xs
xsm
sm
md
lg

ไฟในวายุ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟในวายุ ตอนที่ 9

ไกรกูณฑ์นอนเซ็งอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูดังก่อนที่ละเวงเปิดประตูเข้ามา พอไกรกูณฑ์เห็นละเวงก็เบือนหน้าหนี ละเวงหุบยิ้มทันที
"เห็นหน้าละเวงต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนี้เลยเหรอคะ คุณน้อย นึกว่าจะเป็นนังนวลขวัญมาเยี่ยมรึไงคะ"
"ใช่ ฉันผิดหวังมากที่เห็นหน้าเธอ"
ละเวงขึ้นเสียง
"ทำไมคุณน้อยพูดกับละเวงอย่างนี้ล่ะคะ"
"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ละเมอคิดว่าตัวเองเป็นเมียฉันรึไง อีตัวประกอบตกงาน"
ละเวงเจ็บใจมาก
"คอยดูต่อไปก็แล้วกัน ละเวงจะต้องเป็นเมียคุณน้อยให้ได้ ไม่ใช่อีสาวบ้านไร่คนนั้น"
"ฉันรักคุณขวัญ ไม่ใช่เธอ เลิกเพ้อเจ้อแล้วออกไปจากห้องนอนฉันได้แล้ว"
ละเวงจ้องหน้าไกรกูณฑ์เขม็ง แต่ไกรกูณฑ์ตวาดไล่ยังกะหมูกะหมา
"ไปให้พ้น"
ละเวงขบกรามแน่น
"แล้วคุณน้อยจะต้องเสียใจที่ทำร้ายจิตใจละเวงแบบนี้"
ละเวงสะบัดหน้าพรืดเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย ไกรกูณฑ์ถอนใจพรืดอย่างรำคาญ

กลางคืนต่อเนื่องมา ละเวงกลับมาระบายอารมณ์ใส่อุศเรนที่ห้องพักในโรงแรม
"เจ็บใจจริงๆ ไม่นึกว่าคุณน้อยจะทำเพื่ออีนั่นขนาดนั้น"
อุศเรนถอนหายใจแบบระอาๆ
"ก็ผมเคยบอกพี่แล้ว ไอ้คุณน้อยมันรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ไม่งั้นคงยอมให้ไอ้กษิตมันจัดการเองไปตั้งนานแล้ว"
ละเวงหงุดหงิด
"รู้แล้ว แกไม่ต้องมาตอกย้ำหรอกน่ะ"
"ผมว่าพี่เลิกสนใจไอ้ลูกคุณหนูนี่ซะทีเถอะ ไม่เห็นมันจะทำอะไรได้เรื่องซักอย่าง"
ละเวงหงุดหงิด
"ฉันจะรักจะชอบใครมันเรื่องอะไรของแกด้วย หุบปากไปเลยไป"
อุศเรนถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ละเวงนึกอะไรได้เปลี่ยนเรื่อง
"เออ แล้วทำไมไอ้กษิตมันต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้นด้วยล่ะ"
" เท่าที่ผมรู้นะ มันโดนทั้งตำรวจตามจับ แถมยังโดนนายมันสั่งเก็บอีกตะหาก"
โทรศัพท์มือถืออุศเรนดังขัดจังหวะขึ้นมาพอดี..
"ไอ้กษิตโทร.มา ตายยากจริงๆ"
"รีบรับสิ ฉันอยากรู้ มันโทร.มาทำไม"
อุศเรนกดรับสาย
"สวัสดีครับคุณกษิต"

สายวันใหม่ นวลขวัญขับรถมองซ้ายมองขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น นวลขวัญเหลือบตามองแล้วจอดรถเลียบข้างทาง กดรับโทรศัพท์ สลิลเดินคุยโทรศัพท์มาที่ล็อบบี้
"อยู่ที่ไร่รึเปล่าคะพี่ขวัญ หว้าจะแวะเข้าไปกินข้าวกลางวันด้วย"
"พี่ออกมาหาลูกค้าน่ะจ้ะ"
"หว้าโทร.มาก็ดีแล้ว ถามทางหน่อยสิ รีสอร์ต้นสายปลายผา อยู่ตรงไหนกันแน่เนี่ย"
รถเก๋งติดฟิล์มมืดมองไม่เห็นด้านใน จงใจพุ่งเข้าเบียดชนรถนวลขวัญ... เธอร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ สลิลงง คุยมือถือ ด้วยความตกใจปนห่วง
"มีอะไรคะพี่ขวัญ...พี่ขวัญ ได้ยินหว้ามั้ยคะ พี่ขวัญ"
เสียงนวลขวัญแว่วมาพอให้ได้ยิน
" ปล่อยฉันนะ หว้าช่วยพี่ด้วย ไอ้กษิต..."
แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายทิ้ง สลิลตกใจมาก พยายามเรียก
"พี่ขวัญ ...พี่ขวัญ"

บริเวณสถานีตำรวจตอนสาย สลิลกับทแกล้วนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะตำรวจ โดยตำรวจนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ เมื่อวางสาย ก็หันไปบอกสลิลและทแกล้ว
"สายตรวจพบรถของคุณนวลขวัญแล้ว ตอนนี้กำลังกระจายกำลังออกตามหาอยู่ครับ"
"แล้วในรถมีร่องรอยการต่อสู้ มีคราบเลือดหรืออะไรมั้ยครับ" ทแกล้วถาม
"รถถูกชน แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้นะครับ ของมีค่าก็อยู่ครบ"
ทแกล้วร้อนใจห่วงพี่สาวมาก สลิลจับไหล่ปลอบใจ
"ใจเย็นๆ นะแก้ว หว้าเชื่อว่ามันยังไม่ทำร้ายพี่ขวัญหรอก"
"แล้วไอ้กษิตล่ะครับ ตอนนี้มันอยู่ไหน ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ"
"เรากำลังตามอยู่ครับ คุณสลิลให้การตามที่ได้ยินทางมือถือเอาไว้แล้ว ผมขอไปสั่งงานเพิ่มเติมก่อนนะครับ"
ตำรวจลุกเดินออกไป ทแกล้วฉุกคิด
"ไอ้น้อยมันจะรู้เรื่องมั้ย"

ในเวลาต่อมา ไกรกูณฑ์หน้าตาหงุดหงิดปนร้อนใจ
"ผมไม่รู้เรื่อง"
เขาทำท่าจะเดินหนี แต่วายุเดินตามไปขวาง ถามย้ำ
"แกแน่ใจนะ"
ไกรกูณฑ์ตวาดสวน
"ผมจะทำร้ายคนที่ผมรักทำไม คุณใหญ่ไม่น่าคิดอะไรโง่ๆ"
"ก็เรื่องโง่ๆ แบบนี้จะมีใครทำได้ถ้าไม่ใช่แก"
ไกรกูณฑ์ผลักไหล่วายุ วายุผลักอกน้องชายกลับ ธรารีบปรี่เข้ามาแยก
"มีเรื่องอะไรกันอีก"
ทั้งคู่จ้องหน้ากันห่างๆ
"ปล่อยให้อยู่ด้วยกันตามลำพังไม่ได้เลย" ธราว่า
"ก็คุณใหญ่น่ะสิแม่ มีเรื่องบ้าบออะไรก็จะต้องหาว่าผมมีเอี่ยวด้วยตลอด"
"ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย"
"คุณนวลขวัญโดนลักพาตัวไปครับ แล้วหว้าได้ยินเสียงคุณขวัญเรียกชื่อนายกษิต ผมก็เลยมาถามน้อยเผื่อจะรู้อะไรบ้าง"
"ผมเป็นห่วงคุณขวัญมากกว่าใครทั้งนั้น ผมจะทำไปทำไม ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ"
วายุใช้ความคิด แล้วตัดสินใจ
"ผมออกไปช่วยตำรวจตามหาคุณขวัญอีกแรงดีกว่า"
วายุกดมือถือโทร.ออกแล้วรีบเดินออกไป ไกรกูณฑ์เคร่งเครียดเดินกลับขึ้นชั้นบน ธรามองตามทั้งคู่
แล้วถอนใจออกมา

วายุเดินออกจากบ้านพร้อมคุยโทรศัพท์มือถือไปเล็กน้อย
" ฉันเอง... ฉันมั่นใจว่าน้อยไม่รู้เรื่อง นี่กำลังจะออกไปช่วยตำรวจตามหาอีกแรง ตอนนี้เธอกับ
แก้วอยู่ที่ไหน"
วายุรีบร้อนไปขึ้นรถ

ไกรกูณฑ์เดินถือกุญแจรถลงบันไดมาที่โถงจะออกไปช่วยตามหานวลขวัญอีกคน ธราคว้าแขนลูกชายเอาไว้ทันที
"แม่ไม่ให้น้อยไปไหนทั้งนั้น"
ไกรกูณฑ์สะบัดแขนแม่ออก แล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ธราเจ็บใจ โกรธจนกำมือแน่นเกร็ง

ไกรกูณฑ์โทร.หากษิต หงุดหงิดที่กษิตไม่รับสาย เขาพยายามคิดว่า กษิตจะจับนวลขวัญไปไว้ไหน
"มันจะไปที่ไหน"
ไกรกูณฑ์ทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วรีบยูเทิร์นรถ ตัดถนนเปลี่ยนทางทันที

นวลขวัญโดนมัดมือมัดเท้า แล้วใช้ผ้าผูกปาก ถูกพาตัวมาซ่อนไว้ที่บริเวณสุสานรถยนต์ กษิตเดินเข้ามาใกล้ แล้วยิ้มเหี้ยม นั่งลงข้างๆ นวลขวัญแกะผ้าปิดปากออก นวลขวัญถ่มน้ำลายใส่ กษิตเช็ดน้ำลายออกจากหน้า แล้วตบนวลขวัญจนคว่ำ
"เธอนี่มันดื้อด้านจริงๆ แค่เซ็นๆ เอกสารมาให้ฉัน เรื่องก็จบแล้ว"
"ต่อให้ฉันเซ็นชื่อให้ แกก็เอาไปทำอะไรไม่ได้หรอก"
กษิตส่ายหน้า ยิ้มดูถูก บีบหน้าของนวลขวัญ
"เธอรู้จักเจ้านายฉันน้อยเกินไป ถ้าไม่อยากให้น้องชายเธอถูกอุ้มหายสาบสูญไป ก็ยอมเซ็นซะดีๆ ความอดทนของฉันใกล้จะหมดแล้ว"
นวลขวัญยันตัวลุกขึ้นเอาหัวกระแทกกษิตจนเซ และปากแตก เขาตรงเข้าไปกระชากนวลขวัญลุกขึ้นยืน แล้วตบหน้าสุดแรง จนเสียหลักล้มหัวฟาดกับเศษรถจนหัวแตกสลบไปกองกับพื้น
ไกรกูณฑ์วิ่งเข้ามาเห็นจังหวะที่นวลขวัญล้มไปกองกับพื้นจนสลบไปพอดี
"ไอ้กษิต"
กษิตตั้งท่าจะหยิบปืนที่เหน็บออกมาแต่ไม่ทัน ไกรกูณฑ์คว้าท่อนเหล็กที่พื้นฟาดไปที่มือของกษิต
"โอ๊ย"
ปืนกระเด็นหล่นออกไปไกล
ไกรกูณฑ์ตั้งท่าจะฟาดท่อนเหล็กใส่ แต่กษิตเอี้ยวตัวหลบแล้วเข้าไปแย่งท่อเหล็กจากมือไกรกูณฑ์
ทั้งคู่ยื้อแย่งกันสักพัก ท่อนเหล็กหลุดจากมือ ทั้งคู่แลกหมัดเตะต่อยกันจนต่างฝ่ายต่างเจ็บทั้งคู่
อุศเรนที่เดินไปปลดทุกข์ เดินรูดซิบกลับมาเห็นเข้า ก็ตกใจที่ไกรกูณฑ์ตามมาถูก
ไกรกูณฑ์โดนต่อยท้องจนจุกร่วงลงไปกองกับพื้น กษิตตรงเข้ามาซ้ำ ไกรกูณฑ์กัดฟันพุ่งตัวกระแทกกษิตไปกระแทกเข้ากับซากรถยนต์
ไม่คาดคิด กษิตตาเหลือกโพลงแล้วก็นิ่งๆ ไป มีเลือดไหลออกมาจากปาก ไกรกูณฑ์ตกใจ กษิตขยับตัวออกมาเอามือจับไปที่หลังแล้วก็ล้มลง หลังของกษิตมีเลือดไหลออกมา เห็นแท่งเหล็กยื่นออกมาจากซากรถยนต์มีเลือดติดเป็นหยดๆ
อุศเรนตกใจมากที่เห็นกษิตตาย ไกรกูณฑ์เดินกระย่องกระแย่งตรงไปหานวลขวัญ เขาพลิกตัวเธอกลับมาเห็นว่านวลขวัญหัวแตก
"คุณขวัญครับ ผมมาช่วยคุณขวัญแล้ว"
นวลขวัญค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแบบเบลอๆ มองเห็นหน้าไกรกูณฑ์ไม่ชัดเท่าไรนัก

เสียงไซเรนรถตำรวจดังมาแต่ไกล ไกรกูณฑ์ตกใจที่ตำรวจตามมาถูก รีบวางนวลขวัญลงกับพื้นแล้วก็วิ่งหนีไป นวลขวัญมองตามเขาที่วิ่งหายไปจนลับตาก่อนจะหมดสติไปอีก อุศเรนลุกลี้ลุกลนหนีไปอีกคน ขณะที่นวลขวัญนอนสลบอยู่กับพื้น และกษิตนอนตายจมกองเลือด

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตอนบ่าย ภายในห้องพักฟื้น ตำรวจกำลังสอบปากคำนวลขวัญอยู่ เธอท่าทางอิดโรย หมดแรง ริมฝีปากมีรอยช้ำ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก
"คุณขวัญพอจะเห็นไหมครับว่าใครเป็นคนฆ่านายกษิต"
นวลขวัญพยายามครุ่นคิดถึงตอนเกิดเหตุ รู้สึกเหมือนเห็นไกรกูณฑ์ แต่เบลอๆไม่ชัดเจน ตำรวจถามย้ำอีกครั้ง
"ว่าไงครับ พอจะนึกอะไรออกบ้างมั้ยครับ"
นวลขวัญส่ายหน้าช้าๆ
"ฉันหมดสติไปก่อน เลยไม่เห็นเหตุการณ์อะไรเลยค่ะ"
นวลขวัญไม่ยอมบอกความจริง เพราะกลัวไกรกูณฑ์จะเดือดร้อน

ผ่านเวลาเล็กน้อย ภายในสถานีตำรวจ
"เรื่องคดีบ้านไร่สายน้ำ หลักฐานทั้งหมดชี้ชัดว่าเป็นฝีมือนายกษิต ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณสลิลจะได้สบายใจสักที"
ตำรวจสรุปคดีให้สลิล กับวายุฟัง
"ขอบคุณนะคะคุณตำรวจ"
สลิลมองหน้าวายุด้วยความดีใจ วายุเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วเหตุการณ์วันนี้ล่ะครับ คุณตำรวจทราบได้ยังไงว่า คุณนวลขวัญอยู่ที่ไหน"
"มีพลเมืองดี โทรมาแจ้งเบาะแสน่ะครับ เราก็เลยตามไปถูก"
วายุ และสลิลมองหน้ากันแปลกใจ ใครกัน!?

สลิลกับวายุเดินคุยกันออกมาจากสถานีตำรวจ
สลิลเสียงสดใส อารมณ์ดี
"โชคดีจริงๆ นะคะ ที่มีคนเห็น แล้วโทร.ไปแจ้งความ ไม่งั้นพี่ขวัญคงจะแย่แน่ๆ"
วายุครุ่นคิด
"บางทีคนที่โทร.ไปแจ้งความอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้"
"คุณใหญ่หมายถึงคุณน้อยเหรอคะ"
วายุถอนใจ
"คนที่รู้จักกษิตดีและรู้ว่ากษิตมีธุรกิจอะไร มีแหล่งกบดานที่ไหนบ้าง ก็มีแต่น้อย"
สลิลตกใจ ฟังแล้วชักกังวล
"คุณน้อยคงไม่ใช่คนลงมือฆ่านายกษิตหรอกนะคะ"
"ฉันก็ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย"
วายหน้าเครียดปนกังวล

เวลาต่อเนื่องมา ไกรกูณฑ์เดินเข้ามาในบ้าน เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางลุกลี้ลุกลน ธราเตรียมของว่างอยู่ในครัว เหลือบไปเห็นไกรกูณฑ์เดินผ่านไปไวๆ ธราตามออกมาเรียก
"น้อย... น้อย"
ทว่าไกรกูณฑ์กลับไม่ได้ยิน เหมือนคนสติแตก วิ่งตะบึงขึ้นชั้นบนไป ธราถอนหายใจ เข้าใจว่าลูกชายยังโกรธเธอที่ห้ามไม่ให้ไปช่วยนวลขวัญอยู่เลยไม่ได้ติดใจอะไรกลับไปเข้าครัวต่อ

ไกรกูณฑ์ล้างมือล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำมือไม้สั่นด้วยความกลัว เขาล้างถูกอยู่นั่นแล้วราวกับ
จะเอาความชั่ว ความผิดออกไปจากตัวเอง ตาของเขาแดงกล่ำ แววตาสั่นระริก น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ภาพที่กษิตตายอย่างสยดสยองยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขาสติแตกพุ่งหมัดชกกระจกส่องหน้าจนแตกร้าว เลือดอาบมือ ไกรกูณฑ์เหมือนคนบ้า คลั่งอยู่ในห้องน้ำ
ธรายกถาดอาหารว่างเดินออกมาที่โถงบ้านพัก วายุโทรศัพท์เข้ามือถือมาหาธราพอดี เธอดูเบอร์โชว์แล้วถอนใจเซ็งก่อนกดรับ คุยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แม้ว่าสีหน้าจะเบื่อหน่ายและเซ็งมาก
"ว่ายังไงจ๊ะลูกใหญ่"
"น้อยอยู่บ้านรึเปล่าครับคุณท่าน"
"อยู่บนห้องนอนแน่ะ"
"น้อยออกไปข้างนอกมารึเปล่าครับ"
ธราฉุกคิด ก่อนตอบกลับไป
"เปล่านี่จ๊ะ มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ๊ะใหญ่ น้ำเสียงดูไม่ค่อยดีเลย"
" นายกษิตถูกฆ่าตายนะครับ"
ธราตกใจมาก สีหน้าไม่ดี นึกถึงท่าทางแปลกๆของไกรกูณฑ์เมื่อครู่ขึ้นมาทันที

เวลาต่อมา ธราใช้กุญแจสำรองไขประตูเข้ามาในห้องนอนลูกชาย ไกรกูณฑ์เปลี่ยนเสื้อแล้ว แต่นั่งกอดเข่าหมกตัวอยู่ที่มุมห้อง น้ำตาไหล ท่าทางหวาดผวา ทันทีที่ธราเห็นก็พอเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นน้อย"
ไกรกูณฑ์ไม่ตอบธรากวาดตาเห็นเสื้อผ้าที่เลอะเทอะเปื้อนกองทิ้งอยู่หน้าห้องน้ำ ก็ยิ่งมั่นใจ เธอโมโห เสียงสั่น จ้องคาดคั้นเอาคำตอบ
"ฝีมือน้อยใช่มั้ย น้อยฆ่าไอ้กษิตใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์พูดจาวนไปวนมาไม่ได้สติ
"ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ทำ มันล้มไปเอง ผมไม่ได้ทำ แม่ต้องช่วยผมนะ ผมไม่อยากติดคุก"
ไกรกูณฑ์ร้องไห้ฟูมฟาย เข้ามาเกาะแขนแม่ ธราโมโหจนน้ำตาไหล
"แกฆ่าคนเพื่อช่วยนังผู้หญิงนั่น ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้นะ อยู่ดีๆ หาเรื่องใส่ตัวทำไมน้อย"
ไกรกูณฑ์เสียงสั่นแบบกลัวความผิด พูดไปร้องไห้ไป
"ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษครับแม่ ผมกลัว..."
"แม่บอกแกแล้วใช่มั้ยว่า แกจะเดือดร้อนเพราะนังผู้หญิงนั่น แม่ห้ามแกแล้วใช่มั้ย"
ธราน้ำเสียงโกรธมาก ทุบตีไม่ยั้ง ที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ ไกรกูณฑ์ผลักมือของแม่ออกแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา
"โธ่โว้ย...ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แม่จะด่าผมไปถึงไหน"
ธราอึ้งไปหยุดทุบตี ทั้งโกรธ ทั้งสงสารที่เห็นลูกชายสติแตก ฟุบหน้าร้องไห้ฟูมฟาย

ธราไหวตัวทัน รีบเอาเสื้อไกรกูณฑ์มาเผาเพื่อทำลายหลักฐาน พลางกวาดตามองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาเห็น

บรรยากาศในเมืองตอนหัวค่ำ ละเวงรอฟังข่าวดีที่จะกำจัดนวลขวัญด้วยความสะใจที่ห้องพัก อุศเรนกลับเข้ามา แต่ยังช็อกไม่หายกับการตายของกษิต ละเวงรีบถามด้วยความดีเมื่อเจอหน้าน้องชาย
"ไอ้กษิตมันจัดการนังนวลขวัญเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย"
"ไอ้กษิตตายแล้ว"
ละเวงช็อก อึ้งคิดไม่ถึง ก่อนพยายามรวบรวมสติแล้วถามต่อ
"เกิดอะไรขึ้น มันตายได้ยังไง ใครเป็นคนทำ"
อุศเรนอึกอัก ไม่กล้าบอกว่าเป็นไกรกูณฑ์ เพราะรู้ว่าละเวงรักไกรกูณฑ์มาก ละเวงถามย้ำอย่างร้อนใจ "ว่าไง ไอ้กษิตมันตายได้ยังไง หรือว่าเป็นฝีมือนังนั่น"
อุศเรนตอบแบบไม่สู้ตาพี่สาว
"ผมก็ไม่รู้พี่ มันจ้างผมแค่ขับรถไปให้ ช่วยดูต้นทาง ผมเลยไม่ได้ตามเข้าไป เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ได้ยินตอนมันโทรมาจ้างงานผมเมื่อคืนแล้วนี่"
อุศเรนพูดอย่างเครียดแล้วตัดบท ปล่อยให้ละเวงถอนใจอย่างเซ็งๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา

เช้าสายวันใหม่ บรรยากาศบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต มีลูกค้าผู้ชาย 4 คนเข้ามาพัก พนักงานทุกคนตื่นเต้นดีใจ ต้อนรับกันยกใหญ่ สลิลมองแขกที่เข้ามาเช็คอิน และคนงานช่วยกันดูแลแขกอย่างขยันขันแข็ง ด้วยความปลื้มใจ ภูผายิ้มแย้มเดินเข้ามาทักหลานสาว
"อารมณ์ดีเชียวนะหว้า"
"ไม่ให้หว้าอารมณ์ดีได้ไงล่ะคะคุณลุง แขกกลุ่มแรกของรีสอร์ต หลังจากเกิดเรื่องบ้าๆ นั่น... ถึงจะแค่ 4 คนแต่ก็ได้กำลังใจเกินร้อยค่ะ"
ภูผาโอบหลานสาวเอาไว้
"ฟ้าหลังฝนมักจะแจ่มใสยังงี้ล่ะ ลุงเองก็จะจำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน ต่อไปจะไม่ประมาท ต้องเลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านไปพักใหญ่ๆ เลยล่ะ เข็ด" ภูผาพูดพูดติดตลก
สลิลยิ้มๆ คิดแล้วเสนอ
"คุณลุงคะ ไหนๆ เรื่องทุกอย่างก็คลี่คลายแล้ว เรามาจัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจพนักงานกันดีมั้ยคะ"
ภูผาพยักหน้ารับ
"ก็ดีเหมือนกันนะ ชวนหนูขวัญ นายแก้ว กับคนที่ไร่วายุกูลมาด้วย เดี๋ยวลุงโทรบอกคุณธราเอง"
"งั้นหว้าบอกพี่ขวัญเองค่ะ"

สลิลยิ้มมีความสุข

วีระกลับมาเซ็นสัญญาซื้อขายชากับนวลขวัญที่โถงบ้านพัก
"ผมต้องขอโทษคุณขวัญจริงๆ เลยนะครับสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ผมโดนคุณกษิตข่มขู่ เลยจำเป็นต้องทำแบบนั้น"
นวลขวัญยิ้มแย้ม
"ฉันเข้าใจค่ะคุณวีระ"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอกลับมาเป็นลูกค้าประจำเหมือนเดิมนะครับ"
"ด้วยความยินดีค่ะ"
ทแกล้วเดินเข้ามาในบ้าน เห็นวีระก็หาเรื่องทันที
"ยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอะ"
"แก้ว หยุดเสียมารยาทเดี๋ยวนี้นะ"
"งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะคุณขวัญ"
วีระรีบออกไปเพรากลัวทแกล้ว นวลขวัญถอนหายใจบอก
"มีเหตุผลหน่อยสิแก้ว คุณวีระเค้าเลิกสั่งของจากเราเพราะเค้าโดนนายกษิตข่มขู่ ตอนนี้เค้าก็กลับมาเป็นลูกค้าเราเหมือนเดิมแล้ว อยากเสียลูกค้ารายใหญ่รึไงเราทำธุรกิจอย่าสร้างศัตรูเป็นดีที่สุด"
"พี่ขวัญก็ยังงี้ทุกที ใจดีกับพวกคนเลวตลอดเวลา ไอ้ไกรกูณฑ์ก็อีกคน ที่มันทำทุกอย่างก็เพราะหวังไร่ของเรา พี่ขวัญจะเป็นจะตาย มันเคยมาเหลียวแลมั้ย"
นวลขวัญพูดอย่างมีนัยยะ
"บางทีเค้าก็อาจช่วยเราอยู่ โดยที่เราไม่รู้ก็ได้นะแก้ว"
"ยังจะเข้าข้างมันอีก เมื่อไหร่พี่ขวัญจะตาสว่างซะที"
ทแกล้วเซ็ง ส่ายหน้าเดินกลับเข้าไป นวลขวัญครุ่นคิดถึง มั่นใจว่าไกรกูณฑ์เป็นคนมาช่วยไว้

ไกรกูณฑ์ยังหมกตัวอยู่ในห้อง นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม สภาพจิตใจยังย่ำแย่อยู่ ปิดม่านจนห้องมืด
ธราเดินเข้ามา ส่ายหน้า ผิดหวัง ธราเดินตรงไปเปิดม่านให้แสงจ้าเข้ามา จากนั้นเดินไปที่เตียงแล้วกระชากผ้าห่มออกจากตัวลูกชาย
"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะน้อย เลิกหมกตัวอยู่แต่ในห้องซะทีเถอะ"
ไกรกูณฑ์ยังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเอามือป้องหน้าป้องตาบังแสงสว่าง เห็นแล้วธรายิ่งอารมณ์เสีย กระชากตัวลูกชายให้ลุกขึ้นมานั่ง เขาหลบตาสีหน้าอิดโรยบอบช้ำ
"ไอ้กษิตมันก็ตายไปแล้ว ทำยังไงมันก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก สิ่งที่แกต้องทำตอนนี้ ก็คือทำตัวให้เป็นปกติให้เร็วที่สุด ก่อนที่ไอ้ใหญ่มันจะสงสัย"
ไกรกูณฑ์นิ่งไม่ตอบอะไร ธราเขย่าตัวเรียกสติ
"แม่สั่งให้แกทำอะไรแกก็ต้องทำ เข้าใจมั้ยน้อย"
" ผมทำไม่ได้"
" ทำไมจะทำไม่ได้ แกอ่อนแอตั้งแต่รักอีผู้หญิงคนนั้น ความรักกำลังทำให้แกโง่เหมือนพ่อแกอีกคน"
ธราหน้า กำชับ ชี้มือออกคำสั่ง
"แกต้องทำให้ได้ เข้าใจมั้ยน้อย แกต้องออกไปเผชิญหน้ากับไอ้ใหญ่ มันถามถึงแกตลอดเวลา
จนแม่ไม่รู้จะแก้ตัวให้แกยังไงแล้ว ทำตัวแบบนี้เดี๋ยวมันจะยิ่งสงสัย เข้าใจมั้ย"
ไกรกูณฑ์น้ำตาไหลซึมออกมา แล้วล้มตัวลงบนที่นอนแบบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ธรากอดอกมองลูกชาย ถอนใจพรวดส่ายหน้าแบบหงุดหงิดมาก ที่ไกรกูณฑ์อ่อนแอ ไม่ได้ดั่งใจเลย

บริเวณระเบียงบ้านพักไร่วายุกูล ไกรกูณฑ์อาบน้ำแต่งตัวใหม่ ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ พยายามทำตัวเป็นปกติ แต่มือยังสั่นๆ ดูตื่นตระหนกแปลกๆ ธราจิบน้ำส้มไปแต่แอบจับตามองไกรกูณฑ์อยู่
"พี่ถามอะไรหน่อยสิน้อย"
ไกรกูณฑ์ชะงักกึก ธราส่งสายตาเตือน
"น้อยรู้เรื่องที่นายกษิตตายแล้วใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์สวนทันที ระเบิดอารมณ์ออกมา
"คุณใหญ่คงสะใจล่ะสิ ธุรกิจที่ผมวางแผนไว้ทุกอย่างพังพินาศหมดแล้ว"
วายุส่ายหน้า
"น้อย มันไม่ใช่อย่างที่น้อยคิดนะ"
ไกรกูณฑ์ตาแดงกล่ำ ลุกพรวด ตบโต๊ะโครม ด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
"คุณใหญ่กำลังสงสัยว่าผมเป็นคนฆ่านายกษิตอีกใช่มั้ย"
ธรารีบขัด
"ไปกันใหญ่แล้วน้อย"
ไกรกูณฑ์ตะคอกใส่ ตะเบ็งแผดเสียง น้ำตาร่วง
"ถ้าคุณใหญ่อยากให้ผมเลวนัก ก็ได้ ผมยอมรับ ผมฆ่าไอ้กษิต คุณใหญ่พอใจรึยัง ผมฆ่ามันเองกับมือ"
ธราร้อนใจมาก
"บ้าไปแล้วเหรอน้อย พูดอะไรออกมารู้ตัวมั้ย"
ไกรกูณฑ์เดินหน้าเครียดออกไปทันที วายุรู้สึกสงสารไกรกูณฑ์
ธรารีบแก้ตัวให้ไกรกูณฑ์
"อย่าถือสาที่น้องประชดเลยนะใหญ่ น้อยคงจะช็อกมากที่หุ้นส่วนคนสำคัญตาย ตอนนี้น้องคงกำลังเสียศูนย์ ก็เลยพูดจาเลอะเทอะ"
วายุรู้สึกผิดและสงสาร เดินตามไกรกูณฑ์ออกไป ธราดูร้อนอกร้อนใจมาก อยากจะเป็นลม มองตามวายุไปด้วยสีหน้าวิตกกังวล

ไกรกูณฑ์เดินเลี่ยงมาสงบสติอารมณ์ที่มุมสงบมุมหนึ่งในไร่วายุกูล เขาเหลือบมองเห็นว่าวายุเดินมา ก็ถอนหายใจเบือนหน้าตั้งท่าจะเดินหนี วายุห้ามไว้
"น้อย อย่าเพิ่งไป พี่อยากคุยกับน้อยแบบเปิดอก"
ไกรกูณฑ์สงสัยว่าวายุมาไม้ไหน
"พี่ก็ไม่รู้นะว่าสิ่งที่พี่อยากพูด จะทำให้น้อยรู้สึกดีขึ้นรึเปล่า แต่พี่ก็อยากจะพูด เราแทบไม่มีโอกาสได้คุยกันดีๆ โดยที่ไม่ต้องทะเลาะกันเลยนะน้อย"
ไกรกูณฑ์ไม่มองหน้าบอก
"คุณใหญ่ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก มีเรื่องอะไรจะด่า จะเทศนาผมก็เชิญเลย"
"พี่ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของความห่างเหินของเรา 2 คนมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พี่อยากจะบอกน้อยไว้เลยว่า พี่ไม่เคยเกลียดน้อยและพี่ก็พร้อมจะอภัยให้น้อยเสมอ"
ไกรกูณฑ์อึ้งไปไม่นึกว่าวายุจะมาไม้นวม
"ทั้งเรื่องงาน เรื่องบริษัทพี่ไม่เคยคิดจะฮุบกิจการไว้คนเดียว ถ้าน้อยลองคิดดีๆ พี่ให้โอกาสน้อยมาทำงานกับพี่ตั้งกี่ครั้ง"
"เป็นถึงน้องเจ้าของบริษัท จะให้ไปเริ่มต้นเป็นพนักงานระดับล่างได้ยังไง"
"น้อยคงไม่รู้ว่าพ่อก็ให้พี่เรียนรู้งานแบบนั้นเหมือนกัน พ่อต้องการให้พี่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทเพื่อที่จะคุมงานทุกอย่างได้ พี่ไม่อยากให้ใครว่าน้อยลับหลัง ว่าขึ้นมาได้เพราะเป็นลูกเจ้าของ โดยที่ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง"
ไกรกูณฑ์เริ่มคิดตามที่วายุพูด
"กว่าผมจะได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารอย่างคุณใหญ่ ไม่ต้องรอแก่ก่อนรึไง"
"อันนี้มันก็ขึ้นกับการพิสูจน์ตัวเองของน้อยแล้วล่ะ พี่ถึงย้ำว่าพี่ให้โอกาสน้อยมาตลอด แต่น้อยมองข้ามมันเอง"
"ก็คุณแม่"
ไกรกูณฑ์จะหลุดพูดว่าธราเสี้ยมว่า อย่ายอมทำตามวายุ แต่เปลี่ยนใจไม่พูด
"...ช่างมันเถอะ ที่คุณใหญ่จะพูดกับผมมีแค่นี้ใช่มั้ยครับ"
"อะไรที่มันผ่านไปแล้ว พี่พร้อมจะให้อภัยน้อย ถ้าน้อยสำนึกได้จริงๆ"
วายุฉายความจริงใจผ่านแววตาไปให้ ไกรกูณฑ์รับรู้ถึงความรู้สึกจริงใจของพี่ชายเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้ากับแผนการต่างๆ ของธรา แววตาไกรกูณฑ์อ่อนโยนลง
ธราเบี่ยงตัวหลบหลังต้นไม้ใหญ่ สีหน้ากังวลใจเล็กน้อยหลังจากฟังการสนทนาของสองพี่น้อง

เวลาบ่าย บริเวณสวนรีสอร์ตบ้านไร่สายน้ำ วายุช่วยขุดหลุมให้สลิลเอาต้นไม้ดอกลง แล้วคุยกันไป
"ตกลงคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุใช่คุณน้อยรึเปล่าคะ"
วายุส่ายหน้าเศร้าๆ ปนหนักใจ
"ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกได้ว่าน้อยเสียใจมาก แล้วก็ช็อกกับการตายของนายกษิตจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยเห็นน้อยมีท่าทางแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นฝีมือน้อยจริงๆ น้อยคงจะรู้สึกแย่มาก ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดี"
วายุนึกคิดเทียบกับตัวเอง
"เหมือนตอนที่คุณใหญ่เข้าใจว่า ฆ่าคุณน้อยตายใช่มั้ยคะ"
วายุพยักหน้ารับ
"กรรมคงจะตามสนองคุณน้อยแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้คุณใหญ่มั่นใจแล้วรึยังคะว่า ใครอยู่เบื้องหลังการวางแผนทำร้ายคุณใหญ่บ้าง"
สีหน้าสลิลลุ้นๆ รอฟังคำตอบ วายุหน้าเครียด พูดตัดบท
"ฉันไม่อยากสืบเรื่องนี้แล้วล่ะ น้อยคงได้บทเรียนจากการตายของกษิต ถ้าเค้าสำนึกผิด ฉันก็อยากให้โอกาสน้อง"
สลิลยิ้มชื่นชม
"คุณใหญ่เป็นพี่ชายที่น่านับถือมากเลยนะคะ ถ้าคุณน้อยรู้ว่า คุณใหญ่รักและให้อภัยเค้าได้เสมอแบบนี้ก็คงจะดี เผื่อจะคิดกลับตัวกลับใจได้มั่ง"
สลิลปลื้มใจที่วายุใจกว้าง ให้อภัยกระทั่งแม้คนที่จะฆ่าตนเอง
วายุปั้นยิ้มรับไป แต่ที่จริงก็หนักใจเพราะไกรกูณฑ์ไม่มีทางลบความเกลียดที่มีต่อเขาได้
สลิลครุ่นคิดแล้วว่า
"ถ้าไม่ใช่คุณน้อย แล้วใครเป็นคนฆ่าคุณกษิตกันแน่ ทำไมจนป่านนี้ตำรวจยังตามจับตัวไม่ได้ซะที"
วายุติดใจสงสัย
"แล้วมันเป็นไปได้เหรอ ที่วันเกิดเหตุคุณขวัญจะไม่เห็นหรือไม่ได้ยินอะไรเลย"

ทั้งคู่สบตากันต่างมีสีหน้าสงสัยเช่นกัน

เวลาเย็น ภายในไร่วายุกูล บริเวณมุมสวน นวลขวัญนั่งรออยู่ในรถ ไกรกูณฑ์รีบร้อนออกมาจากบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเห็นเขา นวลขวัญจึงค่อยลงจากรถ
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณขวัญจะมาหาผม ผมนี่ใช้ไม่ได้เลย แทนที่จะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณขวัญ"
นวลขวัญยิ้มให้ไกรกูณฑ์
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้อย ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณน้อยหน่อยค่ะ วันนั้นคุณน้อยอยู่ในที่เกิดเหตุ
ใช่มั้ยคะ"
ไกรกูณฑ์อึ้งไปเล็กน้อย
"คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
"คุณขวัญพูดอะไรกันครับ ผมจะไปช่วยคุณขวัญได้ยังไง"
นวลขวัญจ้องหน้า สีหน้าแววตาคาดคั้น
"ฉันว่าฉันเห็นคุณ"
ไกรกูณฑ์ปั้นยิ้ม ขำๆกลบเกลื่อน
"คุณขวัญสลบอยู่จะเห็นผมอยู่ที่นั่นได้ยังไงครับ"
นวลขวัญจับผิด
"คุณน้อยรู้ได้ยังไงคะ ว่าขวัญสลบอยู่"
ไกรกูณฑ์หยุดกึก อึกอักเล็กน้อย
"เอ่อ ผมได้ยินมาน่ะครับ"
นวลขวัญเห็นท่าทีไกรกูณฑ์ก็พอเดาได้ เลยพูดบอกอ้อมๆ
"ไม่ว่าคนที่ฉันเห็นจะเป็นใคร ฉันก็อยากจะขอบคุณเค้าที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปช่วยฉัน สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเค้าเป็นผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าคุณกษิต แต่สำหรับฉัน เค้าคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ขอบคุณมากนะคะ"
ไกรกูณฑ์สบตานวลขวัญ อดที่จะยิ้มดีใจออกมาไม่ได้ที่นวลขวัญคิดเช่นนั้น

บริเวณโถงบ้านพักไร่วายุกูล ธราโทรศัพท์มาโวยวายกับละเวงด้วยความหงุดหงิด
"ทำไมป่านนี้แกยังไม่จัดการนังนวลขวัญอีก"
"ละเวงก็พยายามอยู่ค่ะคุณท่าน"
ธราเริ่มยุแยงทันที
"แต่ที่แกพยายามอยู่มันยังไม่พอ ตอนนี้มันดอดมาหาน้อยถึงที่ไร่ ขืนแกอืดอาดชักช้าอย่างนี้ แกได้เสียน้อยไปแน่ ท่าทางน้อยทั้งรัก ทั้งห่วงนังนั่นมากจนน่าหมั่นไส้"

ละเวงคุยโทรศัพท์อย่างโมโหอยู่ที่ห้องพักในโรงแรม
"นี่มันกล้ามาหาคุณน้อยถึงที่ไร่เลยเหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ แกจะตัดสินใจทำอะไรก็รีบทำซะ อีกไม่นานแกได้โดนเขี่ยทิ้งแน่"
"คุณท่านต้องช่วยละเวงด้วยนะคะ ไม่มีใครจะรักคุณน้อยเท่าละเวงอีกแล้ว"
ธราเหยียดปากหมั่นไส้
"ละเวงยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณน้อย คุณท่านก็น่าจะทราบดี"
"หมอภูผาโทร.มาบอกฉัน ว่าพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่บ้านไร่สายน้ำ แกควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ฉันช่วยแนะนำได้แค่นี้ล่ะ"
ละเวงคุยโทรศัพท์สีหน้าจริงจัง
"ละเวงจะทำทุกทางเพื่อรักษาสิทธิ์เมียของคุณน้อยเอาไว้ให้ได้ค่ะ"
ละเวงสีหน้าชิงชังอยากเอาชนะนวลขวัญให้ได้ ภายในห้องพัก ประตูห้องน้ำที่แง้มๆ อยู่ อุศเรนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แอบฟังการสนทนาอยู่ อุศเรนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างมีแผนการ

ไกรกูณฑ์มานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ในคลับของโรงแรมตอนกลางคืนแก้เซ็ง อุศเรนเดินมานั่งข้างๆ
"ขอนั่งด้วยคนนะครับคุณน้อย"
"ไปให้ไกลๆ เลยไป"
อุศเรนทำหน้ากวนๆ
"ถ้าผมไม่ทำตาม คุณน้อยจะฆ่าผมเหมือนนายกษิตเหรอ"
ไกรกูณฑ์ตกใจจนพูดไม่ออก อุศเรนยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่บอกใคร"
"แกต้องการอะไร"
"เงินยี่สิบล้าน ทันทีที่ผมได้เงิน ผมจะพาพี่เวงออกไปจากชีวิตคุณน้อยทันที ทีนี้คุณก็จะได้มีความสุขกับคนที่คุณรัก แต่ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะแฉความจริงทุกอย่าง"
อุศเรนจ้องหน้าท้าทาย ไกรกูณฑ์ตั้งสติ ทำไม่แคร์
"แกคิดว่าจะมีคนเชื่อแกงั้นเหรอะ"
อุศเรนดักทาง
"เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า ถ้าคุณนวลขวัญรู้ความเลวทั้งหมดของคุณ รวมถึงแผนการฆาตกรรมพี่ชายตัวเองเพื่อฮุบสมบัตินั่นด้วย เค้าต้องเกลียดคุณมากแน่ๆ"
ไกรกูณฑ์โมโหมากจะเข้าไปกระชากคอเสื้อ แต่อุศเรนไวกว่าลุกถอยกรูดไปยืนห่างๆ ได้ทัน อุศเรนขำๆ เยาะหยัน ยกมือตะเบ๊ะกวนๆ แล้วเดินอารมณ์ดีออกไปจากคลับ ไกรกูณฑ์แค้นใจมาก

บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต ท่ามกลางบรรยากาศในงานปาร์ตี้ยามเย็น ตกแต่งสวยงาม บรรยากาศอบอุ่นดูเป็นกันเอง สลิล และภูผายิ้มแย้มยืนทักทายต้อนรับแขกในงาน สลิลเหลือบไปเห็นเรืองพร เรืองตะวัน กับวิธู เข้ามาที่งานก็แปลกใจ
ภูผากระซิบบอกสลิล
"พอดีคุณธราเธอบอกว่าอยากจะทำความรู้จักกับแม่เราเอาไว้น่ะ เลยให้ลุงเชิญมางานด้วย"
สลิลแปลกใจ
"ลุงว่าเดาไม่ยากหรอกนะว่าเพราะอะไร"
ภูผายิ้มกระเซ้าจนหลานสาวเขิน
"คุณลุงอ้ะ"
ภูผาเดินนำสลิลไปหา เรืองพร เรืองตะวันและวิธู ต่างไหว้และรับไหว้กันและกัน สลิลตามไปยกมือไหว้แม่ ขณะที่เรืองพรรับไหว้แบบขอไปที วิธูพยายามมองสลิล แต่สลิลพยายามมองไปทางอื่น เรืองตะวันเห็นก็รีบควงแขนวิธูแสดงความเป็นเจ้าของทันที
ธรากับวายุเดินตรงไปยังกลุ่มภูผา ภูผาดีใจ
"คุณธรา เชิญทางนี้ครับ"
เรืองตะวันรีบปล่อยแขนวิธูเพราะชอบใจในความหล่อและสมาร์ทของวายุ สลิลทำหน้าเบื่อหน่ายกับบรรยากาศชวนอึดอัด รีบเดินเลี่ยงออกไปเงียบๆ วายุรู้สึกได้ว่า สลิลอึดอัดไม่มีความสุข

