คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 7
สังเวียนยืนอยู่ในเรือนพะไลที่ข้าวของถูกจัดเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ไล่ก็เหมือนไล่กันแท้ๆ กูนะกูสมควรเป็นอีสังเวชเสียเหลือเกิน”สังเวียนยังไม่หายเจ็บใจ
น้อยเดินยิ้มเข้ามาเสี้ยม
“แกพูดถูกนังสังเวียน พอแกมาเรือนนี้ปุ๊บ ท่านเจ้าคุณแล่นเข้าเรือนคุณหญิงปั๊บ ใจท่านคงมุ่งพุ่งไปหานังสะบันงานั่นแหละ”
“ก็คอยดูกันไปก็แล้วกัน ว่ามันจะลงเอยกันอย่างไร”
สังเวียนคิดแค้นสะบันงาเป็นอย่างมาก
เจ้าสัวเส็งตบโต๊ะปังๆ
“อุเหม่”
คุณนายใหญ่ตบอกผางๆ
“ศุกลเป็นบ้าไปแล้วหรือ”
คุณนายน้อยกุมอกตกใจ ถามย้ำ
“ศุกลจะแต่งงานกับเด็กสะบันงา”
“ครับ” ศุกลยืนยันหนักแน่น
เจ้าสัวเส็งตวาด
“ไม่ได้ เตี่ยไม่ให้แต่งกับเด็กเรือนแพไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นเด็ดขาด”
“ไม่มีสกุลรุนชาติ ยากจนค่นแค้น ระเหเร่ร่อนไปตามลำคลอง” คุณนายใหญ่เสริม
“ไปพบสะบันงาที่ไหนล่ะ” คุณนายน้อยสงสัย
“พบกันที่...”
ศุกลขยับจะบอกว่าสะบันงาอยู่กับคุณหญิงศรี แต่ยั้งไว้ทัน เพราะคุณหญิงศรีสั่งไว้
“พบกันโดยบังเอิญที่เยาวราชครับ”
“ต๊ายตาย มันอาจไปทำงานอยู่ตามโรงน้ำชาแล้วหรือเปล่านั่น” คุณนายใหญ่โวยวาย
“เปล่าครับ รับรองครับ ถ้าคุณเตี่ยกับแม่รังเกียจสะบันงาก็ไม่เป็นไรครับ”
“แปลว่าศุกลจะไม่แต่งงานกับมัน”
“เปล่าครับ ผมจะแต่งงานกับสะบันงา”
เท่านั้นเองเจ้าสัวเส็งก็ปาของลงจากโต๊ะมากองที่พื้น คุณนายใหญ่ตบอกผางๆ คุณนายน้อยกุมอกไว้ปานกลัวหัวใจจะหลุดศุกลเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
สังเวียนนั่งเขียนจดหมายถึงสังวร แม้ลายมือจะโย้เย้ เพราะเขียนไม่คล่อง แต่ก็พยายามเขียน เมื่อเขียนจบก็ตรงไปหายอดที่ลานจอดรถ
“ลมอะไรหอบสังเวียนคนสวยมาหาพี่ยอดถึงนี่”
“อย่าล้นให้มากนักเลย ไอ้หมาเห่าใบตองแห้ง”
ยอดไม่พอใจวูบหนึ่ง แล้วยิ้มต่อ
“หมามันภักดีมากกว่าคนนะสังเวียน”
“ฉันเกลียดหมา”
ยอดอึ้งอีก แต่พยายามพูดดีด้วย
“นั่นจดหมายอะไร”
“จดหมายฝากให้แกไปส่งให้พี่สาวฉันน่ะสิ”
“แกเลยหรือ รู้แล้วหรือว่าสังวรไปอยู่ที่ไหน”
“เออน่า อย่าปากมาก นี่เงิน เอาใช้ติดแสตมป์ ที่เหลือฉันยกให้”
ยอดมองจดหมายยิ้ม
“สังเวียนทำไมไม่พูดจากับพี่ดีๆบ้างสักครั้งให้พี่ชื่นใจ”
“บอกว่าอย่าล้นกับฉันไอ้ขี้ข้า ไม่รู้หรือว่าถ้าฉันไม่พอใจขึ้นมาฟ้องท่านเจ้าคุณแกจะโดนสั่งสอน อย่าทะลึ่งกับฉันอีกจำไว้รีบทำตามที่ฉันสั่ง”
ยอดรับจดหมายมา นึกได้แกล้งยั่ว
“เออนี่ พวกในครัวนินทาแกแน่ะว่าถูกท่านเขี่ยตกกระป๋อง ตอนนี้ท่านกำลังมองหาคนใหม่ไม่แคล้วนังน้อย แต่ฉันว่าสะบันงาน่าเข้าข่ายกว่าตอนนี้ก็กำลังเตรียมของว่างกับชาไปเสิร์ฟท่านเจ้าคุณเกษมกับท่านของเรา”
“หน้าตาก็หมา นิสัยก็หมา ปากก็หมา”
สังเวียนเดินสะบัดกลับไปทางเรือนครัวยอดมองตามแค้นใจที่โดนด่า
“ด่ากูดีนัก สักวันหมาตัวนี้จะทำให้มึงน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
ยอดยกจดหมายมาดูยิ้มร้ายๆ
สะบันงาถือถาดชา และขนมปังราดเนยสดมา ไปที่เรือนต้นไม้สังเวียนที่เดินตามมารีบเรียกไว้
“สะบันงา แกจะเอาของนี่ไปไหน”
“เอาไปให้ท่านเจ้าคุณเกษมกับท่านเจ้าคุณจ้ะ”
“แกเสนอหน้าไปบริการท่านหรือ”
“ท่านสั่งผ่านพี่เมี้ยนมาให้ฉันทำ”
สังเวียนแสร้างทำเป็นพูดดี
“มาสิฉันจะช่วยแกเอง ของมันแยะโขอยู่นะ”
“ขอบใจมากจ้ะ”
สังเวียนแบ่งของมาถือเอง
ยอดกลับมาที่ห้องพัก แกะซองจดหมายที่ปิดผนึกของสังเวียนออกมาเปิดอ่าน
“อยากรู้จริงว่านังสองคนพี่น้องนี่มันกำลังคิดอะไรกันอยู่”
ยอดอ่านแล้วตาโตตื่นเต้น
“โอ้โฮ นังนี่ช่างสำคัญนัก”
เจ้าคุณกับเจ้าคุณเกษมคุยกันชมต้นไม้ไปด้วย
“เอ๊ะ นี่ต้นอะไรกัน” เจ้าคุณเกษมสงสัย
“สะบันงา”
“เอ ชื่อนี้คุ้นๆ”
เจ้าคุณยิ้มๆชี้ให้ดู
“เจ้าของชื่อมาแล้ว”
เจ้าคุณเกษมเงยหน้ามองสะบันงาที่เดินมากับสังเวียน แล้วอึ้งในความสวย
“นั่นหรือสะบันงา ช่างงามเกินคำชม”
“แต่ยังเด็กมาก”
“คนขวานั่นว่างามแล้ว ยังไม่เทียบเทียมสะบันงา แหมเจ้าคุณนี่ช่างอิ่มเอมเปรมใจ มีอาหารตาอาหารใจในบ้านเต็มไปหมด”
เจ้าคุณยิ้มแย้ม
“สะบันงานั่นเขาเด็กของคุณหญิง ส่วนนั่นสังเวียนอยู่มานานแล้วจำไม่ได้หรือครับ”
“จริงสิ ผมไปยุโรปเสียนามนม ลืมเด็กบ้านนี้ไปหมดแล้ว”
“สังเวียนคล่องผมชอบนะ แต่ตอนนี้กำลังท้องผมดีใจมาก”
“อ๊ะ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
“อย่าอึงไป เขาขอร้องผมไว้ไม่ให้ปูดเรื่องเขาท้อง”
“แปลกแฮะทำไมต้องปิดบังด้วย แหมแต่ถ้าผมเป็นเจ้าคุณจะไม่แค่มีลูกกับสังเวียน ผมจะขอสะบันงาจากคุณหญิงมีลูกกับคนนี้อีกสักคนสองคน”
เจ้าคุณฟังอย่างสนใจมาก สะบันงากับสังเวียนเข้ามาถึงพอดีวางของกินบนโต๊ะ
“ขนมเค้กราดเนยสดน่ากินแท้ๆ สะบันงาทำเองอีกละสิ” เจ้าคุณถาม
“เอ้อ เจ้า...”
สะบันงาพูดไม่ทันจบ สังเวียนแทรก
“เจ้าค่ะ สังเวียนทำเองเจ้าค่ะ”
สะบันงาอ้าปากค้างเจ้าคุณเกษมมองสะบันงาไม่วางตาสังเวียนหันไปสั่ง
“อ้อ สะบันงาฉันได้ยินน้อยมันบอกว่าคุณหญิงท่านให้หาแน่ะ รีบไปสิ”
สะบันงาจึงถอยไป สังเวียนทำหน้าที่ปรนนิบัติดูแลอาหารของสองคน
คุณหญิงศรี นั่งคุยอยู่กับคุณหญิงลออศรี มองหน้าสะบันงาแล้วส่ายหน้างงๆ
“ฉันไม่ได้เรียกหาสะบันงา ก็รู้อยู่ว่าไปทำขนมเค้กเนยสดให้ท่านเจ้าคุณหรือว่าใครมันมาหลอกเอา”
สะบันงารู้ว่าสังเวียนหลอก แต่ไม่อยากพูดให้มากความ
“เอ้อ ไม่มีใครหลอกค่ะ หนูเข้าใจผิดไปเองค่ะ เอ้อ หนูขออนุญาตไปทำขนมต่อค่ะ”
“ไปเถิด...แล้วตอนนี้ใครดูแลท่านสองคนอยู่”
“พี่สังเวียนค่ะ”
“นั่นปะไร นังสังเวียนมันบอกละสิว่าฉันให้หา”
สะบันงาคลานถอยไป คุณหญิงลออศรีมองตามไม่ชอบใจ
“สะสวยมากขึ้นทุกทีจนน่าใจหายใจคว่ำแทนเธอนะศรี”
“ศุกลเขากลับมาแล้ว อีกไม่นานสะบันงาก็คงได้ไปจากที่นี่”
“ขอให้มันจริงอย่างที่เธอว่าเถิด”
“หายไปยุโรปมาตั้งนาน มาคุยกันเรื่องของเราดีกว่าปานวาดเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็โอดครวญว่าโรงเรียนมีระเบียบมากมาย แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว”
“นี่จะให้เรียนกันไปถึงไหน”
“จนจบมหาวิทยาลัยนั่นแหละ”
“อีกเป็นนานสองนานกว่าจะได้เจอกันอีก”
“เพื่ออนาคตของลูกก็ต้องยอม”
“ฉันโชคดีที่ไม่ต้องมีลูกให้ห่วง ฉันไม่อยากมีลูกหรอกนะลออ”
“เธอนี่ช่างประหลาดคนไปเสียหมดทุกอย่างนะศรี”
คุณหญิงศรีพยักหน้ายอมรับ
เมี้ยนเดินจะเข้าเรือนคุณหญิงศรี ยอดทำลับๆล่อๆอย่างรอจะพูดกับเมี้ยน
“คุณเมี้ยน”
“นายยอดมีอะไรกับฉันหรือ”
ยอดมองซ้ายมองขวาแล้วยื่นจดหมายส่งเมี้ยน
“จดหมายครับ”
เมี้ยนอ่านหน้าซอง
“จดหมายถึงสังวร”
ยอดมองซ้ายมองขวากระซิบ
“ระวังนังสังเวียนมันจะเห็นเอาครับ มันเขียนถึงพี่สาวมันครับ มันฝากผมให้ส่ง”
เมี้ยนรีบเก็บยัดจดหมายไว้ที่เอว แล้วถามต่อ แม้ในใจรู้เจตนาของยอดแล้ว
“แล้วทำไมไม่เอาไปส่ง เอามาให้ฉันทำไม”
“ผมสงสัยท่าทีของนังนี่มานานแล้วว่ามันคิดไม่ซื่อ ผมเลยเปิดอ่าน มันก็จริงดังที่ผมคาดเดา ผมจึงเอาจดหมายนี่มาฝากให้คุณหญิงอ่าน”
“ขอบใจมากนายยอด คุณหญิงท่านอ่านแล้วคงจะตกรางวัลให้นายยอดอย่างงามตามความสำคัญของจดหมายนี้”
“ขอบพระคุณครับ”
เมี้ยนยิ้มพึงพอใจ
เมี้ยนอ่านแบบไม่คล่องมากแต่ก็ราบรื่นคุณหญิงศรีฟังเงียบๆ...
“ป่านนี้พี่คงคลอดลูกแล้วฉันเองก็กำลังท้อง แต่ขอให้ไอ้แก่มันปิดบังไว้หาไม่ฉันจะโดนอีศรีกับอีเมี้ยนมันกลั่นแกล้งเอา เหมือนกับที่พี่โดน”
เมี้ยนหยุดอ่านมองหน้าคุณหญิงศรี
“ฟังมันเรียกคุณหญิงกับท่านเจ้าคุณสิเจ้าคะ”
“อ่านต่อไป”
“ฉันระวังตัวมาก พอลูกคลอดฉันจะประจบประแจงไอ้แก่ แล้วรับพี่กับลูกของพี่มาอยู่ด้วยกันช่วยกันมีลูกให้ไอ้แก่มากๆ แล้วรวมหัวกันเฉดหัวอีศรีกับอีเมี้ยนออกไปจากบ้าน เรามาตั้งตัวเป็นคุณหญิงบ่าวตั้งแบ่งกันคนละปีครึ่งปี พอเฉดหัวอีพวกนั้นออกไปเราก็ค่อยๆวางยาพิษให้ไอ้แก่ตายทีละน้อยแล้วทุกอย่างก็จะตกเป็นของเราสองคนกับลูกของเรา”
เมี้ยนหยุดอ่านอีก มองหน้าคุณหญิงศรี
“มันเลวเกินกว่าที่เราคาดคิด”
“เอาจดหมายมันไปประจานให้ท่านเจ้าคุณดูไหมเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง อ่านต่อไป”
“ท้องฉันโตขึ้นจนปิดไม่อยู่ขึ้นทุกทีมีแต่คนสงสัย อีกสักเดือนจะแสร้ง ขอลาไอ้แก่กลับบ้าน พอคลอดลูกแล้วค่อยกลับมาอย่างสง่างามในฐานะแม่ของลูกเจ้าพระยาสมิติภูมิ แต่อีตอนที่ฉันไม่อยู่นี่สิอีสะบันงามันจะโดนไอ้แก่เรียกหาไปแทนฉัน เพราะสายตามันบ่งบอกว่าพอใจอีสะบันงามาก พี่ช่วยหานักเลงแถวบ้านเรามาแสร้งสมัครเป็นยามเป็นอะไรก็ได้แล้วปล้ำมัน น่าเสียดายที่ครั้งกระนั้นยามนั่นทำไม่สำเร็จแถมอีกครั้งเรื่องน้ำกรด ก็แทบเอาตัวไม่รอดก็ได้แต่สวดมนต์สาปแช่งพวกมันให้มีอันเป็นไป”
รักพี่รักหลาน รอวันอยู่ด้วยกัน
สังเวียน”
เมี้ยนโกรธจนสั่นไปหมดลุกพรวดจะออกไปเล่นงาน
“ทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง”
“ทนต่อไป”
“คุณหญิง”
“ทนมาได้ตั้งนาน ทำราวกับไม่รู้ว่ามันเลวร้ายใจดำแค่ไหน ต่อไปนี้คือตอนสำคัญดันจะไปแสดงตัวว่ารู้เรื่องของมัน นิ่ง แล้วคิดว่าจะจัดการแก้ปัญหาอย่างไร รีบเอาเงินไปตกรางวัลนายยอด”
“ขอโทษเจ้าค่ะ เลือดมันขึ้นหน้า”
“ไปเรียกสะบันงามาพบฉัน”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไปคุณหญิงศรีถอนใจ พึมพำ
“นี่เราถูกบีบคั้นให้ต้องจำใจทำในสิ่งที่ไม่ต้องการทำอีกแล้วหรือนี่”
คุณหญิงศรีถอนใจหนักใจไม่สบายใจ
สังเวียนกำลังเดินออกมานอกบ้านเขม่นตาซ้ายตาขวาวุ่นไปหมด
“นี่เราเป็นอะไร ทำไมเขม่นตาทั้งซ้ายทั้งขวา”
เสียงจิ้งจกทักดังมากสังเวียนชะงัก
“ไอ้จิ้งจกบ้ามาทักทำไม ไปนะ เดี๋ยวแม่ฟาดตกผนังตาย”
สังเวียนเดินมาจะเปิดประตู แมงมุมอุ้มไข่ตกเผละลงมาตรงหน้า
“ว๊าย ไอ้แมงมุมบ้า”
สังเวียนเริ่มไม่สบายใจ
“โบราณว่าจิ้งจกทัก แมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีอกชกหัวตกมาตายตรงหน้า เป็นลางร้าย ไม่ได้การแล้วสงสัยต้องรีบกลับบ้านไปตั้งหลักก่อน”
สังเวียนคิดแล้วเปิดประตูออกไป
ยอดมายืนเตร่ไปมาตรงหน้าเรือน สังเวียนเปิดประตูออกมาหน้าตาไม่ค่อยสบายใจ เจอยอดกสะดุ้ง
“ว๊าย มายืนทำอะไรหน้าเรือนฉัน”
“มายืนส่งข่าวว่าส่งจดหมายไปแล้วน่ะสิ”
“ก็ดีแล้วนี่ หลีกไป”
“จะไปไหนหรือสังเวียนคนสวยของพี่”
“เอ๊ะ ไอ้นี่ลามปาม บอกให้หลีกไป”
ยอดหลีก พอสังเวียนพ้นไปยอดแอบตีก้นสังเวียนหันมาตบหน้าฉาดใหญ่
“ไอ้คนเลวกูจะบอกให้ท่านไล่มึงออก”
สังเวียนเดินฉับๆไป ยอดมองตาม ช่วงเวลาเดียวกันนั้นน้อยดึงเมี้ยนมาแอบมองสังเวียนเมี้ยน
มองโกรธมากแต่ระงับไว้ น้อยยุแยงต่อ
“เห็นหรือยังคะคุณเมี้ยนว่านังสังเวียนกับนายยอดมันดูยังไงยังไงกันอยู่”
“ฉันไม่สนใจหรอกนะ น้อยนั่นแหละถ้าเกิดเหตุไม่งามขึ้นมาก็คอยเป็นพยานก็แล้วกัน แต่อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วย ขอบใจที่พามาดูให้เห็นกับตา”
เมี้ยนพูดจบเดินแยกไป น้อยมองตาม
“แล้วมันจะเกิดเหตุให้กูไปเป็นพยานเมื่อไหร่กัน”
น้อยไม่รู้ความหมายของเมี้ยน
คุณหญิงศรีเรียกสะบันงามาสั่งให้ระวังตัว
“เข้าใจที่สั่งหรือยัง”
“เข้าใจค่ะ”
“เข้าใจว่าอย่างไร ไหนบอกมา”
“อย่าออกไปนอกเรือนนี้หลังพระจันทร์ขึ้นค่ะ อย่าเดินไปแถวป้อมยามค่ะ อย่าไปไหนในบ้านตามลำพังที่ไม่มีใครรู้ใครเห็นค่ะ ใครชวนไปไหนไม่ไปค่ะ ยกเว้นพี่เมี้ยนกับคุณหญิงค่ะ”
“ดีมาก อย่าย่ามใจว่าจะไม่มีใครคิดร้ายอีก เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้าอย่างพอใจ
เจ้าคุณมองสังเวียนตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“ไหน ว่าอย่างไรนะสังเวียน”
“สังเวียนจะขอลากลับไปคลอดลูกที่บ้านเจ้าค่ะ”
“ทำไมต้องทำอย่างนั้น สังเวียนอยู่กับฉันที่บ้านนี้ไม่มีใครมาทำอันตรายได้หรอก กลัวไปทำไม”
“สังเวียนฝันไม่ดีเจ้าค่ะ สังเวียนกลัวว่าจะมีเหตุเภทภัยมาถึงลูกเจ้าค่ะ”
“กลัวมากเกินไป ฉันยังไม่อนุญาต ขอคิดดูก่อน”
“ถ้าให้สังเวียนกลับไปคลอดลูกที่บ้าน สังเวียนจะกลับมาพร้อมด้วยลูกของท่านเจ้าคุณอีกหนึ่งคนด้วยนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณตื่นเต้นมาก
“พูดใหม่อีกครั้งสิสังเวียน”
“สังเวียนจะพาลูกของพี่สังวรกลับมาด้วยเจ้าค่ะ ป่านนี้พี่สังวรคงคลอดแล้วเจ้าค่ะ”
“จริงสิ แต่สังเวียนแน่ใจหรือว่าสังวรจะอยู่ที่บ้าน”
“แน่ใจเจ้าค่ะ พี่สังวรไม่มีที่ไปหรอกเจ้าค่ะ ถ้าท่านไม่เมตตาพี่เขา ก็ขอให้เมตตาลูกของท่านเองนะเจ้าคะ”
“ลูกฉันทั้งคน ทำไมฉันจะไม่เมตตา ลูกคนแรกของฉันนะนั่น”
“อาจเป็นลูกชายก็ได้เจ้าค่ะ”
“นั่นสิ อาจเป็นลูกชายเป็นผู้สืบสกุลของฉัน สังเวียนอยากจะกลับบ้านตอนไหนหรือ”
“อีกสองสามวันเจ้าค่ะ”
“สังเวียนกลับไปวันหยุดดีไหม ฉันจะให้นายยอดไปส่งให้ถึงบ้านทีเดียว”
สังเวียนกราบเจ้าคุณแล้วกอดเจ้าคุณซบหน้ากับขาเจ้าคุณทำน้ำตาร่วงพรูแต่แอบยิ้ม ทำสะอื้น
“พระคุณท่านมากล้นสุดรำพรรณ ชีวิตนี้จะตอบแทนท่านให้สาสมเจ้าค่ะ”
“เท่าที่มีลูกให้ฉันก็คือการตอบแทนสาสมแล้ว”
เจ้าคุณโอบกอดสังเวียนลูบหัว
“ไปพาลูกคนโตของฉันกลับมานะสังเวียน”
สังเวียนแอบยิ้ม ดีใจ
ทุกคนในครัว ฟังสังเวียนอวดเรื่องเจ้าคุณจะให้ยอดพากลับไปเยี่ยมบ้าน
“ฉันก็แค่คิดถึงบ้าน แหมพอแค่เอ่ยปากท่านก็รีบเสนอว่าให้นายยอดขับรถไปส่งทันที”
น้อยยิ้มหยัน
“แหมนายยอดคงตีปีกดีใจจะได้ไปส่งคุณนายสังเวียนถึงบ้าน อย่าเผลอไปหาที่แวะก่อนถึงบ้านนานะ สังเวียน”
“อีน้อย”
ทองหยอดตัดบทไม่ให้ทะเลาะกัน
“เป็นบุญของเอ็งที่ท่านเมตตาเอ็นดู”
“ตอนนี้ฉันบอกคำไหนก็คำนั้น ท่านบอกว่าพอฉันอยากกลับมาที่นี่ให้จดหมายมา ท่านก็จะส่งนายยอดไปรับ”
“ทำไมแกต้องคิดถึงบ้านเอาตอนนี้ด้วย ไหนว่าบ้านแกยากจนไม่อยากกลับไปอดตาย” แกละแปลกใจ
“ฉันกลับไปตัวเปล่าเล่าเปลือยเสียที่ไหน ท่านก็ต้องปันเงินให้ไปใช้จ่ายปรับปรุงบ้านช่องสิน่า”
“ฟังแกพูดนี่ราวกับว่าจะไปนานมาก ถึงต้องไปปรับปรุงบ้านช่อง”ซ้งสงสัย
“ไปดีมาดี นะสังเวียน” โรเบิร์ตอวยพร
“ท่านกำลังรักกำลังหลง แล้วตัดใจกลับบ้านไปง่ายๆ ไม่กลัวท่านไปหลงคนอื่นแทนหรือ” แกละแปลกใจ
“หรือว่ามีอะไรลึกลับซับซ้อนซ่อนปมมากกว่านั้น” น้อยถาม
สังเวียนเงียบไปแล้วส่ายหน้า
เมี้ยนรายงานคุณหญิงศรีเรื่องสังเวียนจะกลับบ้าน สะบันงานั่งแถวนั้นด้วย
“ไหนมันว่าอีกสักเดือน ทำไมจู่ๆมันอยากกลับบ้านขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมัน...”
