ใช่นะสิครับ ต้องประชุมพรุ่งนี้บ่าย นี่ผมยังทำไม่เสร็จเลย คิดไม่ค่อยออก”
“โถๆ ที่รัก ไม่ต้องรีบนะคะ ไม่ต้องกดดัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่วยๆ กันคิดในที่ประชุมก็ได้”
“ไม่ได้หรอก ผมต้องมีข้อมูลไปเสนอ จะรอฟังของพวกลูกน้องอย่างเดียวมันไม่ดี นี่ผมเข้าเน็ต หาเรฟเฟอเร้นซ์อยู่”
“เยี่ยมค่ะที่รัก งั้นเค้าไปก่อนนะ ต้องไปกินข้าวกะลูกค้าแป๊บ แล้วเจอกันที่บ้านค่ะ”
ปะการังเข้ามาจูบอีกที แล้วรีบไป โมกข์จูบแก้มตอบ แล้วรอจนประตูปิด ก่อนจะกดกลับมาเล่นเกมต่อ สักพักมีเสียงเคาะอีก โมกข์กดเปลี่ยนหน้าจออีก คนเข้ามากลายเป็นเชอรี่ โมกข์ตะลึง แล้วลุกขึ้น
“เชอรี่ มีอะไรหรือครับ”
เชอรี่ยิ้ม ทำหน้าแบ๊วเอียงอาย
“เชอรี่อยากจะมาถามข้อมูลงานเทศกาลอาหารหน้าร้อนจากคุณโมกข์ก่อนอ่ะค่ะ ว่าคุณโมกข์อยากให้เราเน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
เชอรี่ตาหวานสุดๆ โมกข์ใจละลาย
“โอ้ว น้องเชอรี่ งั้นมานั่งนี่เลยจ้ะ มาดูในคอมพ์ผมเลย นี่ๆ ผมจะโชว์ให้ดู”
โมกข์ดึงมือเชอรี่มานั่งโต๊ะที่ตน แล้วคร่อมตัวลงไป กดคลิกๆ ต่างๆให้ดู เชอรี่ทำแอ๊บแบ๊ว ไม่หลบเลี่ยง แต่ดูสู้มือ

อีกด้านหนึ่งที่ทำงานมัทนี เอกชเยศร์มายืนค้ำหลัง ดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของมัทนี
“การลวนลามลูกน้องในที่ทำงาน กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องปลุกจิตสำนึก ให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาสู้”
“ใช่ นี่รายล่าสุดที่แจ้งมาเนี่ย เป็นข้าราชการหญิง โดนผู้บังคับบัญชาบังคับให้อยู่ทำงานล่วงเวลาตอนเย็นๆ แล้วก็จะขอไปส่งบ้านตลอดๆ”
“เลวจริงๆ ผมล่ะเกลียดที่สุด ผู้ชายที่ชอบเอางานมาอ้าง แล้วฉวยโอกาสนู่นนี่นั่น ไหน ขอดูหน่อย เดี๋ยวเอกจะเชิญมาสัมภาษณ์ลงหนังสือท่าจะดี”
เอกชเยศร์ยื่นแขนมา จัดการคลิกนั่นคลิกนี่ที่คอมพิวเตอร์ของมัทนี ทำให้ท่าของทั้งสองเหมือนมัทนีอยู่ในอ้อมกอดเอกชเยศร์โดยปริยาย มัทนีแอบอึดอัด แล้วพลิกตัว ลุกออกมาจากโต๊ะแบบเนียนๆ
“ลองอ่านดูตามสบายนะคะเอกชเยศร์ เค้าเขียนมาปรึกษายาวมากเลย แต่อย่าเพิ่งทำอะไรกระโตกกระตาก เกิดผู้บังคับบัญชารู้ เค้าอาจทำอะไรที่ให้ผลร้ายกับผู้หญิงคนนี้ได้”
เอกชเยศร์เซ็ง แต่ก็ต้องยิ้มกลบเกลื่อน ชะฎาวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินหน้าเครียดมาหามัทนี
“น้องมัท คดีน้องกระต่ายมันพลิกซะแล้วล่ะค่ะ”
“พลิกยังไงคะ ก็กำลังจะฟ้องศาลแล้วนี่นา”
“ตำรวจบอกว่าผู้ต้องหากับคนชื่ออาทิตย์ พาน้องกระต่ายกับแม่มาเคลียร์ที่โรงพักตะกี๊ ตกลงจ่ายค่าเสียหายตามที่แม่น้องกระต่ายต้องการ แล้วคุณตำรวจเห็นว่ามันจะเป็นคดีที่รกศาลเปล่าๆ เรื่องนี้ ถึงที่สุดแล้วก็ประนีประนอมยอมความกันได้อยู่ดี ก็เลย...”
“คนชื่ออาทิตย์หรือคะ” มัทนีตาลุก แค้น “เมื่อกี๊นี้เองเลยเหรอคะ”

หาญอยู่ที่บ้านกำลังคุยโทรศัพท์กับมัทนี
“อาทิตย์ ลูกต้องการเบอร์โทรศัพท์นายอาทิตย์เหรอ”
มัทนีอยู่ที่ทำงานหน้าเครียด
“มัทไม่ได้อยากได้เบอร์เค้า แต่มัทอยากรู้ว่าเค้าเป็นใคร คุณพ่อรู้จักเขาไม่ใช่หรือคะ เขาทำงานอะไร ที่ไหน ยังไง เค้าไม่ใช่หมอใช่ไหมคะ”
“มัทสนใจเค้าเหรอ ไม่ได้นะลูก”
“ทำไมคะ เพราะเค้าเป็นคนไม่ดี ใช่ไหมคะ”
“ก็ ไม่เชิง” หาญอึกอัก
“พ่อคะ พ่อไม่ต้องห่วงเลยค่ะว่ามัทจะไปเสวนาอะไรกับเค้า แต่มัทจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีติดต่อเค้าด่วน เพราะมันเกี่ยวกับงานของมัท เค้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับมัท เค้าเป็นศัตรู เป็นคู่กรณี พ่อเข้าใจไหมคะ”

หาญอึ้ง

รถโทนี่แล่นอยู่บนถนนโดยมีโทนี่เป็นคนขับ และอาทิตย์นั่งข้างๆ

“อาทิตย์แกนี่มันยอดคนจริงๆ ไปลงสาลิกาลิ้นทองมาจากอาจารย์ไหนวะ ทำไมพูดอะไรทุกคนเชื่อหมด ไม่ว่าตำรวจหรือยัยแม่น้องกระต่าย พ่อเพื่อนแท้ เพื่อนแก้ว ฉันเกิดมามีบุญจริงๆ ที่ได้คบแก”
“พอๆ โทนี่ ไม่ต้องมาสรรเสริญ ชั้นขอแค่ให้แกกลับตัวกลับใจ เลิกจีบใครที่แกไม่เห็นหน้า ฉันก็พอใจแล้ว”
ทันใดเสียงโทรศัพท์อาทิตย์ดัง อาทิตย์เอาโทรศัพท์มาดูงงๆ แล้วกดรับสาย
“อาทิตย์พูดครับ”
มัทนีมีหน้าตาสะใจ ชิงชัง
“คุณมันขี้ขลาด”
อาทิตย์งงๆ ดูเบอร์ที่หน้าจอโทรศัพท์อีกที
“โทษที นี่ใครพูดอ่ะครับ”
“คุณน่าจะรู้ดีนะว่าใคร คุณอาทิตย์ คุณเก่งจริงนะ ทำได้ทั้งทางตรง ทางอ้อม ต่อหน้า และลับหลัง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ ก็เอาด้วยคาถา”
“ขอโทษ นี่มันแก๊งมิจฉาชีพที่ไหนโทรมาไม่ทราบ ถ้าไม่บอกว่าคุณเป็นใคร ผมวางล่ะ”
“ชั้น มัทนี วันนี้คุณชนะชั้นคุณอาทิตย์ กฎหมายอาจจะทำอะไรพวกคุณไม่ได้ เพราะอำนาจเงิน แต่สักวัน เวรกรรม จะต้องตามทันคุณ”
“มัทนี โอ้ นี่คุณถึงขั้นต้องไปหาเบอร์มาโทรด่าผมด้วยตัวเองเลยเหรอ ถามหน่อย ผมไปทำอะไรให้คุณ ในเมื่อตัวเจ้าทุกข์เองเค้ายังไม่โกรธ แล้วที่สำคัญนะ ผมก็ไม่ใช่ตัวการ ไม่ใช่ตัวผู้ต้องหาของคดีนี้ด้วยซ้ำ แล้วคุณก็ไม่ใช่คนโดน คุณไม่ใช่น้องกระต่าย ถ้าวันไหนผมไปจีบคุณแล้วถ้าผมลวนลามคุณ คุณค่อยเดือดร้อน จะดีไหม แต่ผมว่ามันก็คงไม่มีวันนั้นหรอก หรือถึงมี ผมก็ไม่ผิด เพราะคุณคงจะอายุเกินความเป็นผู้เยาว์มานานมากแล้ว”
“คุณมันเลว”
มัทนีวางสายทันทีหลังจากพูดจบ

มัทนีโกรธควันแทบออกหู อาทิตย์มองโทรศัพท์ มึนๆ ส่ายหัว ทันใดโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก อาทิตย์มองเบอร์ แล้วเกาหัวก่อนจะกดรับ
“คุณอาทิตย์ ผมหาญนะ”
อาทิตย์ถอนใจแอบๆ
“สวัสดีครับ คุณหาญ”
“ยัยมัทนี ลูกสาวผมโทรหาคุณรึยัง ยังใช่ไหม เดี๋ยวเค้าจะโทรมา ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไร ผมขอนะ ขอความกรุณาคุณอย่าเล่าถึงเรื่องของเรา อย่าบอกความลับของผม อย่าให้มัทนีรู้ว่าผมกะคุณรู้จักกันยังไง แล้วผมขอความช่วยเหลืออะไรคุณอีก เมื่อวานนี้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับท่าน”
“สัญญานะ”
“ครับ สัญญา”
“ขอบคุณมาก ผมเชื่อในความเป็นสุภาพบุรุษและผมหวังว่าสัญญาของเราจะเป็นสัญญาลูกผู้ชาย แล้วที่สำคัญคุณต้องช่วยผมต่อไปนะ เพราะคุณเป็นคนดี แค่นี้นะครับ” หาญพูดจบก็วางหูไป อาทิตย์มึนกว่าเดิม ถอนใจยาว
“อะไร” โทนี่ถาม
“ไม่มีอะไร มึน”
ทันใดโทรศัพท์อาทิตย์ดังขึ้นอีก
“โห เรตติ้งดีว่ะ” โทนี่แซว
อาทิตย์มองโทรศัพท์ คราวนี้ยิ้มออก
“คราวนี้เพื่อนเราเอง ค่อยยังชั่วหน่อย” อาทิตย์กดรับ “ไง นายโมกข์”
โมกข์หน้าซีด ร้อนรน
“อาทิตย์ ชั้นแย่แล้ว ชั้นซวยอย่างที่นายเตือนจริงๆ ด้วย นายต้องช่วยชั้น อาทิตย์นายต้องมาช่วยเพื่อนเดี๋ยวนี้ด่วน ด่วนที่สุดนะเพื่อน มีแต่นายเท่านั้นที่จะช่วยเพื่อนได้”
ปะการังเดินเข้ามาหน้าตาถมึงทึง โมกข์รีบวาง หน้าตากลัวมาก
อาทิตย์วางหู มึนที่สุด แล้วมองหน้ากับโทนี่ซึ่งทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามว่ามีอะไร เกิดอะไรขึ้น

ปะการังลากโมกข์เข้ามาในห้องแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงแรม
“โมกข์ คุณมาดูด้วยตาของคุณเองดีกว่า เลิกปฏิเสธ งอแง แก้ตัวหน้าด้านๆ ซะที”
โมกข์ชะงัก เมื่อเห็นประธานสหภาพ
“คุณเพทาย คุณ”
“คุณโมกข์ ผมอุตส่าห์ดีใจว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่พูดกับประธานสหภาพแรงงานของโรงแรมเราอย่างผมถูกคอกันดีทุกอย่าง แต่ผมไม่คิดเลยว่าผมจะต้องมาเผชิญหน้ากับคุณในคดีนี้”
“นี่ มันถึงกับต้องเป็นคดีเลยเหรอ”
“ใช่สิ เพราะสิ่งที่คุณทำมันเรียกว่า การลวนลามลูกน้องในสำนักงาน”
“ปะการัง คุณ คุณหึงหวงผมจนไร้เหตุผล แล้วก็เลยจินตนาการเรื่องราวขึ้นเองเพราะความหวาดระแวง”
“โมกข์คะ พฤติกรรมสมภารกินไก่วัดของคุณ ชั้นระแคะระคายมาตลอด ดังนั้นชั้นจึงขอให้คุณนิมิตไปติดตั้งกล้องซีซีทีวีในห้องทำงานของคุณ”
“อะไรนะ นี่คุณ พวกคุณ” โมกข์ชี้ทุกคน “กำลังละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวของผมนะ ผมจะเอาเรื่อง”
“แต่ก่อนที่คุณจะเอาเรื่องเรา เราจะเอาเรื่องคุณก่อน คุณดูเองก็แล้วกัน โมกข์สุดที่รักของเมีย”

ปะการังหันไปพยักหน้าให้สัญญาณ หัวหน้ารปภ.เปิดเทป ทุกคนหันไปดู โมกข์หน้าซีด
 
อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ภาพที่ปรากฏในจอเป็นภาพขาวดำ ไม่มีเสียง แต่ชัดเจน เป็นภาพที่โต๊ะทำงานโมกข์
 
เชอรี่นั่งดูคอมพิวเตอร์อยู่ โดยมีโมกข์ ที่ยืนข้างๆ กำลังโน้มตัว ก้มลงไป โดยโอบเคลียคลอเชอรี่ เชอรี่มีลักษณะสมยอม โมกข์ยิ่งนัวเนีย ก้มไปแนบชิด พัวพันมากขึ้น เชอรี่พยายามบ่ายเบี่ยงหลบ โมกข์บุกหนักซุกไซร้แล้วในที่สุด เชอรี่ลอดออกมา แล้วจะวิ่งหนี โมกข์กัน วิ่งไล่จับไปรอบๆ ห้อง แล้วในที่สุดเชอรี่วิ่งหนีออกไปได้ แต่จริงๆ แล้ว อารมณ์เชอรี่เป็นแนวหยอกเย้า ยั่วยวน
โมกข์หน้าซีดสุดๆ หันมามองปะการัง ปะการังตบโมกข์ฉาด หัวหน้ารปภ.และประธานสหภาพ ทำท่าสยองแทน
“คุณเพทาย ในฐานะที่คุณเป็นประธานสหภาพแรงงานของเรา ดิฉันขอบอกว่าเรื่องนี้ แม้ว่าเชอรี่จะไม่เอาเรื่องแต่คุณต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

อีกด้านหนึ่งที่ทำงานมัทนี มัทนียืนสงบสติอารมณ์อยู่มุมนึง เอกชเยศร์เข้ามามองๆ แล้วเข้ามาเอาใจ
“มัทเป็นอะไรน่ะ อย่าอารมณ์เสียสิจ๊ะ”
“เอก มัทไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็แค่เซ็งมนุษย์นิดหน่อย อำนาจเงินนี่มันชนะทุกอย่างจริงๆ”
“มัท เรื่องของคนอื่นน่ะ เมื่อเราทำเต็มที่แล้ว มันไม่ได้ผลอย่างใจเราก็ต้องรู้จักปล่อยวาง เรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา จะให้เค้าทำถูกใจเรา มันย่อมเป็นไปไม่ได้”
มัทนีถอนใจ พอดีชะฎารีบเข้ามา
“น้องมัทๆ คุณเพทาย ประธานสหภาพแรงงาน โรงแรม...โทรมามีกรณีเจ้านายลวนลามลูกน้องในที่ทำงานเกิดขึ้นในโรงแรม...สดๆ ร้อนๆ เลย ผู้จัดการฝ่ายการตลาดลวนลามพีอาร์สาว”
“เลวที่สุด”
“ใช่ เค้าอยากให้เราเข้าไปช่วยดูแลด่วน”
มัทนีตาโต รู้สึกเร่าร้อนที่จะทำงาน

