xs
xsm
sm
md
lg

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 7

ขณะเดียวกันที่สนามหญ้าหน้าตำหนักใหญ่วังวรีวาร เห็นไต้ติดไฟลุกโชนในมือหม่อมพริ้ม ก่อนที่หม่อมพริ้มจะทิ้งไต้นั้นลงบนกองเสื้อผ้า หนังสือ ข้าวของส่วนตัวของคุณหญิงโสภาที่ถูกนำมากองรวมกันบนพื้นสนาม

สีหน้าหม่อมพริ้มยามที่ต้องแสงไฟอยู่นี้ทั้งเจ็บปวด ขื่นขม และคั่งแค้นระคนกัน
เจิมยืนอยู่ข้างๆ มองสีหน้าของหม่อมพริ้มด้วยความหวาดกลัว
ส่วนที่ประตูตำหนัก หวน และพุด ขนของของหญิงโสภาออกมา มีหนังสือตุ๊กตาผ้า งานฝีมือต่างๆ
หญิงจิ๋มกับหญิงจ้อยวิ่งตาม ร้องไห้โวยวาย
“อย่านะ หวน พุด เอาของพี่หญิงคืนมานะ”
หวนกับพุดก้มหน้าก้มตาช่วยกันยกของมาตามคำสั่ง คุณหญิงทั้งสองยื้อยุดหม่อมพริ้มหันไปดุ
“หยุดนะ หญิงจ้อย”
หนังสือเล่มหนึ่งตกจากมือหวน มีภาพถ่ายของหญิงโสภาหล่นลงมาด้วย หญิงจิ๋มรีบคว้าเอาไว้
“หญิงจิ๋ม” หม่อมเสียงเขียว หญิงจิ๋มเอาซ่อนไว้ข้างหลังแบบเด็กๆ “เอามาให้แม่
หม่อมพริ้มดึงรูปจากมือหญิงจิ๋ม โยนเข้ากองไฟโดยไม่มอง หญิงจิ๋มร้องไห้โวยวาย
“หม่อมแม่เผาของพี่หญิงทำไมคะ”
“ลูกไม่มีพี่สาวเลวๆ อย่างมัน”
“พี่หญิงไปกับอีสา อีสาต่างหากที่ผิด อีสาต่างหากที่เลว หม่อมแม่โกรธอีสาสิคะมาโกรธพี่หญิงทำไม” หญิงจิ๋มเถียงตามความเข้าใจ
หม่อมพริ้มจ้องหน้าลูกสาวทั้งสองคน พูดเสียงเข้ม
“สิริพรรณราย ศรีลักษณา ฟังแม่ แล้วจำเอาไว้...คนเราจะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวเองทำเองทั้งนั้น...ถ้าเราไม่ไหลลงต่ำ ใครก็ชักนำเราไปไม่ได้”
หม่อมพริ้มดุไป น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมา คุณหญิงทั้งสองได้แต่เงียบงันกันไป หม่อมพริ้มกลั้นน้ำตา กลืนกินความเจ็บแค้นลงอกเชิดหน้าแบบคนใจแข็ง
“นับแต่นี้ไป อย่าให้มีใครเอ่ยชื่อนังคนไร้ยางอายคนนั้นให้แม่ได้ยินอีก...ส่วนอีหญิงชั่วชายโฉดอีกสองคนนั่น แม่ไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่...” หม่อมหันไปบอกเจิมนัยน์ตาแข็งกร้าว “ข้าจะหาตัวมันให้เจอให้ได้”
เจิมขนลุก!

หม่อมพริ้มทำตามที่ลั่นวาจาตอนสายวันนั้นทันที โดยที่โต๊ะเสมียนในสำนักงานทรัพย์สิน สมศักดิ์กำลังทำงานอยู่ เห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ มองออกไปข้างนอกตึก กระซิบกระซาบกัน
สมศักดิ์ลุกขึ้นมองตาม และตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นชิดเดินมากับตำรวจ 2 คน ตรงมาทางตน
สมศักดิ์เก็บของ แล้วหนีไปด้านหลัง ชิดเดินเข้ามาในห้องพร้อมตำรวจ
ตำรวจ 1 ในนั้นถามเจ้าหน้าที่ “นายสมศักดิ์ วรประเสริฐ ทำงานอยู่ที่นี่ใช่ไหม
เจ้าหน้าที่อึกอัก “ครับ” พลางมองไปทางโต๊ะที่ว่างเปล่าตัวหนึ่ง
“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
แทนคำตอบ เจ้าหน้าที่มองไปด้านหลัง ตำรวจรีบเดินตาม

ต่อมา ตำรวจเคาะประตูห้องทำงานหัวหน้าสมศักดิ์แล้วเข้ามา
“ขอประทานโทษครับ คุณเป็นผู้บังคับบัญชาของนายสมศักดิ์ใช่ไหม”
“ใช่ มีอะไรหรือครับ” หัวหน้าถามเสียงเรียบ
“เราต้องการเชิญตัวเขาไปสอบสวน ในฐานะผู้ต้องหา คดีพรากผู้เยาว์”
หัวหน้าร้อง “หา!”
“มีคนบอกว่านายสมศักดิ์เข้ามาในนี้” ชิดถามต่อ
หัวหน้าเสียงสั่นๆ ส่อพิรุธ “ครับ .. เขาเข้ามาขอลาออก แล้วก็ออกไปแล้ว”
ตำรวจกับชิดทำหน้าผิดหวัง แต่ยังมองกวาดตาสำรวจไปรอบๆ ห้อง
สมศักดิ์แอบยืนตัวลีบอยู่ในตู้เอกสารตรงมุมห้อง เหงื่อแตก สีหน้าหวาดหวั่น

สักครู่หนึ่ง หัวหน้าเดินออกมาด้านนอกห้องส่งตำรวจกับชิด ที่เดินออกไป จากนั้นหัวหน้าเดินกลับมาในห้อง แล้วรีบปิดประตูห้อง เห็นสมศักดิ์ออกมาจากตู้
“ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว” สมศักดิ์ไหว้ “ขอบคุณหัวหน้ามากนะครับ ที่กรุณาผมไม่งั้นผมแย่แน่ๆ”
หัวหน้าส่ายหน้าพูดตำหนิ “ผมก็เคยหนุ่มมาก่อน ก็เข้าใจ...แต่ที่คุณไปพาลูกสาวเขาหนีมานี่มันไม่ถูกนะคุณสมศักดิ์ อายุแค่สิบหก แถมยังเป็นถึงราชนิกุล พ่อแม่เขาก็ต้องอกแตกเป็นธรรมดา”
สมศักดิ์รีบประจบ “ก็อย่างที่ผมกราบเรียนหัวหน้าไปไงครับ ถ้าผมไม่ทำ คุณหญิงเธอจะผูกคอตาย นี่ผมก็ตั้งใจจะพาเธอกลับไปขอขมา แล้วทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีภายในวันสองวันนี้แหละครับ”
“เอาๆ รีบจัดการเข้าก็แล้วกัน ที่ผมช่วยคุณนี่มันก็มีความผิดอยู่ แต่ก็เห็นใจว่ารักกันหรอกนะ”

