คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 6
เจ้าคุณถามคุณหญิงศรีเรื่องศีล ขณะที่นังทานอาหารเย็นด้วยกัน
“ศีลงอแงไหมที่ต้องไปอยู่โรงเรียนประจำ”
“ไม่มีเลยค่ะ เด็กคนนี้เข้มแข็ง ฉลาด โตขึ้นคงจะเอาตัวรอดได้ค่ะ”
“ขอให้รู้คุณคนด้วยเถิด ถ้าหากฉันไม่มีลูกชายศรีอาจต้องพึ่งพาให้เขา ดูแลทรัพย์สินของเราได้”
“แหมอีกยาวไกลค่ะกว่าศีลจะเรียนจบ”
“หรือฉันอาจจะตายก่อนเขาเรียนจบ”
“อย่าพูดจาให้ร้ายตัวเองสิคะ เมี้ยน สังวรทำไมยังไม่ลงมากินข้าวด้วยกัน”
คุณหญิงศรีหันไปถามเมี้ยน
“ให้สะบันงาไปตามแล้วเจ้าค่ะ”
“ศรีให้สังวรกินข้าวด้วยหรือ” เจ้าคุณถามอย่างแปลกใจ
“ค่ะ เขาเป็นแม่ของลูกคุณนะคะ”
“ขอบใจที่ศรีไม่รังเกียจเขา”
คุณหญิงศรียิ้มสบตาเมี้ยนที่ยิ้มมีเลศนัย
สะบันงามายืนเคาะหน้าห้องสังวร
“พี่สังวรจ้ะ”
สังวรเปิดประตูออกมาตาเขียวใส่
“แกควรหัดเรียกฉันว่าคุณสังวรเอาไว้ให้คล่องปาก”
สังวรจิ้มหน้าสะบันงา
“ค่ะคุณสังวร”
“แกมาเรียกฉันทำไม”
“คุณหญิงรอรับประทานอาหารค่ะ ท่านให้ขึ้นมาบอก”
“ก็ให้รอไปสิ”
เมี้ยนเดินมาอีกคน
“ดี...สะบันงาลงไปเรียนท่านเจ้าคุณว่าแม่สังวรเขาบอกให้รอไปก่อน”
“ท่านเจ้าคุณมากินด้วยหรือ แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก บ้า โง่ เออ แกเข้าไปหยิบแหวนเพชรที่หน้ากระจกมาให้ฉันที ฉันจะใส่ลงไปกินข้าวกับท่าน”
สะบันงาทำท่าจะเข้าไป เมี้ยนรีบห้าม
“สะบันงา อย่าเข้าไปนะเกิดข้าวของหายไปจะมากล่าวโทษเอาได้ สังวรของๆ หล่อนๆ ก็เข้าไปเอาเอง สะบันงาลงไปได้แล้ว”
เมี้ยนมาดึงแขนสะบันงา
“จำไว้อย่าไปเข้าห้องใครทั้งนั้น นอกจากห้องคุณหญิงกับห้องตัวเอง”
สะบันงาฟังแล้วงง
คุณหญิงศรี เจ้าคุณ และสังวรนั่งท่านอาหารด้วยกัน เจ้าคุณหันไปถาม
“ท้องเป็นอย่างไรบ้างสังวร”
“ดีอยู่เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีบอกเรียบๆ
“พรุ่งนี้ฉันจะให้นายยอด ไปรับคุณหลวงหมออดุลย์มาตรวจท้องให้สังวรนะคะ”
“ขอบใจมากจ้ะศรี” เจ้าคุณยิ้มอย่างสบายใจ
“คุณคะสังวรอยากจะได้เรือนเป็นของตัวเองสักหลังนะคะ” สังวรอ้อน
“อะไรกัน บ้านช่องมีที่ทางมากมาย ถ้าอยากจะได้รอให้ลูกคลอดออกมาก่อนสิ ค่อยขยับขยาย”
“แต่ฉันคิดว่าน่าจะให้สังวรได้ตามที่ต้องการนะค่ะ ถ้าจิตใจสังวรสบาย ลูกในท้องก็จะแข็งแรงนะค่ะ” คุณหญิงศรีเข้าข้างสังวร
“แต่....”
คุณหญิงศรียิ้มเย็น
“สร้างให้สังวรอยู่กับลูกและน้องสาวจะได้ช่วยกันดูแลเด็ก ดูแลกันเองนะค่ะ”
“ถ้าศรีเห็นดีอย่างนั้นก็ได้นะ ไม่ต้องให้ใหญ่โต เรือนชั้นเดียวมีห้องสองห้องก็พอ สังวรกราบขอบพระคุณคุณหญิงสิ”
สังวรชักสีหน้า คุณหญิงศรียิ้มๆ
“ไม่ต้องหรอกสังวร เราครอบครัวเดียวกัน ลูกสังวรก็เหมือนลูกฉัน อีกหน่อยฉันคงต้องพึ่งพาลูกสังวรด้วยซ้ำ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เราจะพึ่งกันและกัน”
คุณหญิงศรีพูดไปยิ้มไปมองสังวรยิ้มไม่เลิก สังวรผยองในใจขึ้นมา บอกกับตัวเองในใจว่า...
‘นังศรีนี่แกยอมสยบฉันแล้วจริงๆ’
เจ้าคุณมองคุณหญิงศรีมีความสุขมาก ที่เมียทั้งสองปรองดองกันดี
ทุกคนในครัว ตื่นเต้นกับสังวรเมื่อรู้เจ้าคุณจะปลูกเรือนให้
“ดีใจด้วยนะสังวรเรื่องบ้านของแก” แกละบอกอย่างจริงใจ
“ฉันจะเอานังสังเวียนไปอยู่ด้วย หาบ่าวใหม่สักคน ว่าอย่างไรนังแกละ สนใจไปเป็นบ่าวเรือนฉันไหม”
“ไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะแต่งงานกับแกละ เราจะไปสร้างอนาคตด้วยกัน” ซ้งขัด
แกละพยักหน้ารับ
“ฉันไปเป็นนายในกระท่อมน้อยของฉัน มันสุขใจกว่าไปเป็นบ่าวในเรือนใหญ่ของแก”
สังวรมองหน้าทองหยอด ที่กำลังจัดสังฆทาน ทองหยอดส่ายหน้า
“ฉันไม่ชอบเป็นข้าสองจ้าวบ่าวสองนาย ฉันไม่ใช่กบเลือกนาย”
“ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองติดปากมานี่นา ลูกตัวเองก็ดูแลเองสิ” โรเบิร์ตหมั่นไส้มาก
สังเวียนแย้ง
“แต่ลูกพี่สังวรคาบช้อนเงินช้อนทองติดปากมาย่ะ เชฟโรเบิร์ต”
“ลำบากนักแกนั่นแหละ ไหนๆ ก็เป็นบ่าวอยู่แล้ว ไปทำตัวเป็นบ่าวให้พี่สาวแกสิ” น้อยเยาะ
สังวรหันขวับมามอง
“แหมแกนั่นแหละ ไปสมัครเป็นบ่าวฉันก็ไม่เลวนะ”
“ถ้าฉันไปเป็นบ่าวแก แกต้องจ่ายค่าจ้างแล้วแถมผัว”
ทุกคน เฮ สังวรค้อนแล้วกรีดนิ้วที่ใส่แหวนเพชรไปมา ร่อนอวด สังเวียนกระซิบ
“เสียดายที่ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องมัน ไม่อย่างนั้นจะฉวยติดมือมาสักชิ้น”
“เฮ้อ...แข่งอะไรแข่งได้ แข่งบุญวาสนานี่มันลำบาก เฮ้อ...ไปก่อนนะทุกคน รอดูบ้านใหม่ของฉัน พรุ่งนี้นายช่างจะมาวางแบบแล้ว”
สังวรเดินเชิดออกไป
เมี้ยนนั่งเกาหลังคุณหญิงศรีอยู่ในห้องนอน พลางบ่นไปด้วย
“อกจะระเบิดตาย กับท่าทางเหิมเกริมหยิ่งผยองของนังสังวร”
“อีกนิดเดียวเท่านั้นเมี้ยน”
“เจ้าค่ะอีกนิดเดียว พรุ่งนี้รอให้ท่านเจ้าคุณไปทำงานก่อนนะเจ้าคะ”
“เมี้ยนจัดการไปเถิด”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนยิ้มคุณหญิงศรีถอนใจบ่นเบาๆ
“ทำไมคนบางคนต้องบีบคั้นให้เราเป็นศัตรู ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ยากทำกับเขา”
“ถ้าเราไม่ทำมันก็ทำกับเราเจ้าค่ะ มันทำไปแล้วเจ้าค่ะ เมี้ยนได้ยินสองรูหู ชัดเจน มันถ่มน้ำลายใส่ที่นอนหมอนมุ้ง เอาตีนเขี่ยๆ เก็บที่นอนให้”
คุณหญิงศรีถอนใจ
“ขอให้มันจบลงในวันพรุ่งนี้ อย่าได้มีเรื่องราวบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ ฉันเหนื่อยทะเลาะนะเมี้ยน แค่เรื่องส่วนตัวของตัวเองที่ต้อง คอยหาเหตุไม่นอนกับผัวก็ย่ำแย่มากพอแล้ว”
เมี้ยนก้มลงกอดบ่าคุณหญิงศรีไว้
“ทูนหัวของเมี้ยน เหตุมันเกิดเพราะความอิจฉา มันบดบังหัวใจคนต่ำช้า เจ้าค่ะ มันอิจฉาที่คุณหญิงของเมี้ยนสมบูรณ์พูนสุขไปเสียหมดทุกประการ สวย รวย ฉลาด มีความรู้ มันอยากเป็นบ้าง แต่มันเป็นไม่ได้ มันก็เลยใช้วิธีสกปรก”
“เราก็เลยต้องสกปรกตอบมัน เราก็ไม่ต่างจากมันหรอกนะ”
คุณหญิงศรียิ้มเศร้าๆ
“ต่างเจ้าค่ะ มันทำเพราะเต็มใจ แต่เราทำเพราะจำใจเจ้าค่ะ มันรุกราน เราตอบโต้ มันเริ่มต้น เราแค่ตอกกลับ”
คุณหญิงศรีถอนใจอีกครั้ง
เช้าวันใหม่ คุณหญิงศรีมายืนส่งเจ้าคุณไปทำงานยิ้มแย้มแจ่มใส
“วันนี้นายยอดไปส่งเจ้าคุณ แล้วไปตามช่างรับเหมามาดูสถานที่ปลูกบ้านให้สังวรนะ” คุณหญิงศรีหันไปสั่งยอด
เจ้าคุณยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบใจมาก ศรีช่างใจกว้างนัก หวังว่าสังวรคงรู้บุญคุณของศรีนะ”
“ช่างเถิด ฉันคงไม่หวังให้ใครมารู้บุญคุณหรอกค่ะ นั่นสังวรมาพอดี คงอยากมาทำหน้าที่ส่งคุณไปทำงานบ้าง”
“ไม่จำเป็น ฉันรู้สึกว่าสังวรจะอยากมากไปสักนิด ศรีตามใจมากสักวันจะเหลิง”
“กำลังท้องก็ตามใจเอาใจเขาสักนิด อ้อ..เย็นนี้หลังจากคุณกลับมาแล้ว ให้นายยอดไปรับคุณหลวงหมออดุลย์มาตรวจท้องสังวรนะคะ”
“ศรีทำไปตามที่เห็นควรเถิด ศรีทำให้ฉันสบายใจมาก ไม่ต้องคอยมา คิดโน่น จัดนี่ในบ้านให้ปวดหัว”
“หน้าที่ของฉันนี่คะ... สังวรมาสิ จะมาส่งท่านไม่ใช่หรือ”
สังวรเดินมาหาเจ้าคุณมายืนข้างคุณหญิงศรีพอดิบพอดี ยิ้มแป้น
“ท่านจะรับประทานอะไรตอนเย็นสังวรจะทำไว้รอเจ้าค่ะ”
“คุณหญิงอยากกินอะไรฉันก็กินอย่างนั้น ถามคุณหญิงเถิด” เจ้าคุณโอบคุณหญิงศรีแล้วหอมแก้ม “ไปทำงานก่อนนะจ้ะดาหลิง ซียู”
“แฮฟอะไนซ์เดย์ ค่ะ”
สังวรแทบจะบ้า ที่เจ้าคุณไม่สนใจเลย
ยอดพาผู้รับเหมามาที่ห้องรับแขกเรือนคุณหญิงศรี สังวรมารับหน้ามีสังเวียนมาด้วยอีกคน
“ฉันพาผู้รับเหมามาพบคุณหญิง” ยอดบอก
“พบฉันสิ ฉันนี่แหละเจ้าของเรือนที่จะปลูก จะเอาสักสี่ห้องนอนห้องกินข้าว ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นของลูกฉัน”
ยอดหมั่นไส้ไม่น้อย
“ท่านเจ้าคุณสั่งให้เข้ามาพบคุณหญิงเท่านั้น”
“รำคาญแท้ๆ อะไรๆ ก็คุณหญิงๆ”
สะบันงาเดินหอบตำราจะไปเรียนกับครูแหม่มผ่านมาพอดี
“สะบันงาแกจะไปไหน”
“ไปเรียนหนังสือกับครูแหม่มค่ะ”
“ยังไม่ต้องไป ไปตามคุณหญิงมาทีสิ บอกว่าฉันให้ลงมาจะคุยเรื่องสร้างเรือนของฉัน”
สะบันงาเดินออกไป
“เดี๋ยว... ทำไมแกไม่รับคำฉัน อะไรไม่มีมารยาท”
“ฉันกำลังจะไปเรียนท่านให้ค่ะ”
สะบันงาเดินไป ยอดแอบเบือนหน้าระอา
ในห้อง...เมี้ยนพยักหน้าให้คุณหญิงศรี
“ใกล้เวลาแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีกังวล
“ฉันเคยแต่ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ยังไม่เคยทำร้ายกลับใครมาก่อน มันไม่สบายใจนะเมี้ยน”
“ง้างนกแล้วต้องยิงเจ้าค่ะ คุณหญิงอยู่เฉยๆ เมี้ยนจัดการเองเจ้าค่ะ”
เมี้ยนเปิดประตู พบสะบันงายืนหน้าตาอึดอัดอยู่
“พี่..เออ.. คุณสังวรให้มาเรียนคุณหญิงว่าผู้รับเหมามาแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีไม่พอใจ
“อ้อ.. นี่สั่งสอนบังคับให้เรียกคุณสังวรกันแล้วหรือนี่”
เมี้ยนหมั่นไส้มาก
“ช่วยไปเรียนคุณสังวรด้วยว่าคุณหญิงท่านกำลังหาสร้อยเพชรที่วางไว้ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ช่วยไปเรียนคุณสังวรด้วยว่ากรุณาขึ้นมาบนห้อง ช่วยคุณหญิงหาสร้อยก่อน”
สะบันงาตกใจ
“ตายจริง... สร้อยเพชรหรือคะ”
“ไปตามเข้ามา”
“ค่ะ”
สะบันงารีบร้อนลงไป เมี้ยนมองตามยิ้ม
“เวลาสำคัญมาถึงแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนในบ้านจะได้รับรู้เรื่องราวบัดสี”
คุณหญิงศรีพยักหน้านิ่งๆ
ยอดกับผู้รับเหมาตกใจมาก เมื่อสะบันงาบอก
“สร้อยเพชรของคุณหญิงหาย”
สังเวียนมาพอดีจะมาดูเรื่องสร้างบ้าน ก็ตกใจไม่น้อย
“อะไรนะ...สร้อยเพชรหาย”
ผู้รับเหมารีบบอก
“วันนี้คงไม่เหมาะ ผมกลับไปก่อนนะครับ”
ยอดเห็นด้วย
“แล้วจะไปรับมาใหม่นะนายช่าง”
สังวรกับสังเวียนมองหน้ากันกระซิบ
“นังสังเวียน แกแอบหยิบของมันไปหรือเปล่า”
“พี่นั่นแหละไปลองใส่ของมัน ฉันไม่ได้อยากได้สร้อยนั่นฉันอยากได้ตุ้มหู” สังเวียนแย้ง
สะบันงาขัด
“คุณหญิงท่านให้ขึ้นไปช่วยกันหาค่ะ”
สังวร สังเวียนยืนนิ่ง ใจคอไม่ดี ยอดรีบพาผู้รับเหมาออกไป เมี้ยนลงมาจากชั้นบนปั้นหน้าตาโกรธขึ้ง
“คุณหญิงสั่งให้หล่อนสองคน ขึ้นไปช่วยกันหาสร้อยเพชรของท่าน รีบไปสิ”
“ทำไมต้องเป็นฉันสองคนช่วยหา หาว่าฉันขโมยหรือ...” สังวรไม่พอใจ
“เพราะว่ามีเพียงพวกหล่อนไปทำห้องท่าน ใช่ว่าจะมากล่าวโทษว่าพวกหล่อนเอาไป แค่ขึ้นไปช่วยท่านหาเผื่อว่าหล่อนจะเคยเห็นบ้างก็เท่านั้น” เมี้ยนทำเสียงรำคาญ
สองคนมองหน้ากันพยักหน้าแล้วพากันไป ไม่ติดใจใดๆ ทั้งสิ้น เมี้ยนมองตามสายยิ้มหยัน สะบันงาทำอะไรไม่ถูก
“เออ.. หนูจะขึ้นไปช่วยหานะคะ”
“ยังไม่ต้อง สะบันงาไปตามทุกคนในครัวมาที่นี่ มาสอบสวน”
“ค่ะ”
สะบันงาเดินออกไป เมี้ยนยิ้มดุดัน แล้วหันไปชั้นบนไปช่วยคุณหญิงศรี
“ตาต่อตาฟันต่อฟัน มึงเอามีดปอกมะม่วงมาฟันนายกูก่อน หารู้ไม่ว่ามีดของกูมันมีดอีโต้”
เมี้ยนทำท่าฟัน
“เฟี๊ยว”
คุณหญิงศรีนั่งนิ่งสงบ สังวรสังเวียนพากันเข้ามาหน้าตาไม่พอใจนัก แต่ใจไม่ดีเพราะชอบพากันมาแอบใส่เพชรเล่น
“ฉันไม่ดีเองที่ชอบวางเรื่อยเปื่อยไปทั่วห้อง ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหนวานหล่อนสองคนช่วยหาด้วยเถิด อย่างไรเสียสร้อยมันก็ต้องอยู่ในห้องนี้แน่นอน”
“ไม่ได้ใส่ไปนอกบ้าน แล้วเอาไปถอดทิ้งหรือตกหล่นที่ไหนหรือ” สังวรถาม
“ฉันไม่ใส่สร้อยเส้นนั้นไปไหน นอกจากใส่เวลาออกงานใหญ่เท่านั้น”
สองคนหน้างอเปิดตรงนั้นค้นตรงนี้แบบกระแทกๆ เมี้ยนเดินเข้ามาแววตายิ้มแต่สีหน้าเข้ม
“พบไหมเจ้าคะ”
“ยัง”
“เมี้ยนช่วยหาอีกคนค่ะ”
“ขอบใจ”
คุณหญิงศรีครุ่นคิดในใจ
‘นี่ฉันกำลังจะทำร้ายทำลายชีวิตคนสองคนอยู่หรือนี่’
คุณหญิงศรีถอนใจ นั่งเงียบต่อไป สามคนหาต่อ
“หาเข้า...หาสิ...มันต้องอยู่ในนี้ถ้าไม่มีคนมาลักขโมยไป” เมี้ยนแดกๆ
สองคนพี่น้องหยุดทันทีหันมามองหน้าเมี้ยน
“อ้าว”
“ไม่ได้ปรักปรำใคร หาทุกซอกทุกมุมเลยสิ”
เมี้ยนหันไปมองหน้าคุณหญิงศรีส่งแววตายิ้ม แต่คุณหญิงศรีเมินไปทางอื่น
บริเวณชั้นล่างเรือนคุณหญิงศรี ทุกคนพากันมาเต็มไปหมดในห้อง นั่งกันหน้าสลอนซุบซิบกันตื่นเต้นมาก แกละคุยกับสบันงา
“ของมันไม่น่าหายไปไหนเลยนะสะบันงา”
น้อยแทรกขึ้น
“นอกเสียจากว่าจะมีใครขโมย แกว่าใครกันนะที่เข้าห้องคุณหญิง”
“เมื่อวานก่อนออกไปท่านว่าของก็ยังอยู่ วันนี้ยังไม่มีใครเข้าไปห้องของท่าน” สะบันงาบอก
น้อยแปลกใจ
“เมื่อวานหลังจากท่านออกไป นังสังเวียนมาบอกว่าจะไปช่วยพี่มันทำห้องให้ท่าน มันยังไงอยู่นา”
ซ้งบุ้ยหน้าไป
“โน่น...คุณเมี้ยนลงมาแล้ว”
เมี้ยนมาที่ทุกคน
“ที่เรียกมานี่จะให้มาช่วยกันค้นหา ค้นทุกห้องไม่เว้นแม้แต่ห้องฉันกับ สะบันงา ไปค้นด้วยกันทีละสองคน”
“ใครจะค้นในห้องฉันไปสิจ้ะ” สะบันงาถาม
“น้ากับยัยทองหยอดไปเอง”
แกละกับทองหยอดไปที่ห้องสะบันงากับเมี้ยน
“จับคู่กันไปค้นให้ทั่ว สะบันงาไปอยู่กับคุณหญิง ฉันกับน้อยไปค้นห้องสังวร” เมี้ยนหันไปสั่ง