มัทนีเดินขึ้นมาบนโรงพัก ตามด้วยเอกชเยศร์และชะฎา ขณะนั้นปะการังกำลังทะเลาะเสียงดังกับโมกข์
“โมกข์ หยุด อย่ามาทำเป็นพูดดี นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”
“ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย อย่างน้อย ถ้าจะถึงกับแจ้งความ ผมก็น่าจะได้ทำอะไรๆ มากกว่านี้ก่อนสิ”
“คนบ้า คนเลว ชั้นเกลียดแก” ปะการังตบโมกข์
“โอ๊ยๆ”
ตำรวจเข้ามาจับทั้งคู่แยกกัน
“ปะการัง คุณจะทำกับผมแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ยอมๆ” โมกข์ตะโกน
เอกชเยศร์เข้าไปหาโมกข์
“นี่ คุณครับ คุณนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์จะทำอย่างนี้กับคุณผู้หญิงคนนี้ คุณน่าจะอายบ้างนะครับ ที่ทำได้กระทั่งลวนลามผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่มีทางสู้ โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นสุภาพสตรีผู้ใหญ่ วัยสูงกว่าคุณขนาดนี้”
“นี่ พวกคุณเป็นใคร” ปะการังถามพวกมัทนีทั้งหมด มัทนีเข้ามาดูแลปะการัง
“คุณคะ ใจเย็นๆ นะคะ ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวนะคะ มูลนิธิฯของเราจะช่วยคุ้มครองคุณเอง”
ปะการังมองมัทนีงงๆ ตาปริบๆ
“นายก็ไม่ต้องกลัวนะ นายโมกข์” เสียงอาทิตย์ดังขึ้น โมกข์หันไปเห็น ดีใจสุดขีด พุ่งไปแทบกอด
“อาทิตย์ๆ ช่วยเราด้วย”
ทุกคนหันไป อาทิตย์โอบโมกข์ไว้ มาดลูกพี่ดูแลสมุนมากๆ
“ไม่ต้องกลัว โมกข์ เราจะดูแลนายเอง”
มัทนีมองอาทิตย์ ไม่เชื่อสายตา อาทิตย์มองตอบมาอย่างท้าทาย

มุมนึงในโรงพัก อาทิตย์กดตัวโมกข์ให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ อาทิตย์มองหน้าเพื่อน ถอนใจ
“โมกข์เอ๊ย แกไม่ควรเล้ย”
“เชอรี่เป็นฝ่ายเข้ามา มาให้โอกาสกะชั้นเอง เค้าเป็นฝ่ายเสนอ ชั้นเป็นฝ่ายสนอง”
“ใครจะเสนอมายังไงก็ช่าง แกเลือกที่จะไม่สนองก็ได้ แกมันประมาท คึกคะนองผิดที่ แกรู้ตัวรึเปล่าว่าแกทำแบบนี้ ทำให้น้องเชอรี่เค้าเดือดร้อน”
“ยัยปะการังแอบติดกล้องวงจรปิดในห้องทำงานชั้น ไม่ให้ชั้นรู้ตัว ทำแบบนี้เท่ากับละเมิดสิทธิมนุษยชนของชั้นเหมือนกัน แกว่าชั้นรีบฟ้องก่อนจะดีไหม”
อาทิตย์ทำหน้าเบื่อระอา

อีกมุมในโรงพักกลุ่มของมัทนีกำลังคุยกับปะการัง
“ขอโทษค่ะคุณปะการัง ที่พวกเราเข้าใจผิด ที่แท้ผู้เสียหายคือนางสาวเชอรี่ พีอาร์ฝึกงาน ไม่ใช่คุณ ส่วนคุณคือเจ้าของโรงแรม” มัทนีบอก
“ใช่ค่ะ ถูกต้อง”
“โอ คุณปะการัง ท่านช่างเป็นผู้บริหารที่น่าชื่นชมมากๆ เลยครับ ที่ท่านไม่เข้าข้างผู้บริหารด้วยกัน แต่กลับเห็นใจพนักงานหญิง ส่วนใหญ่เมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น บรรดาพวกคนระดับสูงในองค์กรมักจะพยายามปกปิด เข้าข้างและปกป้องกันเอง ปล่อยให้ลูกน้องต้องทนหวานอมขมกลืน” เอกชเยศร์ชม
“ต้องขอขอบพระคุณคุณปะการังมากค่ะ ที่เข้าใจ เห็นอกเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน ดิฉันซาบซึ้งมากที่คุณเห็นความสำคัญของปัญหานี้ ถึงกับบีบบังคับ จับตัวนายโมกข์ มาแจ้งความด้วยตัวเอง” มัทนีบอก
“นั่นสิ แถมคุณยังมีความเจ็บแค้นแทนผู้เสียหาย โกรธเกลียดฝ่ายชาย ราวกับเป็นปัญหาของตัวเองอีกด้วย” เอกชเยศร์ช่วยสมทบ
“ใครว่าชั้นเจ็บแค้นแทนมัน ชั้นน่ะเหรอจะเจ็บแค้นแทนอีนังเชอรี่ ชั้นเจ็บแค้นแทนตัวเองตังหากล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด มันเคยเกิดซ้ำซาก ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่คราวนี้ฉันเพิ่งจับได้คาหนังคาเขา เพราะการติดกล้อง จะไม่ให้ชั้นเจ็บแค้นได้ไง ก็ไอ้โมกข์น่ะมันสามีชั้นเอง ไอ้ผัวทรยศ เลี้ยงไม่เชื่อง พวกคุณต้องช่วยชั้น ต้องเล่นงานมันให้เจ็บ ประจานมันให้หนัก เอาให้เข็ดไปจนตายเลย เข้าใจไหม มูลนิธิคุณต้องการเงินทอง หรือขาดแคลนทุนทรัพย์อะไรก็ให้ว่ามาเลย ชั้นยินดีสมนาคุณเต็มที่” ปะการังบอกอย่างโมโห
 
มัทนีอึ้ง เอกชเยศร์มองอย่างทึ่ง

อีกมุมของโรงพัก อาทิตย์ยืนกินน้ำจากตู้กดน้ำเย็นด้วยแก้วกระดาษ
 
มัทนีเดินมา อาทิตย์หันไปพอดี ต่างคนมองหน้ากัน แล้วมัทนีเชิดใส่ ชิ! ทำท่าจะเดินหนี
“จะหนีไปไหนล่ะ คุณมัทนี คุณอยากคุยกะผมตัวต่อตัวมากไม่ใช่เหรอ”
มัทนีหันขวับ
“ใครว่าชั้นหนีคุณ”
“ที่จริง ผมชักอยากจะตั้งมูลนิธิมาแข่งกะคุณมั่งแล้ว ไหนๆ เราก็ต้องมาชนกันตามโรงพักอย่างบังเอิญแบบนี้บ่อยๆ”
“ชั้นไม่คิดว่ามันตลกนะ มุกนี้”
“ผมก็ไม่ได้ขำนี่ ว่าไง ตกลงคุณสมคบกับปะการัง วางแผนจะเหยียบเพื่อนผมให้จมเลยสิท่า”
“คุณคงจะตั้งใจจะสนับสนุนพวกผู้ชายเลวๆ ผู้ชายที่ทำผิด ให้ลอยนวลทุกๆ กรณีเลยใช่ไหม”
“ผมไม่ได้ตั้งใจอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเพื่อนผมมีปัญหา ผมก็ต้องช่วยอย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ แต่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น”
“คุณนี่ มีแต่เพื่อนดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“แหง เพราะผมเป็นคนดีไง”
“คบคนเช่นไร ย่อมเป็นคนเช่นนั้น”
“ถูก เร็วๆ นี้ ก็มีเพื่อนคนใหม่มาขอเข้าแก๊งผมนะ เป็นคนดีมากๆ เลยแหละ แต่ผมไม่เล่าให้คุณฟังหรอก เพื่อนคนนี้ ท่าทางจะเด็ดที่สุดซะด้วย” อาทิตย์หมายถึงพ่อของมัทนีนั่นเอง
“โอ๊ย ไม่ต้องมาอวดหรอก ชั้นไม่อยากฟัง”
“นั่นดิ ผมก็ว่า...ว่าคุณคงไม่อยากรู้ เรื่องของคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกะคุณหรอก”

เอกชเยศร์เดินมาพอดี รีบเข้ามากีดกัน
“มัท นายโมกข์มันไม่ยอมเซ็นรับข้อกล่าวหา จะเอายังไงกันดี”
อาทิตย์ตาลุก
“คุณเรียกเพื่อนผมว่ามันเหรอ”
“พวกคนเลวๆ จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ ท่าน เหรอ” เอกชเยศร์ย้อนถาม
“ยังไม่รู้ความจริงอะไรก็ด่วนตัดสินเสียแล้วว่าใครดีใครเลว ถ้าผมจะตัดสินคุณบ้าง ว่าไอ้คนที่เที่ยวจิกเรียกคนอื่นว่า “มัน” น่ะ เลวสุดๆ คุณจะว่าไง”
“อ้าว พูดงี้ก็สวยดิ” เอกชเยศร์ทำท่าจะถลันเข้าหาอาทิตย์ มัทนีรีบกันไว้
“ไม่เอาค่ะ เอก เอก ใจเย็นๆ”
อาทิตย์หัวเราะกวนๆ
“ทำงานเพื่อส่วนรวมน่ะต้องเยือกเย็นหน่อยครับ มันมีเรื่องราวที่กวนโมโหเยอะมาก จำไว้นะคุณสุภาพบุรุษ”อาทิตย์เดินเอ้อระเหยเข้าไปด้านใน เอกชเยศร์ฮึดฮัด
“กวนประสาทจริงๆ เค้านึกว่าเค้าเป็นใคร”
“ไอ้พวกเศรษฐีเพลย์บอย เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น นึกว่าแกจะหยามคนอย่างชั้นเล่นได้งั้นเหรอ” เอกชเยศร์หยิบโทรศัพท์มากด “หวัดดีเว้ย ไอ้ชาญ อยากทำข่าวไอ้พวกลูกเศรษฐีกับเพื่อนที่มันทำเรื่องชั่วร้ายฉาวโฉ่ รังแกผู้หญิง ออกรายการทีวีข่าวภาคค่ำวันนี้ไหมวะ”
เอกชเยศร์มีหน้าตาสะใจ

ช่วงเย็นที่โรงงานของลิ้นจี่ ขวดยาน้ำยาว่านชักมดลูกตราคุณนายลิ้นจี่สีชมพูเรียงรายจำนวนนึง แล้วมีขวดยาน้ำโด่ไม่รู้ล้มสีฟ้าเข้ม จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีรูปพ็อทเทรทคุณนายลิ้นจี่ย้อมสีสดๆ เหมือนภาพถ่ายย้อมสีโบราณ ปากแดง แก้มชมพูสวยสด ลิ้นจี่ตรวจดูแล้วทำหน้าแปลกๆ
“ทำไมฉลากยาใหม่หน้าตามันดูโบราณๆ ตลกแบบนี้ล่ะ เจ๊ภา”
“นี่ล่ะค่ะ ผลงานควบคุมการออกแบบของคุณอาทิตย์ เธอบอกว่าผลิตภัณฑ์ของเรา เป็นยาสมุนไพรไทยแท้ แผนโบราณ ฉลากยาก็ควรดูดีมีสไตล์ในแนววินเทจๆ ด้วย อันเก่ายังไม่โบราณพอ ดูแล้วธรรมดาเกินไป ไม่จี๊ดค่ะ” เจ๊ภา เลขาของลิ้นจี่บอก
“ถ้าอยากจี๊ด ทำไมไม่ทำโมเดิร์นๆ ล่ะ อย่างน้อย ชั้นก็น่าจะสวยๆ เปรี้ยวๆ หน่อย”
พวกคนงานหญิงพากันกรูมา เสียงฮือฮาเอะอะ
“คุณนายลิ้นจี่ขาๆ”
“มาดูข่าวค่ะ ข่าวทีวีค่ะ”
“เร็วๆ ค่ะ ดูทีวีค่ะ”
“ช่อง 3 ค่ะ เปิดเร็วๆ เลยค่ะ”
พวกคนงานบอก
“อะไร ช่อง 3 มีอะไร” เจ๊ภาถามอย่างแปลกใจ
ลิ้นจี่หยิบรีโมท กดเปิดทีวีในห้อง ภาพในทีวีเป็นหน้าอาทิตย์ทันที อาทิตย์กำลังฟังคำถามของนักข่าว
“คุณอาทิตย์คิดว่าเจ้านายผู้ชายใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่เหนือกว่า บีบให้ผู้หญิงที่เป็นลูกน้อง จำต้องยอมให้ทำอะไรก็ได้เนี่ย เป็นเรื่องธรรมดาเหรอคะ” นักข่าวถามอาทิตย์
“การบีบให้ใครจำยอมทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าใครกับใคร หรือเพศไหนกับเพศไหน มันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ แต่ถ้าทั้งสองคนเต็มใจ มันก็ไปอย่าง”
มัทนีโผล่มา
“ชั้นรู้แล้วคุณอาทิตย์ ชั้นเข้าใจแล้วว่าคุณจะสู้ว่าอะไร คุณจะบอกว่า ผู้เสียหายเต็มใจ สมยอม แล้วก็หาหลักฐาน พยานมาอ้าง คุณก็มีมุกอยู่แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากเอาผู้หญิงดีๆ คนนึง มาประจานให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรี”
ลิ้นจี่มอง ยื่นหน้าไปจ้องจนติดทีวี

“ว้าย อ๊าย นี่เด็กคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครนี่”

ภาพในทีวี อาทิตย์โอบโมกข์มา

“แล้วที่พวกคุณประจานเพื่อนผมล่ะ คุณดูเพื่อนผมซะก่อน อดีตนายแบบ หล่อเท่หุ่นดีขนาดนี้ คนอย่างเขาเนี่ยเหรอครับ ต้องใช้อำนาจหน้าที่ไปบีบบังคับใจผู้หญิงมาให้ยอมลวนลาม เออ ถ้าเป็นอาเสี่ยแก่อ้วน หน้าหมูก็ไปอย่าง โมกข์เนี่ยแค่เขานั่งหล่อๆ เงียบๆ เฉยๆ ก็เบื่อที่จะโดนลวนลามแล้วครับ”
“คุณอาทิตย์ คุณนี่ไร้สาระแล้วก็ดูถูกผู้หญิงที่สุด ผู้ชายอย่างคุณ ใครได้ไปเป็นแฟน คงต้องโชคร้ายมาก” มัทนีต่อว่าอาทิตย์
“คุณก็เหมือนกัน เป็นผู้หญิงที่ใจแคบที่สุด ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จักโลก ไม่เข้าใจชีวิต มีแต่ความอคติ ดื้อรั้นเอาชนะ ใครได้ไปเป็นแฟนก็คงรู้ว่านรกมีจริง” อาทิตย์สวนกลับ
ภาพข่าวตัดไป มีหน้านักข่าวขึ้นมาสรุป ลิ้นจี่กดเสียงเบาลง หันมาหาเจ๊ภา
“เจ๊ภาๆ เห็นไหม เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร สวย น่ารัก พูดจาฉะฉาน มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเอานายอาทิตย์อยู่”
“จะเอาอยู่ยังไงกันคะ คุณนาย ด่ากันออกทีวีขนาดนี้”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันอยากได้เด็กคนนี้เป็นลูกสะใภ้ ฉันจะต้องได้”
ลิ้นจี่บอกอย่างมั่นใจ

