สามี ตอนที่ 6
บ้านพักริมทะเลยามค่ำคืน...บนโต๊ะอาหารรสิกานั่งอยู่กับอาม่าและพระลบ เง็กตักข้าวให้ทุกคน
“อาเง็ก อาราพณ์อยู่ไหน”
เง็กยังไม่ทันตอบ ราพณ์เดินเข้ามา
“ผมมาแล้วครับ”
ราพณ์ลงนั่งข้างพระลบ รสิกาที่นั่งตรงข้ามไม่มองหน้าเขา ทั้งคู่นั่งกินข้าวกันเงียบๆ บรรยากาศมึนตึงมากจนทุกคนรู้สึก พระลบมอง ๆ แล้วมองกับข้าวบนโต๊ะ เห็นว่าไข่เจียววางอยู่ตรงหน้าราพณ์แต่กุ้งอบเกลือวางอยู่ตรงหน้ารสิกา
“พี่คุณหญิงครับ พระลบอยากกินไข่เจียว”
ราพณ์ที่อยู่ใกล้กว่าตักไข่เจียวที่อยู่ใกล้มือให้กับพระลบ รสิกาเห็นก็นิ่งกินข้าวไปเงียบ ๆ พระลบมอง ๆ แล้วหันไปหาราพณ์
“ป๊าครับ พระลบอยากกินกุ้ง”
ราพณ์จะตักให้เป็นจังหวะเดียวกับที่รสิกาก็จะตักกุ้งให้ช้อนทั้งสองคนกระทบกัน ทั้งสองคนสบตากันชั่วขณะแล้วก็ดึงช้อนกลับมาทั้งคู่ ไม่มีใครตักให้พระลบเลยแล้วต่างคนต่างกินข้าวกันไป
“อ้าว...” พระลบหน้าเหวอ
อาม่าส่งซิกให้พระลบ แล้วลุกไปเลย พระลบมองซ้ายทีขวาทีแล้วก็ไม่ยอมกินข้าวลุกไป
“พระลบ ไม่กินข้าวเหรอลูก” ราพณ์งง
พระลบไม่ตอบเดินไปนั่งเหงาๆ เรียกร้องความสนใจ ราพณ์กับรสิกามองด้วยความเป็นห่วง
“พระลบ ไม่สบายเหรอคะ ทำไมไม่ทานข้าว” รสิกาลุกไปหาพระลบ
พระลบไม่ตอบ อาม่าเปรยขึ้น
“นั่งแผ่รังสีอำมหิตแบบนี้ใครจะกินลง อาม่ายังหมดอารมณ์เลย”
รสิกากับราพณ์มองหน้ากัน
“พระลบ” ราพณ์ลุกมาหาพระลบ
“ป๊ากับพี่คุณหญิงไม่คุยกัน ไม่ยิ้ม พระลบเครียด...”
“ถ้างั้นพี่กับป๊าดีกันตอนนี้เลย กลับไปทานข้าวนะคะคนเก่ง นะคะ”
“ถ้าดีกันก็ต้องเกี่ยวก้อยคืนดีกันสิครับ”
รสิกากับราพณ์มองหน้ากันอึ้ง ๆ ราพณ์ยกนิ้วก้อยเริ่มก่อนให้เธอตัดสินใจ
“พี่คุณหญิง...”
รสิกาทนเสียงอ้อนไม่ไหวต้องยอมเกี่ยวก้อยกับราพณ์ เธอเกี่ยวปุ๊บจะดึงออกปั๊บ แต่เขาเกี่ยวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ป๊ากับพี่คุณหญิงดีกันแล้ว ทานข้าวนะครับ”
“ครับผม”
พระลบยิ้มจูงมือทั้งคู่ดึงให้มากินข้าว ราพณ์กับรสิกาลงนั่งไม่กล้าหน้าตึงต้องยิ้ม ราพณ์ตักกับข้าวให้รสิกา เธอเห็นพระลบมองต้องยิ้มรับ อาม่ายิ้ม
“อร่อยไหมครับ พระลบ”
“อร่อยมากครับ อาเหล่าม่า พระลบอยากเล่นเกม ป๊ากับพี่คุณหญิงเล่นเกมกับพระลบนะครับ”
ทุกคนมองไปทางรสิกา เธอจำยอม
“จ๊ะ”
อาม่า เง็ก ราพณ์แอบยิ้มที่รสิกาแพ้ลูกอ้อนของพระลบ
รสิกา ราพณ์ พระลบ อาม่า เล่นเกมเป่ายิ้งฉุบใครแพ้ต้องเขียนหน้ากันสนุกสนานอยู่ในห้องรับแขก
“เป่ายิ้งฉุบ”
ราพณ์เป่ายิ้งฉุบกับพระลบ ราพณ์ออกกระดาษ พระลบออกกรรไกร
“เย้ ๆ ป๊าแพ้ ยื่นหน้ามาเลยครับ”
พระลบเอาดินสอเขียนตาเขียนหน้าราพณ์ เง็กโวยวาย
“เอามาเขียนเล่นกันแบบนี้ แล้วเง็กจะเอาอะไรแต่งหน้าล่ะคะคุณพระลบ”
อาม่าขัดขึ้น
“นิด ๆ หน่อย ๆ อย่างกน่า เดี๋ยวอั๊วซื้อให้ใหม่สองแท่งเลย”
“งั้นเขียนตามสบายเลยค่ะ มันจะหมดแท่งอยู่แล้วด้วย” เง็กยิ้ม
“ต่อไปป๊ากับพี่คุณหญิงครับ ยันยีเยา ปั๊กเป้ายิ้งฉุบ” พระลบบอก
รสิกาจะออกค้อนแต่เห็นราพณ์ออกกระดาษ ด้วยความกลัวแพ้เธอรีบเปลี่ยนเป็นออกกรรไกร ราพณ์โวย
“คุณหญิงโกง”
“เปล่านะ แค่ออกช้าต่างหาก”
“งั้นพี่คุณหญิงก็แพ้” พระลบส่งดินสอให้ราพณ์ “ป๊าชนะครับ”
ราพณ์ถือดินสอไว้ในมือ รสิกามองอย่างไม่ไว้ใจจะไม่ยอม
“แพ้แล้วจะหนีเหรอครับ เยาวชนมองอยู่นะ”
รสิกาจำต้องนิ่งให้ราพณ์เขียนหน้า ราพณ์มองแล้วหัวเราะ
“คุณหัวเราะอะไร”
“หัวเราะ...คุณหญิงแพนด้าน่ะครับ”
รสิกาหันไปทางกระจกเห็นหน้าตัวเองตาดำเป็นวงแพนด้า รสิกาฮึดจะชนะราพณ์ให้ได้
“ครั้งนี้ไม่แพ้แน่”
รสิกาลืมตัวฮึดเล่นเป่ายิ้งฉุบกับราพณ์ เธอชนะแล้วเขียนหน้าเขาด้วยความสะใจนิด ๆ รสิกาเห็นหน้าราพณ์แล้วหลุดขำออกมา พระลบหัวเราะ
“ป๊าเหมือนแรคคูนเลยครับ ตาดำปี๋”
รสิกากับพระลบตีมือกันอย่างสนุกสนาน ยิ้มขำราพณ์
“ยิ้มให้กันมันดีกว่าหน้าบึ้งใส่กันมากใช่ไหม” อาม่ายิ้ม
รสิกาชะงักไปนิด ราพณ์ก็ชะงักหยุดฟัง
“คุณหญิงยิ้ม ราพณ์ยิ้ม อาม่ากับพระลบ อาเง็กก็ได้ยิ้มไปด้วย แต่ถ้าพวกลื้อหน้าหงิก อาม่ากับทุกคนก็จ๋อยหน้าหงิกตามพวกลื้อไปด้วย เราทุกคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พวกลื้อรู้สึกอะไร ผู้ใหญ่หัวหงอกกับเด็กหัวดำก็รู้สึกเหมือนกัน ลื้อเข้าใจไหม”
รสิกากับราพณ์ต่างรู้สึกผิดทั้งคู่
“ผมขอโทษอาม่าด้วยนะครับ พระลบ ป๊าขอโทษนะครับ”
“อ้ายขอโทษนะคะอาม่า พี่ขอโทษนะจ๊ะพระลบ”
พระลบยิ้มรับ
“ถ้าอย่างนั้นป๊ากับพี่คุณหญิงอย่าทะเลาะกันอีกนะครับ พระลบใจไม่ดีเลย...อยากให้ป๊ากับพี่คุณหญิงรักกัน”
รสิกาอึ้งไปนิดกับประโยคแต่จำต้องรับปาก
“จ๊ะ”
ราพณ์กอดอาม่าอ้อนๆ พลางแอบมองรสิกาที่มองยิ้มๆ ชอบใจ
ราพณ์แต่งตัวชุดนอนแล้วยืนมองตัวเองในกระจกอยู่ในห้องน้ำ รอยที่โดนเขียนหน้ายังอยู่ เขาจงใจเว้นวงตรงตาไว้ไม่ล้างคิด ๆแล้วเดินออกไป รสิกาจับพระลบที่หลับอยู่บนเตียงขยับให้นอนบนหมอนแล้วห่มผ้าให้ เขาขยับเข้ามานั่งอีกด้านมองรสิกาที่ดูแลพระลบยิ้มอย่างประทับใจ
“เหนื่อยไหมครับ”
รสิกาเจอคำถามตรง ๆ ก็ต้องหันมาคุยกะว่าจะหันมาตึงใส่เลย แต่พอหันมาเห็นหน้าเขาก็หลุดยิ้มออกมา ราพณ์ พอใจที่เป็นไปตามแผนแต่ยังแกล้งทำหน้าเหรอหราว่าหัวเราะอะไรหน้าซื่อมาก
“หน้าผมมีอะไรเหรอครับ”
รสิกายิ้ม
“คุณล้างหมึกออกไม่หมดน่ะค่ะ”
ราพณ์ทำเซ็ง
“อ้าว...นี่ผมล้างหลายรอบแล้วยังไม่ออกอีกเหรอครับ สงสัยจะหมึกกันน้ำแน่ นี่ผมล้างจนแสบหน้าไปหมดแล้ว”
รสิกาเห็นเขาดูเซ็งจริงจัง
“คุณต้องใช้ออยล์สำหรับล้างเครื่องสำอางถึงจะออกค่ะ”
“คุณมีไหม”
รสิกาเดินไปหยิบออยล์กับสำลีมาให้
“แล้วต้องทำยังไงล่ะครับ”
“ก็...”
เธอเห็นเขาเก้ ๆ กังๆ
“มาค่ะ ฉันทำให้ดีกว่า”
รสิกาจัดการเปิดขวดแล้วเอาออยล์ทาก่อนจะใช้สำลีเช็ด ราพณ์แอบยิ้มพอเธอเงยหน้ามาก็ทำหน้าปกติเนียน ๆ รสิกาค่อย ๆเช็ดให้อย่างเบามือ ราพณ์มองรสิกาอย่างหลงใหล รสิกาเช็ดไปสังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองมาหวานๆ เธอเผลอชะงักนิดหนึ่งแล้วได้สติว่าตัวเองเผลอไป รสิกาเจอสายตากรุ้มกริ่มก็เผลอหมั่นไส้กดหนักจิ้มขอบตาเขา
“โอ้ย” ราพณ์จับตาแอ็คใหญ่ว่าเจ็บ “โอย...”
รสิกาตกใจ
“คุณราพณ์ ฉันขอโทษ...คุณเป็นอะไรมากไหม คุณ...”
ราพณ์ยิ้มเปิดให้ดูว่าแกล้ง
“ไม่เป็นไรเลยครับ”
รสิกาหมั่นไส้จิ้มจริงเข้าให้
“โอ้ย...คุณหญิงมันเจ็บนะครับ”
รสิกาไม่สนใจหันไปกราบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน
“โอย...”
ราพณ์แอบมองเห็นว่าไม่สนใจจริงๆ ก็เลิกแบบเซ็งๆขยับมาหอมแก้มพระลบฟอดใหญ่ จงใจพูดไปถึงรสิกา
“ฝันดีนะครับ”
รสิการู้ว่าพูดกับตัวเองก็พลิกตัวตะแคงให้กับเขาไม่สน เธอพยายามข่มตาหลับไม่สนใจแต่สีหน้าไม่ได้เคืองเลยแอบยิ้มนิด ๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างมีความสุข
สิริโสภาอยู่ในห้องพักคอนโดเล็กๆ...เธอลืมตาขึ้นในความมืดหันมองไปทางที่ว่างของเตียงอีกข้างแล้ววางมือตรงที่ว่าง...เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้นเธอวางมือลงบนอกราพณ์ เขาขยับมือที่กอดเธอให้กระชับเข้ามาใกล้ สิริโสภาขยับตัวเข้าซุกกับราพณ์อย่างมีความสุข...มือของสิริโสภาขยำผ้าปูด้วยความเจ็บแค้น นึกถึงตำพูดของศิริพรที่เล่าเรื่องราพณ์มาหารสิกา
“ตอนนี้เขาลาฮันนีมูน น่าอิจฉานะ สามีเขาเป็นนักธุรกิจหล่อมาก เคยมาส่งคุณหญิงครั้งหนึ่งสาวกรี๊ดกันทั้งออฟฟิศ ถ้าพี่มีสามีแบบนี้จะล็อคคอไม่ให้หลุดมือไปเลย”
สิริโสภานึกถึงภาพข่าวที่ราพณ์ควงกับรสิกาในงานเดินแบบผ้าไหม เธอขยำผ้าปูด้วยความแค้น
“ราพณ์เป็นของฉัน เขาเป็นของฉัน”
สิริโสภาลุกขึ้นมาตามความแรงของอารมณ์ เธอเหวี่ยงฟาดหมอนอย่างคลั่งแค้น ร้องไห้ด้วยเจ็บปวดทรมาน
รามนั่งอยู่ในร้านกาแฟคอยมองหาผู้หญิงที่ให้ผ้าเช็ดหน้าเขา มีผู้หญิงเดินเข้า-ออกในราม แต่ไม่รู้สึกคุ้นสักคน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของสิริโสภาออกมามอง สูดความหอมของผ้าเช็ดหน้าเบาๆ รู้สึกฝังจิตฝังใจกับเจ้าของผ้าเช็ดหน้าเหลือเกิน
เช้าวันใหม่...รสิกาตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เธอคิด ๆ แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวเตรียมจะไปวิ่งแต่พอจะเปิดประตูห้อง เสียงพระลบดังขึ้น
“พี่คุณหญิงจะไปไหนครับ”
รสิกาหันมาเห็นว่าราพณ์กับพระลบตื่นแล้ว ราพณ์นอนคว่ำ พระลบนอนทับบนหลังอีกทีเอาคางเกยบนศีรษะพ่อกำลังมองมา
“พี่จะไปวิ่งออกกำลังจ๊ะ”
“วิ่ง...แล้วขาคุณ...”