สลิลเดินเลี่ยงมาที่มุมหนึ่งเจอทแกล้วเข้าพอดี... ทแกล้วกำลังเดินกวาดตามองหานวลขวัญอยู่ไปมา
"หาใครอยู่เหรอแก้ว"
ทแกล้วยังชะเง้ออยู่
"ก็พี่ขวัญน่ะสิ แก้วไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวกลับมาพี่ขวัญหายไปไหนก็ไม่รู้"
"อยู่ในรีสอร์ตหว้า ไม่ต้องกลัวใครมาจับตัวไปหรอก"
"เรื่องถูกจับตัวไม่กลัวหรอก กลัวแอบไปคุยกับนายไกรกูณฑ์มากกว่า"

มุมสงบในสายไร่สายน้ำรีสอร์ต ไกรกูณฑ์ยิ้มแย้มดีใจ
"ผมดีใจมากนะครับ ที่คุณขวัญยอมคุยกับผม พูดดีด้วยกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ"
นวลขวัญยิ้มบางๆ
"ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ฉันต้องไม่คุยกับคุณนี่คะ"
"ได้ยินแบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อย"
"ฉันเชื่อว่าลึกๆ แล้ว คุณน้อยเป็นคนจิตใจดี อาจจะหลงผิดไปบ้างก็เท่านั้น"
ไกรกูณฑ์รู้สึกดี
"ไม่เคยมีใครคิดกับผมแบบนี้เลยนะครับ ในสายตาทุกคน ผมคือคนไม่เอาไหน"
"คุณน้อยก็ต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นสิคะ ว่าคุณน้อยไม่ได้เป็นแบบที่เค้าคิด"
"ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ครับ จะไม่ทำให้คุณขวัญผิดหวัง"
ไกรกูณฑ์เริ่มอยากเป็นคนดีเพื่อนวลขวัญ ทั้งคู่สบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน
"ฉันหายมานานแล้ว เดี๋ยวแก้วจะตามหาขอตัวก่อนนะคะ"

นวลขวัญหลบสายตาแล้วรีบเดินเลี่ยงไป อมยิ้ม รู้สึกดีๆ ไกรกูณฑ์ ยิ้มปลาบปลื้ม นับวันยิ่งหลงรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ละเวงหลบแอบมองดูเหตุการณ์อยู่ สีหน้าแววตาเจ็บช้ำ จนน้ำตาร่วง

ไฟในวายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ท่ามกลางบรรยากาศในงาน สลิล และ วายุกำลังคุยกันอย่างสนิทสนม ในมุมใกล้ๆ กัน เรืองตะวันและวิธูยืนอยู่คู่กัน ทว่าเรืองตะวันมองวายุอย่างสนใจ เมื่อเห็นพี่สาวสนิทสนมกับวายุก็หมั่นไส้ ส่วนวิธู ลึกๆแล้วก็หึงแบบหมาหวงก้าง เรืองตะวันเห็นวิธูหึงสลิลก็ยิ่งไม่พอใจ

เรืองตะวันตั้งท่าจะเดินตรงไปหาสลิลกับวายุ
"จะทำอะไรของเธอ"
เรืองตะวันเดินกรีดกรายยิ้มแย้มเข้าไปหาทั้งคู่
"เฉยๆ เหอะน่ะ คุยอะไรกันอยู่คะเนี่ย ท่าทางสนุกเชียว ขอลูกหยีแจมด้วยคนนะคะ"
วายุยิ้มให้ตามมารยาท ส่วนสลิลรู้จุดประสงค์ของเรืองตะวันว่าจะมาป่วนก็เงียบไป
เรืองตะวันมองอ่อยวายุ
"พี่หว้านี่โชคดีจังเลยนะคะ เพิ่งอกหักมาหยกๆก็มีคนมาช่วยรักษาแผลให้แล้ว พี่หว้าน่าจะไปดูวิธูเค้าหน่อยนะคะ ทำหน้าเศร้าตั้งแต่เห็นพี่หว้าอยู่กับคุณวายุแล้ว"
"พี่จะไปดูวิธูเค้าทำไม ลูกหยีเป็นภรรยาเค้าก็น่าจะดูแลกันเอง"
เรืองตะวันเบะปากแกล้งพูดให้วายุได้ยิน
"แหม คนรักเก่ายังไงก็ตัดใจไม่ขาดหรอกค่ะ จริงมั้ยคะคุณวายุ"
วายุยิ้มๆตาหวานมองสลิลแต่บอก
"ไม่ทราบสิครับ ผมยังไม่เคยมีคนรัก"
เรืองตะวันขำๆ พูดพลางส่งตาหวาน ยิ้มหวานใส่วายุ
"ลูกหยีไม่เชื่อหรอกค่ะ ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างคุณวายุอมพระมาพูด ลูกหยีก็ไม่เชื่อว่าไม่เคยมีแฟน ลูกหยีตัดสินใจผิดแท้ๆ เลยที่รีบแต่งงานกับวิธู เหมือนที่แม่บอกไว้ไม่มีผิด พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น
สลิลอึ้งไปไม่นึกว่า เรืองตะวันจะหน้าด้านทำนิสัยแบบเดิมอีก
ทแกล้วเสียงดังนำมาก่อนตัว
"ไม่เจอกันนานเลยนะลูกหยี"
เรืองตะวันหันขวับไปมอง ทแกล้วยิ้มกวนเข้าวงสนทนามาอย่างไม่ต้องให้ใครเชิญ
"ขนาดมีสามีแล้วก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆ อีกเหรอ"
" อ้าว นี่ยังไม่ตายอีกเหรอะ ได้ข่าวว่าโดนยิงบนเขา อุตส่าห์หลงดีใจ"
ทแกล้วไม่ใส่ใจ ยิ้มกวนๆ
"ผมจะแนะนำให้คุณใหญ่รู้จักลูกหยีให้ดีขึ้นอีกหน่อยนะครับจะได้ไม่หลงผิดเหมือนบางคน"
ทแกล้วเหล่มองวิธู สายตาเยาะเย้ย วิธูมองเขม่น
"ลูกหยีเนี่ยเค้าเห็นพี่สาวเป็นไอดอลน่ะครับ ชอบทำตามทุกอย่าง พอเห็นพี่สาวมีอะไร ชอบอะไร ก็อยากได้ อยากทำตามไปซะทุกเรื่อง บางครั้งถึงขั้นแย่งของรักไปทิ้งก็มีนะครับ"
ทแกล้วหัวเราะเยาะชอบใจ วิธูและเรืองตะวันหน้าตาไม่พอใจมาก
สลิลเครียดปนเซ็ง
"พอเถอะแก้ว"
วายุยิ้มๆบอก
"เรื่องแบบนี้อยู่ที่คนครับ คนที่ฉลาดคิดไกลๆ ไม่มีใครยอมปล่อยของมีค่าหลุดมือไปง่ายๆ หรอกครับ"
สลิลสบตาวายุเล็กน้อยที่เขาช่วยพาไปจากเรื่องตรงนี้
"คุณหว้าจะไปเทคแคร์ลูกค้าไม่ใช่เหรอครับ ผมไปด้วย"
"ค่ะ"
วายุตามประกบสลิลไป ทแกล้วขำๆ เดินอารมณ์ดีไปหาอะไรกิน วิธูเหล่มองตามทแกล้วไป
เรืองตะวันมองตามวายุ สีหน้าอยากได้ อยากแย่งของดีๆ ของพี่สาวมาเป็นของตัว
ธราเดินถือแก้วเครื่องดื่มตัดผ่านมา อมยิ้มพอใจที่สถานการณ์เป็นไปตามที่ตนคิด
ธรา และไกรกูณฑ์ กำลังคุยอยู่กับเรืองพรกับเรืองตะวันที่มุมหนึ่ง
"ไหว้คุณป้าซะสิลูก นี่คุณเรืองพรแม่ของลูกหว้า ส่วนนี่ก็ลูกหยีน้องสาว"
ไกรกูณฑ์ เรืองตะวัน เรืองพร ต่างไหว้รับไหว้กัน
"นี่ตาน้อย น้องชายของวายุ น่ะค่ะ"
เรืองพรยิ้มให้
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณน้อย"
เรืองตะวันปั้นยิ้มมารยาทให้ เพราะยังอารมณ์เสียอยู่
"ป้ามีลูกชายอยู่สองคน น้อยมีภรรยาแล้ว เหลือแค่ตาใหญ่ เสียดายที่หนูลูกหยีแต่งงานแล้ว ไม่งั้นจะทาบทามให้ซะหน่อย"
ไกรกูณฑ์เหล่มองธราเล็กน้อย สีหน้าติดใจสงสัย ขณะที่เรืองพรและเรืองตะวันก็ลอบสบตากัน
เรืองพรหยั่งเชิงถาม
"แล้วลูกหว้าล่ะค่ะ เห็นดูสนิทสนมกับคุณใหญ่มากนะคะ"
"ใหญ่แกเป็นคนเชื่อฟังแม่น่ะค่ะ ถ้าแม่ไม่ชอบซะอย่าง ใหญ่ไม่กล้าขัดใจหรอกค่ะ คนหนุ่มก็ยังงี้ล่ะ ความหลงมันบังตา เห็นดินเป็นเพชรไปซะได้"
ธราmeมองไปทางเรืองตะวันแล้วยิ้มหวานให้ อีกฝ่ายอมยิ้มอย่างมองเห็นทาง
"ไว้ว่างๆ หนูลูกหยีก็ไปเที่ยวที่ไร่วายุกูลบ้างสิจ๊ะ เผื่อวันหน้าวันหลังมีเรื่องอะไรจะได้พึ่งพากันได้"
"ค่ะคุณป้า"
ไกรกูณฑ์สงสัยว่าธรามีแผนคิดจะทำอะไรอีก

ในมุมปลอดคน ไกรกูณฑ์ถามด้วยความสงสัย
"คุณแม่มีแผนจะทำอะไรกันแน่"
ธรายิ้มร้าย
"แม่ก็กำลังเตรียมหาแพะไว้ให้แกไงล่ะ"
ไกรกูณฑ์คิ้วขมวดสงสัย
"ผมไม่เข้าใจ"
"เอาไว้ถึงเวลาแล้วน้อยก็จะรู้เอง ตอนนี้น้อยเตรียมตัวทำงานใหญ่ไว้ให้พร้อมเถอะ"
ไกรกูณฑ์น้ำเสียงตัดพ้อ
"แม่อยากให้มือผมเปื้อนเลือดไปถึงไหน"
ธราอึ้งไป
"ทำไมน้อยพูดกับแม่แบบนี้ น้อยกำลังตีค่าความหวังดีของแม่ผิด"
ไกรกูณฑ์น้ำตารื้นแบบผิดหวัง
"บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ ว่าแม่รักผมจริงรึเปล่า แม่ทำเพื่อผม หรือทำเพื่อตัวเองกันแน่ แค่ผมพลาดฆ่าไอ้กษิตตาย ผมก็รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว แม่เคยใส่ใจความรู้สึกของผมบ้างมั้ย"
" แต่แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อน้อยนะลูก น้อยต้องเชื่อแม่ แล้วทำตามที่แม่บอก"
"ผมอาจจะเกลียด อาจจะแค้นไอ้ใหญ่ อิจฉาที่มันประสบความสำเร็จเกินหน้าผม ผมอยากให้มันตายๆ ไปซะ แต่หลังจากไอ้กษิตตายเพราะมือผม ผมไม่เคยนอนหลับสนิทเลยซักคืน ผมกลัวมากนะแม่ ผมไม่อยากเจอความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ผมไม่อยากฆ่าใครแล้วแม่"
ไกรกูณฑ์น้ำตาไหลซึมออกมา ธราโมโหพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ
"แกจะมาอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้นะน้อยเพราะนังนวลขวัญใช่มั้ย ที่ทำให้แกเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้"
"ผมไม่อยากพูดกับแม่แล้ว"
ไกรกูณฑ์เดินหนี ธราเดินตามไปกระชากให้ลูกหันกลับมาพูดกับเธอ วายุเดินผ่านมาทางด้านหลังของทั้งคู่ ระยะห่างนั้นเกินกว่าจะได้ยินคำสนทนาที่ทะเลาะกันอย่างแรง
ธราสะบัดมือตบหน้า แล้วเขย่าตัวไกรกูณฑ์ที่เอาแต่ร้องไห้อย่างรุนแรง ก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีเดิน ธราเดินตามไปจนพ้นสายตา วายุดูอึ้ง ใจที่เห็นธราในมุมดุดัน เกรี้ยวกราดเช่นนี้

วายุมายืนตั้งสติใช้ความคิดอยู่ที่มุมหนึ่งของรีสอร์ต สลิลเห็นวายุใจลอยอยู่ ก็เดินเข้ามาทัก
"คิดอะไรอยู่คะคุณใหญ่ หน้าเครียดเชียว"
วายุยิ้มบางๆ ก่อนพูดลอยๆ ขึ้นมา
"ปกติฉันเคยเห็นแต่ภาพคุณท่านที่อ่อนโยน ใจดี อารมณ์เย็น พูดเพราะ นึก ไม่ถึงว่าคุณท่านยังมีอีก
หลายมุมที่ฉันไม่เคยเห็น"
"คุณใหญ่เริ่มสงสัยอะไรบางอย่างแล้วใช่มั้ยคะ"
วายุหันมาสบตากับสลิล ขณะนั้นเองก็มีเสียงละเวงเมาโวยวายขึ้นมา
"คุณน้อยเป็นผัวกู ผัวกูคนเดียว"
วายุและสลิลทั้งตกใจและแปลกใจ เสียงโวยวายของละเวงยังดังต่อเนื่อง
"ผัวกูอยู่ไหน"
ทั้งคู่เดินตามเสียงไปจนเจอละเวงที่เมามายโวยวายอยู่มุมสนาม ขวดเหล้า แก้วเหล้าทิ้งอยู่ข้างๆ
ละเวงเห็นวายุและสลิลเดินเข้ามา ก็ชี้หน้าโวยวาย
"คุณน้อยทำกับละเวงแบบนี้ คอยดูนะ ละเวงจะเปิดโปงให้หมดเลย"
"เธอมาทำอะไรที่นี่"
ละเวงเมา จ้องหน้า โวยใส่
"คุณท่านสั่งให้มาน่ะสิ"
วายุและสลิลต่างสบตากัน
"คุณท่านสั่งให้เธอมาทำอะไร" วายุถาม
"ก็มาดูน้ำหน้า อีหน้าด้าน แย่งผัวกูน่ะสิ"
สลิลเถียงกลับทันควัน ไม่พอใจ
" ใครแย่งสามีเธอไม่ทราบ"
" ก็อีนวลขวัญนั่นยังไง แรดเงียบ"
สลิลโกรธแทน
"สามีเธอตะหากที่มายุ่งกับพี่ขวัญ"
ละเวงชี้หน้า
"มึงจะมารู้ดีกว่ากูได้ไงวะ"
วายุรีบห้าม
"อย่าไปถือสาคนเมาเลยหว้า รีบพาละเวงออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ เดี๋ยวไปอาละวาดในงานจะยุ่ง"
"ดีค่ะ"
ทั้งคู่เข้าไปช่วยกับล็อกจับตัวเอาไว้ ละเวงดิ้นโวยวาย
"ปล่อยกู มึงจะจับกูไปไหน กูไม่ไป"

วายุอุดปากละเวงก่อนจะโวยวายต่อแล้วช่วยกันกับสลิลลากตัวละเวงออกไป

ละเวงเมามายสลบไม่ได้สติ อยู่ที่เตียงในห้องพักหนึ่งของรีสอร์ต วายุและสลิล ยืนมองดูท่าทางเหนื่อยใจ
"หวังว่าจะหลับถึงเช้านะ"
"คุณใหญ่คงได้ยินเหมือนที่หว้าได้ยิน ละเวงมาที่นี่ตามคำสั่งคุณป้าธรา"
วายุถอนใจออกมา
"ให้หว้าเดา คุณป้าธราคงอยากให้ละเวงมาเล่นงานพี่ขวัญ ถ้าเราไม่มาเจอซะก่อน ป่านนี้อาจจะไปเมาอาละวาดกลางงานแล้ว"
วายุรับฟังหน้าเครียด ไม่ออกรับแทนธราเหมือนเคย
"เราก็คงได้แต่เดา ตอนนี้คนที่ให้คำตอบเราได้ดีที่สุดก็คือละเวง"
"ถ้าเราทำให้เธอยอมพูดได้นะคะ"
สลิลสีหน้าใช้ความคิด

ยามเช้า ละเวงสร่างเมาฟื้นขึ้นมา มองไปรอบห้องด้วยท่าทางมึนๆ งงๆ ว่าตนอยู่ที่ไหน สลิลเปิดประตูห้องเอาเสื้อผ้า เอาข้าวต้มมาให้ ละเวงตกใจปนแปลกใจถอยไปนั่งชิดผนังเตียง ยกมือขึ้นกุมหัวมึนๆ
"ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า เธอมางานเลี้ยงที่รีสอร์ตฉันเมื่อคืนทำไม"
ละเวงย้อนนึกเหตุการณ์ พอจะนึกออกแล้ว
"ทานข้าวต้มรองท้องซะหน่อยสิ"
ละเวงหิวตั้งท่าจะมากิน วายุเปิดประตูห้องพักตามเข้ามา ละเวงตกใจมาก รีบลุกหนีไปยืนมุมห้อง
"เจอหน้าฉัน ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยละเวง ทำอะไรผิดกับฉันไว้เหรอะ"
"เปล่า ฉันจะกลับ"
ละเวงจะเดินออกไปจากห้อง วายุขวางทาง
"เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน"
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณใหญ่"
"งั้นก็กินข้าวต้มซะหน่อยค่อยกลับ"
ละเวงเหล่มองไปที่ชามข้าวต้ม
"คิดจะวางยาฉันล่ะลิ ฉันไม่โง่หรอก"
สลิลยิ้มหยัน
"ฉันไม่ใช่เธอนะ ที่ชอบวางแผนฆ่าใครต่อใครไปทั่ว"
สลิลตอกหน้า จนละเวงอึ้งไป
"ความจริงฉันก็อยากวางยาเธออยู่หรอก"
ละเวงชะงักกึก หันมองวายุ สีหน้าหวาดหวั่น
วายุยิ้มเจ้าเล่ห์
"แต่ถ้าเธอตายแล้ว ฉันก็จะไม่รู้ความจริงน่ะสิ ว่านอกจากน้อยกับเธอแล้ว ยังมีใครอีกที่อยู่เบื้องหลังแผนการฆาตกรรมฉันกันแน่"
ละเวงทำเฉไฉไม่รู้เรื่อง
"คุณใหญ่พูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง"
สลิลยิ้มกวนๆ
"นี่เธอไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอ ว่ากำลังถูกหลอกใช้"
วายุแกล้งขู่
"ถ้าคนที่บงการเธอฆ่าฉันสำเร็จ เค้าจะเก็บเธอไว้ทำไม อีกไม่นาน เธอก็คงโดนสั่งเก็บเหมือนนายกษิต"
ละเวงผงะไป หน้าซีด กลัวตายเหมือนกัน
"ทางที่ดีบอกความจริงฉันมาดีกว่า ถ้าเธอยอมเล่าความจริงทั้งหมด ฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ เธอเป็นคนฉลาด ลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน"
ละเวงลังเลไปมา ก่อนจะสติแตก ผลักวายุออกไปแล้ววิ่งเตลิดหนีออกจากห้องไป สลิลจะตาม วายุยกมือห้าม มีสีหน้านิ่งขรึมใช้ความคิด

ผ่านเวลาเล็กน้อย บริเวณมุมสวยงามรีสอร์ต
"ถึงละเวงจะยังไม่ยอมพูดอะไรตอนนี้ แต่อย่างน้อยเราก็ทำให้ละเวงระแวงพวกเดียวกันเองมากขึ้น"
วายุเห็นด้วย
"ละเวงน่าจะคิดได้ ว่าอะไรมีผลดีกับตัวเองมากกว่า"
"เราอาจต้องใช้เวลา แต่หว้าเชื่อว่าอีกไม่นานละเวงก็ต้องยอมใจอ่อน หันมาเป็นพวกเรา"
สลิลยิ้มให้กำลังใจ วายุยิ้มขอบใจสลิล

ธราสีหน้านิ่งขรึม คุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ท้ายไร่ ซึ่งมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ใกล้ๆ
"ฉันเขียนเช็คเงินสดไว้ให้แกแล้ว คืนนี้มาเจอฉันที่ท้ายไร่ แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด โดยเฉพาะละเวง ฉันอยากให้จบเรื่องนี้กันแค่สองคน ไม่อยากให้ความลับรั่วไหล"
"ไม่มีปัญหา ผมจะบอกพี่เวง ว่าได้เงินมาจากบ่อน"
"ดี ขอให้รักษาสัญญาด้วย น้อยไม่เกี่ยวข้องกับการตายของกษิตแม้แต่นิดเดียว"
"ครับคุณท่าน"
" ขึ้นเงินได้ก็หายสาบสูญไปทั้งพี่ทั้งน้องเลย อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกสองคนอีก"
ธรากดตัดสายไป สีหน้าและแววตาอำมหิตเหลือบตามองไปที่บ่อน้ำบาดาลเก่า