ช่วงค่ำที่สระว่ายน้ำ มัทนีในชุดว่ายน้ำแนวสปอร์ต สวมหมวกว่ายน้ำสปอร์ตเรียบ ยืนอยู่บนสปริงบอร์ดอันสูง แล้วพุ่งหลาวทิ้งตัวลงสู่แผ่นน้ำเบื้องล่างอย่างสวยงามดุจเข็มที่พุ่งเสียบลงในสายน้ำ
ร่างมัทนีพุ่งลงใต้น้ำลึกก่อนจะลอยผุดขั้นมา แล้วก็ว่ายๆ อย่างสวยงามท่าฟรีสไตล์ สู่ขอบสระด้านตรงข้ามสปริงบอร์ด แล้วโผล่มาหายใจลึก หลายหัวพิงขอบสระ หลับตาผ่อนคลาย นรีในชุดว่ายน้ำ หย่อนตัวลงมาเบาๆ มาแช่น้ำข้างๆ
“น้องมัท สบายใจหรือยังจ๊ะ พี่เห็นน้องในทีวีในข่าวเมื่อตอนเย็น ท่าทางน้องจะโกรธมาก เครียดมากเลย”
มัทนีหันมา
“โอ้โห พี่นรีขา มัทต้องพยายามอดกลั้นแทบตาย ไม่ให้แสดงกิริยาแย่ๆ ต่อหน้ากล้อง ทั้งๆ ที่ใจจริงมัทอยากจะเอากระเป๋าฟาดหน้าอีตานั่นสักหลายๆ ตุ้บ”
“อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร” มัทนีหันขวับ
“พี่นรีรู้จัก”
“เขาเป็นเพื่อนกับอเนก”
“หา ตายแล้ว พี่นรีคะ ทำไมพี่อเนกคบคนแบบนั้นเป็นเพื่อนคะ เค้าเป็นผู้ชายที่เลวร้ายมาก เพื่อนๆ เค้าด้วย”
“ทั้งกลุ่มนั้นแหละมัท คือเพื่อนสนิทของอเนกทั้งกลุ่ม รวมทั้งนายโมกข์ ผู้ต้องหาที่มัทเล่นงานในข่าววันนี้ด้วย”
“อะไรนะ แต่พี่อเนกเป็นคนดี พี่อเนกกำลังจะแต่งงานกับพี่นรี ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ แต่พี่เชื่อว่า อเนกต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเองได้ เมื่อตกลงแต่งงานกะพี่ ทุกวันนี้ อเนกเค้าก็ทำงานหนักมาก เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา เขาเริ่มห่างๆ จากกลุ่มพวกเสเพลพวกนี้มาได้สักระยะแล้วล่ะ เพื่อพี่คนเดียวเท่านั้นเลยนะ”
หน้าตานรีดูฝันๆ มัทนีมอง เคลิบเคลิ้ม ยินดีไปด้วย

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านอเนก อเนกเปิดห้องบนตึกแถวให้โมกข์
“อ่ะ ห้องนอนพร้อมเฟอร์นิเจอร์ แอร์ ห้องน้ำในตัว แบบบ้านๆ พื้นๆ ไม่สวยหรูเท่ากับห้องสวีทที่แกนอนในโรงแรมเมีย แต่ก็คงพอจะอยู่ชั่วคราวได้ เวลาเมียไล่ออกจากบ้านอ่ะนะ”
“แค่นี้ก็หรูแล้วเพื่อน” โมกข์หน้าเศร้า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เราจะไม่กลับไปคืนดีกะอินังปีศาจแมงมุมอีกแล้ว”
“เฮ่ย โมกข์ คุณปะการังรักนายมากนะ อีกสักพักเค้าก็หายโกรธ แล้วก็มาง้อนายตามเคยล่ะวะ” อาทิตย์บอก
“ง้อเราก็ไม่ดี เรื่องแค่นี้ ชีกะจะเล่นเราให้จมดิน เอาเรื่องเจ้านายลวนลามลูกน้องอะไรก็ไม่รู้มาอ้าง ตัวน้องเชอรี่ไม่รู้ป่านนี้จะโดนอะไรมั่ง เราไทรไป เชอรี่ก็ปิดเครื่องตลอด สงสารน้องมากเลยอาทิตย์ แกต้องช่วยชั้น หาทางสืบหาน้องเชอรี่ให้ได้นะ เราผิดเองที่ทำให้น้องเค้าต้องลำบาก”
“เฮ้อ โมกข์เอ๊ย นายมันใจเร็วด่วนได้ ด่วนแต่งงานเร็วเกินไปเอง นายก็รู้ว่าชีวิตแต่งงานมันก็คือคุก ไม่น่าจะรีบ
กระโจนเข้าไปก่อนวัยอันควรเลยนี่หว่า” แท่นบอก
“คุณปะการังอ่ะ อ่อนกว่าแม่แกนิดหน่อยเอง เค้าก็ต้องเห็นแกเป็นลูกน้อยอยู่แล้ว แกทำตัวออกนอกลู่นอกทาง เค้าก็แค่อยากทำโทษลูกน้อยให้เข็ด หลาบจำ แล้วจะได้ไม่กลับมาทำอีก แกก็น่าจะเห็นใจป้าเค้าหน่อยสิวะ” โทนี่บอก
โมกข์หันมา หน้าหงิก
“ป้าแกอ่ะสิ ไอ้โทนี่ ชีใจร้ายชิปเป๋ง เรียกทีวีมาถ่ายเราทุกช่องเลยมั้ง แล้วต่อไปนี้ใครๆ ก็ต้องนึกว่าเราเที่ยวไล่ปล้ำพนักงานโรงแรมไม่เลือกหน้า เป็นไอ้บ้ากาม”
“ไม่ใช่คุณปะการังเมียแกหรอก คนที่เรียกนักข่าวมา ทำให้ชั้นพลอยดังขึ้นหน้าหนึ่งไปด้วย มันคือแฟนยัยมัทนีตะหาก ไอ้เอกชเยศร์มันเป็นนักเขียน ไอ้ปลวกเอ๊ย ถ้าชั้นไม่เอาคืน อย่ามาเรียกชั้นว่าอาทิตย์ ฉันจะเล่นมันให้จุก ร้องไม่ออกไปนานเลย พวกนายคอยดู”

หน้าอาทิตย์ แค้นๆ

วันต่อมาที่บ้านมัทนี เหน่ง โหน่งกำลังทำสวน รดน้ำ พรวนดินพลางร้องเพลงและเต้นอย่างอลังการ

“เจ้ายักคิ้วให้พี่ เจ้ายิ้มในทีเหมือนดังจะมีรักอารมณ์ ยั่วเรียมให้เหงามิใช่เจ้าชื่นชม อกเรียมก็ตรง ตรมเพราะคมตาเจ้า”
อีกมุมหนึ่ง จำเนียรกับมัทนีกำลังช่วยกันปักดอกมะลิกับกิ่งกัลปังหา สำหรับถวายพระ โดยมีท่วมทุ่งนอนหมอบอยู่ใกล้ๆ
“ดูมัน นึกว่าเล่นละครมิวสิคั่ลอยู่รึไง”
“ก็ดีนะคะ เลือกร้องเพลงเพราะดี มัทชอบ”
หาญกำลังนั่งอ่านหนังสือธรรมมะที่เก้าอี้นั่งเล่นริมสนาม ทันใดนั้นโทรศัพท์หาญดัง หาญสะดุ้งแบบตกใจสุดขีด หยิบโทรศัพท์ดู พอเห็นชื่อ “หลวงพ่อนก” หาญตาลุกมือไม้สั่น หันไปมองลูก-เมีย แล้วจะลุกหนีไปคุยโทรศัพท์ที่อื่น พอดีจำเนียรหันมามอง หาญอึ้ง เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด
“คุณหาญขา ทำไมไม่รับโทรศัพท์หรือคะ”
“รับจ้ะ รับๆ แหม หลวงอานี่แหละ ไม่อยากจะคุยด้วยเลย โทรมาทีไร ก็มีแต่เรื่องทำบุญตลอดๆ”
“โธ่ ทำบุญกะพระกะเจ้า จะเป็นไรไปล่ะคะ ดูสิ รีบๆ คุยกับท่านสิคะ ให้พระรอสายได้ยังไง บาปตาย”
“อ่ะจ้ะๆๆ” หาญรีบกดรับ หันหลังให้จำเนียร ทีแรกทำเสียงดังๆ ก่อน “นมัสการๆครับ หลวงอา”
จำเนียรเลิกสนใจ หันไปหามัทนีต่อ
“คุณพ่อของลูกเนี่ย คบแต่พระแต่เจ้า ไม่ค่อยคุยกะเพื่อนฝูงที่เป็นคนธรรมดาบ้างเลย ลูกลองไปกดดูเบอร์ในโทรศัพท์สิ มีแต่พระ หลวงพ่อ หลวงพ่อนั่น หลวงพ่อนี่เต็มไปหมดเลย มีอยู่รูปนึง ชื่อตล๊ก ตลก”
“อะไรคะ”
“หลวงพ่อแอปเปิ้ล ฮาเนอะ”

หาญกระซิบกระซาบคุยโทรศัพท์
“นก ว่าไงจ๊ะ”
ขณะนั้นน้องนก โคโยตี้เดินอยู่ในซอยๆ หนึ่ง
“เมื่อไหร่พี่ฮานนี้จะพานกไปเที่ยวซะทีล่ะคะ”
หาญละล่ำละลัก รีบเดินห่างไปจากที่เดิมอีก
“นกขา นกๆ พี่หานนี้คิดถึงนกมากที่สุด อยากพานกไปเที่ยวให้เร็วที่สุด แล้วนกล่ะคะ นกจะว่างเมื่อไหร่ แล้วนกอยากไปไหนล่ะคะ”
“นกอยากไปทะเล อยากขึ้นเครื่องบินด้วย นกอยากไปมัลดิฟ”
“ชะอุ๋ย มัลดีฟเลยหรอ ล้อเล่นรึป่าว”
“พี่หาญรักนกจริงรึป่าวล่ะ”
“รักสิคะ รักๆๆ มากมายเลยล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่มัลดิฟก็ต้องเป็นทะเลสวยๆ แล้วก็ต้องนั่งเครื่องไป”
“เอิ่ม งั้น ไป ไป ไปสมุยกันไหม”
“เมื่อไหร่ล่ะคะ”
“ก็ งั้นขอพี่หาญเคลียร์งานแป๊บนะจ๊ะ พรุ่งนี้พี่โทรบอก นะๆ น้าๆ” หาญหันมา พอดีกับที่จำเนียร มัทนีมองมา หาญรีบปิดปากโทรศัพท์ แล้วแกล้งพูดดังๆ “ทอดผ้าป่าสามัคคีที่สุราษฎร์ ดีสิขอรับหลวงอา กระผมไม่ได้ไปไหว้พระที่นั่นนานแล้ว ได้ครับ ใส่ชื่อกระผมเป็นคณะกรรมการได้เลย รับรองคนต้องอยากไปร่วมทำบุญเยอะแน่ๆ แหม ก็สุราษฎร์ธานีเป็นเมืองเงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ ไม่ใช่เหรอขอรับ พระคุณท่าน”
มัทนี จำเนียร สบตากันขำๆ ปนเอ็นดูในตัวหาญ

หาญกลับเข้าห้องนอน ยาต่างๆ เรียงรายบนโต๊ะ หาญโยนของลงถังขยะทีละอย่าง
“แมลงวันสเปน กวาวเครือ หมามุ่ยอินเดียสกัด ไวอะกร้า ฮือๆ ลองมาหมดแล้ว ไม่เวิร์คซักกะอย่าง เอาไงดีๆ” หาญหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู “แล้วถ้าไม่สำเร็จ จะพาน้องนกไปเที่ยวสมุยได้ไง ยาของนายอาทิตย์ แต่ว่าเราไม่อยากคุยกะนายอาทิตย์อีกแล้วนี่นา ยัยมัทเกลียดนายอาทิตย์ นายอาทิตย์เป็นศัตรูของลูกเรา เราไม่ควรจะไปพึ่งพามันไม่ใช่เหรอ เอาไงดีๆ”

คืนนั้นหาญในชุดนอน เดินงุ่นง่าน กลับไปกลับมาอยู่ที่ระเบียงบ้านพร้อมกับบ่นไปด้วย
“โทรหาอาทิตย์ / ไม่เอา ไม่ควรโทร /แต่โทรซะนิด ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนา/แต่ถ้ายายมัทนีรู้ ยายมัทคงจะเคือง/แต่มันจำเป็นนะ ถ้ายาโด่ไม่รู้ล้มของนายอาทิตย์ช่วยเราได้ เราก็จะได้ไปสมุย เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมมะ /หรือว่าเราควรจะตัดใจ /ไม่น้องนก น้องนกของพี่หาญ จะบินปร๋อไปมัลดิฟกะคนอื่น ทำไงดีๆๆ สับสน สับสนมากๆ”
หาญบ่นพึมพำอยู่คนเดียว มัทนี จำเนียรกำลังพาท่วมทุ่งเดินเล่นกันในสนาม มองขึ้นมาที่ระเบียง
“เอ ทำไมคืนนี้คุณพ่อเดินจงกรมแปลกๆ นะคะ หันไปหันมาถี่ๆ ชอบกล” มัทนีบอกอย่างแปลกใจ
“อ๋อ มันคือการเดินจงกรมในระดับสูงไงลูก ต้องเป็นคนที่บำเพ็ญสมาธิได้แก่กล้า กำหนดอิริยาบถได้ว่องไว แม่นยำ ถึงจะสามารถเดินเร็วๆ ถี่ๆ แบบนี้ได้” จำเนียรบอก มัทนีมอง ทึ่งๆ

เช้าวันใหม่ ที่โต๊ะในสวนสวยโรงแรมของปะการัง ปะการังนั่งจิบชา มาดเริ่ดๆ เชิดๆ
“อาทิตย์ กลับไปบอกเค้าไป๊ ว่าจะไปอยู่ไหนก็ตามสบาย จะไปทำอะไรก็ช่างหัว ไม่ต้องมาส่งข่าวให้ชั้นรู้อีกต่อไป เพราะชั้นไม่ต้องการจะได้ยินข่าวสารอะไรจากโมกข์อีกแล้ว”
ปะการังบอกกับอาทิตย์
“คุณปะการัง ผมรู้ว่าตอนนี้ คุณยังทำใจไม่ได้ แล้วโมกข์เองเขาก็ไม่ได้อยากให้ผมมาบอกคุณ แต่ผมเองแหละที่สาระแนมาเอง เพราะผมอยากให้คุณทราบว่าโมกข์ไม่ได้หายไปสำมะเลเทเมา หรือไปร่อนเร่พเนจรทำตัวเละเทะเปะปะที่ไหน แต่เขาอยู่กับเพื่อน อยู่กับพวกผมเอง อย่างสงบนิ่ง ถ้าคุณอยากพบ หรืออยากจะบอกกล่าวอะไร ก็ติดต่อผมได้เสมอ” ปะการังเริ่ดเชิด อาทิตย์ถอนใจ “ผมพูดหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้น ตามสบายนะครับ ผมกลับล่ะ”
อาทิตย์ลุกขึ้น
“เดี๋ยว”
อาทิตย์แอบยิ้ม แล้วรีบปั้นหน้าเศร้า หันกลับไป
“ครับผม”
“เค้า คงมีความสุขสบายดีสินะ”
อาทิตย์ทำหน้าหม่นหมอง
“ก็ สบายดีครับ ไม่เจ็บไม่ไข้ แต่ก็แค่นอนไม่ค่อยจะหลับ กับไม่ค่อยกินข้าวเท่านั้น ไปล่ะนะครับ” อาทิตย์บอกแล้วรีบเดินออกมา

