เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 7
เขมิกาถูกพาเข้าทำแผล ชานนท์ยืนรอ เดินครุ่นคิด นึกถึงคำพูดเขมิกา
“มันเป็นผู้หญิง คนที่...คุณ...ก็รู้จักดี”
ชานนท์นึกถึงมณฑา อยากรู้ว่าใช่หรือเปล่า เดินผ่านปรียาที่หลบดูอยู่
ชานนท์ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องแววนิลเพื่อเตรียมใจ คิดว่าคงไม่เจอมณฑา ชานนท์ตัดสินใจผลักประตูเข้าไป พอเข้ามาในห้องชานนท์มองไปที่เตียงเห็นแววนิลนอนหลับ มณฑากำลังนั่งตัดเล็บให้แววนิล ชานนท์โล่งใจที่อาจไม่ใช่มณฑา
“คุณนมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมออกไปตั้งแต่ตี5 เลยไม่รู้”
มณฑาลุกยืน โกหกเนียนๆ
“นมมาถึงหลังจากคุณผู้ชายกลับไป นมเลยบอกพยาบาลพิเศษว่าจะเฝ้าคุณหนูเอง คุณผู้ชายสงสัยอะไรหรือคะ”
“มีไอ้โม่งทำร้ายขวัญตาเมื่อเช้า ขวัญยืนยันว่าเป็นผู้หญิง”
“ถ้าเดาไม่ผิด คุณผู้หญิงคงสาดโคลนมาที่นมใช่มั้ยคะ”
“แต่เมื่อเช้าคุณนมก็กลับไปที่บ้านไม่ใช่หรือครับ”
“นังแป้นมันเป็นพยานได้ว่านมออกมาแล้ว”
“คุณนมมาถึงโรงพยาบาลตอนไหน มีใครเห็นหรือยืนยันได้บ้างครับ ผมจะได้บอกขวัญตาไปว่าเขาเข้าใจผิด”
มณฑาคอแห้งผาก ตอบไม่ถูก
“ปรียาเป็นพยานให้ได้ค่ะ”
ปรียาเดินเข้ามา ในมือปรียาไม่มีกระเช้าผลไม้แล้ว แต่ถือถ้วยกาแฟร้อนที่ขายในรพ. เดินเข้ามา มณฑามองหน้าปรียา
“ปรียามาถึงตอนตี 5 ครึ่งก็เจอกับคุณนมตรงทางเข้ารพ.พอดี”
ท่าทางปรียามีพิรุธไม่เนียน ชานนท์สงสัย
“ปรียามาทำไมแต่เช้ามืดจ๊ะ”
ปรียาอึกอัก มณฑารีบตอบแทน
“คือนมลืมเอาวิตามินของคุณหนูมา เลยฝากคุณปรียาเอามาให้”
“ใช่ค่ะ”
ชานนท์จ้องปรียา ปรียาหลบตา ชานนท์แกล้งเชื่อ
“ขวัญคงเข้าใจผิดจริงๆ ผมจะไปอธิบายให้เขาฟังเอง”
ชานนท์เดินออกไป มณฑายิ้มให้ปรียาแต่ปรียารู้สึกละอายใจที่โกหกชานนท์
ประชาอยู่บ้านคุยโทรศัพท์กับชานนท์
“ขอโทษครับ ผมไล่ตามมันไม่ทัน แล้วคุณขวัญล่ะครับ เออ เป็นยังไงบ้าง” ประชาฟังชานนท์พูด หน้าเครียดจัด ประชาตัดสาย วางมือถือแรงๆ บนโต๊ะ
อู๋นอนพิงหมอนบนโซฟาที่เท้ามีผ้าพันแผลเรียบร้อย
“มันตายหรือเปล่าพี่”
“คนเจ็บเสียเลือดไม่น้อย คงอ่อนเพลียมากก็เลยหลับไปค่ะ”
พยาบาลบอกกับชานนท์
“แผลลึกมากมั้ยครับ”
“โชคดีที่ถูกแทงแบบถากๆ ที่สะบักด้านซ้าย แผลก็เลยไม่ลึกค่ะ คุณหมอเย็บแผลและฉีดวัคซีนกันบาดทะยักให้แล้ว แต่คุณหมออยากให้อยู่โรงพยาบาลสักสองคืนเพื่อดูให้แน่ใจว่าแผลไม่ติดเชื้อจากพวกเศษกิ่งไม้ใบไม้ที่ติดมากับแผล”
“ขอบคุณครับ”
พยาบาลเดินไป ชานนท์เปิดประตูเข้าห้อง
อู๋บ้าเลือดไม่กลัวเจ็บ ลุกยืนทันทีเมื่อรู้ว่าเขมิกายังไม่ตาย
“ผมจะไปฆ่ามันซ้ำอีกรอบ ดูสิว่ามันจะดวงแข็งได้อีกหรือเปล่า”
อู๋ลากเท้าจะไป ประชาเข้าไปดึงไว้
“แกจะไปให้โดนจับได้หรือไง คราวนี้ไอ้ชานนท์มันเอาจริง สั่งให้ฉันแจ้งความตามล่าแกมาให้ได้”
“พี่จะลอยแพผมหรือ ถ้าผมถูกจับ พี่เองก็รอดยากเหมือนกัน”
ประชาโกรธดึงคอเสื้ออู๋
“ฉันไม่โง่ทำตามคำสั่งมันหรอก แล้วจำเอาไว้อย่ามาล้ำเส้นกับฉันอีก ถ้าไม่มีฉันแกโดนเจ้ามือพนันบอลตัดมือทิ้งไปแล้ว”
“ผมไม่กล้าอกตัญญูกับพี่หรอก ผมขอโทษ”
อู๋พูดเอาตัวรอดเหมือนสำนึกผิดจริงๆ ประชาปล่อยมือจากคอเสื้ออู๋
“แกนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหน เรื่องขวัญตาเราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีก บางทีถ้าจำเป็น...”
ประชาตัดสินใจฆ่าเขมิกาเอง
ชานนท์ยืนมองเขมิกาอยู่ข้างเตียง รู้สึกผิดที่เข้าใจเขมิกาผิดมาตลอด ชานนท์จับมือเขมิกา
“เธอเกือบตายเพราะความโง่ของฉัน ฉันน่าจะเชื่อเธอตั้งแต่แรก แต่กลับปล่อยให้ความหึงหวงมันอยู่เหนือความเชื่อใจกัน”
ชานนท์นั่งลงข้างเตียง กุมมือเขมิกาแล้วจูบที่หลังมือ
เวลาผ่านไป ชานนท์ยังนั่งข้างเตียง ตาเริ่มปรือ หัวผงกจะหลับ ชานนท์รู้ตัวรีบยกหัวขึ้น สะบัดหัว บังคับตัวเองไม่ให้หลับ เขมิกายังหลับแต่ขยับตัวจะพลิกข้างซ้าย ชานนท์ตกใจกลัวเขมิกานอนทับแผลรีบเอาหมอน 2 ใบดันหลังเขมิกาไม่ให้พลิกตัวได้แล้วนั่งเฝ้าต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น โยธินเดินเข้ามาในโรงแรมที่ปรียาทำงานอยู่ โยธินตรงดิ่งไปที่หน้าfront
“ขอโทษครับ ผมมาพบคุณปรียาประชาสัมพันธ์ของที่นี่”
“วันนี้คุณปรียาลากิจค่ะ ลองติดต่อทางมือถือเขาดูสิคะ”
“ขอบคุณครับ” โยธินเดินห่างออกมากดมือถือถึงปรียาก็เป็นเสียงไม่สามารถติดต่อได้ “โทรหาใครก็ไม่ติดสักคนวุ้ย”
โยธินเครียด ถอนใจ
แววนิลมองโจ๊กตรงหน้า จับช้อนแล้วตะโกนถาม
“ปรียา เธอเป็นคนซื้อโจ๊กมาให้ฉันหรือ”
ประตูห้องน้ำเปิด มณฑาถือผ้าขนหนูเปียกเดินออกมา
“อย่าเพิ่งกินค่ะ ต้องเช็ดมือก่อนนะคะคุณหนู”
แววนิลหันไปมองมณฑา
“นม! นมมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
มณฑาเช็ดมือให้แววนิล แล้วหยิบช้อนใส่มือแววนิล
“โจ๊กยังร้อนทานช้าๆ นะคะไม่ต้องรีบ หมูสับต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน เพราะระบบย่อยของคุณหนูไม่ค่อยดี”
แววนิลน้ำตาหยดรู้สึกว่ามีมณฑาเท่านั้นที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง
“อยู่ๆ นมก็หายไป นิลนึกว่านมโกรธนิลจนไม่ยอมกลับมาแล้ว”
“นมไปจัดการขวัญตาให้คุณหนูไงคะ” แววนิลตาลุก
“สำเร็จหรือเปล่า” มณฑาส่ายหน้า
“มีไอ้โม่งอีกคนโผล่มานมก็เลยหลบมาก่อน”
“ไอ้โม่งไหน มันเป็นใคร”
“จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ชู้มัน มันคงไปเที่ยวหลอกผู้ชายจนเขาแค้นถึงได้ตามมาเอาคืนถึงนี่”
“สมน้ำหน้า”
“คุณหนูอยู่กับคุณปรียาสักสองชั่วโมงได้มั้ยคะ”
“นมจะไปไหนอีก”
“นมมีบางอย่างที่ต้องกลับไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย”
“ระวังโดนจับได้นะนม”
“อย่าห่วงเลยค่ะ นังขวัญตามันนอนเจ็บอยู่ที่นี่ ส่วนคุณผู้ชายก็หมดข้อสงสัยในตัวนม แล้วจะมีใครตามจับผิดนมได้ละคะ”
มณฑายิ้มร้าย
มณฑาเดินออกมาเจอปรียา
“ขอบคุณนะคะ ที่เมื่อวานช่วยเป็นพยานให้นม” ปรียายิ้มเจื่อน
“ปรียาคิดทบทวนหลายรอบ ไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่า”
“กับผู้หญิงไร้ยางอายที่ทำเลวๆ กับคนที่คุณรักถึงสองคน พูดโกหกแค่นี้ไม่เห็นจะผิดตรงไหน”
ปรียาไม่ค่อยกล้าถาม
“คุณนมคิดจะทำร้ายคุณขวัญจริงหรือคะ”
มณฑารู้ทันความคิดปรียา
“ถ้าทำจริงก็ไม่เห็นมีใครเสียนี่คะ คุณปรียาก็ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จริงมั้ย” ปรียาชักไม่พอใจ
“ค่ะ ปรียาโกหกเพื่อตัวเองจริงๆ แต่ก็ทำได้มากสุดแค่นี้ คงไม่กล้าทำได้เท่าคุณนมหรอกค่ะ”
ปรียาจับลูกบิดประตูจะผลักเข้าไป มณฑาจับมือปรียาบีบ พูดเชิงขู่
“ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ช่วยพาย ไม่ช่วยแจวก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเป็นคนจมเรือซะเองนะคะ ไม่อย่างนั้น...” มณฑาบีบแรง ปรียาร้องออกมา “คุณหนูคงเสียใจ”
มณฑาเดินผละไป ปรียารู้สึกกลัวมณฑา
ชานนท์เดินออกจากห้องพักเขมิกา ปากพูดมือถือกับประชา
“ตำรวจว่าไงบ้าง”
“ผมพาไปตรวจดูที่เกิดเหตุแล้วครับ ไม่พบหลักฐานอะไร ดูท่าจะตามจับยากเพราะเราไม่เห็นหน้ามัน”
“ช่วงนี้ฝากงานที่สปาด้วยแล้วกัน จะให้เซ็นอะไรก็เอาไปที่บ้านผม”
ชานนท์ตัดสายเดินออกไป ประชาเดินออกมาจากมุมที่หลบอยู่ มือยังจับมือถือแนบหูอยู่ จ้องไปด้านหลังชานนท์อย่างเกลียดชัง
เขมิกาหลับอยู่บนเตียง ประชายืนจ้องเขมิกาอยู่ข้างเตียง ประชาเอื้อมมือไปหยิบหมอนที่หนุนหลังเขมิกาอยู่ประชากำหมอนแน่น
“ระหว่างเราคงไม่จบแบบนี้ ถ้าเธอไม่ใจร้ายกับฉันก่อน”
ประชานึกถึงอดีตตอนที่จอดรถยืนรอขวัญตาอยู่ที่ปั้มแห่งหนึ่ง อู๋เปิดประตูรถด้านคนขับลงมา
“มันเลยเวลานัดมานานแล้วนะพี่ ผมว่าแฟนพี่คงเบี้ยวแล้ว ได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี แล้วจะเปลี่ยนใจหอบสินสอดหนีมากับพี่ทำไม”
ประชาโกรธขวัญตา
“แกไปลากตัวนังทรยศมา แล้วไปเจอกันที่รีสอร์ทตามแผน” อู๋จะไป “เดี๋ยว” ประชาหยิบชุดไอ้โม่งจากในรถส่งให้อู๋ “เปลี่ยนชุดซะ ระวังอย่าให้ใครเห็น”
ขวัญตาอยู่ในชุดแต่งงานหิ้วกระเป๋าใส่เสื้อผ้ากำลังจะเข้าสวนเพื่อไปทะลุด้านหลัง ไอ้โม่งอู๋โผล่มาด้านหลัง
“เราไม่ได้นัดกันแถวนี้ไม่ใช่หรือ”
ขวัญตาหันกลับมา อู๋โป๊ะยาสลบทันที ขวัญตาพยายามดิ้นแล้วนิ่งไป โดนลากเข้าสวน
ประชาพาขวัญตามาที่รีสอร์ทจังหวัดระยอง อู๋เปิดกระเป๋าขวัญตาล้วงเสื้อผ้าออกมา ไม่เจอเงินสินสอด อู๋หันมาทางประชา
“มันหลอกเรา ไม่มีเงินเลยสักบาท”
ประชามองไปที่โซฟา ขวัญตาในชุดแต่งงานนอนอยู่เริ่มขยับตัว
“อู๋ แกออกไปรอข้างนอกก่อน”
อู๋ออกไป ขวัญตาค่อยๆ พยุงตัวนั่ง มึนๆ เห็นประชาเบลอๆ แล้วค่อยชัดขึ้น
“พี่ชา”
“เธอหลอกฉัน คิดหอบเงินหนีไปคนเดียว”
“ไม่ใช่นะ ขวัญกำลังจะออกไปตามนัดจริงๆ แต่ขวัญต้องไปเอาเงินที่ซ่อนไว้ก่อน”
“โกหก ไอ้อู๋มันบอกว่าเธอกำลังจะหนี”
“พี่เชื่ออู๋มากกว่าขวัญหรือ ถ้าขวัญไม่คิดมาหาพี่แล้วขวัญจะหนีการแต่งงานทำไม” ประชานิ่งไป ขวัญตามองแจกันเล็กๆ บนโต๊ะตรงหน้า คว้ามาฟาดที่ขอบโต๊ะเป็นปากฉลาม ขวัญตาเดินเข้าหา ยื่นแจกันให้ แกล้งร้องไห้ “ถ้าไม่เชื่อใจกัน หมดรักกันแล้ว พี่ชาก็ฆ่าขวัญได้เลย ขวัญไม่รู้จะทำให้พี่เชื่อได้ยังไง นอกจากใช้ความตายพิสูจน์ความรักที่ขวัญมีให้พี่” ประชาใจอ่อน
“พี่จะเชื่อขวัญอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย รีบพาพี่ไปเอาเงิน แล้วเราไปแต่งงานกัน ไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครตามหาเราเจอ” ขวัญตายิ้มหวาน
“ได้ค่ะ แต่พี่ชาต้องล่วงหน้าไปก่อนนะคะ”
เสียงดังฉึก ประชาตาเหลือกเจ็บที่ท้อง ก้มมอง เห็นแจกันทิ่มที่ท้องด้วยฝีมือขวัญตา ประชาหัวใจแหลกสลาย ทรุดฮวบ
“มีความจริงอย่างหนึ่งที่แกควรรู้ไว้ ฉันไม่เคยรักแกเลยสักนิด ที่ทำดีกับแก ก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ซึ้งหรือยัง ไอ้โง่”
ขวัญตาปาแจกันทิ้ง หนีไปทางหน้าต่าง อู๋วิ่งเข้ามาตกใจ ประชากัดฟันพูด
“ตามมันไป!”