“มันดีขึ้นมากแล้วค่ะ ฉันอยากออกำลังเบาๆ”
“ดีเลยครับ พระลบจะได้ออกกำลังด้วยดีไหม”
“ดีครับ”
ทั้งคู่รีบลุกจากเตียงรีบไปหาเสื้อผ้า
“ป๊าครับ เสื้อกับกางเกงวอร์มพระลบล่ะครับ”
“เดี๋ยวนะครับ ป๊ายังหาเสื้อป๊าไม่เจอเลยครับ”
สองพ่อลูกคุ้ยเสื้อผ้ากันใหญ่ รสิกามองสภาพการคุ้ยเละ ๆ ก็ทนไม่ไหว
“เดี๋ยวฉันหาให้ค่ะ”
รสิกาหยิบเอาเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาให้พระลบ
“ใส่ชุดนี้นะครับ”
“ครับผม”
พระลบรีบเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนอย่างไว ราพณ์หันมาถาม
“ของผมล่ะครับ”
รสิกาหันมองเห็นราพณ์ยิ้มเสนอหน้าก็หมั่นไส้
“หาเองนะคะ ฉันจะไปแต่งตัวให้พระลบ”
รสิกาเดินไปแต่งตัวให้พระลบ ราพณ์มองตามยิ้ม ๆ มีความสุข
ราพณ์กับรสิกาและพระลบวิ่งออกกำลัง พระลบเหนื่อย ๆ ราพณ์กับรสิกาต้องจูงมือวิ่ง ราพณ์ที่จูงมือพระลบวิ่งดึงพาพระลบตรงไปที่ทะเล รสิการีบถาม
“คุณจะไปไหน”
ราพณ์ไม่ตอบจูงมือพระลบวิ่งลงทะเล รสิกาปล่อยมือไม่ยอมตามลงทะเลในขณะที่ราพณ์กับพระลบวิ่งลงไปในทะเลสนุกสนาน รสิกายืนมองกับความซนของสองพ่อลูก ราพณ์กับพระลบวิ่งขึ้นมา
“พี่คุณหญิงครับ เล่นน้ำกับพระลบนะครับ”
“เล่นกับป๊านะคะ พี่ขอไปวิ่งอีกหน่อย”
ราพณ์ขึ้นมาหา
“แบบนี้เดี๋ยวพระลบน้อยใจแย่นะครับ ถ้าคุณไม่อยากเดินลุยน้ำ ผมช่วยนะครับ”
ราพณ์อุ้มโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำให้ไม่มีโอกาสขัดขืน ราพณ์แกล้งพาไปโยนในทะเล พระลบที่อยู่แค่ตื้น ๆ หัวเราะชอบใจ รสิกาเคือง
“คุณราพณ์”
รสิกาผุดขึ้นมาสาดน้ำใส่ ราพณ์หัวเราะสดใส รสิกากับพระลบก็สนุกไปด้วย
ราพณ์ รสิกา พระลบเข้ามาสภาพเปียกปอน เจออาม่ากับเง็กที่กำลังจะเตรียมออกไปข้างนอก
“อาม่าจะไปไหนครับ”
“อาม่าจะไปซื้อของมาเตรียมรับนายทหารเรือเพื่อนคุณหญิงเย็นนี้”
“อาม่าอย่าไปเลยค่ะ เดี๋ยวอ้ายจัดการให้เองดีกว่านะคะ”
“เดี๋ยวผมขับรถให้เอง”
“อาม่าจะทำอะไรบ้างคะ”
ราพณ์มองคิดว่ารสิกาให้ความสำคัญกับสกรรจ์ ราพณ์เคืองๆ
ในตลาด...รสิกาเลือกอาหารสดอย่างตั้งใจ ราพณ์หน้าตึงตลอด รสิกาเลือกๆ หันมาเห็นอาการก็นิ่งไม่สนใจ ไม่ถามใด ๆ เดินไปเลือกของต่อ ราพณ์ยิ่งหงุดหงิด
ราพณ์กับรสิกาถือของมาเก็บที่รถ ราพณ์เปิดหลังรถ รสิกาวางของสดกับผักเงียบๆ ไม่พูดอะไร ราพณ์ทนไม่ได้
“นี่คุณไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ”
“ถ้าเจ้าหนี้อยากให้พูดก็จะพูดค่ะ...จะให้พูดอะไรดีคะ” รสิกายอกย้อน
ราพณ์งุ่นง่าน
“คุณเลิกกวนประสาทผมสักทีได้ไหม”
“ฉันแค่ตอบแทนคุณตามหน้าที่ลูกหนี้ที่เป็นหนี้น้ำเงินของคุณต่างหาก”
“แต่สิ่งที่ผมต้องการให้คุณหญิงมันไม่ใช่เงินแต่มัน...”
ราพณ์อยากจะบอกว่ารักแต่เห็น เธอที่มองมาด้วยอารมณ์ต่อต้านก็พูดไม่ออก
“คุณจะพูดอะไร”
“ผม...”
ราพณ์ไม่อยากพูดออกจากปากกลัวโดนประชดอีก เขาหงุดหงิดเดินขึ้นรถ รสิกามองอย่างไม่เข้าใจเดินตามขึ้นรถไป
ในรถ...ราพณ์ขับรถหน้าตึง รสิกานิ่งต่างคนต่างเงียบ จู่ ๆมีรถกระบะมาจอดปาดหน้าราพณ์เบรก กะทันหันเอี๊ยดแล้วจอดนิ่งขวางทางไว้
“ว้าย” รสิการ้องลั่น
ราพณ์เป็นห่วง
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ...”
ราพณ์กดแตรด้วยความไม่พอใจให้รถกระบะหลีกทางแต่ทุกอย่างก็นิ่ง
“หรือว่าทางโน้นจะบาดเจ็บคะ”
“ผมไม่ได้ชนเขา” ราพณ์คิด ๆ รู้สึกระแวง “คุณหญิงรออยู่ในรถนะครับ ผมจะลงไปดู”
ราพณ์ลงไปจากรถจะเดินไปดูที่รถกระบะ พอเดินเกือบถึง ลูกน้องสุรีย์ส่อง สี่คนลงมาจากรถพร้อมกับไม้ เป็นอาวุธทุกคน ราพณ์ชะงัก รสิกาที่อยู่ในรถก็ตกใจ
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
“กระทืบมัน”
พวกลูกน้องสามคน เข้ารุมตี ราพณ์พยายามรับมือ
“เอาตัวผู้หญิงมา” หัวหน้าทีมสั่ง
ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งไปที่รถด้านที่รสิกานั่ง ราพณ์ตะโกน
“ล็อกรถ”
แต่กว่ารสิกาจะตั้งสติได้ก็ช้าไปแล้ว ลูกน้องสุรีย์ส่องเปิดประตูลากรสิกาออกมา
“ปล่อยนะ”
“วันนี้กูจะมีเมียเป็นคุณหญิงเลยเว้ย”
ลูกน้องสุรีย์ส่องลากรสิกาจะดึงไปข่มขืน รสิกากรีดร้องอย่างหวาดกลัวพยายามขืนสุดชีวิต
“ปล่อยฉัน”
ลูกน้องคนนั้นต่อยท้องรสิกาปึ้กเธอจุกตัวอ่อน สิ้นแรง ราพณ์พยายามฝ่าจากลูกน้องทั้งสามที่รุมทำร้ายแล้วรีบเข้าไปยื้อตัวรสิกาไว้ ลูกน้องอีกสามคนตามมาพยายามจะแยกราพณ์กับรสิการาพณ์กอดรสิกาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาถูกถีบจนดันตัวรสิกาไปพิงกับต้นไม้ ราพณ์พยายามเอาตัวเองบังไว้ ลูกน้องโกรธ
“หวงนักเหรอมึง”
ลูกน้องฟาดราพณ์ไม่นับ ปึ้ก ๆ ราพณ์เจ็บปวดแต่อดทน รสิกาตะโกนลั่น
“อย่านะ”
ลูกน้องอีกคนกระทืบ
“ปล่อยสิวะ”
รสิกาเห็นราพณ์โดนซ้อมไม่นับ เธอตกใจเป็นห่วงเขาน้ำตาร่วงทั้งกลัวทั้งห่วง
“คุณราพณ์...”
ราพณ์พยายามที่จะพูด
“ผมไม่ยอมให้มันทำร้ายคุณแน่”
ลูกน้องทั้งสามประเคนทั้งไม้ทั้งเท้าใส่ราพณ์ไม่ยั้ง
“เหนียวนักใช่ไหม”
ลูกน้องคนหนึ่งชักมีดออกมา รสิกาตกใจสุดขีด
“อย่า”
ลูกน้องคนนั้นฟันกลางหลังราพณ์ รสิการ้องลั่น
“คุณราพณ์”
ราพณ์เกร็งมือกอดรสิกาแน่น ลูกน้องคนหนึ่งหันมาบอกลูกพี่
“ไม่ตายไม่ปล่อยแน่พี่ จัดเลย”
ลูกน้องคนถือมีดจะแทงซ้ำ รสิกาตกใจมาก ทันใดนั้น เสียงรถแล่นเข้ามาจอดเอี๊ยด พวกลูกน้องสุรีย์ส่องหันไปเห็นสกรรจ์กับเพื่อนทหารอีกสอง คนลงมาจากรถ ทั้งสามคนเข้ามาตะลุมบอนกับลูกน้องสุรีย์ส่อง ด้วยชั้นเชิงของสกรรจ์กับเพื่อนทหารเหนือกว่าพวกลูกน้องสุรีย์ส่องจะหนีแต่สกรรจ์กับเพื่อนช่วยกันล็อคไว้ได้หนึ่งคน
“ปล่อยกู”
ราพณ์เห็นสกรรจ์ รู้สึกว่าปลอดภัยก็หมดแรงล้มลงไปกับพื้น รสิกาตกใจ
“คุณราพณ์ คุณสกรรจ์ ช่วยคุณราพณ์ด้วยค่ะ คุณราพณ์”
ราพณ์นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของรสิกา
ห้องพยาบาลในฐานทัพเรือ...ราพณ์ถูกพันแผลที่โดนฟันกลางหลังไม่ลึกนัก เขาขยับเสื้อใส่เรียบร้อย หมอให้รายละเอียดกับรสิกา
“หมอเย็บแผลให้แล้วนะครับ หมอจะให้ยาแก้ปวด กับแก้อักเสบไปนะครับ คนไข้แพ้ยาอะไรหรือเปล่าครับ”
รสิกาไม่แน่ใจหันมองราพณ์
“ไม่ครับ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
ราพณ์จะลุก รสิการีบเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง
“ค่อย ๆ เดินนะคะ”
ราพณ์มองท่าทีรสิการู้สึกใจชื้นขึ้น
รสิกาประคองราพณ์ออกมาด้านนอก สกรรจ์ยืนรออยู่
“หมอว่ายังไงบ้างครับ”
“แผลไม่ลึกค่ะ แต่รอยช้ำหนักพอสมควร โชคดีนะคะที่คุณสกรรจ์มาเจอไม่อย่างนั้นอ้ายกับคุณราพณ์คง...”
“ผมตั้งใจจะไปชวนคุณหญิงกับครอบครัวมาเที่ยวที่นี่น่ะครับ”
“ขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่ช่วยผมกับภรรยา”
สกรรจ์ยิ้ม
“ยินดีครับ คุณหญิงเป็นเพื่อนผม สามีคุณหญิงก็ถือว่าเป็นเพื่อนของผมด้วยเหมือนกัน”
ราพณ์รู้สึกว่าสกรรจ์พูดจาถูกหู ค่อยคุยกันได้
“ขอบคุณครับ”
“คุณราพณ์คิดว่าพวกมันเป็นโจรหรือว่า...”
ราพณ์มองตาสกรรจ์รู้ว่าหมายถึงอะไร เขาหันไปบอกรสิกา
“คุณหญิงครับ ผมหิวน้ำ”
“เดี๋ยวฉันไปขอในห้องพยาบาลให้นะคะ”
รสิกากลับเข้าไป สกรรจ์รีบพูด
“พวกมันตั้งใจมาดักทำร้ายผม มันรู้ว่าคุณหญิงเป็นใคร ครั้งนี้มันเลือกเจาะจงเฉพาะคน”
“งั้นมันก็น่าจะเป็นพวกเดียว กับที่ส่งมือปืนมาฆ่าคุณหญิงใช่ไหมครับ”
“มันก็เป็นไปได้”
“แล้วคุณจะเอายังไงต่อไป”
ราพณ์หน้าเครียด
เจ้าสัวเรียวคุยโทรศัพท์สีหน้าเครียด
“ราพณ์จัดการแจ้งความทันที ให้มันเป็นคดีไว้ แล้วรีบพาทุกคนกลับมาบ้านให้เร็วที่สุด”
เจ้าสัวเรียววางสาย รัตนาวลีที่ฟังอยู่ข้างๆ ร้อนใจ
“คุณราพณ์กับอ้ายเป็นยังไงบ้างคะ”
“ราพณ์บาดเจ็บ ส่วนคุณหญิงปลอดภัยครับ...นที”
นทีเข้ามารอคำสั่ง
“ติดต่อทางโน้นให้จัดการส่งตัวคนที่มันทำร้ายราพณ์มากรุงเทพ ครั้งนี้เราจับคนร้ายได้ ผมจะบีบให้มันซัดทอดคนบงการให้ได้...พวกมันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม”
สุรีย์ส่องคุยโทรศัพท์เสียงดังด้วยความผิดหวัง โกรธสุดขีด
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน...โรงพัก”
สุรีย์ส่องกรีดร้องอย่างคลั่งแค้น ประสิทธิ์เข้ามาด้วยความตกใจ
“แกเป็นอะไรยัยสุ”
“ลูกน้องของคุณพ่อมันห่วย แค่ให้ไปฉุดนังอ้ายยังพลาด”
ประสิทธิ์จับตัวสุรีย์ส่องเขย่า
“พ่อบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเพิ่งยุ่งตอนนี้”
“สุอยากให้มันเจ็บ แต่ลูกน้องคุณพ่อโดนจับ”
สุรีย์ส่องกรี๊ดปัดแจกันหล่นแตกเพล้ง
“ทำไม สุต้องแพ้มันอยู่เรื่อย...ทำไม”
ประสิทธิ์ตบหน้าเพี๊ยะ สุรีย์ส่องอึ้ง
“คุณพ่อ”
“เมื่อไหร่แกจะรอบคอบสักที คนของเราโดนจับ ไอ้เรียวต้องบีบให้พวกมันซัดทอดคนบงการ”
สุรีย์ส่องสายตากร้าว
“พ่อจะไม่ยอมให้สุติดคุกใช่ไหมคะ”
ประสิทธิ์มองสุรีย์ส่อง สายตาบอกว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ค่ำนั้น อาม่าอารมณ์ขึ้นปรี๊ดสุด ๆ จนทุกคนตกใจ
“อาม่าไม่ยอม มันอยู่ที่ไหน ใครมันทำหลานของลิ้ม ท้อ ฉั่ง พาอาม่าไป อาราพณ์ อาม่าจะลุย”
อาม่าลุกพรวดไปหน่อยหน้ามืดเซ เง็กรีบประคอง
“หน้ามืดแล้วอาม่า ๆ ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ แปดสิบแล้วนะอาม่าไม่ใช่สิบแปด”
อาม่าหยิกเง็กอย่างหมั่นไส้ที่ขัดคอ พระลบที่อยู่ข้างอาม่าเสียงดังขึ้นมาเลย
“พระลบจะลุยด้วยครับอาม่า ใครทำป๊า พระลบจะ...”
พระลบต่อยเตะลมท่าทางเอาเรื่องมาก ราพณ์โยกหัวพระลบอย่างเอ็นดู
“ป๊าส่งเข้าคุกไปแล้ว ไม่ต้องให้อาม่ากับพระลบเหนื่อยหรอกครับ”
พระลบโผเข้ากอดราพณ์ ตัวพระลบไปโดนแผลของเขา
“โอ๊ะ”
รสิกาตกใจ
“พระลบ ป๊ายังเจ็บแผลอยู่ กอดเบาๆ นะจ๊ะ”
“ป๊าเจ็บมากไหมครับ พระลบสงสารป๊า”
“ป๊าเจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอกเพราะป๊าเป็นผู้ชายต้องอดทน ใช่ไหมครับพระลบ”
“ใช่ครับ อากงสอนพระลบว่าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทน”
ราพณ์ยิ้มกับพระลบ ก่อนจะหันไปถามเง็ก
“เง็กเก็บของเรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้เราทุกคนจะกลับกรุงเทพ”
“ทำไมรีบกลับล่ะ” อาม่าเป็นห่วง “หรือว่ามีอะไร”
“ไม่มีอะไรครับอาม่า พอดีป๊าคิดถึงอาม่ากับพระลบน่ะครับ”
“พี่เง็กพาอาม่าไปพักผ่อนเถอะค่ะ” รสิกาหันไปหาพระลบ “คืนนี้พระลบนอนกับอาม่านะคะ...จะได้ไม่สะเทือนแผลคุณราพณ์น่ะค่ะ”
อาม่าลูบหัวพระลบ
“ไปนอนกับอาเหล่าม่านะลูก”
“ป๊าครับ ถ้าป๊าทนคิดถึงพระลบก็ไปหาพระลบที่ห้องอาม่านะครับ” พระลบยิ้ม
ราพณ์กับรสิกายิ้มให้ อาม่าพาพระลบออกไป
“ไปพักเถอะค่ะ ฉันจะทำแผลให้นะคะ” รสิกาอ่อนโยนลง
ราพณ์ยอมให้เธอประคองไปโดยดี
สามี ตอนที่ 6 (ต่อ)
ราพณ์นั่งบนเตียงเปลือยช่วงบน เขากำลังค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออก รสิกาเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ถืออ่างน้ำกับผ้าสำหรับเช็ดตัวเล็ก ๆ มา เธอใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมองเขาอย่างขัดเขิน ราพณ์มองรสิกาเห็นว่าเธอทำตัวไม่ถูก
“ผมว่าเดี๋ยวผมไปอาบน้ำดีกว่า”
“ไม่ได้นะคะ คุณหมอสั่งห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ”
“แต่ผมทำให้คุณลำบาก”
“คุณเจ็บเพราะฉัน...ฉันไม่ลำบากหรอกค่ะ”
รสิกาค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ ราพณ์นั่งนิ่งแต่ความรู้สึกก็อดวาบหวามนิด ๆ ไม่ได้ รสิกาค่อยๆ เช็ดด้านหลัง แขนด้านหลัง พอเธอจะเช็ดด้านหน้าก็ชะงักไปนิดด้วยความเขิน
“เดี๋ยวผมเช็ดต่อเอง”
ราพณ์จะรับผ้าจากรสิกาพอมือแตะโดนกัน รสิกาตกใจนิดๆแล้วชักมือกลับ
รสิกานั่งพันแผลให้ค่อยๆ ขยับใช้มืออ้อมตัวมาพันแผลให้เป็นการใกล้ชิดกันมากที่สุด เธอเก็บชายผ้าพันแผลจนเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นอนพักนะคะ”
รสิกาช่วยประคองให้เขานอนคว่ำลงกับเตียง ราพณ์ขยับจนนอนสบายรสิกาขยับผ้าห่มมาคลุมให้แล้วจะลุกไปแต่ราพณ์จับมือไว้ รสิกาชะงักหันมอง เห็นสายตาของเขาที่มองมาด้วยสายตาอ้อน ๆ
“คุณหญิงจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปดูพระลบค่ะ” รสิกาจะดึงมือออก
ราพณ์ยึดไว้เบาๆ เสียงอ้อนมาก
“ผมเจ็บแผล ให้ผมจับมือคุณไว้แบบนี้ได้ไหม”
“มือฉันไม่ใช่ยาพารานะคะ จับแล้วจะได้หายปวด”
ราพณ์ยิ้มพูดเบาๆ
“อยู่ข้างๆ ผม อย่าไปไหน...ได้ไหม ป่านนี้พระลบคงหลับแล้ว”
รสิกาใจอ่อนยอมขยับตัวนั่งข้างๆให้เขาจับมือไว้ ราพณ์มองยิ้มมีความสุขมาก รสิกาเห็นสายตาของเขาก็รู้สึกขัดเขินยังปากแข็ง
“ถือว่าฉันตอบแทนที่คุณช่วยฉัน...”