ปะการังซีด เศร้า ลุก อยากจะตามไป แต่กัดริมฝีปาก กลั้นใจ น้ำตาคลอๆ จะไหล ต้องเงยหน้ามองสูง กระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตา
 
อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 2 (ต่อ)

อาทิตย์เดินมาที่ล็อบบี้โรงแรม ดูนาฬิกา แล้วมองหาใครบางคน
 
จังหวะนั้นแพรวาเดินเข้ามาพอดี อาทิตย์ยิ้มออก เดินเข้าไปหา ทั้งสองกอดกัน ทักทายแบบฝรั่ง
“คุยธุระกะพี่ปะการังเสร็จแล้วหรือคะ”
“เสร็จแล้วค่ะ หิวจังเลย เราไปทานอะไรที่ไหนกันดี”
“อย่าออกไปที่อื่นเลยนะคะ ร้านญี่ปุ่นของโรงแรมพี่ปะการังนี่แหละ อร่อยที่สุด”
“เอาสิคะ ไป” ทั้งสองควงกันไป

ปะการังยังอยู่ที่เดิมทรุดลงนั่ง เอามือปิดหน้า แล้วพยายามทำตัวเข้มแข็ง ถอนใจ เงยหน้าขึ้นเห็นพนักงานมามองๆ ปะการังรีบทำท่าเริ่ดเชิดทันที
“เก็บไปได้แล้ว เก็บไปให้หมดเลย” ปะการังบอกแล้วลุกขึ้น
พนักงานเข้ามาเคลียร์โต๊ะ ปะการังกำลังจะเดินไป พอดีมีโทรศัพท์เข้า ปะการังดูหน้าจอเป็นอายูมิโทรเข้ามา
“น้องอายูมิ มีอะไรจ๊ะ”
อายูมิกำลังจอดรถหน้าโรงแรม
“อ๋อ อายูมิจะมาทำผมที่ร้านคุณชาย ที่ในโรงแรมของพี่ปะการังตอนนี้พอดีก๊ะ เลยโทรมาเซไฮกะพี่ปะการังเฉยๆ ก๊ะ”
ปะการังหัวเราะหึๆ
“แหม นัดกับนายอาทิตย์ล่ะสิ น่าอิจฉานะ สวีทกันน่าดู มิน่าล่ะ อาทิตย์เค้าแวะมาคุยกะพี่ตั้งนาน ที่แท้คงฆ่าเวลาที่รอพบอายูมินี่เอง ตามสบายนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องออกไปธุระข้างนอกแล้ว แล้วค่อยคุยกันวันหลังนะ อายูมิ บายจ้า” ปะการังกดวาง อายูมิผงะ
“อาทิตย์มาที่นี่หรอ ว้าว เซอไพร้ส์จัง” อายูมิดูนาฬิกา “โอ๊ว เที่ยงกว่า อาทิตย์ต้องกินข้าวอยู่แน่ๆ แล้วร้านที่อาทิตย์ชอบกันที่สุดที่นี่ก็คือ...”

ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น บรรยากาศดี ในโรงแรมของปะการัง แพรวากับอาทิตย์นั่งแนบชิดดูเมนูด้วยกัน
“พี่อาทิตย์ชอบปลาไหล เอาปลาไหลย่างซีอิ๊วนะคะ”
“ค่ะ แล้วแพรว่าเอานี่ไหม สลัดอะโวคาโด้”
“ค่ะ พี่อาทิตย์รับข้าวปั้น หรือว่าปลาดิบดีคะ”
อายูมิเดินร่าเริงเข้ามาในร้าน สอดสายสายตาหาอาทิตย์ แล้วพอเห็นภาพนั้นก็ผงะ ช็อก
“พี่อาทิตย์ แพรวาซัง อ๊าย อายูมิไม่ยอมๆ”
อาทิตย์เงยหน้ามา ตะลึง ลุกพรวด ถอยไปไกลจากแพรวาทันที แพรวาตั้งสติได้ รีบตามไปกอดแขนอาทิตย์แน่น
“อายูมิ ยูเป็นบ้าไปแล้วเหรอ เอะอะกรี๊ดกร๊าดน่ารังเกียจจริง ทำไม เธอมีปัญหาอะไรไม่ทราบ”
พวกคนในร้านเริ่มสนใจ บ้างมาดู
“จุ๊ๆ แพรวาครับ อายูมิครับ อย่าเสียงดังกันดีกว่านะ อายูมิ” อาทิตย์บอก
“พี่อาทิตย์ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง นี่พี่นัดกับยัยแพรวามากินข้าวกลางวันกันสองคนเหรอ”
“กินด้วยกันสามคนเลยก็ได้จ้ะ อายูมิ มาๆ มากินข้าวกันนะ ราเม็งไหมครับ อายูมิชอบราเม็งนี่นา”
“ไม่ราเม็งอะไรทั้งนั้น ตกลงพี่อาทิตย์รักใคร พี่อาทิตย์บอกมาเลย”
คนเข้ามามุงกันมากขึ้น
“ยังจะมีน่ามาถามอีก ยัยตาตี่เอ๊ย ผู้ชายเค้าอยู่กะใคร ก็แปลว่าเขารักคนนั้นแหละจ้ะ เธอนั่นแหละ มาทางไหนไปทางนั้นเลย”
“แพรวา แพรวาเป็นคนดี น่ารัก น้ำใจงามออก จริงไหม ให้เพื่อนกินข้าวด้วยกันอีกคน นะๆ เราสามคน รักกันๆ”
“เราสามคนเหรอ พี่อาทิตย์ เราจะรักกันหมดสามคนน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“งั้นหล่อนก็ไปซะสิยะ ชั้นกะพี่อาทิตย์จะได้อยู่กันแค่สองคน มีความสุข”
“โอเคๆ งั้น เราไปกันให้หมด ไม่ต้องกิน แยกย้ายๆ ต่างคนต่างไป ตัวใครตัวมัน ดีไหม ไปๆ” อาทิตย์พยายามจะต้อนสองสาวออกจากร้าน
“อายูมิไม่ไปไหนทั้งนั้น แล้วก็ไม่ยอมให้พี่อาทิตย์ไปไหนด้วย พี่อาทิตย์ต้องตอบมาว่าพี่รักใคร เลือกได้คนเดียวเท่านั้น”
มุมหนึ่งของร้าน มีนักข่าวคนหนึ่งนั่งอยู่พอดี นักข่าวหยิบกล้องมาถ่ายคลิป ได้ภาพที่แพรวาดึงแขนอาทิตย์ด้านหนึ่ง และอายูมิดึงอีกด้านหนึ่ง

เอกชเยศร์นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในรถแท็กซี่ พลางหัวเราะกับโทรศัพท์
“ฮ่าๆ ดีมากๆ ไอ้กริต แต่ก่อนที่เอ็งจะเอาลงในหนังสือซุบซิบกับยูทูป เอ็งส่งมาให้ข้าดูก่อนได้ป่าววะ รับรอง ว่าจะไม่เอาไปเผยแพร่ที่ไหนก่อนเอ็ง แต่จะเอามาประกอบบทความ ตามกระแส หลังจากที่เอ็งขายข่าวไปเสร็จแล้วสักพัก เพราะข้ากำลังติดตามพฤติกรรมของไอ้พวกเพลย์บอย มารสังคมกลุ่มนี้อยู่ ว่าจะแฉให้พวกมันเน่าไปเลย จะได้ไม่มาทำร้ายพวกเพศหญิงเค้าอีก”
นักข่าวคนเดิมที่ถ่ายคลิปอาทิตย์ได้
“ได้พี่ เดี๋ยวขอเวลาผมโหลดลงเครื่องเดี๋ยว แล้วให้ผมส่งให้ที่ไหนล่ะ อีเมล์แอดเดรสพี่นะ”
“เอางี้ ส่งมาที่อีเมล์มัทนีแฟนพี่ดีกว่า”
“อ้าว ทำไมล่ะพี่”
“อ๋อ พอดีพี่กำลังมาหาเค้าไง เดี๋ยวพี่ว่าจะมาขอยืมใช้คอมฯเค้าทำงานหน่อย ส่งมาอีเมล์เค้าแหละ สะดวกดี จะได้เป็นความลับ อีเมล์พี่ ที่ออฟฟิศมันเปิดได้หมด เดี๋ยวผลงานเอ็งรั่วไหลนะ ส่งมาเลย ด่วน เดี๋ยวพี่เอสเอ็มเอสที่อยู่อีเมล์มัทนีให้นะเว้ย เออๆ แต๊งกิ้วๆ”

เอกชเยศร์หัวเราะคิกคัก สะใจ

อีกด้านหนึ่งหน้ามูลนิธิ
 
แฟนคลับกำลังรุมขอลายเซ็นจำเนียรที่แต่งตัวชุดผ้าไหม ทำตัวราวกับดารา ทำผม แต่งหน้าเต็มที่ สวมแว่นดำอันโตเหมือนซุปตาร์ อยู่ที่หน้าป้ายมูลนิธิ
“กิสๆ ขอลายเซ็นคุณพี่จำเนียรให้หนูก่อน หนูเริฟคุณพี่มากค่า”
“พี่จำเนียรขา พี่ทำให้หนูเข้มแข็ง กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กะอิผัวชั่ว”
“ต๊าย จริงเหรอคะ คุณน้อง คุณน้องต่อสู้กะอิผัวชั่วยังไงหรอคะ” จำเนียรถามอย่างสนใจ
“ก็ยิงมันน่ะสิคะ ยิงตรงเป้าพอดีเป๊ะๆ พอมันพิการแล้วก็ทิ้งมันเลย ทุกวันนี้ หนูอยู่กะลูกสองคน เป็นซิงเกิ้ลมอม มีความสุขม้ากมากค่า”
มัทนีได้ยิน ทำหน้าสยอง
“เหรอคะ หนูเก่งม้ากมากค่ะ ดีมากมันต้องให้ได้อย่างนี้สิ” จำเนียรดูนาฬิกา “ว้าย ตายจริง พี่ต้องรีบไปแล้ว ดอกไม้เหล็กอย่างพี่ นี่แวะมาส่งลูกสาว แล้วต้องรีบไปสัมภาษณ์ทีวีค่ะ วันนี้เป็นแขกรับเชิญคนเดียวเดี่ยวๆ ด้วย”
“พี่จำเนียรจะไปออกทีวีรายการอะไรคะ”
“ไปอัดเทปรายการชูรักชูรสค่ะ คงสนุกแน่ๆ”
“รายการตอบปัญหาทางเพศหรือคะ”
“ว๊าย น่าตื่นเต้นจังค่ะ”
“แม่ไปแล้วนะลูก บายๆ เดี๋ยวเย็นๆ แม่มารับนะจ๊า” จำเนียรหันไปบอกกับมัทนี
“คุณจำเนียรขา ถ่ายรูปกะหนูหน่อยค่า”
เหล่าแฟนคลับรุมถ่ายรูปกับจำเนียร มัทนีกับเพื่อนๆ มูลนิธิยืนห่างออกมา มองดูจำเนียรแบบปลื้มใจ

จำเนียรขึ้นรถ ขับออกไป แฟนคลับตามกรี๊ด ถ่ายรูป ระหว่างนั้นรถตู้มีตรามูลนิธิสวนเข้ามาจอด แล้วประตูเปิดออก ชะฎาเปิดประตูพาเชอรี่ที่ใส่แว่นดำ แต่งตัวเรียบๆ แต่ดูหุ่นสูงเด้ง หน้าสวยดุจนางงามมาหามัทนี
“คุณมัทคะ มาแล้วค่ะ นี่ไงคะ” ชะฎาบอกกับมัทนี
“คุณคือ คุณเชอรี่ ใช่ไหมคะ”
เชอรี่ถอดแว่นออก
“ค่ะ ดิฉัน เชอรี่ อดีตพีอาร์ฝึกงาน ของโรงแรมของคุณปะการัง”
“เชิญค่ะ”
ชะฎาพาเชอรี่เดินเข้ามูลนิธิไป เอกชเยศร์เพิ่งมาถึง รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ใครน่ะ มัท ใช่คุณเชอรี่ พนักงานโรงแรมที่โดนนายโมกข์ลวนลาม ใช่ไหม ขอผมเข้าไปรับฟังด้วยนะมัท ผมกำลังทำบทความใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี”
“ได้สิคะ เอก”
มัทนีผายมือให้เอกชเยศร์เข้าไป

เวลาผ่านไป ภายในห้องทำงานมัทนี เชอรี่ร้องไห้กระซิก เอกชเยศร์ทำหน้าที่บันทึกเทป
“เชอรี่ตกเป็นเหยื่อจริงๆ หากคุณดูในวิดีโอวงจรปิด คุณจะดูคล้ายๆ กับว่าเชอรี่ให้ท่าคุณโมกข์ ใช่ไหมคะ ฮือๆ แต่ความจริง มันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ มันไม่ใช่”
“เค้าเอาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มาล่อลวงคุณใช่ไหม” เอกชเยศร์ถาม เชอรี่สะอื้น
“ค่ะ ถ้าเราไม่เล่นด้วย เค้าก็จะไม่สนับสนุนเรา หรืออาจจะกลั่นแกล้ง ไม่ให้เราผ่านการเป็นพนักงานฝึกหัดก็ได้”
มัทนีส่งทิชชู่ให้
“มันเริ่มขึ้นจากเมื่อไหร่ และเริ่มยังไงคะ”
“ใครๆ ก็รู้ค่ะ ว่าคุณโมกข์มีเมียแก่ แกก็เลยเก็บกดและกดดันมาก พวกเรา พนักงานสาวๆ สวยๆ ก็เลยต้องตกเป็นที่ระบายความเก็บกดของเค้า”
“ทั้งด้วยการมองด้วยสายตา ด้วยคำพูด และการกระทำเลยใช่ไหมครับ” เอกชเยศร์ถามต่อ
“ถูกค่ะ”