อู๋วิ่งไปที่หน้าต่างเห็นขวัญตาวิ่งไปริมทะเล อู๋กระโดดลงหน้าต่าง วิ่งไล่ไป
ประชาจับท้องตัวเองที่เคยโดนแทง เจ็บปวดร้าวรานสุดๆ
“ถึงวันนี้ไอ้โง่คนนี้ก็ยังรักเธออยู่ แต่เรามาหยุดทุกอย่างไว้เพียงแค่นี้เถอะ”
ประชาบอกเสียงสั่นยกหมอนขึ้นจะอุดจมูกเขมิกา ประชามือสั่น ร้องไห้พยายามตัดใจ พอจะวาง เขมิกาเพ้อถึงพ่อ คว้าข้อมือประชา
“อย่าไป” ประชาตกใจไม่กล้าดึงมือออก เขมิกาปรือตามองประชาแต่เห็นภาพหลอน บัณฑิตยืนมอง ยิ้มให้ หันหลังเดินไป เขมิกาดึงมือประชาแน่นยื้อไว้ “อย่าไปนะ ไม่ อย่าไป”
เขมิกาคิดว่าดึงพ่อไว้ได้ ยิ้มบางๆ หลับตาลง เอามือประชามาแนบแก้มด้วยความรัก ประชามองเขมิกา พอมือสัมผัสแก้มเข็ม ประชาก็ใจอ่อน มืออีกข้างปล่อยหมอนทิ้งลงพื้น ประชาค่อยๆ ดึงมือออกจากมือเขมิกา พอดึงหลุด จะหันกลับเขมิกาก็ลืมตาปึ้ง! เห็นประชา
“คุณผู้จัดการ”
ประชาชะงักตัวแข็ง ค่อยๆ หันไป
“เออ ตื่น ตื่นแล้วหรือครับคุณขวัญ ผมมาเยี่ยม เห็นยังหลับอยู่ก็เลยจะกลับก่อน”
“จับไอ้โม่งได้มั้ย” เขมิการีบถาม
“มันหนีไปได้ครับ”
“แล้วไอ้โม่งอีกคนที่เป็นผู้หญิง สามีฉันเอาตำรวจมาจับหรือยัง”
ประชารู้เรื่องไอ้โม่งหญิงจากอู๋แล้ว
“เรื่องไอ้โม่งมีสองคนผมพอรู้มาบ้าง แต่ยังไม่เห็นมีการจับกุมใครเลย ผมว่ามันน่าจะเป็นพวกเดียวกัน ไอ้โม่งที่แทงคุณขวัญ มันจะรู้ทางเข้าออกสวนได้ยังไงถ้าไม่มีคนในพาเข้ามา” คำพูดประชาทำให้เขมิกายิ่งมั่นใจว่าใช่มณฑา
“ที่คุณเคยบอกฉันว่าคุณนิลส่งคนไปทำร้ายฉันที่รีสอร์ทก็ไม่ผิดเลย เพราะมันเป็นไอ้โม่งคนเดียวกับที่ผลักฉันตกบ่อ ส่วนไอ้โม่งผู้หญิงก็เดาไม่ยากว่าเป็นใคร”
ประชาพอใจที่เขมิกาเชื่อ ยุต่อ
“แต่ผมว่าคุณชานนท์คงไม่เชื่อ ถึงไม่ได้จัดการอะไรเลย”
เขมิกาคิดหนัก ยิ่งไม่พอใจชานนท์
มณฑากลับมาบ้าน เดินมาหยุดหน้าบ้านพักเม่นแล้วผลักประตูเข้าไป ประตูปิด
ภายในบ้านพักเม่น มณฑาใช้ผ้าผูกข้อมือเม่นทั้งสองข้าง เม่นร้องไห้
“แม่มัดเม่นทำไม แม่โกรธเม่นอีกแล้วหรือ” ผูกเสร็จมณฑาดึงเม่นให้เดิน
“ฉันจะเอาแกไปปล่อยวัด”
เม่นตกใจรั้งตัวไว้ไม่เดิน
“ไม่เอาๆ เม่นไม่ใช่หมานะแม่ เม่นไม่อยากอยู่วัด”
เม่นกระชากมือหลุดจากมณฑาวิ่งไปนั่งหลบ มณฑาตามไปยืนค้ำหัว เม่นตัวสั่น
“ถ้าไม่อยากไป ก็อย่าเล่าเรื่องที่ฉันสั่งให้แกล่อนังขวัญตาไปที่บ่อน้ำให้ใครฟัง”
“ไม่เล่า ไม่พูด ไม่บอกใคร เม่นสาบาน”
มณฑาพอใจดึงเม่นยืนขึ้น แก้ผ้ามัดมือให้ แก้เสร็จเม่นจับมือแม่ทั้งสองข้าง มณฑาตกใจนึกว่าเม่นจะทำร้าย
“แกจะทำอะไรฉัน” มณฑาตวาด
“แม่กอดเม่นหน่อยนะ เม่นกลัว เม่นไม่อยากจากแม่ไปไหน” เม่นพูดซื่อๆ มณฑาอึ้ง มองมือที่เม่นจับ มณฑาใจอ่อนดึงมือออกแล้วกอดเม่น เม่นหลับตายิ้มมีความสุข มณฑาสีหน้าอ่อนลงแต่แล้วก็ผลักเม่นออกอย่างแรงจนเม่นล้มกลิ้ง
“อย่ามาโดนตัวฉัน ฉันขยะแขยงแก พ่อแกทำลายชีวิตฉัน”
มณฑาเร่งรีบเดินออก
มณฑาเดินออกไป ชานนท์ก้าวออกมาจากมุมบ้านได้ยินทั้งหมด เม่นเดินออกมา
“คุณผู้ชาย”
ชานนท์เดินไปหาส่งถุงขนมโดนัทให้
“ฉันซื้อขนมมาฝาก” เม่นรับไป เปิดดูดีใจไม่ได้สนใจฟังชานนท์ “ความจริงอยากจะมาถามเรื่องคุณผู้หญิงด้วยแต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว”
เม่นหยิบโดนัทยัดเข้าปาก ยิ้มแย้มดีใจ
ชานนท์กลับมาที่โรงพยาบาล เห็นประตูห้องพักเขมิกาเปิดอ้าอยู่ก็แปลกใจ เดินเข้าไป พยาบาลกำลังจะกดมือถือหาชานนท์ พอเห็นชานนท์จึงรีบบอกเสียงตื่นเต้น
“คุณขวัญตาไปแล้วค่ะ ดิฉันพยายามห้าม แต่เธอไม่ฟังเลย นี่ดิฉันกำลังจะโทรไปแจ้งให้คุณทราบ”
“ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เดินออกไปเมื่อกี้ค่ะ”
ชานนท์รีบตามออกไป
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ชานนท์วิ่งตามหาเขมิกามาถึงทางแยกซ้ายขวา ชานนท์ตัดสินใจเลี้ยวไปทางหนึ่งเห็นเขมิกาอยู่ข้างหน้า เดินช้าๆ แบบไม่ค่อยมีแรง ชานนท์โล่งใจ เดินเร็วๆ ไปหาเขมิกา ดึงศอกเบาๆ ให้เขมิกาหันมา
“เที่ยวเดินร่อนๆ ไปทั่ว ไม่ดูตัวเองบ้างเลยว่ายังเจ็บอยู่”
“ใครว่าฉันเดินร่อนไปทั่ว ฉันกำลังจะไปเยี่ยมคุณน้องสะใภ้ แล้วก็มีเรื่องจะต้องเคลียร์กับคุณนมสักหน่อย”
เขมิกาดึงศอกออกจะเดินต่อ ชานนท์ยืนขวาง
“ไอ้โม่งผู้หญิงไม่ใช่คุณนม ฉันไปเค้นถามมาแล้ว คุณนมอยู่ที่โรงพยาบาลตอนเกิดเรื่อง ปรียาเป็นพยานได้”
“พวกเดียวกันพูด คุณเชื่อหรือฮะ”
ชานนท์ไม่เชื่อแต่ต้องปกป้องแววนิลกับมณฑา
“ปรียาไม่ใช่คนโกหก”
เขมิกาน้อยใจหึงขึ้นมาจึงพูดประชดชานนท์
“ลืมไปว่าเป็นแฟนกันไม่เข้าข้างกันแล้วจะไปเข้าข้างใคร”
“ฉันมีเมียแล้ว จะไปมีแฟนอีกได้ยังไง” เขมิกาอ้าปากจะเถียง ชานนท์ช้อนอุ้มเขมิกาขึ้นทันที “กลับไปรักษาตัวก่อน เรื่องไอ้โม่งที่แทงเธอฉันแจ้งตำรวจแล้ว ส่วนไอ้โม่งอีกคนฉันจะจัดการให้อย่างยุติธรรม”
“ปล่อยฉันเดินเองได้”
“อยากให้แผลฉีกก็ดิ้นไป เงินฉันเยอะ เมียนอนโรงพยาบาลแค่นี้จ่ายได้อยู่แล้ว”
เขมิกาไม่มีแรงขัดขืน ปล่อยให้ชานนท์พาไป
ชานนท์พาเขมิกากลับมาที่ห้องแล้วประคองเขมิกาขึ้นเตียงเสร็จ แต่สายของผ้าคล้องแขนเลื่อนลงมาต่ำเกินไป ทำให้แขนห้อยลง
“เห็นมั้ยเนี่ย มันจะหลุดแล้ว ถ้าแขนฉันแกว่งไปมาแล้วกระเทือนถึงแผลข้างหลัง ฉันจะฟ้องหมอ” ชานนท์จับตรงที่ปรับสายซึ่งอยู่ตรงอกของเขมิกาพอดี เขมิกาตกใจ “เฮ้ย คุณจะทำอะไรอ่ะ”
“ฉันจะปรับสายให้มันสูงขึ้น เธอจะได้วางแขนสบายๆ”
ชานนท์ไม่สนทำต่อ
“หวังดีหรือหวังร้ายก็ไม่รู้ ฉันทำเองปลอดภัยกว่า”
“นั่งนิ่งๆ หน่อย ยุกยิกอยู่ได้ เดี๋ยวมือฉันก็เลื่อนไปโดนอะไรเข้าไม่รู้ด้วยนะ”
ชานนท์บอก เขมิการีบนั่งตัวแข็ง หลุบตาต่ำมองมือชานนท์ที่ปรับสายคล้องแขนให้ ชานนท์ปรับไม่ค่อยถนัด โน้มตัวใกล้เขมิกาจนหน้าใกล้กัน เขมิกามองหน้าชานนท์ตั้งแต่ตา จมูก จนถึงปากชานนท์ เขมิกาถึงกับเคลิ้มนึกถึงตอนที่ชานนท์จูบเธอที่สระน้ำ
เขมิกาหลับตาเคลิ้ม เผลอยิ้ม ขณะนั้นชานนท์ทำเสร็จแล้ว
“ปรับไว้ที่ระดับนี้โอมั้ย”
เขมิกาไม่ตอบ ชานนท์เลยเงยหน้ามองเห็นเขมิกาหลับตาพริ้ม ยิ้มมีความสุข ชานนท์อมยิ้ม บีบจมูกเขมิกาบิดไปมา
“ยิ้มอะไรอยู่ ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
เขมิกาสะดุ้งตกใจ ลืมตาเห็นมือชานนท์จับจมูกอยู่ รีบปัดออก
“มายุ่งอะไรกับจมูกฉัน ไหนว่าจะปรับสายคล้องแขนให้ฉันไง”
“ฉันทำเสร็จแล้ว เธอต่างหากที่มัวแต่นั่งฝันหวาน” ชานนท์ก้มไปกระซิบที่ข้างหู “หรือกำลังคิดถึงวันที่เราจูบกัน”
เขมิกาอายจัด กำหมัด
“ถ้าไม่อยากคางเหลือง ช่วยถอยไปชิดกำแพงโน่นเลย”
“เธอจะต่อปากต่อคำกันไปอีกนานแค่ไหนขวัญตา จะพูดดีๆ กันบ้างไม่ได้หรือ ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าไอ้โม่งมีจริง เธอไม่ได้กุเรื่องขึ้นเอง” เขมิกาฉุน
“แต่คุณก็เลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่เห็นพูดอะไรเลยสักอย่าง ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณสำนึกผิด”
“ที่ฉันมานั่งเฝ้าเธอจนถึงเช้า คอยตามดูแลจนไม่มีอันทำงานทำการ มันก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้วว่าฉันรู้สึกผิด หรือฉันต้องคุกเข่าขอร้อง ให้เธอยกโทษให้ เธอถึงจะพอใจ” ชานนท์ถามอย่างหงุดหงิด
“ที่คุณไม่กล้ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ กับฉัน เพราะกลัวฉันสืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลังไอ้โม่งต่างหาก”
ชานนท์ไม่อยากฟังต่อเดินหนี
“ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง ฉันจะให้พยาบาลพิเศษมาอยู่เป็นเพื่อน”
“โอ๊ย!”