ทุกคนมองหน้ากัน เมี้ยนดึงแขนน้อยไปกับตนเอง สะบันงาไปหาคุณหญิง
สังวรกับสังเวียนค้นไม่พบหงุดหงิดมากขึ้น
“ค้นจนแทบจะแคะฝาผนังบ้านฝาพื้นบ้านมาผ่าดูแล้ว”
สังเวียนหันมาถามคุณหญิงศรี
“แน่ใจหรือเจ้าคะว่ามันอยู่ในห้องนี้แน่”
“แน่ใจสิ”
สะบันงาเคาะห้องแล้วเข้ามารายงาน
“ทุกคนกำลังแยกย้ายกันไปค้นหาทุกห้อง จุดละสองคนเจ้าค่ะ”
สังวรสังเวียนมองหน้ากัน
“ทุกห้องหรือ”
“ค่ะ”
สังวรอึ้งๆ
“หมายความว่าตอนนี้ มีคนกำลังไปค้นห้องฉัน”
“ค่ะ”
สังวรโวยวายทันที
“ฉันไม่ยอม อย่างนี้มันดูถูกกันเกินไป”
สังวรพรวดออกไป สังเวียนตามไปทันที สะบันงาเดินไปหาคุณหญิงศรีที่นั่งเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ทุกข์ร้อนที่ของหาย
“คุณหญิงขา จะออกไปดูการค้นหาไหมคะ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้า
“ไม่ไป สะบันงาอยู่กับฉันนะ อย่าออกไปไหน”
“ค่ะ”
สะบันงานั่งตรงปลายเท้าคุณหญิงศรีเป็นห่วงมาก
ในห้องสังวร...เมี้ยนกับน้อยกำลังค้นหากันหน้าดำหน้าแดง
“ทำไมช่างเกิดเรื่องเกิดราวกันไม่หยุดไม่หย่อนนะคะคุณเมี้ยน”
“ก็เพราะมีคนไปทำให้มันเกิดน่ะสิน้อย คนขี้อิจฉามันจุดไฟอิจฉาใส่ไว้ในหัวใจมัน”
“ฉันว่านังสองคนพี่น้องนั่นมันดูแปลกๆ ค่ะ ตอนที่รู้ว่าของคุณหญิงหาย”
สังวรมาพร้อมด้วยสังเวียน
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” สังวรตวาดไล่
เมี้ยนสวน
“ไม่ออกจนกว่าจะค้นเสร็จ”
“พี่ฉันเป็นเมียท่านนะ” สังเวียนโวย
“เป็นอะไรก็ช่าง ของหายก็ต้องค้นให้ทั่ว ค้นต่อไปน้อย”
สังวรโดดมาผลักไม่ให้ค้น เมี้ยนผลักตอบ
“ค้นไม่ได้”
น้อยมองหน้า
“ถ้าแกสองคนบริสุทธิ์ใจจะหวงห้ามไปทำไม”
สังวรด่าทันที
“นังน้อย...นังนกสองหัว”
เมี้ยนไม่สน
“อย่ามัวแต่พล่าม น้อยมาค้นกันต่อ”
สองคนพี่น้องมายื้อยุดน้อยและเมี้ยน เกิดการตบตีกัน สังวรจะตบหน้าเมี้ยน
“มึงน่ะขี้ข้าเลียขาเลียแข้ง กูเมียท่านอย่ากำแหง”
สังวรเจอเมี้ยนตบกลับแล้วกระชากตัวไว้
“ถ้าไม่เห็นแก่ลูกในท้องกูจะชกท้องมึงให้แตก”
สังเวียน จิกหัวเมี้ยน
“มึงใส่ร้ายกูสองคน”
“กูไม่ต้องใส่ร้ายอะไรพวกมึงหรอก หรือจะให้กูแฉ”
น้อยปราดไปที่หมอน แล้วยกขึ้นมาเท แกะปลอกหมอนออก มีถุงผ้าใบหนึ่งหล่นลงมา สังวรกับสังเวียนมองเป๋ง
“น้อยส่งมา” เมี้ยนสั่ง
สองคนมอง
“ถุงอะไร”
น้อยส่งให้ เมี้ยนเทของออก สร้อยเพชรตกลงมากลางเตียง น้อยตะลึง
“สร้อยเพชร”
สังวรหวีดลั่น
“ไม่จริง”
“ฉันไม่เชื่อ” สังเวียนโวย
น้อยมองหน้าสังวร
“ไม่น่าเลย นังสังวร”
เมี้ยนไม่ฟังใครถือสร้อยเพชรวิ่งไปนอกห้องพลางตะโกน
“นังสังวรลักสร้อยคุณหญิงๆ”
น้อยตามออกไปอีกคน
“นังสังวรลักสร้อยคุณหญิงๆ”
สองพี่น้องมองหน้ากัน ตกใจมาก
“กูสาบาน กูไม่ได้ลักสร้อยมัน เชื่อพี่นะสังเวียน กูไม่ลักของมัน”
สังวรร้องไห้โฮๆ สังเวียนหนักใจ
“ฉันเชื่อว่าพี่ไม่ได้ลักสร้อยของมัน แล้วใครเล่าจะเชื่อพี่ ในเมื่อของมันอยู่ในห้องพี่”
“มันใส่ร้ายกู มันใส่ร้ายกู มันหลอกกูมาตลอด มันแสร้งทำดีกับกูให้กูตายใจแล้วดัดหลังกู สังเวียนช่วยพี่ด้วย”
สังเวียนได้แต่กอดสังวรที่เอาแต่ร้องให้กลัวมาก ทั้งโกรธและเกลียด
คุณหญิงศรีกับสะบันงาได้ยินเสียงตะโกนของเมี้ยนชัดเจนมาก สะบันงาดีใจและตกใจในคราวเดียวกันแต่คุณหญิงศรียังนิ่งเฉย
“พี่เมี้ยนบอกว่าเจอสร้อยแล้วค่ะ”
“สังวรเป็นคนเอาไป”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ”
“ในโลกนี้มีอะไรที่ไม่น่าเชื่อมากมายนัก แต่มันก็ใช่ สะบันงาโตไปอีกสักหน่อย ก็จะรู้เอง ว่าบางครั้งคนเรามักถูกบีบคั้นให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ”
“ค่ะ เออ...ออกไปดูกันนะคะ”
“อีกสักครู่เถิดนะ ฉันไม่ค่อยสบายใจ”
คุณหญิงศรีนั่งนิ่ง สะบันงานั่งต่อ
เมี้ยนยังชูสร้อยเพชรให้ทุกคนดู
“สร้อยเพชรของคุณหญิง ที่แท้อยู่ในห้องของสังวรคิดดูกันเอาเองเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น”
น้อยเสริม
“มันซ่อนอยู่ในถุงใส่ไว้ในหมอน”
“เรียกทุกคนกลับมาหมดแล้วใช่ไหมแกละ”
“มากันหมดแล้วค่ะ”
เมี้ยนยื่นสร้อยเพชรไปตรงหน้าทุกคน
“สร้อยเส้นนี้ราคาเหยียบแสน”
ทุกคนตะลึง
“โอ้โฮ”
“ช่างอกตัญญูนัก เสียแรงคุณหญิงท่านเมตตายกย่อง อยากได้อยากมีสิ่งใดท่านประเคนให้หมดแม้กระทั่ง แหวนเพชร บ้าน ช่างโลภมากไม่มีที่สิ้นสุด”
สังวรกับสังเวียนพากันลงมาจากชั้นบน สังวรร้องไห้ด่าไปด้วย
“ฮือๆ พวกมึงใส่ความกู พวกมึงแอบเอาสร้อยไปใส่ในห้องของกู”
เมี้ยนหันไปโวย
“มีใครเห็นฉันเข้าไปในห้องของแกบ้าง แต่ฉันต่างหากที่เห็นแกเข้าไปในห้องของคุณหญิง”
สังเวียนเถียงช่วยพี่
“พวกแกหลอกใช้ให้พี่สาวฉันเข้าไปทำความสะอาด”
“ท่านเจ้าคุณสั่งพี่แกต่างหาก แกรับสารภาพมาดีกว่าสังวรว่าแกขโมยสร้อยนี่ไปจริงๆ”
สังวรไม่ยอม
“สาบานก็ได้ว่าฉันไม่ได้เอาไป แกละ ยัยทองหยอด ซ้ง โรเบิร์ต เชื่อฉันนะ”
ทุกคนไม่เชื่อ เมี้ยนมองหยัน
“ป่วยการให้แกสารภาพ นายยอดไปเรียกตำรวจมาจัดการมัน”
สังเวียนโดดมากันพี่สาวทันที
“อย่านะ อย่าเอาตำรวจมาจับพี่สาวฉันนะ พี่สาวฉันมีลูกของท่านอยู่ในท้อง จะเอาลูกของท่านไปเข้าตะรางไม่ได้นะ”
ทุกคนนิ่งไป
คุณหญิงศรีลุกขึ้นพยักหน้าบอกสะบันงา
“สังวรกำลังลำบาก ฉันจะลงไปช่วยสังวร”
สะบันงาลุกตาม
“คุณหญิงช่างจิตใจประเสริฐเหลือเกินค่ะ”
“บางทีอาจเป็นเธอนั่นแหละสะบันงาที่จิตใจประเสริฐกว่าใครๆ”
สะบันงาไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามคุณหญิงศรีไป
ทุกคนยังฮือฮาเรื่องตำรวจจะมาจับสังวร สังวรกลัวมาก ร้องให้โฮๆ
“ฉันไม่ได้ขโมย ๆ ฉันโดนใส่ร้าย อีเมี้ยนมึงใส่ร้ายกู”
“แล้วทำไมของไปอยู่ในห้องแก พูดแล้ววนเวียน นายยอดไปเอาตำรวจมาจัดการมัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีใครช่วยแกได้”
แกละพูดขึ้น
“คุณหญิงมา”
สังวรหันมาชี้หน้าคุณหญิงศรี
“มึงกับอีเมี้ยนสุมหัวใส่ร้ายเล่นงานกู”
ทุกคนปราม
“สังวร”
“มึงอิจฉาที่กูมีลูก มึงกลัวลูกกูได้ดีกว่ามึง”
เมี้ยนปราดมาตบหน้าสังวรแรงๆ
“บังอาจนัก”
น้อยมองเย้ย
“แกโดนข้อหาหมิ่นประมาทเพิ่มแล้วนังสังวร”
คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“จะไม่มีใครโดนข้อหาอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมีทางออก”
“คุณหญิงเจ้าขา มันขโมยของ มันชี้หน้าด่าคุณหญิง” เมี้ยนแย้ง
“ฉันไม่ชอบเห็นหมาจนตรอก นายยอดไม่ต้องไปตามตำรวจให้เอิกเกริก เรื่องในบ้านไม่อยากให้ใครมารู้แล้วเก็บไปนินทาว่าบ้านนี้เมียบ่าวขโมยสร้อยเพชรเมียหลวง แต่หนทางที่สังวรจะรอดพ้นไปได้ มีประการเดียวเท่านั้น”
“ทำอย่างไรเจ้าคะ” เมี้ยนถาม
“หลบไปที่อื่น”
สังวรไม่พอใจ
“ไล่กันชัดๆ”
เมี้ยนสวน
“หรือว่าแกต้องการไปเข้าตะราง”
คุณหญิงศรีหน้านิ่ง
“ตัดสินใจเอาเองนะสังวร จะไปที่อื่นก่อนแล้วย้อนกลับมาภายหลัง ฉันจะขอร้องท่านให้ไม่เอาโทษแก หรือว่าจะให้ตำรวจมาเอาไปตะราง ถ้าแกไปหลบซ่อนตัวฉันจะให้เมี้ยนให้ทุนแกไปใช้ก้อนหนึ่งแบบสบายๆ”
ทุกคนอึ้ง
“คุณหญิง”
“ฉันช่วยได้แค่นี้ ถ้าตัดสินใจอย่างไรบอกเมี้ยนฉันให้เวลาถึงเที่ยงวัน”
คุณหญิงศรีลุก สะบันงาลุกตาม ทุกคนฮือฮา เมี้ยนประกาศก้อง
“ถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านเจ้าคุณ นังสังวรตายแน่”
คุณหญิงศรีมองสังวร
“แต่ถ้าปิดท่านไม่ได้จริงๆ สังวรโดนตามตัวพบฉันจะขอรับลูกสังวรมาเป็นลูกฉันเอง”
“คุณหญิงช่างมีน้ำใจประเสริฐเหลือเกินเจ้าค่ะ” น้อยชื่นชม
เมี้ยนหันไปบอกทุกคน
“เข้าใจกันดีก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานได้แล้ว”
ทุกคนออกไป เมี้ยนเดินไป สังวรกับสังเวียนกอดกันร้องไห้
คุณหญิงศรีส่งเงินถุงใหญ่ให้ เมี้ยนเอามาแหวกดูในถุงแล้วส่ายหน้า
“มากเกินไปเจ้าค่ะ”
“เห็นแก่เด็กในท้องของมัน สะบันงาว่าอย่างไร”
“ใช่ค่ะ น่าสงสารเด็กค่ะ เกิดมาไม่รู้อีโหน่อิเหน่ค่ะ”
“ฉันมีพวกแล้วเมี้ยน”
เมี้ยนรับมา
“เจ้าค่ะ ตีงูให้แค่หลังหัก มันมักจะมาทำร้ายเมื่อภายหลังนะเจ้าค่ะ จะตีทั้งทีต้องตีที่หัวเจ้าค่ะ”
“โธ่พี่เมี้ยนเขาล้มแล้วนะคะ” สะบันงาขัดขึ้น
“เมี้ยนบอกแล้วไม่ฟัง ระวังนะเจ้าค่ะ น้องสาวมันเป็นไส้ศึกอยู่ในนี้อีกคน ระวังคนจ้องทำร้าย โอกาสมันผิดกัน เผลอไม่ระวังวันใดตายหยังเขียดเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีโบกมือให้ไป เมี้ยนออกไป คุณหญิงศรีถอนใจเหนื่อยล้า
“ชัยชนะที่แท้จริง มันสร้างความสบายใจเพราะมันมีศักดิ์ศรี แต่ชัยชนะที่ไม่มีศักดิ์ศรีมันปวดใจนะสะบันงา ฉันไม่อยากทำร้ายใคร”
สะบันงาไม่สบายใจพาให้นึกสงสัยคำคุณหญิงศรี แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สังวรกำลังปิดกระเป๋าเก่าๆยังร้องให้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ สังเวียนมองพี่สาวน้ำตาคลอ
“กูไม่ได้ทำ ทำไมกูต้องรับโทษที่คนอื่นมาป้ายสี”
“เราเสียรู้พวกมัน หลงกลพวกมัน นี่หรือผู้ดี ใจคอมันช่างโหดเหี้ยม อำมหิตผิดมนุษย์นัก”
“มันทำอุบายไล่กูทำให้กูจนต่อหลักฐาน สังเวียนพี่ไม่อยากไปเลย”
“ไปเถิด ไปชั่วคราว แล้วหาทางกลับมาเล่นงานมัน กลับมาพิสูจน์ให้ได้ว่าพี่โดนพวกมันป้ายสี ถ้าพี่อยู่ลูกพี่อาจมีอันเป็นไป”
“เพื่อลูก พี่จะไปรอให้คลอดลูก พี่จะลองซมซานกลับมากราบท่าน ท่านคงเห็นแก่ลูกบ้าง สังเวียนแกต้องพยายามเป็นเมียท่านให้ได้ แล้วแก้แค้นให้พี่”
“แน่นอนฉันจะต้องเป็นเมียท่าน ฉันจะต้องแก้แค้นให้พี่ ฉันจะระวังตัวไม่ให้ใครมาเข้าห้องฉันได้เด็ดขาด และฉันก็จะไม่เข้าห้องมันคนเดียวเด็ดขาดเหมือนกัน นี่กุญแจฉันเตรียมไว้ใส่ห้องแล้ว”
สังเวียนโชว์กุญแจให้ดู เมี้ยนเปิดประตูมาโดยไม่เคาะ ส่งเงินมาให้ถุงหนึ่ง
“คุณหญิงท่านให้แกไปไว้ใช้ระหว่างหลบหนี”
สังวรกระชากถุงเงินมาปาลงพื้นโดยแรง
“กูไม่รับ ตบหัวกูแล้วอย่ามาทำลูบหลังตบตาผู้คนโยนเงินฟาดหัวซื้อความถูกต้อง คนอย่างกูก็มีศักดิ์ศรี กูไม่แตะเงินคนใจดำกูจะขอสาปแช่งให้มึงกับนายมึงมีอันเป็นไป ให้ต้องใช้หนี้เวรที่ก่อให้กูไว้ไปจนตาย ถ้าไม่ตายก็ให้พวกมึงตายทั้งเป็นเพราะเวรกรรมตามหลอกหลอน”
“มึงสาปแช่งนายกู กูจะสั่งสอนมึง”
เมี้ยนจะตบ คุณหญิงศรีตามเข้ามา
“หยุดนะ ปล่อยมันไปเมี้ยน”
สังวรฉวยกระเป๋าเดินผ่านหน้าคุณหญิงศรีกับเมี้ยน สังเวียนตามหลัง สังวรจ้องหน้า
“ถุย...นังผู้ดี กูไม่ระลึกบุญคุณมึงหรอกไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งทำดี”
เมี้ยนผวา คุณหญิงศรีดึงไว้
“บอกให้หยุด”
สองคนพี่น้องเดินออกไป สังเวียนไปส่งสังวร
คุณหญิงศรีกลับไม่ได้ร่าเริงที่กำจัดสังวรได้
“มันไปแล้ว มันไม่คอยทิ่มแทงจิตใจคุณหญิงได้อีกแล้วเจ้าค่ะ สบายใจได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันไม่อาจสบายใจได้ คำสาปแช่งของมันอาจเป็นจริง ฉันสร้างทุกข์ให้มันทุกข์นั้นอาจย้อนกลับมาหาฉันสักวัน”
“ไปถือสาอะไรกับคำพูดของหมาจนตรอกเจ้าค่ะ จะบอกท่านเจ้าคุณเรื่องนี้ว่าอย่างไรดีคิดไว้แล้วหรือยังเจ้าคะ”
คุณหญิงศรี ครุ่นคิด
เจ้าคุณถามคุณหญิงศรี
“วันนี้ช่างรับเหมามาดูบ้านให้สังวรหรือยัง”
“มาแล้วค่ะ”
“หมอดุลมาตรวจสังวรแล้วใช่ไหม”
“ไม่ได้มาตรวจหรอกค่ะ”
“ศรีไม่ให้สังวรมากินข้าวด้วยแล้วหรือ หรือว่าสังวรไม่สบาย”
“สังวรไปแล้วค่ะ”
เจ้าคุณตกใจไม่น้อย
“สังวรไปไหน แล้วลูกของฉัน...”
คุณหญิงศรีถอนใจ มองหน้าเจ้าคุณ
“สังวรขโมยสร้อยเพชรของฉัน”
เจ้าคุณตกใจอีกครั้ง คุณหญิงศรีเล่าให้ฟัง
เจ้าคุณส่ายหน้า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสังวรกล้าอกตัญญูกับศรี ไม่ได้ห่วงสังวร แต่ห่วงลูกของฉัน ทำอย่างไรจะได้ลูกคืน”
“รอสักพัก กะว่าสังวรคลอดแล้วส่งสังเวียนไปตามสิคะ พี่น้องกันคงรู้กันหรอกว่าไปอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากเอาเรื่องสังวร แต่เขากลัวจะโดนจับค่ะ”
เจ้าคุณนิ่งไป คุณหญิงศรีก็นิ่งไปด้วย
สังเวียนมานั่งร้องไห้สะอื้นสงสารพี่สาวอยู่มุมหนึ่งของเรือนแถว สะบันงาผ่านมาได้ยินเสียงสะอื้นหยุดแล้วเดินมาดู
“พี่สังเวียน”
สังเวียนเห็นสะบันงาฉุนกึก
“ไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเกลียดพวกแก พวกแกใจดำอำมหิตนัก”
“อย่าไล่ฉันเลย ฉันสงสารพี่สองคนมากนะ ฉันไม่อยากให้พี่เขาต้องไปจากที่นี่หรอกนะ”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อแต่ใจคดกับฉัน ตัวแกเองนั่นแหละระวังให้ดีเถิดถ้าแกทำท่าจะได้ดีขึ้นมาวันใด มันสองคนหาวิธีอำมหิตไล่แกเปิดไปแน่ๆ”
“ฉันก็อยู่ของฉันแบบนี้ คงไม่ได้ดีอะไรหรอกจ้ะ”
“ฉันรู้ว่ามันจองแกไปเป็นตัวตายตัวแทนของมัน เพราะในกระบวนผู้หญิงสาวในบ้านนี่มีแต่แกที่โง่ที่สุดยอมให้มันจูงจมูก”
“พี่หมายความอย่างไร”
“โง่แท้ๆ แกนะน่าจะรู้อยู่ว่ามันไม่ยอมนอนกับท่านเจ้าคุณ มันเอาพวกสาวๆ ในบ้านนี้ส่งไปให้ท่าน แล้วมันก็นอนกับอีเมี้ยน”
“แต่ฉัน...ไม่...”