“เหตุผลอะไรผมก็รับได้ ขอแค่คุณอยู่ข้างๆ ผมก็พอ”
ราพณ์นอนหลับตา รสิกานั่งมองเขาที่เริ่มหายใจสม่ำเสมอ เธอลองโบกมือจนรู้สึกแน่ใจว่าหลับแล้วก็ค่อย ๆ ลดตัวลงนอน เริ่มผ่อนคลายให้ความไว้ใจเขามากขึ้น...รสิกาหาวด้วยความง่วงแล้วค่อย ๆ หลับตา ราพณ์ลืมตามองด้วยความรัก ยิ้มนิด ๆ อย่างมีความสุข เขาขยับตัวชะงักนิด ๆ รู้สึกเจ็บแผล แล้วยิ้มมองรสิกาไม่วางตา
“มันคุ้มจริงๆ”
ราพณ์นอนมองรสิกาอย่างมีความสุข
คฤหาสน์เจ้าสัวเรียววันใหม่...เจ้าสัวเรียวกับรัตนาวลีรออย่างกระวนกระวาย แหววเอาเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟอดไม่ได้ที่จะถามรัตนาวลีเบาๆ
“หม่อมขา ทำไมคุณหญิงกลับมาช้าจังเลยคะ”
“ออกมาตั้งแต่เช้า ป่านนี้น่าจะถึงแล้ว”
รัตนาวลีห่วงจะกดโทรศัพท์หา เสียงพระลบดังขึ้น
“อากง อาม่าครับ พระลบกลับมาแล้วครับ”
อาม่ากับพระลบเข้ามา ตามมาด้วยรสิกาที่เคียงข้างราพณ์เข้ามา ราพณ์ยังเดินไม่ค่อยถนัดนักเจ็บนิด ๆ
“ทำไมมาช้านักล่ะอ้าย มีอะไรหรือเปล่า” รัตนาวลีถามอย่างเป็นห่วง
“คุณราพณ์ดื้อน่ะค่ะหม่อมแม่ อ้ายจะขับให้ก็ไม่ยอม”
“คุณหญิงบังคับให้ผมขับไม่เกิน 80 น่ะครับ เลยมาถึงช้ามาก”
“แล้วคนร้ายล่ะ” เจ้าสัวเรียวถามขึ้น
“ตำรวจส่งตัวมาขังที่กรุงเทพแล้วครับ”
เจ้าสัวเรียวยิ้มพอใจ
“ดี...ป๊าจะให้พวกมันซัดทอดให้ได้”
รสิกาชะงักสงสัย
“ซัดทอด...นี่มันไม่ใช่โจรปล้นธรรมดาเหรอคะ”
ราพณ์กับเจ้าสัวเรียวชะงักไปนิด รัตนาวลีช่วยแก้ไขสถานการณ์
“คุณราพณ์ ขับรถมาเหนื่อย ๆ ไปพักก่อนดีกว่านะคะ อ้ายพาคุณราพณ์ไปพักสิลูก”
รสิกาอยากรู้ความจริง
“แต่...”
ราพณ์แกล้งเจ็บแผลทันที
“โอ๊ะ”
รสิกาเห็นราพณ์นิ่วหน้าเพราะเจ็บแผล เธอแตะที่แขนเขาอย่างห่วงใย
“เจ็บเหรอคะ”
“ครับ...มันเพลียๆ ด้วย”
รสิกาห่วง
“งั้นไปพักนะคะ”
“ผมขอไปพักก่อนนะครับป๊า”
รสิกาพาราพณ์ออกไป อาม่ามองอย่างข้องใจ
“อาเรียว”
เจ้าสัวเรียวรู้ว่าอาม่าสงสัยเรื่องเดียวกับรสิกา
“ม๊าไปพักเถอะครับ”
อาม่ามองอย่างรู้ทัน
“นี่เรื่องใหญ่ใช่ไหม”
“ผมจัดการได้ครับม๊า”
“อั๊วเชื่อลื้อนะอาเรียวว่าลื้อจะดูแลทุกคนในครอบครัวให้ปลอดภัยสมเป็นผู้นำของตระกูล อาเง็ก...พาอั๊วไปที”
เง็กเข้าประคองอาม่าพาเดินออกไป เจ้าสัวเรียวมีอาการปวดหัว เซ ๆ รัตนาวลีเห็นอาการก็ตกใจ
“เจ้าสัวคะ” รัตนาวลีประคองให้นั่งลง “แหวว...ให้คุณนทีไปตามหมอ”
“ไม่ต้อง ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อย เง็ก ตามนทีมาหาฉัน”
เง็กออกไป
“ช่วงนี้คุณปวดหัวบ่อย ฉันว่าพักเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวผมก็ดีขึ้น ผมอยากจัดการเรื่องคนร้ายให้เรียบร้อยก่อน”
“เราควรบอกอ้ายเรื่องคุณประสิทธิ์นะคะ อ้ายจะได้ระวังตัว”
“ต่อให้ระวังตัวแค่ไหนก็สู้คนที่มันส่งมาไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากให้คุณหญิงต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ให้ผมกับราพณ์จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แล้วเราค่อยบอกคุณหญิง...นะครับ”
“ก็จริงค่ะ”
เจ้าสัวเรียวจับมือรัตนาวลีอย่างปลอบใจ รัตนาวลียิ้มตอบอย่างขอบคุณ
ราพณ์นั่งลงบนเตียงหน้าตาเพลีย ๆ รสิกาเข้ามาถามอย่างห่วงใย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“มันเพลีย ๆ แล้วก็ร้อนน่ะครับ”
“ร้อนเหรอคะ”
รสิกาหยิบรีโมทแอร์มาดูว่าอยู่ที่อุณหภูมิ 20 องศา แล้วตัดสินใจเอามือแตะที่แขน แล้วขยับไปแตะที่หน้าผากของเขา
“คุณตัวร้อน...”
รสิกาจะลุกไป ราพณ์จับมือไว้ไม่ให้ไปไหน
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะ”
“ฉันจะไปเอายาให้คุณน่ะค่ะ”
รสิกาจะดึงออกแต่ราพณ์ขืนไว้ เธอเสียงดุใส่นิดๆ
“คุณราพณ์คะ”
ราพณ์อยากจะงอแงนิด ๆได้โอกาสก็ทำคะแนนเต็มที่ แหววถือถาดข้าวต้มเข้ามา
“หม่อมให้ทำข้าวต้มมาให้คุณราพณ์ค่ะ”
“แหววเอาข้าวต้มมาให้แล้ว ไม่ต้องไปแล้วนะครับ” ราพณ์มองรสิกาหวานๆ
แหววเห็นราพณ์จับมือรสิกาไว้ไม่ยอมปล่อย แหววมองยิ้มๆ รสิกาเห็นก็พยายามดึงจนหลุดออกมาจนได้ เธอรับข้าวต้มจากแหววมาจัดวางให้
“ทานข้าวต้มนะคะ”
ราพณ์ยังนิ่ง
“ไม่อยากทานเหรอคะ”
“ผมเจ็บไปทั้งตัวที่โดนซ้อมน่ะครับ ทานเองไม่ไหว”
แหววช่วยยุสุดฤทธิ์
“คุณหญิงก็ช่วยป้อนสิคะ”
รสิกามองแหววดุ ๆ แล้วหันไปมองราพณ์อย่างเอาเรื่อง
“ขับรถมาเป็นร้อยกิโลได้ ทานข้าวคงไม่ยากหรอกค่ะ จริงไหมคะ”
ราพณ์จ๋อยที่เธอไม่ยอมอ่อนตาม เขาจำต้องนั่งทานเองแต่หน้าเซ็งมาก แหววแอบกระซิบรสิกา
“คุณหญิงไม่โหดกับคนป่วยเกินไปเหรอคะ คุณราพณ์หน้าจ๊อย...จ๋อย”
รสิกาทำไม่สนใจ ราพณ์จำต้องกินเซ็งๆที่แผนอ้อนไม่สำเร็จ รสิกาหันไปถามแหวว
“พี่แหววมีฝรั่งหรือส้มไหมคะ ป่วยแบบนี้ต้องกินผลไม้เสริมสักหน่อยจะได้สดชื่น”
แหววนิ่งคิด
“มีสาลี่อยู่ค่ะ เดี๋ยวพี่จะไปปอกมาให้”
“ทานสดดีกว่า พี่แหววเอามาให้อ้ายนะจ๊ะ เดี๋ยวอ้ายปอกเอง”
“แต่พี่ว่า...”
“อ้ายทำได้ค่ะ”
แหววยิ้มรับ
รสิกานั่งปอกสาลี่ไปเงียบ ๆ ราพณ์ทานข้าวไปแอบมองรสิกาไปยิ้ม ๆ มีความสุข เขาทานเสร็จขยับจานออก รสิกาขยับจานข้าวต้มออก ราพณ์มอง ๆ
“ผมอยากกินสาลี่แล้ว”
รสิกาเลื่อนจานสาลี่ให้มองๆ
“เดี๋ยวฉันไปเอาส้อมมาให้”
ราพณ์จับแขนรสิกาเบาๆ
“ผมอยากให้คุณป้อน...ได้ไหม”
รสิกามองราพณ์ที่มองอย่างอ้อน ๆก็ยอมแพ้หยิบสาลี่ป้อนให้ ราพณ์กัดสาลี่ค่อนข้างลึกจนริมฝีปากแตะโดนนิ้วของเธอ รสิกาหน้าแดงเขินแต่พยายามเก็บฟอร์ม
วศินออกมาจากห้องนอน เสียงกริ่งดังขึ้น เขาเดินไปเปิดประตู จู่ๆ ผู้ชายสามคนก็เข้ามาในห้อง
“เดี๋ยว ๆ ผมยังไม่ได้เชิญให้พวกคุณเข้ามา”
“คุณรุ้งรายยกเลิกการเช่าห้องนี้แล้ว คุณต้องย้ายออกเดี๋ยวนี้...ขน”
ลูกน้องทั้งสามคน เข้าไปจัดการยกข้าวข้องที่ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์พวกของใช้ที่หยิบยกได้ง่ายเสื้อผ้ากระเป๋า วศินพยายามเข้าห้า
“เฮ้ย ไม่ได้นะเว้ย”
ลูกน้องรุ้งรายผลักวศินให้พ้นทางแล้วเอาข้าวของออกไปกองนอกห้อง
“หยุด”
วศินเห็นไม่มีใครฟังจะต่อย แต่เจอสวนจนล้มซะก่อนแล้วโดนลากออกมานอกห้อง ลูกน้องรุ้งรายไม่ฟังเอาของทั้งหมดออกมานอกห้อง แล้วดันวศินออกจากห้องพักก่อนจะล็อกปิดประตู วศินจะเอาเรื่องแต่ลูกน้องรุ้งรายยืนมองอย่างเอาเรื่อง เขาจึงเดินไปที่ห้องรุ้งรายกดกริ่งไม่ยั้ง รุ้งรายเปิดประตูออกมายิ้มร้าย
“มันเรื่องอะไรกัน” วศินถามอย่างไม่พอใจ
รุ้งรายไม่ตอบหันพยักหน้าให้ลูกน้องจัดการ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง วศินตามเข้าไปเอาเรื่อง
“คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ฉันจะยกเลิกสัญญา”
“ยกเลิก แล้วบริษัทของผมล่ะ”
รุ้งรายมองอย่างสมเพช
“ยกเลิก...ทุกอย่าง”
“คุณรุ้ง มันเกิดอะไรขึ้น ผมทำอะไรให้คุณไม่ถูกใจ”
“เธอทำหน้าที่ได้ดี ครอบครัวฉันมีความสุขมาก ฉันต้องขอบใจเธอ” รุ้งรายยื่นเช็คให้ “เช็คงวดสุดท้ายฉันเพิ่มให้เธอเป็นสองแสนบาท”
วศินรู้สึกเหมือนฝันสลายลงตรงหน้า จะเข้าจับรุ้งราย ลูกน้องรุ้งรายขยับเข้ามาในห้องมองวศินชะงักไม่กล้า
“คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า ผมทำให้ครอบครัวคุณมีความสุข”
รุ้งรายไม่ตอบเดินออกไป
“คุณรุ้ง”
วศินรีบตามไป
ราพณ์นอนหลับอยู่บนเตียง รสิกานั่งมองแล้วเอามือแตะที่หน้าผากเขาเบาๆดูว่าไข้ลดลงหรือยัง เธอแตะไล่จากหน้าผากลงมาที่คอ ราพณ์จับมือรสิกาไว้ เธอชะงักมองเห็นว่าเขาหลับตาหายใจสม่ำเสมอ
“นี่คุณหลับจริงเหรอเนี่ย คุณราพณ์”
รสิกาจ้องเห็นราพณ์ตายุกยิกรู้ทัน
“หลับใช่ไหม...หลับทำอะไรก็คงไม่รู้สึกตัวหรอกเนอะ”
รสิกาบีบจมูกราพณ์มีบิด ๆ อย่างจงใจ
“โอ้ย ๆ ผมเจ็บอยู่นะคุณ”
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“คุณหญิงใจร้าย”
แต่ยังจับมือไปแนบแก้มไว้ไม่ยอมปล่อย
“ฉันจะนั่งร่างแบบงานของโรงแรมของคุณ ปล่อยมือสิคะ”
“ผมปวดแผล...”