ที่สตูดิโออัดรายการชูรัก-ชูรส กล้องของรายการกำลังถ่ายทำรายการอยู่ จำเนียรและ 2 พิธีกร นั่งที่โซฟา หน้าป้ายฉากชูรัก-ชูรส พิธีกรชายเริ่มอ่านคำถามจากผู้ชมทางบ้าน
“นี่คือคำถามจากท่านผู้ชมทางบ้านนะครับ ถามว่าคุณจำเนียรคะ ดิฉันชื่นชมครอบครัวของคุณจำเนียรมาก ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง อยากทราบว่าคุณจำเนียรกับคุณหาญ ที่อยู่กันมาเกิน 30 ปีเช่นนี้ มีวิธีชูรัก-ชูรสไม่ให้จืดชืดอย่างไรบ้างคะ”
ทุกคนหัวเราะกัน จำเนียรคิกคัก พิธีกรหญิงถามต่อ
“แหม เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ เราสองคนก็อยากจะถามเหมือนกัน เพราะเท่าที่เห็น ท่านหาญจะดูเป็นสามีที่สุภาพ และเงียบขรึมมากนะคะ หรือเป็นเพราะว่าคุณจำเนียรดุมาก”
“ว้ายๆ ไม่จริงนะคะ ไม่จริง คุณหาญไม่ได้กลัวพี่เลย พี่ซะอีกที่เกรงใจท่าน ส่วนตัวพี่ก็ไม่ได้ดุเล้ย เห็นพี่อย่างนี้ เวลาอยู่กะท่าน พี่ขี้อ้อนนะคะ และการอ้อนของผู้หญิงเรานี่แหละ ที่เป็นการชูรักชูรสในครอบครัว” จำเนียรบอก พิธีกรชายจึงถามต่อ
“โทษทีนะครับ คุณพี่ การอ้อนของพี่นี่คือไอ้ที่บอกกันทุกวันๆ ว่า รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูเธอตายเนี่ยเหรอครับ”
“แหมๆ ไม่ใช่นะคะ นั่นมันแค่หลักการ การอ้อนของพี่ ก็เช่นทำกับข้าวของโปรดให้ท่านรับประทาน ร้องเพลงสุนทราภรณ์ให้ท่านฟัง แล้วก็เต้นไปด้วย”
“อะไรนะคะ ร้องเพลงสุนทราภรณ์ แล้วเต้น เค้าเต้นกันได้ด้วยเหรอคะ เพลงสุนทราภรณ์เนี่ย” พิธีกรหญิงถามอย่างสงสัย
“เอ้าๆ น้องๆ 2 คนนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว เพลงสุนทราภรณ์ส่วนใหญ่ เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อใช้เต้นนะคะ คุณน้อง แบบนี้ พี่ต้องแสดงให้ดูซะแล้ว ดูนะคะ ทุกคน” จำเนียรลุกขึ้น ทุกคนตบมือกราว
“แจ่ม แจ่มจริงๆ คุณจำเนียร” ครีเอทีฟบอก

“เอ้า 3-4 ชะชะช่า” จำเนียรเต้นและร้องอย่างสุดสะวิง “เอ้า ฮ้าเห่ฮา เฉยช้าอยู่ใย เอาฮะฮาไฮ้ ใครต่อใครร้ายๆทั้งนั้น เอาฮิๆ ดูให้ดีเขาลีลาศกัน ยักแย้ แย่ยันเห็นเขาเต้นกันเสียวซ่านอุรา โอ้ โห โอ้ โห โย้เย้โยกไป เอ้า ฮะ ฮ่ะ ไฮ้ ใครต่อใครย้ายยักควักคว้า “
ขณะที่ร้อง ทุกคนตบมือให้จังหวะ จำเนียรโชว์สเต๊ป หมุนสะบัดแบบเต็มวง แล้วสะดุ้ง ชะงัก กึกค้าง พร้อมเสียงกร๊อบ
“อ๊าก”
“โหว พี่ครับ ท่าโพสท์ท่านี้ แรงมากๆ เก๋มากๆ ทำยากไหมครับพี่” พิธีกรชายถาม
“อ๊าก ช่วยด้วยๆ”

ทุกคนแตกตื่น

ทีมงานของรายการพาจำเนียรไปส่งบ้าน
 
มัทนีวิ่งหน้าซีดเข้ามาในห้องโถง ท่วมทุ่งวิ่งตามมา ภาพที่เห็นจำเนียรนอนบนโซฟา ครีเอทิฟรายการยืนหน้าซีด
“คุณต้องไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลนะ จำเนียร” หาญบอก
“นั่นสิคะ หนูก็เรียกรถพยาบาลแล้ว แต่คุณพี่จำเนียรไม่ยอมค่ะ จะให้พากลับมาบ้านท่าเดียว ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ไม่ยอม ร้องจะกลับบ้านให้ได้” ครีเอทีฟบอก
“ไม่นะ ไม่ แม่ แม่ขา แม่เป็นอะไร แม่ต้องไม่ตายๆ” มัทนีบอกอย่างตกใจ
“โธ่ คุณจำเนียร ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณรับรู้เอาไว้นะว่าผมรักคุณ ผมยังจำวันแรกที่เราพบกันได้ คุณดูสดใส อ่อนหวาน ผมจะจำภาพนั้นตราตรึงไว้ในใจ ตราบ ชั่ว ฟ้าดินสลาย” หาญบอก
“พุทโธ่ พุทถัง อนิจจังไม่เที่ยงจริงๆ” โหน่งบอก
“คุณผู้หญิงท่องเอาไว้นะคะ พระอรหังๆ” เหน่งบอก
ท่วมทุ่งหอน แบบเจอผี...บรู๊ววว
“เย้ย หยุด! พอได้แล้ว ทุกคน โปรดอยู่ในความสงบ ชั้นยังไม่ตาย ชั้นแค่ต้องการคนรักษา” จำเนียรบอก
“ก็หนูจะพาคุณพี่ไปหาหมอแล้วไงคะ คุณพี่ไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องค่าใช้จ่าย รายการชูรัก-ชูรสของเราจะรับผิดชอบเอง เพราะคุณพี่มาบาดเจ็บในรายการของเรา” ครีเอทีฟบอก
“ดีค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่จะส่งบิลค่ารักษาไปเก็บกะรายการน้อง แต่ตอนนี้ คุณหาญคะ คุณตามหมอคนนั้นมารักษาชั้นด่วนเลย” จำเนียรบอกกับหาญ
“หมอ หมอคนไหน” หาญงง
“หมออาทิตย์ หมอนวดเทวดา เพื่อนของคุณ ที่คุณรู้จักไงล่ะ สนิทกันไม่ใช่เหรอ โทรตามมาเดี๋ยวนี้เลย”
“อะไรนะคะ คุณแม่ นายคนนั้น”
“พ่อหมออาทิตย์ พอหมอมือศักดิ์สิทธิ์แตะตรงไหน หายตรงนั้น ชั้นจะให้เค้ารักษาชั้นคนเดียว คนอื่นอย่ามาเกี่ยว ชั้นจะเอาหมออาทิตย์ๆ”

บ่ายวันเดียวกันนั้น ในสวนของโรงแรมปะการัง อาทิตย์นั่งตรงกลาง มองซ้ายที ขวาที
“คืออย่างนี้นะครับ อายูมิ แพรวา คือผม ผม ผมรักคุณทั้งสองคน แพรวา พี่รักน้องเหมือนน้องสาวนะจ๊ะ ส่วนอายูมิน่ะ เรารักเธอเหมือนเพื่อนสนิท”
“ฟังเอาไว้นะจ๊ะ ยัยอายูมิ นี่คือคำบอกเลิกของผู้ชาย รู้ไว้ด้วย เธอ คือเพื่อนสนิท เพราะฉะนั้น เธอก็ไม่ต่างกับพวกพี่อเนก พี่แท่น พี่โทนี่ และพี่โมกข์หรอก จะบอกให้” แพรวาบอก
“ยัยแพรวา อาทิตย์ซังก็เห็นเธอเป็นน้อง เพราะฉะนั้น พี่กะน้อง ถ้ามามีอะไรกัน ระวังจะออกลูกมาปัญญาอ่อน แสดงว่า นี่คือการบอกเลิกของพี่อาทิตย์เหมือนกัน”
แพรวากับอายูมิหันขวับมาทางอาทิตย์พร้อมกัน
“นี่พี่อาทิตย์บอกเลิกเราสองคนพร้อมกันเหรอ”
“คือ มันไม่ใช่อย่างนั้น คือ ผมหมายความว่าผมรักสองคน แต่รักคนละแบบ”
แพรวา อายูมิพร้อมกันเสียงปรี๊ด
“แต่แพรวา(อายูมิ)ไม่ยอม”

จังหวะนั้นแท่นโผล่เข้ามา แล้วรีบมาฉุดอายูมิออกไป
“อายูมิๆ คนดี๊ๆ ใจเย็นๆ นะจ๊ะ ผู้หญิงสวยๆ เค้าต้องพูดเบาๆ ไม่เอะอะโวยวาย รู้ไหม ผู้หญิงที่ด่าเก่งๆ เสียงดังๆ น่ะ ผู้ชายไทยเค้ากลัวมากก”
ส่วนอเนกก็กำลังกล่อมแพรวา
“น้องแพรวาครับ พี่จะบอกเคล็ดลับเอาชนะใจอาทิตย์ให้นะ อาทิตย์มันจะเสร็จผู้หญิงที่ไม่สนใจมัน ยิ่งใครทำตัวหยิ่งๆ เหมือนไม่แคร์ชิลด์ๆ อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้นะ มันจะเลือกคนนั้น”
“จริงหรือคะ”
แท่นบอกกับอายูมิ
“ผู้หญิงที่ชอบใช้อำนาจ ชอบบังคับ ให้อาทิตย์ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ห้ามทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้ หรือผู้หญิงที่ชอบมายื่นคำขาด ว่าให้เลือกมา ว่าจะเอาคนไหน แบบนี้นะจ๊ะ อายูมิ ผู้หญิงแบบนี้ จะต้องแพ้เสมอ ผู้ชายทุกคนเขาจะเผ่นกันหมด”
“เผ่น เผ่น แปลว่าอะไรก๊ะ”
“แพรวามานี่ พี่จะบอกอะไรให้ ผู้หญิงที่ชอบใช้อำนาจ ชอบบังคับ ให้อาทิตย์ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ห้ามทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้ หรือผู้หญิงที่ชอบมายื่นคำขาด ว่าให้เลือกมา ว่าจะเอาคนไหน แบบนี้นะจ๊ะ แพรวา ผู้หญิงแบบนี้ จะต้องแพ้เสมอ ผู้ชายทุกคนเขาจะเผ่นกันหมด” อเนกบอกแพรวา
“อายูมิ ฟังนะ การเอาชนะใจอาทิตย์ไม่ยาก” แท่นกระซิบ อายูมิตั้งใจฟัง
“แพรวา ฟังนะ การเอาชนะใจอาทิตย์ไม่ยาก” อเนกกระซิบ แพรวาตั้งใจฟัง
อาทิตย์ถอนใจ กุมหัว มองสองสาวที่เอาแต่ฟังเพื่อนตน จึงอาศัยจังหวะนี้ค่อยๆ ถอยออกมา มุ่งไปอีกด้านของสระว่ายน้ำ ทันใดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อาทิตย์สะดุ้ง รีบกดรับ เอามือป้องๆ พูดเบาๆ กลัวดึงดูดความสนใจของสองสาว
“สวัสดีครับ อาทิตย์พูดครับ”

หาญเป็นคนโทรมาหาอาทิตย์
“คุณอาทิตย์ นี่ผมนะ คือที่ผ่านๆ มา ลูกสาวผมจะว่าอย่างไรคุณก็แล้วแต่ ผมขอโทษแทนด้วย แต่คุณอย่าไปสนใจแกเลย แต่ว่าตอนนี้ คุณช่วยมาบ้านผมที”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เดี๋ยวมาถึงคุณก็รู้เอง นึกว่าทำบุญกะผู้ตกทุกข์ได้ยากเถอะ”
“จะให้ผมไปทำอะไร จะไม่บอกให้เตรียมตัวกันเลยเหรอครับ”
“ก็ เอาเป็นว่า คุณหยิบยาพรรค์อย่างว่า ที่เราเคยคุยกันไว้ ติดไม้ติดมือมาซักขวดสองขวด ผมก็จะยินดียิ่ง รีบมานะครับ ขอบคุณอย่างสูง แล้วเจอกันนะครับ”
“เดี๋ยวครับ ท่าน ท่านครับ” อาทิตย์มองโทรศัพท์ “อ้าว วางไปซะละ อะไรของเค้าวะเนี่ย”
อาทิตย์มองไปดูสองสาวและเพื่อน อายูมิกับแพรวายังง่วนอยู่กับการคุยกับอเนกและแท่นอย่างเอาจริงเอาจัง
อาทิตย์ถอยๆ ตั้งใจจะเผ่นไปเงียบๆ ทันใดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก อาทิตย์สะดุ้งโหยง รีบกดรับอย่างเร็ว
“ฮาโหลๆ”
คราวนี้มัทนีเป็นคนโทรเข้ามา
“คุณอาทิตย์ เอ้อ ขอโทษนะคะ ที่โทรมารบกวน นี่ ดิฉันนะ ดิฉัน มัทนีนะคะ คุณอาทิตย์ คือดิฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“อะไรนะ”
“กรุณามาที่บ้านดิฉันเดี๋ยวนี้ ได้ไหมคะ ขอความกรุณาเถอะค่ะ คุณแม่ คุณแม่มีอาการเจ็บอีกแล้วค่ะ ท่านมีอาการแบบที่คุณเคยรักษาท่านหายวันนั้น ท่านก็เลยไม่ยอมให้พาไปหาหมอที่ไหน เรียกหาแต่คุณเท่านั้นค่ะ ขอร้องนะคะ ช่วยหน่อยเถอะค่ะ”
อาทิตย์อึ้งๆ คิดๆ มองไป เห็นแพรวากับอายูมิ หันมาทะเลาะกันอีก โดยอเนกกับแท่นคอยห้าม คอยกัน
 
อาทิตย์ตัดสินใจผลุบหายไปดุจนินจา

ช่วงบ่ายแก่ๆ ที่บ้านอาทิตย์
 
อาทิตย์เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเป็นชุดเตรียมขี่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วเดินอย่างรีบๆ มาโผล่ดูที่ห้องรับแขกแม่ ที่มีพวกผลิตภัณฑ์โด่ไม่รู้ล้มจำนวนหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ
อาทิตย์มองซ้ายขวา แล้วคว้ามา 2 ขวด มองหารอบๆ เจอถุงผ้าใบหนึ่งแถวโต๊ะของส่วนตัวแม่ เอามาใส่ แล้วย่องจะออก เกือบชนกับลิ้นจี่ที่ก้าวมาขวาง
“คุณแม่ แหะๆ”
“แกขโมยยา สินค้าตัวใหม่สูตรพัฒนาล่าสุด จะเอาไปไหน”
“เอาไป ไป ไป กินเองครับแม่”
“อะไรนะ นี่แก แกอย่าบอกแม่นะอาทิตย์ ว่า ว่า แค่อายุเท่านี้ แกก็ไม่สู้แล้ว”
“อะไรนะ แม่ แม่คิดอย่างนี้กับลูกได้ไงค้าบ ผมก็แค่อยากทดลอง”
“อาทิตย์ อย่ามาปิดแม่ แกบอกความจริงมาเถอะ ทำไมแกถึงต้องการทดลอง แก แกมีปัญหาจริงๆ ใช่ไหม อาทิตย์ ลูก ลูกสารภาพกะแม่มาเถอะ เราแม่ลูกกัน แม่จะไม่บอกใครทั้งนั้น โธ่ ลูกรักของแม่”
อาทิตย์อ่อนใจ

ที่บ้านมัทนี มัทนีนั่งพัดให้จำเนียร หาญชะเง้อชะแง้มองออกไปหน้าบ้าน
“อูยๆ โอย ทำไมคุณหมออาทิตย์ยังไม่มาอีก หรือท่านไม่ว่าง หรือไม่มีใครตามเค้าให้ชั้นหา ก็บอกแล้วไง ว่าหมอไหนๆ ชั้นก็ไม่เอา ชั้นจะเอาหมออาทิตย์ นี่ขนาดน้ำไม่ท่วม ชั้นยังถูกทอดทิ้ง ท่วมทุ่งแม่เข้าใจหัวอกลูกแล้ว”
หาญกับมัทนีหันมาตอบพร้อมกัน
“ชั้นโทรไปแล้ว แม่จำเนียร/มัทโทรไปแล้วค่ะ แม่”
พูดออกไปแล้ว ทั้งสองก็หันมามองกัน
“หรือว่าเค้าจะไม่มา เพราะเค้าไม่พอใจพ่อ”
“หรือว่า เค้าจะไม่มา เพราะเค้าเคืองมัท”
“แปลว่าอะไร คุณไปรบกวนอะไรคุณหมอ แล้วลูก ลูกไปทำอะไร ให้คุณหมอไม่พอใจ”
“เปล่าค่ะ(จ้ะ)” สองพ่อลูกตอบพร้อมกัน
“หรือว่า เพราะคุณผู้หญิง” เหน่งบอก
“อะไร ชั้นทำไม”
“คราวก่อน คุณผู้หญิงจ่ายค่านวดให้เค้ารึเปล่าล่ะคะ”
“ว้าย” ทุกคนตกใจ “จริงด้วย คราวที่แล้ว เค้ารีบกลับไป ชั้นไม่ทันได้ถามว่ากี่บาทด้วยซ้ำ ตายแล้วๆ หรือเค้าจะไม่ยอมมาเพราะหาเหตุนี้ แบบนี้ชั้นคงต้องเดี้ยงไปตลอดชีวิตหรือนี่ ไม่นะ ไม่”
“น่านไง นั่นไงๆ” เหน่งกับโหน่งบอกพร้อมกัน