“ไม่มีใครนอกจากแกหรอก มันเข็ดเอาพวกฉันส่งไปแล้ว พอแกท้องมันก็จะจัดการแกเข้าใจไหม”
สะบันงาส่ายหน้าไม่เชื่อ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคุณหญิงศรีให้เธอรอศุกล
เจ้าคุณยังติดใจเรื่องสังวร
“สังเวียนว่าอย่างไรบ้างเรื่องสังวรขโมยของ”
“ฉันไม่ทราบหรอกค่ะ แต่เขาก็คงสงสารพี่เขา พี่น้องกันนี่คะ”
“ถ้าตามหาสังวรไม่พบ ฉันก็ต้องเสียลูกที่อาจเป็นลูกชายไปสินะ” เจ้าคุณถอนใจ
“ฉันก็เสียใจเช่นกันค่ะ”
“ถ้าศรีเสียใจด้วยกับฉันทำไมศรีไม่ยอมมีลูกกับฉัน ศรีจ้ะคืนนี้...”
“ขอโทษด้วยนะคะฉันยังไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่สบายใจที่สังวรไปจากที่นี่ รอให้ฉันสบายใจขึ้นก่อนเถิดนะคะ พลีส...”
เจ้าคุณมีสีหน้าผิดหวัง คุณหญิงศรีเองก็หดหู่หนักใจ
“ไอ แอมโซ ซอรี่”
“ไม่เป็นไร ฉันขอตัวกลับเรือน”
เจ้าคุณเดินออกเหมือนงอนเล็กๆ คุณหญิงศรีมองตาม เมี้ยนโผล่มา
“ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“ช่างเถิด สะบันงาหายไปไหน”
“เห็นเดินเตร่ไปทางเรือนแถวเจ้าค่ะ หรือว่าจะปลอบใจนังสังเวียน เด็กคนนี้ขี้สงสารคนอื่นเจ้าค่ะ”
“ไปตามสะบันงากลับมา แล้วไปบอกให้สังเวียนไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณ”
“คุณหญิงเจ้าขา...” เมี้ยนจะแย้ง
คุณหญิงศรีเสียงเข้ม
“ไปทำตามที่ฉันสั่ง”
เมี้ยนไม่ชอบใจแต่ก็ทำตาม เมี้ยนออกไป
“นี่ก็อีกสิ่งที่เราต้องจำใจทำทั้งที่ไม่ชอบ”
คุณหญิงศรีไม่สบายใจ
สะบันงา ปลอบสังเวียน
“อีกไม่นานพอคลอดลูกแล้ว คุณหญิงท่านว่าจะให้ใครไปรับพี่สังวรกลับมา”
“นังโง่...ชาติหน้ามันก็ไม่ไปรับกลับมาให้เกินหน้าเกินตามันหรอก เบื่อพูดกับแก ชังน้ำหน้าแกพอๆ กับชังน้ำหน้าพวกมัน ไปให้พ้นได้แล้วขืนอยู่นานจะพาลโดนตบเอาง่ายๆ”
เมี้ยนเข้ามา
“เอ้านังสังเวียน แกจะพาลตบตีใครกัน สะบันงาหรือ”
“พี่เขาล้อเล่นค่ะ” สะบันงารีบบอก
“คุณหญิงให้หาแน่ะสะบันงา”
“ค่ะ”
สะบันงาลุกขึ้น
“นังสังเวียน คุณหญิงให้...” เมี้ยนพูดไม่ทันจบ
สังเวียนแทรกทันที
“ให้หาหรือ ฉันไม่ไปให้โดนใส่ความอีกคนหรอกเป็นอย่างไรเป็นกันสิ”
“ปากเสียแท้ๆ รู้รึว่าคุณหญิงท่านให้ทำอะไร ท่านสั่งไปให้ไปปรนนิบัติ ท่านเจ้าคุณ”
“ว่าอย่างไรนะ” สังเวียนตื่นเต้นดีใจ
“ท่านสั่งให้แกไปมีผัวเป็นพระยา ผัวพระยานี่หาไม่ได้ง่ายๆ เหมือนผัวจับกังนะแก”
“รีบไปสิจ๊ะ ท่านจะรอนะ” สะบันงาบอก
“เออ...นับแต่วันพรุ่งนี้กูจะรีบไปหาท่านเอง ไม่ให้ใครต้องมาเรียกกูอีก ต่อไปกูจะมีลูกกับท่าน กูจะทำให้ใครบางคนหน้าหงาย โดนไล่โดนเฉดออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาเหมือนพี่กู”
เมี้ยนโมโห
“แหมอีนังนี่มันปากเสีย ถ้าไม่เกรงว่าหน้าแกจะบวมเป็นกะโล่ไปหาท่าน ฉันชกปากแกเลือดแดงแล้ว”
“ถุย ก็ลองดูสิ”
สังเวียนเดินหน้าเชิดผ่านสะบันงา กับเมี้ยนไป
เจ้าคุณมาเปิดประตูเรือน เปิดไปพูดไป
“ศรีเปลี่ยนใจแล้วหรือดาหลิง”
พอเปิดเต็มๆ เห็นสังเวียนนั่งคุกเข่าตรงหน้า
“บ่าวเองเจ้าค่ะ”
แล้วสังเวียนก็ก้มลงกราบร้องไห้โฮๆ
“สังเวียน”
“บ่าวอยากตายเจ้าค่ะ บ่าวอยากตายเจ้าค่ะ”
สังเวียนดิ้นพราดๆ มีมารยาผสม ตีอกชกหัวพัลวัน เจ้าคุณถึงกับพูดไม่ออก
“สังเวียนอย่าทำอย่างนั้น”
“ลงโทษบ่าวแทนพี่สังวร บ่าวยอมรับผิดแทนพี่สังวร บ่าวเสียใจ บ่าวอับอายขายหน้ามากเจ้าค่ะ”
“เอาละหยุดร้องไห้แล้วเข้ามาพูดกันข้างใน”
สังเวียนปาดน้ำตา ลอบยิ้ม
“บ่าวกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเดินนำ สังเวียนตามยิ้มกระหยิ่มพึมพำ
“ถึงทีกูบ้างแล้วละพวกมึงพึงระวัง”
ทั้งหมดมาร่วมพูดคุยนินทาเรื่องสังวรกับสังเวียนกันในครัว
“ฉันเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านังสังวรไม่ได้โดนใส่ร้าย พวกมันนะร้ายกาจกันนัก มันวางแผนเล่นงานนังสะบันงามาสองครั้งแล้วไม่อยากจะปรักปรำ” น้อยเจื้อยแจ้ว
แกละขัดขึ้น
“แกไม่ควรอยากปรักปรำมันนะ เมื่อสักครู่ฉันผ่านตึกท่านเจ้าคุณเห็นนังสังเวียนมันกำลังนอนชักดิ้นชักงอคร่ำคราญอยู่ตรงหน้าตึกท่าน”
ทุกคนอึ้ง
“เฮ้ย”
ทองหยอดหันมาถาม
“มันไปเองหรือว่า...”
“คุณเมี้ยนบอกว่าคุณหญิงส่งมันไปเอง”
“แล้วมันจะไปว่าท่านกลั่นแกล้งพวกมันได้อย่างไร พวกเนรคุณ” ซ้งด่า
โรเบิร์ตเอือมๆ
“พรุ่งนี้มันจะมาอวดตัวว่าเป็นคุณนายเหมือนพี่สาวไหม”
แกละถอนใจ
“รอดูพรุ่งนี้เช้าเถิดพวกเรา”
น้อยไม่พอใจ
“คุณหญิงนี่โง่จริง เอางูเห่าเข้าไปกอดไว้อีกตัวหนึ่งแล้ว”
ทุกคนหันมามองน้อยที่ผิดหวังมาก อดไปปรนนิบัติ แกละมองน้อย
“แต่ถ้าเลือกแกแปลว่าเลือกถูกคน เพราะแกมันงู...” แกละยังพูดไม่จบ
ซ้งแทรกทันที
“จงอางเลยแหละวะ”
ทุกคนหัวเราะ
“เฮ...”
น้อยค้อนควับ
สังเวียนนั่งร้องไห้ไม่เลิกแต่เบาลง
“คุณหญิงส่งสังเวียนมาใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“สมรู้ร่วมคิดกับสังวร ขโมยของคุณหญิงหรือเปล่า”
“บ่าวไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ บ่าวไม่เคยเข้าไปในห้องคุณหญิงตามลำพังเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมจึงอยากให้ฉันลงโทษ”
“เพื่อไถ่บาปที่พี่สังวรทำไว้เจ้าค่ะ”
“เอาเถิด สังวรกับสังเวียนคนละคนกัน ฉันอยากพักผ่อน ขึ้นไปชั้นบน ฉันอยากฟังเพลงของบีโธเฟน”
สังเวียนแอบยิ้มดีใจ
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเดินไป สังเวียนตามหลังเกลื่อนยิ้มมีความสุข
“ฉันขอโทษพี่สังวร ที่ไม่อาจแก้ตัวให้พี่ได้ในคืนนี้ แต่คืนต่อไปฉันไม่ละเลยแน่”
คุณหญิงศรียังคงไม่สบายใจ เมี้ยนปลอบโยนและต่อว่า
“ป่านนี้นังสังเวียนลอยหน้าฉอเลาะท่านเจ้าคุณเป็นฉากๆ แล้วเจ้าค่ะ คุณหญิงไม่ควรที่...เลยนะเจ้าคะ”
“แล้วเมี้ยนจะให้ฉันทำอย่างไร พูดไปก็วนเวียนกลับมาที่เดิม หรือไม่ก็ฉันหรือสะบันงา”
“เมี้ยนว่าคุณหญิงตัดใจไปสักครั้ง แล้วสวดมนต์ภาวนาให้มีลูกกับท่านสักคน ทุกอย่างก็หมดปัญหา ได้ลูกมาเป็นทายาทไม่ต้องเปลืองตัว คุ้มออกนะเจ้าคะ”
“ฉันเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับสังวรวันนี้ ฉันยิ่งหวาดกลัวการมีลูกมากกว่าเดิม เมี้ยนมันเลวร้ายกับเราก็จริง แต่เราก็ทำเวรกรรมกับลูกที่ติดท้องมันไปด้วย ฉันกลัวว่าบาปมันจะมาตกที่ลูกของฉัน”
“คิดมากเกินไปเจ้าค่ะ แล้วจะใช้ชีวิตอย่างพะอืดพะอม อย่างนี้ตลอดไปหรือเจ้าคะ”
“สะบันงากลับมาหรือยัง”
“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ อยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
“สะบันงาเคยสงสัยอะไรบ้างไหมที่เมี้ยนไม่เคยกลับไปนอนที่ห้องสักคืน”
“คุณหญิงว่านิ่งแล้ว สะบันงาเงียบจนน่าแปลกใจไม่เคยทำหน้าสงสัย ไม่เคยซักถาม เก็บความรู้สึกได้มิดชิดมากเจ้าค่ะ มิดชิดแม้กระทั่งว่า สะบันงามีใจให้คุณศุกลหรือเปล่าเจ้าค่ะ”
“สะบันงาไม่เคยบอกปฏิเสธคุณศุกล”
“ช่างเป็นพวกบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นเสียเหลือเกินเจ้าคะ”
“ดีแล้ว เหมาะกับน้องชายฉันที่สุด อ้อ...มัวแต่จัดการเรื่องบ้าๆ เมี้ยนไปบ้านคุณเตี่ยมาได้ความว่ากะไรเรื่องคุณศุกล”
“คุณศุกลกำลังนั่งเรือสินค้ามาลงที่มาเก๊า แล้วมาต่อเรือของเราที่มาเก๊ากลับกรุงเทพเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรียิ้มพอใจ
“ข่าวดีที่ทำให้ฉันชุ่มชื่นหัวใจในวันนี้ได้บ้าง ศุกลกำลังมา สะบันงากำลังจะไป ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าจะปฏิเสธท่านเจ้าคุณไม่ได้”
คุณหญิงศรียิ้มออกได้ เมี้ยนยิ้มตาม
สะบันงาเดินมาหาที่นั่งในสวนใช้ความคิดนึกเรื่องราวที่ได้ยินมาทั้งหลาย
“คนหนึ่งก็พูดอย่างหนึ่ง เราจะเชื่อใครดี แต่ที่มั่นใจเชื่อใจที่สุดคือคำพูดของคุณหญิงจะดูแลปกป้องเราไว้รอคุณศุกล”
สะบันงาพนมมือ
“คุณศุกลเจ้าขากลับมารับฉันไปให้พ้นจากที่นี่ทีเถิด ฉันกลัวคนที่นี่ค่ะ บ้านใหญ่โตแต่หาความสบายใจไม่ได้แม้แต่น้อย”
เครื่องเล่นแผ่นเสียงปากบานๆมีเสียงเพลงคลาสสิคของบีโธเฟนดังเบาๆ เจ้าคุณเดินวนเวียนฟังอย่างพึงพอใจ สังเวียนนั่งคุกเข่าใกล้หน้าต่าง หันหลังให้หน้าต่างมองตามเจ้าคุณรอว่าเจ้าคุณจะทำอย่างไร ในใจตื่นเต้น เป็นสุข
“เพราะไหมสังเวียน”
สังเวียนฟังไม่เพราะเลยแต่โกหกไป
“เพราะมากเจ้าค่ะ”
“ฉันชอบฟัง ทุกคนที่ขึ้นมาที่นี่ได้ฟังเพลงพวกนี้ของฉันทั้งนั้น”
“เจ้าค่ะ” สังเวียนยิ้มแป้นให้
เจ้าคุณเดินมาหา
“ลุกขึ้นสิ สังเวียน”
สังเวียนลุก ยิ้มรอว่าเจ้าคุณจะทำอย่างไรต่อ เจ้าคุณมองหน้า ดึงเอามากอดไว้ ก้มหน้าลงไปที่หน้า สังเวียนหลับตาพริ้ม แต่แล้วเจ้าคุณก็เห็นหน้าสังเวียนกลายเป็นหน้าสะบันงาหลับตาพริ้ม เจ้าคุณอุทานเบาๆ
“สะบันงา”
สังเวียนสะดุ้งใจแป้ว เหลือบตามอง เจ้าคุณดันสังเวียนไปข้างตัว แล้วเดินไปที่หน้าต่างถอนใจเฮือก
“เราถ้าจะบ้า...เอ๊ะ”
เจ้าคุณอุทานออกมาอีกครั้งตื่นเต้น
“สะบันงา”
สังเวียนได้ยินอีกเช่นกัน สังเวียนคำรามเบาๆ
“อีสะบันงา มึงตามรังควาญกูจนได้”
เจ้าคุณหันกลับมา
“สังเวียนรออยู่ที่นี่อย่าไปไหน”
“เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเดินออกไปจากห้อง สังเวียนผวาไปที่หน้าต่าง หน้าเครียดมากโกรธ
“อีสะบันงามันมาภาวนาให้ท่านลงไปหา”
สังเวียนแค้นมาก
สะบันงาภาวนาเสร็จลดมือลง หันกลับจะเข้าเรือน เจ้าคุณเดินพรวดๆ มายืนตรงหน้า สะบันงาตกใจมาก
“ท่านเจ้าคุณ”
เธอรีบย่อตัวจะลงนั่งที่พื้น เจ้าคุณดึงตัวไว้
“นั่งลงไปไม่ได้นะพื้นนั่นสกปรก ดีไม่ดีมีงูเลื้อยอยู่”
“เอ้อ...ดิฉัน”
“ถ้าอยากจะนั่ง ไปหาที่นั่งกันด้านโน้น”
“เออ...ดิฉันกำลังจะเข้าเรือนเจ้าค่ะคุณหญิงสั่งไม่ให้เที่ยวไปเพ่นพ่านเจ้าคะ”
“แต่ท่านเจ้าคุณชอบให้เธอเพ่นพ่าน ฉันรู้นะว่าเธอชอบหลบหน้าฉันหรือว่าคุณหญิงสั่ง”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“แล้วจะเกรงกลัวอะไรกับฉันนักหนา ฉันสั่งให้ไปหาที่นั่ง หรือว่าจะให้อุ้มไป”
“เดินเองได้เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณกุมมือสะบันงาไว้แล้วพาเดินไป สะบันงาตัวสั่นไปหมด
“หนาวหรือ”
เจ้าคุณถอดเสื้อคลุมมาคลุมให้ สะบันงาตกใจ
“อย่านะเจ้าคะ ไม่ต้องเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ได้หนาวเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้หนาวกายแต่อาจหนาวใจ กลัวฉันจนหนาวไปถึงหัวใจ ถ้าเช่นนั้น...”