รสิกาถอนใจเบาๆ กับลีลาของเขา
“เพราะคุณช่วยฉันไว้หรอกนะ หายเมื่อไหร่...ฉันไม่ยอมแน่”
ราพณ์ยิ้มหลับตาแต่ไม่ปล่อยมือ รสิการะอากับความอ้อนของเขาแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบหนังสือพวกดีไซน์มาเปิดดู ราพณ์แอบมองเสี้ยวหน้าของรสิกาอย่างมีความสุข
ปฐวีขับรถเข้ามาจอดที่หน้าลานจอดของค่ายมวย เขาจะลงจากรถแต่พอดับเครื่องก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกเบอร์ของรสิกาแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ ปฐวีถอนใจจะลงจากรถแต่พอจะเปิดประตูลงเสียงรถแล่นเข้ามาจอด รุ้งรายลงจากรถ วศินเข้ามากระชากแขนไว้ รุ้งรายต่อยสวนใส่หน้าวศินวะ
“ฉันทำตามข้อตกลงทุกอย่าง เธอได้เงินก็ควรจะจบ”
“คุณลงทุนซื้อผมตั้งเป็นล้าน แต่ไม่ยุ่งกับผม ไม่สนใจผม แล้วนี่จู่ๆ ก็ยกเลิก คุณทำเพื่ออะไร”
รุ้งรายสมเพชตัดสินใจคุย
“ผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเธอ ผลงานไม่ได้โดดเด่น อะไรล่ะที่ทำให้เธอดูมีค่า”
วศินคิด แล้วเข้าใจ
“อ้าย...นี่คุณซื้อผมเพราะอ้ายใช่ไหม เพราะพี่ชายคุณจะแต่งงานกับอ้าย”
รุ้งรายยิ้มมองว่าเริ่มฉลาดแล้วใช่ไหม
“คุณหลอกให้ผมทิ้งอ้าย”
“ฉันไม่ได้บังคับให้เธอทิ้งคุณหญิง แต่เธอมาหาฉันเพราะเธอเลือกเงิน จริงไหม”
“คุณทำลายความรักของผมกับอ้าย”
“คนรักตัวเองอย่างเธอ ไม่มีความรักให้ใครจริง ๆ หรอก วศิน”
“เรื่องนี้คุณจะต้องชดใช้”
“เรื่องครั้งนี้เธอได้สิ่งที่คุ้มกว่าเงินอีกนะ...บทเรียนที่จะสอนเธอให้หัดสร้างตัวด้วยสองขาบนพื้น ไม่ใช่สองเข่าบนเตียง”
วศินสะอึก
“ฉันไม่เคยคิดจะใช้อำนาจเงินเพื่อตัดอนาคตใคร แต่ถ้าเธออยากลองเป็นคนแรก ฉันก็ยินดีนะ”
วศินทั้งแค้นทั้งอึ้ง ยอมออกไป รุ้งรายมองตามอย่างสมเพชจะเข้าไปด้านในค่ายมวยแต่ชะงักที่เห็นปฐวีก้าวลงมาจากรถ รุ้งรายมองปฐวีอย่างชั่งใจว่าเห็นเหตุการณ์หรือเปล่า ปฐวีมองนิ่งๆ กวนประสาทไม่พูดอะไรเข้าไปด้านใน รุ้งรายมองตามระแวง
ปฐวีซ้อมชกกระสอบทราย รุ้งรายเข้ามาเตะกระสอบทรายข้าง ๆ ตั๊บ ๆ สายตาก็มองไปทางปฐวี พอเขามองเธอก็เตะแรงขึ้น ตั๊บๆ ปฐวีหยุดยืนมอง รุ้งรายยังเตะไม่หยุด
“คุณมีอะไรกับผมก็พูดมาดีกว่า อย่ามาเล่นเกมเรียกร้องความสนใจ”
รุ้งรายหยุดหันมาคุยอย่างพอใจ
“ดี...ฉันอยากรู้ว่าคุณได้ยินอะไรบ้าง”
ปฐวีมองรุ้งรายรู้ทันว่าเธอกังวล
“ก็ได้ยินเรื่องประหลาด ที่น้องสาวใช้เงินซื้อแฟนเก่าพี่สะใภ้เปิดทางให้ พี่ชาย” ปฐวีมองกวน “คุณหมายถึงเรื่องนี้หรือเปล่า”
รุ้งรายอึ้งที่ปฐวีเข้าใจเรื่องหมดเลย
“คุณคงไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านใช่ไหม”
“ก็ไม่แน่...ผมภูมิต้านทานต่ำ ติดเชื้อคนง่าย โดยเฉพาะพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผมมีคุณเป็นตัวอย่างให้ศึกษาเลยนะ อ้ายต้องโกรธมากถ้ารู้ว่าพวกคุณรวมหัวกันทำลายความรักของเขา...ผมชักอยากคุยกับอ้ายแล้วสิ” ปฐวีกวนประสาท
“คิดในแง่บวก ฉันช่วยคุณหญิงนะ...ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้วศินจะแสดงธาตุแท้ออกมาหรือไง คุณน่าจะดีใจนะที่ผู้หญิงที่คุณรักไม่ต้องอยู่กับผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างวศิน”
ปฐวีนิ่งไป รุ้งรายมองรู้ว่าวศินเห็นด้วย
“แต่ก็ตามใจคุณนะ จะไปบอกก็ได้ คุณหญิงจะได้เห็นใจกลับไปหานายวศิน” รุ้งรายมองเยาะ “ยังไงคุณก็ฟาล์วอยู่ดี”
รุ้งรายยิ้มทิ้งบอมบ์ไว้แล้วก็ไปแบบเชิด ๆ ปฐวีนิ่งรู้ว่ามันจริงอย่างที่เธอพูด
ค่ำนั้น เจ้าสัวเรียวนั่งอยู่ในห้อง ราพณ์เข้ามา
“แผลเป็นยังไงบ้าง”
ราพณ์ยิ้ม
“ดีขึ้นแล้วครับ”
นทีเข้ามา เจ้าสัวเรียวหันไปถาม
“เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“ตำรวจพาตัวคนร้ายมาฝากขังที่กรุงเทพแล้วครับ รอการสอบสวน”
ราพณ์แค้นๆ
“ผมอยากให้นายประสิทธิ์รับกรรมที่มันก่อเหลือเกิน”
เจ้าสัวเรียวมุ่งมั่น
“ครั้งนี้ป๊าจะบีบให้มันซัดทอดไอ้ตัวบงการให้ได้”
โรงพักในกรุงเทพ...ตำรวจคุมตัว ลูกน้องสุรีย์ส่องเข้ามาในห้องขัง ภายในห้องขังมีนักโทษหน้าโหดอยู่หนึ่งคนกำลังกินขาไก่ทอด
“เพื่อนใหม่”
ตำรวจปิดประตูห้องขังออกไป ลูกน้องสุรีย์ส่องลงนั่งอย่างสุดเซ็งแล้วมองไปทางไก่ตรงหน้าของนักโทษคนนั้น นักโทษกินไปเห็นสายตาของลูกน้องที่มองก็หยิบไก่ที่ยังไม่ได้กินยื่นให้ ลูกน้องสุรีย์ส่องมองอย่างหิว ๆ แล้วขยับลุกเข้ามารับน่องไก่
“ขอบใจพี่”
ลูกน้องสุรีย์ส่องรับมากิน
“อร่อยไหม”
ลูกน้องสุรีย์ส่องพยักหน้ารับยังกินไม่ระแวง
“กินช้าๆ เดี๋ยวกระดูกติดคอ”
ลูกน้องสุรีย์ส่องกินไม่หยุด นักโทษมองยิ้มร้าย
เวลาผ่านไปนักโทษขยับเข้ามาเกาะลูกกรง
“จ่า...จ่า”
ตำรวจเข้ามา
“มีอะไร”
“ไอ้เพื่อนใหม่น่ะสิจ่า สงสัยกระดูกไก่จะติดคอ”
ตำรวจมองเข้าไปเห็นลูกน้องสุรีย์ส่องที่นอนชักอยู่กับพื้น
“เฮ้ย”
ตำรวจรีบเปิดประตูห้องขังเข้าไปอย่างร้อนรน เข้าไปดูอาการ ลูกน้องสุรีย์ส่องร่างกระตุกอย่างแรง นักโทษมองอย่างพอใจในผลงาน
เช้าวันใหม่...เจ้าสัวเรียวหัวเสียใส่นทีที่มารายงาน รัตนาวลีอยู่ข้างๆ ผิดหวังเช่นกัน
“ตายในห้องขัง”
“ครับ”
“ไอ้ประสิทธิ์” เจ้าสัวเรียวโมโหมาก “มันทำลายหลักฐานได้อีกแล้ว”
เจ้าสัวมีอาการมึนเซแล้วล้มวูบไป รัตนาวลีตกใจ
“เจ้าสัวคะ นทีเอารถออก ฉันจะพาเจ้าสัวไปโรงพยาบาล”
ประสิทธิ์คุยโทรศัพท์เข้ามาด้านหน้าบริษัทโบรกเกอร์ หัวเราะอย่างพอใจ
“ดี...แกหลบไปสักพักแล้วฉันจะจัดการเรื่องเงินให้”
ประสิทธิ์วางสายยิ้มอย่างพอใจ ที่ลูกน้องตาย ทำให้เจ้าสัวเรียวสาวไม่ถึงตัว ไพศาลเข้ามาหาประสิทธิ์
“คุณประสิทธิ์ ยินดีครับที่กลับมาใช้บริการผมอีกครั้ง วันนี้มาถึงที่นี่เลยเหรอครับ”
ประสิทธิ์ยิ้มแต่ยังไม่ทันคุย คุณนายก็พาลินดาข้ามา
“คุณไพศาล”
ไพศาลหันไปทักทาย
“สวัสดีครับ ผลประกอบการครั้งล่าสุดเป็นที่พอใจไหมครับ”
“พี่พอใจมากก็เลยจะพาเพื่อนมาใช้บริการคุณไพศาล คุณลินดาคะ” คุณนายยิ้มแย้ม
ประสิทธิ์หันไป โบตั๋นเข้ามา
“นี่เพื่อนพี่จ๊ะ ลินดา ลิ้มวัฒนาถาวรกุล” คุณนายแนะนำ
ประสิทธิ์ชะงักมองลินดา
“คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าสัวเรียวเหรอครับ”
“ฉันเป็นภรรยาของเจ้าสัวเรียวค่ะ” ลินดาเชิด
“ภรรยา” ประสิทธิ์มองท่าทีของโบตั๋นอย่างประเมิน “แต่ผมทราบมาว่าแม่ของคุณราพณ์เสียไปแล้วนี่ครับ”
“คงไม่ใช่ธุระของฉันที่ต้องอธิบายกับคนแปลกหน้าหรอกนะคะ”
ประสิทธิ์อึ้งไปนิดว่าลินดาก็ไว้ตัวพอควร คุณนายสงสัยว่าประสิทธิ์เป็นใคร
“เอ่อ...ไพศาลจ๊ะ คุณคนนี้...”
ประสิทธิ์โค้งแนะนำตัว
“ผมประสิทธิ์ครับ เป็นเจ้าของประสิทธิ์ เรียลเอสเตท ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณลินดา”
ลินดามองออกว่าประสิทธิ์ให้ความสนใจกับตัวเองเป็นพิเศษ ประสิทธิ์มองมีแผนร้ายคิดจะใช้ลินดาเป็นเครื่องมือหาทางเล่นงานเจ้าสัวเรียว
รสิกาถือถุงของฝากเข้ามาในออฟฟิศ พบศิริพรที่ยืนรออยู่
“สวัสดีค่ะคุณหญิง บอสเชิญที่ห้องประชุมค่ะ” ศิริพรหน้าเครียดมาก
รสิกาแปลกใจ
“ประชุมด่วนเหรอคะ”
“ค่ะ”
“แล้วทำไมออฟฟิศเงียบจัง...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
ศิริพรไม่ตอบสีหน้าเครียดมากจนรสิกากังวลว่ามีเรื่องอะไร
รสิกาเดินตามศิริพรมาที่หน้าห้องประชุม เธอหันมองศิริพรเห็นหน้ายังเครียดมาก
“เชิญค่ะ บอสรออยู่”
รสิกาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ทันที่ที่ประตูเปิดเข้าไป เสียงพลุป๊อบอัพด้านในดัง พร้อม ๆ กันหลายอัน พนักงานและศิริพรเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ยินดีด้วยค่ะ”
รสิกามองภายในเห็นว่าภายในห้องประชุมถูกจัดเป็นมีทติ้งเล็ก ๆ กอบกู้และพนักงานในออฟฟิศต่างยืนยิ้มรออย่างยินดี
“นี่มันเรื่องอะไรคะ อ้ายงงไปหมดแล้ว” รสิกางงๆ
“แสดงความยินดีย้อนหลังให้กับคุณหญิงเนื่องในโอกาสที่คุณหญิงแต่งงาน” กอบกู้ยิ้มให้
“พวกเราไม่ได้ไปร่วมงานแต่งคุณหญิง บอสเลยออกไอเดียฉลองให้คุณหญิงเป็นการภายในค่ะ” ศิริพรยิ้มแย้มบอก
รสิกามองกอบกู้อย่างขอบคุณ กอบกู้ยิ้มกว้าง
“ช่วงเช้านี้งานของทุกคนคือ มีทติ้งกันให้สนุก เริ่มงานบ่ายโมง โอเคไหม”
ทุกคนตอบพร้อมเพียง
“โอเคค่ะ”
ทุกคนต่างทาน ดื่มและคุยกันสนุกสนาน รสิกาเข้าไปหากอบกู้ สิริโสภาที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่ม หาจังหวะจะเข้าไปหารสิกาแต่ชะงักที่ได้ยินกอบกู้คุยกับรสิกา
“ฮันนีมูนสนุกไหมครับ”
“ก็...”
“แต่ผมเดาว่าคุณหญิงคงมีความสุขไม่น้อย”
สิริโสภาชะงักไปนิดมองรสิกา
“อ้ายแสดงอะไรให้รู้สึกอย่างนั้นเหรอคะ” รสิกาเขินๆ
“คนมีความสุขไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่มีความสุข คนอื่นก็สัมผัสได้ ไม่ต้องแสดงให้เหนื่อยเลยครับ ผมยินดีด้วยจริงๆ ที่คุณราพณ์ทำให้คุณหญิงมีความสุข”
รสิกายิ้มไม่ปฏิเสธ สิริโสภามองด้วยความแค้น พยายามหายใจเพื่อสงบใจ พอเห็นว่ากอบกู้เดินผละจากตรงที่รสิกายืนเธอยิ้มให้
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
รสิกาหันมาตามเสียง แปลกใจที่เห็นสิริโสภา
“คุณ...สิริโสภาใช่ไหมคะ”
สิริโสภายิ้มอย่างเป็นมิตร
“ค่ะ ดีใจจังเลยค่ะที่ได้ทำงานที่เดียวกับคุณหญิง”
รสิกายิ้มตอบรับอย่างไม่สงสัย
บริเวณลานจอดรถโรงแรมธีรพัฒน์...ราพณ์เดินมาที่รถกำลังจะขึ้นรถชะงักที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหนึ่ง
“ปล่อยนะ...ไอ้บ้า”
ราพณ์ชะงักแล้วรีบวิ่งไปตามเสียง เห็นว่าสุรีย์ส่องกำลังถูกคนร้ายกระชากลากถูจะเอาตัวไปให้ได้
“ปล่อยผู้หญิง”
คนร้ายชะงักมองราพณ์ แล้วสบตากับสุรีย์ส่องที่หันหลังให้กับราพณ์
“ปล่อยฉันนะ...” เธอส่งสายตาสั่งคนร้ายแล้วพูดเบาๆ “ไป”
คนร้ายตบสุรีย์ส่องจนคว่ำกระชากกระเป๋าของเธอแล้วรีบวิ่งไป ราพณ์รีบเข้าไปดูสุรีย์ส่อง
“คุณสุ ไม่เป็นไรมากนะครับ ผมจะตามมันไป”
สุรีย์ส่องคว้าแขนราพณ์ยึดไว้
“ไม่ต้องตามค่ะ ของแค่นั้นสุไม่เสียดาย มันเกือบจะฆ่าสุ สุ...”