หัวหน้าถูกสมศักดิ์หลอก ออกอาการเห็นใจ

ส่วนที่ท่าน้ำใกล้าบ้านวินิจสาซึ่งท้องโตเจ็ดเดือนนั่งซักผ้าด้วยสบู่กรด มีหญิงโสภานั่งเล่นอยู่ข้างๆ ทอดสายตามองไปที่ผืนน้ำ รำพึงออกมา อย่างเศร้าๆ

“ป่านนี้ที่วังจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะ สา”
“หม่อมท่านคงโกรธ คงแช่งชักหักกระดูกสาป่นปี้ไป” พอเห็นหญิงโสภาเหมือนจะร้องไห้ อีสารีบปลอบ “ไม่เอาค่ะ คุณหญิง อย่าร้องไห้ อีกประเดี๋ยวพอคุณหญิงมีคุณตัวน้อยๆ อุ้มกลับไปกราบท่านขี้คร้านหม่อมจะหายโกรธไปเอง”
“อย่าไปพูดเรื่องนั้นเลยจ้ะ”
“ทำไมล่ะคะ มีผัวแล้วก็ต้องมีลูก เป็นเรื่องธรรมดา หรือว่าคุณหญิงไม่อยากมี”
หญิงโสภาหน้าเสีย “หญิงไม่อยากพูดเรื่องนี้” แล้วลุกหนีไปทันที
สาเห็นท่าไม่ดี รีบลุกตามไปคาดคั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณหญิง...คุณหญิงสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว สาว่าจะถามก็เกรงใจ... คุณหญิงกับคุณสมศักดิ์มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
หญิงโสภาเมินหน้า ไม่ตอบ สาคาดคั้น
“คุณหญิงคะ”
คุณหญิงโสภาเสียงแข็งขึ้นมานิดหนึ่ง “หญิงไม่พูดเรื่องนี้”
พอพูดจบหญิงโสภากอดอก หน้าตาบอกว่าไม่พูดแน่ สาขัดใจ

ฟากสมศักดิ์วิ่งหนีเข้าซอยมาหน้าตาตื่น มาเจอเข้ากับสาและหญิงโสภาที่กำลังเดินกลับบ้าน ในมือสามีตะกร้าใส่ผ้าที่ซัก บิดหมาดๆ กลับมา
“คุณหญิง...คุณสา”
สองสาวแปลกใจ คุณหญิงรีบถาม
“คุณสมศักดิ์ ทำไมกลับมาเร็วจังคะ”
สาซัก “มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าตาตื่นอย่างนั้น”

ต่อมาไม่นาน สมศักดิ์ดันสากับหญิงโสภาเข้ามาในบ้าน เหมือนกลัวคนเห็น แล้วบอกอย่างร้อนรน
“หม่อมพริ้มให้คนพาตำรวจไปจับผม ดีว่าหัวหน้าผมท่านช่วยไว้ ผมเลยหนีออกมาได้”
สองสาวตกใจ หญิงโสภาอุทาน “หม่อมแม่ให้ตำรวจจับคุณ... เรื่องอะไรคะ”
สมศักดิ์มองหน้าหญิงโสภาก่อนบอก “ข้อหาพรากผู้เยาว์ครับ”
หญิงโสภากับสาอึ้ง มองหน้ากัน นึกไม่ถึง

วินิจซึ่งไม่ได้เป็นข้าราชการ ทำงานที่เดียวกับสมศักดิ์ แต่ทำงานโรงพิมพ์วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน พอดวงใจกับวินิจรู้เรื่อง ดวงใจหัวเราะลั่นบ้าน
“ตายๆๆๆ คุณสมศักดิ์ จะมีเมียกับเขาซักคน ก็เกือบจะเข้าคุกเข้าตะราง”

“สมัยที่ท่านชายได้สา สาก็อายุเท่าคุณหญิง ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร” สางงๆ
“นี่มันสมัยใหม่แล้ว คุณสา มันไม่เหมือนสมัยก่อน” วินิจว่า พลางยักคิ้ว ทำหน้าทะลึ่งใส่ “น่าเสียดาย”
สาค้อนวินิจ ไม่ชอบใจ สมศักดิ์ยังหงุดหงิด
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหม่อมพริ้มจะกล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจ” สมศักดิ์กลุ้มหนัก บ่นกับวินิจ “นี่ผมคงกลับไปทำงานที่เดิมอีกไม่ได้”
“แหงละ ขืนกลับไป แกโดนรวบเข้ากรงแน่”
“ผมคงต้องกบดานอยู่เฉยๆ สักพัก” สมศักดิ์หน้าเครียด
ดวงใจโวยวาย “ว้าย พ่อสมศักดิ์ พ่อมหาจำเริญ พ่อจะกบดานอยู่บ้านเฉยๆ แล้วจะเอาที่ไหนมากินมาใช้กันล่ะจ๊ะ” ดวงใจไล่สายตามองหน้าทีละคน “สามปากสามท้องเนี่ย อย่าบอกนะ ว่าจะมาให้ฉันกับคุณวินิจเลี้ยง”
ทั้งสามคนหน้าเสีย วินิจปรามเมียขำๆ
“พูดอะไร แม่ดวงใจ” หนุ่มปากเปราะมองหญิงโสภาเยาะๆ “คุณหญิงโสภาพรรณวดีเธอคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้นหรอกน่า”
สมศักดิ์อึ้ง หญิงโสภาหน้าชาด้วยความเป็นคนถือตัว จึงหันไปสั่งสา
“สาจ๊ะ ช่วยไปหยิบกระเป๋าเงินของหญิงมาให้หน่อย”
สาทักท้วง “คุณหญิงคะ”
“ไม่ต้องครับ เอาเงินของผมดีกว่า”
พลางสมศักดิ์ควักกระเป๋านับเงินวุ่นวาย รวมแล้วได้ไม่ถึงยี่สิบบาท หญิงโสภาเข้าไปแตะแขน ห้ามเสียงอ่อน
“เงินใครก็เหมือนกันแหละค่ะ จะแบ่งเขาแบ่งเราไปทำไม” คุณหญิงหันไป “สาจ๊ะ”
สารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ค่ะ”

สาเดินเข้ามาในห้อง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกจากตู้อย่างกระแทกกระทั้น ไม่พอใจ หญิงโสภากับสมศักดิ์เดินตามเข้ามาเห็น หญิงโสภาส่งเสียงปราม
“สา” แล้วดึงกระเป๋าเงินมา เอาเงินสองร้อยที่มีให้สมศักดิ์ “นี่คือเงินทั้งหมดที่หญิงมี คุณสมศักดิ์เอาเก็บไว้เถอะค่ะเผื่อต้องใช้อะไร”
สมศักดิ์รับเงินมาทั้งหมด สาเห็นแล้วหงุดหงิด เลยสะบัดหน้า เดินปังๆ ออกจากห้องไป
สมศักดิ์มองตามนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดอ่อนหวาน