เจ้าคุณดึงเสื้อคลุมออกจากสะบันงา แต่โอบกอดไว้
“ยะ...อย่า...เจ้าค่ะ”
“สะบันงา เกิดมาไม่เคยพบใครน่ารักเท่าเธอ”
เจ้าคุณก้มหน้าลงไป สะบันงาแทบสิ้นสติ คุณหญิงศรีเดินมาด้านหลังสะบันงา
“เข้าใจว่าคุณจะอยู่บนตึกกับสังเวียนนะคะ”
เจ้าคุณสะดุ้งอึกอัก สะบันงาฉวยโอกาสผละออกมาจากเจ้าคุณ แล้วยืนรีรอ
“กลับไปห้องเถิดสะบันงา” คุณหญิงศรีไม่ได้ดุแต่อ่อนโยน
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาอยากจะร้องไห้มากเดินออกไป ก้มหน้างุดๆ คุณหญิงศรียืนเผชิญหน้ากับเจ้าคุณสบตากัน
สังเวียนมองมาจากหน้าต่างห้องเห็นทุกสิ่ง
“ที่แท้นังศรีก็ไม่ได้ต้องการยกนังสะบันงาให้ไอ้แก่นั่นจึงออกมากีดกัน ถือเป็นโชคของเรา แต่เอ...ถ้าเช่นนั้นมันจะเก็บนังสะบันงาให้ใคร นังเมี้ยนหรือ บ้าน่ะสิ แล้วคืนนี้ท่านจะกลับมาที่นี่ไหมหนอ”
เสียงประตูห้องปิดดังปึงมาจากด้านล่างในลักษณะจงใจกระแทก
“ท่านกลับมาแล้วคงโกรธนังศรีมาก”
สังเวียนรีบทำฟุบหลับเอาหน้าซบเก้าอี้ ถลกบ่าเสื้อให้ลุ่ยลงมาแล้วถลกกระโปรงให้ร่นขึ้นไป
สะบันงามานั่งร้องไห้ มองไปที่กระเป๋าเสือผ้า เธอปราดไปหยิบเสื้อผ้าลงกระเป๋าร้องไห้ไปด้วย
เจ้าคุณอยู่ในห้อง มองมาที่สังเวียน นางซบหน้าหลับเสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ เจ้าคุณเห็นเป็นภาพสะบันงานั่งซบหน้าหลับ เจ้าคุณเดินตรงไปหาสังเวียน ช้อนตัวอุ้มไว้ สังเวียนแอบหรี่ตาอิ่มเอมใจ เจ้าคุณอุ้มสังเวียนไปนอนบนเตียง แล้วดับไฟ ก่อนจะพึมพำออกมา
“สะบันงา”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนมาที่ห้องสะบันงา
“สะบันงา” เมี้ยนเรียก
คุณหญิงศรีตกใจ
“ไม่มีสะบันงา”
ไม่มีใครในห้องเมี้ยนปราดไปดูเสื้อผ้า
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“สะบันงาหนีไปแล้ว”
“เด็กนี่มันบ้า” เมี้ยนบ่น
“ฉันจะยอมให้สะบันงาหนีไปไหนไม่ได้เมี้ยน ศุกลกำลังมา สะบันงาจะหายไปไม่ได้ ออกไปตามสะบันงาเดี๋ยวนี้”
“เมี้ยนไปเองเจ้าค่ะ”
“ฉันจะไปกับเมี้ยน”
“งั้นเมี้ยนไปเรียกนายยอดนะเจ้าคะ”
“อย่าใครรู้ว่าสะบันงาหายไป”
“หมายความว่า...”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
สะบันงาเดินหลบๆ แอบๆ น้ำตาไหลมาตามถนนเปลี่ยวและมืดแถวบ้านเจ้าคุณ
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนขับรถมาตามหาสะบันงา
“ทำไมสะบันงาถึงทำอย่างนี้ กล้าหนีออกได้ทั้งที่มันมืดค่ำอันตรายรอบด้าน”
“คงเป็นความคิดชั่วแล่นเจ้าค่ะ สะบันงาคงรู้สึกว่ากำลังทำความผิดต่อคุณหญิงเจ้าค่ะ”
“สะบันงาไม่ได้ผิด”
“แต่ท่านเจ้าคุณ”
“ท่านเจ้าคุณก็ไม่ผิด ถ้าคิดในฐานะที่เขาคือประมุขของบ้าน ช่างเป็นประเพณีที่สมควรเลิกได้เสียที ผู้หญิงไม่ใช่เครื่องรองรับอารมณ์ของผู้ชาย และที่ฉันพูดไม่ออกก็คือ เราสามคนเป็นหนี้ชีวิตท่านเจ้าคุณเรื่องน้ำกรดในแชมพู”
“เมี้ยนห่วงสะบันงามากเจ้าค่ะ เกิดไปพบเจออันตรายเหมือนที่เคยเจอ สะบันงาจะโชคดีเอาตัวรอดเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า เมี้ยนคิดแล้วใจแป้วเจ้าค่ะ”
“เหนื่อยใจแท้ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับสะบันงา ฉันจะมีหน้าไปบอกศุกลว่าอย่างไร นี่ก็ผัวที่มีพระคุณ นั่นก็น้องที่ฉันรักสุดหัวใจ”
คุณหญิงศรีทุกข์ร้อนใจหนักหนา
สะบันงาเดินไร้จุดหมายมาเรื่อยๆ แบบหลบๆซ่อนๆ เริ่มหวาดวิตกกลัวน้ำตาคลอ ภาพน้าเขยของแกละจะปล้ำ ภาพแมงดาไล่จับตัว ภาพกวงปล้ำ ภาพฮ้ง คนซื้อแพปล้ำแว่บเข้ามา...สะบันงาน้ำตาไหลริน
“ต้องไปในที่ที่ไม่พบคนใจทรามอย่างนั้น แล้วที่ไหนหรือ โธ่ คุณหญิงขา หนูขอโทษที่หนูไม่อาจทำตามที่ท่านสั่งไว้ได้”
สะบันงา มองไปข้างทางเห็นเพิงเก่าๆอยู่ข้างหน้า
“ไปหลบที่เพิงนั่นจนเช้าเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน”
สะบันงาสาวเท้ามุ่งหน้าไปทางนั้น
สะบันงามาถึงหน้าเพิง ถอนใจโล่งอก มั่นใจว่าอย่างน้อยคืนนี้ก็ปลอดภัยไว้ก่อน มีเสียงสะอื้นดังมาจากเพิง
“มีคนอยู่”
สะบันงา ทรุดตัวนั่งมองไป เห็นร่างของหญิงคนหนึ่ง นั่งซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเสียใจมากมาย
“พี่สาวจ๋า ฉันขอปันที่พักในเพิงนี้สักคืนจะได้ไหมจ้ะ”
หญิงที่ซบหน้าร้องให้คือสังวร เงยหน้าขึ้นมา
“ตามใจสิ” สังวรร้องไห้ต่อไป
สะบันงา เขยิบตัวไปข้างใน เพิงนั้นไม่ใหญ่นักสะบันงาไปนั่งอีกมุม
“พี่สาวไม่สบายหรือจ้ะ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน เอ๊ะ เสียงของแก”
สังวรมองสะบันงา เต็มๆตรงๆ สะบันงามองตรงๆบ้าง แล้วทั้งสองต่างตกใจ อุทานมาพร้อมกัน
“สะบันงา...พี่สังวร”
“นังสะบันงา”
สะบันงายิ้มให้ แต่สังวรตีหน้ายักษ์ ชัดมีดออกมา
“มึงตามกูมาใช่ไหม”
สะบันงาตกใจ ส่ายหน้า
“ฉัน...ฉันไม่ได้ตามพี่มา”
“กูไม่เชื่อ โกหก อีพวกนั้นมันสั่งให้มึงมาตามจับกู ดีละ ตายเป็นตาย กูจะเอามึงให้ตายวันนี้”
สังวรถือมีดโถมใส่ สะบันงาถอยหนี จนตกแคร่
“ว๊าย อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันไม่ได้มาตามพี่ ฉันมาของฉันเอง”
สังวรโดดลงมาจากแคร่
“อย่ามาหลอกกูอีก”
สะบันงาตะกายลุกแล้ววิ่ง
“ฉันพูดความจริง”
“เชื่อมึงลูกกูออกมาเป็นหมาแน่”
สังวรไล่ตามชูมีดร่อน สะบันงาร้องลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“มึงตายแน่ พวกมึงทำกูเจ็บนัก”
สองคนวิ่งไล่แทงกันในความมืด
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนขับรถต่อมา แล่นช้าๆส่ายตาช่วยกันหาสะบันงา
“คงยังไปไม่ได้ไกลหรอกเมี้ยน”
“ใช่เจ้าค่ะ รถราก็ไม่มีให้ขึ้น ต้องเดินสถานเดียว”
“กลัวว่าจะเดินไปเจอพวกคนใจทรามน่ะสิ ฉันมองข้างหน้า เมี้ยนมองซ้าย มองขวานะ”
“เจ้าค่ะ นั่นเจ้าค่ะดูข้างหน้าโน่นสิเจ้าคะ มีคนวิ่งไล่กันมา”
“ผู้หญิงทั้งสองคน ไม่น่าใช่สะบันงา แต่ไปดูกันเถิด เหมือนพวกนั้นกำลังทะเลาะกัน”
คุณหญิงศรีเร่งเครื่องรถ
สะบันงาวิ่งหนีพร้อมกับร้องไปด้วย
“พี่จ๋า ฉันไม่ใช่ศัตรูของพี่”
“มึงไม่ใช่ แต่อีศรีกับอีเมี้ยนมันใช่ พวกมันทำลายชีวิตกูกับลูกของกู”
“ทำไมเราไม่มาพูดจากันดีๆ แล้วฟังฉันพูดก่อน”
“กูไม่ฟังมึง กูจะฆ่ามึงให้ตาย”
สังวรเลือดขึ้นหน้าบ้าดีเดือดมากแล้ว สะบันงาหนีไปหันมาพูดไปด้วย สะดุดรากไม้หกล้ม
“ว๊าย”
สังวรมาถึงตัว
“ตายเสียเถิดนังสะบันงา นี่คือการแกแค้นให้ตัวกูและลูกกู”
สังวรจ้วงแทง สะบันงาพลิกตัวหลบ รถของคุณหญิงศรีมาจอดแอบๆ
“เมี้ยนรีบลงไปดูสิ มีคนหนึ่งกำลังจะโดนอีกคนแทงด้วยมีด”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนปราดลงไปที่สองคน คุณหญิงศรีตามลงไปติดๆ สะบันงาล้มลุกคลุกคลานทั้งกลัวและตกใจ
“คุณหญิง พี่เมี้ยน”
เมี้ยนกับคุณหญิงตกใจ
“สะบันงา”
สังวรพอเห็นสองคนกำลังคลั่งได้ที
“แล้วนี่กูเอง อีสังวร”
เมี้ยนกับคุณหญิงศรีตกใจมาก
“สังวร”
สังวรไม่ฟังพุ่งเข้าใส่ คุณหญิงศรีทันทีพร้อมด้วยมีดในมือ
“โชคดีที่พกมีดมา แล้วก็จะได้ใช้ฆ่าพวกมึง มึงตาย”
สะบันงาตกใจ
“ระวังเจ้าค่ะ”
“นังศรี กูจะฆ่ามึง”
คุณหญิงศรีกำลังยืนตะลึง ตกเป็นเป้าให้สังวรพุ่งเข้าใส่
“มึงตาย”
สะบันงาร้องลั่น
“อ๊าย...”
“คุณหญิง”
เมี้ยนโดดผลักคุณหญิง แล้วเอาตัวเข้าขวาง มีดพุ่งมาปักชายโครงของเมี้ยน
“เมี้ยน”
สะบันงาช็อค
“พี่เมี้ยน”
คุณหญิงศรีกับสะบันงาปราดมาหา เมี้ยนกระชากมีดจากชายโครงดึงออกมา
“อีสังวร มึงทำเกินไปแล้ว ตาต่อตา ฟันต่อฟันเอาสิวะ มึงอยากให้คุณหญิงตาย กูก็อยากให้มึงตาย”
เมี้ยนเงื้อมีดใส่สังวรที่ตกใจล้มลงไป
“ว๊าย อย่าแทงฉัน”
คุณหญิงศรีกับสะบันงาผวามาบังสังวรไว้
“อย่า”
สะบันงารีบบอก
“หนีไปสิพี่สังวรรีบไป”
เมี้ยนผลักสะบันงากับคุณหญิงศรีออก บ้วนน้ำหมากใส่หน้าสังวร
“ถุย มึงชอบถ่มน้ำลายรดห้องคุณหญิง กูต้องถ่มน้ำหมากรดหน้ามึงตอบแทน นี่ถ้าคุณหญิงไม่เวทนามึง มาห้ามกู มึงตายแน่ กราบตีนคุณหญิงขอโทษเดี๋ยวนี้”
คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ไม่ต้อง รีบไปสิ สังวร”
สังวรหันกลับก่อนจากไปหันมาอาฆาต
“กูไปวันนี้ แต่กูจะกลับมาฆ่ามึงวันหน้า อีนังศรี อีเมี้ยน”
เมี้ยนขยับจะตาม คุณหญิงศรีดึงไว้มือหนึ่งอีกมือขอมีดมาจากเมี้ยน
“ส่งมีดมาเดี๋ยวนี้นะ”
“มันจะฆ่าคุณหญิง ปล่อยมันไว้ไม่ได้ มันฆ่าไม่ได้วันนี้ วันข้างหน้ามันก็ต้องหวนกลับมาฆ่าจนได้ คนมันเลว”
เมี้ยนพยายามจะตะกายไปทั้งที่ตัวเองก็เลือดโชก
“ฉันบอกให้ส่งมีดมา”
เมี้ยนส่ายหน้า
“ไม่ได้เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีตบหน้าเมี้ยนฉาดใหญ่เตือนสติ
“เดี๋ยวนี้พูดไม่ฟังกันแล้วใช่ไหม ส่งมีดมาเดี๋ยวนี้”
คุณหญิงศรีตวาด เมี้ยนส่งมีด แล้วตัวเองก็เซจะล้ม สะบันงาตกใจ
“พี่เมี้ยน”
คุณหญิงศรีกับสะบันงา ประคองเมี้ยนไปขึ้นรถ
“ต้องรีบไปหาหมอ”
“ค่ะ”
สะบันงาน้ำตานองหน้าประคองเมี้ยน คุณหญิงศรีหน้าเฉยมาก
สังเวียนนอนกับท่านเจ้าคุณไปแล้ว เจ้าคุณแต่งตัวลุกจากเตียงยืนที่หน้าต่าง สังเวียนนั่งคุกเข่าที่พื้นมองตามหลังเจ้าคุณด้วยสายตาเจ็บช้ำโกรธแค้น
‘ไอ้แก่ มึงนอนกับกู แต่ใจมึงไพล่ไปคิดถึงแต่อีสะบันงา มึงเอากูเป็นตัวแทนอีสะบันงา’
เจ้าคุณหันมามองสังเวียน สังเวียนสะอื้นร้องไห้ ใส่มารยาเต็มที่
“ร้องไห้อีกแล้ว ยังไม่หายเสียใจเรื่องสังวรอีกหรือ”
“เรื่องนั้นก็ใช่อยู่เจ้าค่ะ แต่เรื่องของบ่าวเองก็อีกเรื่องหนึ่ง บ่าวกลัวเจ้าค่ะ”
“กลัวอะไรหรือ”
“กลัวว่าบ่าวจะปรนนิบัติท่านไม่ดีพอเจ้าค่ะ กลัวท่านจะไม่พอใจ กลัวว่าสักวันบ่าวจะพบชะตากรรมอันโหดร้ายเหมือนพี่สังวรเจ้าค่ะ”
“นอนเถิดสังเวียน นอนบนเตียงของฉันนั่นแหละ วันนี้พอทีสำหรับเรื่องเครียดๆ ไปสิ ขึ้นไปนอนบนเตียง”
สังเวียนแอบยิ้มดีใจ ขึ้นไปนอนบนเตียง นึกในใจว่าอีกสักครู่เจ้าคุณคงเดินมานอนด้วย เสียงประตูห้องปิดเบาๆ สังเวียนลุกพรวด
“ไอ้แก่มันออกไปหานังสะบันงาอีกจนได้ อีสะบันงาฉันปล่อยแกไว้ไม่ได้แล้ว”
สังเวียนนั่งขุ่นเคืองอิจฉาสะบันงา
บ้านของหมออดุลย์เป็นคลินิกไปในตัว...เมี้ยนได้รับการทำแผลพันแผลเรียบร้อยแล้ว ใส่เสื้อที่มีสีแดงคราบเลือดอยู่
“โชคดีที่คมมีดปักไม่ลึก และเฉียดสีข้างไม่มาโดนที่ลิ้นปี่ หรือซี่โครง หมอฉีดยาแก้ปวดให้แล้ว พรุ่งนี้จะไปฉีดยาไปทำแผลให้”
เมี้ยนยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะคุณหลวง เอ้อ...เรื่องแผล ดิฉันทำเองได้เจ้าค่ะ”
“หนูอาสาทำให้เองเจ้าค่ะ” สะบันงาอาสา
คุณหญิงศรีหันมาหาอดุลย์
“คุณหลวงคะ ฉันขอร้อง อย่าให้ใครรู้เรื่องเมี้ยนโดนทำร้ายนะคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเรียนท่านเจ้าคุณว่า เมี้ยนป่วยเป็นปอดบวม”
“ขอบใจมาก หนูอุดรลูกชายกับภรรยาคุณหลวงแข็งแรงดีนะคะ”
“ครับ แข็งแรงดี ขอบคุณมากครับ”
“ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกๆดื่นๆ เอ้อ...คงจะต้องขอรบกวนเสื้อคุณหลวงสักตัว เปลี่ยนให้เมี้ยนใส่”
“ยินดีครับ คุณหญิง”
เมี้ยนไหว้ขอบคุณคุณหลวง
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สังเวียนนั่งกลางเตียงในห้องเจ้าคุณหน้างอหงิก
“เออ หนอ อเนจอนาถตัวเองแท้ๆ มีผัวกับเขาคนแรก ผัวก็ไพล่ไปคิดว่ากูเป็นคนอื่น แถมทิ้งให้กูนอนหง่าวคนเดียวตามลำพัง กูน่าจะชื่ออีสังเวช ไม่ใช่อีสังเวียน”
สังเวียนได้ยินเสียงรถแล่นเข้าบ้าน เดินไปแอบมองที่หน้าต่าง
“นังศรีมันออกไปไหนตอนกลางคืน เอ๊ะ นังสะบันงา นังเมี้ยนก็ไปด้วย นังเมี้ยนมันเป็นอะไร ทำไมสองคนนั่นประคองมันมา”
สังเวียนแปลกใจ
คุณหญิงศรี สะบันงา เมี้ยนเปลี่ยนมาใส่เสื้อหมออดุลย์แล้ว ทั้งสามลงมาจากรถเรียบร้อย นายยอดมารับรถไปเก็บ ทั้งสามไม่มีใครพูดะไรกัน นายยอดแปลกใจ
“เอ้อ เอ๊ะ...”
คุณหญิงศรีสวนขึ้น
“ไม่ต้องมาเอ้อ มาเอ๊ะ รีบเอารถไปเก็บ”
“ขอรับ”
นายยอดมองตาม แปลกใจ
“ยังไงกัน ตอนออกไปไม่เห็นมีสะบันงา แต่ขากลับมาด้วยกันหรือว่าเราตาฝาด”
นายยอดสะบัดหัวตัวเอง
สามคนเข้ามาในเรือนคุณหญิงศรี
“เมี้ยน เข้าไปพักผ่อนนะ คงต้องอยู่นิ่งๆเงียบๆหลายวัน อย่าให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น”
“เจ้าค่ะ แต่ยังเจ็บใจมันไม่หายเลยเจ้าค่ะ”
“จบเรื่องนี้ ลืมเรื่องนี้ให้หมด ฉันเอือมเรื่องนี้จนอยากจะอาเจียนแล้ว”
“เมี้ยนไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ คุณหญิงเหนื่อยมากและคงง่วงแล้ว เดี๋ยวเมี้ยนจะ...”
“ฉันจัดการตัวเองได้”
สะบันงาก้มลงกราบร้องไห้
“เพราะหนูก่อเรื่องวุ่นวาย จนพี่เมี้ยนต้องบาดเจ็บ หนูช่างโง่เหลือเกิน”
“เพราะเธอดีเกินไปต่างหาก เธอดีเกินไปที่จะอยู่ร่วมกับคนไม่ดีที่นี่ ดีเกินไป อดทนมากไป ไม่โต้ตอบมันจะกลายเป็นโง่เป็นขี้ขลาด เธอคงทนได้ ไม่ต้องคิดหนี คุณศุกลกำลังเดินทางกลับมา อีกไม่นานเธอก็จะได้ออกจากที่นี่สมใจ ด้วยวิธีที่สง่างามน่าชื่นชม”
“หนูกราบขอบพระคุณค่ะ”
“สะบันงา ขึ้นไปดูแลคุณหญิงแทนฉันนะ เอ้อ ก่อนนอนเกาหลังให้ท่านจนหลับนะ” เมี้ยนสั่ง
“ค่ะ”
“สะบันงาขึ้นไปก่อน ไปดูจัดที่หลับที่นอนรอไว้ ฉันมีอะไรจะคุยกับเมี้ยน เดี๋ยวจะตามขึ้นไป”
“ค่ะ”
สะบันงาเดินขึ้นไป คุณหญิงหันมาหาเมี้ยน โอบบ่าลูบหัว
“เมี้ยน ช่วยฉันอีกแล้ว ถ้าเมี้ยนไม่มากันไว้ มีดของมันคงแทงกลางอกฉัน ฉันคงขาดใจตายอยู่ตรงนั้น”
“เมี้ยนก็คงขาดใจตายตามคุณหญิงไปตรงนั้น ไม่น่าห้ามเมี้ยนเลยเจ้าค่ะ”
“ฉันไม่สามารถทนเห็นตัวเองทำบาปไปมากกว่านี้อีกแล้วเมี้ยน เด็กอยู่ ในท้องมันทั้งคนนะ เด็กไม่รู้เรื่องราวเลวร้าย อะไรทั้งสิ้น”
“มันเอ่ยปากอาฆาตไว้แล้วเราต้องระวัง เราต้องจับตานังสังเวียนน้องสาวมันเอาไว้ให้ดีนะเจ้าคะ อีนังนี่แหละเจ้าค่ะ นังน้อยมันว่าตัวเอาน้ำกรดมา มาใส่แชมพูของสะบันงาเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้ารับรู้
สะบันงาเปิดประตูห้องเข้าไปเดินตรงไปที่เตียงคุณหญิงศรีจะไปเอาผ้าคลุมเตียงและปัดที่นอนแต่สะบันงาต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะพบเจ้าคุณนอนหลับอยู่บนเตียงของคุณหญิงศรี สะบันงาอุทาน
“ท่านเจ้าคุณ”
สะบันงาทำอะไรไม่ถูก รีรอแล้วหันกลับ เจ้าคุณปรือตามองสะบันงา ที่กำลังเดินเร็วมากจะออกนอกห้อง
“สะบันงา”
เจ้าคุณลุก สะบันงาถอย
“ฉันไม่ใช่คนบ้าระห่ำปล้ำขืนใจผู้หญิงนะสะบันงา”
คุณหญิงศรีสวนเข้ามาในห้อง
“จัดที่นอนเสร็จแล้วหรือ เร็วจริง”
สะบันงาอึกอัก
“เอ้อ คือ คือ...”
คุณหญิงศรีมองไปบนเตียง เห็นเจ้าคุณนั่งมองมา
“เข้าใจแล้ว ไปเถิด ไปอยู่กับเมี้ยน”
สะบันงาออกไป คุณหญิงศรีมองเจ้าคุณไม่เข้าใจว่ามาที่ห้องเธอทำไมในเมื่อส่งสังเวียนไปให้แล้ว
“คุณมาที่นี่ทำไมกัน ในเมื่อสังเวียนไปอยู่ด้วยแล้วนี่นา”
เจ้าคุณ ลืมตายิ้มให้
“ที่มานี่ อยากจะมาพูดเรื่องสะบันงาเมื่อหัวค่ำ”
“ฉันไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”
“ฉันกลัวศรีจะเข้าใจผิดว่าสะบันงายั่วฉัน”
คุณหญิงศรีแอบถอนใจเหนื่อยๆ
สะบันงา ยังไปไม่พ้นหน้าห้อง ได้ยินเอ่ยถึงตนเองจึงอดไม่ได้ที่จะยืนฟัง
“ท่านเจ้าคุณมาที่นี่เพื่อจะมาแก้ตัวแทนเราหรือนี่”
สะบันงายืนฟังต่อไป...ในห้องสองคนพูดกันต่อ
“สะบันงาไม่ใช่หญิงใจง่ายยั่วยวนผู้ชาย สวยและแสนดีงามจนหาที่ติไม่ได้อย่างนั้นไม่ต้องแล่นไปหาใคร มีแต่ใครๆที่จะอดใจไม่ไหวกรูแล่นมาหา”
“ถ้าศรีเข้าใจฉันก็ขอบใจ”
“ถ้าเช่นนั้นกลับไปหาสังเวียนเถิดค่ะ อย่างน้อยสังเวียนก็มีเสียใจ ดีใจเช่นเดียวกับเรา คุณทิ้งเขามา เขาคงรู้สึกเสียใจอับอายขายหน้า อย่านึกว่าเขาเป็นแค่เมียบ่าว ก็ขอให้นึกว่าเขาคือเพศแม่ ที่อาจจะกลายเป็นแม่ของลูกคุณสักวัน กลับไปนะคะ”
“ขอบใจที่เตือนสติ ความจริงฉันควรจะเป็นคนที่มีผัวเดียว เมียเดียว แต่เราแต่งงานกัน ฉันก็หวังว่าศรีกับฉันจะเอ้อ...”
“ฉันขอโทษ และขอบคุณ ทุกวันนี้คุณก็ไม่ได้จะมีผู้หญิงหลายคนในคราวเดียวกัน คุณมีทีละคนอยู่แล้วค่ะ อย่าทำให้สังเวียนรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า จะทำให้เขามีปมด้อยแล้วเอาตัวมาเปรียบเทียบกับฉัน และเกลียดชังฉัน”
“ศรีไม่เคยหึงหวงบ้างเลยหรือ”
“ฉันรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงคุณค่ะ หรือคิดว่าฉันหึงหวงจนใส่ร้ายป้ายสีสังวร”
“อย่าเจ้าใจผิดศรี ฉันไม่มีวันคิดว่าศรีเป็นเช่นนั้น ศรีคือคู่บุญของฉัน ฉันยกย่องศรี ให้เกียรติศรี เกินว่าจะไปคิดถึงศรีในแง่เสียหาย”
“ขอบคุณมาก กลับไปหาสังเวียน ให้สังเวียนดูแลไปเรื่อยๆนะคะ”
“จนกว่า ศรี จะเอ้อ...ฉันจะรอวันนั้น”
“ค่ะ”
เจ้าคุณเดินมาหาคุณหญิงศรีโอบกอดหอมแก้ม
สะบันงารีบเดินเบามากไปที่บันได ลงไปหาเมี้ยน สะบันงามาถึงหน้าห้องกำลังจะเปิดประตูเข้า เจ้าคุณมาแตะข้อมือกุมไว้ สะบันงาสะดุ้งตกใจ ไม่กล้าเสียงดังกลัวเมี้ยนได้ยิน
“อุ๊ย...”