สุรีย์ส่องโผเข้ากอดราพณ์ไว้แน่น แสดงอาการกลัวมาก ราพณ์คิดว่าเธอตกใจก็ไม่ได้ผลักออก สุรีย์ส่องแอบยิ้มอย่างพอใจ ที่แผนการสำเร็จ
สุรีย์ส่องนั่งนิ่งสีหน้ายังช็อกๆอยู่มุมหนึ่งของโรงแรม ราพณ์ยื่นเครื่องดื่มเย็นๆ ให้
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมว่าเราควรแจ้งความนะครับ”
“เรื่องนี้สุจะจัดการเองค่ะ รบกวนคุณราพณ์มามากแล้ว” สุรีย์ส่องจับมือราพณ์ “ขอบคุณนะคะที่ช่วยสุ”
ภาพที่สุรีย์ส่องจับมือราพณ์ถูกแอบถ่ายไว้โดยคนของเธอ ราพณ์เอาอีกมือวางทับคือจะดึงมือออกแต่มือเดียวไม่หลุดเพราะเธอยึดไว้พอ สมควร
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณสุรู้สึกโอเคแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สุรีย์ส่องยิ้ม ยอมปล่อยมือ
“ขอบคุณนะคะ”
ราพณ์ลุกออกไป สุรีย์ส่องนั่งยิ้มเหลือบมองไปอีกทางหนึ่งเห็นตากล้องที่จ้างไว้ส่งสัญญาณโอเคให้ สุรีย์ส่องพยักหน้าอย่างพอใจ
พนักงานคนอื่นทยอยกันออกไปจากห้องประชุม สิริโสภาอาสา
“เดี๋ยวสิเก็บให้เองค่ะ”
“ฝากด้วยนะ ขอบใจนะ” พนักงานบอก
สิริโสภาเหลือบมองรสิกาที่กำลังจะออกไป เธอแกล้งเป็นลมล้มลงไปกวาดของบนโต๊ะ รสิกาตกใจ
“คุณสิ คุณสิเป็นลมค่ะ”
พนักงานที่อยู่ด้านนอกกลับเข้ามาช่วยดูแล บีบนวดสิริโสภา รสิกามองอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ราพณ์เข้ามาที่หน้าห้องทำงานรุ้งรายในบริษัทLK ชะงักที่ได้ยินเสียงคนเถียงกันมาจากในห้อง
“ฉันให้แกมาทำงาน ก็ต้องทำตามกฎ”
“ผมก็มาแล้วนี่ไง เจ้จะเอายังไงอีก”
“ไอ้ราม ที่นี่ทุกคนต้องเข้างาน 9โมงเช้า ไม่ใช่บ่ายโมงแบบนี้ ไม่ว่าจะรองประธานหรือแม่บ้านก็ต้องทำงานเวลานี้เหมือนกัน ไม่มีอภิสิทธิ์”
“ขนาดเฮียยังไม่เห็นเข้ามาเลย เจ้จะจับผิดอะไรผมนักหนา”
ราพณ์รีบผลักประตูเข้าไปในห้องเห็นรามกับรุ้งรายกำลังปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ราพณ์แทรกขึ้น
“เฮียไปพบลูกค้ามา”
รามกับรุ้งรายชะงักหันมาหาราพณ์
“เฮียเข้างานตามเวลาเหมือนคนอื่น นอกจากจะไปพบลูกค้าหรือมีธุระจริงๆ เท่านั้น” ราพณ์เสียงแข็ง
“แกได้ยินแล้วใช่ไหม แกเป็นผู้ช่วยฉันก็ต้องทำตามกฎของบริษัทและตามคำพูดของฉัน”
“แต่ผมไม่อยากทำงานกับเจ้ เฮีย...เจ้จงใจขวางไม่ให้ผมทำงานจริงๆ ดึงผมมาเป็นผู้ช่วยให้เดินตามก้นทั้งวัน ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมเบื่อ มีความสามารถแต่โดนกั๊กแบบนี้”
ราพณ์มองหน้าราม
“แล้วแกอยากทำอะไร”
“ผมอยากได้ตำแหน่ง ที่มันเป็นงานบริหาร ทำงานจริงๆ”
รุ้งรายสวน
“อย่างแกจะทำอะไรได้นอกจากเห่าไปวัน ๆ”
“เจ้รุ้ง” รามฉุนกึก
ราพณ์ปราม
“ทั้งคู่พอได้แล้ว เฮียจะตัดสินใจเรื่องนี้เอง”
รามกับรุ้งรายมองราพณ์ว่าจะเอายังไง ราพณ์คิด ๆ แล้วตัดสินใจ
“ถ้ารามอยากทำงานบริหารจริงๆ ก็ให้ไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคล”
“แต่ผมอยากทำงานบริหาร พวกการตลาด วางแผนงาน”
ราพณ์ใจเย็นมาก
“ประสบการณ์แกยังน้อย”
“แต่ผมทำได้”
“เฮียให้แกเลือกได้สองทางคือ ทำกับไม่ทำ”
รามฮึดฮัดจะออกไป ราพณ์ดักคอ
“ถึงจะไปพูดกับป๊าก็ไม่มีประโยชน์ เพราะที่นี่คนที่ตัดสินใจคือเฮียเท่านั้น”
รามหันกลับมามองอย่างไม่พอใจแต่รู้ว่าราพณ์พูดจริง ราพณ์มองว่าจะเอายังไง
รสิกาเอายาดมมาแกว่งเบาๆตรงหน้า สิริโสภาค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นรสิกา เธอทำเป็นเพิ่งได้สติรีบขยับขึ้นมาแต่ยังทำว่ามีอาการมึนอยู่
“ค่อยๆ ลุกนะคะคุณสิ”
“สิเป็นลมอีกแล้วเหรอคะเนี่ย...แย่จริง” สิริโสภาทำเครียด
“คุณสิเป็นบ่อยเหรอคะ”
“ค่ะ หลังจากอุบัติเหตุตอนนั้น สิก็มีอาการวูบบ่อยๆ”
รสิกาหน้าเสีย
“อ้ายขอโทษนะคะ”
“อย่าคิดมากเลยค่ะคุณหญิง มันเป็นอุบัติเหตุนี่คะ สิดีใจนะคะที่ได้เจอคุณหญิงที่นี่ สิอุ่นใจที่มีเพื่อน สิห่างการทำงานมานาน ต้องปรับตัวมากเหมือนกัน”
“ก่อนหน้านี้คุณสิทำงานที่ไหนคะ”
“ตั้งแต่สิมีสามี เขาก็ให้สิออกจากงานน่ะค่ะ สิหยุดทำงานไปสองสามปี”
“แล้วทำไม...”
สิริโสภาหน้าเศร้า
“หลังจากอุบัติเหตุ...พอเขารู้ว่าสิท้องโดยไม่บอกเขา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”
“ทำไมล่ะคะ การมีลูกมันเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
“แต่สามีสิไม่ต้องการลูกน่ะค่ะ ที่จริงสิเป็นแค่เมียเก็บ”
รสิกาตกใจ สิริโสภาน้ำตาร่วง
“เขาเป็นคนมีชื่อเสียง สิกลัวว่าสักวันเขาจะทิ้งสิ สิอยากมีลูกเพื่อเป็นตัวแทนเขา แต่เขาคิดว่าสิจะจับเขา พอเขารู้เรื่อง เขาไม่ถามสิสักคำว่าเป็นยังไงเจ็บตรงไหน แต่เขากลับมีคนอื่น”
“อย่างนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ เขาควรจะรับผิดชอบคนที่รักเขา”
“เขาเจอผู้หญิงใหม่ที่ฐานะดีกว่า เท่าเทียมเขา สิเลยไม่มีค่า เขาเอาเงินฟาดหัวสิไล่สิให้อออกมาจากชีวิตเขา”
รสิกาสงสาร
“คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง กับผู้ชายแย่ๆ แบบนั้น เขาเห็นแก่ตัวมาก”
“สิผิดเองค่ะ ที่เกิดมาจน ไม่มีเชื้อสาย ทำให้เขาภูมิใจในตัวสิไม่ได้”
“คนที่สนใจแต่เปลือกนอกคนอื่น ไม่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างคุณสิหรอกค่ะ อย่าไปเสียน้ำตาให้คนแบบนั้นเลยนะคะ อ้ายเชื่อว่าต่อไปนี้คุณสิจะต้องได้เจอสิ่งดีๆ พบคนดีที่จะไม่ทำร้ายคุณสิอีก”
“สิคงไม่กล้ามีใคร เพราะสิรักและเป็นห่วงเขามาก ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นเขามาแย่งสามีสิไป ทำลายครอบครัวของสิ”
“กรรมจะตามสนองคนที่คิดร้ายกับเราค่ะ สักวันเขาทั้งสองคนจะต้องเสียใจที่ทำร้ายคนดีๆ อย่างคุณสิ”
“ขอบคุณค่ะ สิจะคอยดูวันที่ผู้หญิงคนนั้นต้องชดใช้”
รสิกาเห็นสายตาสิริโสภาก็ชะงักไปนิดแต่ไม่คิดว่าเป็นตัวเอง
“เดี๋ยวอ้ายเอาน้ำเย็นให้นะคะ”
สิริโสภามองตามรสิกาด้วยความแค้นจะเล่นงานรสิกาให้ได้
ผู้จัดการพารามเข้ามาแนะนำกับเพื่อนในฝ่าย
“คุณรามจะมาเป็นผู้ช่วยของผมตั้งแต่วันนี้ ถ้าคุณรามสงสัยก็สอบถามจากทุกคนได้นะครับ ทุกคนในแผนกถูกฝึกให้ทำงานและแก้ปัญหาได้ในทุกส่วน”
“คงไม่จำเป็น ทุกคนคงรู้ว่าผมคือ ราม ลิ้มวัฒนาถาวรกุล ทุกคนคงรู้ว่าควรจะวางตัวกับผมยังไง”
ทุกคนอึ้งๆ กับท่าทีวางอำนาจของราม ราพณ์เข้ามา
“คุณรามจะอยู่ในแผนกนี้ในฐานะพนักงานคนหนึ่ง ให้ทุกคนวางตัวเป็นเพื่อนร่วมงาน มีอะไรก็แนะนำกันได้ใช่ไหมราม”
รามนิ่งสะบัดหน้าไม่ตอบ โกรธที่โดนราพณ์หักหน้า
รสิกานั่งทำงานออกแบบการตกแต่งภายในห้องพักของโรงแรมราพณ์อย่างมีสมาธิ หมวยเปิดประตูเข้ามาแล้วเคาะประตูเบาๆ รสิกาเงยหน้าเห็นหมวยดีใจมาก
“หมวย มาได้ไง”
“นั่งรถเมล์มาสิ ใครจะราชรถมาเกยเหมือนแกล่ะยัยคุณหญิง”
หมวยเข้ากอด รสิกากอดตอบคิดถึงไม่แพ้กัน
“แม่นมบอกว่าแกไปฮันนีมูน สาวโสดอย่างฉันก็เลยอยากมาสัมภาษณ์ประสบการณ์บะ...บะ”
รสิกาหยิกแก้มหมวย
“อย่าติดเรท ในเวลาทำงาน เพื่อนไม่ชอบ”
“งั้นถ้าเลิกงานจะเม้าท์ได้ใช่มะ งั้นรีบเคลียร์เลยวันนี้เป็นเจ้ามือเอง”
“ได้กินเงินหมวยสุดเขี้ยวอย่างแก ฉันเสร็จงานเดี๋ยวนี้เลย”
“เฮ้ย ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ”
รสิกาเก็บของอย่างกระตือรือร้น
รสิกากับหมวยออกมาจากห้องทำงาน รสิกาสบตากับสิริโสภาที่เงยหน้าขึ้นมา
“อ้ายกลับก่อนนะคะคุณสิ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
รสิกากับหมวยออกมาด้านหน้าออฟฟิศ หมวยถามขึ้น
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้สวยนะ สนิทเหรอ”
“คุณสิริโสภา คนที่ฉันขับรถชนเขา”
“ที่แท้งลูกน่ะเหรอ”
“ใช่ เพราะฉันชนเขาทำให้เขาแท้งลูก สามีเขาก็มีผู้หญิงอื่นแล้วก็ทิ้งเขาไป”
“เลวที่สุด แล้วฉันจะกล้าแต่งงานได้ยังไงเนี่ย ทำไมโลกนี้มันถึงมีผู้ชายอย่างนายวศินเยอะนัก”
“คิดมากปวดหัว...”
หมวยพูดต่อ
“มีผัวดีกว่า”
รสิกาดึงแก้มหมวยอย่างหมั่นไส้
“กินข้าวดีกว่าต่างหากเล่า”
รสิกาแกล้ง หมวยร้องพยายามจะดึงมือออก วศินเข้ามา
“อ้าย...”
รสิกากับหมวยชะงักมอง หมวยเซ็งมาก
“ตายยากจริงๆ” หมวยเข้ามายืนขวางรสิกา “นายมาทำไม”
วศินไม่สนหมวยมองรสิกา
“ที่เราต้องเลิกกันมันเป็นแผนของราพณ์กับรุ้งราย”
รสิกาชะงักว่าหมายความว่ายังไง
รามเซ็งๆ เข้ามาที่จะเข้ามาหาราพณ์แต่ชะงักที่ได้ยินเสียงคุยของราพณ์กับรุ้งรายในห้อง รามขยับเปิดประตูมองเข้าไปในห้องเห็นรุ้งรายพยายามหว่านล้อมราพณ์
“เฮียไม่ควรไว้ใจมันนะ”
“ยังไงรามก็เป็นน้อง เฮียไม่อยากให้รุ้งพูดถึงน้องแบบนั้น ถ้าป๊าได้ยินป๊าจะไม่สบายใจ”
“รามเป็นน้องน่ะรุ้งรู้ รุ้งก็ไม่ได้เกลียดมัน แต่รุ้งเกลียดแม่มัน”
ราพณ์ปราม
“รุ้ง”
“อย่าบอกให้รุ้งพูดดีๆ กับคนที่ฆ่าแม่เรา เพราะเขาคิดจับป๊าจนมีไอ้รามทำให้ม๊าเสียใจ ม๊าต้องเสียใจเพราะพวกมัน ม๊าต้องคลั่งจนตายเพราะสองแม่ลูกนั่น เฮียจำได้ไหม”
รามหน้าเครียด
ในอดีต...อุษานอนอยู่บนเตียงอาการของเธออ่อนระโหยโรยแรงเป็นโรคหัวใจแต่ก็ยังยืนยันจะตั้งท้องระริน ระหว่างคลอด เธอเสียเลือดมากทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนแอ ลินดาจูงมือรามเข้ามาในห้อง เข้ามาใกล้เตียง อุษาลืมตาอย่างช้า ๆ ตกใจที่เห็นลินดากับราม
“ลินดา”
ลินดาจงใจมาเล่นงาน
“คุณนายใหญ่ของเจ้าสัวเรียว สภาพเหมือนซากศพมากขึ้นทุกวันใครมาเห็นเข้าคงจะสมเพช”
อุษาโกรธแต่พยายามทั้งที่ไม่มีแรงนัก
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้...”