เมี้ยนเสริมทันที
“กลัว และระวังตัวเจ้าค่ะ มันคิดร้ายเสียขนาดนั้นมันก็ต้องกลัวว่าคนเขาจะรู้ความชั่วของตัวมัน”
“แล้วจะปล่อยให้มันลอยนวลกลับไปเตรียมการทำชั่วใส่เรากระนั้นหรือเมี้ยน”
“นี่แหละเจ้าค่ะที่เมี้ยนคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องรีบจัดการเจ้าค่ะ”
“เอาพอสมควรอย่าให้มันเกินเลยไปนะเมี้ยน”
“เจ้าค่ะ”
“รับปากนะเมี้ยน อย่าให้สิ่งไม่ดีตกไปถึงเด็ก”
“เจ้าค่ะ อ้อ ท่านเจ้าคุณจะให้นายยอดไปส่งมันถึงบ้านนะเจ้าคะ”
“มันเก่ง น่าชมเชยที่ท่านเมตตามันถึงปานนี้”
“มันเอาลูกมาล่อใจท่านเจ้าค่ะ มันเอาลูกนังสังวรมาล่ออีกคนท่านเลยตกหลุมกลของมันเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีฟังอย่างหนักใจ
สะบันงาถืออาหารว่างเดินเข้ามาพบเจ้าคุณหน้าทางเข้า สะบันงาหลีกทางให้
“ทำไมต้องทำเหมือนไม่อยากเจอหน้าฉัน สะบันงา”
“มิได้เจ้าค่ะ ดิฉันเพียงแค่จะหลีกทางให้ท่านเจ้าค่ะ”
มีเสียงเรียกสะบันงามาจากทางด้านหน้าบ้านอีกฟาก
“สะบันงา ฉันมีข่าวดีมาบอก”
เจ้าคุณหันขวับไปมองที่ศุกลซึ่งเพิ่งจะเห็นเจ้าคุณ ยกมือไหว้สะบันงาหน้าซีดใจคอไม่ดี
“อ้าวศุกล มาหาสะบันงาหรือ”
ปากพูดกับศุกลแต่ตาจ้องสะบันงา
“ขอรับ ผมมาหาสะบันงา และมาพบพี่หญิงด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญ สะบันงาแขกของเธอมาแล้วเชิญเข้าไปในบ้านสิ”
สะบันงายังทำตัวไม่ถูกเจ้าคุณที่กำลังจะเข้าในบ้านตั้งแต่แรกกลับเดินเลยไปเรือนต้นไม้
ต้นสะบันงาในเรือนต้นไม้ ถูกเจ้าคุณโยนทุ่มลงมาทั้งกระถางแหลกลาญเจ้าคุณแค้นใจไม่ได้ดั่งใจ
“นี่แน่ะแม่ต้นสะบันงาแสนสวย อยากยั่วยวนให้คนหลงใหลดีนัก”
ต้นไม้ที่กระถางแตกละเอียด สังเวียนมาหยิบต้นไม้ที่หลุดออกมานอกกระถางใบหัก
กิ่งหัก
“ต้นสะบันงาหลุดมือหรือเจ้าคะ”
“สังเวียน มาทำไม” เจ้าคุณรำคาญ
“สังเวียนจะมาเรียนถามท่านว่าจะให้สังเวียนกลับบ้านได้วันไหนเจ้าคะ คือลูกของสังเวียนเริ่มจะดิ้น ถ้าปล่อยไว้นานสังเวียนรัดท้องไว้อีกต่อไปไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“วันอาทิตย์นี้ฉันจะให้นายยอดไปส่งสังเวียน”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด”
“สังเวียนจะเก็บต้นสะบันงาไปทิ้งนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณตวาด
“อย่าแตะต้องต้นไม้นั่นนะ ไปได้แล้ว”
สังเวียนแอบยิ้มร้ายแค้นๆ ถอยออกไปเจ้าคุณหยิบต้นสะบันงามามอง แล้วเหวี่ยงไปโดยแรงต้นสะบันงาชอกช้ำมากกว่าเดิมน้อยแอบมองอยู่
“นังสังเวียนมันจะรีบไปเพราะกลัวคนเห็นท้องโต”
น้อยยิ้มย่องรู้ความลับสังเวียน
เมี้ยนรับรู้การไปของสังเวียนจากน้อยว่าวันอาทิตย์ที่จะถึง
“ขอบใจมากที่มาบอก ก็ขอให้ไปดีเถิดนะ”
“คงจะดีแตกหรือเปล่าคะ เพราะว่ามันไปกับนายยอด”
เมี้ยนไม่พูดว่าอะไรต่อรับรู้ยิ้มๆ
คุณหญิงศรีรับรู้ว่าพ่อแม่ไม่พอใจ แต่ศุกลทำเฉย
“พี่ดีใจที่นายกล้าพูดตรงๆกับพ่อแม่เรานะศุกล”
“ท่านไม่มองหน้าผมมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้”
“แล้วเรื่องเรือนหอ”
“ท่านสั่งช่างเดินหน้าสร้างต่อไป เพราะสัญญากับผมไว้แล้วว่า ถ้าผมไปเรียนต่อกลับมาจะสร้างบ้านให้ผมอยู่ตามลำพัง”
“ดีมาก พี่ดีใจที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่นายต้องการ”
“พี่หญิงครับผมพบท่านเจ้าคุณดูเหมือนท่านไม่ชอบผม”
“อย่างนั้นหรือ อีกหน่อยนายก็พาสะบันงาไปแล้ว จะไปสนใจทำไมพี่ขอตัวก่อนนะ สะบันงาน่าจะอยู่ในห้องอ่านหนังสือเข้าไปหาสิ”
“ขอบคุณมากครับพี่หญิง”
คุณหญิงศรีเดินออกไป
สะบันงานั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษและหัดเขียนไปเงียบๆใจไม่อยู่กับตัว เพราะรู้ว่าศุกลกำลังอยู่กับศรี เธอนึกถึงเจ้าคุณที่มองไม่พอใจเมื่อศุกลมา
“นัยน์ตาของเขาช่างดุดันน่ากลัวราวกับว่าเรากำลังทำอะไรผิด”
ศุกลเดินเข้ามา
“สะบันงา ทำอะไรอยู่”
“เอ้อ ทำการบ้านที่ครูแหม่มให้ไว้ค่ะ”
กระดาษตรงหน้า เขียนคำว่า คุณศุกลสะบันงารีบเอามือปิด แต่ศุกลก็ทันเห็นแล้ว
“น่าขอบคุณครูแหม่มนะที่สอนสะบันงาเขียนคำว่า คุณศุกลเป็นภาษาไทยได้ด้วย”
สะบันงาอายม้วนต้วน ศุกลจับมือไว้ทำท่าจะดึงมาจูบ สะบันงาดึงกลับ
“อย่านะคะ อย่าทำเช่นนี้ยังไม่ถึงเวลาค่ะ”
“ขอโทษด้วย ฉันลืมตัวไป” ศุกลปล่อย
คุณหญิงศรีหยิบต้นสะบันงาที่แหลกลาญมาพิจารณา
“ฝีมือใคร หรือว่า...”
คุณหญิงศรีหันไปเห็นเจ้าคุณเดินแถวนั้นมองไปเรือนของคุณหญิงศรี ดูท่าทีงุ่นง่านมาก
“เป็นอย่างนี้นี่เอง เสียใจด้วยค่ะเจ้าคุณ คนอื่นอาจจะรักสามีมากกว่าน้องแต่ฉันรักน้องมากกว่าสามี”
คุณหญิงศรีเดินถือต้นสะบันงาแหลกติดมือไปเจ้าคุณหันมาเจอคุณหญิงศรีที่กำลังถือต้นไม้จากไป
“ศรีออกมานอกเรือนทำไม หรือจะเปิดโอกาสให้น้องชายได้เชยชมสะบันงาตามสะดวก”
เจ้าคุณขุ่นเคืองมากขึ้น
เจ้าคุณส่งเงินถุงใหญ่ให้สังเวียน ที่กำลังก้มลงกราบ
“มันมากพอที่จะปรับปรุงบ้านของสังเวียนให้น่าอยู่และใช้จ่ายจนกว่าจะคลอดลูก”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ พอลูกคลอดได้สักเดือนสังเวียนจะกลับมาพร้อมด้วยลูกพี่สังวรนะเจ้าคะ คงกำลังน่ารักน่าชังเรียกพ่อได้พอดี”
เจ้าคุณยิ้มดีใจ
ยอดมานั่งแอบดูสังเวียน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำอยู่เสมอ เพราะเขาชอบสังเวียนมาก เมี้ยนมาเรียก
“นายยอดมองหาสังเวียนหรือ”
ยอดตกใจหน้าเจื่อน
“เอ้อ...”
“ไม่ต้องปิดบังอำพราง ฉันรู้ว่านายยอดมีใจให้สังเวียนมานานแล้ว”
“โธ่คุณเมี้ยน อย่าพูดให้ผมคอขาดสิครับ”
“ฉันว่าสังเวียนมันก็ชอบนายยอดมากนะ”
“ไฮ้ คุณเมี้ยนไม่ทราบอะไร มันด่าผมเป็นหมูเป็นหมา”
“ผู้หญิงด่าแปลว่ารัก ยิ่งด่าแรงแปลว่ารักมาก”
“ฮ้า จริงหรือครับ แต่พรุ่งนี้สังเวียนก็จะไปแล้วผมกับมันก็คงจบกันวันพรุ่งนี้”
“ทำไมไม่ให้จบกันวันนี้ด้วยดีนายยอด สักครั้งหนึ่งก่อนจากกัน”
“ดีอย่างไรกันครับ มันเล่นตัวจะตายไป”
“จะเล่นตัวไปได้สักแค่ไหน ในเมื่อนายยอดมีแต้มต่ออยู่ตั้งมากมาย กำความลับสุดเลวร้ายของมันไว้ มีหรือจะกล้าหือ”
ยอดเริ่มเห็นดีเห็นงาม
“คุณเมี้ยนว่ามันไม่กล้าหือแน่หรือครับ”
“ก็ลองคิดดูเอาเองเถิดนะ คุณหญิงน่ะท่านอหิงสาที่มันอาฆาตมาดร้าย ท่านไม่ว่ากระไรสักนิด แถมยังห้ามฉันไม่ให้กระโตกกระตาก แต่ฉันนี่แหละทนไม่ได้เอง รางวัลที่คุณหญิงฝากมาให้นายยอด ทองสี่บาท”
“สี่บาท”
“นายยอดเอาไปก่อนสองบาท แต่ถ้านายยอดจัดการสั่งสอนสังเวียนมันสักครั้งก่อนมันจากไป ฉันจะให้นายยอดอีกสองบาทที่เหลือ ลองไปคิดดูเอาเอง ฉันจะไม่เซ้าซี้ และถ้าฉันไม่พอใจมันมากๆ ฉันจะเอาจดหมายมันไปให้ท่านเจ้าคุณดู มันก็จะมีชะตากรรมเลวร้ายไปยิ่งกว่านังสังวร รักมันมาก ไม่สงสารมันที่จะต้องโดนอาญาทั้งจากบ้านเมืองและจากท่านเจ้าคุณหรือ และดีไม่ดีนายยอดนั่นเองจะโดนข้อหาสมคบคิดกับมัน ทำร้ายคุณหญิงกับสะบันงาและฉัน”
พูดจบเมี้ยนเดินจากไปยอดครุ่นคิด
“นี่กูคิดผิดหรือคิดถูกที่เอาจดหมายนั่นไปให้คุณหญิงดู”
น้อยมาเจอเมี้ยนแถวครัว
“คุณเมี้ยนขาฉันเห็นนายยอดไปลับๆล่อๆ แถวเรือนพะไลค่ะ”
“ไปแอบดูเขามาละสิ”
“ก็แหม ...”
“แกคิดว่ามันไปทำไม”
“ไม่กล้าพูดหรอกค่ะ น้ำมันท่วมปาก”
“อืม ความจริงฉันก็อยากรู้นะแต่มันไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปดูแล้วมาเล่าให้ฟังดีไหมคะ”
“ตามใจ”
เมี้ยนเดินจากไป น้อยยิ้มกะจะไปแอบดูอีก
คุณหญิงศรีพูดกับสะบันงาเรื่องศุกล
“เรือนหอเสร็จเมื่อไหร่ คุณศุกลจะพาสะบันงาไปจดทะเบียนอยู่กินด้วยกันทันที”
“ค่ะ”
เมี้ยนเดินเข้ามาทำหน้าพยักเพยิดให้คุณหญิงศรีมองตอบ
“ว่าอย่างไรเมี้ยน”
“ทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่นเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้าถอนใจ
สังเวียนจัดข้าวของเตรียมไว้เรียบร้อยถอนใจโล่งอก
“โล่งอกไปที รอดพ้นพงหนามจากนังสองคนนั้นได้เสียที เฮ้อ...ลูกจ๋าแม่จะพาหนูกลับมาเป็นทายาทของที่นี่ เราจะพากันกลับมาครอบครองที่นี่โดยไม่มีนางมารร้ายพวกนั้นมาทำให้รำคาญหูรำคาญใจ”
สังเวียนเปิดห่อเงินทองแล้วยิ้ม
“ไอ้แก่ เสียทีที่เป็นใหญ่เป็นโต กลับโดนบ่าวผู้ยากไร้อย่างกูหลอกต้มจนสำเร็จ”
สังเวียนเอนตัวพิงที่นอนลูบท้องอย่างมีความสุข
ยอดสะเดาะกลอนประตูเปิดเข้าไปในเรือนน้อยแอบมองตื่นเต้นมากสะใจด้วย
“อีสังเวียนกับไอ้ยอดเป็นชู้กัน”
ยอดเดินเข้าไปถึงห้องโถงแล้ว เดินตรงไปที่ห้องนอนสังเวียนมาหยุดยืนหน้าห้อง
สะบันงร้อยมาลัยเงียบๆมีความสุขที่จะได้ไปอยู่กับศุกล เธอนึกถึงศุกลที่ดึงมือเธอไปจะจูบ แล้วยิ้มตาลอยเมี้ยนสะกิดคุณหญิงศรีให้ดู
“ฉันเห็นแล้ว เด็กมันกำลังมีความฝันสวยงาม”
เมี้ยนหยิบจดหมายของสังเวียนมาดู
“แล้วนี่เล่าเจ้าค่ะ ความฝันอันงดงามกำลังจะกลายเป็นฝันสลายไปกับพายุอารมณ์ของไอ้...”
“พอ ฉันไม่รับรู้ ไม่อยากเห็นไม่อยากฟัง”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีหันไปสั่ง
“สะบันงา หยุดร้อยพวงมาลัยไปเข้านอนได้แล้ว”
สะบันงางงกับสิ่งที่คุณหญิงศรีสั่ง
“เมื่อสักครูคุณหญิงอยากได้พวงมาลัยไปถวายพระนะคะ”
“ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว ไปนอน ได้ยินเสียงอะไรเอะอะมะเทิ่งไม่ต้องออกมาดู เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
สะบันงาลุกแล้วถอยออกไปคุณหญิงศรีหันมาบอกเมี้ยน
“เด็กมันบริสุทธิ์นักไม่อยากให้มารับรู้เรื่องเลวทราม”
“ไม่รู้คืนนี้ พรุ่งนี้มันก็รู้จากปากหอยปากปูในครัวเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีไม่ตอบว่าอะไร
“ไอ้ยอดมันกำลังเอ้อ...”
“บอกให้พอ ไม่อยากฟัง”
เมี้ยนเอามือปิดปาก คุณหญิงศรีถอนใจ
สังเวียนสวดมนต์เสร็จล้มตัวลงนอน แล้วลุกขึ้นหยิบมีดมาสอดไว้ใต้หมอน
“คืนพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวภัยจากอีนังใจร้ายสองคนนั่น ไม่ต้องพกมีดมานอนด้วยอีกต่อไป”
ทันใดประตูห้องสังเวียนก็เปิดออก เธอมองไปไม่เห็นใคร เห็นแค่ประตูเปิดออก
“ใครน่ะ ท่านหรือเจ้าคะ”
ยอดปรากฏตัว
“ฉันเอง”
ยอดกวาดตามองสังเวียนที่ใส่เสื้อคอกระเช้านอนสังเวียนตกใจมาก
“ไอ้หมายอด มึงเข้ามาทำอะไร ไสหัวมึงไปให้พ้นจากเรือนกูนะ”
“ก่อนจะไสหัวไป ขอให้จ่ายรางวัลค่าปิดปากมาก่อน”
สังเวียนใจหายวับ
“ปิดปากอะไร รางวัลอะไร”
“เรื่องราวสุดเลวร้ายในจดหมายที่แกเขียนไปให้พี่สาวแกนั่นอย่างไร”
สังเวียนช๊อก
“นี่มึง ไอ้คนเลวอ่านจดหมายกู มึงหักหลังกู”
“นี่คือการช่วยเหลือต่างหาก ช่วยให้แกรอดพ้นอาญาจากสามทาง จากบ้านเมือง ท่านเจ้าคุณ แล้วก็คุณหญิง ขอค่าตอบแทนแค่ยอมเป็นเมียฉันคืนเดียวครั้งเดียวก็พอ”
“ไม่ อย่าเข้ามานะ”
ยอดโถมใส่สังเวียน ปลุกปล้ำหมายข่มขืน แต่สังเวียนฮึดสู้ด่าทอหยาบคาย
“อย่าขัดขืน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้จดหมายของแกถึงมือท่านเจ้าคุณแน่”
“มึงมันเลว กูรู้แล้วว่ามึงเอาจดหมายไปให้อีสองนายบ่าวนั่น มันส่งให้มึงมาแก้แค้นกูแทนมันใช่ไหม มันจ้างมึง”
“อย่าพูดมาก อย่าขัดขืน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนหรือว่าอยากเจ็บตัว”
สังเวียนขัดขืนต่อสู้ ยอดปล้ำไม่ลดละน้อยเตร่มาถึงหน้าต่างห้องนอนสังเวียนเพื่อแอบฟัง มีเสียงตึงตังดังลอดมา มีเสียงสองคนแต่ฟังไม่ถนัดว่าพูดอย่างไร
“แหม ไอ้ยอดนังสังเวียนสนุกกันใหญ่ รักกันรุนแรงโครมครามดีแท้ๆ”
น้อยแนบหูฟังต่อไป
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ยอดได้เปรียบสังเวียนหมดทางสู้ทั้งกัดทั้งถีบทั้งเตะก็ยังเอายอดไม่อยู่สังเวียนตัดสินใจดึงมีดออกมาจากใต้หมอนแล้วแทงเสียบคอยอด
“โอ๊ย อีสังเวียนมึงจะฆ่ากู”
“กูต้องฆ่ามึง เพราะมึงมันเลว คนเลวอย่างมึงไม่สมควรอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป”
ยอดกุมคอที่โดนสังเวียนแทงใกล้จะตาย
“คนเลวอย่างมึงก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป”
ยอดฮึดเฮือกสุดท้าย ดึงมีดมาจากมือสังเวียน แล้วทิ่มใส่อกสังเวียนอย่างแรงแล้วยอดก็ตายตาเหลือกค้าง มีดตกจากมือสังเวียนกรีดร้องดังมาก
น้อยได้ยินเสียงกรีดร้องของสังเวียนเริ่มเอะใจตกใจ
“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เสียงคนมีความสุขนี่นานี่มันเสียงของคนกำลังจะตายนี่หว่า”
น้อยลุกพรวดตะโกนร้องลั่นบ้าน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไอ้ยอดกับนังสังเวียนตีกันอยู่ในห้อง”
น้อยวิ่งไปทันที
คุณหญิงศรีนั่งตาค้างไม่ยอมหลับ เมี้ยนนั่งเกาหลังให้
“เมี้ยน แน่ใจนะว่าจะไม่เกิดเรื่องรุนแรงเหมือนอย่างคราวนังสังวร”
“เมี้ยนไม่ได้สั่งให้นายยอดมันทำอะไรนี่เจ้าคะ มันก็แค่...”