“คุณสาคงเกลียดผม...ดูๆ ไปก็เหมือนผมเอาเปรียบคุณหญิง”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ หญิงเป็นภรรยาคุณสมศักดิ์ ก็เหมือนคนคนเดียวกัน จะเรียกว่าเอาเปรียบได้ยังไง”
สมศักดิ์ดึงหญิงโสภามาโอบกอดไว้ หญิงโสภาแอบขืนตัว
“แบบนี้นี่เอง ที่เขาว่า เมียดีเป็นศรีแก่ตัว”
สมศักดิ์เริ่มคลอเคลียเล้าโลม หญิงโสภาหน้าเสียหนัก ดันตัวออก
“อย่าค่ะ น่าเกลียด”
“ผัวรักเมียน่าเกลียดตรงไหน” สมศักดิ์ไม่ฟัง
“กลางวันแสกๆ แท้ๆ” สมศักดิ์ยังนัวเนียต่อ “ไม่ค่ะ” คุณหญิงเริ่มเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ “ไม่!”

สมศักดิ์ชะงักมือ หญิงโสภารีบหนีไปยืนหันหลังตรงมุมห้อง หน้าตาเหมือนรังเกียจ หวาดกลัว สมศักดิ์เห็นแล้วเซ็ง
 
อ่านต่อหน้า 2

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ในขณะที่สาตากผ้าอยู่ เห็นสมศักดิ์เดินอารมณ์บูดลงมาที่ชั้นล่าง สาเข้ามาเท้าสะเอวถามตรงๆ

“คุณคิดจะกบดานนานแค่ไหน”
สมศักดิ์อารมณ์เสีย “ไปถามหม่อมของคุณดูสิว่าท่านจะรังควานผมไปอีกนานแค่ไหน”
สมศักดิ์เดินหนี สาตามตอแยไม่เลิก
“ถ้าท่านตามล่าคุณอยู่ซักปี เรามิอดตายกันหมดหรือไง”
“ไม่รู้” สมศักดิ์สะบัดเสียงใส่
สาชักโกรธ “ไม่รู้ได้ยังไง”
“ผมไม่รู้จริงๆ” สมศักดิ์เกรี้ยวกราดใส่อารมณ์ “ผมไม่คิดว่าหม่อมจะกล้าแจ้งความผมไม่คิดว่าผมจะตกงาน” สมศักดิ์ประชดสา “ผมไม่คิดว่าคนที่รักกันช่วยเหลือกันมาตลอดอย่างคุณสา จะมายืนด่าผมฉอดๆ แบบนี้”
สมศักดิ์ระบายอย่างน้อยใจ สาไม่หยุด ยิ่งตอกย้ำ
“ฉันช่วยคุณ พาคุณหญิงหนีมา เพราะคุณสัญญา ว่าจะรักจะดูแลคุณหญิงอย่างดีคุณว่าเราจะมีชีวิตใหม่ด้วยกันไหนล่ะ ..บ้านอาศัยเขาอยู่ ข้าวปลาอาศัยเขากิน... นี่น่ะเหรอชีวิตใหม่ที่คุณจะให้กับคุณหญิง”
สมศักดิ์มองสาท่าทางโกรธจัด สาเชิดหน้ามองตาตอบอย่างท้าทาย สมศักดิ์เหมือนอยากจะกระชากมาจูบซักทีเป็นการระบายอารมณ์แต่ทำไม่ได้ ได้แต่เดินปึงปังออกจากบ้านไป

ทางด้านหม่อมพริ้มนั่งไม่ติด เจ็บใจมาก พอได้ฟังที่นายชิดมารายงานจบลง
“แล้วคนที่สำนักงานทรัพย์สิน เขารู้ไหม ว่าบ้านเดิมไอ้ผู้ชายมันอยู่ที่ไหน”
ชิดพับเพียบอยู่ตรงหน้า เจิมกับหวนอยู่รับใช้ หม่อมพริ้มถามชิด
“เขาว่านายสมศักดิ์ทะเลาะกับพ่อ คือคุณหลวงประเสริฐแล้วเลยโดนไล่ออกจากบ้านมาหลายปีดีดักแล้วขอรับ จากนั้นก็เร่ร่อนไปเรื่อย ไม่มีบ้านช่องเป็นหลัก แหล่งอยู่ที่ไหน”
“เวรกรรม” หม่อมพริ้มฟังแล้วแทบทรุด รู้ว่าชีวิตของหญิงโสภาต้องลำบากแน่
เจิมรำพึงเบาๆ “อพิโธ่ อพิถัง ป่านนี้จะซัดเซพเนจรไปอยู่ที่ไหนกัน”
หม่อมพริ้มฝืนหักใจด้วยแรงทิฐิ สั่งชิด
“ไอ้ชิด เอ็งออกไปตามหาอีสาให้ทั่วพระนคร ทุกวัน ให้ขับรถออกไปตระเวนดูตามถนน ยิ่งที่ไหนมีร้องมีรำ เอ็งต้องไปดูให้ทั่ว” ความแค้นแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ อีกเมื่อนึกถึงอีสา “สัญชาติอย่างอีสา มันอยู่เฉยไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันต้องแล่นออกมา”
หวนก็อดเป็นห่วงสาไม่ได้ ถามขึ้นอย่างเกรงๆ
“หม่อมเจ้าขา ถ้าพี่ชิดมันเจอนังสา จะให้ทำยังไงเจ้าคะ”
“เอาตัวมันมา” หม่อมหยุดคิด เปลี่ยนใจ หันไปสั่งชิด “ไม่ อย่าให้กลับมาเหยียบที่นี่ให้เป็นเสนียดกับรวีวาร...ถ้าเอ็งเจอมัน ก็ให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุกไป”
หวนกับเจิมฟังหม่อมพริ้มพูดอย่างเจ็บแค้นแล้วใจหาย โดยเฉพาะหวนหน้าหมองลงถนัดตา ยิ่งเป็นห่วงสา