โรงรถบ้านอาทิตย์ อาทิตย์เอาเป้ที่ใส่ของขึ้นหลัง สวมถุงมือ แล้วกำลังจะใส่หมวกกันน็อก ลิ้นจี่เดินวนรอบตัว ใส่เป็นชุด
“หรือว่าที่แกพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมแต่งงาน อ้างนั่นอ้างนี่มาตลอด เพราะ เพราะแกอาย ไม่กล้ามีเมีย เพราะกลัวหล่อนจะรู้ความลับ ว่าแกมีปมด้อย ที่ที่ที่ แก ใช้การไม่ได้”
“แม่ค้าบ หยุดแม่ แม่คิดไปไกลเกินการณ์แล้วนะครับ คนอย่างผมเนี่ยนะ ลูกชายคุณนายลิ้นจี่ กับคุณพ่อเสรีผู้ล่วงลับเนี่ยนะ จะใช้การไม่ได้ ไม่ใช่ครับ เอาล่ะผมบอกความจริงให้ก็ได้ ผมก็แค่จะเอายาของแม่ ไปอภินันทนาการชายชราคนนึงที่อายุเกินเกษียณไปหลายปีแล้ว แต่ยังอยากจะเป็นผู้ชนะสิบทิศผู้พิชิตเมืองแปรอยู่อ่ะครับ”
“ใคร แม่รู้จักรึเปล่า”
“เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องน่าอายสำหรับลูกผู้ชายเรา ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับแม่”
“ถ้าอย่างนั้น แม่ไม่ถามก็ได้ว่าใคร แต่หลังจากเค้าทดลองกินยาแล้ว ลูกช่วยกลับมาบอกแม่ได้ไหม ว่าเขาใช้แล้วได้ผลหรือเปล่า”
“แม่จะอยากรู้ไปทำไมครับ”
“อ้าว แม่ก็ต้องวัดผลสิ ว่ายาสูตรล่าสุดของแม่ มันใช้ได้ผลยังไง กับใครบ้าง แม่ไม่อยากรู้ก็ได้ไงว่าเค้าเป็นใคร อะไร ยังไง แต่ขอแค่รู้อายุ แล้วก็ผลที่ได้เท่านั้น ต้องปิดบังกันด้วย”
อาทิตย์ยิ้มกว้าง ประจบๆ

หาญเดินไปมาเดินมาอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงความในใจหาญดังขึ้นมา
“เค้าจะมาหรือไม่มา แต่ไม่มาก็ดี แต่ถ้าเค้าไม่มา เราก็อดได้ยาดีมารักษาอาการอาวุธไม่สู้ของเรา แต่เมียเราก็จะไม่หายเดี้ยง ใช่ๆ ที่เราอยากให้เค้ามา ก็เพื่อเมียเราตังหาก ไม่ใช่เพื่อตัวเรา ไม่น่า เค้าไม่ควรมา เดี๋ยวเราพาเมียเราไปรักษาที่โรงพยาบาลเองก็ได้ เราสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ว่าเราไม่ควรคบคนๆ นี้ เราๆ ไม่ควรให้มันเข้าบ้าน เราไม่อยากให้มันเจอกะครอบครัวเรา เพราะมัน มันคือคนกุมความลับของเราไว้ เราไม่ต้องการให้มันบอกลูกเรา บอกเมียเรา แต่ แต่ ถ้าเกิดยาของมันเป็นยาเทวดาจริงๆ เราก็จะกลับมาปึ๋งปั๋งเหมือนเดิม แล้วเราก็จะได้พาน้องนกไปเกาะสมุย”
มัทนีเดินออกมา เห็นพ่อ รีบเข้ามาหา
“เอ คุณพ่อดูแปลกๆ นะคะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร พ่อ พ่อสับสนนิดหน่อย”
ทันใดมีเสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามา
“มาแล้วๆ” หาญบอก มัทนีอึ้ง ท่าทางหาญดูร้อนรน “ยัยมัทๆ เอ่อ ลูกไม่ต้องไปพูดจากะมันมากนะ แล้วถ้ามันพูดอะไรเกี่ยวกะพ่อ กะน้องนก หรือเรื่องโคโยตี้ อะไรทำนองนี้ ลูกอย่าไปฟังนะ ไอ้นี่มันบ้าๆ ประสาทหลอน”
“อะไรนะคะพ่อ พ่อพูดอะไร ลูกงง”

เสียงมอเตอร์ไซค์จอดที่หน้าบ้าน อาทิตย์ลงจากรถมากดกริ่ง ชะเง้อมองเข้ามาในบ้าน มัทนีได้ยินเสียงกริ่ง สะดุ้ง
“เอ้อ พ่อคะ พ่อ คือ หนู หนูไม่อยากเจอหน้าเค้า”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือ คือหนูกะเค้าเป็นศัตรูกัน เค้าเป็นพวกฝ่ายตรงข้ามกับอุดมการณ์การทำงานของหนู เอาเป็นว่าเพื่อแม่ หนูก็ต้องยอมให้เค้าเข้ามารักษาแม่ แต่จะให้หนูรับแขกอย่างดี มีมารยาทสังคมกะเค้า หนูคงฝืนใจไม่ไหว”
เหน่ง โหน่ง วิ่งออกมาพอดี
“มาแล้วหรือคะ เร็วๆ เถอะค่ะ คุณผู้หญิงท่าจะแย่แล้ว”
“อือ เธอสองคนมาก็ดีแล้ว ชั้น ชั้นมีงานด่วน ต้องรีบไปทำให้เสร็จข้างบน เธอสองคนดูแลให้หมอรักษาแม่ให้ดี คอยเฝ้าอย่าให้คลาดสายตานะ ชั้นไปล่ะ” มัทนีบอกแล้วรีบเผ่นเข้าบ้านไป
“แปลกจัง คุณมัทนีเป็นอะไร ปกติคุณมัทนีไม่เคยเป็นแบบนี้กะใคร”
“นั่นสิ คุณมัทนีกลัวใครที่ไหน”

อาทิตย์ชะเง้อมองเข้ามาในบ้าน งงว่ามัวทำไรกันอยู่ จึงกดกริ่งซ้ำอีกที
 
อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 2 (ต่อ)

จำเนียรนอนหงุดหงิดอยู่โดยมีท่วมทุ่งอยู่ข้างๆ

“ท่วมทุ่ง ขอมือหน่อย” จำเนียรจับมือหมา “ลูกต้องอยู่เป็นกำลังใจให้แม่นะ อย่าทิ้งแม่ไปไหนนะ หมอ หมอมาแล้วใช่ไหม แล้วทำไมยังไม่รีบพาเข้ามาอีก ชั้นปวดจะตายอยู่แล้ว ฮือๆ”
หาญรีบเดินนำเข้ามา อย่างเอาใจ
“มาแล้วจ้ะๆ”
“คุณหาญ ชั้นขอกำชับไว้เลยนะ ว่าคุณต้องทำดีกับคุณหมอ อย่าไปทำอะไรให้คุณหมอขัดใจ ไม่ยอมรักษาขึ้นมา แล้วชั้นต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล แล้วต้องผ่าต่งผ่าตัดขึ้นมา มันจะเป็นเรื่องใหญ่ เสียงเงินเป็นหมื่นๆ แสนๆ เข้าใจไหม”
“เข้าใจจ้ะๆ”

เหน่ง โหน่ง พาอาทิตย์เข้ามา อาทิตย์ไหว้หาญ ไหว้จำเนียร
“คุณหมออาทิตย์ ดีใจจริง ที่คุณหมออุตส่าห์มา ช่วยอิฉันด้วยค่า”
“ยินดีครับ”
อาทิตย์ขยับจะนั่งลง หาญรีบขวาง เข้าไปกระแอมๆ กระซิบเบาๆ
“ไหนล่ะ ยานะ ยา”
“ยา ยาอะไรคะ” จำเนียรถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ” อาทิตย์สบตาหาญ ส่งสัญญาณขยิบๆ “ยาสำหรับรักษาคุณนาย ไม่มีหรอกครับ แต่อยากจะเรียนว่า คุณผู้ชายควรจะไปไหว้ศาลพระภูมิเสียหน่อย”
“ศาลพระภูมิ แปลว่าอะไรคะ นี่คุณหมอใช้วิธีไสยศาสตร์ด้วยเหรอคะ หรือว่าเพราะอิฉันทำอะไรไม่ดีกะเจ้าที่เจ้าทางเข้า ท่านเลยลงโทษ”
“อ๋อ ไม่ใช่หรอกครับ แต่มันเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของผมเอง ไปสิครับ”
หาญเข้าใจแล้ว
“อ้อๆ งั้น ชั้นรีบไปไหว้พระภูมิก่อนล่ะ” หาญรีบดี๊ด๊าออกไป
“คุณหมอจะรับน้ำอะไรคะ”
“น้ำเปล่าก็ได้ครับ”
“แกไปจัดการเรื่องน้ำดื่มกะของว่างปะ ชั้นจะต้องเฝ้าสังเกตการณ์การรักษาของคุณหมออย่างไม่คลาดสายตา คุณมัทสั่งไว้” โหน่งบอกเหน่ง เหน่งค้อนก่อนจะออกไป อาทิตย์นึกได้ มองหามัทนี
“อ้าว คุณมัทนี ไม่อยู่หรือครับ”
“อยู่ค่ะ แต่มีงานด่วนต้องทำ” เหน่งบอก อาทิตย์อึ้งไป รู้สึกผิดหวังนิดๆ

ขณะนั้นมัทนีเดินหงุดหงิดไปมาอยู่ในห้อง
“บ้าจัง นี่ ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหนีหน้าเค้านะ เค้าเป็นคนไม่ดี เค้าต้องหลบเราสิ นี่อะไร เราต้องวิ่งหนีจู๊ดขึ้นมาซ่อนเนี่ย บ้าไปแล้ว”
มัทนีเดินไปมา แล้วมาหยุดที่หน้าต่าง มองออกไป แล้วชะงักเมื่อเห็นหาญเดินมามองรอบๆ ศาลพระภูมิแล้วยืนไหว้ พนมมือ
“คุณพ่อทำอะไรแปลกๆ จัง อยู่ๆ มายืนไหว้ศาลพระภูมิเวลานี้” มัทนีขยับไปใกล้หน้าต่าง เขม้นมองอย่างสนใจ
หาญไหว้พระภูมิพอเป็นพิธี แล้วมองรอบๆ ว่ามีใครดูตัวเองอยู่ไหม เมื่อไม่เห็นใคร หาญเดินไปมองหารอบๆ แล้วดีใจ เพราะด้านหนึ่งที่โคนเสาศาลพระภูมิ มีถุงผ้าใส่ขวดยา ม้วนๆ วางอยู่ หาญรีบหยิบมาอย่างดี๊ด๊าดีใจ มัทนีมองงงๆ
“อะไรนั่นน่ะ คุณพ่อทำอะไร” หาญได้ของ เอาซุกใต้เสื้อ รีบวิ่งเข้าบ้านไป “คุณพ่อซ่อนอะไร”

หาญย่องเข้ามาในห้องพระ เอาขวดยาออกจากถุง แล้วเอาแว่นสายตาใส่ ส่องอ่าน
“โอ้ นี่รูปคุณนายลิ้นจี่หรือนี่ สวยดีเหมือนกันเนอะ...ยาว่านโด่ไม่รู้ล้มสูตรล่าสุด กลิ่นหอม รสหวาน รับประทานง่าย รับประทานก่อนนอนทุกวัน วันละ 3 ช้อนโต๊ะ”
หาญเปิดฝาขวด แล้วยกมาดม
“อือ หอมจริงๆ กลิ่นดีๆ น่าชิมนะเนี่ย”
หาญยกขึ้นมากรอกปากเพื่อจะจิบชิม พอดีมัทนีเดินมา
“คุณพ่อคะ คุณพ่ออยู่ในห้องพระหรือเปล่าคะ”
หาญสะดุ้ง ตกใจ กระเดือกยาเข้าไปทีเดียวเกือบครึ่งขวด แล้วตกใจ กุมคอ
“เอื๊อก เขาให้กินวันละสามช้อน นี่เรากระดกไปตั้ง ครึ่งขวด”
“คุณพ่อคะ”
“ยัยมัทนี่ ยุ่งจริงวุ้ย” หาญรีบมองหาที่ซ่อน แล้วเอาซ่อนใต้โต๊ะพระ รีบเปิดประตูออกไป “ยัยมัท อะไร ตามหาพ่อทำไม”
“คุณพ่อ ทำอะไรคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไร พ่อแค่เสกน้ำมนตร์ ว่าจะเอาไปให้แม่เขาดื่มซะหน่อย”
“น้ำมนตร์ ไหนคะ ที่เอามาจากตรงศาลพระภูมิหรือเปล่า”
หาญสะดุ้ง
“ลูกเห็น”
“ค่ะ ไหนคะน้ำมนตร์”
“ก็” หาญหันไป แล้วก็หยิบขวดน้ำขวดหนึ่งที่วางอยู่ตรงนั้นขึ้นมาส่งให้ “นี่ไง ลูกจะทำไม พ่อต้องสวดคาถาอีกสักพักนะ”
“อ้อ ค่ะๆ พ่อ ขอโทษ ที่รบกวน” มัทนีรีบออกไป
“นิสัยขี้สงสัยเหมือนกันไม่มีผิด แม่ลูก” หาญถอนใจ แล้วลูบคอ ลูบท้องต่อ “ชักร้อนๆ ท้องแล้ววุ้ย ถ้ากินเกินขนาด มันจะเวิร์คกว่าปกติรึเปล่าหว่า”
 
หน้าตาหาญดูมีความหวัง

ที่ชั้นล่าง อาทิตย์จับๆ ไปมาตรงจุดที่เบี้ยวเคล็ดของจำเนียร โดยมีท่วมทุ่งนั่งดูอยู่ใกล้ๆ

“ใช่เลยๆ คุณหมอคะ ตรงที่มือคุณหมอจับนั่นแหละ คือจุดที่อิฉันเจ็บจริงๆ”
“คุณจำเนียรไปทำท่ายากอะไรมาหรือครับ”
“ก็ไม่ใช่ท่ายากนะคะ เป็นท่าเบสิคๆ นี่แหละค่ะ”
“อืม ท่าเบสิค ทำไมถึงเส้นบิดเป็นเกลียวขนาดนี้”
“ก็มันเป็นช่วงหมุนตัวสามรอบนี่คะ”
“หา บิดตัวสามรอบเนี่ยนะครับ เบสิค โอว แล้วทำกับท่านหาญเนี่ยนะครับ”
“เปล่าค่ะ ทำคนเดียว เดี่ยวๆ”
“ฮ้า อะไร ยังไงนะครับ แร้งจริงอะไรจริงเลยนะครับ”
“ไม่เห็นอะไรแรงตรงไหนเลยค่ะ ก็ไปเต้นโชว์ออกทีวี มันเป็นท่าชะชะช่าเบสิคจริงๆ นะคะ เต้นไปข้างหน้า ไปข้างหลัง ไปข้างๆ แล้วก็หมุนๆ แค่นั้นเอง ก็ไม่ใช่ท่าโลดโผนพิสดารอะไรนี่คะ”
“โล่งอกไปที”
“ทำไมคะ ทีแรก คุณหมอนึกว่าอะไรเหรอคะ”
“แหม คุณหมอนะคุณหมอ เห็นหน้าตาหล่อๆ ในสมองนี่ คิดอะไรไม่เลยนะคะ” เหน่องบอก เหน่งโหน่งคิกคักกัน จำเนียรกระแอม สองคนรีบเงียบ