ชานนท์รีบหันมาตกใจห่วงมาก
“เจ็บแผลหรือ” เขมิกาขยับขา
“ขามันปวดๆตึงๆ คงเกิดจากตอนสู้กับไอ้โม่ง คุณอยากไปก็ไปเถอะ จะมาสนทำไม”
ชานนท์ไม่สนใจ จับขาเขมิกาดู
จรรยาส่งน้ำมันนวดให้ชานนท์
“สูตรนี้ช่วยให้คลายความปวดได้ดีค่ะ”
จรรยาบอก เขมิกานั่งพิงเตียงอยู่บอกขึ้นมา
“ฉันแค่เมื่อยขานิดหน่อย คุณไปทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายทำไม นี่มันก็นอกเวลางานแล้วด้วย เธอกลับไปเถอะ
ไม่ต้องมานวดให้ฉันหรอก” เขมิกาพูดกับจรรยา
“ใครว่าฉันจะนวดให้เธอ เจ้านายแค่ให้ฉันเอาน้ำมันนวดมาให้เท่านั้น แล้วนี่เธอป่วยเป็นอะไรหรือ”
“ไข้ขึ้นสูงน่ะ แต่เริ่มดีขึ้นแล้ว ขอบใจนะ” ชานนท์ชิงตอบแทน
“ค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะ หายเร็วๆ ล่ะ”
เขมิกาพยักหน้า จรรยาเดินออกไป
“ทำไมต้องโกหกจรรยา หรือกลัวอะไร”
“แล้วเธอคิดว่าฉันกลัวอะไรล่ะ” ชานนท์ขึ้นนั่งปลายเตียง
“เฮ้ย คุณ ขึ้นมาทำไมเดี๋ยวก็เตียงหักหรอก ลงไป”
ชานนท์เทน้ำมันนวดบนฝ่ามือ จะจับปลายเท้าเขมิกา เขมิกากระดากจะดึงออก
“ไม่ต้องทำให้ฉันหรอก เดี๋ยวมันก็หายเองแหละ”
“มันอาจมีปัญหาที่เส้น ถ้าไม่อยากโดนตัดขาก็อยู่เฉยๆ” ชานนท์แกล้งขู่ เขมิกาตกใจ
“ถึงกับโดนตัดขาเลยหรือ”
ชานนท์ไม่ตอบก้มหน้านวดฝ่าเท้าให้เขมิกาด้วยวิธีถูกต้อง ดูชำนาญ ชานนท์ลูบไล้ฝ่าเท้าเขมิกาไปมา เขมิกาลืมความโกรธมองชานนท์ด้วยความประทับใจ ชานนท์เงยหน้าประสานสายตากับเขมิกา เขมิกาเขินทำเป็นก้มหน้าแคะเล็บเพราะไม่เคยเขินใครเลยทำตัวไม่ถูก ชานนท์ยิ้มในความเด๋อด๋าของเขมิกา รู้สึกเหมือนรักผู้หญิงคนใหม่ที่ไม่ใช่ขวัญตา
เขมิกานอนหลับปุ๋ย ชานนท์ยืนข้างเตียงห่มผ้าให้ ชานนท์มองหน้าเขมิกาอยากจูบ ค่อยๆ ก้มหน้าไปหา พอจะถึงปาก ชานนท์หยุดตัวเองค้างไว้นิ่งๆ แต่แล้วชานนท์ก็เปลี่ยนใจจูบหน้าผากแทนแล้วเดินไปนอนที่โซฟา เขมิกาลืมตาขึ้นมา เผลอยิ้มเขินๆ มีความสุข แต่ชานนท์มือก่ายหน้าผากคิดหนักเรื่องมณฑา
“ถ้าไม่อยากไป ก็อย่าเล่าเรื่องที่ฉันสั่งให้แกล่อนังขวัญตาไปที่บ่อน้ำให้ใครฟัง”
ชานนท์เครียด ลุกขึ้นนั่งนอนไม่หลับ
เช้าวันรุ่งขึ้นปรียาเดินออกมายืนหน้าบ้าน โยธินยืนหลบอยู่พอเห็นปรียา จะรีบเดินไปหาแต่แท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดรับปรียา
“ไปโรงพยาบาล...ค่ะ”
ปรียาบอกแท็กซี่ โยธินได้ยินคำว่าโรงพยาบาลก็ชะงัก ปรียาขึ้นแท็กซี่ไป โยธินรีบกลับไปที่รถตัวเอง ขับตาม
ที่โรงพยาบาล ชานนท์เดินมามองผ่านกระจกเข้าไปในห้องแววนิลเห็นมณฑากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเท้า เช็ดตามซอกนิ้วเท้าให้แววนิลโดยไม่รังเกียจ ชานนท์สะท้อนใจที่มณฑาดูแลแววนิลอย่างดีแต่เขาจำเป็นต้องไล่มณฑาไป
ชานนท์เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป มณฑาหันมามองชานนท์
“คุณผู้ชายอยากคุยเรื่องอะไรกับนมหรือคะ” มณฑาถามเมื่อชานนท์พาเธอออกมาคุยอีกมุมหนึ่ง
“บ่ายนี้ผมจะให้แป้นมาคอยเฝ้านิล”
“มาทำไมให้เกะกะคะ นมคนเดียวก็พอแล้ว”
“แป้นจะมาทำหน้าที่แทนคุณนม เพราะคุณนมจะต้องไปจากเลิศวิริยะ” ชานนท์บอกพร้อมกับยื่นเช็คให้ “เงินก้อนนี้ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่คุณนมช่วยเลี้ยงน้องสาวผมมา”
มณฑาช็อก ไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน
“อะไรนะคะ”
ที่ห้องพักเขมิกา เขมิกาพยุงตัวลุกนั่งมองไปที่โซฟาไม่เห็นชานนท์ เขมิกาค่อยๆ ลงจากเตียง เดินไปดูที่ห้องน้ำ ชานนท์ไม่อยู่ เขมิกามองไปที่โทรศัพท์ เดินไปยกหูขึ้น
“คือฉันทำมือถือหาย คุณช่วยติดต่อคนที่บ้านให้หน่อยได้มั้ยคะ หมายเลขนี้ค่ะ” ประตูเปิด เขมิกาคิดว่าเป็นชานนท์รีบวางหูโทรศัพท์ทันที แต่คนที่เดินเข้ามาคือโยธิน “เฮีย! เข็มกำลังจะโทรหาเฮียอยู่พอดี”
โยธินดีใจมากที่เห็นเขมิกาไม่เป็นอะไร
“เข็ม! เฮียตามหาไปทั่วเลย”
โยธินวิ่งเข้าไปกอดเขมิกา มือโยธินโดนแผลเขมิกา
“อู๊ย! เฮียโดนแผลเข็ม”
โยธินตกใจลนลานรีบมองหาแผล
“เข็มเจ็บตรงไหน มากหรือเปล่า ใครมันทำเข็ม”
มณฑาโกรธที่ชานนท์ไล่เธอออก
“คุณผู้ชายจะไล่นมไปเพราะผู้หญิงที่ดีแต่หลอกลวงคนนั้นหรือ”
“ขวัญไม่ได้หลอกลวงผม มีไอ้โม่งคิดเอาชีวิตเขาจริง รวมทั้งเรื่องที่โดนจับตัวไปด้วย”
“ผู้หญิงเจ้าเล่ห์มักจะรู้จุดอ่อนผู้ชาย พูดเป่าหูยังไงก็เชื่อหมด”
ชานนท์พยายามอดทน ใจเย็น
“เมื่อวานคุณนมไปหาเม่นใช่มั้ยครับ”
มณฑาตัวชาที่ชานนท์รู้ เริ่มพูดอึกอัก
“นมกลัวไม่มีใครให้ข้าวมัน ก็เลยกลับไปดู”
“ไม่ใช่กลับไปเพื่อข่มขู่เม่น เรื่องที่คุณนมสั่งให้เม่นล่อภรรยาผมไปที่บ่อน้ำหรือครับ” มณฑาตกใจ “อย่าคิดว่าผมเชื่อที่คุณนมกับปรียาช่วยกันโกหกผม”
มณฑาจนมุมแต่ยิ้มเยือกเย็น
“นมทำเพื่อคนที่นมรัก”
“แต่มันไม่ถูก”
“ผิดถูกไม่รู้ค่ะ แต่ไม่เคยเสียใจที่ทำ คุณผู้ชายต่างหากที่ทำไม่ถูก ปล่อยให้คนอื่นมารังแกน้องตัวเอง”
ชานนท์โกรธ หมดความอดทน
“คุณนมเป็นแค่ลูกจ้างที่ผมจ้างให้ดูแลนิล ไม่ใช่แม่ของนิลที่จะมาเป็นเดือดเป็นแค้นเกินหน้าที่ตัวเอง”
มณฑาไม่พอใจ เผลอตัวตวาดใส่ชานนท์
“สิ่งที่นมกำลังทำอยู่นี่แหละคือหน้าที่ ใครทำคุณหนูเจ็บ นมจะฆ่ามันให้ดู” ชานนท์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ผมตัดสินใจถูกแล้ว ที่ให้คุณนมไปจากน้องสาวผม คุณนมช่วยกรุณาไปเก็บเสื้อผ้าตอนนี้เลย ผมให้เจ้าโย่งรอช่วยขนของอยู่แล้ว”
มณฑายืนอึ้ง ชานนท์เอาเช็คใส่มือมณฑาแล้วเดินไป มณฑายื้อแขนชานนท์ไว้แล้วพูดอ้อนวอน
“ขอให้นมได้อยู่กับคุณหนูจนกว่าคุณหนูจะออกจากโรงพยาบาลไม่ได้หรือคะ”
“อย่าดีกว่า ผมขอห้ามไม่ให้คุณนมมาเจอนิลอีก ถ้าไม่ฟังกันผมคงต้องส่งคุณนมให้ตำรวจ”
“นมไม่คิดเลยว่าคุณผู้ชายจะเป็นคนใจจืดใจดำอย่างนี้” มณฑาตวาดลั่น
“ผมยอมรับ แต่ผมยังห่างชั้นจากคุณนมอีกเยอะ”
มณฑาผงะปล่อยแขนชานนท์ ชานนท์เดินจากไป มณฑามองตาม แค้น กำเช็คแน่นเหมือนอยากบีบให้แหลกคามือ
ขณะนั้นโยธินยังอยู่กับเขมิกาในห้อง
“ว่าไงนะ นายชาเย็นไม่ยอมส่งยัยนมมณโฑให้ตำรวจหรือ”
“คงกลัวสาวไปถึงน้องสาวตัวเองมั้ง”
“มิน่าเข้าข้างน้องไม่ลืมหูลืมตา เมียตัวเองถึงอยู่ไม่ได้”
“ไอ้โม่งที่แทงเข็มมันบอกว่าพี่ขวัญขโมยเงินสินสอดไปแล้วยังหลอกมันว่าจะพาไปหาที่ซ่อนเงินด้วย มันถึงได้แค้นคอยตามฆ่าเข็มไง”
“ถ้าพวกมันยังตามฆ่าเข็ม แสดงว่าพี่สาวเข็มก็ยังไม่ตายน่ะสิ หรือไอ้โม่งคนนี้จะเป็นชู้ของพี่ขวัญตา” เขมิกาผิดหวังพี่สาว
“ถ้าพ่อรู้ว่าลูกสาวที่พ่อเฝ้ารอเป็นคนแบบนี้ พ่อคงเสียใจ”
“งั้นก็ไม่ต้องตามหาแล้ว ไอ้โม่งมันอาจย้อนกลับมาแก้แค้นเข็มอีก”
“ถึงเข็มไปจากที่นี่ ไอ้โม่งมันก็ตามล่าเข็มอยู่ดี มีทางเดียวเราต้องจับตัวมันส่งตำรวจให้ได้ แต่ตอนนี้เฮียกลับไปก่อนนะ”
“แล้วเฮียจะติดต่อเข็มยังไง มือถือก็ตกบ่อไปแล้ว”
“เข็มจะออกไปหาเฮียเอง เฮียซื้อมือถือให้เข็มไว้แล้วกัน”
โยธินพยักหน้า
ปรียากำลังเดินตรงมายังห้องเขมิกา โยธินเดินออกจากห้องเห็นปรียาจึงรีบหันหลังเดินหนีไปอีกทาง ปรียาเห็นหลังคุ้นๆ
“เดี๋ยวค่ะ นั่นคุณโยธินหรือเปล่าคะ”
โยธินตกใจรีบเดินหนีอย่างเร็วทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเลี้ยวมุมไปอีกทาง ปรียาไล่ตามไปเพราะสงสัยที่โยธินออกมาจากห้องเขมิกา
โยธินหันไปเห็นปรียายังตามอยู่ โยธินจวนตัวเห็นหมอฝึกหัดเดินมาตรงหน้าจึงแกล้งทำกรี๊ดกร๊าดเป็นกระเทยเข้าไปกอดหมอฝึกหัด
“อ๊ายน้องหมอ คุณพี่คิดถึงน้องหมอจนแทบจะด่าวดิ้นแล้วรู้มั้ย”
หมอฝึกหัดงงพยายามดันออก แต่โยธินกอดแน่น
“นี่มันอะไรกันครับ ผมไม่รู้จัก...”