บรรยากาศยามเย็น บ้านวินิจเงียบสงัด สาเดินขึ้นมาที่ชั้นบน แง้มประตูห้อง แอบดูหญิงโสภา เห็นนั่งนิ่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สาถอนใจสงสาร
สากลับลงมาชั้นล่าง เดินวนเวียนรอสมศักดิ์อยู่ที่หน้าบ้าน พอสมศักดิ์กลับเข้าบ้านมา สาก็พุ่งเข้าไปใส่ทันที
“คุณไปไหนมาทั้งวัน”
สมศักดิ์ประชด “ก็ไปมันเรื่อยเปื่อย”
สาโกรธ ขึ้นเสียงใส่ “คุณควรจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณหญิง!”
สมศักดิ์สวนแรงทันทีอย่างมีอารมณ์ “คุณหญิงเขาไม่ต้องการผมหรอกคุณ”
สาชะงักนิดนึง รู้สึกได้ว่าคงมีปัญหาบางอย่างระหว่างผัวเมีย เลยอ่อนลง
“ยังไงคุณก็เป็นสามีคุณหญิง คุณมีหน้าที่ดูแลเธอให้มีความสุข”
“แต่ผมก็ต้องหาเงินด้วย!แล้วเงินมันก็ไม่ได้หาง่ายๆ คนเกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างพวกวังรวีวาร พูดไปก็ไม่เข้าใจ”
“ทำไมจะไม่เข้าใจ ตั้งแต่ออกจากวังมาคำน้อยคุณหญิงเธอไม่เคยปริปากบ่น” สาเดือดอารมณ์ขึ้นมาอีก “แต่คุณ... คุณก็ควรจะรู้ ว่าไอ้บ้านสับปะรังเคหลังนี้ มันไม่คู่ควรกับคุณหญิงเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ผมรู้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะพาคุณหญิงมาลำบาก” จอมกะล่อนพยายามข่มอารมณ์ พูดกล่อมสา “แต่ในเมื่อสถานการณ์มันกลายเป็นแบบนี้ คุณสาก็ต้องช่วยผม”
สางง “ฉัน? ช่วยคุณ?”
สมศักดิ์พยักหน้า “ผมมาคิดดูแล้ว มีทางเดียว...คุณต้องกลับไปที่วังรวีวาร”
สาหน้าซีดเป็นกระดาษ ตกใจ นึกไม่ถึง

บรรยากาศตลาดเช้าวันนี้ยังคงคึกคัก ผู้คนขวักไขว่ สานั่งยองๆ หลบๆ ทำทีเป็นเลือกซื้อผัก อยู่ร้านแม่ค้าขายผักขายมะนาวชื่อเขียว แต่ตาคอยชำเลืองสอดส่ายไปที่ปากทางเข้าตลาด
สักครู่สาเห็นหวนเดินถือตะกร้ามาจ่ายกับข้าว ออกอาการดีใจ ขยับจะลุกไปหา แต่พอเห็นจวนเดินตามมา สาชะงัก หลบไป
จวนมองดูของที่มาขาย เดินไป ดูไป บ่นไป
“ช่วยกันคิดหน่อยสิวะ นังหวน ว่าจะทำอะไรให้หม่อมท่านรับทานดี”
“ฉันคิดไม่ออกหรอก น้าจวน ทำอะไรขึ้นไปท่านก็รับไม่ลงซักอย่าง” หวนว่า
“อย่างว่า ท่านเสียลูกไปทั้งคน ใครจะไปกินอะไรลงคอ...เออ ถ้าข้าแหกอกอีสา เอาหัวใจไส้พุงมันออกมาต้มก็ว่าไปอย่าง ท่านอาจจะกินลงบ้าง”
มะนาวลูกหนึ่งปามาโดนหัวจวนอย่างจัง จวนร้องโอ๊ย หัวขวับไปด้วยความโมโห
“ใครวะ”
คนรอบๆ พากันงง จวนก้มลงเก็บลูกมะนาวขึ้นมา กวาดตามอง เห็นแผง เขียว แม่ค้าขายผักที่มีกระจาดมะนาวขนาดใหญ่ตรงหน้า จวนเดินอาดๆ ไปเอาเรื่องชูมะนาวถาม
“นี่มะนาวของเอ็งรึนังเขียว”
“ไม่รู้” พอเขียวเห็นจวนท่าทางหาเรื่อง เลยลุกขึ้นสู้ “ใช่แล้วจะทำไม ไม่ใช่แล้วจะทำไม”
“มันลอยมาโดนหัวข้า”
เขียวชี้กระจาด กวน “มะนาวข้าอยู่เฉยๆ ลอยไม่ได้”
จวนของขึ้น “มะนาวที่ไหนก็ลอยไม่ได้โว้ย มันต้องมีใครปามา กูถึงได้อยากจะรู้ว่าหมาตัวไหน มันมาลอบกัดข้างหลัง”

“อ้าว แล้วมึงมาถามกูนี่มันหมายความว่ากระไรวะ อีจวน”

ขาดคำนั้นเอง จวนถีบกระจาดผักคว่ำไปแทนคำตอบ เขียวร้องอ๊าย แล้วกระโดดออกมาตบจวน หวนพยายามจะห้าม

“น้าจวนอย่า...”
หวนโดนลูกหลงถีบออกมา พอลุกขึ้น ก็มีมือใครคนหนึ่งมาคว้าแขน หวนหันไปมองเห็นว่าเป็นสา ตกใจ จะร้อง
“อี...”
สาเอามืออุดปากหวนหมับ แล้วลากออกไป ทิ้งให้จวนตบกับเขียวพัลวัน เอาผักตีหัวกัน ดึงหางโจงกระเบนลื่นล้ม เอากระจาดฟาดหัวกันกระจาดทะลุ ท่าทางตลกๆ ชาวบ้านล้อมวงดูหัวเราะสนุกสนาน

สาลากหวนเข้ามาในที่ลับตาคน แล้วถึงปล่อยมือ
“นังสา”
“ฉันเอง พี่หวนอย่าเอะอะไป...” สาห่วงใย ถามเสียงจริงจัง “ที่วังเป็นยังไงบ้าง”
ทั้งๆ ที่หวนรักสา แต่ก็ยังโกรธสาอยู่มาก เรื่องพาหญิงโสภาหนีไป
“ไม่ต้องมาถาม เอ็งพาคุณหญิงหนีไปอยู่ที่ไหน”
“พี่อย่ารู้เลย”
หวนต่อว่าสา สีหน้าผิดหวังมาก “เอ็งทำไม่ถูก เอ็งรู้ไหมว่าหม่อมท่านเสียใจมากขนาดไหน เอ็งทำแบบนี้เท่ากับเนรคุณท่าน”
“ก็คุณหญิงกับคุณสมศักดิ์เขารักกัน” หวนยังโกรธไม่หาย สาแก้ตัว “ถ้าหม่อมไม่บังคับคุณหญิงแต่งงานเธอคงไม่ต้องหนีไป” อีสาเสียงอ่อนลง “ที่ฉันทำไปก็เพราะรักแล้วก็สงสารคุณหญิงเธอจริงๆ นะพี่หวน ใครจะไปรู้ว่าคุณหญิงเธอจะ...”
จู่ๆ สาหยุดพูดซะดื้อๆ เรียกร้องความสนใจ ได้ผล หวนที่โกรธอยู่ อยากรู้ขึ้นมา ลืมโกรธชั่วคราว
“ทำไม นังสา คุณหญิงเธอเป็นอะไร”
สาทำตาปริบๆ ทำหน้าตาท่าทางน่าเห็นใจ