“คุณอุษาพูดดีๆ กับลินดาสิคะ ลินดาไม่ใช่คนรับใช้ของคุณแล้วนะคะ แต่ลินดาเป็นเมียเจ้าสัวเหมือนคุณอุษา เป็นเมียใหญ่แต่ใช้การไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์” ลินดายั่วประสาทมาก “เจ้าสัวบอกกับลินดาเสมอว่าลินดาน่ะถึงใจ”
อุษาหายใจแรงขึ้น
“ออกไป”
“ทุกครั้งที่เจ้าสัวอยู่กับลินดา เจ้าสัวบอกรักลินดาทุกคืน”
“ไม่จริง...” อุษาโกรธจนเจ็บที่หัวใจ “โอ้ย”
ลินดาเห็นเป็นโอกาส
“เจ้าสัวสัญญากับลินดาว่า ถ้าไม่มีคุณอุษาเมื่อไหร่จะให้ลินดาย้ายมาอยู่ที่นี่”
อุษาโกรธปรี๊ดจนอาการกำเริบ เจ็บทุรนทุรายจนล้มคว่ำตกเตียงมาแทบเท้าของราม อุษาคว้าเข้าที่ขาของราม รามตกใจพยายามจะดึงออก
“ม๊า”
ลินดาหน้าตาน่ากลัว
“แกตายเมื่อไหร่ ที่นี่จะเป็นของฉัน ลูกแกทุกคนฉันจะเฉดหัวมัน ใครขวางฉัน ฉันจะฆ่ามันทุกคน”
อุษาพยายามจะคว้าลินดาแต่ที่คว้าได้คือแขนของราม ดวงตาเหลือกกว้างสุดขีด
“ฉันไม่ยอม...ไม่ยอม”
อุษาช็อก ตาค้างมือเกร็งกำแขนของรามแน่น เสียชีวิตทันที รามช็อกที่ต้องเห็นคนตายในระยะใกล้ขนาดนี้ ภาพอุษาที่ตายยังติดตาราม
เวลาผ่านไป...ราพณ์ในวัย 12 ปีกับรุ้งรายในวัย 10 ปี กำลังเล่นต่อเลโก้ รามในวัย 9 ขวบ เข้ามาเมียง ๆ มองๆ ราพณ์เห็นรามมองก็เรียกตามหน้าที่
“เล่นด้วยกันไหมราม”
รามยิ้มดีใจเข้ามาแต่พอรามหยิบมาวางต่อ รุ้งรายก็ปัดเลโก้จนแตกกระจาย ราพณ์อึ้ง
“รุ้ง”
“รุ้งไม่ให้มันเล่น มันฆ่าม๊าเรา”
ราพณ์ดุ
“หยุดนะรุ้ง”
รังรอง วัย 15 ปี เข้ามา
“รุ้งพูดถูก” รังรองมองรามด้วยความเกลียดชัง “มันเป็นฆาตกรทั้งมันกับแม่มัน มันฆ่าม๊าเรา”
“รามไม่ได้ฆ่า เจ้รุ้ง เจ๊รอง” รามเถียง
“แกไม่ใช่น้องฉัน” รุ้งรายตวาด
“อย่ามาเรียกฉันว่าเจ้” รังรองจ้องหน้า
รามตะลึง เสียใจ รังรองพูดน้ำเสียงแน่นหนักมาก
“ทำไมคนที่ตายไม่ใช่แก”
ราพณ์พยายามจะห้าม
“เจ้รอง รุ้ง พอแล้ว”
“ไปให้พ้นหน้าฉัน ฉันเกลียดแก เกลียดม๊าของแก” รุ้งรายไล่
รามน้ำตาร่วง
“เจ้รอง เจ้รุ้ง”
“ราม” ราพณ์สงสาร
“อย่าไปยุ่งกับมันนะเฮีย”
รุ้งรายดึงแขนราพณ์ให้ไป รังรองมองรามอย่างรังเกียจแล้วเดินจากไป ทิ้งรามไว้คนเดียว รามยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดดเดี่ยวไม่เป็นที่ยอมรับ
รุ้งรายกับรังรอง กินขนมอยู่ด้วยกัน แต่รามต้องนั่งกินโดดเดี่ยวเพียงลำพัง รามเหงา เศร้า เก็บกด เขามีอาการปวดหัวทรมานดิ้นอยู่เพียงลำพัง ลินดาเข้ามาเห็นลูกปวดหัวเข้ามากอด รามร้องไห้ ลินดากอดปลอบ
“รามมีม๊านะลูก ม๊ารักรามที่สุดนะลูก”
รามกอดลินดาแน่นยึดลินดาไว้เป็นที่พึ่งทางใจสิ่งเดียวในโลก
รามนั่งร้องไห้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างรุนแรงอยู่ในห้องทำงานราม เขาเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากพี่น้อง
รสิกากับหมวยอึ้งกับเรื่องที่วศินบอก วศินขอความเห็นใจ
“เราถูกพวกเขาหลอกนะอ้าย นายราพณ์ตั้งใจจะทำลายเรา”
รสิกามองวศินเหมือนจะอ่อนลง
“เอาเป็นว่าฉันรับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แล้วคุณต้องการอะไร”
“ผมผิดไปแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมครับอ้าย”
หมวยที่ฟังอยู่ของขึ้นพูดแทรกขึ้นมาเลย
“หมดทางแล้วสิถึงคิดจะกลับมาซบคุณหญิงอีก มักง่ายไปหน่อยมั้ง”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอนะหมวย คนรักเขาจะคุยกัน”
“โอ้ย ไอ้แมงกะจั๊ว พูดมาได้ไม่อายปาก”
“มากไปแล้วนะ” วศินโกรธ
“น้อยไปด้วยซ้ำ” หมวยสวน
“หมวย” วศินเสียงเข้ม
“ไปเหอะ อย่าเสียเวลากับพวกแมงกะจั๊วเลย”
หมวยจะดึงรสิกาไป วศินไม่ยอมจับแขนรสิกายึดไว้ไม่ให้ไป หมวยไม่ยอมเข้ามาดึงมือของวศินออก
“ปล่อยมือเพื่อนฉันนะ”
“อ้าย...ผมรักคุณนะ”
รสิกาตัดสินใจกระแทกเท้าเข้าที่เท้า วศินสะดุ้งด้วยความเจ็บ รสิกาตบหน้าวศิน เพี๊ยะ
“อ้าย”
“ฉันคิดเหมือนที่หมวยพูดทุกอย่าง ต่อไปนี้เลิกยุ่งกับฉันสักที แล้วคุณจำไว้ว่าฉันจะไม่มีวันกลับไปหาคุณอีก ตอนนี้แค่ให้เป็นคนรู้จักก็ถือว่าฉันให้เกียรติคุณมากแล้วพอสักที”
วศินตะลึง หมวยจ้องหน้าเอาเรื่อง
“เพื่อนฉันสมองมีรอยหยักหนาแน่น ไม่ได้กลวงไว้ให้ใครมาใส่ขี้เลื่อยได้ง่ายๆ จำไว้”
“หมวย ไปได้แล้ว”
รสิกาลากหมวยออกไปให้จบเรื่องสักที วศินโมโหมาก สิริโสภาแอบยืนฟังอยู่มุมหนึ่ง
รสิกานั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านกาแฟ หมวยยกแก้วกาแฟสองแก้วมาวางให้รสิกากับตัวเอง
“ยังอึ้งอยู่เหรอเพื่อน ไม่คิดเลยนะว่าคุณราพณ์จะลงทุนกับแกขนาดนี้”
หมวยเอานิ้วถูที่แขนรสิกา
“ทำอะไร” รสิกาตีมือ
“ก็อยากรู้ว่าเพื่อนเราเนี่ยมีเนื้อเป็นทองหรือไง ผู้ชายถึงได้รุมกันขนาดนี้”
“ฉันไม่ขำ”
หมวยมองหน้ารสิกายิ้มๆ
“แกยิ้มอะไร” รสิกาหงุดหงิด
“ก็แค่ขำที่เห็นเพื่อนไม่เหมือนเดิม ปกติแกต้องเหวี่ยงกระแทกฝา ถ้าลูกศัตรูเอาเงินฟาดหัวแฟนเก่าแก แกจะต้องเลือดขัตติยาพุ่งปรี๊ดปรอทแตก...เขาดูถูกฉัน เหยียบย่ำศักดิ์ศรีฉัน แบบเนี๊ยะ”
รสิกาจะแย้ง หมวยยกมือห้าม
“แต่วันนี้แกนิ่งมาก ไม่โกรธไม่ทำท่ารังเกียจเหมือนเมื่อก่อนสงสัยไปฮันนีมูนจะได้ผล” หมวยยิ้มล้อเลียน
“หมวย ฉันไม่ให้แกวิเคราะห์เพื่อน แต่ให้วิเคราะห์ว่าคุณราพณ์ทำแบบนี้ทำไม เขาคิดเอาชนะฉันใช่ไหม”
หมวยมาดนักวิเคราะห์ขึ้นมาทันที
“ไม่ล่ะ แค่เอาชนะมันทุ่มเกินไป ถ้าว่ากันตามนิสัยแกนะเอาเงินฟาดหัว พูดจาเหยียบย่ำแกก็ตายแล้วยัยคุณหญิง ไม่ต้องลงทุนแต่งงานประกาศตัวว่าเป็นสามีแกแบบนั้นหรอก มันมากไป แกว่าจริงไหม”
รสิกาคิดตาม
“ก็จริง”
“แต่แกต้องตอบฉันมาก่อนว่าไปฮันนีมูนคราวนี้มันมีอะไรใช่มะ เพราะกลับมาคราวนี้แกไม่เหมือนเดิม”
“ฉันก็เหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย”
“โกหก ฉันรู้จักแกมาเป็นสิบปี สารภาพมา”
รสิกาอ้ำอึ้ง
“ก็ไม่มีอะไรมาก...แค่...เขาเกือบตายเพราะฉัน”
หมวยตกใจ
“นั่นไง เล่ามาเลย ดีเทลเน้นๆ”
รสิกาพร้อมเล่า
เย็นนั้น สิริโสภาเดินเข้าในซอยที่ค่อนข้างเงียบไม่มีคนนัก คำพูดของวศินดังก้องในหัว
“เป็นแผนของราพณ์แน่ๆ ที่ให้รุ้งรายเอาเงินมาหลอกให้ผมเลิกกับคุณ”
สิริโสภานึกถึงตอนที่ได้ยิน รสิกาคุยกับกอบกู้
“ฮันนีมูนสนุกไหมครับ”
“ก็...”
“แต่ผมเดาว่าคุณหญิงคงมีความสุขไม่น้อย”
สิริโสภาชะงักไปนิดมองรสิกา
“อ้ายแสดงอะไรให้รู้สึกอย่างนั้นเหรอคะ” รสิกาเขิน
“คนมีความสุขไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่มีความสุข คนอื่นก็สัมผัสได้ ไม่ต้องแสดงให้เหนื่อยเลยครับ ผมยินดีด้วยจริงๆ ที่คุณราพณ์ทำให้คุณหญิงมีความสุข”
รสิกายิ้มไม่ปฏิเสธ...
สิริโสภาน้ำตาร่วงเจ็บแค้น เธอกรีดร้องแต่เอาผ้าอุดปากตัวเองไว้ น้ำตาร่วงเจ็บแค้น เก็บกด
หมวยตบโต๊ะปัง
“สุดยอด ฉันว่าคุณราพณ์ต้องมีใจกับแกแน่ๆ ไม่งั้นไม่ทุ่มขนาดนี้หรอก”
“ทำไมแกมั่นใจจัง”
“แกอย่าทำตัวเป็นพวกคลุกวงในสิ ออกมายืนวงนอกมองเข้าไป แล้วใช้สมองคิด ๆ” หมวยจิ้มที่ขมับเบาๆ “เขาจ่ายเงินช่วยแก น้องสาวเขาเอาเงินซื้อวศินเพื่อให้แกได้แต่งงานกับพี่ชายเขา แล้วนี่เขาเอาตัวปกป้องแกแบบไม่กลัวตาย ถ้าเขาไม่ได้มีใจเขาก็เป็นพวกมาโซคิสต์แล้ว ชอบความเจ็บปวดไร้เหตุผล ฉันว่าเขาชอบแก คอนเฟิร์ม”
รสิกาสับสนแต่ยังปากแข็งแบบไม่อยากเชื่อ
“แกเพ้อเจ้อแล้ว”
“อ่ะ ไอ้คุณหญิง...แกบอกฉันว่าเขาพูดใช่ไหมว่าเขาไม่ได้ให้แกแค่เงิน”
“อืม...แกรู้เหรอว่าเขาหมายถึงอะไร”
หมวยล้อเลียน
“ถ้าเป็นละครหลังข่าวนะ ไอ้พูดแบบนี้มันต้องต่อท้ายว่า” หมวยทำเสียงผู้ชายกวนใส่ “สิ่งที่ผมให้คุณไม่ใช่แค่เงิน...แต่เป็นหัวใจของผม”
รสิกาเขินทำหน้าไม่ถูก เสียงเตือนมีข้อความเข้าดังขึ้น รสิกากดโทรศัพท์เปิดเป็นภาพที่ราพณ์จับมือกับสุรีย์ส่อง รสิกาอึ้ง
“ฉันว่านะ...”
หมวยยังพูดไม่จบ รสิกาโกรธขัดขึ้นเสียงเข้ม
“พอได้แล้ว เขาไม่ได้ชอบฉันอย่างที่แกคิด”
หมวยงงที่เห็นรสิกาโกรธ
“แกรู้ได้ยังไง”
“ถ้าเขาชอบฉันเขาต้องไม่ทำแบบนี้”
รสิกาส่งโทรศัพท์ให้ หมวยงงรับโทรศัพท์มาดู
“หืม...นี่คุณราพณ์ สามีแกใช่ไหม กับผู้หญิง...เฮ้ย นี่มันยัยสุนี่ โหย...จับมือกันด้วยว่ะ สองคนนี้เขาช็อตกันเหรอแก”
รสิกาโกรธหึง
“ฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันรู้แต่ว่าเขาเป็นลูกศัตรู คนที่ทำร้ายท่านพ่อจนตาย”
รสิกาลุกออกไปเลย หมวยเหวอ
“อ้าว...เฮ้ย ไอ้คุณหญิง อะไรของมัน”
หมวยรีบตามออกไป
รุ้งรายขับรถเข้ามามองหารถปฐวี แล้วถอนใจเซ็ง
“ไม่มาเหรอเนี่ย”
เสียงมือถือรุ้งรายดัง เธอกดรับ
“ว่าไงเฮีย”
ในห้องรับแขกคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว...ราพณ์ยืนมองออกไปด้านนอก รอรสิกากลับบ้าน โดยคุยโทรศัพท์กับรุ้งรายไปด้วย
“วันนี้รุ้งเคลียร์เรื่องวศินใช่ไหม เรียบร้อยหรือเปล่า”
“เรียบร้อยแล้วเฮีย พวกหน้าเงินก็เอาเงินฟาด มียึกยักนิดหน่อย แต่รุ้งจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ก็ดีแล้ว”
“มีเวลาเป็นห่วงน้อง แสดงว่าคุณหญิงยังไม่กลับใช่ไหมเฮีย”
“ถึงคุณหญิงอยู่ เฮียก็เป็นห่วงน้องได้”
“ขอความจริง”
“ยังไม่กลับ”
รุ้งรายขำ
“คนหลงเมียตัวจริงนะเฮีย”
ราพณ์ทำเสียงแข็งแก้เขิน
“แล้วรุ้งอยู่ไหนกลับบ้านหรือยัง”
“แนะ...มีคุมประพฤติด้วย ไม่ต้องเขินหรอกน่าเฮีย รุ้งมาต่อยมวยคลายเครียดน่ะ”
“หมู่นี้ไปบ่อยมันมีอะไรน่าสนใจเหรอ”
“ไม่มีหรอกเฮีย แค่อยากแข็งแรง”
“อย่าดึกก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
รุ้งรายวางสายมองโทรศัพท์บ่น ๆ
“นั่นสิ ที่นี่มันมีอะไรดี”
รุ้งรายรู้อยู่แก่ใจว่ามาเพราะอยากเจอปฐวี เธอลงจากรถพอจะเดินเข้าก็เจอกับปฐวีที่เดินเข้ามาเหมือนกัน รุ้งรายชะงัก
“สวัสดีครับ” ปฐวียิ้มกวน ๆ
“ค่ะ”
ปฐวีเดินเข้าไปด้านในไม่ได้สนใจคุยต่อ รุ้งรายหมั่นไส้แต่แอบยิ้มนิด ๆ
ภายในค่ายมวย ปฐวีกำลังต่อยกับเทรนเนอร์ ส่วนรุ้งรายที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้ามาวอร์มเบาๆ ยืดเส้นยืดสาย แต่รู้สึกว่าสายตาตัวเองไม่วางจากปฐวี พอเขามองมาก็ทำเป็นหันไปเริ่มต่อยกระสอบทรายไม่สนใจ ปฐวีรู้สึกแปลก ๆ และพลอยมองรุ้งรายไปอย่างไม่รู้ตัว
ค่ำนั้น รามยังอยู่ในห้องทำงานบริษัทLK เขาพยายามอ่านเอกสารงานของฝ่ายบุคคลที่ผ่านมา แต่ความที่สมาธิจะไม่ค่อยมี เพราะคิดเร็วใจร้อนทำให้อ่านไม่รู้เรื่องทิ้งแฟ้มอย่างสุดเซ็ง รามมองออกไปด้านนอกเห็นว่ามืดแล้วมองเวลาแล้วรีบลุกออกไป
ปฐวีต่อยจนเหนื่อยเหงื่อโทรมจึงไปนั่งพัก รุ้งรายเอากระป๋องเครื่องดื่มวางข้าง ๆ ปฐวีมองอย่างแปลกใจ
“ตอบแทนที่คุณเคยช่วยฉัน”
รุ้งรายคว้ากระเป๋าเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอรู้สึกเคืองตัวเอง
“ทำอะไรลงไปเนี่ย”
รุ้งรายรีบเดินออกไป ปฐวีมองตามว่าเธอจะมาไม้ไหนแต่ก็หยิบกระป๋องเครื่องดื่มมาเปิดดื่ม
สิริโสภาอยู่ในร้านกาแฟวางเครื่องดื่มข้างหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภาพในจอเป็นภาพข่าวของราพณ์กับรสิกาภาพข่าวเก่า ๆ เธอดูซ้ำไปซ้ำมาเจ็บปวดแล้วปิดเครื่องลุกจะเดินออกจากร้าน รามเปิดประตูเดินสวนเข้ามาจังหวะที่สวนกันรามได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสิริโสภา รามรู้สึกว่าสิริโสภาคือคนที่ตัวเองตามหา เขาวิ่งตามไป
สิริโสภาออกมาหน้าร้านกาแฟ รามวิ่งตามมาคว้ามือไว้อย่างลืมตัว สิริโสภาสะบัดด้วยความตกใจ
“คุณจะทำอะไร”
“เอ่อ...ผมขอโทษ”
รามหยิบผ้าเช็ดหน้าของสิริโสภาออกมา
“คุณเป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ใช่ไหมครับ”
สิริโสภามองผ้าเช็ดหน้าอย่างจำได้
“ค่ะ”
สิริโสภารับมา รามดีใจที่ไม่ผิดคน
“ขอบคุณนะครับ สำหรับผ้าเช็ดหน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สิริโสภายิ้มตามมารยาทแล้วจะไป
“เดี๋ยวครับ คุณชื่ออะไรครับ”
สิริโสภาชะงักหันมองเห็นรามมองรู้ว่าเขาสนใจตัวเอง สิริโสภายิ้ม
“ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”
สิริโสภาพูดจบก็ไปเลยไม่รอให้รามพูดต่อ รามรู้สึกหลงรักสิริโสภาในทันที
รุ้งรายเดินออกมาด้านหน้าค่ายมวย กดเปิดรถกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ วศินเข้ามาจับขอบประตูไว้ รุ้งรายหันกลับมา เจอวศินฉีดสเปรย์ยาสลบเข้าหน้าเต็มๆ รุ้งรายสะบัดหลบทำให้โดนไปบางส่วน วศินต่อยท้อง รุ้งรายจุกไม่มีแรง
“ผมบอกแล้วว่าคุณจะต้องชดใช้”
รุ้งรายเบลอ ๆ ขัดขืนไม่ไหว วศินอุ้มรุ้งรายขึ้นรถของเธอแล้วขับออกไป
สามี ตอนที่ 6 (ต่อ)
วศินขับรถของรุ้งรายแล่นเข้ามาในซอยเปลี่ยว รุ้งรายนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ อาการรุ้งรายยังเบลอและเจ็บตรงส่วนที่ถูกต่อย
“แกคิด...จะทำอะไร”
“ก็ทำหน้าที่ผู้ชายบนเตียงของคุณให้สมบูรณ์ไง” วศินบอกแค้นๆ
รุ้งรายเห็นว่าข้างหน้าเป็นม่านรูด เธอตกใจพยายามตั้งสติ ฮึดสู้เข้าคว้าพวงมาลัยจนวศินต้องเหยียบเบรก รุ้งรายรวบรวมกำลังผลักวศินให้หัวกระแทกกระจกแล้วรีบเปิดล็อครถแล้วพุ่งลงจากรถทันที วศินที่ตั้งหลักได้รีบลงมาจากรถตามมาดึงรุ้งรายให้ลุกจะพากลับขึ้นรถ แต่เธอพยายามสู้สุดชีวิตทั้งปัดทั้งตบ พยายามจะตีเข่าใส่ วศินโมโหจัดการต่อยท้องซ้ำๆ อีกสองที รุ้งรายทรุดหมดแรง
“บนเตียงดี ๆ ไม่ชอบ”
วศินลากตัวรุ้งรายลงไปในพงหญ้าข้างทาง เธอพยายามดิ้นรนแต่ออกฤทธิ์ไม่ได้เพราะไม่ค่อยมีแรง
“ปล่อยฉันนะ ไอ้เลว”
วศินโถมตัวไม่ฟังพยายามจะซุกไซ้ รุ้งรายพยายามดิ้นหนีด้วยความขยะแขยง เธอตะโกนเท่าที่เสียงจะไหว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
วศินตบรุ้งรายให้เงียบแล้วพยายามจะข่มขืน จู่ๆ ก็มีมือมากระชากคอเสื้อ วศินที่ไม่ทันตั้งหลักโดนกระชากขึ้นมาต่อยคว่ำไป รุ้งรายหันมองเห็นเป็นปฐวี
“คุณปฐวี”
ปฐวีมองสภาพรุ้งรายที่หน้าเป็นรอยปากแตกแล้วอารมณ์โกรธพุ่ง
“ไอ้สารเลว”
ปฐวีตามเข้ามาต่อยวศินไม่นับ วศินเจอหมัดรัวทำได้แค่ปัดป้องแล้วพยายามจะพลิกตัวลุกแต่พอลุกก็โดนปฐวีเตะเข้าให้เหมือนกระสอบทราย วศินล้มคว่ำ ปฐวียังตามไปจะกระทืบซ้ำ วศินต้องตะเกียกตะกายรีบขึ้นรถขับหนีไป ปฐวีเห็นว่าวศินหนีไปแล้วก็รีบมาประคองรุ้งราย
“คุณรุ้ง เจ็บมากไหมครับ”
“คุณวี...ฉัน...”