“แค่อะไร”
“ก็แค่...แนะมันให้ทำอะไรที่มันอยากทำกับนังสังเวียนมานานแล้วน่ะเจ้าค่ะ”
“เมี้ยน ฉันกลัวบาป”
“มันอาฆาตมันจ้องจะทำร้ายทำลายพวกเราขนาดนั้น มันต้องโดนสั่งสอนบ้างเจ้าค่ะ ให้หลาบจำ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้าหนักใจ
ทุกคนกรูมาจากห้อง น้อยหลับหูหลับตาตะโกน
“ผีเข้านังน้อย” ทองหยอดว่า
“นังน้อยหยุดแหกปากร้องไม่เป็นภาษามนุษย์แล้วพูดออกมาดีดี” แกละตวาดเสียงดัง
น้อยยังสั่นตกใจไม่หายชี้ไปทางเรือนพะไล
“ไอ้ยอด นังสังวียนมันเล่นชู้กันที่เรือนพะไล”
โรเบิร์ตตะลึง
“Oh My Gods impossibleเป็นไปไม่ได้”
“แล้วทำไมแกคิดว่ามันเล่นชู้กัน” ซ้งสงสัย
แกละหันมาบอก
“มันไปแอบดูมา แล้วทำไมต้องแหกปากร้องตะโกนไปทั่ว”
“ฉันได้ยินเสียงมันสองคนฆ่ากันตาย นังสังเวียนร้องเหมือนวัวโดนเชือด”
“หา” ทุกคนพากันตกใจ
สะบันงาได้ยินเสียงคนทุบประตูเรือนปังๆ
“ใครมาทุบประตูเรือน ปังๆ”
สะบันงาขยับจะออกไป แต่นึกได้ว่าคุณกหญิงศรีสั่งห้ามไม่ให้ออกไป สะบันงาชะงักเสียงทุบดังอีก
“คุณเมี้ยน”
“สะบันงา”
เสียงน้อยกับแกละร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก สะบันงาเปิดประตูจะออกไปเพราะทนเสียงทุบประตูไม่ได้แล้ว สะบันงาแง้มประตูเห็นเมี้ยนจูงคุณหญิงศรีมาด้วยกัน คุณหญิงศรีส่ายหน้า เมี้ยนสีหน้าสะใจ
“ได้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ คุณหญิงรอฟังข่าวที่ในนี้ เมี้ยนจะออกไปดูไปฟังพวกมันแล้วนี่จดหมายเมี้ยนจะเอาไปรอโอกาสประจานมันเจ้าค่ะ”
เมี้ยนขยับจดหมายให้ดูคุณหญิงศรีพยักหน้าเมี้ยนออกไป
ทุกคนพากันมาถึงหน้าเรือนพะไล เมี้ยนยืนหน้าสุดมองเข้าไป
“เงียบเชียบไม่เห็นจะมีเสียงอะไรสักหน่อย น้อยแกคิดไปเองหรือเปล่าว่านายยอดเข้าไปหาสังเวียน”
“แหม ฉันไม่ได้ตาบอดนะคะ ได้ยินเสียงตึงตังอยู่พักนึง แล้วก็ได้ยินเสียงสังเวียนมันกรีดร้อง” น้อยเล่า
“แน่ใจนะ”
“ยิ่งกว่าแน่อีกค่ะ”
ซ้งเริ่มไม่สบายใจ
“ทำอย่างไรดีครับคุณเมี้ยน”
“คุณหญิงไม่ตกใจ ถามไถ่อะไรหรือ” ทองหยอดแปลกใจ
“อย่าไปยุ่งกับคุณหญิง ท่านยังไม่หายขยาดเรื่องนังสังวร” เมี้ยนตัดบท
“ไปเรียนท่านเจ้าคุณ” โรเบิร์ตออกความเห็น
“เฮ้ย ฟ้าผ่ากลางบ้านแน่” ทุกคนไม่มีใครเห็นด้วย
“ก็ไอ้ที่ไอ้อีสองคนมันทำนี่ ไม่ชวนให้ฟ้าผ่าหรอกหรือ ใครไม่กล้าฉันนี่แหละกล้า จะไปเรียนท่าน นี่บ้านท่านนะ ว่าอย่างไรคุณเมี้ยน” น้อยบอก
“แกก็พูดถูกนะ ถ้าแกกล้าแกก็ไปเถิด” เมี้ยนสนับสนุน
น้อยลอยหน้าเดินออกไปไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องฆ่ากันตาย
เจ้าคุณออกมาพบน้อยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง
“บังอาจแท้ๆ แกมาเรียกฉันทำไม หรือว่ามีใครเป็นใครตายขึ้นมาอีก”
น้อยนั่งคุกเข่าตรงหน้าเจ้าคุณ
“บ่าวไม่แน่ใจเจ้าค่ะ คือที่เรือนพะไลบ่าวเห็นนายยอดหายเข้าไปในเรือนนั่นเจ้าค่ะ แล้วก็...”
เจ้าคุณไม่ฟังต่อก้าวพรวดออกไปทันที น้อยรีบลุกกระโดดโลดเต้นตัวลอยดีใจ
“อีสังเวียนตายแน่”
เจ้าคุณเดินหน้าเครียดมา เรือนพะไลทุกคนหลีกเป็นทาง
“พังประตู”
ทุกคนกรูกันมาพังประตู ประตูเปิดออก เจ้าคุณก้าวเข้าไป ทุกคนตามหลังเข้าไปเมี้ยนเดินยิ้มในมือมีซองจดหมายถืออยู่
ทันทีที่เข้าไปในห้องสังเวียน ทุกคนตะลึง แม้แต่เมี้ยนกับน้อยเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีการฆ่ากันตายจริงอย่างที่น้อยโวยวาย
ทุกคนเห็นยอดกับสังเวียนนอนจมกองเลือด สังเวียนทับอยู่กับอกยอดตายแล้วทั้งคู่
“สารเลว เลี้ยงไม่เชื่องทั้งสองคน”
เมี้ยนแอบหย่อนจดหมายลงที่พื้น แล้วกระซิบน้อย
“นั่นจดหมายอะไรหยิบมาสิ”
น้อยหยิบจดหมายมาให้เมี้ยน
“ฉันอ่านไม่ออก”
“จดหมายถึงสังวร” เมี้ยนบอก
เจ้าคุณหันมามอง เมี้ยนส่งจดหมายให้เจ้าคุณ
“ทุกคนอย่าไปแตะต้องสิ่งใดที่นี่ ออกมาให้พ้นแล้วปิดประตู รอจนกว่าฉันจะมีคำสั่งว่าอย่างไร”
ทุกคนรับคำเจ้าคุณหันไปถาม
“เมี้ยน คุณหญิงหลับหรือยัง”
“หลับไปแล้วแต่มาตกใจตื่นเสียงพวกนี้ไปทุบประตูเรือนเจ้าค่ะ ท่านนั่งรอฟังข่าวอยู่ในเรือนเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเดินนำเมี้ยนออกไป เมี้ยนเดินตามแอบยิ้ม พลางพึมพำ
“ร้ายแรงกว่าที่คิด ช่วยไม่ได้นะนังสังเวียน เสียใจด้วยนายยอด”
สะบันงาแอบที่ประตูด้านในตกใจกับเรื่องที่ได้ฟัง
“พี่สังเวียนเล่นชู้กับนายยอด”
คุณหญิงศรีอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อฟังเรื่องราวจากเจ้าคุณ
“นายยอดกับสังเวียนฆ่ากันตาย โธ่”
“มันสมควรตายตกไปตามกัน คนมันเลวสิ้นดีทั้งคู่”
“ฉันเวทนาเด็กในท้อง”
“นั่นอาจไม่ใช่ลูกของฉัน ต้องเป็นลูกของพวกมันเอง”
“ลูกใครก็ไม่สมควรมาตายตั้งแต่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกค่ะ”
เจ้าคุณบอกอย่างเสียใจ
“ฉันเลี้ยงใครไม่ได้ดีสักคน”
เมี้ยนเอานมมาเสิร์ฟ
“นมสดอุ่นๆเจ้าค่ะ เอ้อ ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ จดหมายของสังวรท่านเก็บไว้ดีหรือเจ้าคะ”
“จริงสิ ศรีเปิดอ่านให้ฉันฟังสิ ฉันไม่ถนัดภาษาไทย”
คุณหญิงศรีพยักหน้ารับ
“ค่ะ เมี้ยนไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไปเจ้าคุณส่งให้คุณหญิงศรีอ่านให้ฟัง
สะบันงาฟังจดหมายแล้วตกตะลึง
“พี่สังเวียนจะทำร้ายเรา เขาเกลียดเราถึงเพียงนี้ได้อย่างไร โชคดีที่คุณหญิงท่านรอบคอบให้เราระวังตัว ที่นี่น่ากลัวเหลือเกิน”
สะบันงาน้ำตาคลอ
คุณหญิงศรีอ่านจบแล้วเจ้าคุณสั่นไปหมดทั้งตัวโกรธมาก
“มันเลวทรามกันเหลือเชื่อทั้งพี่ทั้งน้อง”
“มันผ่านไปแล้วค่ะ พวกเขาจากไปกันหมดแล้ว”
“ยังเหลือนังสังวร เราต้องระวังมันให้จงหนัก ศรีจ๋าฉันขอโทษที่พาศรีมาตกอยู่ในหมู่คนเลวใจบาปหยาบช้า ฉันจะไม่แตะต้องมันพวกนั้นอีกแม้แต่คนเดียว”
คุณหญิงศรีชักตกใจ
“แต่...”
“ฉันจะรอศรี...ศรีคงตกใจมาก คืนนี้ฉันจะนอนเป็นเพื่อนศรี ศรีจะได้ไม่ว้าเหว่”
“เอ้อ ขอบคุณค่ะ แต่..คุณเองก็...”
“ฉันเป็นผู้ชาย มีหน้าที่ปกป้องครอบครัว โดยเฉพาะเมียของฉัน”
เจ้าคุณโอบคุณหญิงศรีไว้ คุณหญิงศรีเองก็ใจคอห่อเหี่ยว ซบหัวกับอกเจ้าคุณ
สะบันงานั่งหม่นหมองเศร้าโศกกับเรื่องราวที่ได้ยินเมี้ยนนั่งยิ้มเย้ยสะใจ
“น่ากลัวจังเลยนะคะ พี่เมี้ยน”
“คนเลวๆมันทำอะไรน่ากลัวได้ทั้งนั้น”
“ตำรวจมาหรือยังคะ”
“นายสอนคนสวนไปตามมาแล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจไปเถิดมันฆ่ากันตายเองนี่นา”
“ทำไมเขาต้องฆ่ากันตายเองด้วยคะ” สะบันงาแปลกใจ
“คนเลวกับคนเลวมาพบกันมันก็ลงเอยเลวๆแบนนี้แหละสะบันงานอนซะ”
สะบันงาส่ายหน้า
“หนูนอนไม่หลับหรอกค่ะ ใจมันพะวงถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้น น่าเสียดายเด็กในท้องพี่สังเวียนนะคะ”
เมี้ยนยิ้มร้ายไม่ตอบว่าอะไร
น้อยแกละคุยกัน น้อยฉวยโอกาสทับถมสังเวียน
“เชื่อขนมกินได้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกท่านเจ้าคุณ”
“พูดบ้าๆ”
“ถ้าใช่ลูกของท่านแล้วมันกล้านัดให้ไอ้ยอดมันมาทำไม ฉันเคยเห็นมันเจอกันหลายครั้งแล้ว”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อว่านังสังเวียนจะมีใจให้นายยอด ในเมื่อมันกำลังได้ดิบได้ดี ทำไมกลับใฝ่ต่ำไปคบชู้เป็นนายยอดคนขับรถ” แกละสงสัย
“อาจเป็นเพราะท่านเจ้าคุณไม่ใช่หนุ่มๆ อายุก็คราวพ่อของมัน แต่นายยอดมันยังหนุ่มกระชุ่มกระชวย ไอ้ที่ร้ายที่สุดคือ....”
“คืออะไร”
“เด็กในท้องเป็นลูกของไอ้ยอด”
น้อยยิ้มสมใจ เริ่มฝันหวาน
‘ถึงตาอีน้อยขึ้นตึกใหญ่ไปครองรักกับท่านเจ้าคุณสมใจสักที’
เจ้าคุณนอนโอบกอดคุณหญิงศรีไว้ แต่ใจทั้งสองไม่เป็นสุข จู่ๆเจ้าคุณก็พรวดลุกมานั่ง
“ศรี ศรี ศรี”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ จู่ๆก็พรวดมานั่งเรียกชื่อฉัน ซ้ำๆ”
“ฉันคิดว่าบางทีเด็กในท้องของสังเวียนอาจไม่ใช่ลูกของฉัน”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือคะ”
“สังเวียนไม่มีเหตุผลที่จะต้องรัดท้องเพื่อปิดบังว่าท้อง ทั้งที่ควรยินดีเปิดเผย สังเวียนไม่มีเหตุผลที่ต้องขอกลับไปคลอดลูกที่บ้าน ศรีว่าอย่างไร”
“ฉันมีหน้าที่ปกครองดูแลทุกคนที่นี่ให้เป็นสุข และพยายามทำดีที่สุดแต่ก็มีปัญหา ปัญหาใหญ่เสียด้วย ฉันส่งสองคนพี่น้องไปปรนนิบัติคุณก็หวังให้พวกเขาได้ลืมตาอ้าปากมีศักดิ์ศรีในฐานะภรรยาของคุณ แต่ฉันคิดผิดหมด”
“ศรีไม่ได้คิดผิด แต่พวกเขาต่างหากที่ทำผิด เมื่อครั้งสังวรฉันผิดหวังมากพอมาถึงคราวสังเวียน ฉันผิดหวังจนหมดหวัง”
“ฉันเสียใจที่คุณต้องเสียลูกไป”
“ฉันจึงคิดว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกฉัน สังเวียนรู้จึงอ้อนขอฉัน จึงหลอกฉัน ศรี ฉันอยากมีลูก แต่ แต่ทำไม ทำไม โอ๊ย”
เจ้าคุณหน้าซีดตัวสั่น เอามือกุมหัวใจ คุณหญิงศรีตกใจ
“คุณ....เจ้าคุณ....”
คุณหญิงศรีกอดเจ้าคุณไว้
“ฉันเจ็บ เจ็บตรงนี้ ฉันผิดหวัง ฉันกลุ้มใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เจ้าคุณชี้ที่หัวใจ
คุณหญิงศรีเอามือโอบเจ้าคุณข้างหนึ่ง อีกข้างลูบหัวเจ้าคุณ
“ทำใจดีๆค่ะ ฉันจะพาคุณไปหาคุณหลวงหมออดุลย์”
“ไม่ ไม่ต้อง รอไว้พรุ่งนี้เช้าให้นายสอนไป หรือเมี้ยนไปตามก็ได้ฉันไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ฉันสงบจิตใจไม่ได้ จนต้องระเบิดออกมา”
“แน่ใจนะคะว่าไม่เป็นอะไรมาก ฉันเป็นห่วงนะคะ”
“ขอบคุณ ขอบคุณศรีจริงๆ เฮ้อ แทนที่ฉันจะเป็นฝ่ายดูแลศรี กลับกลายเป็นฝ่ายมาอ้อนให้ศรีต้องดูแลทั้งกายและทั้งใจ ศรีช่างเข้มแข็งเหลือเกิน”
“ค่ะ ฉันต้องต้องเข้มแข็งเพื่อครอบครัวของเรา นอนนะคะทำใจให้สงบผ่อนคลาย เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เรื่องในอนาคตเราจะจัดการให้ดีที่สุด เราต้องหาคนขับรถคนใหม่ที่ไว้ใจได้และมีอายุสักหน่อย จะได้ไม่เกิดเรื่องงามหน้าขึ้นมาอีก”
“ศรีช่างดีกับฉันเหลือเกิน”
“เช่นเดียวกันกับที่คุณก็ช่างดีกับฉันเหลือเกินค่ะ”
เจ้าคุณหอมแก้มคุณหญิงศรี พยักหน้ารับดึงให้คุณหญิงศรีล้มตัวลงนอน
“ศรีก็นอนเถิดนะ นอนแล้วกอดฉันไว้ทั้งคืนได้ไหม”
หน้าคุณหญิงศรีไม่สนุกนักแต่ก็ทำ
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีโอบกอดเจ้าคุณไว้ทั้งคืนจริงๆ
เช้าวันใหม่...คุณหลวงหมออดุลย์เดินตามคุณหญิงศรีลงบันไดมามีเมี้ยนรออยู่ด้านล่าง
“ท่านเป็นอะไรคะคุณหลวงหมออดุลย์” คุณหญิงศรีถามอย่างกังวล
“โรคหัวใจขอรับคุณหญิง แบบนี้ถ้าขัดใจขุ่นเคืองอะไรมากๆจะไม่ดีขอรับ ดีไม่ดีเส้นโลหิตในสมองอาจแตกได้”
“แย่จริง โรคนี้รักษาไม่ได้เลยหรือคะ”
“ได้ขอรับ แต่ที่สำคัญโรคนี้เป็นโรคที่คล้ายๆคนดัดจริต ใครขัดใจไม่ได้จริงๆนะขอรับ ผมจะขออนุญาตแนะนำ ถ้าเป็นไปได้อะไรที่ทำให้ท่านได้หรือตามใจท่านได้ กรุณาเถิดนะขอรับ”
“ค่ะ คุณหลวง”
“ผมลานะขอรับ”
คุณหลวงหมออดุลย์ไหว้ คุณหญิงศรีรับไหว้ใจคอไม่สบาย
“เมี้ยน ส่งคุณหลวงหมออดุลย์”
เมี้ยนฟังอยู่ด้วยตลอดเวลา สีหน้าหนักใจ เมี้ยนเดินไปส่ง
“ขัดใจไม่ได้เส้นโลหิตในสมองจะแตก โธ่ แล้วถ้าหากเขาต้องการสะบันงา”
คุณหญิงศรีเริ่มวิตก สะบันงาเดินถืออาหารเข้ามา
“คุณหญิงขาอาหารเช้ามาแล้วค่ะ จะรับประทานในห้องหรือข้างล่างคะ”
คุณหญิงศรีสะดุ้งใจหายวาบมองสะบันงา
“สะบันงา”
คุณหญิงศรีได้แต่เอ่ยชื่อสะบันงา ไม่พูดไม่จา สะบันงามองตอบคุณหญิงศรีแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรรอฟังคำตอบ
“วางไว้ก่อน”
แล้วคุณหญิงศรีก็พรวดๆเดินออกไปข้างนอก
คุณหญิงศรีรีบออกมาหาเมี้ยนร้อนใจมาก ทั้งคู่พากันเครียดเรื่องที่ขัดใจเจ้าคุณไม่ได้
“จริงสิเจ้าคะ ขัดใจไม่ได้เส้นโลหิตในสมองจะแตกตาย ถ้าท่านขอสะบันงาไม่เอานังน้อย”
“ใครจะกล้าขัดใจ”
“แล้วคุณหญิงจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีมองเมี้ยนเป๋ง
“เมี้ยน แกไปทำตัวให้มันสวยสดกว่านี้ได้ไหม ไปเอามะขามขัดผิว ชโลมขมิ้น หัดผัดแป้ง ทารูจ วาดคิ้ว กันไรผม”
เมี้ยนตาโตตกตะลึง
“คุณหญิง”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
“นึกว่าเห็นแก่คุณศุกลกับฉันเถิดนะเมี้ยน”
“เมี้ยนจะต้องมาเสียสาวเอาอีตอนสามสิบเศษๆจนได้หรือเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีถอนใจ จับมือเมี้ยนไว้สบตาวิงวอน
สะบันงางงๆกับท่าทีของคุณหญิงศรีจึงตัดสินใจจัดอาหารสองที่บนโต๊ะ ขณะกำลังจัดเจ้าคุณเดินลงมาเงียบๆสะบันงาไม่ทันเห็น เจ้าคุณเดินลงมาจนชิดตัวสะบันงา
“สะบันงา”
สะบันงาตกใจมาก
“อุ๊ย”
ถ้วยในมือจะหล่นเจ้าคุณกุมไว้
“ตกใจมากหรือ”
“เอ้อ...เอ้อ มิได้เจ้าค่ะ”
“แต่ท่าทางของเธอแสดงว่าตกใจมาก ทำไมกับศุกลเธอกลับยิ้มดีใจราวกับเห็นเทพบุตรมาจุติตรงหน้า เมื่อไหร่จะเลิกเห็นฉันเป็นยักษ์”
สะบันงาไม่ตอบ
“คุณหญิงเดินออกไปข้างนอก ดิฉันจะไปเรียนท่านว่าท่านเจ้าคุณลงมาแล้วนะเจ้าคะ”
สะบันงาทำท่าจะหันกลับ เจ้าคุณดึงมือไว้ ความจริงเริ่มถูกขัดใจแต่สะบันงาไม่รู้เรื่อง
“ช่วยพาฉันไปนั่งที”
“เอ้อ”
“บอกว่าให้พาฉันไปนั่ง”
สะบันงาพาเจ้าคุณไปนั่งแบบไม่เข้าใจ
“ฉันรู้สึกชาที่มือ นวดฝ่ามือให้ที”
สะบันงาคาดว่าเจ้าคุณจงใจอยากให้จับมือ แต่สะบันงาก็ก้มหน้าก้มตาทำแบบไม่สนุกนักโดยไม่ทันมองหน้าเจ้าคุณที่ซีดลง
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนยังพูดคุยกันต่อ เมี้ยนทำหน้าปลง
“ตกลงว่าในที่สุด เมี้ยนต้องมีผัวคนเดียวกับคุณหญิง”
“เป็นเมียน้อยที่มีเมียหลวงอย่างฉัน มันน่าจะดีกว่าเป็นเมียน้อยคนอื่น”
สองคนพูดจบ น้อยเดินกรายผ่านมาแต่งหน้าทาปากทาแก้ม สวยงามทำผมเรียบร้อย สองคนหันมามองหน้ากัน
“นังน้อย”
น้อยได้ยินสองคนอุทาน ผวามานั่งคุกเข่าตรงหน้าคุณหญิงศรี
“เจ้าขา คุณหญิงมีอะไรให้บ่าวรับใช้เจ้าคะ”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนสบตากันอีกมองน้อยมองแล้วมองอีก
“ฉันจะชมว่าวันนี้แกสวย”
น้อยเขินๆ
“ขอบพระคุณเจ้าคะ”
“เมี้ยนไปดูถามไถ่เรื่องหาคนขับรถใหม่ และเรื่องการจัดงานศพสังเวียนกับนายยอดให้เรียบร้อย ฉันจะไปดูท่านเจ้าคุณ”
“ให้บ่าวตามไปดู เอ๊ย...ตามไปรับใช้ไหมเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีสบตาเมี้ยนอีก เมี้ยนพยักหน้าให้สัญญาณ
“ตามมาสิ”
เมี้ยนรีบเดินจากไป คุณหญิงศรีเดินจะเข้าเรือน น้อยเดินตามหลัง
สะบันงายังคงนวดเจ้าคุณอยู่
“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจนะ ช่วยพยุงฉันลุกด้วย”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาค่อยๆประคองเจ้าคุณให้ลุก แต่เจ้าคุณเหมือนไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงจึงดูเซๆ เจ้าคุณเกาะเหนี่ยวสะบันงาไว้แน่น สะบันงาตกใจ
“อุ๊ย”
“ฉัน...ฉันไม่ได้จะ...”