กลับถึงวังรวรวาร หวนรีบแอบมาเล่าให้เจิมฟัง
“อพิโธ่เอ๋ย คุณหญิงโสภา เหมือนนางหงส์ไปลงปลักนี่เป็นเพราะหลงเชื่ออีสาทีเดียว ถึงต้องไปตกระกำลำบากอย่างนั้น”
“สามันว่า นายสมศักดิ์อยากจะพาคุณหญิงมากราบขอขมาหม่อม ป้าว่าหม่อมท่านจะยอมยกโทษให้ไหมจ๊ะ”
เจิมนิ่งคิด หวั่นกลัว ไม่แน่ใจ
จริงดังที่เจิมกังวล พอหม่อมพริ้มรู้ก็โกรธจัด ตวาดเสียงดังลั่นห้องโถง
“มึงเจอตัวอีสา แล้วทำไมไม่ให้ตำรวจจับมัน”
หวนหมอบอยู่กับพื้น ตัวงอ หม่อมพริ้มเข้าไปจิกหัวหวนให้เงยหน้า
“เดี๋ยวนี้มึงกล้าขัดคำสั่งกูแล้วรึ อีหวน”
หม่อมพริ้มเกรี้ยวกราดมาก หวนกลัวตัวสั่น เจิมเข้าปกป้อง
“นังหวนมันไม่กล้าขัดหม่อมหรอกเจ้าค่ะ แต่มันสงสารอีสา”
หม่อมพริ้มละมือจากหวน หันมามองเจิมอย่างเอาเรื่อง เจิมอธิบายเกรงๆ
“อีสามันท้องแก่แล้วนะเจ้าคะ หม่อม ในท้องมันก็ไม่ใช่อื่นไกล เป็นโอรสธิดาของท่านชายสายเลือดของรวีวาร จะให้ไปเกิดในคุกในตะรางได้หรือเจ้าคะ”
หม่อมพริ้มเห็นจริงด้วย แต่ก็ขัดใจ “นี่เอ็งจะห้ามไม่ให้ข้าทำอะไรมันอย่างนั้นหรือ อีเจิม”
“คนเนรคุณอย่างอีสา ฟ้าดินลงโทษ ไปไหนมันก็ไม่มีความสุขความเจริญหรอกเจ้าค่ะ” เจิมได้โอกาส “ตอนนี้มันก็ลำบากอยู่ มันถึงได้บากหน้ามาหานังหวน”
หม่อมพริ้มหันมองหวนเป็นเชิงถาม หวนพูดเสียงอ่อย
“ตอนนี้นายสมศักดิ์โดนตำรวจไล่จับ ต้องออกจากงาน บ้านช่องก็ต้องอาศัยเขาอยู่เงินทองก็ร่อยหรอ”
หม่อมพริ้มกลับไปนั่ง มีสีหน้าสะใจ
“แล้วยังไง”
“ทั้งอีสา ทั้ง...” หวนออกอาการเกรงที่จะเอ่ยชื่อหญิงโสภา “คนที่มันพาไป ก็พากันลำบาก นายสมศักดิ์เลยอยากจะพา...มากราบขอขมาหม่อมค่ะ”
หม่อมพริ้มโกรธ ลุกพรวด ประกาศกร้าว
“กล้าดียังไง!มันสองคนช่วยกันเหยียบหน้าข้า แล้วคิดว่าอยากจะกลับมา ก็กลับมาได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ”
เจิมอ้อนวอน “หม่อมเจ้าขา แต่ว่าคุณหญิง...”
หม่อมพริ้มตวาด “หุบปาก อีเจิม ไม่ต้องสาระแน...ชาตินี้ ข้าไม่มีวันให้อภัยไอ้สมศักดิ์ อย่าคิดจมานับญาติเป็นเขยขวัญ...ถ้าข้าไม่เห็นหน้ามัน ก็แล้วไป ถ้าข้าเห็นมันเมื่อไหร่มันได้เข้าไปนอนคุกแน่”
จู่ๆ หม่อมพริ้มเหมือนคิดแผนอะไรได้ หันไปบอกหวน
“ส่วนอีผู้หญิงหน้าด้านกับอีบ่าวเนรคุณสองคนนั่น เอ็งไปบอกมัน…ถ้ามันอับจนหนทาง ไปไหนไม่รอด ก็ให้มันคลานกลับมา ข้าจะนึกเสียว่าเหมือนเลี้ยงหมา...เอาบุญ”

เช้านี้บรรยากาศตลาดมีคนพลุกพล่านเหมือนทุกวัน มีใครบางคนมองดูหวนที่ยืนกระสับกระส่ายรออยู่ สักครู่หนึ่ง ใครคนนั้นแลเห็นสาเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากอีกทาง ทั้งสองคนเจอกัน
ใครคนนั้นมองตามสาซึ่งดึงหวนเข้าไปคุยกันตรงมุมหนึ่ง

ที่แท้เป็นนายชิด ซึ่งหม่อมพริ้มสั่งให้มาสะกดรอยสา ชิดค่อยๆ สืบเท้าเดินตามสาที่แยกตัวไปจากหวนแล้ว โดยที่สาไม่รู้ตัว

 
อ่านต่อตอนต่อไป

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ครั้นพอหญิงโสภากับสมศักดิ์รู้เรื่องจากสาก็ตกใจมาก

“อะไรนะ! จะให้หญิงกลับไปคนเดียว”
“พี่หวนว่าหม่อมท่านไม่ยอมยกโทษให้คุณสมศักดิ์ ถ้าหากเข้าไปกราบขอขมาท่าน ท่านจะเอาตำรวจจับทันที”
“งั้นเราก็ไม่ไป” คุณหญิงบอก
สมศักดิ์ลังเล “แต่คุณหญิงครับ ตอนนี้เรากำลังลำบาก”
“แต่หญิงเป็นภรรยาคุณสมศักดิ์ลำบากก็ต้องลำบากด้วยกัน จะให้ทิ้งไปได้ยังไง” คุณหญิงนึกน้อยใจ “หรือคุณสมศักดิ์อยากให้หญิงไป”
“เปล่า ไม่ใช่ครับ ผมแค่คิดว่า หม่อมท่านเป็นคนแข็ง ถ้าคุณหญิงกลับเข้าไปก่อน แล้วพยายามเอาอกเอาใจ ซักวันท่านอาจจะใจอ่อน ยอมรับเราก็ได้”
หญิงโสภาทำหน้าไม่ยอม สมศักดิ์เลยหยุดหว่านล้อม สาเปรยอย่างเครียดๆ
“หม่อมท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอกค่ะ มันอาจจะนานเป็นปี หรือหลายๆ ปี...ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณหญิงกับคุณสมศักดิ์จะทำยังไง”
สมศักดิ์พูดไม่ออก หญิงโสภาพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“หญิงจะไม่ทิ้งคุณสมศักดิ์กลับไปอยู่สุขสบายคนเดียว ถ้าวังรวีวารไม่ยอมรับเรากลับไป หญิงก็จะไม่กลับ ต่อไป ชีวิตเราจะต้องลำบากยากแค้นยังไง หญิงจะไม่บ่น จะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น”
หญิงโสภามองสมศักดิ์ด้วยสายตาเปี่ยมรัก พูดอย่างจริงใจไม่ได้ประชดหรือตัดพ้อ
“แต่ถ้าคุณสมศักดิ์ไม่ต้องการหญิงแล้ว หญิงกับสาจะพากันไปตายดาบหน้า จะไม่อยู่ให้เป็นภาระของใคร”
สมศักดิ์เดินมากุมมือหญิงโสภา
“งั้นคุณหญิงก็ไม่ต้องไปไหน เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง”
สมศักดิ์กอดหญิงโสภาอย่างถนอม ละลายด้วยความดีของเธอ
สายืนมองสองหนุ่มสาวด้วยความสะท้อนใจ ไม่รู้อนาคตข้างหน้าของตัวเองและทั้งสองจะเป็นยังไง

ขณะเดียวกันรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาในซอยอันคับแคบชิดเป็นคนขับ พาหม่อมพริ้มเข้ามา
“มันอยู่ที่นี่หรือ ชิด”
“หม่อมพริ้มเปิดประตูรถ ก้าวลงไปยืนข้างรถ มองดูสภาพรอบตัวที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดวงใจเดินเข้ามาจากอีกทาง เห็นรถคันหรูกับหม่อมพริ้มที่แต่งตัวโก้ ก็ชะงัก
“แม่เจ้าโว้ย ผู้ลากมากดีที่ไหนมาวะหรือว่า”
ดวงใจนึกเอะใจ ขยับเข้าไปใกล้
หม่อมพริ้มมองดูสภาพซอย เห็นชาวบ้านชายนุ่งโสร่งตัวเดียวเปลือยท่อนบนเดินว่อน ผัวเมียเมาทะเลาะกันเอะอะ สะพานง่อนแง่นดูน่ากลัวตก หม่อมพริ้มตัดสินใจ
“เอ็งเข้าไป หาให้เจอว่าบ้านหลังไหนที่พวกนั้นไปหลบอยู่เจอแล้วรีบกลับมาบอกข้า ข้าจะให้ตำรวจเข้าไปจับไอ้ผู้ชาย”
ดวงใจได้ยิน ตาโต ชิดรับคำ
“แล้วอีสาล่ะขอรับ”
“ลากคอมันออกมาหาข้า... ทั้งมัน ทั้งนังโสภา”
“ขอรับหม่อม”

ดวงใจหลบ แล้ววิ่งออกไปทันที

ชิดเดินเข้ามาในซอยบ้านวินิจ ถามชาวบ้านหลังใกล้ๆ

“เคยเห็นไหมจ๊ะ ผู้หญิงสวยๆ สองคน คนนึงท้องใหญ่ได้สักเจ็ดแปดเดือน ชื่ออีสา”
ชาวบ้านร้อง “อ๋อ แม่อุษา...อยู่ที่โน่นแน่ะ”
ชาวบ้านคนนั้นชี้ไปทางบ้านวินิจ

ดวงใจเข้าประตูบ้านมา หอบแฮ่กๆ ก่อนจะตะโกน
“แย่แล้ว แย่แล้วพ่อสมศักดิ์ แม่สา”
วินิจอ่านหนังสืออยู่ พลอยตกใจ
“อะไร แม่ดวงใจ อะไรแย่”
“หม่อม...หม่อมมา”
สาที่วิ่งออกมาตามเสียงเรียก ได้ยินพอดี
“หม่อมไหน!”
“หม่อมแม่ของแม่โสภา” ดวงใจพูดไปหอบไป “เขามาที่นี่”
สมศักดิ์กับหญิงโสภาวิ่งเข้ามาได้ยินพอดี
“อะไรนะ!” สมศักดิ์ตกใจมาก
“เขารออยู่ปากทาง สั่งให้คนเข้ามาหาบ้านเรา ตอนนี้คงใกล้จะถึงแล้ว”
ทุกคนหน้าตื่น ตกใจ คิดหนักว่าจะทำยังไง

ชิดมาถึงหน้าบ้านวินิจ เห็นประตูบ้านปิด หน้าต่างก็ปิด ชิดร้องเรียก
“มีใครอยู่ไหม เปิดประตูหน่อย”
สมศักดิ์แอบอยู่ในบ้านแง้มบานหน้าต่างดู แล้วหันมาบอกสากับคนอื่นๆ ที่รอลุ้นอยู่
“นายชิด คนขับรถ”
“มีใครอยู่ไหมจ๊ะ เปิดประตูหน่อย .. นังสา คุณหญิงขอรับ”
สากับหญิงโสภาหน้าตื่น
“จะทำยังไงดี สา”
ดวงใจลืมตัวบอกกับสมศักดิ์ “บอกเค้าไปซี ว่าไม่มีใครอยู่”
ทุกคนหันมองหน้าดวงใจ อ่อนใจในคำพูดของเธอ ดวงใจหน้าม้าน
“ผมจะออกไปจัดการเอง”
สมบอกคุณหญิงโสภาห้ามไว้ “ไม่ได้นะคะ หญิงกลัวเค้าจะจับตัวคุณไป”
“ผมจะลองติดสินบนนายชิด”
สาที่แอบดูผ่านบานหน้าต่างหันมาบอก เสียงเครียด หน้าซีดเผือด
“ไม่สำเร็จหรอกค่ะ...ท่านมาแล้ว”

สมศักดิ์ชะโงกไปแอบดูบ้าง เห็นหม่อมพริ้มยืนสง่าอยู่ข้างหลังชิดแล้ว

 
อ่านต่อหน้า 4

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ฟากหม่อมพริ้มอยู่หน้าบ้าน บอกชิด

“เรียกพวกมันออกมา”
ชิดหันไปตะโกน “นังสา คุณหญิง หม่อมท่านรู้แล้วนะครับ ว่าอยู่กันที่นี่ ออกมาเถอะครับ”
ทุกคนในบ้านต่างหน้าซีด มองหน้ากัน
หญิงโสภาใจสั่นกลัวมาก “เอายังไงดี สา”
สามองหน้าสมศักดิ์เป็นเชิงถาม สมศักดิ์หันมองหน้าดวงใจกับวินิจ