โยธินรีบจับบ่าหมอ เอานิ้วชี้กดปากหมอไว้
“หยุด น้องหมอไม่ต้องพูด คุณพี่ก็รู้ใจน้องหมอว่าคิดถึงพี่ ม้วกกกกแค่ไหน” ปรียาเดินมาถึง ยืนมองโยธินเล่นละคร โยธินดัดจริตบีบน้ำตา หมอหน้าตาเหวอมาก “เราสองคนต้องไม่ยอมแพ้ คุณพี่อุตส่าห์ปีนบันไดลิงหนีปู่มาหาน้องหมอ เราอย่างอนง้องแง้งใส่กันอีกเลยนะ” โยธินหันไปเห็นปรียายืนมองอยู่จึงทำเสียงปกติ “อ้าว คุณปรียามาทำอะไรแถวนี้ครับ” โยธินทักปรียาแล้วรีบบอกหมอด้วยน้ำเสียงแบบกระเทย “เดี๋ยวคุณพี่มานะฮ้า พอดีเจอเพื่อนชะนีอีกตัว...ต๊าย คุณเพื่อนไม่คิดว่าจะได้เจอ”
โยธินรีบดึงปรียาไปเลยโดยไม่ทันให้หมอพูดอะไรทัน
“คุณน่าจะเคลียร์กับแฟนคุณก่อน ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ” ปรียาบอก
“ผมไม่ใช่คนห่วงแฟนจนลืมเพื่อนนะครับ คุณปรียามาเยี่ยมเพื่อนหรือครับ” โยธินกลับมาพูดเสียงผู้ชายปกติ
“ฉันมานอนเฝ้าเพื่อนค่ะ แต่เห็นคุณเดินออกมาจากห้อง เออ อดีตภรรยาของแฟนฉัน ก็เลยอยากมาถาม ว่าคุณรู้จักกันหรือคะ”
“เปล่านะครับ ผมเข้าห้องผิด คิดว่าน้องหมอคนเมื่อกี้มาฉีดยาให้คนเจ็บที่ห้องนี้” ปรียาเชื่อ ไม่สงสัย
“อ๋อ เอองั้นฉันไม่กวนคุณแล้ว คุณรีบไปง้อแฟนเถอะขอให้คืนดีกันได้นะคะ” ปรียาไม่คิดว่าโยธินเป็นชายแท้ เลยกล้าจับมือโยธิน วางอีกมือบนหลังมือโยธิน “ฉันเป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณสองคนเหมาะสมกันมาก”
โยธินมองมือปรียารู้สึกใจเต้นแปลกๆ ปรียายิ้มให้ยังไม่ปล่อยมือ
“ขอบคุณมากครับ” ปรียาปล่อยมือ แล้วหันหลังเดินไป โยธินทำหน้าไม่ถูกที่ต้องแกล้งเป็นกระเทยและเผลอกรีดนิ้วสะบัดมือ “เข็มอ่ะ ทำให้เฮียต้องเป็นแบบนี้ ทุเรศตัวเองสิ้นดี” โยธินมองมือแล้วตกใจ “เฮ้ย”
โยธินตีมือตัวเองให้รีบทำมือปกติมองซ้ายขวากลัวคนเห็น
ห้องอาหารพนักงานที่สปา พนักงานกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ชิ้นเดินเซๆ มึนๆ เข้ามา หนีบกระบอกน้ำร้อนแต่ใส่เหล้าไว้ที่รักแร้ ชิ้นนั่งแปะ เยาว์มองไม่พอใจ
“ทั้งเมียทั้งลูกกินข้าวไม่ชวนเลยโว้ย”
เยาว์ชี้กระบอกใส่น้ำ
“ก็มีไอ้นั่นกรอกปากแทนข้าวแล้วไม่ใช่หรือ”
ชิ้นแย่งข้าวจากอึ่ง
“โอ๊ยพ่อ เรื่องอะไรมาแย่งฉันเนี่ย” สองพ่อลูกยื้อกัน จรรยาเดินเข้ามา เยาว์ลุกยืน รีบถาม
“จรรยา เมื่อวานไปเยี่ยมคุณผู้หญิงมาหรือ คุณผู้หญิงเป็นอะไรถึงต้องเข้าโรงพยาบาล”
จรรยายังไม่ทันตอบ อึ่งเสนอหน้า
“จะเป็นอะไร้ โรคสำออยอ้อนผัว งานถนัดของแม่นั่น” เยาว์หยิบฝรั่งใส่ปากอึ่ง ๐โอ๊ย แม่ ฉันพูดจริงนะตอนมันยังไม่เป็นแฟนคุณผู้ชาย มันเคยแกล้งเป็นลมฉันเห็นกับตา จรรยามันก็เห็น๐
จรรยาหน้าเสียเพราะจริง แต่ช่วยเพื่อน
“ฉันไม่เห็น อยากโกหกก็อย่าดึงคนอื่นเข้าไปเกี่ยว...ขวัญไข้ขึ้นสูงค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” จรรยาบอกเยาว์แล้ว
จะเดินไปกินข้าว อึ่งพูดไล่หลัง
“พ่อรู้มั้ยว่า นังขวัญตามันได้ดีกว่าฉันเพราะอะไร”
“อะไรวะ”
“มันมีเพื่อนคอยยุยงส่งเสริมไง ถ้านังขวัญมันมีเงิน อีเพื่อนก็จะได้คอยเก็บเศษเงินที่นังขวัญมันโยนลงมา เชอะหากินง่ายดี”
จรรยาหยุดเดินกำมือแน่น ชิ้นพูดเสียงมึนๆ
“อ้าว ไม่ใช่เพราะคุณขวัญตาเขาสวยกว่าแกหรือ” อึ่งร้องลั่น เยาว์สั่งเป็นงานเป็นการ
“พอได้แล้ว รีบๆ กินให้เสร็จ แล้วไปทำงานต่อ”
เยาว์เดินไป อึ่งหันไปจ้องจรรยา จรรยาจ้องตอบ
ที่โรงพยาบาล พยาบาลกำลังเปลี่ยนผ้าปิดแผลใหม่ให้เขมิกาโดยมีชานนท์ยืนมองอยู่ห่างๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ต้องระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ”
“ขอบคุณครับ” พยาบาลพากันออกไป
“ฉันอยากกลับบ้านวันนี้” เขมิกาบอกชานนท์
“หมอยังไม่อนุญาตให้เธอกลับ”
“หมอไม่อนุญาตหรือคุณสามีตั้งใจกีดกันไม่ให้ฉันไปสอบสวนคุณนมมณโฑกันแน่”
“คุณนมไปจากบ้านเราแล้ว และจะไม่กลับมาอีก” เขมิกาตกใจ
“นี่คุณปล่อยให้เขาหนีไปหรือ ทำไมไม่ส่งตัวให้ตำรวจ” ชานนท์จนมุมพูดไม่ออก “คุณบอกว่าห่วงฉัน หวังดีกับฉัน แต่กลับปล่อยให้คนร้ายลอยนวล เพื่อจะกลับมาฆ่าฉันอีกวันไหนก็ไม่รู้ นี่หรือที่คุณบอกว่าห่วงฉัน”
“คิดว่าฉันไม่อยากทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือ แต่ฉันทำตามใจตัวเองไม่ได้ ในฐานะของพี่ชายฉันต้องห่วงน้องสาวที่กำลังนอนป่วยอยู่ นิลอาการกำเริบแน่ถ้าเห็นคุณนมเดินเข้าคุก” เขมิกาเริ่มอ่อนลง “ฉันขอร้อง ให้อภัยคุณนมเถอะ”
“ผู้ร้ายฆ่าคน ศาลตัดสินให้อภัยไม่ต้องติดคุกได้หรือ ปล่อยตัวเพื่อให้ไปทำผิดซ้ำหรือไงฮะ”
ชานนท์จับมือเขมิกาแล้วพูดเสียงจริงจัง
“แต่ฉันรับรองว่าจะไม่ให้ใครทำร้ายเธอได้อีก ในฐานะของสามีฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิต”
เขมิกาอึ้ง ค่อยๆ ดึงมือออก
“ด้วยการเอาชีวิตฉันเข้าไปเสี่ยง เพื่อความสุขของน้องสาวคุณ”
“มันไม่ใช่...”
“คุณเฝ้าฉันได้ก็เฝ้าไป แต่อย่าปล่อยให้ฉันมีโอกาส ฉันจะออกไปตามจับไอ้โม่งทั้งสองคนด้วยมือฉันเอง” เขมิกาพูดสวน ชานนท์เครียด เสียงเคาะประตูดัง ชานนท์เดินไปเปิดประตูเห็นปรียายืนอยู่หน้าห้อง
“ปรียาจะมาเยี่ยมคุณขวัญค่ะ” ปรียาบอกเสียงเบา ชานนท์แกล้งพูดเสียงดังให้เขมิกาได้ยิน
“ไม่เห็นมีใคร สงสัยเด็กมาเคาะประตูเล่น” ชานนท์หันไปหาเขมิกา “เดี๋ยวฉันมานะ จะไปดูนิลหน่อย แล้วก็อย่าคิดไปไหน เพราะฉันให้พยาบาลจับตาดูเธออยู่”
ชานนท์เดินออก ปิดประตูแล้วคว้ามือปรียาไปด้วยกัน ปรียางง
ชานนท์พาปรียามาคุยแถวห้องหน้าแววนิล ปรียาร้องไห้เสียใจ
“ปรียาขอโทษที่โกหกพี่นนท์ ปรียาโง่ไปเองที่คิดว่าทำแบบนี้แล้วพี่นนท์จะไม่กลับไปคืนดีกับคุณขวัญ
“คราวนี้พี่จะยกโทษให้ แต่อย่าทำแบบนี้อีก ส่วนเรื่องที่พี่ไล่คุณนมไป อย่าให้นิลรู้เด็ดขาด”
ชานนท์บอกเสียงเย็นชา เสียงแก้วแตกจากในห้องแววนิล
“ออกไป! ไปให้พ้นหน้าฉัน!”
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ชานนท์รีบวิ่งไปที่ห้องแววนิล ปรียาวิ่งตาม ชานนท์ผลักประตูเข้าไป
ภายในห้อง แป้นยืนกลัวอยู่มุมห้องที่พื้นมีเศษแก้วแตก แววนิลเห็นชานนท์ก็ใส่ทันที
“นมไปไหนคะ ทำไมให้นังแป้นมาวุ่นวายกับน้อง ขนาดแค่น้ำดื่มมันยังเอาน้ำเย็นให้น้องกิน นี่ถ้ามันหยิบยาผิดน้องมิตายหรือคะ”
“คุณนมลาไปต่างจังหวัด เห็นว่าจะไปงานศพเพื่อนเก่า”
“เพื่อน คุณนมมีเพื่อนด้วยหรือ น้องไม่เคยเห็นติดต่อกับใคร”
“พี่ก็ไม่ค่อยรู้หรอก น่าจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยคุณพ่อเรายังอยู่ระหว่างนี้พี่จำเป็นต้องให้แป้นมาดูแลนิลแทน”
ปรียารีบเข้าไปจับมือแววนิล
“เราเลิกงานก็จะมาคอยอยู่เป็นเพื่อนนะ แป้นทำอะไรมาให้คุณนิลกินบ้างละ เอามาสิ ฉันจะช่วยเอง”
แป้นรีบไปหยิบกระติก
“น้ำข้าวกล้องงอกค่ะ คุณนมเธอสั่งให้ทำทุกวัน”
ชานนท์มองไปที่กระติก คิดอะไรบางอย่างออก
เขมิกานั่งอยู่บนเตียงเห็นมือถือชานนท์วางอยู่ที่โต๊ะวางของข้างหัวเตียงจึงเอื้อมมือจะไปหยิบเพื่อโทรหาโยธิน แต่ประตูเปิด ชานนท์เดินเข้ามา เขมิการีบชักมือกลับ วางฟอร์มหาว
“ง่วงนอนชะมัด”
ชานนท์หิ้วกระติกใบเดียวกับของแป้นมา
“แต่ก่อนจะนอนเธอควรกินน้ำข้าวกล้องงอกสักแก้วก่อน”
“เอาใจฉันเพื่อหวังผล อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน”
“แป้นอุตส่าห์ทำมาให้ น่าจะรับน้ำใจเขาหน่อย เขาจะได้ไม่คิดว่าเธอรังเกียจ” เขมิกาหน้าแตก
“แป้นทำจริงหรือ”
“หรือคิดว่าฉันจะทำให้ ไม่กินก็ไม่เป็นไรจะได้เอาไปเททิ้ง”
เขมิกากลัวแป้นคิดว่ารังเกียจ เลยคว้าแก้วจากมือชานนท์
“ของดีๆ จากคนมีน้ำใจเรื่องไรจะไม่กิน”
เขมิกาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ชานนท์มองมีเลศนัย
เช้าวันรุ่งขึ้นเขมิกาลืมตาตื่น จับหัวอย่างมึนๆ
“โอ๊ย ทำไมหัวมันหนักๆ อย่างนี้วะ” แสงส่องเข้าตาจนต้องยกมือป้องตา หันไปทางกระจกที่แสงส่องเข้ามา
“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย”
เขมิกาหรี่ตามองผ่านกระจกบานใหญ่ออกไปข้างนอก เห็นวิวทะเล เขมิกากระเด้งนั่งอย่างตกใจ ตาเบิกกว้างมองเห็นวิวชัดเจน ร้องลั่น
“ทะเล! เฮ้ยไม่ใช่แน่” เขมิกาขยี้ตา มองอีกที “ทำไมทะเลแถวนี้วิวเหมือนบ้านเรา” เขมิกาตกใจชี้ทะเล “นี่มันบ้าน...” เขมิกาปิดปากยั้งไว้กลัวคนได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ หรือเราทะลุมิติมา”