คุณหญิงศรีกับน้อยเดินตามกันเข้ามาเห็นภาพ เจ้าคุณโอบกอดสะบันงาไว้แน่น สะบันงาทำหน้าอยากจะร้องไห้ น้อยหน้าตื่น
“ต๊ายตาย”
คุณหญิงศรีนิ่งมอง เจ้าคุณเห็นคุณหญิงศรี
“ศรีมาช่วยอีกแรงสะบันงาเอาไม่อยู่ ฉันหน้ามืด”
“คุณ...เจ้าคุณ”
คุณหญิงศรีผวาเข้าไป น้อยตามติด เจ้าคุณพูดทำให้สะบันงารู้ว่าไม่ได้แกล้ง
“ท่านเจ้าคุณ”
สะบันงาจึงออกแรงพยุงเจ้าคุณมากขึ้น คุณหญิงศรีปราดมาถึง น้อยมาเบียดเอาสะบันงาหลุดออกไปจากเจ้าคุณแล้วรีบโอบกอดเจ้าคุณไว้แน่นมาก
“หลีกไป แกมันแรงเท่ามด”
คุณหญิงศรีกับน้อยจับเจ้าคุณไว้ไม่ให้ล้ม
“คงเป็นเพราะเมื่อคืนหลับไม่ลงจึงหน้ามืด กินยาที่หมอให้สักพักคงดีขึ้น”
“รับประทานอาหารก่อนนะคะ เดี๋ยวจะให้เมี้ยนกับน้อยพาไปที่ตึกโน้น คุณต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา”
เจ้าคุณมองมาที่สะบันงายังไม่ทันพูด คุณหญิงศรีชิงพูดก่อน
“เอ้อ...”
“ตั้งใจแล้วค่ะว่าจะให้น้อยเฝ้าคุณ”
เจ้าคุณผิดหวังนิดหนึ่ง แต่ยังไม่เอ่ยปาก น้อยหน้าบาน คุณหญิงศรีปรายตามองสะบันงาแอบถอนใจ
เจ้าคุณเอนตัวพิงพนักเตียง มีสีหน้าเบื่อๆ น้อยนั่งแป้นแล้นที่พื้นลอยหน้ายิ้มประจบเต็มที่
“ให้บ่าวนวดให้นะเจ้าคะ”
“ฉันไม่เมื่อย”
“ให้บ่าวไปทำเครื่องดื่มร้อนๆมาให้ดื่มนะเจ้าคะ”
“ฉันไม่ดื่ม”
“ถ้าอย่างนั้น”
“พอแล้ว”
น้อยรู้สึกตัวว่าเจ้าคุณไม่โปรด เจ้าคุณหงุดหงิดต่อไป ทำท่าจะลุก น้อยผวาไปประคอง
“ฉันลุกเองได้ ถอยไป”
เจ้าคุณลุกเดินไปที่หน้าต่าง น้อยคลานตามเดี๊ยะๆ ไปนั่งข้างหลัง เจ้าคุณมองไปที่เรือนคุณหญิงศรีแล้วก็ชะงัก
“มาอีกแล้ว”
เจ้าคุณมองไปที่ทางเข้าเรือนคุณหญิงศรีเห็นศุกลกำลังเดินหน้าระรื่น สะบันงาเดินจากทางครัวมาพบกัน สองคนหยุดมองหน้ากัน
“สะบันงา”
“คุณศุกล”
“ได้ข่าวว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พี่หญิงกับสะบันงาคงตกใจมาก”
“ค่ะ ทุกคนตกใจมาก เอ้อ...คุณหญิงอยู่ข้างใน เชิญค่ะ”
ศุกลมองพวงมาลัยในมือสะบันงา
“หอมและสวยมาก ขอได้ไหม”
“เอ้อ”
สะบันงาเขินอายแต่ก็ส่งให้ ศุกลรับเอามือมากุมมือสะบันงาไว้...เจ้าคุณขัดตาขัดใจหันกลับโดยแรง กลับเจอว่าน้อยกำลังชะโงกมองอยู่เช่นกัน น้อยเกิดแผนร้ายในใจทำนองเดียวกับสังเวียน
“คุณศุกลกำลังจะแต่งงานกับสะบันงาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณที่ไม่อยากให้น้อยมารับรู้เรื่องส่วนตัวเผลอไปชั่วขณะ
“เหลวไหล ไปเอามาจากที่ไหนกัน”
“เอ้อ...บ่าวแอบฟัง เอ๊ย...ได้ยินพวกในครัวเขาลือกันเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณไม่พอใจ
“ไปได้แล้วน้อย”
น้อยรีรอ
“เอ้อ คุณหญิงให้บ่าวมาคอยรับใช้ท่านเจ้าคุณ ท่านสั่งไว้ว่าหมอห้ามไม่ให้ท่านเจ้าคุณอยู่ตามลำพังนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณนิ่งไป น้อยทำท่าที่คิดว่าน่ารักใส่เจ้าคุณ
“ก็ได้ แต่ฉันอยากให้น้อยไปรออยู่ข้างนอก มีอะไรจะเรียกหา”
“เอ้อ...”
“ไปสิ”
น้อยจ๋อยถอยออกไปจากห้องพึมพำ
“อีสะบันงาเป็นเหตุอีกแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน น้อยลงไปที่เรือนคุณหญิงบอกว่าฉันต้องการพวงมาลัยหนึ่งพวงเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะ”
น้อยถอยออกไปเจ้าคุณยิ้มร้ายได้แกล้งศุกล
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนดีใจมากที่เห็นศุกลถือพวงมาลัยเดินนำสะบันงาเข้ามาในห้อง
“ศุกล”
“คุณศุกลมา”
“มาสักครู่แล้วครับพี่หญิง พบสะบันงาข้างนอกเลยหยุดคุยกัน”
“นั่นพวงมาลัยเอามาจากสะบันงาหรือ”
“ครับ เห็นเขาถือมาลัยทั้งสวยทั้งหอมก็เลยอยากได้เอาไปวางไว้ข้างหมอน”
ศุกลยกพวงมาลัยขึ้นมาทำท่าจะดม น้อยพรวดเข้ามานั่งหอบ
“อย่าเพิ่งดมนะเจ้าคะ โอ๊ยวิ่งมาจนหอบ”
ทุกคนหันมามองน้อยอย่างไม่พอใจ
“บังอาจนัก แกมาออกคำสั่งกับคุณศุกลหรือ” คุณหญิงศรีตวาด
“บ่าวไม่ได้ออกคำสั่งเจ้าค่ะ แต่ท่านเจ้าคุณท่านเห็นสะบันงาถือพวงมาลัยท่านให้บ่าวมาเรียนคุณหญิงว่า ท่านต้องการพวงมาลัยพวงนั้นเดี๋ยวนี้ เจ้าค่ะ” น้อยพูดให้เกินเลย
ศุกลชะงัก
“เอ๊ะ”
คุณหญิงศรีสบตาเมี้ยนหน้าไม่ค่อยจะดี สะบันงาก้มหน้างุด
“สะบันงาให้ผมแล้ว” ศุกลแย้ง
คุณหญิงศรีถอนใจ
“นึกเสียว่าพี่ขอก็แล้วกัน”
คุณหญิงศรียื่นมือไป ศุกลจำใจส่งให้ คุณหญิงศรีส่งให้เมี้ยนส่งให้น้อย...น้อยรีบรับแล้วพรวดหันกลับ สะบันงาไม่สบายใจ
“หนูจะไปทำมาให้ใหม่ค่ะคุณหญิง”
“ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ครับ” ศุกลถามอย่างไม่เข้าใจ
คุณหญิงศรีถอนใจขยับเล่า
เจ้าคุณรับพวงมาลัยมาจากน้อย ยิ้มพอใจ
“ขอบใจมากน้อย”
“ไม่เป็นไรมิได้เจ้าค่ะ บ่าวเต็มใจทำทุกอย่างที่ท่านเจ้าคุณต้องการ เจ้าค่ะ”
“ดี ทำต่อไปจะมีรางวัลให้อย่างงาม”
เจ้าคุณเดินไปหยิบสร้อยทองมาส่งให้ น้อยดีใจมากก้มลงกราบ
“น้อยขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
“ออกไปอยู่หน้าห้องได้แล้ว”
น้อยทำท่าจะไปแล้วพูดออกมาแบบหยั่งเชิง
“ถ้าบ่าวพูดออกไปแล้วขัดอกขัดใจพระเดชพระคุณ เชิญลงโทษบ่าวได้เจ้าค่ะ คือบ่าวอยากจะพูด...”
“จะพูดอะไร”
“ท่านไม่ต้องการให้บ่าวไปดูไปฟังว่า คุณศุกลพูดอะไรทำอะไรกับสะบันงาหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ สู่รู้”
“บ่าวแค่เพียงจะทำให้ท่านหายรำคาญใจที่มีใครมาจากไหน จะมาวุ่นวายวอแวกับคนในบ้านของท่านโดยพละการ เพราะจะว่าไปสะบันงาคือสมบัติชิ้นหนึ่งของท่านนะเจ้าคะ”
“ฉันไม่เคยเห็นสะบันงาคือสมบัติ”
“บ่าวกราบขอประทานโทษเจ้าค่ะที่ใช้คำพูดผิดไป แต่บ่าวไม่พอใจที่คนนอกบ้านมาทำการราวกับข้ามหัวเจ้าของบ้านเจ้าค่ะ”
น้อยทำหงอยถอยออกไป เจ้าคุณคิดตาม
“อืม ก็ได้...แกไปสังเกตการณ์นายศุกลคนนั้นเอาไว้ให้ดี”
น้อยดีใจ
“เจ้าค่ะ” น้อยรำพึงในใจ “ไม่ได้เป็นเมียก็ขอให้ได้กำจัดศัตรู แถมมีรางวัล”
น้อยถอยออกไปหวังรางวัลจากเจ้าคุณอีก...พอน้อยพ้นไป เจ้าคุณหยิบพวงมาลัยมาเหวี่ยงลงกับพื้นโดยแรงระบายอารมณ์
ศุกลพยักหน้าเข้าใจ
“น่าเสียดาย น่าสงสารท่านเจ้าคุณ ท่านคงเสียดายลูกจนถึงขั้นล้มป่วย”
“คุณหลวงหมออดุลย์ขอไว้ว่าอย่าขัดใจเขา พี่ก็เลยไม่อยากจะขัดใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ”
“คงไม่มีอะไรมาเกี่ยวข้องกับผมและสะบันงานะครับพี่หญิง”
คุณหญิงศรีสะอึกนิดหนึ่งไม่กล้าบอกความจริงน้องชาย
“รับรองว่าพี่จะไม่มีวันยอมให้มีอะไรมาเกี่ยวถึงนายได้แน่นอน”
“สัญญานะครับ”
“พี่สัญญา”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะได้ไม่วิตก ตอนนี้ผมกำลังแปลมหากาพย์อยู่จะได้ราบรื่นไม่วอกแว่ก”
“นายช่วยคุณเตี่ยดูแลห้างของเราบ้างไหม”
“ไม่ค่อยได้ช่วย แต่คุณเตี่ยท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านคงหวังว่าผมคงเลิกราเรื่องสะบันงาไปแล้ว”
“คุณเตี่ยกับคุณแม่ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณเตี่ยสบายดี แม่ใหญ่เริ่มเจ็บออดๆแอดๆ ส่วนแม่น้อยสบายดีครับ พวกท่านฝากความรักความคิดถึงมาให้พี่หญิง”
ศุกลชะเง้อว่าทำไมสะบันงาไม่มาสักที
เมี้ยนกับสะบันงาถือขนมช่อม่วงเดินมา พร้อมด้วยพวงมาลัยพวงใหม่ น้อยเข้ามาหา
“พวงมาลัยสวยจัง ร้อยไปให้คุณศุกลใหม่หรือสะบันงา”
สะบันงาชะงัก
“เอ้อ...”
เมี้ยนแทรกขึ้น
“แล้วแกมาสะเออะอะไรด้วย ทำไมไม่ขึ้นไปรับใช้ท่านเจ้าคุณ”
“ท่านอนุญาตให้ลงมายืดเส้นยืดสาย”
“แกก็เลยฉวยโอกาส สอดสาระแน ไปสะบันงา”
เมี้ยนพาสะบันงา เดินไปต่อ น้อยหันมามองตาม
“อีสะบันงา กูรู้แล้วว่ามึงไม่อยากเป็นเมียท่าน แล้วมึงก็จะไม่ได้สมหวังเป็นเมียไอ้คุณศุกลรูปงามเพราะพ่อรวยเรียนจบเมืองนอกคนนั้นด้วย”
น้อยกระหยิ่มวางแผนลึกล้ำต่อไป
วันใหม่...คุณหญิงศรีไปเยี่ยมดูแลเจ้าคุณ
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”
“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจมากศรี แต่...”
“อะไรคะ”
“ฉันไม่ต้องการน้อย”
คุณหญิงศรีใจหายวับ
“อ้าว”
“น้อยมันก็ดีนะ ดูแลเอาใจเก่งใช้งานคล่อง แต่...”
“อะไรหรือคะ”
“ฉันบอกศรีตั้งแต่คืนนั้นที่เกิดเรื่องสังเวียนกับนายยอด ฉันจะไม่เอาบ่าวในบ้านมาปรนนิบัติอีก”
คุณหญิงศรีกลัดกลุ้มเป็นที่ เจ้าคุณมองคุณหญิงศรีเริ่มกุมขมับทำท่าจะปวดหัว
เมี้ยนตบอกผางๆ
“นี่ นี่ คุณหญิงจะส่งเมี้ยนไปจริงๆหรือเจ้าคะ ก็ไหนว่าท่านไม่ต้องการเมียบ่าวแล้วไงเจ้าคะ เมี้ยนก็บ่าวนะเจ้าคะ”
“แค่ในนามเท่านั้น ความจริงเมี้ยนไม่ใช่บ่าว เมี้ยนเป็น...”
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแหละเจ้าค่ะ โธ่ เคราะห์กรรมเวียนมาถึงเมี้ยนแล้ว”
เมี้ยนทำหน้าอยากจะร้องไห้ คุณหญิงศรีดึงเมี้ยนมาโอบกอด
“ถ้าไม่ใช่เพราะศุกลเขารักสะบันงามาก่อนละก้อ ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายเดือดร้อนมาถึงเมี้ยนเช่นนี้ เมี้ยนก็รู้ว่าฉันรักน้องคนนี้มากแค่ไหน ตายแทนเขาฉันยังทำได้ ถ้าเขาผิดหวังจากสะบันงา เขาคงฆ่าตัวตาย ฉันคงแทบตายตาม”
“เจ้าค่ะ เมี้ยนทราบเจ้าค่ะ”
เมี้ยนน้ำตาคลอ เสียใจว่าต้องเสียสาวจนได้
สะบันงาอยู่ในห้องกับเมี้ยน เธอแปลกใจเมื่อเห็นเมี้ยนกำลังจะถูปากที่มีสีแดงเพราะหมากแล้วชะงัก
“ไปมันทั้งแดงๆนี่แหละ ของแปลก”
เมี้ยนยิงฟันเห็นดำๆแดงๆไปหมดทั้งปาก
“อุบาทดีพิลึกกึกกือ”
“พี่เมี้ยนทำอะไรค่ะ”
“ทำบัดสีบัดเถลิงกับตัวเองน่ะสิ”
เมี้ยนก็เริ่มผัดแป้ง เขียนคิ้ว ทาแก้ม ทาปาก ทำแบบเละเทะ ผัดหน้าขาววอก เขียนคิ้วดำปี๋หนาเตอะ ทาแก้มแดงแจ๋วงใหญ่ ทาปากใหญ่กว่าปากตัวเอง หน้าตาหม่นหมอง สะบันงามองอย่างไม่เข้าใจ
“มืดแล้วนะคะพี่เมี้ยนจะแต่งหน้าแต่งตาออกไปไหนหรือคะ”
“ออกไปหาผัวสักคนหนึ่ง”
สะบันงายิ้มขำ
“ต๊าย ขำจัง พี่เมี้ยนเย้าหนูเล่น”
“ไม่ขำ ไม่เย้าหรอกฉันพูดจริงๆ ฉันจะไปเป็นเมียน้อยท่านเจ้าคุณ”
เมี้ยนทอดถอนใจลุกขึ้น สะบันงามองให้ประหลาดใจมาก
น้อยแอบมองสอดแนมหน้าเรือนคุณหญิงศรี เห็นคุณหญิงศรีเดินมาส่งเมี้ยน ลูบหลังลูบไหล่
“หลับหูหลับตา ตัดอกตัดใจไปสักพัก ถ้าเขารักเมี้ยนมากฉันจะสละตำแหน่งคุณหญิงให้”
“ไฮ้ คุณหญิง ยังมีแก่ใจมาเย้ากันอีก หัวใจเมี้ยนยิ่งหดหู่ห่อเหี่ยว อยู่นะ เจ้าคะ”
“ฉันรู้ ฉันเลยพูดตลกให้เมี้ยนยิ้มออก ไปเถิด ขอบใจมาก”
เมี้ยนพยักหน้าตัดใจเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนเจ้าคุณ คุณหญิงศรีมองตาม หนักใจไม่น้อย น้อยแอบมอง
“นังศรีกับนังเมี้ยนมันกีดกันนังสะบันงาไว้ให้คุณศุกล พวกมึงร้อยเล่ห์กันเหลือเกิน เพราะพวกมึงทำให้กูไม่ได้ท่าน ดังนั้นพวกมึงก็ต้องพังพินาศด้วยน้ำมือของกู”
น้อยวางแผนร้ายต่อ
เจ้าคุณกำลังนั่งคิดต้อนคุณหญิงศรีให้จนมุมเพื่อส่งสะบันงามาให้จนได้
“ผิดจากน้อยก็หมดแล้ว เหลือเพียงสะบันงาเท่านั้น”
เสียงเคาะห้องดังขึ้น
“ใคร”
เสียงเคาะห้องอีกไม่มีคำตอบ
“ถามว่าใคร”
เงียบทั้งเสียงเคาะห้องและคำตอบ
“น้อยหรือ ไปให้พ้นนะ”
เงียบอีก
“เงียบเชียบแบบนี้ มีเพียงสะบันงาเท่านั้นคงจะเขินอายและหวาดกลัวเรา”
เจ้าคุณเดินยิ้มไปเปิดประตูห้อง
“เข้ามาสิสะบันงา”
ประตูเปิด เจ้าคุณถึงกับตะลึงมองไปเห็นเมี้ยนเงยหน้ายิ้มฟันดำทั้งปาก
“คุณหญิงส่งบ่าวมาปรนนิบัติท่านเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณมองเมี้ยนแล้วลากเข้ามาในห้องถีบปิดประตูโดยแรง เมี้ยนนั่งพับเพียบตรงหน้า
“นี่แกบังอาจมาเสนอตัวให้ฉัน ยัยเมี้ยน แกไม่ดูสารรูปตัวเอง”
เจ้าคุณเงื้อมือที่จะเหวี่ยงใส่เมี้ยนแล้วลดลง
“คุณหญิงส่งเมี้ยนมาเจ้าค่ะ”
“ฉันไม่ใช่วัวเห็นหญ้าแก่ ขี้คร้านเห็นแก่กิน กลับไปเดี๋ยวนี้ยัยเมี้ยนแล้วอย่าได้คิดยอมตัวให้คุณหญิงส่งแกมาให้ฉันอีกทีเดียว ขืนแกขึ้นมาหาฉันอีก ฉันจะส่งแกไปให้แขกยามปล้ำเสีย ไปให้พ้นหน้าไวไว หนอยแน่ะริจะมีผัวทั้งที ดันแต่งหน้ายังกับนางเอกละครลิง ฉันไม่ต้องการมีเมียเป็นลิง”
เมี้ยนแอบหันไปลอบยิ้ม เจ้าคุณโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เตะถีบโน่นนี่
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สะบันงาได้ยินเสียงเมี้ยนคร่ำครวญ มีเสียงคุณหญิงเอ็ดตะโร สะบันงาแง้มประตูออกมาดูอย่างสงสัย
“พี่เมี้ยนกลับมาทำไม”
เสียงเมี้ยนดังมา
“ฮือๆ เมี้ยนเกือบโดนถีบออกจากห้องเลยนะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีมองหน้าเมี้ยนแล้วแหวใส่
“ก็ดูสิ แต่งหน้าเหมือนลิงจริงๆดังที่ท่านเจ้าคุณว่า ท่านเจ้าคุณน่ะท่านรักสวยรักงาม หรือว่าเจตนาทำให้ท่านอยากถีบออกมาจากห้อง”
“หามิได้เจ้าค่ะ เมี้ยนพยายามแต่งสวยแล้วเจ้าค่ะ แต่เมี้ยนสวยได้แค่นี้ เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ จนปัญญาแล้วจริงๆ”
“ก็สะบันงาไงเจ้าคะ เมี้ยนจะไปจัดการให้”
เมี้ยนขยับ คุณหญิงศรีตวาด
“หยุดนะ”
“แล้วคืนนี้จะให้ท่านงุ่นง่านต่อไป ฉวยขัดใจขึ้นมาหัวใจวาย เส้นโลหิตในสมองแตกตาย ตอนเมี้ยนออกมาท่านกำลังกุมขมับ”
“ท่านโกรธมากแค่ไหน”
“ขนาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเจ้าค่ะ ถ้ามีอันเป็นไป กรรมใหญ่กรรมหนักเลยนะเจ้าคะ ทั้งเมี้ยนทั้งคุณหญิง เมื้อสักครู่กุมขมับ ตอนนี้อาจกุมหัวใจ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พอที”
คุณหญิงศรีลุกพรวดๆไปชั้นบน
“เมี้ยนขอโทษเจ้าค่ะ เมี้ยนจะตามไปนวดให้คุณหญิงนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง อย่าตามมานะ”
เมี้ยนชะงัก
คุณหญิงศรีนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งหน้าทาปากทาแก้มสวยงามแล้วน้ำตาไหลสองแก้ม
“ศุกลน้องรัก เพื่อนายพี่จะไม่ยอมผิดสัญญาส่งสะบันงาไปให้เขาเด็ดขาด”
คุณหญิงศรีน้ำตาไหลขมขื่นแต่ไม่ได้สะอึกสะอื้น
เมี้ยนเห็นคุณหญิงศรีผัดหน้าทาแป้งแต่งตัวสวยงาม เดินลงบันไดมา เมี้ยนตกตะลึง
“คุณหญิง”
สะบันงาที่แง้มประตูมองอยู่ตกใจไปด้วย
“คุณหญิง โธ่”
คุณหญิงศรีเดินลงมาถึงชั้นล่างแล้ว ทำหน้าเฉยๆ นิ่งๆเหมือนเวลาที่มีอะไรร้ายๆเธอจะนิ่ง
“ตกอกตกใจไปทำไมหนักหนากับการที่ฉันจะไปนอนกับผัว”
“คุณหญิงจะไปเอ้อ...”