มัทนีนั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องนอน ซึ่งก็มีคอมโน้ตบุ๊ควางอยู่ มัทนีกดเปิด
“เราบอกว่าจะขึ้นมาทำงาน เราก็ต้องทำงานจริงๆ เราจะไม่ขอรับรู้ว่านายอาทิตย์ หัวหน้าแก๊งพวกผู้ชายมารสังคม มาที่บ้านเรา มาเป็นเจ้าบุญนายคุณของพ่อแม่เรา” มัทนีถอนใจ แล้วกดเช็กเมล์ “ก่อนอื่น ก็เช็กอีเมล์เล่นแก้กลุ้มดีกว่า” มัทนีเห็นไฟล์คลิปที่ส่งเข้ามา “เอ๊ะ มีคลิปวิดีโออะไร ใครส่งมาเนี่ย”
มัทนีกดอ่านชื่อไฟล์
“หล่อเลือกได้ ไฟล์อะไร ชื่อหล่อเลือกได้กันเนี่ย”
มัทนีกดเปิดคลิป ภาพที่เปิดขึ้นมาเป็นคลิปตอนที่นักข่าวเพื่อนเอกชเยศร์ ถ่ายเหตุการณ์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ในโรงแรมของปะการัง ตอนที่แพรวากับอายูมิ ยื้อแย่งตัวของอาทิตย์ไปมา ทะเลาะกัน แล้วอาทิตย์โอ๋คนนั้นที ประจบคนนี้ที
ภาพจบลงภายในเวลาไม่ถึงนาที มัทนีหน้าซีด นั่งตะลึง แล้วกดรีเพลย์อีกที ภาพเดิมปรากฏซ้ำเริ่มใหม่ มัทนีโมโห โกรธจี๊ด ปรี๊ดของขึ้น
“อีตาอาทิตย์ทุเรศ คนเลว ผู้ชายบ้า”

อาทิตย์จับเส้นจำเนียร คลึงๆ แล้วกดบิด กดบิด กดบิด พวกเหน่ง โหน่ง ท่วมทุ่งมองทึ่ง ตาโต
“อ๊ากๆ โอยๆ”
มัทนีวิ่งลงมาจากชั้นบน
“หยุดๆ หยุดเดี๋ยวนี้ นายอาทิตย์” ทุกคนชะงัก หันไป “พอกันที กับการเล่นกล ทำตลกบ้าบอหลอกคุณพ่อคุณแม่ชั้นให้หลงเชื่อนาย”
“อะไรนะ”
จำเนียรยังร้องอยู่
“โอยๆ ทำไมพูดกะหมออย่างนั้นล่ะ ยัยมัท โอย โอย”
“แม่คะ เค้าทำแม่เจ็บมากใช่ไหมคะ คราวที่แล้วที่แม่หาย มันคงเป็นความฟลุ๊ค หรือความบังเอิญมากกว่า แต่แม่ก็ศรัทธาในตัวเค้า ทำให้เค้าได้โอกาสที่จะเข้ามาแก้แค้นมัท โดยการใช้แม่เป็นเครื่องมือ”
หาญเดินหน้าเอ๋อเข้ามา
“อะไรกันลูก ทำไมพูดจาน่ากลัวอย่างนั้นล่ะ แก้ค้งแก้แค้นอะไร พูดเป็นหนังจีนกำลังภายในไปได้”
“นั่นน่ะสิครับ” อาทิตย์หัวเราะ “ลูกสาวของท่านคนนี้ ท่าทางคงจะเป็นพวกช่างฝันเพ้อเจ้อไม่ใช่น้อย ท่าจะอ่านการ์ตูนเยอะไปหน่อย”
“คุณอาทิตย์ คุณแน่จริง ก็บอกคุณพ่อคุณแม่ชั้นไปสิ ว่าความจริงคุณเป็นใครกันแน่”
“อร๊ายย หรือว่าคุณอาทิตย์เป็น เป็น ท่านชายอะไรซักอย่าง ปลอมตัวมาแสวงหารักแท้” โหน่งบอก
“หรือไม่ ก็เป็นร้อยตำรวจโทซักคน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นสายลับ มาสืบจับเหล่าร้ายแถวๆ นี้คะ” เหน่งบอก
“เค้าเป็นพวกมารสังคม เป็นแก๊งทำลายผู้หญิง” มัทนีบอก
“ไร้สาระ คุณมัทนี ผมก็เป็นตัวผมนี่แหละ แล้วผมก็นวดเป็นจริงๆ ที่บ้านผม ทำกิจการเกี่ยวกับสิ่งนี้”
“ที่แท้ บ้านเค้าก็ทำอาบอบนวด” โหน่งบอก
“อ๊าย เจ้าพ่ออ่างทองคำ เหน่งกลัวค่ะ”
“ช่างจินตนาการกันทั้งบ้าน คุณจำเนียรครับ ไหนคุณลองลุกดูสิครับ อาการตัวบิดของคุณหายรึยัง”
จำเนียรขยับๆ แล้วลุก
“หายแล้ว หายแล้วจริงๆ นะลูก หมออาทิตย์เค้าทำได้จริงๆ” จำเนียรบอกอย่างดีใจ

ท่วมทุ่งดีใจ กระดิกหาง แล้วเข้าไปประจบเลียอาทิตย์ต่างๆ นาๆ อาทิตย์ลูบหัวท่วมทุ่ง
“ทีหลัง ก่อนที่คุณจำเนียรจะเต้นรำ หรือทำการเล่นท่ายากอะไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาทำ ควรจะมีการอบอุ่นร่างกาย ขยับแข้งขาไปมา ให้ร่างกายมันได้เตรียมตัวเสียก่อน แล้วคุณจะไม่เป็นแบบนี้อีก เอาล่ะ ผมก็ได้ทำสิ่งที่ผมต้องทำเสร็จหมดแล้ว ผมก็คงจะไม่เป็นที่ต้องการของใครอีก หึๆ ตลกดี เวลาขอความช่วยเหลือก็ออดอ้อน ง้องอนสารพัด แต่พอสำเร็จเสร็จกิจสมใจแล้ว ก็ใส่ร้ายป้ายสีด่าทอกันซะงั้น ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ งั้นผมลาล่ะครับ” อาทิตย์ยกมือไหว้กราด ก่อนจะเดินออกไป
“เดี๋ยว” อาทิตย์หยุด “คุณจะคิดค่ารักษา เท่าไหร่ค่ะ” จำเนียรถาม
“ไม่หรอกครับ ผมรักษาฟรี อะไรๆ ก็ฟรีทั้งนั้น” อาทิตย์หันไป ทำหน้ามีเลศนัยใส่หาญ “เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือบุญคุณ คุณมัทนี คุณเป็นหนี้บุญคุณผม ถ้าไม่ใช้ในชาตินี้ ก็ต้องไปใช้ในชาติหน้า ว่ะฮ่ะๆ” อาทิตย์ทำท่าผู้ร้ายกวนๆ หันจะออกไป
“คุณอาทิตย์ ไม่ต้องมาเล่นมุกนี้กะชั้น ชั้นไม่สะทกสะท้านอะไรเลยซักนิด คุณพ่อคุณแม่คะ หนูจะบอกให้ ว่าเค้าเป็นใคร นายอาทิตย์คือทนาย หรือนายหน้าของพวกขบวนการผู้ชายเลวๆ ทั้งหมด ทั้งพวกชอบพรากผู้เยาว์ พวกชอบลวนลามพนักงานในออฟฟิศ พวกเจ้าชู้ หลอกผู้หญิง ไม่เลือกลูกเค้าเมียใคร เค้าทำทุกอย่าง ที่ขัดขวางการทำงานของมูลนิธิของมัท และการพยายามดูแลสถาบันครอบครัวเป็นสุขของแม่ แล้วที่เค้าเข้ามาในบ้านนี้ก็เป็นแผน ที่จะเข้ามาก่อกวนทำลายการทำงานของเรา”
หาญอึ้ง
“จริงหรือคุณอาทิตย์” จำเนียรถาม

อาทิตย์งง มองหน้ามัทนีแบบไม่เข้าใจ มัทนีมองตอบ ท้าทาย

อาทิตย์เดินเชิดๆ อารมณ์น้อยใจที่ทำคุณบูชาโทษ หนีออกมานอกบ้านมัทนี
 
มัทนีกับจำเนียรและท่วมทุ่งตามออกมา
“คุณอาทิตย์ คุณคงจะสะใจมากเลยใช่มั้ยที่บุกมาเหยียบจมูกถึงบ้านชั้นได้ แต่อย่าคิดนะว่าชั้นจะเกรงกลัวคุณไม่เลย ชั้นและมูลนิธิจะตามราวีรื้อถอนวัชพืชของสังคมอย่างคุณและพวกให้ถึงที่สุด คอยดู” มัทนีบอก
“เดี๋ยวๆ คุณหมออาทิตย์ ถ้าคุณไม่แก้ตัว ไม่เถียง ชั้นจะถือว่าคุณเป็นอย่างที่ยัยมัทพูดจริงๆ นะ” จำเนียรบอก
“ก็ในเมื่อลูกสาวคุณนายพิพากษาผมว่าเป็นคนเลวแล้ว ผมพูดไปใครจะเชื่อผมล่ะครับ”
“ไม่ต้องพูด เงียบไปเลย เพราะชั้นมีคลิปวีดีโอยืนยันความชั่วของนายอยู่แล้ว ถ้าแม่อยากดู เดี๋ยวมัทจะเอาให้ดู”
“โอ้ว นี่ คุณแอบมีคลิปส่วนตั๊วส่วนตัวของผมด้วยเหรอ เป็นไงบ้างครับ เด็ดไหมหล่ะ”
“นี่ แม่เห็นนิสัยนายคนนี้หรือยัง เหน่ง โหน่ง ท่วมทุ่งไล่นายคนนี้ออกไป”
“เชิญค่ะ” เหน่งบอก
“เดี๋ยวเปิดประตูให้นะคะ” โหน่งบอก มัทนีนึกฉุนที่สาวใช้พูดดีกับอาทิตย์
“ชั้นบอกให้ไล่ ไล่เค้าไป”
เหน่งถลกแขนเสื้อ ขับไล่ทันที
“ไป๊ ออกไปจากบ้านนี้ อย่าให้ต้องใช้กำลัง ไป๊”
“จะออกไปดีๆ หรือจะออกไปทั้งน้ำตา ห๊า”

ขณะที่เห่งกับโหน่งออกปากไล่อาทิตย์ ท่วมทุ่งกับเข้ามาตะกายอาทิตย์ กระดิกหางและเลียอาทิตย์อย่างรักกันๆ
“อะไรกันเนี่ย ท่วมทุ่ง แกมันทรยศเจ้านายหรือเนี่ย” มัทนีบอกอย่างหงุดหงิด
หาญออกมามองๆ คิดหนัก ว่าจะทำอย่างไรดี อาทิตย์กอดท่วมทุ่ง เกาหัว เกาไหล่ให้
“แม้แต่หมา ยังรู้ว่าใครเป็นคนดี แต่คนด้วยกันนี่สิ นี่ คุณมัทนี โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำนะครับ ยังมีสีเทาสีสันอื่นๆ อีกเพียบเลย ฟันธงได้เลยว่าคุณยังหาแฟนไม่ได้ ใช่มั้ย หึหึ ผู้หญิงแบบนี้ ใครจะเอา ดูก็รู้ ว่ามีปมด้อยเรื่องผู้ชายอย่างรุนแรง”
“คุณ คุณ กล้าดียังไง”
หาญโมโห แทนลูก
“เฮ้ย ได้ไง” หาญแถออกหน้า “เฮ้ย นาย ไอ้อาทิตย์ แกกล้าพูดจาลบหลู่ลูกสาวชั้นเหรอ แก แก แกไม่รู้หรือว่าชั้นบูชาลูกสาวเหนืออื่นใด แกตายแน่”
“คุณหาญ ตกลงเค้าเป็นใคร ใช่เพื่อนคุณ หรือไม่ใช่” จำเนียรขัด
“เพื่อน อ้อ ผมไม่นับมันเป็นเพื่อนแล้ว ผมตาสว่างแล้วว่ามันเป็นสิบแปดมงกุฏ เป็นปีศาจคาบคัมภีร์ มาตี้ซี้ผมเพราะจะมากอบโกยผลประโยชน์จากผม คนชั่วๆ พรรค์นี้ ผมไม่คบ”
“อะไรนะ”
“ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้ นับหนึ่ง สอง สาม หน็อย แกตายแน่”
หาญจะชกอาทิตย์ อาทิตย์จึงตะโกนใส่หน้า
“ผับเพลย์เกิร์ล”

หาญได้ยินชื่อผับถึงกับสะดุ้ง หมัดหดทันทีทันที
“อะเจ้ยย”
“คุณจำเนียรคุ้นๆ ชื่อผับนั้นมั้ยครับ จำได้มั้ยครับว่า...” อาทิตย์หันไปถามจำเนียร
“แหม อาทิตย์เพื่อนรัก” หาญแปรท่าหมัด เป็นลูบๆ แขนอาทิตย์ แล้วกลายเป็นกอดคอแบบเพื่อนกันทันที “หยอกล้อเล่นนิดๆ หน่อยๆ ตกใจล่ะสิ ฮะๆ คุณจำเนียร มัทนี ไม่ต้องแปลกใจ เราอำกันเล่นๆ หนุกๆ เนอะๆ”
ท่วมทุ่งมองหาญงงๆ แล้วเห่า
“ท่วมทุ่ง แม้แต่แกยังงง ใช่ไหม” จำเนียรหันไปถามท่วมทุ่ง
“คุณพ่อ เป็นอะไรคะ” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“อาการแบบนี้ หรือว่า คุณ ทำของใส่คุณผู้ชาย” โหน่งบอก
“ของเขิงอะไร หยุดพูดจาว่าร้ายคุณอาทิตย์ได้แล้ว คุณจำเนียร ยัยมัท คุณอาทิตย์เค้าเป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรมมากๆ การกล่าวหาว่าร้ายคนดีมีศีล พระท่านว่าเป็นบาปหนักมหันต์” หาญบอก
“ผมเป็นคนไม่ดีหรอกครับ ผมชอบแอบหนีไปเที่ยวผับโคโยตี้” อาทิตย์บอก
“ฮะๆ ประชดกันซะแรงเชียว ข๊ำขำ แหม๊ คุณอาทิตย์ ถ้าคนดีๆ อย่างคุณเที่ยวผับโคโยตี้ ผมก็เป็นโจรปล้นฆ่าข่มขืนแล้วล่ะ ฮ่าๆ อย่าถ่อมตัวไปเลย นะ สงสารผมเถอะ อ้อ แต่ทั้งหมดนี้ เราพูดเล่นทั้งนั้นนะคุณจำเนียร มันเป็นมุขเสียดสีสังคม ตามประสาคนฝักใฝ่ธรรมะน่ะ กัมมุนาวัตตะตี โลโก กุ๊กๆ ปลงซะเถอะนะแม่จำเนียร ฮ่าๆ ไปๆ คุณอาทิตย์ ผมไปส่ง”
หาญรีบกอดคอลากอาทิตย์ออกไป จำเนียรมองตาม มัทนีขัดใจ ท่วมทุ่งเอียงคอมองงงๆ