เขมิกาสะบัดผ้าห่มลงจากเตียงจึงเห็นว่าตัวเองอยู่ในชุดเสื้อกับกางเกง
“ไรวะ ตอนนอนเราใส่ชุดคนไข้นี่ คิดสิคิด มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา คิด คิด คิด คิดให้ออก ใครเล่นตลกกับเราวะเนี่ย” ภาพตอนชานนท์ส่งน้ำข้าวกล้องงอกให้กินผ่านเข้ามาในความคิด “น้ำข้าวกล้องงอก! ต้องใช่แน่”
ประตูห้องน้ำบ้านพักเปิดออก ชานนท์เดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเช็ดผมออกมา ชานนท์มองไปที่เตียงเขมิกาไม่อยู่แล้วก็ตกใจหันไปทางประตูเจอเขมิกายืนตรงหน้าเอามีดปอกผลไม้จี้คางชานนท์
“คุณใส่ยานอนหลับให้ฉันกิน แล้วเอาตัวฉันมาที่นี่ มันเป็นวิธีการของคนขี้ขลาด ไม่กล้าเล่นกันซึ่งๆ หน้า”
“ถ้าขอกันดีๆ ให้มาด้วยกัน เธอจะยอมมาหรือเปล่า ฉันอยากให้เธอรักษาแผลให้หาย ไม่ใช่วิ่งไปนั่นไปนี่เพื่อตามสืบหาไอ้โม่ง ฉันรู้ว่าเธอเก่ง แต่ร่างกายมันจะไม่ไหวเอา”
เขมิกาไม่เชื่อ คิดว่าชานนท์อยากช่วยมณฑา
“ฟังดูดีนะถ้าพูดจากใจจริง แต่ฉันไม่รับความหวังดีของคุณฉันจะกลับกรุงเทพฯ”
“จะกลับได้ไง รถฉันเสียอยู่ ช่างจากอู่ก็ยังไม่มาดูให้”
“ฉันจะกลับรถทัวร์เอง เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน”
ชานนท์จับมือเขมิกาดึงมีดมาใกล้คอตัวเอง
“ฉันรู้ ว่าฉันเคยร้ายกับเธอไว้มาก น้องฉันเองก็ทำกับเธอไว้ไม่น้อย แค่คำขอโทษมันคงไม่พอ ถ้าเธออยากแก้แค้น ฉันยินดีไถ่โทษ อยากแทงก็แทงมาเลย ฉันตายก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอยู่รับรู้เรื่องบ้าๆ พวกนี้”
“คุณตายไปสบาย ส่วนฉันก็ไปกินข้าวแดงในคุกงั้นสิ”
“เธอจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แลกกับการยอมอยู่ที่นี่จนกว่าแผลจะหายดี”
เขมิกาถอยจากชานนท์ ไม่คิดว่าชานนท์จะมามุกนี้
“ทุกอย่างจริงหรือคุณสามี”
“เอาไงก็ว่ามาเลย”
เขมิกานึกอยากแกล้งชานนท์
เขมิกานั่งเก้าอี้อยู่ที่ชายหาดหลังโรงแรม มือชี้ไปที่พลั่วกับภาชนะใส่ปูลม
“เครื่องทุ่นแรง ฉันยืมมาจากคนทำสวนของโรงแรม” ชานนท์นิ่งคิด เขมิกาคิดว่าชานนท์คงไม่ทำ “คุณไม่ต้องทำก็ได้นะ ถ้าคิดว่ามันจะเสียศักดิ์ศรีท่านประธานใหญ่”
ชานนท์ดึงพลั่วกับภาชนะมา
“ฉันไม่ได้เล่นดินเล่นทรายมานานแล้ว ได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กก็ดีเหมือนกัน”
ชานนท์เดินไปบนพื้นทรายสีขาวที่คลื่นสาดไม่ถึง เขมิกายิ่งโกรธที่ชานนท์ไม่ตอบโต้
“ผู้ชายอย่างคุณนะหรือจะยอมทำทุกอย่างตามที่ผู้หญิงสั่งทำเป็นเล่นบทพระเอก อยากเห็นเหมือนกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”
เขมิกามองตาม ชานนท์ยืนมองพื้นทราย เริ่มต้นไม่ถูก
“ยืนเพ่งกระแสจิตกะเรียกให้ปูลมมันเดินขึ้นมาเองหรือไงฮะ วิธีนี้คงจับได้เป็นกระบุงแหงๆ” เขมิกาหัวเราะ ชานนท์ถกขากางเกงขึ้น “ยังไม่ทันไรเลย แค่นี้ก็กลัวขี้เกลือเกาะซะแล้ว”
ชานนท์ไม่รู้ไม่ชี้ อธิบายดีๆ
“ถลกขึ้นมาแบบนี้มันนั่งถนัดกว่า”
ชานนท์นั่งยองๆ หยิบพลั่ว
“ต้องการถุงมือยางมั้ย เดี๋ยวเชื้อโรคมันติดเล็บ จะหาว่าเป็นเพราะฉันไม่ได้นะ”
ชานนท์ยิ้มให้ไม่โกรธอีก
“ไม่เป็นไร มือเปล่านี่แหละดี” เขมิกาหน้าหงิก ชานนท์ขุดแล้วเงยหน้าถามเขมิกา “ถ้าฉันจับปูลมได้เธอจะทำตามที่ฉันขอแน่นะ”
เขมิกาคิดว่าชานนท์ไม่มีทางจับได้แน่นอน
“ถึงฉันไม่ใช่นักเลงแต่ก็มีสัจจะพอตัว รับรองว่าชัวร์ไม่มั่วนิ่ม แต่ฉันมั่นใจ ว่าฉันได้กลับกรุงเทพฯ ชิลๆ” ชานนท์เริ่มขุดทราย ขุดครั้งแรกยังไม่เจอ ขุดหลุมใหม่อีก เขมิกาแกล้งพูดจิกตลอดให้ชานนท์เสียสมาธิ “ขุดอย่างนั้นไม่รู้จะหาปู หรือจะส่งปูขึ้นสรรค์กันแน่ มันคงกล้าโผล่มาให้จับหรอก”
ชานนท์ขุดเจอปูลม ดีใจร้องลั่น
“เจอแล้ว เจอแล้ว”
ชานนท์จะจับ แต่ปูลมไว้มากวิ่งปู๊ดลงรูไป
“บอกแล้วว่ามันไม่ง่าย ยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ขายหน้านะคุณสามี ฮ่ะๆๆ” เขมิกาหัวเราะแล้วเบ้หน้าเจ็บแผล ชานนท์โดนดูถูก ไม่ยอมแพ้ ขุดลงไปอีก เจอปูลมอีก พยายามจะจับปูลม ปูลมวิ่งลงรู
ชานนท์ไล่จับปูลม จับแล้วจับอีก ปูลมวิ่งลงรูหมด ชานนท์หน้าคะมำจิ้มทรายบ้าง หัวทิ่มบ้าง เขมิกาเผลอตัวหัวเราะชอบใจ เจ็บแผลไป ชานนท์เห็นปูลมตัวสุดท้าย
“หยุด อยู่เฉยๆ อย่าหนี”
เขมิกาลืมตัวเปลี่ยนเป็นเชียร์
“อ๊าย เฮ้ยๆ ใครใช้ให้จับอย่างนั้น ใช้ดรรชนีสังหารซี่ เอานิ้วน่ะนิ้วชี้กดไว้ กดไว้ เอ้ออย่างนั้นๆ เกือบได้แล้ว จับได้แล้ว”
ชานนท์ชูปูขึ้นลุกยืนกระโดดดีใจเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง เขมิกากระโดดดีใจไปด้วย ชานนท์หอบพูดไม่
หยุด
“ฉันจับได้แล้ว เธอต้องทำตามสัญญา ห้ามบิดพลิ้ว”
“เอ๊ะ ฉันไปสัญญากับคุณตอนไหน ทำไมถึงจำไม่ได้สงสัยเส้นสมองจะเสื่อมอีกเส้น”
“พูดอย่างนี้คิดเบี้ยวหรือ”
ชานนท์ยื่นปูลมไปหาเขมิกา เขมิกาเอี้ยวตัวหนี
“เฮ้ยๆ อย่าเล่นแบบนี้ มันหนีบเจ็บนะคุณ”
ชานนท์แกล้งเอาปูไล่หนีบ เขมิกาเจ็บแผล ชานนท์ตกใจ
“ขอโทษ ก็เธอแกล้งฉัน เห็นมั้ยกรรมสนอง”
ชานนท์ประคับประคอง เขมิกาเขิน
ที่บ้านเลิศวิริยะ โย่งจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ปรียาเดินเข้ามา ปรียามองโต๊ะอาหาร
“ทำไมจัดที่เดียวล่ะจ๊ะ”
“คุณปรียาไม่รู้หรือครับว่าคุณผู้ชายพาคุณผู้หญิงไปฮันนีมูน ผมล่ะไม่อยากจะเชื่อ มันต้องมีการมอมยาหรือไม่ก็ทำคุณไสยใส่คุณผู้ชาย” โย่งรีบฟ้อง ปรียาเจ็บ
“เขาไปเที่ยวกันที่ไหนหรือโย่ง”
“ทะเลครับ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าทะเลที่ไหน ถ้าผมเป็นแฟนคุณผู้ชาย จะตามไปดีดลงทะเลไปเลย ข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้” โย่งยุง ปรียาร้อนใจ
“เก็บโต๊ะไปได้เลยนะ ฉันไม่กินแล้ว จะรีบไปทำงาน” ปรียาบอกแล้วเดินออกไป
“ทำเป็นใจเย็นไปเหอะ พอเขาสวีทกันกลับมา แล้วจะกลายเป็นหมาหัวเน่า” โย่งพูดพร้อมกับเขี่ยผักที่อยู่ในจาน “โดนเขี่ยๆ ไปอยู่ข้างจานแบบนี้ สุดท้ายก็ทิ้งลงถังขยะ แล้วจะหาว่าไอ้โย่งไม่เตือน”
ปรียายืนหลบฟังอยู่ ชักใจคอไม่ดี
กล่องมือถือเครื่องใหม่วางอยู่บนโต๊ะในห้องพักโยธิน โยธินเดินไปเดินมา มองมือถือในมือตัวเอง
“ไม่เห็นติดต่อมาสักที”
โยธินชักกังวลใจ
ปรียาเดินซึมเข้าลิฟต์ โยธินหิ้วของฝากเดินเข้าประตูโรงแรมมาเห็นหลังปรียาไวๆ ลิฟต์ปิด
ระหว่างอยู่ในลิฟต์ ปรียานึกถึงคำพูดของโย่ง
“ทำเป็นใจเย็นไปเหอะ พอเขาสวีทกันกลับมา แล้วจะกลายเป็นหมาหัวเน่า โดนเขี่ยไปอยู่ข้างจาน สุดท้ายก็ทิ้งลงถังขยะ แล้วจะหาว่าไอ้โย่งไม่เตือน”
ปรียาอัดอั้นตันใจ ร้องไห้ออกมา
ประตูลิฟต์เปิด โยธินยืนหอบเหนื่อยอยู่หน้าลิฟต์
“สวัสดีครับ ผมนึกว่าจะวิ่งขึ้นบันไดมาดักคุณไม่ทันซะแล้ว ผมแวะเอาของมาฝากครับ ไม่ทันได้ให้สักที” ปรียาอายรีบเปิดกระเป๋าหากระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งรีบยิ่งลน ทำกระเป๋าตกหมด โยธินรีบเข้าไปเก็บให้ เห็นน้ำตาปรียาอาบหน้า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ต้องการให้ผมช่วยมั้ย”
ปรียาทนไม่ไหวกอดโยธินร้องไห้หาที่พึ่งพิง โยธิยมือค้างยืนตัวแข็ง
ชานนท์มาซื้อของในตลาดสดเล็กๆ ระหว่างนั้นชานนท์คุยมือถือกับประชา
“ประชา ผมมีธุระอยากไหว้วานคุณหน่อย”
หมออนุญาตให้แววนิลออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้ ชานนท์จึงให้ประชาไปรับแววนิลแทน
“พี่นนท์ไปไหน ทำไมไม่มารับฉันเอง”
แววนิลถามประชาที่ยืนอยู่ปลายเตียง
“คุณชานนท์เดินทางไปพบลูกค้าต่างจังหวัดครับ มันกะทันหันปุบปับก็ไปเลย ผมก็เพิ่งได้รับคำสั่งให้มารับคุณนิลเหมือนกัน”
“งั้นหนูเก็บของเลยนะคะ” แป้นบอก ประชาพยายามพูดยุแหย่แววนิลต่อ
“น่าแปลกนะครับ ตอนผมถามคุณชานนท์ว่าอยู่ที่ไหน เขาปิดๆ บังๆ ไม่ยอมบอก ผมว่าอาจไม่ได้ไปคนเดียวก็ได้นะครับ”
“ขวัญตา ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ผมแวะไปเยี่ยมที่ห้องแล้ว แต่ไม่อยู่เหมือนกัน”
“มันต้องไปกับพี่นนท์แน่ๆ” แววนิลร้อนใจ สั่งแป้น “ไปตามนมมาให้ฉัน”
“ตามที่ไหนละคะ แป้นไม่รู้ที่อยู่ มือถือคุณนิล คุณนมก็ไม่ได้เอาติดตัวไป”
ประชามองไปทางแป้น แล้วเดินไปใกล้ๆ แววนิล พูดเบาๆ ได้ยินแค่สองคน
“ผมจะช่วยสืบให้เองว่าคุณชานนท์อยู่ที่ไหน”
แววนิลเจ็บใจ