“เออ...”
“เมี้ยนเสียใจที่ช่วยคุณหญิงไม่ได้”
“เมี้ยนทำเต็มที่แล้ว ฉันเองก็ต้องช่วยศุกลเต็มที่ อย่าให้ศุกลรู้เด็ดขาดว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
“เจ้าค่ะ สะบันงาจะรู้ไหมหนอว่าคุณหญิงปกป้องเขาถึงเพียงนี้”
“ฉันไม่ต้องการให้ใครมารู้ ไม่ต้องการบอกให้สะบันงารู้ รู้กันแค่เมี้ยนกับฉันสองคนก็พอ จำไว้”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีเดินออกไป เมี้ยนเดินมากอดเท้าไว้ คุณหญิงศรีมองหน้าเมี้ยนแล้วพยักหน้า
“ปล่อยเถิดเมี้ยน ฉันเอาเปรียบท่านเจ้าคุณมานานมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องตอบแทนความดีของเขาเสียที”
เมี้ยนปล่อย คุณหญิงศรีเดินออกไป...สะบันงา ป้ายน้ำตาป้อยๆ
“โธ่ คุณหญิง ท่านทำเพื่อเรากับคุณศุกล พระคุณท่วมท้นจนสะบันงาคนนี้ไม่มีวันตอบแทนได้หมดสิ้น ชีวิตนี้ถ้าไม่ได้พบคุณหญิง สะบันงาคงจมจ่อมอยู่ในโคลนตม โดนทำร้ายจากพวกใจทรามจนป่นปี้ ในโลกนี้จะหาใครดีกับเราเท่าเทียมคุณหญิงเป็นไม่มี ไม่ใช่แม่ ก็เหมือนแม่”
สะบันงาน้ำตาไหลอีก
เจ้าคุณเดินงุ่นง่านหงุดหงิด มีเสียงเคาะห้อง
“ใครกันอีก เมี้ยนแกกลับมาหรือว่าน้อยมารายงานอะไร”
ไม่มีคำตอบ
“ถามว่าใคร ถ้าเป็นยัยเมี้ยนแกเตรียมตัวตาย ถ้าเป็นน้อยก็ไปให้พ้น ฉันไม่ต้องการฟังความใดๆในตอนนี้”
ไม่มีคำตอบ
“อุบะ ช่างยั่วโมโหกันดีแท้ๆ อยากโดนดีนักใช่ไหม”
เจ้าคุณเดินพรวดไปกระชากประตูเปิดออกแล้ว ตะลึง คุณหญิงศรียืนสีหน้าสงบนิ่งสง่างามสวยมากตรงหน้า
“ฉันเองค่ะ”
“ศรี...ศรีมาหาฉัน นี่นี่ ยูแคร์ ฟอร์ มี ไอโน ยู แคร์ ดาลิ้ง”
“ค่ะ ฉันจะมาทำหน้าที่เมียที่สมบูรณ์เสียทีค่ะ”
เจ้าคุณดีใจ โผเข้ากอด ดึงคุณหญิงศรีมากอดแนบอก
“ศรี...ศรี ฉันมีความสุขจนล้นอก ปลื้มใจสุขใจเหลือเกิน”
“ฉันดีใจที่คุณปลื้มใจ และมีความสุขค่ะ”
คุณหญิงศรีน้ำตาปริ่มตา เจ้าคุณช้อนตัวคุณหญิงศรีอุ้มไปที่เตียง วางลง เจ้าคุณนอนข้างคุณหญิงศรีพลิกตัวมามองหน้าลูบผม ลูบหน้า ลูบตา ลูบแก้ม
“ศรีสวยเหลือเกิน ศรีทั้งสวยทั้งดีงาม ศรีช่างเป็นเมียที่สุดประเสริฐ”
“ค่ะ”
เจ้าคุณก้มลงจะจูบ คุณหญิงศรีหลับตาน้ำตาไหลปริ่มพ้นเปลือกตาและขนตาที่ปิดอยู่ เจ้าคุณพึมพำปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัว ทูนหัวของฉัน เราจะมีลูกด้วยกันลูกของฉันกับศรี จะเป็นแก้วตาดวงใจของเราสองคน”
น้อยแอบมองอยู่นอกตึก
“นังศรีมันยอมมานอนกับผัว เพราะปกป้องอีสะบันงา หรือว่ามันอยากมาเองกันแน่ หรือว่ามันอยากมีลูกกับท่าน”
น้อยพยายามคิดว่าทำไมคุณหญิงศรียอมมานอนกับเจ้าคุณ
เช้าวันใหม่...คุณหญิงศรีนอนลืมตาโพลงหน้าตาหม่นหมองมีหยาดน้ำตาเอ่อท้น แต่เจ้าคุณนอนหลับยิ้มอิ่มเอมโอบไว้ คุณหญิงศรีรำพึงในใจ
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง และวันต่อๆไปอีกไม่รู้จบจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ศุกล พี่รักษาสัญญา รักษาสะบันงาไว้ให้นายสำเร็จแล้ว”
เจ้าคุณขยับตัวโอบคุณหญิงศรีแน่นอีก
“ศรีจ๋า ศรีที่รัก ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตของฉันเปี่ยมสุขจนไม่มีสิ่งใดเปรียบได้อีกแล้ว จะทะนุถนอมศรี รักศรี มีศรีเพียงคนเดียวไปจนตาย”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าคุณหอมแก้มคุณหญิงศรีอีก ไม่รู้ว่าคุณหญิงศรีทุกข์โศกเพียงใด
ชั้นล่างเรือนเจ้าคุณ...แกละกับซ้งก้มลงกราบคุณหญิงศรี กับเจ้าคุณ
“บ่าวขอกราบลาไปตั้งตัวเจ้าค่ะ”
“กระผมขอกราบลาไปตั้งตัว และกราบขออนุญาตพาแกละไปแต่งงานขอรับ”
เจ้าคุณยิ้มแย้ม
“ฉันยินดีด้วยขอให้โชคดี มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้า คุณหญิงจะให้เงินเป็นขวัญถุงไปตั้งตัวจำนวนหนึ่ง”
สองคนก้มลงกราบอีกครั้ง
“ขอบพระคุณมากขอรับ / เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีบอกทั้งสอง
“ไปรอฉันที่เรือนครัว อีกสักครู่จะส่งเมี้ยนตามไปพบ”
“เจ้าค่ะ/ ขอรับ”
สองคนถอยออกไป คุณหญิงศรีบอกเจ้าคุณ
“แกละกับซ้งเป็นคนที่ดีมากในบ้านนี้ น่าเสียดายที่เขาลาออก แต่ก็ต้องสนับสนุนพวกเขา ใครจะอยากมาเป็นบ่าวเขาไปจนตาย”
“ฉันอยากเป็นบ่าวศรีไปจนตาย บ่าวหัวใจน่ะ”
คุณหญิงศรียิ้มไม่ได้ภาคภูมิใจ
“ไปทำงานเถิดค่ะ”
“ศรีไปส่งขึ้นรถนะ คนขับรถใหม่คนนี้ที่กระทรวงส่งมาให้ ใช้ได้ทีเดียว”
คุณหญิงศรีพยักหน้ารับ
นายจันผมขาวอายุหกสิบกำลังเปิดประตูให้เจ้าคุณ
“เชิญขอรับท่านเจ้าคุณ”
“บาย ซียู ฮันนี่”
เจ้าคุณหอมแก้มคุณหญิงศรีก่อนขึ้นรถ นายจันเปิดประตูเดินไปขึ้นรถ รถเคลื่อนออกไปช้าๆ คุณหญิงศรีมองตาม
“เราแต่งงานเพื่อมาพบความทุกข์นานัปการแท้ๆ”
คุณหญิงศรียิ้มเศร้าๆกับตัวเอง
เมี้ยนนั่งรอที่ประตูบ้านด้านในป้ายน้ำตาไปด้วย คุณหญิงศรีเดินตัวตรงสีหน้าสงบนิ่งเข้ามาเจอหน้าเมี้ยนที่กำลังนั่งป้ายน้ำตาป้อยๆ คุณหญิงศรีอดกลั้นมาตั้งแต่พูดกับซ้ง ในห้องจนมาส่งเจ้าคุณขึ้นรถ
“คุณหญิงของเมี้ยน เมี้ยนนั่งรอทูนหัวตรงนี้ทั้งคืนเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีทรุดตัวกอดเมี้ยนร้องไห้
“เมี้ยน เมี้ยน เมี้ยน ฉันอยากร้องไห้”
“ร้องสิเจ้าคะ ร้องออกมาให้หมดเจ้าค่ะ”
เมี้ยนประคองคุณหญิงศรีไปที่เก้าอี้
“อย่าลงไปนั่งที่พื้นมานั่งกับฉัน ฉันอยากกอดเมี้ยนร้องไห้ ฉันอยากให้เมี้ยนกอดฉันตอนที่ฉันร้องไห้”
“เจ้าค่ะ”
สองคนกอดกันร้องไห้ คุณหญิงศรีสะอื้นออกมาเต็มที่ เมี้ยนน้ำตาไหลแล้วทั้งกอดทั้งลูบหลังคุณหญิงศรี ทั้งสองกอดกันร้องไห้...สะบันงายืนแง้มประตูห้องมองมาที่สองคน น้ำตาไหลพรากเช่นกัน
ในห้องนั่งเล่นเรือนคุณหญิงศรี...ศุกลก้มลงกราบคุณหญิงศรี คุณหญิงศรีโอบกอดไว้ น้ำตาคลอ
“พี่หญิงช่างยอมเสียสละตนเอง ทำเพื่อผมถึงปานนี้ น้องชายคนนี้ไม่มีวันลืมพระคุณไปจนวันตาย อะไรที่สามารถตอบแทนพี่หญิงได้ น้องชายคนนี้จะทำทุกอย่าง ผมรักพี่หญิงนะครับ”
“พี่ก็รักนาย ถ้าพี่มีลูกพี่ก็คงรักเขาไม่ได้มากกว่ารักนาย เตรียมพร้อมไว้ให้ดี บ้านเกือบเสร็จหรือยัง”
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ อีกราวสามเดือนคงเรียบร้อย”
“พี่ดีใจด้วย ไปหาสะบันบาเถิด สะบันงาปลอดภัยแล้ว”
“ครับ สะบันงาอยู่ที่ไหนครับ”
“เขาชะเง้อรอหานายอยู่แถวหน้าบ้านนั่นแหละ”
ศุกลยิ้มย่องเดินออกไป คุณหญิงศรีมองตาม น้ำตาเอ่อ ทำท่าจะเช็ดน้ำตา เมี้ยนเดินเข้ามาพร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้า มาคุกเข่าตรงหน้าคุณหญิงศรี ยกผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้
“คนดีของเมี้ยน ช่างรักน้องชายราวกับลูก สองมือเล็กๆของคุณหญิงช่วยสร้างชีวิตของเมี้ยน ของสะบันงา ของคุณศุกล ของท่านเจ้าคุณให้สุขครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีสองมือไหนที่จะสร้างสรรค์สรรพสิ่งให้มากเกินกว่าสองมือและหนึ่งหัวใจของคุณหญิงอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันควรยินดีกับคำเทิดทูนของเมี้ยนไหม เป็นแบบนี้ ไม่มีมือเสียดีไหมเมี้ยน”
“ไฮ้ พูดอะไรเจ้าคะ”
“หาอารมณ์ขันมาผ่อนคลายให้ยิ้มได้ ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรแล้วเมี้ยน การมีผัวที่พร้อมสรรพทุกอย่าง เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั้งหลายควรดีใจภูมิใจไม่ใช่หรือ ขอเพียงให้คุณศุกลกับสะบันงาพ้นไปจากที่นี่ ฉันจะหาผู้หญิงที่ดีงามเหมาะสมมาให้ท่านเจ้าคุณสักคน”
“ดี เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีตั้งใจว่าจะทำเช่นนั้น
วันต่อมา...น้อยรายงานเจ้าคุณ
“ระยะนี้ คุณศุกลมาถี่มากเจ้าค่ะ มาพร้อมขนมนมเนย ของฝากประเภทน้ำหอม เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ สบู่ ล้วนส่งมาจากเมืองนอกมาขายที่ห้างของคุณเตี่ยของเธอ เอามาประเคนให้สะบันงาเจ้าค่ะ”
“แล้วอย่างไรต่อ”
“สะบันงาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยอมให้คุณศุกลจับมือถือแขน อีกสักหน่อยคงจะลามปามไปถึงจับอย่างอื่นได้เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเริ่มขบกราม
“วันนี้ก็ตามเคยเจ้าค่ะ ไปหลบนั่งพร่ำพรอดออดออเซาะกันอยู่ที่ตามสุม ทุมพุ่มไม้เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น
“ไปได้แล้วน้อย นี่รางวัล”
เจ้าคุณส่งเงินให้ถุงหนึ่ง น้อยถอยออกไปก่อนพ้นประตูน้อยยังต่ออีก
“ได้ยินว่าเรือนหอใกล้จะเสร็จแล้วนะเจ้าคะ อีกไม่เกินสามเดือนเจ้าค่ะ แต่ไม่ยักกะมีใครมาเอ่ยปากสู่ขอสะบันงาจากท่านสักคำนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณลุกพรวด น้อยเห็นเสี้ยมได้ที่ถอยวูบหายออกไปทันที
“ช่างบังอาจนักนายศุกล ยิ่งใหญ่มาจากไหนนักหรือ หรือว่าคุณหญิงรักน้องมากกว่าผัว จึงยอมให้น้องมาหักหาญน้ำใจผัวถึงเพียงนี้”
เจ้าคุณคิดพาลไปสารพัด
ศุกลกับสะบันงานั่งพูดคุยกัน ที่ซุ้มต้นไม้ เขาจ้องหน้าเธอแบบไม่วางตาตลอดเวลา สะบันงายังคงมีทีท่าเขินอายหวงตัวระวังตัวเช่นเดิม
“สะบันงาอยากได้แหวนเพชรเม็ดขนาดไหน สร้อยเพชร ต่างหู กำไลจี้ ฉันจะจัดให้”
“ฉันไม่เคยอยากได้อะไรค่ะ ของนอกกายทั้งสิ้น ฉันขอเพียงความจริงใจและความหวังดีจากคุณก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“ช่างมักน้อยเสียเหลือเกินสะบันงา แต่ถึงอย่างไรฉันก็ต้องจัดหามาให้สะบันงา อย่าปฏิเสธทีเดียว”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“อีกไม่นานหรอก เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
ศุกลจับมือ สะบันงาปล่อยออก
“เอ้อ”
สะบันงาเงยหน้าขึ้น ใจหายวับ เจ้าคุณกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาที่ดุดันมาก จ้องไม่วางตา สะบันงา หน้าซีด ใจสั่นมือสั่นไปหมด ศุกลมองมือสะบันงาตกใจ
“สะบันงามือสั่นตกใจจนมือสั่น ขอโทษด้วย ฉันจะไม่ทำเช่นนี้อีก จนกว่าเราจะหมั้นหมายและแต่งงานกัน”
“เอ้อ...” สะบันงาตายังมองเลยไปที่เจ้าคุณ “เอ้อ...”
“มีอะไรหรือเปล่า สะบันงา ตกใจอะไร”
ศุกลจับบ่าสะบันงาด้วยสองมือ
“อ้อ...ไม่มีค่ะ ปล่อยฉันด้วยค่ะ” สะบันงารีบก้มหน้า
ศุกลแปลกใจ หันกลับไปมองเบื้องหลังที่สะบันงากำลังมองไป รีบยกมือไหว้
“ท่านเจ้าคุณ”
เจ้าคุณจำใจรับไหว้ศุกล แต่สีหน้าแววตายังคงดุดันมาก สะบันงาพูดเบามาก
“กลับไปข้างในเถิดค่ะ”
“กลัวเขาหรือ”
“ค่ะ”
“ทำไมสายตาเขาจึงมองมาที่เราดุดันขนาดนั้น แปลกแท้ๆ”
สะบันงารีบลุก ศุกลลุกตาม สองคนเดินตามกันหายไปจากที่นั่น
คุณหญิงศรีได้ฟังคำบอกเล่าของศุกล รีบแก้ให้เจ้าคุณ
“อย่างที่พี่บอก เขาไม่สบาย ก็เลยอารมณ์ ขึ้นๆลงๆ นายอย่าไปสนใจเขาสิ”
“แววตาเขาน่ากลัวมาก สะบันงากลัวจนมือสั่นตัวสั่นไปหมด”
“สะบันงากลัวทุกคน ตกใจง่าย หน้าที่เธอเอาไปฝึกให้เข้มแข็งเถิดนะ พี่เองตอนนี้เหมือนไม่ค่อยสบายอย่างไรบอกไม่ถูก อยากแต่จะเอนหลังนอน มันเพลียไปหมด นายกลับไปเถิด ฝากบอกคุณเตี่ยกับคุณแม่สองคนด้วยว่าอีกสักพักพี่จะไปกราบเยี่ยม”
“ครับพี่หญิง หายไม่สบายไวไวนะครับ”
“ขอบใจมาก”
ศุกลไหว้ลาคุณหญิงศรี
สะบันอยู่ในห้อง ยังใจคอหวาดผวาไม่หายกับสายตาของเจ้าคุณที่จ้องมองมา ดุดันมาก สะบันงาพึมพำ
“ทำไมเขาจึงจ้องมองเราดุดันอย่างนั้น เหมือนโกรธ เหมือนไม่พอใจช่างน่ากลัวเหลือเกิน โชคดีที่เรากำลังจะพ้นไปจากที่นี่ พ้นไปจากเขา”
วันต่อมา คุณหญิงศรีอยู่ในห้องนอนหน้าซีดขาว เมี้ยนเขม้นมอง
“คุณหญิงหน้าซีดมากนะเจ้าคะ”
“ฉันรู้สึกอ่อนเพลีย”
“คุณหญิง ไม่เคยว่างเว้นไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณมาทุกวันเป็นเดือนเศษแล้วนะเจ้าคะ”
“เดือนเศษแล้วหรือนี่”
“เจ้าค่ะ เมี้ยนกางปฏิทินขีดเส้นลงไปนับวันให้เลยเจ้าค่ะ หยุดพักสักวันนะ เจ้าคะ”
“ถ้าฉันหยุดแล้วท่านเรียกหาใครสักคน สะบันงามิต้อง...”
เมี้ยนหนักใจ
“เวรกรรม”
“ทำอย่างไรได้ ในเมื่อทุกสังคมยังมองว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายตอบสนองผู้ชายและฉันเองแม้ไม่ชอบใจ แต่ก็มิอาจฝืนรอดพ้นประเพณีนี้ไปได้”
“โธ่ ก็สักวันเดียว ท่านคงไม่ถึงกับ เอ้อ...ตายหรอกเจ้าค่ะ”
“แต่ถ้าเขาถึงกับจะตาย คนที่ต้องตายคือน้องชายฉันกับสะบันงาเอาเถิดน่า เรือนของศุกลใกล้เสร็จแล้ว ฉันยอมทนต่อไปอีกไม่นานหรอก ฉันจะแต่งตัว เมี้ยนจัดให้ที”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนหยิบข้าวของเสื้อผ้า คุณหญิงศรีนั่งมองรู้สึกไม่สบายมากขึ้น
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรี กินอาหารค่ำด้วยกัน ใต้แสงเทียนเจ้าคุณชอบมาก
“ศรีไม่แตะอาหารสักคำ”
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อยากทานอาหารค่ะ”
“ฉันจะป้อนให้ศรีเอง”
“ไม่...ไม่ต้องค่ะ”
เจ้าคุณยังไม่วายตักอาหารมาจ่อที่ปาก
“ลองชิมซุปหัวหอมของกุ๊กคนใหม่สิ อร่อยไม่เลว”
คุณหญิงศรีอ้าปากแล้วเกิดอาการคลื่นไส้
“แหวะ”
เจ้าคุณตกใจ
“ศรี เป็นอะไร”
คุณหญิงศรีลุกไปหาที่อาเจียน เจ้าคุณมองตามคุณหญิงศรีที่หายไปทางห้องน้ำ พร้อมกับเสียงโอ๊กอ๊าก
“ศรี”
คุณหญิงศรีเดินกลับมาโผเผมาก ทำท่าจะล้ม
“ฉัน...ฉันเวียนหัว บ้านหมุน ตาฉันลายไปหมด”
เจ้าคุณปราดมาประคองรับคุณหญิงศรีไว้
“ศรี...”
คุณหญิงศรีหมดสติพับอยู่กับอกเจ้าคุณ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
คุณหลวงหมออดุลย์ตรวจอาการคุณหญิงตามลำพังในห้องนอนสองคน คุณหญิงศรีฟื้นแล้ว
“เป็นอะไรคะ คุณหลวงหมออดุลย์”
“ตั้งครรภ์ ขอรับคุณหญิง”
คุณหญิงศรีตกใจเป็นล้นพ้น
“อ๊าย...ไม่จริง”
คุณหลวงหมออดุลย์ตกตะลึงกับท่าที่คุณหญิงศรี เจ้าคุณที่รอด้านนอกพรวดเข้ามาในห้อง
“ศรี ศรีเป็นอะไร คุณหลวงคุณหญิงเป็นอะไร”
“ตั้งครรภ์ขอรับ ท่านดีใจมากจนร้องกรี๊ดๆ ขอรับ”
เจ้าคุณเองก็ตกตะลึงพรึงเพริดแล้วกลายเป็นดีใจ ผวาไปประคองคุณหญิงศรีมาแนบอก
“ศรีจะมีลูก เราจะมีทายาทสืบสกุล ศรี thank you thank you ดาลิ้ง”
คุณหญิงศรีในอ้อมกอดของเจ้าคุณกลับร่ำไห้ คุณหลวงหมออดุลย์เริ่มมองไม่เข้าใจว่าร้องไห้ดีใจหรือเสียใจแต่เจ้าคุณไม่สนใจไม่รู้สึกเอาแต่ดีใจ
“ที่รัก ในที่สุด ในที่สุด ครอบครัวเราก็สมบูรณ์แบบ มีพ่อแม่ลูก ฉันจะประกาศให้ทั่วทั้งกระทรวง จะจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับลูกของเรา”
คุณหญิงศรียังคงสะอื้นร้องไห้ไม่เลิก เจ้าคุณหันมาถามคุณหลวงหมออดุลย์
“คุณหญิงท้องกี่เดือนแล้วคุณหลวง”
“ประมาณหนึ่งเดือนขอรับ”
เจ้าคุณยิ้มย่องยินดีเบิกบาน คุณหญิงศรีร้องไห้ต่อ
ในห้องนอน คุณหญิงศรี...เมี้ยนตื่นเต้นมากเอาปฏิทินมากางดูแล้วชี้ ขณะที่คุณหญิงศรียังคงนั่งซึมเศร้า
“นี่ไงเจ้าคะ คุณหญิงไปมาหาสู่ท่านไม่เว้นว่างมาเดือนเศษ โดยที่ลืมนึกไปว่าในรอบหนึ่งเดือน คุณหญิงต้อง...”