“ลุกไหวไหม”
รุ้งรายพยายามฝืน ปฐวีช่วยประคองให้ลุกขึ้น
“ผมจะไปส่งนะครับ”
“ค่ะ...”
ปฐวีพารุ้งรายไปที่รถ
รสิกาขับรถเข้ามาที่หน้าตึกวังประกาศเกียรติ หมวยหิ้วของลงมาจากรถพะรุงพะรัง
“ไอ้คุณหญิงไหนแกบอกว่าจะไปส่งฉันที่บ้านไง ตั้งแต่ดื่มกาแฟเสร็จแกก็ลากฉันไปซื้อของแล้วยังออนทัวร์มานี่อีก ไม่คิดจะกลับบ้านไปหาสามีหรือไง”
“ฉัน...ไม่ได้มาเยี่ยมแม่นมตั้งหลายวัน ฉันคิดถึง”
“แกดึงเช็งใช่ไหม ยื้อเวลาไม่ยอมกลับบ้าน” หมวยมองอย่างจับผิด “แกกลัวจะเจอกับคุณราพณ์”
“ทำไมฉันต้องหลบหน้าเขาด้วย”
“ก็พอแกรู้ว่าเขามีใจให้แก แกก็เลยทำตัวไม่ถูกไง...”
“ไม่ใช่” รสิกาหลบตาหมวย
“ใช่...” หมวยมั่นใจมาก “เพราะถ้าไม่ใช่แกจะไม่หลบตาฉันแบบนี้ แกหวั่นไหวใช่ไหมคุณหญิง”
รสิกาหยิกสีข้าง
“เลิกคิดเองเออเองซะที”
“โอ้ย ๆ ”
ทันใดนั้นเสียง แม่นมดังขึ้น
“คุณหญิงคะ”
รสิกากับหมวยหันไป แม่นม ป้านวล ป้านาง บรรดาคนรับใช้ต่างพากันเฮออกมาหารสิกา
“คุณหญิงของป้า”
บรรดาคนรับใช้ต่างเข้ากอดรสิกาด้วยความคิดถึง
ป้านวลกับป้านางต่างเข้าประกบติดรสิกาพาเข้ามานั่ง ป้าคนอื่น ๆที่เหลือช่วยหมวยถือของเข้ามา แม่นมหันไปถาม
“ทำไมซื้อของมาเยอะขนาดนี้คะคุณหญิง”
“อ้ายไม่ได้มาหลายวัน แม่นมกับป้า ๆ คงลำบากนะคะ”
"ไม่ลำบากเลยค่ะ” ป้านวลบอก
ป้านางมองข้าวของ
“ซื้อมาเยอะขนาดนี้จะกินจะใช้กันทันได้ยังไงล่ะคะ ที่คุณราพณ์เอามาให้ก็ไม่น้อย นี่คุณหญิงยังซื้อมาเพิ่มอีก”
รสิกากับหมวยสะดุดหู
“คุณราพณ์น่ะเหรอคะเอาของมาให้” รสิกาแปลกใจ
แม่นมตอบแทน
“ใช่คะ คุณราพณ์เอาของมาให้ทุกสองวันเลยค่ะ ถ้าวันไหนติดธุระก็จะให้คุณนทีเอามาให้แทน”
“น่ารักมากเลยนะคะคุณราพณ์เนี่ย ไม่ถือเนื้อถือตัวเลย” ป้านวลชื่นชม
หมวยมองรสิการู้ว่าโดนใจ รสิกาเก็บอาการเปลี่ยนเรื่องจะยื่นซองค่าใช้จ่ายให้
“ค่าใช้จ่ายเดือนนี้ค่ะนม”
“คุณราพณ์ให้นมมาแล้วค่ะ ตั้งแต่คุณหญิงแต่งงานไปกับคุณราพณ์ค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงเงินเดือนของทุกคน คุณราพณ์จัดการดูแลให้ทั้งหมดค่ะ” แม่นมบอก
ป้านวลแปลกใจ
“คุณหญิงไม่ทราบเหรอคะ”
รสิกาอึ้งๆ
“เอ่อ...คุณราพณ์คงลืมบอกอ้ายน่ะค่ะ”
“แล้วคุณหญิงทราบเรื่องที่พวกป้าจะทำขนมขายไหมคะ” ป้านางถามขึ้น
รสิกาแปลกใจ
“ทำขนมเหรอคะ”
“แม่พวกนี้เขาอยากมีรายได้ นี่คิดจะออกไปหางานทำกัน แต่คุณราพณ์ห้ามไว้แล้วก็ออกความคิดให้ทำขนมขายแทน คุณราพณ์จะสนับสนุนเรื่องทุนให้ค่ะ” แม่นมอธิบาย
หมวยมองรสิกายิ่งอึ้งหนัก
แม่นมเดินออกมาส่งรสิกากับหมวยที่รถ รสิกากอดอ้อนแม่นมเต็มที่
“อ้ายขอโทษนะคะที่หายไปหลายวัน ต่อไปอ้ายจะแวะมาหานมบ่อย ๆนะคะ”
“ถ้างานยุ่งก็ไม่เป็นไรค่ะ นมไม่อยากให้คุณหญิงเหนื่อย แค่นมได้เห็นว่าคุณราพณ์รักและดูแลคุณหญิงเป็นอย่างดี นมก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ”
รสิกานิ่งไปนิดกับคำพูดของแม่นม หมวยแอบสังเกตท่าทีของรสิกา
รสิกาขับรถมาใจคิดถึงคำพูดของแม่นม
“แค่นมได้เห็นว่าคุณราพณ์รักและดูแลคุณหญิงเป็นอย่างดี นมก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ”
รสิกาทนไม่ไหวเบรกรถกะทันหัน หมวยตกใจ
“เอ๊ย เป็นอะไรของแก ไอ้คุณหญิง”
รสิกาดับเครื่องถอนใจแล้วเดินลงจากรถ ท่าทางกระวนกระวาย หมวยตามลงมามองอาการ
“แกไหวไหมเนี่ย”
“นี่เขาจะเอายังไงกับฉัน”
“ไอ้คุณหญิง แกใจเย็น ๆ นะ แกพูดเรื่องอะไร”
“เขามาทำดีกับฉัน ดูแลครอบครัวฉัน ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขา...”
“ชอบแก”
“แล้วเขาไปยุ่งกับสุรีย์ส่องเนี่ยนะ นี่เขาเป็นคนยังไงกันแน่”
“แกแคร์ด้วยเหรอว่าเขาจะเป็นคนยังไง”
“ฉัน...”
“เขามีผลกับแกใช่ไหม”
“ไม่...”
“ที่แกเดือดร้อนขนาดนี้เพราะเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงอื่น”
รสิกาจี้ใจดำเสียงแข็ง
“ไม่จริง”
“ยัยคุณหญิง” หมวยจ้องอย่างจริงจัง “แกหึง”
รสิกาตกใจจะหยิกหมวยกลบเกลื่อน แต่หมวยหลบอย่างว่องไว
“คิดใช้กำลังกลบเกลื่อนกับเพื่อน ไม่มีทาง ยอมรับมาเถอะว่าแกชอบคุณราพณ์”
“ไม่...ฉันไม่ได้ชอบเขา เขาก็คงไม่ต่างกับเจ้าสัว เจ้าสัวทำร้ายท่านพ่อจนตาย ความรู้สึกเดียวที่ฉันมีต่อเขาคือ เกลียด”
หมวยมองรสิกาอย่างเหนื่อยใจ
ปฐวีพารุ้งรายมาที่คอนโด เขาประคองเธอให้นั่งลง
“คุณดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“ก็ยังเจ็บนิดหน่อย มันต่อยไม่ยั้งมือเลย ขอบคุณนะคะที่คุณมาช่วยฉัน”
“สองครั้ง”
รุ้งรายงง
“ในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์คุณขอบคุณผมถึงสองครั้ง แต่ละครั้งไม่เคยเป็นเรื่องธรรมดาเลย ทั้งที่กรมที่ดิน แล้วก็วันนี้ ผมว่าถ้ายังมีครั้งต่อไป ผมว่าคุณควรจะจ้างบอดี้การ์ดได้แล้วนะ”
รุ้งรายยังปากดี
“ไม่จำเป็นฉันช่วยเหลือตัวเองได้”
ปฐวีมองยิ้มๆ เป็นคำถามว่า จริงเหรอ รุ้งรายเสียฟอร์ม
“วันนี้ฉันประมาทไปหน่อย แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
ปฐวียิ้มกับความฟอร์มจัดของรุ้งราย เขาเห็นรอยเลือดที่มุมปากของเธอจึงดึงกระดาษทิชชูมาซับให้ รุ้งรายชะงักไปนิดไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้มาก่อน เกิดความรู้สึกดีๆ กับปฐวีที่ค่อยๆ ซึมลึก
หมวยใช้สองมือจับต้นแขนรสิกาจ้องอย่างจริงจัง
“แกตั้งสติแล้วหายใจเข้าออกยาวๆนะ แกต้องรู้จักแยกแยะ อย่าทำเป็นหนังจีนเอะอะก็ใครฆ่าท่านพ่อ”
“ฉันไม่ตลกด้วยนะหมวย”
“คุณหญิงจ๊ะ แกกำลังเป็นแบบนั้นจริงๆ เอาเรื่องรุ่นพ่อมาผสมกับตัวเอง เจ้าสัวกับคุณราพณ์มันคนละคนกัน ถ้าไม่นับว่าเป็นลูกศัตรูเขาก็หน้าตาดี ฐานะดี หน้าที่การงานดี ผู้ชายเพอร์เฟ็คท์นะฉันว่า...”
“แต่พวกเขาเอาเงินซื้อฉันกับแม่ เขาดูถูกฉัน ดูถูกเกียรติยศของประกาศเกียรติ ผู้ชายแบบนี้...”
หมวยพูดลอย ๆ
“สติไปแล้วเพื่อนฉัน แกอย่าเสียเวลาสะกดจิตตัวเองเลย ถ้าคนมันเลวยังไงก็ต้องแสดงธาตุแท้ออกมา ฉันแนะนำให้แก จับผิด”
รสิกามองหมวยว่าหมายความว่ายังไง
“แกต้องคอยจับผิดคุณราพณ์ทุกฝีก้าว หาให้เจอเลยนะ” หมวยเสียงหนักแน่นขึ้น “ว่าเขาเลวเขาชั่วตรงไหนบ้าง”
รสิกาแย้งเบาๆ
“แกก็ใช้คำแรงไปมันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
หมวยรู้ทัน ล้อเลียน
“โอเค งั้นก็ดูว่าเขาบกพร่องตรงไหนบ้างน่ะจ๊ะ แต่เพื่อนแนะนำว่าให้วางอคติแล้วใช้ความเป็นธรรมนำทางยังมีอยู่บ้างใช่ไหมความเป็นธรรมน่ะ”
รสิกามองเคืองๆ
“ทำไมฉันต้องทำอย่างที่แกบอกด้วย”
หมวยทำเป็นหาวใส่
“ไม่ทำก็เรื่องของแก ดึกแล้วพรุ่งนี้ฉันต้องตื่นไปตลาดซื้อของให้ม๊าแต่เช้าไปส่งฉันเร็วๆ เข้า”
หมวยเดินมึน ๆ ขึ้นรถ รสิกามองหมั่นไส้ลีลาเยอะจริง
รสิกากลับเข้ามาในคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว...เธอเข้ามายืนที่หน้าห้องจะเปิดประตูแต่แค่เอื้อมมือจะจับลูกบิดก็ลังเลสับสนรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมจะเข้าก็ไม่กล้า เธอพยายามสูดลมหายใจเรียกความเข้มแข็งกลับมา พอตัดสินใจแต่ยังไม่ทันจะจับที่ประตูประตูก็ถูกเปิดออกซะก่อน เป็นราพณ์ที่เปิดออกมา พอเขาเห็นเธอก็ชักสีหน้าตำหนิใส่
“ทำไมคุณกลับดึกขนาดนี้”
รสิกาเห็นหน้าก็รวนใส่เลย
“ฉันจะกลับเร็วหรือกลับดึกก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ราพณ์พยายามไม่ให้รสิกาเบี่ยงประเด็น
“ถ้าคุณรู้ว่ามันดึกคุณก็ควรจะโทรมาบอกผม หรือบอกแม่ของคุณไว้”
“ฉันกลับดึกแล้วคุณจะเดือดร้อนอะไร”
“ก็ผมเป็นห่วงคุณ”
รสิกาชะงักไปนิดแต่สวนไปด้วยความไม่เชื่อ ยังโมโหค้างคาจากรูปที่เห็น
“คุณมีเวลาห่วงฉันด้วยเหรอ”
ราพณ์งงๆ
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ถ้าคุณคิดจะมีคนอื่น ก็เรื่องของคุณ แต่คุณควรจะสำนึกว่าฉันเป็นภรรยาคุณอยู่ คุณเป็นเจ้าหนี้...บังคับฉันได้ แต่อย่าทำลายเกียรติของฉัน ฉันไม่ยอม”
“ผมไม่เคยทำลายเกียรติของคุณ”
รสิกาลืมตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยื่นไปตรงหน้าเขา
“แล้วที่คุณทำนี่ยังเรียกว่าไม่ทำลายอีกเหรอ”
ราพณ์ดึงโทรศัพท์มาดูแปลกใจ
“คุณได้รูปนี้มาจากไหน”
“ฉัน...”