ที่ระยอง เขมิกาใส่เดรสยาวผ้าพลิ้วๆ สวยงามเหมาะกับเดินชายทะเลเดินออกจากห้องน้ำ เขมิกาไม่เห็นชานนท์ มองไปที่โต๊ะมีกระดาษเล็กๆ วางอยู่ เขมิกาหยิบขึ้นอ่าน
“เห็นเธอกำลังหลับสบายก็เลยไม่อยากปลุก ฉันจะออกไปซื้อของกินมาให้ หวังว่าเธอจะรักษาสัญญา”
“ลมปากคนเชื่อได้ที่ไหนกันเล่า”
เขมิการีบตรงดิ่งไปที่โทรศัพท์ของบ้านพักเพื่อติดต่อโยธิน เขมิกายกหูขึ้น ไม่มีสัญญาณใดๆ เลย เขมิกามองหลังโทรศัพท์ไม่มีสายเสียบ
“เฮ้ยอะไรเนี่ย บ้าหรือเปล่ามีโทรศัพท์แต่ไม่มีสายสัญญาณ เข้าใจเล่นดีนี่”
เขมิกาคิดจะหนี เห็นกระเป๋าเงินของชานนท์วางอยู่จึงหยิบเงินออกมาบางส่วนแล้วค่อยๆ เปิดประตู มองออกไปด้านนอก มองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดคนจึงรีบเดินออกไป
เขมิกากำลังจะคิดหนีไป แต่ชะงักได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน กลิ่นอาหารโชยมา เขมิกาสงสัย เดินไปช้าๆ ทางด้านหลังของบ้านพัก เห็นชานนท์กำลังผัดส่วนผสมของผัดขี้เมาบนเตาปิกนิก ท่าทางเก้งก้าง ที่โต๊ะปูพลาสติก มีจานใส่สปาเก็ตตี้ ถ้วยใส่กุ้ง ปลาหมึก พริกขี้หนูบุบ มีเขียง มีด จานชามพร้อม เขมิกายืนมองเห็นชานนท์หยิบกระดาษโพยวิธีทำอาหารมาอ่าน
“อ้าว ลืมพริกขี้หนูบุบ”
ชานนท์หยิบถ้วยพริกขี้หนูบุบ เทใส่กระทะหมดถ้วยแล้วผัด ควันและกลิ่นเผ็ดฉุนเข้าจมูก เข้าคอ ชานนท์ไอไม่หยุด ถอยห่างจากเตา แต่ไม่ยอมแพ้ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผูกปิดจมูกกับปากไว้ แล้วผัดต่อ เขมิกายืนนิ่งไม่ขยับเพราะรู้ว่าชานนท์ทำให้เธอกิน ชานนท์เทกุ้ง ปลาหมึกใส่กระทะ น้ำมันกระเด็นใส่ ชานนท์ร้อง กระโดดหนี แต่ก็พยายามยื่นมือไปผัดๆ แบบทนเจ็บ เขมิกาจะเข้าไปช่วยแต่ยั้งไว้ ตัดสินใจหันหลังเดินไป ชานนท์ยกกระทะราดส่วนผสมขี้เมาบนสปาเก็ตตี้ แต่งหน้าด้วยผัก ชานนท์ปาดเหงื่อ ยิ้มภูมิใจ
ชานนท์ถือจานสปาเก็ตตี้เดินเข้ามาในบ้านพักมองหาเขมิกาแต่ห้องว่างเปล่า
“ขวัญๆ”
ชานนท์รีบวางจานที่โต๊ะ เปิดห้องน้ำมองหาเขมิกาแต่ไม่มี จึงเดินไปหน้าประตูห้องอีกครั้งมองหารองเท้า มีแต่รองเท้าชานนท์ไม่มีรองเท้าเขมิกาแล้ว
ชานนท์นั่งมองอาหารที่อุตส่าห์ทำ รู้สึกผิดหวังในตัวเขมิกา ชานนท์โกรธลุกยืนคว้าจานจะเทใส่ถังขยะจังหวะนั้นเขมิกาผลักประตูเข้ามาโวยวาย
“อย่าทิ้งนะคุณ ทำให้ฉันกินไม่ใช่หรือ”
เขมิการีบเข้ามาแย่งจาน วางบนโต๊ะ ชานนท์มองหน้าเขมิกาโล่งใจที่เขมิกาไม่ได้หนีไปกรุงเทพฯ
“รู้ได้ไงว่าฉันทำให้เธอกิน ฉันทำกินเองต่างหาก”
ชานนท์นั่งลงดึงจานมาตรงหน้า เขมิกานั่งลงดึงจานกลับไปหาตัวเอง
“เมื่อคืนฉันสั่งสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลแล้วทางโรงแรมไม่มี คุณก็เลยอยากเอาใจภรรยาที่น่ารักอย่างฉัน ด้วยการเป็นพ่อครัวเอง คุณพูดตรงๆ แบบนี้ไม่ได้หรือไม่เห็นต้องเขินเลย”
“ที่ออกไปข้างนอกเนี่ย ไปแอบดูฉันมาละสิ”
“โอ๊ยไม่ใช่สักหน่อย ฉันให้พนักงานไปตัดว่านหางจระเข้ของโรงแรมมา”
“เอามาทำไม”
เขมิกาดึงมือชานนท์มา เอาว่านหางจระเข้ตรงที่เป็นรอยตัดมีเมือกใสๆ ป้ายแผลให้ชานนท์ ชานนท์ยิ้มๆ รู้ว่าเขมิกาไปแอบดูจริงๆ
“ขอบใจ ฉันทำเอง เธอกินเถอะเดี๋ยวจะหายร้อน”
เขมิกายิ้มตอบ ม้วนๆ สปาเก็ตตี้ขึ้นมา
“จะกินละนะ” เขมิกาตักเข้าปากแล้วร้องจ๊าก “โอ๊ยๆๆ เผ็ดๆ นี่คุณใส่พริกไปทั้งสวนหรือไงหึ” ชานนท์ตกใจ
“ฉันก็ทำตามสูตรที่แม่ค้าในตลาดจดให้ทุกอย่างเลยนะ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้”
ชานนท์รีบเทน้ำใส่แก้วให้เขมิกา เขมิกายกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“คุณตั้งใจจะแก้แค้นฉันเรื่องเมื่อวานแน่ๆ ไอ้เราก็นึกว่าใจดีหลงชื่นชม”
“ฉันไม่นิสัยเด็กๆ อย่างนั้นหรอกน่า”
“อ๋อ งั้นฉันก็เด็กสิน่า ที่หาเรื่องคุณ งั้นก็ลองชิมเองเลย จะได้รู้” ชานนท์ลองชิม สำลักเพราะเผ็ดจัด รีบกินน้ำ “เป็นไงละ ซึ้งหรือยัง ผู้ชายอะไรคิดเล็กคิดน้อย คอยเอาคืนตลอด”
ชานนท์เสียใจ เสียหน้า
“ฉันมันไม่รู้จักประมาณตัวเอง แต่ฉันตั้งใจทำให้เธอกินจริงๆ ไม่คิดว่าการทำอาหารมันจะยากอย่างนี้ ขอโทษนะ แทนที่จะทำให้เธอพอใจ กลับยิ่งทำให้รู้สึกแย่กว่าเก่า”
ชานนท์ยกจานจะไป เขมิกาฟังแล้วอึ้งรู้สึกผิดที่พูดแรงไปจึงรีบดึงจานไว้ ชานนท์มองมือเขมิกา
“ความจริงฉันก็โวยวายมากไปหน่อย ผัดขี้เมามันก็ต้องแซ่บๆ แบบนี้แหละ มันถึงจะถึงรสถึงใจ อย่าทิ้งเลยนะ ฉันอยากกิน”
“จะบ้าหรือ มันเผ็ดจะตาย กินเข้าไปได้ยังไง”
เขมิกาดึงขานกลับมาวางบนโต๊ะ
“ฉันชอบกินเผ็ดๆ มาเถอะน่ากินได้” เขมิกาตักกิน เผ็ดแสนเผ็ดแต่พยายามยิ้ม ยกนิ้วให้ชานนท์ “มันจัดจ้านมากกก” เขมิกาบอกแล้วรีบกินน้ำ ชานนท์ขำ หยิบส้อม ช่วยกิน “เฮ้ย คุณกินไม่ได้หรอก”
“ฝีมือฉันเองทำไมจะกินไม่ได้ นี่น่ะครั้งแรกที่เข้าครัวนะ ต้องฉลองฝีมือตัวเองสักหน่อย” ชานนท์กินเข้าไป เผ็ดแทบตาย แต่ตีหน้ายิ้มว่าอร่อย ยกนิ้ว “อื้อ อร่อยสุดยอด”
“งั้นอีกคำ”
เขมิกาแกล้งจิ้มกุ้งให้ชานนท์ ชานนท์หน้าแหย แต่ยอมกิน แล้วแกล้งกลับจิ้มหมึกให้เขมิกาบ้าง เขมิกาฝืนยิ้มยอมอ้าปากกิน เขมิกาเผ็ดเป่าปาก ชานนท์รีบส่งน้ำให้ดื่ม ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
ปรียากับโยธินเดินทางมายังโรงแรมแถวพัทยา
“ขอบคุณครับ” โยธินพูดกับพนักงานโรงแรมแล้วเดินมาหาปรียา ที่ยืนรออยู่ห่างๆ “แฟนคุณไม่ได้เข้าพักที่นี่ ยังมีโรงแรมแถวชายทะเลที่ไหนที่เขาเป็นเมมเบอร์อีกมั้ยครับ เอาที่ใช้เวลาเดินทางสั้นๆ เพราะถ้าไปแค่ 2-3วัน คงไม่ไกลจากภาคตะวันออก”
“เรากลับเถอะค่ะ”
ปรียารีบเดินออกไป โยธินขัดใจบ่นออกมาเบาๆ
“คุณไม่อยากเจอแฟนคุณ แต่ผมอยากเจอแฟนผม ทำไมนะเข็ม ถึงยอมไปกับเสือผู้หญิงอย่างไอ้หมอนั่น”
ปรียายืนรออยู่ที่รถ โยธินเดินมาถึง
“คิดอีกทีนะครับ คุณจะกลับไปเพื่อนั่งร้องไห้อีกหรือ”
“ก็ดีกว่าไปเพื่อดูว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฉันไม่น่าคิดอะไรโง่ๆ ให้คุณช่วยตามหาเขาเลย”
“ไม่เอาน่า เจอแค่นี้คุณก็ถอยแล้วหรือ”
“ผู้ชายก็คิดแบบผู้ชาย คุณไม่เข้าใจฉันหรอก”
โยธินกลัวปรียาไม่ไว้ใจ รีบดัดจริตเป็นหญิง
“พูดอย่างนี้ได้ยังไง ลืมแล้วหรือฉันเป็นคนหนึ่งที่ต้องสู้เพื่อความรักเหมือนกัน หัวใจของกระเทยเวลาเจ็บก็เจ็บเจียนตายเหมือนหัวใจคุณนั่นแหละ มันไม่ได้ต่างกันเลย ขอย้ำไว้เลยนะฮ้า อย่าบอกว่าผมไม่เข้าใจคุณ ถ้าไม่อยากเสียใจ คุณต้องตามไปเรียกร้องเอาคนของคุณกลับมา”
ปรียาคิดตาม
“ยังมีโรงแรมอีกที่ค่ะ อยู่ระยอง”
โยธินตกใจเพราะเป็นบ้านตัวเองกับเขมิกา
“ระยอง”
ชานนท์กับเขมิกาเดินมาหน้าห้องอาหารของโรงแรม
“ดีนะที่เราไม่ทนกินสปาเก็ตตี้ให้หมด มีหวังไส้ทะลุแน่” ชานนท์บอกขณะที่เขมิกามองมุมนั้นมุมนี้กลัวเจอคนรู้จัก “มองหาอะไรหรือ” ชานนท์ถามอย่างแปลกใจ เขมิกาสะดุ้ง
“เปล่านี่ ก็มองไปทั่วๆ ฉันว่าเราสั่งอาหารไปที่บ้านพักก็ได้”
“อุตส่าห์มาเที่ยวจะอุดอู้อยู่แต่ในห้องทำไมกัน”
ผู้จัดการกำลังยืนสั่งงานพนักงาน หันมาเห็นชานนท์ก็จำได้ รีบเดินไปทัก
“คุณชานนท์ เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ยคะ”
เขมิกาตกใจเมื่อเห็นผู้จัดการ
“ตายแล้ว”
เขมิการีบไปยืนหลังชานนท์ หลบๆ หน้าผู้จัดการ
“ครับ ที่นี่ยังเยี่ยมเหมือนเดิม”
“ดีใจที่ชอบค่ะ” ผู้จัดการพยายามมองเขมิกาว่าใช่ขวัญตาหรือเปล่า
“ภรรยาผมเองจำได้มั้ยครับ เราคืนดีกันแล้ว ก็เลยพาเขามาสวีทรอบสอง”
“สวัสดีค่ะคุณขวัญตา ยินดีด้วยนะคะ”
ชานนท์หันไปหาเขมิกา แต่เขมิกายังหลบหน้า
“ขวัญ จำผู้จัดการไม่ได้หรือ...คือขวัญเขาประสบอุบัติเหตุสมองถูกกระทบกระเทือน ก็เลยทำให้ความจำบาง
ส่วนเลือนๆ ไปบ้าง” ชานนท์บอกกับผู้จัดการ
“ขอให้หายเร็วๆ นะคะ เออ เกือบลืมไป เดือนที่แล้วมีคนหน้าตาเหมือนคุณขวัญมาถามหาคุณขวัญด้วยค่ะ”
ชานนท์แปลกใจ เขมิกาได้ยินตกใจ รีบหันกลับมา
“ฉันเองแหละมั้งที่เป็นคนถาม คงเพราะฉันความจำเสื่อมก็เลยจำตัวเองไม่ได้ ไปที่นั่นที่นี่มั่วไปหมด ฉันอยากไปเดินเล่น ไปกันเถอะฮะ” เขมิกาดึงชานนท์ ชานนท์ถูกดึง รีบบอกผู้จัดการ
“ขอตัวก่อนนะครับ” ผู้จัดการงงๆ
“อ้าว คนเดียวกันหรอกหรือ”
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
หลังโรงแรม ปิ้งกำลังยืนสั่งงานอยู่ที่ท้ายรถกะบะ
“ยกดีๆ ค่อยๆ บอกว่าค่อยๆ”