เจ้าคุณกุมมือดึงถอยออกมา กระซิบ
“เราต้องพูดกันเรื่องเมื่อหัวค่ำ ที่ทำให้เธอตกใจมาก”
สะบันงาเงียบ เจ้าคุณฉุดมือไปอีกทาง
คุณหญิงศรีออกมายืนมองที่บันได มองลงมาเงียบๆ ในห้องนั่งเล่นเรือนคุณหญิงศรี เจ้าคุณกุมมือสะบันงา
“ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ และกลัวว่าคุณหญิงจะเข้าใจผิด”
“เอ้อ...”
“ฉันไม่ใช่คนตะกละตะกราม เที่ยววิ่งพล่านไล่จับผู้หญิงมาเป็นเมีย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ดีงาม ทั้งกายและใจอย่างเธอสะบันงา”
สะบันงาอึ้ง
“เอ้อ...”
“ผู้หญิงแสนดีอย่างเธอ สมควรได้รับการทนุถนอม ไม่ใช่โดนย่ำยี ฉันไม่มีวันทำเช่นนั้นกับเธอ ไม่ต้องกลัวฉันหรอกสะบันงา”
“เอ้อ เจ้าค่ะ”
“เมื่อก่อนฉันมีสังวร ตอนนี้ฉันมีสังเวียน ฉันจะไม่แตะต้องใครอีก”
“เอ้อ เจ้าค่ะ”
“น่าดีใจแทนเธอมากนะ ที่คุณหญิงช่างรักใคร่เธอราวกับว่าเธอคือญาติสนิท หรือน้องนุ่งลูกหลาน”
“ดิฉันทราบเจ้าค่ะ ดิฉันไม่มีวันลืมพระคุณของท่าน ถ้ามีโอกาสต้องตอบแทนพระคุณท่านให้ได้เจ้าค่ะ”
“ฉันมั่นใจว่าเธอต้องตอบแทนพระคุณคุณหญิงแน่ จะไม่มีเรื่องที่ทำให้เธอต้องตกใจอีกแล้ว ไปนอนเถิด”
สะบันงาไหว้
“ดิฉันกราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณมากเจ้าค่ะ”
สะบันงาเดินกลับ เจ้าคุณเดินออกไป
คุณหญิงศรีมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดยิ้มสบายใจขึ้นมาก
“ขอบคุณมากเจ้าคุณ คุณเป็นสุภาพบุรุษเป็นผู้ชายที่ฉันสมควรจะรักที่สุด ถ้าหากว่า...”
ในอดีต...ศรีเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่ในห้องนอนน่ารักสวยงาม ครูแหม่มแอบป้ายน้ำตากอดศรีไว้พึมพำ
“ผู้ชายมันเลวร้ายใจดำทั้งนั้น”
ศรีไม่เข้าใจ
“ทำไมผู้ชายถึงเลวร้ายใจดำทั้งนั้นคะ ผู้ชายคนไหนทำให้ครูแหม่มร้องไห้คะ”
“พ่อครูแหม่ม เขาทิ้งครูแหม่มกลับฝรั่งเศส เพื่อไปแต่งงานกับภรรยาคนใหม่”
“ครูแหม่มอยากกลับฝรั่งเศสหรือคะ”
“ครูแหม่มไม่ได้อยากกลับฝรั่งเศส แต่ครูแหม่มเสียใจที่พ่อของครูแหม่มไม่รักครูแหม่ม ทิ้งครูแหม่มได้ลงคอ ทั้งที่รู้อยู่ว่าครูแหม่มไม่มีแม่ แม่ตายแล้ว ผู้ชายเห็นแก่ตัวทั้งนั้น ชอบมีเมียหลายคน”
“เหมือนคุณเตี่ยของศรีใช่ไหมคะ”
“แต่คุณเตี่ยของคุณหนูศรี รักคุณหนูมากนะคะ แต่พ่อครูแหม่มทิ้ง ครูแหม่มไว้ที่นี่ไม่สนใจว่าชีวิตครูจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีคุณเตี่ยของคุณหนูรับครูแหม่มเอาไว้เป็นพี่เลี้ยงและสอนหนังสือให้คุณหนู ครูแหม่มก็อดตายเหมือนหมูเหมือนหมา ครูแหม่มเกลียดพ่อ คุณหนูศรีจำไว้นะคะ ผู้ชายใจร้ายใจดำเห็นแก่ตัว”
“ค่ะ หนูจำได้ ครูแหม่มบอกหนูทุกคืนก่อนนอนค่ะ”
“ดีมากค่ะ นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนของชีวิตที่หนูต้องจำไว้ เราไว้ใจผู้ชายไม่ได้เราต้องเกลียดผู้ชาย”
“ค่ะหนูเกลียดผู้ชาย”
“ผู้ชายเอาเปรียบผู้หญิง มีเมียหลายคน ผู้ชายทิ้งขว้างลูก ชีวิตนี้ครูแหม่มไม่แต่งงาน”
“ชาตินี้หนูก็ไม่แต่งงานค่ะ”
“ดีมาก ครูแหม่มกลัวมีลูก แล้วลูกของครูจะถูกทิ้งขว้างเหมือนครู แล้วลูกของเราจะมีแต่ความทุกข์ระทมขมขื่น”
ศรีพยักหน้าอย่างเชื่อถือในครูแหม่ม
เมื่อนึกถึงอดีต คุณหญิงศรีนั่งทอดถอนใจ
“ใช่ค่ะ ผู้ชายเอาเปรียบผู้หญิง กดขี่ผู้หญิง ไม่มีความรับผิดชอบต่อลูกของตัวเอง คนที่เป็นแม่ต่างหากที่คอยปกป้องคุ้มครองลูกเสมอมา เราจะต้องไม่มีลูกเพราะลูกของเราอาจต้องพบกับความระทมขมขื่นเหมือนครูแหม่ม” คุณหญิงศรีน้ำตาซึม “ฉันขอโทษเจ้าคุณ แม้ว่าคุณจะคือผู้ชายที่ดีที่สุดที่ฉันเคยพบมา แต่ฉันเกลียดผู้ชายมาตั้งแต่หกขวบ ตามที่ครูแหม่มพร่ำบอกฉันทุกวันและทุกคืนก่อนนอน ฉันไม่อาจถอนความคิดที่ฝังในหัวนี้ออกไปจากใจได้แม้จะพยายามตั้งแต่ได้พบคุณแล้วก็ตาม”
คุณหญิงศรีน้ำตาหยดลงมา เธอรีบป้ายน้ำตาออก เพราะไม่ต้องการอ่อนแอ
สังเวียนแอบมองเจ้าคุณที่ประตู
“ไอ้แก่มาแล้ว”
เจ้าคุณเดินขึ้นบันไดชั้นสองของเรือนสีหน้าสงบ
“เราต้องเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงของเรา ไม่ว่าหญิงนั้นจะเป็นบ่าวหรือเป็นใคร เพราะผู้หญิงพวกนี้คือภรรยาของเรา ขอบใจมากศรี ที่เตือนสติ”
เจ้าคุณถอนใจ...เจ้าคุณก้าวเข้ามาในห้องมองไปที่เตียง แล้วตะลึง
“สังเวียน”
สังเวียนกำลังเอาผ้าปูที่นอนมาพันคอด้านหนึ่งผูกไว้กับพนักเตียงด้านบนทำเหมือนไม่เห็นเจ้าคุณ แต่กำลังจะหย่อนตัวลงไปเพื่อผูกคอตาย เจ้าคุณเข้าห้าม
“อย่า สังเวียน”
“ลาก่อนเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณผวาไปหา แล้วโอบอุ้มกอดเอาไว้
“ไม่นะสังเวียน อย่าทำอย่างนี้สังเวียน”
สังเวียนแอบยิ้มดีใจพอใจที่ล่อลวงเจ้าคุณได้สำเร็จ เจ้าคุณรีบเอาผ้าที่คล้องหัวเตียงและพันคอสังเวียนออก สังเวียนทำร้องไห้ใหญ่โต
“บ่าวเสียใจ บ่าวอับอายขายหน้าที่ท่านไม่พอใจการปรนนิบัติของบ่าว บ่าวไม่ดีเองเจ้าค่ะ บ่าวไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปเจ้าค่ะ”
“สังเวียนทำดี สังเวียนไม่ผิดอะไรสักอย่าง ฟังนะสังเวียน สังเวียนเป็นเมียคนหนึ่งของฉัน และต่อไปนี้จะให้สังเวียนมาอยู่กับฉันที่นี่ตลอดเวลาที่ฉันอยู่บ้าน”
สังเวียนใจพองโต
“จริงหรือเจ้าคะ”
“จริงสิ”
“ให้สังเวียนกินข้าวกับท่านด้วยหรือเจ้าค่ะ”
“ใช่ ยกเว้นที่วันไหนฉันไปหาคุณหญิง”
สังเวียนทำปากเบาๆ
“อีมารความสุข”
แล้วสังเวียนก็ถอยตัวมาก้มลงกราบแทบเท้าเจ้าคุณ
“บ่าวกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ บ่าวจะตื่นก่อนนอนทีหลัง ปรนนิบัติพัดวีจนกระทั่งท่านหลับ จะกราบเท้าก่อนนอนด้วยเจ้าค่ะ”
“เลิกเรียกตัวเองว่าบ่าว เพราะสังเวียนเป็นเมียฉันไม่ใช่บ่าวของฉัน ถ้าสังเวียนต้องการขอบคุณ ก็ควรไปขอบคุณคุณหญิงเธอ เพราะเธอเตือนสติฉันว่าสังเวียนคือผู้หญิงของฉัน และอาจเป็นแม่ของลูกฉัน ให้ฉันให้เกียรติสังเวียนในฐานะเมีย อย่าเห็นสังเวียนเป็นบ่าว”
“แล้วมีอันต้องเป็นไปอย่างพี่สังวรหรือเจ้าคะ”
“เราจะไม่พูดถึงสังวรอีกต่อไป”
สังเวียนรู้ทันทีว่าต้องเงียบ จึงหยุดพูด ในใจลิงโลดนัก
“วันนี้เป็นวันที่มีความวุ่นวายมากมาย ฉันเหนื่อยเหลือเกิน”
“เจ้าค่ะ สังเวียนจะนวดให้เจ้าค่ะ”
“ขอบใจ ไม่ต้องหรอก”
เจ้าคุณเดินไปหยิบสร้อยคอเส้นใหญ่กว่าสังวร มาคล้องคอให้สังเวียนที่ยิ้มแป้นพึมพำในใจ
“สร้อยนี่ใหญ่กว่าของพี่สังวรอีก”
เจ้าคุณเดินไปล้มตัวลงนอน สังเวียนตัดสินใจก้าวไปบนเตียง แล้วเอื้อมมือไปกอดเจ้าคุณไว้ยิ้มอย่างมีความสุขรำพึงในใจ
“เป็นทีของกูแล้ว อีศรี อีเมี้ยน อีสะบันงา”
สังเวียนไม่ได้นึกถึงเรื่องเจ้าคุณให้ขอบคุณคุณหญิงศรี
เช้าวันใหม่...เมี้ยนเป็นไข้เพราะพิษอักเสบของแผล คุณหญิงศรีจับหน้าผากเมี้ยนอย่างห่วงใย เมี้ยนเอนพิงพนักที่นอน
“ตัวร้อนจี๋เลยเมี้ยน โธ่เอ๊ย”
“หมอบอกแล้วว่าเมี้ยนจะเป็นไข้เพราะพิษอักเสบของแผลเจ้าค่ะ อีกสองสามวันก็หาย”
“อย่าออกไปนอกห้องให้ใครมันสงสัย”
“เจ้าค่ะ แต่มันทรมานนะเจ้าคะ”
“หยุดเจ้ากี้เจ้าการสักวันสองวันมันไม่ถึงตายหรอก บ้านมีศัตรูรอบทิศอย่าให้มันมารู้เรา แต่เราต้องรู้มันให้มากที่สุด”
“เจ้าค่ะ”
“สะบันงาเล่า”
“ออกไปทำข้าวต้มมาให้เมี้ยนกินเจ้าค่ะ เอ้อเมื่อคืนทำไมคุณหญิงไล่สะบันงาลงมาไวนักเจ้าค่ะ”
“ท่านเจ้าคุณมารออยู่ในห้อง”
“ตายจริง แล้วนังสังเวียนเล่าเจ้าคะ มันขึ้นไปปรนนิบัติยังจะมารบกวนคุณหญิงอีก”
“เราพูดกันเข้าใจแล้ว ท่านเป็นสุภาพบุรุษ ฉันเองก็ผิดต่อท่านมาตั้งวันแรกที่ก้าวเข้ามาเป็นคุณหญิงที่นี่แล้วนะ เมี้ยนเราเข้าใจกันดีแล้วนับแต่นี้ต่อไปสังเวียนจะอยู่กับท่านตลอดไปในฐานะเมียของท่าน ท่านจะไม่มาวอแววุ่นวายกับทั้งฉันและสะบันงา ฉันเบาใจมากนอนหลับสบายจนเช้า”
“แต่ถ้านังสังเวียนมันท้องเหมือนกับนังสังวร มันก็ต้องหยุดปรนนิบัติท่าน ทีนี้ท่านก็ต้องหวนกลับมาวอแววุ่นวายต่อไปอีก”
“มันไม่ท้องกันง่ายดายอย่างที่เมี้ยนคาดเดาหรอกน่า”
“ว่าได้หรือเจ้าคะ บางคนอยากได้ลูกรอไปสิบปียังไม่ได้ บางคนไม่อยากได้ลูก แต่มาประมาทเลินเล่อลักลอบได้เสียกันวันเดียวท้องหน้าตาเฉย”
“ถ้าสังเวียนทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่มาคิดร้ายใส่เรา เราก็สงบปล่อยให้มันมีลูกไป”
“แต่เมี้ยนคาดว่ามันจะมาอีหรอบเดียวกับพี่สาว แต่อาจแนบเนียนกว่าเจ้าค่ะ”
“เราก็จะอดทน แต่ไม่ทนจนกลายเป็นหงอเป็นโง่ เพราะฉันไม่ใช่สะบันงาความอดทนของฉันมีขีดจำกัด”
เมี้ยนส่ายหน้าอ่อนใจ
สะบันงาถือถาดอาหาร ทั้งของคุณหญิงและมีข้าวต้มของเมี้ยน เดินออกมาจากครัว สังเวียนเดินผยองใจตั้งใจจะเข้ามาในครัว สังเวียนคำรามในคอ
“อีสะบันงา”
“พี่สังเวียน”
สะบันงาจะถอยหลบ สังเวียนแกล้งเดินหลบไม่พ้นชนเอาสะบันงาแถมเอามือปัดอาหารตกกระจาย
“อุ๊ยตายจริง ฉันหลบแล้ว แต่ทำไมไม่พ้นก็ไม่รู้ เอหรือว่าสะบันงาเขยิบมาขวางทางฉันเสียเอง ขอโทษนะสะบันงา”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สะบันงารู้ว่าโดนแกล้งไม่พูดไม่จา ก้มหน้าก้มตาลงไปเก็บข้าวของที่ตกเกลื่อน สังเวียนแกล้งช่วยหยิบ
“ฉันจะช่วยเก็บนะ”
สังเวียนกอบเศษอาหารยกขึ้นมา แล้วแกล้งทำร่วงใส่หัวสะบันงาที่ก้มหน้าอยู่
“ว๊าย...”
“ตายจริง ขอโทษทีนะ ไม่ได้ตั้งใจ จะโกยเอาไปหาที่ทิ้งน่ะ”
แกละเดินมาพอดี น้อยมาด้วยอีกคนเห็นถนัดชัดเจน
“ทำอะไรน่ะสังเวียน”
“เอาเศษอาหารที่ตกพื้นไปโปะใส่หัวสะบันงาทำไม” น้อยโวย
สังเวียนปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ฉันเปล่า”
แกละไม่พอใจ
“สี่ตาเห็นถนัดชัดเจน อย่ามาเถียงหน้าด้านๆ แกปัดถาดนั่นตก แกต้องเก็บ สะบันงาไปล้างหัวล้างหน้าไปจัดสำรับมาใหม่เอาไปให้คุณหญิงกับคุณเมี้ยนเถิด”
สังเวียนเชิด
“เห็นจะไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันก็กำลังจะรีบจัดสำหรับไปท่านเจ้าคุณกินกับฉันสองคนบนตึกของท่าน พวกแกต้องทำให้ท่านเจ้าคุณก่อน เข้าใจไหม”
สังเวียนเดินยิ้มจากไป แกละกับน้อยสุดหมั่นไส้
“มาตะเภาเดียวกับอีนังสังวร”
“ร้ายกว่าอีนังสังวรเสียด้วยซ้ำ”
สะบันงาเก็บของแตกใส่ถาดแล้วลุกขึ้น แกละโกรธแทน
“ถ้ากูเป็นสะบันงา จะตบหน้ามันด้วยชามแตกนั่นให้หน้าแหกหน้าเยิน”
น้อยหันมาถามสะบันงา
“สะบันงาทำไมไม่ตบหน้ามันอย่างที่นังแกละเขาว่าล่ะ”
สะบันงาส่ายหน้าแล้วรีบเดินหัวหูเปียกเศษอาหารไป แกละถอนใจ
“คนอย่างนี้ก็มีด้วย”
“โง่แท้ๆทั้งที่ตัวเองก็มีเส้นมีสายใหญ่โตที่สุดในบ้าน ทำไมวะ”
“เพราะมันเป็นคนดีอย่างที่พวกแกไม่มีทางเป็นได้น่ะสิ เฮียซ้งเขาว่าสะบันงาคนนี้โหงวเฮ้งดีมากๆ จะได้เป็นใหญ่เป็นโต มีบริวารพรั่งพร้อม”
น้อยส่ายหน้าไม่เชื่อ
สะบันงาถือถาดข้าวต้มมาให้เมี้ยน ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ คุณหญิงศรีหันไปถาม
“ทำไมหายไปนานนักสะบันงา หรือว่า...”
เมี้ยนแทรกทันที
“ไปโดนใครหน้าไหนมันเล่นงานมา”
“เปล่าค่ะ คุณหญิงขา อาหารของคุณหญิงจัดไว้บนโต๊ะข้างนอกแล้วค่ะ”
“ฉันอยากกินกับเมี้ยนในห้องนี้”
“หนูจะไปยกมาให้คุณหญิงค่ะ”
“สะบันงามากินกับฉัน”
สะบันวาชะงัก
“เอ้อ...”
“อย่าปฏิเสธ”
“ค่ะ”
สะบันงาเดินออกไป สองคนมองตาม
“เมี้ยนเดาสิว่า สะบันงาหายไปนานไปมีเรื่องอะไรกับใครมาไหม”
“ถ้าเดาจากสีหน้าท่าทางคงว่าไม่มีเรื่องเจ้าค่ะ แต่เดาจากเวลาที่หายไปนานคงจะไปเจออะไรแย่ๆมาเจ้าค่ะ เพราะสะบันงาหัวเปียกมาเจ้าค่ะ”
“ฉันว่าใครก็เดาใจฉันยากแล้ว แต่สะบันงานี่สิใครก็เดาใจไม่ถูกเอาเลย”
คุณหญิงศรียิ้มเอ็นดู
สะบันงากำลังจะมายกอาหารเช้าของคุณหญิงศรีไปที่ห้องเมี้ยน เจ้าคุณเดินมาในห้อง
“สะบันงา”
สะบันงารีบย่อตัวคุกเข่า
“คุณหญิงยังไม่ตื่นหรือ”
“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ อยู่ที่ห้องพี่เมี้ยนเจ้าค่ะ ดิฉันจะไปเรียนท่านว่าท่านเจ้าคุณมาเจ้าค่ะ”
“ไปเรียนคุณหญิงว่าฉันจะมาทานอาหารเช้าด้วย”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาตะลานถอยไป เจ้าคุณเรียกไว้
“เดี๋ยว”
“เจ้าค่ะ”
“ทำไมคุณหญิงถึงไปอยู่ที่ห้องเมี้ยน”
“พี่เมี้ยนไม่สบายเจ้าค่ะ”
“เป็นอะไร”
หมออดุลย์เข้ามาพอดี
“แม่เมี้ยนเป็นนิวมอเนียขอรับ”
“อ้าวคุณหลวง”
“เอ้อ คือ ผมมาดูอาการแกขอรับ”
“เป็นตอนไหนเมื่อวานยังได้ยินเสียงแหวๆอยู่ ทำไมคุณหลวงรู้มีใครไปตาม”
หมออดุลย์อึกอัก
“เอ้อ...”