รสิกานึกได้ว่าเออลืมเรื่องนี้ไปเลยดึงโทรศัพท์กลับ มาเป็นเบอร์ใหม่ที่ไม่รู้จัก
“ฉันไม่รู้จักเบอร์นี้”
“ขอโทรศัพท์ให้ผม”
ราพณ์ลองโทรแต่เบอร์นี้ถูกปิดไปแล้ว
“มันโดนปิดไปแล้ว”
“มันเรื่องอะไรกัน”
“สุรีย์ส่องคงอยากให้คุณหญิงกับผมทะเลาะกัน เขาลงทุนจริง ๆ เซ็ทอัพหลอกล่อให้ผมไปถ่ายรูปแบบนี้ได้”
“สุรีย์ส่องจะทำเพื่ออะไร”
“ผมก็ไม่รู้ แต่...” ราพณ์มองรสิกาแบบยิ้มๆ “ต้องขอบคุณเขานะ เพราะเขาทำให้ผมได้เห็นว่าภรรยาผมขี้หึง”
รสิกาวางหน้าไม่ถูก
“อย่ามาเปลี่ยนประเด็น”
“ถ้าผมคิดจะยุ่งกับสุรีย์ส่องทำไมผมต้องลงทุน ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับคุณ”
รสิกาชะงักไป
“ผมต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่าคุณเป็นภรรยาผม เพราะสำหรับผมคุณสำคัญที่สุด ผม...”
ราพณ์กับรสิกาต่างคนต่างชะงักมองหน้ากันนิ่งไป ทั้งคู่เหมือนมีแรงดึงดูด รสิกาได้สติจะเดินเบี่ยงหลบด้วยความขัดเขิน แต่จังหวะที่จะก้าวเกิดขาพันกันจะล้มหน้าคว่ำลงพื้น แต่ราพณ์ไวกว่าใช้มือเข้ารวบเอวดึงขึ้นมาชิดตัวเอง ราพณ์มองรสิการู้สึกห้ามใจตัวเองไม่ได้ เขาก้มลงมาหอมแก้ม รสิกาพยายามจะดันให้เขาหยุด แต่ราพณ์ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว
“คุณหญิง...”
รสิกาขืนสุดชีวิต
“คุณราพณ์ อย่านะ คุณราพณ์”
ราพณ์ไม่ยอมหยุด รสิกาต้องผลักเขาเต็มแรง เธอโมโหตบหน้าเขา เพี๊ยะ
“หยาบคาย ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง มันก็กลบความเลวร้ายของคุณไม่ได้”
“ทำไมคุณถึงรังเกียจผมนัก ผมมันเลวมากใช่ไหมในสายตาคุณ”
“ใช่...คุณให้คุณรุ้งรายเอาเงินซื้อวศินให้เลิกกับฉัน คุณเอาเงินซื้อหม่อมแม่ ซื้อทุกอย่างที่คุณอยากซื้อ คุณกับเงินของคุณน่ารังเกียจที่สุด”
ราพณ์โกรธ
“ถ้าเงินผมมันไม่มีอำนาจ มันคงซื้อคุณหญิงมาเป็นภรรยาของผมไม่ได้”
“มันก็แค่สถานภาพในกระดาษหนึ่งใบ”
“ไม่ว่ายังไงตอนนี้ทุกคนก็ยอมรับว่าผมเป็นสามีของคุณหญิง”
“ก็แค่ฐานะทางสังคม แต่สำหรับฉันความหมายของคำว่าสามี มันมีคุณค่ามากเกินกว่าผู้ชายมักง่ายอย่างคุณจะได้รับมัน อย่างคุณก็เป็นได้แค่เจ้าหนี้ที่รังแกคนไม่มีทางสู้ ฉันเกลียดคุณ”
ราพณ์โมโหกระชากแขน รสิกาพยายามสะบัด
“ปล่อยฉัน” เธอสะบัดไม่หลุดจะตบ “ฉันบอกให้ปล่อย”
ราพณ์จับแขนทั้งสองข้างของรสิกาไว้
“ถ้าผมมันน่ารังเกียจนัก เจ้าหนี้อย่างผมก็จะทวงสิทธิ์ให้มันคุ้มค่าเงินที่ต้องเสียไป”
ราพณ์ตรงเข้าซุกไซ้ รสิกาดิ้น
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ราพณ์ปล่อยมือจากรสิกาแล้วรวบตัวเธอลงบนเตียง รสิกาโดนทับแต่ยังพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต เธอตัดสินใจใช้สองมือจิกที่แผลถูกแทงของเขา
“โอ้ย”
ราพณ์ปล่อยมือด้วยความเจ็บปวด รสิการีบลุกหนีออกมายืนห่างๆ ราพณ์ชะงักที่เห็นสภาพของรสิกาที่ผมยุ่ง รสิกาน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บช้ำ ราพณ์รู้สึกผิดแต่พอขยับ รสิกาก็เดินหนีเข้าห้องน้ำไป ราพณ์ชกผนังอย่างหัวเสีย
“ทำอะไรไปวะ”
ราพณ์มองไปทางห้องน้ำ รู้สึกผิดกับรสิกามาก ๆ
รสิกาเข้ามาในห้องน้ำ ร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ เธอนึกถึงคำพูดของแม่นม
“แค่นมได้เห็นว่าคุณราพณ์รักและดูแลคุณหญิงเป็นอย่างดี นมก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ”
รสิกาแค้นใจ
“เขาไม่ได้ดีอย่างที่นมคิด”
รสิกามองตัวเองในกระจกสายตาโกรธมาก
รสิกาล้างหน้าล้างตาออกมาจากห้องน้ำเห็นราพณ์ยืนมองออกไปด้านนอก เขาหันมา เธอหน้าตึงเชิดไม่ขยับ
“ผมจะไปนอนกับลูก”
ราพณ์เดินออกไปจากห้อง รสิกาหน้านิ่งไม่แคร์ไม่สนใจ
พระลบนอนหลับสนิท ราพณ์เข้ามาในห้องแล้วขยับขึ้นบนเตียงแล้วเข้ากอดพระลบถอนใจเครียด ๆ
“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะรักผม”
รสิกานอนอยู่ตามลำพัง มือแตะแก้มที่ถูกเขาหอม เธอสับสนที่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ รสิการู้สึกหงุดหงิดพยายามจะข่มตานอนให้หลับ เสียงมือถือดังขึ้น รสิกามองเบอร์ที่หน้าจอ
“วศิน”
รสิกากดวางสาย เสียงเรียกสายก็ดังขึ้นอีก รสิกาเห็นเป็นเบอร์วศินเธอตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล”
วศินที่กำลังเมามายอยู่ในผับพยายามตื้อรสิกา
“อ้าย...ผมขอโทษ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะอ้าย”
รสิกาฟังเสียงวศินรู้ว่าเมา
“มันเป็นไปไม่ได้แล้วค่ะ อย่าดื้ออีกเลยค่ะศิน”
“ผมโดนหลอก ไอ้ราพณ์กับรุ้งรายมันหลอกเรา มันทำลายความรักของเรานะอ้าย ผมรักอ้ายนะ อ้ายได้ยินไหม ผมรักอ้าย”
“วศินคะ...”
วศินไม่ฟัง
“ผมรักอ้าย...เชื่อผมนะอ้าย”
รสิกาเห็นว่าไม่มีสติ ไม่ฟังแน่
“ถ้าคุณเมาก็ไปพักเถอะค่ะ”
รสิกาตัดสินใจกดวางสายแต่วศินก็โทรมาใหม่ รสิกามองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด รำคาญเต็มทีแล้วตัดสินใจกดปิดเครื่องไปเลย วศินพยายามกดอีกแต่ไม่มีสัญญาณ
“โธ่เว้ย”
วศินยกแก้วขึ้นดื่มแล้วเขวี้ยงลงพื้นตามอารมณ์จนแก้วแตก น้ำแข็งไปโดนขาของนักเที่ยวที่มาเป็นกลุ่ม
“เฮ้ย”
นักเที่ยวมองหน้าวศิน
“มีปัญหาหรือไงวะ”
วศินมองหน้าอารมณ์ที่กรุ่น ๆ อยู่แล้วก็ปัดขวดหรือถังน้ำแข็งใส่อย่างกวนๆ มองท้าทาย นักเที่ยวโมโหต่อย วศินพยายามจะสู้แต่ความเมาทำให้เป็นฝ่ายถูกรุมกระทืบซะมากว่า
ร่างของวศินถูกโยนออกมาที่พื้นหน้าผับ กลุ่มนักเที่ยวเดินกลับเข้าไปอย่างไม่สนใจ วศินพยายามลุกขึ้นโซซัดโซเซจะเดินออกไปเป็นจังหวะเดียวกับที่สุรีย์ส่องขับรถเข้ามา สุรีย์ส่องตกใจที่เห็นคนเดินตัดหน้ารถ เธอเบรกรถสุดตัว เอี๊ยด ร่างของวศินเข่าอ่อนล้มลงไปกับพื้น สุรีย์ส่องเห็นคนนอนอยู่ที่พื้นหน้ารถก็ตกใจ
“บ้าจริง”
สุรีย์ส่องลงมาจากรถลงไปดู
“นี่คุณ”
วศินที่เมาขยับพลิกตัว สุรีย์ส่องอึ้งที่เห็นเป็นเขา รีบเข้าไปประคอง
“ศินคะ ศิน”
วศินพยายามมองหน้าสุรีย์ส่อง
“ใคร”
วศินเห็นภาพเบลอจากหน้าสุรีย์ส่องเป็นหน้ารสิกา
“อ้าย...อ้าย ผมโดนพวกมันหลอก อ้ายยกโทษให้ผมนะ”
สุรีย์ส่องสะดุดหู พนักงานผับเข้ามาหาสุรีย์ส่อง
“คุณครับ ช่วยขยับรถได้ไหมครับ รถคุณขวางทางอยู่น่ะครับ”
“ขอโทษที น้องช่วยพาเพื่อนพี่ขึ้นรถหน่อยสิ”
พนักงานช่วยสุรีย์ส่องพาวศินขึ้นนั่งข้างที่นั่งคนขับ สุรีย์ส่องขึ้นรถหันมองวศินแล้วยิ้มอย่างพอใจ
วศินนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน สุรีย์ส่องนั่งลงข้างๆ เอามือลูบใบหน้าไล่ลงมาเบาๆ ที่แผงอก วศินจับมือของสุรีย์ส่องไว้พยายามเขม้นตามอง
“อ้าย...ยกโทษให้ผมนะ”
วศินเข้ากอดซุกไซ้
“ไอ้ราพณ์กับรุ้งรายมันจงใจทำลายความรักเรา พวกมันหลอกผม”
สุรีย์ส่องดันวศินออกเบาๆ
“เขาหลอกอะไรคุณคะศิน”
“ผมบอกคุณไปทุกอย่างแล้วนะอ้าย”
สุรีย์ส่องใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก
“ทวนให้อ้ายฟังอีกครั้งนะคะ แล้วอ้ายจะตามใจคุณทุกอย่าง”
สุรีย์ส่องมองวศินอย่างรอคำตอบ
เช้าวันใหม่...รสิกานอนหลับอยู่บนเตียง ราพณ์เปิดประตูเข้ามาในห้องจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเห็นเธอหลับนิ่ง เขาเข้าไปใกล้ยืนมองทั้งรักทั้งน้อยใจ
“ผมไม่มีค่าสำหรับคุณเลยใช่ไหม”
ราพณ์ยื่นมือปัดผมที่ปรกแก้มของเธอ
“คุณหญิง...ผม...”
ราพณ์เห็นหน้าของรสิกาเกร็ง เขาชะงักรู้ว่าเธอตื่นแล้วแต่รอฟัง เขาไม่กล้าพูดตัดสินใจลุกไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป รสิกาลืมตามองตามอย่างเสียดายและสงสัยว่าเขาจะพูดว่าอะไร
ราพณ์ในชุดทำงานเดินออกมาที่รถเอากระเป๋าใส่ในรถแล้วรี ๆ รอ ๆ ยังไม่ขึ้นจนรสิกาเดินออกมา เธอชะงักที่เห็นเขา ราพณ์ยืนมองนิ่ง ต่างคนต่างนิ่งไม่ยอมขยับ รัตนาวลีกับแหวนที่ใส่บาตรเสร็จกลับเข้ามา แหววกระซิบ
“หม่อมขา พายุเข้าค่ะ”
รัตนาวลีมองราพณ์มองรสิกาที่เมินหน้าไปอีกทาง
“สายตาเปรี๊ยะ ๆ ใส่กัน เมื่อคืนต้องทะเลาะกันแน่เลยค่ะ” แหววสงสัย
รัตนาวลีมองดุ แหววที่เม้าท์เพลิน รีบปิดปากก้มหน้า
“คุณราพณ์ วันนี้ออกเช้าจังนะคะ” รัตนาวลียิ้มแย้มทักทาย
“วันนี้เป็นวันแรกน่ะครับ ผมจะไปดูความเรียบร้อยหน่อย”
รัตนาวลีเข้าใจว่าราพณ์กำลังจะไปที่วังดูเรื่องการขายขนม
“ค่ะ”
“ผมไปก่อนนะครับ”
ราพณ์ขึ้นรถขับออกไป รัตนาวลีเดินไปหารสิกาที่มองตามรถเขาไปยังไม่ขยับตัว
“อ้าย...ทำไมเมื่อคืนถึงกลับมาดึกนักล่ะลูก”
“อ้ายไปที่วังเยี่ยมแม่นมมาค่ะ หม่อมแม่รู้เรื่องที่วังทำขนมขายไหมคะ”
“รู้จ๊ะ”
รสิกาอึ้งไปนิดที่รัตนาวลีรู้เรื่องนี้ด้วย แหววเสนอหน้า
“ก็หม่อมเป็นทูตเจรจาให้พวกป้าๆ เข้าใจคุณราพณ์เองค่ะ”
“ถ้าเขาคิดจะทำอะไรกับคนที่วัง ก็ควรจะบอกอ้าย ไม่มีมารยาท”
รัตนาวลีพยายามสยบความร้อนของลูกสาว
“คุณราพณ์เห็นว่าอ้ายเจอแต่เรื่องยุ่งๆ มามากแล้ว ก็เลยขอว่าอย่าบอก”
“แต่อ้ายดูแลแม่นมกับทุกคนมาตลอด หรือเขาคิดว่าอ้ายไม่เอาไหนดูแลทุกคนได้ไม่ดี คิดว่าอ้ายดูแลทุกคนไม่ได้ใช่ไหมคะ หม่อมร่วมมือกับเขาทั้งที่เขากำลังดูถูกอ้าย ดูถูกประกาศเกียรติ”
รัตนาวลีมองรสิกา
“งั้นแม่จะให้ลูกลองตัดสินเอาเองว่า...มันใช่อย่างที่ลูกคิดไหม”
รสิกามองว่าหมายความว่ายังไง รัตนาวลียิ้มคิดจะชี้แนะรสิกาให้เห็นความจริงใจของราพณ์
จบตอนที่ 6