อุศเรนตัดวางสายจากธราอย่างอารมณ์ดี ละเวงเปิดประตูกลับเข้าห้องพักมา
"หายไปไหนมาทั้งคืนพี่เวง"
ละเวงหน้าเครียด เดินมานั่งที่โซฟา
"แกอยู่ก็ดีแล้ว วันนี้คุณใหญ่มายื่นข้อเสนอให้พี่บอกความจริงทั้งหมดกับเค้า"
อุศเรนแปลกใจ ตามเข้ามาซัก
"จริงเหรอะพี่"
"แถมยังบอกอีกว่า ถ้าพี่หมดประโยชน์ พวกนั้นอาจจะฆ่าพี่ก็ได้ แกว่ายังไงเรน"
อุศเรนครุ่นคิดก่อนจะพูดเตือนละเวง
"พี่เวง ผมก็ไม่รู้ว่าควรบอกพี่รึเปล่า"
"นาทีนี้แกไม่ควรปิดบังอะไรฉันแล้ว มีอะไรจะได้ช่วยกันแก้ไขได้ทัน"
อุศเรนตัดใจพูด
"ความจริงแล้วคนที่ฆ่าคุณกษิต ก็คือคุณน้อย"
ละเวงตกใจสุดขีด
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
"ผมเห็นกับตาตัวเอง วันนั้นผมไม่กล้าบอกพี่ เพราะพี่รักคุณน้อยมาก พูดไปพี่ก็ไม่เชื่อผม"
ละเวงอึ้งไปพูดไม่ออกเลย
"ผมอยากให้พี่ระวังตัว สองแม่ลูกโรคจิตนั่นน่ากลัวกว่าที่เราคิดไว้เยอะ พี่เวงไม่ควรรับทำงานให้พวกมันตั้งแต่แรก เรากำลังทำงานให้คนบ้า"
ละเวงช็อกพูดไม่ออก ยิ่งกลัวเข้าไปอีก
"ถ้าวันนั้นเราไม่รับทำงานให้มัน วันนี้เราจะสบายแบบนี้เหรอะ"
"พี่เวง ถ้าผมหาเงินได้ซักก้อนที่จะทำให้เราอยู่สบายไปทั้งชีวิต เราหนีไปจากพวกมันกันเถอะนะ ผู้ชายที่ดีกว่าไอ้น้อยหาที่ไหนก็ได้"
ละเวงนิ่งเครียดไปอย่างใช้ความคิด อุศเรนถอนหายใจมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง
"งั้นผมไปธุระข้างนอกก่อนนะพี่ กลับมืดหน่อยนะไม่ต้องรอ"
"อือ"
"ลองเก็บเรื่องที่ผมพูดไปคิดดูนะพี่"
"แกจะไปไหนก็ไปไป๊"
อุศเรนถอนใจเดินออกไปจากห้องพัก ละเวงยกมือขึ้นกุมหัว หลับตาตั้งสติเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ โทรศัพท์มือถือของอุศเรนตกอยู่ที่ช่องเบาะขอบโซฟาพอดิบพอดี

ในเวลากลางคืน ธรามือไขว้หลังยืนรออุศเรนอยู่ท้ายไร่ ตรงบริเวณใกล้กับบ่อน้ำบาดาล อุศเรนมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครก็เดินเข้ามาหาธรา แล้วยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณท่าน รอนานมั้ยครับ"
ธรายื่นเช็คให้ อุศเรนรับเช็คมาดูยอดเงิน
"หวังว่าเช็คจะไม่เด้งนะครับ"
ธรายิ้มเหยียดจ้องหน้า
"แค่เศษเงินของฉัน รักษาสัญญาด้วยล่ะ ปิดปากให้เงียบ"
"รับรองว่าคุณท่านจะไม่ได้เจอเราสองคนพี่น้องไปอีกตลอดชีวิต"
อุศเรนจุ๊บเช็คดีใจ
"รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้ใหญ่ตื่นลงมาเจอแก เรื่องจะไม่จบ"
อุศเรนยกมือไหว้
"ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ลาก่อนครับท่าน"
ทันทีที่อุศเรนหันกลับไป ธราก็เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าที่ถือซ่อนไว้ด้านหลัง เข้าช็อตอุศเรนทันที เขากระตุกๆ จนล้มฟุบไป ธรารีบดึงเช็คกลับคืนมา ฉายแววตาอำมหิต น้ำเสียงเหี้ยม
"แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว"

ธราเอาที่ช็อตไฟฟ้าจี้อุศเรนซ้ำไปอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกัน วายุนอนไม่หลับ เดินเล่นออกมาที่หน้าบ้านพัก พลางสูดหายใจ รับอากาศ แล้วมองไปทางไร่ ปล่อยความคิด

ธราก้มหน้ามองลงไปที่บ่อน้ำบาดาล ด้วยสายตาอำมหิต และเลือดเย็น
"หลับให้สบายนะ"
ธรารีบร้อนเดินกลับไปบ้านพัก ลืมเครื่องช็อตไฟฟ้าตกไว้กับพื้น ลืมเก็บกลับมาด้วย

ธรารีบร้อนเดินกลับมาจากท้ายไร่ตรงจะเข้าบ้าน เสียงวายุเรียกนำมาก่อน
"คุณท่านครับ"
ธราสะดุ้งตกใจจนหน้าซีดที่โดนวายุเรียก เธอหันมาพยายามทำหน้าเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ธราปั้นยิ้ม พูดหวานแสนดี
"อ้าว ใหญ่ ยังไม่นอนอีกเหรอลูก"
วายุสงสัยกึ่งจับผิด
"ผมควรถามคุณท่านมากกว่า คุณท่านลงมาทำอะไรครับ"
"แม่ได้ยินเสียงแปลกๆ ก็เลยลงมาดูน่ะลูก ไม่เห็นมีอะไรเลย สงสัยจะหูแว่ว"
วายุรู้สึกไม่ไว้ใจ แกล้งถาม
"แล้วทำไมไม่เรียกผมหรือน้อยลงมาเป็นเพื่อนล่ะครับ เกิดเป็นพวกขโมยแบบคราวที่แล้วจะทำยังไง"
ธราเลิกลั่กคิดหาข้อแก้ตัว
"แม่เห็นลูกๆ เพิ่งจะเข้านอนกันก็ไม่อยากกวนน่ะ ไม่มีอะไรก็แยกย้ายกันขึ้นนอนเถอะ ดึกมากแล้ว"
ธรารีบเดินหนีเข้าบ้านอย่างร้อนตัว วายุไม่ค่อยเชื่อ เพราะธราดูมีพิรุธมาก อีกทั้งเสื้อผ้าของธราที่เขาเห็นนั้นก็เปื้อนดินเป็นทาง ดังนั้น วายุเลยเดินไปสำรวจทางท้ายไร่

ธราเดินกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าตั้งใจจะเปลี่ยนชุด แล้วฉุกคิด รีบควานมือหาเครื่องช็อตไฟฟ้าไปตามกระเป๋าของเสื้อผ้า ไม่มี เธอตกใจมาก รีบกลับออกไปจากห้องทันที

วายุเดินสำรวจมาที่ท้ายไร่ใกล้บริเวณบ่อน้ำบาดาลเก่า กวาดตามองสำรวจไปมา ก็ไม่เจออะไร
ผิดสังเกต ธรารีบร้อนเดินกลับมาท้ายไร่ ตกใจมากที่เห็นวายุอยู่บริเวณนั้นพอดี เธอรีบหลบหลังต้นไม้ ยื่นหน้าชะเง้อมองจุดที่วายุเดินไปเดินมาอยู่ เห็นเครื่องช็อตไฟฟ้า ตกอยู่ที่พื้นติดกับผนังบ่อน้ำ
วายุก็เดินป้วนเปี้ยนไปมาแถวบ่อน้ำ ไม่มีไฟฉาย และไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไรชัดเจนนัก ทั้งรอยเท้า รอยลากที่พื้น และ เครื่องช็อตไฟฟ้า ธราใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ไม่คาดคิด วายุก้าวเท้าไปเหยียบเข้ากับเครื่องช็อตไฟฟ้าพอดี ธราตาเหลือกด้วยความตกใจ ฉุกคิดหาทางแก้ไขเฉพาะหน้า เขากำลังจะก้มมองว่าตัวเองเหยียบอะไร แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของวายุดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน เบนความสนใจของวายุไปทันที
"ครับคุณท่าน"
หลังต้นไม้ ธราเป็นคนโทรศัพท์หาวายุเอง
"ใหญ่จ๊ะ ขึ้นห้องนอนมารึยัง"
"ยังครับคุณท่าน"
" งั้นแม่รบกวนหน่อยนะลูก สงสัยแม่จะลืมกุญแจรถไว้ในรถแล้วล่ะ หาเท่าไหร่ไม่เจอ ใหญ่ช่วยเอาขึ้นมาให้แม่ทีนะ"
"ได้ครับ คุณท่าน"
วายุเดินกลับออกไป ธรารีบเบี่ยงตัวหลบ
"ขอบใจมากลูก"
ธรากดตัดสายไปแล้วแอบมอง จน วายุเดินผ่านจุดที่ธราซ่อนตัวอยู่ แล้วเดินเลยกลับไปทางตัวบ้านพัก
ธราถอนใจโล่งอกแล้วก็รีบเดินตรงไปยังบริเวณบ่อน้ำ เก็บเครื่องช็อตไฟฟ้า
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง ธราตกใจ ผวาเล็กน้อย
"ว่าไงลูกใหญ่ เจอมั้ย"
"ประตูรถล็อคนะครับ"
"เหรอจ๊ะ อุ๊ยตายจริง แม่เจอแล้วใหญ่ ตกอยู่ข้างเตียงนี่เอง ขอบใจมากจ้ะใหญ่ รีบเข้านอนเถอะลูก ดึกมากแล้ว ขอบใจมากนะ กู๊ดไนท์จ้ะ"
ธรากดตัดสาย ถอนใจพรวดออกมาอย่างโล่งอก ธรารีรอจังหวะเล็กน้อยให้วายุกลับเข้าบ้านไปก่อน จนมั่นใจว่าวายุกลับขึ้นบ้านไปแล้ว ธราค่อยแอบย่องกลับเข้าโถงบ้านมา เธอกวาดตามองซ้ายขวา ก่อนจะเดินเร็วผ่านโถงแล้ว แล้วรีบเดินขึ้นบันไดกลับไปชั้นบนอย่างโล่งอก
ไม่คาดคิด วายุยืนถือแก้วน้ำดื่มค้างอยู่ทางหน้าห้องครัว มองตามธราไปด้วยสีหน้าอึ้งปนงง แปลกใจกับพฤติกรรมธราอย่างที่สุด

สายวันใหม่ ภายในห้องพัก ละเวงเดินใช้โทรศัพท์มือถือกดโทร.หาอุศเรนตลอดเวลา - - "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"
โทรศัพท์มือถือของอุศเรนตกอยู่ในซอกเบาะโซฟา จอดำ แบตหมดเครื่องปิด
"เข้าบ่อนจนสว่างคาตาอีกสิ ไอ้น้องเฮงซวย" ละเวงถอนใจส่ายหน้า
ละเวงออกไปจากห้องพัก ไปตามหาอุศเรนที่บ่อนชั้นบนโรงแรม

เวลาบ่าย ที่โถงบ้านพักไร่วายุกูล ละเวงยกมือไหว้ธรา
"สวัสดีค่ะคุณท่าน คุณน้อย"
ไกรกูณฑ์นั่งเต๊ะอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่สนใจจะมองละเวงด้วยซ้ำ
ธราหน้าบึ้งตึง
"มีธุระอะไรโทร.มาก่อนก็ได้"
"ละเวงรอคุณใหญ่ขับรถออกจากไร่ไปแล้วถึงได้เข้ามาน่ะค่ะ คุณท่านไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว"
ธราค้อนใส่
"มีอะไรก็ว่ามา"
ละเวงมองหน้าธรากับไกรกูณฑ์
"คุณท่านกับคุณน้อยได้เรียกใช้ไอ้เรนมันบ้างรึเปล่าคะ"
ธราชะงักกึกไป
ไกรกูณฑ์น้ำเสียงหงุดหงิด
"แกคิดว่าฉันยังจะกล้าใช้มันอีกเหรอะ ทำงานไม่เห็นเคยสำเร็จซักอย่าง แถมยังแว้งกัดเจ้านายอีก แกรู้มั้ยว่าน้องชายแกมันคิดจะ..."
ไกรกูณฑ์ยังพูดไม่ทันจบก็โดนธราพูดแทรก
"เงียบก่อนได้รึเปล่าน้อย"
ไกรกูณฑ์ถอนใจอย่างเซ็ง ธรารีบเบี่ยงความสนใจของละเวงมาที่ตนแทน
"ฉันกับน้อยก็ไม่ได้เรียกใช้อะไรน้องชายเธอนี่ มีอะไรเหรอ"
ละเวงหลบสายตาเล็กน้อย มีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะบอกดีไม่บอกดี ในจังหวะเดียวกับที่ธราทำตาดุใส่ไกรกูณฑ์ว่าอย่าพูดอะไรมาก ไกรกูณฑ์รับรู้ได้ว่า ธรามีอะไรปกปิดอยู่เลยนั่งเงียบไม่พูดอะไร
ละเวงตัดสินใจได้ก็พูดต่อ
"คือเรนมันบอกว่าจะไปธุระเมื่อคืน จนถึงป่านนี้มันยังไม่กลับมาเลยค่ะ ละเวงโทร.หามันไม่ได้เลย ไปตามหาในบ่อนก็ไม่มี จะไปมีเรื่องกับพวกผีพนันในบ่อนรึเปล่าก็ไม่รู้"
"ฉันไม่ได้คุยกับน้องเธอมาหลายวันแล้วนะ แล้วเค้าบอกรึเปล่าว่าออกไปทำธุระอะไรดึกๆ ดื่นๆ"
ธราเลียบเคียงถาม แล้วลุ้นรอคำตอบ ละเวงส่ายหน้า
"เปล่าค่ะ ไม่ได้บอกอะไร"
ธราอมยิ้มพอใจ แล้วแกล้งทำเป็นห่วง
"นายเรนฉลาดเป็นกรด เจ้าเล่ห์ก็ปานนั้น คงเอาตัวรอดได้อยู่หรอก เอาเป็นว่าถ้าน้องเธอเค้าติดต่อมาหาฉันกับน้อยเมื่อไหร่ ฉันจะรีบบอกให้โทร.กลับหาเธอเลยละกัน"
"ขอบคุณค่ะคุณท่าน"
ไกรกูณฑ์ช่วยเสริม
"บ่อนตลาดใหม่ เพิ่งเปิด ลองไปดูรึยัง น้องชายเธออาจจะไปสิงอยู่ที่นั่นก็ได้"
"ละเวงลองไปดูหน่อยก็ดีค่ะ ละเวงลาล่ะค่ะคุณท่าน เวงไปก่อนนะคะคุณน้อย"
"เออ"
ละเวงสีหน้าน้อยอกน้อยใจ เดินกระฟัดกระเฟียดกลับออกไป ธราแสยะยิ้มสะใจมองตามไป
ไกรกูณฑ์เหลือบตามองธรา คาดคั้น จับผิด
"แม่รู้เรื่องนี้ดีใช่มั้ยครับ"
ธราได้แต่ถอนใจออกมา

ผ่านเวลาซักครู่ ไกรกูณฑ์จับขอบบ่อน้ำบาดาลเก่า เข่าอ่อนแทบทรุด หน้าซีด มือสั่นด้วยความตกใจ
ธราแกล้งบีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ทีนี้น้อยเชื่อแม่รึยังล่ะ ว่าแม่สามารถทำทุกอย่างเพื่อน้อยได้ น้อยอย่าพูด ว่าแม่รักตัวเอง
อย่าพูดว่าแม่ไม่รักน้อยอีกนะ"
ไกรกูณฑ์สงสารแม่จับใจ เดินเข้ามาสวมกอดธราเอาไว้
" แม่อย่าร้องไห้สิครับ ผมขอโทษครับแม่ ผมจะไม่พูดทำร้ายจิตใจแม่แบบนั้นอีกแล้ว"
"แม่ยกโทษให้น้อยได้เสมอ แม่ไม่เคยโกรธน้อยเพราะแม่รักน้อยมากนะมูก"
ไกรกูณฑ์ร้องไห้กอดแม่ไว้แน่น ธราจับไหล่ไกรกูณฑ์ผละออก จ้องหน้า
"น้อยรู้อย่างนี้แล้ว น้อยต้องเชื่อฟังแม่ ร่วมมือกับแม่จัดการไอ้ใหญ่ให้ได้ เข้าใจมั้ยลูก"
ไกรกูณฑ์แววตาละห้อยเพราะไม่อยากฆ่าคน หลบสายตา ธรายกมือจับหน้าลูกให้สบตาตน
"เรามากันไกลมากนะน้อย ถอยหลังไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีไอ้ใหญ่คนเดียว ทุกอย่างก็จะจบ น้อยจะได้ทุกอย่างของพ่อ เราสองคนจะมีแต่ความสุข ไม่มีเสี้ยนหนามมาทิ่มแทงให้เราต้องเจ็บปวดอีก ทำเพื่อแม่ เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายก่อนแม่ตายได้มั้ยน้อย" ธราสีหน้าอ้อนวอน
ไกรกูณฑ์น้ำตาคลอ
"อย่าพูดยังงี้สิครับแม่ แม่ตายแล้วผมจะอยู่กับใคร"
ธรายิ้มดีใจทั้งน้ำตา
"น้อยทำเพื่อแม่ได้ใช่มั้ยลูก"
"ครับแม่"
ธราดึงไกรกูณฑ์เข้ามาสวมกอดเอาไว้ แล้วหอมแก้มซ้ายขวา

"ลูกรักของแม่ น้อยไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย"

บริเวณธารน้ำไหลที่รีสอร์ต สลิลแปลกใจปนสงสัย
"ฟังจากที่คุณใหญ่เล่า หว้าว่าคุณป้าต้องทำอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ เลยค่ะ อย่าโกรธหว้าอีกนะคะ"
"อย่าว่าแต่เธอเลยที่สงสัย คราวนี้คุณท่านดูมีพิรุธมาก เหมือนพยายามปกปิดความผิดอะไรซักอย่าง" วายุสีหน้าเครียด ใช้ความคิด
"ตอนนี้หว้าว่ามีอยู่วิธีเดียวที่จะช่วยไขความลับครั้งนี้ให้กระจ่างได้เร็วที่สุด ก่อนที่จะสายเกินแก้"
วายุมองสลิล
"วิธีอะไร"
"หว่านล้อมละเวงมาเป็นพวกให้ได้"

นวลขวัญมาจ่ายตลาด โดยมีลูกน้องผู้หญิงตามถือของให้ ไกรกูณฑ์ที่เลื่อนตัวลงต่ำหลบอยู่ในรถ...ที่แท้เขาแอบสะกดรอยตามนวลขวัญมาด้วยความคิดถึง แค่ได้เห็นก็ชื่นใจแล้ว ไม่คาดคิดนวลขวัญที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กลับโผล่มาเคาะกระจกหน้าต่างแรงๆ ไกรกูณฑ์สะดุ้งโหยง หน้าจ๋อย ค่อยๆ เปิดประตูรถออกมา

ละเวงเดินห่อเหี่ยวกลับเข้าห้องพักโรงแรมมา เธอเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกแรงๆ ไม่คาดคิดละเวงเหลือบตาเห็นโทรศัพท์มือถืออุศเรน อยู่ช่องข้างเบาะโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่า แบตเตอรี่หมด กดเปิดไม่ได้ เธอรีบวิ่งไปกวาดตามองหาสายชาร์จแบตเตอร์รี่มือถือของอุศเรน ก่อนจะเห็นว่าเสียบค้างทิ้งไว้ที่หัวเตียง
ละเวงรีบเอามือถืออุศเรนไปเสียบเข้ากับแจ็คชาร์ตไฟแล้วกดเปิดมือถือทันทีที่ไฟเข้า มือถือเปิดใช้งานได้อีกครั้ง เธอเปิดเช็คเบอร์โทร.เข้าออกล่าสุด
"ดูซิโทรติดต่อกับใครมั่ง"
ละเวงอึ้งๆ ไปเมื่อเห็นเบอร์โทร.ติดต่อครั้งสุดท้ายก่อนเครื่องดับและอุศเรนหายสาบสูญคือเบอร์
ของคุณธรา...
"คุณท่าน"
ละเวงเงยหน้าจากโทรศัพท์ฉุกคิดย้อนหลังที่ธราบอกเธอว่า
"ฉันไม่ได้คุยกับน้องเธอมาหลายวันแล้วนะ แล้วเค้าบอกรึเปล่าว่าออกไปทำธุระอะไรดึกๆ ดื่นๆ"
ละเวงสีหน้าระแวงปนกลัว แล้วพึมพำกับตัวเอง
"อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วกู"
ละเวงรีบวิ่งไปโกยเสื้อผ้าออกจากตู้เสื้อผ้าอย่างเร็ว

กลางวันต่อเนื่องมา ไกรกูณฑ์และนวลขวัญเดินคุยกันในเมือง เขามีสีหน้าลำบากใจ
"คุณขวัญเคยมั้ยครับ ที่ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับความกตัญญู"
นวลขวัญสงสัย
"คุณน้อยถามอย่างนี้ทำไมคะ"
"คุณขวัญตอบก่อน ว่าจะเลือกอะไร"
นวลขวัญครุ่นคิด
"ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนความคิดของเค้าค่ะ"
ไกรกูณฑ์สีหน้างงๆ
"ถ้าสิ่งที่คนๆ นั้นทำคือสิ่งที่ผิด วิธีที่เราจะช่วยเค้าได้ก็คือโน้มน้าวให้เค้ามาทำในสิ่งถูกต้องแทน ถ้าเราทดแทน บุญคุณด้วยการส่งเสริมให้เค้าทำผิดต่อไป อย่างนั้นไม่เรียกว่ากตัญญูหรอกค่ะ"
ไกรกูณฑ์อึ้งไปกับคำตอบของนวลขวัญ
"คุณน้อยมีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็บอกได้นะคะ"
ไกรกูณฑ์ส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มบางๆ ให้
"คำตอบของคุณขวัญถือว่าช่วยผมได้มากแล้วล่ะครับ"
ไกรกูณฑ์ถอนหายใจแล้วเหม่อมองไปไกลๆ ด้วยความคิดที่ว่าจะทำยังไงถึงจะเปลี่ยนความคิดของ
ธราได้ นวลขวัญรู้สึกว่าไกรกูณฑ์จะต้องมีปัญหาทุกข์ใจอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
เสียงละเวงดังขัดขึ้นอย่างไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
"นึกว่าสามีฉันหายไปไหน"
ทุกคนตกใจหันไปมองละเวงที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกระเป๋าสัมภาระ ไกรกูณฑ์หน้าถอดสี ส่วนนวลขวัญอึ้งๆ ไป ละเวงจงใจเดินตรงมาเกาะแขนไกรกูณฑ์ ขณะที่เขาพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ละเวงก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ นวลขวัญอยู่ในอาการช็อกพูดอะไรไม่ออก
ละเวงมองนวลขวัญหัวจรดเท้า
"เธอน่ะเหรอะ เจ้าของไร่ขวัญแก้วที่ชอบมายุ่งกับสามีชาวบ้าน"
ไกรกูณฑ์หันไปดุละเวง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะละเวง"
นวลขวัญน้ำเสียงโกรธ หน้านิ่ง
"ไม่ต้องห้ามคุณละเวงหรอกค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณอีกที่ฉันยังไม่รู้"
ละเวงแกล้งยั่วไกรกูณฑ์ให้ยิ่งโกรธ
"ตายแล้วคุณน้อย ไม่ได้บอกเธอเหรอว่ามีภรรยาแล้ว น่าสงสารจริงๆ แม่สาวน้อยไร่ชา ฉันกับคุณน้อยเป็นสามีภรรยากัน คุณท่านก็รับรู้มาตลอด"
นวลขวัญน้ำเสียงนิ่งๆบอกละเวง
"ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ฉันไม่ทราบมาก่อนว่า คุณไกรกูณฑ์มีภรรยาอยู่แล้ว ต่อไปคุณก็สบาย ใจได้ ฉันจะไม่ติดต่อกับสามีของคุณอีกแน่นอนค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ"
นวลขวัญเดินลิ่วๆ ไม่หันมามองไกรกูณฑ์แม้แต่น้อย
"คุณขวัญ"