สะบันงาแทรกขึ้น
“คุณหญิงพาไปหาคุณหลวงเองเจ้าค่ะ ดิฉันก็ไปด้วยเจ้าค่ะ”
“เชิญคุณหลวง”
เจ้าคุณเข้าไปทางห้องเมี้ยน มีสะบันงานำไป เจ้าคุณไม่วายมองตามสะบันงาสายตามองที่หัวละเรื่อยลงมาถึงลำตัวและข้อเท้า เจ้าคุณ ถอนใจ
“เฮ้อ”
สังเวียนชะเง้อหาเจ้าคุณอยู่ในห้องอาหารที่ตึก
“ไวแท้ๆ แค่ไปเอาอาหารกลับมา อาบน้ำแต่งตัวหายไปไหน เอหรือว่า...ไปหาอีสะบันงากับนังศรีแน่ๆ ไอ้แก่มันหลอกเรา ยังไงยังไงมันก็ไม่เห็นว่าเราเสมอกับอีนังสองคนนั้น เดี๋ยวแม่เอายาพิษใส่ให้กินตายไปเสียเลย ใจดำกับกูดีนัก”
สังเวียนคับข้องใจ อิจฉาสองคนนั่นไม่เลิก ยอดมาตอนไหนสังเวียนไม่ทันเห็น
“ว่าอย่างไรคุณนายสังเวียน จะเอายาพิษไปวางใครที่ไหนกินให้ตายหรือ”
สังเวียนสะดุ้ง
“ว๊ายนายยอด มาเมื่อไหร่ทำไมมาเงียบๆ แล้วมาจุ้นจ้านอะไรที่นี่”
“ท่านเจ้าคุณให้ฉันมาเอากระเป๋าเอกสารที่ท่านถือไปทำงานทุกวันน่ะสิ”
สังเวียนพึมพำ
“แปลว่าจะไม่กลับมากินข้าว” สังเวียนหันไปชี้ “อยู่ที่นั่นไปหยิบสิ”
ยอดเดินไปหยิบกำลังเดินออกไป
“เดี๋ยว นายยอด”
อดหันมามองหน้า
“เมื่อวันก่อนยังเรียกฉันพี่ยอด คืนเดียวเปลี่ยนแกไวแท้ๆ คุณนายสังเวียน”
“ท่านเจ้าคุณอยู่ที่ไหน”
“เรือนคุณหญิง”
ยอดสะบัดหน้าออกไป ไม่สนใจว่าสังเวียนจะพูดจาว่าอะไรอีก สังเวียนแค้นๆ
“สักวันกูจะไล่มึงออกจากงาน”
ยอดที่กำลังจะพ้นออกไป มีสีหน้าไม่พอใจมากพึมพำเบาๆ
“มึงนึกว่าคนอื่นเขาจะไล่มึงไม่เป็นหรือ อีคางคกขึ้นวอ”
ยอดเดินต่อไป สังเวียนมองตามแล้วลงไปดิ้น ร้องกรี๊ดๆ ยอดหันมาตกใจ
“โอ๊ย ปวดท้อง ปวดท้องไส้บิดจนจะขาดอยู่แล้ว โอ๊ย โอ๊ย”
ยอดหันมาถาม
“สังเวียนผีเข้าหรือ”
“อย่ามาพูดเล่น รีบไปบอกท่านเจ้าคุณให้มาดูฉันที พี่ยอด”
“พูดยังงี้มันน่าไปให้ เอเมื่อกี้ยังดีๆอยู่ ทำไมมันเป็นไวนักวะ โรคมารยาสาไถหรือเปล่า”
สังเวียนยังดิ้นร้องกรี๊ดดังมากต่อไป พอยอดพ้นไปสังเวียนมองตาม
“ร้องอยู่ในนี้ไอ้แก่มันไม่ได้ยิน ต้องออกไปร้องนอกตึก”
สังเวียนวิ่งปร๋อออกไป
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีกำลังตัดไข่ดาวกับไส้กรอก
“ไส้กรอกอร่อยมากกว่าที่เคยกินมา”
“ฉันสั่งให้เชฟโรเบิร์ตเขาลองทำมาให้กินกันเองในบ้านค่ะ”
“แล้วชีสนี่เล่า ทำเองใช่ไหม”
“ค่ะ สะบันงาไปช่วยหัดทำค่ะ”
หมออดุลย์เดินออกมามีสะบันงาเดินตามหลังมา หมอสบตากับคุณหญิงศรีพยักหน้าประมาณว่ารู้กันเมี้ยนอาการดีขึ้น
“อาการแม่เมี้ยนดีขึ้นมากขอรับ คุณหญิง”
พลันทั้งหมดได้ยินเสียงกรีดร้องแว่วมาจากทางด้านตึกท่านเจ้าคุณ พร้อมกับที่ยอดปรากฏตัวพร้อมกับกระเป๋าเอกสารของท่านเจ้าคุณ เจ้าคุณหันไปถาม
“เสียงใครมากรีดร้องนายยอด”
“เสียงคุณนายสังเวียนขอรับ เธอปวดท้องไส้บิดจวนเจียนจะขาดแล้วขอรับ” ยอดประชด
เจ้าคุณตกใจ
“ฮ้า”
ยอดทำหน้ายิ้มเย้ยๆไปอีกทาง แต่คุณหญิงศรีจับสังเกตได้
“เจ้าคุณรีบไปดูเถิดค่ะ คุณหลวงตามท่านเจ้าคุณไปดูหน่อยเถิดค่ะ”
เจ้าคุณมีสีหน้าเบื่อๆ คุณหญิงศรีคะยั้นคะยอ
“รีบไปสิคะ”
เจ้าคุณจำใจลุก มียอดกับหมออดุลย์เดินตามหลังไป สะบันงาเดินมาหาคุณหญิงศรี
“พี่สังเวียน คงจะปวดท้องมากนะเจ้าคะ ร้องราวกับจะขาดใจ”
“นี่แหละเขาเรียกว่าโรคขาดผัวไม่ได้ ใจมันเลยจะขาด สะบันงาจำไว้”
สะบันงาก้มหน้าเขินอายคำพูดคุณหญิง
สังเวียนกระชากหัวหูตัวเองให้ยุ่งเหยิง เอาสองมือตะกุยแขนตัวเองให้เป็นริ้วรอยแล้วลงไปนอนดิ้นกดท้องกระเสือกกระสนอยู่หน้าตึก ตาก็คอยจ้องเหล่มองไปทางด้านที่เจ้าคุณจะเดินมา แล้วบ่นเบาๆ
“บ้าเอ๊ย ดิ้นจนเหนื่อยจะขาดใจทำไมไม่รีบมาดูกันสักที”
สังเวียนแอบหยุด นายยอด เจ้าคุณ หมออดุลย์กำลังเดินมองมาเห็นสังเวียนที่หน้าตึกหยุดดิ้น เจ้าคุณหันไปสั่งยอด
“อ้าว สังเวียนออกมาฟุบอยู่ข้างหน้านั่นแล้ว ไปดูสินายยอด สลบไปหรือเปล่า”
ยอดรำพึงในใจ
“มันพักเหนื่อยต่างหากขอรับ”
นายยอดรีบเดินลิ่วไป สังเวียนเห็นทั้งหมดพากันมา รีบดิ้นต่อ ทุกคนเดินมาถึง สังเวียนแอบชายตาดูกะว่าเจ้าคุณจะก้มลงมาอุ้ม สังเวียนพึมพำ
“ไอ้แก่อุ้มสิ อุ้มให้พวกมันในบ้านดูว่าแกหลงฉันมากแค่ไหน”
เจ้าคุณมองสังเวียนแบบกลุ้มๆสงสารไม่น้อย
“ท่าทางจะหนักไม่น้อย คุณหลวงช่วยดูแลด้วยพาไปที่คลินิกคุณหลวง ถ้าเห็นว่าต้องส่งโรงพยาบาลฝากคุณหลวงจัดการด้วย นายยอดอุ้มสังเวียนไปใส่รถหมอ”
สังเวียนทั้งกลัว ทั้งเจ็บใจที่เจ้าคุณไม่ใยดีเท่าที่ควร กรี๊ดลั่นชักดิ้นชักงอเพราะโกรธและผิดหวัง ยอดยิ้มสะใจ ก้มลงอุ้มสังเวียนทันที
“ไม่ไปโรงพยาบาลเจ้าค่ะ สังเวียนขอตายที่บ้าน”
เจ้าคุณดุ
“เหลวไหลแท้ๆ นายยอดรีบเอาไปใส่รถ แล้วไปเอารถมารอ สายแล้วฉันจะรีบกลับไปกินข้าวกับคุณหญิงแล้วจะรีบไปทำงาน”
พูดจบเจ้าคุณเดินกลับไปหาคุณหญิงศรี ยอดอุ้มสังเวียนที่โวยวายไป หมออดุลย์มองตามส่ายหน้า
“เรามีแค่เมียเดียวยังมีปัญหา นี่มากเมียก็มากปัญหาน่าปวดหัวแทนท่านเจ้าคุณ...เฮ้อ”
หมออดุลย์มองสังเวียนไม่วายสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่
น้อยได้ยินเสียงโวยวายมาแอบมอง
“อ้าวนังสังเวียนนี่เองไม่ใช่เปรตมาแหกปากร้องจนบ้านแทบถล่ม มันเป็นอะไรของมันหรือว่าอ้อนอยากให้นายยอดอุ้ม”
น้อยเห็นยอดอุ้มสังเวียน ยอดหน้าตาเบิกบานสังเวียนดิ้นจะปัดไม่ให้อุ้ม
“ฉันไม่ไปโรงพยาบาลปล่อยนะ”
“จริงของคุณนาย ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เพราะอาการของคุณนายมันคืออาการของโรคมารยา” ยอดพูดได้ยินกันสองคน “จะหาแต่ผัว สงสัยชาติก่อนเกิดเป็นชะนี ผัวๆ”
สังเวียนโกรธ
“ไอ้ยอด ไอ้บ้า ไอ้สาระแน อย่ามาใส่ความกัน”
“พูดความจริงตะหาก เอาเถิดจะไม่บอกท่านหรอก เพราะฉันเห็นแก่สังเวียนคนงาม ขอบใจมากที่เปิดโอกาสให้ได้อุ้มได้กอดคนสวยเนื้อนิ่มๆช่างเต็มไม้ เต็มมือกอดแล้ว ชื่นใจดีแท้ๆ”
“ไอ้ คนลามก”
ยอดทำท่าไปด้วย น้อยจ้องมอง
“นายยอดมันพึงพอใจนังสังเวียนนี่นา”
น้อยวางแผนใส่ร้ายสังเวียนทันที
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีกินข้าวเสร็จแล้ว สะบันงากำลังเก็บ เจ้าคุณปรายตามองสะบันงาหลายครั้ง สะบันงาก้มหน้าก้มตา คุณหญิงศรีทำไม่สนใจ
“กรีดร้องดังขนาดนี้คงจะอาการหนักนะคะ กลับมาทำไมคะ”
“ปล่อยให้คุณหลวงจัดการไปเถิด ศรีออกไปส่งฉันที่รถนะจ้ะ”
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขยักขย้อนอยากจะอาเจียนค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ”
“โอเค ซี ยู”
เจ้าคุณเดินมาหอมแก้มคุณหญิงศรีหยิบกระเป๋าเดินออกไป หันมามองสะบันงาก่อนออกไปแล้วยิ้มให้ พอเจ้าคุณพ้นไป สะบันงารีบไปหาคุณหญิงศรี
“คุณหญิงไม่สบาย หนูจะไปเอายามาให้รับประทานนะคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันคลื่นไส้นี่มันก็แค่อาการแพ้คนเป็นโรคมารยาเท่านั้น...เฮ้อ”
คุณหญิงศรีส่ายหน้าเหนื่อยใจ สะบันงาไม่รู้ว่าคุณหญิงศรีรู้เท่าทันว่าสังเวียนแกล้งไม่สบาย
สังวรเอาแหวนเพชรมาขายที่ร้านเพชร เจ้าของร้านส่งแหวนเพชรคืนให้ สังวรตกใจ
“อะไรนะ เพชรรัสเซียแปลว่าอะไรฉันไม่เข้าใจ”
“แปลว่าเพชรที่ไม่มีราคาในท้องตลาด เขามีเอาไว้แจกกันสนุกๆเท่านั้น”
สังวรเจ็บใจ
“อีศรี อีเมี้ยน มึงหลอกกู กูจะกลับไปจัดการพวกมึงแน่ รอให้กูคลอดลูกก่อน”
สังวรแค้นมากจนน้ำตาไหล เจ้าของร้านหยิบสร้อยทองมาชู
“สร้อยนี่ทองจริง จะตีราคาให้ตามจริง”
สังวรป้ายน้ำตา
เมี้ยนหายดีแล้ว กำลังรายงานคุณหญิงศรี
“นางน้อยมันเล่าว่า นังสังเวียนมันแกล้งเรียกร้องความสนใจจากท่านเจ้าคุณ ทำเป็นปวดท้องจะเป็นจะตายไส้จะขาด”
“ฉันรู้แล้ว”
“นายยอดมันเอามาเล่ากันเป็นเรื่องขำขันทั้งโรงครัวเจ้าค่ะ ว่าพอไปถึงรถ พอคุณหลวงหมออดุลย์มาถึงรถ อาการนังสังเวียนหายดีราวกับปลิดทิ้ง บอกคุณหลวงว่ามันเสียใจกลุ้มใจมากๆมันจะเป็นอย่างนี้เสมอเจ้าค่ะ มันว่าเสียใจเรื่องพี่สาวมันเจ้าค่ะ”
“มันเก่งนะ”
“เจ้าค่ะ มันเก่ง มันทำจนทุกวันนี้ท่านทำท่าจะหลงมันเอาการอยู่นะเจ้าคะ”
“ดี ให้เขาหลงกันไปจะได้ไม่มาวุ่นวายกับเราและคนของเรา ศุกลน่ะทำไมไม่มาถึงสักที สงสารสะบันงาเต็มทนแล้ว นี่หายไปไหนเล่า”
“ไปนั่งหัดทำโน่นทำนี่จนจะกลายเป็นกุ๊ก เป็นเชฟ เป็นแม่ครัวหัวป่าได้หมดทุกอย่างแล้วเจ้าค่ะ”
“เด็กมันดี ขอให้ชีวิตเขาพบเจอแต่สิ่งดีๆตลอดไปด้วยเถิด”
“เมี้ยนว่าอีกไม่นานคงพบแน่เจ้าค่ะ ตอนนี้บ้านเราสงบมาเป็นเดือนแล้วนะเจ้าคะ ค่อยโล่งอกหน่อยเจ้าค่ะ”
“ฉันก็เบาใจ ขอให้มันสงบตลอดไปด้วยเถิด”
คุณหญิงศรียิ้มสบายใจขึ้น
ในครัว...ขนมหม้อแกงวางอยู่บนถาด ต่อด้วย ขนมจีบ หมั่นโถ และ เบคอนชิ้นยาวๆ สะบันงานั่งมองยิ้มภูมิใจในผลงานของตัวเอง โรเบิร์ตมาชิมขนมหม้อแกง แล้วยกนิ้ว
“คานม หม้อแกง อร่อยมากๆ อร่อยกว่ายัยทองหยอดทำ”
ทุกคนขำ ทองหยอดขัดขึ้น
“เขาเรียกขนม ไม่ใช่คานม”
สะบันงาเขินๆ
“แหมไม่ถึงเพียงนั้นหรอกค่ะ เชฟโรเบิร์ต”
ทองหยอดชิมขนมจีบ
“อร่อยแฮะ เดี่ยวจะเจี๊ยะให้หมด”
ซ้งแทรกขึ้น
“อ้าว ยัยทองหยอด ชิมได้อันเดียวของนี่เขาทำให้คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณกิน”
แกละหยิบเบคอนมาฉีกกิน
“เบคอน รสชาติได้ที่เลยนะสะบันงาเก่งจริงนะทำอะไรอะไรก็อร่อย”
“เห็นทีว่าจะต้องยกหน้าที่ของเฮียซ้งมอบให้สะบันงาสานต่อดีไหมหนอ” ซ้งเย้าแหย่
ทุกคนมองหน้าแกละกับซ้ง ซ้งคุกเข่าตรงหน้าแกละแล้วหันไปมองโรเบิร์ต
“อย่างนี้ถูกไหมโรเบิร์ต”
“yes ถูกต้อง แต่ยังไม่จบตามที่สอนไว้พูดต่อไปสิกุ๊กซ้ง”
“เอ้อ อา ยู มาหลี มี แกละ”
ทุกคนงงๆ
“พูดอะไร”
สะบันงาหันมาถามโรเบิร์ต
“are you marry me แกละใช่ไหมคะ เชฟ”
โรเบิร์ตยิ้ม
“yes แปลว่า แกละจ๋า แต่งงานกับผมนะ”
ทุกคนพากันหัวเราะ แกละเขินอาย ไม่ตอบ ตบหน้าซ้งเบาๆ
“จะบ้า มาขอเขออะไรกันต่อหน้าคน เค๊าอายนะ”
ทุกคนปรบมือ ให้แกละพลางตะโกน
“โอเคๆ”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ในห้องอาหารตึกเจ้าคุณ เจ้าคุณกับสังเวียน กินอาหารด้วยกัน กินไปนิดหนึ่ง เจ้าคุณนึกได้
“สังเวียน ฉันไม่ได้ไปหาคุณหญิงมานานแล้วสังเวียนกินอาหารคนเดียวเถิดนะ”
สังเวียน ยิ้มๆ
“เชิญเจ้าค่ะ”
“ขอบใจ มาก”
“มีอะไรสำคัญมากอยากจะบอกท่านเจ้าค่ะ”
“ได้สิ รอฉันกลับมาก่อนนะ”
“ได้เจ้าค่ะสังเวียนจะรอ”
เจ้าคุณหันเดินออกไป สังเวียนก็เริ่มโอ๊กอ๊าก
“แหวะ โอ๊ย บ้านหมุน เวียนหัวเหลือเกิน”
เจ้าคุณหันกลับมา สังเวียนทำให้มันโอเว่อร์เกินเหตุทำท่าจะเซล้ม เจ้าคุณปราดมาประคองไว้
“สังเวียนเป็นอะไร”
“นี่ไงเจ้าคะ เรื่องสำคัญที่สังเวียนจะรอบอกท่านเจ้าคุณ”
เจ้าคุณมองหน้าสังเวียนดีใจมากดึงสังเวียนมากอด
“สังเวียนท้อง”
“เจ้าค่ะ”
“ฉันดีใจมาก”
“ฉันจะมีทายาท ฉันจะบอกให้คุณหญิงและทุกคนรู้ไปด้วยกัน”
เจ้าคุณดึงแขน สังเวียนดึงแขนกลับ ส่ายหน้า
“อย่านะเจ้าคะ”
“ทำไม นี่คือเรื่องน่ายินดีที่สุดของบ้านเรา”
“ใช้เจ้าค่ะ น่ายินดี แต่ที่บ้านของสังเวียนถือเจ้าค่ะ ถ้าเที่ยวไปประกาศให้ใครรู้ไวเกินไป บางทีเด็กอาจจะไม่อยู่กับเราเจ้าค่ะ”
สังเวียนก้มลงกอดขาเจ้าคุณร้องให้
“สังเวียนทำอะไรน่ะ”
“กราบขอร้องท่านนะเจ้าคะ เพื่อความปลอดภัยของลูกท่าน ช่วยสังเวียนปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณก้มลงประคองสังเวียนมากอดไว้
“ไม่มีปัญหาเพื่อความสบายใจของสังเวียน ฉันจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
เจ้าคุณกอดสังเวียนไว้ดีใจที่จะได้ลูก
น้อยเข้ามาที่ประตูหน้าตึกเงียบๆได้ยินได้เห็นหมดทุกอย่าง
“นังสังเวียนท้อง”
น้อยถอยออกไป ทำตะโกนเบาๆพอได้ยิน
“บ่าวเอาขนมจีบฝีมือสะบันงามาให้รับประทานเจ้าค่ะ ขออนุญาตเข้าไปได้ไหมเจ้าคะ”
น้อยยิ้มย่องดีใจได้รู้ความลับของสังเวียน
น้อยมารายงานเมี้ยนเรื่องสังเวียนท้อง เมี้ยนไม่ทำตื่นเต้นนักทำนิ่งๆ
“อ้อ สังเวียนท้องแล้วหรือ ดีแล้วนี่”
“วุ๊ยมันอ้อนให้ท่านปิดเรื่องนี้เป็นความลับ บอกว่าเดี๋ยวจะเป็นลางร้าย ถ้าใครรู้เข้าลูกมันจะมีอันเป็นไปค่ะ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ ช่างเชื่ออะไรได้แปลกประหลาด แต่ก็เอาเถิด เรื่องของเขาในเมื่อเขาไม่อยากให้ใครรู้ ก็อย่าไปทำรู้เรื่องของเขา”
“เอ้อ ฉันว่า บางทีที่มันต้องการปิด อาจเป็นเพราะมันกลัวก็ได้ค่ะ”
“กลัวอะไร ทำไมต้องกลัว”
“อ้าว ก็มันกับนายยอดไงคะ มันกะลิ้มกะเหลี่ยกันมาก่อนหน้าที่สังเวียนจะขึ้นหม้อไปบนตึกท่านเจ้าคุณ”
“ไม่น่าเชื่อนะ”
เมี้ยนทำหน้าไม่เชื่อแต่ใจคิดแผนร้ายๆ
“ก็ตอนมันแสร้งทำไส้จะขาด มันก็ปล่อยให้นายยอดอุ้มทำตาหวานใส่กันฉันเห็นกับสองตา อ้อ คุณเมี้ยน แบบนี้สักวันมันก็ต้องปรนนิบัติท่านต่อไปไม่ได้ถูกไหมคะ”
“คงอย่างนั้นแหละ”
“เอ้อ แล้วจะส่งใครไปให้ปรนนิบัติท่านอีกคะ สะบันงาหรือคะ”
เมี้ยน สวนทันควัน
“ไม่ได้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้น” น้อยมีความหวัง
“ถ้าสังเวียนท้องจริง น้อยก็คงต้องไปทำหน้าที่แทน”
เมี้ยนตอบอย่างรู้ใจน้อย น้อยยกมือไหว้เมี้ยน
“ขอบคุณมากค่ะ”
เมี้ยนเองก็ยิ้ม วางแผนต่อ
คุณหญิงศรีฟังเมี้ยนพูดจบ แล้วพยักหน้า
“อยากยินดีกับท่านเจ้าคุณแต่ทำไม่ได้ ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่อยากให้ใครรู้ก็อย่าได้ไปทำเป็นรู้เรื่องของเขาทีเดียว”
“แต่สักวันก็ต้องบอกเพราะท้องมันป่องขึ้นทุกวัน ทีนี้ใครจะเป็นรายต่อไปเจ้าคะ นังน้อยมันตีปีกรอแล้วเจ้าค่ะ”
“ก็ดีแล้วนี่”
“แล้วจะทำอย่างไรกับนังสังเวียนเจ้าคะ”
“ไม่ต้องทำอย่างไรกับมัน ถ้ามันไม่ได้มาทำอะไรกับเรา ฉันเบื่อแล้วทุกวันนี้ คราใดที่นึกถึงสังวร ก็ให้นึกถึงว่าลูกของมันจะเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่สบายใจมากๆ เด็กคนนั้นคงลำบากยากแค้นนัก”
คุณหญิงศรีถอนใจ