ลูกน้องยกลังโฟมใส่ปลาลงวาง
“เถ้าแก่บอกให้มาช่วยกันยกไม่ใช่หรือลูกพี่” ปิ้งจะเขกหัว วัยรุ่นหลบทัน
“ไอ้นี่ อย่าพูดมาก ยกเข้าไปในครัว” เสียงไลน์ดัง ปิ้งรีบหยิบดู ดีใจ ตะโกนบอก “เอาเข้าไปให้หมดเลยนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
ปิ้งกระดี๊กระด๊ารีบไป
ปิ้งเดินมาหยุดใต้ต้นมะพร้าวชายหาด ยืนเล่นไลน์กับสาวๆ ปิ้งพิมพ์ไป ปากพูดไปด้วย
“โทษนะจ๊ะตัวเอง เค้าต้องหลบมาคุย เพราะเดี๋ยวลูกน้องมันไปฟ้องเถ้าแก่ คิดถึงตัวเองจุงเบย”
เขมิกาจูงชานนท์เดินออกมาที่ชายหาด
“ไหนว่าหิวมากไง”
“สงสัยยาออกฤทธิ์เลยทำให้คอขมๆ กินไม่ค่อยลงมั้งฮะ” เขมิกาเดินไปข้างหน้า มองทะเล สูดอากาศ “ชื่นใจ ไม่มีทะเลที่ไหนสวยเท่าที่นี่อีกแล้ว”
ชานนท์ยังคาใจเรื่องที่ผู้จัดการบอก
“หลังโดนไอ้โม่งตีหัวจนความจำเสื่อม เธอมาที่นี่ถูกได้ไง”
เขมิการีบคิดคำแก้ตัว
“ฉันคงโดนมันจับมาแถวนี้มั้ง มิน่าถึงได้รู้สึกคุ้นๆ กับทะเลแถวนี้นัก อย่าบอกนะว่าคุณสงสัยฉันอีกแล้ว” เขมิกาแกล้งทำเป็นโมโหให้ชานนท์หยุดสงสัย “ไอ้ที่บอกว่าเชื่อฉันแล้ว ก็พูดไม่จริงสิ”
เขมิกาแกล้งโกรธเดินหนีไป
“ขวัญ ฉันแค่ถามเฉยๆ โอเค ฉันปากไม่ดีเอง”
ชานนท์รีบตามและข่มใจไว้เพราะต้องทำดีชดเชยความผิดของน้อง
“ที่เที่ยวมีถมถืดตั้ง 77 จังหวัด ทำไมต้องมาเลือกที่นี่ด้วย หันไปทางไหนก็เจอแต่คนรู้จักเกิดเจอปู่ขึ้นมามีหวัง...” เขมิกาเดินบ่นพึมพำ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นปิ้งระยะไกลก้มหน้าก้มตาเล่นไลน์ “ไอ้ปิ้ง”
ปิ้งหัวเราะคิกคักเบือนหน้ามาทางเขมิกา ปิ้งจะก้มหน้าพิมพ์ต่อแต่เพิ่งรู้สึกว่าคนเมื่อกี้เหมือนเขมิกา
“อะจึ่ย หน้าคุ้นๆ”
ปิ้งรีบมองกลับไปทางเดิม แต่เขมิการีบหมุนตัวกลับเห็นชานนท์ตามมาถึงพอดี ปิ้งเห็นแต่หลังเขมิกา เขมิกาโผเข้าไปกอดเอว ซุกหน้ากับอกชานนท์ ชานนท์งง
“เธอโกรธฉันไม่ใช่หรือ ทำไมอารมณ์กลับไปกลับมาเร็วนัก”
เขมิกายังซุกหน้ากลัวปิ้งเห็น
“คุณช่วยอยู่นิ่งๆ ก่อน ฉันรู้สึกเหมือนจะจำบางอย่างได้” ชานนท์ดีใจ ยอมยืนนิ่งๆ เขมิกาค่อยๆ หันไปดูปิ้ง ปิ้งกำลังเดินตรงมา เขมิกาตกใจพูดไปมั่ว “ฉันจำได้แล้ว เราเคยเดินเล่นกันสุดหาดทรายตรงโน้น คุณช่วยพาฉันไปหน่อย”
ชานนท์มองตามนิ้วเขมิกา
“มันไกลนะ แผลยังไม่หายดีจะเดินไหวหรือ”
“คุณก็ให้ฉันขี่หลังไปสิ ไม่อยากให้ฉันความจำกลับมาหรือไง เร็วๆ หันหลังมา”
เขมิกาจับชานนท์หันหลัง ชานนท์ย่อตัวลงนั่งยองๆ เขมิกาขึ้นหลังกอดคอชานนท์ ชานนท์แบกเขมิกาไป เขมิกาหันไปมองปิ้งอีกทีแล้วรีบหันกลับซุกหน้ากับหลังชานนท์ ปิ้งหยุดเดิน ชักไม่แน่ใจ
“จะใช่หรือเปล่าวะ ไม่น่านา พี่เข็มเคยแต่งตัวแบบนี้ซะที่ไหน” มือถือปิ้งดัง
“พี่ปิ้ง จะกลับหรือยัง”
“เอ้อๆ ไปเดี๋ยวนี้”
ปิ้งรีบเดินกลับ เขมิกาหันมามองเห็นปิ้งเดินไปแล้ว จึงโล่งใจ
“คุณสามีปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินเองก็ได้”
“ฉันไม่เหนื่อยหรอกน่า ดีนะที่ฉันแข็งแรงถึงได้รับน้ำหนักอย่างกับช้างน้ำของเธอไว้”
เขมิกาหมั่นไส้ทำท่าเหมือนจะเขกหัวชานนท์ ชานนท์ไม่เห็นแต่อมยิ้ม
ชานนท์กับเขมิกายืนมองคลื่น แล้วชานนท์ก็หันมาถาม
“เห็นทะเลแถวนี้แล้วพอจะนึกออกบ้างหรือยัง”
“ตอนแรกก็เหมือนจะนึกออก แต่ไม่รู้ทำไมภาพมันก็หายไปมันน่าเขกหัวตัวเองนัก”
เขมิกาจะเขกหัวตัวเองแต่ชานนท์จับมือไว้
“ใจเย็นๆ ถ้าเธอจำได้ว่าเราเคยมาที่นี่ แสดงว่าสมองเธอน่าจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติในไม่ช้า”
“ฉันกับคุณเคยมาตรงนี้จริงหรือ” ชานนท์พยักหน้า
“ลองนึกดีๆ อีกทีสิ ว่าเรามาทำอะไรกัน”
เขมิกาตาโตนึกว่ามามีอะไรกัน
“อย่าบอกนะว่าเรามาพลอดรักกัน” เขมิกามองพื้น “บนหาดทรายสากๆ เนี่ยนะ แถมมีน้ำทะเลเค็มปี๋ด้วย” ชานนท์หัวเราะ
“จะบ้าหรือฉันไม่วิตถารอย่างนั้นหรอกน่า มากับฉันนี่”
ชานนท์ประคองเขมิกาเดินไป
ชานนท์ประคองเขมิกานั่งบนขอนไม้ เขมิกาสงสัยว่าชานนท์จะทำอะไร ชานนท์ถอดเสื้อแจ็กเก็ตกับเสื้อตัวในออก
“เฮ้ย คุณสาๆๆ มี ถะถอดเสื้อทำไม”
“นั่งอยู่ตรงนี้เฉยๆ แล้วตั้งใจดูดีๆ”
ชานนท์เดินลงทะเลว่ายน้ำหายไป เขมิกาพยายามเพ่งตามอง ชักไม่สบายใจที่ชานนท์หัวมิดน้ำไป
“คุณสามี ขึ้นมาสักทีสิ จมน้ำไปหรือเปล่าเนี่ย คุณชานนท์ ถ้าไม่ขึ้นมา ฉันจะลุกไปหาคุณแล้วนะ”
ชานนท์โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง เขมิกาโล่งใจ ชานนท์เดินกลับมาหาเขมิกาตัวเปียกปอนแล้วคุกเข่าตรงหน้าเขมิกายื่นเปลือกหอยให้ เขมิกามอง บนเปลือกหอยมีแหวนเงินเกลี้ยงๆ ฝังเพชร เขมิกาใจระทึกนึกว่าชานนท์ขอแต่งงาน
“ฉันเคยขอเธอแต่งงาน แต่เธอยังไม่ให้คำตอบฉันเลย นี่ฉันอุตส่าห์ดำลงไปหาแหวนสวยๆ มาให้เธอ ยังไม่ใจ
อ่อนอีกหรือ” เขมิกาเคลิ้มตาม พูดไม่ออก จ้องตากันนิ่งนาน ชานนท์ทำลายความเงียบ “เธอพอจะจำได้หรือยัง ว่าฉันเคยขอเธอแต่งงานด้วยวิธีนี้”
แป่ว! เมื่อรู้ว่าคือการแสดง
“ฉันพอจำได้ลางๆ แล้ว แต่อย่างอื่นจำไม่ได้เลย แหวนที่คุณสวมให้ หายไปไหนก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไร จำได้แค่นี้ก็ยังดี” ชานนท์หยิบแหวน แล้วดึงมือซ้ายเขมิกามา “ถึงจะไม่ใช่วงเดียวกัน แต่ฉันก็สั่งทำให้คล้ายกัน ถือว่าเป็นการขอโทษที่ฉันเข้าใจเธอผิดมาตลอด”
“แล้วผู้ชายที่ฉันกอดในคลิปล่ะ ไม่ติดใจแล้วหรือ”
“ฉันไม่อยากนึกถึงอีก ปล่อยให้มันหายไปพร้อมกับความจำของเธอ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันเริ่มต้นกันใหม่ได้”
ชานนท์จะสวมแหวนให้เขมิกา เขมิกาสงสารชานนท์ไม่อยากหลอกชานนท์เพราะตัวเองไม่ใช่ขวัญตา
“แต่ฉันไม่ใช่ขวัญตา ฉันกำลังหลอกคุณอยู่” เขมิกาบอกในใจแล้วรีบชักมือออก ชานนท์ไม่เข้าใจ “คือ ฉันกลัวทำหายอีก ฝากคุณเก็บไว้ก่อนแล้วกันนะ เรากลับห้องพักเถอะ”
เขมิการีบลุกยืน ฟ้าร้องเปรี้ยง เมฆทะมึนเคลื่อนตัวมา เขมิกามองฟ้าตกใจ ฝนเทลงมาทันที
ชานนท์พาเขมิกาวิ่งมาหลบฝนตรงชะโงกหิน ชานนท์รีบถอดเสื้อคลุมไหล่ให้เขมิกา
“ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันมันหัวแข็ง คุณนั่นแหละระวังเป็นหวัด” เขมิกาบอก
“ลืมแล้วหรือว่าแผลเธอโดนน้ำไม่ได้”
เขมิกาเห็นชานนท์โดนฝนสาด
“ขยับเข้ามาอีกก็ได้” ชานนท์มองเงอะงะ “ฉันไม่ได้อยากนั่งเบียดกับคุณหรอกน่า แต่ถ้าคุณเป็นหวัดขึ้นมาเดี๋ยวก็จะมาติดฉันอีก”
“พูดตรงๆ ว่าห่วงฉันไม่ได้หรือ มันยากนักหรือไง”
“ฉันไม่ได้ห่วงคุณสักหน่อย อย่ามาโมเม”
ชานนท์อมยิ้ม เบียดเข้าไปนั่งชิดกับเขมิกา จนเขมิกาแทบจะซบอกชานนท์
โยธินขับรถ ปรียามองนาฬิกาข้อมือดูกระวนกระวาย โยธินสังเกตเห็นอาการ
“ถ้าคุณเจอเขาสองคนที่โรงแรม คุณจะทำยังไงครับ”
ปรียาสายตาเหม่อลอยออกไปนอกรถ
“ถ้าฉันมีปืน ฉันจะยิงผู้หญิงคนนั้น ฉันอยากให้ขวัญตาหายไปจากโลกนี้”
“ถ้าผมหาปืนให้ได้ คุณจะกล้ายิงมั้ย”
ปรียาก้มหน้า ส่ายหน้า
“ฉันไม่กล้า ฉันมันคนขี้ขลาดตาขาว” โยธินบีบมือปรียา
“ไม่ใช่เพราะคุณขี้ขลาดหรอก แต่เพราะคุณเป็นคนดี คุณถึงทำร้ายใครไม่ได้”
“คนดีต้องเป็นฝ่ายเสียสละใช่มั้ยคะ”
โยธินตกใจกลัวชานนท์แย่งเขมิกาไปจึงพูดเสียงดัง
“เสียสละไม่ได้นะครับ คุณต้องสู้ แย่งแฟนคุณคืนมาให้ได้ อย่าปล่อยให้เขารักกัน ผมจะคอยช่วยคุณเอง”
ปรียาวางมือบนหลังมือโยธิน พยักหน้าฮึดสู้ ฝนเทลงมาอย่างหนัก
“ตายจริง เราจะไปต่อได้หรือคะ”
“ตกหนักอย่างนี้เราอย่าเสี่ยงลุยไปดีกว่า ข้างหน้ามีโฮมสเตย์ของชาวเล เข้าไปหลบฝนที่นั่นก่อน”
“ทำไมคุณรู้ ทำเหมือนกับคุ้นเคยพื้นที่”
“อ๋อ ผมก็อ่านจากป้ายข้างทางที่ผ่านมาเมื่อกี้ มันมีป้ายบอก” โยธินรีบบอกแล้วเลี้ยวรถเข้าไปโฮมสเตย์ของชาวบ้าน
ฝนยังตกไม่หยุด โยธินกับปรียายืนหลบฝนอยู่หน้าชายคาบ้านป้าเจ้าของโฮมสเตย์
“เหลืออยู่ห้องเดียวที่เห็นนี่แหละไอ้หนู จะเอาหรือเปล่าล่ะ”
ป้าชี้ไปเป็นบ้านเล็กๆ ห้องเดียวปลูกสร้างด้วยไม้ง่ายๆ แบบชาวบ้าน โยธินจะพูดว่าไม่เอาแต่ปรียารีบชิงพูดก่อน
“เอาค่ะ เราอยู่ห้องเดียวกันได้”
โยธินเลิ่กลั่กมองหน้าปรียา
โยธินหยิบหมอนจะออกไปนอกห้อง
“ผมไปนอนที่ระเบียงดีกว่า คุณจะได้สะดวก”
โยธินบอกอย่างเกรงใจ ปรียารีบดึงหมอนมา
“ข้างนอกฝนสาดจะนอนได้ยังไงคะ นอนด้วยกันนี่แหละ”
“บนที่นอนนะหรือครับ ไม่ดีมั้ง คุณไม่กลัวผม เออ...”