ไกรกูณฑ์จะตามไป ละเวงแกล้งล็อกแขนเอาไว้ สีหน้าสะใจ เขาโกรธ สะบัดแขนละเวงอย่างแรง แล้ววิ่งตามนวลขวัญไป ละเวงยิ้มสะใจที่ได้เอาคืนไกรกูณฑ์บ้าง

ไฟในวายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)

นวลขวัญ เสียใจรู้สึกผิดหวังที่ให้ความรู้สึกดีๆ กับไกรกูณฑ์ไปแต่กลับถูกหลอก ทแกล้วเดินออกมาจากครัว นวลขวัญไม่พูดอะไรสักคำวิ่งขึ้นบ้านไป ไกรกูณฑ์วิ่งตามมา

"คุณขวัญครับ"
ไกรกูณฑ์ชะงักเมื่อเห็นทแกล้วยืนอยู่กลางบ้าน
ทแกล้วจ้องหน้า
"แกทำอะไรพี่ขวัญ"
"เรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย คุณขวัญ"
ทแกล้วกระชากคอเสื้อของไกรกูณฑ์ไว้
"ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้"
ไกรกูณฑ์ไม่สนใจทแกล้ว ตะโกนบอกนวลขวัญต่อ
"คุณขวัญฟังผมอธิบายก่อน"
ทแกล้วออกแรงผลักไกรกูณฑ์จนกระเด็นลงไปนั่งที่โซฟา แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักตู้โชว์ หยิบปืนออกมาจ่อเล็งใส่ไกรกูณฑ์ พร้อมตะคอก
"กลับไป วันนี้ฉันยอมติดคุก"
ไกรกูณฑ์ถอนหายใจแบบหงุดหงิด ยอมเดินกลับออกจากบ้านไป ทแกล้วรีบขึ้นไปบนบ้านด้วยความเป็นห่วงนวลขวัญ

ผ่านเวลาซักครู่ ไกรกูณฑ์ลงจากรถหัวเสีย ธราเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาหา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"น้อยไปหานังนั่นมาอีกแล้วใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์เดินเลี่ยงเข้าบ้าน แต่ธราตามไปกระชากแขนไว้
"น้อยลืมที่คุยกับแม่ไปแล้วเหรอ ลืมคำขอร้องของแม่จนหมดสิ้นแล้วใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์ตั้งสติ แทนที่จะเกรี้ยวกราดใส่แต่กลับมีท่าทีอ่อนโยน จับมือทั้งสองข้าง มองแม่ตาละห้อย
"แม่ครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องแม่"
ธราดูอึ้งๆ ปนงง
"ผมมาคิดดูแล้ว จริงๆ คุณใหญ่เค้าก็ไม่เคยหาเรื่องหรือทำอะไรให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ เค้าก็ดูแลเราดีอย่างที่คุณพ่อสั่งเสียไว้ทุกอย่าง มีแต่เราสองคนนี่ล่ะ ที่คอยก่อเรื่องต่างๆ ขึ้นมาเพราะความอิจฉา ไม่อยากเห็นเค้าได้ดีไปกว่าเรา"
ธราจ้องหน้าลูกชายมราเนื้อตัวสั่น น้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมาด้วยความโกรธ ไกรกูณฑ์ พยายามพูดหว่านล้อม
"ผมอยากให้แม่หยุด ปล่อยให้คุณใหญ่เค้าได้ทุกอย่างไปตามที่คุณพ่อเขียนพินัยกรรมเอาไว้เถอะครับ ที่เรามีอยู่ก็ใช้ไปจนตายไม่หมดแล้ว"
"แกบ้าไปแล้วเหรอะน้อย... ผู้หญิงคนนั้นมันยัดเยียดความคิดโง่ๆ แบบนี้ใส่หัวแกมาใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์น้ำตาคลอเสียใจที่ธราไม่เปลี่ยนใจ
"แต่ผมไม่อยากให้แม่ฆ่าใครอีกแล้วนะครับ"
"ไม่ต้องมาทำเป็นสำนึกผิดตอนนี้เลยนะน้อย แกฆ่าไอ้กษิต ทำให้แม่ต้องลงมือฆ่าปิดปากไอ้เรน ตอนนี้มือของเราสองคนเปื้อนเลือดหมดแล้ว เราถลำลึกเกินกว่าจะถอยกลับได้แล้วนะน้อย จะมากลับตัวกลับใจเป็นคนดีตอนนี้ก็มีแต่ติดคุก แต่ถ้าเราเดินหน้าตามแผนต่อไป เรามีสิทธิ์รอด ได้กลับไปมั่งศรีสุขเหมือนเดิม ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะไม่มีตัวมารมาคอยขัดแข้งขัดขาเราอีกแล้ว"
ธราแววตาอาฆาตเกลียดชัง ไกรกูณฑ์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่น้ำตาไหลออกมาแล้วเดินเข้าบ้าน ธราชะงักไปเล็กน้อย นิ่งไปอย่างใช้ความคิดบางอย่าง

ละเวงเปิดประตูห้องพักใหม่เข้ามา เป็นห้องพักแคบๆ เล็กๆ พอซุกหัวนอน เธอทรุดตัวนั่งลงที่เตียง ยกมือขึ้นกุมหัว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ละเวงกดตัดสายปิดเครื่องไปทันที ที่เห็นหน้าจอขึ้นชื่อ ธรา
ละเวงพึมพำ แววตามุ่งมั่น
"พี่ต้องล้างแค้นให้แกให้ได้"

ธรากำโทรศัพท์มือถือแน่น สีหน้าไม่พอใจ เดินออกมาด้านหน้าบ้านพักขึ้นรถไป
"กล้าดียังไงตัดสายฉันทิ้ง"

วายุขับรถของรีสอร์ตพาสลิลมาหาละเวง แต่เห็นรถธราจอดอยู่แล้ว
"รถคุณท่านนี่ คุณท่านมาทำอะไร"
"อาจจะมาหาคนๆ เดียวกับเราก็ได้ค่ะ"
วายุหันสบตากับสลิล
"คุณใหญ่เอารถไปจอดที่อื่นดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหว้าเข้าไปสืบให้เอง"
วายุพยักหน้ารับ..สลิลลงไปจากรถก่อนที่วายุจะขับไปหาที่จอดรถไกลๆ จากรถธรา

สลิลเดินเข้าโรงแรมสวนกับธราเดินออกมาพอดี ต่างตกใจทั้งคู่ สลิลยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
ธราปั้นยิ้ม รับไหว้
"คุณป้ามาทำอะไรคะเนี่ย"
" นัดกับเพื่อนน่ะจ้ะ หนูหว้าล่ะ มาทำอะไรจ๊ะ"
สลิลปั้นยิ้มปกติ
"นัดเพื่อนไว้เหมือนกันค่ะ"
" เหรอจ๊ะ งั้นตามสบายเลยจ้ะ ป้าจะกลับแล้วล่ะ"
สลิลยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะ"
ธราปั้นยิ้มรับไหว้ก่อนจะเดินกลับออกไป สีหน้านิ่งๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างในใจ สลิลรีบเดินเข้าโรงแรมไป

สลิลกลับมารายงานวายุที่ยืนรอฟังข่าวอยู่หน้ารถ
"ละเวงย้ายออกไปแล้วค่ะ ค้างค่าห้องพักด้วย แต่คุณป้ายอมจ่ายให้หมด"
"คุณท่านมาพบละเวงจริงๆ"
วายุถอนใจออกมา
"ไม่รู้ละเวงหนีไปไหนนะคะ"
"เราต้องรีบตามหาละเวงให้เจอก่อนจะสายเกินแก้"
สลิลพยักหน้ารับเห็นด้วย

ธราเดินนำไกรกูณฑ์ออกมาที่หน้าระเบียงบ้านพักตอนหัวค่ำ
"แม่จะให้ละเวงกลับมาพักที่นี่ไม่ได้นะครับ"
"ทำไมจะไม่ได้ น้อยมีเหตุผลอะไร"
ไกรกูณฑ์อึกอักไม่อยากพูดว่ากลัวนวลขวัญจะโกรธเขาหนักขึ้นอีก
"แม่สังหรณ์ ว่านังละเวงจะเริ่มแข็งข้อกับเรา ตอนนี้มันย้ายที่พักไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แม่โทรไปหามันก็ไม่ยอมรับสายแม่ ตัดสายทิ้งแล้วไม่โทรกลับด้วย ตอนนี้มีละเวงคนเดียวที่รู้ตื้นลึกหนาบางของเราทั้งหมด มันควรอยู่กับเราจะปลอดภัยที่สุด แม่ไม่ไว้ใจมัน"
"มาอยู่กับเราจะสร้างปัญหามากขึ้นกว่าเดิมรึเปล่า"
"อาจจะใช่ แต่เราก็ยังจับตาดูความเคลื่อนไหวมันได้ ดีกว่าไกลหูไกลตา... วันนี้แม่เจอนังลูกหว้าไปที่โรงแรม แม่ไม่รู้ว่ามันจะไปหานังละเวงเหมือนแม่รึเปล่า"
"แม่คิดมากเกินไป"
"ก็ดีกว่าคิดน้อยอย่างแก นังนั่นมันพวกไอ้ใหญ่ ฉลาดเป็นกรด มันเข้ามายุ่งทีไร เราเดือดร้อนทุกที"
ไกรกูณฑ์ไม่พอใจแต่ก็ต้องจำยอม
"งั้นก็ตามใจแม่เถอะครับ"
"ถ้านังละเวงมันคิดจะหักหลังแม่เหมือนที่น้องชายมันทำกับน้อย มันก็เตรียมตัวไปอยู่ในบ่อกับน้องมันได้เลย"

ธราสีหน้าแววตาโหดเหี้ยม ไกรกูณฑ์ชำเลืองมองหน้าแม่ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

หัวค่ำต่อเนื่อง ภายในห้องพัก ละเวงนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ปลายเตียง สีหน้าครุ่นคิดที่สลิลกับวายุกล่อม
"นี่เธอไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอ ว่ากำลังถูกหลอกใช้ " สลิลว่า
"ถ้าคนที่บงการเธอฆ่าฉันสำเร็จ เค้าจะเก็บเธอไว้ทำไม อีกไม่นาน เธอก็คงโดนสั่งเก็บเหมือนนายกษิต"
ละเวงลุกขึ้นจากเตียง บีบมือตัวเอง เดินไปมาอย่างกังวลใจ
" ทางที่ดีบอกความจริงฉันมาดีกว่า ถ้าเธอยอมเล่าความจริงทั้งหมด ฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ เธอเป็นคนฉลาด ลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน"
ละเวงหยุดเดินอย่างใช้ความคิด ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

ธราเคาะประตูห้องนอนวายุ
"แม่เองใหญ่"
วายุเปิดประตูห้องนอนออกมา
"นอนรึยังลูก"
"ยังหรอกครับ"

"แม่มีเรื่องอยากปรึกษาใหญ่หน่อย"
"ได้เลยครับคุณท่าน"
วายุเดินออกมาจากห้องนอน
"คือช่วงนี้น้อยไม่ค่อยสบาย แม่เลยอยากให้ละเวงกลับมาดูแลน้อย ใหญ่จะว่าอะไรมั้ย"
วายุฉุกคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้ธรา
"ก็ไม่เป็นไรนี่ครับคุณท่าน"
" แน่ใจนะใหญ่ ไม่ใช่ละเวงมา แล้วใหญ่จะไปเล่นงานเด็กมันอีกนะ"
"เรื่องอะไรที่มันจบไปแล้ว ผมก็จะพยายามลืมครับ"
ธรายิ้มแย้ม
"ใหญ่คิดแบบนี้ แม่ก็สบายใจ งั้นใหญ่ช่วยเป็นธุระติดต่อละเวงให้แม่หน่อยแล้วกัน แม่พยายามติดต่อละเวงหลายครั้งแล้ว แต่เค้าตัดสายทิ้งตลอด ไม่รู้โกรธอะไรแม่"
"ผมจะติดต่อละเวงให้เองครับ"
ธรายิ้มแย้มพอใจ จับแขนวายุบีบเบาๆ
"ขอบใจมากลูก"
ไกรกูณฑ์แอบฟังการสนทนาอยู่ที่มุมบ้าน แปลกใจและสงสัยว่าทำไมวายุถึงเห็นด้วยง่ายดายแบบนี้

บรรยากาศบ้านไร่สายน้ำตอนสาย สลิลเดินคุยกับขาบมาตามทางเดินไปล็อบบี้
"ใครเหรอคะลุง มาหาหว้าแต่เช้าเลย"
"ผมก็คุ้นๆ หน้าอยู่นะครับคุณหว้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ถามชื่อก็ไม่ยอมบอกครับ" ขาบบอก
สลิลเดินนำไปที่ล็อบบี้ ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้หญิงที่มานั่งรออยู่คือละเวง
สลิลเรียกอย่างดีใจ
"ละเวง"
ละเวงหน้านิ่งๆ สลิลรีบเข้าไปหา
"เธอยอมร่วมมือกับเราแล้วใช่มั้ย"
"ขอให้เข้าใจให้ถูกซะด้วย ฉันไม่ได้มาเพื่อช่วยเธอ แต่ฉันมาเพื่อล้างแค้นให้น้องชายฉันตะหาก ฉันถึงได้ยอมตัดสินใจร่วมมือกับเธอ"
สลิลดีใจมาก
"เธอตัดสินใจถูกแล้วล่ะ คุณใหญ่รู้ต้องดีใจแน่ๆ"
เสียงวายุดังนำมาก่อนปรากฏตัว
"ฉันดีใจที่เจอเธอที่นี่"
ทุกคนหันมองทางวายุ
"คุณท่านให้ฉันติดต่อเธอ ให้ตามตัวกลับไปอยู่ที่ไร่ช่วยดูแลน้อย"
ละเวงและสลิลหันไปสบตากันเล็กน้อย

ผ่านเวลาเล็กน้อย วายุกับสลิลยืนคุยกันที่มุมหนึ่งของรีสอร์ต
"คุณท่านคงกลัวละเวงจะหักหลังเลยพยายามดึงตัวให้กลับมาอยู่ในสายตา" วายุบอก
"แสดงว่าละเวงรู้ความลับทั้งหมดจริงๆ"
วายนิ่งไป มองหน้าสลิล
"ถ้าไม่ได้เธอคอยพูดหว่านล้อมต่างๆ นาๆ ฉันคงคิดไม่ถึง"
วายุไม่อยากพูดต่อ ได้แต่ถอนใจ
"หว้าว่าคุณใหญ่ไม่กล้าคิดมากกว่าค่ะ"
วายุชะงักจ้องหน้าสลิล
"นอกจากไม่กล้าแล้วยังไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริงด้วย เพราะทำใจไม่ได้"
วายุอึ้ง
"เธอจะรู้จักฉันมากเกินไปแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว"
วายุจะเดินจะกลับไป
"ระวังตัวให้มากๆ นะคะคุณใหญ่"
วายุหยุดกึกหันมามองหน้าสลิลเห็นแววตาห่วงใยมาก ทั้งคู่ต่างสัมผัสถึงความห่วงใยของกันและกันได้
วายุพยายามหนีความรู้สึกตัวเอง ไม่อยากเปิดใจ รีบเดินกลับไปทันที ขาสะดุดรากไม้เล็กน้อย สลิลหลุดขำออกมา รีบยกมือขึ้นปิดปาก วายุรีบเดินเร็วขึ้นกลับไปอย่างอายๆ

วายุพาละเวงมาส่งที่ไร่วายุกูล...ละเวงถือกระเป๋าสัมภาระติดตัวมาด้วย ธราและไกรกูณฑ์ออกมาต้อนรับ..ไกรกูณฑ์สีหน้าเขม่นๆ ไม่พอใจ ส่วนธรายิ้มหวานพูดจาต้อนรับขับสู้อย่างดี ละเวงยกมือไหว้ธรา
"ขอบใจมากนะละเวงที่ยอมลืมความโกรธเคือง กลับมาช่วยฉันดูแลตาน้อย"
"ละเวงเห็นกับคุณท่านหรอกค่ะ"
ละเวงทิ้งค้อนไกรกูณฑ์ ธราแอบแขวะอยู่ในที
"แหม...เห็นกับฉัน แต่ฉันโทรไปหาตัดสายทิ้งตลอดเลย จนฉันต้องไหว้วานใหญ่ไปตามตัว กลับมาให้" ธราแอบมีสายตาแข็งๆไม่พอใจซ่อนอยู่ ละเวงไม่สู้ตาเล็กน้อย
"ก็ละเวงกำลังโกรธนี่คะ ไม่พร้อมจะคุย กลัวพูดจาไม่ดีใส่คุณท่าน"
ไกรกูณฑ์จ้องละเวงเขม็งยังเจ็บใจเรื่องไปแฉว่าเป็นเมียกับนวลขวัญที่ตลาดไม่หาย
"เอาเถอะครับ ไหนๆ ละเวงก็ยอมมาแล้ว ถือว่าแล้วกันไปเถอะครับ เอาของไปเก็บห้องพักเถอะ" วายุบอก
"ค่ะคุณใหญ่"
ละเวงเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ไกรกูณฑ์จับตามองตาม

ละเวงเดินเข้าห้องพักมา ยังไม่ทันได้ปิดประตูห้อง...ไกรกูณฑ์ก็ตามเข้ามาทันที เธอตกใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็เจอไกรกูณฑ์จับตัวเหวี่ยงคว่ำไปที่เตียง
"คุณน้อยทำละเวงทำไม"
"ยังมีหน้ามาถามอีก แกกล้าดียังไงไปแฉเรื่องฉันกับแกให้คุณขวัญฟัง"
"คุณน้อยทำรุนแรงกับละเวงเพราะแคร์มันมากใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์บีบแขนละเวง
"ใช่ ไม่เห็นต้องถามเลย ฉันเตือนเธอแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งเรื่องของฉันกับคุณขวัญ"
ละเวงกวนหน้าตาย
"ละเวงไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย ก็แค่บอกความจริงว่า ละเวงเป็นเมียคุณน้อยก็เท่านั้นเอง"
ไกรกูณฑ์โกรธมาก บีบแขนสองข้าง เขย่าตัวพร้อมตะคอกใส่
"เธอไม่ใช่เมียฉัน คุณแม่จ้างเธอมาเป็นเมียฉันแค่บังหน้า ตามแผน แต่เธอก็ทำงานไม่สำเร็จ จนฉันกับคุณแม่ต้องลงมือกันเอง เธอยังจะมีหน้ามาเรียกร้องสิทธิ์อะไรอีก"
ละเวงน้ำตาท่วมตา
"แต่ละเวงก็เป็นเมียคุณน้อยจริงๆ ละเวงรักคุณน้อย คุณน้อยจะทิ้งละเวงไปหานังนั่นไม่ได้นะคะ ละเวงรักคุณน้อย "
ละเวงร้องไห้ฟูมฟายพลางสวมกอด ไกรกูณฑ์ขยะแขยง ผลักละเวงสุดแรง
ละเวงล้มกระแทกไปที่เตียง
"เลิกเพ้อเจ้อซะทีเถอะ สารรูปอย่างแก คิดว่าฉันจะยกขึ้นเป็นเมียลงเหรอะ แกมีอะไรส่งเสริมฉันได้บ้าง หน้าตารูปร่างอย่างแก ฉันหาซื้อบริการเอาที่ไหนก็ได้"
"คุณน้อย"
ละเวงตรงเข้าทุบตีไกรกูณฑ์ทั้งน้ำตา ธรารีบตามเข้ามาในห้อง
"อะไรกัน แยกกันเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ไกรกูณฑ์ผลักละเวงออกไปแล้วมายืนหลังธรา
"น้อยกลับไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องตัวเองเลยไป ... เธอก็ให้มันน้อยๆ หน่อย อยากสบายก็ต้องอดทน
ได้เงินใช้ทุกเดือนก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ฉันขอแนะนำให้เธอเจียมตัวแล้วก็สงบปากสงบคำไว้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง"