สังวรอยู่ที่บ้านจังหวัดราชบุรีกำลังจะคลอดลูก หมอตำแยกำลังช่วยทำคลอด
“โอ๊ย ปวด เจ็บจะขาดใจเมื่อไหร่มันจะหลุดออกมาเสียที โอ๊ย โอ๊ย”
“เบ่ง เบ่ง แม่สังวร เบ่งแรงๆ เบ่งสุดชีวิต”
สังวร กรีดร้องแล้วเงียบ แทบจะขาดใจ มีเสียงเด็กร้องไห้ดังต่อมาทันที หมอตำแยพูดขึ้น
“ลูกชาย”
สังวรน้ำตาไหลพรู
“ลูกชายของท่านเจ้าพระยา แต่ต้องมาอนาถาเกิดในกระท่อมชาวนาเพราะคนใจบาปหยาบช้ามันกลั่นแกล้งขับไสไล่ส่ง”
หมอตำแยส่งเด็กชายที่ห่อหุ้มด้วยผ้าซิ่นเก่าๆมาให้ สังวรรับลูกมากอดแนบอกน้ำตาไหลพรู
“แม่ขอสาปแช่งให้อีพวกนั้นมันพินาศล่มจม แม่สัญญาว่าจะพาลูกกลับไปทวงทุกสิ่งทุกอย่างคืนมาให้ลูก เพราะลูกคือทายาท ลูกคือผู้สืบทอดสกุล สมิติภูมิ”
“จะให้เด็กคนนี้ชื่อว่าอะไรแม่สังวร” หมอตำแยถาม
สังวรมองหน้าลูกชาย
“ทอง”
เจ้าคุณมาหาคุณหญิงศรีหลังจากไม่ได้มานานมาก เพราะมัวแต่หลงใหลสังเวียนที่กำลังท้อง
“ขอโทษด้วยนะศรี ที่ไม่ค่อยได้มาดูแลศรี เป็นห่วงเสมอนะ”
“ขอบคุณมากที่เป็นห่วงค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่เราดูแลกันเองได้ค่ะ สังเวียนสบายดีนะคะ พักนี้ไม่ค่อยเห็นออกมาเดิน”
“เอ้อ สังเวียนเขา เขาไม่ค่อยสบาย”
“อ้อ เป็นอะไรหรือคะ”
“ก็กระเสาะกระแสะนะ”
“เมื่อไหร่จะท้องสักทีคะ” คุณหญิงศรีถามหยั่งเชิง
เจ้าคุณอึกอัก
“เอ้อ...เอ้อ ก็คงอีกไม่นานจ้ะ”
สะบันงาถือหนังสือเดินย่อตัวมาหา เจ้าคุณหันไปถาม
“สะบันงา เรียนหนังสือเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดีอยู่เจ้าค่ะ”
“เขาอ่านนิยายง่ายๆ ภาษาอังกฤษพอได้ใจความแล้ว” คุณหญิงศรียิ้มแย้มบอก
“อ้อ วันหลังจะเอาหนังสือสวยๆสำหรับเด็กฝรั่งมาให้อ่าน”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ คุณหญิงคะ หนูขอตัวไปจัดอาหารว่างมาให้รับประทานนะคะ”
คุณหญิงศรียิ้ม
“วันนี้ทำอะไรกินหรือ”
“ขนมไทยก็ข้าวเกรียบปากหม้อค่ะ”
“ไม่มีขนมฝรั่งหรือ” เจ้าคุณถามบ้าง
สะบันงายิ้มแย้มตอบ
“เอแคร์ เจ้าค่ะ”
“อยากกินมาก จัดเผื่อฉันที่หนึ่งนะสะบันงา”
“เจ้าคะ”
สะบันงา เดินจากไปเจ้าคุณมองตามสะบันงา แอบถอนใจ คุณหญิงศรีเห็นอาการทำไม่รู้ไม่ชี้
“เมี้ยนไปไหน”
“ไปบ้านคุณเตี่ยค่ะ ให้ไปดูว่าน้องชายของฉันกลับมาจากต่างประเทศหรือยัง”
“ฉันยังไม่เคยรู้จักน้องชายของศรี พามาให้รู้จักกันบ้างสิ”
“ได้สิคะ”
คุณหญิงศรีนึกถึงแต่ศุกลว่าน่าจะมาแล้ว
รถบ้านเจ้าสัวมาจอดเทียบหน้าตึก คนรถเดินลงมาเปิด เมี้ยนนั่งคู่ด้านหน้าลงมาเช่นกัน คนรถเปิดประตูด้านหลัง ศุกลก้าวลงมาจากรถมองไปรอบๆ
“นี่แหละค่ะ บ้านท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิพี่เขยของคุณศุกลไงเจ้าคะ”
“กว้างขาวใหญ่โตมาก มีทั้งตึกฝรั่งทั้งเรือนไทย แล้วนั่นเรือนอะไร ชั้นเดียวแต่ดูสวยงาม”
ศุกลมองเรือนชั้นเดียวสวยงามสร้างแบบอังกฤษ เมี้ยนบอกชื่อเรือน
“เรือนพะไลเจ้าคะ ชื่อยังกับไข่พะโล้เอาไว้รับแขกเจ้าคะ เชิญข้างใน คุณหญิงคงดีใจตกใจแปลกใจมากเจ้าค่ะที่จู่ๆให้เมี้ยนไปสืบข่าวคุณศุกลว่ามาหรือยัง แหมมาทันใจทีเดียวเจ้าค่ะ คุณหญิงอยู่เรือนไทยเจ้าค่ะ”
“พี่หญิงไม่ได้อยู่เรือนฝรั่งหรอกหรือ”
“เรือนฝรั่งท่านเจ้าคุณอยู่คนเดียวเจ้าค่ะ”
ศุกลมองไป
“เอ๊ะ”
สังเวียนออกมายืนหน้าตึกส่ายตารอเจ้าคุณ
“หายไปเยี่ยมนังศรีนานเกินไปแล้ว หรือว่าจะไปใช้สายตาเลียมโลมนังสะบันงาให้อิ่มเอมใจ แล้วจึงกลับมา เอ๊ะ นั่นนังเมี้ยนไปพาผู้ชายที่ไหนมา ทั้งหนุ่มทั้งหล่อ กิริยาท่าทีงดงาม ทำไมอีสังเวียนไม่ได้อย่างนี้สักคนบ้างหนอ”
สังเวียนให้นึกชมศุกลที่หน้าตาดีมาก
ศุกล มองแปลกใจ เมี้ยนมองตาม
“นั่นนังสังเวียนเมียบ่าวของท่านเจ้าคุณค่ะ”
ศุกลไม่ชอบใจ
“แล้วพี่หญิงว่าอย่างไร ถูกไล่มาอยู่เรือนไทย”
“ท่านไมได้ถูกไล่เจ้าค่ะ ท่านขออยู่เรือนนี้เองตั้งแต่ท่านเจ้าคุณขอแต่งานแล้วเจ้าค่ะ”
“พี่หญิงทำอะไรแปลกๆอีกแล้ว”
“แล้วนังสังเวียนคนนั้น มันก็ถูกคุณหญิงส่งไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
ศุกลชะงักอึ้ง
“เมี้ยน อย่าพูดนะว่า พี่หญิงยัง เอ้อ...”
“เจ้าค่ะ จนปานนี้ยังไม่เคยเอ้อ...คือคุณหญิงท่านหลบไปเลี่ยงมาเจ้าค่ะ”
ศุกลส่ายหัว
“ฉันมึนกับพี่หญิงแท้ๆ เอ้อ แล้ว แล้ว...”
สะบันงา ถือถาดอาหารว่างมาถึงหน้าตึก ตกตะลึงพรึงเพริด ศุกลก็เห็นสะบันงาพร้อมกัน ตกตะลึงเช่นกัน สองคนมองกันพูดไม่ออกต่างดีใจ
ในห้องนั่งเล่น...คุณหญิงศรีเตือนเจ้าคุณ
“มานานเกินไป สังเวียนไม่สบายไม่ใช่หรือคะ”
“เล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ศรีจ๋าพาฉันไปดูดอกไม้ที่เรือนต้นไม้กัน ระหว่างรออาหารว่างได้ไหม please”
“ค่ะ”
เจ้าคุณโอบบ่าคุณหญิงศรีเดินออกไป
ศุกลกับสะบันงามองหน้ากัน เมี้ยนมองสองคน คนโน้นที คนนี้ที ดีใจแทน เมี้ยนพึมพำ
“ศรกามเทพช่างแล่นช้าเสียเหลือเกิน”
“สะบันงา” ศุกลเอ่ยเรียกเบาๆ
“คุณศุกล” เรียกตอบ
เมี้ยนถอนใจ
“โล่งอก นิ่งเสียจนนึกว่าจำกันไม่ได้”
ศุกลตั้งสติได้ดีใจมาก เดินเข้าหาสะบันงาที่ยังยืนนิ่ง
“สะบันงา สวยมากขึ้นเป็นกอง”
สะบันงายังยืนนิ่งใจสั่นทำอะไรไม่ถูก
“เอ้อ...”
ศุกลก้าวเข้าไปอีก จนชิดตรงหน้าสะบันงา ประตูเรือนคุณหญิงศรีกับเจ้าคุณโอบกันออกมา เจ้าคุณมองเห็นภาพ ศุกลยืนตรงหน้าสะบันงาสองมือจับต้นแขนสะบันงาไว้ก้มหน้ามองจนชิด
“ขอมองหน้าสะบันงาให้ชื่นใจ ให้เต็มตา สมกับที่รอคอยสักหน่อย”
คุณหญิงศรี ดีใจมากเห็นศุกล สะบันงาค่อมตัวจากการโอบของศุกล
“ศุกล นายมาแล้ว”
เจ้าคุณชะงัก
“ศุกลหรือ”
คุณหญิงศรีปราดไปหาศุกล ปากก็บอกไปด้วย
“ศุกล น้องชายสุดที่รักคนเดียวในโลกของฉันค่ะ”
ศุกลหันไปหาคุณหญิงศรี สะบันงาตกใจที่คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณออกมาเห็นภาพกลัวมาก สะบันงามองไปเจอสายตาดุดันของเจ้าคุณมองมา เจ้าคุณมีแววตาไม่พอใจ เพราะแอบหึงหวงนั่นเอง สะบันงาตกใจ จะปล่อยถาดตก
“อุ๊ย”
ทั้งเจ้าคุณทั้งศุกลผวาไปที่สะบันงา เหมือนจะช่วยกันประคองถาดไม่ให้ตก เจ้าคุณจับได้ด้านหนึ่ง ศุกลจับได้อีกด้านหนึ่ง สะบันงาหน้าซีดเผือด คุณหญิงศรีกับเมี้ยนมองแลแวถอนใจ เจ้าคุณกับศุกลจ้องหน้ากัน ไม่พอใจกันในทีต่างรู้ว่าอีกคนคิดอะไรในใจเรื่องสะบันงา...น้อยแอบมองเดาเรื่องเรียบร้อย
“คุณศุกลคนนี้นี่เองที่คุณหญิงเก็บสะบันงาไว้รอท่า แต่ดูสายตาของท่านเจ้าคุณสิ จ้องดุดันใส่เอาราวกับจงอางหวงไข่ สบายใจแล้วอีน้อย วันนี้มีเรื่องเล่าสนุกในครัวอีกแล้ว”
สังเวียนตามมาดูเช่นกันเข้าใจแบบเดียวกับน้อย
“หลงหึงหวงเกลียดชังนังสะบันงาจะเป็นจะตาย ที่ไหนได้ผู้ชายแสนหล่อนั่นมันผู้ชายขอนังสะบันงา ดีละต้องใส่ไฟให้ท่านเจ้าคุณไม่พอใจไม่สนใจนังสะบันงาให้ได้”
สังเวียนมีแผนร้ายเผาสะบันงา
ในห้องรับแขกเรือนคุณหญิงศรี ศุลกยกมือไหว้เจ้าคุณ
“สวัสดีครับ ท่านเจ้าคุณ”
“สวัสดียินดีที่ได้รู้จัก ไปเรียนหนังสือจบมาแล้วหรือ”
“ครับ จบแล้วเรียนพวกวรรณคดี คอร์สสั้นๆครับ”
ศุกลพูดไปตลอดเวลาสายตาวนไปที่สะบันงาที่นั่งที่พื้นห่างออกไปกับเมี้ยน เจ้าคุณสังเกตเห็น คุณหญิงศรีก็สังเกตเห็นจึงตัดบท
“รับประทานอาหารว่างกันเถิดเมี้ยนไปจัดมาอีกที่ให้คุณศุกล”
“ไม่ต้อง ฉันกำลังจะกลับเรือนโน้นเสียที เป็นห่วงสังเวียน”
เจ้าคุณเดินแบบมีอารมณ์ขุ่นมัวออกไป ตวัดตาไปมองสะบันงา
“พี่น้องจากกันนานจะได้พูดคุยเรื่องราวส่วนตัวสู่กันฟัง”
สะบันงาก้มหน้า เจ้าคุณเดินพ้นไป ศุกลดูท่าทีของท่านเจ้าคุณออก
“เขาดูหงุดหงิด เขาเจ้าอารมณ์หรือพี่หญิง”
“ช่างเขาเถิด เอ้าสะบันงามัวแต่นั่งก้มหน้า สวัสดีคุณศุกลหรือยัง”
“สวัสดีค่ะ”
ศุกลมองหน้าคุณหญิงศรี กระซิบ
“ผมไม่อยากให้สะบันงานั่งที่พื้น แล้วผมนั่งบนเก้าอี้”
“สะบันงา ขึ้นมานั่งเก้าอี้” คุณหญิงศรีสั่ง
สะบันงาอึกอัก
“เอ้อ...”
“มาสิ สะบันงา” เมี้ยนเรียก
สะบันงามานั่ง ศุกลยิ้มพึงใจ
“ผมอยากให้สะบันงา มานั่งกินอาหารว่างกับเรา”
สะบันงาส่งสายตาหนักใจไปยังคุณหญิงศรี...เจ้าคุณยืนอยู่หน้าห้องได้ยินทั้งหมด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง สะบันงา ศรี”
เจ้าคุณหงุดหงิดมากขึ้น
สังเวียนมายืนรอเจ้าคุณหน้าตึกเห็นเจ้าคุณเดินมาหน้าตาเฉยเมยมากสังเวียนพึมพำ
‘หน้าตาผิดหวังหึงหวงนังสะบันงามาทีเดียว สมน้ำหน้าไอ้แก่ ไอ้เฒ่าหัวงู มีเมียเท่าไหร่ไม่รู้จักพอ’
เจ้าคุณมองอย่างแปลกใจ
“ออกมายืนหน้าบ้านทำไมสังเวียน”
“ออกมายืนรอท่านเจ้าค่ะ เห็นท่านหายไปนานก็เลยเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
“ห่วงตัวเองก่อนเถิดสังเวียน คิดอะไรแปลกๆมีลูกต้องปิดบัง หล่อนจะเที่ยวเอาอะไรมารัดท้องลูกของฉันไว้นานเกินสามเดือนไม่ได้นะ พ้นสามเดือนหล่อนต้องปล่อยท้องออกมา”
“ท่านเคืองใครมาหรือเจ้าค่ะ”สังเวียนเริ่มยั่วประสาท
“เปล่า เข้าบ้านไปเถิดสังเวียน”
เจ้าคุณเดินเข้าบ้าน สังเวียนเดินตามไม่วายพูดส่อเสียด
“สังเวียนเห็นผู้ชายหนุ่มรูปงามมาหาสะบันงา ที่แท้สะบันงามีคู่รักแล้วนี่เอง มิน่าคุณหญิงจึงหวงแหนนัก”
“เขาชื่อคุณศุกลเป็นน้องชายคุณหญิง เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกไม่ใช่คู่รักสะบันงา”
“อ้อ แต่แหมสังเวียนเห็นตอนเขาเจอกัน เขายืนตะลึงมองกัน แล้วก็เข้าไปจับสองแขนสะบันงาสบตาหวานซึ้ง”
“พอทีสังเวียน ฉันไม่ชอบฟังเรื่องของคนอื่น”
สังเวียนลอบยิ้มสมใจ หารู้ไม่ว่ายิ่งทำให้เจ้าคุณไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงไม่ได้สะบันงาเลยอยากได้อยากแย่งศุกลขึ้นมาทันใด
สะบันงานั่งตะขิดตะขวงร่วมโต๊ะอาหารว่างกับศุกล และคุณหญิงศรี
“เอ้อ หนูขอตัวไปดูแลอาหารเย็นให้คุณหญิงก่อนนะคะ”
ศุกลมองหน้าคุณหญิงศรี
“อ้าว พี่หญิงมีบ่าวตั้งหลายคนไม่ใช่หรือครับ ทำไมต้องเป็นสะบันงาด้วย”
“สะบันงาชอบทำอาหาร เขาไปฝึกทำโน่นทำนี่ ทั้งไทยฝรั่งจีนพี่ก็เห็นดีด้วย เผื่อออกเรือนไปจะได้ปรนนิบัติสามีได้สบายๆ”
สะบันงาหน้าม้านที่คุณหญิงศรีพูดเรื่องนี้หน้าตาเฉย
“แต่วันนี้ให้เมี้ยนไปดูแทนสะบันงาเถิดนะเจ้าคะคุณหญิง” เมี้ยนเสนอ
“เออเมี้ยนพูดถูก ฉันก็จะไปดูด้วยเหมือนกัน มาอยู่ที่ตั้งนานยังไม่เคยเข้าไปดูในโรงครัวสักครั้ง มีแต่ใช้เมี้ยนไปดูแทน”
ศุกลมองพี่สาวที่เปิดโอกาสให้อยู่กับสะบันงาสองต่อสองอย่างขอบคุณ
“เอ้อ...”สะบันงากังวล
“อยู่นี่แหละ อยู่เป็นเพื่อนคุณศุกลไม่พบเจอกันตั้งนานคงมีเรื่องถามไถ่กันหลายเรื่อง”
“คุณหญิงกับคุณศุกลก็ไม่พบเจอกันตั้งนานนะคะ” สะบันงาแย้ง
“เอ๊ะเด็กนี่ไอ้ที่อยากให้พูดไม่พูด พอกล้าพูดออกมากลายเป็นย้อนมาถอนหงอกฉันเสียแล้ว”
คุณหญิงศรีไม่ได้โกรธ แต่ขำๆ หัวเราะเดินออกไปกับเมี้ยน สะบันงาตกใจ
“หนูขอประทานโทษค่ะ หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
“คุณหญิงท่านไม่ได้เคืองเราหรอกสะบันงาท่านขำต่างหาก”
ศุกลยิ้มมองสะบันงาอย่างมีความสุขไม่พูดไม่จาใดๆ มองอย่างเดียวสะบันงาก้มหน้าอายมาก
เจ้าคุณนั่งนิ่งสีหน้าขุ่นเคืองไม่หาย นึกถึงตอนที่ศุกลสบตาสะบันงาแล้วเข้าไปจับต้นแขน และเจ้าคุณกับศุกลเข้าไปช่วยสะบันงารับถาดที่กำลังจะตก...เจ้าคุณใจร้อนรุ่ม แต่ยังวางท่าสงบสังเวียนนั่งห่างออกไปหมั่นไส้มากชายตาดูเจ้าคุณรู้ว่าท่าทางแบบนี้อารมณ์ไม่ดีสังเวียนพูดเบาๆ
“หมาหวงก้าง กินเองไม่ได้ยังกลัวคนอื่นมากิน”
สังเวียนก็หงุดหงิด มองไปนอกหน้าต่างแล้วชะงัก
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนพากันเดินไปทางเรือนครัว
“สงสารคุณศุกลเขา เลยเปิดโอกาสให้ได้อยู่กันตามลำพังถามไถ่ทุกข์สุขพูดจาให้สะบันงามั่นใจว่าเขาคุ้มครองสะบันงาได้”
“คนแสนดีสองคน ใจคอโอนโยนขี้สงสารสองคนมาอยู่ด้วยกัน มันอาจจะโดนคนเลวรุมทำร้ายก็ได้นะเจ้าคะ ดีเกินไปไม่มีเล่ห์เหลี่ยมก็ลำบาก”
“นั่นนะสิ ฉันว่าจะแบ่งเล่ห์เหลี่ยมของเมี้ยนไปให้สองคนนั่นสักนิด”
“แหม คุณหญิงละก็ เอ้อ...สังเกตทีท่าท่านเจ้าคุณบ้างไหมเจ้าคะ”
“เขาหงุดหงิด ช่างเถิด ฉันจะคุยกับคุณศกลให้จัดการเรื่องสะบันงากับเขาให้ไวที่สุด พอสะบันงาไปแล้วไม่นานท่านเจ้าคุณก็ลืมไปเอง”
“เมี้ยนเห็นสายตาที่ท่านมองสะบันงาผิดกับมองนังสังเวียนนังสังวรยกเว้นแต่กับคุณหญิงเท่านั้นนะเจ้าคะ”
“ฉันเห็น ถ้าไม่ติดว่าคุณศุกลรักสะบันงา ฉันยกสะบันงาให้ท่านไปแล้วสะบันงาจะไม่มีวันเป็นภัยต่อฉันแน่ และท่านก็จะมีความสุข แล้วบ้านเราก็มีแต่ความสงบสุข ทำไมความสงบสุขมันจึงเกิดยากหนักหนา”
“เพราะกิเลสหนาๆของคนเจ้าค่ะ”
“ตอบกำปั้นทุบดิน แต่ก็จริง”
สองคนเดินต่อไป
สังเวียนรู้ดีว่าถ้าบอกเจ้าคุณก็โดนว่ายุ่งเรื่องคนอื่นจึงใช้วิธีพูดลอยๆคนเดียว แต่ลอยไปถึงเจ้าคุณ
“อยากรู้นักว่านังสองคนนั่นมันพูดอะไรกัน”สังเวียนพูดเบาๆก่อนจะพูดดังๆขึ้น “อ้าว นั่นคุณหญิงกับคุณเมี้ยนเดินออกมาจากบ้านจะพากันไปไหน”
สังเวียนพูดจบปรายตาแอบมองเจ้าคุณได้ยินชัดจนคำราม
“ผลักดันให้เด็กมีผัวตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหก บ้าจริง”
เจ้าคุณเดินหนีไปจากห้องขึ้นชั้นบนไปเลยสังเวียนมองตาม
“สมน้ำหน้า นังสะบันงามันไม่เอาหรอก ผัวแก่คราวพ่อ มีผัวหนุ่มผัวหล่อผัวรวย รอท่าอยู่ทั้งคน มีแต่พวกกูนี่แหละที่หมดท่าจำยอมเป็นเมียไอ้แก่เพื่อความอยู่ดีกินดีมีสุข ทำไมกูไม่มีวาสนาเหมือนนังสะบันงามันบ้าง”
สังเวียนคับแค้นใจ
ศุกลนั่งจ้องหน้าสะบันงาอยู่นาน ไม่พูดไม่จาแล้วที่สุดก็เอ่ยออกมา
“ฉันนั่งมองหน้าสะบันงามาสิบห้านาทีกว่า คิดคำกลอนได้ยาวเหยียดรู้ไหม”
“ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ”
“เคยบอกไว้ตั้งแต่ก่อนไปเมืองนอกว่าอย่าพูดเจ้าคะเจ้าขากับฉันเพราะว่าฉันกับเธอ...เราสองคน...”