“ก็เราเป็นเพื่อนหญิงกัน ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ” โยธินเหวอ
“จริงด้วย”
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ปรียาเดินไปหยุดหน้าห้องน้ำหันหลังให้โยธิน พยายามรูดซิปหลัง แต่รูดไม่ลง “คุณโย ช่วยรูดซิบให้ฉันที ไม่รู้มันติดอะไรค่ะ” โยธินตกใจ
“หา รูดซิบ”
“เร็วสิคะ ฉันอยากรีบอาบน้ำเหนียวตัวไปหมดแล้ว”
“เออ ครับๆ”
โยธินเดินไปหลังปรียา จับซิปมือไม้สั่น
“ได้มั้ยคะ”
โยธินเลื่อนซิปลงมาเห็นผิวขาว
“หูย ขาว เอ๊ย ได้ๆ ครับ”
โยธินรีบหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามองหลังปรียา รูดซิปลงมาจนหมด ปรียาหันมา
“ขอบคุณค่ะ”
ปรียาเดินเข้าห้องน้ำ โยธินรู้สึกผิด
“ไอ้โยเอ๊ย แกมันบาปหนาจริงๆ”
โยธินเดินมาที่หน้าต่าง ด้านนอกฝนยังตกหนัก ฝนฟ้าคะนอง
เขมิกาหลับซบอกชานนท์อยู่ที่ชะโงกหิน ชานนท์มองเขมิกาแล้วจูบที่หน้าผาก กอดเขมิกาให้ความอบอุ่น
เช้าวันใหม่ ท้องฟ้าสดใส ชานนท์ประคองเขมิกาออกมาจากชะโงกหิน
“นี่ฝนมันตกทั้งคืนเลยหรือ ฉันหลับไม่รู้เรื่องเลย”
“พายุคงเข้าน่ะ เดินไหวมั้ย”
“สบาย อุ๊ย!” เขมิกาเข่าอ่อน ชานนท์ดึงไว้ทัน
“ขี่หลังฉันไปดีกว่า”
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนอ่อนแอที่ต้องพึ่งพาคุณตลอดสิ”
“เธอเป็นผู้หญิงยังไงก็แข็งแรงสู้ผู้ชายไม่ได้หรอกน่า”
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันจะเดินไปถึงที่พัก โดยไม่ต้องอาศัยคุณช่วยให้ดู”
เขมิกาเดินไปไม่กี่ก้าวชะงัก มองไปข้างหน้า
สอนกับลูกน้องสองคนเดินกันมา ลูกน้องเห็นเขมิกาก่อน
“พี่สอน ยัยคนนั้นมันใช่หลานไอ้เถ้าแก่จุมพลหรือเปล่า”
สอนมองตาม เขมิการีบหันกลับเดินหนี
“เราไปทางนี้ดีกว่า” เขมิกาบอกชานนท์ สอนวิ่งไปดักหน้า
“จะรีบไปไหนล่ะ” สอนมองชุดที่เขมิกาใส่ “มิน่าเมื่อวานพายุเข้า เพราะนังทอมมันลุกขึ้นมานุ่งกระโปรงนี่เอง”
สอนกับลูกน้องหัวเราะ ชานนท์รีบเดินมายืนข้างเขมิกา
“ช่วยหลีกทางให้เราด้วย”
“อ๋อ เพราะมีไอ้หนุ่มตาถั่วมาหลี ทอมเลยระทวย ฮ่าๆๆ”
ชานนท์จะเอาเรื่อง เขมิกาจับมือชานนท์ไว้
“คุณจำคนผิดแล้ว ไปเถอะ” เขมิกาดึงชานนท์
“เฮ้ย ฉันไม่ได้สมองเสื่อมถึงจะจำแกไม่ได้ ไอ้เข็ม วันนี้ต้องมาคิดบัญชีกันหน่อย จับมันไปให้เฮียเม้ง”
สอนสั่ง ลูกน้องจะเข้าไปจับเขมิกา ชานนท์ดึงเขมิกาหลบแล้วซัดเปรี้ยงหมัดซ้ายหมัดขวาใส่ลูกน้องสองคน
“ขวัญหลบไป” สอนพุ่งเข้าใส่ชานนท์ ชกหมัดใส่ ชานนท์ก้มหัวหลบ หมัดวืดไป ชานนท์ตั้งหมัด พวกลูกน้องสอนล้อมกันเข้ามา “พวกแกนี่มันเป็นอันธพาลขี้ขลาดดีๆ นี่เอง”
“ไอ้หน้าจืด สงสัยมันอยากตาย เข้าไปสั่งสอนมันสิวะ”
ลูกน้องสอนจะเข้าเล่นงานชานนท์ ชานนท์บอกเสียงเฉียบ
“นักเลงจริงเขาไม่หมาหมู่ นายกับฉันมาตัวต่อตัวดีกว่า แต่ถ้าไม่กล้า ก็ไสหัวไปให้หมด”
สอนรับคำท้า โบกให้ลูกน้องถอย ชานนท์กับสอนเข้าไปต่อสู้กัน สอนแรงเยอะเหนือชั้นกว่า ชานนท์โดนชกไปหลายหมัด เขมิกามองอย่างเป็นห่วงชานนท์โดนอีกหมัดปากแตกทรุดลงไป สอนมองเขมิกา
“ปอดแหกหรือไงวะ ถึงได้ส่งไอ้อ่อนนี่มาสู้แทน หรือว่าแรงหมด หมดแรง เพราะเสียเหงื่อไปทั้งคืน ฮ่าๆๆ”
ชานนท์โมโหแทนเขมิกา ลุกยืนวิ่งเข้าใส่ กระโดดถีบอกสอน ลงไปนอนกลิ้ง ลูกน้องสอนเข้าไปจับแขนชานนท์ ชานนท์ชกซ้ายขวากระเด็นไปทั้งคู่ สอนลุกยืนได้ ชานนท์เข้าไปชกหน้าซ้ายขวาหลายหมัด สอนคอพับ ชานนท์ขยุ้มคอ ตะคอกใส่
“อย่าดูถูกเมียฉัน จำไว้”
ชานนท์กระแทกอีกหมัดเข้าหน้าเต็มๆ สอนยืนโงนเงนไปมาแล้วล้มตึง ลูกน้องสอนจะเข้าข้างหลังชานนท์ เขมิกาเห็น คว้าขอนไม้แถวนั้นวิ่งเข้าไปตีทั้งสองคน ล้มไปคนละทาง เขมิกาถอยไปยืนหันหลังชนกับชานนท์ ต่างคนต่างเหลียวมามองหน้ากัน เขมิกายิ้มให้ชานนท์ในใจรู้สึกประทับใจชานนท์มาก
ปิ้งตัวเปียกวิ่งเข้ามาบ้านจุมพล ตะโกนลั่น
“เถ้าแก่ พี่เข็มๆ” จุมพลรีบเดินออกมา
“ไอ้เข็มกลับมาหรือ ไหน อยู่ไหน”
“เปล่าเถ้าแก่” จุมพลยกไม้ตะพด ปิ้งยกมือปิดหัว
“แล้วแกแหกปากเรียกไอ้เข็มทำไมวะ”
“คือผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคล้ายพี่เข็มมาก” จุมพลอยู่ไม่ติด
“เอ็งเห็นที่ไหน พาข้าไปดูสิ”
“คงไม่ใช่พี่เข็มหรอกเถ้าแก่ เล่นยืนกอดกันกลมกับผู้ชายกลางวันแสกๆ แมนๆ อย่างพี่เข็มทำแบบนี้ไม่เป็นหรอก”
“มันก็จริงของเอ็ง เฮ้ย แต่ยังไงก็ต้องเช็กดูให้แน่ใจ”
ส่วนที่โฮมสเตย์ โยธินนอนชิดติดขอบที่นอน ปรียานอนเบียด มือกอดอยู่ที่เอวโยธิน โยธินตื่นก่อน งัวเงีย มองข้างตัวเห็นปรียากอดเอวอยู่ โยธินตกใจกระเด้งนั่งร้องลั่น
“เฮ้ย”
ปรียาตกใจตื่น
“อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น”
“ก็คุณมากอดผม”
ปรียาเข้าใจไปอีกทาง
“ตายจริง ฉันนอนติดหมอนข้าง ขอโทษนะคะทำให้คุณนอนไม่หลับหรือเปล่า” โยธินหันไปพูดทางอื่นเบาๆ
“ใครจะหลับลง มันตื่นอยู่เนี่ย” โยธินรีบหันไปบอกปรียา “ผมว่าเราสายแล้ว รีบแต่งตัวเถอะครับ” โยธินรีบลุกจากเตียง เสียงมือถือดัง โยธินรีบเดินไปหยิบดูเห็นชื่อจุมพล “ปู่” โยธินร้องออกมาอย่างตกใจแล้วรีบบอกปรียา “ปู่ผมเอง”
“เจ้าเข็มมันอยู่ที่ไหน”
จุมพลอยู่ที่บ้าน ถามมาทางโทรงศัพท์
“เออ อยู่ อยู่กับผม ผมกำลังจะพาไปส่งที่ห้องอบรม”
“งั้นเรียกมันมาคุยกับข้าหน่อย”
โยธินเลิ่กลั่กตกใจที่จุมพลจะขอคุยกับเขมิกา
“คือ คือเขาเจ็บคอ แล้วก็ไอด้วย สงสัยจะไม่มีเสียง”
“ไม่มีเสียงก็มาไอให้ข้าฟัง เร็ว! เดี๋ยวปัดยิงหูแตก” จุมพลตวาด โยธินกลัวมาก
“จ๊าก ใจเย็นๆ ปู่” โยธินมองไปที่ปรียา คิดออก เอามือบังมือถือไม่ให้จุมพลได้ยิน “ช่วยผมหน่อย ไออย่างเดียวพอ ไม่ต้องพูด”
โยธินบอกปรียาแล้วยื่นมือถือไปที่ปากปรียา ปรียาเงอะงะ โยธินเร่งๆ ปรียารีบไอใส่โทรศัพท์ โยธินทำมือให้ไออีกดังๆ ปรียาไอแรง ไอหนัก
จุมพลตัดสายจากโยธินแล้วหันมาทางปิ้ง
“คนที่แกเห็นไม่ใช่ไอ้เข็มจริงๆ”
ส่วนโฮมสเตย์ โยธินอธิบายกับปรียา
“ปู่กลัวผมจะอยู่กับผู้ชาย ก็เลยต้องให้คุณช่วยโกหกว่าผมอยู่กับผู้หญิงจริงๆ เฮ้อ ไม่รู้อะไรนัก โตแล้วก็ยังตามห่วงอยู่ได้” ปรียายิ้มเศร้า
“ดีออกจะตายไปที่มีคนคอยห่วง ดีกว่าไม่มีเลยนะคะ”
ปรียาเดินเข้าห้องน้ำ โยธินมองอย่างสงสัย
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นชานนท์ประคองเขมิกากลับโรงแรม เขมิกาเดินสะดุด
“เฮ้ยๆ หูหลุด”
เขมิกาบอกอย่างตกใจ ชานนท์งง จับหูเขมิกาพลิกไปมา
“หลุดที่ไหนกัน ตลกอีกแล้วนะเรา”
เขมิกาชี้ที่รองเท้าจึงเห็นหูรองเท้าข้างขวาเขมิกาขาด เขมิกาถอดรองเท้าออก
“ฉันหมายถึงหูรองเท้ามันหลุด เฮ้อ ไรเนี่ย เพิ่งซื้อมาแท้ๆ ไม่รักดีเอาซะเลย”
“ใส่รองเท้าฉันก็ได้”
ชานนท์ถอดรองเท้า ก้มลงหยิบวางตรงหน้าเขมิกา เขมิกาอึ้งนิ่งไปชั่วครู่
“ไม่เป็นไรหรอก เดินเท้าเปล่านี่แหละ เป็นคนติดดินดี”
เขมิกาจะก้าวเดิน ชานนท์ดึงศอกไว้
“ข้างหน้ามันเป็นทางปูน พื้นจะร้อนมาก ใส่เถอะ” เขมิกาอึกอัก “เร็วสิ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจนะ”
เขมิกายอมใส่รองเท้าของชานนท์ แล้วเดินไปด้วยกัน
ทางเดินที่เป็นพื้นปูนทางเข้าโรงแรม เขมิกามองเท้าชานนท์ซึ่งท่าทางชานนท์ร้อนเท้าแต่อดทน เขมิกาซึ้งใจ
พอชานนท์มองมา เขมิกาแกล้งเมินไปทางอื่น
“เข็ม คือชื่อของใครหรือ” จู่ๆ ชานนท์ก็ถามขึ้นมา เขมิกาชะงักหันมามองหน้าชานนท์ “ฉันได้ยินพวกนักเลงมันเรียกเธอว่าเข็ม แถมพูดจาเหมือนเคยอาฆาตแค้นกันมาก่อน”
“พวกมันคงจำคนผิด ฉันหน้าโหลจะตายไป ชอบมีคนมาทักว่าเหมือนอั้มบ้างล่ะ เหมือนแพนเค้กบ้างล่ะ คุณมีแฟนเป็นคนสวยระดับดารา ก็ต้องทำใจหน่อยนะ”
เขมิกาแกล้งทำทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อน ชานนท์ยิ้มในความตลกของเขมิกาแต่เกิดร้อนเท้าทำปากให้เห็นว่าร้อน
เขมิกาเกิดไอเดีย หยุดเดิน ถอดรองเท้าออกสองข้าง
“ถอดออกทำไม ฉันไม่ร้อนหรอกน่า” ชานนท์บอก เขมิกาใส่รองเท้าตัวเองข้างซ้าย กระเถิบให้ชานนท์ใส่รองเท้าตัวเองทั้งสองข้าง
“คุณใส่ไปก่อนทั้งสองข้างเลย เร็วสิ ฉันมีอะไรให้เล่น” ชานนท์ยอมใส่รองเท้า เขมิกาวางเท้าข้างขวาบนรองเท้าข้างซ้ายของชานนท์แล้วกอดเอวชานนท์ไว้ “ฉันอยากเดินสามขา คุณเดินเป็นมั้ย” ชานนท์เขิน
“ฉันไม่เล่นกับเธอด้วยหรอก ยังไม่อยากให้ใครมองว่าบ้า”
“ไม่อยากรู้หรือว่าเราไปด้วยกันได้มั้ย จะสร้างครอบครัวได้มันต้องใช้ความร่วมมือ ช่วยกันคิดช่วยกันเดินไปด้วยกันไม่ใช่หรือ ลองทดสอบดูมั้ยละ”
“งั้นฉันนับสามแล้วก้าวพร้อมกัน หนึ่ง สอง สาม”
ชานนท์กับเขมิกาก้าวข้างที่เท้าติดกันไปก่อน คู่เดินสามขากันไปสนุกสนาน เสียงหัวเราะขบขันมีความสุข
จบตอนที่ 7