หาญกอดคอลากอาทิตย์ออกมานอกรั้วบ้าน ทีแรกก็ยิ้มแย้มรักใคร่ พอพ้นประตูรั้วบ้านออกมาก็ผลักไสทันที
“แกคิดจะแบล็กเมล์ชั้นเหรอวะไอ้อาทิตย์ หน็อย แกมันเลวเหมือนที่ยัยมัทว่าไว้จริงๆ”
“ว่าผมเลวอีกแล้วเหรอครับ คุณหาญคนดีจิตใจธรรมะ”
“แก แก ก็ด๊ายย แกเคยช่วยชั้น วันนี้ชั้นก็ช่วยแก เราเจ๊ากันแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว เพราะฉะนั้นในฐานะลูกผู้ชายเหมือนกัน และเป็นคนดีเหมือนกัน แกต้องสาบานว่าจะไม่พูดเรื่องของชั้นอีก”
“ได้ครับผมสัญญา”
“ดีมาก”
“แต่ ผมไม่รักษาสัจจะ”
“อ้าว”
“จะมาเอาจริงเอาจังอะไรกับคำพูดจากปากคนอย่างผมครับ ถ้ามีใครหรืออะไรมากวนอารมณ์ ยั่วยวนให้ผมเผลอไผลหลุดปากก็ช่วยไม่ได้นะครับ ผมค่อนข้างจะปากพล่อยด้วย อาจจะหลุดปากแฉหมดทุกอย่าง หมดเปลือก ทั้งเรื่องโคโยตี้ และเรื่อง” อาทิตย์เหลือบตามองต่ำ “ปัญหาส่วนตัวของท่านนะครับ หึหึ”
อาทิตย์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป
“ไอ้เลว ไอ้...” หาญบอกอย่างโมโห

วันต่อมา อาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงงาน แล้วเดินเข้าไปด้านในโรงงาน ยิ้มแย้มทักทายพวกพนักงานที่เดินสวนไปมาอย่างเป็นมิตร แต่พวกพนักงานหญิงท่าทางเกรงๆ เดินหลบเลี่ยงไป ถอยหนี ไม่ก็เปลี่ยนทิศทางการเดินหมด อาทิตย์รู้สึกแปลกๆ
“ป้าแวว เดี๋ยวครับ เดี๋ยวๆ เอ่อ เห็นคุณแม่มั้ยครับ”
ป้าแววก้าวถอยออกห่าง
“เอ่อ คือ อยู่ข้างในมั้งคะ” ป้าแววบอกแล้วจะเดินหนี
“เดี๋ยวครับป้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมป้าดูแปลกๆ คนอื่นก็ด้วย ถ้ามีเรื่องอะไรบอกผมได้นะครับ” อาทิตย์จะจับแขน ป้าแววถอยห่าง
“อย่าค่ะ ป้ามีสามีแล้วนะคะ”
“หือ มันเรื่องอะไร ยังไง ผมไม่เข้าใจ” อาทิตย์ทำหน้างง เจ๊ภาเข้ามา ยื่นหนังสือพิมพ์ให้
“อ่านสิคะ”
อาทิตย์แปลกใจ รับมาอ่านข่าวพาดหัว
“เจ้านายลวนลามลูกน้องคือชอบธรรม คำสารภาพของนายอาทิตย์ ลูกหลานไฮโซ” มีรูปอาทิตย์กำลังปกป้องโมกข์อยู่ “เฮ้ย มีรูปผมด้วย”
“ถึงป้าจะจนแต่ป้าก็มีศักดิ์ศรีนะคะ” ป้าแววบอก
“ป้าครับ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วอีกอย่าง ผมไม่ทำอะไรป้าแน่ๆ ครับ”
ป้าแววเดินหนี อาทิตย์งง หันไปมองเจ๊ภา เจ๊ภาก้าวถอย
“คุณอาทิตย์คะ คุณนายลิ้นจี่ให้มาตามไปที่ห้องประชุมด่วนค่ะ” เจ๊ภาหลบหน้า “อย่ามองอิฉันทั่วร่าง ด้วยสายตาแบบนั้นสิคะ”

เจ๊ภาก็กลัวอาทิตย์เช่นกัน อาทิตย์หงุดหงิด

ภายในห้องรับรองแขกของโรงงาน อาทิตย์แปลกใจกับสิ่งที่ลูกค้าบอก

“ขอยกเลิกสินค้าทั้งหมด”
“คือ ห้างของเรามีคอนเซ็ปต์หลักในการสร้าง ก็เพื่อให้เป็นพื้นที่สีขาว สะอาด บริสุทธิ์ เป็นพื้นที่ที่ครอบครัวจะพากันมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้ อย่างอบอุ่น มีความสุข เพราะห้างเรา ทุกสาขา เราชูนโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวเป็นจุดแข็งมาตลอด”
“คุณจะบอกว่า คุณเชื่อข่าวที่นักข่าวคนนี้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาน่ะเหรอครับ มันไม่แฟร์กับผมเลยนะครับ”
“เค้าไม่ได้นั่งเทียนเขียนนะครับ คุณไปยืนอยู่ข้างเพื่อนนายแบบคนนั้น แล้วก็แก้ตัวแทนเค้าจริงๆ ผมต้องขอ
อภัย แต่ภาพลักษณ์ของห้างต้องมาก่อน หวังว่าคุณนายลิ้นจี่ และคุณอาทิตย์จะเข้าใจนะครับ ในฐานะที่เราทำธุรกิจเหมือนกัน ผมขอตัวนะครับ” ลูกค้าบอกแล้วออกไป
“อาทิตย์ อธิบายมาสิ ว่านี่มันอะไร ทำไมอยู่ๆก็มีข่าวถึงลูกแบบนั้น”
ลิ้นจี่มองหน้าลูกชาย

อีกด้านหนึ่งที่ออฟฟิศข่าวของเอกชเยศร์ เอกชเยศร์กำลังคุยโทรศัพท์ หัวเราะร่วน
“ฮ่าๆ มัทไม่ต้องห่วงนะ เอกจะตามติดพฤติกรรมพวกลูกไฮโซแก๊งนี้แบบไม่ให้ตกกระแสง่ายๆ แน่ มัทรออ่านสกู๊ปต่อไปที่จะตีพิมพ์พรุ่งนี้แล้วกัน รับรองว่ามันจะต้องทำให้นายอาทิตย์ดิ้นพล่านยิ่งกว่าหมาเจอน้ำร้อนลวกแน่”
มัทนีอยู่ที่มูลนิธิ กำลังรวบรวมเอกสารต่างๆ
“ดีค่ะเอก พวกลูกไฮโซที่ดีๆ เราก็ต้องชื่นชม ส่วนพวกที่แย่ๆ เราก็ต้องทำให้สำนึก แล้วมัทจะขอเอาสกู๊ปแล้วก็คลิปที่เอกมีทั้งหมด ไปเป็นเอกสารประกอบคดีด้วย เค้าเคยประนีประนอมจนผู้เสียหายยอมความไปทีนึงแล้ว คราวนี้มัทไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแน่”
“มัทจะเอาคลิปไปใช้เหรอ มันเป็นลิขสิทธิ์ของรุ่นน้องเอกอ่ะ แต่เดี๋ยวเอกจะคุยให้นะ ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรหรือเปล่าได้ๆ ไม่ต้องห่วง ถ้ามันจะขอค่าใช้จ่ายอะไร เดี๋ยวเอกออกให้ก่อนแล้วค่อยไปเก็บกับมัทก็ได้ สบายๆ จ้ะๆ บาย”
เอกชเยศร์วางสาย รุ่นน้องถือต้นฉบับบทความเข้ามาให้
“เฮียเอก บทความชิ้นใหม่เสร็จแล้วครับ ผมเขียนตามที่เฮียบรี๊ฟมาเลยครับ ลูกไฮโซมักง่าย ไม่มีจิตสำนึก และดูถูกคนจน รับรองความมันส์ครับ”
เอกชเยศร์ชอบใจ
มัทนีวางสาย หน้าตาสาแก่ใจ สักพักโทรศัพท์ดังอีก จำเนียรพูดสายอยู่ที่บ้าน แต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก กำลังเดินออกจากบ้าน
“ยัยมัท แม่กำลังจะออกไปให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ เราจะเสร็จงานกี่โมง แวะมารับแม่ไปสปาหน่อยสิ ได้มั้ย”
“ค่ะ ได้ค่ะ สักห้าโมงมัทไปรับนะคะ”

อีกมุมหนึ่งที่บ้านมัทนี หาญเดินกระวนกระวายพูดโทรศัพท์
“นกจ๋า นก วันนี้นกว่างมั้ยจ้ะ ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย”
ขณะนั้นน้องนกเดินเลือกซื้อของอยู่ที่ตลาดนัด
“หานนี้มีธุระอะไรกับนกหร๋อ”
“พี่หานนี้คิดถึ๊งคิดถึง อยากเจอนกใจจะขาด ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอนก หานนี้ต้องคลุ้มคลั่งตายแน่ๆ มาเจอกันหน่อยนะ”
“แล้วเรื่องไปสมุยอ่ะ ว่าไงคะ หานนี้จะให้นกรอไปถึงเมื่อไหร่”
“นี่ไงจ๊ะๆ เรามาคุยกันเรื่องไปสมุย ถ้าคุยกันแล้วเวิร์ค สุขสม ทุกอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง หานนี้รับรองว่าจะตีตั๋วพานกไปตะลุยสมุยให้ทั่วทุกหาดเลยจ้ะ นะ นะ ถ้าไม่มาเจอ หานนี้จะครางไม่หยุดนะ หงิง หงิง”
“อ้ะ ก็ได้ จะให้ไปเจอที่ไหนล่ะ”
“ไชโยๆ”
หาญร้องอย่างดีใจ จำเนียรอุ้มท่วมทุ่งผ่านมาเห็นพอดี
“ดีใจอะไรนักหนาคุณหาญ” หาญผงะ ชะงัก
“หือ”
“เป็นอะไร ท่าทางลุกลี้ลุกลน ดูมีความสุข แปลกๆ คุยกับใครอยู่”
“ปล๊าว ก็แค่ เพิ่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเสร็จ ท่านให้คำสอนมาว่า อย่ามีชีวิตกับความโศกเศร้า ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน แล้วเราจะโศกเศร้าไปทำไม มันใช่เลยคุณ ผมเห็นสัจธรรมมากๆ ร่าเริงเข้าไว้ ไชโย ไชโย”
“ค่ะๆ ไชโยๆ เดี๋ยวชั้นจะออกไปข้างนอกนะคะ ฝากดูแลลูกท่วมทุ่งด้วย” จำเนียรส่งหมาให้
“จ้ะ ไปไหนก็รีบไป เอ๊ย หมายถึง รีบไปทำงานเถอะจ้ะภรรเมียสุดที่รัก สามีจะดูแลสัตว์สี่เท้าตัวนี้ให้เอง ตั้งใจทำงานนะครับ ไปๆ”
หาญพูดจาหวานดีด้วยแปลกๆ จำเนียรงงๆ ออกไป พอลับหลังจำเนียร หาญโยนท่วมทุ่งทิ้ง ท่วมทุ่งเห่า หาญทำหน้าล่อหลอก แลบลิ้นปลิ้นตาใส่หมา

เวลาผ่านไป ที่ห้องส่งรายการวิทยุ ไฟออนแอร์แดงขึ้น ดีเจวัยรุ่นกำลังสัมภาษณ์จำเนียรอยู่
“เอาล่ะฮะ ช่วงใหม่สดๆ ซิงๆ ที่ทุกคนเรียกร้อง เมื่อรักมีปัญหา รักไม่ได้ดั่งใจ รักใครจะเป็นอย่างไร กูรูความรักมีคำตอบ กับเจ้าของสโลแกนที่ว่า รวมกันเราอยู่ ทิ้งกู มึงตาย คุณจำเนียร สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
“ตัวจริงยังสาวยังสวยกว่าในทีวีเยอะเลยนะครับ”
“ปากแบบนี้ คงจะทำผู้หญิงเสียใจไว้เยอะล่ะสิ ใช่มั้ยพ่อดีเจ”
“มาถึงผมก็โดนแล้วครับ”
ที่ห้องโถงของสถานี แฟนคลับจำเนียร นั่งฟังรายการอย่างชื่มชม คุณนายลิ้นจี่เดินออกมาจากห้องประชุมของออฟฟิศ
“ยังไงก็ฝากให้ดีเจช่วยพูดเชียร์ยาแผนโบราณของคุณนายลิ้นจี่เยอะๆ ด้วยนะคะ” ลิ้นจี่พูดกับพนักงาน
“แหม สปอนเซอร์หลักขนาดนี้ เราจัดเต็มให้เสมอค่ะ”
“ชู่ว์ นั่น คุณจำเนียรจัดรายการอยู่นี่ วันนี้ต้องมีอะไรเด็ดๆ แน่ ขอฟังหน่อยนะ” ลิ้นจี่ฟังเสียงจัดรายการ เสียงดี
เจดังเข้ามา
“เข้าเรื่องดีกว่า ไหนๆ วันแรก ก็ขอเริ่มด้วยประเด็นฮอตฮิตดีกว่า เจ้านายชอบลวนลามลูกน้องผู้หญิง คุณจำเนียรคิดเห็นยังไงบ้างครับ”
“เพศชายพวกนั้น เราอย่าไปเรียกว่าเป็นคนเลย เพราะพวกมันไม่รู้จักการแยกแยะถูกผิด ไม่รู้จำคำว่าผิดชอบชั่วดี และไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่คนทุกคนควรมี สุนัขยังมีการเรียนรู้ ยังสอนให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางได้ แต่เพศชายพวกนี้ ทำตามใจไม่เลือกที่..คิดเอาเองแล้วกันว่าควรจะเรียกว่าอะไร”
พวกแฟนคลับสะใจ ถูกใจมาก
“แร๊งได้อีกนะเนี่ย ชอบๆ เอาแรงกว่านี้อีก”
ลิ้นจี่บอกอย่างชอบใจ พวกแฟนคลับตบมือเชียร์ตาม

“ได้ฟังแค่นี้ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้วครับ แล้วคุณจำเนียร มีคำแนะนำยังไง กับลูกน้องสาวๆ บ้างครับ”
ดีเจถามต่อ
“สู้ค่ะ ผู้หญิงเราต้องสู้ พวกเราไม่ใช่ดาวพระศุกร์นะที่ต้องยอมทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวตกงาน อิชั้นขอแนะนำ ใครลวนลามเราให้ใช้หัวเข่าค่ะ ขอโทษนะคะคุณน้อง ไม่ใช่ให้ใช้หัวเข่าเป็นที่เช็ดน้ำตานะคะ แต่หัวเข่าคืออาวุธค่ะ เคยดูมวยไทยไหมคะ ท่านี้เลยค่ะ โน้มคอ ตีไข่ เอ๊ย ไม่ใช่ โน้มคอ ตีเข่า เอาเข่าของเรากระแทกศูนย์กลางของพวกมันเลย เอาแรงๆ เน้นๆ ให้มันแพร่พันธุ์ไม่ได้อีก เชื่ออิชั้น ถ้าผู้หญิงอย่างเราฮึดสู้ ผู้ชายก็ต้องสยบ”
“มันไม่โหดไปหน่อย”
“หรือคุณน้องอยากจะลอง”
ดีเจซับเหงื่อ
“เรามารับสายคุณผู้ฟังดีกว่า”

ลิ้นจี่ปลื้มมาก เผลอลุกยืนปรบมือ พวกแฟนคลับปรบตาม
 
อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น