ชิดยังคงร้องเรียกมาจากที่หน้าบ้าน
“นังสา เอ็งอย่าหนีอีกต่อไปเลยออกมาหาท่าน มาให้ท่านลงโทษซะโทษหนักจะได้เป็นเบา”
ไม่มีเสียงตอบ ชิดหันมองหน้าหม่อมพริ้ม
“นับหนึ่งถึงสาม ถ้ามันยังไม่ออกมา ข้าจะไปเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” หม่อมเสียงดัง
“นังสา ถ้าเอ็งไม่ออกมา หม่อมท่านจะไปเรียกตำรวจมาจับนะเว้ย เอ็งจะออกมาไหม ..หนึ่ง .. สอง”
ประตูเปิดผลัวะ ชิดดีใจ แต่กลายเป็นดวงใจกับวินิจ
“มาร้องโหวกเหวกโวยวายอะไรหน้าบ้านผม”
ชิดหลบ วินิจและดวงใจประจันหน้ากับหม่อมพริ้ม ดวงใจถึงกับหลบหลังผัวด้วยความเกรง
“เป็นเจ้าของบ้านใช่ไหม” วินิจพยักหน้า “เข้าไปบอกพวกมัน ให้ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
วินิจตีรวน “พวกไหน”
“คุณก็รู้ว่าฉันหมายถึงพวกไหน”
“ถ้าหมายถึงสมศักดิ์กับ” วินิจเน้นคำหลัง “ภรรยาล่ะก็...เสียใจครับ หม่อม เขาไม่อยู่กันแล้ว”
หม่อมพริ้มมองหน้าชิด ชิดเถียงวินิจ
“ไม่จริง เมื่อเช้าฉันยังเห็นนังสามันเข้ามาที่นี่”
ดวงใจปฏิเสธเสียงขุ่น และดุ “บอกว่าไม่อยู่ก็ไม่อยู่สิยะ”
หม่อมพริ้มสั่ง “ชิด เข้าไปดู”
ชิดขยับจะเช้าบ้าน วินิจกางกั้นไว้
“ไม่ได้ ...ถ้าเข้ามา ฉันจะแจ้งตำรวจ ข้อหาบุกรุก”
ดวงใจสำทับ “ผัวฉันเขาทำงานโรงพิมพ์นะยะ เขารู้กฎหมาย กล้าดีก็เอาซี”
ชิดชะงัก ลังเล หม่อมพริ้มมองไปที่ตัวบ้าน เห็นรอยหน้าต่างแย้มเผยอยู่นิดเดียว หม่อมพริ้มมองเพ่งไปที่ตรงนั้น

สา สมศักดิ์ และหญิงโสภาที่แอบดูอยู่ ลุ้นระทึกหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
หญิงโสภากลัวมาก จับมือสาบีบแน่น “สา”
สาก็กลัวเหมือนกัน แต่ทำใจแข็ง
“หม่อมท่านไม่เข้ามาหรอกค่ะ คุณหญิง ไม่มีทาง”
ที่สุดหม่อมพริ้มเชิดหน้า พูดขึ้นด้วยเสียงกังวาน เฉียบขาดเหมือนจะส่งไปให้ถึงในบ้าน
“นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย...ขอให้ตัดสินใจ ว่าจะเลือกผู้ชาย หรือเลือกแม่”
พอได้ฟังหญิงโสภาสะท้านทั้งตัว ใจหนึ่งเหมือนอยากจะออกไป ใจหนึ่งก็ห่วงสมศักดิ์
“ถ้าเลือกแม่ ก็ออกมา...” หม่อมบอก
หญิงโสภามองหน้าสา สาหน้าซีด
“ถ้าคุณหญิงออกไป ชาตินี้คงไม่ได้เจอคุณสมศักดิ์อีกแน่ๆ”
หญิงโสภาสับสน ไม่รู้จะทำยังไง
หม่อมพริ้มเห็นทุกอย่างนิ่งเงียบ ยิ่งน้อยใจ น้ำเสียงพูดเริ่มเกรี้ยวกราด
“แต่ถ้าไม่ออกมา ก็ถือว่าเราขาดกัน”
หม่อมพริ้มยืนรออยู่แค่เสี้ยวนาที เห็นว่าไม่มีใครออกมา ก็หันหลัง เดินกลับออกไป
หญิงโสภาร้องไห้ ทรุดลง
“หม่อมแม่”

หญิงโสภาร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ สากับสมศักดิ์ประคองไว้

กลับถึงวังรวีวาร หม่อมพริ้มเดินเข้ามาที่ห้องโถงด้วยความโกรธ เจิมเดินตามถามเรื่องราวไปด้วย

“ตกลงว่าไม่เจอหรือเจ้าคะ”
หม่อมพริ้มแค้นจัด “เจ้าของบ้านบอกว่าพวกมันย้ายออกไปแล้ว แต่ข้ารู้ว่ามันยังอยู่ในนั้น”
พูดเท่านั้นหม่อมพริ้มนั่งลง ร้องไห้ออกมา
“มันอยู่ในนั้น แต่มันไม่ยอมออกมาหาข้า มันเห็นผู้ชายดีกว่าแม่บังเกิดหัวของมัน”
เจิมมองหม่อมพริ้ม ก่อนจะพูดอย่างเกรงๆ
“ข้าวสารเป็นข้าวสุกไปแล้ว ยังไงเขาก็ผัวเมียกัน”
หม่อมพริ้มโกรธและเสียใจ น้ำตาทะลัก
“ข้าไม่ยอมรับ...ลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงมา ข้าไม่ยอมให้มันเอาไปพล่าไปยำ...ข้าจะเอามันเข้าคุกให้ได้”
“หม่อมเจ้าขา... ผัวติดคุก แล้วเมียจะอยู่ยังไงต้องเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาว แล้วไหนจะอีสากับลูกในท้องอีกใครจะเลี้ยงดู”
หม่อมพริ้มร้องไห้ออกมา อัดอั้น ไม่มีทางออก
“บ่าวรู้ดีเจ้าค่ะ ว่าหม่อมรู้สึกยังไง แต่หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อเราเองนะเจ้าคะ”
หม่อมพริ้มสะอื้น เจิมเข้ามาเอามือจับข้อเท้า วิงวอน
“ปล่อยเขาไปเถอะเจ้าค่ะ”
หม่อมถอนสะอื้น เจ็บปวดเหลือเกิน “ปล่อยพวกมันไป...แล้วข้าล่ะ เจิม ข้าได้อะไร”
ชายรวีวิ่งเข้ามาในห้องโถงพอดี
“หม่อมแม่ขา” คุณชายเข้ามากอดซบที่ตัก “หม่อมแม่ไปไหนมาทั้งวันชายคิดถึง”
พอเห็นชายรวี หม่อมพริ้มใจอ่อนยวบ ทรุดตัวลงมากอดชายรวีไว้แน่น
“จะดีจะร้าย มันก็ยังทิ้งคุณชายเอาไว้ให้หม่อม...หม่อมยังมีคุณชายอีกทั้งคนนะเจ้าคะ” เจิมบอกปลอบ
หม่อมพริ้มกอดชายรวี น้ำตาไหล

คืนนั้นสาอยู่ในมุ้ง นอนไม่หลับกระสับกระส่าย กลุ้มใจคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา

ทั้งสามหารือกันอยู่ในห้องสมศักดิ์เมื่อตอนเย็น
“หม่อมไม่มีทางรามือง่ายๆ เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่” สาบอกสองผัวเมีย
“ไปไหนล่ะจ๊ะ สา”
สากับหญิงโสภาหันมองสมศักดิ์ หาที่พึ่ง
สมศักดิ์เครียดๆ “ผมพอมีญาติข้างแม่อยู่ที่อยุธยา”
หญิงโสภาท้วง “ไกลขนาดนั้น สากำลังท้องแก่ ไปไม่ไหวหรอกค่ะ”
“งั้นก็ไม่มีที่อื่นแล้ว” สมศักดิ์ว่า
“ไม่ต้องห่วงสาหรอกค่ะ คุณหญิง สาแข็งแรง ว่าแต่คุณเถอะ จะไปทำมาหากินอะไรที่อยุธยา อย่าบอกนะ ว่าคุณจะไปทำนา”
สมศักดิ์เครียด ไม่มีทางออก หญิงโสภาถามอย่างอ่อนโยน
“เราหาบ้านเล็กๆ ที่ไหนซักแห่งในพระนครไม่ได้หรือคะ”
“บ้านเช่า ก็ต้องมีค่าเช่าบ้าน ตอนนี้ ผมยังไม่มีงานทำเลยนะครับ คุณหญิง”
หญิงโสภาเดินไปหยิบสร้อยข้อมือเพชรเส้นหนึ่ง เป็นเส้นที่ได้จากหม่อมพริ้ม ขึ้นมาจากถุงที่เก็บเครื่องประดับ ส่งให้กับมือสมศักดิ์ จับให้กำเอาไว้ ไม่พูดอะไร สมศักดิ์มองอึ้ง
สาอยากจะค้าน แต่หญิงโสภาส่ายหน้าห้าม สาพูดไม่ออก

สาลุกออกมาที่ระเบียง อุ้ยอ้ายเพราะท้องโตมาก ใส่ผ้าซิ่นกับเสื้อคอกระเช้าสีขาวออกมานั่งรับลม สาถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม คิดถึงเรื่องที่คุยกับคุณหญิงในเวลาต่อมา

เมื่ออยู่กันสองคน สาต่อว่าหญิงโสภา
“สร้อยเพชรนั่นหม่อมท่านให้คุณหญิงมา มันของส่วนตัวของคุณหญิง เอาไปให้เขาทำไม”
“เขาเป็นสามีของหญิง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ เขามีหน้าที่ต้องดูแลคุณหญิง ไม่ใช่คุณหญิงไปดูแลเขา”
“แต่เราไม่มีบ้านอยู่ สาก็รู้ ว่าเราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้”
สาท้วง “แต่ว่า...”
“สาจ๋า สาไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะจ๊ะ” คุณหญิงเอามือแตะท้องสา “อีกไม่นานลูกของสาก็จะเกิดมาแล้ว หญิงอยากให้ลูกของสา น้องของหญิง อยู่ในบ้านที่ดีกว่านี้ …” หญิงโสภายิ้ม “บ้านของเรา”
สาซึ้งใจ น้ำตาจะหยด “โถ แม่คุณ ทูนหัวของสา”

เมื่อนึกขึ้นมาแล้วสาน้ำตาคลอๆ เสียใจ
“สาผิดเอง สาพาคุณหญิงมาลำบากแท้ๆ”
เสียงกระแอมดังขึ้นข้างหลัง สาสะดุ้งหันไปมอง สมศักดิ์ในชุดนอนเดินออกมาจากเงามืด
“ดึกแล้ว ทำไมไม่นอน”
“ฉันต้องถามคุณมากกว่า ดึกมากแล้ว ออกมาทำไม...ทำไมไม่อยู่กับคุณหญิง”
สมศักดิ์ยิ้มเศร้าๆ สาสงสัย
“คุณกับคุณหญิงมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“คุณหญิงของคุณ เขาบอกคุณว่ายังไงล่ะ”
“ฉันถามหลายครั้งแล้ว เธอไม่ยอมบอก”
“เธอก็ไม่บอกผมเหมือนกัน” สมศักดิ์ยักไหล่ ยิ้มหยัน “ผมก็เลยไม่รู้จะตอบคุณว่ายังไง”
สมศักดิ์ไปยืนริมระเบียง เงยหน้ามองแสงจันทร์ รำพึงออกมา
“บางทีผมก็แอบคิดว่า ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ทำอย่างนี้”
สาตกใจ “อะไรนะ! นี่คุณพูดอะไร คุณไม่รักคุณหญิงแล้วหรือ คุณสมศักดิ์”
สมศักดิ์หันมามองสาเต็มตา
“รักเหรอ...ผมว่าผมยังรักคุณหญิงอยู่นะ แต่บังเอิญว่าความรักของผมกับความรักของคุณหญิงโสภามันมีความหมายไม่เหมือนกัน”
“ฉันไม่เข้าใจ”
สมศักดิ์จ้องตาสา เห็นหน้านวลกระจ่าง ลมดึกพัดผมปลิวระแก้ม ความรู้สึกเก่าๆ ก็ก่อตัวขึ้นมา
สมศักดิ์ทอดเสียงพูดนุ่มนวล “คุณต้องเข้าใจสิคุณสา เพราะคุณก็เป็นเหมือนกันกับผม...เป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อมีความต้องการ ...แต่คุณหญิงเธอเป็นอีกอย่าง”
สาฟังอึ้งๆ พอเดาได้ว่าปัญหาคืออะไร สมศักดิ์ระบายความในใจ
“ผมไม่ใช่ศิลปินที่หลงรักรูปปฎิมา ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ที่อยากจะกอด จะจูบอยากจะเชยชมผู้หญิงที่ผมรัก”
สมศักดิ์พูดไปมองหน้าสาไป อารมณ์ยิ่งเข้มข้นขึ้นมา สารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เกิดขึ้น รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ว่าจะรักแบบไหน คุณหญิงเธอก็รักคุณมาก เธอเสียสละเพื่อคุณทุกอย่าง คุณอย่าลืมซี”
สมศักดิ์พูดอย่างจริงใจ “ผมไม่ลืมหรอกครับว่าคุณหญิงโสภาเธอรักผมมากแค่ไหน เพราะถ้าลืม ผมคงเผลอใจจูบคุณไปเสียนานแล้ว”

สาตกใจ พอรู้สึกตัว ก็รีบหันหลังกลับเดินเข้าบ้านไปทันที

 
อ่านต่อตอนที่ 8
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 6
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 6
พระบรมมหาราชวัง ปีพ.ศ. 2481 หม่อมพริ้มเดินเข้าไปในเขตตำหนักฝ่ายใน ที่เป็นหมู่ตึกหลังเล็กๆ หลายหลังเรียงกันอยู่ในสวนสวย บรรยากาศดูร่มรื่น ระหว่างทาง มีหญิงชาววังเดินผ่านไปมาทุกคนแต่งกายสีตามวันแบบสวัสดิรักษา ภายในห้องขนาดกลาง ห้องหนึ่ง คุณพริ้ง พี่สาวของหม่อมพริ้มนั่งอยู่บนพรม ห่างออกไป มีสาวๆ ชาววังแต่งกายสีตามวันจับกลุ่มกันแกะสลักผักผลไม้อย่างตั้งใจ หม่อมพริ้มคลานมานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า “กราบคุณพี่ค่ะ” คุณพริ้งยิ้มตอบ “ว่าอย่างไร แม่พริ้ม ฉันแว่วมาว่าอีกไม่นาน ที่วังรวีวารจะมีงานใหญ่” “อิฉันก็มาเรียนคุณพี่เรื่องนี้ล่ะค่ะ” สีหน้าหม่อมดูกังวลนิดๆ “แล้วก็อยากจะหารือ...เรื่องลูกหญิงโสภา”
กำลังโหลดความคิดเห็น