ธราข่มขู่ก่อนเดินออกไปจากห้อง ละเวงเกลียดชัง อาฆาตแค้น จิกตามองตาม รอเวลาเอาคืน

ธราเดินถอนใจส่ายหน้ามาหาวายุที่สวน วายุทำหน้าตายถาม
"เสียงทะเลาะอะไรกันเหรอครับ"
"ก็ความเอาแต่ใจตัวเองของตาน้อยนั่นล่ะ เจอผู้หญิงใหม่ก็จะโละคนเก่า"
วายุรับฟังสีหน้านิ่ง เก็บข้อมูลและจับตาดูธรา
"แม่ต้องขอบใจใหญ่มากนะที่ยอมให้ละเวงกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน"
"ผมก็แค่อยากให้ละเวงกลับมาช่วยคุณท่านดูแลน้อย แต่ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดนะครับ"
"ผัวเมียตีกันเดี๋ยวก็ดีกัน ปล่อยเค้าเถอะ"
ธราแกล้งทำสีหน้าไม่สบายใจ ถอนหายใจยาว
"จริงๆ ที่แม่ขอให้ละเวงกลับเข้ามาในบ้านเพราะเรื่องอื่นมากกว่า" ธราพูดต่อ
วายุปั้นหน้าแปลกใจให้เนียน
"อะไรเหรอครับ"
ธราสีหน้าจริงจัง มองหน้าวายุ
"แม่สังเกตว่าตั้งแต่ละเวงออกจากบ้านไป ใหญ่โดนลอบทำร้ายถี่ขึ้น แม่สงสัยว่า ละเวงจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับใหญ่"
วายุนิ่งไปอย่างรับฟัง ทำเป็นคิดตามเห็นด้วย
"แม่เลยอยากให้ละเวงกลับมาอยู่ใกล้ๆ ตัว จะได้เห็นความเคลื่อนไหว แม่จะได้เป็นหูเป็นตาระวังแทนใหญ่ได้อีกแรง"
วายุปั้นหน้าซึ้งใจ
"ขอบคุณครับคุณท่านที่เป็นห่วงความปลอดภัยของผม"
"ชีวิตแม่ก็เหลือลูกอยู่แค่สองคน ไม่รักไม่ห่วงลูก แล้วแม่จะไปรักใครห่วงใครล่ะ จริงมั้ย"
วายุปั้นยิ้มปลื้มๆ ธราดึงวายุเข้ามาสวมกอดเอาไว้ ธรายิ้มเหยียด วายุนิ่งไม่ได้เคลิ้มหลงเหมือนแต่ก่อน

บ้านพักไร่วายุกูลตอนหัวค่ำ บริเวณโถงบ้านเห็นธรานั่งดูทีวี วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะกลางตรงหน้า
ละเวงนั่งซ่อมกระดุมเสื้อที่ขาดอยู่ใกล้ๆ ธรา
วายุเดินผ่านเข้ามาพร้อมคุยโทรศัพท์มือถือเรื่องงานอยู่
"แล้วทางโน้นเค้าติดขัดอะไรอีก" วายุนิ่งฟังปลายสาย
โทรศัพท์มือถือของธรามีเสียงข้อความเข้า ธราทำหน้าแปลกใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู สีหน้าตกใจเมื่อพบว่าข้อความที่ส่งมา จาก “อุศเรน” ตามที่บันทึกเบอร์ไว้ ธราผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งอ่านข้อความ
“คุณท่านฆ่าผมทำไม”
ธราหน้าถอดสีกำโทรศัพท์ในมือแน่น วายุก็คุยโทรศัพท์กับเลขาอยู่ ละเวงเย็บกระดุมเสื้ออยู่ ละเวงสังเกตได้ว่า ถูกธรามองอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย
"คุณท่านมีอะไรรึเปล่าคะ"
ธราที่ตกใจกลัว แต่พยายามปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด ตอบเสียงสั่น
"เปล่า ไม่มีอะไร"
เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกรอบ ธราสะดุ้งเฮือก ข้อความใหม่ว่า “ผมจับตาดูคุณท่านอยู่ตลอดเวลา” ธรารีบกดลบข้อความทิ้งมือไม้สั่น
"คุณท่านเป็นอะไรรึเปล่าคะ หน้าซีดจังเลย" ละเวงถาม
ธรารีบลุกขึ้นยืนจะเดินขึ้นชั้นบน
"ฉันขึ้นนอนดีกว่า"
วายุเหลือบตามองตามธราขึ้นไป ก่อนพูดเบาๆกลับไป
"คุณท่านน่าจะได้รับข้อความแล้วล่ะหว้า"
ที่แท้วายุคุยสายกับสลิลแต่ฟอร์มเป็นคุยกับเลขา วายุและละเวงสบตากันแบบมีเลศนัย

ธรากดโทรศัพท์เพื่อติดต่ออุศเรนที่ทางเดินชั้นบนบ้าน
"ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก"
ธรากดตัดสายแล้วก็พยายามโทร.อีกหลายรอบ จนโทร.ยังไงก็โทรไม่ติด
" ใครมันคิดจะลองดีกับฉัน"

ผ่านเวลาเล็กน้อย ธรารีบมาปรึกษากับลูกชายในห้องนอนไกรกูณฑ์
"แม่แน่ใจนะครับ ว่าไม่ใช่ฝีมือพวกมันสามคน"
ธราหน้าเครียด
"ไอ้ใหญ่มันคุยมือถือกับเลขา ส่วนนังละเวงนั่งเย็บกระดุมเสื้อให้แม่อยู่ ไม่มีทางที่พวกมันจะกดโทรศัพท์โดยที่แม่ไม่เห็น"
"แล้วแฟนมันล่ะครับ"
"เข้าข่ายน่าสงสัยที่สุด"
"แม่มั่นใจแน่นะครับว่าไอ้เรนมันตายแล้วจริงๆ"
ธราชะงักไป ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าอุศเรนตายจริงรึเปล่า

ธรากับไกรกูณฑ์แอบมาที่บ่อน้ำท้ายไร่กลางดึก ไกรกูณฑ์ส่องไฟฉายมองลงไปที่บ่อน้ำทั้งลึกและมืด
"บ่อลึกขนาดนี้ต่อให้ไม่ตาย ก็ปีนขึ้นมาไม่ไหวหรอกครับ"
"เห็นมั้ยล่ะ แม่ลงมือเองกับมือ ถ้าเป็นคนอื่นทำแม่ก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันล่ะ"
"แสดงว่าข้อความที่ส่งมาหาแม่ ก็ต้องเป็นแผนการของพวกมันสามคนแน่ๆ"
ธราพยักหน้าเห็นด้วย
"ต่อไปจะทำอะไรเราต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม พวกมันจับตาดูเราอยู่"
"ครับแม่"
"รีบกลับเข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวใครจะตื่นมาเห็นเข้า"
สองแม่ลูกพากันเดินกลับไป วายุดักมองดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ด้วยสีหน้าหดหู่ ก่อนจะรีบชิ่งกลับเข้าบ้านไปก่อน

ในเวลากลางคืน สลิล สีหน้าไม่สบายใจนัก กำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับวายุอยู่ในห้องนอน
"ถ้าคุณป้าไม่ได้ฆ่าน้องชายของละเวงทำไมต้องย้อนกลับไปที่บ่อน้ำท้ายไร่ด้วยล่ะคะคุณใหญ่ วิธีที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ รื้อบ่อดูว่ามีศพอยู่จริงรึเปล่า"
วายุทรุดตัวลงนั่งที่เตียง เครียดและเงียบไปเลย
"คุณใหญ่ฟังหว้าอยู่รึเปล่าคะ"
วายุยังนิ่งไปอย่างใช้ความคิด
"คุณใหญ่คะ"
วายุค่อยได้สติ คุยมือถือต่อ
"ว่าไงนะ"
"หว้ารู้ว่าคุณใหญ่ทำใจลำบาก แต่มันก็คือความจริงนะคะ แล้วคุณใหญ่จะทำยังไงต่อคะ"
วายุน้ำตารื้นๆ
"ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน บางทีฉันอาจจะอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้คุณท่านฆ่าฉันให้ตายไปเลยก็ได้ การตายของฉัน มันคงทำให้คุณท่านมีความสุขมากขึ้น"
"คุณใหญ่ อย่าพูดแบบนี้สิคะ ยังมีทางแก้ไขอื่นอีกตั้งเยอะแยะ เราช่วยๆ กันคิดก็ยังมีเวลานะคะ"
สลิลน้ำตาคลอตามขึ้นมา
"ขอบใจเธอมากที่อยู่ข้างฉันมาตลอด แค่นี้ก่อนนะ"
วายุกดตัดสายไป แล้วยกมือขึ้นปิดหน้ากุมหัว สีหน้าเครียดๆ สลิลลดโทรศัพท์มือถือลง สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยวายุมาก

ธราเข้ามารื้อหาโทรศัพท์ของละเวงตามตู้ ตามลิ้นชักอย่างร้อนใจ ละเวงเปิดประตูเข้ามา ตกใจที่เจอธราต่างชะงักไปนิดนึง
"คุณท่านหาอะไรอยู่เหรอคะ"
ธราสะดุ้งเล็กน้อย ทำหน้าเป็นปกติรีบแก้ตัว
"เปล่าหรอก ฉันก็แค่มาดูความเรียบร้อย เออ แล้วนี่เธอตามหาตัวเจ้าเรนเจอรึยัง"
ละเวงเสียงเย็น ปรับอารมณ์ให้นิ่งที่สุด
"ยังค่ะคุณท่าน โทร.ไปก็ยังปิดเครื่องอยู่ค่ะ"
"แต่นี่น้องเธอหายตัวไปตั้งหลายวันแล้วนะ ทำไมเธอยังใจเย็นอยู่ได้ ฉันว่าน่าจะแจ้งตำรวจได้แล้วนะ"
"คุณท่านแน่ใจเหรอคะ ว่าจะให้ละเวงแจ้งตำรวจจริงๆ"
"เธอหมายความว่ายังไง"
"ละเวงกลัวว่าถ้าเรื่องถึงตำรวจ สาวไปสาวมาจะถึงเรื่องคุณท่านวางแผนฆ่าคุณใหญ่น่ะสิคะ"
ธราอึ้งไปไม่นึกว่าละเวงจะมาไม้นี้
"ขอบใจเธอนะที่เป็นห่วงเรื่องนี้แทนฉัน... แต่จะว่าไปบางทีน้องเธอมันอาจจะทำอะไรผิด หรืออาจจะรวยจากบ่อนแล้วแอบหนีไปใช้เงินคนเดียวก็ได้" ธรายิ้มหยันอยู่ในที
"ไม่หรอกค่ะคุณท่าน ละเวงรู้จักนิสัยของน้องตัวเองดีกว่าใคร ถึงเรนมันจะดูไม่ได้เรื่องได้ราว แต่มันก็รักพี่ของมันไม่ทิ้งพี่มันไปไหนหรอกค่ะ ยกเว้นแต่... มันจะโดนใครเก็บไปแล้ว"
ธราจ้องแบบสู้ตา
"ก็ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย เธอจะให้ฉันช่วยอะไรก็บอกแล้วกันนะ"

ธราพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งละเวงที่จ้องมองด้วยสายตาอาฆาตลับหลังว่า จะต้องจัดการเอาคืนธราให้ได้

สลิลเดินลงมาที่โถงบ้านพักกำลังจะออกไปที่รีสอร์ต โทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น สลิลดูเบอร์โชว์แล้วกดรับสาย

"มีอะไรเหรอละเวงโทรมาแต่เช้าเลย"
"ยัยป้าโรคจิตมันแอบมารื้อของในห้องฉัน คงจะมาหาโทรศัพท์ของเรนมันแน่ๆ"
"แสดงว่าแผนการปั่นหัวป้าธราสำเร็จด้วยดี ตอนนี้ก็เหลือแค่หาหลักฐาน ตำรวจก็จะสาวถึงเรื่องน้องชายเธอได้แน่นอน เธอต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะละเวง"
" ขอบใจเธอมาก ฉันโทร.มาบอกแค่นี้ล่ะ"
สลิลกดตัดสายยิ้มพอใจก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภูผายืนหน้านิ่งกอดอกมองดูอยู่
สลิลยิ้มใจดีสู้เสือ
"จ๊อกกิ้งเสร็จแล้วเหรอคะ"
ภูผาสงสัย
"เมื่อกี้เราคุยโทรศัพท์กับใคร"
สลิลตกใจที่ลุงได้ยิน รีบแถ
"เพื่อนน่ะค่ะ คุณลุงมีอะไรรึ เปล่าคะ"
ภูผาพยายามมองแบบจับผิด
"แล้วเพื่อนเรารู้จักคุณธราด้วยเหรอ"
สลิลสะอึกไป ตัดสินใจถาม
"คุณลุงคะ ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว หว้าก็มีเรื่องอยากจะถามคุณลุงค่ะ คุณลุงว่าคุณลุงรู้จักคุณป้าธราดีแค่ไหนคะ"
ภูผาสงสัยว่าสลิลต้องการจะสื่อถึงอะไร
"ลุงก็รู้จักมานานแล้วล่ะ หว้าเข้าประเด็นเลยดีกว่าว่าจะถามอะไรลุง"
สลิลถอนหายใจเครียด
"ถ้าวันนึงคุณป้าที่คุณลุงรู้จักมานานแล้วก็รู้สึกดีๆ ด้วย ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คุณลุงคิด คุณลุงจะรู้สึกยังไงคะ"
"ทำไมหว้าถามลุงแบบนี้ล่ะ"
"หว้าแค่อยากฝากคำถามไว้ให้คุณลุงคิด ตอนนี้หว้าพูดได้แค่นี้ล่ะค่ะ รอให้หว้าแน่ใจกว่านี้ก่อน เมื่อถึงเวลานั้นคุณลุงก็ต้องเตรียมตัวทำใจให้ได้นะคะ"
สลิลรู้สึกได้ว่า ภูผารักธรามาก กลัวว่าถ้าความจริงเปิดเผย ภูผาอาจจะเป็นอีกหนึ่งคนที่รับไม่ได้ ภูผามองตามหลานสาวไปด้วยสีหน้างงๆ ปนสงสัย

ละเวงกำลังบริการเติมน้ำเปล่าให้วายุ ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้ากันที่โต๊ะสนาม
"ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบ"
ธราและไกรกูณฑ์หยุดทาน เหลือบตามองวายุ
"ผมจะปรับสภาพแวดล้อมไร่วายุกูลใหม่"
ธรากับไกรกูณฑ์หน้าถอดสี แอบสบตากัน ละเวงแอบจับพิรุธทั้งคู่ ขณะที่วายุไม่แสดงอาการใดๆ
"จะทำไปทำไมล่ะใหญ่ สิ้นเปลืองเปล่าๆ เดี๋ยวเราก็จะกลับกันแล้ว"
วายุยิ้มแย้ม แอบแขวะเล็กๆ
"ผมเห็นว่าคุณท่านกับน้อยชอบที่นี่กันมาก ดูติดใจไม่ยอมกลับซะที ผมจะกลับคนเดียวก็เป็นห่วงคุณท่าน ไหนๆ ก็ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ทำซะเลยก็ดี ผมจะได้คุมให้งานออกมาได้อย่างใจด้วย"
ธราและไกรกูณฑ์นิ่งสนิทคิดหาทางคัดค้าน
" ก็ดีจ้ะใหญ่ ไร่เราตั้งกว้างขวาง น่าจะพัฒนาทำประโยชน์อะไรได้มั่ง แล้วใหญ่จะทำตรงไหนบ้างล่ะ"
วายุยกมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะทำท่านึก ขณะที่ธรากับไกรกูณฑ์แอบสบตากันลุ้น
"อย่างแรกก็น่าจะรื้อบ่อน้ำบาดาลท้ายไร่ทิ้งซะ"
ธราตกใจ เผลอขัดขึ้นมาทันที
"ไม่ได้นะใหญ่"
ธราได้สติรีบปั้นหน้าปกติ วายุตีหน้าซื่อทำเป็นสงสัย
"ทำไมไม่ได้ล่ะครับคุณท่าน"
ไกรกูณฑ์หน้าเสียไม่รู้จะช่วยธราแถยังไง ละเวงแอบยิ้มสะใจ
"อย่าหาว่าแม่งมงายเลยนะใหญ่ แม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยน่ะ ของอย่างนี้จะว่าไม่จริงก็ไม่ได้นะ บ่อน้ำนี่เรื่องใหญ่นะลูก จะรื้อจะทุบอะไรต้องให้ซินแสเก่งๆ มาช่วยดู ให้ก่อน"
ไกรกูณฑ์รีบเสริม
"จริงครับคุณใหญ่ เรารื้อสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวจะมีคนเจ็บคนตาย เรื่องสัญญาบริษัทก็มีอุปสรรคชอบกล ผมว่าอย่าเพิ่งขยับทำอะไรเลย"
วายุเงียบไปอย่างใช้ความคิด ขณะที่ธรากับไกรกูณฑ์ลุ้นๆ ว่าวายุจะตัดสินใจยังไง วายุถอนหายใจออกมา
"แต่ผมไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยซะด้วยสิครับ เอาเป็นว่า ผมขอโทษคุณท่านด้วยนะครับที่ต้องขัดใจ"
ธราอึ้งไปไม่นึกว่าวายุจะกล้าขัดใจตนได้
"บางทีรื้อบ่อน้ำบาดาลเก่าแล้ว ฮวงจุ้ยไร่เราอาจจะดีขึ้นก็ได้ ใครจะรู้"
ธราฝืนยิ้มให้ แต่น้ำเสียงประชดๆ
"เมื่อใหญ่อยากทำ แม่จะขัดใจอะไรได้ล่ะ แม่ไม่ใช่เจ้าของไร่นี้นี่"
ธราปั้นหน้าน้อยใจตามลูกไม้เก่า เผื่อวายุจะเปลี่ยนใจ
"ขอบคุณครับคุณท่านที่เข้าใจ ผมขอตัวไปคุยกับคนงานเลยแล้วกัน"
วายุลุกออกไปจากโต๊ะกาแฟ
ไกรกูณฑ์ร้อนใจปนกลัว
"ทำไงดีครับแม่"
ละเวงสาระแนหน้าตาย
"คุณใหญ่เค้าอยากรื้อบ่อน้ำก็รื้อไปสิคะ ละเวงไม่เห็นคุณท่านจะต้องเดือดร้อนอะไรเลย"
ธราตวาดใส่ทันที
"ใครใช้ให้แกออกความเห็น ไปไหนก็ไปเลยไป"
ละเวงแกล้งจ๋อย
"ค่ะคุณท่าน"
ละเวงแกล้งทำหน้าจ๋อยเดินเลี่ยงออกมา แต่พอคล้อยหลังก็ทำสีหน้าอาฆาตแค้นแววตาแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด ธราถอนใจหน้าเคร่งเครียดอย่างใช้ความคิด
"แต่จะว่าไปแม่ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวไปเลยนี่ครับ ต่อให้ขุดศพขึ้นมาได้ ก็ไม่รู้ว่าแม่เป็นคนฆ่ามัน"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็วางใจอะไรไม่ได้ "
"แล้วแม่จะทำยังไงล่ะครับ"
ธราหน้าเหี้ยม
"เราต้องรีบจัดการไอ้ใหญ่ให้เร็วที่สุด"
ไกรกูณฑ์กลืนน้ำลายลงคอว่า ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจอีกแล้ว

สลิลกำลังดูคิวจองห้องพักกับทิพวัลย์ที่เคาน์เตอร์ ในบริเวณล็อบบี้รีสอร์ตบ้านไร่สายน้ำ
"ยอดคนจองห้องพักเกือบดีเหมือนเดิมแล้วนะคะคุณทิพย์"
ทิพวัลย์ยิ้มชื่นชม
"ต้องยกความดีความชอบให้คุณหว้าที่สู้ไม่ถอยนี่แหละค่ะ"
"ก็พวกเราสู้ด้วยกันทุกคนล่ะค่ะ หว้าคนเดียวคงทำไม่ได้ถ้าทุกคนถอยกันหมด"
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
โทรศัพท์มือถือสลิลดังขัดขึ้น สลิลดูเบอร์โชว์หน้าขรึมลง
"หว้าขอตัวรับโทรศัพท์เดี๋ยวนะคะ"
"ตามสบายค่ะ"

สลิลเดินเลี่ยงออกไปกดรับโทรศัพท์มือถือ

ไฟในวายุ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ละเวงเดินมองซ้ายมองขวา สำรวจว่าไม่มีใครตามตนมาแถวนั้นแน่ๆ จึงคุยมือถืออย่างกระซิบกระซาบ"คุณท่านเรียกฉันเข้าไปพบที่ห้อง น่าจะเรียกไปฟังแผนการเล่นงานคุณใหญ่ เธอจะให้ฉันทำยังไงบ้าง" ละเวงฟังสลิลอย่าง คิดตาม
 
"ได้ ได้... ตกลงตามนั้น ตอนนี้ คุณท่านรอให้คุณใหญ่ออกจากบ้านอยู่ เธอช่วยจัดการเรื่องนี้หน่อยสิ"
"เดี๋ยวฉันโทรตามคุณใหญ่ออกมาให้ เธอก็ระวังตัวด้วยนะละเวง" สลิลบอก
"แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวคุณท่านจะสงสัย"
ละเวงรีบกดวางสาย มองซ้ายมองขวาเก็บโทรศัพท์แล้วรีบเดินจ้ำกลับเข้าบ้านไป