“โธ่ ทำไมฉันจึงมีลูกง่ายดายนัก สิ่งที่ฉันกลัวมากกำลังคืบคลานมาหา เมี้ยนฉันกลัว ฉันกลัว”
“มีลูกก็ดีออกเจ้าค่ะ สองมือน้อยๆของคุณหญิงจะได้คอยปกป้องทะนุถนอมสร้างลูกของคุณหญิงให้เติบใหญ่อย่างงดงาม”
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสังวร สังเวียน ยังคงตามมาหลอกหลอนฉันเสมอ ถ้าลูกฉันโดนเข้าบ้าง”
“เอาอีกแล้ว คุณหญิงเจ้าขา สองคนนั่นมันคิดร้ายต่อคุณหญิง และคนที่ตอบโต้มันไปบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็เมี้ยนทั้งนั้น นางสังเวียนยิ่งแล้วใหญ่ มันเป็นไปตามกรรมของมันเองทั้งนั้น ไม่ใช่คุณหญิงไปกะเกณฑ์เจ้าค่ะ”
“แล้วทีนี้ใครจะปรนนิบัติท่านเจ้าคุณ”
“ระยะนี้ยังอยู่ในช่วงเห่อ ยังมีเวลาคิดหาทางแก้ไขอีกพักหนึ่งเจ้าค่ะหลับนะเจ้าคะ อ่อนเพลียมากตัวน้อยในท้องจะเพลียไปด้วยเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมากเมี้ยน ลงไปเรียกสะบันงามาหาฉัน แล้วเลยไปสั่งในครัว จัดอาหารที่กินแล้วไม่อาเจียนมาให้ฉัน ฉันไม่ไปเรือนท่านเจ้าคุณอีกแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไป คุณหญิงศรีหลับตาอ่อนเพลียมาก
ในครัว...ทุกคนต่างตื่นเต้นยินดีเรื่องท้องของคุณหญิงศรี
“คุณหญิงท้อง”
“ใช่ ท่านท้อง”
ทองหยอดดีใจ
“อีทองหยอดจะนับวันรอ คุณหนูคนแรก เนี่ยดีใจแทนท่านราวกับได้ ลูกเอง”
“ไปหาผัวสักคนสิ แล้วจะได้ดีใจที่ได้ลูกเป็นของตัวเอง ยัยทองหยอด” โรเบิร์ตเย้าแหย่
“ไอ้ฝรั่งดอง สอดรู้ประเดี๋ยวเถิดมาเป็นผัวอีกทองหยอดสักหน่อยไม่ได้จะแพ่นด้วยตะหลิวหรือไม่ก็สากกะเบือ”
ทุกคนเฮ
“ท้องไส้อย่างนี้ ต้องกินอาหารพิเศษ คุณเมี้ยนสั่งมาผมจะทำให้คุณหญิงท่านรับประทาน” กุ๊กเพ้งอาสา
เมี้ยนยิ้ม
“ขอบใจมาก ตอนนี้ของดทำอาหารที่เลี่ยน เพราะท่านกำลังแพ้ท้อง เชฟโรเบิร์ตท่านชอบซุปข้าวโพด แล้วเอาขนมปังจิ้มน้ำซุปนะ”
“no problem”
“thank you” เมี้ยนรับมุก
น้อยแอบฟังอยู่นอกครัวกำเห็ดชนิดหนึ่งในมือ
“เห่อกันเข้าไป ดีใจกันให้สนุก เดี๋ยวจะทุกข์ให้สาสม”
น้อยยกมือที่กำเห็ดนี่ไว้มามองยิ้ม
“ไอ้เห็ดขี้ควาย ฉันจะใช้แกนี่แหละทำลายประสาทนังศรีกับลูกในท้องของมัน วันละเล็กวันละน้อย ดูสิว่าลูกในท้องของมันจะออกมาแล้วน่ารักสักเพียงใด”
น้อยยิ้มร้าย
สะบันงา เอาหลอดยาดมจ่อจมูกให้คุณหญิงศรี
“ดีขึ้นแล้วสะบันงา ขอบใจมาก”
“หนูนวดให้นะคะ”
“ไม่ต้อง ฉันอยากคุยกับสะบันงามากกว่า”
“ค่ะ”
“ต่อไปนี้สะบันงามาอยู่ใกล้ๆตัวฉันไว้ให้มากที่สุด ใครถามบอกไว้ว่าฉันให้สะบันงามาดูแลฉัน”
“เจ้าค่ะ”
“นอกจากเสียว่า คุณศุกลมา”
สะบันงาเขิน...
เจ้าคุณอยู่นอกห้องกำลังจะเคาะประตูชะงักได้ยินทั้งหมด เสียงคุณหญิงศรีดังมา
“นอกเสียจากว่าคุณศุกลเขามา นอกจากจะได้พบปะกันที่ห้องของฉัน ฉันจะให้เขากับสะบันงา ไปพบปะพูดคุยกันที่ห้องโถงชั้นล่าง”
“ค่ะ”
เจ้าคุณพึมพำ
“นี่ขนาดท้องไส้ ยังห่วงใยวางแผนจัดการให้น้องชาย เสียงคุณหญิงศรีดังออกมาอีก
“อย่าออกไปคุยกันข้างนอกให้ประเจิดประเจ้อต่อสายตาคนอื่น”
“ค่ะ”
เจ้าคุณเจ็บใจ
“ปกป้อง ป้องกันทุกอย่าง กลัวฉันจะพบเห็นภาพสองคนนั่น หรือคุณหญิง ช่างรู้ทันฉันไปเสียหมดทุกอย่าง”
แล้วเจ้าคุณก็ทำทีเคาะห้อง เสียงคุณหญิงศรีดังมา
“เข้ามา”
เจ้าคุณยิ้มร้ายๆ เปิดประตูห้อง ทั้งคุณหญิงศรีและสะบันงาไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าคุณเข้ามา
“มาเยี่ยมศรี เป็นห่วงนะ”
“เอ้อ ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ สบายดีแล้วค่ะ”
เจ้าคุณปรายตาไปที่สะบันงา เธอก้มหน้างุด
“ศรีคงไม่ไปกินอาหารเรือนโน้นแล้ว”
“ค่ะ”
“แต่ฉันจะมากินอาหารเรือนนี้”
คุณหญิงศรีชะงัก
“อ้าว”
“ฉันมากินแล้ว มาเยี่ยมเยียนดูอาการศรี ฉันต้องดูแลศรีทุกระยะลูกฉันทั้งคนนะศรี จะไม่ให้ห่วงใยได้อย่างไร ก็คนกำลังเห่อ”
เจ้าคุณปรายตามองสะบันงาอีก คุณหญิงศรีก็เห็นอาการนั้น สะบันงา ก้มหน้าอย่างเดียว คุณหญิงศรีหาทางออก
“สะบันงาลงไปจัดโต๊ะข้างล่างให้ท่านสิ ที่เดียวนะ”
“เจ้าค่ะ”
“อ้าว”
“ฉันจะกินในห้อง ให้สะบันงาดูแล ส่วนคุณให้เมี้ยนคอยดูแล”
“ฉันอยากกินในห้องนี้กับศรี”
คุณหญิงศรีแทบร้องกรี๊ด สะบันงารีบถอยกรูดไปจากห้อง เจ้าคุณจับมือคุณหญิงศรีมากุม
“ศรีไม่ต้องส่งใครไปหาฉันที่ตึกโน้นหรอกนะ ฉันไม่ต้องการใครดูแลทั้งสิ้นฉันต้องการมาดูแลศรีที่นี่”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าคุณดึงมือคุณหญิงศรีมาจูบ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“จะมีบ้างเป็นครั้งคราว เช่นช่วยจัดโน่นหานี่ จะไม่มีเอาใครไปค้างคืน”
คุณหญิงศรีค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ค่ะ”
“ศรีคงไม่ว่านะถ้าบางครั้งฉันจะขอใครไปช่วยเล็กๆน้อยๆ”
“ค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ฉันจะขอสะบันงา...”
ยังไม่ทันจบ คุณหญิงศรีลุกพรวดจากท่านอนมานั่งเต็มๆ
“ว่าอะไรนะคะ”
“ฉันจะขอสะบันงาไปช่วยจัดหนังสือฝรั่ง เรียงตามตัวอักษร แล้วก็ไปค้นแผ่นเสียงคลาสสิค”
คุณหญิงศรีอึ้งๆ
“เอ้อ”
“คนอื่นมันอ่านภาษาอังกฤษออกเสียที่ไหน สะบันงาเขาอ่านออกเพียงคนเดียว อนุญาตนะจ้ะดาลิ้ง”
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีรับคำแบบไม่เต็มใจ ขัดไม่ได้ ส่วนเจ้าคุณยิ้มสมใจมองคุณหญิงศรีที่หน้าไร้สุข
“ศรี เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาหม่นหมองไม่เหมือนกับคนที่กำลังสุขใจที่จะได้ลูก”
“ฉันกลัวคลอดลูกตายค่ะ”
เจ้าคุณตกใจ กอดคุณหญิงศรีไว้ส่ายหน้า
“ไม่...ไม่มีวันเป็นอย่างนั้น ศรีอย่ากลัว ศรีไม่ต้องกลัว ลูกของเราจะไม่ตาย ลูกของเราจะปลอดภัย”
เจ้าคุณกอดคุณหญิงศรีไว้แนบอก คุณหญิงศรีนึกถึงเรื่องราวในอดีต ที่สังวรพยายามจะแทง และกล่าวอาฆาตมาดร้าย...ภาพสังเวียนนอนตายพร้อมกับนายยอดและลูกในท้อง ตามคำบอกเล่าของเมี้ยนแว่บเข้ามา
“ฉันจะอยู่เคียงข้างศรีตลอดเวลา ไม่ต้องกลัว ฮันนี่” เจ้าคุณปลอบ
คุณหญิงศรีพยักหน้า แต่ไม่ได้หายกลัว
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
ในครัว อาหารวางรอให้คนมายกไปเสิร์ฟที่ตึก น้อยเดินเข้ามา
“นี่อาหารของคุณหญิงกับเจ้าคุณหรือ” น้อยถาม
ทองหยอดหันไปบอก
“นั่นแหละใช่ กำลังรอให้สะบันงามายกไป”
“ฉันยกไปให้เอง”
“ฝนจะตกเสียกระมัง มิสน้อยเกิดใจดีมาช่วยยกอาหาร” โรเบิร์ตล้อ
“ทำยังกับว่าฉันไม่เคยช่วยยก สะบันงามันยังวุ่นอยู่กับคุณหญิง มัน... เอ๊ย...ท่านกำลังแพ้ท้องคลื่นไส้อาเจียน” น้อยหาข้ออ้าง
กุ๊กเพ้ง ซึ่งมาทำงานแทนซ้งชี้
“นั่นซุปแบบใหม่ ทำไปให้ท่านทดลองรับประทาน”
น้อยมองไปที่ถ้วยซุป เห็นเห็ดอยู่ในนั้นก็ดีใจ เพราะตนเองจะได้เอาเห็ดพิษใส่ลงไปได้โดยไม่มีใครสงสัย
“มีเห็ดด้วยหรือนี่”
“ใช่”
น้อยยิ้ม พึมพำกับตัวเอง
“ทำไมอะไรๆ มันเป็นตามที่ตั้งใจไว้ง่ายดายถึงเพียงนี้”
น้อยยกเอาถาดอาหารไป
สะบันงายกถาดซุปมาตรงหน้าคุณหญิงศรี
“ซุปเห็ดหรือ ดี... ฉันชอบเห็ด หอมน่ากินมาก”
“ค่ะ กุ๊กเพ้งทำมาให้คุณหญิงทดลองรับประทานค่ะ”
คุณหญิงศรีตักซุปเห็ดมาชิม
“อร่อย”
คุณหญิงศรีกินจนหมดชาม เจ้าคุณเคาะห้องแล้วเข้ามา เมี้ยนตามติดมาด้วย สะบันงารีบก้มหน้างุด
“กินซุปหมดชามเลยหรือศรี... ดีมาก”
“หนูเอาอาหารไปเก็บนะคะ”
สะบันงาพยายามเลี่ยงจากเจ้าคุณ
“ไม่ต้อง.. ฉันขอคุณหญิงแล้ว ให้สะบันงาไปช่วยเลือกหนังสือภาษาอังกฤษจัดเรียงตามตัวอักษร” เจ้าคุณขัด
คุณหญิงศรี กับเมี้ยนตกใจ
“คืนนี้เลยหรือคะ”
“คืนนี้เลย”
สะบันงาตกใจจนแทบลมใส่ มองคุณหญิงศรี มองเมี้ยนเลิ่กลั่ก
“ฉันจะกลับไปรอที่เรือน”
เจ้าคุณเดินออกไป คุณหญิงศรีมองสะบันงาที่ทำหน้าราวกับอยากจะร้องไห้
“คุณหญิงขา”
คุณหญิงศรีเกิดอาการคลื่นเหียนวิงเวียนอยากจะอาเจียนขึ้นมากะทันหัน เพราะฤทธิ์เห็ดแต่กลับคิดว่าแพ้ท้องมาก
“โอย...คลื่นไส้”
“คุณหญิงแพ้ท้องมากจริงๆ นะเจ้าคะ”
สะบันงาวิ่งไปเอากระโถนมาส่งให้เมี้ยน
“หนูจะไปเอาน้ำอุ่นมาให้ดื่มคะ”
“ไม่ต้อง รีบไปช่วยเจ้าคุณจัดหนังสือท่านรออยู่ รอนานท่านจะขัดใจ”
“เออ... ค่ะ แต่...”
“บอกให้รีบไป”
สะบันงาน้ำตาแทบจะหยดกลัวมาก ถอยออกไป เมี้ยนกังวล
“คุณหญิงปล่อยสะบันงาไปหาท่าน มันเท่ากับโยนเนื้อไปเข้าปากเสือนะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้าพูดไม่ออกเอาแต่คลื่นไส้และวิงเวียน
“ฉัน....เขาสัญญาว่าจะแค่จัดหนังสือ หรือแกจะกล้าขัดคำสั่งเขา”
“ไม่บังอาจเจ้าค่ะ”
“โอ๊ยฉัน....โอยเวียนหัว”
“คุณหญิง”
“ทำไมไอ้การจะมีลูกสักคนมันต้องแย่ถึงขนาดนี้ หรือว่าเป็นไปตามคำอาฆาตสาปแช่งของอีสองคนนั่น”
“ใช่...เจ้าค่ะ....ไม่ใช่เจ้าค่ะ อย่าคิดมากเจ้าค่ะ แค่คำพูดของคนเลว”
เมี้ยนหันมาประคบประหงมคุณหญิงศรี
สะบันงาเดินป้ายน้ำตามาตามทาง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เธอเงยหน้ามองดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ดวงดาวแสนสวยจ๋าช่วยหนูด้วย หนูกลัวเหลือเกิน อย่าให้อะไรที่หนู ไม่อยากพบเจอเกิดขึ้นกับหนูเลย”
สะบันงาป้ายน้ำตาที่ไหลไม่หยุด มองไปเห็นดอกพิกุลร่วงที่พื้น สะบันงาก้มลงเก็บมาหอบเต็มกำมือแล้วจึงเดินต่อไป
น้อยซุ่มอยู่ มองสะบันงาแปลกใจ
“นังสะบันงามันจะเดินไปไหน ทำไมมันเดินร้องไห้ หรือว่าโดนนังศรีดุด่า”
น้อยมองตามไปแล้วตบอกผางๆ
“มันเดินตรงไปเรือนเจ้าคุณ ในที่สุดมันก็ได้เป็นเมียเจ้าคุณจนได้ ไอ้แก่เอ๊ย... ทีกูสอพลอตอกลั่นใส่สารพัด ไม่ยอมเหลือบแลมอง ดีละพวกมึงไม่ต้องอยู่เย็นเป็นสุขกันให้ทั่วหน้า”
น้อยมองตามสะบันงาด้วยความอิจฉา
สะบันงาเดินน้ำตานองหน้ามาถึงเรือนเจ้าคุณ ยืนอึดอัดรีรอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะเคาะก็รีรอ
จะกลับก็กลัวขัดคำสั่ง ประตูเปิดออก เจ้าคุณเดินออกมารับยิ้มย่องหน้าตาดีใจและดูใจดีผิดกับที่มองมาครั้งก่อน
“สะบันงามาแล้ว มาไวดีแท้ๆ”
“เอ้อ.. คุณหญิงท่านสั่งให้ดิฉันมาไวๆ เจ้าค่ะ”
“เป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณหญิงจริงนะ”
เจ้าคุณยิ้มเอ็นดู มองดอกพิกุลในมือทั้งสองของสะบันงา หน้าสะบันงาเปลี่ยนไปเป็นหน้าของแอนนี่ลูกสาวของเจ้าคุณที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับสะบันงา
“แอนนี่”
“สะบันงาเจ้าค่ะ”
“ฉันเผลอมองสะบันงาว่าเป็นลูกสาวของฉัน เขาชื่อแอนนี่ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับสะบันงา แววตาเขาเหมือนสะบันงามาก นั่นเอาดอกพิกุล มาฝากฉันหรือ”
สะบันงาไม่ได้เอามาฝาก แต่เจ้าคุณโมเมเอา
“เอ้อ...”
“ขอบใจ... เอาดอกพิกุลมานี่”
เจ้าคุณรวบมือสะบันงา รวบเอาดอกพิกุลมาใส่มือตัวเอง
“เข้ามาข้างในสิ”
เจ้าคุณหลีกทางให้สะบันงาเดินเข้าไปในบ้าน มองตามหลังเธอไปด้วยความหลงใหล
“ขนาดด้านหลังยังน่ารักยังงดงาม ช่างงามไปหมดทุกสิ่งอย่าง”
น้อยโมโหโทโส ก่นด่าอยู่หน้าเรือน
“หนอยแน่ะ กูรอกูรับใช้จะเป็นจะตายอยู่ทั้งคนดันไม่สนใจ ไพล่ไปสนใจนังหน้าโง่สะบันงา”
ทองหยอดมองอย่างรำคาญ
“เป็นบ้าหรือนังน้อย มาก่นด่าอะไรใครอยู่ที่นี่ ถามจริงทำไมท่านเจ้าคุณไม่รับแกไว้บนเรือนเหมือนนังสองคนพี่น้องนั่น”
“นี่..อย่ามาโมเมพูดจากล่าวหาว่าท่านไม่รับฉันนะ เจ้าคุณไว้ใจฉันกว่าพวกมัน ท่านมอบให้ฉันมีหน้าที่คอยสอดส่องพวกคนในบ้าน ว่าใครทำอะไรไม่ดีไม่งามแล้วไปรายงานท่านย่ะ”
“อ้าว.. ก็นั่นมันหน้าที่คุณเมี้ยนเขาคอยสอดส่องแล้วเอาไปรายงานคุณหญิง หน้าที่แกที่ไหนกัน”
“ไม่รู้ล่ะ เจ้าคุณสั่งฉันให้ทำ ท่านไว้ใจฉันมากกว่าใครๆ ระวังตัวให้ดี ใครที่ทำอะไรไม่ถูกใจฉัน ฉันจะรายงานท่าน”
“อ้อนี่ที่แท้แกก็มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมข่าว หนักไปทางข่าวลือข่าวนินทา ใส่ร้ายป้ายสีน่ะไม่ว่า”
“ไม่ต้องมาพูดมาก ฉันยิ่งอารมณ์เสียอยู่”
“อารมณ์อิจฉาริษยาน่ะสิ”
ทองหยอดมองน้อยอย่างรำคาญ แล้วเดินผ่านไปเลย น้อยกระฟัดกระเฟียดต่อ
“ป่านนี้ไอ้แก่มิอุ้มมันขึ้นห้องไปแล้วหรือนั่น คิดแล้วอยากจะกระอักเลือดตาย”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เจ้าคุณส่งช๊อคโกแลตให้สะบันงา
“ช๊อคโกแลต กินสิ”
สะบันงายังไม่กล้ารับ
“กินไม่เป็นหรือ”
“เป็นเจ้าค่ะ”
“จริงสิ.. มีคนเอามาให้เธอกินเสมอไม่ใช่หรือ กินของฉันมันคงไม่อร่อยเท่าของเขา”
“มิได้เจ้าค่ะ”
“มาฟังเพลงกัน ฉันชอบฟังเพลง”
เจ้าคุณเดินไปเปิดเพลง สะบันงามองตกใจสะดุ้งเสียงเพลงดังก้องกระหึ่ม
“อุ๊ย...”
เจ้าคุณหัวเราะเอ็นดู
“ตกใจหรือ นี่เขาเรียกว่า แกรมโมโฟน มาดูสิ อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมเสียงมันดังออกมาได้”
เจ้าคุณไปจูงมือสะบันงามาแล้วชี้ให้ดู สะบันงาไม่กล้าขัดขืน ตลอดเวลาเจ้าคุณดูเป็นคนแก่ใจดี
“ดูสิว่ามันเหมือนอะไร”
“เออ... กระโถนปากแตรเจ้าค่ะ”
สะบันงาชักกล้าขึ้นเพราะเจ้าคุณดูใจดีมากกว่าดุ เจ้าคุณหัวเราะ
“เข้าใจพูด ฝรั่งที่เมืองฉันมาได้ยินเข้าคงอึ้ง แกรมโมโฟนฉันดีมีหน้าตาเหมือนกระโถนปากแตรของเมืองไทยไปเสียแล้ว”
สะบันงาเขินอาย
“จะให้ดิฉันจัดหนังสือที่ไหนเจ้าคะ”
เจ้าคุณส่งหนังสือมาให้
“นี่หนังสือภาษาอังกฤษ มีรูปภาพสวยทีเดียว สวยไหม”
“สวยเจ้าค่ะ”
“พออ่านออกแล้วล่ะสินะ”
“พออ่านออกเจ้าค่ะ”
“ยังไม่พอ...แค่ครูแหม่มที่คุณหญิงส่งมาสอนน้อยไป ฉันจะหาครูมาสอนเพิ่มเติมให้อีก เอาฝรั่งเศสด้วยก็ไม่เลว”
“เออ...”