“ค่ะ”
“สะบันงารับคำ แปลว่าสะบันงารับรู้ ฉันจะบอกพี่หญิงว่าสะบันงาไม่ขัดข้อง”
สะบันงากังวล
“มันไม่รวดเร็วรวบรัดมากไปสักหน่อยหรือคะ คือ คือ ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ”
“ฉันจะไปบอกคุณเตี่ยกับแม่ใหญ่ แม่เล็กเรื่องนี้ แล้วก็...”
สะบันงามีสีหน้าตกใจมาก ศุกลไม่เคยรู้เรื่องสะบันงาโดนไล่
“เอ้อฉันว่าคุณศุกลไปปรึกษาพูดคุยกับคุณหญิงเรื่องนี้ก่อนจะดีกว่าค่ะ”
“ฉันใจร้อนไปนิด ขอโทษที่ทำให้ตกใจ เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยนะจะไม่ถามสักคำหรือว่าไม่พบกันนานฉันเป็นอย่างไร”
“ค่ะ เอ้อ คุณศุกลไปอยู่เมืองนอก เป็นอย่างไรคะ”
“สบายอากาศมันดี แต่หัวใจมันว้าวุ่นรุ่มร้อนคิดถึงเมืองไทย คิดถึงคนที่ฉันรักและผูกพันที่เมืองไทย”
“คุณหญิงท่านก็คิดเช่นกันกับคุณศุกลค่ะ”
“ไม่ใช่เพียงคุณหญิงที่ฉันรักและผูกพัน คนที่ทำให้ฉันทุรนทุรายหัวใจที่สุดยามนึกถึงใครรู้ไหม”
“เอ้อ...”
ศุกลดึงมือสะบันงามากุมไว้
“สะบันงาคนนี้แหละที่ฉันคิดถึงทุกลมหายใจ สะบันงาคือลมหายใจของฉันรู้ไหม”
“เอ้อ ปล่อยมือก่อนเดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่เหมาะค่ะ”
ศุกลปล่อยมือแล้วยิ้มมองหน้าสะบันงาอย่างมีความสุข
พวกในครัวกำลังคุยกันเรื่องท่านเจ้าคุณ
“วันนี้ได้ยินสะบันงาว่าท่านเจ้าคุณมากินอาหารว่างกับคุณหญิงแหมท่านไม่มาเรือนคุณหญิงเสียตั้งนานแล้ว” ทองหยอดบอก
“ขี้ใหม่หมาหอม กำลังติดใจเสน่ห์นังสังเวียน มันเก่งนะ” แกละเยาะๆ
“มันเก่งเรื่องใส่ร้ายป้ายสี มันเก่งเรื่องประจบประแจง” น้อยบอกอย่างเกลียดชัง
“มันเก่งที่สามารถทำให้คนอื่นดูเลวแต่ตัวมันดูดี” ซ้งเสริม
“นกมีหูหนูมีปีกใช่ไหม” โรเบิร์ตถาม
ทุกคนเฮ พร้อมกัน สังเวียนเดินเข้ามาหน้างอมาก
“เฮ้ย ทำอะไรกันอยู่ งานการไม่มีจะทำกันหรืออย่างไร”
“โอ้โฮ” ทุกคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
“คุณนายบ่าวหมายเลขสอง มาตรวจงานพวกเราแล้ว” ซ้งประชด
“จะมาหาเรื่องอะไรที่นี่หรือ หรือว่าจะมาเก็บรอยตีนเก่าๆที่ลืมทิ้งไว้” น้อยลอยหน้า ลอยตาถาม
“รอยตีนวัวหรือ ไหนว่าวัวลืมตีนไว้ทำไมกลายเป็นสังเวียนไปได้” โรเบิร์ตงงๆ
ทุกคนหัวเราะสังเวียนไม่พอใจ
“อย่ามาหัวเราะขบขันฉัน สักวันจะโดนเฉดหัวไปจากที่นี่ให้หมด”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนเข้ามาพอดี
“วันไหนดีเล่าสังเวียน ไหนลองบอกเล่าเก้าสิบให้ฉันฟังบ้างว่าหัวใคร คนไหนที่หล่อนต้องการเฉด รวมหัวฉันอยู่ด้วยไหม”
ทุกคนอึ้งๆ เมื่อเห็นคุณหญิงศรี ต่างรีบนั่งแต่แอบสะใจคำพูดคุณหญิงศรีสังเวียนเองก็ตกใจเงียบกริบไป
“ถ้าวันใดที่บ้านนี้เปลี่ยนนายคนใหม่ ทุกคนคงไม่ต้องรอให้ใครเฉดหัวหรอก ไม่มีใครเขาอยากเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย นายประเภทวัวลืมตีน คางคกขึ้นวอ แต่ว่ามั่นใจหรือว่าจะมีวันนั้นสังเวียน” เมี้ยนถามเย้ยๆ
“ฉันจะกลับไปดูแลท่านเจ้าคุณ ก็แค่แวะมาดูอาหารการกินของท่านท่านไม่ต้องการให้ฉันทิ้งท่านไว้ลำพังคนเดียวนานๆ ท่านไม่ต้องการให้ฉันออกมาจากตึกมาพบเจอคนโง่เง่าเต่าตุ่นด้วยซ้ำ” สังเวียนเชิด
“ถ้าเช่นนั้นเก็บตีนที่ลืมทิ้งไว้แล้วรีบไปให้พ้นๆสิ แม่คนผัวรักผัวหลง”
สังเวียนเดินออกไปแบบกระทืบเท้า
“ฉันมาเยี่ยมทุกคนว่าใครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าใครมีอะไรขัดข้องให้รายงานผ่านเมี้ยนเขาได้ทุกอย่าง” คุณหญิงศรีหันมองทุกคนอย่างเมตตา
“ขอบพระคุณคุณหญิงขอรับ / เจ้าค่ะ” ทุกคนพากันยกมือไหว้
“คุณหญิงท่านเปิดโอกาสให้แล้ว ใครมีอะไรเรียนท่านตอนนี้ได้เลย” เมี้ยนถาม
ทุกคนมองไปที่แกละกับซ้งที่อ้ำอึ้งสบตากันหวานๆคุณหญิงศรีมองตาม
“แกละ กับกุ๊กซ้งมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า”
“เอ้อ เจ้าค่ะ คือว่า…”
“เราสองคนจะขอลาออกขอรับ”ซ้งโพล่งขึ้นมา
คุณหญิงศรีแปลกใจ
“ลาออก มีปัญหาอะไรหรือ”
“ปัญหาบิ๊กๆ เขาอยากเป็นผัวเป็นเมียกันขอรับ” โรเบิร์ตแย่งพูด
ทุกคนมองโรเบิร์ตแบบไอ้นี่ช่างกล้าพูดคุณหญิงศรีขำ
“เรื่องปกติไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยินดีด้วย จะลาออกเมื่อไหร่”
“รอให้กระผมหาคนทำอาหารได้ดีพอมาทดแทนก่อนขอรับ”
“ขอบใจที่มีน้ำใจห่วงเรื่องอาหารของพวกฉัน แต่งงานแล้วจะไปทำอะไรกันหรือ”
“ร้านอาหารจีนขอรับ”
“ดีมากที่คิดหาความเจริญให้ตัวเอง อย่าลืมไปลาฉันวันที่จะไปจะให้เงินทุนก้นถุงไปช่วยตั้งตัว”
สองคนรีบไหว้คุณหญิงศรีดีใจมาก
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ / ขอรับ”
คุณหญิงศรีหันกลับออกไป เมี้ยนหันมากระซิบบอกทุกคน
“เห็นหรือยังว่าเจ้านายที่ดีเป็นเช่นไร”
ทุกคนพยักหน้ารับ เมี้ยนหันกลับตามคุณหญิงศรีออกไป
ศุกลคุยเรื่องราวกับคุณหญิงศรีตามลำพังสองคนพี่น้อง ศุกลเริ่มหนักใจเรื่องพ่อแม่
“ไม่นึกเลยว่าคุณเตี่ย กับแม่ๆของพวกเราจะรังเกียจสะบันงา”
“พวกท่านไม่รังเกียจสะบันงาหรอก แต่ท่านรังเกียจการมีสะใภ้ยากจนต่างหาก”
“ยากจนแต่เป็นคนดีงาม กับร่ำรวยแต่เลวร้าย สุดท้ายผลที่ได้รับมันต่างกันนะครับพี่หญิง ทำไมพ่อแม่ของพวกเรา จึงมองแค่เฉพาะหน้าไม่มองยาวไกลลึกซึ้งถึงความสุขที่พวกเราสมควรจะมี ที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก”
“เพราะพวกท่านแต่งงานกับใครก็ได้ที่เหมาะสมไม่ใช่ความรัก อยู่ๆกันไปก็รักกันเอง พวกท่านเป็นพวกความรักสั่งกันได้ แต่มาสมัยเราๆความรักต้องเลือกได้”
“แล้วผมจะทำอย่างไรพี่ศรีช่วยผมด้วย”ศุกลหนักใจ
“ดื้อตาใสเท่านั้น เรียนให้พวกท่านทราบ ท่านปฏิเสธก็เฉยเสียจะทำเสียอย่าง”
“แล้วทำไมพี่ศรีจึงยอมแต่งงานกับท่านเจ้าคุณ”
“พี่ก็รักเขานะ เขาคือชายที่ดีที่สุดสำหรับพี่ เขายอมรับความเป็นตัวพี่ที่สำคัญที่สุด ได้โอกาสที่จะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ท่านสมหวังในตัวพี่แล้วจะผิดหวังในตัวศุกลบ้างก็พอจะชดเชยกัน ความดีของสะบันงาจะทำให้พวกท่านหายเคืองนาย เพราะพวกท่านรักนายและตามใจนายมาก”
“ขอบคุณพี่หญิงที่ให้กำลังใจ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีพี่ให้คำปรึกษา ผมคงจะต้องบ้าตายเพราะไม่มีพลังใจมากพอที่จะต่อต้านขัดขืนคำสั่งพ่อแม่”
“พ่อแม่ท่านรักเรา แต่พ่อแม่ท่านอยู่กับเราไม่นานเท่าผัวหรือเมียที่ต้องอยู่ด้วยกันจนตายจาก เราจึงสมควรเลือกเอง ไปเถิดกลับไปบอกพ่อแม่เราเรื่องนี้ ถ้ามีปัญหาเราจะมาช่วยกันแก้ไข”
ศุกลยกมือไหว้คุณหญิงศรีอย่างซาบซึ้งใจ
เจ้าคุณนั่งนิ่งเงียบอยู่บนเรือน แต่ภาพศุกลสบตาจับบ่าสะบันงา ติดตาติดใจเจ้าคุณไม่เลิกรา
“ผู้ชายคนนั้นอาจจะยิ่งกว่าร่ำรวยด้วยซ้ำ หน้าตาดีกว่าหนุ่มกว่าเราเทียบเขาไม่ได้ มิน่าสะบันงาจึงไม่เคยแสดงว่าใยดีเราแม้แต่น้อย ต่อหน้าเราแสร้งทำไร้เดียงสา แต่ต่อหน้าเขาสบตาหวานปานจะหยด ยั่วให้เขาหลง”เจ้าคุณถอนใจ
สังเวียนเดินมานั่งมองเจ้าคุณอยู่พักหนึ่งรู้ว่าคิดถึงสะบันงาอยู่
“ตอนนี้สะบันงากับคู่รักกำลังล่ำลากันอยู่ที่หน้าเรือนคุณหญิงเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณเผลอตัวปัดหนังสือตกลงไปที่พื้น สังเวียนรีบเก็บ
“ขอโทษค่ะ ไม่ได้คิดจะมาพูดเรื่องนี้ แต่แค่แปลกใจที่ตลอดมาสะบันงา ทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสา ที่แท้ก็เป็นสาวแล้ว”
“พูดทำไม ฉันไม่อยากฟังเรื่องของคนอื่น ทำไมไม่จำบ้าง”
สังเวียนแอบยิ้ม ยั่วเจ้าคุณได้สำเร็จ เดินเข้าไปกอดเอวเจ้าคุณซบหน้า
“สังเวียนโง่เขลาต่ำต้อยนัก มักพูดจาโง่เง่าเตาตุ่นให้ท่านขุ่นเคืองรำคาญใจเสมอ แต่สังเวียนคนนี้จงรักภักดีต่อท่าน ตายแทนท่านได้นะเจ้าคะอภัยให้กับความโง่ของสังเวียนด้วยเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณใจอ่อนยวบนึกสงสารสังเวียน
“แล้วไปเถิดสังเวียน ฉันไม่ได้โกรธ สังเวียนทำใจให้สบาย”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ท่านปวดเมื่อยตรงไหนเจ้าคะสังเวียนจะนวดให้เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณส่ายหน้า
“ไม่ต้อง ตอนนี้สังเวียนควรพักผ่อนให้มากไม่จำเป็นต้องคอยดูแลฉันให้เหนื่อย สังเวียนควรได้พักผ่อน แล้วดูแลลูกให้ดีที่สุด สังเวียนไปพักเถิด”
สังเวียนจ๋อยไปเริ่มสังหรณ์ลางไม่ดี
“เจ้าค่ะ”
“พรุ่งนี้สังเวียนกลับไปพักที่ห้องเดิมของสังเวียนเถิด”
สังเวียนฟังแล้วนิ่ง พูดไม่ออกไปเลย นึกในใจว่าเป็นเพราะสะบันงาสังเวียนน้ำตาร่วง เจ้าคุณก้มไปโอบกอดอย่างปลอบโยน
“อย่าคิดว่านี่คือการขับไล่ไสส่งนะสังเวียน สังเวียนต้องเข้าใจนะว่าสังเวียนกำลังท้อง มันไม่เหมาะที่เราจะหลับนอนด้วยกัน”
สังเวียนยิ่งแค้น มั่นใจว่าเจ้าคุณอยากไปนอนกับสะบันงา
“เพื่อไม่ให้ใครคิดว่าฉันขับไล่ไสส่งสังเวียน สังเวียนไปพักที่เรือนพะไลเรือนต้อนรับแขกของฉัน จะให้นายยอดกับนายสอนช่วยจัดการย้ายข้าวของให้”
สังเวียนค่อยยิ้มออกมาบ้าง
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
สะบันงากับศุกลนั่งคุนอยู่ด้วยกันที่ม้านั่งหน้าเรือนคุณหญิงศรี
“ฉันคุยเรื่องของเรากับพี่หญิงแล้ว ขอโทษด้วยที่พ่อแม่ฉันไล่สะบันงาออกจากบ้านอย่างไม่ปราณีปราศรัย”
สะบันงากังวล
“คุณคงลำบากใจกับเรื่องของฉันมากนะคะ”
“พี่หญิงบอกให้ฉันเรียนให้พวกท่านทราบ แล้วเร่งสร้างเรือนหอของเราที่ริมน้ำ จุดที่แพของสะบันงาเคยจอดใครจะว่าอย่างไรฉันไม่สนใจ ขอเพียงมีสะบันงาเคียงข้าง ฉันเชื่อว่าสักวันความดีงามของสะบันงาจะสามารถเอาชนะใจพ่อแม่ของฉันได้”
“ช่างมั่นใจเหลือเกินนะคะว่าจะไม่มีอุปสรรค”
“อุปสรรคจะมากมายถ้าเราวิ่งหนี แต่มันจะไม่มีถ้าเราหันหน้ามาเผชิญแล้วแก้ไข สะบันงาที่รักฉันสัญญาจะปกป้องคุ้มครองเธอไปตราบจนวันตาย ของฉัน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
สะบันงายกมือไหว้ขอบคุณ ศุกลกุมมือทั้งสองของสะบันงาเอาไว้สบตากันอย่างมีความสุข
น้อยแอบมองศุกลกับสะบันงาอยู่ ดีใจได้รู้เรื่องใหม่ๆ
“นี่หรือคุณศุกลน้องชายคุณหญิง ช่างหน้าตาสวยงามผิวพรรณผุดผ่อง ต่อไปนี้เราจะได้ไม่กังวลว่านังสะบันงาจะมาเป็นคู่แข่งของเรา หลังจากที่นังสังเวียนมันท้องโตจนปรนนิบัติท่านไม่ได้ เราจะได้เข้าไปแทนที่มัน”
น้อยลิงโลดดีใจสังเวียนมาเมื่อไหร่น้อยไม่ทันเห็น
“แกอย่าลิงโลดไปนังน้อย ท่านเจ้าคุณไม่ละความพยายามเรื่องนังสะบันงาหรอก ผิดจากฉันท่านไม่ถึงมือแกหรอก”
สังเวียนพูดจบเดินออกไป ทิ้งให้น้อยขบคิดปัญหาไปคนเดียว
คุณหญิงศรียิ้มแย้มโล่งอกที่สะบันงากำลังจะรอดพ้นจากเจ้าคุณ
“เข้าใจกันดีกับคุณศุกลแล้วใช่ไหมสะบันงา”
“ค่ะ” สะบันงายิ้มรับ
“ฉันดีใจ เบาใจ”
“แต่เมี้ยนยังหนักใจเจ้าค่ะ” เมี้ยนแทรก
“ทำไม”
“นังสังเวียนโดนอัปเปหิไปอยู่เรือนพะไลตามลำพังแล้วเจ้าค่ะกำลังขนย้ายจัดห้องกันโกลาหลเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีแปลกใจ
“อ้าว ทำไมเล่า”
เมี้ยนกระซิบ
“ก็คงเพราะมันท้องน่ะสิเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีเริ่มตระหนกไม่น้อยเจ้าคุณเดินยิ้มเข้ามา
“ต่อไปนี้จัดอาหารให้ฉันรับประทานกับคุณหญิงทุกมื้อ”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีมองเจ้าคุณอย่างสังเกต
“ได้ยินว่าให้สังเวียนมาอยู่เรือนพะไล ทำไมหรือคะ”
“เอ้อ เขาสุขภาพไม่ค่อยดีก็เลยให้ย้ายลงมา ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปรึกษาศรี”
“ฉันไม่ติดใจหรอกค่ะ แค่แปลกใจ เห็นเขาดูแลคุณดีมากอยู่นะคะ”
“ตอนนี้เป็นช่วงที่ฉันอยากอยู่ตามลำพังเงียบๆสักพัก”
เจ้าคุณตาชำเลืองมองสะบันงาที่หนาววูบขึ้นมา เมี้ยนแอบสบตาคุณหญิงศรี สองคนเริ่มไม่สบายใจอีกครั้ง
จบตอนที่ 6