ผ่านเวลาซักครู่ ธรากับละเวงยืนอยู่ใกล้ๆ กันที่บ่อน้ำบาดาลเก่า ละเวงมองไปรอบๆ ด้วยความคิดที่ว่าสถานที่นี้คือที่ที่น้องชายต้องตาย
"คุณท่านจะเป็นคนลงมือเองเลยเหรอคะ"
ธราหน้านิ่งไม่รู้สึกผิดอะไร
"ใช่ ฉันเลิกหวังพึ่งน้อยมานานแล้ว ไม่ได้ดั่งใจซักเรื่อง" ธราพูดพลางถอนใจส่ายหน้า
ละเวงสะกดความแค้นไว้
"แล้วคุณท่านจะให้ละเวงทำอะไรบ้างล่ะคะ"
"เธอก็แค่ดูต้นทางเอาไว้ อย่าให้ใครมาเห็นก็พอ"
ละเวงแกล้งทำเป็นอึกอัก
"แล้วคุณท่านจะลงมือฆ่าคุณใหญ่ยังไงคะ ไหนจะเรื่องศพอีก"
ธราล้วงเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาถือ
"ฉันก็ใช้เครื่องนี้จัดการมันน่ะสิ"
ละเวงจงใจถามให้พูด
"นี่มันเครื่องอะไรเหรอคะ"
ธราตวาดใส่
"เซ่อ เครื่องช็อตไฟฟ้าน่ะสิ ไม่เคยเห็นรึไง"
" ไม่เคยค่ะ...ช็อตแล้วไงต่อคะ"
"พอมันหมดสติฉันก็ลากมันทิ้งลงไปในบ่อก็เท่านั้นแหละ"
ละเวงกำมือแน่นจิกเล็บกับฝ่ามือจนเป็นรอยด้วยความแค้นว่า น้องชายเธอก็คงตายด้วยวิธีนี้เช่นกัน
ละเวงจ้องธราด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อขณะที่พยายามสะกดอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุด ละเวงแกล้งทำเป็นเสนอความเห็น
"หลังจากนั้นเราจ้างคนมาถมบ่อซะเพราะเป็นความต้องการของคุณใหญ่อยู่แล้ว คนงานเป็นพยานรู้เห็นให้เราได้ เท่านี้ก็ไม่มีใครหาศพเจอแล้วใช่มั้ยคะคุณท่าน"
ธราหันมายิ้มให้กับความคิดของละเวง
"ฉันเลือกใช้คนไม่ผิดจริงๆ"
"แล้วเราจะลงมือกันเมื่อไรดีคะ"
"วันนี้เลย ทันทีที่ไอ้ใหญ่มันกลับมาถึงบ้านก็จะเป็นเวลาตายของมัน"
ละเวงไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้
"ค่ะ คุณท่าน"
"เดี๋ยวฉันต้องหาทางหลอกให้ตาน้อยออกจากบ้านไปก่อน ขืนอยู่จะทำเสียแผนอีก"
ธราเดินนำละเวงไป โดยละเวงค่อยๆ เดินตามแบบทิ้งระยะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมหยิบโทรศัพท์มือถือที่แอบอัดเสียงไว้ออกมาดู
ละเวงกดหยุดการบันทึกเสียง อมยิ้มอย่างสะใจที่จะจัดการธราได้ซะที ก่อนจะรีบเดินตามกลับไปไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต

ละเวงหงุดหงิด พึมพำออกมาอย่างหัวเสีย ง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือในห้องพัก
"อะไรของมันวะ"
ละเวงตัดสินใจโทรออกหาสลิลทันที
ละเวงรีบพูดไปอย่างละล่ำละลักทันทีที่สลิลรับสาย
"ฉันได้คลิปเสียงมาแล้ว แต่ฉันส่งให้เธอไม่ได้ จะทำยังไงดี คุณท่านจะลงมือฆ่าคุณใหญ่วันนี้แล้วนะ"
" วันนี้เลยเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันรีบไปรับเธอออกมา"
" ฉันออกไปหาเธอเองดีกว่า ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยยังไงบอกไม่ถูก แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะเก็บของใช้จำเป็นติดตัวไปด้วยเลย" ละเวงรีบกดวางสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วรีบไปเก็บของใช้จำเป็นเล็กน้อย

วายุกับสลิลยืนคุยกันอยู่สีหน้าเครียดๆ
"ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าที่ละเวงพูดทั้งหมดจะเป็นความจริง เราจะโดนซ้อนแผนรึเปล่า"
"ถึงขั้นนี้แล้วนะคะคุณใหญ่"
"ถ้าฉันไม่ได้ยินคลิปเสียงนั่นกับหู ฉันก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอก"
ภูผาเดินตรงมาหาทั้งคู่พอดี สลิลสะกิดแขนวายุเป็นการเตือน ทั้งคู่หันไปปั้นยิ้มให้
"เดี๋ยวลุงจะไปหาคุณธราสักหน่อย คุณธราอยู่บ้านใช่มั้ยคุณใหญ่"
"อยู่ครับคุณลุง คุณลุงไปเยี่ยมคุณท่านก็ดีนะครับ คุณท่านจะได้มีเพื่อนคุย"
ภูผามองหน้าหลานสาว
"แล้วนี่มีเรื่องอะไรรึเปล่า คุยกันหน้าตาเคร่งเครียดเชียว"
สลิลรีบตัดบท ทำตลกฉีกยิ้มกว้างหน้าเป็น แก้สถานการณ์ไปก่อน
"เครียดที่ไหนคะคุณลุง"
ภูผายิ้มๆกระเซ้า
"โอเค เรื่องคนรักทะเลาะกันลุงไม่ยุ่งก็ได้"
" คุณลุง จะไปไหนก็รีบไปเลย"
สลิลดันภูผาไปตามทางเดินเรื่อยๆแก้เขินให้ตัวเองไปด้วย วายุมองยิ้มตามสลิล ก่อนจะหน้าขรึมลงกลายเป็นเครียดกับปัญหา

ละเวงรีบร้อนเปิดประตูห้องออกมาถือถุงใส่ของใบย่อมติดมือมาด้วย ทันทีที่เปิดประตูห้องพักก็ต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เมื่อเห็นธรายืนอยู่หน้าห้อง
ธราพุ่งตรงมาตบหน้าละเวงอย่างแรงจนละเวงล้มลงไปนั่งกับพื้น ธราจ้องหน้าราวกับจะกินเนื้อ ชี้หน้าด่าละเวง
"ฉันว่าแล้วว่าแกจะต้องหักหลังฉัน อีงูพิษ สมควรตายทั้งพี่ทั้งน้อง คราวนี้ล่ะแกจะได้ไปอยู่ กับน้องแก เป็นผีเฝ้าไร่ทั้งพี่ทั้งน้องเลย"
ละเวงยกมือขึ้นกุมหน้าแบบเจ็บๆ จ้องกลับด้วยความแค้น
"กูรู้แล้วว่ามึงฆ่าน้องกู ที่กูยอมร่วมมือกับมึงก็เพราะกูต้องการหาหลักฐานมาจับมึงสองคนแม่ลูกเข้าคุกให้ได้"
ธราตาเบิกโพลงไม่นึกว่า ละเวงจะกล้าเถียงหยาบคาบ
"แกกล้าดียังไง มาขึ้นมึงขึ้นกูกับฉัน"
ธราพูดพร้อมตรงเข้าไปจะตบละเวงอีก ละเวงชักมีดที่ซ่อนอยู่ออกมา
"ถ้าอยากตายนักก็เข้ามา อย่านึกว่าแกฉลาดอยู่คนเดียว อีแก่โรคประสาท แกมันคนบ้า อีฆาตกรโรคจิต"
ธราขบกรามแน่นด้วยความเกลียดชัง ละเวงกระชับมีดอย่างระวัง
"แต่แกไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันไม่ฆ่าแกง่ายๆ หรอก แต่ฉันจะเปิดโปงให้ทุกคนรู้ถึงความเลวของแกกับไอ้น้อยลูกแหง่ของแก ฉันอยากเห็นแกสองคนแม่ลูกติดคุกไปจนตาย"
ละเวงขำเยาะสมน้ำหน้า ธราเริ่มน้ำตาคลอแล้วแกล้งร้องไห้ เป็นวรรคเป็นเวร นั่งคุกเข่าลงกับพื้น ยกมือไหว้
"ละเวง เธอจะแจ้งตำรวจมาจับฉันก็ทำเถอะ แต่เธออย่าให้น้อยต้องติดคุกเลยนะ ฉันขอร้องล่ะ เธอรักน้อยไม่ใช่เหรอ"
ละเวงอึ้งไปไม่นึกว่าธราจะมาไม้นี้
"แกไม่ต้องมาเล่นละครตบตาฉัน"
ธราพล่ามทั้งน้ำตาต่อไป
"เธอก็รู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ฉัน ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อน้อย ถ้าต้องมีใครสักคนที่ต้องรับกรรม ก็ให้คนๆ นั้นเป็นฉันคนเดียวเถอะนะ ละเวง ฉันกราบล่ะ"
ธราก้มลงกราบเท้า ละเวงมองอย่างแปลกใจ
ขณะที่ธราก้มตัวลงกราบเท้าละเวง ก็ล้วงมือไปหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้ามาถือไว้แล้วจี้เข้าไปที่เท้า
ของละเวง จนอีกฝ่ายร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บปวด
ละเวงตัวกระตุกเสียจังหวะไป ธราเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ใส่ซ้ำที่กลางลำตัว จนละเวงปล่อยมีดหลุดมือ ล้มลงไปกับพื้น
"คิดจะลองดีกับคนอย่างฉันเหรอนังละเวง"
ธราย่างสามขุมเข้าหา ละเวงพยายามจะขยับตัวหนีแต่ทำไม่ได้ ธราย่อตัวลงนั่งข้างๆ แล้วใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ลงบนตัวของละเวงอีก จนละเวงนอนสลบแน่นิ่งไป

ธรายิ้มเย็นๆ มองดูละเวงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยแล้วค้นหาโทรศัพท์มือถือของละเวง ก่อนจะหยิบมาเก็บไว้กับตัว ก่อนจะตัดสินใจลากขาละเวงกลับเข้าไปในห้องด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับการกระทำของตนเลย

ในเวลาต่อเนื่องมา ภูผาขับรถยิ้มอารมณ์ดีมาตามถนนมุ่งตรงไปยังไร่วายุกูล

ละเวงนอนสลบอยู่ที่บนพื้นห้องน้ำ เธอขยับเปลือกตาเหมือนพยายามจะลืมตาขึ้นมา นิ้วมือเริ่มขยับเกร็ง เหมือนพยายามจะเรียกกำลังของตนกลับคืนมา

รถคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าบ้านพักไร่วายุกูล

ธรายืนใช้ความคิดอยู่ไปมาหน้าห้องพักละเวง ลังเลว่าจะจัดการกับศพละเวงยังไงดี เมื่อเธอนึกแผนการออก ก็ตัดสินใจจะรีบเดินออกไปเอาอุปกรณ์ที่ต้องการ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากในห้องน้ำในห้องพักละเวง ธรามีสีหน้าตกใจรีบเดินกลับเข้าไปในห้องทันที

ธราเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา แต่ไม่พบละเวง เพราะละเวงแอบอยู่อีกมุมห้อง ท่าทางไม่มีแรง ยืนแทบทรงตัวไม่อยู่ ธราลื่นล้มไปกับพื้นห้องน้ำเพราะครีมอาบน้ำที่ละเวงราดทิ้งเป็นกับดักเอาไว้ ละเวงรีบพยุงตัวหนี ธรายันตัวลุกขึ้น โกรธแค้นมาก
"แกจะหนีไปไหน"
ธรารีบตามละเวงออกไปทันที

ภูผาเดินมาหยุดที่หน้าตัวบ้านพัก
"คุณธราครับ คุณธรา"
ภูผายืนอยู่สักครู่ก็แปลกใจที่ทั้งบ้านเงียบกริบ ไม่เห็นใคร

ละเวงพยายามประคองร่างกายออกไปจากห้องพัก แต่ธราไวกว่า ตามมากระชากผมจิกแล้วเหวี่ยงจนละเวงล้มไปกับพื้น
"อีทรยศ แกหนีฉันไม่พ้นหรอก"
ละเวงเหลือบตาเห็นมีดที่หลุดมือจากการต่อสู้อยู่ใต้เตียงก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบมีดอย่างไม่ให้มีพิรุธ
ธราเดินตาขวางพร้อมหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมา
“ตายยากตายเย็นนักนะ”
ละเวงจ้องธราด้วยสายตาแบบกินเลือดกินเนื้อ เกลียดชัง แล้วทำฟอร์มเป็นถอยหนี
“แกหนีฉันไม่พ้นหรอกนังละเวง”
ธราหัวเราะร่วน ตั้งท่าจะทิ่มเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่ละเวงกำมีดแน่นตั้งท่าจะแทงสวน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ไกรกูณฑ์วิ่งพรวดเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตกใจปนห่วง ละเวงเสียจังหวะหันมองไกรกูณฑ์ ธราตั้งหลักได้ใช้มือหนึ่งปัดมีดออกพร้อมกับอีกมือทิ่มเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่กลางลำตัวละเวง ไกรกูณฑ์ ตกใจมาก
“ พอแล้วแม่”
ธราแย่งมีดจากมือละเวงมาได้ ตั้งท่าเงื้อจะแทง ไกรกูณฑ์เข่าอ่อน ต้องหาที่ยึดพยุงตัวหันมองไปทางอื่น ทนดูไม่ได้

ภูผาเดินกลับมาขึ้นรถที่จอดต่อท้ายรถของไกรกูณฑ์...จริงๆแล้วรถที่มาจอดก่อนคันแรก
ก็คือรถของไกรกูณฑ์นั่นเอง ภูผาเดินขึ้นรถไปพร้อมปิดประตู

ผ่านเวลามา สลิลเดินหน้าเครียดวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่ที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต วายุนั่งหน้าเครียดไม่แพ้กันชะเง้อมองไปทางหน้ารีสอร์ต เธอยกนาฬิกาข้อมือตัวเองขึ้นมาดู ด้วยท่าทางร้อนใจ
"หว้าว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับละเวงแน่ๆ เลยค่ะคุณใหญ่ ระยะทางแค่นี้ ทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีกก็ไม่รู้"
"หรือว่าละเวงจะทนไม่ไหวร้อนใจเอาหลักฐานไปส่งให้ตำรวจเอง" วายุบอก
สลิลส่ายหน้า
"เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ละเวงไม่กล้าเผชิญหน้ากับตำรวจหรอกค่ะ ยังไงเธอก็น่าจะตกอยู่ในข่ายสมรู้ร่วมคิดกับคุณป้า หว้ากลัวว่าละเวงจะเป็นอะไรมากกว่า"
"งั้นเราลองไปดูที่ไร่กันดีกว่า"
สลิลพยักหน้ารับแล้วรีบเดินตามวายุออกไป

ผ่านเวลาซักครู่ ไกรกูณฑ์และธราช่วยกันเอากระสอบใส่ศพละเวงทิ้งลงบ่อน้ำบาดาลท้ายไร่ ทั้งคู่เหนื่อยหอบต่างเช็ดเหงื่อบนหน้า
"ถ้าไอ้เรนมันไม่คิดจะข่มขู่น้อย นังละเวงมันไม่คิดจะหักหลังแม่ก็จะมีแค่ศพไอ้ใหญ่คนเดียวเท่านั้น" ธราแววตาอำมหิตพูดหอบ ไกรกูณฑ์ชำเลืองมองหน้าแม่อย่างไม่สบายใจ ที่ธราถลำลึกจนฉุดไม่อยู่แล้ว
"รีบไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นสภาพของเราสองคนแบบนี้จะเป็นเรื่อง"
ธราพูดจบก็รีบเดินนำกลับไป ไกรกูณฑ์หันกลับไปมองที่บ่อน้ำด้วยสีหน้ากังวลๆ

ผ่านเวลาเล็กน้อย ไกรกูณฑ์กับธราในสภาพเหงื่อโทรมกายรีบร้อนเดินกลับเข้าบ้านมา ทั้งคู่ต้องชะงักด้วยความตกใจเมื่อเจอวายุกับสลิลนั่งรออยู่ที่โถงบ้านแล้ว ไกรกูณฑ์มีพิรุธมาก ส่วนธราพยายามปรับตัวเป็นปกติได้อย่างเนียน สลิลยกมือไหว้ ธรารับไหว้ปั้นยิ้มแย้ม
"อ้าว มากันตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะเนี่ย"
"เพิ่งมาถึงนี่ล่ะครับ คุณท่านไปทำอะไรมาครับ"
วายุถามเมื่อเห็นสภาพเนื้อตัวของธรา ไกรกูณฑ์กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
ธรายิ้มขำๆ
"ก็ตาน้อยน่ะสิ นึกสนุกอะไรไม่รู้มาชวนแม่ทำแปลงดอกไม้ บอกจะได้ออกกำลังกาย หาเรื่องให้คนแก่เหนื่อยแท้ๆ เลย"
ธราหันมองลูกชาย ยิ้มๆส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ไกรกูณฑ์ฝืนยิ้มแหยๆไป ธรารีบตัดบท
"ตามสบายนะหนูหว้า ป้าขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน เลอะเทอะไปทั้งตัวแล้ว ไปน้อย...อย่าเพิ่งรีบกลับนะหนูหว้า เดี๋ยวอยู่ทานของว่างกันก่อน"
สลิลยิ้มมารยาท ไม่ให้มีพิรุธ
"ค่ะคุณป้า"
ธราหันไปพยักหน้าให้ไกรกูณฑ์ก่อนจะเดินนำไปขึ้นบ้าน วายุพูดขัดขึ้น
"ละเวงล่ะครับคุณท่าน"
ทั้งคู่หยุดกึก ธราหันมาปั้นหน้าโกรธ น้ำเสียงโกรธขึ้นทันที
"แม่ไล่มันออกจากบ้านไปแล้ว"
วายุกับสลิลมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
"ทำไมล่ะครับ ก่อนผมออกไปก็ยังเห็นดีๆ กันอยู่เลย"
"ก็ไม่รู้ผีบ้าอะไรเข้าสิงเค้าน่ะสิ พอคล้อยหลังใหญ่ได้นิดเดียว อยู่ดีๆ ก็มาบังคับแม่ให้จัดงานแต่งงานกับตาน้อยให้ได้ เรื่องของเรื่องก็เพราะหึงหนูนวลขวัญนั่นล่ะ แม่บอกว่าให้รอก่อนเพราะที่บ้านมีแต่เรื่อง
ไว้กลับกรุงเทพแล้วค่อยว่ากัน เค้าก็เลยไม่พอใจด่าแม่สาดเสียเทเสีย ไม่เชื่อก็ถามน้อยดูสิ"
ไกรกูณฑ์รีบรับมุก เสริมไปทันทีอย่างไม่เนียนนัก ดูตะกุกตะกักเพราะตกใจ
"จริงครับคุณใหญ่"
"น้อยทนไม่ไหวถึงได้ไล่ตะเพิดละเวงออกจากบ้านไปเลย"
ธราหันไปมองหน้าไกรกูณฑ์ว่าให้เล่นละครตามน้ำต่อ เขาพูดไม่ค่อยเต็มปากเต็มเสียง
"คุณใหญ่ต้องมาฟังเองว่าละเวงหยาบคายกับแม่ขนาดไหน ขึ้นมึงขึ้นกูตลอด เป็นคุณใหญ่ก็ทนไม่ได้เหมือนกัน"
ธราปั้นสีหน้าเจ็บใจ
"พอแม่ไล่มันออกจากบ้าน ใหญ่รู้มั้ย มันโทร.ให้ใครมารับ"
"ใครเหรอครับ"
ไกรกูณฑ์หันมองหน้าแม่ งงๆ อยากรู้เหมือนกัน
"ไอ้เรน น้องชายมันน่ะสิ"
สลิลทำถามเนียนๆไป
"อ้าว ไหนละเวงว่าน้องชายถูกอุ้มหายตัวไปไงคะ"
ธราแค่นขำ
"อุ้มเอิ้มอะไร เราทุกคนโดนละเวงต้มจนเปื่อย ร้ายกาจจริงๆผู้หญิงคนนี้"
วายุและสลิลแอบสบตากันเล็กน้อย
"น้องชายมันเสียพนันหนีไปกบดานเพราะกลัวถูกอุ้มฆ่า รู้สึกเจ้าหนี้จะตามตัวเจอเลยกลัวตาย ขอให้พี่สาวบีบน้อยให้แต่งงานเผื่อจะได้เงินไปปลดหนี้ได้มั่ง"
ธราถอนใจส่ายหน้า แอบส่งสายตาบอกลูกชายให้ช่วยพูดอะไรมั่ง ไกรกูณฑ์ไม่กล้าสู้ตาพี่ชาย ปั้นหน้าเศร้า
"เพราะผมคนเดียว ทำให้คุณแม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย"
ธราบีบไหล่ไกรกูณฑ์เบาๆ
"ช่างเถอะน้อย เรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้ว งั้นแม่ขึ้นไปอาบน้ำก่อน เหนียวตัวไปหมดแล้ว เดี๋ยวค่อยลงมาคุยกันต่อนะ"

ธรารีบเดินนำขึ้นบ้านไป ไกรกูณฑ์รีบเดินตามไปติดๆ วายุและสลิลมองหน้ากันอีกครั้งอย่างติดใจสงสัย


มุมหนึ่งของไร่วายุกูล สลิลเดินกดโทรศัพท์มือถือพยายามโทร.หาละเวงอยู่หลายรอบ แต่ก็ติดต่อไม่ได้
วายุยืนหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ
"ติดต่อไม่ได้เลยเหรอ"
"ค่ะคุณใหญ่ ละเวงปิดเครื่องตลอดเลย"
อยู่ดีๆ สลิลก็น้ำตาคลอขึ้นมา
สลิลเสียใจ รู้สึกผิด พูดทั้งน้ำตาคลอ
"หว้าไม่สบายใจเลยค่ะคุณใหญ่ กลัวจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับละเวง ทั้งหมดเป็นแผนการของหว้า หว้าเป็นต้นเหตุทำให้ละเวงต้อง..."
สลิลพูดไม่ออก ร้องไห้ออกมา วายุดึงสลิลเข้ามาสวมกอดเอาไว้
"อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะ ละเวงอาจจะปลอดภัยก็ได้ ตอนนี้เราทำเป็นไม่รู้อะไรเดินตามเกมของคุณท่านไปก่อน"
"ค่ะคุณใหญ่"
วายุถอนใจออกมา สวมกอดสลิลเอาไว้ ตอนนี้วายุรู้สึกว่า เหลือเพียงสลิลคนเดียวจริงๆ ที่เขาไว้ใจ
ได้