“ทำไมหรือ หรือว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว” เจ้าคุณดักคอ
“เออ...”
“เอาหนังสือสองเล่มนี่ไปหัดอ่าน ไม่เข้าใจตรงไหนไปถามครูแหม่มดอรีนเขา”
สะบันงา งงอีกรอบ
“เจ้าค่ะ”
“วันนี้กลับไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ แล้วเออ.. คือ.. หนังสือเล่าเจ้าคะ”
“วันนี้ยังไม่ต้อง พรุ่งนี้เย็นมาดินเนอร์กับฉันที่นี่ แล้วค่อยทำอย่างอื่น”
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเอามือมาลูบหัวสะบันงาพึมพำเบาๆ
“เด็กน้อยเอ๊ย... กลับไปหาคุณหญิงของเธอเสียเถิด”
สะบันงาทรุดตัวลงนั่งไหว้แล้วคลานถอยออกไปจากห้อง
“ลุกขึ้นไม่ต้องคลาน เข่าจะด้านหมด รู้ไหมว่าคืนนี้เธอทำให้ฉันสนุกมาก”
ไม่พูดเปล่า เจ้าคุณมาดึงมือให้ลุกเอากล่องช็อคโกแลตยัดใส่มือแล้วจูงพามาส่งที่หน้าประตู
“พรุ่งนี้เย็นแต่งตัวสวยๆ เหมือนตอนที่ไปทอดกฐิน มาดินเนอร์กับฉัน ร้อยพวงมาลัยสวยๆ มาให้ฉันพวงหนึ่งด้วยนะ”
สะบันงาสั่นนิดหน่อย ยกมือไหว้เจ้าคุณ
“เจ้าค่ะขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
สะบันงาหันกลับ แล้วกลายเป็นวิ่งร่าเริงออกไป เจ้าคุณมองตาม ยังไม่คิดทำอะไรสะบันงา
“คิดจะเข้าป่าล่าสมันน้อย ต้องค่อย ถอยค่อยล่า รุกหนักนักจะพาให้ตื่น กลัวใหญ่ ล่อหลอกไว้ให้หายตื่น คงทั้งชื่นทั้งเชื่องนัก สะบันงาแม่สมันน้อยน่าทะนุถนอมที่แสนบอบบางราวกับตุ๊กตาแก้ว”
เจ้าคุณยิ้มแล้วยิ้มอีก
เมี้ยนตกใจโวยวาย สะบันงาวิ่งยิ้มร่าเข้ามา
“อ้าวไปแป๊บเดียวไม่ถึงชั่วโมง สะบันงากลับมาทำไม หนีท่านมาแน่ๆ”
สะบันงาส่ายหน้า
“ท่านให้กลับมาเองค่ะ”
“เฮ้ย...จริงหรือ”
“จริงค่ะ แล้วนี่”
ชูช็อคโกแลตกับหนังสือให้ดู เมี้ยนมองยังงงไม่หาย ฉุดแขนสะบันงา
“ประหลาดล้ำ รีบไปหาคุณหญิงกันก่อน”
คุณหญิงศรีหายคลื่นไส้แล้ว แปลกใจและสบายใจมาก
“ท่านให้ฟังเพลง แจกช็อคโกแลต บอกให้เอาหนังสือมาอ่าน เท่านั้นเองหรือ”
“ค่ะ อ้อ.. ท่านบอกว่าจะหาครูมาสอนภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสเพิ่มให้หนูอีกค่ะ”
“ประหลาดแท้ๆ แล้วตอบท่านไปว่าอย่างไร บอกหรือเปล่าว่ากำลังจะไปจากที่นี่”
“ไม่ได้ตอบว่ากะไรค่ะ ท่านก็ไม่ได้สั่งให้ตอบค่ะ”
“หัวไวใช้ได้นะเรา อย่าเพิ่งไปบอกท่านเรื่องที่กำลังจะไปจากที่นี่รู้ไหม”
“ทราบค่ะ”
“หายกลัวท่านแล้วหรือสะบันงา”
“เกือบหายค่ะ ท่านไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หนูคิดนี่คะ”
เมี้ยนกับคุณหญิงศรีสบตากัน ไม่เข้าใจ
“ดีแล้วที่ท่านให้กลับมา แล้วท่านให้ไปอีกหรือเปล่า”
“ค่ะ ท่านสั่งว่าพรุ่งนี้ให้ไปดินเนอร์กับท่านค่ะ”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนมองหน้ากันอีกครั้ง
“ดินเนอร์”
“แล้วก้อเอ้อ.. ท่านสั่งให้ร้อยพวงมาลัยไปให้ท่านหนึ่งพวงค่ะ”
เมี้ยนตีหน้าพิกล คุณหญิงศรีนิ่ง
“ไปนอนเถิดสะบันงา”
“ค่ะ”
สะบันงาออกไป
“พวงมาลัยหรือ” คุณหญิงศรีรำพึง
น้อยแอบมองอยู่ที่หน้าเรือนคุณหญิงศรี แปลกใจผสมดีใจ
“ไอ้แก่ไล่นังสะบันงากลับ ดีสมน้ำหน้านัก คอยดูเถิดไม่ชอบนังสะบันงาแล้วคงกลับมาหาเรา”
น้อยยิ้มย่องดีใจแล้วนึกได้
“แต่ทำไมจึงไม่ชอบนังสะบันงา ในเมื่อเห็นท่าทีออกจะหึงหวงมันปานนั้น”
น้อยยังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าเจ้าคุณนัดสะบันงาให้ไปอีก
คุณหญิงศรี กับเมี้ยน มองหน้ากันวิจารณ์ต่อ
“ท่านไม่รั้งสะบันงาไว้ ปล่อยกลับมาเร็วกว่าทุกคนที่ส่งไป ไม่อยากจะเชื่อ” เมี้ยนบ่น
“แต่ฉันเชื่อ ท่านบอกฉันว่าจะขอสะบันงาไปช่วยแค่คัดหนังสือ นี่ท่านพูดจริง ฉันสบายใจขึ้นมากนะเมี้ยน ที่ท่านรักษาคำพูด”
“เจ้าค่ะ ขอให้ท่านรักษาคำพูดตลอดไปเถิดเจ้าค่ะ”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“หรือท่านจะเอ็นดูสะบันงาจริงๆ เหมือนพ่อเอ็นดูลูก”
“ป่วยการคิด ฉันง่วงนอนแล้ว เมี้ยนเกาหลัง”
เมี้ยนเขยิบเข้าไป คุณหญิงศรีล้มตัวลงนอน เมี้ยนเกาหลังให้คุณหญิงศรี
“เก้าเดือน... ฉันต้องอุ้มเด็กในท้องคนนี้เอาไว้ถึงเก้าเดือน ฉันจะแต่งตัวสวยๆ อย่างที่เคยแต่งอีกไม่ได้ไปเก้าเดือน ทำไมหนอ ธรรมชาติไม่สร้างให้ผู้ชายท้องบ้าง เฮ้อ..”
“ธรรมชาติเอาใจผู้ชายมากไป ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเจ้าค่ะ”
“แต่สมองไม่โตกว่าผู้หญิง ไม่ลึกซึ้งซ่อนเงื่อนมากเท่าผู้หญิง แถมหูเบา หลงคำป้อยอ นี่แหละเหตุหนึ่งของความเสื่อมของผู้ชาย”
เมี้ยนพยักหน้าคล้อยตาม
วันต่อมา สะบันงานั่งร้อยพวงมาลัยเสร็จพอดี น้อยแอบมอง
“มันร้อยพวงมาให้ใครกัน อุ๊ยตาย...”
ศุกลเดินเข้ามาหาสะบันงา มานั่งข้างๆ
“สะบันงาร้อยพวงมาลัยไว้ให้ฉันหรือ ขอบใจมาก”
สะบันงาพูดไม่ออก ศุกลหยิบมาลัยไปจากมือ แล้วเอาไปสูดดมอย่างมีความสุข สะบันงาตกใจ
“หอมชื่นอกและชื่นใจ”
น้อยแอบมองยิ้มโหดๆ
“มันแอบมานั่งร้อยพวงมาลัยรักให้ไอ้คุณศุกลคนนี้นี่เอง”
“เข้าไปหาคุณหญิงกันเถิดค่ะ ท่านไม่ค่อยสบาย ท่านแพ้ท้อง”
ศุกลจึงลุก ยังถือพวงมาลัยไว้แนบอกราวกับกลัวจะหลุดลอย
เจ้าคุณฟังน้อยมาฟ้อง สีหน้าสงบแต่แววตาดุดัน
“สะบันงาหลบไปนั่งรอคุณศุกล ร้อยพวงมาลัยรักให้กัน ทางฝ่ายนั้นก็ทั้งสูดทั้งดม หน้าระรื่นชื่นบาน ราวกับได้ดอมดมแก้มสะบันงาเจ้าค่ะ”
“พอที”
“ตอนนี้เกี่ยวก้อยกันไปหาคุณหญิงแล้วเจ้าค่ะ”
“บอกให้หยุด”
น้อยหยุด ท่านจ้าคุณส่งเงินให้ถุงหนึ่งแล้วโบกมือไล่
“ไปเถิด”
น้อยหันมายิ้มย่องสบอารมณ์ที่ได้ใส่ไฟสะบันงา น้อยพ้นไป เจ้าคุณฉวยหนังสือฟาดโครมไปบนโต๊ะโดยแรง
“อุตส่าห์ ไม่จู่โจมทำให้ตกอกตกใจ อุตส่าห์ คิดถนอมกล่อมเกลี้ยง แค่ขอให้ร้อยมาลัยให้พวงเดียว ยังไม่นำพา ปัดโธ่ เห็นฉันต่ำต้อยด้อยราคากว่าลูกเจ๊ก ก็แค่ลูกเจ้าสัวมีเงินมีทอง ผู้หญิงอะไรเห็นแก่เงิน”
เจ้าคุณขัดข้องใจนัก
คุณหญิงศรียังหม่นหมองไม่ค่อยแข็งแรง เมี้ยนมองอย่างเป็นห่วง
“คุณหนูในท้องคงหน้าตาน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ผิวขาวผมสีทองนะเจ้าคะ”
“อย่าพูดฉันกลัว กลัวเขาไม่ทันได้เกิดมาเหมือนลูกสังเวียน”
สะบันงาเดินนำศุกล แล้วทรุดลงคลานเข่า
“คุณศุกลมาเยี่ยมค่ะ”
คุณหญิงศรีเปลี่ยนจากอาการซึมเซาเป็นดีใจมาก ศุกลมาไหว้คุณหญิงศรีถึงตัว
“ผมดีใจมากที่พี่หญิงท้อง”
“แต่พี่ทุกข์ใจมากที่ต้องท้อง พี่กลัว...กลัวคลอดลูกแล้วตาย กลัวสารพัด”
“พี่หญิงอย่าคิดมาก”
สะบันงาถอยหลังจะออกไป
“จะไปไหนสะบันงา”
“เออ.. ไป เออ...” สะบันงาลอบมองศุกลเกรงใจ “ไปร้อยพวงมาลัยค่ะ”
“อ้าว ยังไม่ได้ร้อยหรอกหรือ”
“ร้อยเสร็จพอดีผมก็มาถึง สะบันงาช่างรู้ใจ เดาล่วงหน้าได้ว่าผมจะมา”
สะบันงาก้มหน้างุด กลุ้มใจ คุณหญิงศรีมองพวงมาลัยในมือศุกลก็รู้ทันทีว่าศุกลเข้าใจผิด
“ศุกลเข้าใจผิด สะบันงาร้อยพวงมาลัยให้พี่ ไม่ใช่ให้เธอ”
ศุกลหน้าเสีย
“ผมดมไปแล้วหลายครั้ง ขอโทษด้วยนะสะบันงา”
“ดมไปแล้วก็เอามาเถิด วันหลังพี่จะให้สะบันงาร้อยให้ใหม่ ขอนะ”
คุณหญิงศรียื่นมือไปขอ ศุกลส่งคืนให้อย่างผิดหวังเล็กๆ
“คืนนี้ผมจะขออยู่กินข้าวกับพี่ศรีนะครับ”
ศุกลมองสะบันงา คุณหญิงศรีกับเมี้ยน สะดุ้ง มองหน้ากัน
“มีอะไรหรือครับ”
“ไม่มีหรอก เมี้ยนอย่าลืมจัดอาหารเผื่อคุณศุกลด้วย”
ศุกลมองสะบันงาไม่วางตา รู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ สะบันงาก้มหน้าสถานเดียว
อาหารวางอยู่ รอให้คนมาหยิบไปส่งที่เรือนทั้งสอง ทองหยอดชวนคุยไปด้วย
“ได้ข่าวว่าคุณหญิงแพ้ท้องหนักมาก อาเจียนเวียนหัวแทบทั้งวัน อีตอนนังสองคนพี่น้องมันท้อง ไม่เห็นมันจะเป็นอะไรมากมาย”
“คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ไม่แข็งแรงเหมือนพวกคนบุญน้อยอย่างเราๆหรอก” กุ๊กเพ้งออกความเห็น
“ได้ยินว่าคุณหญิงชอบเห็ด เย็นนี้ไอก็ทำซุปเห็ดแบบฝรั่งให้คุณหญิงรับประทาน” โรเบิร์ตบอก
น้อยยิ้มอย่างพอใจ รีบสนับสนุน
“ดี ฉันจะทยอยยกไปทีละเรือน เอาของเจ้าคุณไปก่อน”
“ดีย่ะ”
น้อยยิ้มเดินยกของเจ้าคุณออกไป พึมพำ
“เห็ดๆ”
น้อยวางอาหารจัดไว้บนโต๊ะ เจ้าคุณเดินมาหาน้อย
“สองที่นะน้อย”
“เจ้าคุณจะให้น้อยรับประทานอาหารด้วยคืนนี้หรือเจ้าคะ”
“ฉันจะดินเนอร์กับสะบันงา”
น้อยผิดหวังคอตก
“แต่ฉันจะนอนกับน้อย”
น้อยตื่นเต้นดีใจ แทบโลดเต้น
“จริงหรือเจ้าค่ะ”
น้อยร่าเริงสีหน้าสดใสมาก
“ใช่...ฉันจัดข้าวของกับสะบันงาเสร็จ น้อยก็มานอนกับฉัน”
แต่แล้วน้อยก็คิดแผนร้ายต่อไป
“คุณศุกลก็จะดินเนอร์ที่เรือนคุณหญิงเจ้าค่ะ หรือจะนัดดินเนอร์ กับสะบันงาเหมือนกัน”
“กลับไปได้แล้ว จัดดินเนอร์เพิ่มให้สะบันงา”
“เจ้าค่ะ”
“ไปบอกสะบันงาว่าฉันให้มาดินเนอร์ไวๆ พร้อมด้วยพวงมาลัยที่สั่งให้ร้อยไว้ให้”
น้อยกลับออกไป เจ้าคุณหงุดหงิดมาก
“จะกล้าลองดีกับฉันหรือสะบันงา จะกล้าหักหน้าฉันเป็นครั้งที่สองไหมนายศุกล”
ศุกลนั่งชะเง้อมองสะบันงาที่หายไปในห้องกับเมี้ยน
“พี่หญิงครับ สะบันงาหายไปทำอะไรในห้องกับเมี้ยนเป็นนานสองนาน”
“เขาไปแต่งตัว”
“แต่งตัว... พี่หญิงจะให้ผมพาสะบันงาไปเที่ยวนอกบ้าน ไปกินข้าวนอกบ้านหรือครับ”
ศุกลดีใจ คุณหญิงศรีอึกอัก สะบันงาเดินออกมาแต่งตัวสวย หน้าตาไม่มีความสุข มีเมี้ยนตามมาด้วย ศุกลมองแล้วถึงกับลุกขึ้นยืนรับ
“สวยจริงๆ สะบันงา สวยเหลือเกิน ไปกันเถิด”
ไม่มีใครทันเห็นว่าน้อยเข้ามาแล้วพร้อมด้วยอาหาร
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ อ้าวสะบันงานั่นแต่ตัวสวยเตรียมไปดินเนอร์กับเจ้าคุณใช่ไหม”
ศุกลอึ้งๆ
“ไปดินเนอร์กับเจ้าคุณ”
“ท่านสั่งว่าให้รีบไปดินเนอร์กับท่านไวๆ” น้อยย้ำ
“ไปดินเนอร์กับท่าน”
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านบอกว่าอย่าลืมเอาพวงมาลัยที่ท่านสั่งให้ร้อยไว้ให้ ติดไปด้วย”
“พวงมาลัยนั่น...”
น้อยพูดจบหันกลับออกไป อิ่มเอมที่จะได้นอนกับเจ้าคุณและได้ทำร้ายจิตใจสะบันงา ศุกลหันมามองคุณหญิงศรี
“นี่มันอะไรกันครับพี่หญิง ไหนบอกว่า... ไหนสัญญาว่า...”
“สะบันงาแค่ไปกินข้าวเย็น จัดหนังสือแล้วกลับมา”
“เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”
“เมื่อเย็นวานเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
ศุกลหน้าเสีย
“มิน่า...ผมจะกลับบ้าน”
“อย่าเพิ่งกลับ เมี้ยนพาฉันขึ้นข้างบน”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีเปิดโอกาสให้น้องอยู่กับสะบันงา กระซิบศุกล
“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด เขาสัญญากับพี่แล้ว อย่าทำให้สะบันงาเสียใจ ตกใจกลัวไปมากกว่านี้”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนพากันขึ้นชั้นสองไป สะบันงายืนก้มหน้านิ่ง พูดไม่ออก ศุกลเดินมาหยิบพวงมาลัยเอาไปส่งให้สะบันงา
“เอาคืนไปเถิดมันไม่ใช่ของฉัน เธอไม่ได้ทำให้ฉันแต่ทำให้เขา ทำไมไม่บอกแต่แรก มาปล่อยให้ฉันหลงดีใจเหมือนคนโง่เง่า”
สะบันงาน้ำตาไหลพราก
“ฉันขอโทษค่ะ”
ศุกลได้แต่มองหงุดหงิด ทั้งรักทั้งกลัวว่าจะเสียสะบันงาไป
ในครัว...ทุกคนตาโต เห็นน้อยแต่งตัวสวยเพราะอยากสู้กับสะบันงา น้อยเดินมายืนเด่นกลางครัว ทำท่าเดินเหมือนนางสาวไทย
“นังน้อย น้อย....”
“แต่งตัวเหมือนจะไปเป็นนางคณิกา อยู่บ้านโคมเขียว” ทองหยอดมองเหยียดๆ ว่าน้อยเป็นโสเภณี
“ต๊ายปากหมาตาต่ำจริงยัยทองหยอด ประเดี๋ยวเถิดคุณนายจะเฉดหัวออกจากบ้าน” น้อยตวาดแว๊ด
“หรือจะไปเป็นนางรำวงที่ไหน” โรเบิร์ตถาม
“เติมแป้งเติมปากเติมรูจอีกนิดหน่อย ไปเล่นงิ้วที่เยาวราชสบายเลย” กุ๊กเพ้งแซว
น้อยเชิดหน้าบอก
“ฉันจะไปปรนนิบัติเจ้าคุณ”
“ไหนว่าท่านจะดินเนอร์กับสะบันงา” โรเบิร์ตสงสัย
“โอ๊ย... ท่านก็แค่ดินเนอร์กับมันไปอย่างนั้น ท่านกินแค่ความสวยของมันก่อน อาหารจานหลักคือฉัน บอกแล้วไงว่าท่านโปรดฉันมากเชื่อหรือยังยัยทองหยอด กุ๊กเพ้ง เชฟโรเบิร์ต”
ทองหยอดถอนใจเฮือก
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อนุโมทนาสาธุกับแกด้วย”
น้อยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ศุกลยังคงงุ่นง่านกับเรื่องที่เกิดขึ้น สะบันงาหงอยซึมพูดไม่ออก
“เมื่อคืนเขาไล่กลับ แต่ถ้าคืนนี้เขาสั่งให้อยู่ สะบันงาจะทำอย่างไร”
“ขอโทษค่ะ ฉันคงไม่อาจทราบค่ะ”
“นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่ทาสก็เหมือนทาส ตัดสินชีวิตตัวเองไม่ได้ นี่มันฝรั่งมังค่า ดันมาทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด เป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อนเฒ่าหัวงูชัดๆ”
“ฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่สบายใจ”
สะบันงาน้ำตาไหลพราก ศุกลเดินเข้าไปหา จับมือสะบันงาไว้ มองหน้าเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนยวบ
“ฉันก็ขอโทษที่ระงับอารมณ์ไม่เป็นเอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ อย่าร้องไห้นะสะบันงา นี่ผ้าเช็ดหน้า เช็ดน้ำตาเสียเถิด”
สะบันงา รับมา
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เช็ดน้ำตาให้แห้ง ฉันจะเดินไปส่งเธอเอง”
เจ้าคุณเดินเข้ามา
“ไม่ต้องไปส่งสะบันงา ฉันมารับสะบันงาแล้ว”
ศุกลนิ่งอึ้งพูดไม่ออกคับแค้นใจ เจ้าคุณเดินตรงมาหาสะบันงา หยิบผ้าเช็ดหน้าของศุกลวางไว้ หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมา แล้วซับน้ำตาให้สะบันงาเบาๆ ศุกลยืนหัวใจสลาย น้ำตาคลอ เจ้าคุณซับเสร็จจูงมือสะบันงาเดินออกไป ก่อนออกหันมาบอกศุกล
“ขอตัวก่อน จะพาสะบันงาไปดินเนอร์ ฝากบอกคุณหญิงด้วยว่าไม่ต้องกังวล ไม่เกินสามทุ่มจะปล่อยตัวกลับมาเรือนนี้”
เจ้าคุณคล้ายจะบอกใบ้กรายๆ ว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ศุกลก็ใจไม่เหลือแล้ว ไม่ต้องการให้สะบันงาไป มองตามหลังสองคน เจ้าคุณยิ้มในชัยชนะ สะบันงาเอี้ยวหน้าหันมามองน้ำตาคลอ สองคนสบตากันใจคอหดหู่มาก
โต๊ะดินเนอร์ จัดแบบเดียวกับที่จัดตอนกินกับคุณหญิงศรี มีเพียงคุณหญิงศรีกับสะบันงาเท่านั้นที่เจ้าคุณยอมให้จัดโต๊ะแบบนี้ สะบันงากินเงียบๆ ก้มหน้าก้มตา เจ้าคุณมองการกิน มองหน้าสะบันงาชื่นชม
“คุณหญิงตาแหลมจริงๆ กิริยามารยาทของสะบันงา ถ้าใครพบเห็นต้องบอกว่าลูกสาวผู้ดีแท้ๆ”
สะบันงาค้านอ่อยๆ
“แต่ความจริงดิฉันไม่ใช่ และไม่เคยเป็นเจ้าค่ะ”
“วันนี้กล้าต่อปากต่อคำกับฉันแล้ว ดีใจนะที่เธอไม่ทำตัวนิ่งเป็นหุ่นกระบอก”
“ดิฉันไม่กล้ายอมรับ หรือแอบอ้างในสิ่งที่ดิฉันไม่ใช่เจ้าค่ะ”
“ท่าทีเธออ่อนแอ แต่ที่แท้ใจคอเธอมั่นคง ความเป็นผู้ดีไม่ใช่ได้มาเพราะแอบอ้าง อย่างที่เดี๋ยวนี้มักมีคนเลวอาศัยความมั่งมีและอำนาจมาแอบอ้างตนว่าเป็นผู้ดี มาลอยหน้าลอยตาทั้งที่เป็นกุ๊ยเป็นอันธพาลถมไป”
สะบันงารวบช้อน
“เออ...รับประทานอาหารเสร็จแล้ว จะให้ดิฉันไปจัดหนังสือ หรือยังเจ้าคะ”
“หนังสือเธอได้จัดแน่ แต่เรายังสนุกกันได้เหมือนเมื่อวานนะ”
“เออ...อย่างไรหรือเจ้าคะ”
เจ้าคุณยิ้ม
ในส่วนห้องนั่งเล่น เครื่องเล่นแผ่นเสียงเปิดเพลง สะบันงาทำท่าจะนั่งลงกับพื้น
“อย่านั่งกับพื้น ถ้าจะนั่งๆ บนเก้าอี้หรือโซฟา”
สะบันงาเลยยืนนิ่งไม่ขยับ เจ้าคุณเดินใกล้เข้ามา ทำท่าขอเต้นรำ สะบันงาตกใจ
“อุ๊ย...ทำอะไรเจ้าคะ”
เจ้าคุณหัวเราะ
“นี่คือการขอเต้นรำกับสาวสวยแบบฝรั่ง สะบันงา เต้นรำกับฉันนะ”
“แต่...”
เจ้าคุณหัวเราะชอบใจ แล้วเอามือข้างหนึ่งเข้ามาโอบเอวสะบันงาด้วย อีกมือหนึ่งจับมือสะบันงามากุมไว้แล้วยกขึ้นแบบคนเต้นรำ
“อุ๊ย เอ้อ” สะบันงาจะฝืนดันตัวออก
“ฉันอยากเต้นรำกับสะบันงา”
“ดิฉันเต้นรำไม่เป็นเจ้าค่ะ”
“ฉันจะสอนให้ เราจะเต้นกันในจังหวะที่ง่ายที่สุด”
“แต่ดิฉันกลัว” สะบันงาไม่กล้า
เจ้าคุณหัวเราะแบบสนุกสนานเหมือนเมื่อวาน
“เป็นคนของคุณหญิงศรีต้องทำได้ทุกอย่างสิ อย่าฝืนตัว ปล่อยตัวตาม นี่ไม่ใช่การมาฉวยโอกาสกอดกัน แต่เป็นการเต้นรำเพื่อความรื่นรมย์ เขาเรียกว่าจังหวะวอลซ์ ทำตามฉันนะ เอ้า...หนึ่ง สอง สาม ทำตัวให้ล่องลอยไปใจสบายๆ”
สะบันงาถูกเจ้าคุณจับเต้นรำ เก้ๆ กังๆ ไป เจ้าคุณมีความสุขมาก
คุณหญิงศรีนั่งวิตกกังวลเรื่องสะบันงากับศุกล ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากตึกเจ้าคุณ เมี้ยนหันมาบอก
“เสียงเพลงดังมาจากตึกเจ้าคุณ”
“เจ้าคุณชอบเพลง ชอบเต้นรำมาก เขาชอบชวนฉันเต้นรำเพลงนี้เสมอเวลาดินเนอร์ด้วยกัน”
“แต่สะบันงาเต้นรำไม่เป็นนะเจ้าคะ เอ...หรือว่า ไม่แน่...เรื่องเรียนท่านยังจะหาครูมาสอน แล้วเรื่องเต้นรำ...”
“ท่านอาจกำลังสอนสะบันงาก็ได้ ท่านกำลังคิดว่าท่านเล่นตุ๊กตาอยู่ แต่ตุ๊กตาของท่านคงกำลังหมองหม่นเพราะนั่นคือตุ๊กตาที่มีหัวใจ”
คุณหญิงศรี ทอดถอนใจ
คุณหญิงศรีย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ศุกลลากลับบ้านเมื่อตอนเย็น ศุกลหน้าหม่นหมอง คุณหญิงศรีฟังจากน้องรู้เรื่องหมดแล้ว
“ถ้าเขาบอกนายว่าดินเนอร์เสร็จจะปล่อยกลับมาหาพี่ ก็หมายความอย่างที่เขาพูดจริงๆ เขารักษาคำพูดเสมอ”
“ชายกับชายยอมอ่านสายตากันออก สายตาเขาที่มองสะบันงา มีแต่ความพึงใจเช่นเดียวกับที่ผมมองสะบันงา”
“พี่ไม่น่าท้องเลย ทำให้นายต้องว้าวุ่นขุ่นข้อง สะบันงาเหมือนยืนบนเส้นด้าย”
“เขาแสดงตนว่าเอ็นดูสะบันงา แต่มันคือความเอ็นดูที่แปลกประหลาดลูกหลานก็ไม่ใช่ พี่หญิงต้องช่วยผมปกป้องสะบันงาให้ได้นะครับ”
“พี่จะปกป้องสะบันงาให้ได้”
“ผมเชื่อว่านี่คือการรุกคืบของเขา อีกไม่นานเขาจะรุกศอกรุกวา...”
คุณหญิงศรีพยักหน้า ศุกลไหว้แล้วลากลับ
คุณหญิงศรีบ่นกับเมี้ยน
“ฉันสงสารน้องชายจับจิตจับใจ หน้าตาหดหู่ไม่มั่นใจในชะตาชีวิตหรือว่าเวรกรรมมันกำลังย้อนกลับมาทำร้ายฉันแล้วเมี้ยน”
“เอาอีกแล้วเจ้าค่ะ เวรกรรมอะไรไม่มีหรอกเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีเริ่มวิงเวียนขึ้นมาอีก
“โอ๊ยเมี้ยน...ฉันเกิดอาการคลื่นไส้เวียนหัวอยากอาเจียนอีกแล้วไม่ไหวแล้ว รอสะบันงากลับมาไม่ไหวหรอก บ้านมันหมุนไปหมด”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ไปนอนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวสะบันงาก็กลับมาเจ้าค่ะ”
เมี้ยนประคองคุณหญิงศรีพาขึ้นชั้นบน
เจ้าคุณโอบเอวสะบันงา จับมือสอนเต้นวอลซ์อย่างมีความสุขบนความทุกข์ของสะบันงา
“เริ่มจะคล่องแล้ว หัวไวมาก อย่างนี้พาไปออกงานได้สบาย”
สะบันงาทำหน้าทุกข์มาก
“ดิฉันไม่กล้าไปหรอกเจ้าค่ะ”
“อนาคตยังมาไม่ถึงอย่าเพิ่งปฏิเสธ”
เพลงจบเจ้าคุณหัวเราะ แล้วโค้งให้สะบันงาหลังจากเต้นจบ สะบันงากลุ้มใจอัดอั้นมาก
“ไปจัดหนังสือได้หรือยังเจ้าคะ”
“จะสามทุ่มแล้ว เธอคงง่วงนอน ป่านนี้คุณหญิงรอแล้ว กลับไปเถิด”
สะบันงาแอบถอนใจโล่งอก
น้อยมานั่งรออยู่หน้าตึกตบยุงเปาะแปะไปมา
“โอ้ย...นี่จะรับกูมาเป็นเมียทั้งที ทำไมมันจึงลำเข็ญเช่นนี้ ต้องมานั่งตบยุงรอให้เขามีความสุขสนุกสนานกับนังหน้าโง่นั่นจนหนำใจก่อน”
ประตูเปิดออก เจ้าคุณดินจูงมือสะบันงาออกมายืนส่งหน้าประตู ไม่เห็นน้อย
“สะบันงา เธอทำให้ฉันสนุกสนานมาก ขอบใจมาก”
“ขอบพระคุณเช่นกันเจ้าค่ะ ดิฉันลา”
สะบันงาจะถอยกลับ เจ้าคุณจับมือไว้
“พรุ่งนี้ฉันจะรอดินเนอร์เหมือนวันนี้อีกนะ”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาหันจะกลับ
“เดี๋ยว”
สะบันงา
“เจ้าคะ”
“พวงมาลัยนั่นตั้งใจจะร้อยให้ฉันหรือว่าให้คนอื่นกันแน่”
“ร้อยให้ท่านเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณยิ้มพึงพอใจ
“ขอบใจที่ไม่ลืมสัญญา ไปเถิด สวีทดรีม ฝันดี
สะบันงารีบเดินรุดจากไปอย่างรวดเร็ว ใจไปอยู่ที่เรือนคุณหญิงศรีแล้ว
เจ้าคุณยิ้ม มองตาม น้อยคลานมานั่งตรงหน้า
“บ่าวมารอตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามาสิ”
เจ้าคุณหันกลับ เดินอ้าวนำไป น้อยค้อนควักจากด้านหลังรีบตามเข้าไปพึมพำ
“งานโก้งานเก๋งานสนุกสบายใช้อีสะบันงา งานหนักงานเหนื่อยมาลงที่กู ก็ยังดี ถ้ากูมีลูกอีสะบันงาก็จบ”
น้อยยังมีความหวัง
คุณหญิงศรีโอ้กอากเวียนหัว แต่ก็ยังพยักหน้ากับเรื่องที่สะบันงาเล่าให้ฟัง
“นี่สะบันงาของฉันก้าวหน้าถึงขั้นเต้นรำเป็นแล้ว”
เมี้ยนอึ้งๆ
“ประหลาดล้ำเหลือเชื่อนะเจ้าคะ”
“มันจะประหลาดแค่ไหน แต่มันก็ดีแล้ว ขอบใจมากที่มาบอกให้ฟังไปนอนซะ”
สะบันงาถอยออกไป เมี้ยนกระซิบบอกคุณหญิงศรี
“ข่าวดีเจ้าค่ะ เมื่อสักครู่เมี้ยนไปเอายาต้มของคุณหญิงในครัว ทองหยอดมันบอกว่าท่านสั่งให้นังน้อยไปนอนด้วยตอนดึกหลังจากที่สะบันงากลับแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีดีใจ
“ฉันดีใจ ดีใจแทนคุณศุกล ขอให้เขารักนังน้อยมันมากๆ รักไปนานๆ”
เมี้ยนจับมือคุณหญิงศรีมาลูบมาเกาให้ แล้วคุณหญิงศรีก็เริ่มอาเจียนต่อ
วันต่อๆมา สะบันงาจัดหนังสือให้เจ้าคุณในห้องสมุด มีเจ้าคุณช่วยส่งให้ สะบันงายืนบนบันได แล้วบันไดจะล้ม เจ้าคุณจับไว้...น้อยอยู่กับเจ้าคุณ หลังจากที่สะบันงากลับไปเรือนคุณหญิงศรี
คุณหญิงศรีอาเจียนหนักมากขึ้นทุกวันจนต้องกลายเป็นนอนแบ่บบนที่นอน ลุกแทบไม่ไหว มีเมี้ยนคอยเฝ้าใกล้ชิดเอาใจปลอบโยน
ศุกลมองตามสะบันงาที่เดินออกจากบ้านของคุณหญิงศรีไปยังตึกเจ้าคุณ ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ขุ่นข้องเสมอ
หกเดือนผ่านไป...คุณหญิงศรีอาละวาดโวยวายเพราะอาเจียนและเวียนหัว
“โอ๊ย...ท้องอะไรกันแบบนี้ นี่จนจะคลอดอีกเดือนสองเดือนยังแพ้ท้องยังอาเจียน ยังเวียนหัว นังสองคนนั่นมันสาปแช่งฉันไว้ใช่ไหมเมี้ยน”
“ท้องสาวน่ะเจ้าค่ะ คุณหญิงรับประทานน้อยด้วยเจ้าค่ะ”
“โอ๊ยพูดบ้าๆ ฉันกินไปเท่าไหร่มันก็อาเจียนออกมาหมด จะทำอย่างไรได้ เมี้ยน...ฉันกำลังจะตายใช่ไหม ลูกของฉันจะรอดไหม เมี้ยนลูกของฉันนะเมี้ยน ฉันกับลูกจะตายตอนคลอด ตายทั้งกลม ใช่ไหม”
“ไม่เจ้าค่ะไม่จริง ทั้งคุณหญิงกับคุณหนูไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เด็กมีบุญมาเกิดก็ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์สิเจ้าคะ”
“สะบันงาเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ยังไม่เห็นขึ้นมาหา”
“อย่าไปห่วงสะบันงาเลยเจ้าค่ะ ยังรอดปลอดภัยดีอยู่เจ้าค่ะ นังน้อยมันช่วยสะบันงากับคุณศุกลเอาไว้ได้เจ้าค่ะ”
“ศุกลเล่า”
“นี่ก็ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ทำใจสบายกับเรื่องของสะบันงาที่ตึกท่านเจ้าคุณแล้ว ตอนนี้กำลังกระหนุงกระหนิงกับสะบันงาอยู่เจ้าค่ะ”
“ดี ฉันสบายใจได้”
คุณหญิงศรีสีหน้าดีขึ้น เมี้ยนเฝ้านวด บีบมือ แขนให้สบายตัว
“เมี้ยนจะไปเอายาหม้อบำรุงร่างกายมาให้รับประทานนะเจ้าคะ”
“ยิ่งกินยิ่งแย่ ไม่อยากจะกงจะกินมันแล้ว”
คุณหญิงศรีทำหน้าเหนื่อยหน่าย
น้อยโรยใบเห็ดที่ตำจนแหลกลงไปในหม้อ ยาหม้อบำรุงร่างกายของคุณหญิงศรี น้อยยืนยิ้มใส่เห็ดขี้ควายตำลงไปผสมกับยาหม้อ
“สมน้ำหน้าอีนังศรี แกอาการแย่ลงทุกที จะมีปัญญาคลอดลูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขอให้มันตายทั้งกลม”
ทองหยอดเดินเข้ามา
“นังน้อย แกทำอะไรน่ะ”
“เปล๊า ก็แค่มายืนมองยาหม้อนี่ อยากจะกินบ้าง เพราะฉันสงสัยว่าฉันน่าจะท้องเหมือนกันนะยัยทองหยอด ฉันนอนกับท่านมาหกเดือนแล้วนา”
ทองหยอกดชี้ไปที่กระโปรงของน้อย
“แล้วนั่นอะไร ไหนว่าท้อง หัดไปหากระดาษฟางมาใช้บ้างสิ หรือหาไม่ได้ก็ฟางข้าวของวัวควายด้านหลังโน่น ถมไป”
น้อยหันไปมองตามมือทองหยอดแล้วผิดหวัง กระโปรงมีคราบเลือดเป็นหยด
“อะไรกันวะ เลยกำหนดมาเป็นอาทิตย์จนคิดว่าท้อง ที่ไหนได้ ดันมาอีกแล้ว”
น้อยหงุดหงิด แล้วคนยาในหม้อยิ้มๆ ทองยอดมองเยาะ
“เด็กสมัยนี้มันรู้จักสรรหาที่เกิดว่ะ คนอยากให้มามันไม่มาหรอก คนไม่อยากให้มาอย่างคุณหญิงนี่แหละ แหมเด็กมันรีบมาทีเดียว อยากมีแม่เป็นคุณหญิง ไม่อยากมีแม่เป็นอีน้อยเจ้าเล่ห์”
น้อยครุ่นคิดในใจ
“เยาะเย้ยกูเข้าไป ลูกกูยังไม่มา ลูกมึงก็อย่ามาดีๆเลยนังศรี”
ในหม้อยาต้ม เห็ดละลายหายไปปะปนกับใบสมุนไพรอื่นๆ
วันต่อมา เจ้าคุณมาดูอาการนั่งกุมมือคุณหญิงศรีที่นอนระทดระทวย คุณหลวงหมออดุลย์ตรวจครรภ์ไปแล้ว รายงานเจ้าคุณ คุณหญิงศรีดูป้อแป้มาก
“ลูกผมเมียผมเป็นอย่างไรบ้างคุณหลวง”
“คุณหญิงรับประทานน้อย เด็กในครรภ์ตัวเล็กไปหน่อยขอรับ”
“ก็ฉันอาเจียนเวียนหัวไม่เลิก มันกินไม่ลงนี่นาคุณหลวง”
“กระผมมียาบำรุงมาให้คุณหญิงรับประทานขอรับ”
“แล้วจะหายอาเจียนเวียนหัวไหมคุณหลวง”
“ผมมียาแก้อาเจียนมาให้รับประทานด้วยขอรับ”
“แล้วยาหม้อสมุนไพรบำรุงที่หมอตำแยแกบอกสูตรมาเล่าเจ้าคะจะรับประทานคู่กับยาคุณหลวงได้ไหมเจ้าค่ะ” เมี้ยนถามขึ้น
“แล้วแต่ขอรับคุณหญิง ถ้ารับประทานแล้วถูกกัน ก็รับประทานต่อเถิดครับขอรับ”
เจ้าคุณคิดๆ
“หรือว่ายาสมุนไพรนั่นอาจทำให้คุณหญิงอาเจียนเวียนหัว ลองหยุดดูไหมศรี”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
“ลองก็ได้ค่ะ ทุกวันนี้อาเจียนเวียนหัวจนอยากตายวันละหลายครั้งแล้ว ขอบใจมากคุณหลวง ลูกชายเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“เดินเตาะแตะเริ่มเรียกพ่อแม่แล้วขอรับ”
“ลูกฉันจะได้มีเพื่อนเป็นลูกหมอ มาเล่นด้วยกันนะคะ”
“ขอบพระคุณมากขอรับที่ให้เกียรติ กระผมลาก่อน”
คุณหลวงหมออดุลย์ไหว้ทั้งสองคน เมี้ยนตามหมอถือกระเป๋าไปส่ง
เมี้ยนมายกหม้อยาบำรุงสมุนไพรเททิ้ง น้อยโผล่มาตกใจโวยวาย
“คุณเมี้ยนเทยาคุณหญิงทิ้งทำไม”
“ท่านเจ้าคุณสงสัยว่าคุณหญิงจะแพ้ยาหม้อนี่ เลยอาเจียนเวียนหัวไม่หยุด ท่านก็เลยสั่งหยุดกิน แกจะมาตื่นเต้นโวยวายไปทำไม อยากกินบ้างหรือ ฉันยังเทไม่หมด ที่เหลือแกเอาไปกินสิ เผื่อจะท้องกับเขาบ้าง อยากนักไม่ใช่หรือ”
“แหมแค่ตกใจเท่านั้นด่าเสียยาวไปถึงปากคลองตลาด”
“แต่คุณหญิงท่านยังอยากกินซุปเห็ดทั้งฝรั่ง ทั้งจีน บอกพวกกุ๊กด้วย”
น้อยแอบเบือนหน้ายิ้ม
“กว่าจะหยุดยาหม้อมึงก็กินกันเข้าไปหกเดือน ต่อด้วยกินซุปเห็ดอีกสามเดือนจนคลอด อยากเห็นหน้าลูกแกนักนังศรี”
เจ้าคุณลูบหัวคุณหญิงศรีปลอบโยน ประคองมากอดไว้แนบอก
“ฉันกลัว กลัวลูกฉันจะไม่แข็งแรง กลัวฉันกับลูกจะตาย”
“โน...อย่าพูดอย่างนั้น ด๊อน บี ซีเรียส ดาหลิง ศรีจ๋า ศรีคนดี ศรีกับลูกจะไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว”
“แต่ฉันกลัว สังวรกับสังเวียนแช่งฉันเอาไว้มากมาย”
“คำสาปแช่งของคนอำมหิต ไม่อาจทำร้ายคนดีอย่างศรีได้หรอก”
“คุณว่าฉันเป็นคนดีหรือคะ”
“แน่นอน ศรีเป็นคนดีศรีเข้มแข็งเสมอมานี่นา ทำไมมาหวาดกลัวเรื่องนี้”
“เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับลูก ฉันจึงอ่อนแอ ฉันห่วงลูก ถ้าจะมีใครต้องตายเพราะการคลอดลูก ขอให้เป็นฉัน แต่อย่าเป็นลูกของเรา”
คุณหญิงศรีน้ำตาไหลพราก เจ้าคุณปาดน้ำตาให้ คุณหญิงศรีกอดไว้แน่นแนบอก ซาบซึ้ง
“ทูนหัว อย่าพูดอย่างนั้น ขอบใจมาก ฉันภูมิใจมากที่ศรีรักและห่วงลูกของเรา ขนาดขอตายแทน แต่ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งใดที่ศรีหวาดกลัวเกิดขึ้น ดาหลิง”
เจ้าคุณจูบที่เปลือกตาของคุณหญิงศรี ที่ระทดระทวยเหน็ดเหนื่อย
น้อยมายืนหน้าสำรับอาหาร ที่มีซุปเห็ด แอบโรยเห็ดที่ตำแล้วต้มลงไปในซุป
“ยาหม้อไม่มี ก็มีซุปเห็ด นังศรีเอ๊ย แกนึกว่าตัวเองฉลาด มีอำนาจเหนือ ฉันที่แท้แกก็โง่มากกว่าที่คิดไว้ ไม่เคยเฉลียวใจสักนิด ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับแกและลูกของแก”
จบตอนที่ 7