แม่บ้านกำลังเติมข้าวใส่จานให้ธรา ไกรกูณฑ์กับธรานั่งทานอาหารเย็นอยู่ด้วยกัน ธราใส่เสื้อแขนยาวเลยข้อศอกมานิดหน่อย เพื่อปกปิดรอยช้ำที่เกิดจากการต่อสู้กับละเวง
"พอแล้ว วันนี้ฉันไม่ค่อยหิว"
แม่บ้านล่าถอยเข้าครัวไป
ไกรกูณฑ์วิตกจริต
"แม่ว่าไอ้ใหญ่มันจะรู้มั้ยว่า ศพสองพี่น้องนั่น..."
ไกรกูณฑ์ยังพูดไม่ทันจบ ธราพูดสวนขึ้น มองตาดุ
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะน้อย จะพูดให้มันได้ยินรึไง"
ไกรกูณฑ์หน้าจ๋อยไป วายุกลับเข้าบ้านมาพอดี ไกรกูณฑ์ปรับสีหน้าไม่ทัน ได้แต่ก้มหน้าแทน
"อ้าวใหญ่ กลับมาพอดีเลย มาทานข้าวกันลูก"
วายุกลัวโดนวางยาอีก จึงตัดบท
"ผมทานเข้ามาเรียบร้อยแล้วครับ คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ท่าทางซีเรียสจังเลย หรือว่า น้อยไปก่อเรื่องอะไรให้คุณท่านไม่สบายใจอีก"
วายุมองสบตาไกรกูณฑ์ ท่าทางเหมือนรู้ความลับอะไรบางอย่าง ไกรกูณฑ์คิดหาคำแก้ตัว แล้วตอบแบบมีพิรุธ
"ไม่ต้องมองหาเรื่องผมเลยคุณใหญ่ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด"
"ไม่มีก็ดี"
ธราโกหกแก้สถานการณ์ช่วยไกรกูณฑ์
"ไม่มีอะไรหรอกใหญ่ แม่กำลังสั่งสอนน้อย ให้ดูใหญ่เป็นตัวอย่างน่ะลูก แม่อยากให้น้อยขยัน ทำงานเก่งเหมือนใหญ่ ไม่ใช่ลอยไปลอยมาอยู่อย่างนี้"
ธราทิ้งค้อนใส่ไกรกูณฑ์ ก่อนเอื้อมมือไปตักกับข้าวมาทาน บังเอิญแขนที่ช้ำของธราลอดออกมาจากแขนเสื้อ วายุจับผิด
"แขนคุณท่านไปโดนอะไรมาครับ"
ธรารีบดึงแขนเสื้อลงมาปิดรอยช้ำไว้ตามเดิม วายุพูดแบบจับผิดกลายๆ
"คงไม่ใช่เพราะน้อยพาไปทำแปลงดอกไม้หรอกนะครับ เหมือนไปต่อสู้กับใครมามากกว่า"
ธราขำๆ แล้วตอบหน้านิ่ง
"อย่างแม่จะไปต่อสู้กับใครใหญ่ แม่ลื่นล้มในห้องน้ำน่ะลูก พื้นมันลื่นไปหน่อย แขนก็เลยไปฟาดผนังห้องพอดี"
แม้วายุจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก
"ผู้ใหญ่ล้มไม่ดีนะครับ คุณท่านต้องระวังนะครับ นี่ถือว่าโชคดีที่หัวไม่ฟาด"
ธรายิ้มแย้ม
"จ้ะใหญ่"
ไกรกูณฑ์ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างร้อนตัวกลัวโดนจับได้ ไม่พูดไม่จา แม้แต่กลืนอาหารก็ยังกลืนแทบไม่ลง วายุนิ่งชำเลืองมองสองแม่ลูกอย่างแอบจับผิด

บริเวณบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ตตอนหัวค่ำ สลิลสีหน้าไม่สบายใจ ขณะเก็บโต๊ะอาหารที่เธอและลุงเพิ่งทานเสร็จ
"มีปัญหาอะไรรึเปล่าลูกหว้า หรือว่าทะเลาะกับคุณใหญ่" ภูผาถามอย่างสงสัย
สลิลวางมือจากงาน หันมาพูดหน้าเครียด
"เปล่าค่ะ หว้าเป็นห่วงละเวงน่ะค่ะ"
ภูผาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อละเวง แต่ก็ปั้นหน้าปกติ แล้วถามต่อ
"ทำไมต้องห่วง แล้วเราไปรู้จักสนิทสนมกับเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่"
"หว้าขอให้ละเวงช่วยทำงานเสี่ยงอันตรายให้น่ะค่ะ คุณลุง"
ภูผาถามคาดคั้น สีหน้าเครียดขึ้นมาก
"งานอะไร หว้าปิดบังอะไรลุงอยู่ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ"
สลิลถอนใจบางๆ แล้วนั่งลง ยอมเล่า
"หว้ากับคุณใหญ่กำลังสงสัยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังการลอบฆ่าคุณใหญ่ทุกครั้งที่ผ่านมาจะเป็น..."
สลิลไม่กล้าพูด กลัวภูผาไม่เชื่อ
"คุณน้อยกับคุณธรา" ภูผาพูดต่อให้อย่างลำบากใจ
สลิลอึ้งไป ไม่คิดว่าลุงจะคิดเหมือนกัน
"คุณลุงก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันเหรอคะ"
ภูผานั่งเงียบไม่ตอบอะไร สีหน้าเครียดปนเศร้า สลิลมองลุงอย่างเห็นใจ แล้วเล่าต่อ
"วันนี้หว้ากับคุณใหญ่วางแผนให้ละเวงหลอกคุณป้าให้พูดสารภาพความจริง แล้วให้ละเวงแอบอัดเสียงไว้ ละเวงโทรมาบอกว่าอัดเสียงได้แล้ว กำลังจะเอาคลิปออกมาให้ แต่อยู่ๆ ละเวงก็หายตัวไป ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ"
ภูผาพูดสีหน้านิ่ง
"พรุ่งนี้ลุงจะลองไปถามคุณธราให้รู้เรื่อง ว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่"
สลิลสีหน้าอยากรู้เหมือนกัน
"หว้าไปด้วยนะคะคุณลุง"
วายุเดินหลบๆ มาที่หน้าห้องนอนธรา มองซ้ายมองขวาอย่างระวังตัว ก่อนจะแอบเข้าไปข้างใน
ภายในห้องไม่เห็นอะไรผิดปกติ ภายในห้องน้ำ พื้นห้องน้ำปูพื้นกันลื่นอย่างดี บางส่วนเป็นพรมด้วยซ้ำ ไม่มีส่วนที่จะทำให้ลื่นได้เลย วายุมีสีหน้าครุ่นคิดสงสัยปนแปลกใจ

ขณะที่ไกรกูณฑ์แอบมาปรึกษากับธราที่หน้าบ้านพัก
"ในเมื่อมันสงสัยว่าแขนแม่เป็นอะไร แม่ก็ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของมัน แล้วคนอย่างไอ้ใหญ่ถ้าสงสัยอะไร มันต้องไปดูให้เห็นกับตา ถ้ามันเข้าไปดูในห้องแม่ แล้วไม่เจออะไรผิดปกติ เดี๋ยวมันก็เลิกสงสัยไปเอง"
ไกรกูณฑ์ฉุกคิด สีหน้ากังวลปนกลัวขึ้นมา
"แล้วถ้ามันไปดูที่ห้องละเวงด้วยล่ะครับแม่"
"เมื่อวานน้อยทำความสะอาดรอยเลือด แล้วก็เก็บหลักฐานหมดแล้วไม่ใช่เหรอะ"
ไกรกูณฑ์หน้าตาไม่มั่นใจนัก เหมือนขาดความมั่นใจ แต่ต้องตอบรับไปก่อน กลัวโดนดุ
"ครับ"
ธราฉุกคิด
"แม่สั่งให้ล็อกห้อง ได้ล็อกมั้ย"
ไกรกูณฑ์หน้าแหย ประมาณว่าลืม ธราชักสีหน้าหวั่นใจขึ้นมาทันที กลัววายุไปที่ห้องละเวง

วายุเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนละเวง ห้องถูกเก็บอย่างเรียบร้อย ภายในตู้ไม่เหลือเสื้อผ้าละเวงซักชุด ห้องน้ำก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง วายุเหลือบเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ที่พื้น ตรงซอกข้างประตู เป็นกระเป๋าสตางค์ วายุค้นกระเป๋าดูให้แน่ใจว่าเป็นของใครกันแน่ วายุดึงออกบัตรประชาชนออกมาดู

วายุเปิดประตูห้องนอนละเวงออกมา เจอธราพอดี ธราปั้นหน้าปกติ
"ใหญ่เข้าไปทำอะไรในห้องละเวงเหรอลูก"
วายุเก็บอาการ
"ผมเห็นประตูห้องเปิดอยู่ นึกว่าละเวงกลับมา ก็เลยจะเรียกออกมาถามเรื่องที่ทะเลาะกับคุณท่านน่ะครับ แต่ผมเรียกอยู่ตั้งนานก็ไม่มีคนตอบ ผมเห็นผิดสังเกตเลยลองเข้าไปดู"
ธราเริ่มร้อนตัว
"แล้วเจออะไรมั้ย"
วายุน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้ามีเลศนัย ทิ้งจังหวะสังเกตท่าทีธรา
"เจอครับ"
ธราใจหายวาบ รีบถามอย่างร้อนตัว
"ใหญ่เจออะไรเหรอลูก"
"กระเป๋าสตางค์ของละเวงครับ"
วายุแกล้งพูดลองเชิง
"น่าแปลกนะครับ คนอย่างละเวงไม่น่าลืมกระเป๋าสตางค์ได้เลย"

ธราหน้าเจื่อนไป นึกตำหนิไกรกูณฑ์อยู่ในใจที่ทำลายหลักฐานไม่แนบเนียน วายุแน่ใจว่า การหายตัวไปของละเวงต้องไม่ปกติแน่นอน

ไร่วายุกูลตอนสาย เสียงไกรกูณฑ์ดังปฏิเสธนำขึ้นที่โถงบ้านพักไร่วายุกูล
"เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่คุณแม่เล่า ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"
ภูผากับสลิลนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก ทั้งคู่จ้องไกรกูณฑ์สีหน้าคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ ไกรกูณฑ์ร้อนตัว ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
"ตกลงคุณสองคนจะมาหาแม่ผม หรือจะมาจับผิดผมกันแน่"
ธรารีบเดินนำวายุลงมาจากชั้นบนเพื่อขัดจังหวะ แก้สถานการณ์ ธรายิ้มแย้ม พูดกับภูผา
"จะมาทำไมไม่โทร.มาบอกก่อนล่ะคะหมอภู"
สลิลรีบยกมือไหว้ ธรารับไหว้ยิ้มแย้ม
ภูผาตอบหน้านิ่ง
"เผอิญวันนี้มีเรื่องร้อนใจมากน่ะครับ"
ธราชะงักไปเล็กน้อย แต่ฝืนยิ้มพูดหน้าตาย
"มีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้มั้ยคะ"
" ได้ครับ งั้นผมขอคุยกับคุณธราเป็นการส่วนตัวหน่อยนะครับ"
ภูผาเดินนำออกไป โดยไม่รอคำตอบจากธรา ธราอึ้งไปกับท่าทีของภูผาในวันนี้ ธรายิ้มแย้มมารยาทให้สลิล
"ตามสบายนะลูกหว้า ป้าขอตัวไปคุยกับคุณลุงเราก่อน ท่าทางจะมีเรื่องไม่สบายใจมาก"
"ตามสบายค่ะคุณป้า หว้าก็อยากรู้ว่าคุณลุงไม่สบายใจเรื่องอะไรตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"
ธราปั้นยิ้มแล้วรีบเดินออกไป พอคล้อยหลัง สีหน้าก็เครียดเคร่งขึ้นมาทันที วายุพยักหน้าส่งสัญญาณให้สลิลเดินตามออกไปข้างนอก ด้วยท่าทางมีลับลมคมใน สลิลเหล่มองไกรกูณฑ์แบบไม่ค่อยชอบหน้าแว่บหนึ่งก่อนจะเดินตามวายุออกไป
ไกรกูณฑ์เห็นทุกคนมีลับลมคมในกันไปหมดก็รู้สึกหวาดระแวงจนมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมา

วายุเดินนำสลิลเข้ามาที่มุมลับตา แล้วรีบบอก
"ฉันคิดว่าละเวงอาจจะถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว"
สลิลหน้าเสีย
"คุณใหญ่แน่ใจเหรอคะ"
"ถ้าคุณท่านกับน้อยฆ่าน้องชายละเวงจริงอย่างที่เราสงสัย การจะฆ่าละเวงปิดปากอีกคนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"
วายุสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย สลิลใจอย่างมาก
"คุณใหญ่เชื่อแล้วใช่มั้ยคะ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือคุณป้ากับคุณน้อยจริงๆ"
วายุถอนใจออกมาเบาๆ พอจะยอมรับและทำใจได้บ้างแล้ว
"เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันคงหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะแจ้งความให้ตำรวจมาช่วยหาศพที่บ่อน้ำท้ายไร่ ถ้าเจอศพ คุณท่านกับน้อยคงแก้ตัวอะไรไม่ได้อีกแล้ว"
ไกรกูณฑ์ที่ตามมาแอบฟังอยู่ หน้าซีดเผือดด้วยความกลัวแล้วรีบหลบออกไป
สลิลเอื้อมมือไปจับแขนวายุให้กำลังใจและปลอบใจอยู่ในที
"คุณใหญ่ทำใจได้แน่นะคะ"
วายุพยักหน้ารับก่อนจะมีน้ำตารื้นๆ ขึ้นมาเคลือบตา
"ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันต้องยอมรับความจริงให้ได้ แล้วฉันก็อยากรู้ด้วยว่า คุณท่านกับน้อยทำกับฉันแบบนี้ได้ลงเพราะอะไร"
สลิลน้ำตาคลอๆ ตามขึ้นมา
"ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยคิดร้ายหรือทำอะไรให้พวกเค้าเจ็บช้ำน้ำใจเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันรักพวกเค้าเหมือนคนในครอบครัวเหมือนแม่กับน้องแท้ๆ ของฉันเอง"
วายุรีบเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนน้ำตาจะไหล แอบยกมือขึ้นซับน้ำตาออกเนียนๆ สลิลรู้สึกเจ็บปวดไปกับวายุด้วย

ในเวลาเดียวกัน ภูผากับธรานั่งคุยกันอยู่ที่ม้าสนามในมุมสวนไร่วายุกูล ภูผาหน้าเคร่งเครียด จริงจังผิดจากทุกวัน
"ผมรู้ว่าละเวงตายแล้ว เธอไม่ได้โกรธคุณแล้วหนีออกไปเองอย่างที่คุณบอก"
ธราตกใจ แต่ก็ทำเป็นตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็น
"หมอภูเอาอะไรมาพูด ละเวงจะตายได้ยังไง ในเมื่อฉันเห็นกับตาว่าน้องชายของมันมารับกันออกไป"
"ผมก็เห็นกับตาว่าคุณกับคุณน้อยช่วยกันเอาศพละเวงไปทิ้งที่บ่อน้ำบาดาลท้ายไร่ จะต้องให้ผมไปขุดศพขึ้นมายืนยันมั้ยครับ คุณถึงจะยอมรับ"
ธราอึ้ง จ้องหน้าหมอภูผา

ย้อนเวลากลับไปเมื่อวาน ภูผากำลังถอยรถออกมาอยู่มุมลับตาพอดี กำลังจะเลี้ยวรถกลับออกไป พอหันไปเห็นภาพสะดุดตาเข้าพอดี เขาเห็นสองแม่ลูกช่วยกันลากกระสอบออกมาจากบ้านมาอย่างทุลักทุเล
ภูผาแปลกใจเลยดับเครื่องรถแล้วเปิดประตูออกมาจากรถเบาๆ หามุมแอบมองดูเหตุการณ์
อยู่เงียบๆ สองช่วยกันทั้งแบกทั้งลากกระสอบใส่ศพละเวงออกมาจากบ้านไปทางท้ายไร่
ไกรกูณฑ์ถามอย่างกังวล
"พวกคนงานล่ะแม่"
"แม่ใช้มันออกไปข้างนอกหมดแล้ว อย่ามัวซักไซ้อะไรนักเลย รีบลากศพมันไปเร็วๆเถอะ"
ไกรกูณฑ์และธราช่วยกันขนย้ายศพละเวงไปอย่างยากลำบาก ภูผาแอบมองตามอย่างไม่วางตา

ภูผาแอบดูอยู่หลังต้นไม้อยู่ห่างๆ สองแม่ลูกช่วยกันยกกระสอบขึ้นบนปากบ่ออย่างทุลักทุเล จังหวะที่ทั้งคู่ช่วยกันยกกระสอบนั้น หัวของละเวงโผล่ออกมา ภูผาเห็นชัดเต็มตา ภูผาตกใจมากแทบช็อกกับภาพที่เห็น
เมื่อธรากับไกรกูณฑ์โยนกระสอบลงบ่อได้สำเร็จแล้วยืนหอบอยู่ริมบ่อ ภูผาตกใจมาก รีบเดินหนีกลับออกไปอย่างเร็ว

ธรานิ่งอึ้งไป ไม่คิดว่าภูผาจะเห็นเหตุการณ์นั้นจริงๆ เขาทั้งผิดหวังและเจ็บปวดมาก
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับคุณธรา แล้วใครเป็นคนฆ่าละเวง คุณน้อยใช่มั้ย เพราะคนอย่างคุณไม่มีทางฆ่าคนได้แน่"
ธราปฏิเสธน้ำเสียงแข็งกร้าว ปกป้องลูกด้วยความรักแบบสุดๆ
"ไม่ใช่...น้อยไม่ได้ทำ อย่ามาปรักปรำลูกฉันนะหมอภู ลูกฉันไม่ผิด ฉันนี่แหละที่เป็นคนฆ่านังละเวงเอง"
ภูผานิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าธราจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เธอเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว บีบน้ำตาร้องไห้ออกมา แต่งเรื่องบอก
"แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันทำไปเพื่อป้องกันตัว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หมอภูต้องเชื่อฉันนะ ฉันจำเป็นต้องทำ"
"แล้วทำไมคุณไม่แจ้งตำรวจแล้วสู้คดี ถ้าคุณทำไปเพราะป้องกันตัวจริงๆ คุณก็มีทางพ้นผิดอยู่แล้ว แต่การที่คุณเอาศพไปซ่อนไว้อย่างนั้น ยิ่งจะทำให้เรื่องเลวร้ายหนักขึ้น มัดตัวคุณมากขึ้น"
ธราปั้นเรื่องแก้ตัวไป
"ตอนนั้นฉันกลัวมากจนคิดทำอะไรไม่ถูก ฉันคิดตื้นๆ แค่ทำลายศพซะทุกอย่างก็จบ บ่อน้ำบาดาลเก่ามันลึกมากแล้วก็อยู่ในที่ของเรา คงไม่มีใครเจอศพได้ง่ายๆ หมอภูอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ โดยเฉพาะตาใหญ่กับหนูลูกหว้า ฉันขอเวลาทำใจอีกซักสองสามวัน แล้วฉันจะยอมมอบตัวเอง"
ภูผามองสบตาธราอย่างสับสน ลังเลว่าจะตัดสินใจเลือกทางไหนดี ระหว่างความรักกับความถูกต้อง
ธราแอบลุ้นอยู่ในใจว่า ภูผาจะยอมช่วยตนเก็บความลับนี้หรือไม่ ภูผาตัดสินใจบอกออกมาอย่างลำบากใจ
"ตกลงครับ ผมจะให้เวลาคุณตั้งหลักตามที่ขอ"
ธราโผเข้ากอดหมอภูผาแน่น
"ขอบคุณมากค่ะหมอภู คุณดีกับฉันเสมอ"
ภูผากอดปลอบธราพร้อมพูด
"แต่ถ้าครบกำหนดเวลาแล้ว คุณยังไม่ยอมมอบตัว ผมจะเป็นคนแจ้งความจับคุณเอง"
ธราอึ้งไปครู่หนึ่ง ทำใจเย็นทั้งที่โกรธจัด แต่ยอมตามน้ำไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้สถานการณ์
ทีหลัง ธราเอาแต่ร้องไห้โฮกอด ภูผาอย่างเดียว ไม่พูดอะไรอีก

ผ่านเวลาเล็กน้อย ไกรกูณฑ์เดินกระสับกระส่ายรอธราอยู่บริเวณทางเดินในบ้าน พอเห็นแม่เดินมาก็รีบดึงตัวเข้ามุมแอบคุยกัน
"มีอะไรอีกน้อย เราทำท่าทางลุกลี้ลุกลนแบบนี้ทีไร แม่เห็นต้องมีปัญหาทุกที"
"ไอ้ใหญ่มันจะแจ้งความ ให้ตำรวจไปงมหาศพสองพี่น้องนั่นแล้วนะครับแม่"
ธราตกใจมากถาม
"มันจะแจ้งความเมื่อไหร่"
"ไม่รู้ครับ แต่ผมคิดว่าคงเร็วๆ นี้แหละแม่"
ธราสีหน้าเคร่งเครียดบอกลูกชาย
"หมอภูก็รู้เรื่องที่เราฆ่านังละเวงแล้วเหมือนกัน"
ไกรกูณฑ์ยิ่งกลัวลนลาน สติแตก เขย่าแขนธรา หวาดผวาจนตัวสั่น
"จริงเหรอครับ แล้วมันจะแจ้งความจับเรามั้ย เราหนีกันเถอะครับแม่ ผมไม่อยากติดคุก"
ธราจับตัวไกรกูณฑ์สะกดไว้ให้นิ่ง ดุ
"ตั้งสติเดี๋ยวนี้นะน้อย เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวอ่อนแอ ขี้ขลาดอย่างนี้ซะที"
ไกรกูณฑ์กลัวจนไม่ฟังอะไรแล้ว
"ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมกลัวครับแม่ ไหนจะตำรวจ ไหนจะศพสองพี่น้องท้ายไร่นั่นอีก มันจะเป็นผีมาหลอกเรารึเปล่าก็ไม่รู้ "
"เหลวไหล ถ้าน้อยไม่มีปัญญาช่วยงานแม่ ก็อย่าเอาเท้าราน้ำ ทำตัวให้สงบ อยู่เฉยๆ อย่าสร้างปัญหาให้แม่กลุ้มใจ แล้วปล่อยให้แม่จัดการทุกอย่างเอง เข้าใจมั้ย"
"เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ ผมมองไม่เห็นทางเลยว่าเราจะจัดการมันได้ยังไง นอกจากจะหนีไปให้ไกลที่สุด"
ธราสีหน้าโหดเหี้ยมขึ้นมา
"น้อยไม่เห็น แต่แม่เห็น"
"อย่าบอกนะครับว่าแม่จะฆ่าปิดปากหมอภูผาอีกคน"

ธรานิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร แต่แววตาโหดเหี้ยมมาก เหมือนมีแผนอะไรในใจ ไกรกูณฑ์ไม่อยากให้แม่ฆ่าใครอีกแล้ว แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
จบตอนที่ 9 
กำลังโหลดความคิดเห็น